วังเจ้าก๋ำแก้ว

Page 1

Concept

“กลางวันต อนยอนx กลางคืนก๋ำแก ว” ในเวลากลางวัน วิถีชีวิตของผู คนที่อาศัยอยู ในเชียงใหม มักดำเนินไปอย าง ไม รีบร อน เรียบง าย และไม ค อยพบมุมที่มีการแข งขันสูงเท าเมืองหลวงอย าง กร�งเทพมหานคร รวมถึงการพูดจา การเดินทาง ที่ค อยๆเป นค อยๆไป เราอาจ เรียกลักษณะนี้ว า “ต อนยอน” ในการเข ามาท องเที่ยวของคนภายนอกมักจะเข ามา เพื่อหาความเป น slow life ณ ที่แห งนี้ มีร านกาแฟ พื้นที่สำหรับทำงาน ร านเบเกอรี น ารักๆ ไว สำหรับอ านหนังสือชิลๆ ถ ายรูป ประชุมงาน บางคนป นจักรยานไปตาม คูเมือง บางคนไปสถานที่ที่โปรแกรมทัวร จัดไว ให เช น ดอยสุเทพ วัดพระสิงห วัดเจดีย หลวง ซึ่งเราต างทราบกันดีว าเป นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่เมื่อใดใครมาเที่ยว เชียงใหม ต องไปกราบไหว สักการะ สิ่งศักสิทธิ์คู บ านคู เมือง


แต ในอีกด านหนึ่งยามวิกาลของเมืองเชียงใหม สถานบันเทิงหรือ ที่เราเรียก กันว าร านเหล านั้น ก็เป นอีกหนึ่งแลนด มาร ก (landmark) ที่นักท องเที่ยวก็ให ความ สนใจไม แพ กับสถานที่ในตอนกลางวัน ความสุขของการเข าไปดื่มด่ำบรรยากาศแสง สี เสียง พูดคุยในหมู เพื่อน ในยามค่ำคืน หลังจากเหนื่อยล ามาทั้งวัน ความพิเศษ ของร านเหล าคือการไม ถูกนับรวมในโปรแกรมท องเที่ยวที่บริษัททัวร จัดให แต หลาย คนไม ว าจะอาศัยอยู นอกจังหวัดเชียงใหม หรือเป นคนเชียงใหม กลับรู จักและต องมา ทุกครั้งที่มีโอกาส ไม ว าจะเป น วอร มอัพ (Warmupcafe Chiangmai) , ท าช าง คาเฟ (Tha Chang Cafe) , ริเวิอร ไซต (The Riverside Bar & Restaurant Chiang Mai) เป นต น วัฒนธรรมการดื่มแอลกอฮอล ของคนเหนือเคยมีรายงานติดอันดับสถานการณ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล ถึง 6 จังหวัดด วยกัน ที่มีการดื่มแอลกอฮอล มากที่สุด ประกอบไปด วย พะเยา เชียงใหม เชียงราย แพร ลำปาง และแม ฮ องสอน จากจังหวัด ดังกล าวแน นอนว าหนึ่งในนั้นมีเชียงใหม (อ างอิง : http://news.thaipbs.or.th/ content/180506) อีกทั้งมีงานวิจัยที่พูดถึงประโยชน ของการดื่มแอลกอฮอล ว าใน สังคมที่มีอากาศหนาวเหน็บและเย็นจัดในฤดูหนาว ผู คนจําเป นต องหา อาหารที่ให แคลอรี่สูงเพื่อสร างความอบอุ นใหแก ร างกาย ส วนเครื่องดื่มก็มีความจำเป นอย างยิ่ง เพราะใชดื่มตลอดเวลา จึงต องต มให ร อน จึงมีวัฒนธรรมการดื่มชาและกาแฟ เกิดข้ึนทั่วไป ในขณะเดียวกันไวน และเหล าหรือเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล ทั้งหลายก็มีส วนที่ทำให ร างกายอบอุ น ยิ่งในสมยัโบราณที่โลกยังไม มีไฟฟ าและ เครื่องอิเล็กทรอนิกส ผู คนจำเป นต องพึ่งพาอาหารและเครื่องดื่ม ที่อยู อาศัยที่ แข็งแรงมิดชิด และเสื้อผ าหนา ๆ ในการป องกนัความ หนาวเหน็บในช วงที่มี อุณหภูมิต่ำกว าจ�ดเยอืกแข็งเป นเวลาหลายเดือนในแต ละป อาหารและ เครื่องดื่ม ดังกล าวจึงมีความจำเป นอย างยิ่งยวด (อ างอิง : http://e-book.ram.edu/e-book/ a/AN353/chapter10.pdf)


