การจัดการความรู้รายบุคคล (Individual KM)

Page 1

บันทึกการเล่าเรื่อง กลุ่ม ชุมชนคนโชติเวช เรื่อง Individual KM Plan วันอังคารที่ 17 มีนาคม 2563 เผยแพร่ใน RMUTP CoP Web Blog ผู้เล่า

รายละเอียดของเรื่อง นฤศร มังกรศิลา จากที่กระผมได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการนำ หัวหน้างานจัดการความรู้ องค์ความรู้มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงาน คณะเทคโนโลยึคหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เรื่อง การจัดการ ศาสตร์ และ ความรู้ ร ายบุ ค คล (Individual KM Plan) ในวั น จั น ทร์ ที่ อาจารย์ประจำสาขาวิชา อุตสาหกรรมการบริการ 16 มี น าคม ๒๕63 เวลา ๐๙.๐๐ – ๑6.๐๐ น. ณ มหาวิทยาลั ยเทคโนโลยีร าชมงคลพระนคร ศู น ย์เ ทเวศร์ อาหาร กรุงเทพฯ สามารถสรุปประเด็นสำคัญ และมีขั้นตอนดังนี้ ภาคเช้า รองศาสตราจารย์ นาวาโทหญิง ดร.ชมสุภัค ครุฑกะ คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ เรื่องการจัดการความรู้รายบุคคล โดยที ่ ก ารพั ฒ นาทุ น มนุ ษ ย์ ใ นปั จ จุ บ ั น มุ่ ง ที ่ ก ารสร้ า งความ ร่วมมือระหว่างกันของทุนมนุษย์กับความรู้ เพื่อนำพาให้องค์กร สามารถขับ เคลื่ อนไปข้า งหน้ าได้ อ ย่ างมี ป ระสิ ทธิ ภ าพและ ประสิทธิผล การจั ด การความรู ้ ร ายบุ ค คล จึ ง เป็ น สิ ่ ง ที ่ ส ำคั ญ สามารถสร้ า งองค์ ค วามรู ้ จ ากบุ ค ลากรที ่ เ ป็ น ความรู ้ ฝ ั งลึ ก ออกมาเป็นความรู้ที่ชัดแจ้งได้ โดยองค์ความรู้ที่พัฒนาขึ้นจาก บุคคลต่างๆ ในองค์กรของเรานั้น เกิดจากขั้นตอนกระบวนการ ทั้ง 7 ขั้นตอนของการจัดการความรู้ กับการพัฒนารายบุคคลมี ความสั ม พั น ธ์ โดยพิ จ ารณาจากช่ อ งว่ า งของความรู้ (Knowledge Gap) เป็นการค้นหาความรู้อะไรที่ทุกคนต้องมี และมีความรู้น ั้น หรื อไม่ เมื่อระบุค วามรู้ ที่ต ้อ งการแล้ ว จะ แสวงหาความรู้ โดยใช้รู ปแบบกิจกรรมที่ใช้ฝ ึกอบรม หรือ วางแผนพัฒนาบุคลากร เช่น การฝึกปฏิบัติระหว่างปฏิบัติงาน (On the Job Training) การเรี ย นรู ้ โ ดยใช้ ป ั ญ หาเป็ น ฐาน (Problem Based Learning) และการเรี ย นรู้ จ ากการลงมื อ ปฏิบ ัติ (Action Learning) การเล่าเรื่อง การเสวนา การให้ คำปรึกษาหรือพี่เลี้ยง เพื่อนช่วยเพื่อน และอบรมสัมมนา เมื่อ บุคลากรเข้ารับการอบรมแล้ว ต้องให้ผู้เข้าร่วมอบรมถ่ายทอด ความรู้ หรือวิธีการปฏิบัติกับบุค ลากรคนอื่นๆ ด้วย และหา แหล่งสะสมความรู้ ซึ่งในปัจจุบันมีมีช่องทางในการเผยแพร่ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือเว็บบล็อกได้ อย่า งหลากหลาย

