Photobook Memory of KANCHANABURI

Page 1

MEMORY OF KANCHANABURI

Photo by Nassaran



บทนำ� กาญจนบุรีคือดินแดนแห่งธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า พรรณไม้ โถงถ้ำ� น้ำ�ตก และ ประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออารี ทั้งไทย พม่า มอญ ปากะญอ (กะเหรี่ยง) ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น กาญจนบุรียังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดย เฉพาะเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีอนุสรณสถานหลายแห่งปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน เช่น สะพานข้ามแม่น้ำ�แคว สุสานทหารสัมพันธมิตร พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ฯลฯด้วยความหลากหลาย ของพื้นที่และเรื่องราวที่สั่งสมอยู่ในจังหวัดชายแดนตะวันตกแห่งนี้ กาญจนบุรีจึงเป็นจุดหมายปลายทาง ที่เหมาะสำ�หรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ทุกวัย และทุกฤดูกาล หนังสือภาพเรื่์องธรรมชาติ แหล่งประวัติศาตร์ในจังหวัดกาญจนบุรีเล่มนี้ จะเป็นการนำ�เสนอ ในเชิงท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำ�คัญ ทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่อง เที่ยวให้สำ�หรับบุคคลที่รักและสนใจในเรื่องของการถ่ายภาพด้วย ผู้จัดทำ�จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่บุคคลทุกเพศทุกวัยและหากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำ�กราบขออภัยมา ณ ที่นี้

นางสาวนัศรันทร์ ฉายแก้ว

ผู้จัดทำ�



สารบัญ สุสานทหารสัมพันธมิตร

หน้า 2

ทางรถไฟสายมรณะ

หน้า 12

น้ำ�ตกเอราวัณ

สะพานข้ามแม่น้ำ�แคว

หน้า 6

ช่องเขาขาด หน้า 18

ถ้ำ�ละว้า

หน้า 26

หน้า 32

เหมืองปิล๊อก

ด่านเจดีย์สามองค์

หน้า 38

วัดวังก์วิเวการาม

หน้า 48

หน้า 46

สะพานมอญ

หน้า 54



การเดินทางไปจังหวัดกาญจนบุรี 2. ทางรถโดยสารประจำ�ทาง

รถโดยสารปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ รถปรับอากาศชั้นหนึ่ง ออกทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 05.00-22.30 น. รถปรับอากาศชั้นสองออกทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 05.10-20.30 น. ใช้ เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 435-1200, 434-7192 รถโดยสารธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 04.00-20.00 น. ใช้เวลา เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 434-5557-8

3. ทางรถไฟ

KANCHANABURI

เส้นทางที่ 1 ไปตามถนนเพชรเกษมหรือไปตามถนนบรมราชชนนี ผ่านนครชัยศรี นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วง ถึงจังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 129 กม. ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง

MEMORY OF

1. ทางรถยนต์

ออกจากสถานีรถไฟบางกอกน้อย วันละ 2 เที่ยว เวลา 07.50 น. และ 13.45 น. แวะจอดที่สถานี กาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำ�แคว ท่ากิเลน สถานีน้ำ�ตก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 4113102 วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ มีรถไฟเที่ยวพิเศษ นำ�เที่ยวไปกลับภายในวันเดียว ราย ละเอียดสอบถาม โทร. 223-7010, 223-7020, 225-6964

MEMORY OF KANCHANABURI

1


2

MEMORY OF KANCHANABURI


สุสานทหารสัมพันธมิตร (ดอนรัก) หรือ "สุสานทหารสหประชาชาติ" หรือที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั่วไป เรียกว่า "ป่าช้าอังกฤษ" เป็นสุสานขนาดใหญ่บนพื้นที่ 17 ไร่ บรรจุศพเชลย ศึกที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะถึง 6,982 หลุม โดย เชลยศึก 300 คนเสียชีวิตด้วยอหิวาตกโรคและฝังไว้ที่ค่ายนิเกะ ประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนถึงด่านเจดีย์สามองค์)ส่วนที่เหลือได้จากหลุมฝังศพเชลย ศึกตามค่ายต่างๆและยังมีสุสานช่องไก่ ซึ่งรัฐบาลไทยและฝ่ายสัมพันธมิตร ได้ตกลงกันเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2497 เพื่อสร้างสุสานสองแห่งนี้ขึ้น บรรยากาศในสุสานเงียบสงบและร่มรื่น

