ความลับของชีวิต ฉบับธุรกิจเครือข่าย

ความลับของชีวิต ที่ทาให้ทุกคนประสบความสาเร็จ

ภัคพงศ์ ตาตะนันทน์

Fanpage facebook : ความลับ..ของชีวิต

“เราเปิดโอกาสให้คนที่ทาธุรกิจไม่เป็น มีรายได้แบบเดียวกับเจ้าของธุรกิจ” ดรีมทีม

3

ผู้เขียน ภัคพงศ์ ตาตะนันทน์ jtatanan@hotmail.com Facebook / www.facebook.com/joey007 Fanpage / ความลับของชีวิต โทรศัพท์ 081-555-4675

1 พึงพอใจกับชีวิตแล้วหรือยัง? ธุรกิจเครือข่าย...เหมือนกับแดนสนธยา ลึกลับ มีเสน่ห์ น่าค้นหา...เรารู้ดีว่า คนที่ ทาธุรกิจเครือข่ายหรือที่รู้จักอีกชื่อว่า MLM จนสาเร็จ จะกลายเป็นคนร่ารวยอย่าง เหลือเชื่อ ทาไมเราจึงเชื่อเช่นนั้น? ในธุรกิจเครือข่าย ผมได้เห็นคนที่ประสบความสาเร็จมากมาย ในจานวน นัน้ หลายคนไม่น่าเชื่อว่าจะประสบความสาเร็จ เพราะเรามีภาพของคนที่ประสบ ความสาเร็จไว้ในจินตนาการว่า ต้องการศึกษาสูง เรียนดี พูดเก่ง หรือในอาชีพ ธุรกิจเครือข่าย ถ้าสวย หล่อ ก็คงจะได้เปรียบ แล้วความสาเร็จเกิดขึ้นได้อย่างไร? หรือมันคือปาฏิหาริย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการโปรแกรมจิตใต้สานึกกล่าวว่า ความสาเร็จที่เกิดขึ้นราว กับปาฏิหาริย์นน้ั แท้จริงแล้ว..เราเป็นผู้กาหนดเอง ไม่ว่าความสาเร็จหรือล้มเหลว มันเริ่มต้นจากความคิดเล็กๆในเรื่องที่เราปรารถนา คิดเรื่องเดิมซ้าๆจนกลายเป็น ความเชื่อ และสร้างความสาเร็จขึ้นมาจริง

5

คนที่ รู้ วิ ธี ค วบคุ ม ความคิ ด และสร้ า งเฉพาะความคิ ด บวก ก็ จ ะประสบ ความสาเร็จตามที่ต้องการ และสิ่งนี้ ถ้ารู้และฝึกฝน ความสาเร็จก็ เกิดขึ้นกับทุก คนได้ ผมลองนึ ก ทบทวน และน าตั ว อย่ า งคนในธุ ร กิ จ เครื อ ข่ า ยที่ ป ระสบ ความสาเร็จมาพิจารณา พบว่า...ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจนี้ คนเหล่านั้นกาลังรู้สึกทุกข์ อย่างแสนสาหัส พีค่ นหนึง่ ทีผ่ มรู้จัก เธอชื่อพี่หนู สามีที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เสียชีวิตฉับพลัน ทิ้งลูกสามคนต้องเลี้ยงดู ตัวเองไม่เคยทางานอะไรเลย ความรู้ เพียงแค่ ป.4 เท่านั้น เธอยังประสบความสาเร็จในธุรกิจนี้ เทียบเท่ากับคนที่จบ ปริญญาด้านบริหารธุรกิจจากเมืองนอก ครูอาจารย์ที่ผมนับถือกล่าวว่า เครื่องมือออกจากทุกข์ที่ดีที่สุด ก็คือ ทุกข์ .. หมายความว่า ใครก็ตามที่ รู้สึก ทุกข์จนทนไม่ได้ เขาจะหาทางดิ้นรนออกจาก ความทุกข์ให้เร็วที่สุด ด้วยวิธีการใดก็ได้ แม้แต่ความกลัวก็ทาอะไรเขาไม่ได้ เรารู้ดีถึงความหมายของคาว่า จนตรอก และชีวิตจริงใครของหลายคน เมื่อ จนตรอกแล้วหันกลับมาสู้ เพราะไม่มีทางหนีอีกแล้ว กลายเป็นว่า กลับเอาชนะ ความกลัวและต่อสู้กับอุปสรรคจนสาเร็จ พี่หนูก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่สามีจะเสียชีวิต เจ้านายของสามีชวนให้มาร่วม ทาธุรกิจด้วยหลายต่อหลายครั้ง เธอปฏิเสธทุกครั้งเช่นกัน เพราะพิพากษาตัวเอง ว่า ความรู้น้อย ไม่สวย ขายไม่เป็น และไม่มีเวลา เป็นความกลัวที่สมองสร้า ง ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เราทาในสิ่งที่สมองไม่รู้จักมาก่อน พอสามีเสียชีวิต จากความรู้สึกเฉยๆ ไม่สาคัญ มันกระโดดกลายเป็นเรื่อง จาเป็นที่ต้องทาธุรกิจนี้เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกชายทั้งสามคน

เมื่อนาความรู้สึกกลัวที่จะทาธุรกิจเครือข่าย มาเปรียบเทียบกับลูกที่กาลัง จะไม่มีเงินเรียนหนังสือจนจบปริญญาอย่างที่เธอตั้งความหวังและให้ความสาคัญ เรื่องการศึกษาลูกมากที่สุด...ความกระดาก เขินอาย ก็หายไปทันที เกิดเป็นพลัง มุ่งมั่นที่ต้องทาให้สาเร็จจนได้ บุคคลสาคัญในอดีต ก็รู้วิธีเอาชนะความกลัวและเปลี่ยนให้เป็นพลังต่อสู้ เพื่อชัยชนะ หลังพ่ายแพ้หลายครั้ง ในการรบครั้งสุดท้าย พระเจ้าตากสินสั่งทหารทุบ หม้อข้าวเพื่อเข้าตีเมืองจันท์ให้สาเร็จ ทหารจึงไม่เหลือความคิดที่จะถอย ไม่สู้ก็อด ข้าวตาย เหลือทางเลือกเดียว คือ ต้องชนะ!! การต่อสู้ครั้งสุดท้ายจึงมีพลัง และ ประสบความสาเร็จในที่สุด ความเชื่อว่าต้องสาเร็จ ถูกสร้างได้ง่ายกว่า กับคนที่มีทางเลือกจากัด จึงไม่น่าแปลกใจ...คนที่ประสบความสาเร็จในธุรกิจเครือข่าย มักเป็นคนที่ รู้สึกไม่พึงพอใจกับสภาพชีวิตของตนเอง พวกเขามองหาทางออกไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งมาพบเครื่องมือที่จะช่วยชีวิตให้รอด ก็คือธุรกิจนี้ จุดเด่นของธุรกิจเครือข่าย คือ ไม่จาเป็นต้อง...ขายเก่ง พูดคล่อง ทุนหนา เพียงทาความเข้าใจ และใช้ระบบจากแผนกลยุทธ์ของธุรกิจ ช่วยผ่อนแรง เพียงรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต ทาสิ่งนี้เพื่ออะไร ซึ่งความทุกข์ที่มีอยู่ ก็ พร้อมจะเป็นแรงผลักดันให้ก้าวหนีออกจากชีวิตที่ไม่น่าพอใจ พวกเขาจึงประสบ ความสาเร็จอย่างรวดเร็ว หลายคนคงสงสัยว่า แล้วทาไมได้ยินคนอื่นเล่าต่อกันมาว่า ธุรกิจนี้ ประสบ ความสาเร็จยาก ก็ขอตอบว่า...คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในธุรกิจเครือข่าย ยังมีความ 7

พึงพอใจกับชีวิตของตนเอง ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วต้องการมีชีวิตแบบไหน? ใครก็ตาม ยังพึงพอใจกับชีวิต เดิมๆ จะไม่คิดเปลี่ยนแปลงชีวิต หรือลงมือทาธุรกิจ อย่าง จริงจัง จึงไม่สาเร็จ ดังนั้น คนทีเ่ ข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายด้วยประโยคที่ว่า “จะลองทาดู” จึง ล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่...เพราะเขาไม่พงึ พอใจที่จะทาให้สาเร็จ การลงมือทาให้สาเร็จ ต้องมีเป้าหมายชัดเจน และรู้ว่าสิ่งนี้สาคัญต่อเรา อย่างไร ต่างกับการลงมือทาแบบไม่มีเป้าหมาย และไม่รู้ว่าจะทาไปเพื่ออะไร คนที่ยิงธนูและมีเป้าหมายในชีวิต เขารู้ว่าจะต้องยิงไปตรงไหน..เพื่ออะไร? ยิ่งรู้ว่าการยิงธนูสาคัญต่อชีวิตเขาอย่างไร ก็ยิ่งมีความขยันฝึกฝนเพื่อความสาเร็จ เป็นที่ตั้ง เช่น เป้าหมายยิงธนูเพื่อติดทีมชาติ เพื่อไปแข่งโอลิมปิก ครอบครัวจะได้ มีฐานะดีขึ้นจากชัยชนะของตนเอง เขาก็จะมีความพอใจที่จะฝึกซ้อมให้เก่งขึ้น คือ มีเป้าหมายทั้งภายนอก คือต้องยิงให้ได้คะแนนที่ดีทุกครั้ง และมีเป้าหมายภายใน คือ ทาให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น ผิดกับคนที่ยิงธนูเพราะเห็นคนอื่นยิงแม่น ก็อยากยิงให้ได้เหมือนเขา พอยิง ไม่กี่ครั้ง..พลาดเป้า ก็เลิกล้มความคิดที่จะยิงให้แม่น พิพากษาตัวเองทันทีว่า ทา ไม่ได้ ฉันไม่เหมาะกับการยิงธนู ความล้มเหลวเกิดขึ้นเพราะตัวเขาเองต่างหาก ที่ไม่รู้ว่าจะยิงธนูไปเพื่ออะไร การยิงธนูแม่นหรือไม่แม่นไม่มีผลต่อชีวิต การยิงธนูจึงเป็นสิ่งไม่สาคัญต่อชีวิต ผล ก็คือเลิกล้มได้ง่าย นี่คือตัวอย่างของความอยาก แค่อยากมี อยากได้ ไม่ได้เกิดมา จากแรงปรารถนาข้างในจริงๆ

