นิรันดร์คือเธอ แต่งโดย : Rain-at-Rose เลขมาตรฐานสากลประจ�ำหนังสือ : ISBN 978-616-445-989-2 ราคา 320 บาท สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 (ฉบับเพิม่ เติม) บรรณาธิการ : เสีย้ วดอกขาว , เพชรา พิสูจน์อักษร : เพชรา ออกแบบปก / Artwork : Cucullia & Merlinine , Jirito ออกแบบรูปเล่ม : เสีย้ วดอกขาว Genre : Romantic , Fantasy
จัดพิมพ์และจัดจ�ำหน่ายโดย : Navaratta http://www.navarattashop.com E-mail : navarattaboard@hotmail.com Facebook : Navaratta พิมพ์ครัง้ ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 นิยายเรื่องนีแ้ ต่งขึน้ เพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุ คคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทัง้ สิน้
นิรันดร์คือเธอ
Rain-at-Rose
Prologue ชายหนุม่ ร่างสูงในชุดสีขมุกขมัวซึง่ เคยเป็นสีขาวสะอาด บนข้อแขน และขาแข็งแรงมีตรวนพันธนาการ อกผึง่ ผายคล�ำ้ แดด ผมสีทองยาวรุงรังเป็น สังกะตัง ใบหน้าคมคายถูกบดบังด้วยเครารกครึ้ม แม้ท่าทางจะอ่อนล้าจน ดูเหมือนพร้อมที่จะล้มลงได้ในทุกเมื่อแต่ในดวงตาสีเขียวดุจมรกตนั้นเปี่ยม ด้วยไฟแค้นลุกโชน ต่อให้ตกเป็นทาสศัตรูกไ็ ม่มวี นั จะยอมแพ้ ความแค้นมัน ไม่เคยดับ ต่อให้ทนทุกข์ทรมานก็จะรอดกลับไป เสียงแส้ฟาดอากาศพร้อมตะคอกดังขัดความคิด “ไอ้พวกเฬวรากรีบลงมือขัดเรือสิโว้ย อย่ามัวแต่อู้สิวะ” มันเป็นแค่ลิงที่ชอบขู่ มือกร้านก�ำแน่น แหงนหน้ามองท้องฟ้า ยามเย็น ขอบฟ้าสีชมพูอมส้มไล่ขอบจนมืดมิดแปรเปลี่ยนเป็นขมุกขมัว ลมกระโชกแรง เสียงผ้าใบทีข่ งึ กับเสากระโดงเรือดังพึบ่ พับ่ ปนกับเสียงตะโกน ก้อง “มีพายุพดั เข้ามาแรงมาก เตรียมใบเรือให้พร้อม” ต้นหนเรือตะโกน จู่ๆ ทุกอย่างก็ปั่นป่วน ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ เมฆด�ำคล�้ำก่อตัวเป็น ก้อนใหญ่ คลื่นลมสงบกลับแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงจนยืนแทบไม่อยู่ ร่างในชุดสกปรกพยายามลุกขึ้นแต่ก็ล้มลงเมื่อเรือโยกไหวปะทะ 5
นิรันดร์คือเธอ
คลื่น แปรงแข็งๆ ในมือร่วงหล่น ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อเห็นคลื่น ลูกมหึมาซัดเข้าหาเรือล�ำใหญ่ เสียงกรีดร้องดังระงม เพียงไม่กวี่ นิ าที คลืน่ ยักษ์กบ็ ดขยีเ้ รือล�ำใหญ่ จนหักเป็นสองท่อน ผู้คนในเรือต่างวุ่นวายเอาตัวรอดจากคลื่นปั่นป่วนและ เรือที่เริ่มจมลงสู่ใต้สมุทร ทาสหนุม่ ผูม้ นี ยั น์ตาสีเขียวพยายามจะยืนบนเรือโคลงเคลงพลันกลิง้ ล้มคว�ำ่ ร่างไถลไปกับความลาดชันของเรือทีก่ ำ� ลังจม ผิวทะเลเกลือ่ นไปด้วย เศษไม้และคนตาย โชคร้ายโซ่ทถี่ กู บังคับให้ใส่ไว้นนั้ เกีย่ วเข้ากับแผ่นกระดาน หนาหนัก เขาจมลงในน�้ำโดยยังมีพันธนาการที่ขาและแขน มันติดตรึงบนไม้ กระดานที่เขาไม่สามารถสลัดหลุด ทาสหนุม่ ส�ำลักน�ำ้ เค็มทีพ่ รูเข้าจมูกจนแสบ ปอดราวกับจะระเบิดเมือ่ น�้ำทะเลทะลักเข้าปากตอนที่พยายามอ้าปากกลืนอากาศตามสัญชาตญาณ ความตายไม่ใช่เรื่องน่ายินดี เพราะเขายังมีความหวังที่จะรอดชีวิต กลับไป เขาถูกไม้กระดานแผ่นหนาหนักถ่วงจนจมดิง่ ใต้ผนื มหาสมุทรอย่าง รวดเร็ว น�้ำทะเลอันแสนเย็นเยือกหุ้มกาย แทบลืมเลือนความเหน็บหนาว ความตาย และ...ความแค้น! แต่เพราะความแค้นที่สุมในอก และเป็นแรงผลักดันให้มีชีวิตจนถึง ณ วันนี้ ท�ำให้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดเพื่อกลับไปสะสางความแค้น ทว่าท้ายที่สุด ความตายก็เอื้อมมือเข้าหา เขารู้ว่าอีกไม่นานก็จะพบความมืดมิดและไม่มี โอกาสอีกตลอดไป ในยามทีท่ าสหนุม่ ใกล้จะยอมแพ้ แสงสีทองพลันสว่างวาบเหนือห้วง น�้ำ และเขาก็ได้เห็นร่างที่มีปีกสีด�ำสยาย ในมือถือเคียวคมกริบ ใบหน้าซ่อน ภายใต้หมวกเสื้อคลุมสีด�ำ ดวงตาสีเขียวมองเห็นแต่เพียงมือที่ยื่นมาหา เขา เอื้อมคว้าตามสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด พลันเมื่อสัมผัสก็ถูกรั้งเข้าหาอ้อม 6
Rain-at-Rose
แขนนั้น ชายหนุ่มจึงเห็นเจ้าของร่างชัดตา “ความดีงามเพียงเสีย้ วเดียวในชีวติ ของเจ้าคือส่วนหนึง่ ของหัวใจข้า ไม่คิดเลยว่าข้าจะเจอกับเจ้า เพอร์เซโฟนีของข้า” หากเสียงที่ได้ยินและภาพที่เห็นไม่ใช่เพียงภาพหลอน เขาก็คิดว่า ความตายนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไปเมื่อมีเทวทูตรูปงามมารับวิญญาณ ของเขา แล้วสติก็เลือนรางราวกับเทียนถูกดับแสง ยุคสมัยปกครองอาณาจักรมอร์เวนน่าของโพไซดอนโทเพนกาและ วารูน่าไนดาเรียเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางแสงอรุณอันสดใส แม้ว่าราชินีแห่งอาณาจักรจะเป็นมนุษย์เพศชาย หากแต่เจ้าสมุทร ประทานความรักให้มากมายกระทัง่ จัดงานเฉลิมฉลองวันวิวาห์ขนึ้ มาอีกครัง้ ในครั้งนี้เพื่อให้เกียรติราชินีแสนรัก จึงเชื้อเชิญเหล่าทวยเทพเพื่อมาอวยพร เสียงดนตรีจากนางเงือกไซเรนบรรเลงเคล้าเสียงหัวเราะจากบรรดา เทพทีม่ าร่วมงาน ความสนุกสนานทัง้ หลายพลันเงียบสงบเมือ่ ปรากฏร่างของ ผู้ที่สวมชุดสีด�ำสนิททั้งร่าง ใบหน้าซ่อนใต้ฮู้ดจนไม่สามารถมองเห็น มือที่ โผล่พน้ แขนเสือ้ ถือกล่องสีทองอันเป็นสีสนั เดียวทีต่ ดั กันจนเด่นสะดุดนัยน์ตา ของเหล่าเทพเทพี เจ้าสมุทรที่ประทับนั่งบนบัลลังก์เคียงข้างราชินีลุกขึ้น ทรงก�ำด้าม ตรีศูลแน่น พระพักตร์ที่เปี่ยมรอยแย้มยิ้มมลาย เมื่อประจันหน้ากับแขกราย สุดท้าย พระเนตรสีไพลินแฝงรอยไม่พอพระทัยและทวีขึ้นเมื่อแขกไม่ได้รับ เชิญดึงฮูด้ ทีป่ ดิ บังใบหน้าออกก่อนแย้มยิม้ ทักทายพร้อมยืน่ กล่องสีทองในมือ ให้เจ้าของงาน “ที่ปราสาทเจ้ามีงานรื่นเริง เจ้าอัญเชิญเทพมากมายแต่เจ้ากลับไม่ เชิญข้า รู้ไหมว่าข้าน่ะน้อยใจถึงเพียงไหน แต่ก็เอาเถอะ ข้าไม่ได้คิดเล็กคิด 7
นิรันดร์คือเธอ
