ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านหัวฝาย ตาบลปอแดง อาเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น
พัฒนาชุมชนอาเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น
คณะกรรมการบริหารจัดการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 1. นายวรวุฒิ คุ้มบุ่งค้า ประธาน 2. นายอุระ เกสร รองประธาน 3. นางพิชญาภา เด็ดเดี่ยว เลขานุการ 4. นางนิภาพร โกตา ผู้ช่วยเลขานุการ 5. นางจอมศรี นินสูงเนิน เหรัญญิก 6. นางอัมพร พิมพ์แดง ผู้ช่วยเหรัญญิก 7. นางสมเกียรติ พิมพ์แดง ประชาสัมพันธ์ 8. นางมนตรี คุณภู่ ปฏิคม 9. นางรุ่งฤดู นามสอน ฝ่ายทะเบียน 10. นายสมบก ประชากูล ฝ่ายอาคารสถานที่ 11. นายสนิท โคตรจัตุรัส ฝ่ายอาคารสถานที่ 12. นางจันทร์เพ็ญ ศิริ ฝ่ายโภชนาการ 13. นางสุทธิรักษ์ สอนลี ฝ่ายโภชนาการ 14. นางสาวคาปอน ไชยมาลา ฝ่ายสันทนาการ 15. นางจรัญ ประชากูล ฝ่ายประเพณีวัฒนธรรม
Smile : การส่งมอบความสุขให้ผู้มาเยือน ต้อนรับด้วยรอยยิ้มและการดูแลเอาใจใส่อย่างเป็นมิตร การเกิดรอยยิ้มแห่งความประทับใจจนไม่อยากจากไป Story : เรียงร้อยเรื่องราวที่มีคุณค่า บอกเล่าเรื่องราวศักยภาพชุมชน Secret : ความลับสุดยอดจากประสบการณ์และภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ ของชุมชน Surprise : การสร้างสรรค์เสน่ห์อันตื่นตา น่าประทับใจทาให้เกิดการตื่นเต้น ประทับใจ Spirit : ความร่วมสมัยที่แก่นแท้ของวิถีชุมชน ตรงความต้องการของนักท่องเที่ยว
บ้านหัวฝาย หมู่2 ตาบลปอแดง อาเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น
ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี การเดินทางสู่หมู่บ้านผ้าไหมมัดหมี่ บ้านหัวฝาย อาเภอชนบท จังหวัด ขอนแก่น บ้านหัวฝาย ตั้งอยู่ห่างจากอาเภอ ชนบทไปทางทิศใต้ของอาเภอชนบท ตามถนนทางหลวงสายชนบท-แวง ใหญ่ โดยแยกเข้าหมู่บ้านจากถนน สายดังกล่าว ถึงทางแยกซ้ายมือหลัง ผ่านหน้าที่ว่าการอาเภอแวงใหญ่ถึง หมู่บ้านเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร การคมนาคมภายในหมู่บ้านสามารถ เดินทางได้สะดวก ยินดีต้อนรับทุก ท่านวันเดียวเที่ยวได้ หรือจะพักแบบ โฮมสเตย์เพื่อเรียนรู้การทอผ้าไหม มัดหมี่ สร้างประสบการณ์ใหม่ 1
บ้านหัวฝาย
หมู่ที่ 2 ตาบลปอแดง อาเภอ ชนบท จังหวัดขอนแก่น เป็นหมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติลกั ษณะปกครองท้องที่ พระ พุทธศักราช 2457 ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2445 โดยมีนาย เลี้ยง จะเรียมพันธ์ , นายบุญมา ประชากูล, นาย บุญเพ็ง ประชากูล ,นายพุฒ จันทรเสรี, นายมี วิสุ วงษ์, และนายฟาน โคตรแปรวมทั้งหมด 