สรุปความรู้ที่ได้ การจัดการความรู้รายบุคคล สรุปได้ดังนี้ รองศาสตราจารย์ นาวาโทหญิ ง ดร.ชมสุภ ัค ครุฑ กะ คณะพัฒนาทรัพยากร มนุ ษ ย์ มหาวิ ท ยาลั ย รามคำแหง ได้ เ ป็ น วิทยากรถ่ายทอดความรู้ เรื่องการจัดการความรู้ รายบุคคล โดยที่การพัฒนาทุนมนุษย์ในปัจจุบัน มุ่งที่การสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ของทุน มนุษย์กับความรู้ เพื่อนำพาให้ องค์กรสามารถ ขับเคลื่อนไปข้า งหน้า ได้อย่างมี ป ระสิทธิภ าพ และประสิทธิผล การจัดการความรู้รายบุคคล จึงเป็น สิ ่ ง ที ่ ส ำคั ญ สามารถสร้ า งองค์ ค วามรู ้ จ าก บุคลากรที่เป็นความรู้ฝังลึก ออกมาเป็นความรู้ ที่ชัดแจ้งได้ โดยองค์ความรู้ที่พ ัฒนาขึ้นจาก บุ ค คลต่ า งๆ ในองค์ ก รของเรานั ้ น เกิ ด จาก ขั ้ น ตอนกระบวนการทั ้ง 7 ขั ้ น ตอนของการ จั ด การความรู ้ กั บ การพั ฒ นารายบุ ค คลมี ความสัมพั นธ์ โดยพิจ ารณาจากช่อ งว่า งของ ความรู ้ (Knowledge Gap) เป็ น การค้ น หา ความรู ้ อ ะไรที ่ ท ุ ก คนต้ อ งมี แ ละมีค วามรู ้นั้น หรื อ ไม่ เมื ่ อ ระบุ ค วามรู ้ ท ี ่ ต ้ อ งการแล้ ว จะ แสวงหาความรู้ โดยใช้รู ป แบบกิจ กรรมที ่ ใ ช้ ฝึกอบรม หรือวางแผนพัฒนาบุคลากร เช่น การ ฝึ ก ปฏิ บ ั ติ ร ะหว่ า งปฏิ บ ั ต ิ ง าน (On the Job Training) การเรี ย นรู ้ โ ดยใช้ ป ั ญ หาเป็ น ฐาน (Problem Based Learning) และการเรี ย นรู้ จากการลงมือ ปฏิบัติ (Action Learning) การ เล่า เรื่อ ง การเสวนา การให้คำปรึก ษาหรือพี่ เลี้ยง เพื่อนช่วยเพื่อน และอบรมสัมมนา เมื่อ บุคลากรเข้ารับการอบรมแล้ว ต้องให้ผู้เข้าร่วม อบรมถ่า ยทอดความรู้ หรือ วิธ ีก ารปฏิบ ัติกับ บุ ค ลากรคนอื ่ น ๆ ด้ ว ย และหาแหล่ ง สะสม ความรู้ ซึ่งในปัจจุบันมีมีช่องทางในการเผยแพร่ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือเว็บบล็อกได้อย่าง หลากหลาย รวมทั้งจัดเก็บ ความรู ้อ ย่า งเป็ น ระบบ เช่น การจัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน การ จัดทำฐานข้อมูลเว็บไซต์ เพื่อบุคลากรสามารถ เข้าถึงความรู้ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วเพื่อนำ ความรู้ ไ ปใช้ ง าน และแบ่ ง บั น ความรู ้ โดย ผลลั พ ธ์ ส ุ ด ท้ า ยของกระ บวนการพั ฒ นา ทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ และกระบวนการจั ด การ ความรู้ ก็คือ วิธ ีป ฏิบ ัติที่ดีที่ สุด เกิ ดจากการ เรียนรู้เมื่อนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อไป โดยนำเอาแผนการจัด การความรู้ รายบุคคล (Individual KM Plan) มาใช้ ก ำหนดแนวทาง


รวมทั้งจัดเก็บความรู้อย่างเป็นระบบ เช่น การจัดทำคู่มือการ ปฏิบัติงาน การจัดทำฐานข้อมู ลเว็บไซต์ เพื่อบุคลากรสามารถ เข้าถึงความรู้ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วเพื่อนำความรู้ ไปใช้ งาน และแบ่ ง บั น คว ามรู ้ โ ดยผล ลั พ ธ ์ ส ุ ด ท้ า ยของ กระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และกระบวนการจัดการ ความรู้ ก็คือ วิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดเกิดจากการเรียนรู้เมื่อนำความรู้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อไป โดยนำเอาแผนการจัด การความรู้ รายบุคคล (Individual KM Plan) มาใช้กำหนดแนวทางในการ พัฒนาความรู้ของบุคลากรแต่ละคนมีองค์ความรู้แตกต่างกัน

เนื่องจากปั ญหาขององค์กรที่ทำการจัดการความรู้ ไม่ได้อยู่ที่กระบวนการการจัดการความรู้ในขั้นตอนที่ 1 ถึง 6 แต่เป็นขั้นตอนสุดท้าย คือ ขั้นตอนที่ 7 ที่มีปัญหาเกิดจาก บุคลากรขาดแรงจู งใจ หรือแรงกระตุ้ นเตือ นตนเองในการ เรี ย นรู ้ จ ากองค์ ค วามรู้ ที่ พ ร้ อ มใช้ ภ ายในองค์ ก ร โดยยั ง ประโยชน์ถึงการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อนำมาใช้ในการทำงาน จนกลายเป็นการต่อยอดองค์ความรู้เดิมให้มีประสิทธิภาพใน การทำงานต่อไปด้วย

ในการพัฒนาความรู้ ข องบุคลากรแต่ละคนมี องค์ความรู้แตกต่างกัน เนื่องจากปัญหาขององค์กรที่ทำการ จั ด การความรู ้ ไม่ ไ ด้ อ ยู ่ ที่ ก ระบวนการการ จัดการความรู้ในขั้น ตอนที่ 1 ถึง 6 แต่เป็ น ขั้นตอนสุดท้าย คือ ขั้นตอนที่ 7 ที่มีปัญหาเกิด จากบุ ค ลากรขาดแรงจู ง ใจ หรื อ แรงกระตุ้ น เตื อ นตนเองในการเรี ย นรู ้ จ ากองค์ ค วามรู้ ที่ พร้อมใช้ภายในองค์กร โดยยังประโยชน์ถึงการ พัฒนาองค์ความรู้เพื่อนำมาใช้ในการทำงาน จน กลายเป็ น การต่ อ ยอดองค์ ค วามรู ้ เ ดิ ม ให้ มี ประสิทธิภาพในการทำงานต่อไปด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.อภิชา แดง จำรู ญ คณะศึ ก ษาศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย รามคำแหง เป็นวิทยากรท่านที่สอง ที่กล่าวถึง รู ป แบบการสร้ า งแรงบั น ดาลใจการจั ด การ ความรู้รายบุคคล เป็นการบรรยายที่ผสมผสาน กันระหว่างการบรรยายกับการใช้กิจกรรมการมี ส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมอบรม มีความสนุก สนาน ตลอดเวลา สามารถดึ ง ความสนใจในการ ดำเนินการทำกิจกรรมในช่วงนี้ โดยบุ ค ลากรสามารถดำเนิ น การ ตามขั้นตอนได้ดังนี้ 1. การยอมรับคำวิพากษ์วิจารย์ ในเรื่องที่ไม่ดีได้ โดยไม่ปกป้อง ตนเอง 2. ก า ร เ ส า ะ แ ส ว ง ห า ค ำ วิ พ ากษ์ ว ิ จ ารณ์ เพื ่ อ การ ปรับปรุงตนเอง เมื่อเราได้ยอมรับและเสาะแสวงหา คำวิพากษ์วิจารณ์ ต่างๆ ได้อย่างดีเหมือนเป็ น สร้ า งภู ม ิ ค ุ ้ น กั น สำหรั บ การดำเนิ น ชี ว ิ ต การ ทำงานและชีวิตส่วนตัวให้มีความเหมาะสม ซึ่ง รูปแบบการจัดการความรู้ที่นิยมในปัจจุบันเป็น รูปแบบการจัดการความรู้ด้ วยการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ผ่านเว็บบล็อก (IMTEAC Model) ดังนี้ 1. Introduction 2. Motivation 3. Tacit Knowledge 4. Explicit Knowledge 5. Action Learning 6. Constructed Knowledge Sharing วิทยากรได้ทิ้งท้ายไว้ว่าการจัดการ ความรู้จะไม่สูญเปล่า ถ้าบุคลากรตระหนักรู้ถึง ความสำคัญ ในการมี ส่ ว นร่ ว มกั บ การจัดการ ความรู้ภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ถึงจะเห็น ผลสำเร็จจากการใช้การจัดการความรู้ ขอเป็น กำลังใจให้ รองศาสตราจารย์ ดร.ศยามน อิน สะอาด คณะศึ ก ษาศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย รามคำแหง ได้เป็นวิทยากรกล่าวถึงเรื่องการ จั ด การชุ ม ชนแนวปฏิ บ ั ต ิ ท ี ่ ด ี CoP โดยใน ปัจจุบันนี้การทำ CoP แบบเดิมอาจจะไม่ส่งผล ดีต่อ การจัดการความรู้อ ีก ต่อ ไป เนื่อ งจากมี


