บทที่ 3 การใชงานคําสั่งใน Sketch Command การออกแบบโมเดลในโปรแกรม Solidworks2005 ใหไดเต็มประสิทธิภาพนั้น เริ่มตนเราจะตอง เรียนรูการใชงานของคําสั่งเบื้องตนในการสราง Sketch 2D กอน เพื่อเตรียมความพรอมและความเขาใจถึง ขั้นตอนการใชงานในคําสั่งการสราง Profile Sketch ตางๆโดยเมื่อเราทราบถึงวิธีการใชงานของแตละคําสั่ง แลว เราจะสามารถนําความเขาใจไปพิจารณาคําสั่งตางๆ ที่จะใชในการออกแบบโมเดล เพื่อใหสามารถใช โปรแกรมไดอยางมีประสิทธิภาพสวนประกอบ คําสั่งพื้นฐานในการสราง Sketch 2D จะแบงคําสั่งออกเปน 2 สวนคือ - Sketch Entities คือคําสั่งในการสราง Sketch โดยจะประกอบไปดวยคําสั่งตางๆ ดังนี้ Line ,Circle, Rectangle, parallelogram, Polygon , Center point Arc,3 Point Arc, Tangent Arc, Ellipse, Spline ,text เปนตน - Sketch Tools คือคําสั่งที่ใชในการชวยการสราง Sketch ใหมีความสมบูรณมากขึ้น ซึ่งจะ ประกอบดวยคําสั่งตางๆดังนี้ Sketch Fillet, Sketch Chamfer, Sketch Mirror, Sketch Trim, Linear Step and Repeat, Circular Step and Repeat เปนตน 3.1 การสรางชิ้นสวนใหม บน Standard ทูลบาร หรือคลิกที่ File> New บนเมนูบารในการสราง 1. คลิกปุม New ไฟลชิ้นสวนใหมกลองขอความ New Solidworks Document จะขึ้นมาคลิก Tutorial 2. เลือกไอคอน Part คลิก OK หนาตางของชิ้นสวนใหมขึ้นมา
ภาพที่ 3.1 การเปดไฟลใหม Part
12 3.2 คําสั่ง Sketch Entities บนสเกทชทูลบารหรือคลิก การเปดสเกทช 2 มิติ โดยการคลิกปุมสเกทช Insert>Sketch บนเมนูบาร ในการเปดสเกทชจะเปนการเปดบนระนาบดานหนา(Front plane) ซึ่งระนาบ ดานหนาจะเปนหนึ่งใน 3 ระนาบที่เปนคาเริ่มตนที่แสดงอยูในกลองโครงสรางการจัดการฟเจอร (Feature Manager Design Tree) 3.2.1 การแสดงสถานะของการสเกทช สเกทช(Sketch) คือสวนประกอบพื้นฐานในการออกแบบกําหนดรูปราง และขนาดของ ชิ้นสวน>part) 3 มิติ ซึ่งจะสรางจากคําสั่งพื้นฐาน เชน Line, Arc, Circle, Ellipse, Rectangle หรือ Polygon เปนตนเมื่อการเปดสเกทชเริ่มทํางานโปรแกรมจะแสดงสถานะตางๆ ที่เกี่ยวของขึ้นมาดังนี้
ภาพที่ 3.2 เมนูคําสั่ง Sketch แถบสถานะดานลาง(StatusBar)ของหนาตาง จะแสดงคําวา Editing Sketch หมายถึงการ ทํางานอยูในสวนของการสรางและแกไขสเกทชจะอยูที่มุมลางซายของหนาจอ
คือ สัญลักษณของการยืนยันในการสเกทช(Confirmation Corner)จะขึ้นมา
13 3.2.2 การเขียนเสนตรง 1. คลิก Line หรือคลิกที่ Tools>Sketch Entity>Line เพื่อเริ่มเขียนเสนตรง 2. คลิกเริ่มทีจ่ ุด 0,0 Origin ลากเมาสขึ้นไปทางขวา ในระนาบ X-Yโดยโปรแกรม จะ บอกขนาดพิกัด ระยะทาง 1.19 mm เปนเสนตรง ในการกําหนดขนาดสามารถกลับมาแกไขภายหลังได
