blogger

Page 1

รายงาน เรื่ อง Blogger

เสนอโดย อาจารย์สุจิตตรา จันทร์ลอย

จัดทำาโดย นางสาวศศิวิมล บุญส่ ง นางสาวอลิษา สว่างศรี นางสาววริ ษา คุง้ ลึง นางสาวมาลิดา แจ่มแจ้ง นักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยหมู่ 1

รายงานเล่มนี้ เป็ นส่ วนหนึ่งของวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร สำาหรับครู (PC54504) ภาคการเรี ยน 1/2555 มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บา้ นจอมบึง


คำานำา รายงานเรื่ องนี้ จดั ทำาขึ้นเนื่องจาก อาจารย์ สุ จิตตรา จันทร์ ลอย ซึ่งเป็ นอาจารย์ประจำาวิชา เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่ อสารสำาหรับครู รหัสวิชา PC54504 ซึ่งอาจารย์ได้มอบหมายให้ไปศึกษาถึงเรื่ อง weblog ประวัติความเป็ นมาของ weblog ความหมายของ weblog รวมไปถึง ประโยชน์ที่มีต่อการเรื่ องการ สอน เพื่อให้ผทู้ ี่สนใจจะศึกษาเกี่ยวกับเรื่ องนี้ ได้รับทราบถึงข้อมูลต่าง ๆ อย่างครบถ้วน หวังเป็ นอย่างยิง่ ว่ารายงานเรื่ อง weblog จะให้ประโยชน์และความรู ้ต่างๆ ต่อผูท้ ี่สนใจเป็ นอย่างยิง่ และหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่น้ ีดว้ ย

คณะผูจ้ ดั ทำา


ประวัตคิ วามเป็ นมาของ Weblog Weblog นั้น ถูกใช้ครั้งแรกโดยนาย John Barger ในเดือนธันวาคม 2540 หลังจากนั้นได้ถูกนำามาเรี ยก ใหม่แบบย่อ เป็ น Blog โดยนาย PeterMerholz ในเดือนเมษายน 2542 จนกระทัง่ วันที่ 13 มีนาคม 2546 ทาง Oxford English Dictionary จึงได้บรรจุคาำ ว่า Blog ในพจนานุกรม แสดงให้เห็นถึงการยอมรับอย่างเป็ น ทางการ บล็อก (Blog)ในอดีตแรกเริ่ ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำากันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปั จจุบนั นี้ มีเครื่ องมือหรื อซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress,Movable Type เ ป็ นต้น เมื่อสองสามปี ที่ผา่ นมา Blog เริ่ มต้นมาจากการเขียนเป็ นงานอดิเรกของกลุ่มสื่ ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่ งกลายเป็ นแหล่งข่าวสำาคัญ ให้กบั หนังสื อพิมพ์หรื อสำานักข่าวชั้นนำา จวบจนกระทัง่ ปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่ อและสำานักข่าวต่างๆ ถึงความรวดเร็ วในการให้ขอ้ มูลตั้งแต่เรื่ องการเมืองไปจน กระทัง่ เรื่ องราวของการประชุมระดับชาติ ผูค้ นหลายล้านคนจากทัว่ ทุกมุมโลกหันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่ หลาย ตั้งแต่นกั เรี ยน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริ ษทั ยักษ์ใหญ่ และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้วา่ Blog เป็ นสื่ อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ, สิ่ งพิมพ์, โทรทัศน์หรื อแม้กระทัง่ วิทยุเราสามารถเรี ยกได้วา่ Blog ได้เข้ามาเป็ นสื่ อชนิดใหม่ที่สาำ คัญ Blog เป็ นเว็บไซต์ที่สามารถเป็ นได้หลากหลายอย่างแล้วแต่เจ้าของอยากให้เป็ น ตั้งแต่ไดอารี ส่วนตัว สถานที่สาำ หรับใช้ในการทำางานร่ วมกัน (collaborative work space)หรื อสภากาแฟสำาหรับคุยเรื่ องการเมือง แหล่งรวมข่าวสารความเป็ นไป แหล่งรวมลิงค์ ไปจนถึงสมุดบันทึกความเป็ นไปของโลกใบนี้ สรุ ปก็คือ "Blog" เป็ นที่ซึงเราเอาไว้เขียนเรื่ องราวที่ต่อเนื่องไปเรื่ อยๆ โดยเรื่ องที่เขียนเข้าไปใหม่ จะอยูส่ ่ วนบนสุ ด ซึ่ง ทำาให้ผทู ้ ี่เข้ามาเยีย่ มชม สามารถอ่านเรื่ องราวใหม่ๆได้ และยังสามารถที่จะเสนอแนะหรื อติชมได้ ในกรณี ที่ เจ้าของ Blog นั้นๆ อนุญาติ

ที่จริ งแล้ว Blog ได้ถือกำาเนิดขึ้นมากว่า 5 ปี แล้ว แต่เพิ่งจะมีการใช้งานอย่างแพร่ หลายในช่วงปี ที่ผา่ น มานี้เอง และได้เปิ ดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ให้กบั การใช้เว็บไซต์ ตลอดจนมีการประยุกต์ใช้ในหลากหลายรู ป แบบ และยังเป็ นการเปิ ดโอกาสให้กบั ผูค้ นนับล้านๆทัว่ โลกได้มีโอกาสสื่ อสาร และติดต่อแลกเปลี่ยนความคิด เห็นกับผูท้ ี่ชื่นชอบในสิ่ งเดียวกันทัว่ โลก นอกจากนี้ยงั มี Group Blogs ที่เป็ นอีกรู ปแบบหนึ่งของ blog ซึ่ง


สามารถนำามาประยุกต์ใช้เป็ นเครื่ องมือในการติดต่อสื่ อสารกันสำาหรับกลุ่มคน อย่างเช่น ทีมงาน สมาชิก ครอบครัว หรื อกลุ่มเพื่อนต่างๆ โดยที่ Group Blogs นี้จะเป็ นพื้นที่สาำ หรับแลกเปลี่ยนข่าวสาร Links และไอ เดียต่างๆ

