ตอนพิเศษจาก รวมเรื องสัน With Wing of Love 1 บุพเพสันนิวาส ตอน ณ ดินแดนแห่ งรั ก จอมเกศอสุรา ๑ ทีกรอบพระบัญชร วรองค์โปร่ งนังอิงร่าง เหม่อมองออกไปยังทิวเขาสลับซับซ้ อน ทีกางกันวิปุลา แดนยักษา และ สังวรี แว่นแคว้ นทีองค์คีตภาถือกําเนิดออกจากกัน องค์ชายจากเมืองมนุษย์ทอดพระปั สสาสะลึกยาว นับตังแต่เดินทางมาเป็ น ‘พระชายา’ ของกษัตริ ย์แดนยักษา แทนพระขนิษฐา ผ่านพ้ นเรืองราวต่างๆ นานา สูญเสียข้ าราชบริพารทีไว้ ใจอย่างอเนชากับคริษฐาไปในระหว่างเดินทาง พระองค์ก็ไม่เกรงกลัวต่อความตาย ตังปณิธานแน่วแน่ว่าจะยอมเป็ นเหยือบูชายัญให้ บรรดายักษากลืนกิน เพือรักษาพันธ สัญญาระหว่างวิปุลากับสังวรีให้ ครบหนึงศต ทว่าเมือพานพบองค์ ปรุฬห์ ครึงยักษาครึงมนุษย์ ห้ วงดําริของพระองค์ก็ แปรเปลียน จวบจนรังในตําแหน่งพระชายาจนปั จจุบนั “ทอดถอนใจราวกับคนอมทุกข์ เจ้ าอยากกลับสังวรีหรือ” สุรเสียงทุ้มห้ าวเอ่ยถามจากด้ านหลัง องค์ คีตภาสะดุ้งเฮือกเพราะไล่บรรดานางพระกํานัลออกจากห้ อง จึงไม่มี ใครกราบทูลว่ามีคนนอกเข้ ามา วรองค์โปร่งจึงเกือบหล่นจากกรอบพระบัญชร ดีว่าวงแขนแกร่ งดึงรังเข้ าหาอ้ อมอุระได้ ทัน กาล วรองค์เล็กจึงตกอยู่ในอ้ อมกอดหนาของกษัตริย์ครึงมนุษย์ครึงยักษ์ ...หรืออีกนัยคือ ‘พระสวามี’ องค์ชายจากเมืองมนุษย์เหลือบพระเนตรมองยักษ์ ตวั โตกว่า แต่ฝีเท้ ากลับเบาจนไม่ได้ ยิน หรือพระองค์ทรงเหม่อ ลอยกันแน่ ครันเมือทรงครุ่นคิดจนลืมตอบวาจา องค์ปรุฬห์ จงึ เอือนเอ่ยนุ่มนวล “ถ้ าหากเจ้ าอยากกลับบ้ าน ข้ าก็จะไม่รงเจ้ ั าไว้ เลย” ความสัมพันธ์ ของทังสอง เริ มต้ นได้ ไม่ดีนัก ยักษ์ หนุ่มจึงเข้ าใจดี แต่ทว่าองค์ คีตภาส่ายพระเศียร “กระหม่อมแค่คิดถึงคนสนิททีสาบสูญไปในระหว่างการเดินทาง ไม่คิดจะกลับสังวรีเลยสักเพลา กระหม่อมเป็ น ภักษาหารของพระองค์แล้ ว ก็สดุ แท้ แต่พระองค์จะเมตตา” องค์กษัตริ ย์แห่งยักษาแย้ มพระสรวลจนเห็นเขียวทีมุมพระโอษฐ์ แลดูน่ากลัว แต่วรองค์โปร่ งในอ้ อมแขนไม่ขยับ หนี “ช่างพูดจาได้ น่าเอ็นดู จนข้ าอยากจะกลืนกินเจ้ าไว้ ในท้ องจนไม่เหลือแม้ แต่เศษเส้ นผม” “กินกระหม่อมจนหมดมือนี แล้ วมืออืนๆ เล่า หรือพระองค์ก็จะมีเหยือคนใหม่ทีรสอร่อยกว่ากระหม่อมสินะ” วาจาขององค์คีตภาราบเรี ยบเสมอกัน ฟั งไม่ออกว่าประชดประชันหรือน้ อยพระทัย หากแต่องค์ปรุฬห์ กลับคลี รอยสรวลกว้ างกว่าเก่าอวดเขียวขาววับวาว พระหัตถ์หนาโอบกระชับ ‘เหยือ’ ไว้ แนบแน่น “เจ้ าพูดก็ถกู นะ แต่อาหารรสอร่อยถูกปากข้ าหายากเย็นนัก หากตะกรุมตะกรามกินหมดในมือเดียวคงอดยากไป อีกนาน...งันข้ าจะค่อยๆ ละเลียดชิมทีละนิด เจ้ าว่าดีไหม” พอถูกย้ อนถาม พระพักตร์ งามก็แดงกํา องค์คีตภาอําอึง ไม่อาจตอบคําได้ ทนั “สีหน้ าเจ้ าตอนนียิงดูน่ากินเข้ าไปใหญ่ ข้ าเองก็กระหายจนนําลายสอแล้ ว ถ้ าไม่อยากให้ ข้ากินเจ้ าจนไม่เหลือเศษ เส้ นผม ข้ าว่าเจ้ าคงต้ องเป็ นฝ่ ายป้อนข้ าเสียแล้ วละ” ร่างใหญ่จากเชือสายยักษาตวัดอุ้มวรองค์โปร่งขึนง่ายดาย องค์คีตภาอึกอัก ตรัสเบาแสนเบาจนแทบไม่ได้ ยินว่า “ตะวันยังขึนอยู่เลย เอ่อ...”
