สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก วันพระคริสตเจาสําแดงองค (Epiphany) เปนวันที่พระยาสามองคตามดาวมาพบองค พระผูไถ มีความหมายวา พระผูไถสําแดงองคแกนานาชาติ พระผูไถมิใชพระผูไถบาปเฉพาะของ ชาวยิว แตทุกชาติทุกภาษา โดยมีพระยาสามองคเปนผูแทนของนานานชาติรวมถึงชาติไทยของ เราด ว ย พระยาสามองค ที่ เ ราเรี ย กนี้ ไ ม รู ว า หมายถึ ง ใครกั น แน อาจจะเป น นั ก ปราชญ (Wise Men) หรือ นักโหราศาสตร (Magi หรือ Astrologers) เพลงบางเพลงก็ใชคําวา three kings มาจากทางตะวันออกโดยเดินตามดวงดาวมา นี่ก็เปนอี กเรื่องหนึ่งที่เราไมรูแนชัด วา ดวงดาวนี้คือดวงดาวไหนกันแน หอดูดาวที่ชิคาโกเคยจัดแสดงดาวที่ชื่อวา “ดาวแหงเบธเลแฮม พวกเขาใชเทคโนโลยีเพื่อจะแสดงถึง ดาวดวงที่พระยาสามองคติดตามมาวาเปนดาวดวงไหนกัน แน พวกเขาสรางทองฟาจําลอง และคํานวณระยะเวลากลับไปในสมัยพระเยซูเจาบังเกิด ผล ปรากฎวามีสองคําตอบ คําตอบแรกก็คือ เปนดาวหางดวงหนึ่ง และคําตอบที่สองก็คือ ดาวศุกร (Venus) ดาวศุกร เปน ดาวที่สว างสุ กใสอยู จนกระทั้ งรุง เชา ดัง นั้น เราจึงเรียกดาวดวงนี้ดว ยว า “ดาวประจํารุง” ชื่อนี้ก็เปนอีกชื่อหนึ่งที่เราใชเรียกแมพระโดยใชเรียกในบท ลีตาเนียแมพระวา เปน “ดาวประจํารุง” ภาษาลาตินใชคําวา Stella Matutina แมพระเปรียบเหมือนดาวประจํารุงที่นํา ทุกคนที่ตามดาวดวงนี้ไปพบพระเยซูเจาได ดาวดวงนี้สวางสุกใสอยูทั้งคืนจนรุงเชา หากพระอาทิตย ยังไมขึ้นเต็มที่ เราก็ยังเห็นดาวดวงนี้ สิ่งที่นาสังเกตุก็คือวา เมื่อพระยาสามองคไดพบพระเยซูเจาแลว พวกทานก็มิไดมองดูดาว ดวงนี้อีก ถาหากจะเปรียบก็เปรียบไดวา เมื่อพระอาทิตยขึ้นแลว เราก็จะไมเห็นดาวดวงนี้อีกตอไป เพราะแรงของดวงอาทิตยยอมบดบังแสงของดวงดาว พอเชื่อวา แมพระเปนดาวประจํา รุงที่ทําหนาที่เดียวกันนี้คือ นําเราไปพบพระเยซูเจาแลวจากนั้นพระนางก็จะปลอยใหเราอยูกับพระ ผูไถของเรา พระยาสามองคจึงไดเขาเฝาพระผูไถ และมอบสิ่งที่ตนตั้งใจจะนํามาถวายแดพระองค พี่นองก็อยาลืมมอบความตั้งใจตาง ๆ ของเราแดพระกุมารดวยเวลาที่เราเขาไปจูบพระกุมาร เรื่อ งของดวงดาวยัง ไม จบครับ พ อคงตอ งพู ดสัก หน อยเพราะคนไทยเราก็ มีความเชื่ อ เกี่ยวกับดวงดาวเหมือนกัน แตมักจะเชื่อ “ดวง” มากกวา “ดาว” มีหมอดู หมอเดาหลายตอ หลายคนชอบพูดเรื่อง ดาวพระศุกรเขา พระเสารแทรก สามารถหยั่งรูอนาคตไดจากการดูดาว
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
2
เรียกงาย ๆ วา ดูดวงดวยการดูดาว พอก็มองไมเห็นเหตุผลตรงไหนวา ดาวบนทองฟาจะบอก อนาคตของเรามนุษยแตละคนไดอยางไร แตพอเชื่ออยางหนึ่งคือ การศีกษาดวงดาวสามารถนําทาง เราได การเดิ น เรื อ ในสมั ย ป จ จุ บั น ก็ ม าจากการดู ด าวนี่ แ หละ หรื อ เราสามารถรู ว า จะ เกิดปรากฎการณอะไรไดบางตามแนวทางวิทยาศาสตรและดาราศาสตร การดูดวงดาวก็ชวยใหผู ที่หลงทางกลับบานถูก พระเปนเจาทรงใชดวงดาวเพื่อเปดเผยพระองคเองแกชาวเรา เมื่อเรามีพระองคแลว ก็เหมือนกับพระอาทิตยขึ้นมาบดบังแสงของดาว บนทองฟา ยึดถือพระเยซูเจาเปนดังดวงอาทิตย เราก็เห็นแสงสวางในการดําเนินชีวิตอยาไปหลงงมงายกับเรื่องการดูดวง การทํานายทายทัก เพราะสิ่งเหลานี้ไมสามารถเอาชนะดวงอาทิตยไดหรอก และดาวอีกดวงหนึ่งที่เราตองติดตามอยูเสมอ ก็คือ “ดาวประจํารุง” แมพระยังทําหนาที่นี้อยูตลอดเวลา คือเปนดาวประจํารุงพาเราไปพบ พระเยซูเจา และเมื่อพระอาทิตยขึ้นแลว แมพระก็ปลอยใหเราพบกับพระบุตรของพระนาง นี่แหละ ครับ คือหนาที่ของดวงดาว
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 3 มกราคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
3
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก วันนี้เราฉลอง “พระเยซูเจาทรงรับพิธีลาง” เราตองเขาใจความหมายของวันฉลองนี้ดี ๆ ไมงั้นก็ อาจจะเขาใจผิดได เขาใจผิดตรงที่วา พระเยซูเจาเปนพระไมมีบาป ทําบาปไมไดดวย ทําไมจึงตองรับพิธีลาง อธิบายไดงาย ๆ แบบนี้นะครับ พระเยซูเจาใหความสําคัญของการรับศีลลางบาป และการรับศีลลางบาปนี้ ตองควบคูไปกับความเปนทุกขเสียใจในการทําบาปดวย และที่สุดพระองคก็แสดงใหเราเขาใจอยางชัดเจนวา พระเปนเจาพระตรีเอกภาพประทับอยูกับผูที่ไดรับศีลลางบาป เทศกาลพระคริสตสมภพจบลงแลว พระเยซูเจาเริ่มภารกิจของพระองค ภารกิจแหงการไถบาปพวกเรา เวลาที่พอสอนคําสอนเกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์ พอจะสอนวา ศีลศักดิ์สิทธิ์ที่จําเปนที่สุด ไดแก ศีลลางบาป และ ศีลศักดิ์สิทธิ์ที่สําคัญที่สุด ไดแก ศีลมหาสนิท พระศาสนจักรใหความสําคัญตอศีลลางบาปอยางมาก ตามปกติ วัดตาง ๆ ในยุโรปจะมีสถานที่พิเศษที่ใชในการลางบาป มีอางลางบาปหรือบางแหงก็เปนหองลางบาป โดยใช ศิลปะตกแตงที่สวยงามมาก เทียนปาสกาก็จะเปนเทียนที่มี การตกแตงพิเศษ คนที่เคยไปเที่ยวยุโรปคงเคยเห็น แตก็อาจจะไมรูวาเปนอะไร ที่เมือง Pisa เวลาที่เราไปเยี่ยมชมหอเอนเมือง Pisa เราก็ไปดูแตหอเอนแลวก็วัด ที่ จ ริ ง ด า นหน า วั ด มี อ าคารหลั ง หนึ่ ง เป น อาคารเพื่ อ การโปรดศี ล ล า งบาป ภายในตกแต ง สวยงามมาก เชนเดียวกับที่เมือง ฟลอเรนซ อาคารที่อยูดานหนาอาสนวิหารของเมืองก็คืออาคารที่ใชโปรดศีลลางบาป อาคารนี้มี ศิลปะที่ตระการตามาก ที่สําคัญก็คือชาวยุโรปเขาใหความสําคัญตอวันรับศีลลางบาปของลูก ๆ หลาน ๆ ของ เขาอยางมาก ทั้งการแตงตัว การเชิญแขกมารวมพิธี การจัดงานเลี้ยง พวกเขาถือวาเปนวันที่มีความหมาย เปนการเริ่มตนชีวิตพระ ภาพเหลานี้เราไมคอยไดเห็นในเมืองไทยของเรา อางลางบาปของบานเราก็คือโถแกว ใบหนึ่ง อางลางบาปที่พอเคยเห็นวาสวยมากหนอยก็คงจะเปนอางลางบาปที่วัดอัสสัมชัญ ใครที่ไปวัดอัสสัมชัญ ก็ลองไปดูได ที่จริงวัดทุกวัดควรจะทําอางลางบาปใหสวยงาม มีศิลปะที่สวยงามตกแตง พอแมพี่นองก็ควรให ความสําคัญตอการรับศีลลางบาปใหมากขึ้น สมัยกอนคุณพอเขาจะสอนวา เมื่อใหกําเนิดลูกแลว ตองนํามารับ ศีลลางบาปใหเร็วที่สุด บางคนเกิดมา 2 วัน 3 วัน ก็รับศีลลางบาปแลว นานหนอยก็หนึ่งอาทิตย แตสมัยนี้เรารับศีลลางบาปหลังจากเกิดมา 3 เดือน บางรายก็เปนป บางที ตองรอใหลูกๆ โตกอนจึงจะตัดสินใจได วันฉลองพระเยซูเจารับพิธีลาง ก็เปนวันที่เราหันมาทบทวนเรื่องนี้กัน ทั้งพี่นองและก็พอเองดวย วาควรใหความสําคัญตอศีลลางบาปกันอยางไรดี ใครมีความคิดดีๆ ที่จะเสนอก็ สงมาไดเลยนะครับ พี่นองเองก็ควรจะเอาใจใสเรื่องการรับศีลลางบาปของเด็ก ๆ ในครอบครัวใหมากขึ้น นักบุญหลุยส กษัตริยแหงฝรั่งเศส ทําใหเราพบวาการรับศีลลางบาปเปนเรื่องที่มีความสําคัญและ จําเปน พระองคไดพบกับประชาชนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งจะรับศีลลางบาป พระองคตรัสวา “เมื่อสักครูที่ผานมา เจาเปนลูกของขา แตเวลานี้เจาคือลูกของพระเจาแลว” อีก เรื่ องหนึ่ ง ที่สํ าคั ญเกี่ ย วกับการรั บศี ล ลางบาปก็ คื อ “นั ก บุ ญศี ล ล างบาป” เราต างมี นั กบุ ญ องค อุปถัมภของเรา บางทีเราก็ไดชื่อนี้โดยที่ยังไมรูจักเลยเพราะเรายังเด็กเล็ก ๆ อยู แตเมื่อเราโตขึ้น เราก็ควรที่ จะรูจักนักบุญของเราเอง สวดภาวนาขอทานบอย ๆ ความสัมพันธนี้จะชว ยใหเรากาวหนาไปสูความศักดิ์สิทธิ์ และไปสูทางแหงความรอด นักบุญทุกองคบนสวรรค พรอมที่จะชวยเราเสมอ คนที่ไมรูจักนักบุญของตนเอง ก็คงจะเปรียบเหมือนกับคนที่ไมรูวา ชื่อของเราแปลวาอะไร ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 10 มกราคม 2010 ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
4
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พระเยซูเจาทรงทําอัศจรรยเปลี่ยนน้ําใหเปนเหลาองุนรสเลิศในงานเลี้ยงแตงงานที่เมือง คานา เหตุการณนี้เราทราบดีวามาจากความเอาใจใสในความตองการของผูอื่นของแมพระ นี่เปน ขอคิดประการแรกที่เราไดรับจากพระวาจาอาทิตยนี้ ถาเราจะเลียนแบบแมพระ เราก็ตองเอาใจใส ผูอื่นบาง ดูวาคนอื่นเขารูสึกอยางไร คิดอยางไร หลายคนไมคอยสนใจนักวาคนอื่นเขาจะคิดอยางไร เพราะฉะนั้น เขาจะพูดอะไร จะทําอะไรก็พูดและทําตามใจ แบบนี้ก็ไมคอยดีเทาไหร เวลาที่อยูใน วัดก็เปนเวลาที่เราสามารถเอาใจเขามาใสใจเราไดเหมือนกัน บางทีเราก็ตองระวังที่จะไมไปรบกวน ผูอื่นที่กําลังสวดภาวนา เชน การคุยกันในวัด การปลอยใหเด็ก ๆ ร องเสียงดังในวัด การเปด โทรศั พ ท มื อ ถื อ หากเราเอาใจใส กั น และกั น มากกว า นี้ ก ารภาวนาของเราในวั น อาทิ ต ย ก็ จ ะมี ความสุ ข และสงบใจได ดี ขึ้ น แต เ รื่ อ งที่ พ อ อยากคุ ยกั บพี่ น องวั นนี้ เป นเรื่ องความสํ าคั ญของ การแตงงานมากกวา พระเยซูเจาไปงานเลี้ยงแตงงานก็เพื่อใหเราเห็นความสําคัญของการ แตงงาน พระองคสอนเราหลายอยางเรื่องนี้เชน สอนวา “สิ่งที่พระเจาไดรวมไว มนุษยอยาแยก จากกันเลย” นี่ก็คือหามการหยาราง “เขาไมใชสองคนอีกตอไป แตเปนหนึ่งเดียว และยังสอน เรื่องการผิดประเวณีตอผูอื่น แมดวยการมองและความคิด การมีภรรยาหรือสามีเพียงคนเดียว พระองคก็ทรงสอนเราอยูเสมอๆ การแตงงานสมัยนี้ มีการหยารางกันสูงมาก แยกกันอยูก็มาก ทั้งๆ ที่กอนแตงงานก็มีความรักตอกันแทบจะเรียกวาตายแทนกันได อยูไปอยูมากลายเปนวา แทบจะฆากันได เยาวชนสมัยนี้ก็มีแนวโนมที่จะอยูกันกอนแตง หรือ ชิงสุกกอนหาม อะไรทํานองนี้ จนเราผูใหญตางก็เปนหวงกันทั้งบานทั้งเมือง พระศาสนจักรใหความสําคัญกับเรื่องการแตงงาน อยางจริงจัง มีกฎระเบียบคอนขางจะเครงครัด ทั้งกอนแตงงานและหลังแตงงานแลวก็จะสอนเรื่อง ความซื่อสัตยตอกัน เรื่องการหามการคุมกําเนิดนอกธรรมชาติ การทําแทง ฯลฯ อีกหลายประการ เราลองคิดดูกันเลนๆ นะครับ ถาหากพระศาสนจักรไมสอนเรื่องนี้แบบเครงครัด อะไรจะเกิดขึ้น เชน แตงงานแลวหยารางไดตามสบาย อยูกันกอนแตงก็ได มีภรรยาหรือสามีไดหลายคน เลือกเอา ตามใจชอบอยากมีลูกก็มี ไมอยากมีก็ฆามันทิ้งซะ พอวาโลกของเราคงจะอลหมานไปดวยชีวิตที่ ไรศีลธรรม มนุษยจะใหเกียรติกันและกันอยางไร แมเราจะมีสติปญญา แตเราก็คงไมแตกตางไป กวาสิ่งสรางอื่นๆ ในโลกใบนี้ ใครจะแตงงานก็ตองรูจักกันใหดี เรียนรูกันดวยใจกวาง คนที่แตงงาน แลวก็ตองพยายามอุทิศตนดวยความเสียสละ และใหอภัยกันใหมาก ๆ การแตงงานเรียกรอง การใหอภัยกัน พอเชื่อวาทุกคูที่แตงงานไปแลวก็คงตองทําอะไรผิดดวยกันไมมากก็นอย อยางนี้ ก็ตองผอนหนักผอนเบากัน พอสังเกตวาคูแตงงานที่เมืองคานานี้ เชิญพระเยซูเจาและแมพ ระมารวมงานเลี้ยง และ เมื่อมีแมพระและพระเยซูเจาแลว พวกเขาก็ไดรับพระหรรษทานอยางอุดมและดีกวาเดิม พอก็เชื่อ วา คูแตงงานทุกคูที่มีพระอยูดวยยอมจะไดรับสิ่งที่ดีกวา มีความสุขมากกวา อุทิศตนใหแกกัน ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
5
ไดมากกวา ครอบครัวที่มาวัดทุกอาทิตยดวยกัน เขามีเวลาที่มีคาที่สุดอยูดวยกันในครอบครัว สวดดวยกัน รองเพลงดวยกัน รับศีลดวยกันเปนภาพแหงความสุขใจ หลังจากนั้นเขาก็ไปพักผอน ดวยกันอีก การแตงงานก็คือการรูจักใหเวลาที่ดี ๆ ตอกันครับ พอก็แนะนําใหพี่นองอยาทอถอย ในการไปวัดทุกอาทิตยเลย บางทีก็เหนื่อยหนอย ฟงเทศนยาวหนอย เบื่อบาง แตที่สุดแลวพี่นอง จะไดอัศจรรยแหงการเปลี่ยนน้ําใหเปนเหลาองุน ที่บานของเราก็ควรจะมีเวลาสวดพรอมกันบาง เวลาทานอาหาร หรือกอนนอน อานพระคัมภีรดวยกันบาง และที่สําคัญก็คือ เชิญแมพระและ พระเยซู เ จ า มาที่ บ า น ของเราควรจะมี แ ท น บู ช า หิ้ ง พระสวย ๆ ตั้ ง ให เ ด น ที่ สุ ด ในบ า น บางบานมีหองพระเลย นาชมมาก รับประกันวาชีวิตครอบครัวจะไดรับพระหรรษทานมากมาย การแตงงานเปนพระพรอยูแลว ชวยกันทําใหพรนี้ทวีมากขึ้น
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 17 มกราคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
6
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก วันนี้ เป นวัน พิเ ศษสํ าหรับพ อเพราะวั นนี้ เปน วัน เกิด ของพระคาร ดินัล มี ชัย กิจ บุญ ชู ที่บอกวาเปนวันพิเศษก็เพราะวาพระคุณเจาเปนผูที่มีพระคุณอยางใหญหลวงสําหรับพอ เปนอธิการที่ บานเณรเล็ก เปนผูที่บวชใหพอ เปนผูที่สงพอไปเรียนตอที่กรุงโรม และเปนผูที่ใหพอทํางานและ ติดตามพระคุณเจามานานประมาณเกือบ 20 ป ตั้งแตกอนที่จะใหพอเปนเลขานุการดวยซ้ํา พอขอ ถือโอกาสนี้เชิญชวน พี่นองทุกทานระลึกถึงพระคุณเจาเปนพิเศษ ในคําภาวนา Happy Brithday ครับ พระคุณเจา พี่นองบางคนอาจจะจําพระสันตะปาปา ยอหนปอลที่หนึ่งไดนะครับ พระสันตะปาปาผูนี้ ดํารงตําแหนงอยูไดเพียง 33 วันเทานั้น ก็สิ้นพระชนมและเราก็ไดพระสันตะปาปาจอหนปอลที่ สอง ดํารงตําแหนงตอจากพระองค พอขอกลาวถึงพระสันตะปาปาจอหน ปอลที่หนึ่งเล็กนอย พระองคไดรับสมญานามวา “พระสันตะปาปาแหงรอยยิ้ม” ถาเปรียบกับประเทศไทยก็เรียก ประเทศของเราวา “Land of Smile” พระองคก็คือ “Pope of Smile” กลาวกันวาพระองคยิ้ม เสมอ และรอยยิ้มของพระองคก็ออนโยนนารักมาก หนึ่งวันหลังจากที่พระองคไดรับการเลือกตั้ง เป น พระสั น ตะปาปาแล ว พระองค ต รั ส เล า ใฟ ฟ ง ว า “เมื่ อ วานนี้ เราเข า ไปที่ โ บสถ ซิ ส ติ น เพื่อเลือกตั้งพระสันตะปาปาองคใหม ตอนนั้นยังไมรูวาอะไรจะเกิดขึ้น แตเวลาผานไปจนกระทั่ง รูสึกไดแลววาอันตรายจะมาถึงตัวเอง ก็มีเพื่อนคารดินัล 2 องคเขามาหาและพูดวา “ไมตองกลัว หากพระใหภาระเราแบก พระองคก็จะประทานพละกําลังใหเราสามารถแบกได ” ในที่สุด พระองคก็เชื่อคําพูดนี้ ไดตัดสินพระทัยรับตําแหนงพระสั นตะปาปา บางทีอาจจะนึกถึงคําของ องค พ ระเยซู เ จ า ที่ ต รั ส ไว ว า “ผู ที่ แ บกภาระหนั ก จงมาหาเราเถิ ด เราจะให ท า นพั ก ผ อ น แอกของเราออนนุมและแอกของเราก็เบา” มาดูตัวอยางอีกตัวอยางหนึ่งในพระคัมภีรกันนะครับ บทอานที่หนึ่งวันอาทิตยนี้เลาวา เอสราซึ่งเปนสมณะนําเอาธรรมบัญญัติของพระออกมาอานตอหนาชุมนุมชน อานตั้งแตเชาตรู ถึงเที่ยง (สมัยนี้มีใครอานพระคัมภีรประจําวันได 1 รอบก็ตองชมแลวครับ) อานเสร็จ ประชากร ก็ ต อบรั บ อาแมน อาแมน หมายถึ ง ตกลงตามนั้ น ตกลงตามนั้ น พอฟ ง คํ า อธิ บ ายเสร็ จ (ซึ่งก็คงประมาณวาเปนบทเทศนนั่นแหละ) ประชาชนที่ฟงอยูก็รองไห สืบไปสืบมาไดความวา ที่ประชาชนรองไหก็เพราะวา ธรรมบัญญัตินั้นทําใหพวกเขาตองปฏิบัติอะไร ๆ ในชีวิตเพิ่มขึ้นอีก หลายอย า ง เรี ยกง า ย ๆ ว า เพิ่ ม ภาระให ห นั ก อึ้ ง ในชี วิ ต ชาวเลวี ก็ เ ลยปลอบโยนพวกเขาว า “อยาเศราโศกไปเลย อยารองไห กลับบานไปกินอาหารดี ๆ ดื่มเหลาองุนดี ๆ แบงปนใหคนที่ไมมี วันนี้เปนวันศักดิ์สิทธิ์ พระยาหเวหเปนพละกําลังของทาน พวกเขาก็ไดรับความบรรเทาใจและ กําลังจากพระ พระคัมภีรอาทิตยนี้ก็เลยมีบทสอนเรามากมายพอพอจะแยกแยะออกเปนขอ ๆ ไดดังนี้นะครับ ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
7
1. สอนเราใหเรารูจักอานพระคัมภีรกัน อานใหคนอื่นฟง หรือ ไมก็ฟงคนอื่นอาน การฟงพระคัมภีรก็เทากับฟงพระเปนเจากําลังตรัสกับเรา 2. ฟงพระคัมภีรเสร็จ ก็มาฟงคําอธิบาย ก็คือ ฟงเทศน ฟงเทศนก็คือฟงดูวาพระพูด อะไรสั่ ง อะไรเรา ไม ใช ไ ปฟ ง พระสงฆ พอ ทุ กองค กํา ลั งพู ด อธิ บ ายแทนพระทั้ ง นั้ น ฟงเนื้อหาแตอยามุงเฉพาะบุคคล (ตององคนี้เทานั้น องคอื่นไมฟง) 3. คําสอน และคําสั่งบางประการ อาจทําใหเราลําบากใจ บางครั้งก็ลําบากกายดวย แตพระก็คือพละกําลังของเรา บางทีตองตื่นแตเชา การเดินทางมาวัดก็ลําบาก ฟงเทศนก็นาน (ที่จริงวัดเราก็เทศนไมนานเทาไหร) และอื่นๆ บางขอก็สั่งใหเราอภัยคนที่ เราเกลียด อยางนี้ก็คือลําบากใจ พี่นองครับ อยาเศราใจไปเลยครับ อาทิตยหนึ่งเรามีวันอาทิตยเปนวันศักดิ์สิทธิ์ ฟงพระ วาจาแลว กลับบานไป พักผอนกับครอบครัว ทานอาหาร ไปเที่ยวบาง ไปแบงปนความสุขใหแก คนอื่นบาง วันนี้เปนวันพระและพระเปนผูประทานพละกําลังแกเรา ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 24 มกราคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
8
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ปพระสงฆเป นปที่มี การสวดภาวนาเพื่อบรรดาพระสงฆ อยางมากมาย และสวดอยา ง เอาจริงเอาจัง หลายคนไดรับมอบหมายจากองคกรใหสวดเพื่อพระสงฆโดยเฉพาะเปนองค ๆ ไป เลย พอไดรับไปรษณียบัตรจากผูที่สวดใหพอหลายตอหลายใบ ถามพอวาพอรูสึกยังไง พอรูสึกวา บรรดาสัตบุรุษยังเคารพและยิ่งกวาเคารพก็คือ “รักพระสงฆ” และอยากใหพระสงฆเปนพระสงฆ ที่เปยมไปดวยความรัก เรียกงาย ๆ ก็คืออยากใหเปนพระสงฆที่ดี ที่ประเทศเกาหลีมีการสํารวจ ความคิดเห็นของบรรดาฆราวาสวาพวกเขาตองการพระสงฆแบบไหนจึงจะเรียกวาเปนพระสงฆที่ ดี พอวาคริสตังเกาหลีก็คงมีความเห็นเรื่องนี้เหมือน ๆ กับคริสตังไทยพวกเขาบอกวา - เปนพระสงฆที่เอาใจใสคนออนแอและถูกแยกออกจากสังคม - เปนพระสงฆที่ไมติดยึดอยูกับวัตถุ เครื่องใชไมสอย ทรัพยสมบัติ - เปนพระสงฆที่สุภาพ ถอมตน - เปนพระสงฆที่สอน และปฏิบัติตามที่ตนเองสอน - เปนพระสงฆที่ไมบาอํานาจ - เปนพระสงฆที่นบนอบผูใหญ และเปนเพื่อนกับเพื่อนพระสงฆ (รักกันและกันฉันทพี่นอง) - เปนพระสงฆที่เอาใจใสพิธีกรรม และเตรียมเทศนอยางดี - เปนพระสงฆที่ไมมีอคติตอสัตบุรุษ และไมลําเอียง - เปนพระสงฆที่สนใจ และสงเสริมใหมีพระสงฆเพิ่มขึ้น - เปนพระสงฆที่ไมยะโส และชอบใชแตอํานาจหนาที่ (ไมจองหอง) - เปนพระสงฆที่ซื่อสัตยตอศักดิ์สงฆจนตาย ความคิดเห็นเหลานี้เกิดขึ้นจาก “ความรัก” และ “ความหวังดี” ที่มีตอพระสงฆดวยจริงใจ พี่นองบางคนก็อาจจะตองการเสนอความคิดเห็นเหมือนกัน ถามาจาก “ความรัก” ก็สามารถทําไดนะ ครับ หลาย ๆ ขอเปนเหมือนคําเตื อนใจสําหรับบรรดาพระสงฆ พออาน ๆ ดูก็รูสึกวามีหลาย อยางที่ พอตองเอาไปไตรตรอง หลายอยางที่จะตองแกไข แสดงวาความคิดเห็นเหลานี้เปนเรื่องที่ ดีครับ พอเชื่อวาปพระสงฆปนี้ บรรดาพระสงฆซาบซึ้งน้ําใจของพี่นองที่ไดสวดภาวนาใหตลอด ทั้งป นอกจากภาวนาแลว ยังรวมมือและสงเสริมใหมีกระแสเรียกการเปนพระสงฆเพิ่มขึ้น ปนี้ที่วัด เรามี ก ระแสเรี ยกการเป น พระสงฆ เพิ่ ม ขึ้ น มี ผู สมั ครเข าเป น เณรที่ บ า นเณรยอแซฟ (ถ า ยั ง ไม เปลี่ยนใจ) 7 คน และมี ผูใ หญ อีก 1 คน ที่ ป ระสงคจ ะเป นพระสงฆ และทางสัง ฆมณฑลกํา ลั ง พิ จ ารณาให เ ข า บ า นเณรกลาง ยั ง ไม ท ราบว า จะได เ ป น พระสงฆ ห รื อ ไม แต ก็ เ ป น เรื่ อ งที่ ดี ที่ มี แนวโนมวากระแสเรียกเพิ่มขึ้น พวกเราก็ตองชวยกันสนับสนุนตอไป ใครอยากจะสนับสนุนเณร ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
9
ของเราจะสมทบทุนชวยเณรดวยก็ไดนะครับ การเปนเณรสมัยนี้ไมเหมือนสมัยกอน ตองมีคาใชจาย เหมือนกัน ครอบครัวเราไมมีเณร ก็ชวยใหคนอื่นไดเปนก็ยังดี เณรเหลานี้จะถูกจดบันทึกลงไปวา เปนเณรในปพระสงฆ และวันหนาหากเขาเปนพระสงฆ ก็จะไดรับการบันทึกอีกวา ปพระสงฆชวย ใหมีพระสงฆเพิ่มขึ้นจริง ๆ และนี่คืองานของ “ความรัก” และ “คําภาวนา” ที่เกิดขึ้นในปพระสงฆ ปนี้เปนปที่มีความหมายจริง ๆ ครับ สําหรับพระสงฆ และพี่นองเองดวย นักบุญเปาโลในบทอานวันอาทิตยนี้สอนเราเรื่อง “ความรัก” เปนบทที่อานแลว เราจะ เขาใจเรื่องความรักเกือบทุกดานเลย ปญหาไมไดอยูที่วาเขาใจหรือไม อยูที่วาจะทําไดหรือไม ความรักของเรามนุษย มักจะมีเงื่อนไขตามมาเสมอ แตความรักแบบนักบุญเปาโล ไมมีเงื่อนไขเลย ความรักแบบพระเยซูเจาก็ไมมีเงื่อนไขเชนเดียวกัน พอแนะนําวาใหพี่นองอานบทอานนี้บอย ๆ พี่นองจะพบวาทุกครั้งที่อาน จะมีอะไรสอนใจเราเรื่องความรัก ไดอย างไมมีที่สิ้นสุดเลย เพราะ ความรักนั้นไมมีขอบเขต ไมมีพรมแดน ไมมีเงื่อนไขครับ ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 31 มกราคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
10
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ประกาศกอิสยาหรูสึกตกใจ เวลาที่พบวาทานกําลังอยูตอหนาพระเจา ทานกลาววา “วิบัติ แกขาพเจา เพราะขาพเจาพินาศแลว เพราะขาพเจาเปนคนริมฝปากไมสะอาด และขาพเจาอยู ในหมู ช นชาติ ที่ ริ ม ฝ ป ากไม ส ะอาด” ข อ ความนี้ เ ป น ข อ ความที่ น า คิ ด มาก นั ก บุ ญ เปโตร ในพระวรสารวันนี้ก็รูสึกคลาย ๆ กับประกาศกอิสยาห ทานกราบลง ทูลพระเยซูเจาวา “โปรดไปจาก ขาพเจาเสียเถิด พระเจาขาเพราะขาพเจาเปนคนบาป” เวลาที่เราอยูใกล ๆ กับพระ เราจะรูสึก ถึงความไมเหมาะสมของเราหลายตอหลายอยาง เราจะรูสึกวาเราเปนคนบาป และก็จะรูสึกเสียใจ ที่เปนเชนนี้ คนที่เสียใจคือคนที่กลาสารภาพออกมาวา “ฉันเปนคนบาป” “ฉันเปนคนที่มีริมฝปาก ไมสะอาด” แลวพระเจาก็จะใชคนที่รูสึกเสียใจนี่แหละไปประกาศขาวที่ดีเพื่อทําให “ริมฝปากของเขา สะอาด” พระเจาตรัสวา “เราจะใชผูใดไป” ประกาศกอิสยาหตอบวา “ขาพเจาอยูนี่แลว ขอทรงใช ขาพเจาไปเถิด” พระเยซูเจาตรัสกับเปโตรวา “อยากลัวเลย ทานจะเปนชาวประมงหามนุษย” วัน ๆ หนึ่ง เราใชริมฝปากของเราพูดอะไร ๆ ที่ไมสะอาดมากมายจนกระทั่งมีคนเคยสอน ไววา “พูดนอยก็ผิดนอย พูดมากก็ผิดมาก” แตทําอยางไรไดมนุษยเราเปนคนชอบพูด ชางพูด โดยเฉพาะในเรื่องที่ไมคอยจะดีของคนอื่น สวนเรื่องที่ไมดีของตนเองก็ไมคอยอยากใหใครเขารู หรือใหใครเขาพูด ขาวฉาวของใครตอใครเปนขาวที่ขายไดตลอดกาล ขาวฉาวของประธานาธิบดี Bill Clinton กับ Luwinski ก็ยังสามารถพูดกันไดจนถึงปจจุบัน ขาวฉาวของนักกอลฟชื่อดัง อยาง Tiger Woods หรือนักฟุตบอลชื่อดังอยาง John Terry พอคงไมตองบอกดวยซ้ําวา เรื่องอะไร พี่นองก็คงจะรูอยูแลว (ถายังไมรู อีกไมนานก็คงรู) นอกจากนี้ก็ยังมีขาวฉาวของบรรดา ดาราทั้ งหลาย พี่ น อ งอาจจะรู เ รื่ อ งเหล า นี้ ดี ก ว า หนั ง ที่ พ วกเขาเล น ซะด ว ยซ้ํ า ไป นี่ แ หละครั บ มนุษยเราชอบรูและชอบพูดเรื่องฉาว ๆ ขาวฉาว ๆ ของพระสงฆนักบวชก็เปนอีกเรื่องหนึ่งที่อยูใน ความสนใจ หากเรื่ องอะไรมาเข าหู ละก็ รั บรองว าติ ดทอปเท็ น (Top Ten) ในวงการสนทนา อยางแนนอน คุณพอองคหนึ่ง เทศนเกี่ยวกับเรื่องการนินทาใหพี่นองฟง และสรุปวา “แมแตพอเองก็ยังถูกเขาเอาไป นินทา หลังมิสซาก็มีผูหญิงคนหนึ่งเดินไปพบกับคุณพอองคนั้น ตอนแรกคุณพอก็คิดวาคงเขามา แสดงความเห็นใจพอ หรือ ไมก็แ สดงความไมพอใจที่มี คนมานินทาพอ แตก ลับมาแสดงความ ไมพอใจที่วา “คุณพอ ยังไมไดเลาใหฟงเลยวา พวกเขานินทาพอวาอยางไร” ประมาณไดเลยวา “อยากรู”
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
11
ปญหาสําคัญของเรื่องนี้อยูตรงที่วา เรามักไมคอยจะรูสึกวาการนินทาเปนสิ่งไมดี หลายคน มั ก จะพู ด ว า “ไม เ ห็ น เสี ย หายตรงไหน ก็ ฉั น พู ด เรื่ อ งจริ ง ” อย า ลื ม นะครั บ ว า การนิ น ทา คื อ การเอาเรื่ องจริ ง (ที่ ไม ดี ) ของผู อื่ นมาพู ดให อี กผู หนึ่ งฟ ง แต การพู ดของเราอาจจะกลายเป น การใสความ ไปก็ได ในกรณีเรื่องที่เราพูดไปนั้นไมเปนความจริง ดังนั้น ทั้งการนินทา และการ ใส ความก็ เ ป นความบาปทั้ งสิ้ น เรากํ า ลัง ทํ า ลายชื่ อ เสี ย งของคนอื่น โดยที่ ไ ม สามารถจํ า กั ด ขอบเขตได เรื่องที่เรานินทาหรือใสความสามารถกระจายไปไดทั่วโลก แลวเราจะคืนชื่อเสียงของ เขาไดอยางไร ก็ลองใหใครเขาเอาเรื่องของเราไปนินทาดูก็ได เราจะรูสึกอยางไร เรากําลังทําราย จิตใจของคนหลายคน เจาตัวเอง ครอบครัวของเขา เพื่อน ๆ ของเขา การงานของเขา ทําราย แบบที่เราเองไมตองปรากฎตัวเลย อยางที่พอบอก นี่เปนธรรมชาติอยางหนึ่งของมนุษย แตธรรมชาติอีกอยางหนึ่งของมนุษย ก็คือ “การชําระลาง” และ “การรูสึกผิดชอบชั่วดี” นี่แสดงวาเรายังมีทางแกไข เราตองพยายาม เอาชนะธรรมชาติบางอยางที่ไมดี เราตองเขาใกลพระใหมากขึ้น และพระองคจะใชเราไปประกาศ ขาวดี ขาวดีหรือเรื่องดี ๆ นี่แหละที่จะชําระริมฝปากของเรา หรือมิฉะนั้น เราก็ควรใชยาขนาน เอกที่มีผลดีมากที่สุดเลย นั่นก็คือความเงียบ อยาลืมดวยวา ปากเรานั้นสามารถ ชวยชีวิต และ สามารถ “ทําลายชีวิต” เคยมีคนสอนพอวา “ถาพูดดีไมได ก็อยาพูดเลยก็จะดี”
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 7 กุมภาพันธ 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
12
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ไมบอยนักที่วันตรุษจีนและวันวาเลนไทนจะมาตรงกันและเจาะจงมาตรงกับวันอาทิตย ซะดวย พอเลยไมรูวาจะฉลองอะไรดี เอาเปนวาฉลองทั้ง 3 อยางเลย คือ ฉลองวันพระ ฉลองวัน ตรุ ษ จี น และฉลองวั น วาเลนไทน แต ก็ ต ามที่ นั ก บุ ญ เปาโลสอนเราไว “ที่ สํ า คั ญ กว า หมดก็ คื อ ความรัก” เราฉลองวันพระ วันอาทิตย ก็เพราะเรารั กพระ พี่น องที่ ฉลองตรุษ จีนก็ ขอพรจาก พระเจาที่เรารัก และฉลองวันวาเลนไทนก็เพื่อระลึกถึงความรักนั่นเอง พูดถึงความรัก ก็อดที่จะพูด ถึงสมณสารของสมเด็จ พระสันตะปาปาเบเนดิกตที่ 16 ไมได นั่นคือ “Deus Caritas Est” แปลได ว า “พระเจ า คื อ องค ความรั ก ” ก อ นที่ จ ะเขี ยนถึ ง สมณสารฉบั บ นี้ พ อ ขอเล า เรื่ อ งจริ ง ใหอานกันสักเรื่องหนึ่ง ในป 1920 ที่ประเทศเยอรมันนิยมการหาคูทางหนังสือพิมพก็คงเหมือน ๆ กับคอลัมนหาคูในหนังสือพิมพบานเรา ชายคนหนึ่งชื่อ โจเซฟ ก็ประกาศหาคูโดยลงขอความดังนี้ “ชายอายุ 43 ชนชั้นกลาง เปนคาทอลิก ไมมีประวัติเสื่อมเสีย เปนคนชนบท ตองการรูจักกับสตรี ที่ เ ป น คาทอลิ ก ที่ ดี ไม มี ประวั ติ การแต งงานมาก อน ทํ าอาหารและดู แลบ านได และประสงค ที่ จะแตงงาน” ผูหญิงคนหนึ่งชื่อ มาเรีย ตอบรับการประกาศนี้ หลังจากทั้งคูไดทําความรูจักกัน 4 เดือน ก็แตงงานกันโดยตกลงกันวา “อนาคต เพียงแคไวใจพระเทานั้น” ทั้งคูรักกันมีความเชื่อและไวใจ พระ มีบุตรชาย 2 คน และบุตรสาว 1 คน บุตรชายคนเล็กไดรับชื่อวา โจเซฟ เหมือนชื่อของพอและ ตอมา โจเซฟ รัตซิงเกอร (Josef Ratzinger) ไดรับเลือกใหเปน Pope Benedict 16 ลูก ๆ ไมเคย ไดฟงเรื่องราวของพอแมเลยวาพบกันไดอยางไร จนกระทั่งพระสันตะปาปาเสด็จเยือนแควน บาเยิรน แลวชาวเมืองนี้นําเอาหนังสือพิมพเกามาใหพระองคอาน จึงทราบเรื่องราว พระองคเขาใจ ทันทีวา “พระเจาคือองคความรัก” บิดามารดาของพระองคตางเปนคาทอลิกที่ดี และเขาใจทันทีวา ทําไมทานทั้งสองจึงวางใจในพระอยางเปยมลน และทําไมจึงสอนลูก ๆ ใหมีความรักพระและไวใจ ในพระ ความรัก ของพระมี แ ผนการที่ ดี เ สมอ ทา นเห็ น แบบอยา งแห ง ความรั ก ความไว ใ จใน พระของบิดามารดา พระสันตะปาปาทรงเขียนสมณสารฉบับนี้เพื่อใหคริสตชนทั่วโลกไดเขาใจความรักของ พระ และใหเขาใจวาความรักสําคัญตอชีวิตมนุษยเพียงใด ในสมณสารฉบับนี้ พระสันตะปาปาเบเนดิกตที่ 16 ไดแยกแยะใหเห็นความรักในรูปแบบ ตาง ๆ เชน ความรักตอประเทศชาติ ความรักเพื่อน ความรักของพอแมที่ มีตอลูก ๆ ความรักที่มี ตอเพื่อนบานและความรักที่มีตอพระเจา พระองคทรงเนนย้ําวา “ความรักของชายและหญิงนั้น เปนสิ่งที่สวยงามมากเพราะ “รางกายและวิญญาณของทั้งสองไดรวมเปนหนึ่งเดียวกันอยางแยก
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
13
จากกั น ไม ไ ด ” ความรั ก เช น นี้ ห ากมี ความไว ใ จในพระด ว ยแล ว ก็ เ ป น ความสุ ข ของมนุ ษ ย เ อง พระองคยังวิเคราะหความรักของมนุษยออกมาในลักษณะตาง ๆ ที่นาอานมาก ใครที่อยากจะเขาใจ ความรักดี ๆ ก็ควรอาน อยางไรก็ตามอยาหวังวาจะเขาใจความรักไดทั้งหมด พระองคตรัสวา ความรักนั้นไมอาจสอนกันได แตสัมผัสได ความรักเปนความลึกลับอยางหนึ่งของมนุษย และ มนุษยก็มีชีวิตอยูในความลึกลับนี้เอง (Mystery) พี่ น อ งครั บ สิ่ ง ที่ พ อ เป น ห ว งไม ใ ช “ความรั ก ” แต ที่ เ ป น ห ว งก็ คื อ “ความเกลี ย ดชั ง ” มนุษยเราไมไดมีแตความรัก แตมีความเกลียดอยูดวย วันแหงความรักควรเปนวันที่เราจะตอง ละทิ้งความเกลียดชังไปซะ โดยเฉพาะผูที่มีความรักตอพระและไวใจพระ Dr.Martin Luther King jr. เคยพูดประโยคที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ไวอยางนาฟงทีเดียว ทานพูดวา “ความเกลียด ทําใหชีวิตของเราเปนอัมพาต ความรัก ทําใหเราหายจากอัมพาต ความเกลียด ทําใหชีวิตของเราสับสนวุนวาย ความรัก ทําใหชีวิตกลมกลืนกัน ความเกลียด ทําใหชีวิตมืดมน ความรัก ทําใหชีวิตสดใส มหาตมะ คานธี กลาวไววา “ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีชีวิต” อีกคนหนึ่งครับ Robert Bro. เปนใครพอก็ไมรูจัก แตเขาสอนดีครับ เขาสอนวา “หากโลกไมมีความรัก โลกก็คือหลุมฝงศพ”
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 14 กุมภาพันธ 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
14
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พระเยซูเจาถูกผีป ศาจลอลวงถึง 3 ครั้ง ในระหวางการจําศีลอดอาหาร 40 วัน ปศาจ ลอลวงใหพระเยซูเจาจองหองในอํานาจของตนเอง ใหแสวงหาสิ่งตาง ๆ ที่ตองการตามใจชอบ ใหกอบโกยทุกสิ่งที่มีอยูในโลกนี้มาเป นของตน หลงระเริงอยูกับสิ่งตางๆ เหลานี้ ปศาจมันชางรู จุดออนของมนุษยดีเหลือเกิน แตพระเยซูเจาก็แสดงใหเราเห็นวา มนุษยไมจําเปนหรือจําเปนตองมี สิ่งเหลานี้ “มนุษยมิไดเจริญชีวิตดวยขนมปงแตอยางเดียว แตดวยพระวาจาทุกคําที่ออกมาจาก พระโอษฐ พระเจ า” คนที่มี ทุกอยางหรื อคิ ดวามี เกื อบทุ กอย าง มิ ไดหมายความว าจะมีความสุ ข เสมอไป พี่นองคงรูจักหรือเคยไดยินชื่อนักแสดงฮอลลีวูดสที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งชื่อ เมล กิบสัน (Mel Gibson) เขามิใชเพียงนักแสดงแตเปนผูสรางภาพยนตร และผูกํากับการแสดงดวย เขาสราง หนังเรื่องหนึง่ ที่มีคุณคามากสําหรับเราคริสตชน นั่นคือภาพยนตรเรื่อง The Passion เขาพยายาม ศึกษาเรื่องราวของพระเยซูเจา เรื่องราวของชาวยิวและชาวโรมันอยางละเอียด และพยายามสราง ใหสมจริงกับสมัยพระเยซูเจามากที่สุด กอนที่จะนําภาพยนตรเรื่องนี้ออกฉาย เขานําไปฉายใหแก พระสันตะปาปา ยอหน ปอลที่สอง และพระชั้นผู ใหญที่วาติกันไดชมกอน พระสันตะปาปายอหน ปอลที่2 ถึงกับตรัสออกมาวา “เหตุการณเปนไปอยางที่ภาพยนตรแสดงใหเห็น” (It happened that way) เมล กิบสันใหเหตุผลที่เขาสรางหนังเรื่องนี้ขึ้นมาวา “ในชีวิตผม ผมมีทุกอยาง มีความสําเร็จ มีหนาตาดี มีชื่อเสียงเกียรติยศ มีคนตองการและถาตองการอะไรก็สามารถมีได แตผมก็ยังคงรูสึก วางเปลา และหดหูจนบางครั้งอยากจะกระโดดหนาตางตาย” ในที่สุดความเชื่อและพระหรรษทานของพระ ทําใหเขาพบคําตอบที่เติมเต็มชีวติที่วางเปลานี้ ได นั่นคือ การรวมทนทุกขทรมานกับพระเยซูเจา มิใชการมีความสุข เขาจึงคิดสรางหนังเรื่องนี้ เพื่อเปนพยานในความคิดของเขา เขาตองการบอกวาความทุกขทรมานสําหรับเรานั้นก็มีคาเชนกัน มีความหมายและมีคําตอบที่ชัดเจนสําหรับชีวิตของเรา ในระหวางเทศกาลมหาพรตนี้พี่นองนาจะ หาเวลานั่งชม ภาพยนตเรื่อง The Passion นี้กับครอบครัวแลวพี่นองจะเขาใจความหมายของความทุกข ทรมานของพระเยซู เจา และจะรักพระเยซูเจ ามากขึ้น พระองคปฏิเสธความยิ่งใหญ ในอํานวจ การแสวงหาและการทํ าตามใจ เกี ยรติ ยศชื่ อเสี ยงและมายอมรั บ ความทุ กข ทรมาน ขอเตื อ น นิดเดียว เวลาชมภาพยนตรเรื่องนี้ควรเตรียมผาเช็ดหนาไวดวย พอดู 2 ครั้งก็ตองรองไหทั้ง 2 ครั้ง และก็เชื่อวาผูชมมากมายก็รวมความรูสึกนี้เชนกัน
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
15
เทศกาลมหาพรตอาทิตยแรกนี้สอนเราทุกคนใหระมัดระวังการประจญลอลวงของผีปศาจ มันรูจุดออนของเรามนุษยดีมาก อาดัมและเอวาถูกปศาจลอลวงดวยความรูสึกงาย ๆ “เจาจะเปน เหมือนพระองค” ความจองหอง ความทะเยอทะยานก็เกิดขึ้นในใจมนุษยทันที มองดูสิ่งที่ตนเอง จะกระทํานั้นเล็กนอย “แอบเปลนี่ก็นากิน” หรืออาจจะกลายเปนคําวา “ไมนาจะเปนอะไร” ปศาจ มันทําใหเราเห็นวา สิ่งที่เราจะทํานั้น เล็กนอยซะเหลือเกิน ไมเปนอะไรหรอก แตพอทําไปแลวมันก็ ทําใหเราเห็นวา มันเปนเรื่องใหญมากซะจนเราตองหนีออกจากสวนเอเดน อยูตอไปไมไดแลว อีกเรื่องหนึ่งที่ปศาจมันชอบทํากับพวกเราก็คือ ขัดขวางไมใหเราทําดี พยายามขัดขวาง ไมใหเราสวดภาวนา พอจะสวดก็ทําใหเราเห็นวา ไมมีเวลา เดี๋ยวตองทําโนนกอน นี่กอน หรือ ลองคิดดูสิครับ เวลาที่เราจะไปวัดวันอาทิตย มักจะมีอะไร ๆ ใหเราทํา ใหเราเตรียมจนกระทั่ง เราไปไมทันวัดทั้ ง ๆ ที่ เราก็ตั้งใจจะไปใหทัน หรือทั้ง ๆ ที่เราตื่นกอนเวลาตั้งนาน เรื่ องแบบนี้ มันไมเกิดขึ้นเองหรอก ปศาจมีวิธีการของมัน หรือแมแตตอนที่เราจะชวยคนจนคนยาก คนดอย โอกาส หลายครั้งเราก็มักจะมีเหตุผลเขามาเพื่อที่จะไมชวย หรือเอาไวชวยภายหลัง อยาเลย พวกนี้มาหลอกเรา ยังจําเปนตองใชเงินของเราอยู เราเองก็ลําบาก เปนตน เราตองทําเหมือนพระเยซูเจาครับ ตองขับไลปศาจออกไป อยาลืมนะครับ มันทําอะไร เราไมไดหรอก มันไดแตลอลวง เทศกาลมหาพรตเราควร สวดภาวนาใหมาก ๆ ทําบุญใหทาน และมาวัดใหมาก ๆ ดวย
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 21 กุมภาพันธ 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
16
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พี่นองเคยไดยินคําวา “จําแลงพระกาย” (Transfiguration) บอกตรง ๆ เลยวา พอไมชอบ คํานี้เลย เพราะฟงดูคลาย ๆ กับพระเยซูเจาทรงปลอมพระกายทั้ง ๆ ที่พระองคไดแสดงพระองคเอง ใหเราทุกคนเขาใจอยางถูกตองวาพระองคเปนใครและเสด็จลงมาทําอะไร เราจึงนาจะเรียกวา พระเยซูเจา “แสดงพระกาย” พอเชื่อวา พี่นองก็คงจําไดวาพระเยซูเจาทรงพาสาวก 3 องคคือ เปโตร ยากอบและยอหนขึ้นไปบนภูเขาและแสดงพระวรกาย แตพี่นองสังเกตหรือไมครับ สาวก 3 องค นี้ เป นคนชอบนอน พระวรสารเล าว าขึ้ นไปบนภู เขาทาบอร ก็ ง วงนอนและนอนหลั บไป ตื่ นขึ้ นมาก็ พ บการแสดงพระกายของพระเยซู เ จ า คราวนี้ พ อ จะพาไปถึ ง ตอนที่ พ ระเยซู เ จ า พาสานุศิษยขึ้นไปสวดภาวนาที่สวนเกทเสมนี กอนที่จะถูกตรึงกางเขนนะครับ พระองคก็เลือก เปโตร ยากอบและยอหน อีกเชนเคยใหขึ้นไปกับพระองค เชื่อหรือไมครับ สามคนนี้ก็ขึ้นไปนอน หลับอีกแลว “เห็นเขานอนหลับอยู และตรัสกับเปโตรวา เปนอยางไรนะทานทั้งหลายจะคอยเฝาอยู กับเราสักทุมเดียวไมไดหรือ ทานทั้งหลายจงเฝาระวังและอธิษฐานเพื่อทานจะไมตองถูกทดลอง” (มธ.26:40-41) และพี่นองจะเชื่อหรือไมวาพระองคขึ้นไปสวด 3 ครั้ง กลับลงมาก็พบพวกเขา หลับอยูทั้ง 3 ครั้ง นอนเกงจริง ๆ เลยสาวกสามองคนี้ พระเยซูเจาทรงแสดงองคและทรงปลุก ใหเราตื่นขึ้นมาพบความจริงและพบหนทางและพบชีวิตเที่ยงแท เวลาที่เราหลับ เราไมสามารถ รูหรอกครับวาเราอยูที่ไหนและกําลังทําอะไร ยกตัวอยางเชน เรานอนหลับในวัด เราไมมีทางรูเลยวา พระคัมภีรเรื่องอะไร พอเทศนเรื่องอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นบางในวัดตอนนั้น เทศกาลมหาพรต พระเยซู เจ าแสดงใหเราเห็นและทรงปลุ กเราให ตื่ นจากชี วิตเดิม ๆ เราตองหันมาดูชีวิตของเราวา “ชีวิตเดิม ๆ” ของเราคืออะไร พออาจจะยกตัวอยางมาใหคิดกันนะครับ เชน - ชีวิตที่ยังไมไดแสดงตนเปนศิษยของพระเยซูเจาเพียงพอ แสดงตนเปนคริสตชน - ชีวิตที่ยังชวยเหลือเพื่อนพี่นองที่ตกทุกขไดยาก เรียกวา สนใจคนอื่นนอยไป - ชีวิตที่ยังไมอภัยคนอื่น ยังเกลียดชัง เคียดแคน - ชีวิตที่แสวงหาแตสิ่งของของโลกนี้มากจนเกินไป - ชีวิตที่ยังจมอยูกับบาปบางประการและไมยอมเปลี่ยนแปลง ไมยอมตัดใจทิ้งมันไป ในปหนึ่ง ๆ พระเยซูเจามาปลุกเราใหตื่นหลายครั้ง และเราก็กลับไปนอนหลับอีกคลาย ๆ กับบรรดาสาวกนั่นแหละ พอเชื่อวาพระเยซูเจาขยันพอที่จะมาปลุกเราบอย ๆ ขอใหเราตื่นขึ้นมา
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
17
เท า นั้น เองเราก็ จ ะเห็ น หนทาง ความจริง และชี วิ ต เรื่อ งแบบนี้ มัน อยู ที่ “ความจริง ใจ” และ “จริงจัง” นักภาษาศาสตรผูหนึ่งเขาอธิบายคําวา “sincere” ซึ่งแปลวา ความจริงใจ ไววา คํานี้ มาจากคําภาษาละติน 2 คํา ก็คือ sine + cere กลายมาเปนคําวา sincere, sine แปลวา ปราศจาก รวมกับคําวา Cere แปลวา ขี้ผึ้ง สมัยกอนเขาใชขี้ผึ้งทําหนากาก ก็รวมความไดวา “ปราศจากหนากาก” กลายมาเปนความจริงใจ ความจริงใจก็คือ แสดงตัวตนที่แทจริงออกมา ไมเสแสรงแกลงทํา และหากเราจริงใจกับ ตนเองก็หมายความวา อยาหลอกตนเอง หรือพยายามหาเหตุผลเพื่อจะทําในสิ่งที่ไมดี การยอมรับ ทุกอยางและพยายามดวยจริงใจที่จะแกไขทุกอยางที่ไมดีนั้น จะนําใหเราพบหนทางที่เที่ยงแท เทศกาลมหาพรตนี้ พระเยซูเจาเสด็จมาปลุกเราใหตื่นอีกครั้งหนึ่ง ไมรูวาจะเปนครั้ ง สุดทายหรือเปลา เพราะพระองคกําลังจะถูกนําไปตรึงกางเขนแลว เมื่อเราตื่นขึ้นมา พอรับรอง วาเรายังมีอีกหลายตอหลายอยางที่เราสามารถทําได แตถายังขยันนอนหลับอยูอยางนี้ก็แสดงวา เราพอใจเฉพาะ “ชีวิตเดิม ๆ” เทานั้นเอง
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 28 กุมภาพันธ 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
18
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ในชีวิ ตของเรามี คํ าถาม อยูมากมาย ตั้ง แตเราเกิ ดมาและพอจะพูดไดเราก็มีคํ าถาม นั่นอะไร? บางครั้งหรือหลายครั้งเราก็ถามซ้ําซาก ตอนเด็ก ๆ ก็เปนคําถามธรรมดา ๆ พอโตขึ้น ก็เปนคําถามที่คอนขางลึกซึ้ง นาแปลกเหมือนกัน บางครั้ง เด็กเล็กก็ถามคําถามชนิดที่เราเองก็ยัง งงอยูเลยวา เด็กคิดคําถามที่ลึกซึ้งอยางนี้ไดอยางไรกัน แนนอนที่สุดมีคําถามมากมายบนโลกนี้ที่ เราไมสามารถหาคําตอบได เราอาจจะพยายามตอบก็ตอบไดเพียงสวนเดียว คําถามของเราเองหลาย ครั้งก็ไมมีใครสามารถตอบได มีเด็กคนหนึ่งถามพอวา “ทําไมแมหนูตองตาย หนูยังไมโตเลย” ใครจะตอบวาทําไมแมเด็ก คนนี้ตองตาย เวลาที่เกิดสงคราม แผนดินไหว สึนามิ และภัยพิบัติตาง ๆ เชนที่เพิ่งเกิดที่ประเทศ เฮติ มีคําถามอยูเสมอ ๆ วา “ทําไมพระเจาจึงปลอยใหเกิดเรื่องอยางนี้ขึ้นมา” บางคนถึงกับบอกวา “พระเจาไมมีอยูจริงหรอก ถามีจริง พระองคคงไมปลอยใหผูบริสุทธิ์มากมายหลายแสนคน ต องตายแบบนี้ หรอก” ใครจะตอบคํ าถามเหล านี้ พ อเองก็ ตอบไม ได คริ สตั งคนหนึ่ งไปตั ดผม ชางตัดผมก็ชวนคุยตามปกติคุยจนกระทั่งมาถึงเรื่อง พระเจา เขาบอกวา พระเจาไมมีจริงหรอก ถามีอยูจริง ทําไมถึงปลอยใหมีสงคราม ภัยพิบัติตาง ๆ มากมายบนโลกใบนี้ มนุษยที่ตายไปเขาทํา ผิดอะไร” คริสตังคนนั้นก็อยูนิ่ง ๆ ไมอยากจะทะเลาะกันดวยเรื่องนี้ ตัดผมเสร็จเขาก็ออกไป นอกรานตัดผม พบกับชายคนหนึ่งที่ผมยาวรุงรัง ทั้งหนวด ทั้งเครา สกปรกมอมแมม เขาก็กลับไป หาชางตัดผมบอกวา “คุณรูมั้ย ผมวาชางตัดผมไมมีอยูจริงหรอก” ชางตัดผมก็สวนกลับมาวา “ผมนี่ไง ผมอยูนี่ไง” คริสตังคนนั้นก็เลยตอบวา “ถาชางตัดผมมีอยูจริง ทําไมถึงยังมีคนผมยาว สกปรก มีหนวดมีเครารุงรังอยูละ” ชางตัดผมก็เถียงวา “ชวยไมไดก็เขาไมมาหาผมเอง” คริสตัง คนนั้นก็สรุปใหเขาฟงวา “พระเจามีอยูจริง เพียงแตมนุษยไมไดไปหาพระองคเทานั้น” พอเชื่อวา พี่นองมีคําถามมากมายในชีวิตนี้ที่อาจจะทําใหความเชื่อของเรา ความไววางใจ ในพระของเราลดน อ ยลง หรื อ บางคนอาจจะสู ญ เสี ย ไปเลย คํ า ถามเช น ว า ทํ า ไมคนดี ๆ เป น คริ ส ตั ง ดี ถึ ง ต อ งตายอย า งทนทุ ก ข ท รมาน ทํ า ไมถึ ง ยากจน ทํ า ไมคนไม ดี ทั้ ง หลาย จึงรุงเรืองเหลือเกิน และอื่น ๆ อีกมาก ใครจะตอบคําถามเหลานี้ พระเยซูเจามีคําตอบที่พอคิดวาดี กวาใหเหตุผล เพราะแมจะมีเหตุผลแตมนุษยเราเวลา เผชิ ญ กั บ เรื่ อ งเหล า นี้ ก็ มั ก จะไม ฟ ง เหตุ ผ ล พระเยซู เ จ า ตอบว า “ท า นคิ ด ว า ชาวกาลิ ลี เ หล า นี้
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
19
เปนคนบาปมากกวาชาวกาลิลี ทุกคนหรือจึงตองถูกฆาตายเชนนี้ แลวสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอิม พั ง ทั บ เสี ย ชี วิ ต เล า ท า นคิ ด ว า คนเหล า นั้ น มี ความผิ ด มากกว า คนอื่ น ทุ ก คนที่ อ าศั ย อยู ใ นกรุ ง เยรูซาเลมหรือ มิได เราขอบอกทานทั้งหลายวา “ถาทานไมกลับใจเปลี่ยนชีวิตทุกทานจะพินาศไป เชนเดียวกัน” หลายคนทิ้ ง พระทิ้ ง วั ด ไปเพราะหาคํ า ตอบไม ไ ด คนพวกนี้ จ ะพิ น าศไป หลายครั้ ง แมเราจะไมมีคําตอบที่เราพอใจ แตถาหากเรายังมีความเชื่อและความไววางใจในพระ เราก็ยังมี คําตอบที่แนนอนในอนาคตได และก็มีหลายตอหลายครั้งมิใชหรือ ที่เราเองก็ไมสามารถตอบคําถาม ของลูกๆ ของเพื่อน ๆ เราได มนุษยเราไมสามารถรูคําตอบสําหรับคําถามทุกคําถามอยางแนนอน เทศกาลมหาพรตเปนเทศกาลแหงการกลับใจ พ อไม เคยเขา ใจเลยว า ทํ าไมคนเราถึ ง ตองฆากัน เกลียดกัน โกงกัน ดาวากัน ทะเลาะกัน แตกแยกกัน ทําไมคนที่มีจิตใจเปนโจรผูราย เขาก็ยังรูจักรักคนที่รักเขา หรือคนที่เขารัก เราเองก็ยังไมสามารถตอบคําถามงาย ๆ เหลานี้เลย สูเ รารู จั กเปลี่ ยนแปลงแก ไ ข กลั บใจดี กว า เพราะนี่ คือ หนทางที่ดี ที่ สุด ที่ จะทํ า ให อ ะไร ๆ ดีขึ้นเสมอ
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 7 มีนาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
20
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก อาทิตยที่ผานมา (7 มีนาคม’10) พอไดนําคณะครูของเราไปแสวงบุญที่เมืองลูรด ที่เมืองอารส และที่ปารีส ในโอกาสปพระสงฆ อากาศที่ฝรั่งเศสหนาวมาก ๆ มีลมแรงมีฝนบาง หลายคนที่ไปดวย ก็เปนการเดินทางไปยุโรปครั้งแรกก็รูสึกตื่นเตนดีใจ อากาศหนาวไมไดทําใหรูสึกกลัว กลับชอบดวยซ้ํา และแมวาจะไมไดไปเที่ยวมากนัก สวนใหญก็ไปสวดภาวนา ทํามิสซา แตทุกคนก็มีความสุขที่จะสวด ภาวนาดวยกัน ถวายบูชามิสซาดวยกัน แตถึงแมวาจะมีความสุขใจเพียงใด แตทุกคนก็คิดถึงบาน อยากกลับบาน จะมีที่ไหนที่มีความสุขเทากับบานเรา พระวรสารอาทิตยนี้พูดถึง การกลับบาน ของลูกลางผลาญ เปนนิทานเปรียบเทียบที่กินใจ ที่สุดเรื่องหนึ่งในพระวรสาร มีความหมายมากที่สุดสําหรับชีวิตคริสตชน บังเอิญพอไปอานเจอเรื่องจริง เรื่องหนึ่งซึ่งบังเอิญมีความคลายคลึงกับนิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้มาก เปนเรื่องของลูกสาวสองคน ของพอแม คนพีช่ ื่อ Meg สวนคนนองชื่อ Jenny Jenny เปนเด็กหญิง รักสนุก ชอบแตงตัว เอาแตใจ ชอบเที่ยวแตร คบเพื่อน วันหนึ่ง Jenny ทะเลาะกับพอในเรื่องการใสแหวนที่จมูก ดวยความที่เปนเด็ก เอาแตใจก็ขโมยเงินพอแม บัตรเครดิต เงินสดจํานวน 12,500 ดอลลาห หนีออกจากบานไปอยูอีก รัฐหนึ่ง Jenny ใชชีวิตอยางสนุกสนาน ไมตองเรียนหนัง สือ มีเพื่อนใหม ๆ ทดลองทุกอยาง เงินจํานวนนี้หมดไปอยางรวดเร็ว บัตรเครดิตก็ถูกยกเลิกไปดวย ที่สุด Jenny ก็ตองกลายเปน โสเภณี เ พื่ อเลี้ ยงชี พ และพบว า ตัว เองเป น เอดส Jenny ไปพบโปสเตอร รู ป เธอตามเสาไฟฟ า เปนโปสเตอรที่พอแมตามหาเธอและขอใหกลับบาน เธอเริ่มนึกถึงชีวิตวัยเด็กเมื่อ 10 ป ที่ผานมา และก็บอกตัวเองวา “เธอทิ้งบานมาทําไม” ที่สุดเธอก็ตัดสินใจโทรศัพททิ้งขอความไวที่บานวา เธอจะกลับบาน จะนั่งรถไฟมาถึงเวลา ตีหนึ่ง 20 นาที ถาหากไมพบใครที่สถานี เธอก็เขาใจดีและ ก็จะนั่งรถไฟตอไปทันที ที่สถานีรถไฟ ทันทีที่ลงจากรถไฟ เธอมองไมเห็นใครเลย แลวอยู ๆ ก็มี เสียงเรียกชื่อของเธอ พรอมทั้งปายเขียนวา “ตอนรับกลับบาน” มีพอแม นา มี ลุง ปาและหลาน ๆ เธอจะพูดขอโทษพอแมแตก็ถูกพอ หามไว พอบอกเธอวา “ไมตองพูดขอโทษอะไรทั้งนั้น พออยากกอดลูกอยางเดียว” มีอยูเพียงคน เดียวที่ไมยอมมา ที่สถานี คือ Meg พี่สาวของเธอ และ Meg ก็ไมเชื่อเลยวา พอกับแมจะตอนรับ Jenny ถึงขนาดนี้ คืนนั้นที่บานมีงานปารตี้ งานปารตี้แบบนี้ Meg เคยขอใหพอแมจัดใหบางโอกาส แตก็ไมเคยไดเลย อันที่จริง Jenny ก็มีชีวิตอยูตอไปอีกไมนาน เธอก็เสียชีวิตดวยโรคเอดส Jenny ได กลับบานแทของเธอ มีขอคิดมากมายจากพระวรสารวันนี้เพื่อเปนการเตรียมตัวของเราในเทศกาลมหาพรต
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
21
ข อแรก : จงระวั งที่ จะกลายเป น ลู กล างผลาญ ลู กที่ คอยหาแต ความสุ ขในโลกนี้ ชอบสนุกสนาน ชอบชีวิตที่สบาย ๆ และทําตามใจตัวเอง ชีวิตแบบนี้มักพาเราไปทางที่ผิดเสมอ ขอสอง : รูจักเสียใจในสิ่งที่เราทําไป รูจักขอโทษ คิดดูดี ๆ วาเราทําผิดไปมากเพียงใด หลายคนไมคอยรูสึกเสียใจแมวาไดทําผิดไป ขอสาม : กลับบาน ไปสารภาพบาปของเรากับพระสงฆ ขอโทษพระ พระบิดาเจาเปนพอ แมของเรายื่นแขนออกมาและตองการที่จะโอบกอดเราเทานั้น ขอสุดทาย : พระเปนเจาพรอมจะยกโทษเราเสมอ รอคอยที่จะยกโทษให มีแตมนุษย เทานั้นที่ไมยอมยกโทษแกกันและกัน พี่ น องลองคิ ดดู ซิ ว า ยั งมี เรื่ อ งอะไรกั บใครที่ เรายั งไม ยอมยกโทษให บางที ก็ เป นคนใน ครอบครัวของเรานั่นแหละ นี่เปนเรื่องจริง ๆ ที่เกิดขึ้น ขออยาใหเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเราเลย กลับบานเราเถอะ และใหคนอื่น ๆ พี่นองของเราไดกลับบานดวย เรามีงานปารตี้กันในวันปสกา ครับ
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 14 มีนาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
22
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พอกับคณะครูไดมีโอกาสไปแสวงบุญที่เมืองอารส เมืองที่คุณพอยอหน มารีย เวียนเนย เปนเจาอาวาส มีโอกาสไปเยี่ยมบานที่เธออาศัย วัดที่ฝงศพของทาน บานเด็กกําพราที่ทานตั้งขึ้น เห็นชีวิตที่เรียบงายของทาน แตรอนรนในการใชชีวิตเพื่อคนอื่น ที่นั่นมีวัดนอยแหงหนึ่งซึ่งเก็บ หัวใจของทานไวเปนพิเศษ พวกเราไดมีโอกาสสวดภาวนาพรอม ๆ กันที่นี่ ตอนนั้นพอขอใหทุกคนสวด ภาวนาเพื่อบรรดาพระสงฆทั้งหลาย ทั้งที่ทําหนาที่อยู สงฆที่มีปญหาและวิกฤติในชีวิต บรรดาสงฆ สูงอายุ สงฆที่เจ็บปวย และสงฆที่เสียชีวิตไปแลว พอขอใหคณะครูไดดู “หัวใจ” ของพอยอหน เวียนเนย เปนหัวใจที่ตองการปลอบประโลม หัวใจที่ตองการเยียวยารักษาแผลทางวิญญาณและ ทางกายดวย หัวใจที่ใหอภัยตลอดเวลาและเปนหัวใจที่ไมเคยคิดตัดสินลงโทษ หรือกลาวประณาม ใครทั้ ง สิ้ น ท า นต อ งการเพี ย งแต ว า “อย า ทํ า บาปอี ก เลย” ท า นช า งทํ า หน า ที่ แ บบเดี ยวกั บ องคพระเยซูเจาไมมีผิดเลย พระวรสารวันนี้เลาเรื่องนี้ไวอยางชัดเจน ฟาริสีและคีมภีราจารย นําตัวหญิงที่ผิดประเวณีมาประจาน และตัดสินลงโทษ ประณามหญิงชั่วคนนี้ แตพระเยซูเจา ไมทําเชนนั้น ขอเพียงอยาไดทําบาปอีก มนุษยเราไมรูเปนอะไรนะครับ เราชอบกลา วประณามผูคน วิจารณผูคนใหเสีย ๆ หาย ๆ บางทีเราก็สาปแชงผูคนใหถึงตาย เราชอบเอาผูคนออกมาประจานในที่สาธารณะ งายเหลือเกิน ที่เราจะกลาวประณามหญิงที่ไปทําแทงวาเปนแมใจยักษ ใจมาร แทนที่เราจะรูสึกเศราใจกับชีวิต ทีส่ ูญเสียไป หรือเศราใจแทนผูหญิงคนนัน้ หรือสงสารผูหญิงคนนั้น พระเยซูเจาและพระศาสนจักร ไมประณามและตัดสินลงโทษใคร เพียงแตเศราใจและไมอยากใหเกิดขึ้นอีกเทานั้น ในชีวิต ของเราแตละคน เราคงจะไดเคยลากใครตอใครมาประจาน มาประนาม มาวิจารณ หลายตอ หลายคนแลว โดยที่เราอาจจะไมไดคิดเห็นอกเห็นใจเขาเลย กลับสมน้ําหนาและพอใจที่ไดทํา เชนนั้นก็ไ ด แตก็อ ยางวานะครับ หลายครั้งเราก็ทําโดยไมรูตัว วาเราทํา รายจิตใจของเขา เพียงใด เราอยาทําอีกเลยนะครับ พอชอบเรื่องของเด็กหญิงอายุ 7 ขวบคนหนึ่ง เปนชาวอเมริกันไปเที่ยวที่ลอนดอนกับแม ขณะที่ไปดูบัลเลยดวยกัน เธอเขียนจดหมายไปเลาใหคุณพอเจาวัดฟงวา เธอเห็นกลองกระดาษ ใบหนึ่งที่ใหญมากอยูขางถนนดูสกปรกแมบอกวานี่เปนบานของใครซักคนหนึ่ง แลวเธอก็เห็นชาย คนหนึ่ ง เดิ น ผ า นมา แล ว ขว า งกระป อ งน้ํ า ดื่ ม ลงไปในกล อ งใบนั้ น แม ก็ บ อกเธอต อ ไปว า แลวใครบางคนก็ทํากับเขาเหมือนกับวาเขาเปนขยะเทานั้น เธอรูสึกเศราใจมาก และถามคุณพอ เจาวัดวา “หนูอยากจะชวยเขาจังเลย หนูควรทําอะไรดี ” เด็กคนนี้อายุแค 7 ขวบมีความรูสึก
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
23
เศราใจ และก็ไมอยากใหเกิดเรื่องแบบนี้อีกเลย พี่นองครับองคการอนามัยโลกไดรายงานวา ประชากร 1 ใน 5 ของโลกอยูในสถานยากจนอยางที่สุด และ 1 ใน 3 ของเด็ก ๆ ในโลกนี้ไมได รับการเลี้ยงดูอยางดีเทาที่ควร ยังมีผูหญิงในโลกนี้อีกมากมายก็ถูกประณาม และประจานโดยไมได รับความเห็นใจเลย อีก เรื่ อ งหนึ่ ง นะครั บ พ อ ได รั บ อี เ มล ที่ ดี ม ากฉบั บ หนึ่ง เล า ถึ ง ความคิด ของเด็ก คนหนึ่ ง เปนเด็กไทยเรานี่แหละ เธอบอกพอวา หนูคิดวา ทําใหตัวขาว ยากกวาทําใหตัวดํา ถาอยากดําไปตาก แดดก็ ดํ าแลว แต ทํา ใหตั วขาวนี่ ยากจัง หนู วา ทํ าดี ยากกว าทํ า ชั่ว นะคะ เธอรูจั ก เปรียบเที ยบ การทํา ให ตัว ขาวก็ คือ ความดี สวนตั วดําหมายถึง การทํ าชั่ว เด็กคนนี้อายุ 9 ขวบเทา นั้นเอง ถาเราทุกคนรูจักพยายามทําใหวิญญาณเราขาวสะอาดบริสุทธิ์ เหมือนความคิดของเด็กคนนี้ก็คง จะดี เราคงมีจิตใจที่เห็นอกเห็นใจมนุษยมากขึ้น เราพบความแตกตางอยางชัดเจนระหวาง จิตใจของพวกฟาริสี และคัมภีราจารย ที่มีตอ ผูหญิงคนนี้กับจิตใจของพระเยซูเจาที่มีตอเธอ ดังนั้นใหเรามนุษยชวยเหลือกันและกัน เห็นอกเห็นใจกัน ใหอภัยแกกันและกันดีกวา นะครับ ในชีวิตนี้ของเรา เรามีโอกาสชวยเหลือคนไดไมกี่คนหรอกครับ เมื่อมีโอกาสก็อยาลืมที่จะทําแตความดีตอกันและกัน ทั้งดวยความคิด กิจการ และคําพูดของเรา
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 21 มีนาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
24
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก วันเสารที่ 20 มีนาคมที่ผานมา พอและสภาอภิบาลฯ ไดรวมกันจัดทําพิธีเดินรูปโดยใช ภาพยนตรเขามาประกอบการรําพึงและการสวดภาวนา ภาพยนตรที่นํามาตัดตอนี้มาจากเรื่อง The Passian สรางจากการศึกษาพระคัมภีรและใชภาษาอารามาอิค ที่ใชกันในสมัยนั้น เพื่อให สมจริงที่สุด แตวิธีการสรางก็คอนขางจะดูโหดรายและรุนแรงมาก โดยเฉพาะฉากพระมหาทรมาน ของพระเยซูเจา ตองนับวาเปนภาพยนตรที่ดูแลวใหความรูสึกที่ดีหลายประการสําหรับความเชื่อ ของเรา ดูแลวเขาใจพระเยซูเจาและแมพระมากขึ้น วาทําไมพระองคจึงตองไถบาปเราดวยวิธีเชนนี้ ดูแลวรูสึกถึงบาปของเราเอง ดังนั้นเวลาที่ดูพรอม ๆ กับการสวดภาวนาในการเดินรูปซึ่งมีเนื้อหา เตือนใจเรา ก็ทําใหเราถึงกับอึ้งไป หลายคนเดินรูปสิบสี่ภาคนี้ แลวก็รูสึกสะเทือนใจในบาปของตน หลายคนรักพระเยซูเจามากขึ้น รักแมพระมากขึ้น เกือบทุกคนที่ไดรวมกันเดินรูปในวันเสารที่แลวตางก็ ใหความเห็นวา การเดินรูป 14 ภาคแบบนี้มีความหมายมากมายและทําใหเขาใจมหาทรมานของ พระเยซูเจามากขึ้น ที่พอบอกวาเกือบทุกคนก็หมายความวา มีบางคนเหมือนกันที่รูสึกไมคอยสบายใจ กับการเดินรูปแบบนี้ ไมสบายใจตรงที่เนื้อหาที่ออกมานั้นดูโหดรายและสะเทือนใจและไมเหมาะกับ บรรดาเด็ก ๆ และเยาวชน พูดงาย ๆ ก็คือรุนแรงเกินไปสําหรับพวกเขา ซึ่งพอเองก็รูสึกเชนนั้น เปนหวงพวกเด็ก ๆ และเยาวชน บางที่เห็นภาพความรุนแรงเหลานี้และอาจจะรูสึกไมดีมากเกินไป ก็เปนได ความรุนแรงแบบนี้สําหรับบางคนอาจจะทําใหรูสึกสงสาร สําหรับบางคนอาจจะรูสึกกลัว และสําหรับบางคนก็อาจจะรูสึกไมเขาใจก็เปนได อยางไรก็ตามสําหรับหลาย ๆ คนที่ไดยินเรื่องนี้ และตั้งใจจะมาเดินรูปแบบนี้ พอก็แนะนําวา ขอใหมาติดตอรับไฟลการเดินรูปแบบนี้และนําไปดู เองที่บานกอน พิจารณาดูและบอกความเห็นใหพอ ปนี้อาจจะไมทันที่จะทําอะไร แตก็มีประโยชน สําหรับใชในการเขาเงี ยบอบรมสัมมนา ประชุ มภาวนาของผูใหญ พอรับรองไดว า มีประโยชน มากกวา เสียประโยชน พี่นองที่สนใจกรุณาติดตอกับสภาอภิบาลที่หนาวัดก็แลวกันนะครับ ทุก ๆ คําชมเชย และคําติเตียนมีประโยชนทั้งสิ้น ขอขอบคุณผูที่ใหความเห็นทุกความเห็นนะครับ ขอคิดหนึ่งที่พอไดรับจากการอานพระวรสารเรื่องพระมหาทรมาน หรือจากการเดินรูป 14 ภาค ก็ คื อ ความนอบน อ มเชื่ อ ฟ ง ของพระเยซู เ จ า และแม พ ระ พระบิ ด าเจ า สั่ ง อะไร พระเยซูเจาและแมพระก็ทําตามนั้นโดย ไมมีเงื่อนไขเลย บางทีก็อาจจะรูสึกวาไมอยากทํา กลัว เชน ตอนที่พระองคภาวนาที่สวนเกทเสมนี ทรงทราบวาจะเกิดอะไรขึ้น พระองคเหงื่อออกเปนโลหิต ทีเดียว ภาวนาขอพระบิดาวา “ขอใหกาลิกซนี้ผานพนไปเถิด แตอยาใหเปนไปตามน้ําใจของขาพเจา เลย จงเปนไปตามน้ําพระทัยพระองค” ขอนี้สอนเราหลายอยางเพราะมนุษยชอบทําตามน้ําใจ ของเราเอง เมื่อพันปที่แลว พระเจาเฮนรี่แหงบาวาเรีย เปนกษัตริยของเยอรมัน และกษัตริยของ อิตาลีดวย เหนื่อยหนายตอการเมืองและการสงคราม พระองคไปหาอธิการฤษีแหงหนึ่ง ขอเขาบวช ในอาราม อธิ การฤษี ก็ อธิบายกฎระเบียบต าง ๆ ให พระองค ฟง ซึ่ งพระองค ก็ ยอมรั บ ทุก อย า ง ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
25
อธิการฤษีอธิบายตอไปวา ขอสําคัญที่สุดก็คือการนอบนอมเชื่อฟงผูใหญ ของอาราม พระองค จะรับไดหรือไมที่จะตองมาเชื่อฟงอธิการ พระเจาเฮนรี่ตรัสวา พระองคทราบเรื่องนี้ดีและยินดีจะ เชื่อฟงนบนอบอธิการทุกอยาง อธิการจึง บอกวา “กลับไปที่พระราชวัง เปนกษัตริยที่ดีตามที่ พระเจ า มอบหมายให ” พระเจ า เฮนรี่ ตกพระทั ยแต ก็ ก มหน ายอมรั บคํ าสั่ งนั้ น พระองค กลั บไป เปนกษัตริย ทํานุบํารุงพระศาสนาและเปนผูหนึ่งที่รวมออกกฎเกณฑเรื่อง “การถือความบริสุทธิ์ของ พระสงฆ นั กบวช” พระองค เองตั้ งสิ นบนกั บพระว า พระองค กั บ พระมเหสี จ ะถื อ ความบริ สุ ท ธิ์ ต อ กั น และกั น ด ว ย พระองค ไ ม มี บุ ต รเลย ในป 1174 พระองค ไ ด รั บ การประกาศเป น นั ก บุ ญ เปนกษัตริยเยอรมันเพียงองคเดียวที่ไดเปนนักบุญ เราเรี ย นรู เ รื่ อ งความนอบน อ มเชื่ อ ฟ ง ได มากมายจากพระเยซูเจาในพระมหาทรมานและเราจะพบวาเราไมเชื่อฟงพอแม ครูบาอาจารย ผูใหญข องเรา เราไมตอ งการนบนอบเชื่อ ฟงใคร ก็ เพี ยงเพราะว าเราไมมีใจสุภาพถอมตน เพียงพอ หรือเราอาจจะจองหองมากเกินไป ความสุภาพถอมตนยอมชนะทุกสิ่ง แมตัวเราเอง
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 28 มีนาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
26
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก สุขสันตวันปสกา แดพี่นองทุกทาน ทุกครอบครัวขอใหพี่นองมีความสุขมาก ๆ ในชีวิตคริสตชน ความสุขของ เราไมเหมือนความสุขทางโลก ทางเนื้อหนัง แตเปนความสุขที่มีพระเจาในชีวิตของเรา พระองคอยูกับเรา ความสุข ที่เราไดรับการอภัย ความสุขที่เราใหอภัย ความสุขที่เราได ชวยเหลือผู ตกทุกขไดยาก ความสุขที่ เราได สวดภาวนาและไปวัด นี่คือความสุขปสกา อัลเลลูยา แตก็มีความสุขอีกประการหนึ่งนั่นคือ “ความสุขของชีวิตใหม” ถาจะเปรียบ ก็คงเปรียบไดกับความสุข ของแมที่ไดเห็นลูกของตนเกิดมาในโลก ชีวิตใหมเกิดแลว และเกิดมาจากความรักดวย วันปสกาเปนวันแหง ชีวิตใหมเพราะวา พระเยซูเจาซึ่งกลับเปนขึ้นมาไดนําชีวิตใหมมาให แกเรา พระศาสนจั กรใหมีการโปรดศี ล ลางบาปแกผูใหญหรือแมกระทั่งเด็ก ๆ ในวันปสกา ปนี้วัดเรามีผูรับศีลลางบาป 16 คน ทุกคนเรียนคําสอนดวยความสนใจและหมั่นสวดภาวนา มาวัด ทุกอาทิตย วันปสกาปนี้เปนวันแหงการเกิดใหม พวกเขาไดเกิดมาเปน “บุตรพระเจา” ดวยศีลลางบาปไดชําระ วิญญาณของพวกเขาจากบาปทุกชนิดในชีวิตที่ผานมา รวมทั้งชําระลาง “โทษบาป” ทั้งสิ้นที่ติดมากับบาป ทั้งหมดใหหมดสิ้นไป นาอิจฉาจริง ๆ ถาเปนไปไดพอก็ยังอยากจะ “ลางบาปใหม” อีกสักครั้งหนึ่ง เสียดายที่เรา สามารถรั บศี ลล างบาปไดเพียงครั้งเดี ยวเท านั้ น น าอิ จฉามากไปกว านี้ อีก พวกเขายั งไดรั บสิ ทธิ์ ในการรั บ ศี ลอภั ยบาป ได รั บศี ลมหาสนิ ท และได รั บศี ลกํ าลั ง ยั งมี แถมอี กนิ ดหน อยด วย บางคนที่ ได รั บศี ลล างบาป ในวันปสกานี้ทําพิธีสมรสทางตางศาสนามากอน พอรับศีลลางบาปทั้งครอบครัว การแตงงานของพวกเขา ในครั้งแรกนั้นไดรับการเปลี่ยนใหเปนศีลศักดิ์สิทธิ์ของการแตงงานในทันทีอีกดวย เพราะฉะนั้นบางคนก็จะไดรับ ศีลศักดิ์สิทธิ์ในวันเดียวถึง 5 ศีล คงเหลือศีลเดียวเทานั้นที่ยังไมไดรบั พี่นองทราบหรือไมวา คือศีลอะไร? พอขอ แสดงความยินดีเปนพิเศษกับทุก ๆ คน ที่ไดรับศีลลางบาปในโอกาสนี้ดวย ขอขอบคุณคุณครูทิพย ซึ่งได สอนคําสอนใหแกบุคคลเหลานี้ ครูทิพยไดสอนใหแกผูใหญวัดนี้มา หลายรุน เรียกไดวาเปนคุณแมวิญญาณ ถึงตอนนี้มีลูกวิญญาณมากมาย พอเองไมรูจะตอบแทนคุณครู ทิพยไดยังไง เชื่อแนวา พระเปนเจาไดจัดเตรียมรางวัลของพระองคไวใหแลว ตองเปนรางวัลที่ดีกวาที่พอจะใหอยาง เปรียบเทียบกันไมไดเลย ขอใหครูทิพยมีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขเปนพิเศษในโอกาสปสกาปนี้ ในบรรดาผู ที่ได รั บศี ลล างบาปป นี้ มี ค รอบครั วหนึ่ งซึ่ งจะรั บศี ลล างบาปพร อมกั นทั้ งครอบครั วคื อ พอ แม และลูก 2 คน พวกเขามอบครอบครัวของเขาทั้งหมดแดพระ และยังมีอีกครอบครัวหนึ่ง ฝายภรรยาจะ รับศีลลางบาปปนี้ และฝายสามีกําลังเรียนคําสอนอยู คาดวาจะรับ ศีลลางบาปปหนา แตเรื่องที่มีความหมาย ตอพอมากที่สุดก็คือ ผูรับศีลลางบาปคนหนึ่ง ในขณะที่กําลังเรียนคําสอน เขาพบวา “เปนมะเร็งขั้นสุดทาย” แต เขาก็ยังคงมีความเชื่อเข็มแข็งมั่นคง ไมไดคิดวาทําไมพระเจาจึงใหเปนไปอยางนี้ แมสุขภาพจะไมแข็งแรงเลย แตเขาก็ยังขอรับศีลลางบาป ขอเปนลูกของพระจนถึงที่สุด พวกเราทุกคนขอเปนกําลังใจให จะสวดภาวนาให เปนหนึ่งเดียวกันในความเปนคริสตชน และขอขอบคุณในตัวอยางแหงความเชื่อที่เข็มแข็ง แมจะเปนคริสตชน ใหม แตความเข็ มแข็ งในความเชื่ ออาจจะมีมากกวาพวกเราซะอีก บางคนเพี ยงแต ไมพอใจอะไรบางอย าง ความเชื่อก็ไมมีความหมายซะแลว ปสกาปนี้ชางมีความหมายมากมายเหลือเกินสําหรับพวกเรา ขอใหความสุขแหงปสกาอยูในจิตใจของ พวกเราทุกคนเสมอ ใหเรารักพระมากขึ้น และรักเพื่อนพี่นองของเรามากขึ้นทุก ๆ วันนะครับ ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 4 เมษายน 2010 ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
27
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก คุณพ อดานิเอเล หรื อที่เรารู จั กในชื่ อคุ ณพอ “แดน” สงฆชาวอิ ตาเลี ยน คณะป เม ซึ่งมาอยู กับเรา เพื่อฝกฝนการใชภาษาไทยไดประมาณ 2 เดือน เวลานี้พูดภาษาไทยชัดแลว สามารถฟงแกบาปและสามารถเทศน ในมิ ส ซาวั น อาทิ ต ย ไ ด แถมยั ง เทศน ดี อี ก ด ว ย คุ ณพ อสนใจในเรื่ อง การฟ ง แก บาป และเตรี ย มการเทศน เตรียมการถวายมิสซาแตละครั้งอยางดี ดีกวาพอเองตั้งเยอะ ผูใหญของคณะมีความจําเปนที่จะตองใหพอไป ชวยงาน ตองกลับไปประจําที่วัดแมพระมหาการุณย ปากเกร็ด ไดขาวมาแวว ๆ วา จะตองทําหนาที่เปนผูถือถุง เงินของคณะดวย อาทิตยนี้พวกเราจึงมีพิธีอําลา คุณพอเล็ก ๆ นอย ๆ ขออวยพรใหคุณพอมีพละกําลังกาย และใจ ทํางานรับใชพระและเพื่อนพี่นองตามน้ําพระทัยของพระ พวกเราทุกคนจะเปนกําลังใจใหพอเสมอ มีเวลาก็กลับมาเยี่ยมเยียนกันบางนะครับ อาทิตยนี้พระวรสารพูดถึงเรื่อง “ความสงสัยของนักบุญโทมัส” โทมัสสงสัยวา พระเยซูเจากลับเปนขึ้นมา จริง ๆ หรือไม ไมเชื่อวาที่อัครสาวกองคอื่น ๆ บอกข อพิสูจนเสียกอน ความสงสัยจึงเปนเรื่องที่เกิดขึ้นได ในชีวิตของพวกเรา บางครั้งก็สงสัยในเรื่องใหญโต และหลายครั้งก็ในเรื่องเล็ก ๆ นอย ๆ ไมแปลกอะไรหรอกครับ พระศาสนจักรเองก็สงสัยอยูหลาย ๆ อยาง ยกตัวอยางงาย ๆ - พระศาสนจักรเคยสงสัยวา แมพระประจักษจริง ๆ หรือ ที่เมืองลูรด ตั้งกรรมการสอบสวนอยู หลายตอหลายป จนในที่สุดเหตุผลไมสามารถอธิบายได พระศาสนจักรประกาศรับรอง - พระศาสนจักรเคยสงสัยวา แมพระประจักษมาจริง ๆ หรือ ที่ฟาติมา ก็ตั้งกรรมการสอบสวนโดย ละเอียด - พระศาสนจั ก รกํ า ลั ง สงสั ย ว า แม พ ระประจั ก ษ ม าที่ เมดจู ก อเร จริ ง หรื อ เวลานี้ ก็ กํ า ลั ง ตั้งกรรมการสอบสวนอยูยังไมรูผล - พระศาสนจักรสงสัยวา ผาหอพระศพพระเยซูเจาที่ตูริน เปนผาหอพระศพ พระเยซูเจาหรือไม ก็ใหนักวิทยาศาสตรเขามาพิสูจน แมตอนนี้ก็ยังพิสูจนไมเสร็จสิ้น - พระศาสนจักรสงสัยวา พระสันตะปาปายอหนปอลที่สอง อยูบนสวรรคแลวหรือยัง เวลานี้ก็กําลัง พิสูจนกันอยู ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกหลายรอย หลายพันเรื่องที่พระศาสนจักรกําลั งสงสัยอยู แมใ นเรื่องความเชื่ อ บางอยางดวย พระศาสนจักรตองยอมรับดวยวา วิทยาศาสตรเราก็ยังไมสามารถหาคําตอบที่ตนเองสงสัยอยู และไมสามารถหาคําตอบไดดวย พระเปนเจาจึงใหเรามี “ความเชื่อ” หลายอยางเหตุผลไมสามารถเขาถึง เหตุผลไมสามารถตอบคําถามได แตความเชื่อเทานั้นทําได แมแตอิจฉริยะอยาง อัลเบิรต ไอนสไตนเอง ก็ยังตอง ยอมอ อนน อมต อ “ความเชื่อ” ดังนั้ นความสงสัยของโทมั สจึ งมี ค วามสําคัญ น อ ยกว า ความเชื่ อของท าน คําตอบของโทมัสลึกซึ้งและกินใจกวาคําถามของทาน “องคพระผูเปนเจาของขาพเจา และพระเจาของ ขาพเจา”และคําพูดขององคพระเยซูเจาเองก็ชางแจมแจงชัดเจนจริง ๆ ครับ “ทานเชื่อเพราะไดเห็นเราผูที่เชื่อ แมไมไดเห็น ก็เปนสุข” พี่นองครับเรามีความสงสัย เรามีคําถามไดมากมายในทุกเรื่องแมเรื่องความเชื่อ พอเอง ก็สงสัยและ หลายอยางก็ยังหาคําตอบไมได แตคําถามและขอสงสัยเหลานั้นไมสามารถทําใหเราตองสูญเสียสิ่ งที่มีคาที่สุด ในชีวิตของเราไป นั่นคือ “ความเชื่อ” ใหเราเพิ่มพูนความเชื่อของเราเสมอดวยการสวดภาวนา ไวใจพระ และ ไวใจในพระเมตตาของพระ พระเปนเจาใหของขวัญที่ดีที่สุดแกเราแลว *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 11 เมษายน 2010 ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
28
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ตามปกติหนารอนในบานเราก็รอนเอามาก ๆ โดยเฉพาะเดือนเมษายน ปญหาที่ตามมาของ หนารอนก็คือการแตงตัวโดยเฉพาะการแตงตัวมาวัด ที่ประเทศอิตาลี โดยเฉพาะที่กรุงโรมก็มี อากาศรอนมากๆ ในฤดูรอนเหมือนกัน และก็พบกับปญหาเดียวกันดังนั้นตามวัดตาง ๆ เขาก็จะมี ประกาศเรื่องการแตงตัวทั้งของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี สําหรับสุภาพบุรุษหามสวม T-shirt เขาวัด และสําหรับสุภาพสตรีตองสวมกระโปรงคลุมเขา ที่วัดเรายั งคงไมตองออกระเบียบ กฎเกณฑมากถึงขนาดนั้น เพราะอันที่จริงพอก็ใหเกียรติเสมอวา “เราคงรูอยูแลววาควรแตงตัว อยางไรไปวั ด ไปเขาเฝาพระเจาของเรา” พี่ นองคงจําพระสันตะปาปายอหนที่ 23 ไดนะครั บ พระองคเป นบุ ญราศีในป 2000 เวลาที่ นํ าพระศพของพระองค ขึ้ นมาจากที่ ฝ งศพใต มหาวิหาร นักบุญเปโตรมาตั้งไวในมหาวิหาร ใบหนาของพระองคไมเนาเปอย หนาตายังคงผองใส ยิ้มแยม ออนโยนเหมือนเดิมเลย กอนที่พระองคจะเปนพระสันตะปาปา พระองคทําหนาที่ทางการทูตใหแก สันตะสํานัก พวกทูตก็มักจะมีการเลี้ยงเสมอ ๆ ตองจัดงานเลี้ยง ตองไปรวมงานเลี้ยง ในงานเลี้ยง ครั้งหนึ่ง พระองคนั่งกับสตรีผูหนึ่ง ซึ่งแตงตัวโปมากๆ แตพระองคก็มิไดตรัสวาอะไรเลย หลังอาหาร พระองคก็สงลูกแอปเปล ลูกหนึ่งใหกับสตรีผูนั้น เธอจึงถามพระองควา “พระคุณเจาใหแอปเปลแก ดิฉันทําไม?” พระองคจึงตอบวา “เปนสิ่งที่ตองทํากับ เอวา เพราะจนกระทั่งเอวาไดทานแอปเปลจึงรู วาตนเองเปลือยกายอยู” พอไมทราบจริงๆ วาสตรีผูนั้นรูสึกอยางไร หรือมีเหตุการณอะไรตอไป แตคุณพอทานหนึ่งไดเลาเรื่องนี้ใหสัตบุรุษที่วัดของทานฟงเพราะสัตบุรุษแตงตัวไมเรียบรอยมาวัด จะพูดวาเสีย ๆ หาย ๆ ก็ไมดเี พราะเปนเรื่องละเอียดออน คุณพอก็เลยพูดออมๆ วาบางทีเรานาจะมี ตระกราแอปเปลไวหนาวัด และหากใครไดรับแจกผลแอปเปลก็คงจะตองรูเหตุผลวาทําไมจึงไดรับ แจกผลแอปเป ล พี่ น อ งแต ง ตั ว ให สุ ภ าพเรี ย บร อ ยและให เ กี ย รติ พ ระอย า งนี้ ดี แ ล ว นะครั บ แอปเปลเดี๋ยวนี้ก็ไมใชจะราคาถูก อันที่จริงเรื่องนี้เปนเรื่องที่มาจากคําถามงาย ๆ คําถามเดียว กับที่พระเยซูเจาถามนักบุญเปโตรในพระวรสาร “เปโตร เจารักเราไหม” เพียงแตวาพระองคถามถึง 3 ครั้ง และทุกครั้งที่เปโตรตอบ พระองคก็จะมอบหมายบางสิ่งบางอยางที่สําคัญใหทํา ดังนั้น ถาหากเราตอบวา “เรารักพระองค” เราก็รูวาเราจะตองทําอะไรบาง เริ่มตนจากเรื่องที่งายที่สุดก็ คื อการให เกี ยรติ พระ นี่ ยั งไม ต อ งพู ด ถึ ง การทํ า ตามที่ พ ระต อ งการ ตามที่ พ ระองค ท รงสอน มีคนเคยสอนพอวา เวลาที่เราแตงตัวไปวัด พยายามแตงตัวให “Attractive” คือใหมีเสน ห ไมใชแตงตัวจนกระทั่ง “Distractive” หมายถึง ดึงความสนใจจากผูคนมากไป ปญหาของเราก็คือ เราคิดวาเราแต งตั วแบบนี้ มีเสนห ทั้ ง ๆ ที่ เป นการดึ งความสนใจชัด ๆ ขอบคุ ณพี่น องทุก ทา น ที่แตงตัวอยางเหมาะสมมาวัด พระวรสารอาทิ ตยนี้ยังมี อีกตอนหนึ่งที่น าคิดมาก ๆ พอ ไมเขา ใจวาทํา ไมบรรดาสาวก จําพระเยซูเจาไมได แมจะพูดกันวา นั่นคือพระอาจารย พวกเขารูวาเปนพระอาจารย แตดูเหมือนไมใช ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