ภาพที่ 3.3 การสเกทชเสนตรง 3. แลวกด แปน Enter เพื่อ ออกจากการทํางานของการเขียนเสนตรง 3.2.3 การเขียนสเกทชรูปสีเ่ หลี่ยม 1. คลิก Rectangle
หรือคลิกที่ Tools>Sketch Entity>Rectangle เพื่อเริ่ม
เขียนรูปสี่เหลี่ยม 2. คลิกเริ่มที่จุด 0,0 Origin ลากเมาสขึ้นไปทางขวา ในระนาบ X-Yโดยโปรแกรม จะบอก ขนาดพิกัดX 36 mm. Y 24.59 mm. ดังรูป
ภาพที่ 3.4 การสเกทชสี่เหลี่ยม 3. แลวกดแปน Enter เพื่อออกจากการทํางานของการเขียนรูปสี่เหลี่ยม
14 3.2.4 การใชคําสั่ง Polygon การใชคําสั่ง Polygon เปนการใชคําสั่งที่เขียนรูปดานเทาหลายดาน ซึ่งสามารถกําหนดดาน ตั้งแต 3 ดานจนถึง 40 ดาน โดยสามรถกําหนดการเขียนใหรูปดานตางๆอยูในวงกลม (Inscribed) หรือ สามารถเขียนในรูปดานตางๆใหอยูนอกวงกลม (Circumscribed) โดยใชเสนผาศูนยกลางของวงกลมเปน ตัวกําหนดขนาด ซึ่งเมื่อเรานําเมาสไปคลิกคําสั่ง Polygon เมาสจะแสดงสัญลักษณ และมีขั้นตอนการใชงานของคําสั่ง Polygon ดังนี้ 1. คลิกคําสั่ง Polygon หรือนําเมาสไปที่ Tools>Sketch Entities> Polygon จากนั้น ทางซายมือจะปรากฏ Properties ของคําสั่ง Polygon ในสวนของ Parameters ทําการกําหนดจํานวนดาน(N) ที่ตองการ นําเมาสไปวาง ณ ตําแหนงใดๆคลิกเมาสซายใน Graphic Area
ภาพที่ 3.5 การสเกทชรูปหกหลี่ยม 2. ทําการลากเมาสไปในทิศทางที่ตองการพอประมาณ จะมีระยะและมุมองศาบอกอยู จากนั้นคลิกเมาสขวาเลือก Select เพื่อออกจากคําสั่ง Polygon
15 3.2.5 การใชคําสั่ง Circle หรือคลิกที่ Tools>Sketch Entity>Circle 1. คลิก คลิกเริ่มที่จุด 0,0 Origin ลากเมาสไปทางขวา ในระนาบ X-Yโดยโปรแกรม จะบอกขนาดพิกัด รัศมี ดังรูป
ภาพที่ 3.6 การสเกทชรูปวงกลม 2. การปอนคา ใสคารัศมีที่ตอง แลวกด แปน Enter
ภาพที่ 3.7 การกําหนดคาพารามิเตอรของคําสั่ง Circle 3.2.6 การใชคําสั่ง Centerpoint Arc การใชคําสั่ง Centerpoint Arc เปนการสรางสวนโคงโดยการกําหนด จุดศูนยกลางของ สวนโคง และลากเมาสเพื่อเลือกขนาดรัศมีและมุมองศาที่เริ่มตน ดวยเมาสซายและเลือกมุมสิ้นสุดสวนโคง ดวยคลิกเมาสอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเรานําเมาสไปคลิกคําสั่ง Centerpoint Arc เมาสจะแสดงสัญลักษณ และมี ขั้นตอนการใชงานของคําสั่ง Centerpoint Arc ดังนี้
16 1. นําเมาสไปคลิกคําสั่ง Centerpoint Arc หรือนําเมาสไปที่ MenuBar คลิก Tools >Sketch Entities> Centerpoint Arc จากนั้น คลิกเมาสซายบริเวณ จุดOrigin เปนจุดศูนยกลาง ทํา การลากเสนเมาสออกจากจุดศูนยกลางของสวนโคงพอประมาณ จะมีรัศมี ®สวนของเสนโคงขึ้นมา 2. คลิกเมาสซายหนึ่งครึ่ง เพื่อเปนจุดเริ่มตนของการสรางสวนโคง จากนั้นลากเมาสไปตาม รัศมีสวนโคงที่มีมุมองศาเปนตัวกําหนดจุดสิ้นสุดของสวนโคงโดยการคลิกเมาสซายหนึ่งครึ่ง