ผูท้ ี่ใช้งาน Blog หรื อเจ้าของ Blog เราจะเรี ยกว่า "Blogger" สามารถเข้าไปอัพเดต blog ของตนเอง ณ ที่ใดก็ได้ที่สามารถเข้าถึง Intenet ได้ โดยไม่แน่วา่ ในอนาคต ThaiBlogOnline อาจจะให้เจ้าของ blog สามารถ อัพเดต blog ของตนเองผ่านทาง SMS มือถือก็เป็ นได้ นอกจากนี้ยงั สามารถโพสรู ปภาพ เสี ยง และวีดีโอไป ยัง blog ได้อีกด้วย โดยเฉลี่ยแล้วจำานวนผูใ้ ช้ blog จะเติบโตขึ้นเป็ นเท่าตัวทุกๆ 5 เดือน และจะมี blog ใหม่ถือ กำาเนิดขึ้นทุก 5.8 วินาที หรื อประมาณ 15,000 blogs ต่อวัน ซึ่งทำาให้เกิด Weblogs แล้วจำานวน กว่า 10 ล้าน blogs ทัว่ โลก แต่ถว่ามี blog ที่ตายแล้ว หรื อ blog ที่ไม่มีการอัพเดตกว่า 80% การใช้ งาน Blog สามารถสร้างรายได้ให้กบั คุณได้เหมือนกัน จะมีใครคาดคิดว่าวันนึงคุณอาจจะทำางานในชุดนอนที่ บ้าน โดยมีรายได้จากโฆษณาออนไลน์และเว็บแบนเนอร์ บน Weblogs ของตัวเอง ซึ่งก็เคยมีตวั อย่างมาแล้วใน ประเทศอเมริ กา ที่เจ้าของ blog สามารถสร้างรายได้จาก banner ถึง 5,000 เหรี ยญสหรัฐ หรื อประมาณ เกือบ 2 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งมากพอจะช่วยให้เขาจ้างผูช้ ่วยในการหาข้อมูลมา update เนื้อหาใน blog ได้ สบายๆ

บล็อก คือ อะไร ความหมายของบล็อก หรื อ เว็บบล็อก อ้างอิงตามบทความเรื่ องบล็อก (Blog or Weblog) คืออะไร? ใน เว็บไซต์ GotoKnow.org เขียนโดย ดร.จันทวรรณ ปิ ยะวัฒน์ (http://gotoknow.org/blog /tutorial/3) ได้ให้นิยาม ไว้ดงั นี้ "บล็อก (Blog) หรื อ เว็บบล็อก (Weblog) เป็ นเว็บไซต์สาำ หรับเขียนบันทึกเล่าเรื่ องราวประจำาวันเพื่อ สื่ อสารความรู้สึกนึกคิดมุมมอง ประสบการณ์ ความรู ้ และข่าวสาร ในเรื่ องที่ผเู ้ ขียนท่านหนึ่งๆ (Blogger) สนใจโดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ ทาำ ให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ ด และเนื่องจากความจริ งใจและอิสระทาง ความคิดที่สื่อสารออกไป ซึ่งส่วนใหญ่อยูใ่ นลักษณะของบุคคลที่หนึ่ง เป็ นการบ่งบอกถึงความเป็ นตัวตนของ ผูเ้ ขียนได้เป็ นอย่างดีทีเดียว จึงทำาให้บล็อกเป็ นสื่ อที่นิยมมากขึ้นเรื่ องๆ ในนานาประเทศ"


วิธีการสังเกตลักษณะของเว็บไซต์ที่เป็ นบล็อกนั้น ให้พิจารณาจากลักษณะต่างๆ ดังนี้คือ ำ มีการบันทึกเนื้ อหาโดยเจ้าของบล็อกอย่างสม่าเสมอ ข้อมูลจะถูกจัดไว้อย่างเป็ นระเบียบ คือ รายการล่าสุ ดจะถูกแสดงไว้ดา้ นบนสุ ดของเว็บเพจ แล้วไล่ลาำ ดับย้อน หลังตามวันเวลาการเขียนไปเรื่ อยๆ มักจะมีการลิงก์ไปหาบล็อกอื่นที่ผเู้ ขียนสนใจ หรื อได้เสนอความคิดเห็นโยงต่อจากข้อเขียนที่เขาอ้างถึง ดังนั้น นอกจากบล็อกจะใช้ในการเขียนและเผยแพร่ เรื่ องราวต่างๆ แล้ว ก็ยงั เป็ นแหล่งรวมลิงก์ที่เจ้าของบล็อกนั้นๆ ใช้เป็ นฐานเพื่อเสริ มต่อความรู้อยูเ่ ป็ นประจำา ไม่วา่ จะเป็ นลิงก์ของบล็อกอื่นๆ หรื อลิงก์ของเว็บไซต์กต็ าม บันทึกที่เขียนไว้ในบล็อกมักจะมีการแยกแยะเป็ นกลุ่มเนื้ อหาตามหัวข้อหลักๆ ที่ผเู ้ ขียนสร้างขึ้นเพื่อช่วย อำานวยความสะดวกให้แก่ผอู้ ่านที่สนใจในบันทึกที่มีความสัมพันธ์กนั ในใจความหลัก และเมื่อผูอ้ ่านได้รับความรู้ต่างๆ จากผุเ้ ขียนบล็อกแล้ว ผูอ้ ่านมักจะมีการเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อ เป็ นการต่อยอดความรู้และเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู ้ระหว่างกลุ่มผูอ้ ่านและผูเ้ ขียนบล็อก

ลักษณะ/ประเภทของ weblog สามารถจำาแนกประเภทของบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้ 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่ 1.1. Linklog เป็ นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ 1.2 Photoblog บล็อกประเภทนี้ เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนำาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่ จะเขียนข้อความมากนัก 1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็ นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็ นบล็อกที่เรี ยกได้วา่ เป็ นบล็อกที่นิยมทำากันมากในอนาคต เพราะการเจริ ญเติบโตของไฮสปี ด อินเตอร์ เน็ต หรื อ อินเตอร์ เน็ตบอร์ ด แบนด์ ที่ทาำ ให้การถ่ายทอดเสี ยง ภาพเคลื่อนไหว movie […] 2. แบ่งตามประเภทเนื้ อหา ได้แก่


2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นำาแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจำาวันของเจ้าของบล็อกเป็ นหลัก 2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาำ เสนอข่าวเป็ นหลัก 2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็ น บล็อกที่เขียนกันเป็ นกลุ่ม เช่น blognone.com 2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่ องการเมืองล้วน ๆ 2.5 บล็อกเพื่อสิ่ งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่ องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่ งแวดล้อม 2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็ นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่ งที่เกี่ยวกับสื่ อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชยั หยุน่ 2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาำ เสนอเรื่ องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่ อง ซุบซิบดารา กองถ่าย ฯลฯ 2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรี ยน หรื อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศมักจะใช้บล็อก เป็ นสื่ อในการสอนหรื อ แลกเปลี่ยนความคิดกัน 2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็ นบล็อกที่นาำ เสนอวิธีการต่าง link อ้างอิง

