โรคเอดส (AIDS) คืออะไร โรคเอดส หรือ โรคภูมิคุมกันบกพรอง (Acquired Immune Deficiency Syndrome - AIDS) เปนกลุมอาการเจ็บปวยที่เกิดขึ้นเพราะ รางกายไดรับเชื้อไวรัส เอชไอวี (HIV) ซึ่งจะเขาไปทําลายเม็ดเลือดขาว ที่เปนแหลงสรางภูมิคุมกันโรค ทําใหภูมิคุมกันโรคลดนอยลง จึงทําให ติดเชื้อโรคฉวยโอกาสแทรกซอนเขาสูรางกายไดงายขึ้น เชน วัณโรคในปอด หรือตอมน้ําเหลือง เยื่อหุมสมองอักเสบจากเชื้อรา โรคผิวหนังบาง ชนิด หรือเปนมะเร็งบางชนิดไดงายกวาคนปกติ ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตมักเกิดขึ้นจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสตางๆ เหลานี้ ทําใหอาการจะ รุนแรง และเสียชีวิตอยางรวดเร็ว ปจจุบันโรคเอดสมีการตรวจพบทั่วโลก และประมาณการวามีผูเสียชีวิตเนื่องจากโรคเอดส อยางนอย 25 ลานคน ตั้งแตถูกคนพบในป พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) นับเปนโรคที่มีอันตรายสูงโรคหนึ่งของประวัติศาสตรมนุษยชาติ ในป พ.ศ. 2548 ประมาณการวามีผูติดโรคเอดสประมาณ 3.1 ลานคน(ระหวาง 2.8 - 3.6 ลาน) ซึ่ง 570,000 คนของผูปวยโรคเอดสเปนเด็ก (UNAIDS, 2005)
สถานการณโรคเอดสในประเทศไทย ศูนยขอมูลทางระบาดวิทยา สํานักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานวา กลุมอายุ 30 - 34 ป มีผูปวยสูงสุด (รอยละ 25.86) รองลงมา ไดแก อายุ 25 - 29 ป โดยพบวา กลุมอายุต่ําสุด คือ กลุมอายุเพียง 10-14 ป (รอยละ 0.29) เมื่อจําแนกตามอาชีพ พบวา อาชีพรับจาง เปนกลุมทีเ่ ปน เอดสมากที่สุด รองลงมา คือ เกษตรกรรม, วางงาน, คาขาย และแมบาน สวนสาเหตุของการติดเชื้อเอดสนั้น พบวา รอยละ 83.97 ติดเชื้อเอดสจากการมีเพศสัมพันธ รองลงมา คือ การฉีดยาเสพติดเขาเสน และติด เชื้อจากมารดา อยางไรก็ตาม ยังมีผูปวยที่ไมทราบถึงสาเหตุ ถึงรอยละ 7.30 สวนเชื้อฉวยโอกาส ที่สามารถตรวจพบในผูปวยเอดสมากที่สุด ไดแก เชื้อ Mycobacterium tuberculosis ซึ่งเปนเชื้อที่กอใหเกิดวัณโรค นั่นเอง
เอดส ติดตอกันไดอยางไร
1. การรวมเพศ โดยไมใชถุงยางอนามัย ไมวาชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง ทั้งชองทางธรรมชาติ หรือไมธรรมชาติ ก็ลวนมีโอกาส ติดโรคนี้ไดทั้งสิ้น และปจจัยที่ทําใหมีโอกาสติดเชื้อเอดสมากขึ้น ไดแก การมีแผลเปด และจากขอมูลของสํานักระบาดวิทยา ประมาณรอย ละ 84 ของผูปวยเอดส ไดรับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ 2. การรับเชื้อเอดสทางเลือด - ใชเข็มหรือกระบอกฉีดยารวมกับผูติดเชื้อเอดส มักพบในกลุมผูฉีดยาเสพติด และหากคนกลุมนี้ติดเชื้อ ก็สามารถถายทอดเชื้อเอดส ทาง เพศสัมพันธไดอีกทางหนึ่ง - รับเลือดในขณะผาตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิด ในปจจุบันเลือดที่ไดรับบริจาคทุกขวด ตองผานการตรวจหาการติดเชื้อเอดส และ จะปลอดภัยเกือบ 100% 3. ทารก ติดเชื้อจากแมที่ติดเชื้อเอดส การแพรเชื้อจากแมสูลูก ผูหญิงที่ติดเชื้อเอดส หากตั้งครรภ และไมไดรับการดูแลอยางดี เชื้อ HIV จะ แพรไปยังลูกได ในอัตรารอยละ 30 จากกรณีเกิดจากแมติดเชื้อ จึงมีโอกาสที่จะรับเชื้อ HIV จากแมได
เอดส มีอาการอยางไร
คนที่สัมผัสกับโรคเอดสหรือคนที่ไดรับเชื้อเอดสเขาไปในรางกาย ไมจําเปนตองมีการติดเชื้อเอดสเสมอไป ขึ้นกับจํานวนครั้งที่สัมผัสและความ ดุรายของไวรัสเอดสที่เขาสูรางกายและภาวะภูมิตานทานของรางกาย ถามีการติดเชื้ออาการที่เกิดขึ้นมีไดหลายรูปแบบหรือหลายระยะตาม การดําเนินของโรค
ระยะที่ 1 : ระยะที่ไมมีอาการอะไร
ภายใน2-3 อาทิตยแรกหลังจากไดรับเชื้อเอดสเขาไป ราวรอยละ 10 ของผูติดเชื้อจะมีอาการคลายๆ ไขหวัด คือมีไข เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวด เมื่อยตามตัว ตอมน้ําเหลืองโต ผื่นตามตัว แขนขาชาหรือออนแรง เปนอยูราว 10-14 วันก็จะหายไปเอง ผูปวยสวนใหญอาจไมสังเกต นึกวา คงเปนไขหวัดธรรมดาราว 6-8 สัปดาหภายหลังติดเชื้อ ถาตรวจเลือดจะเริ่มพบวามีเลือดเอดสบวกได และสวนใหญจะตรวจพบวามีเลือด เอดสบวกภายหลัง 3 เดือนไปแลว โดยที่ผูติดเชื้อจะไมมีอาการอะไรเลยเพียงแตถาไปตรวจก็จะพบวามีภูมิคุนเคยตอไวรัสเอดสอยูในเลือด หรือที่เรียกวา เลือดเอดสบวกซึ่งแสดงวามีการติดเชื้อเอดสเขาไปแลว รางกายจึงตอบสนองโดยการสรางโปรตีนบางอยางขึ้นมาทําปฏิกิริยา กับไวรัสเอดส เรียกวา แอนติบอดี้(antibody) เปนเครื่องแสดงวาเคยมีเชื้อเอดสเขาสูรางกายมาแลวแตก็ไมสามารถจะเอาชนะไวรัสเอดสได คนที่มีเลือดเอดสบวกจะมีไวรัสเอดสอยูในตัวและสามารถแพรโรคใหกับคนอื่นไดนอยกวารอยละ 5 ของคนที่ติดเชื้อ อาจตองรอถึง 6 เดือน กวาจะมีเลือดเอดสบวกได ดังนั้นคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงมา เชน แอบไปมีสัมพันธกับหญิงอื่นที่ไมใชภรรยา โดยไมไดใสถุงยางอนามัยปองกัน ตรวจตอน 3 เดือน แลวไมพบก็ตองไปตรวจซ้ําอีกตอน6เดือนโดยในระหวางนั้นก็ตองใสถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธกับภรรยาและ หามบริจาคโลหิตใหใครในระหวางนั้นผูติดเชื้อบางรายอาจมีตอมน้ําเหลืองตามตัวโตไดโดยโตอยูเปนระยะเวลานานๆ คือเปนเดือนๆ ขึ้นไป ซึ่งบางรายอาจคลําพบเอง หรือไปหาแพทยแลวแพทยคลําพบ ตอมน้ําเหลืองที่โตนี้มีลักษณะเปนเม็ดกลมๆ แข็งๆ ขนาด1-2 เซนติเมตร อยู ใตผิวหนังบริเวณดานขางคอทั้ง 2 ขาง ขางละหลายเม็ดในแนวเดียวกัน คลําดูแลวคลายลูกประคําที่คอ ไมเจ็บ ไมแดง นอกจากที่คอตอม น้ําเหลืองที่โตยังอาจพบไดที่รักแรและขาหนีบทั้ง 2 ขาง แตตอมน้ําเหลืองที่ขาหนีบมีความสําคัญนอยกวาที่อื่นเพราะพบไดบอยในคนปกติ ทั่วไป ตอมน้ําเหลืองเหลานี้จะเปนที่พักพิงในชวงแรกของไวรัสเอดส โดยไวรัสเอดสจะแบงตัวอยางมากในตอมน้ําเหลืองที่โตเหลานี้
ระยะที่ 2 : ระยะที่เริ่มมีอาการหรือระยะที่มีอาการสัมพันธกับเอดส
เปนระยะที่คนไขเริ่มมีอาการ แตอาการนั้นยังไมมากถึงกับจะเรียกวาเปนโรคเอดสเต็มขั้น อาการในชวงนี้อาจเปนไขเรื้อรัง น้ําหนักลด หรือ ทองเสียเรื้อรัง โดยไมทราบสาเหตุ นอกจากนี้อาจมีเชื้อราในชองปาก , งูสวัด , เริมในชองปาก หรืออวัยวะเพศ ผื่นคันตามแขนขา และลําตัว คลายคนแพน้ําลายยุง จะเห็นไดวา อาการที่เรียกวาสัมพันธกับเอดสนั้น ไมจําเพาะสําหรับโรคเอดสเสมอไป คนที่เปนโรคอื่นๆ ก็อาจมีไข น้ําหนักลด ทองเสีย เชื้อราในชองปาก งูสวัด หรือเริมได ดังนั้นจึงไมใชวาถามีอาการเหลานี้จะตองเหมาวาติดเชื้อเอดสไปทุกราย ถาสงสัย ควรปรึกษา แพทยและตรวจเลือดเอดสพิสูจน
ระยะที่ 3 : ระยะโรคเอดสเต็มขั้น หรือที่ภาษาทางการเรียกวา โรคเอดส
เปนระยะที่ภูมิตานทานของรายกายเสียไปมากแลว ผูปวยจะมีอาการของการติดเชื้อจําพวกเชื้อฉกฉวยโอกาสบอยๆและเปนมะเร็งบางชนิด เชน แคโปซี่ซารโคมา(Kaposi'ssarcoma)และมะเร็งปากมดลูก การติดเชื้อฉกฉวยโอกาส หมายถึง การติดเชื้อที่ปกติมีความรุนแรงต่ําไมกอ โรคในคนปกติแตถาคนนั้นมีภูมิตานทานต่ําลง เชน จากการเปนมะเร็งหรือจากการไดรับยาจะทําใหเกิดวัณโรคที่ปอดตอมน้ําเหลืองตับหรือ สมองได รองลงมาคือเชื้อพยาธิที่ชื่อวานิวโมซิส-ตีส-คารินิไอ ซึ่งทําใหเกิดปอดบวมขึ้นได(ไข ไอ หายใจเหนื่อยหอบ) ตอมาเปนเชื้อราที่ชื่อ
