An artistic movement originating in Italy
wikipedia.org/wiki/Futurism
Futurism was an art movement that originated in Italy in the early 20th
originality, “however daring, however violent”, bore proudly “the smear of
century. It was largely an Italian phenomenon, though there were parallel
madness”, dismissed art critics as useless, rebelled against harmony and
movements in Russia, England and elsewhere.
good taste, swept away all the mes and subjects of all previous art, and
The Italian writer Filippo Tommaso Marinetti was its founder and most
gloscience. Their manifesto did not contain a positive artistic programme,e
influential personality. He launched the movement in his Futurist Manifesto,
subsequent Technical Manifesto of Futurist Painting. The Technical Manifesto
which he published for the first time on 5th February 1909 in La gazzetta
committed them to a “universal dynamism”, which was to be directly
dell’Emilia, an article then reproduced in the French daily newspaper Le Figaro
represented in painting. Objects in reality were not separate from one
on 20 February 1909. In it Marinetti expressed a passionate loathing of
another or from their surroundings: “The sixteen people around you in a
everything old, especially political and artistic tradition. “We want no part of
rolling motor bus are in turn and at the same time one, ten four three; they
it, the past”, he wrote, “we the young and strong Futurists!” The Futurists
are motionless and they change places. ... The motor bus rushes into the
contemporary life,
admired speed, technology, youth and violence, the car, the airplane and the
houses which it passes, and in their turn the houses throw themselves upon
industrial city, all that represented the technological triumph of humanity over
the motor bus and are blended with it.”
especially as embodied
nature, and they were passionate nationalists.
around 1909 whose aim was to express the energetic, dynamic, and violent quality of
in the motion and force
UNESCO-FOFA
of modern machinery.
The Futurist painters were slow to develop a distinctive style and subject
The Futurists practiced in every medium of art, including painting,
matter. In 1910 and 1911 they used the techniques of Divisionism, breaking
sculpture, ceramics, graphic design, industrial design, interior design, theatre,
light and color down into a field of stippled dots and stripes, which had been