น้อย ข้ามาวันนีอ้ าจจะรบกวนงานเลีย้ งของเจ้า ข้าใช้เวลาไม่นานหรอก นีค่ อื ของขวัญจากข้าทีน่ ำ� มาแสดงความยินดีแก่วารูนา่ รับรองว่าต้องถูกใจเจ้าแน่” น�้ำเสียงเอ่ยอย่างรื่นเริงไม่เข้ากับสีหน้าเรียบเฉยเลยสักนิด “พี่ฮาเดส ข้าต้องขอขอบคุณส�ำหรับของขวัญของท่านมาก และข้า ต้องขออภัยที่ไม่ได้รับเชิญท่านมาร่วมเป็นเกียรติภายในงาน ข้าคิดว่าท่าน คงไม่ชอบงานเลี้ยงรื่นเริงจึงไม่กล้า ‘เชิญ’ พี่มาร่วมงาน” โทเพนกาตรัส “งานรับขวัญวารูน่าของเจ้าทั้งที ข้าจะไม่มาได้อย่างไร” ฮาเดส นอคซ์ยังท�ำหน้ายิ้มระรื่นแม้จะถูกเหน็บ เจ้าสมุทรยังท�ำสีพระพักตนิ่งขรึม อย่างระแวดระวัง “อย่าท�ำสีหน้าระแวงแบบนั้นสิ ข้าอุตส่าห์หาของขวัญที่เหมาะกับ วารูน่าของเจ้าได้ สิ่งที่ข้าจะมอบให้เจ้าคือสิ่งล�้ำค่าที่สุด ที่ข้าจ�ำใจต้องฝืนกฎ ของตัวเองเชียวนะ มันดีต่อเจ้าและวารูน่าที่แสนจะน่ารักของเจ้า” เพราะค�ำว่า ‘วารูน่าที่แสนน่ารัก’ ดวงเนตรสีไพลินวาวจ้า จนไนดา เรียต้องเอ่ยขัดตาทัพ “ขอบคุณท่านฮาเดสที่เมตตาต่อข้า” ฮาเดส นอคซ์หันมาทางไนดาเรีย ก่อนจะส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้วารูน่า เพือ่ หยอกยัว่ เจ้าสมุทร “ข้าล�ำบากหามาเพือ่ เจ้าเพียงผูเ้ ดียว” ยืน่ กล่องสีทอง ให้ไนดาเรียถือไว้ โทเพนกาทรงกริ้ว หากแต่ระงับโทสะ รู้แน่แก่ใจ ฮาเดส นอคซ์ ไม่ ได้มาเพือ่ แสดงความยินดี หากแต่มาเพือ่ กวนโทสะทีถ่ กู หักหน้าเพราะไม่ได้ รับเชิญให้มาร่วมงาน ไนดาเรียยิ้มแย้มหากแต่ในใจหวั่นผวา เกรงว่าสองมหาเทพจะ ทะเลาะกันจนงานล่มกลางคัน จึงเอ่ยขอบคุณอีกครัง้ และเชิญแขกเข้าร่วมงาน “ขอบคุณของขวัญของท่าน เอ่อ เชิญท่านพักผ่อนตามสบาย ที่นี่มี เมรัยจากไดโอนีซุสด้วยนะ” 8
Rain-at-Rose
“ไม่ละ” ฮาเดส นอคซ์สบอารมณ์แล้วก็เตรียมจะจากไป ส่วนงานเลี้ยงฉลองวันวิวาห์รอบที่สองสิ้นความรื่นเริงหลังเทพแห่ง ความตายปรากฎกายเพียงไม่นาน ไม่ตา่ งอะไรจากครัง้ แรกทีแ่ สนเงียบเหงา เพราะโทเพนกาไม่ประสงค์จะวิวาห์ โทเพนกากริ้วจัด ส่วนไนดาเรียคอยส่งเหล่าเทพที่ทยอยอ�ำลาทีละ องค์ ก่อนทีจ่ ะมีนางก�ำนัลตามเจ้าสมุทรไปดูเทพองค์หนึง่ ทีเ่ มามายด้วยเมรัย รสเลิศของไดโอนีซุส ภายในห้องพักผ่อน แขกที่โวยวายล้มตัวนอนแผ่หลาบนเตียง โทเพนกาเข้ามาดูดว้ ยพระองค์เองก็เห็นว่าเป็นเทพแห่งความรัก อีรอสก�ำลัง เมามายได้ที่จนนางก�ำนัลรับมือไม่ไหว “หนาย ครายบอกว่าฮาเดสมา” กามเทพหนุ่มรูปงามโงพระเศียร ขึ้น “กลับไปแล้ว ถ้าเจ้าเมาจนกลับไม่ไหว ข้าจะจัดทีพ่ กั ให้” โพไซดอน บอกแก่แขก “อา ข้าอุตส่าห์จะบอกข่าวดี” อีรอสตรัสด้วยความเมามาย “ค่อยไปบอกด้วยตัวเจ้าเองเถอะ” ก�ำลังจะตัดบททว่าอีรอสก็พล่าม “เจ้าคนเย็นชา คงคิดว่าเจ้าจะโดดเดีย่ วอ้างว้างตราบสิน้ อายุไขสินะ ม่าย...ไม่...ม่ายช่ายเลย...เอิก๊ ” เทพแห่งความรักเรอ ลุกขึน้ เอนพิงเบาะ จ้อง มายังโทเพนกาอย่างลืมตัว ความเมามายท�ำให้เผอเรอเปิดเผยความลับใน หน้าที่ของตน นานๆ ครั้งที่กามเทพจะหลุดปากบอกเล่าเรื่องราวแบบนี้ ส�ำหรับ โทเพนกามันคือโอกาสที่หาได้ยากทีเดียว “ฮาเดสทุกองค์มีค�ำสาปที่น่าสงสารนัก ต้องหลงรักโฉมงามนาม เพอร์เซโฟนีองค์เดียว สายเลือดเพอร์เซโฟนี หนึ่งในนั้นคือมนุษย์ เจ้าชาย 9
นิรันดร์คือเธอ
อาภัพผูม้ าจากดินแดนไกลโพ้น รอวันทีช่ ะตาน�ำพาไปยังจุดสูงสุดของชีวติ ” อีรอสเงียบไปอีกครั้ง โทเพนกาจึงตรัสถาม “ชื่อละ...” “นามนั่นคือเซ...” เอียรอสพูดไม่ทันจบ ไนดาเรียก็เข้ามาก่อน ทว่า แค่นนั้ ก็เพียงพอแล้วส�ำหรับแผนการแก้แค้นนอคซ์ทเี่ คยท�ำเรือ่ งร้ายกาจกับ ราชินีในพระองค์ ท้องสมุทรอยู่ใต้อ�ำนาจของพระองค์ คงไม่ยากที่จะค้นหาสายเลือด ของเพอร์เซโฟนีเพื่อเตรียมการล้างแค้นที่เคยมีต่อกัน!
10
Rain-at-Rose
1 แคว้นโรเดียอยูใ่ ต้การปกครองของอาณาจักรแอนทอท หลังจากท�ำ สงครามยืดเยือ้ มาเนิน่ นาน สูญเสียทัง้ ทรัพย์สนิ และชีวติ ผูค้ นมากมายจนต้อง ท�ำพันธสัญญาสงบศึก วันนีเ้ ป็นวันมงคลของทัง้ สองฝ่ายเมือ่ เจ้าชายเซลิค รัชทายาทอันดับ หนึง่ ของอาณาจักรแอนทอทน�ำทรัพย์ศฤงคารสูข่ อเจ้าหญิงมิเรียมแห่งโรเดีย เป็นว่าทีร่ าชินี ดูภายนอกคงเป็นงานวิวาห์ทเี่ ปีย่ มสันติเชือ่ มสัมพันธภาพของ ทั้งสองแคว้น ทว่าเซลิครู้แก่ใจดีว่ามันเป็นแค่เรื่องการเมืองเพื่อผนวกแว่น แคว้นเข้าด้วยกันผ่านการวิวาห์ เซลิคประทับนัง่ สงบนิง่ เหมือนหุน่ ปัน้ มิได้นำ� พาใดๆ แม้จะมีเจ้าหญิง แสนเลอโฉม ผู้เป็นดั่งนกพิราบขาวน�ำพาความหวังและความสุขสงบมาสู่ แคว้นประทับนั่งอยู่ตรงกันข้าม เสียงดนตรีอ่อนหวานคลอด้วยเสียงพูดคุยอย่างมีความสุข บนโต๊ะ ยาวทีป่ ดู ว้ ยผ้าปูเนือ้ ดีเต็มไปด้วยอาหารและของหวานเลิศรสในภาชนะสีทอง อร่ามตา “ขอเจ้าชายเซลิคตรัสเพือ่ เป็นเกียรติแก่เจ้าหญิงมิเรียม ในงานมงคล ในวันนี้ แคว้นโรเดียมีความยินดีตอ้ นรับเจ้าชายแห่งอาณาจักรแอนทอทแสน 11
นิรันดร์คือเธอ
ยิ่งใหญ่ที่มอบเกียรติยศโดยการสู่ขอเจ้าหญิงมิเรียมให้เป็นราชินีคู่ชีวิต นับ จากนี้แคว้นโรเดียจะผนวกรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาจักรแอนทอท” เสียงปรบมือทีด่ งั ก้องและเสียงดนตรีหยุดลงเมือ่ เจ้าชายหนุม่ ทรงลุก ขึ้นท่ามกลางสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรจากฝั่งเจ้าสาว เซลิคนึกหยันเยาะ ก็รอู้ ยูห่ รอกว่างานอภิเษกสมรสครัง้ นีฝ้ า่ ยเจ้าสาว คงกล�้ำกลืนฝืนทนเนื่องจากเป็นงานอภิเษกเพื่อยุติสงคราม ไร้ความสนิท เสน่หาต่อกัน มิหน�ำซ�้ำพระองค์ยังได้ข่าวลือเรื่องว่าที่พระชายามีคนรักอยู่ แล้ว ความงดงามอ่อนหวานของสตรีคือมายา เซลิคด�ำริเมื่อทรงลุกขึ้น จากพระเก้าอี้สีทอง โต๊ะยาวที่เต็มไปด้วยอาหาร ของหวาน และดอกไม้ ตบแต่งกั้นระหว่างพระองค์และว่าที่เจ้าสาวผู้นั่งนิ่งเฉย ใบหน้างามหมดจด นั้นช่างน่าเบื่อหน่ายเสียนี่กระไร ว่าทีเ่ จ้าสาวดูหวั อ่อน ยอมแต่งงานเพือ่ ระงับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ทั้งที่รู้ว่าเป็นได้แค่องค์ประกันจากราชวงศ์โรเดียเพื่อไม่ให้อาณาจักรแอ นทอทคุกคามท�ำลายจนต้องจ�ำยอมมีสัมพันธ์อันขมขื่นกับชายที่ไม่ได้รัก เจ้าชายหนุม่ ไม่รสู้ กึ รูส้ าอะไรนักถ้าต้องอยูก่ บั สตรีจำ� พวกทีค่ ดิ ว่าการ ท�ำตามค�ำสัง่ คือหน้าที่ แต่สว่ นทีน่ า่ เบือ่ หน่ายคือเรือ่ งกามารมณ์ซงึ่ คงเหมือน เสพสมกับศพตายซากยามที่ต้องกอดนางจนกระทั่งมีลูกด้วยกันเพื่อเป็น ประกันไม่ให้บ้านเมืองระส�่ำระสายในอนาคต ตอนนี้ต้องทนท�ำทุกอย่างด้วยความรู้สึกด้านชาจนกว่าพระองค์จะ ขึน้ เครองราชย์และใช้อำ� นาจหย่าร้างราชินผี นู้ า่ เบือ่ หน่าย แล้วกักขังให้อยูแ่ ต่ ในหอคอยจนสิ้นลม เหลือเพียงพระโอรสสืบทอดราชบัลลังก์ แต่ถ้าโชคร้าย นางคลอดพระธิดา เขาก็อาจใช้เป็นข้ออ้างในการปลดนางจากต�ำแหน่งราชินี ได้สมเหตุสมผลมากขึ้น เซลิคฝืนแย้มสรวล ค้อมพระเศียรอย่างสง่างาม ก่อนตรัสด้วย 12