หลายคนเข้ามาทาธุรกิจเครือข่าย เพราะเห็นคนอื่นรวย ก็อยากรวยบ้าง บางคนได้ยินมาว่าธุรกิจนี้รวยเร็ว ก็ลองเข้ามาทาดู แต่ความอยากประเภทนี้เกิด จากระดับความคิดจากสมอง วันๆหนึ่งเราคิดเป็นพันเป็นหมื่นเรื่อง ไหลแปรปรวน ไปตามอารมณ์ มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ตื่นขึ้นมาอีกวันหนึ่ง ความอยาก ความกระตือรืน ร้นที่จะรวย จะมลาย..หายไป เกิดความลังเลสงสัยว่าตนเองจะทาได้หรือไม่ ชีวิตในตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉัน จะต้องทาตัวเองให้ลาบากเพื่ออะไร ธุรกิจนี้คงไม่เหมาะกับเราหรอก เมื่อไม่เชื่อว่าจะสาเร็จ สุดท้ายก็ไม่ลงมือทาจริงจัง ไม่จดจ่อ ไม่ ต่อเนื่อง เจออุปสรรคหรือถูกเพื่อนปฏิเสธไม่กี่ครั้ง..ก็ถอดใจ จากนั้นก็พิพากษาว่า ธุรกิจนี้ ยากและเต็มไปด้วยความหลอกลวง คนที่ยังพึงพอใจกับชีวิตในปัจจุบัน จึงไม่เห็นความสาคัญว่าทาไมฉันต้ องมี รายได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทาไมฉันต้องเหน็ดเหนื่อยทาธุรกิจเพิ่ม ต่อให้นาแผนธุรกิจที่ทาให้เขามีรายได้เดือนละล้าน ถ้าผู้นั้นไม่รู้สึกว่าเงิน ล้านสาคัญหรือจาเป็นต่อชีวิตอย่างไร เขาก็ไม่เต็มใจทาธุรกิจนี้อยู่ดี นอกจากความพึงพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่แล้ว ความกลัว เป็นอุปสรรคสาคัญ ของมนุษย์ทุกคน ความกลั ว ถู ก สร้ า งขึ้ น โดยสมอง เพื่ อ ป้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ เ ราเอาชี วิ ต ไปเสี่ ย ง อันตราย ในอดีตมนุษย์อาศัยอยู่ในป่า ท่ามกลางสัตว์ร้ายมากมาย ความกลัวเป็น เครื่องมือสาคัญในการระวังตัวเพื่อเอาชีวิตรอด สมองจึง ชอบสั่งสมประสบการณ์ ลบๆไว้เป็นจานวนมาก เพื่อนามาใช้สร้างระบบความกลัว ป้องกันไม่ให้เราเสี่ยง 9

เข้าไปในเหตุการณ์แบบนั้นอีก เพราะสมองมีหน้าที่ทาให้ร่างกายของเราอยู่ให้ นานที่สุด...ร่างกายของเราคือกรรมสิทธิ์ของสมอง หากสมองไม่มีข้อมูลสิ่งที่เราอยากจะทา สมองจะสร้างความรู้สึกกลัว ใช้ เป็นเครื่องมือในการควบคุมมนุษย์..ผ่านความคิด บังคับไม่ให้เราตัดสินใจในสิ่งที่ สมองไม่คุ้นเคย แม้ว่าการตัดสิ นใจครั้งนั้นเราเห็นโอกาสที่จะพลิกชีวิต สร้า ง รายได้มหาศาล แต่ถ้าเป็นวิธีที่ไม่คุ้นเคย ไม่มีข้อมูลมาก่อน สมองก็จะสร้างความ กลัวบังคับไม่ให้เราทาอยู่ดี มนุษย์จึงต่อสู้กับสมองตลอดชีวิต และคนที่ประสบความสาเร็จ คือคนที่ฝึก สมาธิเพื่อเพิ่มกาลังจิต ไว้จัดการควบคุมสมองอีกชั้นหนึ่ง เมื่อจิตมีกาลังแข็งแกร่ง สมองที่มีข้อมูลมหาศาลก็จะดึงข้อมูลออกมาช่วยให้ประสบความสาเร็จได้ง่ายขึ้น ในร่ า งกายของเรามี อี ก ส่ ว นหนึ่ ง ที่ มี พ ลั ง มากกว่ า สมอง และก าหนด ความสาเร็จหรือล้มเหลวในชีวิตของเรา สิ่งนั้นคือจิต โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า “จิตใต้สานึก” จิตใต้สานึกเป็นตัวเก็บข้อมูลจานวนมหาศาล ในรูปของความรู้สึกที่มีต่อ ชีวิตของเรา สุข ทุกข์ เศร้า ร่าเริง เคียดแค้น ชิงชัง หรือเมตตา ความรู้สึกเหล่านี้ ถูกบันทึกแบบข้ามภพข้ามชาติ ยิ่งบันทึกความรู้สึกในขณะที่จิตของเราเบิกบาน รู้สึกมีความสุขกับเหตุการณ์บางอย่าง ยิ่งเกิดเป็นพลังงานเข้มข้น บันทึกอยู่ในจิต ใต้สานึก ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ภพชาติ ก็จะไม่ลืมความรู้สึกนี้ และพยายามทาให้ สาเร็จต่อเนื่องทุกภพชาติ ถ้าสิ่งที่บันทึกเป็นสิ่งที่ ดีงาม ชีวิตในอนาคตก็ดีไปด้วย ถ้าเป็นสิ่งที่ชิงชัง อาฆาตแค้น ชีวิตก็มีแต่ไฟสุมตลอดเวลา

เช่น ท่านสุเมธดาบส เห็นความงดงามในบารมีของพระทีปังกรพุทธเจ้า เกิด ความปรารถนาแรงกล้าที่จะเป็นพระพุทธเจ้า จึงอธิษฐานขอให้ตนเองได้เป็น พระพุทธเจ้าในอนาคต แรงบันดาลใจนี้เองที่บันทึกลงในจิตใต้สานึก ไม่ว่าเกิดภพ ชาติไหน ท่านก็ไม่ลืม พอจาได้ว่าตนเองปรารถนาสิ่งใด ก็ยิ่งเกิดความพึงพอใจที่ จะลงมือทาให้สาเร็จ ความยากลาบากไม่เป็นอุปสรรค เพราะท่านรู้ว่าทาไปเพื่อ อะไร และการเป็นพระพุทธเจ้ามีความสาคัญกับท่านเพียงใด ดั ง นั้ น การตั้ ง เป้ า หมายต้ อ งอยู่ ที่ ร ะดั บ ของจิ ต จึ ง จะเกิ ด พลั ง และ ความสาเร็จ ทาให้เราลงมือทาโดยไม่สนใจต่ออุปสรรค ความอยากในระดับของสมอง เช่น อยากได้ อยากมีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ พอซื้อมาไม่นาน เกิดรุ่นใหม่ออกมาอีก เห็นโฆษณาไม่กี่ครั้งก็อยากได้เครื่องใหม่ ความอยากเช่นนี้ เปรียบเสมือ นไม้ล้มลุก เดี๋ยวอยาก เดี๋ยวเลิก เดี๋ยวลืม นี่คือ สาเหตุของความล้มเหลวของมนุษย์ เพราะกาลังใจไม่เข้มแข็งพอ ธุรกิจเครือข่าย คือนวัตกรรมทางธุรกิจที่ใหม่มากๆ จึงไม่น่าแปลก ที่สมอง จะสร้างความกลัว เมื่อได้ยินใครพูดถึงสิ่งนี้ ความกลัว คืออุปสรรคสาคัญที่ทาให้ศักยภาพของมนุษย์ลดลงอย่างน่าใจ หาย มหาตมะคานธีกล่าวว่า ศัตรูที่เอาชนะอยากที่สุด คือ คานธี คนที่ควบคุมความคิดได้ จะสลัดซึ่งความกลัว ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า เครื่องมือที่จะเอาชนะความกลัวได้ มีเพียงการ เรียนรู้ และลงมือทาซ้ าๆ เพื่อให้ สมองได้รั บข้อมูล และสร้างเซลล์ สมองใหม่ ๆ ขึ้นมารองรับประสบการณ์ที่กาลังเกิดขึ้นในอนาคต 11

ยิ่งลงมือทาซ้าบ่อยๆ เซลล์สมองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น จะเพิ่มจานวนมาก ขึ้น เกิ ด การแลกเปลี่ ยนข้ อ มูล ระหว่ า งเซลล์ ใ หม่ และเก่า ความกลัว เพราะไม่ คุ้นเคยก็ลดลง เกิดเป็นพลังงานสร้างสรรค์ขึ้นมา และเพิ่มความสาเร็จให้แก่เรา คนที่เข้าใจความลับ ข้อนี้ จะสามารถควบคุมความคิด ลบ และความรู้สึก กลัว จึงประสบความสาเร็จอย่างรวดเร็ว

