เรื่องเล่าจาก ประสบการณ์ เรื่องจริง ที่ไม่อิงนิยาย จากผม...มนุษย์แบงค์
คำ�นำ� พ็อคเก็ตบุ๊คเล่มนี้ทำ�ขึ้นเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของนายทศพล ตุงคะเสน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัย กรุงเทพ ที่ออกไปฝึกงานที่คลื่น FM 99 อสมท. โดยจะบอกเล่าถึงประสบการณ์ และอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างฝึกงาน เพื่อเป็นประโยชน์และคำ�แนะนำ�ให้แก่ผู้ อ่านและรุ่นน้องที่กำ�ลังจะออกไปฝึกงานเหมือนกันในเทอมหน้า โดยจะเล่าใน เชิงนิยายผสมความตลกขบขัน เพื่อให้เกิดความบันเทิงด้วยในขณะอ่าน จะได้ไม่ เบื่อกัน นาย ทศพล ตุงคะเสน
คำ�นิยม ในช่วงเวลาที่เป็นนักศึกษาฝึกงาน แบงค์เป็นคนที่เรียนรู้ตลอด เวลา เรียนรู้ทั้งการทำ�งาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และทำ�การบ้าน เวลาได้รับโจทย์หรืองาน อย่างผลงานที่แบงค์ได้เขียน ถือเป็นผลงานที่ มีคุณภาพเทียบเท่ากับมืออาชีพระดับหนึ่ง เชื่อว่าถ้าได้ฝึกฝนต่อไปจะได้ พัฒนาได้มากขึ้นกว่านี้อีก พูดถึงผลงานที่แบงค์ได้เขียนนั้น แบงค์เป็นคนที่กล้าที่จะ แสดงความคิดเห็น และเข้าใจในสิ่งที่กำ�ลังเล่า กำ�ลังวิเคราะห์ และได้ ถ่ายทอดออกมา เพราะน้องสนใจในงานสายนี้จริงๆ หวังว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกัน ในสายงาน ที่เป็นสายงานอา ชีพจริงๆนะครับ สู้ๆครับน้อง
01 เริ่ม
เริ่มต้นชีวิตนักศึกษาฝึกงาน เริ่มต้นการเรียนรู้
คำ�่ คืนก่อนเป็นนักศึกษาฝึกงาน “ และแล้ววันพรุ่งนี้ก็จะมาถึง วันที่ผมต้องออกไปฝึกงานวัน แรก ” ผมพูดกับตัวเองในขณะที่สายตาเหลือบไปมองนาฬิกาตัวโปรดสี ชมพูฟรุ้งฟริ้งที่กำ�ลังบอกเวลาว่าใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ความง่วงไม่เคย จะคลืบคลานเข้ามาหาตัวผมเลย ร่างกายยังคงสดใสเหมือนดั่งเช้าวัน ใหม่ แต่ผมรู้ตัวว่าผมควรจะต้องรีบเข้านอนได้แล้ว หากปล่อยตัวและใจ ไปกับเวลาเรื่อย ๆ แบบนี้ มีหวังผมได้ไปสายตั้งแต่วันแรกแน่นอน ผมทำ�ใจและเดินคอตกไปปิดไฟดวงน้อย ๆ ที่ส่องแสงสว่าง ยามค่ำ�คืนเหมือนดั่งแสงหิ่งห้อยตัวน้อย ๆ ที่กำ�ลังบินล่องลอยสำ�ราญ ใจในค่ำ�คืนที่มืดมิด การทิ้งกายลงบนที่นอนที่คุ้นเคยกับร่างกายที่มันไม่ ยอมง่วงซักทีเนี้ยมันน่าหงุดหงิดชะมัดเลยหล่ะ แต่ก็ต้องทำ�ใจข่มตาลง หวังจะให้หลับ ๆ ไป แต่จนแล้วจนรอดผมพลิกตัวไปมา นอนคิดอะไรไป เรื่อยเปื่อย มันก็ไม่ยอมหลับซักที จริง ๆ แล้วคงเป็นเพราะผมกังวลว่า จะตื่นสายมากจนเกินไป เลยทำ�ให้นอนไม่ค่อยจะหลับนั้นเอง “ อยู่ต่อเลยได้ไหม อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจฉันอยู่ ที่เธอหมดแล้วตอนนี้ ” เพลงที่คุ้นเคยของพี่สิงโต นำ�โชคดังบรรเลงให้
6
ชวนฝันในตอนเช้าตรู่ ใช่แล้วครับ.. เสียงเพลงปลุกของผมเอง เป็นไง มันน่า นอนต่อไหมล่ะ ฮ่า ๆ ผมดีดตัวขึ้นมาเพราะไม่อยากจะของีบต่ออีก 5 หรือ 10 นาที เพราะผมทำ�ทีไร มันเลยไปเป็นชั่วโมงตลอดเลย เฮ้อ แสงแดดอาทิตย์ยามเช้ากำ�ลังเริ่มทอแสงสีส้มปนเหลืองอ่อน ๆ ส่องผ่อง อำ�ไพลงมาผ่านเมฆที่เบาบางในยามเช้า เวลาบอกผมว่า 06.00 น. วันที่ 2 มิถุนายน ผมรีบเข้าไปอาบน้ำ�ด้วยความตื่นเต้นโดยระหว่างอาบน้ำ�ผมก็คิด ไปว่า จะไปทำ�งานด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์คันโปรดของเราไปหรือว่าจะนั่งรถตู้ แล้วไปต่อรถไฟฟ้าดี เสียงปิดฝาขวดยาสระผมดัง ปึ๊ก! เหมือนเสียง ปิ๊ง! มี หลอดไฟเหมือนในการ์ตูนเวลาคิดอะไรดี ๆ ออก ผมคิดออกแล้วว่าจะนั่งรถ ตู้แล้วไปต่อรถไฟฟ้าก่อน วันแรกขอไป แบบเซฟ ๆ เพราะเรายังไม่รู้สถานที่ ทางเข้าหรือกระทั่งที่จอดรถ เรียกว่า วันแรกขอไปสังเกตการณ์สถานที่ก่อน แล้วกัน ฮ่า ๆ
7
สวัสดีครับ ผมนักศึกษาฝึกงานวันแรกครับ ! ผมสาบานเลยว่า.. ผมพึ่งเคยนั่งรถตู้เข้าตัวเมืองจุดหมาย ปลายทางที่จุตจักร ในตอนเช้าเป็นครั้งแรก บอกได้คำ�เดียวว่า รถโครต ติดมาก ๆ กว่าขยับแต่ละกิโลเมตรนี่แทบจะหลายนาทีเลยทีเดียว ใจ ผมร้อนรุ่มดั่งกองไฟที่สามารถเผาได้ทั้งป่า กลัวจะไปถึงที่ทำ�งานสาย ตั้งแต่วันแรก เข้าใจเลยว่า วิถีชีวิตแบบฮิปเตอร์ Slow Life มันเป็น ยังไง แบบนี้นี่เอง รถค่อย ๆ เขยื้อนไปทีละนิด เหมือนดั่งเด็กน้อยที่หัด เริ่มตั้งไข่ก้าวเดิน ผ่านด่านดอนเมืองไปก็ค่อยโล่งขึ้นหน่อย จนมาถึงจุตจักร ผมรีบจ้ำ�อ้าวไม่เท้าความยาวสาวความยืด รีบเดินเหมือนแม่กำ�ลังจะ คลอดรออยู่ที่บ้านงั้นแหละ ในตอนเช้าวันทำ�งานแบบนี้คนโครตเยอะ เลย ผมยอมพาตัวเองเข้าไปเบียดเสียดกับคนในรถไฟฟ้าแทบจะเป็น ปลาประป๋องเพื่อมุ่งหมายปลายทางไปสถานีพระรามเก้าซี่งเป็นที่ ฝึกงานของผมนั้นเอง
8
ผมรีบวิ่งขึ้นมาจากสถานีใต้ดิน ตาเหลือบไปมองนาฬิกาเข็มมันชี้ บอกผมว่า 08.45 น. แล้ว ทั้ง ๆ ที่ผมออกมาเร็วแล้วแท้ ๆ เกือบสายแล้ว ไหมละ ระหว่างที่บันไดเลื่อนพาตัวผมขึ้นมาสู่จุดสูงสุดพอดี สายตาก็ผมก็ได้ หันไปสบสายตากับพี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่กำ�ลังรอผู้โดยสารอยู่ สายตามัน ช่างเย้ายวนและเชิญชวนผมเสียเหลือเกิน ผมรีบเดินเข้าไปหาสายตาคู่นั้น แล้วบอกกับเขาว่า “ ไป อสมท ครับพี่ ” พี่แกไม่รอช้าคว้าหมวกกันน็อคใบ เก่า ๆ คู่ใจสวมใส่ลงไป เท่าที่ผมสังเกตแล้วมันไม่น่าจะช่วยอะไรพี่แกได้เลย ยกเว้นใบสั่งอย่างเดียวเท่านั้นแหละ นี่ละนะประเทศไทย หลังจากลงจากมอเตอร์ไซค์ตัวแรงที่เหาะพาผมมาส่งหน้า อสมท. ด้วยความเร็วแสงเหมือนพี่แกจะรู้ว่าผมกำ�ลังจะมาสาย ผมรีบย้ายตัวเอง เข้าไปในตึกอำ�นวยการเพื่อจะไปพบกับเจ้าหน้าที่บุคคลอาวุโสตามใบที่เขา ได้แจ้งไว้ เมื่อถึงห้องที่เขานัดไว้ ผมเดินเข้าไปพร้อมกับทำ�ตัวลีบ ๆ ห่อ ๆ เพราะในห้องนั้นอุดมไปด้วยนักศึกษาฝึกงานหลายสิบคน ทุกครั้งที่มีคนเข้า ห้องมา ทุกสายตาก็จะจับจ้องไปที่คน ๆ นั้น ก็เล่นมองซะเยอะแบบนี้ ผมก็ เขินสิฮะ จากนั้นพี่เขาก็อธิบายในส่วนต่าง ๆ เช็ครายชื่อว่ามีใครไม่มาบ้าง ก่อนที่จะแจกสายห้อยคอสีม่วงเข้มและป้ายห้อยสำ�หรับนักศึกษาฝึกงาน ก่อนจะให้พี่ ๆ ในแต่ละส่วนมารับเด็ก ๆ ไปยังส่วนของตน ผมเดินตามเพื่อน ฝึกงานที่มาจากมหาวิทยาลัยใกล้เคียงกับผม ก็คือ มหาวิทยาลัยรังสิตนั้นเอง สามหนุ่มจากมอรังสิต ฟิล์ม โอ๊ต มอส เราทำ�ความรู้จักกันที่เราเดินตามพี่ไป เส้นทางคดเคี้ยวหยั่งกับเขาวงกต แต่ก็ไม่ยากที่จะจำ�ทางได้คร่าว ๆ เพราะ ผมได้ทิ้งเศษขนมปังไว้ ถุ้ย ! ไม่ใช่ฮันเซลและเกรเทล
9
เมื่อมาถึงคลื่น FM 99 สถานที่ทำ�งานของคลื่นดูเล็ก คับแคบ ในครั้งแรกที่มองแต่พอได้เดินเข้าไปข้างในก็รู้สึกถึงความอบอุ่น แนบชิด และความเป็นระเบียบ คนแรกที่เรารู้จักคือ พี่บัณฑิต โดยพี่เขาจะเป็นพี่ที่ ดูแลน้อง ๆ ฝึกงานของ FM 99 จากนั้นก็ไปสวัสดีแนะนำ�ตัวกับพี่ ๆ ที่ ทำ�งานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่ยุ้ย พี่ออม พี่โฟน พี่ปาล์ม พี่อ้อย พี่บุ๋ม พี่ซี พี่ อ้อม เป็นต้น เพราะว่าพี่บางคนก็ยังไม่มา หรืออกไปพบลูกค้า แต่สุดท้ายก็ แนะนำ�ตัวครบทุกคน ที่คลื่น FM 99 มีโต๊ะที่นั่งของเด็กฝึกงานแต่ไม่ค่อยใหญ่มาก นั่ง สามคนเลยค่อนข้างพอดี ผมเลยไปนั่งโต๊ะคนเดียวที่ว่างอยู่ข้าง ๆ กับพี่ อ้อม ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใครอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยมีปัญหา อะไรเรื่องเพื่อน บรรยากาศในที่ทำ�งานวันแรกดูค่อนข้างตื่นเต้นและอบอุ่น จากการต้อนรับของพี่ ๆ แต่ที่ผมชอบที่สุดในที่ฝึกงานเลยคงจะเป็น เชือก สีขาวที่ห้อยลงมาจากหลอดไฟเพดานทุกหลอด และผูกกับเจ้าตุ๊กตาหมีตัว น้อย ๆ แสนน่ารัก เวลาหากจะเปิดไฟก็ดึงเจ้าหมีนั้นลงมาให้มีเสียง ตึ๊ก ๆ ไฟก็จะเปิด ถือว่าเป็นการทำ�ที่เปิดไฟ้ที่ครีเอตมาก ๆ อยากเปิดตรงไหนดึง ตรงนั้น ปิดตรงไหนดึงตรงนั้น สุดยอดไปเลยที่นี่ ฮ่า ๆ
