เรียนอังกฤษเบื้องต้น

Page 1

ซีดี MP3

ภาษาอังกฤษนับวันจะยิ่งมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลก

สำหรับฝกฟงสำเนียงเจาของภาษาใหคนุ เคย และฝกออกเสียงไดถกู ตองเหมือนเจาของภาษา

เรียนอั งกฤษ

ในยุคปจจุบนั นัน้ เปนยุคของเทคโนโลยีและการสือ่ สารทีไ่ รพรมแดน ภาษาอังกฤษจึงมีบทบาท และเปนสวนหนึง่ ในชีวติ ประจำวันไปโดยปริยาย โดยเฉพาะอยางยิง่ ในป พ.ศ. 2558 ซึง่ เปน ปแหงการกาวเขาสูป ระชาคมอาเซียน ภาษาอังกฤษจะถูกนำมาใชเปนภาษากลางในการติดตอ สือ่ สารระหวางกัน ถึงเวลาแลวทีเ่ ราทุกคนจะตองหันมาศึกษาภาษาอังกฤษอยางจริงจังตัง้ แต วันนี้ เราเชื่อมั่นวาทักษะภาษาอังกฤษนั้นสามารถฝกฝนและพัฒนาได เพียงแตหันมาใสใจ ในทุกๆ วันใหเสมือนวา ภาษาอังกฤษคือสวนหนึง่ ในชีวติ ประจำวันของเราทีไ่ ดสง่ั สมบมเพาะ จนเกิดความชำนาญและสามารถนำมาใชไดอยางคลองแคลว

“ถาคุณพรอม เราก็พรอมจะพาคุณ กาวเขาสูประชาคมอาเซียนไปดวยกัน”

English for Beginner

¾×é¹°Ò¹ÀÒÉÒÍѧ¡ÄÉ (Basic English)

ÍѴṋ¹´ŒÇÂà¹×éÍ

ทบทวนความรูเบื้องตนกอนเขาสูบทเรียนถัดไป

Ë

»Ù¾×é¹°Ò¹ Ò µÑé§áµèàÃÁÔè µŒ¹ ¨¹Ê¹·¹Òä ´Œ!!!

ª¹Ô´¢Í§¤Ó·Õè¤ÇÃÃÙŒã¹àº×éͧµŒ¹ (Part of Speech)

เรียนรูหนาที่ของคำชนิดตางๆ เพื่อนำไปสรางประโยค

ÇÔ¸ÕÊÌҧ»ÃÐâ¤àº×éͧµŒ¹ (Sentence Structure)

เรียนรูโครงสรางประโยคภาษาอังกฤษ ทั้งประโยคบอกเลา ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธ

12 ¡ÒÅ (12 Tenses)

เรียนรููโครงสรางและหลักการใชของแตละ Tense เพื่อนำไปใชไดอยางถูกตอง

! ! ¡¡ÄÄÉÉ § Ñ ¹ Œ § Ñ Í Í Ò Ò ¹ É É Ò à ¾¾×é¹×é¹°°ÒÒ¹¹ÀÀÒ

¡ÒÃà»ÃÕºà·Õº (Comparison)

เรียนรูการใช Adverb และ Adjective ในการเปรียบเทียบ

»ÃÐâ¤à§×èÍ¹ä¢ (Conditional Sentences)

§¤¤ÓÓ ªª¹¹Ô´Ô´¢¢Íͧ »ÃÃÐÐâ⤤ §§» ¡¡ÒÒÃÃÊÊÃÃŒÒŒÒ Ò¾¾×é¹×é¹°°ÒÒ¹¹ ¹Ò ºº··Êʹ¹··»¹»ÃÃÐШ¨ÓÓÇÇѹѹ ãã¹¹ªªÕÇÕÇÔµÔµ àÅ‹Á Â Ò Œ · § ¾ÃÍŒ Á!! ‹Í

เรียนรููโครงสรางประโยคเงื่อนไขแบบ If Clause และ Wish Form

º·Ê¹·¹Ò¾×鹰ҹ㹪ÕÇÔµ»ÃШÓÇѹ (Conversation)

ฝกสนทนาภาษาอังกฤษจากบทสนทนาพื้นฐานในชีวิตประจำวันและรูปประโยคพรอมใช ควบคูกับ CD MP3

¡ÃÔÂÒ 3 ª‹Í§ (Irregular Verbs)

เตร�ยมความพร อมทักษะภาษาอังกฤษ เพือ ่ ก าวเข าสู ประชาคมอาเซ�ยน ป 2558

าคาพเิ ศษ 3ร

หนงั สอื + MP

CD MP3

55, 57 ซอยพระรามที่ 3 ซอย 53 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท 0-2294-8777 (สายอัตโนมั ติ) โทรสาร 0-2294-8787 www.MISbook.com