เคล็ดลับความสาเร็จ 1. คนที่ประสบความสาเร็จในชีวิต คือคนที่รู้ว่า...สิ่งที่เขาตัดสินใจทานั้น สาคัญ ต่อชีวิตอย่างไร ยิ่งงานการนั้นมีระดับความสาคัญมาก หรือกลายเป็นเรื่องจาเป็น ที่ต้องทา จานวนความคิดลบในสมองจะลดลง เกิดเป็นพลังสมาธิจดจ่ออยู่กับ ความสาเร็จเพียงอย่างเดียว เพราะความสาเร็จ กลายเป็นเรื่องจาเป็นสาหรับเขา 2. ผู้ที่เคยเล่นวิดีโอเกมส์ ต่อสู้ ผจญภัย จะพบว่า ตัวละครที่เราควบคุมจะมีค่า ประสบการณ์ที่เพิ่มมากขึ้น ตามจานวนครั้งที่เราเล่นหรือต่อสู้กับศัตรู ยิ่งศัตรูมี ความเก่งกาจมาก เมื่อเอาชนะได้ก็ยิ่งเพิ่มค่าประสบการณ์ และเอาชนะอุปสรรค ต่างๆได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับชีวิตจริง เรากลัวสิ่งใด หากทาซ้าๆในสิ่งนั้น ความ กลัวจะลดลงและประสบความสาเร็จมากขึ้น 3. การฝึกสติให้อยู่กับกาย พยายามรู้สึกตัวตลอดเวลาเพื่อเพิ่มกาลังสติ ใช้ในการ ตรวจจับความคิดลบที่เกิดขึ้น เมื่อรู้ว่ากาลังคิดลบ ให้เปลี่ยนอิริยาบททันที เพื่อให้ กระแสคิดลบหมดพลัง หรือการสวดมนต์ระหว่างวัน คิดได้ก็สวด พร้อมคิดถึงรูป ครูบาอาจารย์ที่เคารพ เป็นการฝึกคิดบวกแบบง่ายๆและสร้างสติด้วย

13

2 กลัวการขาย ทาอย่างไรดี? เพื่อนของผมคนหนึ่ง ทางานประจาเป็นฝ่ายขายของบริษัทญี่ปุ่น ตัดสินใจเข้า ร่วมธุรกิจนี้กับผม เราเป็นทีมงานที่ยอดเยี่ยมมาก ทุกสุดสัปดาห์ ผมและเพื่อนจะขับรถไปพบกับญาติๆของเขาซึ่งมีจานวน มาก เพื่อชวนเข้าร่วมธุรกิจ ต่อมาก็เป็นเพื่อนที่เขารู้จัก ทุกอย่างไปได้ด้วยดี ไม่มี วี่แววว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน เพื่อนได้ขึ้นตาแหน่งผู้บริหาร มีรายได้จากเปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งที่มากขึ้น ในเดือนเดียวกันนั้นเอง เขาเดินมาบอกกับผมว่า จะไม่ทาธุรกิจนี้อีกต่อไป ผมประหลาดใจมาก มันเกิดอะไรขึ้น? ทุกอย่างกาลังไปได้ด้วยดี อันที่จริงมันไปได้สวยมากเชียวล่ะ คาตอบที่ผมได้รับก็คือ เขาไม่รู้ว่าเงินประมาณหนึ่งหมื่นบาทหายไปไหน ความผิดพลาดเกิดขึ้นจากระบบการทาบัญชีของเขาเอง

มีสินค้าบางส่วนที่ต้องซื้อด้วยบัตรเครดิ ตออกไปก่อน แล้วจึงเก็บเงินสด จากลูกค้ากลับมา(ส่วนใหญ่ป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจ) เขายืนยันว่าจดตัวเลขทุกอย่าง เอาไว้แล้ว รับเงินมาแล้วด้วย แต่ก็หาเงินไม่พบ “เริ่มต้นผมยังทาเงินหายขนาดนี้ ต่อไปมันคงแย่กว่านี้ ผมตัดสินใจแล้ว ผม ไม่เอาดีกว่า” เขาบอกกับผมก่อนแยกทางกัน ประสบการณ์ครั้งนั้นทาให้ผมรู้ว่า แม้แต่คนที่ทางานเกี่ยวกับการขาย เมื่อ ลงทุนเอง ก็ รู้สึกกลัวความล้มเหลวได้เหมือนกัน เพราะคนที่ทางานประจา จะ คุ้นเคยกับการทางานแบบรับรองรายได้ มีการทาสัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้า จึงมี ความรู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องปิดการขายให้ได้ทุกครั้ง เพราะอย่างไร ก็ยังมีเงินเดือน เมื่อต้องลงทุนเอง รับ ความเสี่ยงทางธุรกิจ เอง การลงมื อทาโดยไม่เห็ น ผลลัพธ์ชัดเจนว่าทาแล้วจะได้ กาไรเท่าไร..และเมื่อไหร่ เป็นความเสี่ยงที่น่ากลัว ที่สุด นอกจากความกลัวแล้ว การไม่รู้จักจุดที่กลมกล่อมของตัวเอง ว่ามี ความรู้ ความสามารถที่จะสร้างความสาเร็จในช่วงแรกได้ขนาดไหน สอดคล้องกับความ ฝันและเป้าหมายหรือไม่ สมาชิกใหม่ในธุรกิจเครือข่ายเหมือนเด็กเพิ่งหัดเดิน มีความฝันเล็กๆแค่ อยากมีรายได้เพิ่มจากเงินเดือนประจา ช่วยค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ปลดหนี้สินสัก หน่อย พวกเขาแค่เดินได้..และไม่มีความฝันเป็นนักวิ่งลมกรด

15

แต่..นักธุรกิจเครือข่ายที่ประสบความสาเร็จ มักชวนให้สมาชิกใหม่คิดใหญ่ ฝันใหญ่ โดยไม่ประเมินศักยภาพและความรู้ที่มีมาก่อน หลายคนยังปรับทัศนคติ ไม่ได้ แต่สภาพแวดล้อมก็ชวนให้คิดการใหญ่เสียแล้ว เมื่อสมาชิกใหม่ถูกกระตุ้นให้อยากมีบ้านหลังมหึมา มีรถสปอร์ตขับโฉบ เฉี่ยว มีอาหารหรูรับประทาน เดินทางท่องเที่ยวแบบมีเงิน ล้านโอนเข้าบัญชีทุก เดือน โดยไม่ต้องทางานอะไรเลย คาว่า “อิสรภาพทางการเงิน” ถูกแปลว่า อยากได้..ต้องได้ ทุกคนจึงพุ่งเป้าไปที่รายได้ มหาศาล และต้องทาให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด จนลืม ความจริงไปว่า ตัวเองอยู่ในช่วงหัดเดินให้เก่งเท่านั้น และสิ่งเดียวที่จะทาให้ฝันใหญ่เป็นจริงได้เร็วที่สุด คือ.. การขาย!! เมื่อถูกชวนให้ฝันใหญ่ นักธุรกิจหน้าใหม่ทั้งหลาย จึงต้องเข้ากระบวนการ เปลี่ ย นแปลงความคิ ด ทั ศ นคติ และสร้ า งความเชื่ อ ใหม่ ๆ ขึ้ น มาแทนที่ ค วาม ต้องการเดิม คือรายได้เสริม ตอนที่เข้ามาสู่ธุรกิจนี้ สิ่งที่ผมต้องการในขั้นแรก คือมีรายได้เทียบเท่ากับ เงินเดือนประจาล่าสุดที่เคยได้รับ คือ สามหมื่นบาทต่อเดือน ในช่วงเริ่มต้น ผมเป็นนักขายยอดแย่ โดยเฉพาะเรื่องปิดการขาย ผมเล่าถึง ประโยชน์และผลลัพธ์อันน่าทึ่งของผลิตภัณฑ์ได้ทั้งวัน เพราะใช้และเห็นผลกับ ตัวเองจริง แต่เมื่อถึงตอนที่จะต้องพูดว่า “เอาล่ะ ตกลงคุณจะจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต”

จะรู้สึกจุกคอหอย ต่อด้วยความคิดที่ว่า ผมกาลังทาให้คนที่อยู่ตรงหน้า ... เดือดร้อน ทาให้เขาเสียเงินหลายพันบาท หรือเป็นหมื่นๆโดยไม่จาเป็น วันหนึ่ง..ผมเล่าถึงเครื่องสปาหน้าให้น้องผู้หญิงที่เคยทางานด้วยกันฟัง มัน ทาให้ใบหน้าของผมเด้งกระจ่างใส รูขุมขนกระชับตั้งแต่ครั้งแรกที่ทา พอเล่าจบ น้องคนนั้นก็ควักบัตรเครดิตขึ้นมา..พร้อมซื้อ ผมพูดแบบไม่รู้ตัวว่า “เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้ ไปคิดให้ดีๆก่อน” ผมรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกที่กาลังทาให้คนอื่นเสียเงิน ทั้งที่รู้ว่าผลิตภัณฑ์ ดี สุดยอด หาซื้อที่ไหนไม่ได้เลย เพราะไม่มีบริษัทใดมีความรู้พอที่จะผลิตได้ แต่ลึกๆ แล้ว..ผมก็ยังไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ใช้เวลาฝึกฝนและทาซ้าๆกว่าหนึ่งปี ความรู้สึกกลัวเรื่องปิดการขายจึงดีขึ้น ในระหว่างที่เรียนรู้ ผมเป็นแค่นักขายฝึกหัดและไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นนัก ขายที่เก่งได้ ผมขายสินค้าไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่าของบริษัท จึงต้องเปลี่ยนมาซื้อสินค้า เอาไว้ขายในเดือนถัดไป เพื่อรักษายอดขายขั้นต่าตามเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่ น เดี ย วกั บ ธุ ร กิ จ ทั่ ว ไป หากร้ า นค้ า ก๋ ว ยเตี๋ ย วของคุ ณ มี ค่ า เช่ า ค่ า แรง คนงานและจิ ป าถะ รวมแล้ ว เดื อ นละ 5 หมื่ น บาท ถ้ า ขายไม่ ถึ ง 5 หมื่ น บาท เจ้าของร้านต้องควักเงินส่วนตัวเติมเข้าไปในส่วนที่ขาด ยังไม่ทันจะมีกาไร หากเจ้าของร้านเงินทุนหมดก่อน ก็ต้องปิดกิจการ ในโลกของธุรกิจ การฝึกฝนทักษะทางธุรกิจเป็นเรื่องจาเป็นต่อความสาเร็จ คนที่ไม่มีทักษะมาก่อน ต้องใช้เงินทุน และเวลามากกว่า เพื่อ การเรียนรู้จนเกิด