10
ระเบียบของเด็กฝึกงาน วันนี้ผมได้รู้จักกับพี่โฟน และค่อนข้างสนิทกว่าพี่ ๆ ทุกคน เพราะด้วยความที่แกพี่จะนั่งใกล้กับโต๊ะของเด็กฝึกงาน รวมถึงอายุก็ ห่างกันไม่น่าจะมาก อีกทั้งพี่โฟนยังเป็นศิษย์เก่าของม.กรุงเทพอีกด้วย และพี่แกใจดี คุยง่าย เลยค่อนข้างที่จะคุยได้ในหลาย ๆ เรื่อง จากนั้น พี่โฟนก็ได้พาไปให้รู้จักกับพี่หนูนา ซึ่งเป็นอดีตคนดูแลเด็กฝึกงาน ก่อน ที่ตอนนี้จะเป็นพี่บัณฑิตมารับหน้าที่แทน หลังจากที่ทำ�ความรู้จักกับพี่ ๆ ทุกคนเสร็จ พี่บัณฑิตก็พา พวกเรามานั่งที่โซฟาข้าง ๆ และอธิบายถึงการแต่งตัว เวลาในการ ทำ�งาน และระเบียบเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการที่จะมาฝึกงานที่นี่สองเดือน อย่างแรกเลย การแต่งกาย ไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษาก็ได้ แต่แต่งกายให้ สุภาพไม่รองเท้าแตะ เสื้อขอเป็นคอปก หรือ เสื้อเชิ้ตเพื่อความเป็น ระเบียบเรียบร้อย กางเกงขายาว พื้นฐานปกติ ส่วนเรื่องเวลา โดยที่นี่จะให้นักศึกษาฝึกงานตอกบัตรก่อน 09.00 น. ถ้าหากเกินกว่านั้นถือว่ามาสาย แล้วก็ถ้าใครมีเรื่องสงสัย หรือมีปัญหาอะไรก็สามารถเข้ามาคุยกับพี่บัณฑิตได้โดยตรง ซึ่งตรงนี้
11
ถือว่าก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย สำ�หรับกฎเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ว่า ต้องตอกบัตร ด้วยนี่สิ ห้ามมาสายเลยเชียวละ แล้วยิ่งเราอยู่ไกลด้วย เหนื่อยแน่เลยอย่างงี้ ฮ่า ๆ หลังจากที่เราได้สวัสดีพี่หนูนาแล้ว ก็ทำ�การเริ่มประชุม พี่หนูนา เกริ่นถึงเรื่องกฎระเบียบซึ่งพี่บัณฑิตก็ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว พี่หนูนาก็ เสริมอีกว่า หากมาสาย 2 ครั้ง ถือว่า ขาด 1 ครั้ง และระยะเวลาในการฝึกที่ นี่ให้ขาดได้แค่เดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งพวกเราที่นั่งฟังก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่อย่างไร ยังไงซะพวกเราก็อยากมาฝึกงาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้เต็มที่ อยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นการเน้นย้ำ�ถึงกฎระเบียบไม่มีอะไรมาก
12
เริ่มงานได้!!! ก่อนหน้านี้ พี่หนูนา เป็นอดีตคนคุมเด็กฝึกงาน แต่พี่หนูนาต้องไป ทำ�งานในด้านอื่นก็เลยจะเป็นพี่บัณฑิตที่ได้รับช่วงต่อมาดูแลแทน ได้ประชุม กันระหว่าง พี่หนูนา พี่บัณฑิต และ หนุ่มฝึกงานทั้งหมด 4 คนต่อจากเรื่อง ของกฎระเบียบ ก็ได้พูดคุยกันต่อว่า เรียนสายอะไรมา ด้านอะไรมา ถนัดทำ� อะไรด้านไหน แล้วอยากฝึก อยากทำ�อะไรในส่วนไหนของคลื่นนี้ ซึ่งทางเจ้าหนุ่มมอส ฟิล์ม โอ๊ต ก็เรียนมาเหมือนกันเกี่ยวกับการจัด กิจกรรมเกี่ยวกับกีฬา พี่หนูนาเลยให้ทั้งสามคนช่วยกันคิดกิจกรรมที่ทางคลื่น จะจัดให้คนฟังได้เข้าร่วมเล่นกิจกรรม และกิจกรรมนี้ก็ต้องนำ�ไปเสนอลูกค้า ก่อนให้ผ่าน และที่สำ�คัญเลย ต้องไม่ซ้ำ�ใคร ต้องแบบใหม่ และ ไม่เหมือน หรือคล้าย ๆ กับกิจกรรมที่เคยจัดมา ซึ่งทั้งสามคนเมื่อได้ฟังก็ส่งสายตามอง กัน เหมือนบอกอะไรซักอย่างผ่านความในใจทางกระแสจิต ดูเป็นงานที่ค่อน ข้างยากและใหญ่ แต่ก็ท้าทายเหมือนกัน
13
เมื่อพี่หนูนาจัดการโยนภารกิจใหญ่ของการฝึกงานให้กับเจ้าสาม หนุ่มจากม.รังสิตแล้ว ก็ถึงเป็นคราวผม พี่หนูนาหันมาถามว่าเราเรียน อะไรมาหละ.. “ ผมเรียนวารสารศาสตร์มาครับ ” ผมตอบด้วยความ มั่นใจแม้ข้างในจะรู้สึกถูกกดดันอย่างไรบอกไม่ถูก พี่หนูนาพูดพร้อมยื่น มือของแกหยิบเกี๊ยวทอดที่อยู่ในถุงที่ยับยู้ยี่ แต่ดูแล้วมันน่าจะอร่อยอยู่ หากฟังเพียงจากเสียงกรอบ ๆ ที่พี่แกเคี้ยวอยู่ “ งั้นก็เขียนข่าวเป็นสินะ? ” .. เป็นครับ ได้ครับ ผมเขียนคอลัมน์ได้ด้วยนะครับ ผมเคยหัดเขียนอยู่ ผมรีบบอกสรรพคุณตัวเองอย่างเสร็จสรรพ พี่หนูนาหันมามองด้วยหาง ตา .. จริงเหรอ? งั้นเดี๋ยวเขียนแล้วส่งให้พี่บัณฑิตดูหน่อย ว่าเขียนได้แค่ ไหน .. ได้ครับผม ผมตอบด้วยความรู้สึกยินดีที่ได้ทำ�ในสิ่งที่ผมถนัดและ เคยฝึกมาแล้ว
14
อาทิตย์แรกผ่านไป อาทิตย์แรกของการฝึกงานผ่านไปด้วยดี ผมรู้สึกดีและอบอุ่นทุก ครั้งที่ผมเดินทางมาฝึกงาน ผมรู้สึกว่าได้ทำ�อะไรหลาย ๆ อย่างที่อยากทำ� แล้วก็ได้โชว์ของด้วย คราวนี้ก็แยกย้ายไปนั่งประจำ�การที่นั่งของตน ก็จะมีพี่ ๆ แวะ เวียนมาใช้บริการให้ถ่ายเอกสาร หยิบเอกสารที่เครื่องปริ้นท์ส่วนกลางบ้าง เดินไปส่งแฮนดี้ไดร์ฟ เอกสารบ้างแล้วแต่โอกาส ผมก็นั่งอยู่หน้าจอ Macbook Pro ของตัวเอง พร้อมกับเปิดเว็บหาอ่านข่าวฟุตบอลไปเรื่อยเปื่อย หา ประเด็นหรือข่าวไหนที่น่านำ�มาเขียนวิเคราะห์เป็นคอลัมน์ได้บ้าง ช่วงนั้น กำ�ลังใกล้ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ยูเวนตุส กับ บาร์ เซโลนา ผมไม่รอช้าหาข้อมูลทั้งในด้านสถิตินักเตะ ทีม ผู้จัดการทีม รวมถึง แผนและตัวผู้เล่น วิเคราะห์ไปยังนัดก่อนหน้านี้ในเรื่องของเกมรุกและเกม
15
รับ เพื่อนำ�ข้อมูลดิบข้างต้นมาเขียนบรรยายลงเป็นคอลัมน์ที่กลั่นกรองความ คิดเห็นส่วนตัวและการวิเคราะห์ของผม ผมบรรจงใส่ภาพให้มันอธิบายบ้าง ประโยคให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นอย่างเช่นแผนการเล่น บอกเลยว่า ผมค่อนข้างพิถีพิถันอย่างมากกับคอลัมน์แรกของผม การอ่านซ้ำ�หลาย ๆ รอบ แก้คำ� แก้บางประโยคให้มันดูไหลลื่นนุ่มนวลไม่ ติดขัดเวลาอ่าน อ่านซ้ำ�เช็คลำ�ดับความคิดของตัวเองมาเรียงออกมาได้อย่าง ถูกต้องหรือไม่ พร้อมกับตรวจคำ�ผิดและชื่อนักเตะให้ถูกต้อง จากนั้นผมก็ส่งให้กับพี่บัณฑิตด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็รอให้พี่แก อ่านคอลัมน์ของเราแล้วก็นำ�มาติชมว่าดีไม่ดีอย่างไร เขียนได้ขนาดนั้น มัน ตื่นเต้นมากเลยหละ ช่วงเวลานั้น…
16
มาสายครั้งแรกซะแล้วสิ!! . ก่อนที่จะเล่าถึงว่างานคอลัมน์แรกของผมนั้นจะผ่านหรือไม่ผ่าน จะดีหรือไม่ดีนั้น ขอนอกเรื่องมาเรื่องนี้ก่อน เพราะว่ามันพึ่งเกิดก่อนที่จะ ได้รับคำ�วิจารณ์คอลัมน์นั้นเอง วันนั้นเป็นวันจันทร์ที่ดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ แสงอาทิตย์สอดส่องลงมาแบบเหมือนถ่านจะหมด ฟ้ามืดครึ้ม รู้สึกถึงความ หนาแน่นของบรรยากาศ ในระหว่างที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์คันโปรดไปทำ�งาน เท่าใดนั้นความหนาแน่นที่บอกไปตอนต้นก็หายไป เปลี่ยนเป็นสายฝนที่ เบาบางประปรายลงมา แม้ไม่แรงมากแต่ก็สัมผัสกับสายฝนไปตลอดทาง กว่า 40 กิโลเมตรจากหอถึงที่ทำ�งาน เรียกได้ว่า ขี่ลุยสายฝนเป็นพระเอกเอ็ม วีเพลงเลยทีเดียว แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าฝนตกมาหนักเบาอะไรแค่นั้น ปัญหาคือ วันนั้นผมตื่นสายกว่าปกติครึ่งชั่วโมง และ การที่ไม่เคยเดินทางช่วงเจ็ดโมง กว่า ๆ ของเช้าวันจันทร์ มันก็สอนบทเรียนราคาแพงให้ผมเลยทีเดียว ปกติ แล้วทุกเช้าวันจันทร์ช่วงเวลานี้ รถจะติดมากถึงมากที่สุด กว่าจะขยับได้ที
17