รองศาสตราจารย์ ดร.อภิ ช า แดงจำรู ญ คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นวิทยากรท่านที่ สอง ที่ ก ล่ า วถึ ง รู ป แบบการสร้า งแรงบั น ดาลใจการจั ด การ ความรู้รายบุคคล เป็นการบรรยายที่ผสมผสานกันระหว่างการ บรรยายกับการใช้กิจกรรมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมอบรม มี ความสนุ ก สนานตลอดเวลา สามารถดึ ง ความสนใจในการ ดำเนินการทำกิจกรรมในช่วงนี้ โดยบุคลากรสามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ดังนี้ 1. การยอมรับคำวิพากษ์วิจารย์ในเรื่องที่ไม่ดีได้ โดย ไม่ปกป้องตนเอง 2. การเสาะแสวงหาคำวิ พ ากษ์ ว ิ จ ารณ์ เพื ่ อ การ ปรับปรุงตนเอง เมื่อเราได้ยอมรับและเสาะแสวงหาคำวิพากษ์วิจารณ์ ต่างๆ ได้อย่างดีเหมือนเป็ นสร้างภูมิคุ้นกันสำหรับการดำเนิน ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้มีความเหมาะสม ซึ่งรูปแบบ การจัดการความรู้ที่นิยมในปัจจุบันเป็นรูปแบบการจัดการ ความรู้ด้ ว ยการแลกเปลี่ ยนเรียนรู้ผ ่านเว็บบล็อก (IMTEAC Model) ดังนี้ 1. Introduction 2. Motivation 3. Tacit Knowledge 4. Explicit Knowledge 5. Action Learning 6. Constructed Knowledge Sharing

วิทยากรได้ทิ้งท้ายไว้ว่าการจัดการความรู้จะไม่ สู ญ เปล่า ถ้าบุคลากรตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการมีส่วนร่วมกับ การจั ด การความรู ้ ภ ายในองค์ ก รอย่ า งต่ อ เนื ่ อ ง ถึ ง จะเห็ น ผลสำเร็จจากการใช้การจัดการความรู้ ขอเป็นกำลังใจให้