ª ¡ÃÂÔ Ò 3

ÊÓËÃѺ½ƒ¡Ê¹·¹Ò ÀÒÉÒÍѧ¡ÄÉ ã¹ªÕÇÔµ»ÃШÓÇѹ

ผลิตโดย สำนักพิมพเอ็มไอเอส

เพ�อฟงเสียงใน MP3

9 786165 273664

เรียนอังกฤษเบือ้ งตน MP3 : 1 แผน ราคา : 120 บาท

สแกน QR Code

ISBN 978-616-527-366-4

เพียง

120.-



ISBN 978-616-527-366-4 ราคา 120 บาท สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดยส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส ห้ามน�ำส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือ เล่มนี้ไปลอกเลียนแบบ ท�ำส�ำเนา ถ่ายเอกสาร หรือน�ำไปเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายต่างๆ ไม่ว่าจะใน รูปแบบใดๆ นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางส�ำนักพิมพ์เท่านั้น ชื่อผลิตภัณฑ์และเครื่องหมายการค้าต่างๆ ที่อ้างถึงเป็นของบริษัทนั้นๆ e r t y u i o p l w

ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data เรียนอังกฤษเบื้องต้น.-- กรุงเทพฯ : เอ็มไอเอส, 2555. 336 หน้า. 1. ภาษาอังกฤษ--บทสนทนาและวลี. 2. ภาษาอังกฤษ--ต�ำราส�ำหรับชนต่างชาติ. 3. ภาษาอังกฤษ--การศึกษาและการสอน. I. ชื่อเรื่อง. 428.3495911 ISBN 978-616-527-366-4

e r t y u i o p l w

คณะผู้จัดท�ำ

บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ รองศาสตราจารย์สุนีย์ สินธุเดชะ เรียบเรียงเนื้อหา กองบรรณาธิการเอ็มไอเอส ออกแบบปก ภรณีย์ สนองผัน ออกแบบรูปเล่ม ศิรินทรา วัชรเดชสุวรรณ ภาพประกอบ เกรียงไกร นิลสอน พิสจู น์อกั ษร บุษกร กูห้ ลี, ประไพ ภูงามเชิง ประสานงานฝ่ายผลิต อิสรีย์ แจ่มข�ำ ประสานงานสือ่ สิง่ พิมพ์ บุษกร กู้หลี ฝ่ายการตลาด มยุรี ศรีมังคละ พิมพ์ที่ บริษัท พิมพ์ดี จ�ำกัด ผู้พิมพ์/ผู้โฆษณา เสริม พูนพนิช จัดพิมพ์โดย ส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส

55, 57 ซอยพระรามที่ 3 ซอย 53 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 0-2294-8777 (สายอัตโนมัติ) โทรสาร 0-2294-8787 www.MISbook.com

จัดจ�ำหน่ายโดย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ำกัด (มหาชน)

1858/87-90 ชั้น 19 อาคารทีซีไอเอฟ ทาวเวอร์ ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2739-8609 www.se-ed.com

หากหนังสือเล่มนี้ผลิตไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษสลับกัน หน้าซ�้ำ หน้าขาดหาย ส�ำนักพิมพ์ยินดีรับผิดชอบ เปลีย่ นให้ใหม่ โดยส่งมาเปลีย่ นตามทีอ่ ยูด่ า้ นบน หรือติดต่อส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส โทรศัพท์ 0-2294-8777 (สายอัตโนมัต)ิ


ค�ำน�ำ ภาษาอังกฤษนับวันจะยิ่งมีความส�ำคัญกับชีวิตประจ�ำวันของ เรามากขึน้ เรือ่ ยๆ ทัง้ นีเ้ พราะโลกในยุคปัจจุบนั นัน้ เป็นยุคของเทคโนโลยี และการสือ่ สารที่ไร้พรมแดน ภาษาอังกฤษจึงไม่ใช่เรือ่ งไกลตัวส�ำหรับใคร อีกต่อไป เพราะภาษาอังกฤษก�ำลังเข้ามามีบทบาทในชีวติ ประจ�ำวันของ เราทุกคนในทุกๆ บทบาทของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นปีแห่งการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ภาษาอังกฤษจะถูกน�ำมา ใช้เป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ไม่ว่าจะในแวดวงใด ก็ตาม ฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องหันมาศึกษาภาษาอังกฤษ อย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เราสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อ สื่อสารได้อย่างแคล่วคล่องและแม่นย�ำนั่นเอง สื่อการสอนชุด “เรียนอังกฤษเบื้องต้น” ชุดนี้ จะช่วยปู พื้นฐานทักษะด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เริ่มตั้งแต่ตัวอักษรภาษา อังกฤษ การออกเสียง ชนิดของค�ำที่ควรรู้ การสร้างประโยคเบื้องต้น Tense ทั้ง 12 Tenses ไปจนถึงทักษะการสนทนาที่ได้รวบรวมประโยค สนทนาพืน้ ฐานทีจ่ ำ� เป็นต้องใช้ในชีวติ ประจ�ำวัน ซึง่ เหมาะส�ำหรับผูท้ ี่ไม่มี พื้นฐานและผู้ที่ต้องการฟื้นฟูทักษะทางภาษาอังกฤษ เราเชือ่ มัน่ ว่า ทักษะภาษาอังกฤษนัน้ สามารถฝึกฝนและพัฒนา ได้ เพียงแต่เราหันมาใส่ใจภาษาอังกฤษในทุกๆ วันให้เสมือนว่า ภาษา อังกฤษคือส่วนหนึ่งในชีวิตประจ�ำวันของเราที่ได้ สั่งสมบ่มเพาะจนเกิดความช�ำนาญและสามารถน�ำ มาใช้ได้อย่างทันท่วงที Telephone