film, fashion, textiles, literature, music, architecture and even gastronomy.
originally created by Giovanni Segantini and others. Later, Severini, who
Futurist painting and sculpture in Italy 1910-1914
lived in Paris, attributed their backwardness in style and method at this time
The Futurists repudiated the cult of the past and all imitation, praised
to their distance from Paris, the centre of avant garde art. (Continuous page 10)
จากพิพิธภัณฑสูพิพิธภัณฑ
ตอจากหนา 1
- สวนหัวเสาตนที่สามเปนรูปชายชรากำลังศึกษากระโหลกศีรษะของมนุษย -ส ว นหั ว เสาต น สุ ด ท า ยเป น รู ป ชายชรากำลั ง อุ ม เด็ ก ในวงแขนในขณะที่ มื อ อี ก ขางหนึ่งถือหนังสือ ซึ่งเขาใจไดวากำลังใหการศึกษา นั่นคือประวัติศาสตรการศึกษาของมนุษยชาติอยางพรอมมูล เริ่มตนดวยการศึกษา จากของจริงและศึกษาอยางลึกซึ้ง ซับซอนขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ยงั มีการสืบทอดความ รูจากคนรุนหนึ่งสูคนอีกรุนหนึ่งอยางเปนระบบ พิพธภัณฑแหงนี้ไดใหแรงบันดาลใจแกผม อยางมาก พิพิธภัณฑจึงมิใชเพียงตูโชวที่บรรจุของเกาเอาไวมิใหหลงลืมเทานั้น ที่สำคัญ ยิ่งคือพิพิธภัณฑคือสถาบันที่สงตอความรูของมนุษยชาติจากคนรุนหนึ่งสูคนอีกรุนหนึ่ง อยางไมรูจบ พิพิธภัณฑจึงเปรียบเสมือนแคปซูล เวลาที่บรรจุเอาความรูและสติปญญา
อันสุดยอดของมนุษยเอาไวโดยผานการเลาเรื่องดวยการคัดกรอง (แมจะจากคนที่ มีอำนาจบางกลุมก็ตาม) ดวยเหตุนี้ จึงมีเหตุผลและ ความสำคัญเพียงพอที่เราทั้งหลาย จะไมประหลาดใจเลยวา ทำไมองคกร UNESCO, คณะวิจติ รศิลป, และวัดปงสนุก, ตลอดรวมถึงมหาวิทยาลัยเชียงใหมและผูม สี ว นเกีย่ วของ ของจังหวัดลำปางจึงมารวมตัวกันอยู ณ ทีน่ ้ี เพือ่ ใหการสนับสนุนโครงการ Museum to Museum กลาวไดวา พิพิธภัณฑที่จะจัดตั้งขึ้นในเขตพุทธสถานนั้น นับวามีความสำคัญยิ่งกวา พิพิธภัณฑในสวนอื่นหรือสถาบันอื่นของสังคม ทั้งนี้เพราะพิพิธภัณฑที่จะดำเนินการใน เขตพุทธาวาสหรือสังฆาวาสนั้นจะบรรจุเอาประวัติศาสตรความรูในรูปของปญญาที่มี องคสามเอาไวอยางพรอมมูล กลาวคือ พิพิธภัณฑภายในวัดจะเปนแหลงสะสมของ สุตะมยปญญา (ปญญาทีไ่ ดจากการฟง การอาน และการเห็น) เปนแหลงของจินตมยปญญา (ปญญาที่เกิดจากการไดคิดใครครวญ ไตรตรองและจินตนาการ) (อานตอหนา 9)
หนังสือพิมพขาวหอศิลป/ขาววิจิตรศิลป ผลิตโดย สำนักงานคณะวิจิตรศิลป มหาวิทยาลัยเชียงใหม : ถนนหวยแกว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม 50200 โทรศัพท 053-211724 และ 053-944805 Email Address: info@finearts.cmu.ac.th (ขอมูล เนื้อหาบทความทุกชนิด ที่ตีพิมพบนหนังสือพิมพฉบับนี้ เปนความรับผิดชอบของผูเขียน รวมกับกองบรรณาธิการ) หนังสือพิมพขาวหอศิลป / ขาววิจิตรศิลป ฉบับที่ 6 / 2552 นี้ ผลิตขึ้นมาเพื่อเผยแพรความรูทางศิลปะใหกับนักเรียน นักศึกษา นักวิชาการศิลปะ และประชาชนที่สนใจโดยทั่วไป สนใจขอรับเปนสมาชิกกรุณาสนับสนุนการจัดพิมพ ปละ 500 บาท โดยติดตอที่ คุณจิตตอารีย กนกนิรันดร และ คุณไชยณรงค วัฒนวรากุล โทร. 053-944801-13 ติดตอกองบรรณาธิการหนังสือพิมพขาวหอศิลป / ขาววิจิตรศิลป email address: info@finearts.cmu.ac.th หรือ โทรศัพทสายดวน 053-211724
