View from above: เทคโนโลยีการมองและการเขียนชีวิตหมู่บ้านในแผนที่ บทแนะนำหนังสือ แผนที่สร้างชาติ: รัฐประชาชาติกับการทำแผนที่หมู่บ้านไทยในยุคสงครามเย็น (2560) ดร. เก่งกิจ กิติเรียงลาภ (เขียน) จัดพิมพ์โดย Illuminations Editions, สำนักพิมพ์ปาตานี ฟอรั่ม และ Thirdspace publication ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ 1 หลักไมล์ (Milestone) สำคัญในการศึกษารัฐ-ชาติสมัยใหม่หรือรัฐประชาชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นัก วิชาการไทยรู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ งานศึกษาของเบน แอนเดอร์สัน เรื่อง ชุมชนจินตกรรม: บทสะท้อน ว่าด้วยกำเนิดและการแพร่ขยายของชาตินิยม (2552) 2 และการศึกษาของธงชัย วินิจจะกูลในเรื่องกำเนิด สยามจากแผนที่: ประวัติศาสตร์ภูมิกายาของชาติ (2556)3 หนังสือทั้งสองเล่มนี้ไม่เพียงนำเสนอแง่มุมที่ เปลี่ยนแปลงความเข้าใจในรูปการณ์จิตสำนึกว่าด้วยเรื่องชาติ แต่ยังเป็นงานที่ทรงอิทธิพลต่อการศึกษาทาง วิชาการในวงกว้าง ข้ามพ้นพื้นที่ศึกษาในระดับภูมิภาคไปสู่แวดวงวิชาการระดับโลก หนังสือเล่มแรกเสนอข้อถกเถียงสำคัญว่าด้วยชาติมิได้เกิดขึ้นหรือดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน ทว่าเป็น สิ่งที่ถูกประดิษฐ์สร้างขึ้นมาในฐานะชุมชนทางการเมืองที่ถูกจินตนาการผ่านเทคโนโลยี โดยเฉพาะการ ทำงานของระบบทุนนิยมสิ่งพิมพ์ (Print Capitalism) ซึ่งทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนและผลิตสร้างความเห็น ของผู้คนที่ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันมาก่อน กลุ่มคนผู้เสพสื่อสิ่งพิมพ์เหล่านี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการ ทำให้เกิดชุมชนที่แตกต่างออกไปจากชุมชนในลักษณะเดิมซึ่งวางบนความสัมพันธ์แนวดิ่งด้วยอิทธิพลจาก การลำดับช่วงชั้นทางศาสนา มาสู่ชุมชนแนวระนาบที่ผู้คนทั้งคุ้นหน้าและแปลกหน้ามาอยู่ร่วมร่วมกันใน เวลาและพื้นที่เดียวกัน ในขณะที่ หนังสือเล่มหลัง ทำการอธิบายในแง่มุมของบทบาทความสำคัญของชาติ ผ่านการกำหนดสร้างแผนที่ของชนชั้นนำสยามภายใต้บริบทของการเผชิญหน้ากับการไล่ล่าอาณานิคม ชาติ จึงมิใช่ชุมชนที่ถูกจินตนาการขึ้นมาในลักษณะเป็นนามธรรม หากจำเป็นต้องมีรูปธรรมหรือลักษณะทาง กายภาพเป็นสิ่งยืนยันตัวตน ผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางจักรวาลทัศน์หรือการรับรู้ทางภูมิศาสตร์ งานในชิ้นที่สองนี้เอง ส่งผลให้งานชิ้นแรกอันโด่งดังมีการปรับแก้ โดยเพิ่มเติมความสำคัญของแผนที่เข้าไป ในการตีพิมพ์ครั้งที่สอง หนังสือเรื่อง แผนที่สร้างชาติ: รัฐประชาชาติกับการทำแผนที่หมู่บ้านไทยในยุคสงครามเย็น (2560) โดย เก่งกิจ กิติเรียงลาภ มีความสำคัญและสมควรได้รับการอ่านอย่างเชื่อมโยงกับงานสองชิ้นในข้างต้น ด้วย เหตุผลหลากหลายประการดังต่อไปนี้ 1 อาจารย์ประจำสาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนักศึกษาปริญญาเอกสาขามานุษยวิทยาว่า ด้วยสื่อและการทัศนา มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี 2 แอนเดอร์สัน, เบเนดิกท์. ชุมชนจินตกรรม: บทสะท้อนว่าด้วยกำเนิดและการแพร่ขยายของชาตินิยม. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