คริปโตคอคคัส ซึ่งทําใหเยื่อหุมสมองอักเสบ มีอาการไข ปวดศีรษะ ซึมและอาเจียน นอกจากนี้ยังมีเชื้อฉกฉวยโอกาสอีกหลายชนิด เชนเชื้อ พยาธิที่ทําใหทองเสียเรื้อรัง และเชื้อซัยโตเมก กะโลไวรัส (CMV) ที่จอตาทําใหตาบอด หรือที่ลําไสทําใหปวดทอง ทองเสีย และถายเปนเลือด เปนตน ในภาคเหนือตอนบน มีเชื้อราพิเศษ ชนิดหนึ่งชื่อ เพนนิซิเลียว มารเนฟฟโอ ชอบทําใหติดเชื้อที่ผิวหนัง ตอมน้ําเหลืองและมีการติด เชื้อในกระแสโลหิต แคโปซี่ซารโคมา เปนมะเร็งของผนังเสนเลือด สวนใหญจะพบตามเสนเลือดที่ผิวหนัง มีลักษณะเปนตุมนูนสีมวงๆ แดงๆ บนผิวหนัง คลายจุดหอเลือด หรือไฝ ไมเจ็บไมคันคอยๆ ลามใหญขึ้น สวนจะมีหลายตุม บางครั้งอาจแตกเปนแผล เลือดออกได บางครั้งแคโป ซี่ซารโคมา อาจเกิดในชองปากในเยื่อบุทางเดินอาหาร ซึ่งอาจทําใหมีเลือดออกมากๆ ได นอกจากนี้ ผูปวยอาจเปนมะเร็งตอมน้ําเหลือง หรือ มะเร็งปากมดลูกได ดังนั้นผูหญิงที่ติดเชื้อเอดสจึงควรพบแพทยเพื่อตรวจมะเร็งปากมดลูกทุก 6 เดือน นอกจากนี้คนไขโรคเอดสเต็มขั้นอาจมี อาการทางจิตทางประสาทไดดวยโดยที่อาจมีอาการหลงลืมกอนวัย เนื่องจากสมองฝอเหี่ยว หรือมีอาการของโรคจิต หรืออาการชักกระตุก ไม รูสึกตัว แขนขาชาหรือไมมีแรง บางรายอาจมีอาการปวดราวคลายไฟชอตหรือปวดแสบปวดรอน หรืออาจเปนอัมพาตครึ่งทอน ปสสาวะ อุจจาระไมออก เปนตน ในแตละปหลังติดเชื้อเอดสรอยละ 5-6 ของผูที่ติดเชื้อจะกาวเขาสูระยะเอดสเต็มขั้น สวนใหญของคนที่เปนโรคเอดส เต็มขั้นแลว จะเสียชีวิตภายใน2-4 ป จากโรคติดเชื้อฉกฉวยโอกาสที่เปนมาก รักษาไมหาย หรือโรคติดเชื้อที่ยังไมมียาที่จะรักษาอยางไดผล หรือเสียชีวิตจากมะเร็งที่เปนมากๆ หรือคอยๆ ซูบซีดหมดแรงไปในที่สุด พบวายาตานไวรัสเอดสที่ใชกันอยูในขณะนี้ในประเทศตะวันตก สามารถยืดชีวิตคนไขออกไปได10 - 20 ปและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น หรืออาจอยูจนแกตายได
อาการของเอดส มี 2 ระยะ
1. ระยะไมมีอาการ ผูติดเชื้อจะมีสุขภาพแข็งแรง ไมมีอาการผิดปกติแตอยางใด ผูติดเชื้อสวนใหญจะอยูในระยะนี้ และบางคนไมทราบวา ตัวเองติดเชื้อ จึงอาจแพรเชื้อไปสูผูอื่นได 2. ระยะมีอาการ ผูติดเชื้อเอดสสวนใหญจะเริ่มแสดงอาการ ภายหลังจากไดรับเชื้อประมาณ 7-8 ป แบงเปน 2 ระยะ คือ - ระยะเริ่มปรากฎอาการ อาการที่พบคือ มีเชื้อราในปาก ตอมน้ําเหลืองโต งูสวัด มีไข ทองเสีย น้ําหนักลด มีตุมคันบริเวณผิวหนัง - ระยะโรคเอดส เปนระยะที่มีภูมิตานทานลดลงมาก ทําใหติดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสไดงายขึ้น เชน วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุมสมองอักเสบ เปนตน
ปองกันตัวเอง ไมใหติดเชื้อเอดส ไดอยางไร
รักเดียว ใจเดียว หากจะมีเพศสัมพันธกับหญิง ควรใชถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ ขอรับบริการปรึกษา เรื่อง โรคเอดส กอนแตงงาน และกอนที่จะมีบุตรทุกทอง ไมดื่มเหลา และงดใชสารเสพติดทุกชนิด