ภาพที่ 3.8 การสเกทชเสนโคงโดยคําสั่ง Centerpoint Arc 3. ทําการกําหนดขนาดรัศมี หรือ มุมที่ตองการใน Parameter และ แลวกด แปน Enter
ภาพที่ 3.9 การกําหนดคาพารามิเตอรของคําสั่ง Centerpoint Arc 3 2.7 การใชคําสั่งTangent Arc การใชคําสั่ง Tangent Arc คือการสรางสวนโคงโดยการใชจุดสัมผัสของ Sketch เปน ตัวกําหนด จุดเริ่มตนของการสรางสวนโคง และลากเมาสเพื่อทําการเลือกรัศมีและมุมในการกําหนดขนาดและ สวนโคง ซึ่งเมื่อเรานําเมาสไปคลิกคําสั่ง Tangent Arc เมาสจะแสดงสัญลักษณ และมีขั้นตอนการใชงานดังนี้
17
1. คลิกคําสั่ง Tangent Arc หรือนําเมาสไปที่ MenuBar คลิก Tools >Sketch Entities> Tangent Arc จากนั้นคลิกเมาสซายบริเวณจุดสัมผัสของ Sketch แลวทําการลากเมาส ไปยังจุดที่ตองการหรือสามรถเชื่อมตอกับ Sketch ก็ได
ภาพที่ 3.10 การสเกทชเสนโคงโดยคําสั่ง Tangent Arc 2. เมื่อเราทําการลากสวนโคงไปยังอีกตําแหนงหนึ่ง จะมีมุมและรัศมีบอกขนาดของสวนโคง ที่ไดทําการสรางอยู จากนั้นคลิกเมาสซายเพื่อสิ้นสุดการสรางสวนโคง 3. ทําการกําหนดขนาดรัศมี หรือ มุมที่ตองการใน Parameter และ แลวกด แปน Enter
ภาพที่ 3.11 การปอนคาพารามิเตอรในคําสั่ง Tangent Arc 3.2.8 การใชคําสั่ง 3 Point Arc การใชคําสง 3 Point Arc เปนการสรางสวนโคงโดยการกําหนดจุดอางอิง 3 จุดคือ จุดเริ่มตน จุดสุดทายและจุดกึ่งกลางของสวนโคงตามลําดับ ซึ่งจะใชรศั มี และมุมองศาเปนตัวกําหนดสวนโคง ซึ่งเมื่อเรานําเมาสไปคลิก คําสั่ง 3 Point Arc เมาสจะแสดงสัญลักษณ และมีขั้นตอนการใชงานดังนี้
18
1. นําเมาสไปคลิกคําสั่ง 3 Point Arc หรือนําเมาสไปที่ MenuBar คลิก Tools >Sketch Entities>3 Point Arc จากนั้นคลิกเมาสซายตําแหนงที่ตองการสรางเสนราง แลวทําการ ลากเมาสไปในทิศทางที่ตองการซึ่งจะมีระยะความหางของจุดเริ่มตนและจุดทายของสวนโคง
ภาพที่ 3.12 การสเกทชเสนโคงโดยคําสั่ง 3 Point Arc 2. คลิกเมาสซายหนึ่งครึ่ง จากนั้นทําการลากสวนโคง ซึ่งจะมีมุมและรัศมีบอกขนาดของ สวนโคงที่ไดทําการสรางอยู และเมาสซายเพื่อสิ้นสุดการสรางสวนโคง 3 . ทําการกําหนดขนาดรัศมี หรือ มุมที่ตองการใน Parameter และ แลวกด แปน Enter
ภาพที่ 3.13 การปอนคาพารามิเตอรในคําสั่ง 3 Point Arc 3.2.9 การใชคําสั่ง Spline การใชคําสั่ง Spline เปนการสรางเสนโคงรัศมีใดๆแบบตอเนื่อง โดยการกําหนดจุดอางอิง และนําเมาสไปคลิกตามตําแหนงตางๆ ก็จะแสดงเปนเสนโคงตามลําดับของตําแหนงที่กําหนดจุดอางอิงและ ลากเมาสไป คลิกคําสั่ง Spline เมาสจะแสดงสัญลักษณ และมีขั้นตอนการใชงานของคําสั่ง Spline ดังนี้
