จุลสารมรสุมวรรณกรรม* ลาดับที่ 3 # There is no authority but yourself กองบรรณาธิการ :
ชัชชล อัจนากิตติ ภาคิน นิมมานนรวงศ์ อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
ศิลปกรรมและรูปเล่ม : มรสุมวรรณกรรม ภาพปก : มรสุมวรรณกรรม
*มรสุมวรรณกรรม คือ คนกลุ่มเล็ก ๆ ที่โดยสารชะตากรรมของตัวละครในนิยายสักตัวที่เขาและ เธอหลงใหล เทียวท่องมหาสมุทรมิคานึงใกล้ไกล เพื่อท้ายที่สุดยืนยันแก่กันและกันว่าท้องทะเลมิ อาจขับไสคลื่นลมแม้มรสุมกาลังจะมา... ร่วมพูดคุยและส่งผลงาน : morrasum_group@hotmail.com facebook: มรสุมวรรณกรรม
บทบรรณาธิการ “ผู้มีอำนำจทุกแขนง โดยเฉพำะอำนำจทำงควำมคิดและควำมรู้ ล้วนเป็นอันตรำยและชั่วร้ำยอย่ำงยิ่ง ผู้นำทำลำยล้ำงสำวก และสำวกก็ทำลำยผู้นำ ท่ำนจงเป็นอำจำรย์ของตนเองและเป็นศิษย์ของตนเองด้วย ท่ำนจงตั้งคำถำมกับทุกสิ่งที่มนุษย์ยอมรับนับถือว่ำมีค่ำ ว่ำเป็นสิ่งอันขำดมิได้”- กฤษณมูรติ
แรงขับดันอันพลุ่งพล่านเมื่อครั้งกองบรรณาธิการสองสามชีวิต ระดมสมองและสัมปชัญญะ เท่าที่มีช่วยกันคิดธีมสาหรับจุลสารเล่มที่สาม ได้มอดดับไปเสียจนถ้าไม่บอกกล่าวกันเสียก่อนก็ไม่ อาจรู้ว่าเคยมีอยู่ เวลาหนึง่ ปีกว่าๆ กับจุลสารขนาดสักสี่สิบหน้า เรียกได้ว่า ช้าสัดๆ และตัวบรรณาธิการเอง ก็สานึกต่อความเชื่องช้าของตนดี จึงไม่ขอพูดพร่าไปกว่านี้ เพียงแต่เกริ่นนาเสียหน่อยว่าหัวใจหลัก ของมรสุมฯ ฉบับนี้ ก็เป็นไปตามถ้อยคาที่สลักไว้ข้างต้นนั่นแหละว่า “There is no authority but yourself” ยืนยันได้ว่านั่นมิใช่ประโยคคาถามและไม่ใช่ประโยคคาสั่ง ทว่าหากท่านผู้อ่านเกิดนึก สงสัยอยู่บ้างว่า แล้วยังไงต่อ ก็เชิญครุ่นคิดกันเพลินๆ จับพลัดจับผลูอาจพบว่าจุลสารฉบับนี้มีสาระ อยู่บ้าง แม้นั่นไม่ใช่ความต้องการของเราสักนิดสักน้อยก็เถอะ บ.ก.
เรื่องสั้น นักเขียนบนดาวไม่มีใคร
Dead Lady
ฉันเดินไปพบศพนอนตายอยู่ข้างถนนฉันจึงอุ้มเธอขึ้นมาแล้วพากลับบ้าน แต่ฉันไม่รู้ว่า ความตายคื อ อะไร จึ ง น าอาหารมาให้ เ ธอสามเวลา ทั้ ง เสื้ อ ผ้ า ก็ ซื้ อ มาสวมให้ ไ ม่ ไ ด้ ข าด ฉันตกหลุมรักเธอแม้เธอจะไม่สวยงามเหมือนวันแรกๆ แต่ทุกครั้งที่ดวงตาว่างเปล่านั้นมองข้าม ฉันไป ดวงใจของฉันปวดร้าวราวกั บถูกมี ดกรีด จนเลื อดหลั่ งออกมา วั นหนึ่ง เธอได้กลายเป็ น โครงกระดู ก ฉั น จึ ง ได้ รู้ ว่ า ความตายคื อ อะไร ฉั น น ากระดู ก ของเธอใส่ ถุ ง พลาสติ ก สีดาใหญ่ แล้วนาไปทิ้งที่กองขยะ ฉันหลงลืมเธอไปในเวลาอันรวดเร็วราวกับว่าเธอนั้นเป็นเพียงลม ที่พัดผ่าน
พังค์พินาศ: อานาจในมือเรา! ชัชชล คนทวย
This is A CHORD… ไอ้ เหี้ ย หลั ง จากเพลงของ Black Flag กระแทกรูหูกูซ้าแล้วซ้้าเล่า กูนึกถึง สมัยที่พวกเราเรียน ม.ปลายขึ้นมาจับจิต มั น เป็ น อดี ต ที่ ไ ม่ เ คยพร่ า เลื อ นไปจาก ความทรงจ้ากูเลย มึงกับกูกับไอ้เหี้ยหมีอีก คน วัน ๆ แม่ งไม่ท้าอะไร เอาแต่ฟั งเพลง หนักกะโหลก ท้าท่าทางพิลึกพิลั่น บางครั้ง ก็ โ ยกหั ว อย่ า งกั บ จะให้ มั น หล่ น ลงมาจู บ นิ้ ว โป้ ง ตี น ตอนนั้ น เราก็ ค งเหมื อ นวั ย รุ่ น ทั่ ว ไปที่ แ ม่ ง อยากมี ที่ ท าง อยากมี ตั ว ตน ถ้าเปรียบกับหมาก็คงเหมือนกับก้าลังหา เสาไฟฟ้าสักต้นไว้เยี่ยวรดซ้้าแล้วซ้้าเล่า แต่ แ ท น ที่ จ ะ เ ป็ น เ ส า ไ ฟ ฟ้ า สั ก ต้ น เรากลั บ เจอบรรดาภู ต ผี ปี ศ าจจากอเวจี หรื อ ไม่ ก็ ไ อ้โ รคจิ ต ข้ างถนน เฝ้า น้ าสาส์ น แห่งความตายและเลือดหนองมาช้าเราโสต ประสาท จนเราคล้ า ยจะเสี ย สติ กันไปหมด ไอ้ เหี้ ย แล้ ว พวกเราก็ ตั้ ง วงดนตรี กันจนได้ มันเป็นวงแบล็คคลั่งๆ วงหนึ่ ง แ ต่ จ น แ ล้ ว จ น ร อ ด เ ร า ก็ ไ ด้ แ ต่ ซ้ อ ม Freezing Moon ของ Mayhem อ ยู่ เ พ ล ง เ ดี ย ว ไ ม่ รู้ เ ป็ น เ หี้ ย อ ะ ไ ร พอกู ม องย้ อ นกลั บ ไปดู จ ากตอนนี้ แม่ ง จริ งๆ พวกเราไม่ใช่ส ายแบล็ค ในสัน ดาน เ ล ย เ ร า เ ป็ น พ ว ก จิ ต ห ลุ ด ม า ก ก ว่ า มึ ง จ้ า ได้ ไ หม ท้ า ยที่ สุ ด พวก เราเลย
ลงเอยกั บ การตั้ ง วง กอร์ ด ะ บ้ า ๆ บอๆ แล้วให้ไอ้เหี้ยเมาขึ้นไปส้ารากขากถุ ยอะไร สั ก อย่ า งให้ เ ด็ ก ๆ ฟั ง กู จ้ า ได้ แ ม่ น เลยว่ า หลั ง จากลงจากเวที ไอ้ เ หี้ ย แบ๊ ว ที่ แ ม่ ง ดู อ ยู่ เดิ น มาบอกว่ า เราเล่ น มั น ส์ ม าก ทั้งๆ ที่เสียงลากไส้ที่เราประเคนออกไป ทั้งหมดนั้นมันมั่วชัดๆ ไอ้เหี้ย มึงคงสงสัยว่า Black Flag แ ม่ ง ไ ม่ เ กี่ ย ว เ หี้ ย ไ ร กั บ แ ว ด ว ง เมทั ล เลย แต่ ท้ า ไมกลั บ ท้ า ให้ กู ย้ อ น ความทรงจ้าไปถึงวันนั้นได้ เพราะกูจ้าได้ ว่ า มึ ง เคยบอกว่ า ตอนนี้ มึ ง ฟั ง ฮาร์ ด คอร์ พังค์ ’80 อยู่ โคตรมันส์บรมเลย กูเลยให้ มึงลองบอกชื่อพวกแม่งมาให้กูสักวง เอาที่ แม่งเด็ด ๆ มึงบอกกูว่า Black Flag แต่กูก็ จนปั ญ ญาที่ จ ะหาพวกแม่ ง มาฟั ง เพราะ ตอนนั้นกูยังห่างไกลจากเทคโนโลยี ไอ้สัส ตอนนั้นกูยังฟังเทป!
THIS IS ANOther… ไอ้เหี้ย จนเราต่างคนต่างแยกย้าย ไปตามเส้ น ทางที่ สั น ดานน้ า พา มึ ง ก็ ไ ป เรียนศิลปะ กูก็เรียนการเมือ งและทฤษฎี บ้าบอที่มึงก็รู้ว่ากูตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ กี่ ช าติ ก็ ค งไม่ เ ข้ า ใจแม่ ง อยู่ ดี แต่ วั น ร้ า ย คืนร้าย กูก็นึกครึ้มใจหลังจากส่องเว็บโป๊ เรื่ อ ยเปื่ อ ย เดิ น จงกรมรอบบ็ อ กเซอร์ ไ ป สามรอบเรียบร้อย กูก้าลังเข้าไปหาเพลง เหี้ยไรมาเขย่าขี้หูใน Youtube พลันนึกถึง ไอ้เหี้ย Black Flag ขึ้นมาราวกับเกิด ซาโตริของเรียวกันพระบ้า กูจัด Nervous Breakdown ไปเพลงเดียว กูเข้าใจเลยว่า ท้าไมมึงถึงบอกว่ามันส์สะเด่าทรวงแทะๆ
ไอ้สัส กูคลั่งและกูโทรหามึงและกูบอกมึง ว่ามาท้ าวงพั งค์กันเถอะสั สและแล้วมัน ก็ เกิดขึ้นอีกครั้งจนได้ ไอ้ เ หี้ ย มึ ง ก็ รู้ ว่ า ตอนนี้ เ ราก็ โ ต ๆ กันแล้ว (อย่างน้อยในทางกายภาพหมามัน ก็เลียดากเราไม่ถึงแล้วจริง ๆ) มึงกับกูก็บ้า การเมื อ งและศิ ล ปะอะไรกั น พอสมควร แล้ ว ยิ่ ง เบื้ อ งหลั ง ของ Punk หรื อ Hardcore Punk มันก็วางอยู่บนความคิด ที่แม่งหอมหวานส้าหรับคนหนุ่มสาวเหี้ยๆ อย่ า งที่ มึ ง ก็ รู้อ ยู่ ว่ า แก่ น ส้ าคั ญ ของมั น คื อ D.I.Y (Do It Yourself) แม่งบอกพวกเรา ว่าไอ้เหี้ย “มึงก็ท้าได้ ” กากๆ อย่างพวก เราก็เล่นดนตรีได้ (แต่จริงๆ มึงเป็นคนเล่น ดนตรีเก่ ง ไอ้สัส ใช้ฟันโซโล่ ) มึง จับคอร์ ด มึ ง ตี ค อร์ ด สามสี่ ค อร์ ด มึ ง ก็ ท้ า เพลงได้ มึ ง สื่ อ ส า ร สิ่ ง ที่ อ ย า ก พู ด อ อ ก ไ ป ไ ด้ มึงท้าเพลงเสร็จมึงก็ปล่อยขายเอง ท้าค่าย เพลงเอง ท้ า ตลาดเอง ทุ ก อย่ า งท้ า เอง ได้ ห มด ไอ้ เ หี้ ย กู โ คตรชอบเลย ไอสั ส แม่ งเป็น ไอเดี ยของ Loser ชั ดๆ และ บังเอิญว่ากูก็โรแมนติกกับความเป็น Loser พ อ ส ม ค ว ร กู เ ล ย ค ลั่ ง ยั ง ไ ม่ นั บ ว่ า แรงเหวี่ ย งแรง ๆ ยุ ค ’80 ที่ ท้ า ให้ Hardcore Punk แม่งระบาดไปทั่วเป็นผล มาจากการกลั บ มาของลั ท ธิ เ รแกน / แธตเชอร์ หรือเสรีนิยมใหม่ เนื้อเพลงแม่ง เลยค่อนไปทางการเมื องจั ดๆ (แต่จริ ง ๆ พั ง ค์ ยุ ค บุ ก เ บิ ก ก่ อน หน้ า นี้ แ ม่ งก็ อิ ง การเมืองพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกูไม่แคร์ หรอกว่ าพั ง ค์ แ ม่ ง ต้ อ ง “การเมื อ ง” หรื อ ต้ อ ง “ต่ อต้ า น ” กู เฉยๆ ว่ ะ แ ต่ ถ้ า อิ ง การเมื อ งมั น ก็ จ ะถู ก จริ ต กู เ ป็ น พิ เ ศษ
แค่ นั้ น ล่ ะ ) แล้ ว วง Hardcore Punk วงแรกของเราก็ ลื ม ตาดู โ ลก มั น เป็ น ช่ ว งเวลาที่ ดี ม ากๆ แต่ ก็ ไ ม่ ง่ า ยเลยที่ จ ะ ประคั บ ประคองต่ อ ไปเรื่ อ ยๆ มั น เป็ น ธรรมดา กูคิดว่ามึงก็รู้ดี มีเกิดก็มีดับ ไอ้เหี้ย แต่คนที่แม่งหลงใหลดนตรี อย่างเราแม่งก็ไม่เคยหยุดสรรหาเพลงห่า เหวมาประเคนรูหู กูเองก็ไปฝึกบลูส์อยู่ พักหนึ่ง มึงก็มาแจมกับกูอยู่บ่อยๆ แม้กูจะ กากๆ แต่ ก็ ถู ไ ถไปกั บ มึ ง ได้ อาจจะเป็ น เพราะแรงถีบประสาทของแอลกอฮอล์ท้า ให้ลิกส์ดีๆ กระเด็นกระดอนออกมาได้บ้าง บลูส์ก็เป็นดนตรีที่มีบางด้านคล้าย ๆ พังค์ ส้าหรับกู คือคนส่วนใหญ่แม่งเข้าใจว่าบลูส์ เป็นดนตรีของ “การต่อต้าน” เหมือนพังค์ แต่ จ ริ ง ๆ มั น ก็ ไ ม่ ทั้ ง หมด เพลงรั ก ๆ ก็ เป็ น บลู ส์ เ สี ย เยอะ อาจจะส่ ว นใหญ่ ด้ ว ยซ้้ า แต่ กู คิ ด ว่ า ที่ มั น คล้ า ยกั น จริ ง ๆ อาจจะเป็นในแง่ที่ถูกริเริ่มจาก “คนนอก” หรื อ เริ่ ม จากการเป็ น ดนตรี “ชายขอบ” ก่อนที่จะค่อยๆ เติบโต ปรับแปลง กระทั่ง กลืนกลายเป็นดนตรีกระแสหลักหรือ เป็น งาน Sold Out ไปในที่สุด