คําถาม - คําตอบ 1. เอดส รูไดอยางไรวา ติดแลว
เนื่องจากโรคนี้แสดงอาการชา แตสามารถทราบได โดยการตรวจเลือด หากตองการผลที่แมนยํา ควรตรวจภายหลังจากมีพฤติกรรมเสี่ยง 6 สัปดาหขึ้นไป
2. เอดส รักษาไดหรือไม
ขณะนี้ยังไมมียารักษาโรคเอดสใหหายได ยาที่ใชปจจุบันจะชวยยับยั้ง ไมใหไวรัสเอดสเพิ่มจํานวนมากขึ้น ในรางกายผูติดเชื้อ และผูปวย เอดสจะมีสุขภาพแข็งแรง สามารถทํางานไดตามปกติ
3. เอดส ใครบางที่ควรตรวจหาเชื้อเอดส
- ผูมีพฤติกรรมเสี่ยง และตองการรูวาตนเองติดเชื้อเอดสหรือไม - ผูที่ตัดสินใจจะมีคู หรืออยูกินฉันทสามีภรรยา - ผูที่สงสัยวา คูนอนของตนจะมีพฤติกรรมเสี่ยง - ผูที่คิดจะมีบุตร ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของแมและลูก - ผูที่ตองการขอมูลสนับสนุนเรื่องความปลอดภัย และสุขภาพของรางกาย เชน ผูที่ตองไปทํางานในตางประเทศ (บางประเทศ)
4. เอดส เราอยูรวมกันได อยางไร
คนที่ติดเชื้อ HIV สามารถอยูรวมกับสังคม และครอบครัวได และทํางานไดเหมือนกับคนทั่วไป เพราะเชื้อ HIV ไมไดติดตอกันโดย การสัมผัส การกอดจูบ การรับประทานอาหาร การขับถาย การใชของรวมกัน การอยูใกลกัน การสนทนากัน หรือถูกยุงกัด ดังนั้น จึงไมตองแยกวง รับประทานอาหาร ไมตองแยกหองนอน หองน้ํา อุปกรณของใชตางๆ หรือหองทํางาน
ทรานสเฟอร แฟกเตอร กับ โรคเอดส
การทํางานของ Transfer Factor กับการดูแลโรคเอดสนั้น Transfer Factor จะทําหนาที่ในการเพิ่มคา CD4ภายในรางกาย ซึ่งจะทําการปรับ คาใหสูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งผิดกับยาตานไวรัสเอดส ซึ่งจะทําหนาที่เพียงการควบคุมไมใหแสดงอาการของโรคออกมาเพียงเทานั้น แตจะไมไดชวยเพิ่มคาของ CD4 นอกจากนี้ Transfer Factor ยังจะมีหนาที่ในการเขาไปในระบบ DNA ในรางกายซึ่งถูกเชื้อไวรัส HIV ทําลายโดยจะเปนตัวเพิ่มและปรับสภาพของ ระบบภูมิคุมกันใหกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ซึ่งระบบภูมิคุมกันนี้เปนสาเหตุของการเกิดโรคภูมิคุมกันบกพรอง เซลลเปาหมายของ HIV-1 เปนเซลลเม็ดเลือดขาวที่เรียกวา เซลล CD4 ซึ่งเซลลเหลานี้ เปนเซลลสําคัญเพราะมันทําหนาที่ ในการบอกเซลลอื่นๆ