6 ครอบครัว ได้พากันอพยพมาจากบ้านปอแดง หมูท่ ี่ 1 โดยได้ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณฝายน้าล้น เพื่อความ สะดวกในการทานาและประกอบอาชีพทางด้าน การเกษตร ต่อมาจึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “ บ้านหัวฝาย ” เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศ ของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ เนื่องจากสภาพแวดล้อมของ หมู่บ้านเป็นทีร่ าบลุ่ม มีแหล่งน้าตามธรรมชาติไหล ผ่าน มีความอุดมสมบูรณ์ จึงได้มรี าษฎรอพยพเพิ่มมา เรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน และเป็นหมูบ่ ้านทีม่ ี ประชากร/ครัวเรือน มากกว่าทุกหมูบ่ ้านในตาบลปอ แดง คือ 227 ครัวเรือน
บ้านหัวฝายเป็นหมูบ่ ้าน เป้าหมายการพัฒนาเป็นชุมชน ท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ที่มีความ พร้อมในด้านศักยภาพของชุมชน ทั้งจานวนนักท่องเที่ยว ต้นทุนทาง ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้าน ศิลปะและวัฒนธรรม มีความ เชื่อมโยงของแหล่งท่องเที่ยว โดยมี กลุ่มอาชีพ/กลุ่ม OTOP ที่สามารถ พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ได้
บ้านหัวฝายเป็นหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ
สร้างรายได้เพิม่ ให้ชุมชน นาเสน่ห์ ภูมิ ปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์มาแปลงเป็นรายได้ ทาให้รายได้กระจายอยู่ ภายในชุมชน สร้างชุมชนเข้มแข็ง ทุกคนพร้อมเป็นเจ้าบ้าน ทาให้ลูกหลานไม่ต้องออกไปหารายได้ จากภายนอกชุมชน โดยมีกลุ่มอาชีพต่างๆ ได้แก่ กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหัวฝาย กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้าน หัวฝาย กลุ่มสมุนไพร กลุ่มทาขนมไทย กลุม่ ปลาร้าสับ และกลุ่มแปรรูปวัสดุจากเศษผ้า นามาสู่การ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านอาชีพและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านภูมปิ ัญญาท้องถิ่น
ศาลปูต่ า ที่พึ่งทางใจชาวหัวฝาย ศาลปู่ตาบ้านหัวฝายนี้มที ี่ตั้งอยูก่ ่อนทางเข้า หมู่บ้านอยู่ถัดจากวัดป่าถือเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ทหี่ นึ่งเช่นเดียวกันเพราะชาวบ้านที่นี่ จะนับถือปู่ตามากเนื่องจากมีความเชื่อที่ท่าน จะคอยปกปักษ์รักษาหมู่บ้านไว้ไม่ให้ได้รับสิ่ง ครอบงาอันไม่ดีและส่งเสริมให้หมู่บ้านประสพ แต่ความสุขสงบและร่มเย็นซึ่ง