เทคโนโลยีเข้ ามาแทนที่ ดังนั้นการกระตุ้ นให้ บุ ค ลากรเห็ น ความสำคั ญ การเผยแพร่ อ งค์ ความรู ้ ข องตนเองผ่ า นระบบเทคโนโลยี สารสนเทศที่องค์กรได้จัดเตรียมเอาไว้ เช่น มท ร.พระนคร มี RMUTP CoP Web Blog หรื อ ของมทร.ธั ญ บุ ร ี มี RMUTT Blog@RMUTT เป็นต้น เนื้อแท้ขององค์ความรู้ คือ หลักการ ต่างๆ เช่น องค์วิชาด้านบัญชี ดังนั้น KM คือ การจั ด การทั ้ ง 4 ข้ อ นี ้ โ ดยต้ อ งใช้ เ ครื ่ อ งมื อ หลังจากนั้นจะได้ความรู้ชนิด tacit (ความรู้ฝัง ในตั ว คน) และ Explicit (ความรู ้ ท ี ่ ช ั ด แจ้ ง ) อ อ ก ม า ต ่ อ ม า น ำ ไ ป เ ก ็ บ ไ ว ้ ใ น KMS (knowledge management system ไ ด ้ แ ก่ เว็บไซต์ ยูทูป ฐานข้อมูล อินทราเน็ต) แล้วมา แบ่งปันและเรียนรู้ (share and learn) 1. ประสบการณ์ เ ป ็ น คว า มรู้ ประเภทหนึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ประสบการณ์ ที่ดี คือ best practice (วิธ ีป ฏิบัติที่เป็นเลิศ) หรือ good practice ประสบการณ์ที่ไม่ดี คือ lesson learned ในการจั ด การความรู ้ จ ะใช้ เครื่องมือถอด best practice จะได้องค์ความรู้ ออกมา เดินทางต่อไปที่คลังความรู้แล้วต่อมา นำไปใช้ปรับปรุงให้ดีขึ้น (improvement) แล้ว ทำการวัดผล ผลที่ได้ออกมาคือประสิทธิภาพ ประสิทธิผล 2. ทักษะเป็นความรู้ประเภท tacit การจัดการความรู้ประเภททักษะ ผู้มีทักษะต้อง ยินดีเปิด แล้วถอดความรู้จากผู้นั้น จัดเป็นการ จั ด การความรู ้ ร ะดั บ บุ ค คล (personal KM) วัดผลที่คนเก่งขึ้นไหม ถ้าองค์กรมีระบบที่ดี จะ วัดที่ competency 3 . ส า ร ส น เ ท ศ เ ก ี ่ ย ว กั บ information ไม่เกี่ยวกับคน information คือ ข้อมูลที่ประมวลผลแล้ว มาผ่านเครื่องมือ เช่น DATA analytic ท ำ ใ ห ้ เ ก ิ ด improvement นำไปสู่สุดท้ายเกิดนวัตกรรม 4. องค์ ว ิ ช าที ่ส ำคั ญ คือ การเขีย น คู่มือ งานวิจัย ออกมาเป็นนวัตกรรม เมื่อได้องค์ความรู้ที่จำเป็นในด้า น ต่างๆ ที่เป็นองค์ความรู้ สิ่งที่บุคลากรในองค์กร จะต้องดำเนินการต่อไปคือการนำเอาความรู้มา เผยแพร่ หรือถ่ายทอดส่งต่อให้ กับบุคลากรใน องค์กรท่านอื่นๆ ได้เรียนรู้ร่วมกันด้วย ดังนั้น ชุมชนแนวปฏิบัติ (CoP) เป็น เครื่องมือการจัดการความรู้อย่างหนึ่งที่ใช้เพื่อ เชื่อมโยงคนในเครือข่าย หรือชุมชนที่มีทักษะ การทำงาน ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธี ทำงาน ช่ ว ยสร้ า งขี ด ความสามารถในการ ปฏิบัติงานแก่บุคลากรขององค์กร โดยปั จ จั ย ที ่ ทำให้ ก ารทำ KM ไม่ ประสบผลสำเร็จ ส่ว นใหญ่เกิดจากผู้บ ริห าร ระดับสูงไม่เข้าใจและไม่เห็นความสำคัญ องค์กร ที่ไม่มีวัฒนธรรมเอื้อต่อการเรียนรู้และแบ่งปัน


ภาคบ่าย รองศาสตราจารย์ ดร.ศยามน อิ น สะอาด คณะ ศึ ก ษาศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย รามคำแหง ได้ เ ป็ น วิ ท ยากร กล่าวถึงเรื่องการจัดการชุ มชนแนวปฏิบั ติที่ ดี CoP โดยใน ปัจจุบันนี้การทำ CoP แบบเดิมอาจจะไม่ส่งผลดีต่อการจัดการ ความรู้อีกต่อไป เนื่องจากมีเทคโนโลยีเข้ ามาแทนที่ ดังนั้นการ กระตุ้นให้บุคลากรเห็นความสำคัญการเผยแพร่องค์ ความรู้ของ ตนเองผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่องค์กรได้ จัดเตรียม เอาไว้ เช่น มทร.พระนคร มี RMUTP CoP Web Blog หรือ ของมทร.ธัญบุรี มี KM Blog@RMUTT เป็นต้น เนื้อแท้ขององค์ความรู้ คือ หลักการต่างๆ เช่น องค์ วิชาด้านบัญชี ดังนั้น KM คือ การจัดการทั้ง 4 ข้อนี้โดยต้องใช้ เครื่องมือ หลังจากนั้นจะได้ความรู้ชนิด tacit (ความรู้ฝังในตัว คน) และ Explicit (ความรู้ที่ชัดแจ้ง) ออกมา ต่อมานำไปเก็บไว้ ใน KMS (knowledge management system ได้แก่ เว็บไซต์ ยูทูป ฐานข้อมูล อินทราเน็ต) แล้วมาแบ่งปันและเรียนรู้ (share and learn) 1. ประสบการณ์เป็นความรู้ประเภทหนึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ประสบการณ์ที่ดี คือ best practice (วิธีปฏิบัติที่เป็น เลิศ) หรือ good practice ประสบการณ์ที่ไม่ดี คือ lesson learned ในการจั ด การความรู ้ จ ะใช้ เ ครื่ อ งมื อ ถอด best practice จะได้องค์ความรู้ออกมา เดินทางต่อไปที่คลังความรู้ แล้วต่อมานำไปใช้ปรับปรุงให้ดีขึ้น (improvement) แล้วทำ การวัดผล ผลที่ได้ออกมาคือประสิทธิภาพประสิทธิผล 2. ทักษะเป็นความรู้ประเภท tacit การจัดการความรู้ ประเภททักษะ ผู้มีทักษะต้องยินดีเปิด แล้วถอดความรู้จากผู้ นั้น จัดเป็น การจัดการความรู้ระดับบุคคล (personal KM) วั ด ผลที ่ ค นเก่ ง ขึ ้ น ไหม ถ้ า องค์ ก รมี ร ะบบที ่ ด ี จะวั ด ที่ competency 3. สารสนเทศเกี่ยวกับ information ไม่เกี่ยวกับคน information คือข้อมูล ที่ประมวลผลแล้ว มาผ่านเครื่องมือ เช่น DATA analytic ทำให้เกิด improvement นำไปสู่สุดท้าย เกิดนวัตกรรม 4. องค์วิชาที่สำคัญคือการเขียนคู่มือ งานวิจัย ออกมา เป็นนวัตกรรม เมื่อได้องค์ความรู้ที่จำเป็นในด้านต่างๆ ที่เป็นองค์ ความรู้ สิ่งที่บุคลากรในองค์กรจะต้องดำเนินการต่อไปคือการ นำเอาความรู้มาเผยแพร่ หรือถ่ายทอดส่งต่อให้ กับบุคลากรใน องค์กรท่านอื่นๆ ได้เรียนรู้ร่วมกันด้วย