Telephone

“ถ้าคุณพร้อม เราก็พร้อมจะพาคุณก้าวเข้าสู่ ประชาคมอาเซียนไปด้วยกัน”

ส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส


สารบัญ บทที่ 1 พื้นฐานภาษาอังกฤษ (Basic English)

1 ตัวอักษรภาษาอังกฤษ (English Alphabets) 2 การออกเสียงพยัญชนะในภาษาอังกฤษ (Pronunciation Consonant) 4 การออกเสียงสระในภาษาอังกฤษ (Pronunciation Vowel) 6 จ�ำนวนนับ (Cardinal Number) 7 ล�ำดับที่ (Ordinal Number) 10 บทที่ 2 ชนิดของค�ำที่ควรรู้ในเบื้องต้น (Part of Speech) 12 ค�ำนาม (Noun) 13 ค�ำน�ำหน้านาม (Article) 25 ค�ำสรรพนาม (Pronoun) 27 ค�ำกริยาเบื้องต้น (Basic Verbs) 30 ค�ำคุณศัพท์ (Adjective) 36 ค�ำวิเศษณ์ (Adverb) 47 ค�ำบุพบท (Preposition) 53 ค�ำสันธาน (Conjunction) 69 ความสอดคล้องระหว่างประธานและกริยา (Agreements) 74 ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และตัวอักษรย่อ (Capitalizations and Abbreviations) 89 ความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ (Differences between American and British English) 103 บทที่ 3 วิธีสร้างประโยคเบื้องต้น (Sentence Structure) 113 โครงสร้างประโยคบอกเล่า 114 ประธานและกริยา (Subject and Verb) 114 กรรม (Object) 118 กรรมตรงและกรรมรอง (Direct Object and Indirect Object) 123 ส่วนเติมเต็ม (Complement) 125 โครงสร้างประโยคค�ำถาม 130 Yes-No Question 130 Wh-Question 142 โครงสร้างประโยคปฏิเสธ 163 QQ QQ QQ QQ QQ

QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ

QQ

QQ

QQ


บทที่ 4 12 กาล (12 Tenses) QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ

Present Simple Tense Present Continuous Tense Present Perfect Tense Present Perfect Continuous Tense Past Simple Tense Past Continuous Tense Past Perfect Tense Past Perfect Continuous Tense Future Simple Tense Future Continuous Tense Future Perfect Tense Future Perfect Continuous Tense

บทที่ 5 การเปรียบเทียบ (Comparison) QQ QQ

การเปรียบเทียบค�ำคุณศัพท์ (Comparison of Adjectives) การเปรียบเทียบค�ำวิเศษณ์ (Comparison of Adverbs)

บทที่ 6 ประโยคเงื่อนไข (Conditional Sentences) QQ QQ

ประโยคเงื่อนไขแบบ If Clause ประโยคเงื่อนไขแบบ Wish Form

บทที่ 7 บทสนทนาพื้นฐานในชีวิตประจ�ำวัน (Conversation)

167 170 175 182 190 196 201 206 210 215 220 225 228 233 236 244 254 255 265

268 การทักทาย (Greetings) 269 การแนะน�ำตนเอง (Introducing Yourself) 280 การแนะน�ำผู้อื่นให้รู้จักกัน (Introducing Each Other) 286 การกล่าวลา (Saying Goodbye) 292 การกล่าวแสดงความขอบคุณ (Saying Thank You) 298 การกล่าวค�ำขอโทษ (Apologizing) 304 การขออนุญาตและขอความช่วยเหลือ (Asking for Permission and Help) 312 กริยา 3 ช่อง (Irregular Verbs) 322 QQ QQ QQ QQ QQ QQ QQ


Unit 1 ne

Telepho

Telephone

พื้นฐานภาษา

อังกฤษ

Basic English

ก่อนที่จะเข้าสู่บทเรียนในหัวข้ออื่น ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ หรือผู้ที่ต้องการทบทวนความรู้เบื้องต้น ควรจะเริ่มศึกษาจากบทนี้ ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อเป็นพื้นฐานในบทต่อๆ ไป


ตัวอักษรภาษาอังกฤษ

(English Alphabets)

ตัวอักษรในภาษาอังกฤษ (English Alphabets) มี 26 ตัว โดยมี 2 ชนิด คือ ตัวพิมพ์และตัวเขียน ดังนี้ แบบตัวพิมพ์