ใหเริ่มทํางานตอสูกับสิ่งแปลกปลอม HIV-1(นี่เปนจุดหนึ่งที่ ทรานเฟอร แฟกเตอร เขามาเสริม) ทําใหจํานวนของเซลล CD4( CD4count)ลดลง เมื่อ จํานวนเซลล CD4 ลดลงมากจนถึงระดับหนึ่ง ภูมิคุมกันของรางกาย ก็จะออนแอลงมาก เมื่อCD4 countลดลงต่ํากวา 200 หรือเมื่อเกิดการติดเชื้อหรือ โรคฉวยโอกาสขึ้น เราจะเรียกวาคนคนนั้นเปน โรคเอดส(Acquired immunodeficiency syndrome:AIDS) โดยปกติแลวผูปวยโรคเอดสนั้นจะเสียชีวิตโดยภาวะแทรกซอนมากกวาเสียชีวิตจากโรคเอดส โดยตรงเนื่องจากเมื่อระบบภูมิคุมกันออนแอหรือ บกพรองจะทําใหรางกายไดรับเชื้อโรคอยางงายดาย และไมสามารถทําลายสิ่งแปลกปลอมภายในรางกายได แตการได Transfer Factor เขาไปชวยนี้ จะ ทําใหระบบภูมิคุมกันทําหนาที่ไดตามปกติเพราะไดรับการสงเสริมจาก Transfer Factor ทําใหเมื่อมีเชื้อโรคเขาไปในรางกายแลว ระบบภูมิคุมกันภายใน รางกายจะทํางานไดตามปกติ ทําใหไมเกิด ภาวะโรคแทรกซอน Transfer factor (ทรานสเฟอร แฟกเตอร) ไมใชยารักษาโรค หรือรักษาโรคเอดส เพียงแต ทรานสเฟอร แฟกเตอร ทําหนาที่ไปชวยให ภูมิคุมกันในรางกายของทานใหแข็งแรงมีความสามารถในการ 1. ชี้ตัว (Recognize) ไวรัส หรือสิ่งแปลกปลอมในรางกายไดอยางรวดเร็ว แยกแยะได ระหวางเซลลที่ดี กับเซลลที่คุกคาม 2. ตอบสนอง (Respond) ทําใหระบบภูมิคุมกันในรางกายของคุณตื่นตัว และจัดการกับสิ่งแปลกปลอมทันที 3. จดจํา (Remember) หนวยความจําของ TRANSFER FACTOR เปนกรดอะมิโน 10-12 ชนิด ที่ถูกวางเรียงในรูปแบบตางๆ Transfer Factor สามารถจําลองภาพโมเลกุลนับพันของตัวที่ทําใหเกิดโรค 4.Transfer Factor ปรับสมดุลระบบภูมิคุมกัน เพิ่มการตอบสนองของภูมิคุมกัน หรือปรับสมดุล โดยยับยั้งระบบภูมิคุมกันที่ทํางานเกิน ปกติ (ภูมิคุมกันไวเกิน) • • •
ผูติดเชื้อ HIV ในภาคเหนือตอนบนบางทานไดทาน Transfer Factor Plus Advanced ทําใหอาการดีขึ้นอยางมีนัยสําคัญ จากการทาน Transfer Factor Plus Advanced เปนประจําทุกวัน ดีขึ้นจนกระทั่ง CD4 สูงถึง 700-800 และ Viral load ลดลงอยางนาประหลาดใจ แลวแตอาการมากนอยขนาดไหน ทาน Transfer Factor Plus Advanced วันละ 3 แคปซูลตอนเชาหลังจากตื่นนอนและขณะทองวาง ในกรณีที่ทานมีกําลังซื้อมากขึ้น ควรจะเสริม TF Riovida เขาไปอีกอยางเพราะจะไปชวยใหผิวพรรณคุณสดใส
จากการที่มีสาร antioxidant และชวยสาระสําคัญ จากผลไมตาง ๆ ที่มีประโยชนตอรางกายและผิวพรรณ •
ทานควบคูกับ Transfer Factor Plus Advanced จะดูไมออกเลยวาเปนผูติดเชื้อ HIV
Transfer Factor Plus Tri-factor เพิ่มภูมิคุมกัน 437%
Transfer Factor Riovida Tri-factor เพิ่มภูมิคุมกัน 283% (บํารุงผิวพรรณ)