17

ความช านาญ ส่ ว นคนที่ มี ทั ก ษะมาแล้ ว จะใช้ เ วลาเพื่ อ เรี ย นรู้ แ ละประสบ ความสาเร็จเร็วกว่า สมาชิกใหม่บางคน ที่ ประสบความสาเร็จในธุรกิจเครือข่ายอย่างรวดเร็ว ส่วนมากล้วนมีทักษะด้านธุรกิจมาก่อน หรืออยู่ในครอบครัวที่ทาธุรกิจอยู่แล้ว จึง ไม่กลัวเรื่องการนาเสนอ การขาย และไม่กลัวความเสี่ยงของกาไรขาดทุน เพราะ เห็นพ่อแม่ทามาตลอดเวลา ถ้าเรายังจากันได้ คน 95% เกลียดการขายเข้ากระดูกดา ความล้มเหลวจึง เกิดขึ้นกับ สมาชิกใหม่ เพราะเขาไม่ได้พึง พอใจที่จะทางานที่เกี่ยวกับการขาย ตั้งแต่ต้น ถ้าไม่ขายแล้วจะทาธุรกิจเครือข่ายอย่างไร? ผมเป็นคนหนึ่ง ...ที่ไม่ยอมออกจากธุรกิจเครือข่าย เพราะมั่นใจว่า นี่คือ โอกาสของชนชั้นกลางในยุคนี้ ที่จะพลิกชีวิตให้อยู่ในระดับมีความมั่นคงและ ปราศจากหนี้สินได้ แม้ ค วามพยายามที่ จ ะเอาชนะความกลั ว ในใจ ท าให้ ผ มต้ อ งจ่ า ยเงิ น มากกว่ารายรับในช่วงแรก แต่การลงมือทาซ้าๆต่อเนื่องทาให้ความกลัวลดลง ผม เริ่มมองเห็นโอกาสในธุรกิจนี้ชัดเจนขึ้น โดยปกติ มนุ ษ ย์ ไ ม่ ส ามารถมองเห็ น โอกาสด้ ว ยตา ค าว่ า โอกาสเป็ น นามธรรม สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกเท่านั้น เป็นความรู้ สึกมั่น ใจอย่างยิ่งว่า ใน อนาคตสิ่งที่เราคาดไว้จะเป็นจริง แม้ จ ะเข้ า ใจโอกาสที่ มี แต่ ค วามรู้ สึ ก ไม่ ดี กั บ ค าว่ า ขายก็ ยั ง มี อิ ท ธิ พ ล พอสมควร ผมยังไม่เป็นธรรมชาติกับธุรกิจนี้...จนกระทั่ง

เช้ า วั น หนึ่ ง ผมไปที่ ร้ า นข้ า วแกงปั ก ษ์ ใ ต้ ข้ า งบ้ า น ร้ า นนั้ น จั ด สะอาด เรียบร้อย คนขายก็พูดจาไพเราะนอบน้อม มีส่วนแยกเฉพาะให้เลือกผักนานา ชนิด ที่วางเรียงเป็นระเบียบสวยงามในถาดที่สะอาด เมื่อตักอาหารเข้าปาก ก็รู้ว่าเลือกใช้วัตถุดิบอย่างดี ..ผมรับประทานอาหาร มื้อนั้นอย่างมีความสุข อี ก หลายวั น ต่ อ ผมแวะร้ า นข้ า วแกงปั ก ษ์ ใ ต้ อี ก ร้ า นหนึ่ ง ราคาอาหาร พอๆกัน แต่ความใส่ใจในรายละเอียดต่างกันมาก วัตถุดิบที่เลือกนามาใช้ไม่ดีเท่าร้านแรก มีผักเพียงสองชนิด หั่นเป็นชิ้น หนาๆ บอกถึงความเร่งรีบ ทาให้เสร็จๆ แล้ววางไม่เป็นระเบียบอยู่ในถาดเก่าๆข้าง หม้อแกง สิ่งที่เกิดขึ้น ทาให้ผมเข้าใจความหมายระหว่าง.. การขายและการแบ่งปัน ผมไม่รู้สึกว่าร้านแรกเขากาลังขายอาหารให้แก่ผม กลับรู้สึกว่าเขาตั้งใจทา เพื่อให้ลูกค้ามีความสุขกับอาหารมื้อนั้น เป็นการแบ่งปันสิ่งดีๆให้แก่กัน ร้านที่สอง ผมคิดถึงการขาย เจ้าของร้านไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทา เขาเพียง ทาอาหารออกมาขายเพื่อให้ได้กาไรมากที่สุดเท่ านั้น คิดแต่ผลประโยชน์ที่ตัวเอง จะได้เป็นสาคัญ เหตุการณ์นั้น ทาให้ผมค้นหาจุดสมดุล และกลมกล่อม ที่จะอยู่ในธุรกิจ เครือข่ายอย่างมีความสุข ในเมื่อผมไม่ชอบการขาย ไม่พึงพอใจที่จะทาเช่นนั้น ก็ เปลี่ยนมาเป็นการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับคนรอบข้าง 19

หลั ง จากนั้ น ผมพยายามนึ ก ถึ ง สิ่ ง ดี ๆ ในธุ ร กิ จ นี้ คิ ด ถึ ง รอยยิ้ ม และค า ขอบคุณของผู้ใช้สินค้า รู้สึกขอบคุณทุกคนที่อุดหนุน นึกเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ความรู้สึก กลัวก็ลดลง กล้าออกไปพบผู้คนและพูดเกี่ยวกับสิ่งดีๆของธุรกิจเครือข่ายเพิ่มขึ้น นี่เป็นเคล็ดลับการสร้างจินตนาการเพื่อความสาเร็จอย่างหนึ่ง เพราะสมอง แยกไม่ออกระหว่างความรู้สึกที่เกิด จากเหตุการณ์จริง และความรู้สึกที่เกิดจาก จินตนาการ ในการทดลองของนักจิตวิทยาครั้งหนึ่ง แบ่งกลุ่มนักเทนนิสออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกฝึกซ้อมตามปกติ ส่วนกลุ่มที่สองฝึกซ้อมโดยใช้จินตนาการว่าตัวเอง กาลังฝึกจริง เมื่อนานักเทนนิสทั้งสองกลุ่มมาแข่งขันกัน ปรากฏว่า ทั้งสองกลุ่มแทบไม่มี ความแตกต่างกันเลย กลุ่มที่ฝึกซ้อมโดยใช้จินตนาการ ยังคงเล่นได้คะแนนดีพอๆ กับกลุ่มที่ฝึกซ้อมเป็นประจา คนที่รู้ความลับในข้อนี้ สามารถนาการจินตนาการไปพัฒนาศักยภาพและ ความสาเร็จให้เกิดขึ้นจริงได้ ด้วยการจินตนาการถึงภาพความสาเร็จที่ต้องการ จนเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นมาแล้ว และเมื่อเขาอยู่ใน สถานการณ์จริง ก็จะประสบความสาเร็จอย่างที่จินตนาการไว้ ไอน์ไตน์จึงกล่าวว่า จินตนาการสาคัญกว่าความรู้ แทนที่จะอยากได้ยอดขายเพื่อตัวเอง ผมมุ่งไปที่ประโยชน์และคุณค่าที่ทุก คนจะได้รับจากผลิตภัณฑ์ในธุรกิจเครือข่าย แล้วความสาเร็จก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่าง น่าอัศจรรย์

เคล็ดลับความสาเร็จ 1. ระยะเวลารอคอยความสาเร็จ ขึ้นอยู่กับความถี่ในการลงมือทาซ้าๆ เพื่อเพิ่มค่า ประสบการณ์ที่จะเอาชนะอุปสรรคจนถึงความสาเร็จ 2. ค้นหาว่าสิ่งใดมีความสาคัญต่อชีวิต คุณต้องการชีวิตอย่างไร ชอบทาอะไรที่สุด แล้วใส่ความเพียรลงไปในกิจกรรมนั้น แล้วทาซ้าๆ เพิ่มพลังจดจ่อ หาที่ปรึกษา ช่วยชี้แนะทางแก้ปัญหาให้ 3. เปลี่ยนคาขอต่างๆให้เป็นภาพที่ชัดเจน เหมือนกาลังดูภาพยนตร์ สามมิติ ที่ ตั ว เองแสดงน า พยายามใส่ ค วามรู้ สึ ก ลงไป เหมื อ นคิ ด ถึ ง มะม่ ว งเปรี้ ย วแล้ ว น้าลายไหล ฝึกทาทุกวัน ครั้งละ 10 นาทีก่อนนอน อยากให้พรุ่งนี้หรืออนาคตที่ หวังไว้ดีเป็นอย่างไร จินตนาการไว้ แล้วสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง

21

3 ความเชื่อและจินตนาการ คือรากของความสาเร็จ ธุรกิจเครือข่าย เป็นธุรกิจที่อาศัยจินตนาการ ที่สาคัญที่สุดคือ ต้องเชื่อว่าแผน ธุ ร กิ จ และผลิ ต ภั ณ ฑ์ ข องบริ ษั ท สร้ า งความส าเร็ จ ได้ จ ริ ง คื อ การเชื่ อ มโยง ความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ จนเกิดเป็นเครือข่าย และสิ่งที่จะเชื่อมคนทั้งหลายเข้า ด้วยกัน คือความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน ถ้าเราเรียนรู้วิธีการสร้างความรูส้ ึกที่ดี และถ่ายทอดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ความสาเร็จในธุรกิจนีเ้ กิดขึ้นได้ง่ายกว่าทุกธุรกิจ ธุรกิจทั่วไปมีหน้าร้าน ตู้โชว์สินค้า พนักงาน ห้องทางาน เราเห็นด้วยดวงตา มาตลอด ว่าใครๆเขาทาธุรกิจกันแบบนี้ แต่ ธุ ร กิ จ เครื อ ข่ า ยแตกต่ า งกั น ออกไป เราต้ อ งมองเข้ า มายั ง ความรู้ สึ ก ภายใน เชื่อมต่อกับความรู้สึกแท้จริง ของตัวเองให้ได้ว่า เราต้องการรูป แบบชีวิต อย่างไร สิ่งที่เราให้ความสาคัญสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทหรือไม่? ในธุรกิจที่ผมร่วมด้วย คนที่ประสบความสาเร็จคือคนที่ให้ความสาคัญต่อ สุขภาพที่ดี อ่อนเยาว์ และความมั่งคั่ง มั่นคงในชีวิต เพราะผลิตภัณฑ์ของบริษัท ให้คุณค่ากับสิ่งเหล่านี้ เราต้องเชื่อมต่อตัวเองกับแรงปรารถนาภายในให้มั่นคง