การสร้ าง Blog !!! Update 2012 Blog ไทยก็มีเยอะนะครับ แต่ส่วนใหญ่ เค้าไม่ให้มีโฆษณาใน Blog จึงขอแนะนำา Blog ของ google ดีกว่า ซึ่งมีภาษาไทย ในการอธิบายเมนูต่างๆด้วย และสามารถเลือกภาษาที่จะแสดงเมนูใน blog ได้ (กรณี ทาำ โฆษณา ภาษาอังกฤษ) การสร้าง blog กับ blogger.com ชื่อที่ได้ จะได้เป็ น ชื่อที่ต้ งั .blogspot.com ถามว่า Blog สูก้ ารทำา เว็บ .com ได้ม้ ยั ลองเข้า google.co.th แล้วค้นคำาว่า เที่ยวลาว ดูนะครับจะเห็นว่า blog สู ้ .com ได้อย่างสบาย การที่เว็บจะอยูอ่ นั ดับต้น มันขึ้นกับเนื้อหาในเว็บครับ


@ ...วิธีการสมัคร Blogger.com !!! @ ...ล่าสุ ดอาจไม่เหมือนในภาพนะครับ เพราะ blogger มีการพัฒนา... ...แต่จะเหมือนกันในหลักการครับ สามารถดูเปรี ยบเทียบได้ครับ... เข้า http://www.blogger.com

ถ้าคุณเคยสมัครอะไรของ google ไว้แล้ว เช่น เคยสมัครเมล์ gmail ก็สามารถใช้ รหัส gmail login ในช่อง ลงชื่อเข้าใช้งานได้เลย ...หรื อถ้าไม่เคยสมัครอะไร หรื ออยากจะสมัครใหม่ ก็ คลิกคลิกที่ลูกศรสี สม้ สร้างบล็อคของคุณทันที


..ที่อยูอ่ ีเมล ใส่เมล์ของเรานะครับ เมล์อะไรก็ได้ ไม่จาำ เป็ นต้องเป็ น gmail ครับ ก็ประมาณว่า เมล์ที่เราใช้อยูน่ นั่ แหละครับ ..ใส่ เมล์น้ นั อีกครั้งครับ ..กำาหนดรหัสผ่าน ตั้งขึ้นมาเลย ไม่ใช่รหัสเมล์นะครับ เป็ นรหัสที่เราตั้งขึ้นเพื่อสมัคร blogger ครับ ..ชื่อที่แสดง ก็อย่างที่ในเว็บบอกครับ คือ คือนี่จะแสดงว่าเราเราโพสข้อความอะไรใน blog ของเรา หรื อเขียน คอมเม้น แสดงความคิดเห็น blog ของคนอื่น ...รหัสยืนยัน ใส่รหัสสุ่มตามภาพที่ข้ ึนมา ...ทำาเครื่ องหมายช่องสี่ เหลี่ยม ยอมรับข้อตกลง ...จากนั้นคลิก ดำาเนินการต่อ

...จากข้างบนเป็ นรู ปแบบเก่า ของ blogger นะครับ สรุ ปคือ เราสมัครเข้าบัญชี blogger ครับ


...จากนี้ มาดูรูปแบบใหม่ ในการเขียน blogger ครับ

คลิกที่ บล็อกใหม่ เพื่อเริ่ มสร้าง blog ได้เลยครับ

ตั้งชื่อเว็บบล็อกเลยครับ ชื่อจะปรากฏที่บนสุดของ blog เช่น ดังภาพ


ที่อยูบ่ ล็อก ก็คือ ชื่อที่อยู่ url ของ blog นัน่ เองครับ ตัวอย่างชื่อ blog

ำ อมีใครใช้อยูห่ รื อยัง สำาหรับการ ตรวจสอบความพร้อมคือ ตรวจสอบว่าชื่อที่ต้ งั อยู่ ซ้าหรื ถ้าขึ้น ที่อยูบ่ ล็อกนี้สามารถใช้ได้ ก็สามารถใช้ชื่อนี้ ได้ครับ *** ทั้งชื่อเว็บบล็อก และที่อยู่ บล็อก สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลังครับ และ 1 user ที่ใช้ login blogger สามารถ สร้าง blog ได้ 100 blog ครับ ถ้าอยากสร้างอีก ก็สมัคร account blogger ใหม่ เพิม่ อีกครับ *** เสร็ จแล้วก็เลือกรู ปแบบ แล้วคลิก สร้างบล็อกครับ เลือกได้เลยครับ ชอบแบบไหนก็เลือกไปก่อน สามารถ เปลี่ยนแปลงภายหลังได้ พอคลิกแล้ว ระบบจะขึ้น ดังนี้ ...ผมตั้งชื่อว่า "ทดสอบสร้าง blog" นะครับ ชื่อ blog ก็เลยเป็ นตามภาพ ให้คลิกที่ ชื่อ blog ที่คุณตั้งขึ้นมาได้เลยครับ... เพื่อเข้าไปดูเมนูต่างๆก่อน

เมนูบนสุ ดรู ปดินสอ สามารถคลิกเพื่อเริ่ มโพสข้อความได้เลย ...สำาหรับเมนูซา้ ยมือ ที่อยากจะเน้นคือ เมนูหน้าเว็บ รู ปแบบ แม่แบบ การตั้งค่า


ทำาความเข้าใจ เกี่ยวกับ blog ของ blogger ก่อนครับ ก่อนเขียน blog เราต้องทำาความเข้าใจและวางแผนก่อนครับ .. blog เราสามารถ เขียนข้อความต่างๆ แทรกภาพ หรื อนำาเสนอต่างๆได้ ... การเขียน blog ที่ blogger - ข้อความล่าสุด จะอยูท่ ี่หน้า blog - ข้อความต่างๆที่เขียนไป จะเป็ นหัวข้อ รวมอยูใ่ นคลังบทความของบล็อก ให้คลิกเข้าดูที่

ำ ยว http://wang-namkeaw.blogspot.com ผมแก้คาำ ซึ่งคำาว่า "คลังบทความของบล็อก" ตัวอย่าง blog เที่ยววังน้าเขี ำ ยว" ซึ่งวิธีแก้ พอเข้าที่รูปแบบ แล้ว คลิก ว่า คลังบทความของบล็อก เป็ น "รายละเอียด การท่องเที่ยว อ.วังน้าเขี แก้ไข ช่องคลังบทความของบล็อก


...แล้วก็แก้ไขตามแต่จะกำาหนดหัวข้อรวมหลัก ของบทความต่างๆที่เราจะนำาเสนอใน blog ครับ สำาหรับเมนู อื่นๆก็ลองตั้งค่าแล้วโหลดดู blog ดู ว่าจะออกมาแบบไหน ถูกใจหรื อป่ าวนะครับ