รอยแย้ มสรวลกรุ้ มกริมระบายบนพระพักตร์ มุมพระโอษฐ์ ยงั เห็นเขียวคม องค์ปรุฬห์ช้อนวรองค์โปร่ งผ่านม่านมุ้ง เบาบาง องค์ราชันยักษาวางองค์คีตภาบนบรรจถรณ์น่มุ ก่อนจะทาบทับวรองค์ลงมา สานสบพระเนตรด้ วยความ อ่อนหวานปะปนกับความกระหายหิวตามสัญชาตญาณดิบ ยักษ์ หนุ่มเอ่ยเสียงทุ้ม “ข้ าชอบเห็นอาหารทีข้ ากําลังกินชัดๆ เสียด้ วยสิ” ๒ บนหอคอยทีสูงทีสุดของวิปุลา ร่างร่างหนึงเอนอิงกรอบหน้ าต่าง อดีตเหยือสังเวยของเหล่ายักษาทอดพระเนตร แลเลยขอบฟ้ า สลับกับการระบายพระปั สสาสะเป็ นระยะ ดาวประกายพรึกถูกอรุณรุ่งทีทอแสงสีระเรือกลืนหาย คนมอง คํานวณเวลาในใจ ยังเห็นว่าอีกนานกว่าจะเช้ าตรู่ จึงนังนิง ชมทิวทัศน์วิปลุ าบนสถานทีสูงสุดของแคว้ น "ข้ าบอกเจ้ าหลายครังแล้ วว่า อย่าไปนังบนนัน" เสียงทักทายดังขึนแทรกความเงียบงัน คนทีคิดว่ารอดพ้ นสายตาผู้อืนสะดุ้งเฮือกเกือบพลัดลงด้ านล่าง ดีว่าลําแขนลําสันโอบรัดบันพระองค์ไว้ จึงไม่ หล่นร่วง ซึงหากตกลงไปนัน คงกลายเป็ นเศษเนือสด "องค์ปรุฬห์!?" องค์คีตภากล่าวอย่างตกพระทัย ไม่คาดคิดว่าบุคคลทีไม่อยากให้ พบทีสุด กลับปรากฏกาย กะทันหันแทบไม่ได้ ยินเสียงก้ าวเดินของร่างใหญ่ โต "ข้ าถามเจ้ า" พระหัตถ์หนารวบเอวก่อนจะอุ้มขึนพาดท่อนแขนแข็งแรง ดวงเนตรสีนิลวาวจึงสบพระพักตร์ ของคน ตาดุ "กระหม่อมแค่ชมทิวทัศน์" องค์ชายกล่าวเสียงอ่อนอ่อยเมือถูกจับได้ คาตา ทรงนึกในพระทัยว่า ยักษาหนุ่มใยจึง เสด็จมาเยียมเยือนตังแต่ฟ้ายังไม่สาง เหลือบพระเนตรไปทีประตู ก็ไม่เห็นว่ากลอนทีลันดาลไว้ ด้านในจะถูกเปิ ด "ข้ าห้ ามเจ้ าไปแล้ วนะ ถ้ าตกลงไป มนุษย์อย่างเจ่าน่ะตายแน่" สุรเสียงดุ "กระหม่อมทรงตัวดี ไม่ตกลงไปแน่ๆ จนใครก็ไม่ร้ ูเข้ ามาไม่ให้ ส้ มุ ให้ เสียงนีละพ่ะย่ะค่ะ" องค์คีตภาโยนความผิดให้ เสีย ชายผ้ าทีคล้ องแขนองค์ปรุฟห์ ถกู ปลดเพือตวัดคลุมวรองค์เล็ก "ดือดึงนัก" ทรงบ่นว่าระอา "เห็นว่าข้ าไม่อยู่ก็คิดจะขัดคําสังหรือ" "กระหม่อมแค่อยากชมทิวทัศน์..." คนถูกกล่าวหาอธิบาย นําเสียงทอดเหงาหงอยนัน เรี ยกเสียงถอนพระปั สสาสะ "ข้ ารู้ เจ้ าคิดถึงสังวรี ข้ านีแปลกใจนักหนาทีเจ้ าคิดถึงพวกทีบีบบังคับให้ เป็ นเหยือสังเวย" "ก็นนเป็ ั นครอบครัวทีกระหม่อมเหลืออยู่" ตรัสด้ วยนําเสียงอ่อน "ครังนีเป็ นครังสุดท้ ายนะทีเจ้ าจะทําเช่นนี หากขัดขืนคําสัง ข้ าจะลงโทษพวกนางกํานัลชาวมนุษย์ให้ พวกยักษ์ ปลายแถวกิน" องค์ปรุฟห์ยอมอ่อนข้ อให้ ครังหนึงด้ วยความสงสาร แล้ วจึงตรัสขู่ทีองค์คีตภารู้ว่าจะทรงทําจริ ง เนือมนุษย์นนถื ั อเป็ นมังสะชันเลิศในหมู่ยักษา ทีนานครังจะได้ ลมชิ ิ ม เพราะแดนมนุษย์กางกันด้ วยทิวเขากับป่ า วิเศษ ต้ องรอหนึงศตทีสังวรี จะเชิญมณีวิเศษมาพร้ อม 'เหยือ' จึงจะได้ กินมนุษย์ หากองค์ปรุฬห์ไม่ปฏิพทั ธิต่อองค์คีตภา พวกทีตามเสด็จคงกลายเป็ นภักษาหารชันเลิศ และหอคอยสูงแห่งนี เจ้ า แห่งยักษาทรงสร้ างขึนเพือชาวมนุษย์ เพือมิให้ ยักษ์ ทีเป็ นปรปั กษ์ กับมนุษย์กลํากราย พระเนตรสีนิลวาวหม่นแสงลง ยักษ์ หนุ่มจึงกระชับอ้ อมแขน ตรัสขึนอ่อนโยน "เหงานักหรือ" พระโอษฐ์ สที บั ทิมเม้ มเข้ าหากันแน่น พระเนตรงามหลุบตํา เห็นรอยแย้ มสรวลแต้ มบนพระโอษฐ์ หนาจึงช้ อนมอง พระพักตร์ คมดุตรงๆ
