global global viewview
Switzerland 64 Travel Guide
(2)
global view
เรื่องและภาพ : ปิยะลักษณ์ นาคะโยธิน
ภายในหมู่บ้าน Grimentz ที่ประดับประดาด้วย ดอกเยราเนียมสีแดง สีชมพู สีม่วง สีขาว
สวิตเซอร์แลนด์
where Living Traditions live on
บนจุดชมวิว Hoher Kasten ให้ทัศนียภาพของ อัพเพนเซลล์และหุบเขา แม่น้ำ�ไรน์ Travel Guide 65
global view
เยอรมนี ฝรั่งเศส
สวิตเซอร์แลนด์
ออสเตรีย
เบิร์น
วาเล อิตาลี
แคนตันวาเล มี ยอดเขา Matterhorn และยอดเขาที่สูงเกิน 4,000 เมตรถึง 46 ยอด ธารน้ำ�แข็ง (Aletsch Glacier ธารน้ำ�แข็งใหญ่ที่สุด ในเทือกเขาแอลป์) และ แม่น�้ำ โรน (river Rhone) เป็นจุดเด่นของพื้นที่ทั้งสิ้น 5,224 ตารางกิโลเมตร
66 Travel Guide
global view
เส้นทางเดินท่องธรรมชาติ เลียบเขื่อนมัวรี ในยามฤดูใบไม้ผลิ
Travel Guide 67
global view
Valais จากดินแดนเกือบตะวันออกสุด เราเดินทางมาถึง
เส้นทางเดินท่องธรรมชาติ เลียบเขื่อนมัวรี ที่น�้ำ เป็นสีเทอร์ควอยซ์
68 Travel Guide
ดินแดนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ในเวลาเพียงครึ่งวันกับ ตั๋วโดยสารใบเดียวคือ Swiss Pass ไม่มีประเทศใด ที่มีตั๋วเดินทางแบบนี้อีกแล้ว ที่ตั๋วหนึ่งใบเดินทางทั้งรถไฟ รถเมล์ โพสต์บัส เรือได้ฟรีใน 75 เมืองทั่วประเทศ ช่วงทีร่ ถไฟแล่นเข้า เขตแคนตันวาเล (Canton of Valais) เห็นไร่องุน่ ปลูกเป็นแนวทัว่ หุบเขา เรายิม้ กริม่ นึกถึงรสชาติ ที่ กำ � ลั งได้ เ สพ นั ย ว่ า วาเลคื อ ภู มิ ภ าคปลู ก องุ่ น ทำ �ไวน์ เป็นอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ด้วยผลผลิตปีละเกือบ 50 ล้านลิตร หรือ 40% ของไวน์สวิสทัง้ หมด ภายในพืน้ ที่ 5,200 เฮกตาร์ ซึ่งนับว่าเล็กน้อยหากเทียบกับ 100,000 เฮกตาร์ของแคว้นบอร์โดซ์และ 17,000 เฮกตาร์ของแคว้น โบโชเลแห่งฝรั่งเศส ที่สำ�คัญ ไวน์สวิสไม่ค่อยมีขายใน ต่างประเทศ เพราะชาวสวิสดื่มไวน์มากจนไม่เหลือให้ ส่งออก! แต่เราชอบตรงนี้ล่ะ อยากดื่มไวน์สวิสรสชาติ นุ่มๆ เย็นๆ ก็ต้องมาดื่มถึงถิ่น แคนตันวาเล มี ยอดเขา Matterhorn และยอดเขา ที่สูงเกิน 4,000 เมตรถึง 46 ยอด ธารน้ำ�แข็ง (Aletsch Glacier ธารน้ำ�แข็งใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์) และ