เรียกว่า เดินยังเร็วกว่า อีกทั้งเส้นทางที่ผมใช้เดินทางคือ สะพานใหม่ – หน้าเมเจอร์รัชโยธิน บริเวณนี้บอกได้ว่า โครตของโครตติด ด้วย ความที่ผมไม่เคยพาเจ้าบิ๊กไบค์ของผมลุยรถติดหนักขนาดนี้มาก่อน สักพักผมสังเกตได้ว่า รถของผมขีดความสูงพุ่งสูงไปจะถึงระดับ 7 แล้ว บอกได้แค่ว่า ถ้าระดับความร้อนรถถึงระดับ 7 เมื่อไหร่ละก็ชิบ หายแน่ครับ และแล้วไม่กี่อึดใจ เจ้ารถของผมก็งอแงและดับลงข้าง ถนนซะอย่างงั้น และสิ่งที่ทำ�ได้อย่างเดียวเลยก็คือ ต้องจอดรอรถมัน เย็นลงครับ ถึงจะสตาร์ทรถติดและไปต่อได้ เหลือบสายตามองไปที่ ข้อมือซ้าย นาฬิกาบ่งบอกว่า 08.40 น. สมองของผมกระซิบมาเบา ๆ ให้ก้องในหัวเล็กน้อยว่า ไม่ต้องสืบสายแน่นอน และแล้วกว่าเจ้า รถตัวดีของผมจะอุณหภูมิเย็นลงจนสตาร์ทติดได้ก็ล่อเข้าไป 30 – 40 นาที กว่าจะขี่ถึงที่ทำ�งานก็เกือบ 10 โมง พอดี หลังจากนั้นเช้าวัน จันทร์ผมก็ไม่เคยออกจากหอหลัง 7 โมงอีกเลย…
18
สิ่งที่ไม่ได้คาดคิด เมื่อผมมาถึงที่ทำ�งาน ก็มานั่งประจำ�ที่โต๊ะของผม วางเจ้า Macbook Pro สีเงินเงางามลงอย่างนิ่มนวล พร้อมมองสอดส่องทุกซอกทุกมุม ว่ามีน้ำ�มาทำ�อะไรเจ้ารึเปล่า เปิดหน้าจอ ต่อสายชาร์จไป สิ่งแรกที่ทำ�ก็คือ เปิดเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับข่าวฟุตบอล หาอ่านเพื่ออัพเดตข้อมูล รวมถึงดูผล สกอร์ต่าง ๆ ที่มีการแข่งขันในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นั่งดูไฮไลต์เพลิน ๆ สักพัก พี่บัณฑิตคนดีคนเดิมเดินผ่านมาพร้อมกับควักมือเรียกให้ไปนั่งที่โซฟา ข้าง ๆ ที่ใช้สำ�หรับคุยงาน หรือ คุยกับผู้คนที่มาติดต่อทางคลื่น ไอ้เราก็เดิน ไป งง ๆ หลังจากนั่งเสร็จสรรพพร้อมรับฟังแล้ว พี่บัณฑิตก็เอ่ยขึ้นมาแบบ ทันทีทันใดว่า “เห้ยน้อง พี่อ่านงานคอลัมน์ของเราหล่ะ เห้ยน้องเขียนดีมาก เลย พี่บอกได้เลยว่า น้องแมร่งมืออาชีพหวะ” ผมรู้สึกดีใจอยู่ข้างใน แต่ก็ได้เอ่ยถามว่า ยังไงหรอครับพี่? พี่บัณฑิตพูดต่อว่า “งานของเรา พี่บอกตรง ๆ ว่าตอนแรกที่พี่อ่าน พี่ไม่อยาก
19
จะเชื่อว่าเราเขียนเอง เพราะในงานเขียนมีการวิเคราะห์ วิจารณ์ ต่าง ๆ ที่ดูเชี่ยวชาญ คือเหมือนงานเขียนของคนทำ�วงการนี้มา เป็นสิบปี แต่น้องอายุแค่นี้เขียนได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว ฝีมือเกินอายุ จริง ๆ” ผมขอบคุณคำ�ชมอีกครั้งแล้วถามต่อว่าอะไรต้องแก้ไขไหมครับ หรือสิ่งที่ต้องปรับอีก พี่แกว่าต่อว่า “เอางี้พี่อยากดูอีกว่าเราจะเขียนชิ้นที่สองได้ดีเท่ากับ ชิ้นแรกไหม งั้นเย็นวันศุกร์นี้มีฟุตบอลไทยเตะ เราไม่ถนัดบอลไทย เลยสินะ งั้นลองเขียนเกี่ยวกับฟุตบอลไทยมาให้พี่อ่านหน่อย ทำ�ใน สิ่งที่ไม่ถนัดดู อยากรู้จะทำ�ได้แค่ไหน ” ผมรีบตอบรับทันที แม้ว่าผมจะบอกเขาว่า ฟุตบอลไทยคือสิ่งที่ผม ไม่ถนัดเลย เพราะผมไม่เคยดูเลย แต่ว่ายังไงก็ต้องลองดูซักหน่อย ยังไงก็ฟุตบอลเหมือนกัน ไม่น่ายากหรอกมั้ง ฮ่า ๆ
20
02
เขียน
ผลงาน ระหว่างฝึกงาน
งานเขียนที่ภูมิใจ จุดเริ่มต้นของประสบการณ์ 21
คอลัมน์แรก
ม้าจนตรอก...จริงเหรอ? ต้องยอมรับว่าชั่วโมงนี้ไม่มีใครที่จะหยุดบาร์เซโลน่าลงได้ เกมรุกสาม ประสาน เอ็มเอสเอ็น ที่กดไปมากกว่า 120 ตุงแล้วในซีซั่นนี้ ไม่ได้มีดีแค่เกมรุก อย่างเดียว คลีนชีต 23 นัดในลีกบ่งบอกว่าสุภาษิต “เกมรุกคือเกมรับที่ดีที่สุด” ยังคงเชื่อถือได้ ดับเบิ้ลแชมป์ที่คว้ามาแล้วในซีซั่นนี้ เพิ่มความฮึกเหิมและความ มั่นใจอย่างมากให้กับขุนพลแห่งคาตาลันในการทำ�ภารกิจสุดท้ายเพื่อพิชิตสาม แชมป์ในปีนี้ และนี่คงเป็นงานหินที่สุดในชีวิตของอัลเลกรีที่ต้องขบคิดอย่างหนัก ว่าจะใช้ทีเด็ดไหนหยุดความร้อนแรงของบาร์เซโลน่า
22
1.การเล่ น เกมรั บ จากการให้ สัมภาษณ์ครั้งล่าสุด อัลเลกรี บอก ว่า“เราไม่อาจที่จะไล่ประกบตายเมสซี่ ได้ เพราะบาร์เซโลน่ามีนักเตะคุณภาพ อีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น หลุย ซัวเรส , เนยมาร์” แสดงให้เห็นว่า อัลเลกรีจะสั่ง ให้ลูกทีมเล่นเกมรับแบบคุมโซนแน่นอน ส่ ว นจะตั้ ง รั บ ลึ ก หรื อ ว่ า ดั น สู ง เพรสซิ่ ง แล้วเช็คล้ำ�หน้า คงต้องรอดูกันซึ่งอัลเลก รีต้องคิดให้ดี เพราะ 5 นัดหลังสุดยูเวน ตุสไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้เลย และ จากรอบรองที่ผ่านรีล มาดริด มาแบบ หืดจับ เห็นชัดเลยว่าการดันไลน์กองหลัง
ขึ้นสูงมีปัญหาอย่างมากกับเกมสวนกลับ ต้องบอกตามตรงว่ากองหลังของยูเว่เกิด อาการ เอาไม่อยู่ กับสถานการณ์หนึ่ง ต่อหนึ่งอยู่หลายครั้ง ที่ต้องเผชิญกับ เบนเซม่า , ฮาเมส โรดริเกซ , คริสเตีย โน่ โรนัลโด้ แต่ยังดีได้ทางน้าบุฟฟ่อน ช่วยเซฟหลายต่อหลายครั้งผนวกกับทาง มาดริดไม่คมเองกลับกันมองมาที่บาร์เซ โลน่า สามประสานของบาร์ซ่ามีทีมเวิร์ค ที่ดีกว่าเล่นได้เร็วกว่า แน่นอนกว่า ใช้ โอกาสไม่เปลือง นับว่าเป็นการเจอคู่ต่อสู้ ที่เก่งขึ้นอีกหนึ่งระดับเลยทีเดียว
23
คอลัมน์สอง
2.ทีเด็ดจากแดนกลาง มองไปที่รายชื่อมิดฟิลด์ของ “ม้าลาย” เรียกว่า เป็นชุดแดนกลางในฝันเลยก็ได้ พอล ป็อกบา , อาร์ตูโร่ วิดัล , อันเดรีย ปีร์โล่ , เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีพลังในการเล่นเพรสซิ่งก็จริง แต่การวิ่ง แย่งบอลจากนักเตะบาร์ซ่า ไม่ง่ายแน่! และสิ่งที่สี่คนนี้มีเหมือนกันก็คือ การยิง ไกล ซึ่งอาจจะเป็นทีเด็ดในการเจาะเกมรับบาร์ซ่าก็ได้ แต่ก็อย่าลืมว่าทุกครั้งที่ได้ ครองบอล นักเตะบาร์ซ่าจะวิ่งกรูเข้ามาแย่งคืนทันทีต้องระวังเรื่องเสียบอลกลาง สนามให้ดี แต่ทั้งสี่คนสามารถเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุกได้ดี เข้ากับแท็คติกรับ แล้วโต้พอดี ทำ�ให้การเปิดบอลโต้กลับจากพวกเขานั้นสำ�คัญมาก ๆ
24
3.สองคู่หูในแดนหน้า การเล่นสวนกลับต้องหาพื้นที่ว่างได้ดีและมี ความเร็ว ตัวเลือกแรกไม่ต้องคิดมากเลย ดาวซัลโวของทีม คาร์ลอส เตเบซ และ หากต้องใช้ความเร็วในเล่นแล้วละก็ ยอเรนเต้ จะตกลงไปเป็นตัวเลือกที่สามทันที ก็จะเหลือหนุ่มสุดฮอตที่ยิง รีล มาดริด ทั้งไปและกลับที่จะเป็นคำ�ตอบสุดท้ายใน การยืนค้ำ�แดนหน้า หาพื้นที่รอบอลโยนสวย ๆ จากเหล่ามิดฟิลด์และเล่นเกม สวนกลับอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ คาร์ลอส เตเบซ จะเป็นกองหน้าตัวต่ำ�โดยใช้ ความขยันลงมาช่วยไล่บอลในแดนกลางและหาโอกาสโต้กลับเช่นกัน 4.จุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ แม้ว่าบาร์เซโลน่าจะเล่นเกมรุกได้โหดมาก ๆ มีสาม ประสานที่มองตาก็รู้ใจ แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่และหลายคนมองข้ามไป คือ เวลาที่บาร์ซ่าต้องเล่นเกมรับ จะเห็นได้ว่าเจ้า เอ็มเอสเอ็น ของพวกเขาไม่ ได้ลงมาช่วยเกมรับเลย ทำ�ให้จะมีคนเล่นเกมรับแค่ 7 คนเท่านั้น สังเกตได้จาก เกมที่เจอบาเยิร์น น้อยครั้งมากที่จะลงมาช่วยเกมรับ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นช่องว่าง ขนาดใหญ่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าอัลเลกรีจะใช้โอกาสจากตรงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
ยูเวนตุสอาจจะไม่ไช่ทีมที่เล่นเกมรับดีที่สุดแต่การผ่านทีมอย่างดอร์ทมุน , เรอัล มาดริด ก็การันตีได้ว่าเขาไม่ได้ผ่านเข้ามาเพราะโชคช่วย แต่พวกเขามีดี พอ ในเกมที่กดดันแบบนี้ประสบการณ์ของนักเตะเป็นสิ่งสำ�คัญ หากมองแบบนี้ ทาง “ม้าลาย” จะได้เปรียบอยู่เล็กน้อย รวมถึงเฮดทูเฮดที่พบกันก็ยังดูดีกว่าอีก ด้วย แม้ว่าคู่นี้อาจจะไม่ใช่คู่ชิงในฝันของใครหลาย ๆ คน แต่การมาดวลกันของ สุดยอดมิดฟิลด์ระดับโลกอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ , อันเดรีย ปีร์โล่ , อันเดรส อิเนสต้า , พอล ป็อกบา ก็บอกได้เลยว่า มันส์แน่นอน 25