Rain-at-Rose
สุรเสียงทุ้ม พระเกศาสีทอง และพระเนตรสีมรกตขับให้เจ้าชายโดดเด่นที่สุด “ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติต้อนรับเราและอาณาจักรแอนทอ ทด้วยมิตรภาพอันอบอุ่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเราทั้งสองจะรวมกันเป็นหนึ่งด้วย สันติ ไม่ได้หำ�้ หัน่ ก่อสงครามจนสูญเสียเลือดเนือ้ และทรัพย์สนิ อีก แอนทอท ไม่คดิ จะรุกรานใครหากไม่มเี หตุจำ� เป็น แคว้นทีผ่ นวกเป็นหนึง่ เดียวคือความ มั่นคงในอนาคต แคว้นโรเดียคือหนึ่งในเมืองส�ำคัญของเรา เรามีความยินดี กับสายสัมพันธ์ครัง้ นีแ้ ละในไม่ชา้ เจ้าหญิงมิเรียมจะก้าวขึน้ เป็นราชินขี องเรา และน�ำพาบ้านเมืองของเราสู่อนาคตที่รุ่งเรือง” เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากเซลิคกล่าวสุนทรพจน์จบลง คนจาก แคว้นโรเดียต่างปั้นหน้าฝืนยิ้มยินดี ส่วนมิเรียมเอาแต่ก้มพระพักตร์ซ่อน อารมณ์หนึ่งที่พลุ่งในพระทัย พอเจ้าหญิงเงยพระพักตร์ขึ้นก็ฝืนแย้มสรวล งดงามดั่งดอกลิลลี่ เซลิคทอดพระเนตรไปยังเจ้าสาวด้วยแววพระเนตรว่างเปล่า ก่อน จะโอบเจ้าสาวให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้าง มิเรียมเกือบจะขัดขืนไม่ให้แตะเนื้อต้อง ตัวแต่ก็ชะงักจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนตามที่ถูกบังคับกลายๆ เจ้าชายหนุม่ ลอบทอดพระเนตรใบหน้างามทีเ่ ชิดขึน้ เหมือนนางหงส์ เย่อหยิ่งจึงกระซิบข้างหูด้วยความรู้สึกที่อดกลั้นโทสะไม่ไหว “ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะ...ไม่อยากแต่งงาน ข้าเองก็เหมือนกัน ไหนๆ เราก็ ตกที่นั่งล�ำบากเหมือนกัน ก็ช่วยกันเล่นละครฉากนี้ให้จบเถอะ เพราะข้าเอง ก็ไม่อยากแตะเจ้าสักเท่าไร” มิเรียมขึงพระเนตรใส่ทว่าเซลิคเมินหนีด้วยความไม่พอพระทัย แต่ ต้องข่มกลั้นเอาไว้สุดความสามารถ ทรงประคองเจ้าสาวจนถึงกลางแท่นพิธี ที่ประดับด้วยดอกไม้ เสียงบทเพลงอ่อนหวานดังขึ้นอีกครั้งระหว่างที่ทั้งคู่ เยื้องย่าง “เอ้า พูดอะไรบ้างสิ ในฐานะตัวแทนของแคว้นโรเดีย ข้าไม่ได้ 13
นิรันดร์คือเธอ
แต่งงานกับคนใบ้นะ” เซลิคกระซิบเสียงห้วน มิเรียมไม่โต้ตอบค�ำเหน็บแนม นางกวาดพระเนตรมองพระบิดาและ พระมารดาที่ประทับนั่งนิ่งด้วยพระพักตร์ไร้อารมณ์สลับกับฝั่งพระประยูร ญาติของว่าทีพ่ ระสวามี แววเคียดแค้นปรากฎวูบหนึง่ ก่อนมลายหายไปยาม สบพระเนตรของว่าที่พระสวามี “ในฐานะตัวแทนแคว้นโรเดีย เรามีความเชื่อมั่นว่างานแต่งงานครั้ง นีค้ อื จุดเริม่ ต้นทีท่ ำ� ให้กอ่ เกิดสันติภาพและความเจริญรุง่ เรืองของทัง้ สองแว่น แคว้น เรามีความยินดีเป็นอย่างยิง่ ทีจ่ ะได้กา้ วเดินเคียงข้างกับพระสวามีของ เรา” เจ้าหญิงตรัสสั้นๆ เสียงปรบมือดังขึ้นหลังมิเรียมตรัสจบ วรกายอรชรขยับห่างจาก พระหัตถ์หนาทีโ่ อบรอบเอว เซลิคสุดทีจ่ ะฝืนแสร้งเป็นยินดีปรีดากับบทบาท ทูตสันติภาพจึงปล่อยพระหัตถ์ทันที ทั้งสองนิ่งประดุจรูปปั้น ในขณะที่ช่างภาพก�ำลังเร่งมือร่างภาพราย ละเอียดในงานอภิเษกสมรสครั้งนี้ เจ้าสาวองค์ประกันเงยพระพักตร์ขึ้น นาง สบดวงตาของใครบางคนทีย่ นื อยูด่ า้ นหลังกองทหารเกียรติยศ พระเนตรงาม ซึ้งเอ่อคลอด้วยหยาดน�้ำใส นางหลับพระเนตรก่อนลืมขึ้นใหม่เพื่อไล่หยาด อัสสุชล “เจ้าหญิงมิเรียมจะได้รบั การต้อนรับจากชาวแอนทอทอย่างสมพระ เกียรติ” เซลิคประกาศ พระบิดาและพระมารดาของแต่ละฝ่ายลุกขึ้น เสียงแตรเป่าประโคม ม่านด้านหลังเปิดออก เผยให้เห็นท้องทะเล แสงแดดสะท้อนผิวน�้ำสีน�้ำเงิน เข้มระยิบระยับ เรือล�ำใหญ่จอดนิง่ พร้อมกองทหารเกียรติยศ เจ้าสาวพยายาม ไม่หันหน้าไปทอดพระเนตรด้านหลังขณะที่เจ้าบ่าวจับพระหัตถ์ให้เดินตาม เพือ่ ลงขัน้ บันไดตรงไปยังทางเดินทีป่ ลู าดด้วยพรมแดงยาวจนถึงเรือทีป่ ระดับ ประดาอย่างสวยงาม 14
Rain-at-Rose
มิเรียมหยุดเดิน เซลิคก็ปล่อยแต่โดยดี นางก้าวอย่างมั่นคงไปหา พระบิดาและพระมารดา นางกอดทั้งสองแนบแน่นก่อนที่นางจะกระซิบ ประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่ “ข้าจะไม่มีวันยอมก้มหัวให้อาณาจักรแอนทอทเป็นอันขาด ข้าจะ ช่วงชิงทุกสิ่งและท�ำให้อาณาจักรแอนทอทเป็นของเรา” พระบิดาของนางไม่ตอบวาจา มีเพียงสายตาเปี่ยมความเชื่อมั่นต่อ พระธิดา เจ้าหญิงปล่อยอ้อมพระกรหลังจากร�่ำลาบุพการี เซลิคเหนื่อยหน่ายกับความพิรี้พิไรของสตรี ชายหนุ่มยืนรออย่าง อดทน อีกไม่นานก็จะออกจากโรเดียตลอดกาลแล้ว รอให้นางพร�่ำพรรณา หน่อยก็ไม่เสียหายนัก อยู่ที่โรเดียเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็อึดอัดเหมือนถูกคุมขัง ทั้งที่แอนทอทเป็นเจ้าอธิราชส่วนโรเดียอย่างมากสุดก็เป็นได้แค่รัฐบริวาร เพราะไปไหนต่อไหนก็เหมือนถูกจับจ้อง พอได้กลับบ้านเกิดพร้อมสตรีที่ไม่ เต็มใจรับ แทนที่จะผ่อนคลายกลับยิ่งรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก เซลิคพยายามฝืนไม่กา้ วขึน้ เรือไปเสียก่อนเพราะต้องแสดงบทบาท เจ้าบ่าวเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีให้จบ พอกลับแอนทอทจะท�ำอะไรก็ได้ นั่น คือสิ่งที่เจ้าชายทรงด�ำริเพื่อระงับอารมณ์ฉุนเฉียว วรกายสูงสง่ายืน่ พระหัตถ์ออกไปจับมือเรียวทีส่ วมถุงมือขาวยาวถึง ข้อศอก พระเนตรคู่คมสะดุดแหวนหมั้นที่ประดับด้วยเพชรเม็ดงามสีฟ้ามัน คือตรวนที่ผูกมัดทั้งคู่เอาไว้ หลังจากร�่ำลาอาลัยกันจนสมควรแก่เวลา เจ้าหญิงมิเรียมก็ก้าวขึ้น บันไดเทียบเรือซึ่งประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เซลิคก้าวเดินตามหลัง เจ้าหญิงและเจ้าชายต่างหันมาโบกมือแสดงการร�่ำลาต่อประชาชน ชาวโรเดียที่มารอส่งเจ้าหญิงมิเรียม ใบเรือรูปสิงโตถือหอกและโล่สะบัดตาม ลม ทุกอย่างดูราบรื่น เรือของราชวงศ์ออกจากท่าก่อนเคลื่อนช้าๆ มุ่งสู่ทิศ เหนือ 15