"ถ้ าบอกว่าเหงา ท่านจะให้ กระหม่อมกลับบ้ านหรือ" องค์คีตภายอกย้ อน ทว่าผู้ทีถามคลีรอยยืมมีเลศนัย โอบอุ้ม ร่างเล็กไปวางทีพระแท่น แล้ วทรุดองค์เคียงข้ าง พระเนตรวิบไหว "ข้ าจะหาเพือนให้ เจ้ าเอง คราวนีเจ้ าจะยุ่งจนลืมเหงาแน่" องค์ยกั ษากดวรองค์โปร่งบนพระแท่น พระเนตรพราว "เพือน?" องค์คีตภาตรัสฉงน "ใครหรือ" เสียงพระสรวลทุ้มดังขึน "โอรสหรือไม่ก็ธิดาสักคน หรือจะสักสองคน ไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้ า ทีนีเจ้ าคงไม่เหงาแล้ ว กระมัง" สินพระวาจา องค์ คีตภาก็ถามไม่ได้ ว่าจะมีได้ อย่างไร เมือพระโอษฐ์ ถกู ปิ ดสนิท อรุณรุ่งวันนันพระองค์กลายเป็ นมังสะจานเลิศให้ ยักษ์ หนุ่มทีหายไปบําเพ็ญเพียรได้ ชิมจนล่วงมัชฌิมยาม ๓ องค์คีตภาขยับพระวรกายอย่างอึดอัด ความเจ็บทีร่ างกายส่วนล่างแล่นปราดจนต้ องลืมพระเนตรปริบๆ แล้ วนึก อยากขบกัดบุรุษทีนําความเจ็บนีสูเ่ รือนร่างให้ รับรู้ความเจ็บนีบ้ าง แต่คนคนนันกลับไม่อยู่ร่วมบรรจถรณ์ ทรงนอนนิงอยู่ชวั ครู่ มาลา นางกํานัลหุ่นแปลงทีเกิดจากมนตราก็เข้ ามาปรนนิบัติรับใช้ "สรงนําก่อนเพคะ" นางกุลีกจุ อรีบร้ อนให้ องค์ชายทําตามรับสัง ซึงกิริยานันทําให้ คนทีเพิงลุกแช่นาอุ ํ ่นสงสัย "รีบจริง" คําตรัสนันสงสัยมากกว่าจะดุ มาลาทีตระเตรียมฉลองพระองค์อยู่นนั เอ่ยนอบน้ อม "วันนีองค์ปรุฟห์จะพาเสด็จออกท้ องพระโรงเพคะ" พระขนงเรียวมุ่นลงอย่างนึกกังวลพระทัยจึง รีบสรงนําก่อนจะถูกมาลาจับแต่งองค์ ด้วยภูษาวิจิตรเกินฐานะเชลย นางกํานัลสาวคล้ องผ้ าคลุมพาดท่อนพระกรซ้ าย แล้ วจึงจัดชายผ้ าคลุมทีพาดพระอังสะขวายาวจรดขอบสนับเพลา ยังไม่ ทันทีนางกํานัลจะรวบพระเกศายาวสลวยเป็ นมวย องค์ ราชันย์ยกั ษาก็เสด็จเข้ ามาเงียบๆ ไร้ ส้ มุ เสียง สุรเสียงทุ้มเย็นตรัส บอกนางกํานัลว่า "ข้ าจัดการต่อเอง" แล้ วจึงร่ายมนตร์ ให้ มาลาเป็ นหุ่นกระดาษ องค์คีตภาเอียวองค์ สบสานพระเนตรดุอย่างฉงน พระหัตถ์หนาแตะพระอังสะเล็กให้ หนั เข้ าหากระจก และประทับ นังตามเดิม องค์ชายชาวมนุษย์สานสบพระพักตร์ ดุ สํารวจพระวรกายหนาทีทรงฉลองพระองค์แบบเดียวกัน แต่วิจิตรกว่า ลายปั กบนผ้ าคลุมละเอียดลออสมฐานะกษัตริย์ "เอ่อ ทรงคิดดีแล้ วหรือทีให้ กระหม่อมออกท้ องพระโรงด้ วย กระหม่อมว่าคงไม่เหมาะสมนัก" องค์ คีตภาตรัสเสียง เบา "ทําไมเจ้ าจึงคิดว่าไม่เหมาะสม" สุรเสียงห้ าวเอ่ยถามเรือยๆ พระหัตถ์ก็รวบเส้ นผมสีดํางาม องค์คีตภาอึกอัก หากกล่าวลดพระเกียรติก็จะถูกดุ แต่ก็เอ่ยออกไป "กระหม่อมเป็ นแค่เหยือสังเวย" ปลายเสียง แผ่ว ทีน่าแปลกคือองค์ปรุฟห์ไม่ดเุ ช่นทุกครัง แต่กลับตรัสว่า "นังนิงๆ สิ เดียวจะไม่ทนั ออกท้ องพระโรง" ผู้ทีห่วงว่าจะไม่ทนั กลับใช้ พระหัตถ์หยาบหนาจับปอยพระเกศาสีดุจสีเฆฆอุ้มฝนประคองอย่างเบามือ ทรงจับ พระสางวงเดือนค่อยๆ สางเส้ นพระเกศนิมช้ าๆ ตลอดความยาวทีจรดบันพระองค์อย่างไม่เร่งร้ อนดังทีเอ่ยว่า 'จะไม่ทนั ' สี ระเรือแต้ มบนพระปราง ยามทีองค์ยักษาผู้ยิงยศลดองค์มาทํางานเยียงนางกํานัล