ำ ยว ทำาไมไม่มีใน แม่แบบ ของ blogger จะอธิ บายอีกทีครับ ...เกี่ยวกับ สำาหรับรู ปแบบของ blog เที่ยววังน้าเขี คลังของบทความ เราควรวางแผนแล้วว่า บทความหรื อข้อความต่างๆที่เราจะเขียน blog จะเรี ยงลงมา เมื่อมีผู ้ เข้าเยีย่ มชม blog ของเรา ผูเ้ ยีย่ มก็จะเห็นหัวข้อเหล่านั้น และเลือกที่จะคลิกอ่านได้ เป็ นผลดีในการนำาเสนอ - สำาหรับบทความต่างๆ หรื อข้อความต่างๆที่เราจะนำาเสนอใน blog ข้อความล่าสุ ดจะอยูห่ น้าแรกครับ หน้าแรก ของ blog ควรจะเป็ นเหมือนหน้ารับแขก ซึ่งออกแบบ เพื่อดึงดูดให้ผเู ้ ข้าเยีย่ มชมได้สนใจ และอ่าน blog ..แล้ว จะทำางัยล่ะ ? เมื่อข้อความต่างๆที่เรา เขียนไป เป็ นหัวข้อต่างๆ ข้อความล่าสุ ดจะอยูห่ น้าแรก ถ้าเราออกแบบ หน้าที่ดึงดูดความสนใจ ไว้เป็ นหน้าแรกแล้ว ถ้าเรามีขอ้ ความมาเขียน หรื อ นำาเสนออีก จะทำางัย ให้หน้าที่เรา ออกแบบไว้ อยูห่ น้าแรก


...วิธีการง่ายๆก็คือ แต่ละบทความที่เราเขียนไป สามารถแก้ไขได้ เราเข้าไปแก้ไขบทความนั้น แก้ไขตรงวันที่ หรื อจะแก้ไขเวลาด้วยก็ได้ ให้เป็ นวันที่ลา่ สุด เพื่อให้บทความนั้นยังอยูห่ น้าแรกนัน่ เอง ...อยูล่ ่างๆ นะครับ คลิก ที่ตวั เลือกของบทความ แล้วจะมีให้แก้ไขได้

สำาหรับ ป้ ายกำากับสำาหรับบทความนี้ : ...หมายถืง คียเ์ วิร์ด สำาคัญ หรื อน่าสนใจ ในบทความหรื อข้อความนั้นๆ นะครับ เวลาโพสหรื อเขียนข้อความไปแล้ว จะขึ้นเป็ นข้อความ ป้ ายกำากับ อยูล่ ่างสุ ดของบทความ ..ทำาความเข้าใจ การโพส หรื อการเขียนข้อความ


...พอเขียนบทความต่างๆเสร็ จ (เมนูต่างๆ สี ตวั อักษร ลิ้งค์ แทรกรู ปภาพ ลองหัดเล่น หัดเขียนดูนะครับ) พอเขียนตกแต่งบทความต่างๆเสร็ จ ก็คลิก เผยแพร่ ได้เลย ...แต่ถา้ ยังไม่อยากให้บทความขึ้นที่หน้า blog ก็คลิก บันทึก ไว้ก่อนได้ครับ เผื่อว่ายังเขียนบทความไม่เสร็ จ แล้วพอเขียนเสร็ จ ก้ค่อยคลิกเผยแพร่ ครับ

ในเมนู

นี้ มีอะไรให้ออกแบบเยอะ เป็ นองค์ประกอบของ blog ครับ ซึ่งแต่ละป้ ายเมนู สามารถ

ลบได้ หรื อเพิ่มได้ครับ การลบก็คลิกเข้าป้ ายเมนูน้ นั ๆ แล้วจะมีคาำ ว่าลบ ให้เลือกลบครับ ...สำาหรับการเพิ่ม ให้คลิกที่

เพิ่ม Gadget ก็จะมีป้าย Gadget มาให้เลือก + เพิ่มเข้ามาใน blog เพื่อนำามาเป็ นรู ปแบบในการช่วยตกแต่งครับ ที่ป้าย Gadget ต่างๆ เรายังสามารถย้ายที่จดั เรี ยงได้ดว้ ยนะครับ คลิกที่ป้ายที่ตอ้ งการย้ายแล้วลากเลยครับ จะไว้ ตรงไหนก็วาง ...สำาหรับ Favicon ก็สามารถเปลี่ยนได้ จะเป็ นส่ วนของหัว blog ซึ่งการเปลี่ยน จะต้องนำารู ปขนาดกว้างยาวเท่า กัน(สี่ เหลี่ยมจัตุรัส) และมีขนาดไม่เกิน 100KB นะครับ

ตัวอย่าง Favicon ที่เปลี่ยน แล้วกับที่ ยังไม่เปลี่ยนนะครับ ...สำาหรับการเปลี่ยน Favicon แรกๆบาวเซอร์ ท่องเว็บ ที่เราใช้ จะยังจำาอันเดิมอยูน่ ะครับ บางทีเราเปลี่ยนแล้วแต่ดู blog ยังไม่เปลี่ยน ไม่ตอ้ งตกใจว่าทำาไม่ได้ ลองไป


ดูคอมเครื่ องอื่น ก็จะเป็ น Favicon ใหม่ที่เราเปลี่ยนครับ หรื อไม่กเ็ ปิ ดบาวเซอร์ ใหม่ เช่นว่า ใช้ Mozilla Firefox เปิ ดดู blog ก็ลองใช้ Google Chrome เปิ ดดูแทน จะเห็นว่า Favicon ก็จะเปลี่ยนครับ

...คราวนี้มาดู เมนู หน้าเว็บ ...หน้าเว็บช่วยให้เราออกแบบหน้าต่างๆแยกต่างหากจากบทความได้ครับ การเขียนหน้าเว็บ ก็คลิกเข้าคำาว่า แก้ไข ก็สามารถเข้าไปเขียนตกแต่งได้ครับ

ตัวอย่างหน้าเว็บ


http://pang-oung.blogspot.com blog นี้ ผมใช้ 1 หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้อยูด่ า้ นบนสุ ด ... คือ ปางอุ๋ง สวรรค์ นักเดินทาง ชัดๆ HD สำาหรับลิ้งค์คือ http://pang-oung.blogspot.com/p/hd.html http://siamtulip-festival.blogspot.com blog นี้ ผมใช้ หลาย หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้อยูด่ า้ นข้าง

...จากภาพบน แต่ละหน้าเว็บ สามารถคลิกจับลากสลับจัดเปลี่ยนตำาแหน่งกันได้ดว้ ยนะครับ โดยคลิกที่หวั ช่อง ที่เป็ นสี เข้มกว่า หรื อจะคลิกเปลี่ยนกลับเป็ นฉบับร่ างได้ คือไม่อยากให้หน้าเว็บที่เขียนไว้แล้ว โชว์ที่ blog แต่ ไม่อยากลบ


http://talamok-phutok.blogspot.com blog นี้ ผมใช้ หลาย หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้ไม่แสดง ??? งงมั้ยครับ ไม่แสดง แล้วจะเขียนทำาไม!!! คือพอให้มนั แสดงแล้วรู ปแบบมันออกมาไม่สวยครับ มันไม่เข้ากับ รู ปแบบ แม่แบบ(template) ของ blog ...แล้วพอไม่ให้แสดง แล้วจะเอามาทำาลิ้งค์ให้คนเข้าอ่านได้ยงั งัย