Telephone

2

แบบตัวเขียน

ตัวใหญ่

ตัวเล็ก

ตัวใหญ่

ตัวเล็ก

A B C D E F G H I J K

a b c d e f g h i j k

A B C D E F G H I J K

a b c d e f g h i j k

Telephone

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น

ค�ำอ่าน

เอ บี ซี ดี อี เอฟ จี เอช ไอ เจ เค


แบบตัวพิมพ์

Telephone

แบบตัวเขียน

ตัวใหญ่

ตัวเล็ก

ตัวใหญ่

ตัวเล็ก

L M N O P Q R S T U V W X Y Z

l m n o p q r s t u v w x y z

L M N O P Q R S T U V W X Y Z

l m n o p q r s t u v w x y z

ค�ำอ่าน

แอล เอ็ม เอ็น โอ พี คิว อาร์ เอส ที ยู วี ดับเบิลยู เอ็กซ์ วาย แซด

Telephone

Unit 1 Basic English

3


Unit 2 hone

one

Telep

eph

Tel

ต้น

เบื้อง น ใ ้ ู ร ร ว ค ่ ี ท ำ � ชนิดของค

h c e e p S f o t r Pa

ขอต้อนรับสู่ก้าวแรกของการเริ่มต้นเขียนประโยคภาษาอังกฤษ อย่างง่ายๆ ส�ำหรับผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษมาบ้างแล้ว และพอจะรู้ ค�ำศัพท์นิดๆ หน่อยๆ หรือพอจะอ่านภาษาอังกฤษได้บ้าง บทนี้จะ ช่วยปูพื้นฐานความรู้ของคุณให้แน่นขึ้น สู่การสร้างประโยคที่ง่ายต่อ การเขียนและสื่อความได้เข้าใจ


ค�ำนาม

(Noun) ค�ำนาม คือ ค�ำที่ใช้เรียกสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เช่น คน สัตว์ พืช สิ่งของ และ สถานที่ ค�ำนามเป็นประเภทของค�ำทีม่ จี ำ� นวนมากทีส่ ดุ ในทุกๆ ภาษา ตัวอย่างเช่น คน

David (เดวิด)

John (จอห์น)

Kate (เคท)

Malee (มาลี)

man (ผู้ชาย) woman (ผู้หญิง) teacher (คุณครู) nurse (พยาบาล) father (พ่อ)

mother (แม่)

children (เด็กๆ)

friend (เพื่อน)

สัตว์และพืช

cat (แมว)

dog (สุนัข)

bird (นก)

fish (ปลา)

rat (หนู)

bee (ผึ้ง)

pig (หมู)

cow (วัว)

duck (เป็ด)

tree (ต้นไม้)

flower (ดอกไม้)

fruit (ผลไม้)

Unit 2 Part of Speech

13


สิ่งของ

book (หนังสือ)

pen (ปากกา)

bed (เตียง)

phone (โทรศัพท์)

television (โทรทัศน์)

radio (วิทยุ)

computer (คอมพิวเตอร์)

car (รถยนต์)

bag (กระเป๋า, ถุง)

desk (โต๊ะ)

pan (กระทะ)

ring (แหวน)

สถานที่

14

house (บ้าน)

school (โรงเรียน)

company (บริษัท)

station (สถานี)

zoo (สวนสัตว์)

room (ห้อง)

market (ตลาด)

sea (ทะเล)

park (สวนสาธารณะ)

museum (พิพิธภัณฑ์)

hospital (โรงพยาบาล)

restaurant (ร้านอาหาร)

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น


ตัวอย่างดังกล่าวเป็นค�ำนามทีเ่ ราจับต้องได้หรือทีเ่ รียกว่า ค�ำนามแบบรูปธรรม นั่นเอง ค�ำนามอีกประเภทหนึ่งคือ ค�ำนามที่จับต้องไม่ได้หรือที่เรียกว่า ค�ำนาม แบบนามธรรม โดยมากแล้วค�ำนามกลุ่มนี้มักจะลงท้ายด้วย KK

ity เช่น nationality (สัญชาติ)

KK

ment เช่น environment (สิ่งแวดล้อม)

KK

ness เช่น happiness (ความสุข)

KK

ation เช่น relation (ความสัมพันธ์)

KK

hood เช่น childhood (วัยเด็ก)

KK

ship เช่น friendship (มิตรภาพ)

Question tips

ชื่อสถานที่ อย่าง Amari Hotel หรือ SF Cinema ถือเป็นค�ำนามหรือเปล่าคะ

Answer tips

เป็นค่ะ เราเรียกว่าเป็น “ค�ำนามทีเ่ ป็น ชือ่ เฉพาะ” ไม่ใช่เพียงแค่ชอื่ คน และชือ่ สถานทีน่ ะคะ ชื่ออื่นๆ เช่น ชื่อภาพยนตร์ ชื่อหนังสือ ชื่อสะพาน หรือชื่อยี่ห้อ ก็เป็นค�ำนามค่ะ โดยค�ำนามที่เป็นชื่อ เฉพาะแบบนี้ จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ เสมอค่ะ Unit 2 Part of Speech