แม่น้ำ�โรน (river Rhone) เป็นจุดเด่นของพื้นที่ทั้งสิ้น 5,224 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งส่วนสวิส เยอรมันและสวิสฝรั่งเศส จุดหมายปลายทางของเราอยู่ ในส่วนสวิสฝรั่งเศสที่ เมืองซิแยร์ (Sierre) และ หุบเขา วาลดองนิวิเย่ร์ (Val d’Anniviers) อันมีสองหุบเขา ขนาบข้างคือ หุบเขามัวรี (Val de Moiry) ทางตะวันตก และ ซิ น าลทาล (Zinaltal) ฝั่ ง ตะวั น ออก ปลายสุ ด ของ วาลดองนิวิเย่ร์คือแนวเทือกเขาที่เรียกกันว่า Grande Couronne (Great Crown) อันแต่งแต้มด้วยยอดเขา สูงเกินสี่พันเมตรอย่าง Weisshorn (4,505 เมตร), Bishorn (4,153 เมตร), Zinalrothorn (4,221 เมตร), Obergabelhorn (4,063 เมตร), Matterhorn (4,478 เมตร) และ Dent Blanche (4,358 เมตร) ในด้านหนึ่ง Sierre-Anniviers จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นยอดของ ผู้รักธรรมชาติ กิจกรรมกลางแจ้ง เดินเขาในหน้าร้อน เล่นสกีในหน้าหนาว กินดืม่ สุดสำ�ราญ และขนบธรรมเนียม ประเพณีที่หยั่งรากลึกสู่ดินแดนนี้มานานหลายศตวรรษ ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวของ วาลดองนิวิเย่ร์ มีมา 150 ปี พอๆกับโรงแรมแห่งแรกของหุบเขา Grand Hotel Bella-Tola & St-Luc ที่เปิดทำ�การปี ค.ศ.1859
global view
และดำ � เนิ น กิ จ การโรงแรมมาตลอดนั บ แต่ ผู้ ก่ อ ตั้ ง Pierre Pont ตระกูลดั้งเดิมสี่รุ่นจนถึงปี 1996 ที่คู่สามี ภรรยาสกุล Buchs มาดำ�เนินกิจการต่อ ทำ�การปรับปรุง อย่ า งประณี ต บรรจง จนเป็ นโรงแรมมี สไตล์ โ ดดเด่ น ผสานเฟอร์ นิ เ จอร์ แ อนติ ก ที่ เ หมื อ นสิ่ ง ของตกแต่ ง จะ ส่ ง เสี ย งเล่ า เรื่ อ งของตนออกมาทุ ก ชิ้ น ขณะที่ ตั ว เมือง St-Luc มากด้วยเสน่ห์ของหมู่บ้านเล็กที่บ้านเรือน เป็นกระท่อมไม้สีน้ำ�ตาลเข้มเพราะแดดเผา เดิมทีบ้าน ในหมู่บ้า นแซงต์-ลุกทำ �ด้วยไม้ทั้งหลัง แต่เมื่อไฟไหม้ เมืองจนวอดวายถึงสองครั้ง จึงใช้อิฐปูนวางรากฐานเพื่อ ความมัน่ คงทนทาน ภายในหมูบ่ า้ นมี เส้นทางสายขนมปัง (Le Chemin du Pain / Bread Path) ที่นำ�เราไปถึง Les Moulins de St-Luc (Mills of St-Luc) โรงโม่ ที่อาศัยพลังน้ำ�จากลำ�ธารและสายน้ำ�จากภูเขาเบื้องบน มาหมุ น ให้ กั ง หั น ทำ � งาน โดยแต่ ล ะกั ง หั น ทำ � หน้ า ที่ แตกต่างกัน ตัวหนึ่งใช้บดแป้งข้าวโพด