การบ้านฟุตบอลไทย หลังจากที่ผมได้รับมอบหมายงานพิสูจน์ตัวเอง ผมก็รีบทำ�การบ้าน ยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับนักเตะที่ติดทีมชาติไทยชุดนี้มา มีใครบ้าง ฟอร์มการเล่นเป็นยังไง ใครเล่นตำ�แหน่งไหน เป็นต้น ศึกษาหา ข้อมูลไปเรื่อย ทีมฝั่งตรงข้ามเป็นยังไง รูปแบบการเล่นทั้งสองทีม แต่สิ่งที่ผม ต้องทำ�คือวิเคราะห์และวิจารณ์การเล่นของฟุตบอลไทยว่าเป็นอย่างไร ใน มุมมองของผมเอง โค้ชควรจะปรับแก้ไขตรงไหน ประมาณนี้ พอวันที่ฟุตบอลไทยมาถึง ผมรีบกลับมาหออย่างไวหลังจากเลิกงาน แล้ว นั่งดูฟุตบอลไทย พร้อมกับสมุดจดหนึ่งเล่มพร้อมปากกา นั่งดูไป เห็นสิ่ง อะไรที่นำ�มาเขียนได้ เช่น ควรแก้เกมแบบนี้ หรือมีจุดอ่อนตรงนี้ เล่นพลาด ในส่วนนี้บ่อย เสียบอลกลางสนามบ่อย เป็นต้น คือเป็นข้อมูลที่ผมวิเคราะห์ และนำ�ไปวิจารณ์ต่อได้ ก็จะจด ๆ ไว้ลงในสมุดจดนั้นเอง ในขณะที่นั่งดูเกม ฟุตบอลไปพร้อมกับจดไป ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็น โจเซ่ มูริญโญ ซะ อย่างงั้น ฮ่า ๆ
26
พอการแข่งขันจบ ผมไม่รอช้าจะที่บรรเลงความคิดและมุม มองของผมลงไปในหน้ากระดาษ นิ้วที่กดแป้นพิมพ์รัวดั่งกับกลองชุด ใส่ ความคิดการอ่านลงไป พร้อมกับข้อมูลที่หามาได้และที่ดูและจดมาได้ใน ระหว่างการแข่งขัน ไม่ช้าคอลัมน์ของผมก็เสร็จ แต่ก่อนที่จะส่ง ผมก็ไม่ ลืมที่จะพิสูจน์อักษรงานของตัวเอง ทั้งคำ�ถูกคำ�ผิด ทั้งชื่อของนักฟุตบอล การจัดวางหน้า เว้นวรรคตัวอักษร ให้งานของเราออกมาเรียบร้อยที่สุด ในส่วนนี้ต้องขอขอบคุณภาควารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพด้วย ที่เน้นในเรื่องนี้มาก ๆ ผิดทีนี่คัดเป็นร้อยคำ� ฮ่า ๆ เกือบลืมไปอีกอย่าง ข้างต้นตอนที่พี่บัณฑิตชื่นชมผลงานการเขียนของเรา เขาก็ยัง ชมด้วยว่า “ เราเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ดีนะ ” ผมถาม กลับทันทีว่า ทำ�ไมหรอครับ มีอะไรหรอครับ? พี่บัณฑิตพูดต่อว่า “ เรา พิมพ์งานมาไม่มีคำ�ผิดเลย อีกทั้ง ชื่อนักเตะของเราก็พิมพ์ถูกหมดด้วย การันต์ตรงตัวไหน มีตัวอะไรการันต์ ” ผมยิ้ม ๆ และตอบไปว่า ก็แน่สิ ครับ ผมเช็คชื่อนักเตะจากเว็บไซต์ goal.com เลย จะค่อนข้างถูกต้อง เลยฮะ ยังไงตรงนี้ผมต้องขอขอบคุณภาควารสารศาสตร์ และ อาจารย์ ภาควารสารศาสตร์ทุก ๆ คนเลยนะครับ ที่ทำ�ให้ผมติดนิสัยในเรื่องของ การเช็คตัวอักษรและความถูกต้องของเนื้อหา ฮ่า ๆ
27
โจทย์ใหม่...ใหญ่กว่าเดิม
เตะที่เบอร์ลิน สะเทือนถึงเมืองไทย
น้ำ�ตาลูกผู้ชายของอันเดรีย ปีร์โล หลังจบเกมแสดงถึงความผิดหวังที่มี อยู่ในใจ แม้ว่าจะพยายามทำ�เต็มที่แล้วก็มิอาจถึงฝั่งฝันได้ เอาเป็นว่าชีวิตไม่สิ้นก็ ต้องดิ้นกันต่อไป ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 10 ครั้งหลังสุด เจ้าบุญทุ่มกวาดไปได้ ถึง 4 ครั้ง ไม่ต้องบอกเลยว่าพื้นฐานฟุตบอลการเล่นแบบ ตีกี-ตากา (Tiki-Taka) ที่ฝังรากลึกลงไปในดีเอ็นเอของผู้เล่นบาร์เซโลน่าทุกคน การลงเล่นฟุตบอล ด้วยเกมรุกอันเร้าใจ ยิงประตูเป็นร้อย ๆ ประตูต่อฤดูกาล ไม่เคยครองบอลน้อย กว่าคู่แข่ง นี่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทำ�ได้ง่าย ๆ เอาจริง ๆ แล้วก็คงมีเพียงแค่บาร์โซเลน่ าเท่านั้นแหละที่ทำ�ได้ทีมเดียวบนโลกใบนี้ จึงไม่แปลกที่ได้รับสมญานามว่า “ทีม ต่างดาว” แม้แต่ บาเยิร์น มิวนิค ที่ได้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ไปคุมทีมก็ยังทำ�ให้เสือ ใต้บาเยิร์น เล่นแบบ ตีกี-ตากา สู้แม่พิมพ์อย่างบาร์เซโลน่าไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่า บาร์ซ่ามี ลิโอเนล เมสซี แต่เพราะนักเตะกับระบบการเล่นเอื้อประโยชน์ให้แก่กัน อย่างสมบูรณ์แบบ 28
การเล่นแบบ ติกี-ตากา หรือ โททัลฟุตบอล เป็นการที่เราครองบอลเล่นชิ่งบอล สั้น เคาะกันไปมา เหมือนเล่นลิงชิงบอลไปเรื่อย ๆ ซึ่งระบบนี้ต้องการนักเตะ ที่ครองบอลได้ดี มีทักษะในการส่งบอล เลี้ยงบอล และที่สำ�คัญเลยคือ เบสิค ฟุตบอล อย่าง การเฟิร์สทัชนั้นสำ�คัญมาก ๆ การเล่นระบบนี้ไม่ต้องการนักเตะ ที่สูงใหญ่ แต่ต้องการนักเตะที่มีทักษะสูง มีความคล่องตัวสูง ทุกครั้งที่ผมได้ดูบาร์ เซโลน่าลงเล่น ผมย้อนถามตัวเองทุกครั้งว่าทำ�ไมทีมชาติไทยไม่เล่นสไตล์แบบ นี้ทั้ง ๆ ที่นักเตะไทยรูปมีร่างทางกายภาพเหมือนกัน เข้าใจว่าทักษะฟุตบอลมัน คนละชั้นแต่ว่าของแบบนี้มันก็ฝึกกันได้ ทำ�ไมโค้ชคุมทีมชาติไทยหลาย ๆ คนที่ผ่านมาถึงยัดเยียดการเล่นแบบ ยุโรป ที่ต้องใช้พละกำ�ลังมหาศาล ใช้ร่างกายที่แข็งแกร่ง และยังเล่นบอลโด่งทั้ง ๆ ที่คนไทยสูงเฉลี่ย 170 – 180 เซนติเมตรเท่านั้นเอง การฝืนธรรมชาติเช่นนี้จึง ส่งผลกระทบต่อผลงานทีมชาติไทยในหลาย ๆ ขวบปีที่ผ่านมา จนการเข้ามาทำ� ทีมของโค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทุก ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป ทุก ๆ อย่างเริ่มดี ขึ้น คนเข้ามาดูบอลไทยเยอะขึ้น เพราะอะไรละ? โค้ชซิโก้เคยเป็นอดีตนักเตะตำ�นานของไทยและในฐานะคนดูอยู่ห่าง ๆ ก่อนเข้ามาเป็นเฮดโค้ช นอกจากเข้าใจในศาสตร์ฟุตบอลแล้ว ยังเข้าถึงหัว จิตหัวใจของแฟนลูกหนังไทย ว่าแฟนบอลไทยต้องการอะไร การเข้ามาปรับ เปลี่ยนให้ทีมเล่นบอลสั้นกับพื้นมากขึ้นเหมือนทีมบาร์ซ่าหรือทีมชาติสเปน ตรง กับสุภาษิตของฝรั่งว่า “Put the right man on the right job” การบริหาร คนใช้คนให้ถูกกับงาน มีคนเคยกล่าวไว้ว่า “โค้ชที่เก่งไม่ใช่โค้ชที่มีแผนการเล่นที่ดี มากมาย แต่เป็นโค้ชที่ใช้แผนให้เข้ากับนักเตะที่มีมากที่สุด” ผมจึงบอกได้ว่าตอน นี้ทีมชาติไทยกำ�ลังพัฒนาและเดินมาถูกทาง ทางที่ควรจะเดินมาตั้งนานแล้ว ไม่ เป็นไร อย่างน้อยตอนนี้เราก็เจอทางที่สมควรแล้ว เจอเป้าหมายแล้ว เหลือแค่ทำ�
29
มันแล้วไปให้ถึงฝัน ไม่น่าเชื่อว่าแค่ผมนั่งดูคู่ชิงยูฟ่าระหว่างยูเวนตุสกับบาร์เซโลน่ า ทำ�ให้ผมคิดอะไรได้ถึงขนาดนี้ กลับมาที่บอลไทยตอนนี้กระแสบอลไทย ฟีเวอร์สุด ๆ ก็เพราะโค้ชซิโก้เข้าใจว่าเราต้องเล่นแบบไหน คนไทยต้องการ อะไร ใช้เกมรุกและการเล่นที่มีประสิทธิภาพ ปลุกศรัทธาของแฟนบอลขึ้น มาอีกครั้ง พี่ทำ�ให้ผมรู้สึกว่า บอลไทยไปบอลโลก มันไม่ใช่แค่คำ�พูดเพ้อฝัน อีกต่อไป และหากสุดท้ายแล้วความฝันนั้นมันยังไม่สำ�เร็จในเร็ว ๆ นี้ อย่าง น้อยแม้เราจะไปไม่ถึงดวงจันทร์ แต่เราก็อยู่ท่ามกลางดวงดาว **************************************
30
03 ระบาย ผลงาน ระหว่างฝึกงาน
ระบายความรู้สึก ผ่านตัวอักษร บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
กิจกรรมกับคลื่นครั้งแรก หลังจากนั้นที่มีขาวฟุตบอลที่น่าสนใจผมก็จะนำ�ข่าวนั้น เหตุการณ์นั้น ที่เกิดขึ้นมาเขียนเป็นคอลัมน์และส่งให้พี่บัณฑิตอ่านเป็นประจำ� ไม่ใช่แค่ฟุตบอล อย่างเดียว ผมยังเขียนเรื่องของ MotoGP ที่ผมชอบดูด้วยเป็นการแข่งขัน มอเตอร์ไซค์ระดับโลกที่เลี้ยวทีเข่าเช็ดพื้นแบบเท่ ๆ การเอียงรถเลี้ยวแบบนั้น ครั้งแรกผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ศักยภาพของมนุษย์จะทำ�แบบนั้นได้ มัน เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ หลังจากนั้นมาไม่กี่วันก็มีกิจกรรมจากทางคลื่นและลูกค้า คือ เลอแปง จัดกิจกรรมแจกบัตรดูภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World ที่ห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ พวกผมและพี่ ๆ ก็ต้องออกจาก อสมท. ตั้งแต่บ่าย 2 – 3 โมง เพื่อไป จัดโต๊ะเตรียมตัวหน้าโรงภาพยนตร์ และพวกผมก็จะได้ดูหนังโรงเดียวกับผู้โชคดี ที่ได้ตั๋วฟรีจากกิจกรรมด้วย บรรยากาศการแจกขนมปังเลอแปง และ ถ่ายรูปผู้โชคดี ค่อนข้างสนุก เลย เรากับเพื่อนฝึกงานทำ�งานร่วมกัน จนเวลาผ่านไปถึงเกือบ ๆ สองทุ่ม ใกล้ เวลาฉายภาพยนตร์แล้ว เราก็ได้บัตรที่นำ�ไปแลกป็อปคอร์นและน้ำ�ดื่มฟรี เรียก ว่างานนี้สบายกระเป๋าสตางค์มากแถมได้กินฟรี ดูหนังฟรีอีก คุ้มสุด ๆ ฮ่า หลัง