29
คนเดิมกอนการกลับคืนพระชนมชีพ นึกดูงาย ๆ ตอนที่เดินรวมทางไปกับศิษยสองคนไปเมือง เอมมาอุส ศิษยสองคนนี้ก็จําพระอาจารยไมไดจนกระทั่งเวลาที่พระองคทรงปขนมปงจึงจะจําได แสดงวา ในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจาและวันหนึ่งของเราทุกคนดวยจะตองเปนตัวเรานี่แหละ แตในลักษณะใดนั้น ไมทราบแนชัด แตก็คงจะไมเหมือนอยางที่เราเปนแบบนี้ซะทีเดียว นี่พอก็คิดไป เรื่อย ๆ ประเด็นที่สําคัญอีกประเด็นหนึ่งก็คือ บางครั้งเราก็จําพระเยซูเจาไมได บางครั้งเรา อาจจะไมรูจักพระองคเลย และบางครั้งเราอาจจะไมรักพระองคเลย นี่เปนประเด็นที่สําคัญ มาก เราอาจจะไมเคยพบพระเยซูเจาในพี่นองเพื่อนมนุษยของเรา เราอาจจะเปนศัตรูดวยซ้ํากับ เพื่อนมนุษยบางคน เราจําพระเยซูเจาไมไดเลย ก็ตอนที่เราทําบาปดวยความตั้ งใจและเต็มใจทํา เวลาที่ เราทํ าสิ่ งต าง ๆ เพื่ อให เกี ยรติ พระไม ว าจะเป นการสวดภาวนา การแห ต าง ๆ การไปวั ด รวมพิธีกรรมตาง ๆ เราก็กําลังใหเกียรติตนเอง และก็กําลังใหเกียรติเพื่อนพี่นองของเราทุกคนดวย อยาลืมนะครับ เรารักพระมากเทาไร เราก็ใหเกียรติพระมากขึ้นเทานั้น ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 18 เมษายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
30
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พอเพิ่งจะเรียนรูเรื่องของ “แกะ” เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนอย แกะเปนสัตวที่ไมมีไหวพริบเลย ออนแอและไมฉลาดเอาซะเลย เปรียบเทียบงาย ๆ ก็คือ สุนัขและแมว ยังรูจักวิธีกลับบานเองได แตแกะนี่ถาหากหลงไปจากฝูงเมื่อไรก็จะเดินสะเปะสะปะไปเรื่อย ๆ ไมมีทางกลับบานเองไดเลย จนกวาจะมีคนไปพบและพามันกลับบาน พระวรสารอาทิตยนี้พูดถึงเรื่อง แกะนี่แหละ พระเยซูเจาเขาใจชีวิตของแกะดีจึงนํามาเปรียบเทียบกับเราทุกคน เวลาที่เราไดยินพระองคตรัสวา “ไมมีใครแยงชิงแกะเหลานี้ไปจากมือเราได” อีกตอนหนึ่ง “และไมมีใครแยงชิงไปจากพระหัตถของ พระบิดาได” ทําใหพอรูสึกและเขาใจมากยิ่งขึ้นวา พระเยซูเจาหวงแหนแกะของพระองคยิ่งกวา สิ่งใด ตัวไหนอยูไหน ตัวไหนหลงไปไหนก็จะตองตามกลับมาใหครบทุกตัว ถามนุษยเราเปนคนซื่อ ๆ อยางเด็กเล็ก ๆ เราก็คงเปนเหมือนแกะที่ดีไมยากนักหรอก และจะกลายเปนที่หวงแหนของพระไม ยากนั ก เลย เพี ย งแต ม นุ ษ ย เ รามี ป ญ ญา และคิ ด ว า ตนเองฉลาด ก็ เ ลยทํ า ตั ว ไม ใ ช แ บบแกะ แตอาจจะแตกตางจากผูมีปญญาทั้งหลายซึ่งคิดวาเขาไมตองการพระเจาอีกตอไปแลว สามารถ กลับบานเองได ไมมีทางหลงไปไหนคําพูดของพระสงฆเม็กซิโก คนหนึ่งประทับใจพอมาก เขาเปน พระสงฆที่อยูในระหวางการเบียดเบียนศาสนาในประเทศเม็กซิโก และในที่สุดคุณพอองคนี้ก็ตาย อยางมรณสักขี ทานเปนพระสงฆที่ดําเนินชีวิตไมดีเลย ชอบดื่มสุราเมามาย และไดสมญานามวา พระสงฆวิสกี้ ทานพูดไวอยางนี้ครับ “ผมรูวาผมเปนพระสงฆเลว แตสิ่งที่ทําใหผมรูจักปวดราวใน หัวใจมากที่สุดก็คือ บรรดาสัตบุรุษที่กําลังคิดวาตนเองดีเหลือเกิน ” พวกที่คิดวาตนดี ตนฉลาด ก็กําลังหลงทางนั่นเอง และพวกนี้พากลับบานยากซะดวยเพราะเขาไมคิดวากําลังหลงทางอยู เราทุกคนจึงตองการนายชุมพาบาลที่ดี ตองการผูนําเรากลับบาน เราจึงตองการพระสงฆ นักบวชที่เปนนายชุมพาบาลที่ดี เวลาที่เราไดยินเรื่องราวของพระสงฆและนักบวชที่ไมดี ที่ไมสนใจ ที่จะตามหาลูกแกะ หรือพาลูกแกะกลับบาน เราก็รูสึกไมดีเลย พระสงฆและนักบวชบางคนก็ สนใจแตเรื่องของตนเอง สนใจแตเรื่องการหาเงินหาทองและการใชเงินใชทอง บางคนขับไลแกะ ออกจากฝูงซะดวย ก็ไดแตหวังวาพอคงไมเปนอยางนั้น เราจึงตางตองทําหนาที่ของตนใหดีที่สุด เปนนายชุมพาบาล และเปนลูกแกะที่ยอมฟงเสียงของนายชุมพาบาล หลายครั้งเราก็เรียกรอง ใหมีแตเฉพาะนายชุมพาบาลที่ดี แตเวลาเดียวกันตัวเรากลับไมยอมเปนแกะ พอแมก็พยายามดูแล ลูก ๆ พอแมก็จะตองทําตัวดี เปนตัวอยางและรูจักสั่งสอนลูก ๆ ไมตามใจจนเกินไป สวนลูก ๆ เองก็จะตองฟงเสียงพอแม เรื่องนี้คนที่เปนพอแมคงเขาใจดีวา “ไมใชเรื่องงาย ๆ” เราจึงตองรวมใจ กันครับ สวดภาวนา รวมมือกันในเรื่องตาง ๆ และโดยเฉพาะสวดภาวนาใหมีกระแสเรียกที่ดีมาก ๆ ไม มี ใครอยากเป นพระสงฆ ที่ ไม ดี หรอกครั บ ทุ กคนอยากเป นนายชุ มพาบาลที่ ดี ทั้ งนั้ นเหมื อนอย าง “คุณพอวิสกี้” แมตัวเขาเองจะประพฤติไมดี แตในใจเขาก็ยังคงเปนหวงลูกแกะของทาน ตลอดเวลา ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
31
พี่ น อ งคงทราบดี แ ล ว ว า พระศาสนจั ก รของเรากํา ลั ง ขาดแคลนพระสงฆ แ ละนั ก บวช วัดหลายแหงทั้งในยุโรปและอเมริกากําลังประสบกับวิกฤตขาดแคลนพระสงฆ สมาชิกของนักบวช คณะตาง ๆ ในโลกก็กําลังประสบปญหาเดียวกัน มีวัดแหงหนึ่งในอเมริกาเปนวัดเล็ก ๆ เขียนปาย ติดไวที่วัดวา “เราตองการพระสงฆ พระสงฆซึ่งรักเราและใหเรารัก” ที่จริงไมจําเปนตองเปนวัด ที่ขาดแคลนพระสงฆหรอก เพราะแมแตวัดที่มีพระสงฆอยูแลวก็ตองการพระสงฆอยางนี้ และ ถาหากใหพระสงฆมีโอกาสเขียนปายติดหนาวัดในลักษณะนี้บาง พี่นองคิดวาพระสงฆควรเขียน อยางไรดี พอวาก็คงจะเขียนในลักษณะเดียวกันนี่แหละ เราทุกคนจึงตอง “รักที่จะเปนพระสงฆ รักที่จะเปนนักบวช และรักที่จะเปนลูกแกะ” อาทิตยนี้ใหเราสวดภาวนาเปนพิเศษสําหรับกระแสเรียกใหพระเยซูเจาผูกลับเปนขึ้นมา ทรงพระชนมอยูในชีวิตของพวกเราทุกคน
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 25 เมษายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
32
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ถ า พ อ ถามว า “บั ญ ญั ติ ข อ ใดสํ า คั ญ ที่ สุ ด ” เชื่ อ ว า พี่ น อ งทุ ก คนคงตอบได ไ ม ย ากนั ก เพราะเราได ยิ น บ อ ย ๆ ในพระวรสาร คํ า ตอบก็ คื อ จงรั ก พระเจ า สิ้ น สุ ด วิ ญ ญาณ สิ้ น สุ ด สติ ป ญ ญา สิ้ น สุ ด จิ ตใจ และจงรั ก ผู อื่ น เหมื อ นรั ก ตนเอง คราวนี้ ล องเอาพระวรสารวั น นี้ มาเปรียบเทียบดูนะครับ พระเยซูเจาตรัสวา “ทานทั้งหลายจงรักกันและกันเหมือนที่เรารัก ทาน” และก็ยังเคยตรัสเพิ่มเติมอีกวา “คนทั้งหลายจะรูวาทานเปนศิษยของเรา เมื่อทานทั้งหลาย รักกันและกัน” พระเยซูเจาไมไดเสนอแนะ ไมไดชักชวนเราให “รัก” ไมไดบอกวา “เราควรรักกันและ กัน” แตพระองคสั่งเราใหรักกันและกัน ถาพระองคเสนอแนะหรือชักชวนเรา เราสามารถปฏิเสธ ได แต ถ า พระองค สั่ ง เราปฏิ เ สธไม ไ ด แมเราปฏิ เสธไม ได แตเราก็ อาจจะยั งทํ าไม ได พี่ น อง ลองคิดตามพอดูนะครับวาหัวขอตอไปนี้จริงหรือเปลา 1. รักพระสิ้นสุดจิตใจ ไมยากเลย เราทําไดแน ๆ บางครั้งอาจจะบกพรองบาง แตเรา ก็ยังรัก แมเราจะมองไมเห็นพระ เราก็ยังเชื่อและรักพระไดเสมอ 2. รักคนที่เราไมรูจัก งายกวารักคนที่เรารูจักกันดี คนที่เรารูจักดี ๆ บางทีเราไมไดรักเลย แตรูจักเฉย ๆ เราไมเคยทําอะไรใหเขาดวยซ้ํา แตคนที่เราไมรูจักเลย เรากลับชวยเขา เต็มที่ เวลาที่เรารูวาเขากําลังลําบาก เชน ผูประสบภั ยพิบัติตาง ๆ คนยากจนที่เรารู ทางทีวีหรือขาวสาร หรือเวลาที่พอประกาศขอความชวยเหลือผูยากจน เราเต็มใจชวย แตเวลาญาติพี่นองเราเองขอความชวยเหลือ เรากลับลังเลใจ 3. บทจะรักเราก็รักงาย แตบทจะเกลียด ก็เกลียดแบบลืมไมลง เขาตําราวา รักมาก ก็เกลียดมาก 4. ถารักหมายถึงเพียงแค “ชวยเหลือ” ก็เปนเรื่องไม ยากเกิ นไป แตถารักหมายถึ ง “ใหอภัย” มันเปนเรื่องยากแสนยาก เราชอบที่จะชวยเหลือ แตเราไมชอบที่จะใหอภัย ถาเราชอบที่จะใหอภัยก็มิไดหมายความวา เราสามารถอภัยได เราอาจจะอภัยคนบางคนได แตเราจะอภัยใหกับทุกคนไมได ถาจะตองใหอภัยศัตรูดวยแลว ยิ่งไมมีทางเปนไปไดเลย อภัยคนที่ ทํารายเราทั้งกายและใจ อภัยคนที่โกงเรา อภัยคนที่คอยกลั่นแกลงเรา ปญหาเกือบทั้งหมดในเรื่อง บัญญัติแหงความรัก มักมาตกอยูที่ปญหาของการใหอภัย เราจะสามารถให อภั ยศั ตรู เหมื อนที่ พระเยซู เ จ าทรงให อภั ยผู ที่ ทํ าร า ยพระองค บนไม กางเขน “พวกเขาไมรูวากําลังทําอะไร” มีคริสตังจํานวนไมนอยที่กําลังตอสูกับตัวเอง พยายามที่จะทําใจ และใหอภัยเพราะเขาใจดีถึ งคําสั่งของพระเยซูเจา บางครั้งก็สําเร็จครับ บางครั้งก็ ไมสําเร็ จ บางทีก็สําเร็จแคชั่วครั้งชั่วคราวเทานั้น พอรับทราบเรื่องราวเหลานี้ดวยความเห็นอกเห็นใจและ เขาใจดีถึงความยากลําบาก พอเองก็รูสึกลําบากไมนอยไปกวากัน เพียงแตพอไมคอยจะมีเรื่องที่ ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
33
จะตองใหอภัยใคร มากนัก สวนใหญมักจะไมใหอภัยตัวเองมากกวา พอมักจะสอนคนที่มีปญหาเหลานี้ ดวยคําสอนงาย ๆ วา กอนอื่นหมด ใหอภัยตัวเอง ใหไดเสียกอน แลวจึงพยายามใหอภัยผูอื่น หากยังใหอภัยไมได ก็ขอเพียงแต สวดภาวนาใหเขา ถาหากแมวา สวดภาวนาก็ยังสวดใหไมได ก็ใหพยายามเริ่มตนสวดตอไป ขออภัยดวยที่พอไมสามารถสอนเรื่องความรักที่ตองใหอภัยไดมาก ไปกวานี้ แตก็ขอเปนกําลังใจใหพี่นองทุกคนที่กําลังตอสูภายในมโนธรรมของตนที่จะใหอภัยคน บางคน แตยังทําใจและเอาชนะใจตนเองไมได ใหพยายามสวดภาวนา และพยายามใหอภัยตอไป ศัตรูตัวจริงของเรื่องนี้ไมใชใครที่ไหน ก็คือ ตัวเรานั่นเอง มีความลับอยูอยางหนึ่งที่พระเยซูเจา พยายามที่จะบอกกับเรา นั่นก็คือ ทุกครั้งที่เราสามารถใหอภัยกับพี่นองที่เรารูสึกวาใหอภัยไมได เวลานั้น เราพบกับสันติ และความสงบสุขภายในอยางเปยมลน แบบที่เราไมสามารถหาไดจาก ที่ใดเลยในโลกนี้ ความสุขใจแบบนี้หลายคนเคยพบมาแลว คนที่ตองการอภัย พระเจาประทาน พระกําลังใหเสมอ พยายามตอไปนะครับ พี่นองจะพบกันสันติสุข ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 2 พฤษภาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
34
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ในสมั ยสมเด็ จ พระนารายณ ม หาราช (1656 – 1688) พวกเราคริ ส ตั ง ได รั บ พระมหา กรุณาธิคุณอันใหญหลวง ใหสามารถปฏิบัติศาสนกิจไดอยางอิสระ มีทูตฝรั่งเศสจากพระเจาหลุยสที่ 14 เขามาเจริญสัมพันธไมตรีชื่อวา Simon de la Loube`re ไดเขียนบันทึกไวเลมหนึ่งเกี่ยวกับ อาณาจักรไทยสมัยนั้น มีตอนหนึ่งเขียนเกี่ยวกับศาสนาคาทอลิกไวอยางนาสนใจมาก และในนั้น ก็บันทึกบทภาวนาบางบทที่ สําคัญ ๆ เอาไวดวย คริ สตังสมัยนั้นสวดบท “ขาแต พระบิดาของ ขาพเจาทั้งหลาย” แตกตางจากสมัยนี้อยางสิ้นเชิง แตคําที่เขาใชนั้นดูออนโยน นิ่มนวลและซึ้งใจ เขาสวดวาอยางนี้ครับ “พอเราอยูสวรรค ชื่อพระใหปรากฎทุกแหง เมืองพระขอใหไดแกเรา” พวกเขาเรียกพระเปนพอ ดูใกลชิดสนิทสนมดีจริง ๆ พี่นองเอาไปเทียบกับคําสอนของพระเยซู เวลาที่สอนใหเราสวดบทนี้ พระองคสอนใหเราเรียก พระบิดาวา “อับบา” ซึ่งแปลวา “พอ หรือ เตี่ย หรือ ปา หรือ แดดดี้ นั่นเอง เปนคําที่สนิทสนม บทขาแต พระบิดาของเราในปจจุบันเปนบทที่ 7 แลวที่ไดรับการแกไข ปจจุบันเราคุยกับพอเราโดยใหเกียรติสูงสุด เราจึงขอใชราชาศัพทตาง ๆ ดวย ถึงตอนนี้เราคงไมสามารถหันหลังกลับไปใช “พอเรา” ไดอีกแลว แตหากวาเราใกลชิดกับ พระพอเพียง เราก็ สามารถคุ ยกับ พระองคได แบบเดี ยวกั บพ อลูก ที่ใกลชิ ดกัน สํา คัญ ตรงที่ว า เราใกลชิดกับพระมากพอแลวหรือไม พอขอเลาตัวอยางหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศเปรู พระสงฆองคหนึ่งตองการไปเยี่ยมสัตบุรุษ ในเขตวัด แตพื้นที่นี้อยูบนเทือกเขาแอนดีส การเดินทางตองใชมา พอก็ขี่มาขึ้นไปบนเทือกเขา ดวยความที่ไมคุนเคยเสนทาง ในที่สุดก็หลงทางทานก็เลยปลอยมาไป และพยายามมองหาแสงไฟ พอเห็นกระทอมหลังหนึ่งจุดตะเกียงอยูพอเดินไปถึงกระทอมชายหนุมคนหนึ่งก็รีบออกมาพรอม ตะเกียง ตะโกนดวยความดีใจวา “พอ พอมา ผมรูวาพอตองมา” พอองคนี้แปลกใจมาก เพราะ ปกติเวลานั้นเปนเวลาที่คนเหลานี้จะตองนอนแลว และเขารูไดอยางไรวาทานจะมา จึงถามชายหนุม นั้นวารูไดอยางไรวาทานจะมา ทานไมไดบอกใครและก็มาถึงก็เพราะหลงทางชายหนุมตอบวา “แมผมสวดภาวนาทั้งวันขอใหมีพระสงฆมา ทานกําลังจะตายครับ ” พอจึงเขาไปในบาน ฟงแกบาป และโปรดศีลเจิมใหแกแมของชายหนุม และศีลเสบียงดวย หญิงชราผูนี้จึงพูดออกมา ดวยความสุขใจอยางยิ่งวา “Taita Dios ฟงคําภาวนาของลูกแลว” คําวา Taita เปนคําภาษา สเปน ซึ่งใชเรียกพอที่สนิทสนมกัน เปรียบเทียบไดกับคําวา Daddy หรือ ปา ฟงคําภาวนาจริง ๆ หญิงคนนี้ไมใชเพียง เชื่อ และไวใจพระเทานั้น แตมีความใกลชิดสนิทสนมกับ พระอยางพอลูกนา ประทับใจจริง ๆ พระวรสารอาทิตยนี้ พระเยซูเจาตรัสสอนวา “ผูใดรักเรา ผูนั้นจะปฏิบัติตาม วาจาของเรา พระบิ ด าของเราจะทรงรั ก เขา” พระบิ ด าจะเสด็ จ พร อ มกั บ เรามาหาเขา พระจิตเจาจะสอนทานทุกสิ่ง” นี่คือความใกลชิดกันอยางที่สุดของพระตรีเอกภาพ พระเจาตองการ ใกล ชิ ด และสนิ ท สนมกั บ มนุ ษ ย อ ย า งเรา และพยายามสอนให เ รารู จั ก ถึ ง ความใกล ชิ ด นี้ ด ว ย ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
35
ยิ่งเราใกลชิดกับพระมากเทาใด เราก็ยิ่งมีความไวใจพระมากเทานั้น เชนเดียวกับหญิ งที่กําลังจะ ตายคนนี้ และพระบิดาก็ฟงคําภาวนาของเราทุกอยาง แตคิดไปคิดมา เราก็ยังไมแนใจวาใกลชิด กับพระบิดาเพียงใด ออกจะหางเหินดวยซ้ําไป สวดภาวนาเพียงพอหรือเปลา ไปวัดสม่ําเสมอ แกบาปรับศีล และอื่น ๆ เสียดายเหมือนกันที่เราไมคอยมีคําที่ใชแบบใกลชิดกับพระเหมือนกับ ภาษาอื่น ๆ เขา เราไดใหเกียรติพระอยางที่สุดแลว แต เราก็สามารถที่จะใกลชิดกับพอแท ๆ ของเรา เวลาที่เราพูดคุยกับพระองค ตอนที่เราภาวนาสวนตัว พูดถึงภาวนาสวนตัวก็เปนเรื่อง ที่เราควรคิดและใชเสมอ ๆ เพราะเปนวิธีการที่จะนําพาเราใหใกลชิดกับพระไดอยางดีที่สุด เวลาที่เราภาวนาสวนตัวกับพระ เราสามารถพูดคุยไดทุกเรื่อง เลาอะไร ๆ ที่เราไมรูจะเลา ใหใครฟงดี พระฟงเราครับ และไมใชแตฟงอยางเดียว พระหาทางที่ดีที่สุดชวยเราดวย บางที เราคิดวาไมไดชวยเลย แตแทที่จริงชวยครับ เราตองไวใจอยางหญิงที่ปวยคนนี้ เธอและลูกชายรู วา “พอตองมา”
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 9 พฤษภาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
36
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พอเขามารับหนาที่เจาอาวาสตั้งแตวันที่ 10 พฤษภาคม 2009 นับมาจนถึงวันนี้ก็ครบ 1 ป พอดี เวลาชางผานพนไปเร็วเหลือเกิน พอเริ่มเขียนสารวัดฉบับแรกก็ตรงกับวันสมโภชพระเยซูเจา เสด็จขึ้นสวรรค คือ 24 พฤษภาคม 2009 และก็เขียนเรื่อยมาทุกสัปดาห พอชอบอานยอนหลัง สิ่งที่พอเขียนไว เพื่อวาจะไดไมเขียนซ้ํา กลัวพี่นองจะเบื่อ แตก็เชื่อวาแมจะเขียนซ้ํา พี่นองก็คงจะจํา ไมไดหรอก ที่จําไมไดเพราะวาเรื่องมันนานมาแลว หรืออาจจะไมไดอานเลยก็ได พอเพียงบันทึกไว ในสารวัดเพื่อเตือนความจําเรื่องตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในวัดของเราเทานั้นเอง ขอบคุณพระและพระมารดา นิจจานุเคราะหสําหรับ 1 ปที่ผานมา เปนวันเวลาที่ดีมากสําหรับพอและก็หวังวาจะเปนเวลาที่ดีสําหรับ พี่นองทุกทานดวย วันนี้เราสมโภชพระเยซูเจาเสด็จขึ้นสวรรค พระเยซูเจาคลายๆ จะบอกกับเราวา เราตอง พยายามตามพระองคไปสวรรคใหไดนะ อุตสาหแบกกางเขนตามพระองคมาจนถึงเขากัลวารีโอแลว ก็น าจะต องตามไปจนถึ งสวรรค ที่ จริ งพระเยซู เจ าก็ ไม ได ไปไหนหรอกครั บก็ อยู กั บเรานี่ แหละ เพียงแตกลัวเราลืมสวรรคเทานั้นเอง การมีชีวิตในโลกนี้ก็อาจทําใหเราลืมที่จะไปสวรรคก็ได พี่นอง ลองนึกถึงคนที่กําลังจะจากเราไปสิครับ อาจเปนพอแมพี่นองเราเองก็มักจะสั่งเสียเรื่องบางเรื่อง กลัวพวกเราจะลืม บางคนกอนตายก็มักจะสั่งเสียลูก ๆ วา “ใหลูก ๆ รักกันนะ มีอะไรก็ชวยเหลือกัน” บางคนก็จะสั่งวา “รักพระนะ อยาลืมไปวัด สวดภาวนา ไปแกบาปรับศีล ” อะไร ๆ ทํานองนี้ ก็ดวยเหตุผลงาย ๆ ครับคือ คนที่จะจากไปเขาเปนหวงเรา และ กลัวเราลืม ก็เหมือนพระเยซูเจา ที่เปนหวงเราและก็กลัวเราจะลืม พระองคก็สั่งวา “จงเปนทุกขกลับใจ ประกาศใหนานาชาติ กลับใจ เพื่อรับศีลอภัยบาป” พระองคยอมสิ้นพระชนมก็ดวยเหตุนี้เอง มีเรื่องนารัก ๆ เกี่ยวกับการยอมตายของเด็กชายเล็ก ๆ คนหนึ่งครับ เด็กคนนี้ชื่อจอนหนนี่ เป น เด็ ก ที่ เ คยติ ด เชื้ อ โรคชนิ ด หนึ่ ง และก็ รั ก ษาตั ว จนหาย ต อ มาพี่ ส าวของจอห น นี่ ก็ ติ ด เชื้ อ นี้ เชนเดียวกัน แตอาการหนักกวากันมาก หมอลงความเห็นวาวิธีที่จะชวยรักษาชีวิตของเธอไดก็คือ การถายเลือดจากเลือดของผูที่เคยติดเชื้อนี้มาแลว ไมมีใครเหมาะเทากับเด็กนอยจอหนนี่ ผูนาสงสาร เขาเปนคนกลัวเข็มมาก หมอมาถามจอหนนี่วา “หนูจะยอมใหเลือดแกพี่สาวหรือ เปลา?” จอหนนี่ตกใจตัวสั่นและก็ลังเลใจ แตหลังจากคิดอยูชั่วขณะ จอหนนี่ก็ตอบหมอวา “ตกลง ครับ เพื่อพี่สาวของผม” ทั้งสองคนถูกนําเขามาอยูในหองถายเลือด ไมไดพูดอะไรกัน เพียงแต สบตากันเทานั้น ระหวางที่ถายเลือดจอหนนี่มีอาการสั่นเทา เมื่อถายเลือดเสร็จเรียบรอยแลว พี่นองทราบมั้ยครับวาจอหนนี่ถามหมอวาอยางไร คําถามนี้ทําใหเราเขาใจจอหนนี่มากกวาที่เราคิด เขาถามหมอวา “หมอครับ ผมจะตายตอนไหนครับ?” จอหนนี่ตัวสั่นเทา เพราะเขาคิดวาการให เลือดแกพี่สาวนั้นหมายความวา เขาจะตองตายเพื่อใหพี่สาวมีชีวิตอยู และเขาก็เต็มใจตาย เพื่อพี่สาว ของเขา พระเยซูเจาก็เปนเชนนี้ครับ ยอมตายเพื่อใหเรามีชีวิต ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
37
จะมี อ ะไรที่ ทํ า ให พ อ แม มี ค วามสุ ข เท า กั บ การเห็ น พี่ น อ งรั ก กั น ช ว ยเหลื อ กั น และจะมีอ ะไรเปน ทุ กข เท า กับ การเห็น พี่ นอ งทะเลาะกั น เกลีย ดชัง กัน นี่เ ป นความห วงใย ของพระ เปนความหวงใยของพอแมทุกคน โอกาสที่เราสมโภชพระเยซูเจาเสด็จขึ้นสวรรคนี้ใหเรา จูงมือพี่นองของเรา ญาติ ๆ เราไปสวรรคดวยกัน ใครที่ทะเลาะกันก็ยกโทษกันซะ ใครที่ไมคอย ไดมาวัดมาวา ก็ชวยกันตักเตือน ใครไมไดมาแกบาปก็แนะนําเขาหนอย ใหกําลังใจเขาหนอย รักกันไวเถอะครับ จะชวยใหเรากาวหนาไปได พระเยซูเจาทรงเปนหวงเปนใยเราทุกคน พระองคทรงสั่งเสียเราไวหลายอยาง แตก็ดู เหมือนวาคําสั่งเสียที่สําคัญที่สุดกอนที่พระองคจะเสด็จสูสวรรคก็คือ “จงรัก...” ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 16 พฤษภาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
38
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก “สมโภชพระจิตเจ า ” คนสมัยกอนรู จั กวั นสมโภชนี้ในชื่อวา “เปนเตคอสเต” ซึ่ งเปนคํ า ที่มาจากภาษากรีกแปลวา “50 วัน” หมายถึง วันฉลอง 50 วันหลังจากปสกา ชาวยิวทําการฉลอง นี้ ก็เพื่อเตือนความจําถึงวั นที่พระเจาประทานบัญญัติ 10 ประการใหแกพวกเขาที่ภูเขาซีนาย มาถึงสมัยพระเยซูเจา 50 วันหลังปสกา พระเจาประทานพระจิตของพระองคเองใหแกเรา นี่คือ ที่มาของวันสมโภชนี้ ที่จริงพระจิตเจามีชื่อหลายชื่อครับ พระคัมภีรใหชื่อพระจิตไวอยางนาสนใจ เชน ใหชื่อวา “พระผูชวย” “พระผูบรรเทา” ไหนๆ ก็พูดถึงพระจิตเจาแลวก็ขอตออีกหนอย เราพบ สัญลักษณ ของพระจิตในพระคัมภีรที่เราคุนเคยกันดี ก็ คือ นกพิราบ และลิ้นไฟ นกพิ ราบเป น สัญลักษณ หมายถึง สันติภาพ และ ลิ้นไฟ หมายถึง ความรอนรน และ ฤทธิอํานาจ นี่ก็ทําให เราเขาใจอยางชัดเจนวา พระเยซูเจามิใชเพียงแตมอบบัญญัติแหงความรักแกเราเทานั้น แตยังมอบ พระจิตเจาซึ่งจะชวยใหเราพบกับสันติสุขแทจริง สันติสุขที่โลกนี้ใหเราไมไดและยังใหพละกําลัง แกเรา ใหเรามีใจรอนรนในคําสอนของพระองคอีกดวย เราเรียกพรเหลานี้วา พระคุณ 7 ประการ ของพระจิตเจา เทาที่พอพูดมานี้ก็แสดงวาพระจิตเจาทําหนาที่หลายอยางเหลือเกิน ตั้งแตการบังเกิดมา ของพระเยซูเจา จนกระทั่งปจจุบัน พระจิตก็ยังทํางานอยูในพระศาสนจักรของเรา เวลานี้พอหวังอยางเหลือเกินวาอยากใหพระจิตเจาทํางานในจิตใจของพวกเราคริสตชน ชาวไทยทามกลางความปนปวนวุนวายภายในบานเมืองของเราเราอยูทามกลางความเกลียดชัง การสาบแชง การตอสู และการประหัดประหารกัน เราเครียดเกี่ยวกับเหตุการณมากมายที่เกิดขึ้น จนกระทั่งเราไมมีที่วางสําหรับความเมตตา การใหอภัย พอเศราใจและหดหูใจมาก เวลาที่ไดยินคริสตชน บางคนสาปแชงคนนั้นคนนี้ใหตาย ๆ ไป บางคนมาถามพอวาบาปมั้ยที่เราอยากใหคนบางคนตายไปซะที ดีนะที่คน ๆ นั้นไมใชพระเยซูเจา หากพระองคคิดอยางนี้บาง ปานนี้พระองคก็คงไมตองถูกตรึงกางเขน และพระองคก็คงจะไมตองใหอภัยคนที่กําลังประหารพระองค บานเมืองเราตกต่ําลง แตที่นาเสียใจ กวานั้นอีกก็คือ จิตใจของเราก็ตกต่ําลงไปดวย ขออยาใหเปนเชนนั้นเลยในหมูพวกเรานะครับ ความโกรธเปนธรรมชาติของมนุษยครับ โกรธไดครับ แตอยาถึงกับ “เกลียด” กันเลย อยาใหปศาจทํางานในจิตใจของเรา ขอใหพระจิตเสด็จลงมา นําไฟรักมาสูหัวใจของเราดีกวา พอก็คงจะทําไดแคเตือน พี่นองเทานั้น คําเตือนที่ดีกวาเปนของพระเยซูเจาครับ พระองคตรัสวา “ทุกคนจะรูวาทานเปนศิษยของเรา เมื่อทานทั้งหลายรักกันและกัน” เรื่องนี้เครียดเกินไปแลวครับ มาคุยกันเรื่องพระจิตเจาที่ไมตองทํางานเครียดเกินไปดีกวา เปนเรื่องของชาวสวิสครับ พี่นองก็ทราบดีกวา ชาวสวิสเปนบิดาแหงนาฬิกา คิดคนการทํานาฬิกา ไขลาน และตอมาเปนผูคนพบวิธีการสรางนาฬิกากันน้ําไดกอนใคร ในป 1968 ก็คือ 42 ปที่แลว มีการสํารวจและพบวา ชาวสวิสเปนเจาของตลาดนาฬิกาของโลก และจะเปนเจาของตําแหนงนี้ไปอีก อยางนอย 50 ป แตอีกเพียงแค 12 ปตอมาคือในป 1980 เทานั้นปรากฎวา สวิสครองตลาด ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
39
นาฬิกาของโลกเพียง 10% เทานั้นเอง สาเหตุก็คือ การสรางนาฬิการะบบควอทซ ที่แปลกก็คือ ชาวสวิสเปนคนสรางนาฬิการะบบนี้ขึ้นมาเอง แตคนสรางนาฬิกาชาวสวิสรับไมไดกับระบบใหมที่ไมมี ปุมหมุนและไมมีสปริง พวกเขาก็เลยไมสรางนาฬิกาแบบนี้ออกขาย ชาติอื่น ๆ ก็เลยแซงหนาไปเลย บางทีเราก็อาจจะเปนอยางชาวสวิสนี่แหละ นิยมชมชอบแตความคิด ความเห็นเดิม ๆ ไม ยอมเปลี่ ยนแปลง หรือ ยอมรับ ความคิ ด เห็ น ใหม ๆ บ า ง บอกแต เ พียงว า มั น แปลกเกิน ไป ใหมเกินไป ไมเหมือนที่ฉันคิด บางคนก็อาจบอกวาเสี่ยงเกินไปที่จะนําสิ่งใหมเขามา อาจจะไมดีกวา ก็ได นาฬิกาสวิสก็ยังคงเปนนาฬิกาที่ดีและดีมากดวยนะครับ แตก็มิไดหมายความวา ไมควร มี นาฬิ กาควอทซ เ ข า มาในโลก พระจิ ต เจ า ทํ า งานแบบนี้ แ หละครั บ จิ ต ใจเดิ ม ที่ ดี อ ยู แ ล ว พระองคชวยใหดีขึ้น และเพิ่มเติมจิตใจใหมใหแกเรา เพื่อใหเรามีจิตใจที่สูงสงขึ้น ใจกวางมากขึ้น และสามารถเปดจิตใจของเรา ยอมรับจิตตารมณใหม ๆ ที่ดี ๆ แกเรา เปดใจของเรานะครับ ในนั้นมีความรักและสันติสุข ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 23 พฤษภาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
40
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก วันนี้เราสมโภช “พระตรีเอกภาพ” ขอความเชื่อซึ่งเปนรหัสธรรม สติปญญามนุษยไมสามารถ เขาถึงได พระสงฆไมคอยชอบวันนี้เทาไหร อยางนอยพอคนหนึ่งดวยเหตุผลที่วา เปนวันสมโภชที่พวกเรา เทศนยากมาก จะเทศนยังไงครับในเมื่อเหตุผลไมสามารถอธิบายได ขอความเชื่อนี้ก็คือ “พระบิดา พระบุตร และพระจิต สามพระบุคคลในพระเจาหนึ่งเดียว” พอเลยคิดวาถาอธิบายยากนัก ก็เริ่มตน กันดวยเรื่องงาย ๆ กอนก็แลวกัน เมื่อประมาณ 1700 ปที่แลว มีชายคนหนึ่งชื่อ เอเรียน (Arian) (ไม ใช Alien นะครั บ ออกเสี ยงคล าย ๆ กั น ) เขาสอนว า พระเยซู คริ สต ไ ม มี ส ภาวะพระเจ า พระเยซูเปนมนุษยเทานั้น มีลูกศิษยลูกหาเชื่อตามนี้และเผยแพรไปอยางรวดเร็ว เรื่องนี้เปนเรื่อง สําคัญมากเพราะเทากับทําใหขอความเชื่อเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพกระทบอยางรุนแรง ดังนั้นในบท ขาพเจาเชื่อถึงพระเปนเจาจึงมีคําบางคําที่พระศาสนจักรใชเพื่อยืนยันถึงพระตรีเอกภาพ และความเปน พระเจา ขององคพระเยซูเจาของเรา ตั้งแตนั้นมาพระศาสนจักรก็พยายามใหความสําคัญกับคําสอน เรื่ อง พระตรี เอกภาพมาโดยตลอด เช นพระสั นตะปาปาเกรโกรี ผู ยิ่ งใหญ (590-604) จนมาถึ ง พระอัครสังราช Thomas Becket กําหนดใหมีวันฉลองพระตรีเอกภาพ ที่สุดแลวพระสันตะปาปา ยอหนที่ 22 ก็กําหนดใหพระศาสนจักรสมโภชพระตรีเอกภาพในป 1334 เห็นมั้ยครับเลาเรื่องที่มาของ วันสมโภชงายจะตายไป แตจะใหอธิบายรหัสธรรมนี้ยากนาดู พี่นองคงจําเรื่องนักบุญเอากุสตินไดแน ๆ เพราะวันฉลองนี้ทีไร พระสงฆก็จะตองนํามาเลา เปนตัวอยางใหพี่นองฟง ปที่แลวพอเองก็นําไปเทศนในวัด แตไมไดเขียนไวในสารวัดปที่แลว ก็เปน ตั ว อย า งที่ ดี ม าก เอากุ ส ติ น เป น นั ก ปราชญ แ ละนั ก เทววิ ท ยา เธอพยายามขบคิ ด ว า พระตรีเอกภาพคืออะไร พระเจามีองคเดียวและสามพระบุคคลหมายความวาอยางไร จะอธิบายอยางไร สรรหาเหตุผล ตาง ๆ เทาที่ความฉลาดของทานจะทําไดก็ไมสามารถใหคําตอบได วันหนึ่งทานเดินไป ชายหาดเห็นเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง บางแหงก็เลาวาเปนเด็กชาย บางแหงก็วาเปนเด็กหญิง เด็กคนนี้ ขุดหลุมเล็ก ๆ ที่ชายหาด แลวก็นําฝาหอยเดินลงไปในน้ํา ตักน้ําดวยฝาหอย แลวเดินขึ้นมาเทน้ําลง ในหลุมที่ขุดเอาไว เอากุสตินมองดูสักพักหนึ่งก็อดถามเด็กคนนี้ไมไดวา กําลังทําอะไร เด็กคนนั้นก็ ตอบวา “หนู กําลังจะตักน้ําทั้งทะเลนี้ลงไปอยูในหลุมเล็ก ๆ นี้ใหหมดเลย” เอากุสตินก็เลยหัวเราะใหญ บอกเด็กวา หลุมทรายนี้เล็กนิดเดียว ฝาหอยก็เล็กนิดเดียว ทะเลทั้งทะเล ตักอยางไรก็ไมมีทางเต็ม หรอกหนู เด็กคนนั้นตอบกลับมาทันทีเลยครับวา “แลวทานเลากําลังทําอะไร ทานจะใชสมองเล็กนิด เดี ยวของมนุ ษย ความฉลาดซึ่ งมี ขี ดจํากั ดของมนุ ษย เพื่ อที่ จะเข าใจพระตรีเอกภาพซึ่ งยิ่ งใหญ มหาศาลไดอยางไรกัน” เอากุสติน ปราชญผูยิ่งใหญ นักเทววิทยาผูยิ่งยงตองยอมจํานนกับเหตุผล ธรรมดา ๆ ของเด็กคนนี้ พูดเสร็จในเรื่องก็เลาวา เด็กคนนี้ก็อันตระธานหายไป คงอยากจะบอกวา พระเจาสงสารเอากุสติน ก็เลยสงเทวดามาเตือนสติใหคิดได ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
41
เรื่องเด็กเตือนสติผูใหญนี้ก็มีใหเห็นอีกเรื่องหนึ่งครับ พระสังฆราชองคหนึ่งตอนไปโปรดศีลกําลัง ที่วัดแหงหนึง่ ถือโอกาสนี้สอนคําสอนเด็ก ๆ ถามวา “ใครอธิบายใหพอฟงไดมั้ยวา พระตรีเอกภาพ คืออะไร” เด็กคนหนึ่งก็ตอบขึ้นมาวา “พระตรีเอกภาพก็คือ พระบิดา พระบุตร พระจิต สามบุคคล ในพระเจาเดียว” พระคุณเจาก็บอกเด็กคนนั้นวา “พอไมคอยเขาใจเทาไรเลย” เด็กยอนกลับมาบอกวา “พระคุณเจาก็ไมนาจะเขาใจได เพราะนี่เปนรหัสธรรม” นี่คือคําตอบที่ชัดเจนที่สุด และมาจากเด็กเล็ก ๆ ที่ไมตองคิดอะไรซับซอน เราสามารถเขาใจพระตรีเอกภาพไดบางสวนครับ ถาหากเราไมคิด อะไรใหมันซับซอนนัก มีความเชื่อซื่อ ๆ ยืนยันความเชื่อของเราแบบงาย ๆ ก็เทากับเราเขาไป เกือบถึงพระตรีเอกภาพ ถาคิดมากเกินไปก็อาจกลายเปนแบบ เอเรียน หรือ กลุมใจแบบนักบุญเอากุสตินได พอขอทํ าตามเด็ กดี กว า ก็คื อ มี ความเชื่ อซื่ อ ๆ ง าย ๆ ครั บ ยื นยั นความเชื่ อในเรื่ อง พระตรีเอกภาพอยางงาย ๆ เวลาที่เราทําเครื่องหมายกางเขน เวลาทีเ่ ราจุมน้ําเสกตอนเขามาในวัด และสวดเดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต ใหเราทําโดยระลึกถึงพระตรีเอกภาพดวย ความตั้งใจ ระลึกถึงศีลลางบาปของเรา เพราะเวลาที่เรารับ ศีลลางบาปนั้น เรารับในนามของ พระตรีเอกภาพ ทุกครั้งที่เราสวดบทสิริพึงมีแดพระบิดา และพระบุตร และพระจิตนั้น ก็เทากับ เรายืนยันความเชื่อนี้ และขอพึ่งพระเดชานุภาพของพระเจาผูสูงสุดแตพระองคเดียว พระตรีเอกภาพ นั้นมิไดประทับอยูที่สมองหรือความฉลาดของมนุษยนะครับ แตประทับอยูในชีวิตคริสตชนของ เรานั่นเอง ทุกครั้งที่เราทําเครื่องหมายกางเขน “เดชะพระนาม...” มีความหมายครับ
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 30 พฤษภาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
42
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก วันนี้เปนวันสมโภชพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจาในศีลมหาสนิท งาย ๆ ก็คือการประทับอยู ของพระเยซูเจาในศีลมหาสนิทนั่นเอง มีอัศจรรยศีลมหาสนิทเกิดขึ้นทั่วโลก ตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน ในป 1263 ที่เมือง Liege ในประเทศเบลเยี่ยม พระโลหิตไดไหลออกมาจากแผนปงที่เสกแลวอยางนา อัศจรรย พระสันตะปาปาอูรบันที่ 4 สั่งใหตรวจสอบเรื่องนี้และพบวาเปนเรื่องที่เกิดขึ้นอยางอัศจรรย ในปเดียวกันที่ที่เมือง Bolsena ในประเทศอิตาลี พระสงฆองคหนึ่งมาจากกรุงปราก เดินทางมาที่โรม เพื่อตองการรื้อฟนกระแสเรียกแหงการเปนพระสงฆ ทานไดถวายมิสซาที่เมือง Bolsena ครับ ขณะที่ ทานเสกปงและเหลาองุนนั้น ก็ปรากฎวาแผนปงไดกลายเปนเนื้อจริงๆ และเลือดก็เริ่มไหลออกมา จากปงนั้นและหยดลงมาที่ผาปูรองศีล ผาปูรองศีลนี้ยังถูกเก็บรักษาไวอยางดีอยูที่อาสนวิหาร เมือง Orvieto ไมไกลจากกรุงโรมมากนัก ปตอมาพระสันตะปาปาก็ประกาศใหมีก ารสมโภชนี้ ในพระศาสนจักรคือตั้งแตป 1264 และขอใหนักบุญผูยิ่งใหญทานหนึ่งไดแตงบทเพลงและพิธีกรรม สมโภชนี้ขึ้น เพลง 2 เพลงที่เรารูจักกันดีก็มาจากนักบุญโทมัสอไควนัสนี่เองคือเพลง Tantum ergo และ O salutaris ซึ่งเราก็ยังคงรองมาจนถึงทุกวันนี้ ยังไมสามารถหาเพลงใดมาทดแทนได เลยขณะที่อวยพรศีลมหาสนิท ย อ นกลั บ ไปจนถึ ง ป ป ระมาณ 700 มี เ หตุ ก ารณ คล า ย ๆ กั น เกิ ด ขึ้ น ที่ เ มื อ ง Lanciano ในประเทศอิ ตาลี พระสงฆ อ งค ห นึ่ ง กํ า ลั ง เกิ ด ความสงสั ยในกระแสเรี ย กและในขณะที่ กํ า ลั ง ถวายมิส ซา แผ นปงก็ไ ดกลายเปนเนื้อ และองุนก็กลายเปนโลหิต ป จจุบันทั้ง เนื้อและโลหิต นี้ ก็ถูกเก็บรักษาและใหคริสตชนเขาเยี่ยมคารวะไดที่เมือง Lanciano นี้ ใครไปแสวงบุญที่อิตาลี ก็อยาลืมหาโอกาสไปที่ 2 แหงนี้ดวย ถาหากไมรูวาจะไปอยางไร พอยินดีใหคําปรึกษานะครับ แตเรื่องที่นาแปลกกวานี้อีกก็คือในป 1971 และ 1981 คณะแพทยไดมีการตรวจสอบกอนเนื้อและ เลือดนี้อยางละเอียดและพบวากอนเนื้อนี้เปนสวนของเนื้อที่มาจากหัวใจมนุษย และเลือดก็เปน เลือดมนุษยกรุป AB ซึ่งเปนกรุปเลือดที่ปกติของคนในดินแดนตะวันออกกลาง นี่ก็เทากับวาเรามี “พระหฤทัยของพระเยซูเจาแท ๆ อยูกับเรา” เรื่องที่นาแปลกกวานี้อีกก็คือในป 1978 องคการ นาซ า ได ทํ า การตรวจสอบคราบเลื อ ดที่ ติ ด อยู กั บ “ผ า ห อ พระศพที่ เ มื อ งตู ริ น และได พ บว า คราบเลือดนี้เปนเลือดกรุป AB เหมือนกัน เรื่องนี้ยังไมจบครับ พี่นองรูจักผาหอพระศพที่เมืองตูริน ไดยินบอย ๆ แตไมคอยไดยินเรื่องราวของผาพันพระเศียรพระเยซูเจา ถาพี่นองไปเปดดูพระวรสาร นักยุญยวง บทที่ 20 ขอ 6 และขอ 7 จะพบวานักบุญยวงบันทึกไวดังนี้ “ซีมอนเปโตรซึ่งตามไป ติด ๆ ก็มาถึง เขาไปในพระคูหา และเห็นผาพันพระศพวางอยูที่พื้น รวมทั้งผาพันพระเศียรซึ่งไมได วางอยูกับผาพันพระศพ แตพับแยกวางไวอีกที่หนึ่ง ” เรื่องราวของผาพันพระเศียรนี้มีประวัติ คอนขางยาวนานมาก พอคงไมสามารถเลาไดในสารวัดนี้ ปจจุบันผานี้ถูกเก็บรักษาไวที่อาสน วิห ารที ่เ มือ ง Oviedo ประเทศสเปนครั บ เขาจะเป ดให เข าชมเพี ยงป ละ 3 ครั้ งเท านั้ นคื อ ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