19
1. คลิกคําสั่ง Spline หรือนําเมาสไปที่ MenuBar คลิก Tools >Sketch Entities> Spline จากนั้นนําเมาสไปวาง ณ ตําแหนงใดๆคลิกเมาสซายเพื่อสราง Sketch ทําการลากเมาสไป ตํ า แหน ง ที่ ต อ งการแล ว คลิ ก เมาส ซ า ยจากนั้ น ลากเมาส ไ ป ณ ตํ า แหน ง ต อ ไป ที่ ต อ งการสร า งเส น โค ง แบบตอเนื่อง
ภาพที่ 3.14 การสเกทชเสนโคงโดยคําสั่ง Spline 2. เมื่อถึงจุดสิ้นสุดของเสนโคง ใหคลิกเมาสขวาเลือก Select เพื่อออกจากคําสั่ง Spline 3.3 การใชคําสั่ง Sketch Tools 3.3.1 การใชคําสั่ง Mirror Entities การใชคําสั่ง Mirror Entities เปนการทําสําเนาหรือคัดลอก Sketch ที่สรางขึ้นโดยใช หลักการของการสองกระจก ซึ่งจะตองกําหนดเสนอางอิง Centerline ซึ่งมีขั้นตอนการใชงานดังนี้ 1. คลิก Sketch สรางรูปเสนวงกลม 2. สเกทชเสน Centerline เพื่อเปนตําแหนงอางอิงกึ่งกลาง
20
ภาพที่ 3.15 การสเกทชเสน Centerline 3. จากนั้นนําเมาสไปคลิกที่คําสั่ง Mirror Entities หรือนําเมาสไปคลิกที่ Tools>Sketch Tools > Mirror Entities เลือกสวนที่จะทําสําเนา Arc1 ในชอง Entities To Mirror และในชอง Mirror About เลือกCenterline Line 2 เปนกระจกสะทอน แลวกด แปน Enter
ภาพที่ 3.16 การกําหนดคาพารามิเตอรของคําสั่ง Mirror
21 3.3.2 การใชคําสั่ง Sketch Chamfer การใชคําสั่ง Sketch Chamfer เปนการลบมุมแบบเปนเหลี่ยมของ Profile Sketch ซึ่ง สามารถที่จะกําหนดขนาดของความกวางและความสูง หรือความกวางและมุมองศาได โดยมีขั้นตอนการใช คําสั่งดังตอไปนี้ 1. ทําการสเกทชรูปสี่เหลี่ยม ขนาด 60x60 mm ขึ้นมา 2. คลิกคําสั่ง Sketch Chamfer หรือนําเมาสไปคลิก Tools>Sketch Tools > Chamfer จะปรากฏ Properties Manager ของคําสั่ง Sketch Chamfer ดานซายมือ เพื่อใหเราระบุระยะของมุมที่ ตองการจะลบมุมซึ่งสามารถกําหนดไดมากกวา 1 ครั้ง 3. เมื่อกําหนดระยะของมุมเรียบรอยแลว ใหนําเมาสไปคลิกที่มุมหรือเสน 2 เสน ที่ ตองการจะทําการลบมุมดังรูป
ภาพที่ 3.17 การกําหนดคาพารามิเตอรของคําสั่ง Chamfer
22 3.3.3 การใชคําสั่ง Sketch Fillet การใชคําสั่ง Sketch Fillet เปนการลบมุมของ Profile Sketch ซึ่งสามารถที่จะกําหนด รัศมีของสวนโคงโดยการคลิกเลือกเสน 2 เสน โดยมีขั้นตอนการใชคําสั่งดังตอไปนี้ 1. ทําการสเกทชรูปสี่เหลี่ยมขึ้นมาดังรูปขางลางนี้