เสียก่อน จินตนาการถึงความสาเร็จ และสร้างเครือข่ายขึ้นมาจากจานวนคนที่ให้ ความสาคัญในเรื่องเดียวกัน หรือพูดง่ายๆว่าความรู้สึกตรงกัน จุดเด่นของธุรกิจเครือข่ายที่หลายคนไม่เข้าใจ มองไม่เห็นก็คือ วิธีสร้าง รายได้ผ่านเครือข่ายที่รู้สึกตรงกัน เห็นความสาคัญต่อสุขภาพและความมั่งคั่งใน ชีวิต เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลกันผ่านรูปแบบของธุรกิจเครือข่าย ในธุ ร กิ จ เครื อ ข่ า ย คนที่ ผ่ า นปี แ รกไปได้ สมองจะสร้ า งเซลล์ ป ระสาท เชื่อมต่อกันมากขึ้น ...ความกลัวจะลดลง จึงเกิดจินตนาการใหม่ๆ ช่วยให้สาเร็จ มากขึ้น น่าเสียดาย...หลายคนที่ผมรู้จัก ตัดสินใจออกจากธุรกิจนี้ เพราะอยากได้ อะไรที่มันเร็วๆ ส่วนหนึ่งกลับไปเปิดแผงขายสินค้าตามตลาดนัด หรือเปิดร้านค้า ของตัวเอง เพราะเชื่อว่าสิ่งที่เห็นด้วยตาปลอดภัยกว่า เพราะเห็นสินค้าวางอยู่ ตรงหน้ า เห็ น คนมากมายเดิ น เข้ า มาในตลาด มี ก ารซื้ อ และจ่ า ยเงิ น ให้ เ ห็ น ตลอดเวลา แค่มองไปรอบๆก็อุ่นใจ เพราะเห็นคนอื่นทาอย่างนี้ทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ คนที่เต็มไปด้วยความกลัว ไม่กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เชื่อว่าวิธีการ ประสบความสาเร็จยังเหมือนเดิม จึงทางานให้คน 5% ที่มีจินตนาการ ควบคุม ความกลัวได้ และได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสาเร็จ คนที่มจี ินตนาการ จะมองไปในอนาคต ค้นคว้าหาข้อมูลว่า คนจานวนมาก ในโลกจะประสบปัญหาอะไร และคาดว่า ...จะมี ธุรกิจและสินค้าใดบ้ างที่ช่วย แก้ปัญหานั้นได้ เมื่อพวกเขาค้นพบวิธีแก้ปัญหา จะรีบจับจองเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือสินค้า นั้นก่อนใคร โดยไม่สนใจความกลัวและความคิดลบๆที่เกิดขึ้น พวกเขายอมรับ 23

ความเสี่ ย ง ยิ น ดี ที่ จ ะลงทุ น ก่ อ น แล้ ว รอรั บ ความส าเร็ จ ในภายหลั ง เป็ น การ ตัดสินใจด้วยความรู้สึกมากกว่าเหตุผลจากสมอง ในอนาคตอันใกล้ ประชากรโลกจะมีผู้สูงวัยเพิ่มสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากความแก่เพราะมลพิษ และสิ่งแวดล้อม ยิ่งทาให้มนุษย์ เผชิญปัญหาสุขภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทุกคนบนโลกต้องการเครื่องมือแก้ไข “อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าค้นพบยาที่ทาให้มนุษย์แก่ช้าลง ป่วยน้อยลง และเป็น หนุ่มสาวยาวนานขึ้นกว่าเดิม” บริ ษั ท ที่ ม องเห็ น โอกาสนี้ ต้ อ งจ่ า ยเงิ น นั บ แสนล้ า นเหรี ย ญสหรั ฐ เพื่ อ งานวิ จั ย เกี่ ย วกั บ ยาต้ า นชรา มั น เป็ น การลงทุ น ที่ มี ค วามเสี่ ย ง สู ง ถ้ า นักวิทยาศาสตร์ค้นพบตัวยาล่าช้า หรือประสิทธิภาพต่ากว่าบริษัทอื่น ผลลัพธ์คือ ความสูญเปล่า นักธุรกิจที่คิดบวก และมุ่งไปที่ภาพความสาเร็จ จะมีความเชื่อว่า “ทาได้” สิ่ง นั้น ต้อ งเกิด ขึ้น จริ ง ความเชื่ อเช่น นี้ เอง ที่ดึ งดู ดนั กวิ ทยาศาสตร์ เก่ งๆให้ ม า ร่วมงานกับเขา ทุกคนต้องการทางานกับคนที่มุ่งมั่นและเอาจริง ที่สาคัญคือเชื่อ ว่าต้องชนะ ในโลกนี้ มีเ พียงนัก บวช มหาเศรษฐีแ ละอัจฉริย ะบุ คคลเท่ านั้ น ที่ล่ วงรู้ ความลับในในการควบคุมสมอง และเพิ่มแรงดึงดูดของความคิด พวกเขาพบว่า.. เมื่อความกลัวลดลง ศักยภาพของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจากัด เพียงแต่...มหาเศรษฐีที่ทาเช่นนั้นจนสาเร็จ ไม่สามารถอธิบายว่ามันเกิดขึ้น ได้อย่างไร ต้องฝึกฝนด้วยวิธีใดจึงจะสาเร็จได้เหมือนเขา

ส่วนนักบวชที่ตัดขาดทางโลก ก็รู้สึกเบื่อหน่ายที่จะบอกความลับนี้ เพื่อให้ ผู้คนเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น ถ้าเข้าใจความลับในเรื่องพลังจินตนาการและจิตใต้สานึก อันประกอบด้วย เชื่อ ขอ รับ ...ซึ่งผู้ประสบความสาเร็จฝึกฝนและใช้เป็นประจา เราสามารถทา ธุรกิจเครือข่ายและประสบความสาเร็จได้ทุกคน ให้บทถัดไป ผมจะเผยความลับในข้อที่ว่า เหตุใด? ธุรกิจเครือข่าย ทาให้คน ที่ ขายไม่เป็น พูดไม่เก่ง ทุนน้อย และไม่มีเวลา ประสบความสาเร็จได้เหมือนกับ นักขายมือทอง...

25

เคล็ดลับความสาเร็จ 1. ในธุรกิจเครือข่าย ความสาเร็จอย่างยั่งยืนที่ เรียกว่า เกษียณก่อนกาหนด ไม่ใช่ การขาย คือการขยาย ด้วยการเปิดเผยความรู้สึกของคุณต่อคู่สนทนา ว่าสิ่งใดคือ สิ่งที่คุณต้องการและให้ความสาคัญมากที่สุด ถ้าเขามีความรู้สึกตรงกัน โอกาส สร้างเครือข่ายและความสาเร็จก็เพิ่มมากขึ้น 2. ก่อนเข้าร่วมงานกับบริษัทที่ดาเนินธุรกิจเครือข่าย บริษัทนั้นมีรายชื่ออยู่ใน สมาคมขายตรงแห่ ง ประเทศไทยหรื อ ไม่ http://www.tdsa.org/ ตรวจสอบ แนวโน้มว่าบริษัทกาลังไปได้ดีเพียงใดจากข้อมูลการเติบโตในตลาดหลักทรัพย์ที่ บริษัทนั้นเป็นสมาชิก และบริษัทนั้นควรมีอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป 3. บริษัทที่เป็นมืออาชีพ ต้องแสดงเป้าหมายชัดเจนว่ามีความต้องการอย่างไร เป้ า หมายของการเติ บ โตใน 5 ปี ข้ า งหน้ า อยู่ ต รงไหน ใช้ ก ลยุ ท ธ์ อ ะไรในการ ขับเคลื่อนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย และผลิตภัณฑ์ของบริษัทควรมีมากกว่า 30 รายการเป็นอย่างน้อย เพื่อให้เกิดการใช้หมุนเวียนได้เพียงพอต่อความต้องการ และควรมีผลิตภัณฑ์เด่นที่คู่แข่งไม่สามารถผลิตได้ 3-5 รายการ บริษัทใดที่ไม่มีใน ส่วนนี้ โอกาสที่จะประสบความสาเร็จน้อยมาก

4 ขายไม่เป็น ก็ประสบความสาเร็จได้ หากคุณกาลังเจอความทุกข์แบบสุดๆ..แทบทนไม่ไหว และต้องการรายได้จานวน มากในเวลาที่จากัด ผมรับรองว่า..ธุรกิจเครือข่ายช่วยพลิกชีวิตคุณได้แน่นอน ด้วยคุณภาพสินค้าที่ดีกว่าท้องตลาด ไม่ต้องสต็อกสินค้า ลงทุนก็ต่ากว่า ธุรกิจทั่วไป มีระบบผ่อนแรง ที่เปิดโอกาสให้ชักชวนเพื่อนๆมาช่วยกันทาธุรกิจ ร่วมกัน ผสานกับจิตใจที่มุ่งมั่นจะออกจากความทุกข์ คุณจะประสบความสาเร็จ อย่างรวดเร็วกว่าทาธุรกิจทั่วไป หรือ..หากคุณเป็นนักธุรกิจที่ทาการค้ามาก่อน ธุรกิจเครือข่ายคือสวรรค์ ของคุณเชียวล่ะ นักธุรกิจมีจิตใจกล้าเสี่ยงลงทุน แค่เห็นโอกาสและความเป็นไปได้ ก็พร้อม ทุ่มเทเงินทุนและเวลาเพื่อทากาไร พวกเขายังมีทักษะการพูดและขาย มีเครือข่าย นักธุรกิจด้วยกันอยู่ในมือ ทุกคนไม่รังเกียจการขายอยู่แล้ว อย่างนี้จะไม่เรียกว่า สวรรค์ได้อย่างไร มาถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่า แทบไม่เหลือที่ว่างความสาเร็จให้มนุษย์เงินเดือน ที่เกลียดการขายเอาเสียเลย..