"พอเถอะพ่ะย่ะค่ะ เดียวให้ มาลาเป็ นคนทํา" ทรงเกรงพระทัย ทว่าองค์ปรุฬห์กลับแย้ มพระสรวล อวดเขียวคม ก่อนทีจับรวบผมสีนิลพาดพระอังสะเล็กไว้ ด้ านหน้ า เปิ ดเห็นต้ นพระศอ องค์คีตภาจะเอียวองค์ แต่ก็นิงงัน ตัวแข็งทือ ยามทีรับรู้ว่าทีซอกพระศอ องค์ปรุฬห์ทาบพระโอษฐ์ อ่นุ จัดตีตรา ด้ วยคมเขียว "เจ้ าเป็ น 'ชายา' ของข้ า ดังนันอย่าลดตัวเองอีก" ลมหายใจระอุอ่นุ รินรดพระศอทีมีรอยขบกัดแดงกําดุจดอกไม้ สชี าดทีเบ่งบานกลางผิวสีมะปรางสุก พระหัตถ์หนาจับพระเกศารวบเป็ นมวยแล้ วนําพระเกียวติดจนเรียบร้ อย วรองค์เล็กแข็งทือ ไม่ใช่เพราะความขวย เขิน หากแต่เป็ นเพราะประโยคถัดมา "งามแล้ ว มาเถอะ ไปช่วยข้ ารับ 'นางเล็กๆ' ด้ วยกัน" ๔ องค์คีตภาเห็นแล้ วว่าองค์ปรุฬห์ มาโดยไร้ ส้ มุ เสียงหรือแม้ กระทังไม่เปิ ดประตูได้ อย่างไรก็ตอนทีถูกพาไปทีท้ อง พระโรงด้ วยการใช้ มนตราหายตัว องค์ยกั ษาจึงพาไปทีท้ องพระโรงทันเวลาซึงการปรากฎตัวของมนุษย์ ก็ทําให้ สภายักษ์ มี ความปั นป่ วนพอสมควร ทว่าวรองค์กํายํากลับจูงพระหัตถ์ของมนุษย์แล้ วเชิญนังบนพระทีนังตํากว่าแค่หนึงขัน ซึงทีตรงนัน เป็ นพระทีนังของราชินียกั ษา บรรดายักษ์ ทงหลายต่ ั างไม่พอใจ ทว่าก็เก็บงําความคิดไว้ ไม่ได้ แสดงออก ซึงอาการของบรรดายักษานัง องค์ คีต ภาก็ทรงสังเกต จึงอึดอัดพระทัย ตํากว่าพระทีนัง พระองค์ สงั เกตเห็นบรรดาสาวงามชาวยักษ์ เกือบสิบตน เมือองค์ปรุฟห์ ประทับนิง ปรวรุจ มหาอุปราชก็ถวายคํานับ "ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ ในวันนีบรรดาเสนาอํามาตย์ ผ้ จู งรักภักดีหลายท่าน อยากถวายบุตรีเพือเป็ นบาทบริ จาริกา ในองค์ปรุฬห์" องค์คีตภาประทับตรง แม้ หวันไหวในหทัย เกรงกลัวสารพัด ทว่าด้ วยขัตติยมานะทําให้ ทรงนิงเฉย กระนันเมือยล สิริโฉมสาวงามตนแรก พระองค์ก็อดเหลือบแลไปทีองค์ปรุฬห์ไม่ได้ "นางมีนามว่าสวารี เป็ นบุตรีของแม่ทพั รองแห่งวิปุลาพ่ะย่ะค่ะ" ปรวรุจเอ่ยแนะนําหญิงงามเจิดจรัสทีถวายบังคม ชดช้ อย องค์ปรุฟห์มีรับสังให้ นางเข้ ามาใกล้ ๆ ซึงนางก็เดินผ่านพระพักตร์ องค์คีตภา หางตาเหลือบมองสิริโฉม 'เจ้ าสาว แห่งสังวรี ' ผู้สงั หารองค์วารินยุพา ว่าทีพระมเหสี ก่อนจะไปทรุดนังตรงแทบพระบาท พระหัตน์หนาเชยปลายคางมนขึน เอ่ยชมสุรเสียงนุ่มนวล "เจ้ างามนัก..." องค์ปรุฟห์กระซิบถ้ อยความบางอย่าง แก่นาง หญิงสาวหน้ าแดงกํา ก่อนพยักหน้ า พอองค์ยกั ษาตรัสจบก็สงนางให้ ั กลับไปทีเดิม องค์คีตภาพระศอแข็งขึนมาโดยฉับพลัน นึกอยากมีมนตราหายตัว จะได้ หายไปจากท้ องพระโรง ไม่อยากดูอยาก มองการคัดเลือกนางสนม ...ทรงเหมือนถูกนํากริชกรีดแล้ วควักเอาหัวใจออกมาเผาบนกองไฟ เข้ าใจในนาทีนียามเอกอัคร มเหสีของกษัตริย์ทวโลกหล้ ั าคงหน้ าชืนอกตรม การแบ่งปั นผู้เป็ นทีรักแก่บคุ คลทีสองนันเป็ นเรืองทีสุดจะทนไหว หากแต่ ต้ องทนเมือมันเป็ นธรรมเนียม แต่นนไม่ ั เท่ากับว่าพระองค์เป็ นบุรุษทีไม่ควรคู่ตําแหน่งราชินีและไม่สามารถให้ กําเนิด ทายาท!