พวกเราจึงอยากนำเสนอเชียงใหม ผ านมุมชีวิตและวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น ภายในร านเหล าตอนกลางคืน เพราะเป นสิ่งที่เราต างรู จักกันดี เป นสังคมที่บอก เล าวิถีการดื่มความเป นล านนาแต คนส วนใหญ มองข าม นำเสนอผ านการจำลอง พาวิลเลี่ยน (Pavillion) ที่ดึงอัตลักษณ บางอย างเข ามาผสมกับการออกแบบ สมัยใหม


ไอเดียของการออกแบบพาวิลเลี่ยน (Pavilion Design Architecture)

ในการออกแบบเราตั้งใจให เป นลักษณะคล ายพื้นที่ทำงาน อ านหนังสือ และร านเหล าตองรวมเข าด วยกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเราได นำมาถอดรูป เปลี่ยนวัสดุ ขยับฟอร มเดิมให ทันสมัย น าเข าไปมากยิ่งขึ้น ใช กระจกใสเป นหลังคา ที่นั่งเป น ฟางข าวสสามารถเคลื่อนย ายได ง ายเพราะมีน้ำหนักเบา รอบๆเป นบ อเลี้ยงปลา ทำให ผู คนเข ามามีปฏิสัมพันธ กับสิ่งมีชีวิตได พื้นออกแบบโดยนำเศษแก วจาก ขวดเบียร ขวดเหล า นำมาทุบและโรยไปตามพื้น มีกระจกแข็งแรงทับป องกัน อันตรายของเศษแก ว ในตอนกลางวัน พาวิลเลี่ยนนี้จะมีความโปร งสบาย มี ร มเงาของต นไม บังแดด มีเสียงเพลงดนตรีของชาวล านนาผสมกับเสียงธรรมชาติ ที่อัดมาจากสถานที่ในเชียงใหม เช น เสียงน้ำตก เสียงป าเขา เสียงนก ทว าในตอนกลางคืน พาวิลเลี่ยนนี้จะกลายเป นร านเหล าของเหล านักดื่ม เข ามาพูดคุย พบปะกัน ไฟสีสันต างๆซึ่งจำลองมาจากในร านเหล าจะถูกเป ด มี แทงค เบียร ไว บริการ เสียงเพลงเป นเพลงของชาวล านนาแต นำมามิกซ ให มีจังหวะ สนุกๆ ผสมกับเสียงเศษแก วเบาๆ เมื่อเวลาถูกเหยียบหรือมันกระทบกัน


ที่สำคัญจ�ดเด นของพาวิลเลี่ยนนี้คือเราตั้งใจออกแบบให มีความเอียง ดูไกลๆเหมือนจะล มแต ก็ไม ล ม โดยไอเดียได มาจาก “คติไม ก้ำยัน” ของชาวล านนา เมื่อป 2314 ครูบาปุ ด หรือครูบาพุทธิมาวังโส เป นเจ าอาวาสองค ที่ 14 ของวัด พระธาตุศรีจอมทองวรวิหารในขณะนั้น ได เกิดลมพายุใหญ พัดเอากิ่งไม สะหลี (ต นโพธิ์) ภายในวัดหักลงมา ต อมาครูบาปุ ดเข าจำวัดและเกิดนิมิตขึ้นว า มีเทวดา มาบอกว าที่เกิดเหตุอาเพศลมพัดกิ่งไม สะหลีหักนั้นเป นเพราะครูบาปุ ดไม ตั้งใจ ปฎิบัติธรรมโดยเคร งครัด ต อมาครูบาปุ ดจึงตั้งใจปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมอภิญญาณ และได บอกเล า เหตุการณ ที่ไม สะหลีหักต อชาวบ านที่มาร วมประชุมฟ งเทศน ที่ประชุมจึงตกลงไว ว า ป ต อไปประมาณเดือนเมษายน จะร วมกันไปตัดไม ง ามมาช วยกันค้ำกิ่งต นไม สะหลี เอาไว กันลมพัดหักโค น และต อมาในทุกช วงเดือนเมษายนหลังจากวันสงกรานต คือ วันที่ 15 เมษายน ครูบาปุ ดและชาวบ านได กำหนดให มีประเพณีการทำบุญแห ไม ค้ำโพธิ์ หรือไม ค้ำสะหลีทุกป (อ างอิง : http://www.manager.co.th/travel/viewnews.asp x?NewsID=9570000038319)



โมเดลจำลอง ”เจ าก๋ำแก ว” พาวิลเลี่ยน (Pavilion Model)


1:50

9

8 7

6

1

3

ÔÂÊ ¾º غĊ£ËĊ

10 4m

1.9 m

·ÐĊºØºĊ ijĊ²ØºĊ °ÊÀÔÀżčԳͻ¼č Ô ĊÊÅÍÝ

5

2

4 6m

11


สมาชิก กัลย สุดา ปานพรม จันทร ชนิกา ผาทอง วนิชยา ตัณฑเสน วีระยุทธ กองติ๊บ

570310219 570310222 570310248 570310249


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.