This is A THIRD… ไอ้เหี้ย การเมืองไทยแม่ง วนเวียน ในวงจรอุ บ าทว์ ชี วิ ต พวก เราแม่ ง ก็ ไม่ต่างกัน ย่้าไปย่้ามาบนเส้นด้ายจนจวน จะขาดอยู่ ร อมร่ อ คงเพราะความดื้ อ รั้ น และเก่งแต่เรื่องโง่ๆ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ กู เ หนื่ อยหน่ า ยกั บก ารท้ า งานเขี ยน กู เ ลยชวนมึ ง มาท้ า วงดนตรี “จรยุ ท ธ์ ” ท้าไปท้ามาแม่งไม่คิดเลยว่าจะเดินกลับมา
เป็นพังค์อีกแล้ว นี่มันวงจรอุบาทว์ของชีวิต ชัดๆ แต่ตอนนี้เหมือนเราต่างโตขึ้น มันเลย ดู เ หมื อ นเป็ น ความเฟี้ ย วที่ ห น่ ว งๆ ด้ ว ย ค ว า ม แ ก่ แ ล ะ ร ะ ย ะ ท า ง ข อ ง ชี วิ ต ก็ พ วกเราแม่ ง เหยี ย บคั น เร่ง จนมิ ด กั น มา นานแล้ว ตอนนี้น้ามันชักจะร่อยหรอ ไอ้เหี้ย กู เลยได้ ก ลับ ไปค้น อะไรที่ มั น เป็ นร าก ฐา น บ าง อย่ าง ข อ งพั ง ค์ และกูก็หลงใหลมันเข้าจนได้ อย่างที่กูเคย คุ ย กั บ มึ ง ไปแล้ ว มั น คื อ Anarcho-Punk พัง ค์ ที่รั บ อิทธิ พ ลมาจากลั ทธิ อนาธิ ป ไตย พวกเหี้ยนี้แม่งพะยี่ห้อการเมืองซะหราเลย แล้วกูก็ชอบแม่งมากๆ ตอนนี้กูแม่งเข้าไป หาข้อมูลทั้งความคิดอนาธิปไตย ประวัติวง ด น ต รี แ น ว นี้ ห รื อ โ ห ล ด อั ล บั้ ม ใ น anarcho-punk.net บ่อยๆ ว่ะ วงที่กูชอบ มากๆ (แต่ ต อนนี้ กู ก็ ยั ง ไม่ ไ ด้ ฟั ง พวกแม่ ง ระดับแฟนเดนตายนะ งานกูแม่งก็เยอะ) และพวกแม่งเป็นต้านานของแนวนี้ก็อย่าง Crass วงนี้แม่งเด็ดจริง แม่งท้าดนตรีกับ เนื้อร้องแจ๋ว ซาวด์แม่งก็โอลด์สคูลโคตรๆ เพราะพวกแม่ ง แหกขี้ ต ากั น ขึ้ น มาตั้ ง แต่ ต้น ’80 อัลบั้ม The Feeding of The 5,000 เป็นอัลบั้มขึ้นหิ้งของพวกมัน กู โหลดจาก mediafire หรือไม่ก็ ในเว็ บ anarcho-punk ว ง ส า ย อ น า คิ ส ต์ ที่ โตต่อมาแม่งก็ได้อิทธิพลวงนี้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ เ ว้ น แม้ แ ต่ เ จ้ า พ่ อ ไกรน์ ค อร์ อ ย่ า ง Napalm Death ที่ก่อนหน้านี้มึงเคย แนะน้ากู ไอ้เหี้ย อนาคิสต์ คือ อะไรหรอวะ มันก็ไม่ง่ายที่จะอธิบายสั้นๆ อาจจะเพราะ
กูยังไม่ชัดเจนกับมันมากพอก็ได้ แต่กูคิดว่า ถ้าเอาให้จบในประโยคเดียวที่ เป็นไอเดีย ส้ า คั ญ ไม่ ต่ า งจาก D.I.Y. ก็ คื อ วลีเด็ดของ Crass ที่ว่า “There Is No Authority But Yourself” ว่ะ กูเข้าใจว่า มันมาจากเพลงสักเพลง กูไม่แม่นเท่าไหร่ แต่ ที่ แ น่ ๆ มั น เป็ น ชื่ อ สารคดี ป ระวั ติ ข อง วง Crass กูว่าแม่งเป็นสารคดี Punk ที่ สนุกและเข้มข้นที่สุดเท่าที่กูเคยดูอะไรพวก นี้มา แต่ถ้าให้เสริมอีกนิดกูก็คิดว่าไอเดียที่ สมเหตุ ส มผลส้ า หรั บ กู ต อนนี้ คื อ ไอเดี ย หลักๆ ที่ anarcho-punk.net ประกาศ จุดยืนของมันไว้ คือAnarchism, Equlity and Peace หรือ อนาธิปไตย เสมอภาค และสันติ ฮ่ า ฮ่ า ดู แ ม่ ง อุ ด ม ก า ร ณ์ จั ด ฉิ บ หาย แต่ จ ริ ง ๆ เล่ น เหี้ ย อะไรก็ เ ล่ น ไปเถอะ แต่ถ้าท้าอะไรเฮงซวยก็สมควรถูก ด่าบ้างเท่านั้นแหละ อย่างที่มึงกับกูก็รู้กัน ฮ่าฮ่า
NOW FORM A BAND… ไอ้เหี้ย ชื่อหัวข้อก็บอกอยู่ แล้ว จะ ให้กูพร่้าเพ้ออะไรอีกวะฝรัด!
*หมายเหตุ 1. รู ป ภาพในหน้ า แรกเป็ น ภาพจาก “Sideburns” แฟนซี น สั ญ ชาติ อั ง กฤษฉบั บ ปฐมฤกษ์ ปี 1977 2. แฟนซี น คื อ นิ ต ยสารท้ า มื อ ซึ่ ง รวบรวมข้ อ มู ล ข่ า วสารของแวดวงดนตรี อั น เดอร์ ก ราวน์ (ในที่ นี้ คื อ พั ง ค์ ) ในพื้นที่ (scene) หนึ่งๆ จัดท้า และเผยแพร่กัน ในหมู่แฟนเพลงในลักษณะ D.I.Y.
กวีนิพนธ์ ออกตะพุ่นอังแครส
เชลงตะกวดอวดกาม
ตะดวกวอดดอกกี้เยว งจึตจิดิคอแบงมอ ว์สัตพเสสู่มสงอส ดนัหากนกิเดลักนลั้ก
ลกงางหนอ พาภนั้น งสัสาว ทาสวฮแ นเล่ล้าปะปรบกยาก
ยาคลนสักะรจเร็สนสิ้ มสสู่พเสนสันาด งจิตจิดิคงอต้ราก ว์สัตกโลฤาบดัก้แ
สาญาร นาซ่ท้แ กเฉช่เน ดลปลื้เปองลิงเพมาก
ตะกวดอวดกอดเกี้ยว จึงจิตคิดแอบมอง สัตว์เสพสู่สมสอง กาหนัดเกินกลัดกลั้น
กลางหนอง ภาพนั้น สังวาส สวาทแฮ เล่นปล้าประกบกาย
คลายกระสันเสร็จสิ้น สมสู่เสพสันดาน จึงจิตคิดต้องการ สัตว์โลกฤาดับแก้
สาราญ ซ่านแท้ เฉกเช่น ตะกวดเฮย ปลดเปลื้องเพลิงกาม
ความโหดสัตว์โดยสังเขป อาชญาสิตุส เดอ ซารามาแครส
ความโหดสัตว์คือ อันใดหนอ? เราได้นิยามความโหดสัตว์ในทานอง ที่ว่ า การแสดงออกอัน โหดร้ายต่อ สัต ว์โ ลก เสียเหลือเกิน ซึ่งก็เป็นไปตามดีกรีความโหด สัตว์ที่มีลดหลั่นกันไปนั่นเอง แน่นอน มรสุม วรรณกรรมเล่มนี้ เรายินดีนาเสนอความโหด สัตว์ที่สื่อผ่านงานวรรณกรรม โลกใบนี้มีความโหดร้ายต่อสัตว์ซ่อน เร้น ในทุกทุ กอณูพื้น ที่ ไม่เว้ นแม้กระทั่ งใน พื้นที่ของวรรณกรรม เราจึงเพียรคัดสรรฉาก โหดสัตว์ในวรรณกรรมทั้งของไทยและของ เทศมาพอสั ง เขป เพื่ อ เป็ น ตั ว อย่ า งและ สะท้อนภาพความโหดสัตว์ที่ปรากฏอยู่ในงาน วรรณกรรม โดยได้ยกตัวอย่างมาพอสมควร ดังต่อไปนี้
ฉากการตี สุ นั ข ในเรื่ อ ง ค าพิ พ ากษา ผลงานโดย ชาติ กอบจิตติ
นวนิ ย ายเรื่ อ งค าพิ พ ากษานั้ น เป็ น เรื่ อ งราวของ ไอ้ ฟั ก ผู้ ถู ก พิ พ ากษาจาก ชาวบ้านว่า เอาเมียไม่เต็มเต็งของพ่อ มาเป็น เมี ย ตั ว เอง ส าหรั บ เรื่ อ งนี้ ฉากหนึ่ ง ซึ่ ง แสดงออกถึงความโหดสัตว์ได้อย่างชัดเจนนั่น คือ ฉากที่ครูใหญ่ใช้ให้ไอ้ฟักในฐานะภารโรง ตีสุนัขที่เข้ามาในโรงเรียนด้วยความผิดฐาน ‘อาจจะ’ เป็นสุนัขบ้า โอ้เอ๋ย ถ้าใครอยาก เห็ น ภาพชั ด ว่ า ฉากการตี ห มาบ้ า ในเรื่ อ งนี้ โหดสั ต ว์ แ ละช่ า งน่ า เศร้ า เพี ย งไร ไปอ่ า น คาพิพากษาตอนนี้เสียเถิด แหละแน่นอน ความโหดสั ต ว์ ใ นนวนิ ย ายเรื่ อ งนี้ นั่ น คื อ การที่ ไอ้ ฟั ก ตีสุ นั ข ซึ่ง อาจจะบ้ าอย่ า งทารุณ โหดร้ายจน น้องหมาต้อ งสิ้นลมหายใจแบบ หมาหมาต่อหน้าเด็กๆ ทั้งโรงเรียน ฮือ ฮือ
ฉากการเผาสุ นั ข ทั้ ง เป็ น ในนวนิ ย าย เรื่อง Local Anaesthetic ผลงานโดย Gunter Grass
ในนวนิยายเรื่องนี้ กึนเทอร์ กราสส์ ผู้ เ ขี ย น ไ ด้ ใ ห้ ตั วล ะ คร ที่ เป็ นนั ก ศึ ก ษ า คนหนึ่งในเรื่อง ทาพิธีเผาหมากลางเมืองเพื่อ ประท้วงคนเยอรมันที่มีนิสัยรักหมา ทว่ากลับ วางเฉยต่ อ เรื่ อ งการฆ่ า คนในสงคราม เวียดนาม แหละนี่คือ ความโหดสัตว์ของเรื่อง นี้ น้องหมาผิดอะไรด้วย จึงต้องโดนเผาเพื่อ ประท้ว งสงครามเวียดนาม ถึ งน้องหมาไป เวียดนามก็โดนจับหม่า หม่าอยู่ดี ทาไมถึง โหดร้ายกับน้องหมาอย่างนี้เล่า พ่อกุนเทอร์ กราสส์ จอมซาดิสต์
ฉากยิ ง สุ นั ข แก่ ข องเฒ่ า แคนดี้ ในนว นิ ย ายเรื่ อ ง Of Mice and Men ผลงานโดย John Steinbeck
หนังสือเรื่อง Of Mice and Men หรื อ “เพื่ อ นยาก” ผลงานเลื่ อ งชื่ อ ของ จอห์น สไตน์เบค เรื่องราวของเพื่อนรัก สองคนคื อ จอร์ จ มิ ล ตั น ชายร่ า งเล็ ก ผู้ เ ฉ ลี ย ว ฉ ล า ด แ ล ะ เ ล น นี่ ส ม อ ล ล์ ชายปัญญาอ่อนร่างใหญ่ ผู้มีกาลังผิดมนุษย์ ทว่าเชื่องช้าและคิดอะไรไม่ค่อยได้ ทั้งสองไป เป็นคนงานในไร่แห่งหนึ่ง หวังจะเก็บเงินซื้อ ไร่เป็นของตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ที่ นี่ ทั้ งส อ งไ ด้ พบ กั บ ผู้ ค น หล า ก ห ล า ย ทั้ ง เคอร์ ลี ย์ ลู ก ชายเจ้ า ของไร่ จ อมหาเรื่ อ ง และเมียของเคอร์ลีย์ที่ชอบเล่นหูเล่นตากั บ คนงานในไร่ แล้ ว ความบั ด ซบก็ เ กิ ด ขึ้ น เมื่ อ เลนนี่ พ ลาดไปฆ่ า เมี ย ของเคอร์ ลี ย์ ต าย จึงหลบหนีไปด้วยความกลัว เคอร์ลีย์ระดม คนงานออกตามฆ่ า เลนนี่ ท้ า ยที่ สุ ด เลนนี่ ถู ก ยิ ง ตาย ด้ ว ยมื อ ที่ ลั่ น กระสุ น ของจอร์ จ เพื่อนรักนั่นเอง ส าหรั บ ความโหดสั ต ว์ ใ นเรื่ อ งนี้ คื อ ตอนที่เฒ่าแคนดี้ ภารโรงชราแขนด้วนต้องจา ยอมยิงสุนัขแก่ตาพิการเพื่อนยาก
ช่างโหดร้ายจริงๆ ไปยิงหมาแก่ทาไม มันผิดตรงไหนหรือที่เป็นหมาแก่ตัวหนึ่ง
ฉากยิงช้างในเรื่อ ง Shooting an Elephant ผลงานโดย George Orwell
เรื่องราวของคนผิวขาวชาวอังกฤษใน พม่าที่จาต้องยิงช้างตกมัน ของชาวพื้นเมือง เพื่ อ รั ก ษาหน้ า ตาของความเป็ น เจ้ า อาณา นิคมเอาไว้ แน่นอนว่า ความโหดสัตว์ในเรื่อง นี้คือ การที่คนผิวขาวชาวอังกฤษยิงช้างโดย มีเหตุผลเพื่อรักษาหน้าตาของพวกตนเท่านั้น โดยไม่ได้คานึงหรอกว่า การล้มช้างนั้นเป็น เรื่ องของสั ตว์ ที่ส ลัก สาคัญ โอ้ ช่างโหดร้า ย เหลือเกิน อย่างไรก็ตาม ต่อมา การล้มลงของ ช้างเชือกนี้ได้สั่นสะเทือนโลกไปทั้งโลก