(บรรณาธิการแปล). กรุงเทพฯ. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 2552. หนังสือเล่มนี้แปลจาก Anderson, Benedict R O’G. Imagined communities: reflections on the origin and spread of nationalism. London; New York: Verso. 1991. 3 วินิจจะกูล, ธงชัย. กำเนิดสยามจากแผนที่: ประวัติศาสตร์ภูมิกายาของชาติ. พวงทอง ภวัครพันธุ,์ ไอดา อรุณวงศ์, และพงษ์ เลิศวนานต์ (แปล). ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ (บรรณาธิการแปล). กรุงเทพฯ.อ่าน. 2556. หนังสือเล่มนี้แปลจาก Winichakul, Thongchai. Siam Mapped: A History of the Geo-body of a Nation. Honolulu: University of Hawaii Press, 1994. 1
ประการแรก คำถามสำคัญของเก่งกิจคือการมุ่งเป้าอธิบายการก่อตัวขึ้นมาของรัฐประชาชาติ (Nation state) ของไทย ทว่า เขากลับสนใจบทบาทของจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกาในสังคมไทยช่วงสงคราม เย็นมากกว่า ในช่วงอาณานิคม โดยเฉพาะเทคโนโลยีการทำแผนที่สมัยใหม่ อันเป็นผลของการบรรจบกัน ของการพัฒนาเทคโนโลยีสามประเภท คือ เทคโนโลยีการบิน, เทคนิคการถ่ายภาพและกล้อง, และ การพัฒนา ความรู้และสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญในการทำและอ่านแผนที่ทางอากาศ เหตุที่เก่งกิจหันมาสนใจบริบท ของการทำแผนที่ในช่วงสงครามเย็นมาจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งของเขาเรื่อง มานุษยวิทยาจักรวรรดิ: การ ประดิษฐ์ “หมู่บ้านชนบท” และกำเนิดมานุษยวิทยาไทยในยุคสงครามเย็น (2559) ในงานชิ้นนี้เขาพยายาม อธิบายถึงบทบาทของอเมริกาในการวิจัยหมู่บ้านชนบทหรือชนบทศึกษา ควบคู่กับการพยายามก่อตั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนทางด้านมานุษยวิทยาในมหาวิทยาลัยไทย งานชิ้นนี้ของเก่งกิจ ทำให้เห็นภาพ ชัดเจนว่าวิชามานุษยวิทยาในไทยมีสถานะคล้ายดัง “บาปกำเนิด” (Original sin - ผู้เขียนบทปริทัศน์) อย่างมี นัยทางการเมืองในเรื่องการสร้างความมั่นคงทางการเมืองและต่อต้านการคุกคามของคอมมิวนิสต์ ไม่ต่าง จากการถือกำเนิดของวิชามานุษยวิทยาที่เกิดขึ้นในยุคอาณานิคม ทว่า เก่งกิจกลับเลือกบริบทในยุคสงคราม เย็น เขาเห็นว่าในบริบทของสังคมไทย การศึกษาสังคมอื่น, ชนบท, และชุมชนบนพื้นที่สูงนั้นเริ่มต้นอย่าง เป็นทางการในยุคสมัยนั้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ทัศนะที่เก่งกิจมีต่อหมู่บ้านชนบทเช่นนี้ส่งผลให้เขาได้สร้างข้อถกเถียงสำคัญว่าด้วยสถานะและ ตำแหน่งแห่งที่ของชนบทและการวิจัยว่าด้วยชนบทในสังคมไทยในการนำเสนอความก้าวหน้าในงานวิจัย ของเขา 4 แรงกระเพื่อมของข้อถกเถียงดังกล่าวมีต่อนักมานุษยวิทยาชั้นนำในสังคมไทย อาทิ จักรกริช5, ยุก ติ6, และปิ่นแก้ว 7 เป็นต้น แผนที่สร้างชาติ จึงเป็นงานเขียนที่เดินทางตามร่องรอยที่เขาค้นพบระหว่างการพยายามยืนยันถึง การประดิษฐ์สร้างหมู่บ้านชนบท ควบคู่ไปกับการพยายามสร้างข้อถกเถียงทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง เขา ขยับสถานะของหมู่บ้านชนบทประดิษฐ์มาสู่การก่อกำเนิดของรัฐประชาชาติที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาในยุค สงครามเย็น ประการที่สอง การเลือกพิจารณาบริบทของสงครามเย็นของเก่งกิจ มีนัยสำคัญต่างจากการศึกษาภาย ใต้บริบทของการไล่ล่าอาณานิคมและยุคหลังอาณานิคมที่สำคัญคือ การก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญของ เทคโนโลยีด้านการบิน, การถ่ายภาพ, และการทำแผนที่ เทคโนโลยีในข้างต้นนี้มิได้เป็นเพียงจักรกลที่ทำให้ เข้าถึงความสะดวกสบายในการใช้งานด้านการทหารเพื่อสำรวจอาณาบริเวณเท่านั้น ทว่า เป็นการ เปลี่ยนแปลง มุมมอง (Perspective) ที่มีต่อพื้นที่ทางภูมิศาสตร์อย่างถึงรากถึงโคน กระบวนการทำให้เกิดการ มองเห็น (Visualization) จึงเป็นเสมือนกลไกสำคัญของการแผ่อิทธิพลและการพยายามเข้ามาควบคุมพื้นที่ ของจักรวรรดิอเมริกา การมองในสายตาแบบพระเจ้าเบื้องบนผ่านการทำแผนที่ทางอากาศจึงเป็นมากกว่า การขีดร่างเส้นขอบพรมแดนบนพื้นที่กระดาษ เพราะมิใช่เพียงความต้องการตอบโจทย์เพียงแค่ขอบเขตของ 4 เก่งกิจ กิติเรียงลาภ. ชนบทเพิ่งเปลี่ยนไป: ว่าด้วยปัญหา “ชนบทศึกษาไทย” หลังปี 2540 https://prachatai.com/journal/2015/01/57459 5 จักรกริช สังขมณี. ตำแหน่งแห่งที่ของชนบทกับตำแหน่งแห่งที่ของงานวิชาการ. https://prachatai.com/journal/2015/01/57489 6 ยุกติ มุกดาวิจิตร. คนละชนบทเดียวกัน: อ่านร่างงานวิจัยของ ดร. เก่งกิจ กิติเรียงลาภ. https://blogazine.pub/blogs/yuktimukdawijitra/post/5222?ref=redirect 7 ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี. ถก “ชนบท”: ประวัติศาสตร์ความคิดและวิธีวิทยาที่พึงพิจารณา. https://prachatai.com/journal/2015/01/57662 2
ดินแดนสิ้นสุดลงตรงไหน ทว่าจำเป็นต้องรู้ด้วยว่าประกอบไปด้วยใคร ทั้งในเชิงสังคมวัฒนธรรม, เชื้อชาติ, ศาสนา, และความเป็นอยู่ การทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศทางการจึงเกิดขึ้นบนพื้นฐานของการใช้เทคโนโลยีทางอำนาจเข้า ควบคุมและกำหนดสร้างพื้นที่ดังกล่าวให้ถูกระบุภายใต้การตัดกันของเส้นรุ้งและแวง ช่องกริดแต่ละช่องใน แผนที่จึงเป็นเสมือนพื้นที่ว่างซึ่งรอการสำรวจและเติมลงบนหน้ากระดาษ เก่งกิจได้นำเสนอข้อมูลผ่าน กรอบคิดได้อย่างน่าสนใจ นับตั้งแต่ พัฒนาการของกล้องถ่ายรูปทางอากาศที่สัมพันธ์กับเทคโนโลยีการบินที่ สามารถเข้าถึงทั้งในเชิงทะลุทะลวงและสอดแนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน เขายังทำให้เห็นถึง นัยทางการเมืองมากมายที่ซ่อนอยู่ในวิชาภูมิศาสตร์ ประการที่สาม ในบทความเรื่อง ชนพวกอื่นในแดนตน 8ของธงชัยมีประเด็นที่น่าครุ่นคิดสำคัญคือ การทำหนดสร้างความเป็นคนอื่นประเภทต่างๆ ในดินแดนสยามผ่านสายตาของชนชั้นนำ การเขียนถึงคน