พื้นที่ภายในได้รับการตกแต่งไว้

อย่างเป็นระเบียบสวยงาม เหนือหลุมฝังศพทุกหลุมมีแผ่นทองเหลืองจารึก ชื่อ อายุ และประเทศของผู้เสียชีวิต บรรทัดสุดท้ายเป็นคำ�ไว้อาลัยที่โศก เศร้า ทุกปีจะมีวันที่รำ�ลึกถึงผู้เสียชีวิตเฉพาะของคนชาติต่างๆ

MEMORY OF KANCHANABURI

3


4

MEMORY OF KANCHANABURI


สถานที่แห่งนี้มีความเงียบสงบ ชวนให้รำ�ลึกถึงเหตุการณ์การสู้รบและผลลัพธ์ที่ตามมา สุสานแห่งนี้

“บรรจุศพทหารเชลยศึกถึง 6,982 หลุม”

MEMORY OF KANCHANABURI

5


6

MEMORY OF KANCHANABURI


สะพานข้ามแม่นำ�้แคว สะพานข้ามแม่น้ำ�แควเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำ�คัญยิ่งแห่ง หนึ่ง เป็นสะพานที่สำ�คัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ ประมาณ 61,700 คน สมทบด้วยกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า (เมียนมาร์) และ อินเดีย อีกจำ�นวนมาก มาก่อสร้างทางรถไฟสาย ยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะ ต้องข้ามแม่น้ำ�แควใหญ่ จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและ ทางรถไฟสายนี้ เต็มไปด้วยความยากลำ�บาก ความทารุณของสงครามและ โรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำ�ให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสีย ชีวิตลง สะพานข้ามแม่น้ำ�แควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน โดยนำ�เหล็กจาก มลายูมาประกอบเป็นชิ้น ๆ ตอนกลางทำ�เป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง หัวและ โครงสะพานเป็นไม้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2486 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ได้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจน สะพานหักท่อนกลาง ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลไทยได้ซ่อมแซม ใหม่ด้วยเหล็กรูปเหลี่ยม เมื่อปี พ.ศ. 2489 จนสามารถใช้งานได้ ปัจจุบัน มี การยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

MEMORY OF KANCHANABURI

7


“บริเวณกลางสะพานแม่น้ำ�แคว” เป็นจุดซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันมาก ด้านข้างสะพานมีชานยื่นออก เพื่อให้นักท่องเที่ยวหลบเมื่อรถไฟจะวิ่งผ่าน

8

MEMORY OF KANCHANABURI


MEMORY OF KANCHANABURI

9


ท่าเรือสะพานข้ามแม่น้ำ�แคว (ต้นโพธิ์) มีเรือและแพทั้งหมดให้บริการนำ�เที่ยวไปตามลำ�นำ�้แควใหญ่และ แควน้อย ราคาไม่แพง มี 2 แห่ง คือ - หน้าหัวเมือง เรือและแพทั้งหมดจากบริเวณนี้ล่องไปตามลำ�น้ำ�แควน้อย - สะพานแมน้ำ�แคว จากจุดนี้นักท่องเที่ยวจะได้ล่องแม่น้ำ�แควและแวะตาม สถานที่ท่องเที่ยวริมน้ำ�ซึ้งอยู่ไม่ห่างจาก สะพานข้ามแม่น้ำ� แควมาก นัก

10

MEMORY OF KANCHANABURI


MEMORY OF KANCHANABURI

11


12

MEMORY OF KANCHANABURI


ทางรถไฟสายมรณะ ทางรถไฟสายนี้สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้แรงงาน เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชียที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์ มาสร้าง เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า ปัจจุบันเส้น ทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำ�ตก ระยะทางจากสถานี กาญจนบุรีถึงสถานีน้ำ�ตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟ แห่งประเทศไทยเปิดเดินรถบนเส้นทางนี้ทุกวันและจัดรถไฟขบวนพิเศษ สายกรุงเทพฯ - น้ำ�ตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จุดที่นัก ท่องเที่ยวให้ความสนใจมากคือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำ�แคว

และช่วงโค้ง

มรณะหรือถ้ำ�กระแซ ซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบแม่น้ำ�แควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร

MEMORY OF KANCHANABURI

13


14

MEMORY OF KANCHANABURI


ความสวยงามและความน่าทึ่ง ที่คนสมัยก่อนสร้างทางไปได้ยังไง รถไฟหนักเป็นร้อยๆตัน แต่ทำ�ให้ผ่านได้บนท่อนซุงเล็กๆ หลายๆ ท่อนเขาบอกไว้ว่า