ฉากนกกระทุงในเรื่องสั้น The Man Who Stole the Pelican ผลงานโดย I.A. Williams เรื่ อ งสั้ น เรื่ อ งนี้ เ ป็ น เรื่ อ งราวของ เสมียนนามว่า เท็บ ที่ต้องดูแลซองเอกสาร ส าคั ญ ของ ชาร์ ล ทรั ม พิ ง ตั น หั ว หน้ า ใหญ่ แห่งสานักงานการทูต ขณะที่เสมียนออกไป เดินเล่นในสวนสัตว์ และกาลังเพลิดเพลินกับ การดู น กกระทุ ง ซองเอกสารก็ ห ลุ ด ลงจาก กระเป๋ า นกกระทุ ง ไม่ ช้ า ที รี บ กลื น ซองนั้ น เข้าไป เสมียนคว้าคอนกกระทุง แล้วพาหนี จากสวนสัตว์ไปคลินิก หมายจะให้หมอผ่าตัด ชาแหละไอ้นกกระทุงบัดซบเพื่อเอาเอกสาร ออกมา ทว่าหมอกลับเกิด ความคิด ให้ใช้ย า ถ่ า ย ข น า น ห นั ก กั บ มั น แ ท น ใ น ที่ สุ ด ซองจดหมายก็ อ อกมาพร้ อ มกั บ เมื อ กลื่ น เท็บพานกกระทุงไปคืนสวนสัตว์ โดยทาทีว่า เขาน าสั ต ว์ ไ ปมอบเป็ น ของขวั ญ ผลคื อ เท็บต้องนอนซังเต ร้อนถึงชาร์ล ทรัมพิงตัน ต้ อ งมาช่ ว ย ที่ ร้ า ยกว่ า คื อ เมื่ อ เปิ ด ซอง เอกสารพบว่ า ข้ า งในซองหาได้ มี เ อกสาร สลั ก ส าคั ญ ไม่ เป็ น เพี ย งแสตมป์ เ ท่ า นั้ น สาหรับ ความโหดสั ต ว์ ใ นเรื่ อ งนี้ คื อ ฉากที่ เสมียนเท็บจะให้หมอชาแหละนกกระทุงทั้ง เป็ น เพื่ อ เอาเอกสารออกมา แม้ ห มอจะไม่ ยอมผ่า แต่ในที่สุดก็วางยาถ่ายนกกระทุงเสีย จนน่วม กลายเป็นนกกระทุงซึมกะทือไปเลย ทีเดียว การวางยาถ่ายนกกระทุงนั้น ช่างโหด สัตว์จริงๆ นะ จะบอกให้
ฉากการฆ่าวัวในเรื่อง The Jungle ผลงานโดย Upton Sinclair
โดยเฉพาะเจ้ า วั ว ผู้ น่ า สงสารที่ ก ลายเป็ น อุตสาหกรรมบรรณาการกระเพาะพวกมนุษย์ อเมริกันขี้เหม็น ในเรื่องยังกล่าวถึง Bubbly Creek แม่น้าในชิคาโกซึ่งกลายเป็นที่ทิ้งซาก สัตว์ที่มาจากโรงฆ่าสัตว์ ทั้งเลือดและเครื่อง ใน จนน้ าในแม่ น้าส่ งกลิ่นเหม็น เป็ นประจ า ชวนคลื่นเหียน เป็นยังไงล่ะ โหดสัตว์ไหมจ๊ะ
ฉากการท าร้ า ยสุ นั ข หลายครั้ ง ในนว นิยายเรื่อง White Fang ผลงานโดย Jack London
The Jungle หรือ ‘ชีวิตเปลี่ยน’ ในภาคภาษาไทย ที่แปลโดย ศริติ ภูริปัญญา เรื่ อ งราวที่ เล่ าถึ ง ชี วิ ต ของคนต่ างด้ าวที่ เพิ่ ง มาถึงอเมริกา และเป็นแรงงานในระบบกลไก อุ ต ส า ห ก ร ร ม เ นื้ อ วั ว แ ห่ ง ม ห า น ค ร ชิคาโก อัพตัน ซินแคลร์ เขียนเรื่องนี้เพื่อเปิด โปงอุตสาหกรรมเนื้อวัวอันบัดซบ เรียกร้อง ให้สังคมหันมาสนใจชีวิตของแรงงานโรงงาน ฆ่าสัตว์ซึ่งต้ องทางานในสภาพโหดร้าย ใน เรื่องนี้มีฉากที่แรงงานตกลงไปในเครื่องบด เนื้ อ และถู ก เครื่อ งปั่ น กลายเป็ น เนื้ อ บดไป วางขายตามตลาดด้ ว ย ผลงานเรื่ อ งนี้ ข อง ซิ น แคลร์ ท าให้ ย อดขายเนื้ อ วั ว ตกต่ า ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ ถึงขั้นต้อง สั่งให้ลูกน้องไปสอบสวนอุตสาหกรรมเนื้อวัว ที่ชิคาโกเลยทีเดียว ค ว า ม โ ห ด สั ต ว์ ใ น เ รื่ อ ง นี้ คื อ การฆ่ า สั ต ว์ อ ย่ า งทารุ ณ ในโรงฆ่ า สั ต ว์
นวนิ ย ายที่ บ อกเล่ า เรื่ อ งราวความ ผูกพันระหว่างสุนัขและมนุษย์ การผจญภัย ของสุนัขบ้านครึ่งหมาป่า มีความโหดเหี้ยม ทารุณจากสภาพธรรมชาติและการกระทาอัน โ ห ด ร้ า ย ข อ ง ห ล า ย ค รั้ ง ซึ่ ง ท า ใ ห้ เจ้าหมาตัวเอกของเรื่องกลายเป็นหมาป่าที่ดุ ร้ายและไม่ไว้ใจใคร จวบเมื่อพบกับชายผู้ช่วย ชี วิ ต มั น จาก น้ ามื อ ของมนุ ษ ย์ โ หดร้ า ย ผู้ ม อบชี วิ ต ใหม่ ใ ห้ แ ก่ มั น มั น จึ ง กลั บ สู่
ความดีงามอีกครั้ง ความโหดสัตว์ในเรื่องนี้ คื อ การที่ ม นุ ษ ย์ ท าร้ า ยสุ นั ข อย่ า งทารุ ณ จนทาให้มันต้องแสดสัญชาตญาณอันดุร้าย
ฉากการจับกระต่ ายไปทาเป็นพายใน เรื่อง The Tale of Peter Rabbit ผลงานโดย Beatrix Potter
ฉ า ก ก า ร ทุ บ ตี สุ นั ข ใ น น ว นิ ย า ย The call of the wild ผลงาน โดย Jack London
เมื่ อเจ้าบั๊ก สุนั ขป่ าตั วเอกในเรื่อ งนี้ ถูกขโมยไปขายในยุคตื่นทอง โดยถูกนาไปใช้ งานเป็นสุนัขลากเลื่อนในเหมือง ท่ามกลาง อากาศหนาวเย็ น หิ ม ะเม็ ด หนา น้ าแข็ ง ยะ เยือกสะท้าน ความหิวโหย ถูกเจ้านายใหม่ ทุ บ ตี การต่ อ สู้ ร ะหว่ างสุ นั ข ในฝู ง เดี ย วกั น ท้ า ยที่ สุ ด บั๊ ก ต้ อ งเลื อ กระหว่ า งการรั บ ใช้ มนุ ษ ย์ กั บ การกลั บ ไปสู่ ค วามเป็ น สุ นั ข ป่ า อี ก ค รั้ ง ค ว า ม โ ห ด สั ต ว์ ใ น เ รื่ อ ง นี้ คื อ ความโหดร้ายต่อเจ้าบั๊กที่ถูกเจ้านายใหม่ทุบตี อย่ างทารุ ณ หนาซ้ ายั งใช้ งานเป็ นสุ นั ขลาก เลื่อนในเหมืองอย่างหนักหน่วงยิ่ง
The Tale of Peter Rabbit เป็น เรื่องราวของลูกกระต่ายชื่อ ปีเตอร์ (Peter) กระต่ายน้อยสูทสีฟ้า ต่างจากพี่น้องตัวอื่นๆ ที่ สู ท สี แ ดง เรื่ อ งราวเริ่ ม ขึ้ น เมื่ อ Mrs. Rabbit เข้าเมืองไปซื้อของ และสั่ง ห้ามไม่ให้ลูกกระต่ายเข้าไปเล่นใกล้ ๆฟาร์ม ของ มิสเตอร์ แมคเกเกอร์ (Mr. McGregor) อย่างเด็ดขาด ด้วยว่ามีอุทาหรณ์คือ พ่อของ เจ้าลูกกระต่ายนั้นเคยเข้าไปในฟาร์ม แล้วถูก จับไปฆ่าเพื่อทาเป็นพายกระต่าย แต่ด้วย อะไรบั น ดาลก็ ไ ม่ รู้ เจ้ า กระต่ า ยปี เ ตอร์ กลั บ พลั ด หลงเข้ า ไปในฟาร์ ม ของมิ ส เตอร์ แมคเกเกอร์ จนได้ เรื่องราวการผจญภัยอัน สุดสนุกจึงบังเกิดขึ้น ความโหดสั ต ว์ ใ นเรื่ อ งนี้ คื อ ความ โหดร้ายต่อสัตว์ของมิสเตอร์ แมคเกเกอร์ ที่ ชอบจับกระต่ายไปทาพายกระต่ายให้ตัวเอง อร่ อยลิ้ น ช่ างไม่ นึ กเสี ยเลยว่ า พวกเจ้ า
กระต่ายทั้งหลายจะต้องกลัวตัวสั่นถึงเพีย ง ไหน หนาซ้า ยังทาให้ลูกกระต่ายกาพร้าพ่อ อย่างที่ได้จับมิสเตอร์แรบบิต (Mr. Rabbit) พ่อของปีเตอร์ ไปทาพายกระต่ายนั่นแหละ
ฉากเป็นชู้กับสุนัขใน สัญชาตญาณมืด ในรวมเรื่องสั้น ตึกกรอสส์ ผลงานโดย อ.อุดากร
รั ก อ ย่ า ง เ ปิ ด เ ผ ย โ ด ย ไ ม่ ไ ด้ ล ะ อ า ย ใ จ จนคุ ณแดงได้ น ามาเย้ า ยวนใจตนเอง และ น าไปสู่ ก ารมี ชู้ ใ นที่ สุ ด แหละ ถ้ า ชู้ นั้ น เป็ น คนใช้ในบ้านก็คงจะไม่ทาให้ดาเกิงตกตะลึง จนถึงขั้นยิงทั้งเมียรักและชู้ตาย จะทาอย่างไร ได้เล่า ในเมื่อชู้ของคุณแดงไม่ใช่คน แต่กลับ เป็นสุนัข นอกจากนี้ ความโหดสัตว์ของเรื่อง นี้ ยังไม่ใช่เพียงแต่การที่ดาเกิงยิงสุนัขตัวนั้น แต่ เ ป็ น การที่ คุ ณ แดงใช้ สุ นั ข เป็ น เครื่ อ งมื อ บาเรออารมณ์ทางเพศของเธออีกด้วย โถ เจ้ า สุ นั ข เจ้ า ถู ก ล่ ว งละเมิ ด โดย มนุษย์ถึงเพียงนีเ้ ชียวหรือ ช่างโหดสัตว์จริงๆ
เรื่ อ งสั้ น ”สั ญ ชาตญาณมื ด ”ของ อ.อุดากร นั้น เป็นเรื่องสั้นตีแผ่ศีลธรรมได้ อย่างชัดเจน โดยอาศัยชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่ น่าสนใจและหมื่นเหม่ต่อความรู้สึกนึกคิดของ ผู้ ค น ใ น ยุ ค ส มั ย ที่ เ ขี ย น เ รื่ อ ง นี้ ยิ่ ง นั ก โดยเฉพาะในตอนจบของเรื่องที่เฉลยถึงชู้รัก ของคุณแดง หญิงที่แต่งงานกับ ดาเกิง โดยที่ ชายหนุ่ ม เป็ น วั ณ โรค ทั้ ง สองต้ อ งแยก ห้องนอนกัน จึงไม่ได้เป็นสามีภรรยาในทาง พฤตินัย ต่อมาเพื่อนของดาเกิงและภรรยาก็ มาขออาศัยในบ้านด้วย และได้แสดงการร่วม
เรื่องสั้นสั้นแปล อาชญาสิตสุ เดอ ซารามาแครส
มรสุ ม วรรณกรรมฉบั บ นี้ เสนอเรื่อ งสั้ น สั้ น แปลอย่ า งสั่ น สั่ น ก็ อ ย่ า งว่ า แหละ เวลาเห็ น อะไร สั้ น สั้ น ก็ สั่ น ใจเสี ย วไส้ ทุก ที ไม่ ว่ าจะสาวนุ่ ง สั้ น สั้ น หรื อ เรื่ อ งสั้ น สั้ น ถึ ง อย่ า งไรก็ เสี่ ย งแปลมา บรรณาการท่านผู้อ่านถึงเจ็ดเรื่องเชียวแหละ เชิญอ่านอย่างตีความเนื้อเรื่องเอาเองเถิด
“เพื่อขาย รองเท้าเด็กที่ไม่เคยสวมใส่” เออร์เนส เฮมมิ่งเวย์: นักเขียนพันธุ์ระห่่าของโลก
“ฉันตาย ฉันคิดถึงเธอตลอด จุ๊บ....?” นีล ไกแมน: นักเขียนชาวอังกฤษ
“สามไปสู่อิรัก หนึ่งได้กลับมา” เกรม กิ๊บสัน: นักเขียนเคราขาวจากแคนาดา
“โลก? พวกเราสวาปามมันเมื่อวานนี้” ยานน์ มาร์เทล: นักเขียนแคนาดา ผู้สร้างผลงานเลื่องชื่อ “การเดินทางของพาย พาเทล”
“ชิ้นส่วนศพหายไป หมอซื้อเรือยอชท์” มาร์กาเร็ท เอ็ทวูด: นักเขียนหญิงชาวแคนาเดียน
“หักจู๋เขาออก เขาจักมีครรภ์!” รูดี้ รัคเคอร์: นักเขียนอเมริกัน
“เ ห็ น อ ะ ไ ร เ ถื่ อ น ๆ ในความโรแมนติก ” ผ่าน นวนิยายเรื่องทะเลสาบ ของ ยาสุนาริ คาวาบาตะ วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์
เมื่ อ เราพู ด ถึ ง ค าว่ า ‘โรแมนติ ก ’ เรามั ก นึ ก ถึ ง ภาพความรั ก ของหนุ่ ม สาว ค ว า ม รั ก ที่ อ่ อ น ไ ห ว ลึ ก ซึ้ ง ป ร า ร ถ น า เหวี่ ย งไหว หลงละเมอ และเพ้ อ ใน ห้ ว งอารมณ์ เหมื อ นนวนิ ย ายที่ ห วานหยด ย้ อ ยกลิ่ น กุ ห ลาบอวลไปทั่ ว ในขณะที่ ความชอกช้ าก็ ฝั ง รากลึ ก และกอดเกี่ ย วกั น อ ย่ า ง ง ด ง า ม ค า ว่ า โ ร แ ม น ติ ก ใ น ท า ง วรรณกรรมนิ ย ามถึ ง อารมณ์ ที่ รุ น แรงของ ความเป็นมนุษย์ (นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็ น ต้ น มา โดยเน้ น อารมณ์ อ่ อ นไหวที่ มี