นิรันดร์คือเธอ
เซลิคระบายพระปัสสาสะ รู้สึกอุ่นใจหลังก้าวขึ้นเรือที่เสมือนเป็น อาณาจักรแอนทอท มิเรียมมีนางก�ำนัลและทหารองครักษ์ติดสอยห้อยตาม มาด้วยจ�ำนวนหนึง่ แยกย้ายกันเก็บสัมภาระของผูเ้ ป็นนาย ตอนนีบ้ นดาดฟ้า เรือจึงมีแต่มิเรียม และพระบิดามารดาของเจ้าบ่าว “เซลิค ท�ำไมไม่พามิเรียมเข้าไปพักผ่อนล่ะ ประเดี๋ยวเราต้องเดิน ทางอีกไกล” ราชินีเอลีนอร์ตรัสบอกพระโอรสที่ก�ำลังจะปลีกตัวแล้วทิ้งเจ้า สาวหมาดๆ อย่างไม่ไยดี “เชิญเจ้าหญิงทางด้านนี้” เซลิคพูดจาเหินห่าง มิเรียมทรงเดินตาม อย่างเงียบเชียบ หลังจากทั้งคู่ก้าวเข้าไปในเคบิน เอลีเนอร์ก็หันไประบายความ กลัดกลุ้มกับราชาเพย์ตัน พระสวามีคู่ทุกข์คู่ยาก “ดูเหมือนเซลิคจะไม่มคี วามสุขนะเพย์ตนั ทีเ่ ราท�ำแบบนีด้ แี ล้วหรือ” พระเนตรสีมรกตฉายแววกังวล “เราท�ำถูกต้องแล้ว การวิวาห์ในครั้งนี้สามารถระงับข้อพิพาท ระหว่างแอนทอทกับโรเดียได้ นั่นเป็นเรื่องที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ” ราชินีเอลีนอร์ส่ายพระเศียร ใช่ว่าไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น การ อภิเษกสมรสทางการเมืองครัง้ นี้ ทรงรูว้ า่ บังคับพระโอรสและเจ้าหญิงมิเรียม เพือ่ ค�ำว่า ‘ความผาสุขของปวงประชา’ หลังจากทีก่ ารเจรจาเพือ่ ระงับสงคราม ล้มเหลวหลายครัง้ กระทัง่ แคว้นโรเดียพ่ายสงครามยับเยินจึงยอมรับข้อเสนอ ทีร่ กั ษาหน้าตาตัวเองอย่างการส่งเจ้าหญิงมิเรียมมาอภิเษกสมรสกับเจ้าชาย เซลิค พระโอรสองค์โตผูม้ สี ทิ ธิช์ อบธรรมในบัลลังก์ราชสีห์ หากในอนาคตเจ้า หญิงมิเรียมกลายเป็นสมเด็จพระราชินี โรเดียก็จะไม่ใช่รัฐบรรณาการอีกต่อ ไป “แต่เซลิค...” “เขาเป็นพี่ชายคนโตต้องท�ำใจยอมรับว่าเป็นเจ้าชายรัชทายาทไม่ 16
Rain-at-Rose
สามารถท�ำตามใจตัวเองได้ หากต้องท�ำเพื่อประเทศก็ต้องเสียสละความสุข ส่วนตัวของตัวเอง จะได้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่น้องๆ” “จริงสิ สเตฟานี่ ออร์เดย์ มิคาเอลอยู่ที่ไหน” เอลีนอร์ตรัสถามหา พระธิดาทั้งสองพระองค์วัยสิบเจ็ดและสิบหกชันษาและพระโอรสองค์เล็กวัย สิบชันษา “ตั้งแต่ขึ้นเรือก็ไม่เห็น คงไปพักผ่อนแล้วกระมัง” องค์กษัตริย์ตรัส “ลองไปดูที่ห้องเซลิคดีไหม เผื่อเด็กๆ ไปอยู่ห้องพี่ชาย” นางเกรง ว่าพระโอรสและพระธิดาเยาว์วยั จะไปรบกวนคูแ่ ต่งงานใหม่จงึ ชวนพระสวามี ไปดู ซึ่งทั้งคู่เข้าไปในห้องโดยสารอันโอโถ่ง ทั้งคู่หยุดชะงักหลังสดับเสียงกึ่งกระเส่าดังจากภายในห้องรับรอง ของเซลิค “อย่าเพคะ” มิเรียมห้ามเสียงสั่นเครือ “พวกเขาก�ำลัง...” ราชาเพย์ตันทาบปลายพระดัชนีบนพระโอษฐ์ของราชินี ก่อนตรัส ด้วยสุรเสียงกลั้วพระสรวล “ไม่เอาน่าเอลีนอร์ ตอนนีพ้ วกเขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว ช่วงนีเ้ ป็น ช่วงเวลาดื่มน�้ำผึ้งพระจันทร์ ปล่อยพวกเขาสร้างความสนิทสนมกันให้ มากกว่านี้เถอะ ไม่แน่ว่ากว่าจะเทียบท่าที่แอนทอท เรื่องที่เจ้ากังวลอาจจะ ไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ เราไปหาเด็กๆ กันที่อื่นเถอะ” เมื่อพบว่าเด็กทั้งสามไม่ได้อยู่ในห้องโดยสาร ทั้งคู่จึงขึ้นไปบน ดาดฟ้าอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังมาตามลม ก็พบว่าพระโอรสและพระธิดาทั้ง สามก�ำลังชี้ชวนให้ดูฟองคลื่น ลมทะเลพัดชายเสื้อลูกไม้ หมวกปีกกว้างของ ทัง้ สามคงจะปลิวตามหากไม่ผกู ไว้ใต้คาง ดูทา่ ทางมิคาเอลจะตืน่ เต้นไม่นอ้ ย “เราจะได้เห็นฉลามไหม” มิคาเอลไถ่ถามอย่างตื่นเต้น สเตฟานี่หัวเราะคิกคัก ออร์เดย์ท�ำหน้าครุ่นคิด 17
นิรันดร์คือเธอ
“จะเห็นฉลามด้วยเหรอ” “ตอนเรามา พี่เซลิคบอกเราจะเห็นฉลาม แต่ไม่มีสักตัว ตอนกลับก็ น่าจะเห็นบ้างสิ” มิคาเอลว่า “ใครๆ ก็รู้ว่าไม่มีฉลามมาหรอก” ออร์เดย์ตอบท�ำลายความหวัง ของน้องชายคนเล็ก “ท�ำอะไรกันอยู่” เพย์ตันตรัสถามน�ำไปก่อน “เราก�ำลังดูทะเลอยูค่ ะ่ มิคาเอลบอกว่าอาจจะมีฉลาม” ออร์เดย์ตอบ “แต่ออร์เดย์บอกว่าในทะเลไม่มีฉลามนะ” มิคาเอลกล่าวหา ออร์ เดย์กลอกตา สเตฟานี่วางมือลงบนบ่าของน้องชาย “อืม ลูกอยากเห็นฉลาม พอเราไปถึงแอนทอท เราหามาให้ลูกดี ไหม” กษัตริย์หนุ่มใหญ่ตรัสถามกึ่งปรึกษา “นั่นคงมากไปนะ เอาละ เราเข้าไปในห้องดีกว่า ใกล้ได้เวลาน�้ำชา แล้วด้วย” ราชินีเอลิเนอร์ชักชวนก่อนที่จะน�ำขบวนกลับเข้าสู่ภายในห้อง รับรอง “พี่เซลิคละคะ” สเตฟานี่ถามหลังทรุดนั่งบนเก้าอี้ นางก�ำนัลยกขนมอบพร้อมน�้ำชาถวายแต่ละพระองค์ ออร์เดย์ทอด สายตามองออกไปนอกหน้าต่างทรงกลม ทะเลเปล่งประกายเมือ่ สะท้อนแสง อาทิตย์ ทุกอย่างสงบอย่างที่ควรเป็น “ตอนนี้เซลิคก�ำลังพักผ่อน ห้ามไปรบกวนพี่เขาละ” พระมารดาสั่ง “งานเลี้ยงในตอนเย็นคงจะยิ่งใหญ่มากสินะคะตื่นเต้นจังเลยค่ะ” ส เตฟานี่พูดด้วยความตื่นเต้นอย่างจริงจัง ยังไม่ทนั ทีก่ ษัตริยห์ นุม่ ใหญ่จะตอบค�ำถามของลูกๆ กัปตันดอร์เซ็ต เคาะกรอบประตู ใบหน้าซ่อนใต้หนวดเครานั้นเคร่งขรึม “อ้าว ดอร์เซตเข้ามาสิ มีเรื่องอะไรหรือ” กัปตันผู้คุมเรือค้อมศีรษะให้แก่องค์กษัตริย์ 18
Rain-at-Rose