31
จากนั้นก็มีการถ่ายภาพผู้โชคดีทั้งหมดหน้าโรงภาพยนตร์ และก็เข้าไปรับชม กัน กว่าหนังจะจบเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบ ๆ 5 ทุ่ม พวกเราก็ทำ�การขน ของทั้งโต๊ะและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เตรียมมาขึ้นรถ เพื่อที่จะเดินทางกลับ อ สมท. อากาศเย็น ๆ ผสมกับความมืดในตอนกลางคืน ช่างเคลือบเคลิ้มเสีย เหลือเกิน จนสุดท้ายเรามาตอกบัตรเลิกงานที่ อสมท. ตอนเที่ยงคืนนิด ๆ ผม ก็ไม่รอช้า เพราะพรุ่งนี้เราก็ต้องมาทำ�งานแต่เช้าอีก รีบควบเจ้ามอเตอร์ไซค์ คู่ใจกลับรังสิตทันทีกว่า 40 กิโลเมตร แต่ด้วยความที่มันค่อนข้างเริ่มดึกแล้ว รถเลยค่อนข้างนอก ทำ�ให้ใช้เวลาไม่นานมากจนถึงรังสิตและก็หลับไปด้วย ความเหนื่อยล้า
32
ผมถ่ายกับตั๋วเหลือของผู้โชคดีที่ไม่สะดวกมาในวันนี้ (แล้วผมจะดูคนเดียวหมดนี่เลยหรือ...ฮ่าๆ) ตั๋วทั้งหมดของผู้ โชคดีได้ดูภาพยนตร์ ฟรีกับกิจกรรมของ FM99 และ เลอแปง 33
สองสัปดาห์ผ่านไป เพียงชั่วครู่เวลาการฝึกงานก็ผ่านอาทิตย์ที่สองไปแล้ว จริง ๆ ก็รู้สึก ว่าเวลามันเดินเร็วดีนะ คงเพราะเรากำ�ลังสนุกกับงานที่ทำ�แล้วก็การฝึกงาน ถ้าไม่นับตอนเดินทางไปกลับที่แสนโครตไกล และเรื่องรถติดตอนเช้า ถือว่า เพอเฟ็คมากเลยนะ ฮ่า หลังจากผ่านครึ่งเดือนแรกมาก็ยังไม่มีอะไรมาก งานที่ทำ�หลัก ๆ ก็คงเป็นการเขียนคอลัมน์ของตัวเอง นอกนั้นก็จะเดินเอกสารบ้าง ส่งของ บ้างอะไรบ้างตามแล้วแต่โอกาสในแต่ละวันผมก็จะนั่งอ่านข่าวฟุตบอลทั้งใน ประเทศและนอกประเทศ เพื่อจะที่จะหาข้อมูลมาเขียนคอลัมน์ ในตอนแรก พี่บัณฑิตบอกว่าจะคุยกับ พี่แป๊ะ ยุทธพงษ์ วิชัยดิษฐ์ ผู้บริหารคลื่น FM99 ให้ว่าน่าสนใจที่จะเอาคอลัมน์น้องไปลงในเว็บไซต์ FM99 เป็นคอลัมน์ ประจำ�วันอะไรประมาณนี้แต่แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ลงเพราะว่ามันต้องเพิ่มหรือ
34
หาคนมาทำ�ในส่วนนี้ของเว็บไซต์ทำ�ให้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ก็เลยไม่เป็นไร แต่พี่บัณฑิตบอกว่า “ อย่างน้อยพี่ก็เห็นผลงานเรา ก็มีเครดิตในการเขียน แหละ ทำ�ต่อไปนะ ” ผมก็คงหาข่าวมาเขียนคอลัมน์เรื่อย ๆ แต่ในช่วงที่ผมฝึกงานดัน เป็นช่วงที่ปิดฤดูกาลกันเลยไม่มีฟุตบอลเตะ อีกทั้งข่าวการซื้อขายก็ยังไม่ ค่อยมี ส่วนมากจะมีแต่ข่าวลือ เลยเอามาเขียนคอลัมน์ไม่ค่อยได้ ในขณะที่ผมกำ�ลังนั่งเหม่อ หาอะไรดูไปเรื่อยบน Macbook เครื่อง รัก พี่ปาล์มก็หันมาถามว่า “ น้องวันเสาร์นี้ว่างเปล่า ไปเตะบอลกัน มีเตะ บอลกันในบริษัท อสมท. ไปเปล่า ” ด้วยความที่ผมเบื่อหน่ายและอยากเตะ ฟุตบอลอยู่พอดี ก็เลยตกลงไปเตะด้วยพร้อม ๆ กับเพื่อนที่ฝึกงานอีกสาม คน ในทีม FM99
35
บอลนัดกระชับมิตร และแล้ววันเสาร์ก็มาถึง เรามานัดเจอกันที่ อสมท. จากนั้นก็ขับรถ ตามพี่ปาล์มกันไปยังสนาม อากาศวันนี้ไม่ค่อยร้อนมาก แดดพอมีแต่ก็ถูก บดบังลดความร้อนลงไปจากเมฆกลุ่มหนึ่ง อยากจะขอบคุณเมฆก้อนนั้นมาก ๆ ไม่งั้นละก็บ่าย ๆ แบบนี้ ได้ละลายหายไปกับไอแดดแน่ หลังจากที่เราวอร์มอยู่สักพักหนึ่ง แมตช์แรกของทีมเราก็มาถึง ผม ได้ลงเล่นเป็นศูนย์หน้าคู่กับพี่โฟน เริ่มเกมมาได้สักพัก ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยนิด ๆ คงเพราะว่าผมไม่ได้เล่นฟุตบอลมานานหลายเดือน อย่าว่าแต่เตะฟุตบอล เลย ผมแทบไม่ได้ออกกำ�ลังกายเลยตั้งหลายเดือน เลยรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อย เร็วมาก ๆ ต่างจากเมื่อก่อนสมัยมัธยมปลายที่ผมเป็นนักฟุตบอล ต้องซ้อม ทุกวัน ร่างกายเลยค่อนข้างฟิต แต่ตอนนี้เนี้ยไม่ไหวเลยจริง ๆ ฮ่า แต่แล้วสักพักผมก็ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ ผมส่งให้พี่โฟนเราเล่น ชิ่งวัน-ทูกัน และสุดท้ายก็ได้ผล ผมหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับผู้รักษาประตู ผม แปรยิงจังหวะแรกแต่ติดบล็อกจากผู้รักษาประตู แต่แล้วฟ้าเบื้องบนก็ไม่ โหดร้ายกับผมมากนัก บอลที่ติดบล็อคจังหวะแรก กระดอนมาทางผมอีก
36
ครั้ง คราวนี้ผมแปรสวนกลับไปอีกที และเรียบร้อย ทีมเรานำ� 1 ประตูต่อ 0 ถือว่านำ�เร็วมาก ๆ เพราะเป็นแค่ช่วงต้นเกม หลังจากนั้นเหมือนเราไปกระตุกหนวดเสือ อีกทีมพี่แกโหมบุก กระหน่ำ� เหมือนลูกยิงเมื่อกี้เราไปสะกิดต่อมโมโหของพี่เขาหรือเปล่าก็ไม่ ทราบได้ แต่เราโดนบุกกดดันหนักมาก ๆ อีกทั้งทุกคนก็ไม่ได้เตะฟุตบอลบ่อย เลยค่อนข้างเหนื่อยกัน สุดท้ายเราก็แพ้ไป 3 ประตูต่อ 1 จนได้ เรียกได้ว่า หลังจบเกม หอบกันแห่ก ๆ รีบหาน้ำ�ดื่มกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว ต่อจากนี้เรามีการแข่งขันอีกสองแมตช์ ซึ่งในนัดที่สองเราชนะไป 3 ประตูต่อ 0 ไม่ยากเย็นมากมาย ซึ่งในแมตช์ที่สองผมไม่ได้ลง เพราะว่า จุกที่บริเวณท้องและเหนื่อยจากนัดแรก เพราะว่าไม่ได้ออกกำ�ลังกายเลยมา หลายเดือน ซึ่งหลังจากพักนั่งดูเพื่อนและพี่ ๆ เล่น นั่งดื่มน้ำ�สักพัก ในแมตช์ ที่สามผมก็มาเล่นเต็มเกมเลย โดยยืนตำ�แหน่งศูนย์หน้าเหมือนเดิม แต่ว่าเรา ก็ไม่สามารถชนะได้ แพ้ไปแบบเฉียดฉิว 2 ประตูต่อ 1 ทันใดนั้น ฟ้าฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาพอดี โชคดีมาก ๆ ที่เราแข่งจบ ปุ๊บ พี่แกก็ตกลงมาพอดี เราเลยรีบวิ่งเข้าไปหลบฝนที่แสตนเชียร์ ซึ่งเราทุก คนหิวมาก และทุกทีผมแข่งฟุตบอลมา หรือเตะฟุตบอลมาข้าวที่เลี้ยงก็จะ เป็นข้าวกล่องธรรมดา พะแนงหมู กระเพราหมู ไข่เจียว อะไรก็ว่ากันไป แต่ ที่นี่เขาเรียกข้าวกล่องครับ แต่เป็นข้าวกล่อง ข้าวหน้าเนื้อของโออิชิ เรียกได้ ว่า อิ่ม อร่อย คุณภาพมาก ๆ ไม่คิดว่าเตะบอลเสร็จจะได้กินข้าวหน้าเนื้อ ฮ่า ๆ เรียกว่าวันนี้ได้ ออกกำ�ลังกาย สนุกกับเพื่อน ๆ และพี่ ๆ และยังได้กินข้าว หน้าเนื้อแสนอร่อยอีกด้วย คุ้มสุด ๆ เลยหละ
37
กิจกรรมวันเสาร์ นัดกระชับมิตร กับพี่ๆที่FM.99
38
หมายข่าวครั้งแรก หลังจากฝึกงานมาได้สักพัก หมายข่าวลงพื้นที่ครั้งแรกก็มาถึง ใน ครั้งนี้เป็นการจับฉลากฟุตซอลคนหูหนวกชิงแชมป์โลก ซึ่งพิธีกรหลักในงาน ก็ไม่ใช่ใครเป็น พี่วาว จารุวัฒน์ พริบไหว ของ FM99 นั้นเอง โดยงานจับ ฉลากนี้จัดขึ้นที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน ในครั้งแรกนี้ผมรู้สึกค่อน ข้างตื้นเต้นแล้วก็ประหม่านิดหน่อย เพราะว่าเป็นการลงพื้นที่ข่าวครั้งแรก แต่งานก็ผ่านมาได้ด้วยดี โดยกลุ่มของผู้ชายของไทยอยู่ในสาย A จะพบกับ อิตาลี อิหร่าน และบราซิล ส่วนผู้หญิงก็อยู่ในกลุ่ม A เช่นเดียวกัน โดยจะพบกับ อิตาลี สวีเดน และจีน ดูแล้วก็เป็นงานยากเหมือนกันสำ�หรับทีมชาติไทย ได้เจอกับ ทีมที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่งเลยทีเดียว ยังไงคงต้องลุ้นเอาใจช่วยกันในวันที่ 20 – 28 พฤศจิกายนนี้ ตรงนี้ต้องขอเล่าถึงตอนมาถึงงานครั้งแรกก่อน ก็จะลงชื่อผู้สื่อข่าว ชื่ออะไร มาจากที่ไหน จากนั้นทางฝ่ายประชาสัมพันธ์จะมีเอกสารเกี่ยวกับ งานให้ เป็นข้อมูลทั้งหมดของงานวันนี้ แล้วก็จะมีของขอบคุณสื่อ ซึ่งแล้วแต่
39
ว่าเขาจะให้อะไรตามงานนั้น ๆ อย่างงานนี้ผมได้หมวกมา อีกงานได้เสื้อ อีกงานได้ขนม ก็แล้วแต่กันไป แต่ผมว่าได้เสื้อนี่คุ้มสุด เพราะว่าเป็นเสื้อ โปโลทำ�ให้ผมสามารถใส่มาทำ�งานได้ ส่วนงานนั้นไว้เดี๋ยวค่อยเล่าต่อจากนี้ และกัน จากนั้นในงานก็นั่งฟังรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงการเปิดงานจาก นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ที่วันนี้มาเป็นประธานในพิธีในการจับฉลากสายการแข่งขัน จาก นั้นก็ทำ�การจับฉลากไปเรื่อย ๆ จนเสร็จครบทุกกลุ่ม ก็ได้เปิดให้สื่อมวลชน และผู้เข้าร่วมงานถ่ายรูปกับนักกีฬาฟุตซอลทีมชาติไทยที่มาในวันนี้ ซึ่งหลังจากเสร็จการลงหมายข่าวครั้งแรกผมก็กลับมานั่งเขียนภาพและส่ง ภาพถ่ายให้กับพี่ซีที่เป็นฝ่ายนำ�เสนอข่าวทางเว็บไซต์และแฟนเพจเฟสบุ๊ค ด้วย และข่าวผมก็ได้ลงในเว็บไซต์ของ Mcot อีกด้วยละ