ในเมนู

ผมเพิ่ม Gadget รายชื่อลิ้งค์ครับ (ภาษาอังกฤษคือ Blogroll)

แล้วก็เอาลิ้งค์ต่างๆ ของ หน้าเว็บ มาใส่ที่ Gadget รายชื่อลิ้งค์ ...วิธีดูวา่ แต่ละ หน้าเว็บ ลิ้งค์อะไร ก็แค่เอาเม้าส์ช้ ีที่หวั ข้อ หน้าเว็บนั้นๆ เราก็จะเห็นครับ ก็คลิกเม้าส์ขวา แล้ว Copy Link


Gadget รายชื่อลิ้งค์ครับ ...พอเราเพิ่มลิ้งค์แล้ว เขียนอธิบายหัวข้อลิ้งค์แล้ว ...ที่ลูกศรขึ้นลงเราสามารถคลิกสลับจัดตำาแหน่งได้ดว้ ยนะ ครับ

...เอาล่ะครับ เทคนิคเต็มไปหมดเลย อย่า งง นะครับ ลองทำาดูเดี๋ยวก็รู้เอง ไม่ลอง ไม่หดั ก็ทาำ ไม่ได้ครับ


ำ ยวหรื อเว็บตัวอย่างต่างๆข้างต้น ทำาไม ...มาถึงที่ติดค้างไว้ คือรู ปแบบ แม่แบบ(template) ของเว็บ เที่ยววังน้าเขี ไม่มีใน แม่แบบของ blogger การใส่ แม่แบบนอกเหนือจากแม่แบบที่มี ใน blogger ทำาดังนี้ เข้าไปที่ http://btemplates.com/ จะมีรูปแบบต่างๆให้เลือก ดาวน์โหลด ไฟล์ที่โหลดมา จะเป็ นไฟล์ .zip ให้เรา แตกไฟล์ .zip ออกมา จะได้เป็ นไฟล์ .xml ..เราจะเอาไฟล์ .xml เข้า blog ได้อย่างไร ? ...มาที่เมนู แม่แบบ แล้วมาที่ สำารอง/กูค้ ืน ที่มุมบนขวา เลือกไฟล์แม่แบบ .xml ที่เรามีในเครื่ อง (ที่เราไปโหลดมา) แล้วคลิก อัปโหลด เพื่อ โหลดไฟล์ xml เข้าไปใน blog เราก็จะได้รูปแบบสวยๆมาใช้แล้วครับ


...มาดูเมนูการตั้งค่า ซะหน่อย บางคนสงสัยครับว่า blog ที่เขียน บทความต่างๆ ยาวลงมามาก ไม่รู้จะทำางัย มาที่ เมนูการตั้งค่า โพสต์และ ความคิดเห็น กำาหนดได้เลยครับ จะให้บทความแสดงสูงสุดในหน้าแรกได้กี่บทความ


...อย่าลืมมาตั้ง ภาษาและการจัดรู ปแบบด้วยนะครับ ...ตรงโซนเวลา สำาคัญครับ เพราะเวลาเราโพสอะไรไป เวลาจะได้ตรงกับวันเวลาในประเทศไทยด้วย เวลามาดูบทความย้อนหลัง เราจะได้รู้วา่ เราเขียนบทความนี้ วันไหน เวลาไหนนะครับ นอกนั้นก็แล้วแต่ชอบ ครับ ลองตั้งดู ...สำาหรับหัวข้ออื่นๆที่ไม่ได้อธิบาย ลองเข้าไปลองตั้ง ลองทำา เดี๋ยวก็ทาำ ได้ครับ ...สำาหรับการลบ blog จะอยูท่ ี่ การตั้งค่า > อื่นๆ ครับ (เผื่อทำาแล้ว อยากลบ ...ซะงั้น)

...ชื่อ blog สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ดว้ ยนะครับ

มาที่ เมนู การตั้งค่า > พื้นฐาน


การเผยแพร่ ...มีประโยชน์กรณีที่เรา ไม่พอใจชื่อ blog ที่ใช้อยู่ ครับ เราก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนชื่อได้ครับ หรื อเราจะตั้งค่าชื่อ blog ของเรา ให้เปลี่ยนจาก ชื่อ.blogspot.com เป็ น ชื่อที่เราจดโดเมนมา.com ก็ได้ โดยดูตามขั้นตอนนี้ครับ http://blog.makemoney-school.com/?p=312

1 user สามารถเขียน blog ได้ 100 blog (ข้อมูลนานแล้วนะครับ แต่ล่าสุดก็น่าจะยังใช่อยู่ ถ้าเรายังสามารถคลิก เปิ ด บล็อกใหม่ได้เรื่ อยๆครับ)

คลิกที่ บล็อกของฉันก็จะมีรายชื่อบล็อกต่างๆ ที่เราสร้างไว้

...ถ้าเราจะสร้างเพิ่ม ก็คลิกที่ บล็อกใหม่ครับ user ของ blogger สามารถ สร้าง blog ได้ 100 blog ถ้าเราอยากสร้างมากกว่านั้น เราก็สมัคร blogger เพิ่มใหม่ อีก User ครับ

ประโยชน์ ของบล็อก Blog มีไว้เพื่อตอบสนองตัณหาของเจ้าของ blog ถึงแม้วา่ blog จะมีลกั ษณะหน้าตาคล้ายกัน แต่ blog แต่ละแห่ งจะมีบุคลิกเฉพาะตัว แตกต่างกันไปเหมือนบุคลิก บาง blog แค่เล่าเรื่ องชีวิตประจำาวัน บาง blog เกาะ ติดข่าว บาง blog คุยเรื่ องการเมืองหรื อปรัชญา จงนั้นอาจแบ่งประโยชน์ได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งอาจจะ แจกแจงได้ดงั นี้