43
วันศุ กรศั กดิ์สิ ทธิ์ วันสมโภชมหากางเขน 14 กันยายน และวัน สุดท ายของวั นสมโภชนี้คือ วัน ที่ 21 กันยายน ของทุกปเทานั้น ประเด็นที่พอตองการบอกก็คือวาเมื่อมีการตรวจสอบผาหอพระศพ ที่เมืองตูริน คณะผูตรวจสอบก็ตองการตรวจสอบผาพันพระเศียรนี้ดวย และก็ไดพบวาเลือดที่อยูที่ผา ทั้งสองผืนนี้เปนเลือดกรุปเดียวกันคือ AB อยางนอยที่สุดเราก็รูวา พระเยซูเจามีเลือดกรุป AB และ ไมวาจะมีอัศจรรยศีลมหาสนิทที่ใด ก็ปรากฎเลือดเปนกรุปเดียวกันเสมอ และการตรวจสอบก็ ตรวจสอบโดยคณะนักวิทยาศาสตร หลายปกอนมีภาพยนตรเรื่องหนึ่งชื่อ “El cid” เปนหนังเกี่ยวกับการสูรบของคริสเตียนกับ พวกมุ สลิ มในประเทศสเปน พระเจ าอั ลฟอนโซ นองสาวและเอลซิ ด ทราบว า ผาพันพระเศียรนี้ อยู ที่ไหนและต องการเขาคารวะ ทั้ งสามทา นนี้ จํา ศีล อดอาหาร 40 วัน ก อนที่จ ะเขา ชมผา พั น พระเศียรนี้ และเมื่อเปดหีบออกดูก็พบเอกสารที่ระบุเรื่องราวของผานี้ เอกสารนี้ยังคงเก็บอยูที่ หอจดหมายเหตุข องอาสนวิ ห ารอยู จ นถึ ง ป จ จุบั น นี้ พอ รู สึ ก วา กษั ตริย น องสาวและเอลซิ ด ให เกี ย รติ ต อองค พ ระเยซู เ จ าอย างที่ สุ ด จนกระทั่ ง คนยุ ค หลั ง อย า งเราต อ งอาย เพราะ ดูเหมือนวาเราใหเกียรติพระเยซูเจานอยเกินไป โอกาสที่เรารวมใจกันมาสมโภชพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจานี้ ใหเราทบทวนดู สักนิดก็ดีเกี่ยวกับการใหเกียรติพระเยซูเจาในศีลมหาสนิท เริ่มกันตั้งแตเขามาในวัดกันเลยนะครับ การแต ง ตั ว ของเรา การเตรี ย มรั บ ศี ล มหาสนิ ท ด ว ยการอดอาหาร 1 ชั่ ว โมงก อ นรั บ ศี ล การวางตัวของเราในวัด อีกเรื่องหนึ่งที่นาสังเกตก็คือในระหวางการแห พอสังเกตมาหลายตอ หลายแหง ไมใชการแหศีลอยางเดียวนะครับ การแหแมพระและนักบุญองคอุปถัมภเวลาไปฉลองวัด ตางๆ พอจะเห็นพระสงฆที่รวมขบวนแหคุยกันไปตลอดทาง หรือไม ตลอดทางก็อาจจะเรียกวา คุยกันมากกวาสวดหรือรองเพลงเทิดเกียรติ พี่นองหลายทานก็ทําเชนเดียวกัน ที่จริงการแหแหน เปนการใหเกียรติอยางสูง ดังนั้นเวลาเรามีวีรบุรุษเหรียญทอง เราก็ทําการแหแหนพวกเขา พอก็ เลยคิ ดวา เรานาจะทํา แบบเอลซิ ดนะครับ ตอ งให เกีย รติพ ระมากกว าให เกีย รติม นุษย และ โดยเฉพาะอยางยิ่ง ในวัดใหเราใหเกียรติตอองคพระเยซูเจาในศีลมหาสนิทใหเหมาะสม ไมวาจะ ดวยวิธีใดก็ตาม เวลาที่เราเดินไปรับศีลมหาสนิทเปนเวลาที่มีความสําคัญอยางมาก เพราะเรากําลัง จะเข าไปรั บ พระผู สู งสุ ด เข ามาในจิ ต ใจของเรา เป น เวลาสํ า คั ญ ที่ เ ราจะต อ งกระทํ า ด ว ย ความเอาใจใส สํารวมและภาวนา ดังที่เราสวดทุกครั้งวา “ขาพเจาไมสมจะรับเสด็จเขามาในตัว ขาพเจา แตขอตรัสเพียงพระวาจาเดียว และจิตใจขาพเจาก็จะบริสุทธิ์ ” ไมวาจะมีอัศจรรยที่ใด มากมายแค ไ หน ก็ ไ ม มี อั ศ จรรย อั น ใดสํ า หรั บ เราทุ ก คนยิ่ ง ใหญ ไ ปกว า การที่ เ ราสามารถ รับองคพระเยซูเจาเขามาในชีวิตของเรา โดยผานทางศีลมหาสนิทครับ ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 6 มิถนุ ายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
44
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก กอนอื่นหมดพอขอแสดงความยินดีกับคุณพอใหม ใหมแบบถอดดามเลย เพราะพึ่งไดรับ การบวชเปนพระสงฆเมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.’10) โอกาสปดปพระสงฆ นั่นคือคุณพอสุพัฒน หลิวสิริ ซึ่งก็ ไมใชใครที่ไหน ปลัดวัดของเราเอง ระยะแรก ๆ นี้ก็คงตองรับเชิญไปถวายมิส ซาแรกตามวัดและ อารามตางๆ คงตองเหนื่อยหนอยนะครับ เพราะบวชองคเดียว ไมมีใครชวยแบงเบาภาระเลย ทั้งตอง เดินทาง เตรียมเทศน อวยพรแรก แจกของที่ระลึก ใครไมไดบวชก็ไมรูหรอกครับวาเหนื่อยขนาดไหน แมจะเหนื่อยก็สุขใจครับ เพราะไดรับเลือกจากพระใหมาทําหนาที่อุทิศตน นาภาคภูมิใจแทนพอแม และครอบครัวดวย พวกเราขอเปนกําลังใจสําหรับคุณพอใหเปนพระสงฆที่ดีและเปนสงฆนิรันดร พวกเราจะมีพิธีตอนรับคุณพอ และอําลาคุณพอเดชา อาภรณรัตน อยางเปนทางการในวันอาทิตย ที่ 11 กรกฎาคม 2010 เห็นมั้ยครับคิวยาวมาก ไดยินวามีคิวไปจนถึงเดือนสิงหาคมแลว อาทิตยนี้ที่วัดเราไดรับเกียรติจากพระสงฆใหมอีก 2 องคซึ่งทั้ง 2 องคนี้เคยทํางานอภิบาล ที่วัดของเราและคุนเคยกับพวกเราดี การถวายมิสซาแรกมีความหมายเพราะเปนวันที่พระสงฆ ใหม จะมอบพรพิเศษแกเรา สมัยกอนสัตบุรุษมีโอกาสไดจูบมือพระสงฆ เพราะมือนี้ไดถูกเจิมดวยน้ํามัน คริสมา ใหมีอํานาจเหมือนองคพระเยซูเจาในการถวายบูชามิสซาและในการอภัยบาป ในการมอบพระพร และพระคุณตาง ๆ ตลอดชีวิตของเขาทีเดียว ยิ่งใหญมากนะครับ ทั้งสององคนี้เพิ่งไดรับการบวช เมื่อเดือนที่ผานมา นั่นคือ คุณพอ เลิศอัมพร (ปาน) และพอญาณารณพ มหัตกุล ขอตอนรับและ รวมแสดงความยินดีดวยครับ พระวรสารอาทิตยนี้มีความหมายอยางยิ่งตอพวกเราเพราะไดสอนเราเรื่อง “การใหอภัย” ซึ่งพระเจามีตอชาวเรา นึกถึงตอนที่เราเขาไปแกบาป เพียงแตเราเสียใจและขอโทษ พระก็ ใหอภัยเสมอเลย ไมวาจะเปนใคร ชั่วชาแคไหน ไมวาจะทําอะไรเพียงแตเสียใจ และขอโทษ พระก็ ใหอภัย นึกถึงมนุษยเรา กลับกลายเปนผูที่ไมยอมอภัยใหแกกันและกัน อาจเปนเพราะเรากลา ขอโทษพระ อาจเปนเพราะเราเสียใจที่เราทําบาป แตเราไมอยากขอโทษเพื่อนมนุษย และอาจจะ เปนเพราะเราไมเคยเสียใจที่เราไดทําสิ่งนั้นสิ่งนี้กับเพื่อนมนุษย พี่นองคงจําเรื่องของกษัตริยดาวิดไดตอนที่ดาวิดเห็นนางบัทเชบากําลังอาบน้ําและที่สุด ดาวิดก็แอบเปนชูกับนาง จนนางบัทเชบาตั้งครรภ ดาวิดสงอุรีอาหสามีของนางไปรบในที่ที่อันตราย ที่ สุ ด และจงใจให เขาถู กฆ าตายโดยชาวอั มโมน พ อชอบตอนที่ ประกาศกนาธานไปเตื อนดาวิ ด โดยเลาเรื่องคนรวยคนหนึ่งที่มีฝูงแกะ แพะ และโคมากมาย กับคนจนคนหนึ่งขางบานที่มีแตแมแกะตัว เดียวซึ่งเขาเลี้ยงดู ทนุถนอมอยางดี คนรวยเสียดายแกะของตัวเองที่จะตองฆาเลี้ยงแขก ก็ใหคนไป ขโมยเอาแกะของคนจนมาฆาเลี้ยงแขกแทน ดาวิดโกรธมาก บอกวา เศรษฐีคนนี้ตองตาย และ ชดใชให 4 เทา นาธานก็เลยบอกดาวิดวา ชายคนนั้นคือพระองคเอง เทานั้นเองครับดาวิดเสียใจ ตรัสวา “เรากระทําบาปตอพระเจาแลว” ในพระคัมภีรเลาตอทันทีวา “พระเจาทรงใหอภัยบาป ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
45
ของฝ า พระบาทแล ว ” บาปของดาวิ ด มี ม ากมายครั บ สรุ ป ง า ย ๆ ก็ คื อ เริ่ ม ตั้ ง แต ป ลงใจ ในความอุลามก ลวงประเวณี ฆาคน บาปก็มักเปนอยางนี้ครับ พอทําบาปหนึ่งก็ตามมาดวยอีก บาปหนึ่ ง แต พ ระก็ ใ จดี เหลื อ หลายครั บ เพี ยงเราแค เ สี ยใจและขอโทษ เราก็ ไ ด รั บ การอภั ย ดูอยางในพระวรสารนะครับ หญิงคนบาปคนนี้ ลางเทาพระเยซูเจา หลั่งน้ําตา เช็ดเทาดว ยผม จูบเทาพระองค เพื่อเปนการแสดงวา นางเสียใจในสิ่งที่ทําไป ไมวานาง จะมีบาปอะไรมากอน ก็แลวแต พระองคก็ใหอภัยทันทีและใหอภัยทั้งหมด ในขณะที่พวกฟาริสียังพูดจาดูถูกดูแคลน เธออยูเลย นี่แหละครับมนุษยที่มีใจใหอภัยยากเหลือเกิน อยากแนะนําหนังสือเลมหนึ่งใหพี่นองรูจัก เขียนโดย Anthony DeStefano ชื่อ “Ten Prayers God always Says Yes to” แปลแบบพอไดความวา “คําภาวนา 10 บทซึ่งพระเจา พรอมเสมอที่จะตอบตกลง” มีขายในบานเราดวยครับ เชน รานนายอินทร ศูนยหนังสือจุฬ า ซีเอ็ดบุคส เลมนี้จะใหเราเขาใจวา คําภาวนาของเรามากมายที่ดูเหมือนวาพระจะไมได ตอบสนอง ขอแลวขอเลา สวดแลวสวดเลาก็ไมไดซักที แตจะมีคําภาวนา 10 บท ซึ่งถาหากเราสวดแลว พระตอบรับ ทุกครั้งไป พอยังไมไดอานหมด แตก็พอจะรูวาทั้ง 10 บทนั้นคืออะไรบาง ตองอานเองจึงจะเขาใจ อยางดี แตมีบทหนึ่งซึ่งเหมาะกับขอคิดอาทิตยนี้ สอนใหเราสวดวา “ขาแตพระเจา อภัยใหลูก ดวย” สวดบทนี้เมื่อไร พระใหอภัยทันทีและใหอภัยเสมอ ใครมีโอกาสไปซื้อหนังสือเลมนี้หากวาอาน จบแลว แบงมาใหพออานดวยนะครับ เพราะอยากจะเขาใจอีก 9 บท ที่เหลือจริง ๆ วา มีอะไรอีกบางที่ พระตอบคําภาวนาของเราเสมอ อยาลืมขออภัยพระเสมอนะครับ และก็อยาลืม ใหอภัยเสมอดวย
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 13 มิถุนายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
46
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก สารวัดอาทิตยนี้พอขอตั้งชื่อวา “คําถามที่สาม”มีคําถาม 2 คําถามที่พอแนใจวา ถาหาก พระเยซูเจาประจักษมาและถามพวกเรา พวกเราทุกคน ตองตอบได ถาพระองคถามวา “พอเล็ก ประชาชนวาเราเปนใคร” และคําถามอีกวา “พอเล็ก ทานละวาเราเปนใคร” พอก็สามารถตอบได แบบเปโตรทันทีเลย สองคําถามนี้เปนคําถามที่ตอบงายครับ “พระองคคือพระคริสตของพระเจา” บางคนอาจจะตอบไดมากกวานี้อีกมากเลย ก็ เพราะวาพระเยซูเจาสําหรับเรา แตละคนนั้นก็มี ความหมายที่มากนอยแตกตางกันขึ้นอยูกับวาเรารักพระองคแคไหน แตที่แน ๆ ก็คือเรารูวา พระเยซูเจาคือพระเจาของเรา และพระองคตองแบกกางเขน หลั่งโลหิตสิ้นพระชนมก็เพื่อพวกเรา พระองคไมคิดที่จะรักษาชีวิตของตน แตยอมสูญเสียชีวิตเพราะเห็นแกเรา พอวาคําถามที่อาจจะ ตอบยากสักหนอยคงเปนคําถามที่พระองคอาจจะถามวา “พอเล็ก ทานวา ทานเปนใคร” พี่นองก็ ลองตอบดูดวยละกันวาจะตอบอยางไร คําตอบก็คงจะเปนทํานองนี้ครับ “ผมเปนพระสงฆ ผมเปน นักบวช ผมเปนคาทอลิก ผมเปนลูกพระองค พอวา เรื่องสําคัญมิใชอยูที่วาตอบอะไร อยูที่วา ทํ าตั วอย า งไรมากกว า เพราะหากพ อ บอกว า พ อ เป น พระสงฆ เป น นั ก บวช แต ทํ า ตั ว ไม ใ ช พระสงฆ นักบวช บอกวาเปนคริสตัง แตทําตัวไมเหมือนที่พระเยซูเจาทรงสอน ก็เทากับวาเรายัง ไมรูครับวา เราเปนใคร เมื่อตอนที่กษัตริยดาวิดเปนกษัตริยใหม ๆ พระเจาทรงสนทนากับดาวิดวา “เราเอาเจามาจาก ทุงหญา จากการตามฝูงแพะแกะ เพื่อใหเจาเปนเจาเหนืออิสราเอลประชากรของเรา เราไดกําจัด ศัตรูของเจา กระทําใหเจามีชื่อเสียงใหญโต ราชวงศของเจาและอาณาจักรของเจาจะดํารงอยู ตอ หนาเจาอยางมั่นคงเปนนิตย” พอชอบตอนที่ดาวิดทูลตอบพระเจาวา “ขาแตพระเจา ขาพระองค เปนผูใดเลาและพงศพันธุข องขาพระองคเปนผูใด พระองคจึงทรงนําขาพระองคมาไกลถึงแค นี้ (2 ซมอ.7:8-18) กษัตริยดาวิดตอบคําถามที่สามนี้ไดอยางนาฟงที่สุด ตอบแบบรูตัวจริงๆ วา เปนใครมาจากไหน และทําไมพระเจาจึงทรงยกยองทานขึ้นมาถึงเพียงนั้น เรื่องแบบนี้พวกเรา พระสงฆ นั ก บวช และคริ ส ตั ง ทั้ งหลายควรถามตั วเองบ อย ๆ และตอบคํ าถามนี้ บ อย ๆ ว า ทานรูมั้ยวา ทานเปนใคร ถาเราเปนพระสงฆ ถาเราเปนนักบวช ถาเราเปนคริสตัง และทําไมเราจึง ดําเนินชีวิตแบบนี้ ทําไมถึงทําแบบนี้แบบนั้น นาคิดนะครับ พี่นองลองเปดพระคัมภีรที่เกี่ยวของกับ กษัตริยดาวิดดูนะครับ มีหลาย ๆ อยางที่นาสนใจและใหขอคิดที่ดีมาก ๆ ความสุภาพถอมตนของดาวิดปรากฏอยูหลายตอน อาทิตยที่แลวก็เปนตอนที่ดาวิดยอมรับ วา “ทําบาปผิดตอพระเจา” นี่ก็เปนตอนที่บอกวา “ทานรับรูวาทานมาจากเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง” บางที่ความสุภาพถอมตนแบบนี้แหละที่สามารถเปนคําตอบคําถามที่สามของพวกเราคริสตังก็คือ ผูที่สุภาพถอมตน
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
47
ยอมรั บ แบกไม ก างเขนและตามพระเยซู เ จ า ไปโดยไม บ น นี่ ก็ ย อ มหมายความว า เราคริสตังตองสุภาพมาก ๆ ถอมตนมาก ๆ เวลาไปแกบาป ตองสารภาพแบบเดียวกับที่ดาวิด ไดทําและยอมรับวา “ทําบาป ผิดตอพระเจาแลว” เราคริสตังยังตองสุภาพถอมตนยอมรับแบก ไม กางเขนของตน นั่ นก็ คื อ ความทุ กข ยาก ความลํ าบากต าง ๆ รวมถึ งป ญหาต าง ๆ ในชี วิ ต เราคริ สตั งยั งต องสุ ภาพถ อมตนที่ จะต องรู จั กปฏิ เสธตั วเอง ให พ นจากกิ เลสตั ณหาต าง ๆ ความเห็นแกตัว ที่รูมานะความโลภ และที่สุด เราคริสตังยังตองสุภาพถอมตนที่จะตองรูจักรัก และใหอภัย กษัตริยดาวิดยังเปนแบบอยางที่ดีแกเราดวยในการรูจักขอบพระคุณพระเจาเสมอ ดาวิดไดรับ อะไร ๆ มากมายจากพระและก็ยังดีที่ทานไมเคยลืมเรื่องนี้วาทุกสิ่งลวนมาจากพระทั้งสิ้น ดาวิดคิด เสมอวา จะทําอะไรเพื่อพระไดบาง ๆ ทานคิดจะสรางพระวิหารและก็ขอพระปรีชาญาณ เพื่อจะได เปนผูรับใชที่ดีของพระ เราคริสตังก็ตองรูจักโมทนาคุณพระสําหรับทุกสิ่งทุกอยางที่ดี ๆ มากมาย ในชีวิตของเรา บางทีเราก็แบกกางเขนไป บนไป สวดไปก็บนไปดวยก็มี มีบทเพลงภาษาอัง กฤษอยูเ พลงหนึ่ง ใชร องในวัดนะครั บ มี เนื้อ หาดี สุด ๆ เลยสํ าหรั บ คําถามขอที่สามนี้ มีชื่อวา “Who am I” เอาไวตองหาทางเอามาฟงดูวาเพราะแคไหน เปนเพลงที่ เปนที่นิยมร องกั นมากในโบสถต าง ๆ ก็นาจะเพราะดีนะครับ มี เนื้อหาที่ พอพอจะสรุ ปก็ ดังนี้ ครั บ “ฉันเปนใคร พระเจาแหงสากลโลกจึงทรงสนพระทัยทีจ่ ะรูจักชื่อของฉัน รวมรับรูความเจ็บปวดของฉัน ฉันเปนใคร ดาวประจํารุงในยามเชาจึงสองสวางหนทางใหแกหัวใจที่รวนเรเสมอของฉัน ไมใชเปน เพราะวาฉันเปนใครหรอก หากแตเปนเพราะวาพระองคทรงทําอะไรมากกวา ไมใชเปนเพราะวา ฉันไดทําอะไรหรอก หากแตเปนเพราะวาพระองคทรงเปนใครมากกวา ฉันเปนเพียงแคดอกไมที่กําลัง เหี่ยวเฉาไปอยางรวดเร็ว วันนี้สวย พรุงนี้ก็หมดสิ้นแลว ฉันเปนเพียงคลื่นเล็ก ๆ ที่กระทบมหาสมุทร เปนไอน้ําในสายลมเทานั้น ถึงกระนั้นพระองคก็ยังคงไดยิน เมื่อฉันรองเรียก พระองคทรงจับฉันไว เมื่อฉันกําลังลมลง และพระองคก็ทรงบอกฉันวาฉันเปนใคร “ฉันเปนของพระองค” “ฉันเปน ของพระองค” นี่แหละครับคําตอบ ฉันเปนคริสตัง หมายถึง ฉันเปนของพระองค นั่นเอง ใครรูจัก เพลงนี้ ชวยบอกพอดวย และถาหากใครมีเพลงนี้ก็ยิ่งดีใหญเลย นํามาแบงปนใหพอหนอย ดีจริง ๆ เลยนะครับ อยางนอยอาทิตยนี้ พวกเราก็สามารถตอบคําถามทั้งสามคําถามของพระเยซูเจา ได และรูจักเพลงเพราะ ๆ อีกหนึ่งเพลง ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 20 มิถุนายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
48
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก วันนี้เราสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล พอขออวยพรใหพี่นองทุกทานที่มีนักบุญเปโตรและ เปาโลเปนองคอุปถัมภไดมีจิตใจรอนรนในความเชื่อเชนเดียวกับทานนักบุญ พรอมที่จะกลับใจ เชนเดียวกับทาน และมีสวนในการประกาศพระวรสารเชนเดียวกับทานทั้งสองดวย Happy Feast Day ครับ พระสังฆราชองคหนึ่งพอจําชื่อไมไดแนนอนนัก เลยไมกลาเอยชื่อ เคยเทศนไว มีใจความวา “ทําไมพระศาสนจักรจึงทําการสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโลในวันเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ ทานทั้งสองตางก็เปนนักบุญที่ยิ่งใหญ ก็อาจเปนเพราะวา ในขณะที่มีชีวิตอยูบนโลก ทานทั้งสองก็ไม คอยจะลงรอยกันนัก ก็เลยใหทานทั้งสองไปจับมือกันบนสวรรค” พี่นองคงแปลกใจวาทานทั้งสองไมลง รอยกันในเรื่องอะไร และก็คงฉงนสนเทหเล็กนอยวาขนาดเปนอัครสาวกยังมีเรื่องระหองระแหงกัน เชี ย วหรื อ ก็ เ ป น เรื่ อ งที่ เ ข า ใจไม ย ากครั บ บางเรื่ อ งท า นทั้ ง สองคนนี้ ก็ คิ ด ไม เ หมื อ นกั น เปรียบเทียบงาย ๆ คนในครอบครัวเดียวกันก็ยังคิดไมเหมือนกัน พระสงฆนักบวชเองบางครั้ง บางเรื่อง ก็คิดไมเหมือนกันครับ เรื่องของทานเปโตรและเปาโลนี้พบไดในจดหมายนักบุญ เปาโล ถึงชาวกาลาเทีย บทที่ 2 ขอ 11-14 เลาใหฟงวา เมื่อเปโตรมาถึงเมืองอันทิโอก ขาพเจา (เปาโล) คั ด ค า นเขาซึ่ ง ๆ หน า เพราะเขาเป นฝ ายผิ ด ข าพเจ าพู ดกั บเปโตรต อหน าทุ กคนว า “ทานเปนชาวยิว ยังประพฤติตนอยางคนตางชาติ มิใชอยางชาวยิว แลวเหตุไฉนจึงบังคับคนตางชาติ ใหประพฤติตนอยางชาวยิวเลา” นี่เปนคําตัดพอและวากลาวที่คอนขางรุนแรง เปนคําพูดที่เชือด เฉือนจิตใจคนฟง แหม! จะพูดทั้งที่ก็เอาใหเจ็บ พวกเราเองบางครั้งหรือ หลายครั้ง เราก็ทํากัน อยางนั้นมิใชหรือ เพียงแตทานทั้งสองมิไดโกรธบุคคลแตโกรธความคิดและการกระทํา เพราะสิ่ง ที่เราเห็นตอมาก็คือ ทานนักบุญเปาโลยังใหความเคารพเปโตร ในฐานะผูนําพระศาสนจักร ที่พระเยซูเจาแตงตั้งขึ้น ทานยังนบนอบเชื่อฟงและใหเกียรติทานเปโตรสืบมา ใกล ๆ กั บโคลี เซี ยม สนามกี ฬาของชาวโรมั นในกรุ งโรมเก า มี วั ดอยู แห งหนึ่ งชื่ อว าวั ด S.Giuseppe dei Falegnami ใตวัดแหงนี้เคยเปนคุกของชาวโรมัน ใชขังนักโทษที่มีโทษอุกฉกรรจ อับชื้นและสกปรกมาก ไมมีแสงสวาง ตามที่เราทราบนะครับวานักบุญเปโตรและเปาโลตางก็ถูกจับ ที่กรุงโรม และก็ชางบังเอิญเหลือเกิน กอนที่ทานทั้งสองจะถูกประหารชีวิต ไดถูกนําตัวมาขังที่นี่และ ขังในหองเดียวกัน มีโซเสนเดียวกันลามทั้งสองทานเอาไว พอเคยนําคณะจาริกแสวงบุญมาที่นี่ ในโอกาสปนักบุญเปาโลอยางนอยก็สองครั้ง ไปยืนอยูในหองที่ทานถูกขัง ในนั้นมีเสาหินที่มีโซเสน เดียวที่ใชลามทานทั้งสองเอาไว ใกล ๆ กันมีตาน้ําแหงหนึ่ง และมีหินออนสลักขอความไวเลาใหฟง วา ที่นี่เปนที่ทานนักบุญเปโตรและเปาโลถูกขังไวดวยกัน ทานไดทําให ผูคุมขังสองคนชื่อ Processo และ Martiniano ไดกลับใจ พรอม ๆ กับคนอื่น ๆ อีก 47 คนไดกลับใจ ทานไดใชน้ําจากตาน้ําที่ เกิ ด ขึ้น มาอย า งอัศ จรรย ภ ายในหอ งของท า นนั้ น ลา งบาปคนเหล า นั้น พอ อ า นมาถึ ง ตรงนี้ พอก็คิดถึงพอนิโคลาสของเราทันทีเลย เพราะในสถานการณคลาย ๆ กันนี้ พอนิโคลาสก็ไดลางบาป ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
49
คนที่อยูในคุกถึง 68 คน เห็นมั้ยครับคนที่เราไมคอยคาดคิดวาเขาจะกลับใจก็กลับใจได บางที คนที่ เ ราคาดคิ ดว า น า จะกลั บ ใจก็ ไ ม ยอมกลั บใจก็ มี สมเด็ จพระสั นตะปาปาเบเนดิ ก ต ต รั ส ถึ ง เรื่ อ งท า นทั้ ง สองในคุ ก ว า ท า นทั้ ง สองได มี โ อกาสสวมกอดกั น และกั น ด ว ยความรั ก ในพระคริสตเจา คงไดมีโอกาสเตือนใจกันและกัน เปนกํา ลังใจใหแกกันกอนที่ทานทั้งสอง จะถูกนําตัวไปประหารชีวิต เปนภาพที่พอลองจินตนาการดูแลว รูสึกสะเทือนใจและก็ประทับใจ เหลือเกิน นารักทั้งสององค เขมแข็งทั้งสององคเลย มีความเชื่อที่เขมแข็งที่สุด เปโตรถูกนําตัวไปขัง ตอที่เนินเขาวาติกัน ที่นั่นเปนสนามกีฬาของชาวโรมัน และถูกประหารชีวิตดวยการตรึงกางเขน และด ว ยความสุ ภ าพ ท า นขอให ท หารนํ า ศี ร ษะของท า นลงดิ น แม แ ต ค วามตายที่ จ ะคล า ย พระอาจารยทานก็ยังคิดวา ไมสมควร เปนแบบอยางแกพวกเราดีจริง ๆ ครับเพราะสําหรับเรา แมแตกางเขนไมหนักมากนัก เราก็ยังอยากจะมีสิทธิ์ขอเลือกกางเขนเอง สวนทานนักบุญเปาโล ถูกนําตัวไปที่เนินเขาอีกแหงหนึ่งซึ่งตอมาถูกเรียกวา “เนินเขาแหงน้ําพุ 3 แหง” เขาเรียกกัน เตร ฟอนตาเน (Tre Fontane) และถูกตัดศีรษะที่นี่เอง ศีรษะของทานตกลงมาตามเนินเขานี้และ เกิดน้ําพุขึ้น 3 แหงจึงเปนที่มาของชื่อนี้ ถาเราไปที่นี่เราจะพบแทน 3 แทน และเสาหินที่ใชพาด ศีรษะทานกอนที่จะถูกเพชฌฆาตตัดศีรษะ หดหูครับ แตก็ไดเห็นความเชื่อที่ยิ่งใหญกับตาตนเอง ป จ จุ บั น ศพของท า นนั ก บุ ญ เปโตรถู ก ฝ ง อยู ที่ เ นิ น วาติ กั น และเหนื อ เนิ น นี้ ไ ด กลายมาเป น มหาวิหารนักบุญเปโตร ซึ่งถูกเรียกและไดรับการยอมรับวา เปนมหาวิหารที่สําคัญและสงางามที่สุด ในโลก สวนศพของทานนักบุญเปาโลถูกนํามาฝงที่ปจจุบันนี้ไดกลายเปน มหาวิหารนักบุญเปาโล ที่มีมนตขลังและเสนหแหงความเชื่อของทาน วันเวลาผานไปเกือบสองพันป ความยิ่งใหญของ ทานทั้งสองนี้ยังปรากฏใหเห็นอยูอยางชัดเจนครับ พอพาพี่นองไปแสวงบุญเกือบทั่วกรุงโรมแลวนะครับ และในการพาชมครั้งนี้ก็มีขอคิดสําหรับ พวกเราหลายอย างด วยกั น มนุ ษย เราผิ ดพลาดได นั กบุ ญก็ เป นมนุ ษย มาก อนมี ความอ อนแอ ผิ ดพลาดด วยกั นทั้ งนั้ น แต ก็ มี การกลั บใจ มี การอภั ย มี ความรั กอยู ด วยเสมอ เข มแข็ งใน ความเชื่อของเราเถอะครับ ทั้งหมดนีเ้ ราทุกคนก็ทําไดเหมือนกัน กอนจบขอขอบคุณสภาอภิบาลและพี่นองทุกทานที่มาอวยพรพอโอกาสฉลองศาสนนาม และขอรวมแสดงความยินดีกับผูไดรับการแตงตั้งเปนผูอานพระคัมภีรในวันนี้ จงภูมิใจที่เรามี โอกาสและมีสวนในการประกาศพระวรสาร ทําอะไรเพื่อพระไดก็ทําเถอะครับ กอนที่เราจะ ไมสามารถทําได ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 27 มิถุนายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
50
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก มีประโยคหนึ่งในพระวรสารอาทิตยนี้ทําใหพอตองนึกถึงเมืองโสโดมและโกโมราห พระเยซูเจา ตรัสวา “ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสโดม จะรับโทษเบากวาเมืองนั้น” เมืองที่วานั้นก็คือเมืองที่ ไมยอมรับฟงคําเตือนและคําสอนของพระองคนั่นเอง พระเยซูเจาใชศิษยไปทุกตําบลทุกเมือง แมจะมีไมกี่คนที่เปนศิษยแตก็สงออกไปหมด “ขาวจะเกี่ยวมีมาก แตคนงานมีนอย” พอก็เลย สงสัยวาบาปของเมืองโสโดมมีอะไรบาง แลวยังมีบาปอะไรที่หนักกวาบาปของเมืองโสโดมนี้ ถาเรา ไปอานเรื่องราวของเมืองโสโดมในหนังสือพระคัมภีรปฐมกาล เราจะรูไมคอยมากวามีบาปอะไรบาง ในเมืองนี้ แตถาไปอานในหนังสือพระคัมภีรประกาศกเอเสเคียล บทที่ 16 : 49-50 เราจะเขาใจทันทีเลย ครับ มีใจความวาดังนี้ “ดูเถิด นี่แหละเปนความชั่วของโสโดมนองสาวของเจา คือตัวเขาและลูกสาวของเขา มีความจองหอง มีอาหารเหลือรับประทานและมีความสบายเกิน ไมชวยเหลือคนยากจนและคน ขัดสน เขาเยอหยิ่งและกระทําสิ่งลามกตอหนาเรา เพราะฉะนั้น เมื่อเราเห็นแลว เราจึงขจัด เขาเสีย” นี่แหละครับบาปทั้งหลายของเมืองโสโดม เรามาชวยกันชําแหละทีละบาปดีมั้ย บาปแรกและ บาปหนักมากก็คือบาปที่คลาย ๆ กับบาปของอาดัมและเอวาก็คือ จองหอง ความจองหองนี้อยูใน ตัวเรามนุษยมาตั้งแตเกิด เราก็เรียกวาเปนบาปกําเนิด นี่แหละครับเปนเหตุผลใหญที่วา ทําไม พระเยซูเจาจึงตองเกิดมาดวยความสุภาพถอมตนอยางที่สุด ก็เพื่อใหเราเอาชนะความจองหอง พอจองหองแลวก็ไมเห็นหัวใครหรอกครับ บางทีแมแตพระ คนที่จองหองก็ยังมองขามไป หนาตาเฉยเลย คนพวกนี้ใหญคับบาน ใหญคับเมืองจริง ๆ ดูถูกไมไดแตชอบดูถูกคนอื่น หาวาโงบางละ บาบางละ มองคนอื่นผิดตลอด พวกเราคงเจอมาเยอะนะครับ พอคงไมตอง อธิบาย บาปตอไปนี้ก็ไมใชเลน จะเรียกวาบาปก็ไมถูกนัก เรียกวา ตนเหตุของบาปหลาย ๆ บาปก็ แลวกัน นั่นคือ มีอาหารเหลือเฟอและสบายเกิน พวกนี้หมกมุนอยูกับการแสวงหาเงินทอง ในโลกนี้ หาความสบาย ฝายโลกนี้จนลืมคนอื่น ๆ หมด บาปที่ตามมาทันทีเลยก็คือ ขี้เหนียว ใจแคบ ไมชวยคนจนและขัดสน เรียกงาย ๆ วา ขาดความรักตอเพื่อนมนุษย รักแตตนเองเทานั้น พระเยซูเจาจึงตองสอนบัญญัติแหงความรัก เปนบัญญัติเอก คุณแมเทเรซาแหงกัลกัตตา เคยพูด ไวประโยคหนึ่งที่กินใจมากวา “ทุกสิ่งทุกอยางที่เราเปนเจาของนั้น แทที่จริงเปนเจาของเรา” (Everything we own owns us) ดังนั้นคนที่มีทุกสิ่งทุกอยางก็อาจจะกลายเปนคนเห็นแก ตัวอยางที่สุดก็ได คนที่มีอํานาจมากที่สุด ก็กลายเปนคนที่เห็นแกตัวที่สุดก็ได พวกเราเองก็คงตอง ระวังเรื่องนี้ไวมาก ๆ บาปสุดทายก็คือ เยอหยิ่งและกระทําสิ่งลามกตอหนาเรา เราทําบาปผิดตอ หนาพระเจาตลอดเวลา ไมใชแคบาปอุลามกอยางเดียว แตพอวาไมมีอะไรหนักหนาไปกวาบาป จองหองและขาดความรั ก ต อ เพื่ อ นพี่ น อ งบาปอะไร ๆ ทั้ งหลายที่ เรามี ก็ รวมอยู ในบาป สองประการนี้แหละ พอจึงเขาใจพระเยซูเจามากขึ้น เวลาที่กําชับกําชาลูกศิษยที่จะสงไปตามที่ ตาง ๆ วา เปนแกะในฝูงสุนัขปา อยานําถุงเงิน ยาม รองเทา อยาเสียเวลาพูดคุย ไปมอบสันติสุข ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
51
กับดื่ มเท าที่ เขานํ ามาให รั กษาคนเจ็ บป วย นี่คื อวิ ธี การอั นชาญฉลาดที่ สอนลู กศิ ษย พระองค ให สุ ภ าพถ อ มตน ไม ฟุ ง เฟ อ ไม ใ ช ห าแต ท รั พ ย ส มบั ติ ห รื อ เกี ย รติ ย ศชื่ อ เสี ย งบนโลกนี้ จะไดไมจองหอง ไมสบายจนเกินไป คนที่สบายจนเกินไปก็ปลอยใหตนเองตกอยูในการประจญ ลอลวงและก็ทําผิดในที่สุด ตามมากันเปนพรวนเลยครับ มาดูกันตอนจบดีกวา ศิษยทั้งหมดกลับมา จากทํางาน “พระเจาขา แมแตปศาจก็ยังออนนอมตอเรา เดชะพระนามของพระองค” นี่ก็คือ ความจองหองของมนุษยประเภทหนึ่ง ภาคภูมิใจในความสําเร็จ ภาคภูมิใจในอํานาจ และโออวด อํานาจ ฟง ๆ ดูก็จะดูวาดวยอํานาจพระเจา แตก็อดที่จะชื่นชมไมได นิดนึ่งก็ยังดี บางที เราก็ พยายามสุภาพเพื่อใหคนชื่นชมบาง ก็เปนความสุขแบบหนึ่งของเรามนุษย ไมผิด ไมบาปอะไร แตพระเยซูเจาก็ยังตองเตือนศิษยเหลานั้นวา “อยาชื่นชมยินดีที่ปศาจออนนอมตอทาน แตชื่นชม ยินดีมากกวาที่ชื่อของทานจารึกไวในสวรรคแลว” บางคนตองการชื่อเสียง จารึกไวในโลกนี้ ดูตัวอยางของอเล็ก ซานเดอรมหาราช ยิ่งใหญ ที่สุดในโลก สุดทายเวลานี้แมแตหลุมศพของกษัตริยองคนี้ก็ยังไมมีใครรูวาอยูที่ไหน หายไปกับโลกนี้ นั่นแหละ ไมมีอะไรยั่งยืนหรอกครับ ลองสํารวจตัวเองดี ๆ นะครับ เวลาพิจารณาบาป ดูสิวา มี บ าปอะไรบ า ง คนที่ รู จั ก สํ า รวจตนเอง พิ จ ารณาตนเองดี ๆ เป น คนสุ ภ าพ ถ อ มตน เพราะการยอมรับวาเราเป นคนบาป บกพรองตาง ๆ นานา ๆ นั้น ไมใชเปนเรื่องงาย ๆ สําหรั บ เรามนุษยเลย
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 4 กรกฎาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
52
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก อาทิต ยนี้ เ รามีพิ ธีอํ า ลาและขอบคุ ณคุ ณพ อ เดชา อาภรณรั ตน พอ ก็ข อพู ด ถึง พอ เดชา ของเรา สักเล็กนอยในสารวัดนี้ พอมาที่นี่พรอม ๆ กับพอเดชา เรียกวา มือใหมสําหรับที่นี่ดวยกัน ทั้งคู ทุกวันเสารเย็น เราก็จะนั่งคุยกัน ถามีบราเดอรอยูดวย ก็คุยพรอม ๆ กัน เรื่องเกี่ยวกับงาน อภิบาล การแกบาป วันฉลองตาง ๆ กฎเกณฑของพระศาสนจักร พวกเราชอบเอาคําถามเรื่องนี้เรื่อง นั้นมาหาคําตอบดวยกัน ฟงดูคลาย ๆ เครียด แตไมเครียดเลย คุยกันสนุกมาก หลาย ๆ ครั้ง พอเดชา ก็มักจะนําเอาเรื่องที่เกี่ยวกับฝายการศึกษามาแนะนําพอ และก็ตอบคําถามตาง ๆ เกี่ยวกับโรงเรียน ไดอยางคลองแคลว แตพอก็คอนขางมั่นใจวาพอเดชามีหัวใจเปน นักอภิบาลมากกวา เพราะเธอดู เอาใจใสในเรื่องงานอภิบาลอยางมาก ทั้ง ๆ ที่ก็มีภารกิจมากมายในแตละวัน และก็ดูเธอมีความสุขที่ ไดมีงานอภิบาล มีความสุขที่ไดมาที่นี่ มานั่งฟงแกบาป และฟงแกบาปตรงเวลาเสมอ เตรียมเทศน มาอยางดีทุกครั้ง บางคนก็มาชื่นชมใหพอฟงวาพอเดชามีวิชาการที่ดีและมีประโยชน อีกเรื่องหนึ่งที่ พอขอขอบคุณพอเดชาเปนพิเศษก็คือ ทุกครั้งที่พอขอรองใหทําหนาที่เพิ่มเติม หรือเปลี่ ยนแปลง เวลา เพิ่มวันมาที่วัด พอก็ไมเคยปฏิเสธเลย ยินดีและเต็มใจทุกครั้ง ประสบการณในชีวิตที่ผานมา ทําใหพอเดชาสามารถทําหนาที่ทั้งเจาอาวาส ทั้งผูชวยพระสังฆราช ผูชวยงานอภิบาล ไมวาจะ ใหทําอะไร ก็ไมมีอะไรสามารถหยุดคุณพอเดชาไดแลว ขอขอบคุณคุณพอเดชาอยางมากสําหรับ ทุกสิ่งที่พอไดทําเพื่อวัดของเรา พอขอยืนยันวาพอจะคอยเชิญพอเดชามาชวยงานที่วัดของเรา ในยามที่ขาดแคลน และพวกเราก็ยินดีตอนรับคุณพอเสมอ พอก็ตองเขียนลงสารวัดเชนกันสําหรับการตอนรับคุณพอสุพัฒน หลิวสิริ ปลัดใหมของเรา โชคดีของเรา แตก็ไมรูวา โชคดีของพอสุพัฒนหรือเปลา หวังวาจะใช กอนอื่นหมดพวกเราขอแสดง ความยินดีอยางเปนทางการสําหรับศักดิ์สงฆซึ่งพระเจาประทานให ศักดิ์สงฆซึ่งพวกเราทั้งรักและ เคารพ กอนพอสุพัฒนจะมาที่วัด ก็มีเรื่องชมเชยตางๆ นาๆ มาถึงเราแลววา พอเปนพระสงฆที่มี จิ ต ใจดี นิ สั ย ดี ใบหน า รั บ แขก บางคนถึ ง กั บ บอกว า หล อ มาก หล อ มากกว า เสื้ อ หล อ ซะอี ก วาไปนั่น อยางไรก็ตามความเปนสงฆของพอ เปนสิ่งที่พวกเราชื่นชม เพิ่งมาใหม ๆ พอก็ยังไมรูจัก อะไรมากนัก สังเกตวาพอสุพัฒนพยายามเรียนรูงานอภิบาลทุกอยางดวยความเอาใจใส บอกใหไป ประชุมอะไรก็ไปหมด บอกใหทําอะไร ใหชวยอะไร ใหไปไหนก็ไปหมด สงสัยจะพูดคําวา No ไมเปน และหลายครั้งก็เสนอความคิดที่ดี ๆ ใหพอดวย ขอตอนรับคุณพอดวยความชื่นชมยินดีอยางยิ่ง และ ขอใหทําหนาที่ที่วัดนี้ดวยความสุขมีอะไรใหคุณพอเจาวัดชวย ก็บอกไดเสมอ เราตางก็มีศักดิ์ สงฆเดียวกัน ตองชวยกัน พระวรสารอาทิตยนี้เปนเรื่องของชาวสะมาริตันผูใจดี แตก็ดูเหมือนวาจะตําหนิพระสงฆ นักบวช ไปในตัว ในพระวรสารพระสงฆนักบวชละเลยที่จะชวยเหลือเพื่อนมนุษย และพวกเขาก็มี เหตุผลบางประการ ที่ไมชวย มีบัญญัติบางอยางของพวกเขาที่ไมใหชวย แตพระเยซูเจาสอนวา ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
53
สิ่ งที่ จาริ กลงในบทบั ญญั ติ ไม สํ าคั ญ เท า กั บ บั ญ ญั ติ แ ห ง ความรั ก ที่ จ ารึ ก ลงในจิ ต ใจมนุ ษ ย นี่ก็เปนที่มาของมนุษยที่มักจะมีเหตุผลตาง ๆ นานาที่จะไมชวยเหลือเพื่อนมนุษยดวยกัน มีคําถาม อยูสามคําถามที่นาคิดอยูในพระวรสาร 1. ขาพเจาจะตองทําสิ่งใด เพื่อจะไดชีวิตนิรันดร? คําตอบคือ รักพระสุดจิตใจ และ รักเพื่อนมนุษยเหมือนรักตนเอง 2. ใครเลาเปนเพื่อนมนุษยของขาพเจา ? คนที่กลาถามคําถามนี้ตองเปนคนที่มีจิตใจดี ครับ เพราะถาเราลองกลาถามแลวละก็เราจะเห็นเพื่อนมนุษยของเราผานไปผานมาหนาเราทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง และหลายครั้งอาจเปนองคพระเยซูเจาเองดวยที่เดินผานมาหรือแบกกางเขน ผานมา 3. คําถามสุดทายก็คือ ใครในสามคนนี้เปนเพื่อนมนุษยของคนที่ถูกโจรปลน? พระสงฆ องคนั้น ชาวเลวีคนนั้น หรือ ชาวสะมาริตันคนนั้น ปญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เรามองไมเห็นวาคนอื่น ๆ นั้นคือเพื่อนมนุษยของเรา พอ ๆ กับที่ เรามองไมเห็นวาเรานั่นแหละตองเปนเพื่อนมนุษยของคนอื่น ๆ ในความหมายของพระเยซูเจา และเราก็ไมพรอมที่จะเปนเพื่อนมนุษยของใครบางคนตลอดเวลา เราอาจจะเปนเพื่อนมนุษยของเขา แคบางครั้งบางคราวเทานั้นเอง และก็เปนเพื่อนมนุษยแบบผอนสงดวยคือเปนทีละเล็กทีละนอย บางครั้งพอก็ตําหนิตัวเอง ที่ใจแคบ ใจดํากับเพื่อนมนุษย บางครั้งก็เศราใจเหมือนกันเวลาที่ รูวาพระสงฆนักบวชบางองคไมมีจิตใจเมตตากรุณาตอผูอื่นอยางที่ควรจะเปนในฐานะสงฆและ นักบวช บางครั้งคนตางศาสนาเขายังมีจิตใจดีกวาศิษยของพระเยซูเจาอยางเราเลย นาอาย นะครับ พอเองก็อาย อยางไรก็ตามพอเชื่อวาพระเยซูเจาคงมิไดตองการเตือน เฉพาะพระสงฆ และนักบวชหรอกครับ เตือนศิษยของพระองคทุกคนนั่นแหละ มี ตั ว อย า งมากมายของศิ ษ ย พ ระเยซู เ จ า ที่ ม องเห็ น เพื่ อ นมนุ ษ ย แ ละเป น เพื่ อ นมนุ ษ ย ที่โดดเด นมาก ๆ ก็ไ ด แก คุ ณแม เ ทเรซา แห ง กั ลกั ต ตา นัก บุ ญ วิน เซนเดอปอล นั กบุ ญ มาร ติ น เดอ ตูร หลาย ๆ เรื่องที่ทานเหลานี้ไดทําก็เปนเรื่องธรรมดาแสนธรรมดาครับ แตทานทําดวย ญัตติที่จารึกในหัวใจจริง ๆ มิใชทําดว ยการใชเ หตุผ ลตา ง ๆ นานา หรือ ทํา ตามบทบัญ ญัติ เทา นั้น เรามัก จะมีเ หตุผ ลมากมายที่จ ะชวยเหลือเพื่อนมนุษยของเรา แตก็มักจะมีเหตุผลมากกวาที่ จะไมชวยครับ อยาถามเพียงแตวาใครคือเพื่อนมนุษยของเรา แตตองถามวา เราเปนเพื่อนมนุษย ของใครบางแลวหรือยัง ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 11 กรกฎาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