ภาพที่ 3.18 การกําหนดคาพารามิเตอรของคําสั่ง Fillet 2. นําเมาสไปคลิกที่คําสั่ง Sketch Fillet หรือนําเมาสไปคลิก Tools>Sketch Tools > Fillet ก็จะปรากฏ Properties Manager ของคําสั่ง Sketch Fillet ทางดานซายมือเพื่อใหเราระบุรัศมีของ สวนโคง ที่ตองการลบมุมซึ่งสามารถกําหนดรัศมีสวนโคงไดมากกวา 1 ครั้ง 3. เมื่ อกํ าหนดรัศมีส วนโค งเรี ยบรอยแลว ใหนําเมาสไ ปคลิกที่ มุมหรือเสน 2 เสน ที่ ตองการจะทําการลบมุมดังรูป
23
ภาพที่ 3.19 การลบมุม ดวยคําสั่ง Fillet 3.3.4 การใชคําสั่ง Offset Entities การใชคําสั่ง Offset Entities คือการสราง Profile Sketch จากขอบหรือผิวชิ้นงานให เหมือนกับตนแบบโดยกําหนดระยะเยื้องจากเสนรอบรูปเดิมและทิศทางระหวางตําแหนงที่ตองการกับขอบ ชิ้นงานเดิม โดยจะมีขั้นตอนการใชคําสั่งดังตอไปนี้ 1. ทําการสราง Sketch ตนแบบดังรูป นําเมาสไป Select หรือเสนที่ตองการ Offset
ภาพที่ 3.20 การสเกทชรูปตนแบบ 2. คลิกคําสั่ง Offset Entities หรือนําเมาสไปที่ Menu Bar Tools>Sketch Tools > Offset Entities จะปรากฏ Properties ของคําสั่ง Offset Entities ขึ้นมา ทางดานซายมือเพื่อใหเรากําหนด ระยะหางและทิศทางของการทําสําเนา 3. แสดง Properties Sketch ได ทํ า การ Offset โดยมี ร ะยะห า งออกมา Sketch เดิ ม 10 mm
24
ภาพที่ 3.21 การใชคําสั่ง Offset Entities 3.3.5 การใชคําสั่ง Trim Entities การใชคําสั่ง Trim Sketch เปนคําสั่งที่ใชในการตัดเสนขอบชิ้นงานที่ได โดยมีขั้นตอนการ ใชคําสั่งดังตอไปนี้ 1. เมื่อเราสรางรูปสเกทชเสน ที่ไมตอเนื่องหรือทับกันดังรูป
ภาพที่ 3.22 การสเกทชเสนทับกัน
25 2. นําเมาสไปคลิก Trim Entities หรือนําเมาสไปที่ Menu Bar Tools>Sketch Tools > Trim เมาสจะแสดงสัญลักษณ จากนั้นนําเมาสไปวางในสวนของเสนที่ตองการตัดหรือลบ เสนจะแสดงเปนสี เขียวเมื่อนําเมาสไปวางบนเสน 3. คลิกเมาสซายเพื่อลบหรือตัดเสน สามารถทําไดมากกวา 1 จุด หรือ 1เสน
ภาพที่ 3.23 การใชคําสั่ง Trims ตัดเสนทับกันออก 3.3.6 การใชคําสั่ง Liner Step and Repeat การใชคําสั่ง Liner Step and Repeat เปนการทําสําเนา รูปสเกทช จากตนแบบใหไปเปน ในแนวนอนและแนวตั้ง ซึ่งเราสามารถที่จะกําหนดจํานวนของ Profile ระยะหาง Profile และมุมของ Profile โดยมีขั้นตอนการใชงานดังตอไปนี้ 1. ทําการสเกทช รูปวงกลม ขึ้นมาดังรูปขางลางนี้ 2. นําเมาสไปวางที่ Profile ที่ตองการทําสําเนาคลิกเมาสซายหนึ่งครั้ง
26
ภาพที่ 3.24 การกําหนดพารามิเตอรในคําสั่ง Liner Step and Repeat 3. นําเมาสไปคลิก Liner Step and Repeat หรือนําเมาสไปคลิกที่ Tools>Sketch Tools > Liner Step and Repeat จะปรากฏกลองขอความของคําสั่ง Liner Step and Repeat ขึ้นมาเพื่อใหเรา กําหนดคาตางๆลงไป 4. คลิกปุม Preview เมื่อถูกตองตามตองการใหคลิกปุม OK