40
คอลัมน์ที่ได้ออกไปทำ�ข่าวและได้ลงเว็บไซต์ของ Mcot 41
และนี่คือภาพแถมสำ�หรับงานวันนี้ ผมได้ถ่ายคู่กับมิส คนหูนวกของประเทศไทยอีกด้วย อยากบอกว่า ตัว จริงสวยมาก ๆ เลย สุด ๆ เลยฮะ เรียกว่าเป็นการลง หมายข่าวที่คุ้มค่าที่สุดเลยละ 42
ข้อเสนอแนะ สำ�หรับการลงหมายข่าวนะครับ วิธีการจะค่อนข้างเหมือนกันนะ ครับคือ อย่างแรกเมื่อเราไปถึงหน้างาน ก็ลงชื่อสื่อ ก็จะมี ชื่อ สำ�นักข่าวไหน เบอร์โทรหรืออีเมล์ ( กรณีนี้บางที่เขาจะส่งรายละเอียดข่าวภายหลังมาให้ที่ เมล์หรือโทรศัพท์เราด้วยครับ แต่ว่าอันนี้ไม่ทุกที่ ) จากนั้นเขาก็จะให้เอกสาร ที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับงานในวันนี้ว่ามีอะไรบ้าง เช่น ใครทำ�อะไร อย่างไร ตารางเวลาในงาน มีใครมาเป็นประธาน ทำ�อะไร บลา ๆ เป็นต้น ซึ่งเราต้อง เก็บไว้ดี ๆ เพราะว่าจะนำ�มาเป็นข้อมูลเขียนข่าวหลังจากเสร็จงานแล้ว อย่างที่สองที่จะได้คือ ของขอบคุณสื่อ ในแต่ละที่ก็จะไม่เหมือนกัน ตามลักษณะของงานไป อาจจะเป็น น้ำ�ขนม ถุงหิ้วเก๋ ๆ เสื้อเชิ้ต หรืออย่าง งานเกี่ยวกับวิถีเกษตกรรมก็จะแจกของที่สานเองกับมือ เป็นต้น อันนี้ถือว่า เป็นของแถมแล้วกัน ฮ่า ๆ จากนั้นเมื่อเข้าไปในงานแล้ว พยายามเก็บภาพให้ได้ เพื่อนำ�ภาพ นั้นมาใช้ประกอบในข่าวที่เราจะเขียนรวมถึงเก็บหรือจดข้อมูลอะไรที่ค่อน ข้างสำ�คัญแล้วไม่มีในเอกสารข้อมูลเพื่อสามารถนำ�มาใส่ในเนื้อข่าวได้อีก เช่นกัน 43
ข้อควรระวัง จะเป็นในเรื่องของเอกสารข้อมูลหาย หรือ ลืม แล้ว ก็ บ างคนอาจจะลื ม ถ่ า ยภาพในงานมาซะอย่ า งงั้ นทำ � ให้ บ างที อ าจไม่ มี ภ าพ ประกอบข่าวก็เป็นได้ ส่วนในเรื่องของการเขียนข่าวนั้น ตามหลักการก็จะเป็น 5W1H ใคร ทำ�อะไรที่ไหนอย่างไรเมื่อไหร่ซึ่งข้อมูลตรงนี้ก็จะมีค่อนข้างครบถ้วนแล้วใน เอกสารข้อมูลที่เขาได้แจกเรามาในตอนแรกเราก็เขียนไปตามข่าวตามความ จริงที่เราไปเจอมา สิ่งที่ควรระวังคงจะเป็นการเขียนคำ�ผิด หรือว่า องค์ ประกอบข่าวไม่ครบถ้วน ขาดชื่อ หรือ สถานที่แถลง วันที่ ประมาณนี้เป็นต้น ครับ
44
สัปดาห์ที่สามและสี่ผ่านไป... หลังจากที่ได้ออกหมายข่าวครั้งแรกแล้ว ทุก ๆ วันที่มาฝึกงาน นอกจากการเดิ น รั บ ส่ ง เอกสารแล้ ว ผมชอบที่ จ ะนั่ ง อ่ า นข่ า วฟุ ต บอลจาก หลาย ๆ เว็บ เพื่อที่จะหาข่าวหรือเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นนำ�มาวิเคราะห์ วิจารณ์ เขียนเป็นคอลัมน์ให้พี่บัณฑิตได้อ่าน แต่ต้องทำ�ใจเป็นส่วนใหญ่เพราะช่วง ที่ผมฝึกงานเป็นช่วงปิดฤดูกาลของฟุตบอล เลยไม่มีการแข่งขันอะไรให้ได้ เขียน นอกจากข่าวลือเกี่ยวกับตลาดนักเตะ ก็จะพอมีบ้างที่นักเตะมีชื่อเสียง ย้ายเข้าไปสู่ทีมใหญ่ ซึ่งตรงนี้พอจะวิเคราะห์และเขียนได้บ้าง ด้วยความที่ผมดูกีฬาอยู่หลายประเภทจึงปรึกษาพี่บัณฑิตเกี่ยวกับ การเขียนคอลัมน์ โดยพี่แกได้ให้คำ�ปรึกษาว่า “ น้องดูกีฬาไหน มีความรู้หรือ สนใจกีฬาด้านไหนที่นอกเหนือไปจากฟุตบอล เขียนมาได้เลยครับ กีฬาอื่น ๆ มันมีคนทำ�น้อย คนทำ�กีฬาส่วนมากก็ฟุตบอล ๆ ๆ ลองดูอย่างน้อยเราก็จะ มีข้อแตกต่างจากคนอื่น ” ผมรับฟังและคิดได้ทันทีเลยว่า ผมจะลองเขียน เกี่ยวกับ MotoGP MotoGP คือการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ระดับโลก คิดว่าหลาย ๆ คนคงน่าจะรู้จัก ภาพคุ้นตาที่เวลานักแข่งเข้าโค้งแล้วเข่าเช็ดพื้น เอียงแบบ 45
ว่าเกือบจะนอนลงไปกับพื้นแล้ว แต่ก็ไม่ล้ม นี่คือสิ่งที่บางทีผมคิดว่า ไม่น่า เชื่อว่ามนุษย์คนนึงจะรีดศักยภาพในการขี่มอเตอร์ไซค์ได้ถึงขนาดนี้ หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินชื่อ วาเลนติโน่ รอสซี่ ตำ�นานเดินได้ชาวอิตาลี นักบิด แชมป์โลก 9 สมัย อยู่บ้างแหละนะผมว่า ฮ่า ๆ หลังจากนั้นผมเลยลองเขียนเกี่ยวกับการแข่งขัน MotoGP แล้ว ลงส่งให้พี่บัณฑิตอ่านดู ว่ามีความคิดเห็นติชมอย่างไร เพราะว่านี่เป็น ครั้งแรกเลยที่ผมได้เขียนคอลัมน์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับฟุตบอล โดยในการเขียน คอลัมน์ของ MotoGP นั้นผมจะเปลี่ยนสไตล์การเขียนนิดหน่อย คือจะ เพิ่มลูกเล่นการใช้คำ�เรียกชื่อ มีฉายาบ้าง เพิ่มความสนุกสนาน อารมณ์ การเขียนจะเหมือนการแซวกันซะมากกว่า แต่เวลาผมเขียนฟุตบอลจะ ออกแนวเหมือนกูรูวิเคราะห์ วิจารณ์เชิง ความรู้มากกว่าจะไปในทาง สนุกสนานเหมือนเขียน MotoGP ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ หลังจากที่ส่งให้พี่บัณฑิตอ่านแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาก พี่แกบอกว่า “ เขียนได้อยู่ อยากเขียนอะไรก็ส่งมาได้หมดเลยนะ พี่อ่านของเราทั้งหมด นะ ” เราก็พยายามเขียนไปเรื่อย ๆ แต่ก็อย่างว่าแหละ มันไม่ค่อยมีอะไร จะเขียน ยกเว้นเรื่องฟุตบอลไทยเลย หรือสงสัยเราต้องมานั่งดูฟุตบอลไทย แล้วสิเนี้ย
46
หมายข่าวครั้งที่สอง เช้าตรู่อันแสนสดใส อากาศกำ�ลังดี ตื่นแต่เช้าและควบเจ้า มอเตอร์ไซค์คันโปรดไปฝึกงานเหมือนเคย เมื่อมาถึงก็ไม่ลืมที่จะไปทานข้าว ราดแกงร้านประจำ� จริง ๆ ต้องบอกก่อนว่า แรกเดิมที่กินครั้งแรกผมรู้สึกว่า มันค่อนข้างแพงเลยหละ ก็ด่าอยู่ในใจ ฮ่า ๆ แต่ที่แปลกคือ ผมก็กินร้านเขา ทุกวันซะอย่างงั้น จริง ๆ ลดราคาลดนิดนึงแล้วเพิ่มปริมาณอีกนิดผมก็คงจะ ไม่อะไร แต่ก็ช่างเถอะ วันนี้พี่เต่ามีหมายข่าวให้ไปทำ� 2 คนซึ่งก็เป็นหน้าที่ผมกับโอ๊ต วันนี้ จะมีการแถลงข่าวการจัดแข่งขัน ตระกร้อรีโว่คัพ 2015 สถานที่คือ การกีฬา แห่งประเทศไทย แถว ๆ มหาวิทยาลัยรามคำ�แหงโดยสปอนเซอร์หลักก็จะ เป็นโตโยต้าเป็นผู้ให้การสนับสนุน เมื่อไปถึงก็ตามปกติครับจะมีให้ลงชื่อสื่อ แล้วก็ได้รับเอกสารข้อมูลของงานในวันนี้และของขอบคุณสื่อ วันนี้เราได้เสื้อ เชิ้ตสีดำ�มา ซึ่งถือว่าแจ่มแมวมากครับ เพราะว่าผมได้เสื้อมาใส่ไปทำ�งาน เพิ่มขึ้น ฮ่า ๆ เมื่อเข้ามาในงานก็ไม่มีอะไรมาก มีน้ำ�และขนมให้ทานแต่สำ�หรับ
47
ผมขอบายครับ กำ�ลังลดน้ำ�หนักอยู่พอดี และที่เผอิญในวันนี้คือได้เจอกับห มิวและอ๋อง ที่ได้หมายข่าวมาที่นี่เหมือนกันก็เลยนั่งข้างกันและคุยกันจนจบ งาน ส่วนโอ๊ตก็แยกไปนั่งกับเพื่อนของเขาเหมือนกัน โดยในพิธีการก็จะมีการ พูดในเรื่องของการเปลี่ยนชื่อจากรายการการจัดแข่งขัน และเป้าหมายใน การจัดการแข่งขันเพื่อต่อยอดศักยภาพของตระกร้อไทยในระดับเยาวชนให้ เพิ่มมากขึ้นด้วย ถือว่าดีมาก ๆ เลยครับ หลังจากจบการแถลงข่าวแล้ว ผมกับโอ๊ตก็ลงไปข้างล่างและขึ้นรถ ของ อสมท. กลับ ผมว่าที่ อสมท. เนี้ยดีนะครับ เวลาเราออกไปทำ�ข่าว เขา มีรถขับไปส่งเราด้วย ในขณะที่เพื่อนหลายคนของผมต้องไป BTS หรือว่าหา รถไปเอง ซึ่งหากข่าวเราทำ�ไม่นานก็สามารถให้พี่เขารอได้ ส่วนมากพี่คนขับ รถก็จะขึ้นมาด้วย มารับของขอบคุณสื่อเหมือนกับเรา ฮ่า ๆ เรียกว่า มีกิน ของหวานแถมได้เสื้อกลับบ้านด้วยคุ้มสุด ๆ ฮ่า ๆ
48
ภาพในงานแถลงข่าว รีโว่คัพ 2015 ระหว่างที่กำ�ลังรอ ประธานในพิธีครับ 49