“วันนี้ลมแรง เรือถึงเดินทางได้เร็วกว่าที่คาดพ่ะย่ะค่ะแต่กระหม่อม กังวลว่าจะมีพายุเข้า เราอาจต้องเปลีย่ นเส้นทางการเดินเรือ กระหม่อมจึงมา แจ้งพระองค์เสียก่อน” “เอาเถอะ สภาพดินฟ้าอากาศเป็นเรื่องสุดวิสัย ทางโรเดียรู้หรือยัง ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง” “กระหม่อมแจ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ เราอาจจะอ้อมตรงแห ลมคาร์ปินส์” กั ป ตั น ดอร์ เซตคล้ า ยมี บ างสิ่ ง ที่ อ ยากกราบทู ล เป็ น การส่ ว นตั ว กษัตริย์หนุ่มใหญ่จึงลุกขึ้นแล้วออกไปคุยที่ด้านนอก “กระหม่อมมีเรื่องที่ควรเรียนให้พระองค์ทราบ เกี่ยวกับการเลี่ยง พายุโดยอ้อมแหลมคาร์ปินส์” “มีปัญหาหนักกว่าเดินเส้นทางตรงหรือ” “การที่เราอ้อมผ่านตรงแหลมคาร์ปินส์ เราผ่านพ้นพายุไปได้ง่าย แต่ตรงนั้นมีโจรสลัดชุกชุม เราอาจจะเจอการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวและอาจ ก่อให้เกิดอันตรายกับเจ้าหญิงและเจ้าชายได้พ่ะย่ะค่ะ” “ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วหรือ” กษัตริย์หนุ่มใหญ่ตรัสถามกัปตันเรือ “ไม่มีทางอื่นแล้วพะย่ะค่ะ หากไม่อ้อมเราอาจจะเผชิญพายุตรงๆ เสี่ยงกว่าการเจอโจรสลัด อย่างน้อยๆ พวกมันคงไม่กล้าเหิมเกริมโจมตีเรือ ของราชวงศ์” “งั้นเลือกอ้อมจะปลอดภัยกว่า คงไม่มีโจรสลดหน้าโง่คนไหนปล้น เรือของราชวงศ์หรอก” ราชาเพย์ตนั มัน่ พระทัยเป็นอย่างยิง่ ทว่ากัปตันเรือก ลับไม่กล้ารับประกันหากแต่ไม่พูดออกไป จากนั้นจึงกลับไปท�ำหน้าที่ตาม เดิมเพื่อแจ้งการเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ
19
นิรันดร์คือเธอ
2 ใกล้พลบค�ำ่ ท้องฟ้าฉาบด้วยสีสม้ ไล่ระดับจนกลายเป็นสีดำ� เข้ม การ เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือเป็นไปอย่างราบรื่น ทหารและคนเดินเรือต่างผ่อน คลายเมือ่ ได้ยนิ เสียงดนตรีเพราะได้รบั ค�ำสัง่ ให้เฝ้าระวังการโจมตีจากโจรสลัด กัปตันดอร์เซตที่ก�ำลังควบคุมหางเสือเงยหน้ามองท้องฟ้าใกล้ค�่ำ ไม่มเี รือน่าสงสัยเฉียดใกล้ ตราราชวงศ์แอนทอทคงสามารถข่มขวัญพวกโจร สลัดร้ายได้ตามที่คาดการณ์ “กลิ่นเนื้อแกะนี่นา อืม หอมน่าดู เราจะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงไหมกัป ตันดอร์เซ็ต” รองกัปตันทีย่ งั หนุม่ แน่นถามอย่างคาดหวังเพราะรูม้ าก่อนแล้ว ว่างานค�่ำคืนนี้จัดฉลองเฉพาะครอบครัวเพื่อต้อนรับพระสุณิสา “ต่อให้ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงก็เหมือนได้เข้าร่วมไม่ใช่หรือไง ดูสิ องค์กษัตริย์มีพระเมตตาบริการเครื่องดื่มให้เราด้วย” นางก�ำนัลสาวสวยถือถาดเครื่องดื่มและอาหารทยอยเข้ามาที่ห้อง ควบคุม นางประคองถาดน่องแกะอบชิ้นโตและเหยือกใส่ไวน์สีแดงก�่ำ กัปตันดอร์เซตมีทา่ ทีผอ่ นคลายเมือ่ นางก�ำนัลสาววางถาดลงบนโต๊ะ ไม้ นางก�ำนัลสาวรินไวน์ให้พร้อมรอยยิ้มเย้ายวน 20
Rain-at-Rose
ภายในห้องโถง ราชินีเอลีนอร์และราชาเพย์ตันแย้มพระสรวลอย่าง มีความสุขเมือ่ เห็นพระสุณสิ าเข้ากันได้ดกี บั พระโอรสและพระธิดา โดยเฉพาะ มิคาเอลที่เจื้อยแจ้วถามนั่นถามนี่โดยไม่สนใจพายเชอร์รี่ของโปรด “แล้วเซลิคละ ไม่ออกมาจริงๆ หรือ” เอลีนอร์ตรัสถามพระสุณิสา เมือ่ นางบอกว่าเซลิคของดร่วมรับประทานอาหารเย็นพร้อมครอบครัวเพราะ ไม่สบาย “ไม่เพคะ ทรงรับสั่งเอาไว้ว่าไม่สบายต้องการพักผ่อน” มิเรียมทูล อย่างสงบเสงี่ยม “งานเลีย้ งต้อนรับภรรยาของตัวเองทัง้ ที ยังจะเอาแต่ใจอีก” พระนาง แสนจะสงสารปนเอ็นดูพระสุณสิ าทีไ่ ม่คอ่ ยแตะต้องอาหารหรือเครือ่ งดืม่ ใดๆ อีกทัง้ เอาใจใส่มคิ าเอล คอยตักอาหารทีช่ อบใส่จาน หากเด็กชายรับประทาน เลอะเทอะก็คอยเช็ดมุมปากอย่างไม่รังเกียจ “ดูสิ ใครบางคนคงไม่สนุกกับงานเลีย้ งเสียแล้ว” ราชินเี อลินอร์ตรัส อย่างขบขันเพราะมิคาเอลทีน่ งั่ ข้างๆ พระสุณสิ าฟุบหลับคาโต๊ะทัง้ ทีใ่ นมือยัง ถือส้อม “ท่านแม่ขา...ลูกปวดหัวเหลือเกิน” สเตฟานีค่ ร�ำ่ ครวญขึน้ พลางเอา มือแตะตรงขมับ “ดืม่ ไวน์มากเกินไปหรือเปล่าจ๊ะ” พระนางยังไม่คดิ ว่าเกิดเหตุรา้ ยก ระทั่งออร์เดรย์อาเจียน “ตายแล้ว ออเดรย์!” ทรงอุทานดุๆ ที่พระธิดาคนรองท�ำเสียกิริยา แต่เสียงกลืนลงในพระศอเมื่อออเดรย์ลงไปชักบนพื้น น�้ำลายฟูมปาก “ออเดรย์!!” ทรงกรีดร้องอย่างเสียพระจริต “เพย์ตัน ออเดรย์---“ ชะงักวาจาเมือ่ เห็นพระสวามีพระพักตร์เขียวคล�้ำ พระหัตถ์จบั ทีพ่ ระศอคล้าย คนหายใจไม่ออก ก่อนจะตาเหลือกลานคาพระเก้าอี้ในท่านั้น ราชินีเอลินอร์ กรีดร้องดังลั่น 21
นิรันดร์คือเธอ
มิเรียมประทับนัง่ นิง่ สงบท่ามกลางความวุน่ วายของงานเลีย้ งทีก่ ลาย เป็นหายนะ “มันเกิดอะไรขึ้น” ราชินีแห่งแอนทอทถลาไปเขย่าวรกายของพระ สวามีซึ่งไม่รู้สึกองค์ไม่ว่าจะเขย่าแรงแค่ไหน มิเรียมลุกขึน้ ยืนอย่างสง่างาม พระพักตร์งามเหีย้ มอ�ำมหิตแต่ราชินี ทีต่ กอยูใ่ นอาการตืน่ ตระหนกไม่รเู้ ลยว่ามัจจุราชก�ำลังเงือ้ เคียวเพือ่ พรากชีวติ ของนาง “มิเรียมช่วยดูทุกคนหน่อย” พระนางขอร้อง “ใครก็ได้ช่วยด้วย” เอลินอร์ผุดลุกไปจับร่างกายที่เริ่มเย็นชืดของมิคาเอล พระนางตัว สั่นเทาเมื่อดึงใบหน้าแสนน่ารักขึ้นแล้วเห็นจมูกและปากมีเลือดออก ซ�้ำร้าย ยังไร้ลมหายใจ ราชินีกรีดร้องลั่น ไร้สติอย่างสิ้นเชิงขณะที่ไล่เขย่าร่างพระธิดาทั้ง สองที่ไร้ลมหายใจเฉกเช่นกัน น�้ำพระเนตรไหลริน “ออเดรย์ ตื่นสิ สเตฟานี่อย่าท�ำให้แม่ใจหายสิ” ระหว่างทีพ่ ระนางคร�ำ่ ครวญอย่างเสียพระจริต มิเรียมก็เดินออกจาก ห้องที่ใช้จัดงานเลี้ยง เอลินอร์นึกถึงเซลิคจึงรีบตามพระสุณิสาออกไป ภายนอกห้องโถงมีเสียงเอะอะโวยวาย พระนางจึงเร่งสาวพระบาท ออกไปทอดพระเนตร ภาพที่เห็นน่าสะพรึงกลัว ไฟไหม้จนแทบทุกส่วนของ เรือ ทุกอย่างก�ำลังสับสนอลหม่าน ไม่ว่าจะเป็นนางก�ำนัลที่พยายามหนีเอา ตัวรอดอย่างสิ้นหวัง ลูกเรือพยายามดับไฟที่โหมกระหน�่ำ บรรดาทหารต่าง เดินโซซัดโซเซอย่างแปลกๆ พระเนตรเบิกโตยามเห็นเรือโจรสลัดเทียบทีด่ า้ นข้างเรือของราชวงศ์ กลุ่มคนสวมชุดด�ำ โพกศีรษะปิดหน้าปิดตา ถือดาบ เหวี่ยงตะขอเหล็กยึด เรือเอาไว้ โจรสลัดก�ำลังป่ายปีนสะพานเชือกขึ้นมาบนเรือแล้วใช้ดาบฆ่าฟัน ทหารอย่างง่ายดาย 22