“1 ชีวิต = 1” ไม้หมอนรางรถไฟ ของเชลยศึกในยามสงคราม

MEMORY OF KANCHANABURI

15


“บรรยากาศยามเช้า” จะมีพระสงฆ์เดินผ่านทางรถไฟสายมรณะเส้นนี้เพื่อบิณฑบาตร

16

MEMORY OF KANCHANABURI


มุมมองที่มองจากบนรถไฟจะเห็นวิวข้างทาง “แม่น้ำ�แควน้อย” อีกมุมหนึ่งที่สวยงามมาก

MEMORY OF KANCHANABURI

17


18

MEMORY OF KANCHANABURI


ช่องเขาขาด หรือ "ช่องไฟนรก" เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า (เส้นทางรถไฟสายมรณะ)ตลอดเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า (เส้นทางรถไฟ สายมรณะ)มีหลายจุดที่มีเนินหิน ภูเขา หน้าผา หรือหุบเหว ขวางอยู่จึง ต้องขุดให้เป็นช่องเพื่อที่รถไฟสามารถวิ่งผ่านไปได้ซึ่งที่ช่องเขาขาด หรือ ช่องไฟนรก เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดบนเส้นทางนี้ การขุดเจาะช่องเขาขาดเริ่ม ในเดือนเมษายนปีพ.ศ. 2486 ปรากฏว่างานล่าช้ากว่ากำ�หนดจึงมีช่วงที่ เร่งงานซึ่งแรงงานแต่ละกะต้องทำ�งานถึง 18 ชั่วโมงโดยงานส่วนใหญ่ล้วน ใช้แรงคนทั้งสิ้น เช่นการสกัดภูเขาด้วยมือ ซึ่งเป็นการทำ�งานที่ทารุณยิ่ง เนื่องจากต้องปีนลงไปสกัดในช่องเขาซึ่งบางช่วงสูงถึง 11 เมตร จนแทบ ไม่มีอากาศหายใจทั้งยังต้องทำ�งานท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวในช่วง เดือนมีนาคม ในภาวะขาดแคลนน้ำ�และอาหาร เมื่อเจ็บป่วยแพทย์และ อุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ไม่เพียงพอต่อการพยาบาลต้องดูแลกันตามมีตาม เกิด เชลยศึกและกรรมกรที่ช่องเขาขาดต้องทำ�งานตอนกลางคืนด้วยแสง ไฟจากคบเพลิงและกองเพลิงทำ�ให้สะท้อนเห็นเงาของเชลยศึกและผู้คุม วูบวาบบนผนังทำ�ให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า "ช่องไฟนรก" หรือ Hellfire Pass ในภาษาอังกฤษ MEMORY OF KANCHANABURI

19


ในทุกวันที่ 25 เมษายนของทุกปี จะมีชาวต่างชาติ และคนไทยมากหน้า หลายตา เดินทางมาร่วมพิธีวันรำ�ลึกถึงเชลยศึกออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งเรียกว่า วัน ANSAC DAY ซึ่งอาจเป็นบรรดาญาติพี่น้อง ครอบครัว และรวมถึงอดีตเชลย ศึกชาวออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอีกหลายๆ ชาติ ที่รอดชีวิต ดอกไม้ แสงเทียน และพวงมาลา เป็นสิ่งแสดงความเสียใจ และแสดงความรำ�ลึกนึกถึงการจากไป ของผู้เป็นที่รัก ในเหตุการณ์ที่ตราตรึงของช่องเขาขาด ในครานั้น…

“ป้านอนุสรณ์ช่องเขาขาด”

20

MEMORY OF KANCHANABURI


MEMORY OF KANCHANABURI

21


22

MEMORY OF KANCHANABURI


พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ช่องเขาขาดพิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ� เป็นสถานที่จัดแสดง มินิเธียเตอร์ และรวบรวมข้อมูลภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ระหว่างการ สร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลออสเตรเลียได้จัดตั้ง พิพิธภัณฑ์ขึ้น พิพิธภัณฑ์นี้จัดไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ภายในบริเวณมี เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ซึ่งเป็นสวนหนึ่งของทางรถไฟ สายมรณะ ที่เชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัดเจาะภูเขาหินด้วยมือ ปราศจากเครื่องมืออันทันสมัยให้เป็นช่อง สำ�หรับสร้างทางรถไฟ ปัจจุบันยังมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏอยู่ มีเส้นทาง เดินตามรอยราง รถไฟ ที่ตักช่องเขา เป็นทางรถไฟ ที่สมัยสงครามโลก ญี่ปุ่น เอาเฉฉลยศึก ตัดทางรถไฟเส้นนี้ ไปพม่า..เดินไปเรื่อยๆ ก็จะมีจุดที่ไวอาลัย