Chiang Mai University
6 ฉบับที่หก
1909 UNESCO-FOFA
Italian writer Filippo Tommaso Marinetti was its founder and most influential personality
ลั ท ธิ ศิ ล ปะแห ง การทำลาย (Futurism100) Futurism เป น ขบวนการเคลื่ อ นไหว ทางด า นศิ ล ปะลั ท ธิ ห นึ่ ง ปกติ แล ว ในวงการศิ ล ปะจะไม แ ปล คำนี้ เ ป น ภาษาไทย คงใช ใ น รู ป ทั บ ศั พ ท ว า “ฟ ว เจอร ริ ส ม ” โดยขบวนการเคลื่ อ นไหวนี้ ถือกำเนิด ขึ้นครั้งแรกในอิตาลี ราวชวงตนคริสตศตวรรษที่ 20 ส ว นมากเป น ปรากฏการณ ที่ เกิดขึ้นกับกลุมศิลปนอิตาเลียน แมวาจะมีขบวนการทางศิลปะ ในลั ก ษณะเดี ย วกั น เกิ ด ขึ้ น ใน รัสเซีย อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ก็ตาม นั ก เขี ย นอิ ต าเลี ย นนาม Filippo Tommaso Marinetti ถื อ เป น ผู ก อ ตั้ ง และ เป น ผู มี อิทธิพลตอลัทธิฟวเจอรริสมโดย เริ่มตนขบวนการดวยแถลงการณ Futurist Manifesto ซึ่งไดรับ การตี พิ ม พ ค รั้ ง แรกในวั น ที่ 5 กุ ม ภาพั น ธ 1909 (นั บ ถึ ง พ.ศ.นี้ 2009 ก็ครบ 100 ป พอดี) ใน La gazzetta dell’ Emilia, เป น บทความชิ้ น หนึ่ ง ที่ ต อ มา ไดรับการเผยแพรซ้ำใน หนังสือ พิมพฝรั่งเศส Le Figaro วันที่ 20 กุมภาพันธ 1909. (อานตอหนา 4)
ฉบับที่หก
http://www.finearts.cmu.ac.th
Futurism: the early 20 century
100 ป ล ั ท ธิ ฟ ว เจอร ร ิ ส ม :
6
ART MAGAZINE
th
Faculty of Fine Arts
หนั ง สื อ พิ ม พ ข า วหอศิ ล ป / ข า ววิ จ ิ ต รศิ ล ป ผลิ ต โดยคณะวิ จ ิ ต รศิ ล ป มหาวิ ท ยาลั ย เชี ย งใหม 50200
MAGAZINE
หนังสือพิมพขา วหอศิลป / ขาววิจติ รศิลป ฉบับที่ 6: กรกฎาคม 2552
Futurism
FINE ARTS Futurism 100 1909 - 2009
คำอธิบายภาพประกอบ: ประวัติศาสตรศิลปะในยุโรปสมัยใหม เมื่อรอยปที่แลว ไดมีกลุมศิลปนฟวเจอรริสทที่นิยมในพัฒนาการทางดานเครื่องจักร อันเปนที่มา ของความเร็ว ความเปนหนุม เมืองอุตสาหกรรม และพัฒนาการที่กาวกระโดดทางดานวิทยาศาสตร ศิลปนกลุมนี้มีแนวคิดชาตินิยม และให การสนับสนุน ลัทธิฟาสซิสมของ มุสโสลินี พวกเขาตองการใหลัทธิฟวเจอรริสมเปนเสมือนศิลปกรรมประจำชาติอิตาลี แตไมไดรับการตอบสนอง ของผูนำรัฐสมัยนั้น ลัทธิฟวเจอรริสมในเวลาตอมาไดสงอิทธิพลมาสูศิลปวัฒนธรรมหลายหลากและศิลปนรุนหนุมตางขานรับแนวคิดนี้มาพัฒนาในวงการศิลปะของตน ไมเวนแมกระทั่งวรรณกรรม ดนตรี สถาปตยกรรม และยังใหอิทธิพล ในดานตางๆ ตอพัฒนาการศิลปะกลุมตางๆ ในคริสตศตวรรษที่ ๒๐