1.เปิ ดตัวเองให้ โลกรู้ เรื่ องของ blog มักเป็ นเรื่ องราวของเจ้าของ blog เป็ นการเล่าประสบการณ์หรื อ ความคิดของเจ้าของ เป็ นการถ่ายทอดความคิดความรู ้สึกของเจ้าของ blog เป็ นการระบายความเคลียดอีกทาง หนึ่ง 2.ทันข่ าวทันเหตุการณ์ ประสบการณ์บางคนก็เป็ นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าวจาก blog หลายแห่ งเป็ น ข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรื ออุบตั ิเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรื อความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ 3. กลัน่ กรองข้อมูล blog บาง blog จะมีการกลัน่ กรองข้อมูลก่อนนำาลง blog ทำาให้ผอู ้ า่ น blog ไม่ตอ้ งเสี ย เวลาในการกลัน่ กรองข้อมูล เพราะมีการนำาเสนอข้อมูลหรื อมีไกด์ในการท่องเว็บ 4. รายงานการท่ องเว็บ เป็ นวัตถุประสงค์หลักที่เป็ นต้นกำาเนิดของการทำา blog หลาย blog มีการลิงก์ไป ยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้ อหาใน blog ซึ่งเป็ นการแนะนำาว่าเว็บไหนดีกไ็ ปที่เว็บนั้น 5. การแสดงความคิดเห็น ไม่วา่ จะเป็ นความในใจของเรื่ องต่างๆ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ หรื อการบ่นที่ ทุกคนมีอยูใ่ นใจ การทำา blog เป็ นช่องทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู ้ 6. ถ่ ายทอดประสบการณ์ หรื อไดอะรี่ ออนไลน์ เป็ นการถ่ายทอดเรื่ องราวในชีวิตประจำาวัน หรื อเป็ นการ เล่าเรื่ องการเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com 7. โน้ มน้ าวใจผู้อ่าน ลักษณะนี้เป็ นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณี แบบนี้ เป็ นการขายความคิด อย่าง blog สำาหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย - ฝ่ ายขวา,สายเหยีย่ ว - สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็ นการโพสต์โจมตี ฝ่ ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง

คลังประโยชน์ ของบล็อก คลังความรู้ มีความรู้มากมายให้คน้ หา ให้อ่านตามความสนใจ คลังมิตรภาพ เกิดการปฏิสมั พันธ์กนั ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์จนกลายเป็ นมิตรภาพดีๆ คลังแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ เกิดการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ แสดงความคิดเห็น และต่อยอดความรู ้ออกไป คลังแห่ งความสุข เป็ นที่ระบายความเครี ยด ช่วยผ่อนคลาย และเพิ่มความสุ ขในชีวิต


คลังข้อมูล ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำางานของสมาชิกที่สาำ คัญ ช่วยให้เจ้าของข้อมูลสามารถ ดึงดูดข้อมูลออกมาใช้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ ว คลังเพื่อการฝึ กฝน เป็ นแหล่งฝึ กฝนระบบการคิด ทักษะการเขียน และความสามารถด้านถ่ายทอดข้อมูล ความรู ้ต่างๆ และยังเป็ นแหล่งฝึ กทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์ เน็ตได้อย่างดีอีกด้วย คลัง KM ที่แห่งนี้เป็ นสถานที่ที่มีผเู้ ชียวชาญด้านการจัดการความรู ้ (KM) มากมาย อีกทั้งสามารถค้นหา ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการความรู้ (KM) ได้ง่ายเพียงแค่คลิก คลังประชาสัมพันธ์และกิจกรรมงานบุญ เป็ นแหล่งประชาสัมพันธ์กิจกรรมดีๆ เพื่อสร้างสรรค์สงั คม มากมาย คลังแห่ งองค์กรต่างๆ บางองค์กรเลือกเว็บไซต์ GOtoKnow.org เป็ นเครื่ องมือเพื่อติดต่อสื่ อสารระหว่างกัน คลังเพื่อนช่วยเพื่อน เมื่อมีการติดต่อสื่ อสารกันทั้งทางออนไลน์ จนเกิดความไว้เนื้ อเชื่อใจกัน พบว่าเกิด กระบวนการเพื่อนช่วยเพื่อน ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ช่วยสอนวิธีการใช้งานบล็อก คลังความรู้ฝังลึก อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ที่มี่เป็ นคลังความรู ้ มีสารประโยชน์ต่างๆ มากมายให้เลือกอ่าน และที่สาำ คัญความรู้ส่วนใหญ่น้ นั เป็ นความรู้สึกฝังลึกที่ซ่อนอยู่ ในตัวคนทุกคนนัน่ เอง ที่นี่จึงกลายเป๋ นคลัง ความรู ้ฝังลึกที่ใหญ่มาก และถ้าหากสามารถสกัดความรู ้ฝังลึกเหล่านี้ ให้กลายเป็ นความรู ้ชดั แจ้งได้ ที่มี่กลาย เป็ นคลังแก่นความรู้ได้ต่อไป ทั้ง 11 ข้อ เป็ นปะโยชน์ที่เกิดจากการสกัดข้อมูลออกมาจากบันทึกจำานวนมาก และแน่นอนว่าประโยชน์ ของบล็อกไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีอีกมากมายหลากหลายข้อ ขึ้นอยูก่ บั ผูใ้ ช้วา่ สามารถนำาบล็อกไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใดนัน่ เอง

Weblog กับการเรียนการสอน เราจะใช้ Blog เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยนได้อย่างไร จากที่เราได้ทราบแล้วว่า blog คืออะไร ควรเขียนอย่างไร และมีการใช้งานด้านใดได้บา้ งนั้ ในด้านการ จัดการเรี ยนรู ้ที่Blog นั้นให้ประโยชน์มากมาย โดย Blog จะเป็ นสิ่ งครู สร้างแหล่งความรู ้ให้เด็กเข้ามาค้นคว้า


ได้มีการแสดงความเห็น สามารถกระตุน้ ให้การจัดการเรี ยนรู ้ ของครู ผสู ้ อนมีเทคนิคการสอนที่แปลก และ เป็ นการนำาเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด โดยสามารถจัดการเรี ยนการสอนได้ต้ งั แต่ระดับปฐมวัยขึ้น ไป อาจจะยกตัวอย่างประโยชน์ของการใช้ Blog ต่อการจัดการเรี ยนรู ้ได้ดงั นี้ นักเรี ยนสามารถใช้อินเทอร์ เน็ต ในสิ่ งที่เป็ นประโยชน์ ใช้ในทางที่เหมาะสมครู ผสู ้ อนและนักเรี ยน ได้รู้จกั กับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถนำา มาใช้ในการจัดการเรี ยนการสอนได้นกั เรี ยนได้รู้จกั การค้นคว้าข้อมูล จากแหล่งค้นคว้าข้อมูลอื่นๆ แล้วนำามา คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ เป็ นประโยคใหม่ๆ ก่อนที่จะส่ งงานกับผูส้ อน เพราะงานที่ส่งต้องเป็ นงานที่มีอา้ งอิงที่ น่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้ในกรณีที่เป็ นการส่ งรายงานทาง Blog แทนรู ปเล่มรายงาน ทำาให้ประหยัด ค่าใช้จ่ายในการจัดทำารู ปเล่มรายงานไม่ตอ้ งใช้กระดาษ ลดการใช้ทรัพยากร สามารถใช้เป็ นแหล่งการค้นคว้า ใหม่ๆสำาหรับผูอ้ ื่น สำาหรับนักเรี ยนสามารถใช้เป็ นกระดานที่มีการแลกเปลี่ยนความรู ้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่ องเรี ยนซึ่งกันและกันทั้งโรงเรี ยนเดียวกันและต่างโรงเรี ยน รวมทั้งใช้เป็ นแหล่งรวมการบ้านและการทำา รายงานได้ ครู ผสู ้ อนที่จะใช้บล็อกเพื่อประกอบการจัดการเรี ยนการสอนนั้น ควรเลือกใช้ในบางกรณี เพื่อทำาให้การ จัดการเรี ยนการสอนนั้นเป็ นไปอย่างมีประสิ ทธิ ภาพต่อนักเรี ยนให้มากที่สุด และควรใช้ให้เหมาะสมกับการ เรี ยนในแต่ละระดับด้วย