MEMORY OF KANCHANABURI

23


24

MEMORY OF KANCHANABURI


“ห้องแสดงภาพ”

หุ่นจำ�ลองการขุดรางรถไฟ และเครื่องมือที่ใช้ขุดรางรถไฟ

MEMORY OF KANCHANABURI

25


26

MEMORY OF KANCHANABURI


อุทยานแห่งชาติน้ำ�ตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตำ�บลท่ากระดาน อำ�เภอ ศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ห่างจากที่ทำ�การอุทยานประมาณ 500 เมตร มีความสูงจากระดับน้ำ�ทะเลตั้งแต่ 100 - 400 เมตร แบ่งเป็นชั้น ต่างๆ 7 ชั้น มีระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุด 1500 เมตร ลำ�น้ำ� เมื่อตกลงมาแล้วจะไหลลงแม่น้ำ�แควใหญ่บริเวณที่ทำ�การอุทยาน

เดิม

น้ำ�ตกนี้ชาวบ้านเรียกว่า น้ำ�ตกสะด่องม่องลาย อันเป็นชื่อลำ�ห้วยม่องลาย ที่เป็นต้นน้ำ� โดยบริเวณน้ำ�ตกจะมีน้ำ�ตลอดปีแต่จะมีน้ำ�น้อยในช่วงฤดูแล้ง ราวเดือนธันวาคมถึงเมษายน

MEMORY OF KANCHANABURI

27


น้ำ�ตกเอราวัณ มีทั้งหมด 7 ชั้น ความสวยของแต่ละชั้นงดงามไปคนละแบบ

28

MEMORY OF KANCHANABURI

“ทุกชั้นน้ำ�ใส ไหลเย็น”


MEMORY OF KANCHANABURI

29


30

MEMORY OF KANCHANABURI


ลักษณะน้ำ�ตกชั้นที่ 7 ของที่นี่ มีลักษณะคล้ายหัวช้างเอราวัณ 3 เศียร จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ น้ำ�ตกเอราวัณ ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเป็นอย่างดี

“ คุณคือผู้พิชิต ”

MEMORY OF KANCHANABURI

31


32

MEMORY OF KANCHANABURI


ถำ�้ละว้า เป็นถ้ำ�แรกๆ ที่ถูกค้นพบของกาญจนบุรีโดยนายผิน ดอกเข็ม เมื่อ ราวๆ ปีพ.ศ. 2496 หรือเมื่อเกือบ 60 ปีมาแล้ว แถมตอนค้นพบยังพบ พร้อมกับโครงกระดูกมนุษย์โบราณอีกด้วย

จึงทำ�ให้สันนิษฐานได้ว่าที่

แห่งนี้อาจจะเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุค ก่อนประวัติศาสตร์ก็เป็น ได้ นอกจากนี้ด้วยที่ตั้งของถ้ำ�ละว้าที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคซึ่ง ห่าง จากอำ�เภอเมืองไม่มากนัก การเดินทางมาท่องเที่ยวถ้ำ�ละว้าจึงถือว่า สะดวกมากพอควรเลยทีเดียว

MEMORY OF KANCHANABURI

33


บริเวณส่วนด้านหน้าภายในถ้ำ�ละว้า มีหินงอกหินย้อย และ ”พระพุทธรูป” ที่เคารพนับถือ

34

MEMORY OF KANCHANABURI


ผนังถำ�้บางส่วนมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นชั้นๆชัดเจน และ “หินงอกหินย้อย” ที่เรียงรายชิดกันอย่างหนาแน่น

MEMORY OF KANCHANABURI

35


“ป้ายคำ�แนะนำ�” การเตรียมตัวเพื่อเข้าถ้ำ�ไว้ให้อ่าน โดยถ้ำ�จะแบ่งเป็นห้องๆ มีทั้งหมด ๕ ห้อง 36