นําพระเนตรหลังรินในพระอุระ ยามทีต้ องทนมองหญิงสาวชิดใกล้ วรองค์ กํายํา ทีทรงตรัสบางคําทีริมใบหูของ หญิงสาวแต่ละตนตามลําดับศักดิฐานะของผู้ถวาย ท่ามกลางสายตาบรรดาเสนายักษา ทหาร และบุพการทีส่งบุตรีของตน ถวายเป็ นนางใน เมือสาวงามตนสุดท้ ายลงไปนังนิง องค์ปรุฬห์จึงตรัส "แต่ละนางงดงามยิงนัก คงเป็ นบุญวาสนาของเราทีได้ ครอง สาวงามทังหมดนี แต่เรามีหวั ใจเพียงดวงเดียว ซึงเราถอดวางในอุ้งพระหัตถ์ขององค์คีตภาแล้ ว" สุรเสียงทุ้มตรัสอ่อนโยนนัก พร้ อมกับก้ าวลงมาดึงพระพาหาของวรองค์โปร่ งประทับเคียงกัน ท่ามกลางสายตา ตกตะลึงของบรรดายักษ์ ในท้ องพระโรง "ข้ ายินดียกบุตรีให้ ท่านเป็ นนางเล็กๆ" แม่ทพั รองเอ่ยขึน บุตรี คนงามก้ มศีรษะลง ดวงหน้ าแดงกํา "สวารีเป็ นถึงบุตรของแม่ทพั รอง นางมีค่ามากกว่าจะเป็ นรองใคร แม้ ข้าจะไม่รักองค์คีตภา แต่บรรดาสาวงามที พวกท่านยกถวายข้ าก็มีเกียรติและศักดิศรีเกินจะเป็ นแค่นางเล็กๆ และข้ าคงไม่อาจทําให้ พวกนางเจ็บชํานําใจเมือไม่ได้ เป็ นทีหนึง" องค์ปรุฟห์ตรัสหนักแน่น "ตะ...แต่ องค์คีตภาเป็ นมนุษย์ นันยังไม่นบั ว่าพระองค์ไม่ใช่สตรีแล้ วจะให้ ถือกําเนิดรัชทายาทอย่างไร" หนึงใน เสนายักษ์ หน้ าดุค้าน ผู้ทีถูกกล่าวถึงรู้สกึ ถึงความเย็นเยียบในพระทัย ทว่าองค์ปรุฟห์ กลับนิงเฉย "ต่อให้ สนบุ ิ ญเรา ผู้ทีเหมาะสมกับ ตําแหน่งกษัตริย์ก็มีอยู่ อย่างท่านปรวรุจ มหาอุปราช" สุรเสียงเย็นเยียบ ปรวรุจหลบสายพระเนตรดุดนั ยักษ์ หลายตนสะดุ้งในใจ เพราะกลัวเรืองถูกกล่าวหาว่าเป็ น กบฏ นับตังแต่องค์ปรุฟห์รับเจ้ าชายแห่งสังวรีเป็ นเจ้ าสาว คลืนใต้ นําก็ก่อนตัวเงียบๆ หลายตนถือข้ างมหาอุปราช แต่ก็ไม่มี ใครกล้ ากระด้ างกระเดืองชัดเจนเนืองจากเกรงพระราชอํานาจขององค์ปรุฟห์ทีได้ พนั ธมิตรอย่างพญากุมภีล์แห่งท้ องนที ปาณฑา และยังมีเกนรี โอรสของบรรดามยุราในฐานะองค์บรรณาการทีสามารถบัญชาทหารทีเก่งกาจในเชิงธนูมาช่วยรบ ได้ อีก "แต่ชาวยักษาอยากได้ องค์ รัชทายาทจากสายเลือดของพระองค์" เสนาอีกตนกล่าวขึน "ข้ ายังไม่ได้ พูดว่าข้ าจะไม่มีบุตรชาย" องค์ปรุฟห์ ตรัส "ครบทศมาส พวกเจ้ าคงได้ เห็นบุตรแห่งเราและองค์ คีตภา" คํากล่าวนันไม่เพียงจะนําความงุนงงสงสัยแก่บรรดาเสนาอํามาตย์ ผู้ทีต้ องให้ กําเนิดเด็กคนทีว่าอย่างองค์ คีตภา ก็สงสัยไม่แพ้ กนั ว่า...พระองค์ จะให้ กําเนิดเด็กได้ อย่างไร ๕ องค์คีตภากังวลกับคําพูดขององค์ปรุฟห์ กระทังกลับมาถึงทีประทับแล้ วก็ยังครุ่นคิดถึงพระวาจานัน อยากตรัส ถามองค์ ยกั ษาว่าบุรุษจะมีเด็กได้ อย่างไร ทว่าองค์ปรุฬห์ก็ติดทรงงาน ทิงพระองค์ไว้ กบั มาลา นางกํานัลหุ่นแปลงช่วยถอด ฉลองพระองค์ เจ้ าชายหนุ่มจัดแจงเรืองกิจวัตรประจําวัน อย่างการช่วยองค์ ยกั ษาตรวจตรางานราชกิจก็มืดคํา จึงเข้ า บรรทม มาลาก็ยืนรอรับใช้ ซึงองค์ คีตภานันชาชินแล้ ว เพราะหากองค์ปรุฟห์ไม่กลับมา มาลาก็จะไม่คืนสู่รูปกระดาษ เปลือกพระเนตรจึงปิ ดสนิท หลับใหลพร้ อมห้ วงความคิดทีสับสน ทรงตืนจากบรรทมอีกครังตอนทีพระแท่นยวบ พอลืมพระเนตรก็เห็นวรองค์ กํายําโน้ มพระพักตร์ เหนือร่างจึงชัน องค์ขนึ เขยิบออกห่าง พระจันทร์ เต็มดวงกระจ่างท้ องนภายามคําส่องให้ เห็นพระพักตร์ คร้ ามคมทีไร้ รอยกังวล “องค์ปรุฟห์ ” เจ้ าชายหนุ่มเอ่ยเรี ยก “เอ่อ...เรืองทีท่านพูด กระหม่อมกังวล ท่านลืมไปแล้ วหรือว่ากระหม่อมไม่ใช่ สตรี ” ทรงตรัสอย่างกังวลทว่ายักษ์ หนุ่มกลับโอบประคองให้ นอนลงเคียงกัน ปลายดัชนีเกียวพันพระเกศานิมสลวยเล่น