15


ค�ำนามนับได้และค�ำนามนับไม่ได้

(Countable Noun and Uncountable Noun) หลังจากที่เรารู้ว่าค�ำนามคืออะไรแล้ว สิ่งที่เราควรท�ำความรู้จักให้ดีเกี่ยวกับ ค�ำนามก่อนน�ำไปเขียนในประโยคคือ ประเภทของค�ำนามนั้นมีทั้งค�ำนามนับได้ และค�ำนามนับไม่ได้ ค�ำนามนับได้

oun) n le b a t n u o (C

ค�ำนามนับได้ (Countable noun) คือ ค�ำนามที่สามารถน�ำมานับได้ เช่น one book (หนังสือ 1 เล่ม) two houses (บ้าน 2 หลัง) three tables (โต๊ะ 3 ตัว) 16

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น


Unit 3 ne

Telepho

Telephone

วิธีสร้างประโ

ยคเบื้องต้น

(Sentence Struc

ture)

หลังจากทีเ่ ราได้ผา่ นการปูพนื้ ฐานกันมาแล้ว ในบทนีเ้ ราจะมาเริม่ สร้างประโยคกัน ถ้าพร้อมแล้วก็เดินหน้าต่อกันเลย!


โครงสร้างประโยคบอกเล่า ประธานและกริยา

(Subject and Verb) ประโยคภาษาอังกฤษนัน้ แค่ประกอบด้วยประธานและกริยาก็ถอื ว่าเป็นประโยค แล้ว ถ้าไม่เชื่อลองดูตัวอย่างนี้ I walk. (ฉันเดิน)

ในประโยคตัวอย่างนี้ ประธานของประโยคก็คือ สรรพนาม I และค�ำกริยาก็คือ walk จากนั้นต้องจบ ประโยคด้วยเครื่องหมายจุด หรือในภาษาอังกฤษ เรียกว่า full stop ด้วย

* ทุกครัง้ ทีข่ นึ้ ต้นประโยค เราจะต้องขึน้ ต้นด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ ยกเว้น สรรพนาม I ที่ไม่ว่าอยู่ตรงไหนในประโยคก็จะต้องใช้ตัวอักษรพิมพ์ ใหญ่เสมอ ทีนี้เรามาดูค�ำจ�ำกัดความของประธานและกริยาให้เข้าใจมากขึ้นกันอีกนิด ffประธาน หรือ Subject ffกริยา หรือ Verb

11 4

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น

คือ ผู้ที่กระท�ำกริยาในประโยค

คือ การกระท�ำที่ประธานท�ำในประโยค


ถ้าเข้าใจ 2 ส่วนนี้ เราก็จะได้สูตรในการเขียนรูปประโยคแรก คือ Subject + Verb

เราก็จะเขียนประโยคง่ายๆ ได้แล้ว เริ่มจากใช้สรรพนาม I เป็นประธานของ ประโยคและน�ำค�ำกริยามาใช้กันดู ตัวอย่างเช่น I sleep. (ฉันหลับ) I run. (ฉันวิ่ง) I yawn. (ฉันหาว) I cry. (ฉันร้องไห้) I plant. (ฉันปลูกต้นไม้) ทีนี้ถ้าเราเบื่อประธาน I และอยากเปลี่ยนมาใช้ประธานอื่นแทน เช่น he, she, a dog, a cat หรือ Natalie เราก็ต้องมาเรียนรู้กฎความสอดคล้องระหว่างประธาน และกริยากันก่อน ฟังดูอาจสับสน แต่รับรองว่าไม่ยาก ไปดูกันเลยค่ะ ffเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นในปัจจุบัน กฎความสอดคล้องของประธานและกริยาจะ

เป็นดังนี้

1. ประธานเอกพจน์ เช่น a dog, John, Jane หรือ Nicky และสรรพนาม ประธาน he, she, it ต้องตามด้วยค�ำกริยาที่เติม s หรือ es

Unit 3 Sentence Structure

11 5


2. ประธานพหูพจน์ เช่น two boys หรือ teachers และสรรพนามประธาน I, you, we, they จะตามด้วยค�ำกริยารูปปกติได้เลยโดยไม่ต้องเติม s หรือ es ลองทบทวนกฎ 2 ข้อนี้ให้เข้าใจ แล้วมาดูตัวอย่างกัน ตัวอย่างเช่น I cook. (ฉันท�ำอาหาร) ประธานคือ I กริยา cook ที่ตามมาจึงไม่ต้องเติม s You cook. (เธอท�ำอาหาร) ประธานคือ You กริยา cook ที่ตามมาจึงไม่ต้องเติม s We cook. (พวกเราท�ำอาหาร) ประธานคือ We กริยา cook ที่ตามมาจึงไม่ต้องเติม s They cook. (พวกเขาท�ำอาหาร) ประธานคือ They กริยา cook ที่ตามมาจึงไม่ต้องเติม s He cooks. (เขาท�ำอาหาร) ประธานคือ He กริยา cook ที่ตามมาจึงต้องเติม s เป็น cooks She cooks. (หล่อนท�ำอาหาร) ประธานคือ She กริยา cook ที่ตามมาจึงต้องเติม s เป็น cooks It cooks. (มันท�ำอาหาร) ประธานคือ It กริยา cook ที่ตามมาจึงต้องเติม s เป็น cooks