MEMORY OF KANCHANABURI


MEMORY OF KANCHANABURI

37


38

MEMORY OF KANCHANABURI


เหมืองปิล็อก ย้อนอดีต ปิล๊อกไปเมื่อหลาย 10 ปีก่อน มีผู้พบเห็นชาวพม่าเข้ามา ลักลอบขุดแร่ในพื้นที่ตำ�บลปิล๊อกไปขายให้ ทหารอังกฤษ คำ�เล่าลือนี้ทำ�ให้ กรมทรัพยากรธรณีสมัยนั้นนำ�คณะนายช่างมาสำ�รวจก็ถึงกับตะลึง เมื่อพบ ว่าพื้นที่แถบนี้ี่มีแร่ดีบุกและวุลแฟรมอยู่มากมายรองลงมาและมักอยู่ปะปน กัน คือ แร่ทังสะเตน และยังมีสายแร่ทองคำ� ปะปนอยู่กับ สายแร่ดีบุกต่อมา ปี พ.ศ. 2483 องค์การเหมืองแร่ กรมโลหะกิจ ได้เปิด“เหมืองปิล๊อก”ขึ้น เป็น แห่งแรกที่บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก จากการเปิดเหมืองในครั้งนั้นได้เกิดการ ปะทะกันระหว่างตำ�รวจกับกรรมกรพม่า เพราะฝ่ายไทยห้ามกรรมกรพม่า นำ�แร่ ไปขายให้อังกฤษ แต่กรรมกรพม่าฝ่าฝืน จึงเกิดการปะทะกันทำ�ให้มี ผู้บาด เจ็บและล้มตายจำ�นวนมาก ในอดีตชาวบ้านเรียกว่า "เหมืองผีหลอก" ต่อมาเพี้ยนเป็น "ปิล๊อก" ซึ่งกลายเป็นชื่อ เหมืองแร่และตำ�บลในเวลาต่อมา หลังจากนั้นก็ได้มีเหมืองแร่อื่นๆทยอยเปิดตามกันมาอีกมากมายทั้ง เหมือง เล็ก เหมืองใหญ่ ราว 50-60 เหมือง โดยผู้คนพากันเรียกบรรดาเหมือง ทั้งหลายในพื้นที่แถบนี้แบบเหมารวมว่า “เหมืองปิล๊อก” ดินแดนแห่งนี้ เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ของ บรรดานายเมืองทั้งหลายที่ต่างหลั่งไหลเข้ามา ผู้แสวง โชคมีทั้งคนไทย พม่า และที่มาจากแถบอินเดีย เหมืองแร่จึง สร้าง ความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชุมชนโดยรอบเป็นอย่างมากเนื่อง

MEMORY OF KANCHANABURI

39


บ้านอีต่อง หมู่บ้านของชายไทยเชื่อสานพม่า เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ยังคง มีวิถีชีวิตอันงดงาม จากหมู่บ้านมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเขาช้าง เผือกซึ่งเป็นยอดเขา ที่สูงที่สุด ของ อ. ทองผาภูมิ มีนักนักท่องเที่ยว ที่รักการเดินป่าและผจญภัยขึ้นไปพิชิตความสวยงาม และ ยิ่งใหญ่ ของที่นี่กันแทบทุกปี

40

MEMORY OF KANCHANABURI


MEMORY OF KANCHANABURI

41


42

MEMORY OF KANCHANABURI


เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่อยู่บนยอดเขาสูง มีกระแสลมพัดผ่านตลอดเวลา

“อากาศบริสุทธิ์และเย็นสบาย” จากการสำ�รวจ

ได้พบว่า จุดชมทิวทัศน์แห่งนี้มีความ สวยงามมาก เมื่อเราไปอยู่บนจุดนี้แล้วเรา ”สามารถมองเห็นทิวทัศน์ต่าง ๆ

ได้รอบตัว “

MEMORY OF KANCHANABURI

43


วัดเหมืองปิล็อกถ้ามองจากด้านหน้าพระพุทธรูปขึ้นไปจะเห็น

44

MEMORY OF KANCHANABURI

“เจดีย์เรียงกันอย่างสวยงาม”


วัดเหมืองปิล็อกถ้ามองจากด้านหลังพระพุทธรูปจะเห็น “วิวทิวทัศน์บริเวณรอบๆวัด”

MEMORY OF KANCHANABURI

45


46

MEMORY OF KANCHANABURI


พระเจดีย์สามองค์ พระเจดีย์สามองค์นี้เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นที่สักการะของคน ไทย โดยทั่วไปก่อนเดินทางออกจากเขตแดนไทยเข้าสู่เขตแดนพม่า ต่อมา ในปี พ.ศ. 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีได้เป็นผู้นำ�ชาวบ้าน ก่อสร้างเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็นในปัจจุบัน