Rain-at-Rose
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เอลีนอร์ตัวแข็งทื่อจับต้นชนปลายไม่ ถูก พระนางวิ่งกลับเข้าไปในเคบิน เร่งรีบไปหาพระโอรสองค์โต นางถลา เข้าไปโดยไม่เคาะประตูให้เสียเวลา “เซลิคเกิดเรือ่ งใหญ่แล้ว” พระนางทรุดข้างเตียงทีม่ รี า่ งสูงใหญ่นอน หลับสนิท “เซลิค เป็นอะไรไป ตั้งสติหน่อย ทุกคนก�ำลังแย่” พระหัตถ์เรียว บางตบพระพักตร์ของเซลิคซ�ำ้ ๆ จนกระทัง่ เปลือกพระเนตรปรือขึน้ อย่างอ่อน ล้า “ท่านแม่...เกิดอะไรขึ้น” เซลิคถามเสียงแผ่ว แล้วพยายามลุกขึ้น หากแต่ไร้เรี่ยวแรง “เกิดเรื่องแล้ว เราถูกโจรสลัดบุก! พ่อกับน้องของเจ้า--” พระนาง ตรัสรวบๆ น�้ำพระเนตรไหลไม่ขาดสาย เจ้าชายหนุม่ พยายามตัง้ สติ แต่กป็ วดพระเศียรแทบระเบิด พยายาม นึกย้อนไปจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ หลังจากพาเจ้าหญิงมิเรียมพักผ่อน นาง ก�ำนัลทีไ่ ม่คนุ้ หน้าตาก็ยกถาดน�ำ้ ชามาถวาย ซึง่ พระองค์กด็ มื่ อย่างไม่เฉลียว พระทัย จากนั้นก็ไม่รู้สึกองค์ กระทั่งตอนนี้ “ท่านแม่...มีคนวางยาเรา ต้องเป็นนังหญิงชัว่ แน่” ตรัสด้วยสุรเสียง อ้อแอ้ ประตูเปิดออกกว้าง กลุ่มคนในชุดด�ำกรูเข้ามาในห้อง เอลินอร์ถูก จับลากออกห่างจากเจ้าชายหนุ่มที่ขยับร่างไม่ได้ พระเนตรพร่าพรายเห็น พระมารดากรีดร้องอย่างขวัญเสีย ภาพสุดท้ายก่อนจะหมดสติอกี รอบคือมือสกปรกของโจรชัว่ กระชาก สร้อยไข่มุกล�้ำค่าออกจากพระศอของพระมารดา มันชูสร้อยไข่มุกในมือขึ้น สูงราวกับประกาศชัยชนะ รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อถูกสาดน�้ำจึงรู้ตัวว่าพระองค์ถูกขึงไว้กับเสาบน ดาดฟ้าเรือ กระโดงเรือที่ติดใบเรือตราราชวงศ์หักโค่น แสงไฟลุกโชติช่วง 23
นิรันดร์คือเธอ
สว่างเจิดจ้าดุจกลางวัน เซลิคฝืนเบิกพระเนตรกว้างเมือ่ เห็นชายร่างก�ำย�ำสวมชุดทหารของ แคว้นโรเดีย พระองค์จ�ำได้ว่านั่นคือราชองครักษ์เอกของเจ้าหญิงมิเรียม มัน ถือดาบไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็ขยุ้มพระเกศาของพระมารดาอย่างเหยียด หยาม “แคว้นโรเดียไม่มีวันตกเป็นทาสใคร” พูดจบก็ใช้ดาบในมือปาดคอเชลยที่ไม่มีทางสู้ วรกายบอบบางของ ราชินีเอลีนอร์ร่วงบนพื้น กลิ่นเลือดคาวคลุ้ง นางยังไม่สิ้นใจดีก็กระตุกร่าง ทรมานจนขาดใจ เซลิคอยากเปล่งเสียงตะโกนแต่ทำ� ได้เพียงแค่ครางแผ่ว พระเนตรสี มรกตเต็มไปด้วยไฟแค้น จากนั้นไม่นานนัก มิเรียมที่สวมชุดสีขาวก็ก้าวเข้า มายืนตรงเบื้องพระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระสวามี “โรเดียไม่มีวันตกเป็นทาสของใคร!” เจ้าหญิงมิเรียมตรัสจบกลุ่ม คนในชุดด�ำน�ำร่างบรรดาราชวงศ์โยนตรงเบื้องพระพักตร์ของเซลิค “จงดูไว้เถิด ราชวงศ์ของท่านจะถูกโรเดียบดขยี้” ตรัสแล้วแล้วเจ้าหญิงก็รับขวานจากราชองครักษ์ จามใส่ร่างไม่ไหว ติงของราชาเพย์ตัน สับจนพระศอขาดกระเด็น ตามด้วยบรรดาน้องสาวและ น้องชายทั้งสาม เซลิคพยายามดิ้นออกจากเชือกที่มัดพระองค์เอาไว้แต่ไม่สามารถ ท�ำได้ดั่งที่คิด ฤทธิ์ยายังไม่สูญสลาย กระนั้นพระทัยก็แหลกลาญเพราะสูญ เสี ย ครอบครั ว ต่ อ หน้ า ต่ อ ตา ห้ ว งค� ำ นึ ง ที่ เ ลื อ นรางนั้ น ยั ง ครุ ่ น คิ ด ได้ ว ่ า เหตุการณ์ครั้งนี้นางต้องมีคนในชี้น�ำ อยากรู้นักว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่กี่ราย กันที่ร่วมสร้างหายนะในครั้งนี้ กลุ่มชายในชุดด�ำลากร่างรองกัปตันทิ้งลงทะเลแต่ไร้วี่แววกัปตันด อร์เซต เจ้าชายหนุ่มขบกรามแน่น คิดว่าถูกทรยศโดยคนที่คิดว่าใกล้ชิด 24
Rain-at-Rose
พระองค์เอาแต่ครุ่นคิดด้วยความแค้นพระทัยจนลืมไปว่าถูกจับมัดแขวนอยู่ “เอาละ สหายของข้า ข้ามอบเงินทองและทรัพย์สมบัติบนเรือให้แก่ พวกเจ้าแล้ว เจ้าต้องจัดการหลักฐานอย่าให้สาวถึงตัว เผาทุกอย่าง เมื่อใดที่ ข้าสามารถครอบครองอาณาจักรแอนทอทได้ พวกเจ้าจะได้ผลประโยชน์ มากกว่านี้” มิเรียมประกาศกึกก้อง บรรดาชายในชุดด�ำถือคบไฟไว้คนละแท่งแล้วโยนใส่ร่างบรรดา ราชวงศ์ที่ถูกตัดหัว เปลวไฟลุกโหมอย่างรวดเร็วเมื่อไหม้ติดเสื้อผ้า หนึง่ ในกลุม่ คนชุดด�ำเอามีดมาตัดเชือกก่อนลากร่างอ่อนระโหยโรย แรงของเซลิคลงไปบนเรืออีกล�ำ มิเรียมและองครักษ์คนสนิทก็ยา้ ยลงไปทีเ่ รือ ของพ่อค้าวาณิช ใบเรือประดับธงอาณาจักรแคว้นแอนทอทจมอยูใ่ นกองเพลิง เรือล�ำ ใหญ่ถกู เพลิงเผาผลาญ เรือโจรสลัดแล่นห่างจนกระทัง่ แสงสว่างจ้าเหลือเพียง จุดเล็กๆ กลางท้องสมุทร เซลิคก็สิ้นสถานะเจ้าชายแห่งอาณาจักรที่แสนยิ่ง ใหญ่ภายในคืนเดียว “เฮ้ย ลุกขึ้นซิวะ” เซลิคถูกโจรสลัดต�่ำช้าเตะเข้าที่สีข้าง “จ้องแบบนี้เดี๋ยวได้โดนแส้” อีกคนตะคอกใส่พร้อมกวัดแกว่งแส้ ฟาดใส่ เสียงเดินเขยกกระทบพื้นไม้ดังก้องตามมาด้วยร่างสูงใหญ่ราวกับ ยักษ์ปักหลั่น ใบหน้าปกคลุมด้วยเคราครึ้มดูสกปรก สวมหมวกหนังเปื้อน คราบมัน “กัปตันริก” เหล่าชายในชุดด�ำค้อมศีรษะ ห่างจากร่างเซลิคเพียงไม่ กี่ก้าว ร่างใหญ่ก้มมองอย่างพินิจ เซลิคเงยหน้าขึ้น ความรังเกียจฉายชัด “ถ้าเจ้าไม่ฆ่าข้าในวันนี้ เจ้าจะเสียใจ” กัปตันริกส่ายศีรษะอย่างขบขัน “เชิญเลย ตอนนี้เอาตัวรอดให้ได้ 25
นิรันดร์คือเธอ