บ่ อ เกิ ด จากความรั ก ตั ว อย่ า งวรรณกรรม โ ร แ ม น ติ ก ที่ เ ป็ น ที่ รู้ จั ก เ ช่ น โ ร มิ โ อ กับจูเลียต (Romeo and Juliet) และ แฟนท่อมออฟดิโอเปร่า (Phanthom of the Opera) เป็นต้น) “ความโรแมนติ ก ” อาจหมายถึ ง ก า ร ที่ อ า ร ม ณ์ เ ห ล่ า นั้ น ถู ก ผู ก ติ ด กั บ ความเหวี่ยงไหวทางความรัก สังเกตได้จาก แ ก่ น เ รื่ อ ง ข อ ง ว ร ร ณ ก ร ร ม โ ร แ ม น ติ ก จานวนมาก ยึดอยู่ที่อารมณ์อันเหวี่ยงไหวไป มาของมนุ ษ ย์ เช่ น การฆ่ า ตั ว ตายของ โรมิ โ อเมื่ อ เข้ า ใจผิ ด ว่ า จู เ ลี ย ตตายไปแล้ ว แสดงถึ ง ความเหวี่ ย งของตั ว ละครกั บ ความอ่ อ นไหวต่ อ เรื่ อ งราวที่ เข้ า มากระทบ ทั้งนี้ในความเข้าใจทั่วไป คาว่า “โรแมนติก” มั ก ผู ก ติ ด อยู่ กั บ ความรั ก ท าให้ เ กิ ด เป็ น คาว่า ‘รักโรแมนติก’ ซึ่งดูคล้ายจะแยกกัน ไม่ออก เพราะวรรณกรรมโรแมนติกก็วนอยู่ กับเรือ่ งราวของความรักเป็นหลัก นอกเหนือจากนิยามที่กล่าวไปข้างต้น แล้ว ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตอื่นๆ เกี่ยวกับเงื่อนไข ของรักโรแมนติก อย่างเช่น อาจารย์ สุชาดา จักรพิสุทธิ์ ที่เขียนบทความโต้ตอบ อาจารย์ นิ ธิ เอี ย วศรี ว งศ์ เกี่ ยวกั บปั ญ หาที่ ว่ า รักโรแมนติกคืออะไร ในบทความ "แด่ ม.ร.ว. กีรติ เหยื่อของฝรั่งคนสุดท้ายในวรรณกรรม ไทย" โดยมีเนื้อความดังนี้ “รักโรแมนติก คือ รักที่ไม่สมปรารถนา ต่างหาก คือรักที่ทรมานหัวใจด้วยไม่อาจครอบครองโดยเหตุ อันใดก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสน่ห์เย้ายวน เพราะความไม่สมหวังอันร้าวรานใจนั้นเอง ที่ดึงดูด
เราไว้ในห้วงแห่งความวาบหวิวซาบซึ้ง ความคิดถึง และจินตนาการต่อคนที่เรารัก รักอันไม่สมหวังนี้ เองที่ ท าให้ ค นเราต้ อ งสร้ า งค าอธิ บ ายมาห่ อ หุ้ ม ความรักนั้นให้สูงส่งขึ้นมา บูชาว่าเป็นรักบริสุทธิ์ที่ ค ว ร ค่ า แ ล ะ ย ก มั น ขึ้ น เ ป็ น รั ก โ ร แ ม น ติ ก ที่ขอเพียงได้รักและเห็นคนที่เรารักมีความสุข” 1
จากบทความของอาจารย์ สุ ช าดา กล่ า วได้ ว่ า รัก โรแมนติ ก คื อ รัก ที่ ไ ม่ ส มหวั ง ดังนั้นหากเรารวมนิยามทั้งหมดเข้าด้วยกัน ผู้ เ ขี ย นจะขอนิ ย ามค าว่ า โรแมนติ ก ใน บทความนี้ หมายถึง ความรักและอารมณ์ที่ อ่ อ น ไ ห ว เ ห วี่ ย ง ไ ป ม า ข อ ง ตั ว ล ะ ค ร โดยมี เ งื่ อ นไขอยู่ ที่ ค วามไม่ ส มหวั ง ของ ตัวละคร (เช่นเดียวกันกับ โรมิโอกับจูเลียต และ ดิแฟนท่อมออฟดิโอเปร่า รวมไปถึงเรื่อง ขวัญกับเรียม ที่ท้ายที่สุด เรื่อ งที่ยกมา ล้ว น จบด้วยโศกนาฏกรรมและการไม่ได้ครองรัก กันอย่างมีความสุข) เมื่อเราลองมองหาความโรแมนติกใน นวนิ ย ายเรื่ อ งทะเลสาบ ของยาสุ น าริ คาวาบาตะ เราจะเห็นความโรแมนติกใน ความรู้ สึ ก ของตั ว ละครอย่ างชั ด เจน แม้ ว่ า เนื้ อ เรื่ อ งจะด าเนิ น ไปด้ ว ยตั ว ละครที่ เ ป็ น ชายวั ย กลางคน หาได้ มี เ รื่ อ งราวความรั ก หวานซึ้ ง เช่ น ในวรรณกรรมโรแมนติ ก ที่ เรา รู้ จั ก กั น ดี หรื อ แม้ แ ต่ ว รรณกรรมในค่ า ย แจ่มใส ที่เน้นการเดินเรื่องโดยมีตัวละครหลัก เป็นวัยรุ่น
ก่ อ นที่ จ ะกล่ า วถึ ง ส่ ว นอื่ น เราอาจ ต้องหยุดพักความโรแมนติก แล้วมาทาความ เข้ าใจกั บ ความเถื่ อน เสี ย ก่ อน โ ด ย พจนานุ ก รมฉบั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถาน พ.ศ. 2 5 2 5 ไ ด้ นิ ย า ม ค ว า ม เ ถื่ อ น ว่ า คื อ “การห่างไกลความเจริญ การไม่ถูกต้องตาม กฎหมายและขนบธรรมเนี ย ม” กล่ า วคื อ การปฏิบั ติ ต นที่น อกรูป นอกรอยของสั ง คม ต ล อ ด จ น ก า ร ถู ก ผ ลั ก แ ล ะ ไ ม่ ไ ด้ รั บ การยอมรับจากสังคม เช่น แรงงานต่างชาติที่ เข้ามาทางานในไทยแล้วไม่มีทะเบียน ก็ถูก เรียกว่าแรงงานเถื่อนเป็นต้น2 ความโรแมนติกระหว่างตั วละครใน เรื่องทะเลสาบนี้ดูจะเกิดขึ้นอย่างผิดที่ผิดทาง ทาให้ตัวละครก้าวเข้าไปสู่ “ความเถื่อน” ซึ่ง มี ทั้ ง ในทิ ศ ทางที่ ตั ว กิ ม เปอิ ตั ว ละครเอก ปฏิ บั ติ ต่ อ สั งคมด้ ว ยความเถื่ อ น และการที่ สังคมมอบบทบาทความเป็นคนเถื่อนให้เขา โมโมอิ กิมเปอิ เป็นคุณครูวัยกลางคน ผู้มีเบื้องหลังชีวิตเรียบง่ายธรรมดา ทว่าแฝง เร้นไปด้วยความคิดที่เหวี่ยงไหวรุนแรงไปกับ อารมณ์ความรู้สึก เขามีเท้าที่น่าเกลียดซึ่งถูก บรรยายไว้ ว่า เหมือ นกั บเท้ า ของลิ งและมั น เป็นปมด้อยที่กิมเปอิ พยายามปกปิดไว้ตลอด มา สิ่งนั้นก็คือเท้าของเขาการถูกล้อในสมัย เด็กๆ ในมุมมองของผู้เขียนบทความ นับเป็น สิ่งหนึ่งที่สังคมได้ผลักกิมเปอิไปเป็นคนนอก ในกรณีนีแ้ รงงานเถือ่ นคือแรงงานต่างด้าวทีเ่ ข้ามาอย่าง ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พลอยทาให้ไม่ได้รับการยอมรับ ของตัวระบบการรับรองความเป็ นพลเมือง ซึ่งตัดสิ ทธิ์ หลายๆ อย่างออกไป และลดทอนค่าให้ต่ากว่าพลเมือง ทัว่ ไปในประเทศ 2
นิ ธิ เอียวศรี วงศ์ มติ ชนรายสัปดาห์ วันที ่ 19 สิ งหาคม พ.ศ. 2548 ปี ที่ 25 ฉบับที ่ 1305 1
อย่างช้าๆ ผ่านการทาให้เขาคิดว่าเขาด้อยค่า กว่าคนอื่น ทั้งที่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ และอาจ ไม่ส่งผลใดๆ กับการดารงชีวิตเลย ทั้งนี้เนื้อ เรื่องของ ‘ทะเลสาบ’ ดาเนินไปอย่างเนิบช้า และนุ่มนวล เกาะเกี่ยวเรื่องราวรอบตัวของ กิ ม เปอิ ข มวดเข้ าด้ ว ยความรัก และอารมณ์ ความรู้สึ กแห่ง แรงปรารถนาบริสุทธิ์ ความ หลงใหลในตัวหญิงสาวของกิมเปอิได้นาเขา ไปสู่เรื่องราวต่างๆ ที่ส่งผลต่อความรู้สึกนึก คิดของเขา แม้ จ ะไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งราวของวั ย รุ่ น และ ความรั ก ที่ ส วยสดงดงามเหมื อ นค าว่ า โรแมนติกที่ผู้เขียนได้ยกนิยามมากล่าวถึงใน ช่วงแรก แต่ทว่าหลายช่วงตอนของทะเลสาบ ได้ ส ะท้ อ นถึ ง ความโรแมนติ ก ทั้ ง ในการ ด าเนิ น เรื่ อ ง และความรู้ สึ ก ของกิ ม เปอิ ที่เหวี่ย งไหว และเต็มไปด้ วยแรงปรารถนา เช่ น ในหน้ า ที่ 170 ย่ อ หน้ า สุ ด ท้ า ยที่ ว่ า “เธอคงไม่ ไ ด้ ม าตามล าพั ง เขาคิ ด และเมื่ อ เขา มองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ข้างซ้ายของเธอทาให้ เขาช็อคราวกับมีคมมีดมาเสียดแทงในหัวใจเขา”
ซึ่ ง สะท้ อ นถึ ง ความอ่ อ นไหวในหั ว ใจของ กิ ม เปอิ รวมถึ ง ค าพู ด ต่ อ หญิ ง สาวในโรง อาบน้าในหน้าที่ 55 “มั น เหมื อ นกั บ เสี ย งกระซิ บ รั ก ของนางฟ้ า ผม อยากจะล้วงเอาเสียงของคนอื่นๆ ที่ติดอยู่ในหูของ ผมทิ้งไปให้หมด ผมจะได้ยินแต่เสี ยงไพเราะของ คุณคนเดียวเท่านั้นแม้แต่เรื่องโกหกทั้งหลายแหล่ก็ จะได้หายไปด้วย”
ทั้งหมดที่ยกมานั้นล้วนแสดงออกถึง ความโรแมนติกในนวนิยายเรื่องนี้ แม้จะไม่ได้ เดินตามเนื้อเรื่องนวนิยายโรแมนติกทั่วไป ที่ เป็นความรักของหนุ่มสาว หากแต่เป็นความ รักแรงปรารถนาจากมนุษย์คนหนึ่งที่มีหัวใจ และไม่สมหวัง อารมณ์ ค วามรู้ สึ ก ที่ ชั ด เจนและ รุนแรงในตัวกิมเปอินั้น ได้นาพาเขาไปสู่การ คุ ก คามที่ อ าจนั บ ได้ ว่ า เป็ น ความเถื่ อ น ด้วยการกระทาอันนอกขนบธรรมเนียมและ กฎหมาย นั บ ตั้ ง แต่ ก ารสะกดรอยตาม หญิ ง สาวบนท้ อ งถนน จนถึ ง การขโมย กระเป๋ า ที่ ห ญิ ง สาวผู้ ถู ก ติ ด ตามขว้ า งใส่ เขา เพราะความหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว เขานาเงิน จ านวนมากไปใช้ เผาท าลายหลั ก ฐาน ก่อนภาพอดีตจะฉายเรื่องราวลงบนตัวอักษร บอกเล่าเรื่องราวทีละส่วนของกิมเปอิ ถ้าความเถื่อนหมายถึงการกระทาอัน นอกรูปนอกรอยสังคมละก็ การกระทาของ กิ ม เปอิ ก็ นั บ ได้ ว่ า เป็ น ความเถื่ อ นที่ ชั ด เจน ทว่ า ถู ก ฉาบไว้ ด้ ว ยเหตุ ผ ลของความรั ก ความหลงใหล และอารมณ์ ป รารถนาอั น เร้ น ลึ ก ซุ ก ซ่ อ นในชุ ด ภาษารุ่ ม สลวยของ คาวาบาตะ ยิ่ ง ไปกว่ า นั้ น ความรุ น แรงและ เหวี่ ย งไหวของอารมณ์ กิ ม เปอิ น าไปสู่ ความสั ม พั น ธ์ อั น เร้ น ลึ ก ระหว่ า งเขากั บ ลู ก ศิ ษ ย์ ที่ ยั ง เรี ยนอยู่ ใ นชั้ น มั ธ ยม แ ม้ ความสัมพันธ์ทั้งทางกายและทางใจของทั้งคู่ จะเป็นไปท่ามกลางความยินยอมของเขาและ เธอ แต่ทว่าการกระทาว่าด้วยเรื่องทางเพศ ของคนในสถานะครู แ ละศิ ษ ย์ ห าใช่ เ รื่ อ งที่
ยอมรั บ ได้ โ ดยง่ าย และนั บ เป็ น การทาลาย ระเบียบทางศีลธรรมของสังคมทิ้ง “ความรู้ สึ ก เช่ น เดี ย วกั น นี้ เ กิ ด ขึ้ น เมื่ อ ครั้ ง เขามี ความสัมพันธ์ครั้งแรกกับฮิซาโกะ ในตอนแรกเธอ ยังขัดขืนด้วยยังอ่อนด้อยประสบการณ์ แต่ต่อมา กิมเปอิกลับประหลาดใจที่เธอก้าวหน้าถึงขั้นพาเขา เข้าไปในบ้านแล้วแอบขึ้นไปถึงห้องนอนของเธอ” (หน้า 145)