บดข้าวบาร์เลย์ ใช้ท�ำ ผ้าเพือ่ กดเส้นใยผ้าหนาๆ ให้เป็นแผ่น ขณะทีเ่ ตาอบ ของหมู่ บ้ า นหนึ่ ง ตั ว ก็ ใ ช้ อ บขนมปั ง ของคนในหมู่ บ้ า น เรามีโอกาสเอาแป้งขนมปังทีผ่ สมไว้แล้วนำ�มาปัน้ เป็นก้อน โดยมีคนทำ�ขนมปังของหมู่บ้านช่วยและนำ�เข้าเตาอบ ระหว่ า งนั่ ง รอขนมปั งไรย์ สุ ก ก็ ดื่ ม ไวน์ ข าว Fendant (องุ่น Chasselas Fendant ปลูกทั่ววาเล นับว่ามีมาก ถึง 30% ของผลผลิต ให้รสชาติผลไม้สดชื่น อ่อนละมุน) เป็นการฆ่าเวลา และเมื่อเราไปที่ร้านขายเนื้อที่หมู่บ้าน วิซซัว (Vissoie) เพื่อดูคนขายเนื้อทำ�การตากเนื้อแห้ง
เกษตรกรรมและฟาร์มปศุสัตว์เองก็ทำ�มาเนิ่นนาน และเป็นหัวใจหลัก ของแคนตันวาเล มีขบวนพาสัตว์ขึ้น และลงจากเขาสูง เทศกาลงานรื่นเริงที่สนุกไม่แพ้ที่ใด
(dry meat) อาหารท้องถิ่นที่ตั้งบนโต๊ะอาหารแทบทุกมื้อ ดูกรรมวิธีที่เขาเอาเนื้อวัวหมักเกลือ ใส่เครื่องเทศ ตากไว้ ในห้องควบคุมอุณหภูมิ เสร็จแล้ว ก็ตอ้ งมีการชิมเนือ้ แห้ง ด้วย เนือ้ แห้งต้องแล่บางเฉียบกินคูก่ บั ไวน์แดงถึงจะเข้ารส เข้าชาติ ไม่กินคู่กันคนขายเนื้อจะเสียใจ (เราก็เสียดาย) เหลียวมองนาฬิกา เพิ่งจะสิบโมงเช้า ช่างปะไร ไหนๆ ก็ดื่มไวน์กันทุกที่ทุกเวลาอยู่แล้ว! เกษตรกรรมและฟาร์มปศุสัตว์เองก็ทำ�มาเนิ่นนาน และเป็ น หั วใจหลั ก ของแคนตั น วาเล มี ข บวนพาสั ต ว์ ขึ้นและลงจากเขาสูง เทศกาลงานรื่นเริงที่สนุกไม่แพ้ ที่ ใ ด หากมี ร าชาสุ ด ติ ด ดิ น จากการแข่ ง มวยปล้ำ � สวิ ส Schwingen (Alpine wrestling ซึ่งต้องพยายามโยนคู่ ต่อสู้ให้คว่ำ�ลงพื้นดิน จัดแข่งขันทุกๆสามปี ผู้เข้าแข่งขัน ส่วนใหญ่ก็คือเกษตรกรทั้งหลายที่เจียดเวลาจากฟาร์ม มาเล่น) ทีข่ ณะนีก้ า้ วจากกีฬาท้องถิน่ ไปเป็นกีฬาอินเทรนด์ ที่ชาวสวิสหวนกลับมาลุ้นตัวโก่งว่าใครคือผู้ชนะ ที่จะ ติดยศเป็น King of Switzerland ได้วัวเป็นรางวัล กลั บ บ้ า น ก็ มี ร าชิ นี ที่ ค ลุ ก ฝุ่ นไม่ แ พ้ กั น อยู่ ที่ ว าเลนี่ เ อง ราชินีของวาเล คือ วัวที่ชนะเลิศการแข่งสู้วัว นัยว่าวาเล
บ้านเรือนในหมู่บ้านแซงต์-ลุก ด้านข้างที่มีควันลอยขึ้น นั้นคือเตาอบของหมู่บ้าน
Travel Guide 69
global view