ภาพที่ 3.25 การ Preview ในคําสั่ง Liner Step and Repeat
27 3.3.7 การใชคําสั่ง Circular Step and Repeat การใชคําสั่ง Circular Step and Repeat เปนการทําสําเนา Profile Sketch จากตนแบบ ใหเปนลักษณะวงกลม ซึ่งเราสามรถที่จะกําหนดจุดศูนยกลางของการทําสําเนา และสามารถที่จะกําหนดจํานวน ระยะหาง รัศมี และมุม ของ Profile ที่จะทําการสําเนา โดยมีขั้นตอนการใชงานดังตอไปนี้ 1. ทําการสเกทช รูปวงกลม ขึ้นมาดังรูปขางลางนี้ 2. นําเมาสไปวางที่ Profile ที่ตองการทําสําเนาคลิกเมาสซายหนึ่งครั้ง
ภาพที่ 3.26 การกําหนดพารามิเตอรในคําสั่ง Circular Step and Repeat 3. นําเมาสไปคลิก Circular Step and Repeat หรือนําเมาสไปคลิกที่ Tools>Sketch Tools> Circular Step and Repeat จะปรากฏกลองขอความของคําสั่ง Circular Step and Repeat ขึ้นมา เพื่อใหเรากําหนดคาตาง ๆ ลงไป 4. คลิกปุม Preview เมื่อถูกตองตามตองการใหคลิกปุม OK
28
ภาพที่ 3.27 การ Preview ในคําสั่ง Circular Step and Repeat 3.3.8 การใชคําสั่ง Text การใชคําสั่ง Text เปนการสราง ตัวอักษรซึ่งสามารถ เขียนไดทั้งตัวอักษรที่เปนภาษาไทย และอังกฤษ โดยวิธีการสราง Textจะตองสราง Guide เปนแนวเสนทางของตัวหนังสือกอน โดยมีวิธีการใชงาน ของคําสั่งดังตอไปนี้ 1. สราง Guide Line เปนแนวเสนดังรูป 2. นําเมาสไปคลิกที่เสน Guide Line ที่ไดสรางขึ้นดังรูป
ภาพที่ 3.28 การสเกทชรูปวงกลมเปนเสนนําทาง 3. นําเมาสไปคลิกคําสั่ง Text หรือนําเมาสไป Manu Bar คลิกที่ Tools>Sketch Tools> Text จะปรากฏ Properties ของคําสั่ง Text ขึ้นมาเพื่อใหเราพิมพขอความลงไป 4. นําเมาสไปคลิกหนา Use Document’s Font จากนั้นคลิกปุม Font จะปรากฏ Dialog Box Choose Font ขึ้นมาเพื่อใหทําการปรับเปลี่ยน Font และขนาดตัวหนังสือที่ไดพิมพลงไป คลิก OK
29 5. เมื่อทําการปรับตําแหนงและคาตางๆ เรียบรอยแลวคลิกเครื่องหมาย 3 มุมขวาบน
ภาพที่ 3.29 การสเกทชตัวอักษรในวงกลม 3.4 การกําหนดความสัมพันธ Add Relations การสรางความสัมพันธของ Profile Sketch ขึ้นอยูกับลักษณะของเสน บางครั้งในการสรางเสน รางก็เกิดความสัมพันธ แบบอัตโนมัติ เชน เสนในแนวดิ่ง หรือเสนในแนวนอน ซึ่งเมื่อเราทําการราง Sketch ไปแลวสามารถกําหนดความสัมพันธ ไดในภายหลัง โดยการกําหนดความสัมพันธใหกับ Profile Sketch สามารถกระทําได 3 วิธีคือ เลือกคําสั่งจาก Manu Bar เลือกคลิกคําสั่งจาก Sketch Toolbars และคลิกเมาส ขวาเลือก Add Relation ซึ่งกําหนดความสัมพันธมีดวยกันหลายเงื่อนไขขึ้นอยูกับการสราง Sketch นั้นๆ โดยจะแสดงตัวอยางและอธิบายความหมายของความสัมพันธดังตอไปนี้