จากพิพิธภัณฑสูพิพิธภัณฑ ทำไมโครงการความรวมมือระหวาง UNESCO, คณะวิจิตรศิลป มช., และวัดปงสนุก (จ.ลำปาง) ในหัวขอ Museum to Museum Partnership Project: Pilot Training in Collections Management จึงมีความสำคัญสำหรับ 3 องคกรที่กลาวมา. ผมอยากจะเริ่มตนวา เหตุใด ชิมแปนซีและวาฬจึงไมมีอารยธรรมเชนเดียวกับมนุษย เพราะสัตวอยางแรกไมมีภาษาเขียน สวนสัตวอยางที่สองไมมีภาษาเขียนและหัวนิ้วโปง ชิมแปนซีและวาฬจึงไมมีอารยธรรมและ ประวัติศาสตรเหมือนกับมนุษย พวกมันเพียงถายทอดความรูไดเพียง ๓ ชั่วรุนเทานั้น การมี ภ าษาเขี ย นและหั ว นิ้ ว โป ง ทำให ม นุ ษ ย ส ร า งตั ว หนั ง สื อ และสิ่ ง ประดิ ษ ฐ รวมไปถึงภาพวาด และเทคโนโลยีตางๆ ไดอยางพิสดาร สิ่งเหลานี้เพิ่มโอกาสใหกับมนุษยบาง กลุมไปทำกิจกรรมอยางอื่นที่นอกเหนือไปจากการกิน นอน ถายและสืบพันธุ และมนุษย
ยังมีพัฒนาการทางดานการจัดการและการสั่งสมสวนเกินไดมากพอด ว ย อาจกลาวไดวา เรื่องราวเหลานี้เริ่มตนดวยยุคเกษตรกรรม มนุษยเริ่มตั้งถิ่นที่อยูอาศัยถาวรขึ้น ทำใหเกิดพัฒนา การเกี่ยวกับการผลิตทางดานวัตถุ โครงสราง และปจจัยอื่นๆ รวมทั้งการจัดการเชิงสถาบันที่ เอื้อตอการถายทอดความรูของมนุษยจากคนรุนแลวรุนเลา โดยเฉพาะปจจัยอยางหลังนี้ ทำให มนุษยมีแหลงที่เก็บกักและถายทอดภาษาและเรื่องราวอดีตของตนไวไดมาก กลาวคือเรามี สถาบันตางๆ ทีท่ ำหนาทีข่ า งตน อยางเชน พิพธิ ภัณฑ สถาบันการศึกษา และสถาบันสือ่ เปนตน ตอนที่ผมอยูอเมริกาชวงสั้นๆ ไดมีโอกาสเขาไปชม The Field Museum ที่ชิคาโก มีความรู หลายสิ่งหลายอยางที่ผมจำได แตที่จดจำไดอยางแมนยำที่สุดคือ เสา ๔ ตนในโถงกลางของ พิพิธภัณฑแหงนี้ - หัวเสาตนแรกเปนรูปของชายชรากำลังถือกอนหินและศึกษามันอยางจริงจัง - หัวเสาตนที่สองเปนรูปชายคนเดียวกันกำลังศึกษาพืชพันธุไมตางๆ (อานตอหนา 16)
คณะผูจัดทำ : วารสารขาวหอศิลป / ขาววิจิตรศิลป
บรรณาธิการบริหาร: รศ. สมเกียรติ ตั้งนโม. กองบรรณาธิการ: รศ. วรลัญจก บุณยสุรัตน, รศ. รสลิน กาสต, ดร. จิตรลดา บุรพรัตน, นภดล สุคำวัง, ไชยันตร โคมแกว, จันทรวิมล แกวแสนสาย. ฝายประสานงาน: วีระพันธ จันทรหอม, สุวิทย คิดการงาน. ฝายการจัดการความรู: วีระพันธ จันทรหอม. ฝายศิลป: กรกฎ ใจรักษ. ถายภาพ: อภิญญา กาวิล, ธรณิศ กีรติปาล. พิสูจนอักษร: นภดล สุคำวัง. ฝายเผยแพร: จิตตอารีย กนกนิรันดร, ไชยณรงค วัฒนวรากุล และ พนักงานสายสนับสนุนสำนักงานคณะวิจิตรศิลป มช. หนังสือพิมพขาวหอศิลป จัดทำขึ้นเพื่อเปนสื่อกลางระหวางกิจกรรมดานการศึกษาศิลปะ การวิจัย การบริการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ของคณะวิจิตรศิลป กับบุคคลและสถาบันภายนอกที่สนใจเรื่องคุณคาทางศิลปะและสุนทรียภาพ. ขาวและเนื้อหาขอมูล บทความทุกชนิดที่ปรากฏบนหนังสือพิมพนี้ ยินยอมสละลิขสิทธิ์ใหกับ สังคมไทย เพื่อประโยชนทางวิชาการ (สำหรับผูสนใจสนับสนุนการจัดพิมพ สามารถติดตอไดที่โทรศัพทหมายเลข 053-944801 - 11)