54
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พระเยซูเจามีเพื่อนรักอยูคนหนึ่งชื่อลาซารัส ลาซารัสมีนองสาวสองคนชื่อมารธาและมารีย ในพระวรสารมีคนชื่อมารียอยูหลายคนครับ มารีย พระมารดา, มารีย มักดาเลนา สวนมารียคนนี้ เรี ยกกั นว า มารี ย แห งเบธานี เรื่ อ งของลาซารั ส ก็ เ ป น เรื่ องที่ ลาซารั ส เสี ยชี วิ ต ได 4 วั นแล ว พระเยซูเจาทรงปลุกใหกลับคืนชีพ เรื่องนี้เราคงจํากันไดดี ตอนที่พระเยซูเจามาถึงบานลาซารัส มาร ธ าได อ อกมาต อนรั บ และแสดงความเชื่ อ ของเธอออกมาอย างน าทึ่งที เดี ยว เธอพู ดกั บ พระเยซูเจาวา “ถาพระองคอยูที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไมตาย” ตอมาอีกนึดหนึ่งมารธาเสริมวา “ดิฉันรูวาเขาจะกลับคืนชีพเมื่อมนุษยทุกคนจะกลับคืนชีพในวันสุดทาย” ตอนสุดทายของ บทสนทนานี้ เธอแสดงความเชื่ อ อย า งนี้ ค รั บ “เชื่ อ พระเจ า ข า ดิ ฉั น เชื่ อ ว า พระองค เ ป น พระคริสตเจา พระบุตรของพระเจา (ยน.11:21-27) ความเชื่อของมารียนองสาวคนนี้ก็ไมนอยหนา มารธา เปนมารียคนนี้ที่ใชน้ํามันหอมชโลมองคพระเยซูเจา และใชผมเช็ดพระบาทพระองค (ยน.11:2) พอเลาเรื่องนี้ใหฟงกอนก็เพื่อจะไดเห็นวาความเชื่อและความรักที่สามคนพี่นองนี้มีตอ พระเยซู เจ าลึ กซึ้งขนาดไหน และเป นเพราะเหตุ นี้แหละครั บที่ พระเยซูเจา ถึงรักครอบครัวนี้มาก สําหรับคนที่มีความเชื่อ พระเยซูเจาทั้งรัก ทั้งชวยเหลือ เราเห็นตัวอยางเหลานี้มามากมาย ในพระวรสาร พระวรสารอาทิ ตยนี้ ทํา ใหเ ราเขา ใจถึ งความรัก และความเชื่อของทั้งมารธ าและมารี ย สองคนนี้ รักพระเยซูเจามากจนกระทั่งไมรูวาใครรักพระองคมากกวากัน มารธา กุลีกุจอจัดโนนทํานี่ เตรียมหลายสิ่งหลายอยาง คงตื่นเตนนาดูเพราะพระอาจารยมาถึงที่บาน เห็นแบบนี้เราตองบอก เลยครับวา มารธาตองรักพระเยซูเจาและมีความเชื่อวาพระองคคือใคร สวนมารียใชโอกาสนี้ นั่งสนทนากับพระเยซูเจา ใกลชิดกับพระองคและคงมีความสุขใจมากที่มีโอกาสไดฟงคําสอนตาง ๆ จากพระองค นีก่ ็เปนการแสดงใหเห็นวามารียก็รักพระเยซูเจาเหมือนกัน คนเราเนี่ย เวลาจะแสดงวา รักใครสักคนก็มักจะแสดงออกในรูปแบบที่ไมเหมือนกัน เราฟงดูพระวรสารตอนนี้ก็อาจจะรูสึกวา พระเยซูเจาตําหนิมารธา ไมใชนะครับ อยาเขาใจผิด พระองคเรียก “มารธา มารธา เธอเปนหวง และวุนวายหลายสิ่ งนัก” การเรียกชื่อสองครั้ งติ ดตอกันเปนการแสดงความเอ็นดู แบบชาวยิ ว แสดงถึงความรักตอบ ความหวังดีตอบ คลาย ๆ กับจะบอกวาที่ทํามาใหนี้พอแลวมากเกินพอแลว อะไรทํ านองนี้ อยากให ม าร ธ าได รั บ บางอย า งเพิ่ ม เติ ม บางอย า งที่ ดี ที่ สุ ด ที่ พ ระองค จ ะให ไ ด เหมือนกับที่ใหกับมารีย อานพระวรสารตอนนี้แลว เขาใจเลยครับวาเวลาที่พระรักมนุษย พระองค ต องการให เราได รั บแต สิ่ งที่ ดี ที่ สุ ดจริ ง ๆ ตอนนั้ นมาร ธ าก็ ไ ม เ ข า ใจจึ ง ตั ด พ อ พระเยซู เ จ า ว า “พระองคไมสนพระทัยหรือที่นองสาวปลอยดิฉันคนเดียวใหปรนนิบัติรับใชพระองค บอกเขาใหมา ชวยดิฉันบาง” แตพอเชื่อวา ตอมาเธอก็เขาใจ ความรักตอพระแสดงออกไดหลายทาง
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
55
นักบุ ญเอากุ สติ นเคยสอนไว แบบนี้ ครั บ สอนวา มาร ธาเป นตั วแทนของบรรดานักบวช ที่ชอบทํางาน รับใชพระ สวนมารียเปนตัวแทนของบรรดานักบวชที่ชอบสวดภาวนาและ ใกลชิดกับพระ เราจะบอกและตัดสินวาแบบไหนดีกวากันไมได ดีทั้งสอง เพราะรักพระดวยกันทั้ง สองแบบนี้แหละ เวลาที่เรารูวามีคนรักเรา เชื่อเรา เราก็อยากจะรักตอบ หวังดีตอบเหมือนกัน เรื่องความรักระหวางพระเยซูเจากับครอบครัวของลาซารัสนี้ทําใหพอนึกถึงเรื่องของสามีภรรยาคู หนึ่ง เปนเรื่องที่นารักและซาบซึ้งใจมาก สามีชื่อจิม สวนภรรยาชื่อเดลลา สองคนนี้แตงงานกัน และรั ก กั น มาก แต เ ป น ครอบครั ว ที่ ย ากจน เดลลามี ส มบั ติ ที่ เ ธอหวงแหนมากอยู อย างหนึ่ ง ซึ่งจิมก็รูดี คือ เธอมี ผมยาวสลวย สวยเก และเธอก็พยายามรักษาผมของเธออยางดี วันกอนวั น คริสตมาสเธอมีเงินอยูเพี ยงหนี่ งดอลล าหเศษ ๆ เทานั้นที่จะซื้ อของขวัญให กับจิม เธอรู วาจิมมี นาฬิกาเรือนหนึ่งที่บิดาของจิมมอบใหและจิมก็หวงแหนนาฬิกาเรือนนี้มาก เดลลาไปที่ในเมือง ตัดผม ของเธอขายไดเงินมา 20 ดอลลาห เธอนําเงินนี้ไปซื้อสายนาฬิกาพลาตินัมเพื่อมอบใหกับจิมเปน ของขวัญคริสตมาส เย็นนั้นพอจิมกลับจากทํางาน จิมมองเห็นเดลลา ที่มีผมสั้นเกรียนแตก็ไมได พูดอะไร เดลลานําของขวั ญที่เตรียมไว มอบใหจิม จิม ก็มีของขวัญใหเดลลาเชนกัน พี่ นองเดา ออกมั้ยครับของขวัญชิ้นนี้คืออะไร จิมซื้อหวีที่ทําดวยมุกและประดับดวยลวดลายที่สวยงามมากมา มอบใหแกเดลลา เขาไปขายนาฬิกาที่เขารักเพื่อจะมีเงินมาซื้อหวีใหแกเดลลา เธอจะไดใชหวีรักษา ผมของเธอใหส วยงาม ต างคนต า งต อ งการมอบความรั ก ตอบ ใหทุ ก อย า ง ทํ าทุ ก อย า งเท า ที่ สามารถเพื่อแสดงใหเห็นวาเปนความรักแทและบริสุทธิ์จริง ๆ ที่จริงเรื่องของจิมกับเดลลา ควรจะ นําไปเทศนในระหวางมิสซาแตงงานมาก เปนเรื่องที่ฟงแลวรูสึกถึงความรักที่สวยงาม ตางคนตาง มอบสิ่งที่ดีที่สุด มีคาที่สุดแกกันและกัน มารธาตองการมอบการรับใชและบริการทุกอยางเทาที่ทําได และรูสึกวายังไมพอ อยากใหนองสาวมาชวยเพิ่มขึ้นอีก สวนมารียก็รูสึกวาไมเคยอิ่มเลยที่จะอยู ใกลชิดกับพระอาจารยผูนี้ พระเยซูเจาที่ตองการรักตอบทั้งมารธาและมารีย พอจึงไมเคยตําหนิมารธาและก็ไมชมมารียมากไปกวามารธา สองคนนี้รักพระ เชื่อพระ ในรูปแบบแตกตางกัน แตเต็มรอยทั้งสองคน อยากให พี่นองทุกทานเปนแบบนี้บาง เต็มรอยกับ พระตามรูปแบบของเรา เวลาสวดก็สวดเต็มรอย ไปวัดวันอาทิตยที่ตั้งใจไปใหทันมิสซาและ กลับบานดวยความสุขใจ ทําอะไรใหพระก็ ทําเต็มที่เทาที่เราสามารถ พูดงาย ๆ ก็คือ รักพระ เชื่อพระ สุดความสามารถของเรา สุดจิตใจ สุดสติปญญาของเรา เพราะหลาย ๆ ครั้ง เราไมไดทํา เต็มที่นะครับ เราทําแคบางสวน และเราก็ยังไมไดเลือกสวนที่ดีที่สุดที่เราจะทําไดเพื่อพระและ เพื่อเพื่อนมนุษยของเรา
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 18 กรกฎาคม 2010
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
56
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก บทภาวนาที่ พ ระเยซู เ จ า ทรงสอนให เ ราสวดคื อ “บทข า แต พ ระบิ ด า” ในพระวรสาร อาทิตยนเี้ ปนบท ขาแตพระบิดาเขียนโดยนักบุญลูกา (ลก.11:1-13) อานดูแลว สั้นๆ หวนๆ ยังไง พิกล ไมเหมือนกับบท ขาแตพระบิดาของขาพเจาทั้งหลายที่เขียนโดยนักบุญมัทธิว (มธ.6: 7-15) ซึ่งเปนบทที่พระศาสนจักรนํามาใหพวกเราสวดกัน คลาย ๆ กันแตก็ไมเหมือนกันซะทีเดียว นั ก บุ ญ ลู ก าจะสอนเพิ่ ม เติ ม ให เ ราอย า ท อ ถอยในการสวดภาวนาโดยใช ค วามคิ ด ตาม ประสามนุษยวา พอที่ไหนจะทนฟงคําขอของลูกอยูได และพอที่ไหนจะใหสิ่งที่ไมดีแกลูก เรียกงายๆ ตามภาษาไทยเราก็คือ ตื้อเทานั้นที่ครองโลก พระตองฟงและประทานใหอยางแนนอน สวนบทของ นักบุญมัทธิวนี้ทานเนนใหเรารูจักการใหอภัย เพราะขนาดสวดจบแลวทานยังอธิบายเพิ่มเติมวา ถาทานใหอภัย พระก็อภัย ถาไม พระก็ไมเหมือนกัน พี่นองลองไปเปดอานดูนะครับจะไดพบความ แตกต า ง และก็ เ ป น ความแตกต า งที่ มี คุ ณ ค า อยา งยิ่ ง บางคนอาจจะยัง ไม เ คยรู ดว ยซ้ํ า ว า มั น แตกตางกัน อยางไรก็ตาม เราก็สามารถสรุปไดอยางงาย ๆ วา บทภาวนาบทนี้เปนบทภาวนาที่ ดีที่สุด สมบูรณที่สุด เพราะพระเจาเปนผูสอนใหเราสวดเอง และมีความหมายทุกตัว อักษร มีทั้งสรรเสริญพระ ขอบคุณพระ ขอโทษพระและวอนขอจากพระ ครบเครื่องเลยครับ แตพอวา บทนี้ ในภาษาไทยออกจะทํ าให เรากั บ พระอยู ห างกั นสั กหน อยเพราะเราเอาราชาศั พ ท เ ข า มา ใชมาก เปนเพราะเราตองการใหเกียรติพระอยางสูงสุด อาทิตยนี้พอก็เลยนําเอาบทขาแตพระบิดา ที่ พวกเราใช กั นมาในประเทศไทย ตั้ งแต สมั ยพระนารายณ มาให พี่ น องได รู จั กกั นบ างและลองดู ความแตกตางวาการเปลี่ยนแปลงภาษาในแตละยุคสมัยนั้นเขาคงตองการใหเราสวดภาวนาดวย ความหมายอยางใดกัน เริ่มกันดวยตั้งแตสมัยพระสังฆราชลาโน (1674-1696) ก็คือสมัยพระนารายณนั่นแหละครับ พวกเราคริสตังสวดแบบนี้ครับ “พอเรา อยูสวรรค ชื่อพระใหปรากฏทุกแหง คนทั้งหลายถวาย พระพร” เอาแบบสั้น ๆ กอนนะครับ พอคงไมสามารถลงในสารวัดแบบเต็ม ๆ ได บทนี้ใชสวด มายาวนานมาก จนกระทั่งมาถึงสมัยรัชกาลที่ 4 กรุงรัตนโกสินทรคือสมัยพระสังฆราช ปลเลอกัวที่มี ชื่อเสียง (1841-1862) ก็เปลี่ยนมาเปน “ขาแตพระพุทธิบิดาแหงขาพระเจาทั้งหลาย ทานอยูสวรรค ขอโปรดใหพระนามรุงเรืองไป” จากคําวาพอที่ใกลชิดก็เริ่มใชราชาศัพทเข ามาเต็มรูปแบบแลว ท า นจงใจใช คํ า ว า “ข า พระเจ า ” ไม ไ ด ใ ช คํ า ว า “ข า พเจ า ” บทนี้ ใ ช ต อ กั น มาอี ก 50-60 ป สมัยพระคุณเจาแปรรอส ก็เปลี่ยนอีกหนอยโดยตัดคําวา พุทธิออกไป จึงกลายมาเปน “ขาแต พระบิดาแหงขาพเจาทั้งหลาย” สมัยทานโชแรงเราก็เริ่มคุนเคยแลวครับ เราหมายถึงรุนพอนะครับ จะไดยินชื่อพระคุณเจาโชแรง เปลี่ยนมาเปน “ขาแตพระบิดาของเรา” และในสมัยพระคุณเจา ยวง นิตโย เปลี่ยนมาเปน “ขาแตพระบิดาของขาพเจาทั้งหลายตั้งแตนั้นเปนตนมา เนื้อหาภายในบทนี้ก็เปลี่ยน ตามไป แตละสมัยดวย เสียดายจะนํามาอธิบายทั้งหมดก็จะยาวไป อานไปอานมาอาจหลับไดเลย ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
57
ใครที่สนใจจริงๆ ก็แนะนําใหไปเปดเว็บไซด http://haab.Catholic.or.th. ซึ่งเปนเว็บหอจดหมายเหตุ ของเราและก็คลิกไปที่ “ประวัติขาแตพระบิดา” พี่นองก็จะรูจักเรื่องราวเหลานี้อยางละเอียด การสวดภาวนานั้นมีผลที่ดีตามมาเสมอครับ แมวาจะไมสามารถทําใหหลุดพนจาก ผลรายไดก็ต าม ตั วอยา งงาย ๆ ชัด ก็คือ บทภาวนาของอับ ราฮัมที่ ขอและตอรองกับ พระว า ถา หากเมื อ งโสดมมี คนดี สิบคน พระองค จะลงโทษเมื องนี้ หรื อ พระก็ ตอบสนองคําภาวนาทั นที พระตอบวา ไมลงโทษ ถามีคนดีสิบคน แตก็ไมมี ถึงกระนั้นกอนลงโทษเมืองโสดม พระองคก็ยังรักษา ชีวิตของครอบครัวลอท เอาไวได คําภาวนาของเรานอกจาก มีผลแลว ยังมีประโยชนอีกดวย พอดี พ อ ไปอ า นพบเรื่ อ งนี้ เ ข า เล า ให ฟ ง ว า ในป 1999 มี การวิ จั ยเรื่ องการสวดภาวนาจากคน ในอเมริกา 22,000 คนโดยใชเวลา 9 ป พบวา ผูที่เขารวมมิสซาทุกวันอาทิตยเปนประจํา มีอายุยืนกวา พวกที่ไมเขารวมมิสซาถึง 10 % และสามารถลดและเลิกสูบบุหรี่ และดื่มเหลาได ในอัตราที่มากกวา อยางเห็นไดชัด และไมนานมานี้มหาวิทยาลัยดุก (Duke) ก็ทําการศึกษาคนที่มีอายุมากกวา 65 ป จํานวน 4,000 คน พบวา คนที่สวดภาวนาเปนประจํามีความดันโลหิตต่ํากวาพวกที่ไมสวด และผูที่ รวมพิธีทางศาสนาเปนประจํามีระบบตาง ๆ ในรางกายที่ดีกวา นอกจากนี้มหาวิทยาลัย Yale และ Dartmouth ยังพบวา ผูปวยในโรงพยาบาลที่ไมเขารวมพิธีทางศาสนาจะอยูในโรงพยาบาลนานกวา ผูที่เขารวมถึงสามเทา และการศึกษาในอิสราแอลพบวาอัตราการเสียชีวิตของผูที่สวดภาวนาและ รวมพิธีทางศาสนาต่ํากวาถึง 40 % นักวิทยาศาสตรและแพทยใหความเห็นวามีการเปลี่ยนแปลง ในร างกายของเราเมื่ อ มนุ ษ ย เรารํา พึ ง ภาวนา แสดงวา ทุ ก ครั้ ง ที่เ ราสวดภาวนาและรํ า พึ ง มีบางอยางเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงทั้งทางดานรางกายและทางดานจิตใจครับ พระเยซูเจาทรงรูเรื่อง ประโยชนและผลของการภาวนาดีจึงสวดภาวนา และสอนเราใหภาวนาเสมอ ๆ ในขณะที่นักวิจัย นักวิทยาศาสตรและแพทยเพิ่งจะมาคนพบเมื่อไมนานมานี้เอง เรื่องนี้เลยทําใหบท “ขาแต พระบิดาของขาพเจาทั้งหลาย” นี้มีคาขึ้นมาอีกมาก ลองสวดบทนี้ชา ๆ และรําพึงตามเนื้อหาดู นะครับ เราจะพบการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเรา ในจิตใจของเราทุกครั้งเลย พระเยซูเจายืนยันเรื่องนี้เวลาที่ทรงสอนเราวา “จงขอเถิด แลวทานจะไดรับ จงแสวงหา เถิด แลวทานจะพบ จงเคาะประตูเถิด แลวเขาจะเปดประตูรับทาน” บางคนก็อาจจะเถียง และ ก็เถียงแบบนี้เสมอๆ ซะดวยวา ขอแลวไมเห็นไดรับเลย ลองมองยอนกลับไปนะครับ และเราจะ พบวาเราไดรับบางอยางที่ดีเสมอในการภาวนาวอนขอของเรา แตคราวนี้เราลองมาเปนพระดูบาง นะครับ ลองดูวา เวลาที่มี คนมาขอเรา เราไดใหรึ เปลา หรื อเราให อะไร เราไดชวยใครที่กํ าลั ง แสวงหาบางสิ่งบางอยางอยู ใหเขาไดพบวาที่แสวงหาอยู หรือเวลาที่มีคนมาเคาะประตูบานเรา ขอความชวยเหลือ พอมองกลับไปจริง ๆ เราก็จะพบวา เปนเรานี่แหละครับที่ไมให ไมเปด โอกาส และไมเปดประตูรับใครเลย ถาหากเกิดเหตุการณอยางนี้ไมรูจะทํายังไง สวดบท “ขาแตพระบิดาของขาพเจาทั้งหลาย” นะครับจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นในจิตใจของเรา ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 25 กรกฎาคม 2010 ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
58
สารเจาอาวาส
พี่นองทีร่ ัก ปญญาจารยพูดวา “ไมเที่ยงแทที่สุด ทุกสิ่งทุกอยางไมเที่ยงแท” (ปญจ.1:2) และในจดหมายนักบุญ เปาโลอาทิตยนี้สอนวา “จงใฝหาแตสิ่งที่อยูเบื้องบนเถิด อยาพะวงถึงสิ่งของบนแผนดินนี้ ” (คส 3:1-5) พระเยซูเจาในพระวรสารก็เตือนเราเรื่องนี้ “จงระวังและรักษาตัวไวใหพนจากความโลภ ทุกชนิด คนที่สะสมทรัพยสมบัตไิ วสําหรับตนเองแตไมเปนคนมั่งมีสําหรับพระเจา ก็จะเปนเชนนี้” (ลก:12:13-21) บทอานทุกบทของอาทิตยนี้พูดเรื่องเดียวกันคือ สมบัติในโลกนี้อาจทําใหเราลืมไปว า เราตองสะสมทรัพยสมบัติในสวรรคดวย คนเราจะมั่งมีในโลกนี้ก็ไดครับ แตตองมั่งมีในสวรรคดวย หลายคนมัวแตสะสมทรัพยสมบัติในโลกนี้ และไมสะสมทรัพยสมบัติ ในสวรรคเลยก็เปนอันตราย คนเราก็ มักจะเปนอยางนี้ซะดวย มินาเลาพระเยซูเจาจึงเปรียบเทียบวา “อูฐลอดรูเข็ม ยังงายกวาเศรษฐีจะเขา อาณาจักรสวรรค” คือหมายความวาเขาสวรรคไดแตยาก เพราะเราไมสามารถรับใชพระเจาและเงินตรา ไดในเวลาเดียวกัน อธิบายงาย ๆ ก็คือ ทรัพยสมบัติและความร่ํารวย ไมใชบาป ไมใชความผิดอะไรเปน พระพรดวยซ้ํา แตเราตองรูเทาทันมัน ทุกคนเลยนะครับไมใชเฉพาะคนรวย คนจน ก็ตองรูเทาทัน ดวยเพราะคนจนคนที่ไมมี คนที่ไมพอ นี่แหละที่มัวแตแสวงหาแตทรัพยสมบัติในโลกนี้ ดีไมดีขวนขวาย หาซะจนตองตกนรกไปเลยก็ได สวรรคมีไวสําหรับทุกคน สวนนรกมีไวสําหรับบางคนนะครับ หวังวา จะไมใชเรา พระเยซูเจา เปนแบบอยางในเรื่องความยากจนแกพวกเราที่ดีที่สุด พี่นองคงรูจัก “พระกุมารเยซู” รูปพระกุมารเยซูที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะไมมีรูปไหนไดรับความ สนใจเทากับ รูปพระกุมารเยซูแหงปราก ที่จริงดานหลังของวัดเราก็มีรูปนี้ตั้งอยูดวย ถาพี่นองไปดูนะ ครับก็จะเห็น พระกุมารเยซูสวมมงกุฎ และฉลองพระองคที่สวยงามมาก พระหัตถขวาทรงยกขึ้นอวยพร และพระหัตถซายถือโลกเอาไว รูปนี้มีกําเนิดมาจากประเทศสเปน และดวยเรื่องราวที่คอนขางยาว ในที่สุด ก็มาประทับอยูที่เมืองปราก มีอัศจรรยมากมายที่เกิดขึ้น กับผูที่มาสวดภาวนาตอหนาพระรูปนี้ อัศจรรย ตาง ๆ เหลานี้ไดรับการบอกกลาวเลาขานกันไปทั่วโลก ทําใหมีผูที่ศรัทธาตอพระกุมารเยซูแหงปรากกันทั่ว โลก วัดพระกุมารเยซูที่ถนนบางนา-ตราด กม.8 ก็มาจากความศรัทธานี้เอง พี่นองหลายคนก็ไปแสวงหา รูปนี้มาตั้งไวสวดภาวนาที่บาน มีเหตุผลบางอยางที่ผูสรางรูปนี้ขึ้นโดยใหพระกุมารเยซูสวยสงาแบบนี้ พอจะพยายามสรุปใหสั้น ๆ นะครับ พระกุมารสวมมงกุฎทองคํา เพราะมงกุฎที่พระเยซูเจาทรงสวมนั้นคือ มงกุฎหนาม พระองคทรงรับทุกขทรมานและทําตามน้ําพระทัยของพระบิดาเสมอ บัลลังคที่พระองคประทับ ก็คือ ประทับบนไมกางเขน และอาภรณของพระองคก็คือเสื้อคลุมที่พวกทหารเอามาคลุมพระองคไว เพราะฉะนั้นเวลาเรามองดูรูปนี้ เราก็จะพบกับความจริงที่วา พระองคคือกษัตริยที่แท และกษัตริยที่แท ก็ คื อ ผู ที่ ย อมสละทุ ก อย า งเพื่ อ พระอาณาจั ก ร ไม ไ ด แ สวงหาสิ่ ง ใดในโลกนี้ เ พื่ อ ตนเอง แต แสวงหา จิตวิญญาณ จิตใจที่ยากจนแบบนี้แหละคือ พระพรและดูแลรักษาโลกนี้ไวได ภายในความสวยงาม ในรูปพระกุมารเยซูแหงปราก เราจะไดพบกับความรักที่ยิ่งใหญที่สุด และเปนทรัพยสมบัติที่มีคา ที่สุดดวย มองดูรูปนี้นานเทาใด เราก็จะพบคําสอนที่วา “จงสะสมทรัพยสมบัติในสวรรคเถิด” อยางชัดเจน เรื่องนี้ตองเลาควบคูไปกับนักบุญ องคหนึ่ง ซึ่ง เขาใจเรื่องนี้อยางดี เคยร่ํารวย แตง ตัวดี มีทุกอยาง
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
59
แตพอเขาใจคําสอนขอนี้ ก็สะสมทรัพยสมบัติในสวรรคแทน นั่นคือ นักบุญฟรังซิส แหงอัสซีซี ที่เรา ทุกคนรูจักนั่นเอง ที่จริงตอนเกิดมาในป ค.ศ. 1181 ทานไดรับชื่อตอนลางบาปวา John (Giovanni) แตเนื่องจาก บิดาเปนพอคาขายผา และมีธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสดวย พอกลับมาจากฝรั่งเศสก็เลยเปลี่ยนชื่อใหเปน Francesco (Francis) ซึ่งแปลวา คนฝรั่งเศส Francis เติบโตเปนหนุมที่มีแตคนรัก มีสังคมกับเพื่อน ๆ ใช ชี วิ ต หรู หรา ฟุ ม เฟอ ย สนุ ก สนานทางโลก และในที่ สุ ด ก็ ถู ก ดึ ง ดู ด ไปมั่ ว สุม กั บ สิ่ ง ที่ ไม ดี ทั้ ง หลาย ทานยอมรับในภายหลังวาเวลานั้นทานมีชีวิตอยูในบาป วัยหนุมทําใหมีความทะเยอทะยานอยากเปน มากกวา เศรษฐี อยากเป น ขุน นาง และอัศ วิน ทา นจึง สมัครไปทํ าสงครามครู เสด (ครั้ง ที่ สี่) และก็ ตองการเสื้อเกราะและมาดี ๆ เสื้อเกราะก็ตองทําดวยทองคํา พอออกมาจากอัสซีซีไดวันเดียว พระเจาก็ บอกกับทานในฝนวา “เจากําลังมาผิดทาง” หมายถึงทางชีวิตที่กําลังดําเนินอยูนี้ผิดทาง ทานจึงกลับมา อัสซีซี คราวนี้ผูคนหัวเราะเยาะกันยกใหญเพราะอุตสาหลงทุนมหาศาลสําหรับเสื้อเกราะและมา ไปได วันเดียวก็กลับบานซะแลว ทานเริ่มสวดภาวนามากขึ้นและไปรองไหเสียใจเพราะบาปตาง ๆ ที่ทําไป ในถ้ําแหงหนึ่ง พระเจาตรัสกับทานทางไมกางเขนวา “ฟรังซิส ซอมแซมพระศาสนจักรของเรา” ทานก็เลยถอดเสื้อผาทั้ง หมดที่บิดาให มา ดําเนิน ชีวิตยากจนและชวยเหลื อคนจน เทศนสอนและมี ผูติดตามแบบอยางชีวิตของทานมากขึ้น ๆ ใครที่เคยดูภาพยนตรเรื่อง “Brother sun, sister moon” จะได พบเห็นฉากที่นาประทับใจเหลานี้ ทานกลายเปนนักบุญผูยิ่งใหญ เปนนักเทศนและมีอัศจรรยมากมาย แตไมเทากับแบบอยางชีวิตของทานเลย ทานตอสูกับการผจญลอลวงดวยการกระโดดเขาไปในกอหนาม ใหความเจ็บปวดเอาชนะการผจญลอลวง ทานตายตอนอายุเพียง 45 เทานั้น แตกอนตาย ทานมีบุญไดมี รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ที่รางกาย มีเรื่องแปลกอยูอยางหนึ่ งก็คือ ฟรังซิสแหงอัสซีซีไมไดบวชเปนพระสงฆ เปนเพียงสังฆานุกรเทานั้น และที่จริงทานก็ไมตองการเปนสังฆานุกรดวย ความสุภาพถอมตนถึงความ ไมเหมาะสมของทาน และความบาปตาง ๆ ทําใหทานพบวา ทานตองยอมรับความทุกขทรมานและ น้ําพระทัยของพระตามแบบอยางองคพระคริสตเจา โลกนี้ไมมีอะไรที่จะยั่งยืนจริง ๆ เลย ทรัพยสมบัติในโลก ทําใหคนที่นารักไมนารัก ทําใหคน ซื่อสัตย ไมซื่อสัตย ทรัพยสมบัติทําใหคนเห็นแกตัวมากขึ้น รักเพื่อนพี่นองนอยลง ทรัพยสมบัติ ทําใหเราทําบาปไดงายขึ้น แตก็ไมไดหมายความวาเราไมตองหาเงินเลี้ยงชีพนะครับ เพียงแตวาอยามัว แตหาเงินหาทองจนลืมพระลืมพวกลืมหนาที่ และจะเปนบุญสักเทาใดนะครับหากเรามีทั้งทรัพยสมบัติ ในโลกนี้ และมีทรัพยสมบัติรอคอยอยูในสวรรคดวย จริงมั้ยครับ ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 1 สิงหาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
60
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ทุก ๆ ปในวันศุกรศักดิ์สิทธิ์ หรือที่เรามักจะเรียกกันวา “ศุกรพระตาย” ถาพี่นองสังเกต ดูพิธี ในวันนั้นพระสงฆจะสวมอาภรณสีแดง เปนเครื่องหมายถึงชัยชนะตอความตายขององค พระเยซูเจา ที่แปลกก็คือสัตบุรุษจะสวมอาภรณสีขาว-ดํา เปนการไวทุกขที่พระตาย เคยมีพอ องคหนึ่งเพิ่งบวชไมนาน มีแนวคิดทางเทววิทยาสอนสัตบุรุษวันศุกรพระตายวา เราตองแสดงความเชื่อ ของเราดวยความยินดีที่วันหนึ่งเราจะชนะความตายดวย ดังนั้นใหเราใสเสื้อสีสดใสมารวมพิธีกัน พี่น องคงรูคํ าตอบดี วาเกิดอะไรขึ้ น ไมมี ใครสั กคนเดียวกล าใส เสื้ อผ าสีสั นมาร วมพิ ธี ยั งคงแต ง ชุ ด ขาว-ดํ า มากั น ทุ ก คน จนถึ ง ทุ ก วั น นี้ ก็ ยั ง ไม ค อ ยเห็ น ใครแหวกแนวออกมาเลย ซึ่ ง ก็ เ ป น ความหมายที่ดี เหมือนกันครับ พระเยซูเจาในฐานะมนุษยนั้นตองตาย และก็เตือนใจเราทุกคนให รูจักเตรียมเผชิญความตาย ทุกปในวันศุกรพระตายพระสันตะปาปาจะเสด็จไปที่โคโลเซียมที่กรุงโรม เพื่ อเดิ นรู ป 14 ภาคที่นั่ น ทํ าไมถึงตองมาที่นี่ ก็เพราะต องการใหสนามกีฬาแห งนี้ เปนที่เตื อนใจ สัตบุรุษทั่วโลกใหระลึกถึง “ความเชื่อ และความตาย” ที่จริงสนามกีฬาโคโลเซียมนี้มีคริสตังที่ตอง ตายเปนมรณสักขีไมมากเทากับสนามกีฬาที่เนินเขาวาติกัน พี่นองคงจําไดวานักบุญเปโตรก็ถูกจับ ตรึ ง กางเขนโดยศี ร ษะลงดิ น ที่ ว าติ กั น และต อ มาสนามกี ฬ าที่ นั่ น ก็ ถู ก เปลี่ ย นแปลงให เ ป น “มหาวิหารนักบุญเปโตร” สนามกีฬาโคโลเซียมก็กลายเปนสนามกีฬาที่โดดเดนขึ้นมา ทุกครั้งที่มี โอกาสไปที่สนามกีฬาแหงนี้ พอมักจะนึกถึงและวาดภาพบรรดาบรรพบุรุษและสตรีแหงความเชื่อ ของเรา พวกเขาถูกจับมาดวยขอหาเปนคริสตัง พวกเขาทราบวาจะตองตายอยางทารุณที่สุดและ เจ็บปวดทรมานมากที่สุด สัตวรายตาง ๆ ถูกจับใหอดอาหารเพื่อจะไดจับคนเหลานี้ฉีกกินตอหนา ชาวโรมที่ มานั่ งดู มหรสพที่ ร ายกาจนี้ เวลาที่ พ อเรี ยนเรื่ องนี้ พ อจึ งรู ว า คริ สตั งทุ กคนตอนนั้ นมี ความกลั ว บางคนขาอ อ นมื ออ อน เป นลมสลบไปเพราะความกลั ว พวกเขาทํ า ได เ พี ย งแต สวดภาวนา พูดเตือนความเชื่อของกัน และจับกลุมรองเพลงสรรเสริญพระ รูปภาพบางรูปที่ ศิลปนทั้งหลายวาดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทําใหเราเกิดความกลัวแทนพวกคนเหลานั้นจริง ๆ ถาเปนเรา เราจะทนไดขนาดไหนกัน เราจะรองเพลงสรรเสริญพระตอนนั้นไดมั้ย พอเองก็ยังตอบไดยาก มรณสักขีเหลานี้รูวันเวลา รูวาจะตายอยางไร ทรมานเพียงใด พอไมรูจะหาคําพูดใดมาบรรยายถึง “ความเชื่อ” ของพวกทานได พระเจาประทานพละกําลังที่เพียงพอแกเราเสมอในการเผชิญความ ทุกขยากตาง ๆ แมในการเผชิญกับความตาย เราก็จะมีกําลังเพียงพอที่จะยอมรับ ใครที่มีโอกาสไป ที่กรุงโรม และมีโอกาสไปเยี่ยมโคโลเซี ยม อยาลืมหยุดรําพึงกับความเชื่ออันยิ่งใหญซึ่ง มา จากคนธรรมดา ๆ แบบเรานี่แหละครับ ยอมตายทั้ง ๆ ที่กลัวแสนกลัว ตายขณะที่สรรเสริญ พระได ความตายของเราคงเปนความตายที่เราไมรูตัวกอนแนนอน จะตายอยางไรก็ไมรู เวลาที่พอ ขับรถผานโรงพยาบาลเซนตหลุยส พอก็มักจะบอกวา นี่คือสถานที่ที่พอจะตาย ปกติพระสงฆจะ ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
61
ตายที่นี่ครับ เวลาไปที่สามพรานก็มักบอกตัวเองวา เราจะถูกฝงที่นี่แหละ ถาปาชาไมเต็มซะกอน ถาเต็มคงตองไปเปดเฟสใหมที่ “ศานติคาม” พระเยซูเจาเตือนใจเราเรื่องความตายที่เราตอง พรอมเสมอ และสิ่งที่ทําใหเราพรอมเสมอก็คือ “ความเชื่อ” ถาความเชื่อของเราพรอม เราก็ พรอมสําหรับทุกสิ่งทุกอยาง แมความตายดวย แตความเชื่อของเราอาจจะไมเพียงพอก็ได หรือ อาจจะมี น อ ยเกิ น ไปหน อ ย หรื อ อาจจะมี ร ะยะเวลาที่ จ ะเชื่ อ น อ ยไปหน อ ยก็ ไ ด ส ว นใหญ แ ล ว เรามักจะคิดวา เรายังไมตายตอนนี้หรอก แตหลายตอหลายคนก็มักจะตายตอนที่ไมไดคิดเรื่องนี้ เลย มาในเวลาที่เราไมคาดคิด คําถามที่ดีที่สุดสําหรับตอนนี้ก็คือ เราจะเตรียมตัวใหพรอมไดอยางไรบาง? เราจะอยู ในโลกนี้ไมนานหรอกครับ อยาไปติดใจกับของของโลกมากนักเลย หลายคนไมอยากตายก็เพราะ เสียดายความสุขทางโลกนี่แหละ บางคนตองการกลับใจแตก็ออนแอเกินไป ปญหาของการกลับ ใจอยางหนึ่งที่พอเห็นก็คือ การไปแกบาปโดยที่เตรียมตัวไมดีเลย หรือไมเตรียมตัวมากอนเลย ไมไดพิจารณาบาปดี ๆ พวกนี้ขอแตใหยกบาปให แตไมไดคิดกลับใจเปลี่ยนแปลง บางคนก็ ทอแทถึงบาปที่แกแลวแกอีก เลิกไมไดซะที หมดกําลังใจ พอวาถาหากเรามีความเชื่อมากกวานี้ เราจะแกบาปดีขึ้น และจะมีกําลังที่จะแกไขตัวเรามากขึ้นดวย คําตอบก็คือความเชื่อของเรายัง ไมดีพอ อีกเรื่องหนึ่งที่สําคัญก็คือ บางคนมีความเชื่อไมพอที่จะเชื่อวา บาปของเราไดรับการยก แลวทุกครั้งที่เราแกบาปอยางดี บางคนรูสึกตลอดเวลาวา บาปยังอยู สงสัยวาจะหลุดมั้ยหรือ อะไร ๆ ในทํานองนี้ ก็เปนคําตอบเดิมครับ ความเชื่อของเราอาจจะนอยไป นักบุญเปาโลบอกวา “ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว เปนขอพิสูจนถึงสิ่งที่ เรามองไมเห็น” เราตองใหความเชื่อของเราแข็งแกรงขึ้น ดูตัวอยางความเชื่อของบรรดามรณสักขี อานเยอะ ๆ ครับเรื่องของทานเหลานี้ เรื่องของพอนิโคลาสและมรณสักขีที่สองคอน สวดภาวนา มาก ๆ และไปรวมปฏิบัติศาสนกิจเปนประจํา สม่ําเสมอ ความเชื่อของเราจะเติบโตขึ้น และ ทีละเล็กละนอยก็จะเปนความเชื่อที่เข็มแข็ง อยาลืมนะครับ ผูที่มีความเชื่อนี้จนถึงที่สุด ผูนั้นก็ จะรอดครับ
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 8 สิงหาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
62
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก สมโภชแมพระรับเกียรติยกขึ้นสวรรคทั้งกายและวิญญาณ ปนี้พิเศษหนอยเพราะมาตรงกับ วันอาทิตย พอดี ปที่แลวพอเลาใหฟงแลววา แมคริสตชนจะมีความศรัทธาในเรื่องนี้มาตั้งแตสมัยอัครสาวก แตพระสันตะปาปาปโอที่ สิบสองเพิ่งประกาศใหเปนขอความเชื่อ (Dogma) เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 1950 นั่นคือ 60 ปที่ผานมานี้เอง เปนขอความ เชื่อหมายความวา คาทอลิกทุกคนตองเชื่อเพราะเปนความจริงที่ไมอาจผิดพลั้งได แตตอนที่ประกาศขอความเชื่อนี้ พระสันตะปาปาก็มิไดประกาศถึงเรื่องวันเวลาและสถานที่ เพราะตองการหลีกเลี่ยงขอมูลที่ยังไมแนนอนจริง ๆ พอ ก็จะขอนําเอาขอมูลที่ไมแนนอนมาเลาใหพี่นองฟงบาง เปนเรื่องที่คริสตชนเชื่อสืบตอ ๆ กันมานะครับ เชื่อก็ได ไมเชื่อก็ไดครับ ความเชื่อเรื่องนี้เริ่มมาตั้งแตสมัยอัครสาวกแลว ไมปรากฏหลักฐานเรื่องการเคารพสักการะ “พระธาตุ” ของแมพระเลย แตมีเรื่องเลาเกี่ยวกับหลุมฝงศพที่วางเปลาของแมพระบริเวณชานเมืองเยรูซาแลม ใกลๆ กับ สถานที่ พระนางสิ้ นพระชนม ป จ จุบัน สถานที่ นี้ เป น ที่ แสวงบุ ญ มี อารามฤษี คณะเบเนดิก ติ น อยูที่นี่ ชื่ อว า Abbey of the Dormition of Mary ใหพอแปลก็จะแปลวา อารามแมพระบรรทม นี่ก็เทากับวาเรารูเรื่องแม พระเพิ่มขึ้นมากมาย เรารูวาแมพระสิ้นพระชนมแนนอน แตก็เหมือนหลับ เพราะไดรับการยกขึ้นสวรรคทั้งกาย และวิญญาณหลุมศพวางเปลา แมพระสิ้นพระชนมที่ใกล ๆ กับกรุงเยรูซาแลม นี่ก็เปนไปตามความเชื่อของคน ยุคแรกๆ นะครับ ต อ มาอี ก สามร อยกว าป ใ นการประชุ ม สั ง คายนา คาลซิ โ ดน ป 451 จั ก รพรรดิ ม าร เ ซี ย น ขอให สังฆอัยกาแหงเยรูซาแลม นําพระธาตุของแมพระมาไวที่คอนสแตนตินโนเปล สังฆอัยกาก็ตอบองคจักรพรรดิ วา พระนางมารียสิ้นพระชนมตอหนาบรรดาอัครสาวก แตตอมาเมื่อเปดหลุมฝงศพของพระนางก็พบวาวางเปลา บรรดาอัครสาวกจึงสรุปวา รางกายของแมพระไดรับการยกขึ้นสวรรค ตั้งแตนั้นมา นักบุญสําคัญ ๆ ของเราก็เริ่ม เทศนสอนความเชื่อนี้ดวยความศรัทธาอยางยิ่ง จนกระทั่งในศตวรรษที่ 8 ความเชื่อนี้ก็ขยายไปทั่วพระศาสน จักร วันฉลองแมพระนี้มีอยูหลายวันในพระศาสนจักร แตวันสมโภชแมพระรับเกียรตินี้เปนการสรุปงานไถบาป ของพระเยซูเจา และเปนการนําทางมนุษยชาติไปสูความหวังที่จะกลับเปนขึ้นมาและไปสวรรค ในพระวรสารอาทิตยนี้มีบทภาวนาบทหนึ่งของแมพระ ไพเราะมากและเต็มไปดวยความหมาย ขอความ ตอนหนึ่งซึ่งพอคิดวาเปนขอความที่สรุปชีวิตบนโลกนี้ของแมพระไดอยางดี บรรดาพระสงฆและนักบวชจะสวด ภาวนาบทนี้ในเวลาภาวนาตอนเย็นทุกวัน นั่นก็คือ “ทรงขับไลผูมีใจมักใหญใฝสูงใหกระจายไป และทรงยก ยองผูต่ําตอยให สู งขึ้ น ” ชี วิ ต ของแม พระเปน ชี วิต ที่ เต็ม ไปด ว ยความสุ ภาพ ถ อมตนอยางหาที่ ติไ ม ได เลย อีกหลาย ๆ ตอนในบทภาวนานี้ก็จะเตือนใจเรามนุษย ไมใหจองหอง แตใหสุภาพ และคําสอนนี้ก็เปนจริงเมื่อพระ นางรับเกียรติใหสูงขึ้นในฐานะที่พระนางเปน “ผูต่ําตอย” และ “ผูรับใช” ทาสีของพระ สุภาพสุดยอดจริงๆ ครับ แมพระของเรา พูดถึงที่ฝงศพของแมพระแลว พอก็อยากจะเปรียบเทียบกับที่ฝงศพของเรามนุษยกันบางนะครับ เมื่อเราตาย ก็คือตายนะครับ ที่ฝงศพเราจะเปนอยางไรก็ตาม ก็ไมมีความหมายอะไรกับเราเลย แตควรเปนสถานที่เตือนใจคนที่ มี ชี วิ ต อยู ใ ห รู จั ก คิ ด ถึ ง ชี วิ ต หน า ดี ๆ ที่ ป ระเทศออสเตรี ย กรุ ง เวี ย นนา มี โ บสถ อ ยู แ ห ง หนึ่ ง รู จั ก กั น ในชื่อ Kapuzinergru (Capuchins’ Crypt) อยูภายในอารามของคณะกาปูชิน ตั้งขึ้นมาตั้งแตป 1618 และ ตั้งแตป 1633 ก็เปนที่ฝงศพของราชวงศ Hapsburg ซึ่งเปนราชวงศที่ปกครองยุโรปมาถึง สามรอยกวาป ปกครองดิ น แดนต าง ๆ ในยุ โ รปรวมกั น ประมาณถึ ง หนึ่ ง ในสามของยุ โ รปที เดี ย ว เชื้ อสายของราชวงศ นี้
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
63
สื บ ต อ กั น มาจนถึ ง ป จ จุ บั น ในป 2009 ราชวงศ นี้ ถู ก ฝ ง ที่ นี่ ถึ ง 143 คนด ว ยกั น ในจํ า นวนนี้ มี จั ก รพรรดิ 12 องค และจักรพรรดินีถึง 18 องค ในการฝงศพที่นี่ก็มีธรรมเนียมหลายอยางสืบตอกันมา แตมีธรรมเนียม หนึ่ ง ซึ่ ง น า สนใจ ผู นํ า ศพมาฝ ง ที่ นี่ จ ะรออยู ที่ ป ระตู โ บสถ ผู ดู แ ลโบสถ จ ะถามคํ า ถามจากภายในโบสถ ว า “ใครตองการเขามาในโบสถนี้” ผูนําขบวนศพจะตอบวา “เปนจักรพรรดิผูยิ่งใหญแหงโลกนี้” ผูดูแลโบสถก็จะ ตอบกลับมาว า “ที่นี่ ไมรูจักจั กรพรรดิ ผู ยิ่งใหญแ ห งโลกนี้ ” ผู นําขบวนศพจะเคาะประตูโ บสถอีก ครั้ งหนึ่ ง ผูดูแลโบสถก็จะถามคําถามเดียวกัน ครั้งที่สองนี้ผูนําขบวนศพจะตอบวา “เปนพระจักรพรรดิ” คําตอบจาก ภายในก็คือ “ไมรูจัก” ครั้งที่สามนี้แหละครับที่นาสนใจ เพราะคําตอบครั้งนี้ผูนําขบวนศพจะตอบวา “เปนคน บาปคนหนึ่ง” คําตอบจากภายในก็คือ “ขอเชิญเขามาได” จนกวาจะยอมรับวาเปนคนบาป จนกวาเราจะสุภาพ ถอมตน เราจึงจะเขาอาณาจักรสวรรคได ไมวาในชีวิตนี้คุณจะยิ่งใหญเพียงใด แตทุกคนเทาเสมอกันในความ ตายและการเขาสูชีวิตนิรันดร ใครไปที่เวียนนาไปเยี่ยมสถานที่นี้ดูนะครับและถายรูปมาใหพอดวย ที่นี่เขามีที่ เก็บหีบศพที่ทําดวยโลหะถึง 104 โลงดวยกัน ทําดวยศิลปะตกแตงสุดยอดเลย (Sarcophagi) อีกแหงหนึ่งที่อยากแนะนําใหรูจักก็คือ ที่ฝงศพพระสันตะปาปา ซึ่งอยูใตพื้นมหาวิหารนักบุญเปโตร นั่นเอง ถารวมทุกพระองคที่ฝงในมหาวิหารนี้ทั้งใตดินและบนดิน ก็มีถึง 106 องคแลว นับตั้งแตศพของนักบุญ เปโตร หลายองคก็ถูกนําไปฝงที่อื่นครับ แตที่นี่มีเทานี้ ถ าเราไปเดินใตพื้นมหาวิหาร เราพบที่ฝงศพที่ตกแตง อยางสวยงาม ที่เก็บหีบศพทําดวยหินสวยงามมาก ที่นาสังเกตก็คือบางศพก็จะถูกยกขึ้นสูง บางศพก็ตั้งไวกับพื้น อย างพระศพของพระสั น ตะปาปา บอป ฟ าสที่ แ ปด องค ที่ก อ ตั้ ง ป ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ค รั้ ง แรกในป 1300 ตั้ ง ไว สู ง แตศิลปะทําใหเราสามารถมองหินออนที่เปนรูปของพระองคไดอยางชัดเจน แปลกจริงๆ นะครับ แตที่พออยาก เลาใหฟงก็คือ นับตั้งแตพระศพของพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6, ยอหน ปอลที่ 1 และ ยอหน ปอลที่ 2 เปนที่ ฝงศพลงกับพื้นดิน และตกแตงอยางเรียบๆ ราวก็ศพของคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง เตือนใจเราถึงความสุภาพถอม ตนไดเปนอยางดี เปนศพของผูรับใชในยุคปจจุบัน ยุคที่ไมมีใครอยากเปนผูรับใชใครเลย ที่นี่ก็นาไปแสวงบุญ เหมือนกันครับ เพราะชวยใหเราคํานึงถึง การดําเนินชีวิตบนโลก และวาระสุดทายของเรา อาทิตยนี้พอเขียนมากหนอยนะ ใหเกียรติแมพระ คราวนี้ก็มาพูดถึงที่ฝงศพของแมพระของเราบางนะ ครับ อยางที่บอกไวตอนตนวาเปนไปไดที่จะอยูใกลๆ กับกรุงเยรูซาแลม ศิลปนหลายทานไดวาดภาพการรับ เกียรติยกขึ้นสวรรคนี้ในหลายๆ แบบศิลปนที่มีชื่อเสียงในยุคฟนฟูศิลปะวัฒนธรรมคือ ราฟาแอลโล ไดวาดไว ภาพหนึ่ ง ป จ จุ บั น ภาพนี้ อ ยู ที่ พิ พิ ธ ภั ณ ฑ ว าติ กั น แต ก็ มี รู ป จํ า ลองตั้ ง ไว ใ นมหาวิ ห ารนั ก บุ ญ เปาโล (นอกกํ าแพง) หลายคนคงไปมาแล ว รู ปนี้ ดู เฉย ๆ ก็ ไ ม มี อะไรพิ เศษ แต ห ากลองเดิ น ดู ภ าพนี้ ไ ปทางซ า ย เดินกลับไปทางขวาสุด หรือทําตรงขามก็ได หีบศพของแมพระจะหันตามเราไปทุกแหงเลย ทางศิลปะเขาทําได แตก็มีความหมายที่ดีวา มนุษยทุกคนตองตายไมวาเราจะเปนใคร ไมวาจะอยูที่ไหน แตมนุษยทุกคนก็มีสวรรค รอเราอยู แมพระคือตนแบบของมนุษยแท ๆ ที่ไปสวรรคดวยเกียรติมงคล ใหเราเฉลิมฉลองวันนี้ดวยใจยินดี และที่สําคัญดวยใจสุภาพถอมตน สวดภาวนาของแมพระที่อยูในพระวรสารวันนี้บอย ๆ จะชวยใหเราเขาใจชีวิต บนโลกนี้ดีขึ้น วัดเราฉลองวันแมในวันนี้ดวย ขอใหเราทุกคนเลียนแบบอยางแมพระผูประเสริฐของเรา ขอใหแม ทุกคนมีความสุขพิเศษในวันนี้ ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 15 สิงหาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