บน : มื้อกลางวัน เปรมปรีดิ์เช่นนี้อยู่ที่ Alpine pasture of Moiry Reservoir, Valais กลาง : คนขายเนื้อ แห่งหมู่บ้าน Vissoie ภายในห้องตากเนื้อ ที่ควบคุมอุณหภูมิ ล่าง : ภายในห้องเก็บชีส ที่ควบคุมอุณหภูมิ ชีสที่เห็น เป็นก้อนกลมแข็งเอาไปทำ� ราแคลต (Raclette)
70 Travel Guide
มีวัวสายพันธุ์พิเศษคือ Hérens อันมีสัญชาตญาณนักสู้ เพื่อสร้างอาณาเขตและลำ�ดับชั้นในฝูง ทันทีที่โดนปล่อย ออกจากคอกช่วงทีพ่ าฝูงสัตว์ขน้ึ ไปแทะเล็มหญ้าบนภูเขาสูง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เจ้าวัวก็เริม่ เอาเขามาขวิดสูห้ าตัวพีใ่ หญ่ กันทันที จึงกลายเป็นที่มาของเทศกาลสู้วัวที่จัดขึ้นทุกฤดู ใบไม้ผลิให้วัวเป็นร้อยตัวมาสู้กันตามน้ำ�หนักอายุ สู้กัน หลายรอบจนได้ผู้ชนะเลิศสวมมงกุฎเป็นราชินี บางทีวัว สู้ๆกันจบแล้ว เจ้าของวัวมีสู้กันต่อด้วย สงสัยดื่มไวน์กัน ไปเต็มที่ (ฮา) เราได้เห็น ฤทธิ์นัก สู้จ ากวัวในคอกที่เราเดินขึ้นเขา ไปจาก เขือ่ นมัวรี (Barrage de Moiry) เส้นทางเดินเบาๆ (แต่เหนื่อ ย) ราวหนึ่ง ชั่วโมงสวยงามอลังการด้วยน้ำ� สีเทอร์ควอยซ์ในเขือ่ นมัวรี เห็น ธารน้�ำ แข็ง (Glacier de Moiry) อยู่ไกลๆ ขุนเขาสลับสล้าง ดอกไม้แห่งฤดูใบไม้ ผลิสะพรั่งบาน และเสียงกระดึงวัวดังแว่วให้ได้ยินเป็น ระยะๆ บนเนินเขาทุง่ หญ้าเลีย้ งสัตว์แห่งนี้ เราได้เข้าไปชม การทำ� Serac cheese เนยแข็งที่ให้รสธรรมชาติมาก เพราะใช้นมสดๆ ไม่ผา่ นการพาสเจอร์ไรซ์ จากวัวทีเ่ ลีย้ งบน เนินเขาสูงนี้เอง ที่นี่ทำ�เหมือนระบบสหกรณ์คือแต่ละ คนทำ�หน้าที่ของตนเพื่อนำ�ผลผลิตเข้าส่วนกลาง Adele เป็นคนทำ�ชีสของหุบเขา เธอต้มนมวัวในหม้อทองเหลือง ใบเขื่อง ไม่ได้ต้มในหม้อใบใหญ่เพราะปริมาณนมที่ได้ ในวันนั้นไม่มากพอ หลังจากนมเริ่มจับตัวเป็นก้อนก็ใช้
global view
ไม้ตะแกรงตัดๆ หั่นๆ ให้เป็นก้อนเล็กๆ ขนาดเท่าๆ กัน แล้วจึงนำ�ผ้าขาวบางโกยก้อนนมลงถังทรงกลม อัดๆ ให้เป็นก้อนแล้วปิดฝาพักไว้ ขั้นตอนทำ�ชีสยังไม่เสร็จดี ค่าที่ต้องรอเวลาให้ชีสบ่มตัว แต่ท้องส่งเสียงร้องจ๊อกๆ เราจึงตามไปสมทบกับเพื่อนร่วมทัวร์ผู้ไปรอท่าที่กระท่อม ซึ่ ง จั ด มื้ อ กลางวั น ด้ ว ยผลผลิ ต ท้ อ งถิ่ น ตั้ ง แต่ เ นื้ อ แห้ ง ไส้กรอก เนยแข็ง ขนมปังทาสเปรดตาร์ตาร์ น้�ำ หวานทำ�จาก ดอกแดนดีไลออน (Dandelion) ช่อต้นสน (Pine tree) ดอกจากสนลาร์ช (Larch tree) ทั้งแบบมีและไม่มี แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และไวน์ขาวไวน์แดง ห้องอาหาร ของเราน่ะหรือ? ก็ทงุ่ หญ้าในหุบเขากว้างทีข่ นุ เขาสูงวางตัว เหนือธารน้�ำ แข็ง มีววั นัง่ ๆ ยืนๆ เป็นฝูงอยูไ่ ม่ไกลนัน่ อย่างไรล่ะ ที่ความสูง 1,570 เมตรใน หุบเขาวาลดองนิวิเย่ร์ คือที่ตั้งของ Grimentz หมู่บ้านประหนึ่งหนังสือภาพของ หมู่บ้านสวิส บ้านไม้และยุ้งฉางที่โดนแดดเผาจนสีเข้ม ตัดกับสีแดงสดของดอกเยราเนียมในกล่องไม้ริมหน้าต่าง ที่มีอยู่เหลือเฟือในทุกบ้าน (มีการประกวดประขันบ้าน ไหนตกแต่งหน้าบ้านได้นา่ มองทีส่ ดุ ด้วย) กรีเมนซ์เคยโดน น้ำ�ท่วมหนักจนเสียหายเมื่อปี ค.ศ.1999 จึงมีการสร้าง เมืองขึ้นมาใหม่โดยคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ทุกประการ หมู่บ้านจึงสวยงามและมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เราเดินชม จนเกือบปลายสุดของถนนสายหลักในหมู่บ้าน มาหยุดที่ La Bourgeoisie ซึง่ มีเซลลาร์ใต้ดนิ เก็บสิง่ มีคา่ อย่างมากไว้
ความสูง 1,570 เมตรใน หุบเขาวาลดองนิวเิ ย่ร์ คือทีต่ ง้ั ของ Grimentz หมูบ่ า้ นประหนึง่ หนังสือภาพ
ของหมู่บ้านสวิส บ้านไม้และยุ้งฉางที่โดนแดดเผาจนสีเข้ม นัน่ คือ Glacier Wine ไวน์ขาวทีบ่ ม่ เต็มทีอ่ ยูใ่ นถังไม้ลาร์ช หลายศตวรรษมาแล้วที่คนอาศัยอยู่บนภูเขาสูง พอสิ้น สุดหน้าหนาวก็ลงเขามาในเดือนพฤษภาคม พร้อมกับนำ� ไวน์ที่บ่มในถังไม้ลาร์ชในบริเวณธารน้ำ�แข็งซึ่งพบว่าให้ กลิ่ น สี และรสชาติ ดี ก ว่ า ที่ บ่ ม ไว้ ใ นที่ ร าบมากนั ก ถังไม้ลาร์ชนี้ไม่เคยพร่อง ตะกอนไวน์ที่เคลือบเป็นชั้นๆ หนาสิบเซนติเมตรก็ไม่เคยขูดออก เพราะการทำ�ไวน์ น้ำ�แข็งนี้คือการเติมไวน์ที่ผลิตได้ใหม่ในแต่ละปีลงไปใน ถังไม้เดิม ให้ไวน์เก่าที่มีอายุ 20-30 ปีผสมกับไวน์ใหม่ ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรินหรือบรรจุขวด แต่เปิดรองดื่มเอา จากก๊ อ กที่ ถั งไม้ ปริ ม าณแอลกอฮอล์ อ ยู่ ที่ ร าว 14% ดื่มคู่กับเนยแข็งฝานแผ่นบางๆ สุดยอดมาก และอย่า หวั ง ว่ า จะมี ข าย เพราะนี่ คื อ จิ ต วิ ญ ญาณที่ ไ หลบ่ า ในประเพณีมาแต่โบร่ำ�โบราณ อันเป็นสิ่งซื้อหาไม่ได้ แต่แบ่งปันกันได้ในวันจันทร์หรือติดต่อสำ�นักงานท่องเทีย่ ว กรีเมนซ์ไว้ลว่ งหน้า เขายินดีเปิดเซลลาร์ให้ดมื่ ไวน์น�้ำ แข็ง อย่างน้อยคนละจอก แล้วสงวนอาการปลาบปลื้มไว้ด้วย