“แล้ วเจ้ าชอบเด็กชายหรือเด็กหญิงล่ะ” องค์ปรุฟห์ ถามราวกับว่าพระองค์จะมีทารกถวายให้ ได้ กระนัน “อย่าตรัสล้ อกระหม่อมเล่นสิพ่ะย่ะค่ะ เรืองนีเป็ นเรืองตึงเครี ยดไม่ใช่หรือ กระหม่อมไม่ติพระองค์เลยหากจะรับ นางสนม” สีพระพักตร์ งดงามมีรอยเครี ยดขรึม “แล้ วเจ้ าทนเห็นข้ าอุ้มชูบตุ รทีเกิดจากหญิงอืนได้ หรือ...ช่างใจร้ ายนักนะเจ้ า ข้ าหรืออุตส่าห์ปฏิเสธสาวงามนับสิบ ทีเตรียมรอเข้ ามาเป็ นบาทบริจาริกาเพือเจ้ าคนเดียว แต่เจ้ ากลับตัดรอนข้ าเช่นนี ใจร้ ายนัก” พระเนตรคมดุมีรอยวิบวับ “องค์ปรุฟห์...คุยกันจริงๆ จังๆ สิพ่ะย่ะค่ะ” นําเสียงของเจ้ าชายหนุ่มเข้ มขึน ทว่าจ้ าวยักษาไล้ ปลายนิวกวาดไร พระเกศาให้ พ้นจากพระนลาฏ ก่อนจะจุมพิตอุ่นหวาน “นีก็จริงจัง เจ้ าไม่เชือหรือว่าข้ าประทานบุตรให้ เจ้ าได้ ข้ าถึงถามว่าเจ้ าชอบเด็กชายหรือเด็กหญิ ง” ทรงถามด้ วย นําเสียงจริงจังขึน องค์คีตภาเขยิบหนุ่นท่อนพระพาหา เอียงองค์ซุกซบพระอุระกํายํา ตอบแผ่วเบา “กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ เพราะไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเด็กเอง อีกอย่างกระหม่อมคงไม่ชอบทารกเล็กๆ นัก” “หากมีเจ้ าจะรักเด็กคนนันไหม” ทรงตรัสถามเสียงเรี ยบ “ยังไม่แน่ใจนักพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เคยคิดด้ วยซําจนท่านพูด กระหม่อมก็ยงั นึกไม่ออกเลย แต่หากเหมือนท่าน กระหม่อมคงรักแน่ๆ ล่ะ” องค์คีตภาตรัสตามความรู้สกึ จากเนือแท้ พระหัตถ์หนาจับข้ อพระหัตถ์เล็กขึนก่อนทีจะประทับพระโอษฐ์ ตรงเส้ นพระโลหิต เขียวคมขบกัดผิวเนืออ่อนจน โลหิตสีสดรินหลังอาบท่อนพระกร องค์คีตภานิวพระพักตร์ ไม่ร้ ูยักษาหนุ่มเคืองขุ่นเรืองใด ความเจ็บแปลบจากบาดแผลนัน ทําให้ ร้องไม่ออก หยดสีแดงกําทะลักเพราะเป็ นจุดรวมของเส้ นพระโลหิต ยักษาหนุ่มถอนริมฝี ปากทีฉําด้ วยหยดเลือด เคลือนใบหน้ าแนบริมพระโอษฐ์ น่มุ ทีส่งเสียงครางแผ่วๆ ราวคน สินใจ รสชาติของเลือดเค็มคาวในโพรงปากนุ่ม องค์คีตภาเพิงรู้ ว่ารสชาติโลหิตของพระองค์เองก็วนั นี การเสียเลือดทําให้ พระเนตรพร่า จับจุดสังเกตไม่ได้ พระองค์ ไม่ร้ ู ว่าเหตุใดองค์ปรุฟห์ถึงอํามหิตรังแกกันถึงเพียงนี "ซะ...ทรงพิโรธเรืองใด” องค์คีตภาตัดพ้ อ องค์ปรุฟห์ชนั วรองค์ขนึ ก่อนจะจับท่อนพระกรอีกข้ างขึน กัดผิวเนืออ่อนอีกเขียว พระโลหิตไหลชุ่มท่อนพระกรน่า กลัว ยักษาหนุ่มจ้ องมองด้ วยแววพระเนตรเย็นเยือก มาลาปรากฏกายขึนยืนผ้ าขาวสะอาดให้ องค์ ยกั ษาซับหยดเลือดทีริน หลังจากรอยแผลจนผ้ าขาวผืนนันเปรอะสีแดงกําไปทังผืนแทบไม่เห็นสีเดิมของเนือผ้ า นางกํานัลหุ่นแปลงนําพานทองมา รับผ้ าขาว ก่อนจะไปยืนสงบตรงมุมห้ อง องค์ปรุหฟ์จับท่อนพระกรทีเลือดไหลรินจรดริมพระโอษฐ์ ใช้ พระชิวหาไล้ รอยคมเขียว ความเจ็บพล่านวรกาย โปร่ง จนทนครองสติไม่ไหว สินสติตอนมาลาเก็บผ้ าผืนนัน องค์คีตภาจึงไม่ได้ ยินคําตรัสนุ่มนวล “ข้ าขอโทษทีทําให้ เจ้ าเจ็บ” รอยแผลเลือนหายจนไม่หลงเหลือว่าเคยถูกเขียวคมขบกัด ยักษ์ หนุ่มอุ้มวรองค์ โปร่ง ขึน รอให้ มาลาเปลียนผ้ าปูพระแท่นใหม่ จึงวางร่างโปร่งลงบนพระแท่นอย่างนุ่มนวล ดึงแพรเพลาะห่มให้ แล้ วจึงจากไป พร้ อมมาลาทีถือพานเปื อนพระโลหิต ๖ พระจันทร์ เต็มดวงยังฉายบนท้ องนภา ทอดแสงนุ่มนวล วรองค์ สงู ในชุดขาวพร่างดุจพราหมณ์ทรุดองค์ขดั สมาธิ ริมฝั งแม่นาใสสะอาดที ํ สะท้ อนเงาจันทร์ สกุ สว่าง "มาลา เตรี ยมพิธี"