ในทุกปีนั้นจะมีงานบูชาปู่ตาประจาปีซึ่งจัดขึ้นอย่าง ใหญ่โตในเดือน 4 โดยจัดพร้อมกับบุญบัง้ ไฟและอีก ประการหนึ่งคือชุมชนนี้จะมี “พ่อจ้า” จะทาหน้าที่ ติดต่อกันระหว่างผีสางที่เป็นเทวาอารักษ์หมู่บา้ นซึ่งจะ มีการเลี้ยงปู่ตาในทุกๆวันพุธ “โดยใช้เหล้าไหไก่ตัว” ตามที่ปฏิบัตกิ ันสืบมารวมทั้งยังเป็นที่พึ่งทางใจของ ชาวบ้านหากผู้ใดลบหลู่หรือทาการใดๆอันแสดงถึง การไม่เชื่อถือก็จะมีอันเป็นไปหรือเจ็บไข้โดยไม่ทราบ สาเหตุและต้องนาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาจึงจะหาย เจ็บหายไข้ผู้ใดทีม่ าจากต่างถิ่นต่างแดนต้องไปไหว้ บอกท่านก่อนโดยมีพ่อจ้า คือผู้ที่มีความรู้ในด้านหมอ พราหมณ์ เป็นผู้นาในการประกอบพิธีต่างๆ ใน หมู่บ้าน
ชาวชนบท
“ยามว่างจากนา
ผู้หญิงทอผ้า ผู้ชายจักสาน”
มีการประกอบอาชีพ เกษตรกรรมเป็นหลัก ทุกครัวเรือนจะมีที่ดินทานา ทาไร่ ทาสวน เลี้ยงสัตว์ นอกจากอาชีพทานาแล้ว ก็มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปลูกฝ้าย เพื่อนาเส้น ไหมและฝ้ายมาทอเป็นผืนผ้า ดังคากล่าวที่ว่า “ยามว่างจากนา ผู้หญิงทอผ้า ผู้ชายจักสาน” ใน อดีตที่ผ่านมา การทอผ้าถือเป็นหน้าที่สาคัญของ ผู้หญิงชาวอีสาน เพราะจะต้องทอผ้าเพื่อใช้เป็น เครื่องนุ่งห่มในชีวิตประจาวัน ผู้หญิงอีสานต้อง เรียนรู้และฝึกหัดการทอผ้ามาตั้งแต่เด็ก จน กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ดังคาผญาที่สอน สตรีชาวอีสานว่า “ทอหูกบ่เป็นแจ ทอแพรบ่
เป็นฝาต้อน เลี้ยงม่อนบ่ฮู้โตลุกโตนอน อย่าฟ้าววอนเอาผัว” การทอผ้าเพื่อใช้ใน ครอบครัวจึงเป็นสิ่งสาคัญที่ผู้หญิงอีสานจะต้อง เรียนรู้และฝึกหัด โดยเริ่มจากผู้เป็นแม่ได้ถ่ายทอด ความรู้และเทคนิควิธีการทอผ้าให้ลูกหลาน สืบ ทอดกันมาไม่ขาดสาย ผ้าไหมที่ทอได้ นิยมสวมใส่ ไปทาบุญที่วัด หรือในงานพิธีและงานมงคลต่างๆ รวมทั้งเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน อาเภอชนบท
เริ่มมีการทอผ้ามาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ สามารถสืบประวัติได้ แต่มีหลักฐาน สาคัญคือ ผ้าไหมมัดหมี่หน้านาง หรือ ผ้าปูม อายุ กว่า 220 ปี ที่เจ้าเมือง ชนบทคนแรกได้รับพระราช ทานจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลก รัชกาลที่ 1 โดยทายาทของเจ้า เมืองเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ซึ่งต่อมา คน ชนบทได้นามาเป็นต้นแบบในการทอ ผ้าไหมมัดหมี่หน้านางที่มีชื่อเสียงและ เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของผ้าไหม ชนบทในปัจจุบัน จึงสันนิษฐานว่าการ ทอผ้าของอาเภอชนบทน่าจะมีมาไม่ ต่ากว่า 100 ปี หรืออาจจะมีมาตั้งแต่ เริ่มตั้งเมืองชนบท คือ ประมาณ 200 กว่าปีที่แล้ว วิสัยทัศน์ของชาวบ้านหัวฝาย “เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ มุ่งสู่ เส้นทางสายไหม น้อมนากายใจ ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”