ถังไม้ลาร์ชที่บ่ม Glacier Wine มาแล้วหลายสิบปี
Travel Guide 71
global view Special Thank
Switzerland Tourism c/o Embassy of Switzerland in Thailand
â·Ã. 0 2674 6900 á¿¡« . 0 2674 6901 www.MySwitzerland.com
ข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม
Raclette คือการนำาชีสก้อนใหญ่หั่นครึ่ง แล้วอังกับไฟ จนเนื้อชีสละลายไหลเยิ้ม จึงขูดใส่จาน
กินกับมัน½รั่งที่ต้มทั้งเปลือก
บน : Raclette ชีสละลาย กินกับมัน½รั่ง ที่ต้มทั้งเปลือก และไวน์ขาว (Photo: Valais/Wallis Promotion/Christian Perret) ล่าง : ขั้นตอนการทำาชีส ด้วยการคนให้น้ำานม แตกเป็นก้อนเล็กæ
72 Travel Guide
ไม่เช่นนั้น อาการชอบรสชาติจนออกนอกหน้าจะทำาให้ ไวน์น้ำาแข็งรินลงจอกไม่ขาดสาย เรายังจากวาเลไปไม่ได้หากยังไม่ได้กนิ ¿องดูชสี หรือ ราแคลต ซึง่ เราขอเลือกอย่างหลัง Raclette คือการนำาชีส ก้อนใหญ่หั่นครึ่ง แล้วอังกับไฟ จนเนื้อชีสละลายไหลเยิ้ม จึงขูดใส่จาน กินกับมันฝรั่งที่ต้มทั้งเปลือก (อาจกินกับ แตงกวาดอง หอมดอง มะเขือเทศ) และไวน์ขาว ที่ Restaurant Grand Chalet Favre ใน หมูบ่ า้ นแซงต์-ลุก คุณพนักงานเสิร์ฟใจดีให้ได้ลองปาดชีสเยิ้มลงในจานเอง หลังจากทีเ่ รากินไปแล้วสีจ่ าน (คนอืน่ ทำาไมกินแค่สองสามจาน) ดู แ ล้ ว เหมื อ นจะไม่ อิ่ ม แต่ สุ ด ท้ า ยอิ่ ม จุ ก ต้ อ งอาศั ย ไวน์ฟองดองต์ไปช่วยเคล้าในกระเพาะอาหาร แล้วตาม ด้วยลิกเกอร์ช่วยย่อยอีกจอก ค่าำ คืนใน หมูบ่ า้ นแซงต์-ลุก อันเงียบสงบมืดมีแต่ดวงดาว บนฟ้าพร่างพราย เราแน่ใจว่าดาวที่เห็นคือดวงดาวจริงๆ หาได้ เ พราะแอลกอฮอล์ ที่ ดื่ ม สะสมมาตลอดทริ ป ไม่ มาลองคิดอีกที นี่เราเสพประเพณีดั้งเดิมของชาวสวิสที่ สืบสานกันมาหลายชั่วอายุคนมากเกินไปหรือเปล่า?
www.myswitzerland.com, www.living-traditions.ch, www.appenzell.ch, www.sierre-anniviers.ch, www.valais.ch ¡ÒÃà´Ô¹·Ò§â´Âà¤Ã×èͧºÔ¹ • Swiss International Air Lines www.swiss.com ¡ÒÃà´Ô¹·Ò§´ŒÇ¾Ò˹ÐÊÒ¸ÒóР• Swiss Travel System www.swisstravelsystem.com âçáÃÁ·Õè ÍѾྐྵà«ÅÅ • Grand Hotel Bella-Tola & St-Luc Rue Principale, CH-3961 St-Luc, Switzerland â·ÃÈѾ· +41 27 475 14 44 àÇçºä«µ www.bellatola.ch