องค์ปรุฟห์ตรัสเรียกนางกํานัลหุ่นแปลงทีประคองพานทองไว้ อย่างระมัดระวัง นางส่งพานทองให้ นายเหนือหัว ซึง พระองค์ รับไปวางบนก้ อนหินผิวเรียบ แล้ วจึงนําดินสีขาวนวลริ มฝั งสายธารใส่ในผอบมาวางลงตรงหน้ าพระพักตร์ จากนัน ก็ตกั นําใสทีสะท้ อนแสงจันทร์ นวลผ่องมาอีกหนึงคนโท พอเสร็ จสิน นางก็คืนสู่รูปกระดาษ องค์ปรุฟห์ดึงผอบนําดินขาวผ่องมาปั นรูปหุ่นมนุษย์ ทรงวิจิตรปั นแล้ วแบ่งเป็ นสอง นํานิลกาฬแทนดวงตา บุษรา แทนจมูก ทับทิมเป็ นปาก พระจันทร์ สกุ ใสกระจ่างแจ่ม ในป่ าสงบเงียบราวกับจะได้ ยินลมหายใจของพระจันทร์ องค์ปรุฟห์ปิดเปลือกพระ เนตร เข้ าฌานดิงลึกจวบจนจันทร์ คล้ อยตําเหลือเพียงเสียว พระองค์จงึ ลืมพระเนตร ดึงกริชออกจากฝั ก สูดพระอัสสาสะลึก แล้ วพรํ าท่องมนตราสันๆ ก่อนทีจะจ่อคมกริชตรงพระอุระด้ านซ้ าย แทงลึกเกือบถึงเนือพระหทัย พระโลหิตหลังรินเป็ นสาย ยามดึงกริ ชออกจากปากแผล ทรงวางกริชลง พระหัตถ์เอือมคว้ าผ้ าเปื อนพระโลหิตองค์ คีตภามาซับพระโลหิตองค์เองจน ผืนผ้ าชุ่มสีแดงกํา จึงรักษาบาดแผลด้ านใน ทว่าเพราะเป็ นแผลอันเกิดจากกริชมนตราจึงไม่หายสนิท แผลด้ านนอกจึง เหลือรอยแผลสด เจ็บแสนเจ็บ แต่ก็ทรงกัดพระทนต์ พิธีกรรมนีต้ องใช้ โลหิตของพระองค์กบั องค์คีตภา ซึงหากจะให้ ศักดิสิทธิ ต้ องเป็ นเลือดจากหัวใจเป็ นเครืองเซ่นบูชายัญ แต่พระองค์มิอาจทนเห็นผู้เป็ นทีรักเจ็บเจียนตายหรือหากพลาด องค์คีตภาคงสินลมหายใจ จึงยอมเป็ นฝ่ ายเจ็บกายเจียนตายแทน พระองค์กรีดเลือดใส่จอกจนเต็มเพือใช้ เป็ นเครืองบัดพลีองค์เทพทีจะอัญเชิญ กลินเลือดคาวคลุ้งอบอวลริมฝั งนํา มาลาปรากฏกายจากมนตรา นางถือผ้ าพันแผลพันรอบพระอุระ แล้ วยืนสงบนิงด้ านหลัง เมือองค์ปรุฟห์นงสมาธิ ั ทรงพรํ า พระเวททีไปเพ็ญเพียร มนตราอันศักดิสิทธิ ส่งผลให้ สภาพรอบๆ มืดฟ้ามัวดิน ท้ องฟ้าวิปริ ตแปรปรวนดุจมีฟ้าฝนคะนอง อัสนีผ่าเปรียง มาลาทานทนฤทธิอันแก่กล้ าไม่ไหว สลายเป็ นเถ้ าธุลี เบืองพระพักตร์ นนมี ั หมอกควันหนาทึบ ก่อเป็ นรูปคนรูปร่ างกํายํา พอริวหมอกสลัวรางจึงปรากฏเป็ นองค์ยมราช ผู้มีพระฉวีสที องแดง พระพักตร์ ดุดนั ดวงตาสีโกเมนเรืองรอง “เจ้ าอัญเชิญข้ ามาเพือสิงใด” พญายมราชเหมรัตน์ตรัสถามดุกร้ าว องค์ยกั ษาค้ อมพระเศียรเคารพจ้ าวแห่งความตายด้ วยความนบน้ อบ เอือนเอ่ยวาจาเรียบนิง “ข้ าอัญเชิญพระองค์ เพือขอความเมตตาประทานบุตรแห่งข้ า” พระยมราชทรงพระสรวลกึกก้ อง “น่าขํานักทีบุรุษเฉกเช่นท่านใช้ มนต์อญ ั เชิญเทพเพือขอบุตร ...ซํายังเป็ นพระยม เช่นข้ า” “หากเป็ นเทพองค์อืนคงไม่เข้ าใจนอกจากพระองค์ ผ้ ซู งเลื ึ องลือไปทังสามภพว่าขโมยโอรสแห่งองค์ โสมเทพกักขัง ในห้ วงโลกันตร์ ด้วยใจเสน่หา*** ข้ า...จึงขอความเมตตากับพระองค์” องค์ปรุฟห์กล่าวด้ วยความเคารพ “ข้ าขอให้ ห่นุ ปั นมี ชีวิตจากวิญญาณ มีเลือดเนือ และเติบโตเช่นเด็กทีเกิดแต่สายเลือดยักษาและมนุษย์ ” พญายมราชทรงนิงอึง เข้ าพระทัยแล้ วว่าเช่นไร องค์ ยกั ษาจึงทรงอัญเชิญพระองค์ และมนตรานีหากเทพจะไม่ สามารถคืนสูภ่ พภูมิตนจนกว่าจะประทานพร เพือแลกกับเครืองบูชายัญ “ช่างอาญหาญสังข้ านัก หากข้ าไม่พอใจเจ้ าถึงกาลวิบตั ิก็ไม่กลัวหรือ” จะทรงให้ พรง่ายดายก็มิใช่จ้าวแห่งนรก องค์ปรุฟห์ทอดยิม “หากได้ บตุ รแห่งข้ ากับองค์คีตภาก็สมค่าจะแลกพ่ะย่ะค่ะ” วาจานุ่มนวลเต็มไปด้ วยความเคารพนันทําให้ พญายมราชหัวเราะหึ ก่อนจะให้ พร แสงสีทองอร่ามล้ อมรอบหุ่น มนุษย์สองตน องค์ปรุฟห์ ฉีกผ้ าทีเปื อนโลหิตเป็ นสองส่วน วางบนตําแหน่งอกด้ านซ้ าย แทนหัวใจและเลือดเนือ ผ้ าสีแดง