ผลจากความเถื่อนของกิมเปอิ ได้ผลัก เขาออกจากสังคมของความปกติ นาพาเขา ไปสู่การ เป็น “คนเถื่อน” ซึ่งสะท้อนจากการ ที่เขาถูกไล่ออกจากการเป็นครู ไม่ว่าการเป็น “คนเถื่อน” หรือ “คนนอก” ของสังคมที่เขา ดารงอยู่ จะเป็นไปด้วยความตั้งใจของเขาเอง (การเลือกที่จะไม่คุกคามหญิงสาวบางคนมาก ไปกว่าการเข้าไปพูดคุย แน่นอนว่าเราไม่รู้ว่า เขาเลือกที่จะไม่ทา หรือว่าเขาไม่สามารถทา ได้ กั น แน่ เ พราะคาวาบาตะอาจซุ ก ซ่ อ น ความรู้สึกบางอย่างของกิมเปอิไว้ ) หรือการ บีบบังคับของสังคมผ่านการปลูกฝังความรู้สึก ผิด และการถูกล้อเลียนในวัยเด็กของกิมเปอิ ที่ค่อยๆ ผลักเขาอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดมัน ทาให้เขารู้สึกโดยตัวของเขาเองว่าเขาเป็นคน เถื่ อ น และน่ า รัง เกี ย จเกิ น กว่ าใครจะมายุ่ ง ด้ ว ย เหมื อ นที่ เ ขาตั ด พ้ อ กั บ เด็ ก สาวในโรง อาบน้าช่วงแรกของนิยายกับบทบรรยายใน หน้าที่ 157 ที่ว่า “ฮิซาโกะพยักหน้า สิวน่ารักที่แก้มของเธอยังคงอยู่ ถ้าเพีย งแต่มองใครเล่ าจะรู้ ว่าเด็กผู้ ห ญิงคนนี้น่ะ หรือที่มีอะไรๆ กับกิมเปอิ เธอคนนี้น่ะหรือ ที่พบ กับ ‘ความชั่วร้าย’ ของเขามาแล้ว ถ้าไม่บอกใคร จะรู้เล่า”
ซึ่งล้วนสะท้อนให้เห็นถึงการปลูกฝัง ทางสั ง คมที่ ห ยั่ ง รากลงไปในหั ว สมองของ กิมเปอิ และสร้างกระบวนการทาให้เขาขับ ตั ว เองออกจากสั ง คมด้ ว ยความละอายต่ อ ตนเองและขนบของสังคมที่เขาได้ละเมิด จากที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้วนั้น หาก มองลงไปในรายละเอียด “ความโรแมนติก” ล้ว นเต็ม ไปด้ว ย “ความเถื่ อ น” ที่แ สดง ออกมาอย่ า งชั ด เจน ทว่ า ภาพงดงามของ ความรั ก แ ละแ รงปราร ถนา ได้ บดบั ง ความเถื่ อ นนั้ น ให้ เ หลื อ แต่ ค วามรั ก ตาม รูปแบบวรรณกรรมโรแมนติก ไม่ เ พี ย งแต่ ใ นวรรณกรรมเท่ า นั้ น ในชีวิตจริงความรักโรแมนติกที่ดูงดงามก็ฉาบ แ ฝงไ ป ด้ วยค วามเ ถื่ อน ผ่ า นก ารอ้ า ง ความรั ก ในการแสดงความชอบธรรม ของ พฤติกรรมที่ปฏิบัติตามแรงปรารถนา ซึ่งโลก วรรณกรรมในนิยายเรื่องทะเลสาบได้สะท้อน ออกมา ถึงการทาลายขนบของสังคม ที่ทาให้ ตั ว ละครจมดิ่ ง ไปกั บ ความเถื่ อ นของตน พลอยทาให้ผู้เขียนมองย้อนกลับมาที่ตนเอง ว่าแท้จริงเราได้ใช้ความรักหรือรักโรแมนติก ปกปิ ด แรงปรารถนาลึ ก ตรงหน้ า ที่ นั บ เป็ น ความเถื่อน ไว้หรือไม่.
บทกวีแปล ภาคิน นิมมานนรวงศ์
ตามรอยวิถีฉัน ด้วยไม้พายแห่งเรือแพ สู่หาดทรายชายทะเล, ท่าเรือแห่งผืนทราย
มาเรีย กลารา ชารูปี ฆัว กวีชาวเอกวาดอร์ จูบฉันให้เมามาย จูบฉันให้เมามายเถิด, ที่รัก จุมพิตริมฝีปากฉัน สางเรือนผมด้วยนวลนิ้วอ่อนนุ่ม มือเธอเสาะสารวจบทเพลงศักดิ์สิทธิ์แห่งดอก วานิลลา แก้กาไลข้อเท้ามาคีช ถอดเข็มขัดชากาบออกจากสะโพก เปลือยเปล่า, รอคอยเธออยู่ อาศัยในเรือนเหย้า ฉวยฉันไว้ด้วยถ้อยคาละเมียดละไม เผาความหวาดกลัวให้ลุกไหม้ ด้วยเปลวไฟแห่งผิวหนัง
จูบฉันให้เมามายเถิด ด้วยชิชา หมักบ่มในน้าลาย ด้วยภูมิปัญญาแห่งอารูตัม จงอย่าไป, ที่รัก ฉันอยากตื่น ในอ้อมแขนฝ้ายสาลี เพื่อดาดิ่ง ยังความลุ่มลึกของเธอ เพื่อหลับใหล ในอัญมณีแห่งดวงตาเธอ.
Maria Clara Sharupi Jua Ecuadorian poet Make me drunk with your kisses* Make me drunk with your kisses, my love kiss my lips untangle my hair with your silken fingers explore with your hands the sacred song of the vanilla flower untie the makich anklet remove the shakap belt from my hips naked, I await you Live in my home take me with the tenderness of your words burn my fears with the fire of your skin Trace my path with the oars of your raft come to the shores of the beach, my harbour of sand Make me drunk with your kisses with the chicha fermented in saliva with the wisdom of Arutam
Don't go, my love I want to wake in your arms like cotton to dive into your depths to fall asleep in the jewel of your eyes.
*หมายเหตุ ต้นฉบับบทกวีบทนี้เขียนด้วยภาษา ชูอาร์ (Shuar) ภาษาถิ่นของเอกวาดอร์ แปลเป็น ภาษาอังกฤษโดย นาตาลี เคลลี่ (Nataly Kelly)
แนะนำหนังสือ สิตสุ
มุ่งเมืองแมน (The Journey of Ibn Fattouma) นำกิบ มำห์ฟูซ เขียน, แคน สังคีต แปล, ดอกหญ้ำ พิมพ์ เมื่ อ สิ ตุ ส ได้ รั บ มอบหมายให้ เ ขี ย นแนะน าหนั ง สื อ ก็ เ กิ ด ปิ๊ ง หนั ง สื อ ในดวงใจขึ้ น หลายเล่ม อยากจักแนะนาเสียให้หมดไปจากอก แต่ด้วยพื้นที่หน้ากระดาษจากัด เราจึงต้องคัด สรรมาสั ก หนึ่ ง เล่ ม เพื่ อ แนะน าให้ ท่ า นผู้ อ่ า น แรกเริ่ ม เดิ ม ที สิ ตุ ส ตั้ ง ใจจะแนะน าหนั ง สื อ ออกใหม่ล่าสุด แต่พอจะลงมือเขียนแนะนา ก็ไพล่นึกถึงงานของนำกิบ มำร์ฟูซ นักเขียนโนเบล แห่ ง อี ยิ ป ต์ ขึ้ น มาทั น ที ทั น ใด แหม พอพู ด ถึ ง อี ยิ ป ต์ แ ล้ ว คนส่ ว นใหญ่ ถ้ า ไม่ นึ ก ถึ ง ปิ ร ามิ ด กิเซ่ห์หรือเจ้าสฟริงซ์แล้ว ก็คงนึกถึงแม่นางราชินีจ้าบ๊ะคลีโอพัตรา สิตุสอยากชวนให้นึกถึงนักเขียน อียิปต์อย่าง นำกิบ มำร์ฟูซบ้างเถอะนา สาหรับคราวนี้ สิตุสจักแนะนาผลงานของ มาร์ฟูซเรื่อง มุ่งเมืองแมน ที่ขุนดาบ แคน สังคีต บรรจงแปลให้ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นภาษาไทย เรื่องราวของ ไอ้หนุ่มลุ่มน้าไนล์ที่ผิดหวังจากรักแรกด้วยระบบสังคมเส็งเคร็งแห่งอียิปต์ ไอ้หนุ่มจึงตั้งเป้าแสวงหา สังคมที่ดีกว่า เปลี่ยนผ่านสังคมระบบทาส เผด็จการ ทุนนิยม ไอ้หนุ่มเฝ้าฝันถึงโลกพระศรีอาริย์ แห่ ง อี ยิ ป ต์ หรือ ยู โ ธเปี ย บนแดนไอยคุ ป ต์ เขาเรี ย กมั น ว่ า ยี บี ล นั่ น คื อ อุ ด มคติ ข องคนหนุ่ ม ทว่าอุปสรรคหาใช่การที่สังคมในความฝันมีตัวตนหรือไม่ หากเป็นการที่ไอ้หนุ่มจะไปถึงสังคมแบบ
นั้นได้อย่างไรกัน นวนิยายเรื่องนี้ควรค่าแก่การอ่านยิ่ง สิตุสบอกได้เพียงประโยคเดียวว่า ไม่อ่าน คงตายเปล่า คุณไม่ต้องเชื่อสิตุสหรอก เพียงแค่คุณพบหนังสือเล่มนี้ แล้วคุณอ่าน เท่านั้นแหละ
แนะนำหนังสือ ติส ต์
หญิงรักร้าง (La Femme abandonnée) ออนอเร่ เดอ บัลซัค เขียน, วัลยา วิวัฒน์ศร แปล ผีเสื้อ พิมพ์ ควำมสำเร็จของบัลซัคก็คือ เขำเรียงร้อยนำฏกรรมชีวิตได้ยืดยำวและเข้มข้นเสียจนคนที่ เผลอจดจำเขำเสียแล้ว ไม่อำจลืมเขำได้ หญิงรักร้ำงเป็นรวมสองเรื่องสั้น เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับหญิงที่ ร้ำงรักซ้ำแล้วซ้ำเล่ำ อีกเรื่องหนึ่งเกี่ ยวกับชำยหนุ่มผู้รักร้ำงฉับพลัน บัลซัคเป็นผู้มีเลือดนักเขียน ข้นคลั่ก และบรรจงสร้ำงฉำกและโครงเรื่องในชนิดที่ไม่ใช่ใครจะทำได้ง่ำยๆ นี่ไม่ใช่บทแนะนำ หนั ง สื อ ที่ ดี นั ก เพรำะมั น ไม่ อ ำจเปิ ด เผยอะไรได้ ม ำกกว่ ำ นี้ อี ก ผลงำนของเขำรอคอยอยู่ ใ น ตัวหนังสือ วิญญำณของโพมิธิอุสแห่งวงกำรวรรณกรรม ซุกซ่อนอยู่ระหว่ำงบรรทัด ในเรื่ อ ง เขำเขี ย นถึ ง ตั ว ละครตั ว หนึ่ ง รำวเป็ น สั จ ธรรมของมนุ ษ ย์ ทุ ก นำมว่ ำ "และ ดูเหมือนว่า [เขา] จะถูกห่อในไม่ช้า จะมีผู้ร่าไห้ แล้วเขาก็จะถูกลืมเลือน" หำกนี่เป็นเป้ำประสงค์ที่ แท้จริงของบัลซัค ควำมล้มเหลวของเขำก็คือ เขำประสบควำมสำเร็จมำกเกินไป
แนะนำหนังสือ ชัชชล
ทะลวงวัตถุนิยมทางจิตวิญญาณ (Cutting Through Spiritual Materialism) เชอเกียม ตรุงปะ เขียน, วิจักขณ์ พานิช แปล มูลนิธิโกมลคีมทอง พิมพ์ ขณะที่ลงมือตอกแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กเก่ำๆ หนังสือหน้ำปกสีแดงสะดุดใจเล่มนี้คง เดินทำงกลับบ้ำนเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่บ้ำนของมันที่ทิเบต หรือมหำวิทยำลัยนำโรปะ ที่โคโรลำโด แต่เป็นบ้ำนเกิดของผมที่เมืองใหญ่แห่งหนึ่งในภำคใต้ สิ่งตกค้ำงในหัวที่พอจะเอำมำเขียนวิจำรณ์จึงไม่ใช่บรรทัดธรรมหรือคำเทศนำที่ หนังสือเล่มนี้บรรจุไว้ แต่เป็นควำมทรงจำและกลิ่นจำงๆ ของอำรมณ์ควำมรู้สึก ผมเป็นคนบ้ำจำพวกหนึ่งที่เชื่อในชะตำกรรม และควำมไม่แน่นอนของชีวิต คิดว่ำยิ่งเรำกำหนดกฏเกณฑ์ไว้มำกเท่ำไหร่ ชีวิตจะยิ่งหลงทำง หลงทำง เพรำะก้มลงมองแผนที่ทีไร ชีวิตไม่เคยเดินไปทำงนั้น ไม่ก็เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน... ไม่ถึงปลำยทำงสักที
ใช่ ชีวิตคือกำรเดินทำง ผมไม่ปฏิเสธ แต่ผมไม่เชื่อว่ำจะมีเข็มทิศ แผนที่ หรือรถรำนำพำไป และปลำยทำงไม่ใช่คฤหำสน์หลังใหญ่ หรือจุดสูงสุดของขุนเขำ แท้จริงแล้ว ปลำยทำงของชีวิตต้องกำรแค่บ้ำนสักหลัง เป็นบ้ำนเกิดที่จำกมำ แต่อำจไม่เคยกลับไปถึง สัมผัสได้เพียงภำพในควำมทรงจำและกลิ่นจำงๆ ของอำรมณ์ควำมรู้สึก แต่ทั้งหมดนั้นก็มีอยู่จริงมิใช่หรือ? กระทั่งอยู่กับเรำตลอดเวลำ มิพักต้องมองหำที่ปลำยทำง หำกตระหนักว่ำกำรเดินทำงของชีวิตคือจุดหมำยในตัวเอง ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ปล่อยให้ชีวิตได้เริงรำบนหลังม้ำแห่งโชคชะตำ เช่นเดียวกับที่ชะตำกรรมทำให้ผมต้องเขียนถึงหนังสือเล่มนี้จำกควำมทรงจำ ผมไม่เสียใจ มิหนำซ้ำยังนึกขอบคุณ...