เรื่องเล่า
ทีม่ าของเส้นไหมและการทอผ้า ภูมิปัญญาชาวบ้านทีเ่ ป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของ ชาวบ้านหัวฝายคือการทอผ้าไหมโดยมีเรื่องเล่า สืบต่อกันมาจากผูเ้ ฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า ในอดีต กาลมีนางสุธรรม เดินทางไปป่าไปพบรังหนอน จึงนารังหนอนไปจุม่ น้าร้อน เห็นเป็นเส้นจึงดึง เส้นออกมาดูแล้วนาเส้นรังหนอนนั้น ไปสาน ขัดกันแต่ละเส้น และพยายามทาให้เป็นผืนเพื่อ นาไปถวายเป็นผ้าพระกฐิน ครั้งนั้นเทวดาสงสารในความพยายามอดทน ของนางจึงเนรมิตเส้นรังหนอนให้เป็นผืนผ้าสบง แล้วนางจึงนาไปถวายเป็นผ้าพระกฐินได้ดังนั้น จึงเป็นประเพณีสบื มาว่าผู้ใดที่ทอผ้าไหมเป็นผ้า สบงจีวรถวายในงานบุญมหากฐินจะได้บุญกุศล มาก ดังนีแ้ ลจะเห็นได้ว่าการทอผ้าไหมมีความ เกี่ยวพันกันกับประเพณีวัฒนธรรมและวิถีชีวิต ของชุมชนสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ผ้าไหมมัดหมี่ลายฟองน้าหัวฝาย
เอกลักษณ์บา้ นหัวฝาย ลายผ้ามัดหมี่ที่เป็นลายผ้าไหม
เอกลักษณ์ของบ้านหัวฝายคือ “ลายฟองน้าหัวฝาย” ซึ่งเป็น ลายผ้าเอกลักษณ์ของบ้านหัวฝาย เนื่องจากบ้านหัวฝายเป็นหมู่บา้ นที่ มีหนองน้าหัวฝายที่ผู้คนในชุมชนใช้ ประโยชน์ จากหนองน้ามาแต่อดีต จนปัจจุบันด้วยความสัมพันธ์กับ หนองน้า เป็นแรงบันดาลใจเมื่อ มองเห็นคลื่นฟองน้าจากหนองน้า เห็นว่าสวยงามดีจึงนามามัดหมี่เป็น ลายผ้าและตั้งชื่อว่า “ลายฟองน้า หัวฝาย” ซึ่งเป็นลายผ้าเอกลักษณ์ ของบ้านหัวฝายจนถึงทุกวันนี้
สร้างประสบการท่องเที่ยวใหม่
เรียนรู้การทอผ้าไหมมัดหมี่แบบดัง้ เดิม กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านหัวฝาย
นักเล่าเรื่อง แม่บุญสิน ราษฎร์เจริญ
กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านหัวฝายเริ่มต้น ตั้งกลุม่ ขึ้นเมื่อปี 2540 ปัจจุบันมีสมาชิก 26 คน มีเงินทุนหมุนเวียน 540,000 บาท สมาชิกมีรายได้เดือนละ 8,000-15,000 บาท มีผลิตภัณฑ์คือผ้าไหมมัดหมี่ผ้าไหม พื้นเรียบได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ5ดาว แม่บุญสิน ราษฎร์เจริญ เป็นผู้ก่อตั้ง กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านหัวฝาย ซึ่งได้สร้าง เอกลักษณ์ของกลุม่ คือการอนุรกั ษ์การทอ ผ้าไหมมัดหมี่แบบดังเดิมให้ยงั คงอยู่ นอกจากนั้นแล้ว ทางกลุม่ สตรีฯยังมีการ ย้อมสีเส้นไหมจากธรรมชาติ และในสถาน ที่ตั้งชองกลุม่ เปิดเป็นศูนย์เรียนรูก้ ารปลูก หม่อนเลี้ยงไหม และเผยแพร่กระบวนการ ผลิตผ้าไหมให้นกั ท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม
การผลิตเส้นไหม กรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถันละเอียดอ่อนมาก นับแต่ การเลือกหม่อนซึ่งเป็นพืชยืนต้น เพื่อใช้เป็นอาหาร ให้แก่หนอนไหม วงจรชีวิตของไหมหรือหนอนไหมใช้เวลาประมาณ 45 - 52 วัน หนอนไหมจะกินใบหม่อนหลังจากฟัก ออกจากไข่ประมาณวันที่ 10 จากนั้นจะหยุดกินอาหาร และลอกคราบ ระยะนี้เรียกว่า “ ไหมนอน ” ต่อจากนั้นจะกินนอนและลอกคราบประมาณ 4 ครั้ง เรียกว่า “ ไหมตื่น ” ลาตัวจะมีสีขาวเหลืองใสหดสั้น และหยุดกินอาหาร ระยะนี้เรียกว่า “ หนอนสุก ” ช่วง นี้ผู้เลี้ยงไหมต้องรีบแยกหนอนไหมสุกออกจากกองใบ หม่อน และเตรียม “ จ่อ ” คืออุปกรณ์ที่จะให้ตัวไหม เกาะเพื่อชักใยห่อหุ้มตัว หนอนจะเริ่มพ่นใยได้ประมาณ 6-7 วัน ก็จะ สามารถเก็บรังไหมออกจากจ่อได้
การย้อมสีธรรมชาติ วิธีการย้อมสีในปัจจุบัน ยังคงยึดภูมิปัญญาจากอดีต โดยใช้สีจากธรรมชาติ เช่น สีแดงจากครั่ง , ผลและใบ คาแสด , รากยอป่า , มะไฟป่า หรือรากของต้นเข็ม สี เหลืองจากแก่นของต้นเข สีจาปาหรือสีส้มจากดอก คาแสดหรือดอกกรรณิการ์ สีน้าเงินจากต้นคราม สี เขียวจากเปลือกไม้มะหูด สีเขียวมะกอกจากแก่นไม้ ขนุน เปลือกนนทรีและเปลือกต้นตะแบก สีไพลจากใบ สัปปะรดอ่อนกับน้ามะนาว สีน้าตาลจะต้นหมาก สี ม่วงจากต้นหว้า สีดาจากมะเกลือ , รากต้นชะพลูและ สมอ ทาให้คุณค่าคงผ้าไหมและรักษาสิ่งแวดล้อมไป ด้วยกัน
กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหัวฝาย
นักเล่าเรื่อง แม่สุภาณี ภู่แล่นกี่ สร้างประสบการท่องเที่ยวใหม่
จากภูมิปัญญาดั้งเดิม สู่ นวัตกรรม ด้วยการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย ขอนแก่น ช่วยพัฒนานวัตกรรมในการ ระบายสีลายผ้า ใช้ชื่อ "ไหมแต้มหมี่" ภายใต้แนวคิด "บูรณาการลวดลาย มัดหมี่ สร้างสรรค์สงิ่ ดีดีสู่สากล" ได้รับ รางวัลในการประกวดผลงานเครือข่าย องค์ความรู้ (KBO) จังหวัดดีเด่น ประจาปี 2555 จุดเด่นสาคัญคือ เป็น ลวดลายหนึ่งเดียวซึ่งเกิดจากการ แต้มสีลงบนเส้นไหม ไม่สามารถ ทาซ้าได้ ถือว่าเป็น Master Piece มี เพียงชิ้นเดียวในโลก
กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหัวฝาย เป็นกลุ่ม ที่มีความเข้มแข็งและสร้างรายได้ให้แก่สมาชิก โดยมีประธาน คือ นางสุภาณี ภู่แล่นกี่ และมี นางอุลัยวัลย์ ประชากูล เป็นเหรัญญิกกลุ่ม จัดตั้งกลุ่มมาตั้งแต่ปี 2527 เงินทุนแรกเริ่ม เพียง 4,000 บาท ปัจจุบันมีสมาชิก 80 คน เงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มถึง 492,000 บาท มี ผลิตภัณฑ์คือผ้าไหมมัดหมี่หลากหลายชนิด โดยสมาชิกของกลุม่ และมีการแปรรูปเป็น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่นกระเป๋าถือสตรี กระเป๋า ใส่สตางค์ ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ เป็นต้น ผลงานโดดเด่น คือ ผ้าไหมแต้มหมี่ ซึ่งเป็น การพัฒนาภูมิปญ ั ญา ต่อยอดวิธีการสร้าง ลวดลายผ้าด้วยนวัตกรรมใหม่ พร้อมสร้าง ชื่อเสียงในระดับโลกด้วยความสนใจของดีไซ เนอร์ต่างๆเพราะเป็นลวดลายสากลในรูปแบบ กราฟฟิคที่ชาวต่างประเทศสนใจ