64
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก อาทิตยนี้เปดตัวคอลัมน “ปลัดอยากเลา” พอสุพัฒนจะชวยเขียนเรื่องตาง ๆ ลงในสารวัด จะทําใหสารวัดของเรามีประโยชนมากขึ้น พี่นองอยาลืมติดตามอานนะครับ งานวันแมที่วัดของเรา ก็ผานพนไปดวยดี มีคุณแมบางคนตองหลั่งน้ําตาดวยความตื้นตันใจ หลายคนเห็นแลวก็อยากจะ รองไหตามไปดวย ภาพแบบนี้ก็ยากที่จะกลั้นน้ําตาไวได เวลาเดียวกันทุกป ในวันแมก็จะมีคุณแม อีกจํานวนไมนอยที่ยังคงตองหลั่งน้ําตาดวยความเสียใจ เสียใจที่ลูกของตนไมไดสนใจแมตัวเอง อยางทีล่ ูกคนอื่นๆ เขาทํา เสียใจที่ไมมีใครมากราบ มาทานขาวดวย ไมมีลูกคนไหนมากอดแมเลย อะไร ๆ ทํานองนี้ ใคร ๆ ที่เปนลูกแลวยังไมไดทําอะไรใหแมชื่นใจเลย ไมตองรอวันแมปหนาก็ได ลงมือทําไดเลย แมวาแมบางคนอาจเสียชีวิตไปแลว เราก็ยังสามารถทําอะไรดี ๆ เพื่อทานไดเสมอ ไมเคิ้ลอันเยโล เปนศิลปนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง มีผลงานที่โดดเดนและเปนที่ ยอมรับมากมายโดยเฉพาะงานปนแกะสลักหินออน และแมแตงานวาดภาพไมเคิ้ลก็มีความสามารถ อยางที่จะหาคนเปรียบเทียบไดยาก ไมเคิ้ลเปนคนศรัทธาและเขามีความกลัวการตกนรกอยางมาก เขาคิดวาเขาทํางานรับใชพระสันตะปาปาและพระศาสนจักร นาจะเปนคนแรก ๆ ที่ไดเขาสวรรค แตในขณะที่ ทํางานเขาเองก็มีความไมพอใจในพระสันตะปาปาบางองค รวมทั้งพระคารดินั ล และสังฆราชบางองคในวาติกัน เขาเริ่มคิดวาคนแรกอาจเปนคนสุดทาย และคนสุดทายอาจเปน คนแรกก็ได ที่คิดวาจะไดไปสวรรค อาจจะไปนรกก็ได เขาก็ทําบาปและก็ทําบุญในเวลาเดียวกัน คือ เขาไดวาดภาพ “หนาของเขาเอง” ไวในหนังของนักบุญบารโธโลมิว ฝากใหทานนักบุญพาทาน ไปสวรรคดวย และก็เขียนภาพหนาของพระสันตะปาปาและคารดินัลที่ตัวเองไมชอบใหไปอยูในนรก ซะเลย ภาพวาดภาพนี้มีชื่อวา “การพิพากษาประมวลพรอม” ปจจุบันอยูในโบสถซิสติน ซึ่งเปนวัดนอย ของพระสันตะปาปา และเปนสถานที่ใชเลือกตั้งพระสันตะปาปา พระคารดินัลมีชัยของเราก็เคยไป เลื อกตั้ งโป ปในวัด น อยแหง นี้ มาแล ว ประวั ติ ของภาพนี้ร วมทั้ งเรื่ องราวของภาพนี้ มีม ากมาย นาสนใจมาก ไมเคิ้ลอันเยโลตองการบอกวาในการพิพากษาครั้งสุดทายนั้น บางคนจะไปสวรรค และบางคนจะไปนรก พระเปนเจาจะใหเทวดาเรียกทุกคนมาพรอมหนากันและตัดสินทุกคน บางคนที่เราคิดวานาจะไปสวรรคก็อาจจะตกนรก และบางคนที่เราคิดวานาจะตกนรก ก็อาจจะ ไปสวรรคก็ได พระเยซูเจาเตือนใจชาวยิวตรง ๆ เลยวา แมวาชาวยิวจะเปนประชากรที่พระเลือกสรร ก็ มิ ได หมายความว าจะเป นพวกแรกที่ ได เข าสวรรค “จะมี คนมาจากที่ ต าง ๆ มากมายที่ จะได เข าสวรรค จะมี ค นมาจากทิ ศ ตะวั น ออกและทิ ศ ตะวั น ตก ทิ ศ เหนื อ และทิ ศ ใต ม านั่ ง ร ว มโต ะ ในพระอาณาจักรของพระเจา” พวกเราคนไทย คริสตังไทยแมจะเปนกลุมเล็ก ๆ ในพระศาสน จักรก็ไมนอยหนาใครในอาณาจักรสวรรค เราทุกคนจึงเทาเทียมกันในเรื่องการเขาอาณาจักร
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
65
สวรรค ใครก็ตามที่ “กระทําการชั่วชา” พระเจาก็จะตรัสตอบวา “เราไมรูวาพวกเจามาจาก ที่ใดไปใหพนจากเราเถิด” บางทีเราคิดวาโปป พระสังฆราช พระสงฆ และนักบวชคือพวกแรก ๆ ที่คงไปสวรรค แนนอน พอขอตอบวา พวกแรก ๆ นี้ก็อาจจะเปนพวกสุดทายก็ได บางทีเราคิดวา เราเปนคริสตัง จะไดไปสวรรคแน ๆ คนที่นับถือศาสนาอื่น ๆ เขาอาจจะไปสวรรคแทนพวกเราก็ได ทั้งหมดนี้ อยูที่การกระทําจริง ๆ ตามที่พระเยซูเจาไดเตือนเราไว พอเองก็ตองไมประมาทเพราะบางทีพี่นอง ไปสวรรคแลวอาจจะไมเจอพอก็ได ใครจะไปรู แคเปนพระสงฆ นักบวช เปนคริสตัง ยังไมได หมายความวา “รอด” ทั้ง ๆ ที่นาจะเปนพวกแรก ๆ ที่รอดได ใชมั้ยครับ ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 22 สิงหาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
66
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก เอยถึงอดอลฟ ฮิตเลอร เกือบทุกคนจะรูจักผูชายคนนี้ เขาตองการใหอาณาจักรไรคที่สาม เปนใหญที่สุดในโลก และตัวเขาเองจะเปนผูยิ่งใหญที่สุดในโลก ตนเหตุของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มีคนตายไปถึง 25 ลานคน ในยุโรปและชาวยิวในยุโรปก็ถูกประหารชีวิตอยางเหี้ยมโหดถึง 6 ลานคน แตพระวรสารอาทิตยนี้ก็ไดแสดงใหเห็นความจริงอีกครั้งหนึ่ง “ทุกคนที่ยกตนขึ้นจะถูกกดใหต่ําลง ทุกคนที่ถอมตัวลงจะไดรับการยกยองใหสูงขึ้น” ฮิตเลอรตองฆาตัวตายพรอมกับภรรยา Eva Braun แตที่พอตองการจะบอกพี่นองก็คือ คนจองหองแบบนี้ แมแตที่ฝงศพก็ยังไมเปนที่รูจักเลย ตัวฮิตเลอรเอง จองหองจนไมตองการใหใครรูเรื่องศพของตนเอง แตที่จริงก็ไมมีใครใสใจเรื่องนี้มากนัก พูดงาย ๆ วา จะไปฝงที่ไหนก็เชิญเลย จนทุกวันนี้ก็ยังไมมีใครแนใจนักวาศพของทั้งสองคนนี้อยูที่ไหนกันแน บางคน บอกวาอยูที่มอสโค บางวาที่อารเจนตินา เร็ว ๆ นี้มีทฤษฎีบอกวาอยูที่อินโดนีเซีย ปจจุบันมีหลักฐาน และเหตุผลที่พอจะเชื่อ ไดวา สวนที่เหลือจากการเผาศพของสองคนนี้ถูกฝงอยูที่ใตรางรถไฟใตดิน ในเบอรลินนั่นเอง และบนพื้นดินเหนือบริเวณนั้นก็คือที่จอดรถแหงหนึ่งเทานั้น นี่แหละครับบั้นปลาย ของผู ที่ จ องหองและถู กกดให ต่ํ าลงจนถึ งที่ สุ ดจริ ง ๆ เท านี้ ยั งไม พอนะครั บ บ านของฮิ ตเลอร ในประเทศออสเตรียที่เมืองลินซ ประชาชนเมืองนี้ตองการใหรื้อออกไปเลย แตผูวาเมืองนี้ตัดสินใจ ที่จะใหใชเปนที่เก็บโลงศพของสุสานของเมืองนี้แทน เพื่อบอกวาพวกเขาไมใหความสําคัญตอชายคนที่ ชื่อฮิตเลอรเลย โรงเรียนที่เขาเคยเรียนก็ไมภูมิใจในตัวของเขา กลับใหจัดนิทรรศการสอนนักเรียนถึง อาชญากรรมสงครามที่ชายคนนี้ไดกระทําลงไป ตายไปอยางผูแพและไมมีใครตองการเลยในโลกนี้ ยังไง ๆ ซะคนเราก็ไมชอบคนที่จองหองพองขนหรอกครับ แมวาเราสวนใหญจะเปนคนจองหอง ดวยกันทั้งนั้น เหตุการณทํานองนี้ไดเคยเกิดขึ้นมาแลว พี่นองจําเรื่องของ “เจงกีสขาน” ไดนะครับ เขาเอามาทําภาพยนตรหลายครั้งแลว เริ่มตนจากคนที่ไมมีอะไรเลย กลายมาเปนผูนําทัพมองโกล และในที่สุดอํานาจก็พาเจงกิสขาน ใหคิดที่จะเปนผูยึดครองโลก สุดทายเวลานี้พี่นองเชื่อมั้ยครับ เจงกิสขานผูยิ่งใหญเกือบจะสามารถยึดครองโลกไดทั้งหมด ปจจุบันนี้ไมมีใครรูว าศพเขาฝงอยูที่ไหน กลับกลายเปนคนที่โลกตองการลืมไปซะ ไมวาจะเปนยุคสมัยไหน ไมมีใครตองการคนที่จองหอง แบบนี้แนนอน นอกจากเจงกิสขานก็มีอีกคนหนึ่งที่พี่นองคงรูจักกันพอสมควรนั่นคือ อเล็กซานเดอร มหาราช อยูในสมัยสามรอยปกอนคริสตศักราช คนนี้ดังมากมีอาจารยที่เปนนักปราชญที่มีชื่อเสียง ไปทั่วโลกแมปจจุบันก็คือ อริสโตเติล ขณะที่ยังหนุมเขารูสึกวาเขาฉลาดกวาใคร เกงกวาใคร และตองการเปนผู ยึดครองโลก นําทัพมาซิโดเนียและกรีกไปยึดครองเกือบทั่วโลกเหมือนกัน มาถึงอินเดียใกลบานเรานี่เอง โลกยกยองวาเกงกาจมากจนตั้งฉายาวา มหาราช ใหเปนองคแรกของโลกเลย ทําไมคนเหลานี้จึงตองการ เปนเจาของโลกนี้กันนักก็ไมรู สุดทายทุกวันนี้ก็ไมมีใครที่จะรูวาศพของเขาอยูที่ไหนกันแน มีบันทึก ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
67
เกี่ยวกับการฝงศพของมหาราชองคนี้ไวและทําใหเราเขาใจวา แทที่จริงอเล็กซานเดอรมาเขาใจชีวิต ก็ตอนที่สายไปแลวนี่เอง เขาพบวา ชีวิตบนโลกนี้ไมมี อะไรสําคัญไปวา “ความรักของแม” เทานั้น ทรัพยสมบัติ ชื่อเสียง อํานาจแผนดินตาง ๆ ไมมีประโยชนอะไรเลย ที่สุดเขาอยากจะไปกอดแมสักครั้ง กอนตาย เขาก็ยังทําไมไดเลย บันทึกนั้นเลาวาเมื่ออเล็กซานเดอรรูวากําลังจะตาย ก็เรียกบรรดานายพล เขามาที่เตียงแลวขอใหพวกเขาทําตามที่ตองการ 3 ขอหลังจากที่ตายแลว ขอแรกก็คือขอใหบรรดา คณะแพทยที่ทําการรักษาตัวเองนั้นเปนคนแบกศพ ขอสองก็คือใหเอาเพชรนิลจินดา ทองคําที่ยึดมาได จากแควนประเทศตางๆ โรยตามถนนที่แบกศพไปจนถึงที่ฝงศพ ขอสามขอใหเอามือทั้งสองขางของตน ปรากฏออกมานอกโลงศพ บรรดานายพลไดฟงแลวก็งุนงงและที่สุดนายพลคนสนิทก็พูดวา ทั้งสามขอนี้ พวกเราจะทําตามทุกอยาง แตขอถามหนอยวาทําไมจึงเปนเชนนี้ อเล็กซานเดอรจึงอธิบายใหทุกคนฟงวา เพื่อสอนคนทั้งหลายใหเขาใจชีวิตอยางที่ตนเองเขาใจ ที่ใหคณะแพทยแบกศพก็เพื่อจะบอกวาไมมีใคร ในโลกนี้ที่จะชวยไมใหทานไมตายไดเลย เราตองดูแลชีวิตของเราเองใหดีที่สุด ดําเนินชีวิตของเรา ใหดีที่สุดตางหาก อยาคิดพึ่งคนอื่นเลย ที่นําเอาเพชรนิลจินดามาโรยตามถนน ก็เพื่อบอกวาสําหรับ คนที่จะตองตายแลว สิ่งเหลานี้ก็เปนเพียงกรวดหินที่ไมมีคาเลยเทานั้น ที่ใหเอามือของตนออกมา ปรากฏนอกโลงศพ ก็ เ พื่ อ บอกว า เราทุ ก คนเกิ ด มามื อ เปล า เราก็ จ ะกลั บ ไปมื อ เปล า เช น กั น จองหองในตอนแรก สุภาพถอมตนในตอนสุดทาย ชาวโลกจึงยังคงเรียก มหาราช แตก็ยังไมมี ใครรูจักที่ฝงศพของชายคนนี้อยูดี คนที่สุภาพถอมตนมักจะเปนที่รักของคนทั่วไป เปนคนใหเกียรติคนอื่น เคารพศักดิ์ศรีของคนอื่น ไมคิดวาตนเองอยูเหนือคนอื่น ๆ คนจองหองมักจะแสดงอํานาจบาตรใหญ และคิดวาตนเอง เปนตนเหตุของความเจริญ ความกาวหนา และความเกงกาจทั้งปวง คนที่สุภาพที่สุดในโลก และนารักที่สุดในโลกก็คือ พระเยซูเจา แมพระ และนักบุญยอแซฟ คนที่ยิ่งใหญจริงๆ มักจะ สุภาพถอมตนแตคนที่ใหญไมจริงมักจะแสดงความจองหองออกมา พวกเราคริสตชนแสดงตน เปนคนสุภาพถอมตน เวลาที่เราสวดภาวนา เวลาที่เราไปวัด และโดยเฉพาะเวลาที่เราคุกเขาลง และสารภาพบาปตาง ๆ ของเรา เปนภาพที่นารักจริง ๆ นะครับ หนังสือบุตรสิรา เตือนใจเราวันนี้ นาฟงมากเลย “ลูกเอย ไมวาทานจะทําสิ่งใด จงทําดวยความถอมตนเถิด แลวทานจะเปนที่รัก” บสร.3:17 ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 29 สิงหาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
68
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก กระทรวงพลังงานไดมารณรงคเรื่องการใชพ ลัง งานที่ถูกตองที่วัดของเราเมื่อ อาทิต ย ที่ผานมา ไดรับความสนใจพอสมควรจากพี่นองและก็ไดรับประโยชนจากการรณรงคครั้งนี้ดวย นี่เปนตัวอยางหนึ่งในสังคมของเราที่จะบอกเราวา ตองทําทุกอยางเพื่อใหไดมาตามที่เราวางแผน เอาไว พี่นองก็อยาลืมที่จะใชพลังงานที่เรามีอยูนี้ใหถูกตอง ใชอยางประหยัดและคุมคาที่สุด ลดภาวะโลกรอ นและไม ทํ าลายหรื อ เป นอั นตรายต อสิ่งแวดล อม ชวยกั นคนละนิ ดละหน อย บานเราดีขึ้น ประเทศดีขึ้นและชวยโลกใหดีขึ้นดวย มีนักเขียนชาวโรมันคนหนึ่งชื่อ Pliny มีชีวิตอยูในสมัยเดียวกับพระเยซูเจาคือประมาณสอง พันปที่แลว เลาเรื่องเกี่ยวกับการขึ้นเสาโอเบลิส (Obelisco) ซึ่งก็คือ เสาสูง ๆ ทําดวยหินมีอักษรและ มีอักขระภาษาอียิปตบางลาตินบาง มีสลักรูปภาพสัญลักษณตาง ๆ เอาไวดวย ถาเราไปที่ยุโรป เราก็จะ พบเสาเหลานี้ตั้งอยูตามวงเวียน หรือลานกวาง ๆ เปนความภาคภูมิใจของชาวตะวันตกที่สามารถ ไปขนเอาสิ่งเหลานี้ม าจากทางตะวั นออกได จักรพรรดิซี ซารจะมอบหมายใหน ายชางควบคุ ม การกอสรางซึ่งปวดหัวมากที่จะตั้งเสาเหลานี้ เขามีคนงานในการควบคุมถึงสองหมื่นคน ชวยกันยึด เชือกที่อยูรอบเสานี้ และก็ตองใชเทคนิคการคํานวณอยางดีเพื่อมิใหเสานี้ลมลงมาได Pliny เลาวา เพื่อใหชางควบคุมนี้พยายามสุดความสามารถและใหผิดพลาดนอยที่สุด ซีซาร จะสั่งใหนําเอาลูกชาย ของผูควบคุมเหลานี้ไปมัดไวที่ยอดเสาจนกวาจะตั้งเสาเปนผลสําเร็จ พี่นองก็คิดดูก็แลวกันวานายชาง ผูควบคุมจะทําทุกอยางเพื่อมิใหเกิดความผิดพลาดขึ้นไดเลย มิฉะนั้นลูกชายของเขาก็จะตองตาย นักบุ ญเปาโลเขี ยนจดหมายถึ ง ขา ราชการชาวโรมัน คนหนึ่ งในบทอา นที่ สองวั นนี้ ชื่ อ ฟเ ลมอน แม ว า จะเป นชาวโรมั น แต ก็ ไ ด ก ลั บ ใจเป น คริ ส ต ฟ เ ลมอนมีท าสอยู ใ นบา นหลายคน คนหนึ่งชื่อ โอเนสิมัส ทาสคนนี้ขโมยของและหนีออกจากบานของฟเลมอน แนนอนที่สุดวา ฟเลมอนจะตองโกรธมาก เปนเราก็คงโกรธเหมือนกันเวลาที่คนรับใชในบานเราเองขโมยของเราแลว หนีไป เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบอย ๆ ซะดวย โอเนสิมัสไปพบนักบุญเปาโลและในที่สุดก็ไดเรียนคําสอน และลางบาปแบบคริ สต เหมื อนกั น เปาโลตอนนั้น ติ ดคุก อยู ตัด สินใจส งตัว โอเนสิ มัสกลับไปหา ฟเลมอน เปาโลตองทํ าทุกอย างเพื่อ ใหโอเนสิมัสสํา นึกผิด และให ฟเลมอนอภัยให จะทํ า อยางไรดี ทานก็เขียนจดหมายถึงฟเลมอน พยายามที่จะโนมนาวใหเขา “รักทาสคนนี้” ในฐานะ “นองชาย” จดหมายฉบับนี้ทําใหฟเลมอนใหอภัยโอเนสิมัส รับเขาเขามาในบานและปฏิบัติตอกัน แบบคริสตชน มนุษยเรามีวิธีการมากมายหลายอยางที่จะไดมาทั้งในเรื่องที่ดีและก็ไมดีดวย เราทําได ทั้งเรื่องทีย่ ากที่สุด ลําบากที่สุด หลายอยางไมนาเชื่อ เราก็ยังทําได พระเยซูเจา ก็ยกตัวอยางใหเรา ฟง เชนวาจะตามพระเยซูเจา ตองละทิ้งทุกสิ่ ง แบกกางเขนตามพระองคไป ก็มีคนมากมาย
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
69
ทุกยุคทุกสมัยยอมทําตาม ขนาดรักพอแมพี่นองก็ตองรักนอยกวาพระ เราก็เขาใจ แบกกางเขนก็ยาก แสนยากเราก็ยอม แตหลายครั้ง มนุษยก็พยายามอยางที่สุดเหมือนกันครับ แตในทางที่ผิด ๆ ในป 1992 มี ก ลุ ม นั ก การศึ ก ษาและนั ก ประวั ติ ศ าสตร ก ลุ ม หนึ่ ง ได ร วบรวมข อ มู ล ไว ในหนังสือ Taday in the World ฉบับ 19 มิ.ย. 1992 ไวดังนี้นะครับ นับตั้งแต 3600 ปกอน คริสตกาลจนถึงป 1992 คือ 5592 ป มีเพียง 292 ปเทานั้นที่โลกเราไมมีสงคราม มีสงคราม เกิดขึ้นทั้งหมด 14,351 ครั้ง มีคนที่ถูกฆาตายในสงครามทั้งหมด 3.64 พันลานคน ความสูญเสีย ทางดานเศรษฐกิจนั้นมากมายมหาศาล ศาสตราจารยชาวดัชคนหนึ่งเคยคํานวณคาใชจายในการ ฆาศัตรูคนหนึ่งในสงครามไวอยางนี้ครับวา ในสมัยของ Julius ซีซาร ฆาศัตรูคนหนึ่งจะเสีย คาใชจายไมถึง 1 ดอลลาห พอมาถึง สมัย นโปเลียน ประมาณสองรอยปที่ผานมานี้เอง ศัตรูตาย หนึ่งคนตองเสียถึงสองพันดอลลาร สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งตองเสีย 17,000 ดอลลาร และใน สมั ยสงครามโลกครั้ง ที่ ส องเสี ยถึ ง 40,000 ดอลล า ร สงครามเวี ยดนามสิ้น สุ ด ลงในป 1975 คํานวณดูแลว ศัตรูหนึ่งคนตอ งเสียคาใชจายถึง 200,000 ดอลลาร และปจจุบันคํานวณดูไดวา ค า ใช จ า ยทางการทหารของทั่ ว โลกคิ ด เป น นาที ล ะ 1 ล า นดอลล า ร น า เศร า ใจมั้ ย ละครั บ เรามนุษยพยายามทุกวิถีทางที่จะใหไดมาซึ่งอันตราย พยายามฆากันทําสงครามกัน เรามนุษย ทําไดงายมากครับ เราถึงมีสงครามในโลกแทบจะไมไดหายใจหายคอกันเลย ขนาดไมมีสงคราม เราก็ยังฆากันอยูทุกวัน แตความพยายามที่พระเยซูเจาสอนเรา ก็คือ ใหเราพยายามแบก กางเขนนะครับ ในสมัยที่ประเทศโปแลนดยังปกครองดวยระบบคอมมิวนิสต รัฐบาลสั่งใหปลดกางเขนออก จากหองเรียน โรงพยาบาล โรงงานและสถานที่ราชการตางๆ ออกใหหมด สภาสังฆราชโปแลนด ตอตานคําสั่งนี้กอใหเกิดความโกรธแคนกันทั้งสองฝายไปทั่วประเทศในที่สุดรัฐบาลก็ตัดสินใจ ให ก ฎหมายเรื่ อ งนี้ ยั งคงอยู แต ก็ จะไม บั งคั บใช ในโรงเรี ยนหนึ่ งซึ่ งปกครองโดยผู บริ หารที่ เป น คอมมิ วนิ สต ตั ดสิ นใจใช กฎหมายปลดกางเขนออกจากโรงเรี ยน บรรดาผู ปกครองต างไม พอใจ วันรุงขึ้นตางก็นําเอากางเขนมาติดที่โรงเรียนมากกวาเดิมซะอีก ผูบริหารนี้ก็เอาออกอีก วันตอมา บรรดาผูปกครองเกือบทั้งโรงเรียนตางก็มานั่งประทวงกันที่โรงเรียน กองกําลังตํารวจมาถึง เด็ก ๆ นักเรี ยนถู กแยกออกมาทั นที ผูปกครองทั้ งหลายก็ แห ไมกางเขนทั้ งหมดไปที่วั ดใกล ๆ ที่นั่ นมีเด็ ก นักเรียนจากโรงเรียนตาง ๆ มาชุมนุมสนับสนุนอยูแลวถึงสองพันหารอยคน ทุกคนชูกางเขนเหนือ ศีรษะของตน ภาพนี้ไดปรากฏออกไปทั่วโลก พรอมทั้งขอความที่ทุกคนรวมใจกันประกาศพรอม ๆ กันวา “ไมมีประเทศโปแลนด โดยปราศจากกางเขน” เราต อ งวางแผนที่ จ ะไปสวรรค ต อ งละทิ้ ง บาปต า งๆ ของเรา คํ า นวณดี ๆ ว า ทํ า อยางไรจึงจะสําเร็จ แบกกางเขนของเราและตามพระองคไป ทุมเทชีวิตที่จะสรางความดี ไมใชทุมเท เพื่อความไมดี ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 5 กันยายน 2010 ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
70
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พระเยซูเจามาตามหาคนบาป นี่คืองานหลักของนายชุมพาบาลทุกคน ตองตามหาแกะหลง ทางแลวพากลับมาเขาฝูงแกะ แกะเปนสัตวที่แปลกกวาสัตวอื่นๆ นะครับ บานเราไมคอยเลี้ยงแกะ กันก็อาจจะไมเขาใจชีวิตของมัน แตพระเยซูเจาอยูในดินแดนที่เขาเลี้ยงแกะก็เลยเขาใจดี และก็ เอามาเปรียบเทียบใหเราเขาใจชีวิตของคนบาปดวย แกะเปนสัตวที่ “ไมฉลาด” จะเรียกมันวา “โง” ก็กลัววามันจะโกรธเอา ถาหากมันกินหญาเพลิน ออกไปจากฝูง มันจะหาทางกลับไปที่ฝูงไม เจอ หาทางกลั บ บ า นเองไม ไ ด ไม เ หมื อ นสุ นั ข หรื อ แมว เพราะฉะนั้ น มั น จะหลงทางได เ สมอ คนเลี้ยงจะตองคอยดู คอยนับฝูงแกะไววาขาดตัวไหนไปหรือเปลา ตองพามันไปหาอาหารและตอง พามันกลับเขาคอก อีกเรื่องหนึ่งก็คือ แกะหาอาหารเองไมเปน ไมเหมือนอูฐ ซึ่งจะไดกลิ่นของน้ํา แมจะอยูหางกันหลายกิโล อีแรงก็ยังรูวาจะมีอะไรกําลังจะตาย แมวาจะอยูหางกันมาก แตแกะ แมแตทุงหญาใกล ๆ ก็ยังไมรู ตองพามันไป เรื่องสุดทายที่แกะหลงทางจะอยูในอันตรายมากๆ ก็คือ มันไมมีพิษมีภัย ปองกันตัวเองไมไดเลย สัตวมากมายหลายชนิดจะมีอาวุธปองกันตนเอง เชน มีความเร็ วแบบกวาง คอยหนี บางอยางมีพิ ษอยูในตั วเอง บางอยางใชกลิ่นอั นรุนแรงขับไลศัตรู บางอยางก็มีเขี้ยวเล็บ แตแกะไมมีอะไรปองกันตัวเลย ถาหลงทางก็รอคอยอันตรายแตอยางเดียว มันเปนอาหารโปรดของสัตวรายทั้งหลาย เรื่องเหลานี้พระเยซูเจาเขาใจดีเลยครับ และสําหรับ พระองคแลว แกะตัวเดียวที่หลงทาง พระองคก็เปนหวงกังวลและตองออกตามหาจนกวาจะพบ แกะหลงทางก็เหมือนคนบาปหลงทาง คนบาปคนเดียวที่กลับใจก็นําความยินดีมาใหกับพระ และสวรรคไดแลว คนบาปเปนเหมือนกับอาหารจานโปรดของสัตวราย นั่นคือปศาจ มันจอง และติดตามและพรอมที่จะขย้ํากินเปนอาหารเสมอ คนบาปมักไมรูทิศทางที่จะกลับบานดวยตนเอง ตองมีคนออกไปตามหาและนําทางกลับบาน กลับฝูงของตน เปรียบเทียบแบบนี้พี่นองก็คงจะ เขาใจไดแลว เพียงแตวา แกะกับคนบาปตางกันตรงที่วา แกะมันไมเถียง มันตามอยางเดียว แตคนบาปนี่สิ ทั้งเถียง ทั้งดื้อ คนบาปจึงมักจะไมยอมกลับใจงาย ๆ ถาคนบาปเหมือนแกะ ทุกอยางละก็ ปานนี้คงมีคนกลับใจมากมาย เราคงมีความสุขกันถวนหนาไปแลว พูดถึงความสุขแบบนี้ก็นึกถึง ความสุขของพอที่รอคอยลูกลางผลาญ และวั นหนึ่งลูกคนนี้ ก็กลับมาบาน ตอนนั้นพอจะมีความสุขมากเพียงใด พี่นองก็ทราบดีวา เวลานี้มีการถายทอด พิธีกรรมมิสซา ถายทอดการเทศน บทภาวนาตาง ๆ ในวัดของเรา พอก็รูสึกดีใจมากที่วันหนึ่ง มีพี่นองมาบอกวา การถายทอดนี้กําลังนําคนบาปคนหนึ่งกลับมาเขาวัดเขาวา หลังจากที่ทิ้งวัด ไปนานแลว แมแตจะเปนเพียงคนเดียว พอก็รูสึกปลื้มใจที่การลงทุนของเราไมวาจะกี่สตางคก็ตาม ไดทําใหเกิดงานเลี้ยงบนสวรรคขึ้นมาได เราทุกคนในวัดก็คงรูสึกดีใจเชนเดียวกัน ตรงกันขาม พอจะรูสึกปวดราวใจมากทีเดียว ถาหากรูวาจะมีคริสตังคนหนึ่งทิ้งพระไป และจะรูสึกปวดราวใจ มากกวาอีก ถาหากวา พอเองจะเปนเหตุใหคนใดคนหนึ่งทิ้งวัด บางทีก็อาจจะรูตัว หรือบางทีก็ไม ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
71
รูตัว มารูทีหลังก็รูสึกเสียใจ เพราะรูตัวดีวา หนาที่หลักของเราคือ ตามหาลูกแกะที่หลงทาง ไมใชขับไลลูกแกะใหพนฝูง มีเรื่องดีเรื่องหนึ่งที่พอเรียนรูมาจากพระคุณเจาเกรียงศักดิ์ นายชุมพาบาลของเรา ตอนที่ ทานเปนเจาวัดแมพระประจักษเมืองลูรด หัวตะเข วัดนี้มีโรงเรียนชื่อวาโรงเรียนมาเรียลัย ปจจุบัน เปนโรงเรียนใหญมีนักเรียนมากมาย แตก็มีนักเรียนคาทอลิกหลายคนตองไปเรียนโรงเรียนวัดพุทธ ทานรูสึกวาเปนหนาที่นายชุมพาบาลที่จะตองนําเด็กเหลานี้กลับมาเรียนในโรงเรียนของเราใหได ทานก็ออกตามหา ไปตามบาน ขอรองใหนําเด็กมาเรียนที่โรงเรียนเพื่อจะไดรับการอบรมเปนลูกพระ แบบคริสตัง ครอบครัวที่พอจะชวยคาใชจายโรงเรียนไดก็พยายามชวย ที่ชวยไมได ทานก็จะชวย ใหเรียนใหได ปรากฏวาทานสามารถนําเด็กคาทอลิกจํานวนมากกลับมาเรียนที่โรงเรียนของทาน การตามหาลูกแกะตัวนอย ๆ เหลานี้ก็ยังไมใชงานยากเทาไหร เด็ก ๆ มักจะวานอนสอนงาย บอกไปสอนไปก็เชื่อไดแลว แตการตามหาลูกแกะผูใหญที่หลงทางไปนี่สิครับ ไมงายเลย อยางที่พอบอก คนบาปไมเหมือนแกะ มักจะเถียงและดื้อ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ เราตองชวยกันครับ พอคนเดียว คณะเซอร คณะครู สภาอภิบาล พี่นองทุกคน ตองชวยกันตามหาแกะหลงทาง เจอะแลวตอง พยายามชักชวน ใหกําลังใจ และทําทุกอยางอยาไดทอแท ทําจนสุดความสามารถใหคนบาป เหลานี้กลับมา ทําเหมือนกับนักบุญมอนิกาที่ไมยอมแพ จนกระทั่งเอากุสตินกลับใจ พอชอบ เรื่องของ วินสตัน เชอรชิลลนายกรัฐมนตรีอังกฤษสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทานตอสูกับนาซีอยางเต็มที่ ปลุกเราคนทั้งประเทศ ปลุกเราประเทศในยุโรปใหชวยกันตอตานนาซีจนสุดความสามารถ ครั้งหนึ่ง ทานตองไปพูดปาฐกถา พิธีกรกลาวนําทาน สดุดีทานมากมาย เปนเวลานานมากจากนั้นก็เชิญทานขึ้นพูด เชอรชิลลขึ้นมา เงียบเล็กนอย และพูดวา Never Never Never Never Never…give up แปลพอไดความวา “จงอยา จงอยา จงอยา จงอยา จงอยา..ยอมแพ” แลวก็กลับไปนั่งที่ของทาน ฝูงชนงงอยูพักหนึ่ง จากนั้นก็เขาใจสิ่งที่ทานตองการจะกลาว ไมตองพูดอะไรมาก จงทําและ พยายามสุดความสามารถ ทุกคนลุกขึ้นปรบมือใหทานเปนเวลานาน การตามหาลูกแกะที่หลงทางตามหาคนบาปก็ตองเปนเชนเดียวกันคือ ชวยกันสุดความสามารถ แม เ ป น เพี ย งคนเดี ย ววิ ญ ญาณดวงเดี ย ว ก็ มี ค า เหลื อ ล้ํ า สํ า หรั บ พระเจ า อย า ยอมแพ ค รั บ เพราะบางทีคนเดียวคนนั้น ก็อาจจะอยูใกลตัวเรานั่นเอง ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ *สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 12 กันยายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
72
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก อาทิตยนี้พระเยซูเจาพูดถึงเรื่อง เงินทอง บานเรามักจะพูดใหเราคิดเสมอ ๆ วา “เงินทอง ไมเขาใครออกใคร” ความโลภทําใหเราหลงผิด ความไมซื่อสัตยทําใหเราเสียคน พอชอบตอนที่ พระเยซูเจาสอนบอกวา “จงคืนของซีซารใหแกซีซาร และคืนของพระเจาใหแกพระเจา ” ก็หมายความซื่อ ๆ วา ของของโลกก็คืนไปใหแกโลก และของพระก็คืนใหพระไป ใคร ๆ ก็อยากมีเงิน ใคร ๆ ก็อยากรวยทั้งนั้น แตความหมายของทรัพยสินเงินทองมิไดอยูตรงที่วา “มีเทาไหร” แตอยู ตรงที่ ว า “เราให เท าไหร ” ต างหาก พวกรั บบี ของชาวยิ วมั กจะสอนแบบนี้ ครั บ “คนรวยช วย คนจนในโลกนี้ คนจนชวยคนรวยในโลกหนา” ฟงดูดีจังเลย แตก็ไมใชเรื่องงายนะสําหรับการมี ชีวิตในสังคมทุกวันนี้ที่มีแตเรื่องของผลประโยชน ผลกําไร ผลงาน การแขงขันเพื่อความกาวหนา มีผูหญิงคนหนึ่งชื่อ ลินน ทวิส (Lynn Twist) อุทิศตนใหกับมูลนิธิที่ชื่อวา Hunger Project หาเงินเขามูลนิธิเพื่อชวยผูหิวโหย ในป 1970 เธอไดรับการตอบรับใหไปพูดหาทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียง แหงหนึ่ง เธอเตรียมตัวอยางดี ในการนําเสนอ แตงตัวอยางดีที่สุด และเขาไปพบ CEO ของบริษัทใน หองประชุมสุดอลังการ เธอพูดเพียง 15 นาที CEO ซึ่งไมไดสนใจจะฟงเธอเลย ก็เอาเช็คหาหมื่น ดอลลาร ให แกเ ธอ เป นการหาทุน ที่เ ธอไดมากที่ สุดเทา ที่เคยได รับ มา แต เธอก็รูสึ กไดทัน ทีว า นี่คือการให ที่ไมไดใสใจตอผูหิวโหย แตใหเพราะชื่อเสียงของบริษัทเทานั้น เธอบอกภายหลังวา เธอรู สึกแย มากและรูสึ กว าเงิน นี้เ ปน เงิ นสกปรก และไม อยากจะรับ ไว เลย วัน เดี ยวกัน เธอไป บรรยายที่โบสถเล็ก ๆ แหงหนึ่งเปนโบสถของคนผิวดํา คราวนี้เธอถูกนําไปอยูที่หองประชุมใตหลังคา มีบรรดาแมบานมาฟงเธอหลายคน พอเธอบรรยายจบและขอบริจาค ทุกคนนั่งเงียบกันหมด จนกระทั่ง ผูหญิงคนหนึ่งชื่อ เกอรทรูด ลุกขึ้นยืนพูดวา “ฉันชอบและ ชื่นชมเธอที่อุทิศตนทํางานที่ยากลําบาก นี้ แตพวกเราไมคอยมีเงินที่มีก็ตองใช ฉันเองทําหนาที่เปนคนทําความสะอาดใหแกคนผิวขาว มีเงินไมมากนัก ในกระเปาฉันมีอยูหาสิบดอลลาร ฉันขอบริจาคใหหมด เพราะฉันอยากใหเงิน ที่มาจากน้ําพักน้ําแรงของฉันมีประโยชนอยางแทจริงกับผูที่กําลังหิวโหยมากกวาฉัน” แลวเธอก็ เดินไปบริจาคเงินและสวมกอดลินน เพื่อใหกําลังใจ คนอื่น ๆ ในหองตางก็ทะยอยมา เธอรวบรวมได ทั้งหมดประมาณ 500 เหรียญ แตเธอรูสึกวานี่คือเงินที่มาจากหัวใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ เธอรูสึกเคารพ รัก และเห็นเกอรทรูด เปนบุคคลที่มีคา เหลือเกิ นสําหรั บสังคม วันรุงขึ้ นเธอส งเช็ค 50,000 เหรียญ คืนให แกบริษั ท เพราะเธอรูสึ กไม สบายใจเลยที่ จะรั บเงิ นนั้นซึ่งเป นเงิ นที่ไมมี จิตวิญญาณ หกปต อมาเธอไดรั บ จดหมายฉบั บหนึ่ งจาก CEO คนที่ เ ธอเคยไปบรรยายด ว ยและตอนนี้ เ กษี ยณแล ว เขายั ง เก็ บ จดหมายของเธออยู เขาเขียนในจดหมายวา การคืนเช็คครั้งนั้นของเธอทําใหเขา ช็อค เขาไมเคย เรียนรูเรื่องนี้มากอน ลินนไดสอนใหเขารูจักคําวา “ให” ที่แทจริงวาคืออะไร พอนึกยอนหลังทีไร ก็รูสึกวาตนเองทําไมถูกเลย ดังนั้นเวลานี้เขาจะขอบริจาคจากเงินสวนตัวของเขาเองดวยน้ําใสใจจริง ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
73
ตั้งแตนั้น เขาก็บริจาคเปนเช็คใหเธอหลายครั้งจนครบ 50,000 เหรียญ ครั้งนี้เปนการใหที่มา จากใจ จํานวนเงินที่บริจาคนั้นไมสําคัญ หัวใจตางหากที่สําคัญที่สุด เรื่องนี้ทําใหพอนึกถึงพระวรสารตอนที่คนรวยไปทําบุญในวิหาร กับหญิงมาย ที่ทําบุญแคเศษ เงิ น แต พ ระเยซู เ จ า สอนว า หญิ ง ม า ยนี้ ทํ า บุ ญ มากที่ สุ ด เพราะเป น เงิ น ที่ เ ธอจํ า เป น ต อ งใช สวนเศรษฐีนั้นทําบุญจากเงินที่เหลือใช คําเหลานี้ก็ชวยใหเราเขาใจถึงหนาที่ของเงินในโลกนี้ อย า ให เ งิ น มาเป นนายเรา และเป นนายที่ แย มากซะด วยเพราะเป นนายที่ จะบั งคั บให เรา เอาเปรียบ คดโกง ไมซื่อสัตย และในที่สุดเราจะกลายเปนคนไรน้ําใจ และไรหัวใจ มีขอความตอนหนึ่งในหนังสือ สุภาษิต (11:24-25) เขียนไววา “บางคนยิ่งจําหนาย (ให) ยิ่งมั่งคั่ง บางคนยิ่งยึดสิ่งที่ควรจําหนาย (ให) ยิ่งขัดสนก็มี บุคคลที่ ใจกวางขวางยอมไดรับความมั่ง คั่ง บุคคลที่รดน้ํา เขาเองจะไดรับการรดน้ํา พี่นองไดทําบุญชวยเหลือคนจนอยางดีเสมอมา ก็เปนกิจการที่ดีมาก โดยเฉพาะอยางยิ่ง ในระหวางเทศกาลมหาพรต พวกเราไดชวยกันอดออมเงิ นเพื่ อชวยคนจน เงินทุ กบาททุกสตางค ที่พี่นองไดทําบุญมานี้ พวกเราพระสงฆทุกองคตามวัดตาง ๆ ก็ไดนําไปใชชวยเหลือคนจน ผูยากไร ตามที่พี่นองตั้งใจไวอยางเต็มที่ โดยไมไดนําไปใชอยางอื่นเลยแมแตบาทเดียว ถาหากเราเคยมีความสัม พันธกับเงินทองในรูปแบบที่ไมถูกตอง เปลี่ยนซะใหมนะครับ ใหเราเปนเจานายของเงินทอง ดีกวาใหมันมาเปนเจานายเรา บงการชีวิตเราใหทําผิด ๆ อยาไปรับใชมัน แตใหมันรับใชเรานะครับ
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 19 กันยายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
74
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ถาอยากจะรู ว านรกเปนอยางไร ต องอ านพระวรสารอาทิ ตยนี้ เรื่ องเศรษฐีกั บลาซาลั ส อานจบแลวเราสามารถสรุปได งาย ๆ เลยว า ที่แทนรกก็คื อ ผูที่ มองเห็นสวรรคว าเปนอย างไร แตตัวเองไปไมได เศรษฐีคนนี้มองเห็นลาซาลัสอยูในออมอกของอาบราฮัม สวนตัวเขาอยูในหุบ เหวแหงความทรมาน ทรมานจริง ๆ ที่เห็นแบบนั้น นิทานเรื่องนี้สอนเราในเรื่องสําคัญ ๆ สองเรื่อง ครับ เรื่องแรกก็คือ สอนใหเราเปนมนุษยที่มี “หัวใจ” เศรษฐีคนนี้รวยสุด ๆ บนโลกนี้ “แตงกายดวยเสื้อผาเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญทุกวัน” นักพระคัมภีรอธิบายวา เสื้อผาเนื้อดีที่เศรษฐีใสนั้น เทียบราคาในปจจุบันแลวก็ประมาณตัวละหนึ่งแสน สามหมื่ น บาท ถึ ง เกื อ บสองแสนบาท ส ว นงานเลี้ ย งก็ เ ป น งานเลี้ ย งใหญ ทุ ก วั น นั่ น ก็ คื อ รวม วันอาทิตยดว ย ไมสนใจกฎเกณฑอะไรทั้งนั้น เอาแตหาความสุขใสตัวดวยความร่ํารวย เขาทําไมตกนรก เขาไมไดทําบาปอะไร นี่นา ความร่ํารวยไมใชบาป เขาไมไดไลลาซาลัสไปใหพนหนา สิ่งที่ทําใหเขา ตกนรก ก็คือ เขาไมมีหัวใจที่จะใหแกลาซาลัสผูนาสงสารเลยแมแตนอย เขาไมใสใจคนยากคน จน เขาผิดที่ไมไดทําอะไรใหแกลาซาลัสเลย แตในนรกเขายังตองการใหลาซาลัสเอาน้ํามาใหเขาซะอีก ด วย เป น เศรษฐี จ นเคยตั ว แน ๆ แบบนี้ ชาวฮี บ รู โ บราณมั ก จะสลั ก บนหิ น หลุ ม ศพต า ง ๆ ว า “หลับในออมอกอาบราฮัม” คลาย ๆ กับสมัยเรานี้ก็ชอบใชคําวา “R.I.P” ถาแปลเปนอังกฤษก็ แปลวา Rest in Peace พักผอนในสันติสุข ถาจากลาตินก็คือ Requiescat in Pace แปลเหมือนกันครับ พอเศรษฐีเห็นลาซาลัสอยูในออมอกอาบราฮัม จึงยิ่งทุกขใจอยางยิ่ง พี่นองพอจะ เขาใจนรกไดเล็กนอยแลวนะครับ บาปของเศรษฐีนี้ตองไปเปรียบเทียบกับเรื่องของชาวสะมาเรีย ผูใจดี คนที่ชวยเหลือเพื่อนมนุษยที่ตกทุกขไดยากจนถึงที่สุด ในขณะที่คนที่ควรจะชวยนั้นไมยอม ชวยเหลือเลย ประกาศกอามอสในบทอานที่หนึ่งก็พูดเรื่องเดียวกันนี้วา วิบัติแกผูที่สบาย นอนเหยียด บนเกาอี้ยาว กินแกะกินวัว รองเพลง ดื่มเหลาองุนจากถวยใหญ ๆ ชโลมตัวดวยน้ํามันอยางดี แตไมใส ใจความพินาศของคนอื่น ๆ เลย” สิ่งที่พระเยซูเจาตองการจากเราก็คือ “หัวใจ” ที่มีใหแกเพื่อนมนุษย ของเรา เราอาจบอกวาเราไมใชเศรษฐี คิดดูดี ๆ นะครับ เทียบกับคนในโลกนี้อีกมากมาย เราแต ละคนตอนนี้ก็เทียบไดกับเศรษฐีคนหนึ่งแลว เรื่องที่สองก็คือ สอนใหเรารูจัก “ธรรมชาติของคนที่ไมเชื่อ” อาบราฮัมบอกกับเศรษฐีวา “ถาเขาไมเชื่อฟงโมเสสและบรรดาประกาศก แมใครที่ กลั บ คื น ชี วิ ต จากบรรดาผู ต ายเตื อ นเขา เขาก็ ไ ม เ ชื่ อ ” พี่ น อ งจํ า ตอนที่ พ ระเยซู เ จ า ร อ งไห เพราะลาซาลัส (พี่ชายของมารธาและมารีย) ไดนะครับ บางที่ก็เปนเพราะพระองครูวาแมจะไป ปลุกลาซาลัสใหตื่นขึ้นได คนทั้งหลายก็จะยังโหรอง ใหตรึงกางเขนพระองคอยูดี คนทั้งหลายบาง ทีก็ไมสนใจหรอกครับวา พระเยซูเจาจะเดินบนน้ําหรือเปลี่ยนเหลาองุนที่เมืองคานา หรือจะรักษา คนโรครายตาง ๆ มนุษยทุกยุคทุกสมัยจะมีคนที่มีใจแข็งกระดาง และพยายามบอกใหไมเชื่อวา ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