11 6

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น


Nicky cooks. (นิคกี้ท�ำอาหาร) ประธานคือ Nicky เป็นประธานเอกพจน์ กริยา cook ที่ตามมาจึงต้อง เติม s เป็น cooks Two women cook. (ผู้หญิง 2 คนท�ำอาหาร) ประธานคือ Two women เป็นประธานพหูพจน์ กริยา cook ที่ตามมาจึง ไม่ต้องเติม s Nicky and Jimmy cook. (นิคกี้และจิมมี่ท�ำอาหาร) ประธานคือ Nicky and Jimmy เป็นประธานพหูพจน์ กริยา cook ที่ตาม มาจึงไม่ต้องเติม s

Unit 3 Sentence Structure

11 7


Unit 4 ne

Telepho

Telephone

12 กาล

12 Tenses เมื่อกล่าวถึง Tense หลายคนคงอยากจะข้ามเรื่องนี้ไปทันที เนื่องจากในภาษาอังกฤษมีหลาย Tense และยังมีหลักการใช้ที่ แตกต่างกัน แต่คงจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปส�ำหรับการเรียนรู้และ เข้าใจในหลักการใช้ของแต่ละ Tense แล้วจะพบว่า Tense นั้น ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และอาจจะง่ายกว่าไวยากรณ์เรื่องอื่นอีกด้วย


12 กาล

(12 Tenses) เมือ่ ลองเทียบกับภาษาไทย จะสามารถแบ่ง Tense ออกเป็น 3 กลุม่ ใหญ่ๆ คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ในแต่ละกลุ่มก็จะมีวิธีการใช้ต่างกันไป ลองพิจารณา จากประโยคดังต่อไปนี้ I drink some milk every morning. (ฉันดื่มนมทุกเช้า) I drank some milk yesterday. (ฉันดื่มนมไปเมื่อวาน) I will drink some milk tomorrow. (ฉันจะดื่มนมในวันพรุ่งนี้) จะเห็นว่าประโยคเหล่านี้ มีทั้งรูปอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยสิ่งที่เปลี่ยนไป หลักๆ ในแต่ละประโยค ก็คือ Verb (ค�ำกริยา) และ Adverb of Time (ค�ำวิเศษณ์ บอกเวลา) ซึ่ง 2 ส่วนนี้จะเปลี่ยนไปตามแต่ละช่วงเวลาที่เกิดการกระท�ำขึ้น

16 8

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น


Tense คือ กาล หมายถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ตาม แต่สงิ่ ทีเ่ ราจะพูดถึง Tense ในภาษาอังกฤษแบ่งเป็นกลุม่ ใหญ่ๆ 3 กลุ่ม ได้แก่

Future

Present

(ปัจจุบัน)

(อนาคต)

Past

(อดีต)

ในแต่ละกลุ่มจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่

Present ปัจจุบัน

Present Simple Present Continuous Present Perfect Present Perfect Continuous

Past

Past Simple Past Continuous Past Perfect Past Perfect Continuous

Future

Future Simple Future Continuous Future Perfect Future Perfect Continuous

อดีต

อนาคต

Unit 4 12 Tenses

16 9


Present Simple Tense

Subject + V.1

โครงสร้าง

Primary Auxiliary Verb

Subject Pronoun

V. to be

V. to do

V. to have

I

am

do

have

look

You

are

do

have

look

We

are

do

have

look

They

are

do

have

look

He

is

does

has

looks

She

is

does

has

looks

It

is

does

has

looks

Main Verb

* Primary Auxiliary Verb ได้แก่ V. to be, V. to do และ V. to have

17 0

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น


กฎการผันกริยาของ Present Simple Tense กริยาช่วยจะเป็นไปตามตารางที่ ให้ไว้ ส่วนกริยาแท้จะเป็นกริยาช่องที่ 1 ซึ่งจะต้องเติม -s หรือ -es เมื่อประธาน ของประโยคเป็นประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 ตัวอย่างเช่น I do my homework every night. (ฉันท�ำการบ้านทุกคืน) You look smart. (คุณดูดีจัง) She looks very beautiful. (หล่อนดูสวยมาก) We always have lunch at noon. (พวกเราทานข้าวกลางวันกันตอนเที่ยงเสมอ) Peter always has lunch at 1 o’clock. (ปีเตอร์ทานข้าวกลางวันตอนบ่ายโมงเสมอ) They usually hand on the report on the time. (พวกเขามักจะส่งรายงานตรงเวลาเป็นปกติ) He often listens to jazz. (เขาฟังดนตรีแจ๊ซบ่อยๆ) She rarely goes shopping. (หล่อนไปชอปปิ้งนานๆ ครั้ง) It is very cold in winter. (มันหนาวมากเลยในฤดูหนาว) Unit 4 12 Tenses