“การพัฒนา สินค้าจากผ้าไหมชนบท ไปสู่นิตยสารระดับโลก”
นอกจากการอนุรักษ์ผ้าไหมมัดหมี่ แบบดั้งเติมแล้ว ชาวบ้านหัวฝายยังมี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมให้ไปได้ ไกลมากยิ่งขึ้น โดยมีการร่วมมือ ระหว่างชาวบ้านและสถานศึกษาเข้า มาร่วมพัฒนาสินค้า จนเกิดเป็น เอกลักษณ์ใหม่ของชาวบ้านหัวฝาย คือ “ผ้าไหมแต้มหมี่”
หลังจากที่มีการนาเสนอนวัตกรรมการสร้างลวดลาย ใหม่โดย ไหมแต้มหมี่ และมีโอกาสพัฒนาต่อยอด ลายผ้าไหมให้มีความน่าสนใจและเป็นสากลมากขึ้น โดยเหล่าดีไซน์เนอร์ชื่อดังของประเทศ อาจารย์ ธีระ ฉันทสวัสดิ์ ออกแบบลายผ้าผสานกับความรู้ดงั้ เดิม ของชาวบ้านหัวฝาย รังสรรค์ออกมาเป็นลวดลาย ผ้าลายใหม่ทสี่ วยงาม แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น ไหมแต้มหมี่บ้านหัวฝายสร้างรายได้ให้กับกลุ่มฯ
10 ผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้าน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10.
ผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ ผ้าไหมพื้นเรียบย้อมสีธรรมชาติ ผ้าไหมแต้มหมี่ ผ้าพันคอไหม ผ้าคลุมไหล่ไหม ปลาร้าสับทรงเครื่อง ไหมขัดตัว ขนมไทย ลูกประคบ แปรรูปวัสดุจากเศษผ้า
ผลิตภัณฑ์ของฝากที่ระลึก 1. 2. 3. 4. 5.
น้าสมุนไพร ผ้าพันคอผ้า กระเป๋านามบัตร สบู่จากรังไหม กระเป๋าสุภาพสตรี
ผลิตภัณฑ์ชุมชน เอกลักษณ์และจุดเด่น ผ้าไหมทีผ่ ลิตจากกลุม่ ทอผ้าไหมบ้าน หัวฝาย เป็นผ้าไหมที่มีคุณภาพ มีสสี ัน ลวดลาย สวยงาม ประณีต มีความ หลากหลาย ได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน และท้องถิ่น (มผช.) มีการควบคุมคุณภาพ การผลิต สีไม่ตก และมีการพัฒนาคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของตลาด ผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านทีเ่ ข้าพัฒนา ส่วน ใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม ได้แก่ - ผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ - ผ้าไหมพื้นเรียบย้อมสีธรรมชาติ - ผ้าไหมแต้มหมี่ - ผ้าพันคอไหม - ผ้าคลุมไหล่ไหม - ไหมขัดตัว - แปรรูปวัสดุจากเศษผ้า
เขียน
กลุ่มสมุนไพร
นักเล่าเรื่อง พ่อจาเริญ ไชยมาลา
ผลิตภัณฑ์ชุมชน
กลุ่มสมุนไพร ของบ้านหัวฝายเริม่ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2550 มีสมาชิก 26 คน เงินทุนเริ่มแรก 12,000 บาท มีนายจาเริญ ไชยมาลา เป็น ประธานกลุ่ม และเป็นผูป้ รุง สมุนไพรตามสูตรของบรรพบุรุษที่ สืบทอดมา