มรสุมฯ ภูมิใจเสนอ สุวรรณี สุคนธา (2475-2527) “คุ ณ เห็ น คลื่ น ในทะเลมั้ ย คะ” ฉั น ว่ า “ฉั น เคยไปกั บ ผู้ ช ายจน นับไม่ได้เหมือนคลื่นในทะเลนั่นเอง” ฉันเริ่มเสียดแทงเขา ฉันย้้าให้ เขาฟังว่าไม่ใช่เขาคนเดียวเท่านั้นหรอกที่ได้ เคยเป็นเจ้าของร่างกาย ของฉัน”- สุวรรณี สุคนธา (เรื่องสั้น: บางทีพรุ่งนี้จะเปลี่ยนใจ)
สุวรรณี สุคนธา เป็นนามปากกาของสุวรรณี สุคนธ์เที่ยง เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2475 จบการศึกษาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาจิ ต รกรรมมหาวิ ท ยาลั ย ศิ ล ปากร เป็ น ครู ส อนศิ ล ปะที่ โรงเรียนศิลปศึกษา ก่อนไปเป็นอาจารย์ประจาที่ มหาวิทยาลัย ศิลปากร "จดหมายถึงปุก" (2508) เรื่องสั้นเรื่องแรกของเธอ ได้รับ การตีพิมพ์ในสตรีสาร ใช้นามปากกาว่า "สุวรรณี" ต่อมา ประมูล อุณหธูป บรรณาธิการสยามรัฐ สัปดาห์วิจารณ์ ได้ตั้งนามปากกาให้ใหม่ว่า "สุวรรณี สุคนธา" เมื่อได้ส่งเรื่องสั้นให้ตีพิมพ์ในสยามรัฐ ผลงานการเขียนของสุว รรณีมีจุดเด่นตรงการเน้นตัวละครที่สมจริง ตัวเอกของเรื่องมิใช่ คนสวยวิเศษแสนดีตามแบบฉบับที่นิยมกันในสมัยนั้น แต่มีชีวิตจิตใจ อารมณ์ และกิเลสเหมือน บุคคลทั่วไปที่ผู้อ่านสามารถพบเจอได้ในชีวิตจริง ทั้งตัวละครยังสะท้อนด้านมืดของความเป็น มนุษย์ ภาษาที่ใช้เรียบง่าย งดงาม และเสียดสีสังคม ผลงานที่ โ ดดเด่ น ของเธอ อาทิ เขาชื่ อ กานต์ (2513) ความรั ก ครั้ ง สุ ด ท้ า ย (2514) คนเริงเมือง (2516) เรื่องของน้าพุ (2517) เก้าอี้ขาวในห้องแดง (2518) ฯลฯ* บางทีพรุ่งนี้จะเปลี่ยนใจ เป็นเรื่องสั้นในหนังสือ งูร้องไห้ดอกไม้ยิ้ม สานักพิมพ์ฟรีฟอร์ม
* เรียบเรียงจาก Wikipedia.org ** มรสุมวรรณกรรมขอขอบคุณผูถ้ ่ายภาพนี้มา ณ ที่นี้ด้วย
มรสุมฯ ภูมิใจเสนอ Morgan Sportès, French writer (1947- )
"ศรี ภ ริ ย าเสนาบดี อ อกปากถามว่ า ใครสวยกว่ า กั น ระหว่ า งสตรี ส ยามกั บ ฝรั่ ง เศส ท่ า นราชทู ต (โกษาปาน) ใช้ โ วหารเลี้ ย วลดตอบว่ า สาวฝรั่ ง เศส และในบรรดาสาวชาวฝรั่ ง เศสนั้ น คื อ มาดาม แซนเญอเล (ภริ ย าเสนาบดี ) แล้ ว ถ้ า มาดามแซนเญอเลจจะได้ แ ต่ ง กายแบบสาวชาวสยาม ก็จะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกโดยมิพักต้องสงสัย เมื่อถามว่า สาวๆ ชาวสยาม เธอแต่งกายอย่างไรกัน ท่านก็ตอบว่า พวกเธอเปลือยครึ่งท่อน"- Morgan Sportès (เงาสยาม ยามพลัดแผ่นดินพระนารายณ์)
มอร์ ก าน สปอร์ แ ตซ เป็ น นั ก เขี ย นสั ญ ชาติ ฝ รั่ ง เศส เชื้ อ สายแอลจี เ รี ย เกิ ด เมื่ อ วั น ที่ 12 ตุลาคม 1947 ที่เมืองอัลเฌ่ (Algers) ประเทศแอลจีเรีย จบการศึกษาระดับปริญญาสาขา วรรณกรรมและประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซอรฺบอนนด์ (Sorbonne) ประเทศฝรั่งเศส ประสบการณ์ชีวิตวัยเด็กในช่วงสงครามแอลจีเรียนั้น เขานามาถ่ายทอดไว้ในนวนิยายเรื่อง Outremer (1989) ขณะที่ประสบการณ์ระหว่างการเคลื่อนไหวประท้วงครั้งใหญ่ของนักศึกษา
กรรมกร และขบวนการฝ่ายซ้ายที่กรุงปารีสในเดือนพฤษภาคม 1968 ได้ปรากฎอยู่ในงานนวนิยาย เรื่อง Maos (2006) ในปี 1973 มอร์กาน สปอร์แตซได้สัมผัสกับซีกโลกตะวันออกเป็นครั้งแรกโดยเขาเดินทาง มาเมืองไทย ในตาแหน่งอาสาสมัครของรัฐบาลฝรั่งเศส ทางานในตาแหน่งอาจารย์สอนภาษาและ วรรณคดีฝรั่งเศสที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะนั้นเป็นช่วงสงครามเวียดนาม และกรุ งเทพฯ ก็ ยั ง ไม่เป็ น ที่ รู้จัก ส าหรับ นั ก ท่ องเที่ ย วต่ า งชาติ ประสบการณ์ก ารผจญภั ย ทาง อารมณ์ วัฒนธรรม และการเมืองครั้งนั้น ได้กลายเป็นที่มาของนวนิยายเล่มแรกในชีวิตของเขาที่ ชื่อว่า Siam (1982) หลังจากใช้ชีวิตเป็นนักเดินทาง และนักหนังสือพิมพ์อยู่ชั่วระยะหนึ่ง มอร์กาน หันมายึด อาชีพนักเขียน เขาเขียนถึงชีวิตวัยรุ่นฝรั่งเศสที่ตกเป็นเหยื่อของสังคมแห่งการบริโภคไว้ในหนังสือ เรื่อง L’Appât (1990) ซึ่งแบร์ทร็องด์ ตาแวร์นิเยร์ (Bertrand Tavernier) ผู้กากับมือดีของ ฝรั่งเศสนาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และได้รับรางวัลหมีทองคาจากเทศกาลหนังกรุงเบอร์ลิน ต่อจากนั้น เขาก็เริ่มสนใจศึกษาค้นคว้าหลักฐานจดหมายเหตุว่าด้วยความสัมพันธ์ไทยฝรั่งเศสในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 และหันมาเขียนนวนิยายเล่มสาคัญสองเล่มเกี่ยวกับสยามใน สมัยพระนารายณ์ ได้แก่ นวนิยายเรื่อง Pour la plus grande gloire de Dieu (1993) และ ความเรียงเชิงประวัติศาสตร์เรื่อง Ombres siamoises (1995) โดยหนังสือทั้งสองเล่ม ได้รับการ แปลเป็นภาษาไทยโดยคุณกรรณิกา จรรย์แสง ในชื่อ "รุกสยามในพระนามของพระเจ้า" และ "เงา สยาม ยามผลัดแผ่นดินพระนารายณ์" ตามลาดับ*
* เรียบเรียงจาก morgansportes.net ** มรสุมวรรณกรรมขอขอบคุณผูถ้ ่ายภาพนี้มา ณ ที่นี้ด้วย
คำเตือน! ถ้ ำ ต้ อ งกำรค ำพู ด สวยงำม จิ น ตนำกำรสี ช มพู ข้ อ ควำมสบำยใจ ไปหำที่ อื่ น นะครั บสั ส !!! ที่ นี่ จ ะมี แ ต่ สิ่ ง อุ บ ำทว์ ควำมคิ ด วิปริ ต วิต ถำร ข้ อ ควำมไม่ เ ข้ ำ หู ใครรั บ ไม่ ไ ด้ เ ชิ ญ สั ส "เชิ ญ " พู ด ไปหลำยครั้ ง แล้ ว บทสั ม ภำษณ์ โหดสั ส !! ชื่ อ ก็ บ อกแล้ ว หยิ บ ขึ้ น มำอ่ ำ นพวกคุ ณ ต้ อ งกำรอะไรหรอสั ส ต้ อ งกำร คำเทศนำจำกพระเซเลบกับเด็กน้อยน่ำรักหรอ กรุณำเข้ำใจเจตนำรมณ์ของ บทสัมภำษณ์ด้วยนะสัส แล้วไม่ต้องมำแพ่ม กูจะไม่หยุดพูดเรื่องโหดสัส หื่นสัส น่ำเกลียดสัส โสโครกสัส ต่อไป รับไม่ได้... เชิญ... ส่วนใครที่แม่งโหดสัส มีอะไรแบบโหดสัสๆ มึงจะรอให้ควยโด่ทำไม นักว่ำวทั้งโลก จงรวมตัวกัน!
สัมภาษณ์พิเศษ (สัสๆ)
มึงคิดว่าทาไมพวกกูถึงอยาก สัมภาษณ์มึง? 001 – เพรำะกูโหดสัส 002 - กู รู้ว่ ำ มึ ง อยำกเย็ ด พวกกู ล่ ะ สิ อย่ำทำเป็นเนียนสัส พวกกูไม่ชอบถูกเย็ด แต่ พวกกูชอบเป็นผู้เย็ดสัส 003 – นั่นสิ แล้วมึ งคิดไงสัมภำษณ์ พวกผมล่ะ??????!!! 005 – มึง อยำกเกำะเพจกู ดังสิ นะ สั ส กูรู้นะ จะบอกอะไรให้นะสัส มึงแม่งก็เป็นได้แค่ ขั้นบันไดให้กูเหยียบแหละ สัส 007 - ไม่ใช่เรื่องต้องคิด กูว่ำใครๆก็อยำกจะ สัมภำษณ์พวกกูทั้งนั้นสัส
จนถึงบัดนี้พวกมึงได้นัดเย็ด กับแฟนๆ บ้างยัง? 001 - ยังเลยวะสั ส แม่งลี ลำกันทั้ งนั้ น ดีแต่แทะโลมกู ไม่ยอมนัดเย็ดซักที 002 - นับไม่ถ้วนแล้วสัส เดี่ยวๆ มั่ง สวิงมั่ง แล้วแต่อำรมณ์ ครั้งนึง กูเคยสวิงกับ แฟนเพจคนนึ ง ตอนนั้ น เหมื อ น 007 แม่ ง ดู ก ำ ร์ ตู น อ ยู่ ห้ อ ง ข้ ำ ง ๆ ม ำ รู้ สึ ก ตั ว อี ก ที ค ว ย กู ก็ ปั ก อ ยู่ ใ น ตู ด 007 แ ล้ ว สั ส โหดสัสไหมล่ะมึง 003 – ยังเลยว่ะ แต่ใครๆ ก็รู้ว่ำผมอยำกเย็ด มำก แต่ทำไงได้วะ เย็ดคนนึงอีกคนก็มีปัญหำ ผมเลยตัดสินใจสำเร็จควำมใคร่ตัวเองไปวันๆ คิดว่ำแม่งแฟร์กว่ำว่ะ …(หล่อเลย) 005 – มึงอยำกนัดเย็ดกับกูสินะ 007 - แอดมินคนอื่นกูไม่รู้ แต่ไม่มีแฟนๆ ใน เพจที่ทำให้กูรู้สึกอยำกเย็ดด้วยเลยสัส แต่เท่ำที่ จ ำ ไ ด้ วั น นึ ง กู นั่ ง ดู ก ำ ร์ ตู น อ ยู่ สั ส อยู่ ดี ๆ รู้ สึ ก แสบตู ด เหมื อ นถู ก ไฟไหม้ ด ำก แต่กูไม่ได้ใส่ใจ พอกูดูจบ หันกลับไป 002 แม่ง นั่งเปลือยท่อนล่ำงอยู่ หลังกู กูเพิ่งรู้ควำมจริง ตอนตอบสัมภำษณ์นี่เอง ไอสัส 002!!!!