75
มีพระ ไมตองปฏิบัติศาสนกิจ ไมตองมีศาสนาเลย นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงคือ วอลแตร (Voltaire) ไมเชื่อในพระเจาเขาสอนวา “ภายในหนึ่งรอยป ศาสนาคริสตจะตองตายไป” พี่นองคิดดู นะครับภายในหนึ่งรอยปนั้นวอลแตรตายไปครับ คริสตศาสนายังอยู บานของวอลแตรเองไดกลาย มาเปนบริษัทจัดพิมพหนังสือ “พระคัมภีร” พระเจายืนยันตัวพระองคเองดวยวิธีงาย ๆ แบบนี้เอง พระสงฆองคหนึ่งพูดคุยกับทหารคนหนึ่งซึ่งมีขอโตแยงในเรื่องตาง ๆ ทางศาสนาอยูเสมอ คุณพอถาม ทหาร คนนี้วา ถาพอสามารถตอบคําโตแยงทุกขอของคุณได คุณจะยอมรับพระเยซูคริสตเปน พระผูไถของคุณมั้ย ทหารคนนั้นตอบวา “ไมหรอก ผมเพียงชอบโตแยงเทานั้น” นักพระคัมภีรคนหนึ่ง ชื่อ Josh Mcdowell ไดถามคําถามเดียวกันนี้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยแหงหนึ่ง เขาตอบงาย ๆ วา “ผมไม รับ พระเยซู คริ ส ต เพราะผมไมอ ยากเปลี่ ยนแนวทางการดํ า เนิ น ชีวิ ตของผม” มีคนจําพวกนี้อยูจริง ๆ ครับ แมจะเห็นอัศจรรยมากมายกับตา หรือตอใหคนตายกลับมาบอกเรื่อง นรก เขาก็คงไมเชื่อ ดังนั้น ธรรมชาติของคนที่ไมเชื่อนี้คือ เอาแตรักตัวเองมากกวารักพระ มากกวารักเพื่อนมนุษย เหมือนกับเศรษฐีในพระวรสารนี้แหละ กอนที่คริสโตเฟอร โคลัมบัสจะคนพบอเมริกา ประเทศสเปนมีคติพจนวา “Ne Plus Ultra” แปลวา “ไมมีอะไรมากไปกวานี้แลว” สเปนเขาใจวาตนเองยิ่งใหญที่สุดแลวนั่นเอง โคลัมบัสตายที่เมือง มายาโดลิค ในป 1506 ที่นั่นมีอนุสาวรียของเขาตั้งอยูสิ่งที่นาสนใจก็คือวาที่อนุสาวรียของเขานี้ มี รู ป สิ ง โตตั ว หนึ่ ง กํ า ลั ง ทํ า ร า ยตั ว อั ก ษร “Ne” ที่ อ ยู ใ นคติ พ จน ข องสเปนซึ่ ง หมายความว า “ยังมีอะไรมากกวานี้อยู ” คติพจนของสเปนเปลี่ยนแปลงไปเพราะการคนพบของโคลัมบัสทําให พวกเขาเขาใจ หัวใจมนุษยไมสามารถหยุดเพื่อตนเองได หัวใจมนุษยสามารถเผื่อแผไปยังผูอื่นไดเสมอ มีอะไร ๆ ที่หัวใจเรายังสามารถทําไดอีกมากมาย ธรรมชาติของมนุษยก็ไมใชมีแตความไมเชื่อ เรามนุษย ยั ง สามารถเชื่ อ ได เชื่ อ ได ใ นพระและในส ว นดี ในโลกนี้ มี อ ะไร ๆ ให เ ราทํ า เพื่ อ พระและ เพื่อเพื่อนมนุษยของเราอีกมากมาย ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 26 กันยายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
76
สารเจาอาวาส พี่นองที่รัก เราเคยสวดขอพระหลายเรื่อง พอแนะนําใหสวดเพิ่มอีกเรื่องหนึ่งคือขอ “โปรดเพิ่มความเชื่อ ใหพวกเราเถิด” เพราะความเชื่อของเราอาจจะนอยเกินไป รูไดอยางไรวาความเชื่อของเรานอยลง ก็ถาเราขี้เกียจสวด รูสึกไมอยากมาวัดวันอาทิตยหรือพบความลําบาก ความทุกขก็รูสึกทอแทและที่ สํ า คั ญ ก็ คื อ ไม ไ ด คิ ด ถึ ง พระเลย แสดงว า ความเชื่ อ ของเรากํ า ลั ง เหลื อ น อ ยแล ว ป ที่ แ ล ว พ อ เอาหนังสือเลมหนึ่งมาแจกใหพี่นองอานชื่อวา “ภูเขาเคลื่อนได” เขียนจากชีวิตจริงของคริสตังใหม คนหนึ่งคือ คุณศรินธร เมธาวัชรานนท เธอเลาใหฟงตั้งแตยังไมไดเชื่อในพระและมามีความเชื่อ จากนั้นไดดําเนินชีวิตตามความเชื่อในพระอยางไร เธอเขียนไดนาอานมาก พอเริ่มอานก็อยากจะ ติดตามจนจบราวกับเปนนิยายเรื่องหนึ่งทั้ง ๆ ที่เปนชีวิตจริง มีคนมากมายตองการอานหนังสือเลมนี้ จนเธอตองพิมพหลายครั้ง คุณศรินธรไมตองการขายแตตองการใหคนอานไดรูจักพระเจาที่เธอรูจัก ไดรูจักกับอํานาจของความเชื่อ อํานาจที่เธอเปรี ยบเชนเดียวกับพระวรสารวา “ภูเขาเคลื่อนได ” หลายคนอานแลวมีความเชื่อมากขึ้น ใครที่มีหนังสือเลมนี้ก็แบงปนใหคนที่เรารูจักอานบางก็จะทําให เขาใจคําวา “อํานาจแหงความเชื่อไดดีขึ้น” พระวรสารอาทิตยนี้พูดถึงเรื่องความเชื่อเพียงเปรียบเทียบกันคนละอยางเทานั้น “ถาทาน มี ความเชื่ อเท าเมล็ ดมั สตาร ด และพู ดกั บต นหม อนนี้ ว า จงถอนรากแล วไปขึ้ นอยู ในทะเลเถิ ด ตนหมอนตนนั้นก็จะเชื่อฟงทาน” พอเขาใจวาเราไดยินพระเยซูเจาสอนเรา เราไดอานไดฟงพระวาจา แหงความเชื่อเหลานี้ เพียงแตพอสงสัยวาเราเคยพูดถึงความเชื่อของเราเองบางหรือยัง พูดใหคนอื่น ฟง เขียนใหคนอื่นอาน สอนลูกหลานเรา เรามักจะไมไดพูด ไมมีโอกาสพูด รูสึกอยูในใจคนเดียว ถึงอาจจะพูดก็ไมรูจะพูดอยางไร มีชาวอาฟริกันคนหนึง่ เคยพูดกับมิชชานารีคนหนึ่งครับ มิชชันนารี คนนี้เอาจริงเอาจังกับงานทานมาก มาอาฟริกาก็เรียนภาษาทองถิ่น พอเรียนรูเรื่องแลวก็เทศนสอน นําความรูของตนทั้งหมดมาถายทอดใหชนเผาที่ทานทํางานอยูไดเขาใจเรื่อง ความเชื่อในพระเจา ใหลึกซึ้งขึ้น วันหนึ่งชาวอาฟริ กันคนหนึ่งมาคุยกับทานพูดวา “คุณพอพูดถึงความเชื่อในพระเจา แบบที่พระองคอยูในจักรวาลอันยิ่งใหญ ฟงดูแลวหางไกลเหลือเกิน พวกเราพบวาแทที่จริงพระก็คือ เสือ พวกเราเปนเหยื่อของพระองค เวลาที่พระองคตะปบเราก็คือศีลลางบาปนั่นเอง เราไมอาจ ไปไหนไดอีกแลว พระองคเปนเจาของเราแลวจะทําอะไรกับเราก็ได จะใหเราตายก็ได ” ชายคนนี้ เขาใจพระจากชีวิตประจําวันของเขาและเขาก็อธิบายความเชื่อดวยความเขาใจงาย ๆ ในป 1996 มีการสํารวจนักวิทยาศาสตร หนึ่งพันคนเกี่ยวกับความเชื่อในพระเจา ผลสํารวจ ก็คือ นักวิทยาศาสตร สี่รอยคนคือประมาณ 40% เทานั้นที่เชื่อในพระเจา ที่แปลกกวานี้ก็คือวาในป 1916 คือ 80 ปกอนหนานี้ ก็มีการสํารวจแบบเดียวกันนี้ ผลสํารวจออกมาเทากันเลยครับคือ 40% ของนักวิทยาศาสตรมีความเชื่อในพระเจา นักวิทยาศาสตร 60% ที่ไมเชื่อก็เพราะวา เขามีคําถาม ทีค่ ิดวาฉลาดมากมายเกินไป ในขณะที่อีก 40% พยายามคนหาคําตอบตาง ๆ ในโลกอันนาพิศวงนี้ ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
77
ในเรื่ องของความเชื่อ เราอาจจะมี คําถามมากมาย แตเราตองยอมรับวาเราไมสามารถ หาคําตอบไดทุกอยางจากหัวสมองอันนอยนิดของเรามนุษย พระเจาจึงประทานของขวัญแกเรานั่น คือ ใหเรามีความเชื่อ ของขวัญชิ้นนี้มีพลังอํานาจมหาศาลผูที่มีความเชื่อจึงมีอํานาจพิเศษ อํานาจ ที่จะยอมรั บ ทุกสิ่ง และยอมรับแมความตาย ผูที่ มีความเชื่อมากมายก็ไดยอมรับมาแล ว เรื่องความเชื่อจึงไมใชเรื่องที่เราจะมานั่งเถียงกัน ทะเลาะกัน แตเปนเรื่องที่เราจะตองแสดงออกถึง ความเชื่อของเราตางหาก ความเชื่อที่ไมแสดงอะไรออกมากเลย ก็เปนความเชื่อที่ตายแลว นั่นเอง นักบุญเปาโลสอนเราวันนี้วา “ทานอยาอายที่จะเปนพยานถึงองคพระผูเปนเจาของเรา” นี่ก็ เป นการแสดงความเชื่ อของเราอย างหนึ่ ง ที่ จริ งความเชื่ อสามารถทํ าอะไร ๆ ไดอี กมากมาย ความเชื่อทําใหคนหลายคนอุทิศตนเพื่อรักพี่นองรวมโลก อยางไมรูเหน็ดเหนื่อย ความเชื่อทําใหคน หลายคนยอมตายเพื่อพระและเพื่อเพื่อนมนุษย ความเชื่อทําใหคนกลาเปนพยานถึงพระทั้งดวยการพูด การเขียน ทั้งหมดนี้เปนตัวอยางที่ดีสําหรับความเชื่อของพวกเรา อยาลืมนะครับ หมั่นสวดภาวนาขอใหเพิ่มพูนความเชื่อของเราบอย ๆ ใหความเชื่อของเรา มี มากขึ้ น มากจนเรากล าที่ จะเป นพยานถึ งพระ กล าที่ จะพู ด จะเขี ยนเกี่ ยวกั บพระเจ าของเรา นี่แหละครับอํานาจของความเชื่อในตัวเราทุกคน
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 3 ตุลาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
78
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก เวลาที่พอดูภาพยนตรฝรั่งในทีวีก็มักจะไดยินคําวา“ขอบคุณ” อยูบอย ๆ จนถึงบอยมาก ไมวาจะเปนใครเชน พอแมขอบคุณลูก ๆ หรือครูขอบคุณลูกศิษย ไมวาจะเปนเรื่องเล็ก ๆ หรือ เรื่องใหญ ๆ แบบชวยชีวิตกัน เรื่องเล็ก ๆ ก็อยางเชนเปดประตูรถให หยิบโนนหยิบนี่สงใหเปนตน นึกถึงคนไทยเราก็อาจจะมีวิธีคิดอีกแบบหนึ่ง เวลาเราทําอะไรใหกับคนที่เรารัก เราก็ไมอยากใหเขา มาขอบคุณเรา เพราะดูเหมือนวา หางไกลกัน เปนใครที่ไหนละคนกันเอง ทําไมตองขอบคุณกันดวย ภาษาไทยก็แบงแยกคําที่ผูใหญขอบคุณผูนอยโดยการใชคําวา “ขอบใจ” ขณะที่ผูนอยใชคํานี้กับ ผูใหญไมไดตอง “ขอบคุณ” อยางเดียว เลยทําใหเราคิดวาจะขอบคุณใครก็จะตองเปนเรื่องใหญ ๆ เทานั้น สมัยนี้เราเริ่มไดยินคนไทยขอบคุณกันมากขึ้น ทั้งจากผูใหญและก็จากผูนอยดวย คําขอบคุณ เปนการแสดงจิตใจแหงความกตัญูรูคุณ และคําขอบคุณนี่แหละที่แสดงวา เราไมสามารถทํา ทุกสิ่งทุกอยางไดเองมีบางคนตองชวยเรา ทําใหเรา บางคนไดใหบางสิ่งบางอยางแกเรา เราคริสตชน รูจักขอบคุณพระเสมอ เวลาที่เรามาวัด เราฟงพระวาจาของพระ เราก็ขอบคุณพระองค เวลาที่เรา รับศีลมหาสนิทแลว เราก็ภาวนาโมทนาคุณพระองค และเวลาที่มิสซาจบแลวเราก็ยังขอบคุณ พระองค พระวรสารอาทิตยนี้เลาเรื่องการขอบคุณพระ เรื่องของ นาอามาน ชาวซีเรีย เขาเปนแม ทัพใหญ มีอํานาจมากมาย แตเปนโรคเรื้อน คนใชชาวยิวบอกใหไปพบประกาศกเอลีชาเพราะจะ รักษาโรคนี้ใหหายได นาอามาน ทํายังไงทราบหรือไมครับ นาอานามนําเอาราชสาสนของกษัตริย ซีเรีย ไปถึ งกษัตริย ยูดา ให ยูดารั กษาโรคนี้ให ยู ดาก็คิ ดว านี่ มาหาเรื่ องทําสงครามกันชัด ๆ เลย ในที่สุดเอลีชาก็สั่งใหเขาลงไปอาบน้ําในแมน้ําจอรแดน 7 ครั้ง โรคเรื้อนของเขาก็หายไป บทอานที่ หนึ่งเลาวา นาอามานตองการขอบคุณเอลีชาดวยการมอบของขวัญให แตเอลีชาไมรับโดยบอกวา พระเจาตางหากที่เปนผูรักษาทาน นาอามานจึงขอบคุณดวยการขอนําดินจากแผนดินนี้กลับไป บานเมืองของตนและจะบูชาพระเจาแหงอิสราแอลแตผูเดียว พระวรสารเลาเรื่องคนโรคเรื้อน 10 คน มีชาวตางชาติคือชาวสะมาเรียคนเดียวที่หายแลว กลับมาหาพระเยซูเจาเพื่อขอบคุณพระเจา ชาวยิวเกาคนที่ควรจะมาขอบคุณพระกลับไมไดมาเลย พอฟงเรื่ องขอบคุณพระทั้งสองเรื่องนี้แ ลวก็รูสึ กวา พวกเรามี เรื่องที่ ตองขอบคุณพระ มากมายเหลือเกินในชีวิตของเรา ในสมั ยสงครามโลกครั้ งที่ สอง ทหารอเมริกั นเสียชีวิ ตไปมากมายที่จ ริง มีผู เสี ยชี วิต ไป ทั้ง หมดประมาณ 25 ลา นคนจากสงครามครั้ งนั้ น ลู กชายครอบครัว หนึ่ งเสียชี วิต ในสงคราม พอ แม ไปวั ด และบอกพ อ เจา วั ด ว าจะขอบริ จ าคเงิ น ของครอบครั วเพื่ อ เป น อนุ สรณ แ ดลู ก ชาย ผูลวงลับไป พอเจาวัดเห็นดวยและขอนําเรื่องนี้พูดใหสัตบุรุษฟงในวัดวันอาทิตย หลังมิสซาอีก ครอบครั ว หนึ่ ง ซึ่ ง ลู ก ชายไปรบในสงครามนี้ ด ว ย กํ า ลั ง ขั บ รถกลั บ บ า น ผู เ ป น พ อ ก็ พู ด ขึ้ น ว า ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
79
ทําไมเราไมบริจาคเงินเพื่อเปนอนุสรณถึงลูกชายเราบางละ ผูเปนแมกลาววา จะทําอยางนั้นทําไม ลูกชายของเรายังไมตายนะ พอจึงพูดขึ้นวา นั่นละประเด็นสําคัญ ทําไมเราตองระลึกถึงคนที่ ตายไปแลว ในขณะที่เราไมขอบคุณพระสําหรับลูกชายที่ยังมีชีวิตอยูละ ทําไมเราไมขอบคุณ พระในตอนนี้สําหรับพระพรที่เราไดรับอยูในปจจุบัน ตองรอใหลูกชายเราตายกอนหรือ Thomas a kempis นักคิดที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 14 เคยพูดถึงเรื่องนี้ไววา “จงรูจัก ขอบคุณสําหรับพระพรที่เล็กที่สุด ทานจึงจะสมควรไดรับพระพรที่ยิ่งใหญกวา ใหคุณคากับ ของขวัญที่เล็กที่สุดเทากับที่ทานใหคุณคากับของขวัญที่ใหญที่สุด ศักดิ์ศรีของผูใหทําใหของขวัญ ที่เล็กที่สุดมีคาฉันใด ของขวัญของพระผูสูงสุดแมจะเล็กที่สุดในชีวิตของเรา ก็มีคาฉันนั้น” เราไมตองรอใหหายจากโรครายกอนจึงจะขอบคุณพระนะครับ แตจงขอบคุณพระ ในขณะที่เรามีสุขภาพดี ไมตองรอใหรวยเสียกอนจึงจะทําบุญ จึงจะชวยเหลือผูอื่น จงทําบุญ ตามความสามารถของเรา เราคริสตชนจึงมิใชเพียง ผูที่จะคอยขอบคุณพระสําหรับพระพรตาง ๆ แตเราเปนผูที่สามารถขอบคุณพระดวยการกระทําตาง ๆ สําหรับพระและเพื่อนมนุษย ไมวาพระพร ที่เราไดรับมาจากพระจะเล็กเพียงใดก็ตามในสายตาของเรา แตเปนพระพรที่ยิ่งใหญเสมอเพราะ มาจากพระผูสูงสุดเอง เรามีเรื่องที่จะตองขอบคุณพระองคมากเหลือเกิน เราตองทําอยางนาอามาน และคนโรคเรื้อนคนนั้นที่กลับมา “ขอบพระคุณพระเจา” ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 10 ตุลาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
80
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ในป 1956 ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศสมีการลุกฮือของประชาชนตอตาน “คนเชื้อสายยิว” มีชาวยิวหลายคนถูกฆาตายดวย (พี่นองก็คงจําไดดีวาในระหวางสงครามโลกครั้งที่สอง (1939-1945) ฮิตเลอรไดสั่งฆาชาวยิวไปถึง 6 ลานคน) บนหลุมฝงศพของชาวยิวคนหนึ่ง มีขอความสลักไววา “Remember Amalek” แปลไดวา “จงจดจําเรื่องราวของชาวอามาเลข” มีความนัย ๆ จะบอก กับผูที่อานขอความนี้วา พระเจาจะชวยใหเราชนะชาวอามาเลข เรื่องนี้เราไดฟงในวันอาทิตยนี้เอง ชาวอามาเลขเปนชนชาติดุราย มีกองทัพเกรียงไกร ทัพของโมเสสดูเหมือนวาไมมีทางสูเลย แตเมื่อ โมเสสขึ้นไปบนเขา ยกมือขึ้นขอพระใหชวย อิสราเอลก็ไดเปรียบ เมื่อโมเสสเมื่อยลา อาโรนกับเฮอร ก็นํากอนหินมาใหโมเสสนั่งและทานทั้งสองก็ยกมือของโมเสสขึ้นจนกองทัพอิสราเอลไดรับชัยชนะ ขอความที่วา “จงจดจําเรื่องราวของชาวอามาเลข” จึงหมายถึง จงอยาทอถอย วอนขอพระเสมอ และพระองคจะทรงชวยทาน จงอยาทอถอย ดูแบบอยางการภาวนาของโมเสส เมื่อเราสวดภาวนา ก็จงสวดภาวนาดวยความไวใจ ดวยความหวังและความเชื่อ พยายามสวดอยาไดหยุดหยอน เมื่อเราออนลาแลว เราก็ตองหาทางฟนฟูจิตใจของเราขึ้นมาใหม พระเจาจะชวยเราอยางแนนอน ที่จริงเรื่องนี้เราเองก็ไดฟงจากพระวรสารอาทิตยนี้ เปนเรื่องระหวางหญิงมายและผูพิพากษา หญิงมายแสวงหาความยุติธรรม สวนผูพิพากษาแสวงหาผลประโยชน แตหญิงมายไมมีทางให ผลประโยชน ใ ด ๆ แก ผู พิ พ ากษาเลย ถึ ง กระนั้ น ความพยายามวอนขอของหญิ ง ม า ยอย า ง ไม ล ดละทํ าให ผู พิพ ากษาคนนี้ยอมทํา ตามที่ น างขอรอ ง “ฉัน จึ ง จะให นางไดรั บ ความยุ ติธ รรม เพื่อมิใหนางรบเราฉันอยูตลอดเวลา” พวกเรามักจะชอบพูดวา “ตื้อเทานั้นครองโลก” ก็ขนาดมนุษย เรายังยอม แลวพระเจาซึ่งรักเรา เขาใจเราและชวยเราไดจะไมยอมตามที่เราภาวนาวอนขออยาง ไมหยุดหยอนเลยหรือ การภาวนามีพลังพิเศษเสมอ การภาวนาชวยใหเราสามารถเอาชนะ อุปสรรคในชีวิต ชวยใหเราเอาชนะปญหาตาง ๆ ชวยใหเรารูจักสงบนิ่ง การภาวนาชวยใหเราคืนดี กั นได การภาวนาช ว ยให ค นกลั บ ใจก็ ไ ด การภาวนายั ง ช ว ยให เ ราเปลี่ ย นแปลงตนเอง การภาวนายังชวยใหเรามีสุขภาพดีทั้งทางกายและทางใจ พูดถึงเรื่องการภาวนาแลว พอเคย ไดยินบางคนสอนวา เวลาที่เราสวดภาวนา ถาเราสวดอยางไมตั้งใจ สวดใหมันจบ ๆ ไป ก็อยา สวดเสียดีกวา พอไมคอยเห็นดวยกับการสอนแบบนี้เพราะมีความเชื่อวา แมเราจะไมสามารถมีสมาธิ เต็มรอยในการสวดภาวนา หรือเพราะเราเรงรีบในเรื่องตาง ๆ การสวดภาวนาแบบใด ๆ ก็ตาม ก็ยังดีกวา การไมสวด เพราะฉะนั้นจงสวดเถิด และถาหากสวดอยางดีดวย ก็ยิ่งดีเขาไปใหญเลย พี่นองเคยรูจักแมพระแหงเหรียญอัศจรรย เคยไดยินวา นักบุญอันตนแหงปาดัว คือนักบุญ แหงอัศจรรย และที่ประเทศเปรู เขามีรูปพระเยซูเจารูปหนึ่ง ไดรับชื่อวา “พระเจาแหงอัศจรรย” วาดโดยทาสชาวอั ง โกลาคนหนึ่ ง ชื่ อ เบนิ โ ต ในป 1651 วาดรู ป พระเยซู เ จ า ตรึ ง กางเขนไว บนกํ า แพงแห ง หนึ่ ง ต อ มาในวั น ที่ 13 พฤศจิ ก ายน 1655 เกิ ด แผ น ดิ น ไหวครั้ ง ใหญ ที่ ก รุ ง ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
81
ลิมา ประเทศเปรูนี้ บานเมืองพังราบหมด ที่นาแปลกก็คือ รูปนี้บนกําแพงนั้นยังคงอยูในสภาพดีมาก (คล าย ๆ กั บเรื่ อ งไม กางเขนที่ ประเทศไฮติ หลั ง จากแผ น ดิน ไหวแล ว ไมก างเขนนี้ยั ง คงอยู ดี ทามกลางซากปรักหักพังของประเทศ) ประชาชนตางพากันมาสวดภาวนาโดยเฉพาะพวกทาส ทั้งหลายจนกระทั่งผูปกครองเมืองกลัววาทาสจะกอกบฏ จึงสั่งใหทําลายรูปภาพรูปนี้ แตก็ไมมีใคร กลาทําลาย จนในที่สุดเจาหนาที่ทั้งหลายก็ยอมรับภาพแหงอัศจรรยนี้ อัศจรรยไดเกิดขึ้นมากมาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ เด็กชายอายุสี่ขวบคนหนึ่งตกลงมาจากอาคารชั้นสองไดรับความกระทบกระเทือน ทางสมอง หมอลงความเห็นวาไมมีทางรอดเลย แตผูที่เปนแมไมยอมแพ สวดภาวนาวอนขอตอ พระเยซูเจาแหงอัศจรรยนี้ เหมือนกับหญิงมายในพระวรสารเลย เธอไปที่กําแพงนี้ทุกวัน เฝาสวด ภาวนาและ บนบานวาหากลูกชายหายเปนปกติ เธอและครอบครัวจะอุทิศตนเพื่อ “พระเจาแหง อัศจรรย” พอเธอกลั บ ไปที่ บ า น เธอได พบว า เลโอนาร โ ด ลู กชายของเธอ หายเป นปกติ โ ดย เด็ดขาดอยางอัศจรรยที่สุด และเธอก็ไดอุทิศตนและครอบครัวดวยการทํางานเผยแพรความเชื่อ ความศรัทธานี้ จงจดจําเรื่องราวของชาวอามาเลข และจดจําเรื่องราวหญิงมายและผูพิพากษาวันนี้ จงเชื่อเถิดวาพระเจาจะทรงชวยเราอยางแนนอน ขอเพียงแตเราอยาทอถอยในการสวดภาวนาเลย
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 17 ตุลาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
82
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พระศาสนจักรของเราแบงยุคเวลาออกเปนสมัยตาง ๆ คือ ยุคแรก ยุคกลาง ยุคปฏิรูป ยุคใหม สวนชวงระยะเวลาของการแบงก็มีแตกตางกันออกไป ยุคกลาง (Middle Age) ตองถือวาเปนยุค ที่พระศาสนจักรของเราเสื่ อมถอยมากที่สุด สาเหตุที่ พระศาสนจักรของเราเสื่ อมถอยก็คื อ พระศาสนจักรร่ํารวยมากไป แสวงหาเกียรติยศ แกงแยงชิงดีกัน มีอํานาจทางบานเมืองมากไป และมุงแสวงหาแตทรัพยสินเงินทอง การดําเนินชีวิตของพระสันตะปาปา สังฆราช และสงฆ นักบวชตาง ๆ ก็เต็มไปดวยวิถีชีวิตทางโลก คริสตชนสมัยนั้นนาสงสารที่สุด เพราะไมสามารถ พึ่งพิงทานเหลานั้นไดเลย ในขณะที่กฎเกณฑการไปสวรรคสมัยนั้นเครงครัดมาก หนทางหนึ่งซึ่ง คริสตังสมัยกลางใชเปนทางไปสวรรคก็คือ “การจาริกแสวงบุญ” ใครที่ไปจาริกแสวงบุญวัดตาง ๆ ที่ใหพระคุณการุณยก็จะเปนหลักประกันความรอด เพราะสามารถยกบาปและโทษของบาปทั้งใน โลกนี้และโลกหนาไดดวย เรื่องที่นาสนใจที่สุดเรื่องหนึ่งของการแสวงบุญก็คือ เมื่อพวกเขาเขาไป ในวัดที่จาริกแสวงบุญ พวกเขาจะสวดวา “ขอทรงพระเมตตาเถิดพระเจาขา เพราะขาพเจา เปนคนบาป” เรื่องนี้ทําใหพอนึกถึงพระวรสารอาทิตยนี้ คนเก็บภาษีเขาไปในวิหารดวยใจสุภาพ ถอมตนยืน อยูหา ง ๆ ไมก ลา แมแ ตจ ะแหงนหนา มองทอ งฟา ขอ นอกพูด วา “ขา แตพ ระเจา โปรดทรงพระกรุณาตอขาพเจาคนบาปดวยเถิด” ในขณะที่ฟาริสีคนหนึ่งยืนสวดอยูหนาแทน อวดตน อวดความดีทั้งหลายที่ทํา พรอมทั้งเปรียบเปรยคนเก็บภาษีวาเปนคนบาปหยาบชาเพียงใด ฟาริสีคนนี้ทําใหพอนึกถึงการดําเนินชีวิตของบรรดาผูนําพระศาสนจักรในตอนสมัยกลางจริง ๆ สมัยนั้นผูนําพระศาสนจักรมีอํานาจแมแตจะสั่งฆาใคร หรือสั่งเผาคนทั้งหมูบานใหตายไปก็ได ถาพี่นอง ไปอานเรื่องราวของเราในสมัยกลางก็ไมตองสะดุดใจมากนะครับ เพราะแมจะมีคนพวกนี้อยู ก็ยังคงมี คนดี ๆ อีกมาก และพระจิตเจาก็นําพาพระศาสนจักรใหรอดพนมาไดก็โดยอาศัยคนที่สุภาพ ถอมตนแบบเดียวกับคนเก็บภาษีคนนี้ พระเปนเจาฟงคําภาวนาของคนสุภาพถอมตนเสมอ ผูศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในโลกของเรา ลวนแลวแตเปนคนสุภาพถอมตนทั้งสิ้น และเราก็มักจะวางใจคําภาวนาของคนศักดิ์สิทธิ์เหลานี้ หนังสือบุตรสิราก็กลาวไวเชนกันวา “ผูที่เต็มใจรับใชพระเจายอมเปนที่ยอมรับของพระองค คําวอนขอ ของเขาจะขึ้นไปถึงเมฆ คําอธิษฐานของผูต่ําตอยทะลุเมฆขึ้นไปและจะไมหยุดจนกวาเขาจะไดรับ ความบรรเทา” เราคริ ส ตั ง ก็ เ ลยมั ก จะไปขอให “ผู รั บ ใช พ ระ” สวดภาวนาให ขอให ผู ที่ “ต่ําตอย” คือสุภาพถอมตนสวดภาวนาให หลายคนก็มักไปขอใหอารามคารแมลสวดใหเปนพิเศษ เพราะนักบวชเหลานี้อุทิศตน สวดภาวนา ใชโทษบาปใกลชิดพระ บางคนก็ชอบขอใหพระสงฆสวดให ยิ่งเปนสังฆราชสวดใหก็ยิ่งดี บางคนโชคดีหนอยมีโอกาสรับพรพระสันตะปาปา หรือขอใหพระองค สวดภาวนาใหไดดวยก็ยิ่งอุนใจ พระเปนเจาฟงคําภาวนาของผูที่รับใชพระองค สุภาพถอมตน และ ต่ําตอยเสมอ ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
83
สายตาของฟาริ สี ที่ กํ า ลั ง มองคนเก็ บ ภาษี ก็ เ ป น บทเรี ย นที่ ดี สํ า หรั บ เราด ว ยครั บ เพราะสายตานี้มองตางจากสายตาของพระเยซูเจามากเหลือเกิน เขามองดูหญิงโสเภณี คนเก็บ ภาษี คนโรคเรื้อน คนพิการตาบอด เขามองดูคนอื่น ๆ ทั้งหลายเปนคนบาปไปหมดและคําพูดก็ แสดงความรังเกียจ ในขณะที่พระเยซูเจาชวยเหลือหญิงโสเภณี รักษาคนโรคเรื้อน พิการทั้งหลาย และ กินดื่มรวมกับคนบาป เรื่องแบบนี้บางที่พวกเราก็เปนเหมือนกัน เราอาจเคยมองคนเหลานี้ดวยสายตา ที่ดูถูกดูแคลน หรือรังเกียจก็ได บางทีเราก็มองคนบางเชื้อชาติที่มาอาศัยในประเทศเราดวยสายตา แบบนั้น ตัดสินโสเภณีวาเปนหญิงชั่ว บางครั้งเราก็รูสึกรังเกียจคนขอทานอะไร ๆ ทํานองนี้ นั่นก็ เทากับเรากําลังพูดเหมือนฟาริสีทํานองที่วา เราดีกวาคนพวกนี้ เราอยางโนน เราอยางนี้ดี ๆ ทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่เราตางก็เปนคนบาป มิใชหรือ เราตางเปนคนบาปนะครับ และเราก็จําเปนที่จะไดรับพระเมตตาจากพระ จงสวด ภาวนาขอพระแบบคริสตังสมัยกลาง เวลาไปจาริกแสวงบุญ หรือแมแตไมไดไปแสวงบุญ ทุกครั้งที่เรา เขามาในวัดก็จงทําแบบคนเก็บภาษีบอกพระวา “ขาแตพระเจาโปรดทรงพระกรุณาตอขาพเจาดวยเถิด เพราะขาพเจาเปนคนบาป” มีแมคนหนึ่งเขาไปพบจักรพรรดิ นโปเลียน เพื่อวอนขอชีวิตลูกชายที่ ถู กตั ดสิ นให ประหารชี วิ ต นโปเลี ยนบอกกั บแม คนนั้ นว า ลู กชายของเธอทํ าผิ ดร ายแรงถึ งสอง ครั้งแลว และความยุติธรรมตัดสินใหเขาตาย เขาสมควรตาย แมคนนั้นก็วิงวอนวา ขามิไดวอน ขอความยุ ติ ธ รรม แต วิ ง วอนขอความเมตตาต า งหากละ นโปเลี ยนพู ด ว า แต ลู ก ชายเจ า ไมสมควรไดรับความเมตตา หญิงคนนั้นจึงวิงวอนตอไปวา ทานจักรพรรดิ มันคงไมใชความเมตตา อยางแนนอน ถาเขาสมควรจะไดรับมัน และความเมตตานี่แหละที่ขาวอนขอ จักรพรรดิ นโปเลียน จึงตรัสวา ถาเปนอยางนั้น ขาเองก็จะมีความเมตตา นโปเลียนไวชีวิตบุตรชายของนาง จงสวดภาวนาดวยความถอมตน มองผูอื่นทุกผูคนดวยความเมตตารัก และปฏิบัติต อ ผูอื่นอยางที่ทานตองการใหผูอื่นปฏิบัติตอทานเถิด
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 24 ตุลาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
84
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก “เราตองเกลียดบาป แตรักคนบาป” พระเยซูเจาทรงสอนเราเรื่องนี้เสมอมา พระองค เสด็จมาในโลกนี้ก็เพื่อคนบาปมาตามหาคนบาป คนสบายดีไมตองการหมอ คนปวยตางหากที่ตองการ เราเองก็มีเหตุผลมากมายที่จะตองรักคนบาป เหตุผลหลักเลยก็คือ เราตางก็เปนคนบาปดวยกัน ทั้งนั้น ดีไมดีอาจจะเปนคนบาปมากกวาคนที่เราคิดวาเปนคนบาปซะอีก ในขณะที่เรากําลังตําหนิ ผูอื่นถึงความบาปตาง ๆ นานาของเขา บาปจองหองของเราก็ไมยิ่งหยอนไปกวากันเลย หรือบางที อาจจะมีบาปอื่น ๆ ในตัวเรา ที่หนักกวาคนที่เรากําลังตําหนิอยูก็ได ศักเคียสในพระวรสาร อาทิตยนสี้ อนใจเราหลายอยางทีเดียว เพียงเพราะเขาเปนคนเก็บภาษี เขาก็กลายเปนคนบาปในสายตา ชาวยิว เพราะคนเก็บภาษีก็คือ คนโกง คอรรับชั่น ขูดรีดเงินประชาชนเขากระเปาตัวเอง และขอหา สุดทาย ก็คือเปนคนทรยศบานเกิดเมืองนอนของตนเอง ขอหาหนัก ๆ ทั้งนั้นเลย ศักเคียสเปน คนบาปจริงหรือเปลาก็ไมรูนะครับ ถาเปนคนบาปก็ตองยอมรับวาเปนคนบาปที่นารักมาก ๆ เปน คนบาปที่ พยายามพบพระเยซู เ จ า แค อ ยากเห็ น ก็ ย อมทํ า ทุ ก อย า งที่ จ ะเห็ น ลงทุ น ป น ต น ไม เพื่อจะไดเ ห็น เปนคนบาปที่ ดีใจเหลือเกินที่ไดตอนรับพระเยซู เจาที่ บาน เปนคนบาปที่บอก พระเยซูเจาวา “ขาพเจาจะยกทรัพยสมบัติครึ่งหนึ่งใหแกคนจน” อันที่จริงภาษากรีกที่ใชใน พระคัมภีรตอนนี้ใชคําที่หมายความวา ศักเคียสไดชวยคนจนดวยทรัพยสมบัติครึ่งหนึ่งของเขา เสมอมาตั้งแตกอนพบพระเยซูเจาซะดวย เปนคนบาปที่บอกกับพระเยซูเจาวา “ถาขาพเจาโกงสิ่งใด ของใครมา” มีนัยบอกวา ศักเคียสไมเคยคิดหรือตั้งใจที่จะโกงใครเลย และตอนที่พอคิดวาสําคัญที่สุดก็ คือตอนทีศ่ ักเคียสกําหนดโทษของตนเอง บอกวา “ขาพเจาจะคืนใหเขาสี่เทา” มาถึงตอนนี้พอเลย ไมแนใจวา ศักเคียสเปนคนบาปจริงหรือเปลา เปรียบเทียบกับคนบาปอยางเรา เวลาที่เขาไปแก บาปกับพระสงฆก็ไมรูวาเคยคิดจะกําหนดกิจใช โทษบาปของเราเองใหเหมาะสมหรือไม สวนใหญ ก็รอใหพระสงฆกําหนดกิจใช โทษบาปให และก็คิดวานั่นเปนกิจใชโทษบาปที่พอเพียงแลว เชนวา กําหนดใหสวดวันทามารีย 5 ครั้ง เราก็มาสวดบทนั้นหาครั้งและก็จบกันไปเลย ตกลงเงินที่เราโกงมา เจาของก็ยังไมไดคืน คํานินทาที่เราเผยแพรออกไป คนนั้นก็ยังไมไดชดใชอะไรเลย แตดูศักเคียสสิ ครับ เขาจะคืนใหสี่เทา พอจึง บอกวาศักเคียสเปนคนบาปที่นารักที่สุดเลยสําหรับพระ พระเยซูเจา จึงตรัสวา “วันนี้ ความรอดพนมาสูบานนี้แลว” ทําไมศักเคียสถึงถูกมองวาเปนคนบาป ทั้ง ๆ ที่ชื่อศักเคียสแปลวา “ผูชอบธรรม” เรื่องนี้ อธิบายไดงายๆ ก็คือ ศักเคียสทํางานใหชาวโรมัน ชาวโรมันก็ใหคาตอบแทนศักเคียส ชาวยิว เกลียดชาวโรมันก็เกลียดทุกคนที่ทํางานใหชาวโรมันไปดวย ถาจะใหเขาใจงาย ๆ สมัยสงครามอินโดจีน คนไทยเรียกรองดินแดนที่สูญเสียใหแกฝรั่งเศสกลับคืนมา ตอนนั้นคนไทยเกลียดฝรั่งเศสมาก ๆ และก็เกลียดทุกอยาง ทุกคนที่เกี่ยวของกับฝรั่งเศส วัดของพระสงฆฝรั่งเศส คริสตังที่เปนผูที่นับถือ ศาสนาคริสตก็ถูกมองวาเปนศาสนาของฝรั่งเศสก็ถูกเกลียดไปดวย เกลียดจนเรามีมรณสักขีทั้งแปดคน ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
85
ในประเทศไทย พอนิโคลาสของเราก็กลายเปนผูรายไป ถูกกลาวหาวาทรยศตอประเทศ เปนแนวที่หา ถูกตัดสินและที่สุดก็ตายในคุก ศักเคียสก็ถูกชาวยิวเกลียดชังดวยเรื่องเดียวกันนี้เอง และชาวยิว ถือวา เปนคนบาป พวกเขาจึงรูสึกโกรธเคืองใจมากที่เห็นพระเยซูเจาไปพักและทานอาหารกับคนบาป อยางนั้น ศักเคียสไมเพียงยอมรับวาเปนคนบาปเทานั้น แตยอมรับการชดใชทั้งสิ้นที่จะเกิดขึ้นดวย ครั้งหนึ่งพระเจาเฟเดอรริกมหาราชแหงปรัสเซียเสด็จไปเยี่ยมนักโทษในคุกที่เบอรลิน นักโทษทั้งหลาย ตางก็คุกเขาลงตอหนาพระเจาเฟเดอรริก ทูลวาพวกเขาเปนผูบริสุทธิ์ ยกเวนนักโทษคนเดียว ซึ่ ง อยู เงี ยบ ๆ ไม ทู ลอะไรเลย พระองค จึ งเรี ยกเขาเข า มาถามว า “เจ าทํ าอะไรมาจึ งติ ดคุ ก ” เขาทู ลตอบวา “ปลน พระเจาข า” พระองคจึงตรัสถามต อไปว า “เจามีความผิดหรื อไม ” เขาทูลว า “ผิดจริงพระเจาขา และขาพระพุทธเจาควรไดรับโทษนี้แลว” พระเจาเฟเดอรริกจึงเรียกผูคุมมา และสั่งวา “จงปลอยชายผูนี้ทันที เราจะไมยอมปลอยใหชายที่มีความผิดมหันตนี้อยูทามกลางบรรดา ผูบริสุทธิท์ ั้งหลายที่อยูในคุกนี้” พระเจาทรงเกลียดบาป แตรักคนบาป คนบาปที่นารักก็คือคนที่ยอมรับถึงความผิดของตนและ ยินดีชดใชสําหรับความผิดตาง ๆ ทั้งหลาย เวลาที่เราเขาไปที่ฟงแกบาป เทากับเรากําลังไตตนไม เพื่อพบพระเยซูเจา และเราก็ตอนรับพระองคเขามาในบานคือหัวใจของเรา จากนั้นเราสารภาพ บาปของเราเหมือนศักเคียส และที่สุดเราก็ตั้งใจชดใชความผิดตาง ๆ ของเรา สักกี่เทาถึงจะดี เรื่องนี้พี่นองตองกําหนดเองครับ พระสงฆกําหนดใหไดสวนเดียวเทานั้น อีกสามรอยเกาสิบเกาสวนนั้น อยูที่ตัวเรากําหนด ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 31 ตุลาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
86
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ปนี้วันฉลองนักบุญทั้งหลายเลื่อนมาเปนวันอาทิตยที่ 7 พฤศจิกายน พอจะสรุปใหฟงสั้น ๆ นะครับวา เราควรระลึกถึงอะไรบางในวันฉลองนี้ เราระลึกถึงวิญญาณทุกดวงที่อยูบนสวรรคครับ ทั้งที่พระศาสนจักรประกาศและที่ไมไดประกาศแตงตั้งใหเปนนักบุญ อยาลืมวา เราไมตองสวดภาวนา ใหพวกเขานะครับ แตเราตองขอใหพวกทานเหลานั้นภาวนาเพื่อเรา พวกเขาที่อยูบนสวรรค ไมตองการคําภาวนาของเรา เราตางหากตองการคําภาวนาของพวกเขา พอคิดถึงพวกเขาแลว ก็ตองหันมาคิดถึงพวกเราเองบาง เราตองคิดถึงอะไรบาง งายมากครับเรื่องแรกคือ เรื่องความตาย ของเรา อยาลืมคิดวา “ยังไง ๆ เราก็ตองตาย” และก็คิดอีกเรื่องหนึ่งที่ตามมาคือ “ถาเราตาย ตอนนี้ เราจะไปไหน” หลายคนพยายามจะสรางสวรรคบนดิน แตกอนนี้ก็มีคนสรางลัทธิคอมมิวนิสตขึ้นมาบอกวา จะทํา ใหโ ลกนี้ มีความเทาเทียม มีความสุขถ วนหนา ทําไปทํา มาทํ าให มีความสุ ขอยู กันไมกี่คน คนทั้งหลายรับทุกขเทาเทียมกันตอสูกันตายไปหลายลานคน พี่นองเชื่อมั้ยครับในศตวรรษที่ 20 ที่ผาน มา มีจอมเผด็จการเกิดขึ้นมากมาย ใหสัญญาวาภายใตการปกครองอันเด็ดขาดของเขา โลก จะเป น หนึ่ ง เดี ย วกั น และมี ค วามสุ ข ผลที่ อ อกมาก็ คื อ ป 1920 นายพลฟรั ง เชสโก ฟรั ง โก ของสเปน เบียดเบียนศาสนาเราครับ มีคริสตังตายไปมากมาย พระสันตะปาปาเบเนดิกติ์ประกาศ ในป 2007 ใหคริสตังจํ านวน 498 คน ซึ่งมีทั้ งพระสงฆ นั กบวช ฆราวาส เด็กชาย เด็กหญิ ง เป น บุ ญ ราศี เป น การประกาศแต ง ตั้ งบุ ญราศี ม ากที่ สุ ด ในประวั ติ ศาสตร ที่ จ ริ ง คอมมิ ว นิ ส ต ในเวียดนามก็ฆาพวกเราไปหลายแสนคนนะครับ ที่เกาหลีก็เปนแสนคน ญี่ปุนก็จํานวนมาก เผด็จการ ทั้งนั้น ที่ประเทศเม็กซิโก ในป 1930 ก็เบียดเบียนศาสนาคริสตมีมรณสักขีเกิดขึ้นมากมาย มาถึง สมัยของฮิตเลอร นี่ก็เผด็จการอีกเหมือนกัน โลกนี้ไมมีอะไรสมบูรณหรอกครับ อยาไปหวังอะไร จากสวรรคบนดิน เพราะแทที่จริงมันก็คือ นรกบนดินตางหากโลกนี้ไมนิรันดร พูดถึงความไมสมบูรณของโลกนี้นะครับ บางคนวาดภาพวา ถาสักวันหนึ่งไดมีโอกาสไป พักผอนอยูในเรือสําราญสัก 2 อาทิตยก็คงเหมือนไปสวรรค คิดถึง 2 อาทิตยบนเรือสําราญอาจเหมือน ติดคุกอยู 2 อาทิตยก็ได มีการสํารวจถึงความไมสมบูรณในโลกนี้ไวนาสนใจมากครับ ทําใหเรา ยอมรับถึงความไมสมบูรณของโลกใบนี้ พระตองการบอกเราวา “โลกนี้ของเราจะผานพนไป และ เรามีหวังที่จะไดรับโลกที่สมบูรณในชีวิตนิรันดร เขาสํารวจวา - ทุก ๆ ชั่วโมง จะมีเช็ค 22,000 ใบไดรับการดําเนินการผิดพลาดโดยทางธนาคาร - ทุก ๆ นาที จะมีการตอโทรศัพทผิด 1314 ครั้ง - ทุก ๆ วัน จะมีการเขาปกหนังสือผิดพลาด 2488 เลม - ทุก ๆ ป จะมีการจายยาผิดพลาด 20,000 ครั้ง - ทุก ๆ วัน จะมีทารกถูกมอบใหแกคนที่ไมใชพอแมแท ๆ ถึง 12 คน ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
87