มิติใหม่ แห่ งการศึกษาไร้ พรมแดน .....Asynchronous Learning คือ รู ปแบบการเรี ยนการสอนที่ผสู ้ อน และผูเ้ รี ยนไม่จาำ เป็ นต้องพบกันตามเวลาใน ตาราง ที่กาำ หนดไว้ (Synchronous Learning) แต่ผสู ้ อนและผูเ้ รี ยนสามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา โดยใช้ เครื่ องมือสื่ อ สารต่าง ๆ ซึ่งเป็ นการเรี ยนรู้ที่ไม่มีขอ้ จำากัดในเรื่ องของเวลา และสถานที่ ผูเ้ รี ยนสามารถเรี ยน ที่ไหน เวลาใดก็ได้ (Anywhere Anytime) เป็ นการเรี ยนที่อาศัยวิธีการ หรื อเครื่ องมือต่าง ๆ ที่ทาำ ให้ผเู ้ รี ยน สามารถเรี ยนรู้ในลักษณะที่ปฏิสมั พันธ์ และมีส่วนร่ วมช่วยเหลือกันระหว่าง ผูเ้ รี ยน โดยใช้แหล่ง ข้อมูลความ รู ้ต่าง ๆ ทั้งใกล้และไกล ผูเ้ รี ยนสามารถศึกษาค้นคว้า หรื อเข้าถึงข้อมูลความรู ้เหล่านั้น จากที่ไหน และเวลาใด ก็ได้ ตามความต้องการและความสะดวกของผูเ้ รี ยนเอง ซึ่ง Asynchronous Learning เป็ นการใช้การสื่ อสาร ระยะไกล (Telecommunication) เพื่อช่วยให้การเรี ยนรู ้มีลกั ษณะใกล้เคียงกับการเรี ยนในระบบห้องเรี ยนหรื อ การเรี ยนการสอนที่ผสู้ อนกับผูเ้ รี ยนได้พบหน้ากัน (Face - to - Face Instruction)


.....แนวคิดเกี่ยวกับ Asynchronous Learning คือการนำาความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การสื่ อ สาร และความ สามารถของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้แก่ ระบบโทรทัศน์ ระบบเครื อข่าย คอมพิวเตอร์ รวมทั้ง โปรแกรมสำาเร็ จรู ป (Software) ต่าง ๆ มาใช้ให้เป็ นประโยชน์ เพื่อการศึกษา ทำา ให้สามารถขจัดข้อจำากัดของ การเรี ยนการสอนในลักษณะที่ผสู้ อนและผูเ้ รี ยนต้องมีเวลาตรงกัน ใน ลักษณะตารางสอน (Synchronous Learning) มีสถานที่ตรงกัน อาจจะเป็ นห้องเรี ยน หรื อสถานที่ ใดที่หนึ่งจึงจะมีกิจกรรมการเรี ยนการสอน ที่ ทำาให้ผเู ้ รี ยนมีปฏิสมั พันธ์กบั ผูส้ อนในลักษณะ Face - to - Face แต่ถา้ หากใช้เทคโนโลยีและเครื่ องมือสื่ อสาร ต่าง ๆ จะช่วยสนับสนุนการเรี ยนรู้ การเรี ยนรู ้ในลักษณะดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน โดยที่ ผูเ้ รี ยน และผูส้ อนไม่จาำ เป็ นต้อง มีเวลาและสถานที่ตรงกัน นัน่ คือ ผูเ้ รี ยนสามารถเรี ยนจากที่ไหนและเวลาใดก็ได้ ตามความต้องการ ของผูเ้ รี ยนเอง โดยผ่านสื่ อต่าง ๆ เช่น Multimedia Computer, Telephone และ Computer Linking Infrastructure, The Internet และ World Wide Web, E - Mail, Conference System และอื่น ๆ เช่น Audio - Video องค์ประกอบของการจัดการศึกษาแบบอะซิงโครนัส Asynchronous Learning มีองค์ประกอบ ดังนี้ .....1. แหล่งข้อมูลระยะไกล (Remote Resource) ที่ตอ้ งใช้เครื่ องมือ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการ เชื่อมต่อกับ ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น - E - Mail - Web Board, White Board, Bulletin Board - Web Phonelink - Chat .. - Talk online - Video Conference - FTP - Course Homepage - Course Syllabus - Lecture Note - Tutorials - Homework Assignments


- Slides - Multimedia Coureware - Interactive Multimedia Coureware - Hypermedia Coureware - Visual Library ....2. การเรี ยนรู้อย่างมีปฏิสมั พันธ์ (Interactive Learning) โดยมีลกั ษณะสำาคัญ ดังนี้ .......2.1 ผูเ้ รี ยนจะเป็ นผูค้ วบคุมสิ่ งที่จะเกิดขึ้นในการเรี ยนการสอนตามความต้องการของตนเอง 2.2 เป็ นการ เรี ยนในลักษณะของการสื่ อสารสองทาง (Two - Way Communication) ทั้ง ระหว่างผูเ้ รี ยนกับผูเ้ รี ยนด้วยกัน และระหว่างผูเ้ รี ยนกับผูส้ อน .....3. การเรี ยนแบบร่ วมมือกัน (Collabrative Learning) เป็ นการเรี ยนแบบช่วยเหลือกัน ซึ่งการเรี ยน แบบนี้คือ นักเรี ยนร่ วมกันทำางานในกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อบรรลุเป้ าหมายหลักร่ วมกัน .....4. การเรี ยนการสอน ที่ไม่จาำ เป็ นต้องเรี ยนตามตารางสอน (Teaching and Learning in Asynchronous Learning) เป็ นการเรี ยนการสอนแบบ Asynchronous ซึ่งผูส้ อน และผูเ้ รี ยนมี บทบาท ดังนี้ ........4.1 บทบาทของผูส้ อน ผูส้ อนจะเป็ นผูช้ ้ ีแนะแนวทาง เป็ นโค้ช และผูอ้ าำ นวยความสะดวกในการ เรี ยนการ สอน โดยถือว่าผูส้ อนเป็ นสมาชิกคนหนึ่งในการเรี ยนการสอนด้วย ........4.2 บทบาทของผูเ้ รี ยน ต้องค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเองในการเรี ยนแบบช่วยเหลือกัน และต้องมี ปฏิสมั พันธ์กนั ผูเ้ รี ยนจะต้องเรี ยนรู้อย่างกระฉับกระเฉง ไม่ใช่ให้ครู เป็ นผูน้ าำ ความรู ้มาให้เพียงฝ่ าย เดียว และ ต้องมีการเรี ยนรู้แบบผูเ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลาง .....5. เทคนิคการเรี ยนแบบ Asynchronous (Asynchronous Techniques) ประกอบด้วยสิ่ งต่างๆ ดังนี้ ........- Web .......- Based Instruction .......- Web .......- Based Interactive Learning Environment .......- WWW .......- Based Education .......- Interactive Education Aids .......- World Lecture Hall