นอกจากนี้ด่านเจดีย์

สามองค์ยังเป็นช่องทางเดินทัพที่สำ�คัญของไทยและพม่าในอดีต

บริเวณ

ด่านเจดีย์สามองค์ มีร้านขายสินค้าจากประเทศพม่า นักท่องเที่ยวสามารถ ข้ามชายแดนเข้าไปชมตลาดพญาตองซู ซึ่งเป็นตลาดชายแดน ที่มีการ จำ�หน่ายสินค้าของพม่า

MEMORY OF KANCHANABURI

47


48

MEMORY OF KANCHANABURI


วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ก่อสร้างด้วยศิลปะแบบ พม่า มีพระพุทธรูปหินอ่อน และ งาช้างแมมมอธ มีเจดีย์พุทธคยาจำ�ลอง สร้างจำ�ลองแบบจาก เจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยเริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2518 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2529 สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดใน ประเทศไทย ยาวประมาณ 900 เมตร เมื่อ พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้างเขื่อน เขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำ�แล้ว น้ำ�ในเขื่อนเขา แหลมจะท่วมตัวอำ�เภอเก่ารวมทั้งบริเวณหมู่บ้านชาวมอญทั้งหมด ทางวัด จึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน

MEMORY OF KANCHANABURI

49


50

MEMORY OF KANCHANABURI


“รอยพระพุทธบาทจำ�ลอง” ซึ่งประชาชนนิยมมาเสี่ยงตั้งเหรียญ เห็นเหรียญหลายอันมีทั้งตั้งอยู่ และล้มลงไปแล้ว

MEMORY OF KANCHANABURI

51


องค์จำ�ลองเจดีย์พุทธคยา

52

MEMORY OF KANCHANABURI


วัดใต้น้ำ� หรือ วัดวังก์วิเวการามเก่า โบราณสถานสำ�คัญที่จัด เป็น Unzeen ของอำ�เภอสังขละบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ ของการมาเยือนสังขละเลยก็ว่าได้

ยิ่งถ้ามาในช่วงเดือน

มีนาคม - เมษายน โดยประมาณ ระดับน้ำ�ในเขื่อนวิชราลง กรณ์จะลดลง ทำ�ให้สามารถขึ้นไปเดินชมโบสถ์ภายในวัดได้

MEMORY OF KANCHANABURI

53


54

MEMORY OF KANCHANABURI


สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานมอญ หรือ สะพานไม้มอญ เป็น สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาว 850 เมตร

และเป็น

สะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศ พม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำ�ซองกาเรีย ที่ตำ�บลหนองลู อำ�เภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี สะพานนี้สร้างขึ้นโดยดำ�ริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิ เวการาม ในปี พ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530 โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณ นี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.30 น. สะพานอุตตมา นุสรณ์ได้พังทลายขาดเป็น 2 ท่อนในช่วงกลางสะพาน ความยาวประมาณ 30 เมตร เนื่องจากเกิดเหตุฝนตกหนักติดต่อกันนานถึง 3 วัน ทำ�ให้เกิด น้ำ�ป่าไหลเชี่ยวกรากจากทุ่งใหญ่นเรศวร พัดขยะตอไม้ลงสูแม่น้ำ�ซองกาเลีย ปะทะกับเสาสะพานทำ�ให้เกิดขาดกลาง และเสียหายเพิ่มเป็น 70 เมตร ใน เที่ยงของวันต่อมา

MEMORY OF KANCHANABURI

55


ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ “สะพานมอญขาด” แต่ก็ไม่อาจลบเลือนเสน่ห์ของสังขละบุรีลงไปได้เลย

56

MEMORY OF KANCHANABURI


MEMORY OF KANCHANABURI

57


“ยามเช้า” 58

MEMORY OF KANCHAN58ABURI

จะมีพระสงฆ์เดินข้ามฝั่งมาบิณฑบาตร


สะพานลูกบวบที่สร้างโดยใช้ไม่ไผ่สำ�หรับเดินไปมาชั่วคราวระหว่างรอสะพานมอญบูรณะ “สัญจร”

MEMORY OF KANCHANABURI

59




Photo Book Design “The Nature and History site in Kanchanaburi.�


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.