คิ ด ว่ า ท าไมถึ ง มี ค นไลค์ ก ว่ า แสนคน?
001 - กูชอบโพสต์ภำพน่ำรักๆวะ พวกแมว หมำ เด็กน่ำรักอะไรแบบนั้น เพื่อล่อให้คนปกติ ทั่วไปหลงเข้ำมำไลค์เพจกู พอจำนวนคนเพิ่มได้ ถึ ง จุ ด ที่ กู ต้ อ งกำร พวกกู ก็ จ ะจั ด หนั ก เพศ ศำสนำ รูปโป๊ ให้พวกแม่งมำดิ้นกัน กูชอบมำก เวลำคนมำคอมเม้นท์ว่ำ "กูจะอันไลค์เพจมึง " "นรกกินกบำล" "บำป" ฯลฯ กูมีควำมสุขจริงๆ กับสิ่งที่กูทำ 002 - ไม่รู้เลยสัส ตอนกูทำเพจขึ้นมำร่วมกับ 001 กูไม่่ด้ ไ สนจำนวนคนไลค์เลยนะ แค่ทำเพจ ขึ้นมำเพื่อปลดปล่อยควำมส้นตีน ที่ แม่งหมักห มนอยู่ ดั่ง ขี้ เปีย กที่ ไม่ ไ ด้ ล้ ำงเท่ ำนั้ น จู่ก็ มี พ วก เหี้ยนี่มำกดไลค์เพจกู จำกพัน ก็เป็นหมื่น แล้ว ก็เป็ นแสน ไอ้สัส กูล่ ะงงจริงๆ ว่ำแม่งมี คนที่ โหดสั ส เยอะเหี้ ย ๆแบบนี่้ แต่ บ ำงตั ว แม่ ง ก็ อ่อนสัส ไม่โหดแต่เสือกอยำกไลค์เข้ำมำ อยำก เสนอหน้ ำ ในเพจกู แต่ พ อกู โ พสอะไรท ำร้ ำ ย จิตใจ แม่งก็รับไม่ได้ ออกมำดิ้น ทั้งที่กูเตือนไว้ แล้วใน Info แต่พวกแม่งก็ไม่อ่ำนกัน ไอ้สัสกูขำ 555555 003 – เคยคิดนะแต่ผมต้องไปหำคำตอบกับอีก แสนกว่ำคนเลย แต่ผมจะตอบแบบสันนิ ษฐำน นะกันว่ำคนประเทศนี้แม่ งเริ่มโหดสัสขึ้นทุกที แล้วว่ะ 55555 005 – กูคิดว่ำแม่งเป็นไปตำมสภำพสังคม กู ตอบสั้นๆ นะ ที่เหลือมึงใช้สมองมึงคิดต่อยอด เอำเองว่ำกูสื่ออะไร 007 - ก็ ง่ ำยๆ คนเรำแม่ ง มีด้ ำนเลวๆ ด้ำนมืดอยู่ในจิตใจ ที่แสดงออกในชีวิตจริงไม่ได้ สุดท้ำยต้องมำระบำยหน้ำคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็น ที่ที่ไม่สำมำรถเห็นหน้ำค่ำตำกันได้ง่ำ ยๆ เพจ โหดสัสมันสำมำรถตอบสนองด้ำนมืดของพวก มึ ง ได้ สำมำรถโพสต์ ค ำหยำบโลนที่ พ วกมึ ง กระดำกปำกที่ จ ะพู ด เพรำะมี สิ่ ง ที่ เ รี ย กว่ ำ
" ภ ำ พ ลั ก ษ ณ์ " ต้องปกป้อง แต่ที่นี่พวกมึงแสดงออกได้อย่ำง อิสระอย่ำงไม่มีกำรเซ็นเซอร์ พวกมึงก็เลยมำ กดไลค์ กั น ไงสั ส มั น สะท้ อ นให้ เ ห็ น ว่ ำ โลกนี้ ประเทศนี้แม่งน่ำกลัวสัส
ตั้ ง แต่ เ ปิ ด เพจ มี เ หตุ ก ารณ์ อะไรบ้างที่เกิดขึ้นกับเจอหรือ แอดมินที่พวกมึงรู้สึกว่าแม่ง โหดสัส? 001 - ตอนศึกกั บสมำคมรี พอร์ ทไงมึ ง กู นึ ก ว่ ำ ตั ว เองก ำลั ง อยู่ ใ นสงครำม แม่ ง มั น ส์ สัสๆ หลังแม่งประกำศยอมแพ้ก็มีมำป่วนกูเป็น ระยะๆ กูขำสัสๆ 002 – ก็พวกภำพล้อเลียนศำสนำต่ำงๆ นี่ แ หละสั ส ด้ ว ยควำมสั ต ย์ จ ริ ง ส ำหรั บ กู ภำพล้ อ เลี ย นพวกนี้ มั น ถู ก สร้ ำ งขึ้ น มำเพื่ อ ท ำให้ พ วกมึ ง ข ำ แต่ แ ม่ ง เสื อ กมี พ วกซี เ รี ย ส จริ ง จั ง แม่ ง ไม่ ข ำ แถมมำดรำม่ ำ ในเพจกู อี ก มึ ง จะดรำม่ ำ ท ำควยอะไร ภำพกู ก็ ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น คนท ำ บำงอั น แม่ ง ก็ เ ป็ น งำนศิ ล ปะ บำงอั น กูเห็นว่ำไม่แรงตรงไหน แม่ง ก็มีพวกโลกสวย ออกมำดรำม่ ำ เลยท ำให้ กู รู้ ว่ ำ จิ ต ใจพวกมึ ง นั่ น แหละที่ แ ม่ ง โหด สั ส ปำก บอกว่ ำ รั บ ควำมแตกต่ ำงได้ แต่ จิ ต ใจพวกมึ ง แม่ ง คับ แคบสั ส มึ ง ต้ อ งเข้ ำ ใจสัส ว่ ำ คนเรำแม่ ง มี หลำกหลำย ถ้ำมึงรับไม่ได้ที่พวกกูเป็นแบบนี้ มึงก็ Unlike ไปซะ แค่นี้มึงก็ไม่ต้องรับรู้ว่ำมี เพจชื่อ โหดสัส อยู่บนโลกแล้ว
003 – ก็ไอ้เรื่องสมำคมรีพอร์ตหีแตดแห่ง ประเทศไทยแหละ ช่ วงนั้ นทำจิต ใจผมเพลี ย และเส้นมำกๆ แต่ก็ดีนะพวกผมดังช่วงนั้นว่ะ คิคิ 005- จริงๆ แล้วเพจกูมีเหตุกำรณ์โหดสัสทุกวัน แหละ สัส 007 – มีอยูช่ ่วงหนึง่ พวกกูเล่นประเด็นเกี่ยวกับ ที่ อ ดี ต นั ก ร้ อ ง น ำ ว ง ร็ อ ค ไ ท ย ว ง นึ ง ก็อปปี้ MV และเพลงต่ำงประเทศ มันก็มีแฟน คลับคนนึงออกมำด่ำพวกกู จำกนั้นก็ตำมรำวี ป่วนเพจอยู่หลำยวัน บอกให้พวกกูเลิกล้อเลียน ศำสนำ (ซึ่งก็คือกำรลงภำพงำนศิลป์ ) พวกกูก็ ไม่สนใจ วันต่อๆ มำๆ มันก็ยังคงมำโพสต์ เรี ย กร้ อ งควำมสนใจ ประมำณว่ ำ จะต้ อ ง เปลี่ยนแปลงพวกกูให้ได้ เพรำะมันอยำกจะให้ โลกนี้สวยงำมในแบบของมัน แต่พอพวกกูไป สืบประวัติมำในเฟซแม่งฮำ มีรูปศพเด็กผู้หญิง ขำดครึ่งตัวไส้ทะลักเต็มถนนโพสต์อยู่ในเฟซมัน บอกว่ำเอำมำจำกมือถือ แล้วมันก็คุยในเฟซว่ำ มัน ชอบรู ปนี้ โหดสั ส ไหมละมึ ง แถมตอนที่ มี ดรำม่ ำ เรื่ อ งศิ ล ปิ น คนนั้ น มั น ก็ ไ ปโพสต์ โ ม้ ในเฟซมัน ประมำณว่ำมันมำสั่งสอนพวกกูแล้ว แล้ ว ก็ มี เพื่ อ นๆของมั น มำชำบู ๆ กู ล ะข ำสั ส ๆ แม่งเป็นกำรกระทำของพวกอยำกได้หน้ำชัดๆ
ส่ ว นตั ว แอดมิ น แต่ ล ะคน สมาทานอุ ด มการณ์ ท าง ก า ร เ มื อ ง อ ะ ไ ร ห รื อ ไ ม่ ทาไม?