ก่อนเถอะ ข้าจะบอกให้เอาบุญก็แล้วกันว่าท�ำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่ นั่นเพราะ เอาไว้เป็นประกันต่อรองเจ้าหญิงมิเรียมยังไงละ ไม่อย่างนั้นคิดหรือว่าข้าจะ ไว้ชีวิตเจ้า” กัปตันโจรสลัดสั่งให้ลูกน้องล่ามโซ่ตรวนที่แขนและข้อเท้าเหมือน ทาสคนอืน่ ๆ เซลิคขบฟันแน่นยามทีโ่ ซ่ตรวนจองจ�ำ ก่อนทีจ่ ะถูกลากถูลถู่ กู งั โยนเข้าห้องขังแคบๆ ใต้ท้องเรือพร้อมกับผ้าห่มผืนบางๆ ทั้งที่อ่อนล้าแต่ก็ ข่มตาหลับไม่ลง นึกถึงภาพพระบิดาและพระมารดาพร้อมกับน้องๆ ที่สิ้นใจ ตายอย่างอนาถ เซลิคร�่ำไห้อยู่เงียบๆ จนกระทั่งประตูห้องใต้ดินเปิดออก เสียงโซ่ ตรวนดังกระทบแก๊งๆ ดังพร้อมกับกลุ่มคนผอมกะหร่องเดินเข้ามาซุกตัว เงียบเชียบด้วยความเหน็ดเหนื่อย กลิ่นตัวเหม็นคลุ้งอับฉุนอวลทั่วห้อง เซลิ คหันมองอย่างรังเกียจ เหล่าทาสทีร่ า่ งกายผ่ายผอมจนหนังติดกระดูกนอนขดตัวไม่มแี ม้แต่ ผ้าห่มคลุมกาย พวกเขานอนสัน่ ห่างไปคนละมุมห้อง เซลิคลุกขึน้ นัง่ ด้วยความ เดียดฉันท์ เหล่าทาสนอนกรนเบาๆ บางคนก็ขยับเพือ่ จะนอนหลับสบาย เสียง พึมพ�ำไม่เป็นภาษาดังขึ้น เซลิคไม่รู้จะวางตัวอย่างไรกับสถานะใหม่ของตน ความเครียดขรึมฉาบบนใบหน้า ตอนนีเ้ วลาเสียใจกับความตายของ ครอบครัวแทบจะไม่มี เจ้าชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางหลบหนีซึ่งรู้ว่าเป็นไปได้ ยากเย็น เขากลายเป็นตัวประกันของโจรสลัดที่เอาไว้ใช้ข่มขู่เจ้าหญิงมิเรียม ในภายหลังหากโดนนังสารเลวนั่นทรยศ ตอนนีแ้ ค้นจนแทบอกแตกตายทว่าก็ฝนื สังขารไม่ไหว ยายังไม่หมด ฤทธิ์ แม้สภาพแวดล้อมน่ารังเกียจ สุดท้ายเซลิคก็ผล็อยหลับตรงมุมห้องด้าน หนึง่ หลับยาวนานไม่รสู้ กึ ตัวจนสะดุง้ ตืน่ เพราะถูกน�ำ้ เย็นจัดสาดใส่ พอลืมตา ขึ้นก็เห็นกลุ่มโจรสลัดยืนล้อมรอบเขา 26
Rain-at-Rose
“นอนหลับสนิทจนนึกว่าจะตายไปเสียแล้วเจ้าชายที่รัก” เซลิคจ้องอย่างขุน่ เคือง พอมองไปอีกมุมทีเ่ หล่าทาสนอนอยูก่ ไ็ ร้ผคู้ น เขาเหวี่ยงผ้าห่มที่เปียกชื้นออกจากร่างกาย “ปลุกข้าท�ำไม” “เฮ้ย มันตลกดีว่ะ มันคิดว่าเป็นเจ้าชายอยู่หรือไง ไม่ท�ำงานก็ไม่ได้ กินข้าว” “เอ้า จะนอนอีกนานไหม ลุกขึน้ สิวะ” โจรสลัดร่างผอมเตะเข้าสีขา้ ง อีกที เซลิคตวัดสายตาโกรธจัด “ไอ้หน้าโง่ ไม่ต้องมองอาฆาตแค้นหรอก ลุกขึ้นซะถ้าอยากจะกิน ข้าว” เซลิคเก็บความอาฆาตไว้ในอก ตอนนี้เขาไร้ก�ำลังหลบหนี หากหา เรือ่ งไปอาจถูกพลัง้ มือฆ่า เขาอยากมีชวี ติ อยูเ่ พือ่ แก้แค้นจึงยอมเก็บโทสะเอา ไว้ในใจ ร่างสูงโซซัดโซเซลุกขึน้ เดิน เสียงโซ่ตรวนกระทบกัน ตอกย�ำ้ สถานะ การเป็นทาสชัดเจนขึ้น เซลิคก้าวขึ้นไปด้านบนเรืออย่างเชื่องช้า วันนี้ลมทะเลพัดแรง เซลิคยืนนิ่งหันมองไปรอบๆ กายที่มีท้องฟ้า และทะเลโอบล้อมดุจคุก ลมพัดเอากลิ่นทะเลมาจางๆ เขายืนนิ่งอยู่นั้นก่อน จะถูกเตะขาจนเซล้ม พร้อมกับถังไม้ และแปรงขัดพื้นถูกโยนมาอีกชิ้นจน เกือบจะโดนใบหน้า “เอ้า ขัดพืน้ เรือให้สะอาด แล้วแกจะได้กนิ ข้าว” โจรสลัดทีม่ าคุมงาน หัวเราะเยาะหยัน เซลิคท�ำงานตามทีส่ งั่ โดยไม่ขดั ขืนทัง้ ทีย่ งั ไม่มอี าหารเช้าตกถึงท้อง สายหน่อยแดดก็รอ้ นเปรีย้ ง เขาไม่คดิ ว่าการขัดถูดาดฟ้าเรือจะล�ำบากขนาด นี้ 27
นิรันดร์คือเธอ
กลิน่ คาวทะเลทีแ่ รงขึน้ ปนกลิน่ ตัวแทบท�ำให้อาเจียน แต่ตอ้ งฝืนทน ขัดพืน้ ต่อเพราะหากทาสคนไหนหยุดมือก็จะโดนแส้ฟาดอย่างไร้ความเมตตา เขาหันไปเห็นทาสคนหนึง่ ใช้เรีย่ วแรงอ่อนล้าพยายามขัดพืน้ ไม้เป็นมันปลาบ สุดท้ายก็ล้มลง “ไอ้นี่มันตายแล้วขอรับ” โจรสลัดคนหนึ่งตะโกนบอก “เอาไปทิง้ สิวะไอ้โง่เง่า จะให้มนั ขึน้ อืดตรงนีห้ รือไง” ค�ำสัง่ ราบเรียบ จากผู้เป็นหัวหน้าไร้ความเห็นใจ เซลิคตกตะลึงเมือ่ เห็นภาพโจรสลัดสองคนช่วยกันจับร่างของทาสผู้ โชคร้ายโยนลงทะเลดุจเป็นขยะชิ้นหนึ่ง “เอ้า ได้เวลากินข้าว” มีเสียงระฆังดังขึ้น บรรดาทาสต่างเงยหน้าขึน้ รวมทัง้ เซลิคด้วย ทว่าเหล่าทาสดูไม่คอ่ ย สนใจนัก บรรดาผู้คุมทั้งหลายต่างตรงดิ่งไปหาอะไรกินซึ่งเซลิคไม่เคยต้อง ทนทุกข์ทรมานด้วยการอดยากเช่นนีม้ ากก่อน ทว่าก็เรียกร้องอะไรไม่ได้และ การหาเรือ่ งก็ไม่ใช่เรือ่ งดีนกั หากต้องการมีชวี ติ รอดก็ตอ้ งอดทน เจ้าชายหนุม่ บอกตัวเอง
28
Rain-at-Rose
3 หกเดือนผ่านไป แม้เซลิคจะมีคา่ เพือ่ ใช้ตอ่ รองกับเจ้าหญิงมิเรียมในกรณีทถี่ กู หักหลัง แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิ์ใดๆ ส�ำคัญนอกจากอาหารที่พอให้กินอิ่มซึ่งเขามักแบ่งให้ กับทาสคนอื่นตลอด ชายหนุ่มท�ำงานบนเรือไม่ต่างอะไรกับทาสคนอื่นๆ ผิว ที่บอบบางหยาบกร้านขึ้น สีผิวที่เคยเนียนผ่องคล�้ำแดดจัด หนวดเคราครึ้ม ปกคลุมใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายผ่ายผอมจากการอดยาก เขาไม่ปริปากบ่น คอยท�ำงานและคอยมองเหล่าทาสตายไปอีกหนึง่ คราวนีเ้ หลือเพียงสาม รวม กับเขาก็เป็นสี่ โจรสลัดคอยมองหาเหล่าทาสใหม่ๆ จากเรือสินค้าที่โชคร้าย โชคดีทเี่ ขาไม่ได้ถกู ขังเหมือนทาสคนอืน่ ๆ พวกโจรสลัดต้องการคน ช่วยเหลือที่มีความรู้ความสามารถจึงให้เขาคอยช่วยต้นหนเรือ ชีวิตของเขา มีคา่ เพราะนังแพศยายังครอบครองอาณาจักรแอนทอทไม่ได้ตามกฎมนเทียร บาลที่ไม่สามารถจัดพิธิราชาภิเษกได้ขณะไว้อาลัยการสวรรคตของกษัตริย์ องค์เก่าครบหนึ่งปี เซลิคได้ยินว่านางตั้งครรภ์ เขาไม่รู้ใครกันแน่ที่เป็นพ่อเด็ก นางยัง อาลัยต่อพระสวามีและโกหกว่านางถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าหญิงมิเรียมแห่งแอ นทอทแล้ว นางจึงมีสิทธิ์ที่จะขึ้นครองบัลลังก์เนื่องจากผู้มีสิทธิ์อันชอบธรรม 29
นิรันดร์คือเธอ
ในราชบัลลังก์แอนทอทสิ้นพระชนม์จากเหตุการณ์เรือล่มท่ามกลางพายุร้าย ทั้งหมด มีแค่นางรอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว รอพ้นช่วงไว้อาลัยนางคงถูกสถาปนาแต่งตัง้ ให้เป็นสมเด็จพระราชินี แห่งแอนทอทสมใจ เซลิคได้ข่าวจากกัปตันริกอย่างสม�่ำเสมอแม้จะไม่อยาก ได้ยนิ ก็ตาม อาจเป็นเพราะพฤติกรรมของเขาทีส่ ร้างความพอใจแก่กปั ตันโจร สลัดตลอดระยะเวลาหกเดือน เขาไม่เคยสร้างปัญหา ไม่คิดหลบหนี ทุ่มเท การท�ำงานอย่างเต็มก�ำลังเสมอ ทว่าเซลิครูแ้ น่แก่ใจดี เขาไม่ใช่เด็กดีทอี่ ยูใ่ นโอวาทแต่อย่างใด เขามี แผนอันยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการหาทางหลบหนีจากทั้งโจรสลัดและนังผู้หญิง แพศยาไปขอก�ำลังจากท่านย่า...