17 1


Unit 5 ne

Telepho

Telephone

การเปรียบเท

ียบ

Comparison

จากที่ได้เรียนรู้และท�ำความเข้าใจกับ Adverb และ Adjective กันไป แล้ว ในบทนี้จะพูดถึงเรื่องการเปรียบเทียบค�ำทั้งสองประเภทนี้กันบ้าง การเปรียบเทียบค�ำทั้งสองประเภทนี้ใช้กฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างจะคล้ายกัน แต่ไม่ต้องกลัวจะสับสน เพราะสิ่งที่ต้องท�ำก็แค่จ�ำหน้าที่ของค�ำทั้งสอง ประเภทไว้ว่า “Adverb ใช้ขยาย Verb ส่วน Adjective ใช้ขยาย Noun”


การเปรียบเทียบ

(Comparison)

สิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้ล้วนแตกต่างกัน การเปรียบเทียบจะช่วยให้ผู้รับสารเห็น ภาพได้ชัดเจนขึ้น ว่าสิ่งสิ่งนั้นมีลักษณะมาก-น้อย เท่าเทียม หรือแตกต่างจาก สิ่งอีกสิ่งหนึ่งอย่างไร ตัวอย่างเช่น Mary is tall. (แมรี่ตัวสูง) Mary is taller than Kate. (แมรี่ตัวสูงกว่าเคท) Mary is the tallest girl in her class. (แมรี่เป็นเด็กผู้หญิงที่สูงที่สุดในชั้นเรียน) ประโยคทีย่ กตัวอย่างข้างต้นคือการเปรียบเทียบ Adjective ส่วนการเปรียบเทียบ Adverb นั้น ก็มีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกันคือ เพื่อบ่งบอกว่าการกระท�ำนั้นเกิด มาก-น้อย เท่าเทียมหรือแตกต่างกันอย่างไร ตัวอย่างเช่น

23 4

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น


You must try hard to get straight A’s this semester. (เธอต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เกรดเอทุกวิชาในภาคเรียนนี้) You must try harder to get straight A’s this semester. (เธอต้องพยายามให้หนักกว่านี้เพื่อให้ได้เกรดเอทุกวิชาในภาคเรียนนี้) You must try (the) hardest to get straight A’s this semester. (เธอต้องพยายามอย่างหนักที่สุดเพื่อให้ได้เกรดเอทุกวิชาในภาคเรียนนี้) Comparison คือ การเปรียบเทียบของค�ำคุณศัพท์ (Adjective) และค�ำวิเศษณ์ (Adverb) นั่นเอง ffขั้นของการเปรียบเทียบ มีอยู่ 3 ขั้นดังนี้

ขั้นกว่า

ขั้นสูงสุด

small

smaller

the smallest

near

nearer

the nearest

expensive

more expensive

the most expensive

beautiful

less beautiful

the least beautiful

ขั้นปกติ

(Positive degree)

(Comparative degree) (Superlative degree)

Unit 5 Comparison

23 5


Unit 6 hone

one

Telep

eph

Tel

ไข

ื่อน ประโยคเง

s e c n e t n e S l Conditiona ประโยคเงื่อนไขในภาษาอังกฤษ จะเรียกว่า Conditional Sentences ซึ่งมีวิธีการใช้แยกเป็นสัดส่วนเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจและการน�ำไปใช้


ประโยคเงื่อนไข

(Conditional Sentences) Conditional Sentences คือประโยคเงื่อนไข มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทคือ KKแบบ

If clause

KKแบบ

ประโยคเงื่อนไขแบบ If

Wish form

Clause

ประโยคเงื่อนไขแบบ If clause มีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นเงื่อนไข (Condition) และส่วนที่แสดงผลของเงื่อนไข (Result) ตัวอย่างเช่น If it rains, I will not go to school. (ถ้าฝนตก ฉันจะไม่ไปโรงเรียน) ส่วนที่เป็นเงื่อนไขคือ ถ้าฝนตก ส่วนสิ่งที่เป็นผลของเงื่อนไขคือ ฉันจะ ไม่ไปโรงเรียน

Unit 5 Conditional Sentences

25 5


If clause แบ่งเป็น 3 แบบ ดังนี้ f

ff

1. Future Possible

KK

คือเงื่อนไขที่บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ในอนาคต เราใช้ If clause แบบนี้เมื่อ ต้องการพูดถึงผลที่จะเกิดในอนาคต เมื่อเงื่อนไขในปัจจุบันเป็นไปอย่างที่วางไว้ โดยความเป็นไปได้ของผลที่จะเกิดขึ้นนั้นมีอยู่มาก มีโครงสร้างดังนี้ โครงสร้าง

If

,

Result

.