โลกใบนี้ไมดีพอที่จะใหความสุขนิรันดรแกเรา เวลาเดียวกันเราก็ตองถามวา ตอนนี้เรา ดีพอที่จะไปสวรรคเชนเดียวกับนักบุญทั้งหลายหรือเปลา พอจําเรื่องในพระวรสารตอนหนึ่งได และก็ชอบมากคือเรื่องเด็กหนุมคนหนึ่งถามพระเยซูเจาวา “ผมตองทําอะไรจึงจะไดชีวิตนิรันดร” (Mt.19:16) พวกเราคงไมตองถามเพราะเราไดคําตอบจากพระเยซูเจาแลว “ถาความชอบธรรม ของทานไมดีไปกวาความชอบธรรมของธรรมาจารยและฟาริสีแลว ทานจะเขาอาณาจักรสวรรคไมได เลย (Mt.5:20) และพระองคกําชับวา “ฉะนั้นทานจงเปนคนดีอยางสมบูรณดังที่พระบิดาเจาสวรรค ของทานทรงความดีอยางสมบูรณเถิด” (Mt.5:48) อันที่จริง ดีสมบูรณ ก็ไมยากหรอก ถาไมคิดมากไปนะครับ การไปสวรรคก็ไมยากอยางที่คิด เพราะพระเยซูเจาสิ้นพระชนมไถบาปเราไวแลว เวลาเราทําบาป ออนแอพระก็ยกโทษบาปใหแลว ดีพอหรือดีสมบูรณก็คือ รับการไถบาป รับพระเมตตาของพระอยูเสมอ นักบุญทั้งหลายคือความหวัง ของเรา และเปนผูชวยเราใหไปสวรรค กิจการบาปไมสําคัญเลยสําหรับพระ สําคัญอยูตรงที่เรา ทําอยางไรหลังจากไดรับการอภัยแลวตางหาก บางทีเปนเรานี่แหละที่ปฏิเสธการใหอภัยของพระซะเอง ในศตวรรษที่ 19 อเมริ กา มี กฎหมายแขวนคอฆาตกร เด็ กหนุ มคนหนึ่ งถู กตั ดสิ นให แขวนคอ ผูพิพากษามีเมตตา นําเอาใบปลอยตัวใสไวในหนังสือพระคัมภีร นําไปใหเด็กหนุมคนนั้นในคุ ก แตหนุมคนนี้ทั้งดาทั้งไลผูพิพากษาคนนี้บอกวา ไมตองการพระคัมภีรในตอนนี้ เขามารูกอนจะถูก ประหารชีวิตวา เขาไดปฏิเสธใบปลอยตัวของเขาเอง กอนตายเขาพูดวา “ผมไมไดตายเพราะ ฆาคน แตผมตายเพราะปฏิเสธการใหอภัย” ถาเราไมปฏิเสธการใหอภัยของพระ รับการใหอภัย รับพระเมตตา เราไปสวรรคแนนอน อยูรวมกับบรรดานักบุญทั้งหลาย ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 7 พฤศจิกายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
88
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ภาพยนตรเรื่อง “2012 วันสิ้นโลก” เปนเรื่องเกี่ยวกับอวสานของโลกนี้ สรางมาจากคําทํานาย ของชนเผา Maya ซึ่งเปนชนเผาที่เชื่อกันวามีอารยธรรมและมีความรอบรูในทวีปอเมริกาใต พวกเขา ทําปฏิทินขึ้นมาเปนปฏิทินทํานายอนาคต และก็บังเอิญที่มีการตีความปตางๆ ที่มีอยูในปฏิทิน และ เกิดเหตุการณที่ตรงกับที่ทํานายไวในปฏิทิน และก็บังเอิญอีกนั่นแหละปฏิทินมาจบเอาป 2012 ก็เลยลือกันใหญเลยวา 2012 เปนปสิ้นโลก เขาก็เลยเอามาทําหนัง โกยเงินไปกันเยอะ คนก็ชอบดู ดวยความอยากรูอยากเห็นราวกับอยากจะรูวา ตัวเองจะตองตายอยางไร ชนเผานี้อาจจะเกงในเรื่อง ทํานาย แตพวกเขาก็ไมสามารถรูลวงหนาไดเลยวา ชนเผาของตนจะถูกชาวสเปนรุกราน และ ทําลายอารยธรรมของพวกเขา นี่แหละครับสิ่งที่ควรรู กลับไมรู ไปรูในสิ่งที่ไมนาจะรูได และรูจริง หรือเปลาก็ไ มรู เหมือนอยางตอนที่ นอสตราดามุส (1503-1566) เคยทํานายวา โลกจะแตก ป 2000 ก็มาจากการตีความของคนโง ๆ ไมกี่คน ตอนนั้นก็ตกใจกันยกใหญ นี่ก็เลยมาหลายปแลว พระวรสารก็พูดถึงเรื่องวันสิ้นโลกกับเขาเหมือนกัน แตไมไดทํานายวาจะเกิดขึ้นปไหนบอกแต เพียงเหตุการณที่จะเกิดขึ้น ใครอยากรูวามีพูดไวตอนไหนบางก็ไปเปดดูตามนี้นะครับ ลก.21:2-36, 2ปต.3:1-13, 2ทส.2:1-12 อั นที่ จ ริง ยัง มี อีก หลายแหง นะครับ ในพระคัม ภีร เ กา แต ทั้ง หมดนี้ ก็ไมบอกเวลา บอกแตเพียงใหเตรียมตัวใหพรอม วันสิ้นโลกนี้มีแน ๆ ครับ นักวิทยาศาสตร มักจะพูดถึงระยะเวลาอีกหลายลานป แตพอรูมากกวานั้นครับ วันสิ้นโลกของเราก็คือวันที่เรา ตายครับ ไมตองรอใหโลกแตก โลกของเราก็สิ้นลงไดแลว คริสตังสมัยแรกเริ่มก็ไมแตกตางไปจากเราสมัยนี้ สมัยนั้นก็เชื่อวาโลกกําลังจะสิ้นเหมือนกัน นักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงชาวเธสะโลนิกา บอกใหพวกเขาอยาขี้เกียจ ใหทํางาน ทําหนาที่ ของตนใหดีที่สุด ชาวเมืองนี้ไมยอมทํางานเพราะเชื่อวาโลกกําลังจะแตกอยูแลว เหตุการณ ลักษณะเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นอีกเมื่อป ค.ศ.1000 คนสมัยนั้นก็รอคอยป 1000 ดวยความวิตกกังวล คลาย ๆ ป 2000 พอก็ชักจะสงสัยวา ทําไมพวกเขาไมหวงวันที่ตัวเองจะตาย ทําไมไปหวงวันที่โลก จะตายก็ไมรู หรืออยากจะใหพวกเราตายพรอม ๆ กัน วันที่เราแตละคนจะตายนั่นแหละครับสําคัญที่สุด ดังนั้นการมีชีวิตอยูอยางดีที่สุด อยางซื่อสัตยที่สุด ทําหนาที่ของตนอยางถูกตองที่สุด ก็คือ การมีสวนรวมในพระอาณาจักรสวรรค พอพูดถึงเรื่องที่ดีที่สุดเหลานี้ก็หมายความงายๆ ก็คือ การหลีกหนีบาปสุดชีวิต บรรดานักบุญทั้งหลายเขาใจเรื่องนี้ดี ในโลกนี้เราตองหลีกหนีบาป นักบุญโดมินิโก ซาเวรีโอ บอกวา “ยอมตายดีกวาทําบาป” นักบุญ มารีอา กอแร็ตตี ก็พูดกับซานโดรวา “นี่เปนบาป เราทํา บาปไมได” เปนตน มนุษยตางก็มีบาป พระสันตะปาปาเกรโกรีผูยิ่งใหญ (540-604) เรียกบาป เหลานี้รวมกันวา “บาปตน 7 ประการ” อันที่จริงพระองคไดรับความคิดนี้มาจากฤษี ผูมีชื่อเสียง ผูหนึ่งชื่อ Evragrius Ponticus (345-399) ฤษีองคนี้มีชื่อเสียงมาก เปนนักคิด นักเขียน นักพูด ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
89
ที่มีพรสวรรค ใชชีวิตโดดเดี่ยวในทะเลทรายเพื่อหลีกหนีจากบาป เพราะมารูตัววาตนเองจองหอง และมองเห็นตัวเอง มีความเกงและมีความสําคัญมาก ยังมีอีกครับ ทานยังไปตกหลุมรักผูหญิง คนหนึ่งที่แตงงานแลวดวย ทานคิดวาถาทานไมหนีจากบาป ทานไมรอดแน ทานก็เลยหนีไป เยรูซาเลม แตก็ยังถูกผจญลอลวงอยู ที่สุดก็ไปมีชีวิต ในทะเลทรายที่ประเทศอียิปต ทานเริ่มสอน บรรดาลูกศิษยใหหลีกหนีบาป หนีการผจญลอลวงตาง ๆ ของปศาจ คําสอนนี้กลายมาเปนมรดกตก ทอดมาถึ งเราทุ ก คนด วย ท า นสอนรายชื่ อ ของบาปสํ า คั ญ ๆ ที่ เ ราถู ก ล อ ลวงเป น ประจํ า 8 ประการ เรี ย กเป น ภาษากรี ก ว า “Logosmoi” ภาษาเราก็ เ รี ย กว า “บาปต น ” หรื อ “พยศชั่ว” ใครติดตามบาปตนเหลานี้จะตองพินาศทางวิญญาณ พระสันตะปาปาเกรโกรีเรียนรู เรื่องเหลานี้อยางลึกซึ้ง และกําหนดใหสอนในพระศาสนจักรตั้งแตนั้นเปนตนมา แตไดรวมบาปให เหลือเพียง 7 ประการเทานั้น ตอนเราเรียนคําสอนเราก็ตองทองบาปเหลานี้ใหขึ้นใจ และเวลาที่ เราพิจารณาบาปกอนจะเขาไปแกบาป เราก็ตองพิจารณาดูวามีบาปอะไรมาจากบาปเหลานี้บาง หรือไม พอคงไมตองทองใหพี่นองนะครับ ลองนึกดูในใจก็ได เห็นมั้ยครับ บาปตนเจ็ดประการนี้ พระศาสนจักรสอนพวกเรามาเกือบจะหนึ่งพันหารอยปแลว มนุษยทุกยุค ทุกสมัยก็ยังคงมีบาป เหลานี้อยูเสมอ ฤษี Evragrius สอนวา ไมใชเพียงไมทําบาป แตตองพยายามไมใหมีแนวคิดถึง เรื่องเหลานีอ้ ยูในชีวิตของเราเลย สองปที่ผานมานี้พอสังเกตวามีเหตุการณทางธรรมชาติผิดปกติอยูมาก ทั้งพายุ น้ําทวม อากาศรอนจัด อากาศหนาวจัด แผนดินไหว ที่เกิดขึ้นแบบไมปกติเลย รุนแรงและพิสดาร พอจะไม พูดวาเปนเครื่องหมายของวันสิ้นโลก แตพอจะบอกวา ความตายของเราอาจจะไมไดมาจากธรรมชาติ เหลานี้ก็ได เชื่อพระเยซูเจาดีที่สุดครับ เราไมรูวันเวลา แตวันเวลาของเราทุกวินาทีเปนเวลาของ เราครับ
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 14 พฤศจิกายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
90
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก พระศาสนจักรใหเราสมโภชพระคริสตกษัตริยในอาทิตยสุดทายของปพิธีกรรม (ปนี้ป C, อาทิตยหนาเราเริ่มป A) ก็เพื่อเตือนเราทุกคนวาพระเยซูคริสตเจาทรงเปนกษัตริยทางวิญญาณ และเปนความรอดของเรา พอเชื่อเหลือเกินวาเราคริสตังไทยโชคดีมาก ๆ ที่เรามีพระมหากษัตริย ผูเปยมไปดวยทศพิธราชธรรมในแผนดินไทยของเรา และก็เปนโชคสองชั้ นเพราะทําใหเราเขาใจ ความเปนกษัตริยของพระเยซูเจา ในชีวิตคริสตังของเราไดงายขึ้น เพราะพระเยซูเจา กษัตริยของเรา ไถบาปเราดวยเลือดและชีวิตของพระองคเอง อาทิตยนี้เราคริสตังทั่วโลกจึงพรอมใจกันประกาศ ดวยความพรอมเพรียงกันวา “พระเยซูคริสตเจา กษัตริยของชาวเรา จงเจริญ” ในป 1925 ประเทศเม็กซิโกปกครองโดยเผด็จการคนหนึ่งชื่อ Plutarco Calles และเพราะ เปนเผด็จการ เขาจึงเกลียดชังศาสนา มีการเบียดเบียนศาสนาโดยทั่วไป คริสตังที่นั่นก็ตอตานเขา ดวยการประกาศ “คริสตกษัตริย จงเจริญ” คริสตังพวกนี้ถูกเรียกวา Cristeros พระสงฆเยซูอิต หนุมผูหนึ่งชื่อคุณพอ มีเกล โปร ถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สาธารณะ ประธานาธิบดี Calles คิดวาคุณพอองคนี้จะตองวอนขอเมตตาจากเขาแน ๆ เลยเชิญสื่อมวลชนตาง ๆ เขามา ชมการประหารชีวิตครั้งนี้ คุณพอมีเกล โปร ขอเวลาสวดภาวนาเล็กนอย ทานคุกเขาลง มือถือ ไมกางเขนไว เมื่อทานภาวนาจบแลว ทานจูบไมกางเขน ยืนขึ้น ทานถือ ไมกางเขนไวดวยมือขวา มือซายยื่นไปขางหนา พรอมกับตะโกนเสียงดังวา “คริสตกษัตริย จงเจริญ” แทนที่จะรองขอชีวิต ทานยืนยันวามีแตพระคริสตเจาเทานั้นที่ปกครองวิญญาณของทาน นักหนังสือพิมพ และนักขาวได ถายรูปนี้ไว เวลานี้คุณพอมีเกล โปร ไดรับการประกาศเปนนักบุญแลว ทุกวันนี้เราอาจจะไมมีการเบียดเบียนศาสนาโดยตรง แตหลาย ๆ ประเทศในโลกของเรา ก็ กํ า ลั ง เบี ย ดเบี ย นคํ า สอนของพระคริ ส ตเจ า อยู พระศาสนจั ก รต อ งร อ งตะโกนให ดั ง ๆ เพื่อตอตานคําสอนผิด ๆ ของประเทศเหลานั้นในโลก เชน การออกกฎหมายใหทําแทงเสรี การใหฆา ตัวตายได การแตงงานเพศเดียวกัน พวกเราคงตองรองตะโกนรวมกับพระศาสนจักรตอตาน สิ่ง เหล านี้ ในโลกของเรา “คริ สตกษั ตริ ย จงเจริ ญ” เติ มอี กหน อยดี มั้ ยครั บว า “คํ าสอนพระองค จงเจริญ” พี่นองคงไดยินชื่อเมือง อิสตันบูล ในประเทศตุรกี ชื่อเดิมของเมืองนี้คือ คอนสแตนดินโนเบิล ตั้งชื่อตามจักรพรรดิคอนสแตนติน ผูซึ่งกลับใจและใหศาสนาคริสตเปนศาสนาประจําชาติของ อาณาจักรโรมันสมัยนั้น ในเมืองนี้มีพระราชวังของจักรพรรดิคอนสแตนติน หองโถงของจักรพรรดิ องคนี้มีชื่อวา Hall of God พอไมรูวาจะแปลอยางไร เพราะแปลงายๆ ก็ได แตจะแปลใหดู ยิ่ ง ใหญ จ ริ ง ๆ สมชื่ อ ก็ ไ ม ง า ยเท า ไหร โต ะ เก า อี้ ต า ง ๆ ในห อ งนี้ ทํ า ด ว ยทองคํ า และเงิ น ขนาดผาม านก็ยังประดับดว ยทองคําและเพชรนิลจินดา แตสิ่งที่น าสังเกตก็คือ เหนือบัลลัง ค ของจักรพรรดิคอนสแตนตินนี้ พระองคใหจารึกคํา ๆ นี้ไวครับ “พระเยซูคริสตเจา กษัตริย ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
91
แหงกษัตริยทั้งหลาย” ที่เลามานี้พอเองก็ยังไมเคยไปดูดวยตานะครับ อานเจอเขาก็เห็นวาตรงกับ วันสมโภชของเรา จักรพรรดิคอนสแตนดินไดรับศีลลางบาปกอนสิ้นพระชนมเพียงวันเดียว แสดงวา พระองคไดยอมรับพระคริสตเจากอนหนานี้หลายปทีเดียว องคนี้แหละครับเปนผูสรางมหาวิหาร นักบุญเปโตรที่กรุงโรม แตทําไมพระเยซูเจาจึงตองตายอยางทนทุกขทรมานบนไมกางเขน ทามกลางการดูถูก เยาะเยยตาง ๆ และมีเพียงโจรคนหนึ่งที่อยูขางๆ ไดยอมรับพระองค เวลาเดียวกับที่เขายอมรับ ความผิ ด ของตนเอง คํ า ตอบก็ คื อ คนที่ ย อมรั บ ความผิด บาปของตนเช นเดี ย วกั บ โจรคนนี้ ก็เทากับยอมรับการไถบาปของพระองคนั่นเอง พระองคมิไดเสด็จมาในโลกเพื่อตัดสินลงโทษ โลก แตมาเพื่อชวยโลกใหรอดโดยผานทางพระองค(ยน3 : 17) พระองคมิไดเสด็จมาเพื่อเปน เจานาย แตมาเพื่อรับใช ผูที่ยอมรับพระคริสตเจามีตั้งแตโจรจนถึงจักรพรรดิคอนสแตนติน พอก็จะขอแนะนําคํา 2 คํา ซึ่งเปนคําที่เราใชเสมอ ในโอกาสสมโภชนี้ก็คือ“คริสตกษัตริย จงเจริญ” สวนอีกคําหนึ่งเปนคําของ โจรบนไมกางเขน เลือกเอาโจรกลับใจนะครับ อีกคนหนึ่งแมกําลังจะตายก็ยังพูดจาดูหมิ่นพระองค อยูเลย โจรที่กลับใจพูดวา “เรารับโทษสมกับการกระทําของเรา” แตตอนที่โจรคนนี้พูดและ มีความหมายมาก ๆ เพราะทําใหเขาไดรับการประกาศจากพระเยซูเจาเองใหเปนนักบุญ ประกาศ จากบัลลังคของพระองคคือ ไมกางเขน ก็คือคําที่บอกวา “ขาแตพระเยซู โปรดระลึกถึงขาพเจา ดวย เมื่อพระองคจะเสด็จสูพระอาณาจักรของพระองค ” เราทุกคนก็ควรพูดกับพระองคบอยๆ ด ว ยคํ าพู ดนี้ นะครั บ “ระลึ กถึ งข าพเจ าด วย” เราก็ คงอยากจะได ยิ นพระองค ตรั สกั บเราจาก พระบัลลังควา “วันนี้ ทานจะอยูกับเราในสวรรค”
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 21 พฤศจิกายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
92
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ขอตอนรับพี่นองเขาสูปพิธีกรรมใหม นั่นคือ ป A และเริ่มตนปดวยการเตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจา คนโบราณแบบพอชอบเรียกวา “เทศกาลอัดแวนโต” เทศกาลนี้ก็เปนระยะเวลาที่เรา ตองเตรียมจิตใจครับ ลางบาปลางมลทินในชีวิต กลับอกกลับใจจากบาปตาง ๆ เพราะเราตระหนัก ดีวาพระกุมารเจาเสด็จลงมาไถบาปของเรา พระคัมภีรจะพูดถึงปรับเนินใหราบเรียบหรือการทําให หลุมบอตาง ๆ ในชีวิตใหเต็มเพื่อใหพระกุมารเสด็จพระดําเนินอยางสะดวกสบาย เปรียบเทียบ ก็คือหากเรามีบาปก็คลาย ๆ กับเนินเขา เอามันออกไป หากมีอะไรที่เรายังไมไดทําก็เทากับ หลุม บอก็ถมใหเต็ม ก็คือ จงทําในเทศกาลนี้ ที่สําคัญก็คือ เราจะรูหรือเปลาวา ในชีวิตของเรา มีเนิน หรือมีบออะไรบาง สิ่งสําคัญกวาหมดในการเตรียมรับเสด็จก็คือ การกลับใจครับ เคยมีคนสงสัยวา นักบุญเอากุสติน ซึ่งเปนคนหนุมเสเพล ชอบทําอะไรตามใจ แสวงหา สิ่ง ที่ไร แก นสารในชีวิ ตจนแม คื อ นั กบุ ญมอนิกา ต องสวดภาวนาและเสียน้ําตาถึ งสิบเจ็ ดป กลับใจ ไดอยางไร ถาเราตอบแบบผูมีความเชื่อ เราก็ตองบอกวา เพราะคําภาวนาของแมคือ มอนิกา ก็ถูกตองครับ มาดูกันอีกนิดนะครับจากคําบอกเลาของเอากุสตินเองในหนังสือที่ทานเขียนขึ้น หลังจากกลับใจแลวคือ “Confession” (สารภาพ) ทานเลาวา ขณะที่ทานอยูในสวนคนเดียวเงียบๆ ท านรู สึ กว าความเงี ยบทํ าให ท านต องการสวดภาวนา ท านจึ งสวดภาวนาดั งนี้ “ข าแต พระเจ า โปรดประทานความบริสุทธิ์ แกขาพเจา แตยังไมตองก็ได ” แสดงวาทานก็ยังคงอยากจะอยู ในชี วิ ต แบบเดิ ม อยู แม ว า จะมี ค วามตั้ ง ใจที่ ดี ก็ ต าม ตอนนั้ น ท า นได ยิ น เสี ย งตอบกลั บ มาว า “Tolle et legge” เปนภาษาลาตินแปลวา “จงรับไวและอาน” ทานเขาใจวาพระเจาทรงประสงค ใหทานรับพระคัมภีรแลวเปดอานดู ทานก็ลองดูครับ ทานหยิบพระคัมภีรขึ้นมาและก็เปดออก อานหนาที่ทานเปดอานก็คือจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม บทที่ 13 ขอที่ 13 ซึ่งเปน บทที่เราไดฟงในบทอานที่สองอาทิตยนนี้ ั่นเอง แปลกแตจริงครับ คําพูดตาง ๆ เหลานั้นตรงกับ ชี วิ ต ของท า นจริ ง ๆ “จงละทิ้ ง กิ จ การของความมื ด มนเสี ย แล ว สวมเกราะของความสว า ง เราจงดําเนินชีวิตอยางมีเกียรติเหมือนกับเวลากลางวัน มิใชกินเลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใชปลอยตัว เสพกามอย า งผิ ด ศี ล ธรรม มิ ใ ช วิ ว าทริ ษ ยา แต จ งดํ า เนิ น ชี วิ ต โดยสวมพระเยซู ค ริ ส ตเจ า เปนอาภรณ” พอทานอานจบ ทานทราบทันที่วาอาศัยคําภาวนาของมอนิกา พระเจาชี้ทางแหง ความสว า งให แ ก ท า น ตั้ ง แต นั้ น มาท า นก็ เ ปลี่ ย นแปลงการดํ าเนิ นชี วิ ต ท านเข าไปหามารดา บอกกับนักบุญมอนิกาวา “ลูกมาถึงจุดที่ตนเองตองการแลว ลูกพบแลว” นักบุญมอนิกาดีใจ ที่สุดในชีวิต ขอบคุณพระสําหรับการเสด็จมาของพระองคในจิตใจของลูกชาย เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจานี้ พอก็ขอแนะนําพี่นองซักสองสามเรื่องนะครับ เรื่องแรก : พี่นองควรหาเวลาเงียบ ๆ สวนตัวเพื่อฟงเสียงของพระ ในความเงียบเรา จะไดยินเสียงพระพูดกับเรา โลกของเรามีเสียงอึกทึกวุนวายอยูตลอดเวลา พระสันตะปาปา ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
93
เบเนดิกตตรัสสอนวา เรามีคลื่นความถี่และวิญญาณตาง ๆ มากมายเหลือเกินรอบตัวเรา จนเราเอง หาคลื่นของพระไมพบ เราก็ไมสามารถรับฟงพระองคได เปรียบเทียบไดดีจริง ๆ คลื่ นโทรศัพท คลื่นวิทยุ สัญญาอินเตอรเน็ท คลื่นโทรทัศน สารพัดจริง ๆ อยูรอบตัวเรา ผานตัวเราไป หากเรา ไมมีเวลาเงียบ ๆ แบบนักบุญเอากุสติน เราจะไดยินพระไดอยางไร นี่ในกรณีที่เราอยากไดยิน นะครับ คนที่ไมอยากไดยิน ตอใหตะโกนใหฟงพวกเขาก็ไมไดยินหรอกครับ เรื่องที่สอง : หยิบพระคัมภีรขึ้นมาแลวเปดอานดู (Tolle et legge) เปดไปหนาไหน ก็ได แลวอานตรงนั้น พอรับประกันว า พระจะพูดกับเราตรงประเด็นในชี วิตของเราเลยครั บ นี่คืออัศจรรยทุกครั้ง ที่เราเปดอานพระคัมภีรดวยตนเอง ไมเชื่อก็จะตองเชื่อครับ เรื่องที่สาม : เปลี่ยนแปลงอะไรบางอยางในชีวิตเสียบาง อยาจมอยูกับบางอยาง ที่ไมดีเลย ใจดีกับคนบาง อภัยบาง เลิกนิสัยบางอยาง หรืออยางนอยก็ลด ๆ ลงซะบาง ทําอะไรก็ได ใหคนที่เรารักมีความสุขที่สุด แบบที่นักบุญเอากุสติน ทําเพื่อแมของทาน พระกุมารเสด็จมาปนี้จะทําใหเราเปยมสุขสุด ๆ
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 28 พฤศจิกายน 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
94
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก ฉลองวั ดปนี้ตรงกับวัน อาทิตย ที่ 5 ธั นวาคม’10 มี พระคารดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญ ชู ใหเกียรติมาเปนประธาน ทําใหสารวัดของอาทิตยนี้ไมไดแจกจายในมิสซาสาย จํานวนสารวัดอาทิตย นี้ก็จะลดลงตามไปดวย ลดลงไปพรอม ๆ กับเนื้อหาของพอดวย แตพอก็ลงกําหนดการตาง ๆ สําหรับการเตรียมพระคริสตสมภพ เพื่อใหพี่นองสามารถติดตามเวลามิสซาไดอยางถูกตอง ดังนี้ - ศุกรที่ 24 ธันวาคม 10 18.00 – 21.00 น. งานรื่นเริง สอยดาว บิงโก 21.00 – 22.00 น. ฟงแกบาป 22.00 น. มิ ส ซาสมโภชพระคริ ส ตสมภพ หลั ง มิ ส ซามี ม อบ ของขวั ญ พระกุ ม ารและทานอาหารรอบดึ ก (เฉลิมฉลองกันหนอย) - เสารที่ 25 ธันวาคม 10 9.30 น. มิสซาสมโภชพระคริสตสมภพ 17.00 น. ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ - อาทิตยที่ 26 ธันวาคม 10 7.00 น. มิสซาฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ 9.30 น. มิสซาฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ขอขอบคุณพี่นองทุกทานที่ไดสมทบทุนชวยงานฉลองวัดของเรา ขอพระมารดานิจจานุเคราะห ประทานพรแดทุกทานเสมอไป
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 5 ธันวาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
95
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก เผลอนิดเดียว เรามาถึงอาทิตยที่สามเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระกุมารเจาแลว เดือนนี้ จะผานเราไปเร็วมากเพราะเราจะมีกิจกรรมตาง ๆ มากมาย รวมไปถึงการจับจายใชสอย การสงการด ความสุข อวยพร การเตรียมการพักผอน ไปเที่ยว พอวาก็ดีนะครับ เราจะไดมีเวลาพักกายพักใจ จากเรื่องตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ในสังคมของเราบาง อยางไรก็ตามเรามาคิดถึงการเตรียม รับเสด็จพระคริสตเจาของพวกเรากันดวยดีกวา ชวงเวลานี้เปนเวลาที่มีคุณคาอยางมากสําหรับเราทุกคน เราเคยไดยินเกี่ยวกับการประหารชีวิตแบบชาวโรมันซึ่งมีอยูหลายรูปแบบ แตละแบบก็ลวน แลวแตสยดสยองทั้งนั้น การตรึงกางเขนก็เปนแบบหนึ่ง มีอยูแบบหนึ่งที่นากลัวและโหดรายมาก คือ โหดรายทั้งกายและทั้งใจของนักโทษ เขาจะจับนักโทษคนนั้นมัดไวกับศพของคนตายคนหนึ่งโดยหันหนา ชนกัน รางกายทั้งหมดติดกัน แลวก็ทิ้งไวอยางนั้นจนกวานักโทษคนนั้นจะตาย พี่นองลองนึกดูนะครับ ศพจะคอย ๆ เนา จะมีแมลงหนอนเต็มไปหมด กลิ่นเนาของศพและเชื้อโรคตาง ๆ จะเขาไปในตัวของ นักโทษ เขาจะไมสบาย ออนแอลงทุกวัน อดอาหาร ถาจะใหเขากินอะไร พอก็เชื่อวาคงกินไมลงแลวก็ คงไมมีใครอยากจะไปสงอาหารใหดวย นักโทษคนนั้นคงคิดเหมือนเรา คือฆาฉันใหตายไปเลยเถอะ เขาจะต องอยู อ ย า งนั้ นจนตาย ผู เ ทศน ทั้ งหลายในสมั ยนั้ นมั ก จะเตื อนใจคริ ส ตชนว า ศพนั้ น ก็เหมือนกับบาปของเรา หากเรามีชีวิตอยางใกลชิดกับบาป บาปนั้นก็จะสงกลิ่นเนาเหม็นและทําให เราคอย ๆ ตายอยางทรมานที่สุด ตางกันตรงที่วา นักโทษนั้นถูกจับมัดติดกับศพ สวนเรามนุษยอิสระ ทั้งหลาย เราผู กตั วเราเองกั บบาป แต ผลที่ เกิ ดขึ้ นตามมาเหมื อนกั นเลยนะครั บ นั่นคื อ เราตาย อาทิตยนี้เราจึงตองพิจารณาดี ๆ วา เรามีบาปอะไรที่คอยสงกลิ่น กัดกรอนชีวิตของเรา บาปอะไร ที่ เราผู กไว กั บตั วเราเอง ไม ยอมปล อยมั นไป ถึ งเวลาแล วครั บที่ จะต องเอาตั วเราออกจากกลิ่ น เนาเหม็นเหลานั้น และเตรียมตัวรับเสด็จพระคริสตเจาอยางดี พอไมเคยนึกเลยนะครับวามนุษยเรา จะมีจิตใจโหดรายทารุณไดถึงเพียงนี้ และก็ไมเคยนึกเลยวามนุษยเราจะผูกพันกับความชั่วรายตาง ๆ ไดแนบแนนถึงขนาดนี้ พออยากเลาใหฟงอีกเรื่องหนึ่งครับ เปนเรื่องของศิลปนชื่อกองโลก ไมใชแคศิลปนแตเปนนักคิด นักวิทยาศาสตรดวย เขาคือ เลโอนารโด ดาวินชี่ เขาวาดรูปที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่งของโลก คือ ภาพ “อาหารค่ําครั้งสุดทาย” ภาพตนฉบับอยูที่ผนังวัดซานตา มารีอา แดลลา กราเซีย ที่เมืองมิลาโน ในอิตาลี เปนภาพเฟรซโก (Fresco) ในขณะที่วาดภาพนี้ก็มีนักวาดภาพบางคนที่พยายามแอบเขามาดู การวาดของเขา ในหมูศิลปนเขามักจะไมคอยชอบที่จะมีคนมาดูหรือมาลอกเลียนแบบงานวาดของ ตนเอง ดาวินชี่ มีเรื่องบาดหมางกับนักวาดภาพคนหนึ่ง เขาโกรธและเกลียดมากจนกระทั่งเขาลงทุน วาดหนาของคนนั้นใหเปน ยูดาส อิสคาริโอทศิษยทรยศของพระเยซูเจา ดาวินชี่พอใจมาก บานเรา ก็คงเรียกวา สะใจ แตสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ พอเขาจะวาดภาพพระเยซูเจา จิตใจของเขาที่ เต็มไปดวยความเกลียด โกรธ สะใจ ทําใหสับสนไปหมด เขาไมสามารถวาดภาพของพระเยซูเจา ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
96
ไดเลย ที่สุดเขาพบวาความเกลียดทําใหเขาถึงพระไมได เขาจึงไปลบหนาของคนที่เขาเกลียด ออกไปจากรูปของยูดาส และกลับมาวาดภาพของเขาตอไปดวยใจสงบ ภาพนี้กลายเปนภาพ ที่สวยงามและสมจริงที่สุด ภาพหนึ่งของโลก เพราะในภาพนี้มีบทเรียนแหงการใหอภัย บทเรียนแหง ความโกรธเกลียดอยูดวย ถาเราเอาความโกรธ ความเกลียดมาผูกติดกับชีวิตของเรา มันก็พาเราไปในทางที่ผิด มันทําลายงานของเรา ชีวิตของเรา ทําลายความสงบสุขของเราเอง ถาเราจับมันออกไปได เราก็เขาถึงพระเจาได และพระเจาก็เขาถึงเราไดดวย ผลที่ตามมาก็คือ เราสามารถทําอะไรดี ๆ ไดอี กมากมาย เราจะสามารถชว ยคนตาบอด ชวยคนงอ ย ช วยคนยากจน เราสามารถ ประกาศขาวดีของพระคริสตเจาได นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะไมทํารายผูอื่นอยางที่นักบุญ ยากอบเขียนในจดหมายของทานอาทิตยนี้ เราจะไมบนวานินทากัน ไมพิพากษากันและกัน นี่แหละครับ ความหมายของการเตรีย มรับเสด็จพระคริสตเจาของพวกเรา นาสงสาร นักบุญยอหน บัปติสตา ทานอยากรูจักพระเมสซิยาหเหลือเกิน ทานทําทุกอยางที่จะรู พวกเรา อาจกลายเปนผูที่นาสงสารมากกวา เพราะเราไมตองพยายามที่จะรูจัก เรารูจักพระผูไถแลว แตเราไมเตรียมรับเสด็จพระองคอยางสมควรนะครับ ลด ๆ ความโกรธของเราลงบาง ถาลดไมได ก็อยาถึงกับเกลียดกันเลยนะครับ
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 12 ธันวาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
97
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก อีกไมกี่วันเราก็จะฉลองวันเกิดของพระเยซูเจาแลว อาทิตยนี้เราจะไดยินชื่อของพระองค “เอมมานูแอล” ชื่อนี้เราคุนเคยดีและก็รูความหมายดวย “พระเจาสถิตกับเรา” พอคิดถึงเรื่อง พระเจาสถิตกับเราก็เลย คิดตอไปวา พระเจาอยูกับเราตอนไหนบางในชีวิต พอเขาใจวาตั้งแต พระองคเกิดมา ก็อยูกับเราแบบ “อยูแลวอยูเลย” คือไมเคยไปไหนเลยตั้งแตเกิดจนถึงปจจุบัน จําตอนที่พระองคสั่งเสียบรรดาศิษยกอนขึ้นสวรรคไดมั้ยครับ พระองคบอกวา “จงไปเทศนสอน นานาชาติ...อยากลัว เราจะอยูกับทานเสมอไปจนสิ้นพิภพ” นอกจากนี้พระองคก็ยังอยูกับเรา อีกในศีลอภัยบาป ศีลมหาสนิทเปนพิเศษ ยังมีแถมอีกหนอยตอนที่พระองคสอนเราวา “ทุกสิ่งที่ ทานทําตอผูต่ําตอยคนใดคนหนึ่ง ทานไดทําตอเราเอง” ก็แสดงวา พระองคอยูกับเราในภาพของ คนเจ็บปวย คนยากจน คนขัดสน คนต่ําตอยทุกคน นี่แหละครับความหมายของ เอ็มมานูแอล คือ อยูแลวอยูเลย ตอใหเราไมอยากเชื่อ ไมสนใจวาจะอยูหรือไม พระองคก็ยังคงซื่อสัตยที่จะอยูกับเรา เรามนุษยนี่แหละครับ ชอบบังคับพระใหอยูกับเราและชวยเหลือเราตลอดเวลา หากเมื่อไรไมอยูช วย ละก็ เราก็จะไมอยูกับพระองคอีก มีพอองคหนึ่งขับรถไปรับเพื่อนพระสงฆซึ่งเปนมิชชันนารีที่กลับบานเพื่อพักผอนที่สนามบิน ในระหวางที่ขับรถจากสนามบินมา รถของพอองคนั้นไดรับไฟเขียวมาตลอดทาง ไมติดไฟแดงเลย แมแ ตแยกเดี ยว พอองคนั้ นถึง กับอุ ทานขึ้นมาดว ยความประหลาดใจ บอกวา นี่เป นครั้ งแรก ที่ผมไดไฟเขียวตลอดทาง ยอดจริง ๆ พระเจาตองอยูกับเราแน ๆ เลย สวนมิชชันนารีคนนั้นก็ หยอกเพื่อนอยางฉลาดเลยครับ บอกวา แลวถาหากตลอดทางมานี่ พอพบแตไฟแดงตลอดเลย พระเจายังจะอยูกับเราหรือเปลา คิด ๆ ดูก็จริงของพอองคนั้นครับ ถาหากในยามที่เราประสบ เคราะหตาง ๆ ปญหาตาง ๆ ในชีวิตเราจะคิดหรือไมวา พระเจายังอยูกับเราหรือไม เรามักจะ คิดวา พระทิ้งเราเสียแลว ในสมัยที่ยุโรปตะวันออก ยังเปนประเทศคอมมิวนิสต เด็กหนุมคาทอลิกคนหนึ่งถูกจับขังคุก เขาถูกขังคุกอยูทั้งสิ้น 8 ป เขาทั้งถูกซอม ถูกเฆี่ยนตี ถูกทรมานตาง ๆ นานา รวมทั้งถูกลางสมอง ในที่สุดเขาก็ทนพิษการทรมานเหลานั้นไมไหว เขาถูกพบนอนตายจมกองเลือดอยูบนพื้นหองในคุก นั่นเอง สิ่งที่นาประทับใจมากที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ กอนที่เขาจะตาย เขาไดพยายามคืบคลานไปถึง ผนังหอง และใชเลือดของเขาเองเขียนบางสิ่งบางอยางบนผนังหองนั้น คําพูดตาง ๆ ที่อยูบนผนังหอง ทําใหผูคุมคุกยอมแพความเชื่อของนักโทษคนนี้ กลับใจมารับพระเยซูเจาเปนพระผูไถ และบอกเลา เรื่องราวของนักโทษคนนี้ ขอความนั้นเขียนไวดังนี้ครับ “ผมเชื่อในพระอาทิตย แมผมจะไมเคย เห็นแสงอาทิตยเลย 8 ปแลว ผมเชื่อในความรัก แมวาจะไมไดรูสึกถึงความรักเลย (ดูเหมือนไมมี ใครรักผมเลย) และผมเชื่อในพระผูเปนเจา แมวา พระองคจะอยูกับผมแบบเงียบ ๆ (พระไมเคยชวย ผมเลย) และดวยความเชื่อนี่แหละที่ผมยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม” ความเชื่อของหนุมคนนี้ ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
98
ชางยิ่งใหญจริง ๆ นะครับ พอชอบตอนที่บอกวา แมพระจะอยูอยางเงียบ ๆ ก็อยางที่พอบอก บางคนตองการใหพระทําอะไรบางอยางสําหรับตัวเองเสมอ ไมเชนนั้นก็แยกกัน เอมมานูแอล สําหรับเรามีความหมายมากวานั้นนะครับ เพราะพระองคเสด็จลงมาเพื่ออยู กับเราอยางแทจริงอยูตลอดเลย มาสอนใหเรารูจัก ขาวดี สอนใหเรารัก สอนใหเราใหภัย สอนใหเราสวดภาวนา สอนใหเราชวยเหลือกันและกัน สอนใหเราเชื่อมั่น และไวใจพระ สอนให เ รารู จั ก เตรี ย มตั ว เตรี ย มวิ ญ ญาณของเรา สอนให เ ราแบ ง ป น ความสุ ข แก กั น ปลอบประโลมบรรเทาใจกันและกัน ยังมีอะไรอีกครับที่พระองคยังไมไดสอนเรา นอกจากสอน แลว พระองคยังไดปฏิบัติเปนแบบอยางแกเราดวย แมสิ้นพระชนมแลว พระองคก็ยังคงอยู กับเราเสมอมา ไมมีใครยิ่งใหญไปกวานี้ อีกแลว ขอใหเราทุกคนรับเสด็จเอมมานูแอล พระองคนี้ ใหดีที่สุด ยิ่งใหญที่สุด ฉลองวันเกิดของพระองคดวยความเชื่อมั่นอยางที่สุดวา พระองคอยูกับ เราเสมอไป
ดวยความเคารพรัก พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 19 ธันวาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
99
สารเจาอาวาส
พี่นองที่รัก สารวัด ฉบั บนี้ เป นฉบับ สุด ทา ยของป 2010 และเปน โอกาสที่ เราทุ กคนร วมกัน สมโภช พระคริสตสมภพและสมโภชครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ไปดวย พวกเราเตรียมตัวกันมาอยางดีเพื่อใหการ เสด็ จ มาของพระองค มี ค วามหมายต อ เราอย า งแท จ ริ ง พ อ มี โ อกาสได อ า นบทเทศน ข อง พระสันตะปาปา ยอหน ปอลที่สอง ซึ่ งเทศนเมื่ อวันที่ 24 ธันวาคม 1976 นั่นก็คือ 2 ปกอนที่ พระองคจะไดรับเลือกเปนพระสันตะปาปา ตอนนั้นพระองคเปนอัครสังฆราชแหงคราเคาที่โปแลนด ครับ อานแลวก็ชอบมาก ไมใชแตชอบบทเทศนแตชอบวิธีการดวย ที่นั่นหนาวมาก แตพระองคก็ เจาะจงใหทํามิสซาเที่ยงคืนภายนอกอาสนวิหาร ไปทําบริเวณโรงงานที่บรรดาคาทอลิกทํางาน เพื่อใหเขาเห็นความหมายของคริสตมาสอยางแทจริง ที่จริงพระองคเทศนไมยาว แตพอก็นํามา ทั้งหมดไมได พระองคตรัสสอนสรุปไดดังนี้ ในโลกปจจุบันนี้ โลกปฏิเสธพระเจาจนกระทั่งไมมีที่ จะยืนอยูแลว แตพวกเราทุกคนที่นี่กําลังเฉลิมฉลองพระองค พระที่อยูใกลชิดกับโลกมากที่สุด ซึ่งลงมาเกิดเปนมนุษย (พูดงายกวานี้ก็คือ โลกจะลืมพระ ก็ชางเถอะ แตเราไมลืม) แมวาโลก และสังคมโลกจะสอนใหเราปฏิเสธพระเจา แตเราทุกคนจะชวยกันนําพระองคออกมาใหโลก รูจักอีกครั้งหนึ่ง เราจะนมัสการพระองค ถวายทุกสิ่งแดพระองค และเราไมทําในอาสนวิหาร แตเราทําที่นี่ ที่คลายกับการบังเกิดของพระองคมากที่สุด (นอกจากพวกเราไมลืมแลว พวกเรา ยิ่งจะแสดงพระองค ใหปรากฏ เปนพยานใหพระองคอยางแจงชัดถึงการเสด็จมา และการไถ บาปของพระองค ) และพระองค จ ะอยู กั บ เราเสมอไป แผ น ป ง และองุ น ในคื น นี้ จ ะเป น เอมมานูแอลของเราเสมอไป ชางเปนบทเทศนที่ใหกําลังใจ มีแรงบันดาลใจแกพวกเราไดจริง ๆ และในชีวิตแหงการเปน พระสันตะปาปา 26 ปของพระองค ยอหน ปอล ที่สอง ไดนําขาวดีและนําองคพระคริสตเจา ไปประกาศทั่วโลก พระองคเปนพยานใหแกการเสด็จมาในโลกนี้ของพระเจาไดอยางชัดเจนที่สุด จริง ๆ ในขณะที่โลกกําลังสอนใหเราลืมพระซะ ทิ้งพระ เรากลับไดกําลังที่ จะเขาไปชิดสนิทกับ พระมากขึ้น วันคริสตมาสเปนวันที่พระเจาเสด็จมาใกลชิดกับเรามากที่สุด ก็ขอใหเปนวันที่ เราใกลชิดกับพระเจา มากที่สุดเชนเดียวกัน อยาลืมเขาไปนมัสการพระกุมาร จูบพระองค ถวายดวงใจของเรา ครอบครัวของเราแดพระองค และประกาศถึงเรื่องของพระองคดวย มีเรื่องแปลกแตจริง ที่พออยากจะเลาใหพี่นองฟง วัดแหงหนึ่งจัดละครคริสตมาส นักแสดงทุกคนไดรับการฝกซอมมา อย า งดี จนกระทั่ ง การแสดงกํ า ลั ง จะเริ่ ม ขึ้ น ปรากฏว า เด็ ก ที่ จ ะแสดงเป น นั ก บุ ญ โยเซฟ ปวยกะทันหัน ไมสามารถมาแสดงได ซิสเตอรที่จัด การแสดง ก็เลยตัดบทของ โยเซฟออกจาก การแสดงทั้ ง หมด ส ว นที่ เ หลื อ ก็ แ สดงไปตามปกติ จ บการแสดงแล ว ทุ ก คนก็ โ ล ง อก แต เวลา เดียวกันก็แปลกใจวา ไมมีผูชมและนักแสดงสักคนเดียว ถามหาโยเซฟ ราวกับวาไมมีโยเซฟในฉาก ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
100
การบังเกิดมาเลย พี่นองวาแปลกมั้ยครับ หลายครั้งเราก็มักจะใหความสนใจแตตัวเดน ๆ คน สําคัญ ๆ จนลืมคนบางคนไปอยางงายดาย เราอาจใหความสําคัญกับเพื่อน มากกวาพอแม หรือ ใหความสําคัญกับพอแมจนลืมนองของเราเอง อะไร ๆ ทํานองนี้ ขอใหคริสตมาสนี้ เราอยาลืม ใครเลยในคําภาวนาของเรานะครับ อีกเรื่องหนึ่งหนักกวาเรื่องที่แลวอีกก็คือวา คราวนี้ไมใชนักแสดงหายไป แตเปนรูปพระกุมาร ของวัดที่จะตองใชในการแสดงหายไป เปนรูปที่ใชมานานหลายปแลวดวย ทั้งนักแสดงและซิสเตอร พอเจาวัดวุนวายกันใหญ และรูปที่จะใชสํารองก็ไมมี เด็ กหญิงอายุ 12 ป สองคนเดินเขามาหา คุณพอ พูดวา พอสอนพวกเราวา การเสด็จมาบังเกิดของพระกุมารทําใหเราระลึกถึงการหลอเลี้ยง ชีวิตเราดวยศีลมหาสนิท การชิดสนิทของพระกับเราโดยทางศีลมหาสนิท แลวทําไมเราไมนําเอา แผนปงที่เราจะใช แบกเขาไปในวัดแทนพระกุ มารละคะ คุณพอเจาวัดเลาเรื่องนี้ใหสัตบุรุษฟง ในบทเทศน ของท านคืน นั้น สั ตบุ รุษ ทุก คนที่ไ ดฟ งต างประทั บใจกั บความคิ ดของเด็ กสองคนนี้ ซึ่งเขาใจถึงการเสด็จมาของพระกุมารและชิดสนิทกับพระเยซูเจามากถึงขนาดนี้ เปนคริสตมาสที่ดี ที่สุดปหนึ่งของวัดทีเดียว อยาลืมนะครับพี่นองวันคริสตมาสเปนวันที่เราจะตองใกลชิดกับพระเจา ใหมากที่สุด ดวยเหตุผลงาย ๆ ขอเดียวก็คือ พระเจาทรงเสด็จมาใกลชิดกับเรามนุษยอยางที่สุด กอน ขอพระกุมาร และครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ อวยพรพี่นอง เปนพละกําลังแกพี่นองในชีวิตนี้ เสมอไป
Merry X’Mas พอสุรชัย ชุมศรีพันธุ
*สารวัด ฉบับวันอาทิตยที่ 26 ธันวาคม 2010
ส า ร เ จ า อ า ว า ส 2 0 1 0 วั ด พ ร ะ ม า ร ด า นิ จ จ า นุ เ ค ร า ะ ห ค ล อ ง จั่ น
101