27

อย่าเพิ่งตกใจครับ ผมมีข่าวดี!! ถ้าเราย้อนกลับไปดูที่มาของธุรกิจเครือข่าย ที่พัฒนาจากระบบสหกรณ์ และขายตรงอีกขั้น จะพบความจริงที่น่ายินดีว่า ธุรกิจนี้ออกแบบมาเพื่อผู้บริโภค...ที่ขายไม่เป็น ในอดีต..หลังการผลิตสินค้าออกมา การกระจายสินค้าหรือที่เรียกว่า การ ทาตลาด จะใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า รายได้มหาศาล วนเวียนอยู่กับนักการตลาด นักวางแผนกลยุทธ์ นักโฆษณา และ บริษัทสื่อต่างๆ แนวคิดใหม่ที่เรียกว่า MLM (Multi Level Marketing) ได้ตัดผู้เชี่ยวชาญ การกระจายสิน ค้ าเหล่ า นั้น ออกไป บริษั ท หัน ไปมุ่ งมั่ นกั บการผลิต สิ นค้ า ให้ มี คุณประโยชน์สูงสุดอย่างที่ผู้บริโภคต้องการมาตลอด สินค้าจากบริษัท MLM จึงสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องของ ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เห็นจริงและประโยชน์มากกว่า ส่วนคนที่ไม่เคยใช้จะติดอยู่กับ ความคิดที่ว่าแพง เพราะเขาไม่รู้ว่าสินค้าที่สร้างผลลัพธ์แท้จริง และพิสูจน์ได้เป็น อย่างไร แนวคิดการตลาดในรูปแบบใหม่นี้ ทาให้รายได้ที่เคยอยู่กับคนกลุ่มเล็กๆ กระจายไปสู่ผู้บริโภค เช่นเดียวกับระบบสหกรณ์ที่ตัดพ่อค้าคนกลางออกไป แล้ว เพิ่มรายได้ให้สมาชิก การตลาดแบบ MLM ทาให้ผู้บริโภคที่เคยจ่ายเงินซื้ออย่างเดียว มีรายได้ จากรายจ่ายประจา ด้วยการใช้แล้วบอกต่อ

รูปแบบของรายได้ ในระบบ MLM ก็คือระบบที่สมาชิกแนะนาสมาชิก ด้วยกันเอง หรือ Member Get Member วงการธุรกิจทั่วไป เข้าใจหลักการร่วมกัน ทาธุรกิจ อยู่แล้ว โดยเฉพาะใน วงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ต้ นทุนมาก มักจะรวมกิจการเฉพาะกิจ เพื่อ ร่วมกันทางานชิ้นนั้น สังเกตการก่อสร้างรถไฟฟ้า ทางด่วน จะเห็นป้ายข้อความว่า Joint Venture หรือ กิจการร่วมค้า เมื่อเร็วๆนี้ ผมนั่ งรับประทานอาหารและคุย เรื่อ งธุรกิ จกับเพื่อนคนหนึ่ ง พนักงานของร้านนั้นแนะนาให้ผมสมัครเป็นสมาชิก บัตร CRG PLUS ซึ่งเป็นบัตร เติมเงินใช้แทนเงินสด และได้รับส่วนลด 10% กับร้านที่เป็นสมาชิก พลิกไปดูรายละเอียดก็พบว่า สมารถใช้บริการกับร้านอาหารชื่อดังอย่างต่า 10 ร้าน ผมตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกบัตร CRG แล้วบอกเพื่อนว่า “เห็นมั้ย พวกธุรกิจขนาดใหญ่เขายังรู้จักรวมตัวกันเป็นเครือข่ายให้ได้กาไร มากขึ้น มีแต่พวกเราที่ไม่รู้จักทางานร่วมกันเป็นเครือข่าย เลยสู้ธุรกิจพวกนี้ไม่ได้ ซักที” บริ ษั ท ในธุ ร กิ จ เครื อ ข่ า ย ก็ เ หมื อ นกั บ พรรคการเมื อ งในระบอบ ประชาธิปไตย เราสมัครเป็นสมาชิกบริษัทที่มั่นใจว่า จะมอบประโยชน์ กลับคืนสู่ สมาชิกได้มากที่สุด ผลิตสินค้าที่ดีที่สุดให้สมาชิก สร้างรายได้ให้มากที่สุดด้วย เช่นเดียวกับประชาชนที่เลือกพรรคการเมือง ที่เข้าไปบริหารประเทศและ มอบความเจริญกลับมาให้ประชาชนได้มากที่สุด สิ่งที่น่าสนใจมากสาหรับธุรกิจเครือข่ายในยุคนี้ ก็ คือ ระบบการสื่อสารใน โลกยุคใหม่ ระบบเน็ตเวิร์คออนไลน์ เกื้อหนุนให้การตลาดแบบ MLM เติบโตอย่าง 29

รวดเร็ว เพราะหัวใจของธุรกิจเครือข่ายคือการสื่อสารกับผู้คนจานวนมาก ให้มี ความเข้าใจ มีเป้าหมายเดียวกัน ว่าเราจะบริโภคสินค้าของบริษัทนี้ไปเพื่ออะไร? มันดีกับเราทุกคนอย่างไร? ทุกวันนี้ ผู้บริโภคสามารถเข้ าถึงอานาจการสื่อสารยุคใหม่ ที่ทั้งประหยัด รวดเร็ว และครอบคลุม ทาให้การกระจายสินค้าในธุรกิจ MLM เติบโตและสร้าง รายได้ให้สมาชิกที่จริงจัง อย่างรวดเร็ว แต่ใ ช่ว่ า บริ ษัท ทั่ว ไปจะเปลี่ ยนตัว เองแล้ว กระโดดเข้า มาทาธุร กิจ แบบ MLM ได้ทั้งหมด โจทย์สาคัญที่บริษัทในธุรกิจ MLM ต้องขบให้แตก คือการดึงดูดผู้บริโภค จานวนมาก ด้ วยสิ น ค้ า คุ ณ ภาพดี ก ว่ า ที่ มี ใ นตลาด ต้ อ งสร้ า งความโดดเด่ น .. ชัดเจน ให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง เพราะผู้ บ ริ โ ภคไม่ ใ ช่ นั ก โฆษณา ไม่ ส ามารถประดิ ษ ฐ์ ถ้ อ ยค าเพื่ อ กลบ เกลื่อนจุดด้อยของสินค้าได้ เมื่อผู้บริโภคขายไม่เป็น โฆษณาไม่เก่ง สินค้าจึงต้องทาหน้าที่ขายตัวเองให้ ได้ เพื่อให้เกิดการใช้แล้ว..บอกต่อ เป็นการกระจายสินค้าแบบง่ายๆ เป็นธรรมชาติ ใครๆก็ทาได้ ด้วยวิธีนี้ นักขายที่เก่งที่สุด คือ สินค้า ส่วนผู้บริโภค..ก็แค่บอกต่อโดยไม่ ต้องขายอะไรเลย วิธีคิดง่ายๆเช่นนี้ สร้างยอดขายให้แก่บริษัท MLM อย่างเหลือเชื่อ ยอดขาย ที่เกิดขึ้น ได้ผลดีกว่าใช้บริการนักโฆษณา หรือยอดนักขาย ที่สาคัญคือ ประหยัด งบการลงทุนด้านอื่นๆได้มหาศาล

บริษัทสามารถนาเงินเหล่านั้น กลับไปลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนาสินค้า ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตรงจุดนี้ คนที่กาลังตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจควรศึกษาด้วยว่า กาไรที่ เกิดขึ้นมหาศาลนั้น บริษัทนากลับไปทาอะไรบ้าง ถ้านาไปแจกจ่ายให้ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก บริษัทนั้นคงไม่คิดพัฒนาสินค้าและ บริการอย่างจริงจัง ส่วนบริษัทที่นาผลกาไรส่วนมาก กลับไปลงทุนพัฒนาและวิจัยเพื่อให้ได้ สินค้าใหม่ๆออกสู่ตลาดอย่างสม่าเสมอ บริษัทนั้นจะมีความมั่นคงและอยู่ได้นาน ตราบเท่าที่ก้าวนาคู่แข่งอยู่เสมอ สินค้า..จึงเป็นหัวใจสาคัญ ที่ชี้ขาดความสาเร็จในธุรกิจ MLM บริษัทที่มีวิสัยทัศน์และเป็นมืออาชีพ จะผลิตสินค้าเพื่อความเป็นเลิศ ทุ่ม ทุนวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่สมาชิกร่วมธุรกิจจะประสบความสาเร็จ ก็ง่ายขึ้น จะเห็นว่า แนวคิดการตลาดแบบ MLM เป็นแนวคิดที่ให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม ในระบบการตลาดมากขึ้น การให้ประชาธิปไตยย่อมดีกว่าเผด็จการที่คอยสั่งให้ เราเชื่อตามนั้น ในช่วงเริ่มต้นของการตลาดแบบ MLM...คนที่มองเห็นโอกาสที่จะสร้าง กาไรมหาศาลจากแนวคิดการตลาดแบบนี้ ก็คือพวกหัวก้าวหน้าทางธุรกิจ ไม่ใช่ ผู้บริโภคอย่างเราๆที่ยังไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจเลย นักขายและนักธุรกิจ มีสัญชาตญาณในเรื่องนี้ดีกว่าผู้บริโภค พวกเขาพบว่า ..แค่เอาทักษะการขายที่มีอยู่แล้ว..เข้ามาจับ ก็สามารถเร่งความสาเร็จให้เกิดเร็ว ขึ้น 31