Condition

ใช้รูปประโยค Present Simple Tense (S + V.1)

, (comma)

ถ้าขึ้นต้นด้วยประโยค condition จะต้องมี , คั่นระหว่าง condition และ result

Result

ใช้รูปประโยค Future Simple Tense (S + will + V. infinitive)

25 6

Condition

เ รี ย น อั งก ฤ ษ เ บื้ อ ง ต้ น



ซีดี MP3

ภาษาอังกฤษนับวันจะยิ่งมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลก

สำหรับฝกฟงสำเนียงเจาของภาษาใหคนุ เคย และฝกออกเสียงไดถกู ตองเหมือนเจาของภาษา

เรียนอั งกฤษ

ในยุคปจจุบนั นัน้ เปนยุคของเทคโนโลยีและการสือ่ สารทีไ่ รพรมแดน ภาษาอังกฤษจึงมีบทบาท และเปนสวนหนึง่ ในชีวติ ประจำวันไปโดยปริยาย โดยเฉพาะอยางยิง่ ในป พ.ศ. 2558 ซึง่ เปน ปแหงการกาวเขาสูป ระชาคมอาเซียน ภาษาอังกฤษจะถูกนำมาใชเปนภาษากลางในการติดตอ สือ่ สารระหวางกัน ถึงเวลาแลวทีเ่ ราทุกคนจะตองหันมาศึกษาภาษาอังกฤษอยางจริงจังตัง้ แต วันนี้ เราเชื่อมั่นวาทักษะภาษาอังกฤษนั้นสามารถฝกฝนและพัฒนาได เพียงแตหันมาใสใจ ในทุกๆ วันใหเสมือนวา ภาษาอังกฤษคือสวนหนึง่ ในชีวติ ประจำวันของเราทีไ่ ดสง่ั สมบมเพาะ จนเกิดความชำนาญและสามารถนำมาใชไดอยางคลองแคลว

“ถาคุณพรอม เราก็พรอมจะพาคุณ กาวเขาสูประชาคมอาเซียนไปดวยกัน”

English for Beginner

¾×é¹°Ò¹ÀÒÉÒÍѧ¡ÄÉ (Basic English)

ÍѴṋ¹´ŒÇÂà¹×éÍ

ทบทวนความรูเบื้องตนกอนเขาสูบทเรียนถัดไป

Ë

»Ù¾×é¹°Ò¹ Ò µÑé§áµèàÃÁÔè µŒ¹ ¨¹Ê¹·¹Òä ´Œ!!!

ª¹Ô´¢Í§¤Ó·Õè¤ÇÃÃÙŒã¹àº×éͧµŒ¹ (Part of Speech)

เรียนรูหนาที่ของคำชนิดตางๆ เพื่อนำไปสรางประโยค

ÇÔ¸ÕÊÌҧ»ÃÐâ¤àº×éͧµŒ¹ (Sentence Structure)

เรียนรูโครงสรางประโยคภาษาอังกฤษ ทั้งประโยคบอกเลา ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธ

12 ¡ÒÅ (12 Tenses)

เรียนรููโครงสรางและหลักการใชของแตละ Tense เพื่อนำไปใชไดอยางถูกตอง

! ! ¡¡ÄÄÉÉ § Ñ ¹ Œ § Ñ Í Í Ò Ò ¹ É É Ò à ¾¾×é¹×é¹°°ÒÒ¹¹ÀÀÒ

¡ÒÃà»ÃÕºà·Õº (Comparison)

เรียนรูการใช Adverb และ Adjective ในการเปรียบเทียบ

»ÃÐâ¤à§×èÍ¹ä¢ (Conditional Sentences)

§¤¤ÓÓ ªª¹¹Ô´Ô´¢¢Íͧ »ÃÃÐÐâ⤤ §§» ¡¡ÒÒÃÃÊÊÃÃŒÒŒÒ Ò¾¾×é¹×é¹°°ÒÒ¹¹ ¹Ò ºº··Êʹ¹··»¹»ÃÃÐШ¨ÓÓÇÇѹѹ ãã¹¹ªªÕÇÕÇÔµÔµ àÅ‹Á Â Ò Œ · § ¾ÃÍŒ Á!! ‹Í

เรียนรููโครงสรางประโยคเงื่อนไขแบบ If Clause และ Wish Form

º·Ê¹·¹Ò¾×鹰ҹ㹪ÕÇÔµ»ÃШÓÇѹ (Conversation)

ฝกสนทนาภาษาอังกฤษจากบทสนทนาพื้นฐานในชีวิตประจำวันและรูปประโยคพรอมใช ควบคูกับ CD MP3

¡ÃÔÂÒ 3 ª‹Í§ (Irregular Verbs)

เตร�ยมความพร อมทักษะภาษาอังกฤษ เพือ ่ ก าวเข าสู ประชาคมอาเซ�ยน ป 2558

าคาพเิ ศษ 3ร

หนงั สอื + MP

CD MP3

55, 57 ซอยพระรามที่ 3 ซอย 53 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท 0-2294-8777 (สายอัตโนมั ติ) โทรสาร 0-2294-8787 www.MISbook.com

ª ¡ÃÂÔ Ò 3

ÊÓËÃѺ½ƒ¡Ê¹·¹Ò ÀÒÉÒÍѧ¡ÄÉ ã¹ªÕÇÔµ»ÃШÓÇѹ

ผลิตโดย สำนักพิมพเอ็มไอเอส

เพ�อฟงเสียงใน MP3

9 786165 273664

เรียนอังกฤษเบือ้ งตน MP3 : 1 แผน ราคา : 120 บาท

สแกน QR Code

ISBN 978-616-527-366-4

เพียง

120.-


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.