เพราะว่าเราตื่นสาย บรรยากาศที่ มี ค วามอุ่ น ผสมความเย็ นของเครื่ อ งปรั บ อากาศที่ ทำ�งานมาตลอดทั้งคืน ด้วยอุณหภูมิ 23 องศาเซลเซียส โดยปกติแล้วผม เป็นคนชอบอากาศหนาว ๆ มีคนเคยถามว่าถามให้เมืองไทยหนาวกับเมือง ไทยร้อนให้เลือกอะไร ไม่ต้องคิดเลยครับ อากาศหนาวสิ ถึงมันจะหนาวจน หิมะตกก็ตามแต่เราสามารถให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ ใส่เสื้อหนา ๆ เท่ ๆ สองชั้น มีฮีตเตอร์อะไรก็ว่าไป นอนก็ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่ร้อนนี่ สิ หากเราร้อนบน BTS งี้เราไม่สามารถที่จะแก้ผ้าได้เลยไง ฮ่า ๆ นอกเรื่อง ไปไกลละ กลับมาที่เช้าตรู่วันนี้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเวลาชี้ชัดว่า เก้าโมงกว่าแล้ว บ่งบอกถึงความชิบหายเลยว่า สายแล้ว ( มาก ๆ ด้วย ) ตอนนี้ในหัวผมมี ความคิดขึ้นมาว่าจะหยุดลาเลยดีไหม หรือว่าจะไปสายดี แต่ผมพึ่งจะหยุดไป เมื่อไม่กี่วันก่อนเพราะว่าที่บ้านทำ�บุญขึ้นบ้านใหม่ เพราะฉะนั้นผมไม่อยาก ลาแล้ว เลยตัดสินใจรีบอาบน้ำ� และรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังที่ทำ�งานอย่าง รวดเร็ว
50
แต่แล้วก่อนที่จะถึงพระราม 9 ก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น นั้นมัน พี่ตำ�หนวด เอ้ย ตำ�รวจนี่นา พี่แกโบกเหมือนกับเห็นผมเป็นแท็กซี่ที่เปิดไฟว่าง “ จอดครับ ๆ ” ผมเปิดชิลด์ด้านหน้าของหมวกเพื่อที่จะได้เห็นและได้ยินเสียง พี่แกมากขึ้น “ ไม่มีทะเบียนนะครับ ” ผมสวนกลับไปว่าก็ผมพึ่งซื้อมันยังไม่ได้ ทะเบียนนี่ครับ พี่แกเหลือบหางตามามองที่ผมแล้วพูดต่อว่า “ ไม่มีทะเบียนเอา มาใช้บนถนนก็ผิดนะครับ ตามกฎหมาย ” ผมได้แต่มึนงงกับกฎหมายอยู่ในใจ นี่ มันความผิดของผมหรอเนี้ย? แต่ก็ช่างเถอะเราทำ�ไรไม่ได้ รับใบสั่งมาด้วยความ จำ�ทน พร้อมกับเพื่อนที่โทรมาตามว่าจะมาถึงหรือยัง เพราะพี่โฟนแกเรียกแล้ว จะประชุมเรื่องกิจกรรมที่จะต้องช่วยกันทำ�ในอาทิตย์นี้ ผมรับใบสั่งมาพร้อมกับน้ำ�ตาที่ไหลในใจ เรียบร้อยแน่นอนม่วงหนึ่งใบ ฮ่า ๆ ไว้เดี๋ยวค่อยมาจ่ายแล้วกัน เราสามารถใช้ใบสั่งแทนใบขับขี่ได้ 7 วันนะ ครับ หากเราโดนตำ�รวจเรียกอีกก็ “ พี่ครับนี่ใบสั่ง เพิ่งโดนมาครับ ” ก็จะรอดได้ ฮ่า ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้รีบไปที่คลื่นเถอะ เขารอเรากันอยู่คนเดียว เมื่อมาถึงก็รีบขอโทษที่มาช้า แล้วก็นั่งโต๊ะกลางเริ่มประชุมทันที โดยในอาทิตย์นี้ จะมีการเปิดรับสมัครการแข่งขันฟุตบอล ทำ�ให้หน้าที่หลักของเราคือให้ข้อมูลกับ คนที่ติดต่อมาสมัครทางโทรศัพท์ เรียกว่าได้รับกันเกือบทั้งวันแน่นอน แล้วก็คุย เรื่องรายละเอียดของงานไปตรงนี้ไม่มีอะไรมาก เพราะมีเอกสารข้อมูลให้แต่ละ คนอยู่ละ จากนั้นก็แยกย้าย ผมกลับมานั่งกับที่และก็ทำ�สิ่งที่ทำ�เป็นกิจวัตรประจำ�วันคือเข้าเว็บไซต์ ข่าวฟุตบอล และหาดูไฮไลท์ทั้งเทนนิส กอล์ฟ ฟุตบอล รวมถึง MotoGP สำ�หรับ บางส่วนที่พลาดไปไม่ได้ดูสด บางทีฟุตบอลกระชับมิตรพี่แกเตะ ตี 2 ตี 3 ใครจะ ไปนั่งดู ตื่นเช้า 6 โมง โถ่ เรียกได้ว่าต้องมานั่งดูไฮไลท์ทุกวัน โดยรวมแล้ววันนี้ก็ผ่านไปอีกหนึ่งวันไม่มีอะไรมากเหมือนเดิม เพิ่มเติม คือใบสั่ง ฮ่า ๆ ขอทิ้งท้ายด้วยภาพตอนพี่จ่าแกกำ�ลังมุ่งมั่นกับการเขียนใบสั่งละ กันครับ
51
เฮียจ่าที่กำ�ลังมุ่งมั่นเขียนใบสั่งอย่างตั้งอกตั้งใจให้กับผม ฮ่า ๆ 52
ก่อนที่เพื่อน ๆ จะหมดวาระ ก่อนที่จะสิ้นสุดเดือนที่สองนั้น ทาง FM99 มีกิจกรรมใหญ่ก็คือ การ จัดแข่งขันฟุตบอล 7 คน และในอาทิตย์นี้จะให้นักศึกษาฝึกงานช่วยรับสมัคร ทางโทรศัพท์ พร้อมทั้งนับจำ�นวนของที่ใช้สมัครเก็บให้ครบ โดยกิจกรรมนี้ค่า สมัครเป็น ซองขนมปังเลอแปงที่ออกใหม่จำ�นวน 50 ซองต่อทีม ซึ่งก็มีบาง ทีมที่เอามาให้ที่คลื่นทั้งขนมเลย เรียกได้ว่า ใครไม่ได้กินข้าวมาหรือหิวตอน ไหน มีขนมปังเป็นร้อย ๆ ชิ้นให้กินตลอดทั้งวันเลยทีเดียว ฮ่า ๆ ซึ่งงานหลัก ๆ อย่างการรับโทรศัพท์และนับจำ�นวนซองมัดเก็บเป็น ทีม ๆ ไปนั้นส่วนใหญ่ 3 คนนั้นเขาจะช่วยกันทำ�กันมากกว่า ซึ่งผมก็จะมีบ้าง แต่จะค่อนข้างน้อยกว่า เพราะ 3 คนนั้นจะนั่งใกล้โทรศัพท์เลยซึ่ง เสียงดัง ปุ๊บ รับทันที ทุกอย่างก็ดำ�เนินไปราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไร แต่แล้ว ! หลังจากที่ หมดเดือนที่สอง เพื่อน ๆ ที่ฝึกงานด้วยกันทั้ง 3 คนก็หมดวาระไป เหลือไว้ เพียงผมเพียงคนเดียว หน้าที่ทุกอย่างจึงตกมาที่ผม จริง ๆ กิจกรรมนี้คนที่ เป็นคนดำ�เนินการจัดหลัก ๆ เลยก็คือ พี่โฟนและพี่กอล์ฟ พี่แกสองคนทำ�งาน กันแบบว่าค่อนข้างหนักเลย แล้วก็พี่โฟนนี่พยายามมาก ๆ กับกิจกรรมครั้งนี้ อยากให้ออกมาได้ดี ราบรื่น และไม่มีเรื่องชกต่อยกันในสนาม 55
ก่อนที่เพื่อน ๆ จะหมดวาระ หลังจากที่เพื่อน ๆ หมดวาระฝึกงานแล้ว ผมก็จะเป็นคนคอยรับ โทรศัพท์แต่ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้น เพราะว่ารับสมัครแค่ 32 ทีมเท่านั้น ซึ่งก็ เต็มภายในไม่กี่วัน นอกจากนี้ก็จะคอยนับซองขนมปังและจัดเก็บ พร้อมทั้ง ทำ�เรื่องของเอกสารไม่ว่าจะเป็น รายชื่อ โดยผมต้องนำ�รายชื่อไปตรวจเช็ค ในกูเกิ้ลทุกคน เป็นร้อย ๆ คนเพื่อดูว่ามีใครเคยติดทีมชาติไหม หรือเล่น ฟุตบอลลีกมาก่อนไหม เพราะว่ากฎการสมัครแข่งนั้นห้ามพวกนี้ลงในทีมโดย เด็ดขาด แม้ว่ามันจะดูยุ่งยากและค่อนข้างเยอะอยู่พอตัว แต่ผมก็เป็นคนที่ ทำ�อะไรได้ค่อนข้างไวอยู่แล้ว เลยค่อย ๆ เสิร์ชไปเรื่อย ๆ จนครบ แต่ก็ถือว่า หนักเอาการอยู่เหมือนกัน เมื่อยเลยทีเดียวกับงานนี้ ฮ่า ๆ จากนั้นก็มาทำ�ในส่วนของเอกสารการสมัครไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูป ถ่ายที่ติดมา สำ�เนาบัตรประชาชน เช็คชื่อเช็คหน้า รวมถึงเรื่องของเงิน ประกันทีมอีกว่าทีมไหนยังไม่จ่าย ยิ่งช่วงท้าย ๆ นี่เรียกได้ว่า หัวหมุนกัน เลยทีเดียว โดยในอาทิตย์ก่อนจะถึงวันจัดแข่งขันนั้น ผมได้ออกจาก อสมท. ประมาณ 1 – 2 ทุ่มทุกวัน เพราะเอกสารและรายชื่อดูเป็นงานที่ค่อนข้าง ยุ่งยาก แต่ก็ได้พี่บุ๋มและพี่กอล์ฟช่วยกันเคลียร์เอกสาร งานเลยเดินเร็วยิ่ง ขึ้น และทุกอย่างก็สิ้นสุดลง เรียกว่า เหนื่อยกันทุกคน จนวันหนึ่งที่เรากำ�ลัง ทำ�งาน พี่โฟนหันมาบอกว่า น้อง เดี๋ยวเสร็จงานนี้พี่ประเมินให้เต็มทุกช่อง เลย ฮ่า ๆ 56
04 จำ�
ผลงาน ระหว่างฝึกงาน
นี่คือความทรงจำ� นี่คือความประทับใจ นี่คือประสบการณ์
เมื่อ MCOT จับมือกับ Toyota เดือนที่สองกำ�ลังจะผ่านไป นี่คงเป็นกิจกรรมสุดท้ายสำ�หรับ นักศึกษาฝึกงานแล้ว ยกเว้นตามกำ�หนดการผมต้องฝึกถึงวันที่ 14 สิงหาคม ขณะเดียวกันเพื่อน ๆ จากมหาวิทยาลัยอื่นฝึกถึงแค่สิ้นเดือนกรกฎาคม เท่านั้นเอง แปลว่า ผมต้องอยู่คนเดียวไปอีกสองอาทิตย์นั้นเอง (น้ำ�ตาจะ ไหล) ในสัปดาห์นี้มีกิจกรรมโดยที่เราไม่ต้องออกไปตามหมายข่าวที่ไหน เพราะว่าเขาจัดที่ อสมท. นั้นเอง โดยงานจะเป็น Toyota Thai Premier League จับมือร่วม กับ MCOT HD เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกในช่องของ MCOT HD เพื่อเพิ่มช่องทางให้กับแฟนบอลลูกหนังชาวไทยได้อย่างเต็มอิ่มมากขึ้น โดยในงานก็ไม่มีอะไรมากมายนัก เป็นการแถลงข่าวแล้วก็ได้เชิญ พี่โทน พี่ยุทธ และพี่วาวขึ้นไปบนเวทีเรียกเสียงหัวเราะจากมุข 5 บาท 10 บาทของพี่แกได้อยู่ พวกผมไม่มีหน้าที่อะไรนอกจากยืนฟังแล้ว ก็คือไปถ่าย รูปให้พี่แกหน้าเวที ฮ่า ๆ ผมก็ไม่พลาดเช่นกันที่จะถ่ายรูปกับป้ายที่มีให้เลือกมากมาย แต่ผม เลือกอันที่ผมชอบที่สุดมาถ่ายด้วยนั้นเอง ดูได้ที่ด้านล่างเลยครับ สรุปในงาน วันนี้ไม่มีอะไรครับ นอกจากฟังมุข 5 บาท 10 บาทแล้วพวกพี่ ๆ แล้วก็ถ่าย รูปให้พี่แกนั้นเอง ฮ่า ๆ 53
มีป้ายหลายสิบอันแต่อันนี้ถูกใจที่สุดแล้วครับ ฮ่า ๆ 54