ธุรกิจ MLM กลายเป็นขนมหวานสาหรับพวกนักขาย ส่วนเป้าหมายแท้จริง ของระบบ MLM อย่างมนุษย์เงินเดือน ซึ่งเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่สุด กลับมีท่าที มึนงง สับสนระหว่างแชร์ลูกโซ่ที่หลอกลวง กับระบบการตลาดแนวใหม่ นักขายและนักธุรกิจ ซึ่งเป็นคน 5% ที่ชอบการขายและครอบครองความมั่ง คั่ง จึงประสบความสาเร็จก่อนที่ผู้บริโภคตัวจริงจะเข้าใจ และมองเห็นโอกาส พวกเขาได้เป็นเจ้าของเครือข่ายธุรกิจกระจายสินค้าขนาดใหญ่ สร้างรายได้ มหาศาลอย่างที่คนทางานประจาจินตนาการไม่ออก ว่าเงินมหาศาลมาจากไหน กัน พอๆกับที่เราไม่เข้าใจว่า google มีรายได้มหาศาลอย่างไร? ทั้งๆที่เราใช้ฟรี เมื่อความสาเร็จพิสูจน์ว่า ระบบการตลาดและกระจายสินค้าแบบ MLM สร้างรายได้และความสาเร็จได้จริง ผู้คนในระบบเงินเดือนจึงเริ่มให้ความสนใจ เพราะรายได้ที่จากัดไล่ตามไม่ทันกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปี ชีวิตที่ประคองตัวในแต่ละเดือน ไม่ต่างอะไรกับเดินทอดน่อง ผิวปาก ไปยัง ปากเหว...! เมื่อสมาชิกใหม่เข้ามาสู่ธุรกิจ จึงรับการถ่ายทอดวิทยายุทธด้วย... การขาย!! เหตุนี้เอง ธุรกิจเครือข่ายจึงกลายเป็นธุรกิจที่ใช้การขายเป็นหลัก ซึ่งไม่ผิด แต่อย่างใด เพราะคุณจะทาธุรกิจนี้อย่างไรก็ได้ ..อย่างที่คุณพอใจ และตรงตาม เงื่อนไขที่บริษัทจะมอบผลตอบแทนให้แก่คุณ เพี ย งแต่ . ..ถ้ า คุ ณ ศึ ก ษาถึ ง ที่ แ นวคิ ด ของธุ ร กิ จ นี้ อ ย่ า งจริ ง จั ง จะพบว่ า แท้จริงแล้ว ทุกคนประสบความสาเร็จได้โดยไม่ต้องขายสินค้าเลย

หัวใจของความสาเร็จของธุรกิจนี้ คือ ทาซ้า ไม่มีอะไรมากไปกว่า ชวน ช่วย แชร์ ช่วยกันซื้อสินค้า ช่วยใช้ซ้า และแชร์ ประโยชน์และรายได้จากการใช้สินค้าออกไปเป็นประจา เราทั้งหลายไม่ต้องจบปริญญาเอกเรื่องการสื่อสารและการตลาด ยังใช้การ บอกต่ออย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้หนัง พ่อมากพระโขนง โกยรายได้ตั้งพันล้าน!! คุณเองก็ใช้ความสามารถในแบบเดียวกัน สร้างรายได้ให้ตัวเองเดือนละ 5 แสนบาทได้ แค่..เรียนรู้วิธีการสร้างรายได้แบบง่ายๆ และลงมือทาสม่าเสมอ เราขายไม่ เก่ง ก็ใช้ความรู้สึกที่ดี ชักชวนผู้คนให้มา ช่วยกันซื้อ ช่วยกันใช้ และช่วยกันแชร์ ทาไปเรื่อยๆ เหมือนค่อยๆสะสมเงินในกองทุนบานาญเพื่ออนาคต รายได้ท่เี กิดขึ้นในธุรกิจเครือข่าย เป็นการเพิ่มแบบทวีคูณเช่นเดียวกับอัตรา ดอกเบี้ยของธนาคาร รับรองว่า หนึ่งปีผ่านไป กราฟรายได้ของคุณจะพุ่งสูงขึ้น อย่างรวดเร็ว จนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

33

เคล็ดลับความสาเร็จ 1. ปัจจัยชี้ขาดของความสาเร็จในยุคปัจจุบันคือ การรวมตัวกันสร้างธุรกิจเป็น เครือข่าย ร้านโชว์ห่วยที่ขายคนเดียวแทบสูญพันธุ์ ในขณะที่สมาชิกร้านค้าปลีก แบบเครือข่าย สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน 2. สิ่งที่ทาให้คุณประสบความสาเร็จในธุรกิจเครือข่ายอย่างยั่งยืน คือการเพิ่ม จานวนของสมาชิก ที่เข้ามาช่วยกันใช้ร่วมกันแชร์ แล้วแบ่งปันความมั่งคั่งระหว่าง กัน เป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการให้ แล้วจึงจะได้รับ 3. เลือกผลิตภัณฑ์หนึ่งอย่าง ที่คุณสามารถใช้ได้อย่างสม่าเสมอ เพื่อทาให้ตัวเอง เห็ น ผลลั พ ธ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ยิ่ ง เป็ น ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ ค นอื่ น เห็ น ความเปลี่ ย นแปลงจาก ภายนอก โอกาสที่จะชวนให้มาใช้เหมือนกันจะสูงขึ้น

5 ช่วยกันซื้อ ก็สาเร็จได้ ในธุ ร กิ จ เครื อ ข่ า ย ผมได้ เห็ น ผู้ ค นมากมายเดิ น เข้ า ..และเดิน ออกจากธุ ร กิ จ นี้ เพราะความลังเล สงสัย โดยเฉพาะ..สงสัยว่า ตัวเองจะทาไม่ได้ ชายหนุ่มวัย 50 ต้นๆสองคน เข้ามาร่วมธุรกิจนี้ เขาผลัดกันเล่าในที่ประชุม กลุ่มย่อยอย่างมั่นใจว่า ที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับบริษัท เพราะศึกษารายละเอียดของ ทุกบริษัท ทั้งผลิตภัณฑ์ แนวโน้มการตลาดในอนาคต แผนรายได้ ความมั่นคง และความโปร่งใส พบว่า..บริษัทนี้ดีที่สุด ทั้งสองแสดงความมุ่งมั่น ว่า จะต้องประสบความสาเร็จแน่ นอน เพราะ บริษัทเตรียมทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว แค่เสียบปลั๊ก ก็พร้อมใช้งานได้เลย ผ่านไป 4 เดือน ผมก็ไม่เห็นพวกเขาอีกเลย... ในขณะที่คุณแม่ลูกหนึ่ง ..เริ่มรู้สึกไม่มั่นคงในอาชีพสายการบินที่กาลังทา อยู่ อนาคตที่ดีของลูก เป็นสิ่งที่เธอให้ความสาคัญมากที่สุด มันคือแรงผลักดันให้ เธอเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ ด้วยพลังจินตนาการถึงความสาเร็จ แทนที่จะนั่งกังวลถึงความ ล้มเหลวที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าเธอทาธุรกิจนี้สาเร็จ ลูกของเธอจะมีอนาคตที่ดีอย่างไร?

35

เธอเล่าว่า...เป็นคนโง่ ขายไม่เป็น ไม่รู้ว่าธุรกิจนี้ต้องทาอะไรบ้าง แต่เมื่ อ มองไปข้างหน้ากับอาชีพที่ทาอยู่ รู้สึกว่าแทบไม่มีอนาคตเอาเสียเลย สิ่งที่กลัว ที่สุดคือ ทาให้ลูกผิดหวังที่มีแม่ไม่เอาไหน ให้อนาคตที่ดีแก่ลูกไม่ได้ เวลาผ่านไปไม่ถึง 8 เดือน เธอชวนเพื่อนและคนรอบข้าง ให้มาช่วยกันซื้อ ช่วยกันใช้ ช่วยกันแชร์ จนสร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน ตัวเธอเองก็ทึ่งกับสิ่ง ที่เกิดขึ้น เธอย้าว่ า ...ทุก ความส าเร็ จ ของเธอเกิ ดขึ้น เพราะจินตนาการถึ งสิ่ง ดีๆ ที่ เกิดขึ้นในอนาคต แล้วเชื่อว่า สิ่งที่กาลังทาในธุรกิจนี้ สร้างความสาเร็จเพื่อลูกของ เธอได้จริง วิธีนี้ทาให้เธอลงมือทาอย่างจริงจัง พยายามตัดความคิดลบทั้งหลายที่ผุด ขึ้นมาในสมอง...แล้วก็ประสบความสาเร็จ จากการทาซ้าๆทุกวัน นอกจากความเชื่ อ แล้ ว สามี ที่ ตั ด สิ น ใจเคี ย งข้ า งท าธุ ร กิ จ ร่ ว มกั น เป็ น กาลังใจยิ่งใหญ่สาหรับเธอ พลังแห่งสองเรา ช่วยกันประคับประคองความเชื่อ การเติบโตของธุรกิจเริ่ม เกิดขึ้นแบบทวีคูณ พร้อมรายได้ที่มากกว่าเงินเดือนที่เธอเคยได้รับ หลังจากนั้น ชีวิตก็มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา เพราะความคิดเปลี่ยนเป็นบวกตลอดเวลา ทุกๆวัน...เธอขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจทาธุรกิจนี้ ขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง ถ้าเรารู้ความลับในข้อนี้ ทุกครั้งที่เรารู้สึกขอบคุณ มันคือพลังบวกที่เ พิ่มเข้ามาใน ความคิด และดึงดูดสิ่งดีๆเข้าสู่ตัวเรา คนที่ได้รับคาขอบคุณจะรู้สึกยินดี รู้สึกดีกับ เรา และพร้อมช่วยเหลือสนับสนุนเรา