001 - กูว่ำกำรเมืองไทยแม่งเป็นเรื่องตลกวะ ตลกร้ำยด้วยนะมึง แม่งมีลักษณะเฉพำะแบบ ไทยๆที่เพี้ยนๆในหลำยมุม สรุปกูขำวะสัส 002 - กูไม่สนใจว่ะ ว่ำแอดมินคนอื่นจะมี อุ ด มกำรณ์ ท ำงกำรเมื อ งยั ง ไง หรื อ นั บ ถื อ ศำสนำหรือไม่ สำหรับกูทุกอย่ำงในโลกนี้แม่ง เหี้ยไปหมด เอำจริงๆพวกมึงแม่งอยู่ในโลกที่ เ หี้ ย ม ำ ก ๆ แ ต่ มี ค น บ ำ ง ก ลุ่ ม ที่ ท ำ ใ ห้ พวก มึ งมอง เรื่ อ ง เหี้ ย ๆ รอ บตั วมึ งเป็ น เ รื่ อ ง ธ ร ร ม ด ำ เ ป็ น เ รื่ อ ง รั บ ไ ด้ กู ข อ ไม่ ย กตั ว อย่ ำ งแล้ ว กั น ว่ ำ เรื่ อ งอะไร แต่ กำรที่ มึ ง เห็ น "สิ่ ง ที่ ไ ม่ ป กติ ใ นโลก เป็ น เรื่ อ ง ปกติ " พวกมึ ง แม่ ง โดนหล่ อ หลอมให้ เ ป็ น พลเมืองที่เชื่องในปศุสตั ว์แล้วสัส 003 – ผมก็ศึกษำติดตำมข่ำวสำรอยู่ตลอดนะ ไม่อยำกพูดไรมำก เป็นคนพูดเป็นกำรเป็นงำน ไม่ ค่ อ ยเป็ น ชอบอ่ ำ นมำกกว่ ำ แล้ ว ก็ ยิ้ ม หรื อ สมเพชในใจ 005 - ถำมส้นตีนๆแบบนี้เดี๋ยวกูเอำเก้ำอี้ฟำด หน้ำแม่งเลย สัส 007 - กูไม่สนใจกำรเมืองไม่ว่ำกรณีใดๆ เพรำะ กู มี ค วำมคิ ด ที่ ว่ ำ คนดี ย่ อ มไม่ เ ล่ น กำรเมื อ ง พวกนี้มันควรจะรู้ก่อนเป็นนักกำรเมืองแล้วว่ำ ถ้ำเข้ำวงกำรนี้ มันก็เหมือนเข้ำสู่วงจรอุบำทว์ มึงจะโดนสังคมภำยในหว่ำนล้อม และต้องทำ เรื่องเลวๆตำมน้ำไปเพื่อให้อยู่รอดในแวดวงนั้น ได้ สรุ ป คื อ เข้ ำ ไปก็ เ สี ย คนกั น หมด ดั ง นั้ น สำหรับคนจิตใจดีๆที่มี น้อยนิดในประเทศนี้ กู ไม่แนะนำให้เป็นนักกำรเมืองนะสัส
พวกมึงมีขอบเขตของการล้อ ไหม ถ้ า มี ขอบเขตนั้ น คื อ อะไร? 001 - ไม่ มีว ะสั ส บำงที กู ยัง ล้ อ ตัว เอง หรื อ กระทั่ ง กวนตี น แอดมิ น กั น เองเลยวะ แม่งมันส์สัสๆ 002 - สำหรับกูขอแค่ ฮำ ว่ะ แม่งเป็นสิ่งที่กูคิด ว่ำ ฮำ 003 – ไม่มีเลยว่ะ ถ้ำมีก็ไม่เรียกว่ำโหดสัสสิวะ 005 - ่ม่ ไ มี สัส 007 - สำหรับกู กูจะโฟกัสไปที่ควำมจริงบน โลกกับเรื่องขำๆ ฮำๆ มำกกว่ำ ถ้ำลองสังเกต จะเห็ นได้ว่ ำ 007 ไม่ เคยเล่น ประเด็ นศำสนำ ห รื อ เ รื่ อ ง ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น ไ ม่ ใ ช่ เ พ ร ำ ะ กูเป็นคนดี แต่เพรำะแอดมินคนอื่นเล่นเรื่องอื่น ไปแล้ว กูไม่อยำกดัดแปลงหรือทำซ้ำสัส
นักเขียนคนไหนหรือหนังสือ เล่มไหนที่อ่านแล้วชอบมาก รู้สึกว่าแม่งโหดสัส? 001 - กูชอบโกวเล้ง กิมย้งว่ะ ฤทธิ์มีดสั้นแม่ง กินใจกูสัสๆ ถ้ำกิมย้งกูชอบ กระบี่เย้ยยุทธจักร แม่ ง ตี แ ผ่ สั น ดำนคนได้ สุ ด ติ่ ง สั ส ๆ ถ้ ำ เป็ น นักเขียนไทยกูจะชอบ ประชำคม ลุนำชัยสัสๆ พยำยำมเก็บให้ครบทุกเล่ม รวมทั้งงำนเขียน ของชำติ กอบจิ ต ติ (ยุ ค แรก) อย่ ำงทางชนะ จนตรอก คาพิพากษา แม่งกินใจกูและทำให้กู รู้สึกจิตตกตอนอ่ำนรอบแรกอยู่พักใหญ่
นอกจำกนี้ กู ยั ง ชอบอ่ ำ นงำนของคึ ก ฤ ทธิ์ ด ำรงค์ อำรี กุ ล และวั ฒ น์ วรรลยำงกู ร ด้ ว ย ถ้ำโดยรวมก็พวกนิยำย เรื่องสั้นแหละสัส 002 - กูชอบอ่ำนนิตยสำรเพลงว่ะ โดยเฉพำะ เ พ ล ง เ ม ทั ล นี่ ช อ บ สั ส ห ม ำ เ มื่ อ ก่ อ น มี Crossroad, Metal Mag อะไรพวกนี้ แต่ต อนนี้ อ่ำ น Into the Pit อยู่สั ส แม่งเหลืออยู่หัวเดียวแล้วสัส โหดสัสไหมล่ะมึง 003 - ผมชอบอ่ำนกำร์ตูนกับนิยำยแปล สืบสวนสอบสวนว่ะ ไม่ก็พวกนิยำยฆำ่ตกรรม จิ ต วิ ป ริ ต กู ว่ ำ นิ ย ำยพวกนี้ แ ม่ ง ทดสอบจิ ต ใจ และทำให้สมองแล่นได้ดีทีเดียว 007 - ก็คล้ำยๆ 002 กูเป็นคนที่ชอบดนตรี นอกกระแส เฉพำะกลุ่ม โดยเฉพำะดนตรีเมทัล กูเคยอ่ำนทั้ง Music Express, Starpic Music และ Metal Mag จริงๆกูว่ำคนที่ชอบดนตรี แนวนี้ มี เ ยอะ แต่ พ อต้ อ งเสี ย เงิ น ซื้ อ หนั ง สื อ หรืออัลบัมเพลง แม่งก็ไม่ซื้อกัน อ้ำงว่ำไม่มีเงิน บำงคนกู เห็ น รวยสั สหมำ มีเงิน ซื้ อของแพงๆ แต่ ห นั ง สื อ ซี ดี แ ม่ ง ซื้ อ กั น ไม่ ไ ด้ เรี ย กว่ ำ แม่ ง ไ ม่ รั ก กั น จ ริ ง ไ ม่ ส นั บ ส นุ น สิ่ ง ที่ ตั ว เ อ ง (บอกว่ำ) รัก ปัจจุบันเหลือแต่ Into The Pit เล่มเดียวแล้ว แต่กูก็มองว่ำไอพวกนี้แม่งโหดสัส จริงๆ ที่ยังเสือกกล้ำทำหนังสือแนวนี้ออกมำใน ประเทศนี้ ว่ำแล้วก็ไปซื้ออ่ำนด้วยนะสัส
เอากันท่าไหนที่พวกมึงลอง แล้วโหดสัส? 001 – มึงหำสำวๆ มำให้กูสิ เดี๋ยวกูเย็ดท่ำแบบ โหดสัสให้ดูกันสดๆ 002 – ของกู เริ่ ม จำกกำรเย้ด ตู ด แบบ ไม่ ท ำวำสลี น ก่ อ นสั ส แม่ ง ฝื ด ๆ ดี จำกนั้ น
จัดกำรปั่นด้วยป่ำเฮลิคอปเตอร์ แล้วใช้ท่ำฤๅษี ข ย่ ม ต อ จ ำ ก นั้ น ค่ อ ย เ อ ำ ค ว ย เ ปื้ อ น ขี้ มำป้ำยหน้ำ โหดสัสไหมล่ะมึง 003 – ผมอยำกลองแถวท่ำเรือหรือท่ำน้ำ ดู บ้ ำ งฮะ เวลำคนรอเรือ แล้ ว ดู ผ มเย็ ด กั น ไป แมร่งได้อำรมณ์ ผมชอบโชว์บอกตรงๆ 007 - กูว่ำต้องท่ำพระจันทร์ว่ะ โดยเฉพำะใน มธ.
007 - แล้ ว แต่ อ ำรมณ์ สั ส บำงครั้ ง ก็ เครื่องใช้ไฟฟ้ำ บำงครั้งก็สัตว์เลี้ยง เช่น แมว ของ 003 แต่ที่บ่ อยๆ ก็ปรำกฏกำรณ์ทำง ดำรำศำสตร์ โดยเฉพำะสุ ริ ยุ ป รำคำ กู รู้ สึ ก เหมื อ นได้ ม องพระจั น ทร์ เย็ ด กั บ พระอำทิ ต ย์ แม่งเสียวสัสๆ
นิยามสิ่งต่อไปนี้ 3 บรรทัด เวลาชักว่าวชอบนึกถึงอะไร? -มนุ ษ ย์ -ศาสนา-การเมื อ งเซ็กซ์ 001 - กูชอบเปิดหน้ำเพจ นั่งชักว่ำวสมำชิก ตกลงอะไรกั น แน่ ที่ โ หดสั ส เพจสำวๆในเพจเรียงตำมตัวอักษร A-Z เลยวะ แม่งได้ฟิลดีสัสๆ สำวๆ ในเพจกูน่ำเย็ดทั้งนั้น ตัวมึงหรือสังคมที่มึงอยู่? เลยนะมึง 002 - กูก็นึกไปเรื่อยสัส แล้วแต่ว่ำวันนี้กูมีแรง และเมื่ อ ไหร่ พ วกมึ ง จะปิ ด บันดำลใจอะไร บำงวันเป็นคน บำงวันเป็นสัตว์ เพจ?* มันก็แล้วแต่ บำงคร้่งกูก็จินตนำกำรถึงแอดมิ นด้วยกัน จนต้องถ่อรถไปเย็ดถึงห้องก็มี 003 – นึกถึงเวลำได้เย็ด และโดนเย็ดสิครับ 005- ส่วนใหญ่จะเป็น Rina Rukawa, Rico Yamaguchi, Nana Ogura, Mika Osawa, Hitomi Hitagawa, Yuma Asami, Akiho Yoshizawa, Kana Yume, Momoka Nishina, Tsubomi แล้วแต่บำงอำรมณ์ว่ะสัส สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยล่ะ บำงทีกูก็นึกถึงหนัง หน้ำไอ้ 001 บ้ำง บำงวันก็ไอ้ 002 บ้ำง หลับตำเรียกฟิลด์ นึกภำพว่ำแม่งกำลังอมควย กูอยู่ จำกนั้นกูก็เปิดเพลงฟัง ชักว่ำวตำมจังหวะ สแนร์บลำสบีท ควำมเร็ว 325 BPM แล้วก็ จินตนำกำรว่ำแตกใส่ปำกแม่ง โหดสัสไหมล่ะ มึง
001 – ถ้ำสำหรับในเพจกูชอบรูปขี้กั บ รูปอำหำรตอนกลำงคืนวะ กูชอบช่วงนี้ที่สุด กู คิดว่ำแม่งเป็นกำรทดสอบจิตใจอย่ำงนึงนะ แต่ ถ้ำถำมเรื่อง มนุษย์-ศำสนำ-กำรเมือง-เซ็กซ์ กู ว่ ำ แม่ ง ก็ โ หดสั ส หมดแหละ มั น แล้ ว แต่ ว่ ำ มึ ง มองพวกนี้ในแง่มุมไหน แต่ทั้งหมดแม่งก็เริ่ม จำกมนุ ษ ย์ ทั้ ง นั้ น แหละสั ส เพรำะฉะนั้ น คน น่ ำ จ ะ โ ห ด สั ส สุ ด มั้ ง แ ต่ ช่ ำ ง มั น เ ห อ ะ กูไม่ค่อยสนใจวะ ประสำทแดกเสียเปล่ำๆ ส่วน เพจกูปิดหรือไม่อันนั้นมันแล้วแต่อำรมณ์พวกกู วะ แต่ที่แน่ๆ "กูเป็นอมตะ" 002 - เมื่อไหร่กูเบื่อกูก็ปิดเพจเมื่อนั้นแหละสัส ตั้ ง แ ต่ ท ำ ม ำ กู ไ ม่ไ ด้ ส น อ ยู่ แ ล้ ว ว่ ำ
เพจห่ำนี่จะได้รับกำรยอมรับหรือมีคนไลค์เ ป็น แสน ส่วนที่มึงถำมว่ำอะไรที่โหดสัส สำหรับกู สิ่งที๋โหดสัสก็คือ กำรที่มึงเป็นพลเมืองที่เชื่องใน สังคมนั่นแหละ มึงแม่งควำยแน่ๆ ถ้ำคิดว่ำโลก นี้แม่งปกติ แล้วคนแบบนี้แม่งเยอะซะด้วย นั่น ล่ะที่แม่งโหดสัสในควำมคิดของกู 003 – ผมว่ ำเซ็ กซ์ ว่ะ เพรำะอะไรหรอ ถ้ ำ ไ ม่ มี เ ซ็ ก ซ์ ก็ ไ ม่ มี ม นุ ษ ย์ เ กิ ด ขึ้ น ม ำ (แล้วอย่ำมำบอกว่ำทำกิ๊ฟนะมันนอกประเด็น 555 อย่ ำกวนตี น ) ไม่ เ กิ ด ศำสนำ ไม่ เกิ ด กำรเมือง ที่แม่งบำงเรื่องก็สุดแสนจะน่ำรำคำญ ( บ ำ ง ค รั้ ง ) แ ล ะ ผ ม ว่ ำ เ ซ็ ก ซ์ แ ม ร่ ง "โหดสั ส " ที่ สุ ด แล้ว ผมคิ ดงั้ น นะ (ไม่ ต ลกนะ ซีเรียสด้วย) 007 - สำหรับกูมนุษย์แม่งโหดสัสที่สุด พวกมึง และกูเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ำกลัว มีควำมกระหำยใน เรื่อ งชั่ว ๆ บำปหนำ(แต่เสื อกปกป้ องศำสนำ) มนุษย์สำมำรถบันดำลเรื่องเลวๆ ทุกอย่ำงบน โลกนี้ได้ มนุษย์เรียกตัวเองว่ำเป็นสัตว์ประเสริฐ แ ต่ ห ล ำย ๆ อย่ ำ ง ที่ ม นุ ษ ย์ ท ำ กู ม อ ง ว่ ำ เดียรัจฉำนยิ่งกว่ำสัตว์ เอำเรื่องง่ำยๆ อย่ำงกำร เย็ด สัตว์มันยังมีช่วงเวลำที่ต้องผสมพันธุ์ แต่ พวกมึงเมื่อมีคู่ก็เย็ดได้ทุกเวลำที่ต้องกำร คิดแค่ ว่ ำ เป็ น เรื่ อ งส่ ว นตั ว ไม่ มี ใ ครเดื อ ดร้ อ นก็ จ บ พวกมึงมองว่ำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติทั้งๆที่ มันผิดศีลธรรม ควำมชั่วควำมเลวนั้นจะมีคน ทำมำกทำน้ อย มั น ก็ คื อ ควำมชั่ วอยู่ ดี ถ้ ำเอำ ตำมศำสนำที่พวกมึงยึดถือกันไม่ว่ำจะจำกใจ จริ ง หรื อบั ง หน้ ำ มั น ก็ คือ บำป ไม่ ใช่ ว่ำ คนทำ มำกแล้ ว จะไม่ บ ำป มั น ก็ บ ำปโดยทั่ ว ถึ ง นั่ น แหละสัส เห็นมั๊ยสัส สุดท้ำยแล้วมนุษย์ก็คือผู้ บั น ดำลสำมสิ่ ง ที่ เ หลื อ ศำสนำแม่ ง ก็ เ สื่ อ ม เพรำะมนุ ษ ย์ เ พรำะพระสงฆ์ ห ลำยๆ รู ป กำรเมื อ งก็ ก ลำยเป็ น สงครำมชิ ง อ ำนำจของ
มนุษ ย์ เซ็ กซ์ ก็อ ย่ำ งที่ บอกไป พวกมึง เย็ ดกั น เป็นเรื่องปกติ กว่ำจะไปเจอคู่ชีวิตแม่งก็ควยจิ๋ม พังกันหมดแล้ว ส่วนเรื่องปิดเพจถำมทำไมวะ ในเมื่อควำมโหดสัสยังมีอยู่ในสังคม เพจนี้ก็จะ ไม่ตำยจำกไปไหนอยู่แล้วสัส *หมำยเหตุ แม่งอ่ำนคำถำมสุดท้ำยผิด โหดสัสมั้ยล่ะมึง!
“กูเตือนมึงแล้ว”
มรสุมฯ โฆษณา
ไฟล์เสียง งานมรสุมฯ เสวนาครั้งที่สาม “WE NEED TO TALK ABOUT DURAS” >>> http://www.youtube.com/watch?v=gVjkwTUIop0 พูดคุยประเด็นสาคัญจากนวนิยายขนาดสั้น "โรคแห่งความตาย" (La Maladie de la Mort) ของ มาร์เกอริต ดูราส (Marguerite Duras) นักเขียนหญิงชื่อดังชาวฝรั่งเศส ฉบับภาษาไทย แปลโดย บัณฑูร ราชมณี พิมพ์โดย สานักพิมพ์อ่าน