และคนในองค์กรไม่มีเวลาที่จะเรียนรู้และไม่ใช้ ความรู้ในการทำงาน สิ่งที่วิทยากรเน้นคือการใช้หลักการ 3 H คื อ Head Heart และ Hand บุ ค ลากร จะต้อ งมี ห ลัก การนี ้ ในใจเพื ่อ การดำเนิ น การ จัดการความรู้ คือ ต้องประเด็นความรู้ที่ต้องการ ต้องมีหัวใจในการจัดการความรู้ และสิ่งที่สำคัญ ข้ อ สุ ด ท้ า ยคื อ การลงมื อ ทำมั น ไม่ ต ้ อ งรอ เนื่อ งจากองค์กรต่างๆ ในทั่ว โลกก็ขับ เคลื่อน องค์กรด้วยการจัดการความรู้ เช่นเดียวกันทุก แห่ ง ถ้ า องค์ ก รของเราไม่ ดำเนิ นการจัดการ ความรู้ที่ดีมีประสิทธิภาพในการพัฒนางานของ ตนเองแล้ว ก็ยากที่จะเปลีย่ นแปลงองค์กรสู่การ จัดการความรู้อย่างแท้จริง


ดังนั้น ชุมชนแนวปฏิบัติ (CoP) เป็ น เครื่องมื อ การ จัดการความรู้อย่างหนึ่งที่ใช้เพื่อเชื่อมโยงคนในเครือข่าย หรือ ชุมชนที่มีทักษะการทำงาน ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วธิ ี ทำงาน ช่ ว ยสร้ า งขี ด ความสามารถในการปฏิ บ ั ต ิ ง านแก่ บุคลากรขององค์กร

โดยปัจจัยที่ทำให้การทำ KM ไม่ประสบผลสำเร็จ ส่วน ใหญ่เกิดจากผู้บริหารระดับสูงไม่เข้าใจและไม่เห็นความสำคัญ องค์กรที่ไม่มีวัฒนธรรมเอื้อต่อการเรียนรู้และแบ่งปัน และคน ในองค์กรไม่มีเวลาที่จะเรียนรู้และไม่ใช้ความรู้ในการทำงาน สิ่งที่วิทยากรเน้นคือการใช้หลักการ 3 H คือ Head Heart และ Hand บุคลากรจะต้องมีหลักการนี้ในใจเพื่อการ ดำเนินการจัดการความรู้ คือ ต้องประเด็นความรู้ที่ต้องการ ต้องมีหัวใจในการจัดการความรู้ และสิ่งที่สำคัญข้อสุดท้ายคือ การลงมือทำมัน ไม่ต้องรอ เนื่องจากองค์กรต่างๆ ในทั่วโลกก็ ขับเคลื่อนองค์กรด้วยการจัดการความรู้เช่นเดียวกันทุกแห่ง ถ้า องค์กรของเราไม่ดำเนินการจัดการความรู้ที่ดีมีประสิทธิภาพใน การพัฒนางานของตนเองแล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ การจัดการความรู้อย่างแท้จริง


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.