อื่นของชนชั้นนำเกิดขึ้นจากการเดินทางสำรวจเพื่อตอบคำถามสำคัญที่ว่ามี “ใคร” บ้างที่อยู่ในแผนที่ซึ่งพวก เขาได้ทำการขีดสร้างขึ้นมา การจัดประเภทคนอื่นจึงเกิดขึ้นและวางบนพื้นฐานของความใกล้ไกลทางจาก ภูมิศาสตร์ของศูนย์กลาง (Spatio-temporal category) ในแง่นี้ อัตลักษณ์เทียม (Pseudo identity) จึงเกิดขึ้น ภายใต้การกำหนดสร้างความเป็นอื่นซึ่งมีส่วนช่วยให้สยามในฐานะศูนย์กลางปรากฏตัวขึ้นอย่างชัดเจนผ่าน ความหมายของความศิวิไลซ์มากยิ่งขึ้น งานเขียนของเก่งกิจได้ปะทะในประเด็นปัญหานี้เช่นกัน ทว่าเขากลับ สนใจการเขียน “คนอื่น” โดยนักมานุษยวิทยา ในช่วงสงครามเย็น นักมานุษยวิทยาจำนวนไม่น้อยเดินทางมาทำงานในประเทศไทย แม้จะด้วย วัตถุประสงค์หรือเจตจำนงค์ที่ต่างกัน ทว่า การสำรวจและเดินทางเก็บข้อมูลของพวกเขาต่างเป็นประหนึ่ง การเติมข้อมูลและชีวิตของผู้คนลงในช่องว่างบนแผนที่ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจและทำแผนที่หมู่บ้านชาวเขา ตลอดจนการทำทำเนียบหมู่บ้านของเขาของศูนย์วิจัยชาวเขา สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีนัยสำคัญของการใช้ เทคโนโลยีควบคู่กับการเขียนของนักมานุษยวิทยาเพื่อส่งผลต่อการรับรู้ความเป็นจริง เนื้อกระดาษบนแผนที่ จึงมิใช่เป็นเพียงวัตถุทั่วไป หากมันได้ระบุชีวิตของคนและความจริงขั้นพื้นที่ฐานที่ว่า “ใคร” อยู่ในดินแดน แห่งนี้บ้าง ความเทียมของอัตลักษณ์ที่เกิดจากการเขียนของนักมานุษยวิทยาอาจถูกเพิกเฉย เมื่อมันปรากฏอยู่ บนความจริงของแผนที่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่การขีดร่างหรือการมองความเป็นจริงจากแผนที่ถูกยืนยัน ด้วยความจริงเชิงประจักษ์จากพื้นที่ทางกายภาพ ในส่วนนี้ เก่งกิจได้ข้ามพ้นข้อถกเถียงเดิมว่าด้วยการทำงานของนักมานุษยวิทยาในช่วงสงครามเย็น (ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในทางจริยธรรมและการทำงานรับใช้จักรวรรดินิยมอเมริกาผ่านการเป็นหน่วยข่าวกรอง) สู่การวิเคราะห์บทบาทซึ่งแม้แต่นักมานุษยวิทยาในสมัยนั้นยังไม่ทันตระหนัก เก่งกิจเห็นว่าการสำรวจแผนที่ และหมู่บ้านชาวเขาในช่วงทศวรรษ 1970 มีความแตกต่างจากในช่วงแรกเริ่มโดยโครงการ BenningtonCornell ในช่วง 1960 นั่นก็คือ หมู่บ้านไม่ใช่สิ่งที่เคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ได้อีกต่อไป ทว่า หมู่บ้านกลายเป็น สิ่งที่ถูกจัดระเบียบและลงพิกัดบนแผนที่อย่างแน่นอน ทั้งยังเป็นส่วนขยายของอำนาจรัฐที่เริ่มแผ่กระจาย เข้าไปอย่างครอบคลุม ในแง่นี้เองงานเขียนเชิงสำรวจของนักมานุษยวิทยาในช่วงสงครามเย็นขึงมีส่วน สำคัญอย่างยิ่งในการช่วยสถาปนาให้รัฐชาติสมัยใหม่ถูกเติมเต็มและมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 8 Winichakul, Thongchai. "The Others Within: Travel and Ethno-spatial Differentiation of Siamese Subjects, 1885-1910."in Civility and Savagery: Social Identity in Tai States. Andrew Turton (ed.) London: Curzon Press, 2000: 38-62.