.......- World .......- Based Multimedia .....6. การใช้ Web Based Course คือการที่ผสู้ อนให้รายละเอียดทั้งด้านเนื้อหา แหล่งค้นคว้า แบบฝึ กหัด ฯลฯ โดยการนำารายละเอียดดังกล่าวใส่ไว้ในเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผเู ้ รี ยนสามารถ เรี ยกใช้ได้ตลอดเวลา สิ่ ง ที่สนับสนุนให้เกิดลักษณะการเรี ยนการสอนแบบ Asynchronous มีดงั นี้ ........6.1 การเรี ยนการสอนแบบผูเ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลาง (Student Center) ........6.2 การเรี ยนรู้แบบช่วยเหลือกัน (Collaborative Learning) ........6.3 มีการเสริ มเนื้ อหา (Content Reinforcement) ........6.4 ง่ายในการรับข้อมูลจากสื่ อต่าง ๆ ทัว่ โลก ........6.5 รับข้อมูลได้รวดเร็ ว ทันเวลา และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ........6.6 การเรี ยนการสอนแบบปฏิสมั พันธ์ (Interactive Learning) ........6.7 การให้ความรู้ผา่ นสื่ อหลากหลาย (Multimedia) ....ลักษณะการเรี ยนการสอนแบบ Asynchronous Learning ที่กล่าวมาข้างต้น มีการนำา เทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่ อสาร ทั้งนี้เพื่อนำามาใช้สนับสนุนการเรี ยนการสอน ให้มีประสิ ทธิภาพ และเพื่อให้ผเู้ รี ยนสามารถเลือกสถานที่ เวลา และ สื่ อการเรี ยนได้ตามความต้องการ

สรุป "บล็อก (Blog) หรื อ เว็บบล็อก (Weblog) เป็ นเว็บไซต์สาำ หรับเขียนบันทึกเล่าเรื่ องราวประจำาวันเพื่อ สื่ อสารความรู้สึกนึกคิดมุมมอง ประสบการณ์ ความรู ้ และข่าวสาร ในเรื่ องที่ผเู ้ ขียนท่านหนึ่งๆ (Blogger) สนใจโดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ ทาำ ให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ ด และเนื่องจากความจริ งใจและอิสระทาง ความคิดที่สื่อสารออกไป ซึ่งส่วนใหญ่อยูใ่ นลักษณะของบุคคลที่หนึ่ง เป็ นการบ่งบอกถึงความเป็ นตัวตนของ ผูเ้ ขียนได้เป็ นอย่างดีทีเดียว จึงทำาให้บล็อกเป็ นสื่ อที่นิยมมากขึ้นเรื่ องๆ ในนานาประเทศ" Blog มีไว้เพื่อตอบสนองตัณหาของเจ้าของ blog ถึงแม้วา่ blog จะมีลกั ษณะหน้าตาคล้ายกัน แต่ blog แต่ละแห่ งจะมีบุคลิกเฉพาะตัว แตกต่างกันไปเหมือนบุคลิก บาง blog แค่เล่าเรื่ องชีวิตประจำาวัน บาง blog เกาะ


ติดข่าว บาง blog คุยเรื่ องการเมืองหรื อปรัชญา จงนั้นอาจแบ่งประโยชน์ได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งอาจจะ แจกแจงได้ดงั นี้ 1.เปิ ดตัวเองให้ โลกรู้ เรื่ องของ blog มักเป็ นเรื่ องราวของเจ้าของ blog เป็ นการเล่าประสบการณ์หรื อ ความคิดของเจ้าของ เป็ นการถ่ายทอดความคิดความรู ้สึกของเจ้าของ blog เป็ นการระบายความเคลียดอีกทาง หนึ่ง 2.ทันข่ าวทันเหตุการณ์ ประสบการณ์บางคนก็เป็ นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าวจาก blog หลายแห่ งเป็ น ข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรื ออุบตั ิเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรื อความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ 3. กลัน่ กรองข้อมูล blog บาง blog จะมีการกลัน่ กรองข้อมูลก่อนนำาลง blog ทำาให้ผอู ้ า่ น blog ไม่ตอ้ งเสี ย เวลาในการกลัน่ กรองข้อมูล เพราะมีการนำาเสนอข้อมูลหรื อมีไกด์ในการท่องเว็บ 4. รายงานการท่ องเว็บ เป็ นวัตถุประสงค์หลักที่เป็ นต้นกำาเนิดของการทำา blog หลาย blog มีการลิงก์ไป ยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้ อหาใน blog ซึ่งเป็ นการแนะนำาว่าเว็บไหนดีกไ็ ปที่เว็บนั้น 5. การแสดงความคิดเห็น ไม่วา่ จะเป็ นความในใจของเรื่ องต่างๆ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ หรื อการบ่นที่ ทุกคนมีอยูใ่ นใจ การทำา blog เป็ นช่องทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู ้ 6. ถ่ ายทอดประสบการณ์ หรื อไดอะรี่ ออนไลน์ เป็ นการถ่ายทอดเรื่ องราวในชีวิตประจำาวัน หรื อเป็ นการ เล่าเรื่ องการเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com 7. โน้ มน้ าวใจผู้อ่าน ลักษณะนี้เป็ นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณี แบบนี้ เป็ นการขายความคิด อย่าง blog สำาหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย - ฝ่ ายขวา,สายเหยีย่ ว - สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็ นการโพสต์โจมตี ฝ่ ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง


บรรณานุกรม

ที่มา : http://blog.eduzones.com/help/178 http://chatchanee94.blogspot.com/ http://www.learners.in.th/blogs/posts/325903 http://www.makemoney-school.com/how_blogger_signup.html


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.