สมเด็จพระราชินเี กลนด้าแห่งทิทวั ย่าเพราะ น่านน�้ำแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของทิทัวย่า เขาจึงไม่ต้องการให้เกิด ปัญหาหรือสร้างความระแวงเกิดขึ้นระหว่างที่รอโอกาสโอกาสอันงาม เซลิคเห็นลูกเล่นของเหล่าโจรในการหาทาสคือเปลี่ยนเรือโจรสลัด ให้กลายเป็นเรือวาณิชดูไร้พิษภัยเสมือนถูกโจมตีด้วยโจรสลัดและต้องการ ความช่วยเหลือ เมื่อเรือวาณิชล�ำอื่นหลงกลเข้าใกล้ก็รีบโจมตีโดยไม่ทันตั้ง ตัว เป็นความโหดเหี้ยมที่เขาไม่อยากพบเจอเป็นครั้งที่สอง เรือพ่อค้าวาณิชล�ำนั้นไม่ยอมจ�ำนนง่ายดาย กัปตันเรือต่อสู้จนตัว ตายและยังใช้ระเบิดท�ำลายเรือที่ขนเอากระเบื้องเคลือบและเหล้าชั้นดีจาก โพ้นทะเลจมใต้ทอ้ งสมุทร กัปตันริกโมโหกับเรือ่ งนีม้ ากจึงลงอารมณ์กบั เหล่า ทาสทีเ่ หลือ เฆีย่ นตีอย่างหนักหน่วง เซลิคก็ไม่ได้รบั การยกเว้น เขาโดนทุบตี เหมือนเป็นก้อนอิฐที่ไร้ความรู้สึก หลังจากกัปตันริกพลาดจากเรือขนสินค้าก็ลอ่ งเรือต่อเพือ่ คอยหาเรือ พ่อค้าวาณิชล�ำใหม่ ระหว่างนัน้ เรือโจรสลัดก็หยุดพักทีเ่ กาะร้างแห่งหนึง่ เหล่า ทาสที่ยังเหลือจึงพอมีช่วงเวลาที่สบายกายบ้าง ไม่โดนใช้งานหนักเหมือน ตอนอยู่บนเรือ 30
Rain-at-Rose
เป็นครั้งแรกในรอบหกเดือนที่เซลิคได้สัมผัสความรู้สึกที่ใกล้เคียง กับอิสรภาพ ขณะยืนบนหาดทราย แม้บาดแผลจากการถูกทารุณจะโดนน�้ำ ทะเลจนแสบ เขาก็ยังหยุดนิ่งทอดสายตาเหม่อมองท้องทะเลจากชายฝั่ง วูบ หนึ่งของความคิด เซลิคนึกถึงนิทานที่พระมารดาเคยเล่าให้ฟังก่อนนอนว่า ท้องทะเลมีเจ้าสมุทรนามโพไซดอนปกครอง ในนาทีทที่ อ้ แท้สนิ้ หวังเขากลับอธิษฐานต่อเทพแห่งท้องทะเลขอให้ รอดกลับไปทวงราชบัลลังก์คนื ทัง้ ทีป่ กติเขาไม่เคยยอมรับนับถือว่าทวยเทพ มีตัวตนนอกจากในนิทานปรัมปรา เซลิคกับบรรดาทาสทีถ่ กู โซ่ตรวนล่ามข้อมือและข้อเท้าเดินไปยังโขด หินใกล้รมิ หาดโดยไม่มโี จรสลัดคนไหนสนใจเพราะมัวแต่รนื่ เริงกับงานฉลอง และเหล่าทาสก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหนีไปจากเกาะแห่งนี้อยู่แล้ว พวกมันจึง ปล่อยปละละเลย เซลิคได้เห็นทักษะการจับหมึกจากทาสที่เหลือและการก่อกองไฟ ด้วยการใช้ไม้ปั่นไฟ เขาสนใจพร้อมเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ตอนอยู่บนเรือพวก โจรสลัดก็ได้สอนได้สอนทักษะการใช้ชีวิตเยี่ยงลูกทะเลให้เช่นกัน เขาก็ลอบ เรียนรู้แบบครูพักลักจ�ำ มันก็ไม่แย่นักหรอกที่จ�ำอะไรเลวๆ มาบ้าง ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจมากที่ได้นั่งอยู่เงียบๆ กินอาหารทะเลสดๆ พวกทาสหากุง้ และมาปลาเพิม่ รสชาติทสี่ ดใหม่จนไม่ตอ้ งปรุงอะไรนัน้ ประดุจ รสชาติอาหารจากห้องเครื่องเสวย เขาอยากให้มีเวลายาวนานกว่านี้ ทว่า ความหวังพลันล่มสลาย “กัปตัน...มีเรือหลวงมา” เสียงตะโกนลั่น กัปตันริกที่ก�ำลังสุขอุราลิ้มรสเหล้าชั้นเลิศที่ปล้นมาได้ทิ้งขวดเหล้า ในมือลงพร้อมกับตะโกนสั่ง “เตรียมตัวขึ้นเรือโว้ย” บรรดาทาสก�ำลังชั่งใจว่าจะหนีหรือจะขึ้นเรือ เซลิคคาดหวังว่าเรือ 31
นิรันดร์คือเธอ
หลวงล�ำนั้นจะเป็นเรือรบหลวงคีอาร์ด้า หนึ่งในกองเรือรบของทิทัวย่า หาก ใช่...โจรสลัดเหล่านี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทหารเรือที่ผ่านการฝึกฝนกลยุทธการ รบมาเป็นอย่างดี แต่คิดได้ไม่นานก็ถูกกวาดต้อนขึ้นเรือเสียก่อน ต้นหนเรือรีบกางใบเรือ เทพแห่งสายลมดูจะเข้าข้างเรือโจรสลัด พอ ถอนสมอก็แล่นฉิว กัปตันริกหัวเราะร่า เซลิครูส้ กึ สิน้ หวัง การมีอสิ รภาพไม่ใช่ เรื่องง่าย เรือแล่นลู่ลม ทุกอย่างช่างดูเป็นใจเข้าข้างเหล่าโจรสลัด เมื่อสถานการณ์เป็นปกติ เหล่าทาสก็ต้องท�ำงานหนักเหมือนเดิม เซลิคท�ำหน้าทีข่ ดั พืน้ เรือตามปกติ เขาลงอารมณ์โกรธและสิน้ หวังด้วยการใช้ แปรงขัดพื้นเรือแรงๆ การหลบหนีมีโอกาสริบหรี่ลง เพราะโจรสลัดต้องระวัง ตัวมากขึ้นหลังจากเจอเรือรบหลวง “พายุ” ต้นหนเรือร้องบอกอย่างตระหนกเมื่อเห็นขอบฟ้าพยับเมฆ มืดครึ้มอย่างรวดเร็วทั้งที่ไม่ใช่หน้าพายุและไม่ได้อยู่ในเขตมรสุมแปรปรวน ฟ้าแลบแปลบปลาบ คลื่นทะเลปั่นป่วนโยกเรือไหวราวกับมีมือยักษ์เขย่าล�ำ เรือ ทุกคนบนเรือโจรสลัดคงจะเห็นเหมือนกันจึงส่งเสียงร้องลั่นยามที่ ประสบปรากฏการณ์ที่ไม่คาดฝัน ดูเหมือนกัปตันริกจะไม่เชื่อสายตาเช่นกัน เซลิคถูกเหวี่ยงลงบนพื้นเรือ ดวงตาเบิกโพลงตื่นตระหนกเมื่อได้ เห็นบางอย่างเหนือศีรษะของบรรดาโจรสลัดแต่ละคนคล้ายกับเป็นวิญญาณ ที่ชั่วร้ายที่ก�ำลังจะหลุดจากร่าง ชายหนุ่มกระถดตัวถอยหลัง หวาดกลัวขึ้น มาจับใจ ฝนเม็ดโตปะทะใบหน้า ความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นทันที ต้นหน ตะโกนบางอย่างที่จับใจความไม่ได้ เวลานี้เรือล�ำโตโคลงเคลง คลื่นซัดสาด สูงปะทะเข้าล�ำเรือท�ำท่าว่าจะล่มได้ทุกเมื่อ บรรดาทาสที่เหลือรีบหนีลงห้อง ใต้ท้องเรือ ลูกเรือโจรสลัดบางคนถูกคลื่นยักษ์ซัดจนพลัดตกทะเล เกลียวคลื่น เหมือนจะกลืนทุกสิ่ง ลมพัดแรงจนใบเรือต้านแรงลมไม่ไหวหักโค่นลงมา 32
Rain-at-Rose
ทาสหนุม่ ผูม้ นี ยั น์ตาสีเขียวพยายามจะยืนบนเรือโคลงเคลงพลันกลิง้ ล้มคว�ำ่ ร่างไถลไปกับความลาดชันของเรือทีก่ ำ� ลังจม ผิวทะเลเกลือ่ นไปด้วย เศษไม้และคนตาย โชคร้ายโซ่นั้นเกี่ยวเข้ากับแผ่นกระดานหนาหนัก เขาจม ลงในน�้ำโดยยังมีพันธนาการที่ขาและแขน มันติดตรึงบนไม้กระดานที่เขาไม่ สามารถสลัดหลุด ทาสหนุม่ ส�ำลักน�ำ้ เค็มทีพ่ รูเข้าจมูกจนแสบ ปอดราวกับจะระเบิดเมือ่ น�้ำทะเลทะลักเข้าปากตอนที่พยายามอ้าปากกลืนอากาศตามสัญชาตญาณ ความตายไม่ใช่เรื่องน่ายินดี เพราะเขายังมีความหวังที่จะรอดชีวิต กลับไป เขาถูกไม้กระดานแผ่นหนาหนักถ่วงจนจมดิง่ ใต้ผนื มหาสมุทรอย่าง รวดเร็ว น�้ำทะเลอันแสนเย็นเยือกหุ้มกาย แทบลืมเลือนความเหน็บหนาว ความตาย และ...ความแค้น! แต่เพราะความแค้นที่สุมในอก และเป็นแรงผลักดันให้มีชีวิตจนถึง ณ วันนี้ ท�ำให้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดเพื่อกลับไปสะสางความแค้น ทว่าท้ายที่สุด ความตายก็เอื้อมมือเข้าหา เขารู้ว่าอีกไม่นานเขาจะพบความมืดมิดและไม่มี โอกาสอีกตลอดไป
33