วันนี้ที่รอคอย เมื่อวันแข่งขันมาถึงซึ่งวันแข่งขันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ทุกคนมาตั้งแต่ เช้าเพื่อเตรียมงานให้พร้อมก่อนที่คนจะมา ทางเราได้คนมาช่วยงานเพิ่ม ประมาณ 10 คนจากพี่หนุ่มที่อยู่กับป่อเต็กตึ๊ง โดยจะดูแลความปลอดภัยของ แต่ละสนามนั่งประจำ�การไปคอยติดหูฟังและไมค์รายงานความเคลื่อนไหว ส่วนผมก็เป็นกรรมการประจำ�สนามที่ 1 คู่กับโอ๊ต เราสองคนจะทำ�หน้าที่ เช็คชื่อผู้เล่นของแต่ละทีมว่าหน้าตรงกับบัตรไหม ขาดใครไหม รวมถึงจบ การแข่งขันก็จะเดินไปรายงานผลเป็นคู่ ๆ ไป พอคู่ไหนที่เริ่มเล่นแรงกันมากขึ้น เราก็จะพูดไปที่ส่วนกลางว่า สนามนี้เริ่มแรงแล้วนะ ทางทีมงานของพวกพี่หนุ่มก็จะมาเพิ่ม โดยทุกการ แข่งขันคู่ไหนน่าสนใจก็จะมีทีมงาน FM99 คอยพากย์บอลสดหลัก ๆ จะเป็น พี่ปาล์ม แต่หากเรารายงานไปว่าสนามไหนเริ่มเล่นแรง พี่ปาล์มและทีมงาน ก็จะเดินย้ายมาพากย์สนามที่ค่อนข้างเล่นแรง เพื่อให้เกิดความเกรงใจและ ลดความรุนแรงลง เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะหรือมีเรื่องชกต่อยกัน
57
ทีมงานพี่หนุ่ม และ เจ้าโอ๊ต ที่กำ�ลังทำ�หน้าที่ในสนาม 1 ครับ 58
พี่ซิโก้ !! โดยวันนี้อากาศถือว่าไม่ร้อนมาก ค่อนข้างเป็นใจกับผมเลยทีเดียว ไม่งั้นผิวคงไหม้เกรียมไปแล้ว ฮ่า ๆ ซึ่งหน้าที่ก็ไม่ได้หนักอะไรมากมาย แม้ จะยุ่ง ๆ ในช่วงแรกแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี วันนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ได้อยู่กับ ฟุตบอลเต็ม ๆ ตลอดทั้งวัน นอกจากการแข่งขันฟุตบอลแล้ว วันนี้ในงานเรามีอีกหนึ่งแขกรับเชิญพิเศษ ก็คือ พี่ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชฟุตบอลทีมชาติไทย มาเป็นแขก พิเศษในงานวันนี้ โดยพี่ซิโก้จะมาแจกของรางวัลเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย พร้อมลายเซ็น อีกทั้งได้มาพูดถึงกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ก่อนการแข่งขันนัดชิง ชนะเลิศ พี่ซิโก้ เป็นอีกหนึ่งคนในแรงบันดาลใจของผม เพราะว่า พี่แกเข้ามา เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในทีมชาติไทยยุคปัจจุบัน ในแบบที่ผมเคยคิดมาเสมอ ว่า ทำ�ไมไม่มีใครเข้ามาทำ�แบบนี้ และก็มีพี่ซิโก้นี่แหละที่เข้ามาทำ�ในแบบที่ ผมสงสัยมาตลอดทั้งชีวิต เห็นได้ว่าตอนนี้กระแสฟุตบอลไทยค่อนข้างดีขึ้น ฟีเวอร์มาก ๆ และผลงานก็ดีมากขึ้นตามลำ�ดับ และสิทธิพิเศษของทีมงานก็คือพวกผมและเพื่อน ๆ ที่ฝึกงานก็ได้ เข้าไปถ่ายรูปหมู่กับพี่ซิโก้ด้วย ก่อนที่พี่เขาจะกลับ นอกจากรูปหมู่แล้ว ผมจะ เนียนเข้าไปขอถ่ายคู่ด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจมาก ๆ ที่ได้ใกล้ 59
ชิดขนาดนี้ เพราะหากปกติธรรมดาแล้ว ยากมากที่จะเข้าไปถ่ายรูปคู่ได้แบบนี้ วันนี้คงเป็นอีกหนึ่งวันที่ดีมาก ๆ ก่อนที่ผมจะฝึกงานจบจากที่นี่ไป
60
ทีมงานนักศึกษาฝึกงานได้สิทธิพิเศษจากพี่หนูนาให้เข้าไปถ่ายรูปกับพี่ซิโก้
61
ผมไม่รอช้าสะกิดพี่แกขอถ่ายรูปคู่ด้วย ก็อยู่ใกล้ด้วยขนาดนี้จะให้พลาดได้ไง 62
สิ้นสุดกิจกรรม โดยในช่วงสุดท้ายก็มาถึง เป็นการแข่งขันชิงชนะเลิศของรายการ ฟุตบอล 7 คน ซึ่งทีมที่ผ่านเข้ารอบชิงเข้ามาก็เก่งทั้งคู่ รวมถึงเป็นสองทีมที่ ใครหลาย ๆ คนก็คาดเดาไว้เช่นกัน ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เดาว่า 1 ใน 2 ทีม นี้จะได้เข้าชิงแน่นอน แล้วก็เป็นไปตามคาด โดยจะขอบรรยายเกมก่อนว่าในช่วงแรก TTS กับ เหน่งลานโพธิ์ คู่ชิงในวันนี้เล่นได้ดีมากทั้งคู่ แต่พอเข้ามาช่วงกลางเกม ความเหนื่อยล้า ความฟิตนี่หละคือจุดตัดสินชัยชนะของวันนี้เลย ทั้งสองทีมเหนื่อยล้ามาพอ ๆ กัน แต่เป็นทีมเหน่งลานโพธิ์ที่มีความฟิตมากกว่า อารมณ์เหมือนมีก๊อก สอง ทำ�ให้ใช้แรงที่มีมากกว่าบดชนะมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ยิง จนสุดท้าย ก็ชนะไปขาดลอย 4-0 ใครได้เห็นการแข่งขันคู่นี้จะบอกว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้ ซัดกันแบบแรง 100 % น่าจะสนุกกว่านี้ เพราะว่า TTS เริ่มจะหมดแรงซะ ก่อน เหน่งลานโพธิ์เลยเอาชนะไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก สุดท้ายก็มีพิธีมอบถ้วยให้กับทีมชนะเลิศ ทุกคนดูผ่อนคลาย และ ดีใจที่งานในวันนี้ออกมาดี ไม่มีอุปสรรคหรือเรื่องที่กลัวอย่างเรื่องการชก ต่อยกัน ทุกอย่างออกมาดี ทุกคนก็หายเหนื่อยโดยเฉพาะพี่โฟนและพี่กอล์ฟ พี่สองคนหลักที่รับหน้าที่ดำ�เนินกิจกรรมนี้ขึ้นมา
63
หลังจากกิจกรรมจบทางทีมงานทั้งหมดก็จะไปรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ ผมขอชิ่งกลับก่อนเพราะว่า พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ต้องมาทำ�งานอีก และผมก็ ขาดไม่ได้แล้ว อีกทั้งตอนนี้ก็เป็นเวลา 1 ทุ่มกว่า ๆ กลัวว่าถ้าไปด้วยจะกลับ ดึกแน่ ๆ อีกทั้งความเหนื่อยล้าจากการทำ�งานทั้งวัน กลัววันจันทร์จะลุกไม่ ขึ้น เลยบอกไว้โอกาสหน้าครับพี่ ไม่เป็นไรครับ ผมขอกลับไปพักผ่อนก่อนดี กว่า ซึ่งถือว่าวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ดี อีกทั้งได้เรียนรู้การจัดงานกิจกรรมอีก ด้วย
64
ทีมเหน่งลานโพธิ์ รับถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล 7 คน เลอแปงคัพของทาง FM99
65
สัปดาห์สุดท้ายกับ FM 99 สัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้วที่จะได้เป็นนักศึกษาฝึกงานที่ FM 99 ก็ถือว่าในสัปดาห์นี้ไม่มีอะไรมาก ก็ช่วยงานพี่ ๆ เหมือนเคย ไม่ว่าจะ เป็นเดินเอกสาร ส่งไฟล์ งานเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นต้น เวลาค่อย ๆ เดินผ่านไป ในแต่ละวัน จนในที่สุดวันสุดท้ายก็มาถึง วันสุดท้ายนั้นพี่กอล์ฟแซวเลยว่า รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ? วันสุดท้าย แล้วสินะ พี่เข้าใจนะอยากให้จบไว ๆ ตอนพี่ฝึกงานนะถึงวันสุดท้ายโครตดี ใจ เพราะสมัยนั้นพี่ออกกองบ่อยโครตเหนื่อย ฮ่า ๆ ซึ่งผมก็ได้นั่งอ่านข่าว ฟุตบอล รวมถึงดูไฮไลท์กีฬาอื่น ๆ เช่นกัน ตามประสาของผม เพิ่มอัพเดต ข่าวสารในวงการกีฬา เพราะว่าตอนนี้คือเดือนสิงหาคมแล้วเป็นเดือนที่ กำ�ลังจะเปิดศึกการแข่งขันฟุตบอลลีกของอังกฤษ ซึ่งเป็นลีกที่ผมดูมาเกือบ สิบปีตั้งแต่ประมาณตอนป.5 ได้ จึงมีข่าวสารมากมาย รวมถึงบทวิเคราะห์ สถานการณ์ทีมต่าง ๆ ก่อนที่จะเริ่มฤดูกาลการแข่งขันขึ้น “ เวลาและวารีมิเคยรอใคร ” คำ�นี้ยังคงเป็นคำ�ที่ใช้ได้เกือบทุก สถานการณ์ และแล้วเวลาก็เดินทางมาถึงช่วงเวลาที่เลิกงาน ถามผมว่า อยากจบไหม อยากจบนะ แต่ก็รู้สึกใจหายเล็ก ๆ เพราะว่าที่นี่เป็นเหมือน ที่ที่ให้ความรู้ ให้ประสบการณ์ ที่ที่ผมมาเกือบทุกวันตลอดเวลาสองเดือน 66
ครึ่ง ได้รู้จักกับพี่ ๆ ที่น่ารักทุกคนที่นี่ ได้ทำ�ในสิ่งที่อยากทำ� เรียนรู้และซึบซับ ประสบการณ์การทำ�งานจริงที่ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน ก่อนที่ผมจะกลับ ผมเดิน ไปสวัสดีพี่ ๆ ทุกคนตามปกติทุกวันและก็ขอบคุณพี่ ๆ ที่คอยดูแลผม สั่งสอน ผมตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ก่อนที่ผมจะกลับ พี่กอล์ฟก็บอกกับผมว่า “ มีอะไรทักมาคุยกับพี่ได้นะ ชีวิตเป็นยังไง ต่อไปได้ทำ�งานที่ไหนแล้ว บอกพี่ด้วยหละ โชคดีนะ ” ผมขานตอบ ครับผม พร้อมกับยิ้มด้วยความยินดี พร้อมกับกล่าว ขอบคุณครับพี่ ก่อนที่ผมจะเดินออกจากที่แห่งนี้ในสถานะ นักศึกษาฝึกงาน แล้วเจอกันใหม่ FM 99 สวัสดีครับ
67
52
“
นอกจาก ประสบการณ์ จากที่ฝึกงานแล้ว... ผมยังได้พบกับคนที่เป็น แรงบันดาลใจ
”