30 3.4.1 การกําหนดความสัมพันธแบบ Collinear การกําหนดความสัมพันธแบบ Collinear คือการกําหนดความสัมพันธในแนวเสนสเกทช ทับกันหรือแนวเสนอยูในระนาบเดียวกัน
ภาพที่ 3.30 การกําหนดความสัมพันธแบบ Collinear
31 3.4.2 การกําหนดความสัมพันธแบบ Parallel การกําหนดความสัมพันธแบบ Parallel คือการกําหนดความสัมพันธในแนวเสนราง 2 เสน ขนานกัน โดยอางอิงเสนแรกที่ไดทําการ Select เลือกไว โดยจะขนานกันไปตลอดทั้งความยาวเสน
ภาพที่ 3.31 การกําหนดความสัมพันธแบบ Parallel
32 3.4.3 กําหนดความสัมพันธแบบ Perpendicular กําหนดความสัมพันธแบบ Perpendicular Sketch ตั้งฉากกับเสนอางอิงเสนแรกที่ไดทําการเลือกไว
คือการกําหนดความสัมพันธในแนวเสน
ภาพที่ 3.32 การกําหนดความสัมพันธแบบ Perpendcular
33 3.4.4 การกําหนดความสัมพันธแบบ Concentric การกําหนดความสัมพันธแบบ Concentric คือการกําหนดความสัมพันธในวงกลม 2 วง รวมจุด ศูนยกลางเดียวกันกับวงกลมอางอิงวงแรกที่ไดทําการเลือกไว
ภาพที่ 3.33 การกําหนดความสัมพันธแบบ Concentric 3.4.5 การกําหนดความสัมพันธแบบ Coradial การกําหนดความสัมพันธแบบ Coradial คือการกําหนดความสัมพันธในวงกลม 2 วง รวม จุดศูนยกลางเดียวกันและมีขนาดเสนผาศูนยกลางเทากันกับวงอางอิงวงแรก
ภาพที่ 3.34 การกําหนดความสัมพันธแบบ Coradial
34 3.4.6 การกําหนดความสัมพันธแบบ Equal การกําหนดความสั มพั นธแบบ Equal กํ าหนดความสัมพั นธ ใ ห วงกลม มีขนาด เสนผาศูนยกลางเทากันกับวงรีอางอิงวงแรก หรือ การกําหนดความสัมพันธให ความยาวของเสน มีขนาด เทากันกับเสนอางอิงเสนแรกที่ไดทําการเลือกไว
ภาพที่ 3.35 การกําหนดความสัมพันธแบบ Equal
35 3.5.7 การกําหนดความสัมพันธแบบ Horizontal การกําหนดความสัมพันธแบบ Horizontal คือการกําหนดความสัมพันธใหแนวเสนรางกับ เสนรางกับรูปทรงสามมิติ หรือจุดปลายเสน 2 เสน แสดงอยูในระนาบแนวนอน
ภาพที่ 3.36 การกําหนดความสัมพันธแบบ Horizontal
36 3.5.8 การกําหนดความสัมพันธแบบ Vertical การกําหนดความสัมพันธแบบ Vertical คือการกําหนดความสัมพันธใหแนวเสนรางกับเสน ราง เสนรางกับขอบรูปทรงสามมิติ หรือจุดปลายเสน 2 เสน แสดงอยูในระนาบแนวตั้งหรือแนวดิ่ง
ภาพที่ 3.37 การกําหนดความสัมพันธแบบ Vertical
37 3.5.9 การกําหนดความสัมพันธแบบ Tangent การกําหนดความสัมพันธแบบ Tangent คือการกําหนดความสัมพันธในแนวเสน Sketch สัมผัสกับเสนสวนโคงที่สรางจาก Arc หรือ Circle หรือสวนโคงกับสวนโคงใหมาสัมผัสกัน
ภาพที่ 3.38 การกําหนดความสัมพันธแบบ Tangent