คนที่เข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่าย จะสาเร็จมากหรือน้อย แม้กระทั่งล้มเหลว ขึ้นอยู่กับระดับความเชื่อที่ต่างกัน ความเชื่อ เกิดจากความรู้สึกที่มีต่อสิ่งที่ทา ความรู้สึก เกิดจากความคิดที่คิดย้าๆในเรื่องนั้น ถ้าคิดดีบ่อยๆ ความรู้สึกก็จะดี เกิดความเชื่อว่าทาได้ ความเชื่อ มีผลต่อ ความสาเร็จของชีวิตถึง 80% ถึงตอนนี้ คุณคงอยากรู้แล้วว่า จะเริ่มต้นกับธุรกิจนี้อย่างไร? อยากให้คุณค้นหาความรู้สึ กของตัวเองว่า จริงๆแล้วคุณต้องการชีวิตใน แบบไหนกั นแน่ ? และสิ่ งใดที่ สาคัญ ที่สุ ดต่อ ชีวิ ตคุ ณ ครอบครั ว คนรัก พ่ อแม่ ความมั่นคง ความร่ารวย หรือสุขภาพ จากนั้นลองจินตนาการ ถึงสิ่งดีๆต่อไปนี้ ยอดเงิน 500,000 บาท โอนเข้าบัญชีของคุณทุกเดือน เห็นภาพพ่อแม่ของคุณมีความสุข อาจจะไปเที่ยวด้วยกัน ให้ ก ารศึ ก ษาที่ ดี แ ก่ ลู ก เห็ น ลู ก ในชุ ด นั ก เรีย น สภาพโรงเรี ย น หรื อ ภาพ ความสาเร็จของลูกที่อยากเห็น คุณและคนรักมีสุขภาพแข็งแรง ดูดีเหมือนวัยหนุ่มสาว คุณเชื่อหรือไม่ว่า ทุกสิ่ง..เกิดขึ้นกับคุณได้..จริง ถ้าเชื่อ ก็ได้เวลาที่จะลงมือทาให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง!! แนวคิดของผมและทีมงานที่ปรึกษาทุกคน คือความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แค่เข้าใจบางสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ทุกคนทาได้ง่ายๆ เพราะเราทามันมาตั้งแต่เกิด 37

หัวใจของการแพร่พันธุ์คือการ ทาซ้า ถ้ามนุษย์ต้องเข้าเรียนวิชาสืบพันธุ์ เป็นเวลา 4 ปี เพื่อให้ได้ ลูกมาชื่น ชม เข้า ใจว่าเราคงอยู่ใ นวิกฤติใ กล้สูญพัน ธุ์ เหมือนหมีแพนด้า มนุษย์โลกกาลังเพิ่มจานวนถึง 7 พันล้านคน ยึดครองโลกทั้งใบเอาไว้ได้ เบ็ ด เสร็ จ เพราะการแพร่ พั น ธุ์ ที่ เ รี ย บง่ า ยของมนุ ษ ย์ ทุ ก คนท าได้ โ ดยไม่ ต้ อ ง เสียเวลาร่าเรียน ทาได้ทุกเวลา ที่ต้องการ เราเรียกระบบนี้ว่า “เป็นธรรมชาติ” เอาล่ะ ถ้าคุณรู้สึกเจ็บปวด ไม่พึงพอใจกับชีวิตในตอนนี้ และต้องการมีชีวิต ที่มี ค วามสุ ข มากขึ้น ...ได้ เ วลามาเปิ ด ใจเรื่ อ งการเริ่ มต้ น สร้ า งรายได้กั บ ธุ ร กิ จ เครือข่ายกันแล้ว ทุกคนมีความรู้สึกเหมือนๆกัน เราต้องการปัจจัยสี่ ความรัก สุขภาพแข็งแรง ดูดีและอ่อนเยาว์ ความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย และเราต้องการมีเงินใช้จนถึงวันที่ จากโลกนี้อ ย่า งมี ความสุข ถ้ าจะดี กว่ า นั้น คือ เหลื อ ทรัพ ย์ส มบั ติเ ป็น ทุน ไว้ ใ ห้ ลูกหลานด้วย เราทุกคนรู้ดีว่า เงินจะไหลมาเทมา...ถ้าทาธุรกิจสาเร็จ แต่ที่ไม่ทาเพราะ ความกลัว เรารู้สึกแย่เวลาพูดถึงความเสี่ยง ทีนี้ ลองคิดถึงงานสักอย่าง ที่ไม่มีคาว่า ขาดทุน ลองจินตนาการตัวคุณเป็นนักวิจารณ์หนังสือ

วันๆไม่ต้องทาอะไร ซื้อหนังสือสักเล่ม ก็เล่มที่อยากอ่านนั่นแหละ กลับมาที่ บ้านก็อ่านไปเรื่ อยๆ คุณชอบอ่า นอยู่แล้ว เลยไม่รู้สึกว่าเงินที่จ่ ายไปเป็นภาระ ต่อจากนั้นคือกาไรล้วนๆ พออ่านจบ...ก็เขียนบทวิจารณ์ส่งไปสานักพิมพ์ แล้วเงินก็โอนเข้าบัญชี เป็น ค่าจ้างให้คุณอ่านหนังสือ แทบจะเรียกว่า หายใจเฉยๆก็ได้เงิน ธุรกิจเครือข่ายในแบบเป็นธรรมชาติ สามารถให้คุณใช้ชีวิตและสร้างรายได้ ในแบบเดียวกัน เพียงแค่เริ่มต้นให้ถูกเท่านั้น ผมอยากให้คุณตอบคาถามนี้จากความรู้สึกแท้จริง...

1. คุณสามารถจ่ายเดือนละ 2,500 บาท ทุกเดือน เพื่อแลกกับความดูดี ของคุณ ตลอดไป..ได้หรือไม่?

2. คุณประทับใจสินค้ามาก แนะนาให้เพื่อนใช้ แต่ถูกปฏิเสธ ...คุณจะรู้สึก แย่จนเลิกใช้สินค้าหรือไม่?

3. คุณคิดว่า จะมีเพื่อนกี่คนที่ต้องการรายได้เดือนละ 5 แสนบาท และ ทาซ้าข้อ 1 และข้อ 2 เหมือนคุณ...? ถ้าคาตอบทั้งสามข้อของคุณคือ ใช่ ฉันสามารถจ่ายได้ตลอดไป และ..ไม่ว่า ใครปฏิเสธคาชวน ฉันก็จะใช้มัน และแบ่งปันสิ่งดีๆให้เพื่อนมนุษย์ต่อไปเรื่อยๆ ผมรับรองว่า รายได้เดือนละ 5 แสนบาทเกิดขึ้นในอนาคตแน่นอน ด้วยวิธีง่ายๆ แบบเดียวกับการสร้างครอบครัว แค่ทุกคนในครอบครัวมีเป้าหมายเหมือนกันว่า จะต้องมีลูก 4 คน 39

เริ่มจากตัวคุณ มีลูก 4 คน และทุกคนทาเหมือนกัน การกระจายตัวจะ กลายเป็น 1 >> 4 >> 16 แค่ 3 รุ่น คือ ตัวคุณ ลูก และหลาน คุณจะมีรายได้เดือนละ 1 แสนบาท ถ้า ขยายถึงรุ่นเหลน รายได้จะเพิ่มเป็น 5 แสนบาทต่อเดือน จะเห็นว่าทุกคนล้วนช่วยกันสร้างความมั่นคงให้แก่กัน ง่ายๆ แค่..ช่วยกันซื้อ ช่วยกันใช้ และช่วยกันแชร์ ก็สร้างรายได้มหาศาล เพียงแค่...ลงทุนกับตัวเอง 2,500 บาทได้ทุกเดือน คุณก็มีเวลาที่จะสร้างรายได้ขนาดนัน้ ...ตลอดชีวิต นอกเสียจากว่า...คุณรู้สึกว่า รายได้เดือนละ 5 แสนบาท เป็นเรื่องไม่สาคัญ และไม่จาเป็นสาหรับชีวิต

หากคุณสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสาเร็จ กับกลยุทธ์ สร้างรายได้ เดือนละ 5 แสนบาท ด้วยการฝึกฝนพลังจินตนาการและจิตใต้ สานึกกับธุรกิจ เครือข่าย..แบบเป็นธรรมชาติ เพื่อความสุขอย่างยั่งยืน ผู้ที่มอบหนังสือเล่มนี้แก่คุณ ยินดีแสดงรายละเอียดวิธีสร้างรายได้เดือนละ 5 แสนบาท และพร้อมเป็นที่ป รึกษาทางธุรกิ จ ให้แก่ คุณ ทัน ทีที่คุณสมัครเป็ น สมาชิก เรายังมีหนังสือที่จะเป็นเครื่องมือขยายเครือข่าย หนังสือจะเป็นตัวแทนใน การอธิบายข้อมูลยากๆแทนคุณ เพราะธุรกิจนี้ ยิ่งพูดมากยิ่งถูกปฏิเสธ

หนังสือเปรียบเสมือนเครื่ องจักรหว่านเมล็ดพันธุ์ คุณแค่แจกจ่ายหนังสือ ออกไป ให้เพื่อนๆของคุณยืมอ่าน ถ้าเขาถามรายละเอียด แสดงว่าเมล็ดพันธุ์ของ คุณเริ่มเติบโตเป็นความคิดของเขาแล้ว สิ่งสาคัญที่สุดในธุรกิจนี้ คือ ทาให้ทุกคนเห็น ว่า จินตนาการและความสาเร็จของคุณ เป็นเรื่อง จริง!!

41

ที่ปรึกษาการลงทุนในธุรกิจเครือข่าย ของคุณคือ :