คลํากลืนหายไปในเนือดิน ก่อนมันจะค่อยๆ แปรสภาพมีผิวเนือนวลผ่องเริมจากส่วนปลายเท้ า ไล่มาจนถึงช่วงตัว และ สุดท้ ายทีศีรษะ หุ่นสองตัวกลายเป็ นทารกชายหญิงทีเหมือนกันดุจฝาแฝด แต่ไร้ ซงลมหายใจ ึ องค์ยมราชลืมพระเนตรขึนพร้ อมองค์ปรุฟห์ “เพราะเจ้ ามีวิชาหุ่นแปลง จึงสามารถสร้ างร่างทารกได้ สนิ ะ ช่าง เก่งกาจนักทีรําเรียนวิชาชันสูงได้ ” “หามิได้ กษัตริ ย์ผ้ รู ับเจ้ าสาวแห่งสังวรี จําต้ องเรียนรู้มนต์นีทุกตนเพือปกปั กพวกนาง” องค์ปรุฟห์ กล่าวถ่อมตน พระยายมเหมรัตน์ทรงสะบัดพระหัตถ์สองครัง ลูกไฟสีนวลก็ปรากฏบนอุ้งพระหัตถ์ “นีเป็ นวิญญาณมนุษย์ครึง ยักษ์ หนึงในบรรพบุรุษเจ้ าซึงมีเวรกรรมยังไม่ได้ ผดุ ได้ เกิด” ตรัสแล้ วก็สง่ ดวงวิญญาณลงในรูปหุ่นดิน “ทีเหลือมันก็แล้ วแต่ เจ้ าจะปลุกมันมีชีวิต” พอสินพิธี ร่างของพระยมก็เลือนลับ
TBC ***จากบ่วงบุหลัน คําขอของราชันย์ (ณ ดินแดนแห่ งรั ก+ปรปั กษ์ เสน่ หา) องค์ปรุฟห์ทรงทราบข่าวจากจารบุรุษว่าองค์ภวิษณุ์ปราบอดีตกษัตริย์กุมภีล์พร้ อมกรบัลลพ หัวหน้ าเหล่ากบฏลง ได้ จึงส่งพระราชสาน์ สอย่างไม่เป็ นทางการเชือเชิญพญากุมภีล์หนุ่มเพือมีพระปฏิสนั ถารด้ วยเรืองขององค์ คีตภา ผู้ซงกุ ึ ม พระราชหทัยของพระองค์ กุมภีล์หนุ่มมาตามคําเชือเชิญ ซึงสถานทีนัดพบระหว่างสองผู้ยิงยศคือกึงกลางท้ องนทีปาณฑา เป็ นพลับพลาที เนรมิตจากมนตราลอยเหนือผืนนํา ทหารยักษาและกุมภีล์เฝ้าระวังสองฝั ง พร้ อมจะสู้รบปกปั กเจ้ านายเต็มที หากเกิดเหตุ ไม่คาดฝั น องค์ภวิษณุ์หยิบถ้ วยนําจัณฑ์ขนจิ ึ บระหว่างฟั งพระวาจาจากองค์ราชันย์ยักษา "สิงทีข้ าจะขอร้ องต่อท่าน นับว่าเป็ นเรืองลําบากใจไม่ใช่น้อย" องค์ ปรุฟห์เกริน "คําขอร้ องของท่านคือสิงใด" องค์ภวิษณุ์คร้ านจะเยินเย้ อด้ วยวาจาเชิงทูต "ข้ าจะขอราชองครักษ์ และบรรดานางพระกํานัลแห่งองค์ คีตภา พระชายาแห่งเราคืน" องค์ยกั ษาตรัสจบ กุมภีล์หนุ่มก็สง่ สายพระเนตรดุดนั เอ่ยเย็นชา "ท่านจะนํานางกํานัลปากมากพวกนันไปข้ าไม่ ว่า แต่สาํ หรับคริษฐาข้ าไม่ยกให้ " องค์ยกั ษามีสพี ระพักตร์ เรียบเย็น "คริษฐาเป็ นข้ ารองบาทแห่งองค์ คีตภา ท่านไม่มีสทิ ธิกักขัง เขาต้ องไปอารักขา เจ้ านายตามหน้ าที" "หืมม์...กังขัง? ช่างพูดหยาบคายนัก" พระเนตรทีเหมือนตาสัตว์ ร้ายตวัดจ้ องดุดนั "ข้ ากักขังเขาไว้ ณ ทีเดียวคือใน หทัยของข้ า หากท่านอ้ างสิทธิ ข้ าก็ไม่ให้ คริษฐาอยู่ในตําแหน่งเดียวกับพระชายาของข้ า จะให้ ไปรับใช้ คนอืนคงหลูเ่ กียรติ เรา... อ้ อ...ถ้ าท่านไม่มีความสามารถปกป้องชายาของท่านจนต้ องขอร้ องให้ มนุษย์ ด้วยกันมาปกป้อง ข้ าก็สนวาจาจะพู ิ ด แล้ ว"
จอกนําจัณฑ์ในอุ้งพระหัตถ์ของจ้ าวกุมภีล์แหลกร้ าว วรองค์ กํายํายืนเต็มความสูง ทหารกุมภีล์และยักษาจับ อาวุธเตรียมหําหัน ทว่าบดินทร์ ทงสององค์ ั ยกพระหัตถ์ขนึ เหล่าทหารจึงลดอาวุธ ยืนนิงตามเดิม องค์ยกั ษายังประทับนังนิง วางพระหัตถ์บนเข่า พระปฤษฏางค์ตงตรง ั ส่งสายพระเนตรนิงดุจผืนนํามองจ้ าว กุมภีล์ "ขอบพระทัยทีองค์ภวิษณุ์ให้ เกียรติราชองครักษ์ แห่งชายาเรา...องค์คีตภาจะได้ สนความห่ ิ วงใยเสียที ข้ าถือวาจา ของท่านในวันนีเป็ นสัจจะต่อพระแม่คงคา หากท่านทําร้ ายคริษฐา ข้ าจะนําเขาคืนต่อองค์คีตภาตลอดกาล ส่วนนางพระ กํานัล ข้ าจะส่งทหารมารับในเพ็ญหน้ า ขออําลา" รอยแย้ มสรวลจุดทีมุมพระโอษฐ์ เพียงนิด พระเศียรก้ มลงเคารพเล็กน้ อยก่อนจะลุกขึน เดินลงไปตามสะพานที สร้ างจากสายนํา ทิงพญากุมภีล์เดือดดาลใจเงียบๆ ยามถูกยัวโทสะให้ เปิ ดเผยความในใจ ...เจ้ายักษ์ เจ้าเล่ห์ มันน่านัก อย่าให้ถึงคราวข้าบ้างเถอะ... องค์ภวิษณุ์เข่นเขียวกับความใจร้ อนตามสัญชาตญานตนเอง