3
หมู่บ้านที่เพิ่งสร้างนี้ได้กลายเป็นจินตนกรรมสำคัญในการวิจัยทางมานุษยวิทยาแนวหมู่บ้านศึกษา และชาติพันธุ์ศึกษาในเวลาต่อมา แผนที่สร้างชาติฯ จึงเป็นความพยายามของเก่งกิจในการสร้างกระบวนทัศน์ในการทำความเข้าใจ ชาติที่ต่างออกไปจากการทำงานของเบน แอนเดอร์สัน และธงชัย วินิจจะกูล ด้านหนึ่ง หากเรานำงานทั้งสาม ชิ้นมาวางเรียงต่อกันตามประเด็นและช่วงเวลา เราจะค้นพบว่า ทั้งสามล้วนมีส่วนในการเติมเต็มความหมาย ของการสถาปนาชาติได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะชาติในแผนที่ของชนชั้นนำในงานของธงชัย ได้ถูก เพิ่มนัยสำคัญมากขึ้นในยุคสงครามเย็นผ่านการทำงานของเก่งกิจ ทว่าอีกด้านหนึ่ง เก่งกิจได้สร้างข้อโต้แย้ง กับการศึกษาแผนที่ของธงชัยเอาไว้อย่างแหลมคม เขาเห็นว่าแผนที่ซึ่งสร้างขึ้นจากการช่วยเหลือของเข้าอาณานิคมในช่วงค.ศ.ที่ 19 นั้นนับว่าเป็น แผนที่ของรัฐ (State map) เพื่อจุดมุ่งหมายในการสร้างและขยายอำนาจความมั่นคงของรัฐสมบูรณาญาสิทธิ์ มากกว่าการขีดสร้างความเป็นชาติ งานของธงชัยจึงเข้าข่ายการศึกษาแผนที่ของรัฐมากกว่าการสร้างชาติ เก่งกิจเห็นว่าแผนที่ของชาติ (Nation map) เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามเย็นซึ่งมาพร้อมกับการก่อรูป และสถาปนาอำนาจของรัฐประชาชาติหลังจากการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองต่างหาก ข้อถกเถียงนี้ น่าจะเป็นพื้นที่สำคัญในการเชื้อเชิญนักประวัติศาสตร์, นักรัฐศาสตร์ ตลอดจนนัก มานุษยวิทยาเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกันมากขึ้น ทั้งในเชิงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การใช้แนวคิด และการตีความ เกษียร เตชะพีระ ได้อ่านนัยสำคัญของการศึกษา “ชาติ” และ “ความเป็นไทย” ที่ปรากฎผ่านงาน เขียนของธงชัย เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า ป้ายความเป็นไทยที่ชนชั้นนำปักนั้นนับว่าเป็นการบ่งบอกในมุมกลับ ว่าความไม่เป็นไทยอยู่ตรงไหน ดังนั้น ในสังคมไทยจึงมีเขตห้ามเข้าทางความคิดอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลัทธิคอมมิวนิสต์, การแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดภาคใต้ ตลอดจนประชาธิปไตยแบบตะวันตก 9 หากข้อถกเถียงของเก่งกิจมีน้ำหนักเพียงพอเขามิเพียงถกเถียงกับธงชัย ทว่ายังโต้แย้งกับวิธีการอ่าน ของเกษียร ซึ่งมีอิทธิต่อการสร้างวิธีการอ่านและทำความเข้าใจ “ความเป็นไทย” ในสังคมไทย ในทางกลับ กัน เราสามารถตั้งคำถามกับงานศึกษาของเก่งกิจโดยใช้แนวทางของเกษียรได้อีกเช่นกัน หากชาติและความเป็นไทยเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามเย็นผ่านแนวทางที่เก่งกิจศึกษา อะไรคือด้านกลับของความไม่เป็นไทยหรือความเป็นอื่นในสังคมไทย? อะไรคือ เขตห้ามเข้าทางความคิดที่ถูก ขวางกั้นโดยความเป็นไทยประเภทนี้? เก่งกิจเป็นคนหนึ่งที่สร้างงานเขียนและข้อถกเถียงใหม่ในชุมชนวิชาการอย่างสม่ำเสมอ งานเขียน ของเขามิได้ดำเนินรอยตามจารีตทางวิชาการในลักษณะสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง หากมีลักษณะของการใช้วิธี วิทยาเป็นเข็มทิศนำทางไปสู่คำตอบและเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ เราจึงเห็นได้ว่าในหนังสือเล่มนี้มี องค์ประกอบทางความรู้มากมายนับตั้งแต่กำเนิดภูมิศาสตร์สมัยใหม่จนมาถึงการทำงานทางมานุษยวิทยาใน ช่วงสงครามเย็น สิ่งเหล่านี้คือประจักษ์พยานในการสลายขอบฟ้าทางความคิดซึ่งเคยกักขังตัวเราเพื่อ กระโจนออกสู่การท้าทายทางความรู้ครั้งใหม่
9 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน เกษียร เตชะพีระ. อ่าน Siam Mapped ในวาระ 41 ปี 6 ตุลาฯ (1). มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6-12 ตุลาคม 2560. 4
หลักไมล์ที่ชื่อว่า แผนที่สร้างชาติฯ นี้อาจมิได้เสนอข้อค้นพบครั้งใหญ่เฉกเช่นงานเขียนของเบน แอนเดอร์สัน และธงชัย วินิจจะกุล ทว่าสิ่งสำคัญคือ การโยนคำถามและร่องรอยของการอ่านและเขียนงาน วิชาการที่แตกต่างออกไปจากพรมแดนอันคุ้นเคยทางวิชาการ นี่อาจเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดของสังคมไทยในเวลานี้
5