ภายในกลุ่มมีการปลูกสมุนไพร ให้กับครัวเรือน ปรุงยาแคปซูล ทาลูกประคบ ไว้จาหน่ายให้กับ นักท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มสมุนไพรได้ เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ผู้สนใจ และมีการนวดแผนโบราณ และ สปาไว้บริการภายในกลุม่ ด้วย
ลูกประคบสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มสมุนไพร ประโยชน์และสรรพคุณของลูกประคบสมุน ไพรมีมากมายเป็นที่ยอมรับของการแพทย์ แผนไทยว่าเป็นวิธีรักษาโรควิธีหนึ่งและมี ประสิทธิภาพในการบาบัดรักษาโดยเฉพาะ การช่วยลดความเครียดกาจัดความอ่อนเพลีย ช่วยคลายความเนื้อคลายเส้นเอ็น เส้นสาย ในผู้ป่วยให้ผ่อนคลาย
ผลิตภัณฑ์ชุมชน กลุ่มทาขนมไทย กลุ่มทาขนมไทยเป็นกลุม่ ที่เกิดจากการอบรม โครงการสร้างสัมมาชีพชุมชน ปี 2560 เกิด จากความต้องการของครัวเรือน คือ การฝึก อาชีพทาขนมไทยเพื่อเพิม่ รายได้ให้สมาชิก โดยขนมดอกจอก เป็นขนมที่ได้รับความนิยม สามารถทาจาหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มแปรรูปวัสดุจากเศษผ้า เป็นกลุ่มทีก่ ่อตั้งเมื่อปี 2561 เกิดจากความ ต้องการของครัวเรือน คือ การทาไม้ถูพื้น จากเศษผ้า เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิก นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชม และเรียนรู้ การแปรรูปเศษผ้าให้เกิดเป็นสิง่ ที่ใช้สอย ประโยชน์ได้ และนอกจากนี้ยังสร้างรายได้ ให้ชาวบ้านได้อีกด้วย
กลุ่มแปรรูปปลาร้าสับ ปลาร้าสับหรือแจ่วบอง (น้าพริกปลาร้า ทรงเครื่อง) เป็นการแปรรูปอาหาร อย่างชาญฉลาดของชาวอีสาน โดยการ นาปลาร้า มาสับละเอียดให้เข้ากันกับ สมุนไพรที่มีอยู่แล้วในชุมชน เพื่อเพิ่ม รสชาติให้มีความเข้มข้นมากยิง่ ขึ้น เป็น ผลิตภัณฑ์ทรี่ ับความนิยมรับประทาน จึงสามารถผลิตจาหน่ายสร้างรายได้ เป็นอย่างดี
ถ่ายทอดภูมปิ ัญญา จากรุ่นสู่รนุ่ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็วของสังคมปัจจุบันอาจทาให้เด็ก และเยาวชนห่างหายจากการเรียนรู้ รากเหง้าวิถีชีวิตภูมิปัญญาศิลปะวัฒน ธรรมและประเพณีจากชุมชนหรือ ครอบครัว ซึ่งเป็นเบ้าหลอมสาคัญเพื่อ ขัดเกลา สร้างสมาชิกที่จะเป็นกาลัง สาคัญต่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและ สังคม
ในภาพเยาวชน กาลังมัดหมี่ผ้าไหมลายใหม่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็ นผลิตภัณฑ์ ผ้ าไหมลายปาเต๊ ะ เชื่อมสัมพันธ์ อีสาน - ใต้
ชาวบ้านหัวฝาย ตระหนักถึงภูมิ ปัญญาท้องถิ่นสามารถทาให้ความรู้เกิด ประโยชน์แก่สังคมปัจจุบันได้ จึงได้มกี าร ถ่ายทอดสิ่งทีม่ ีคุณค่าสู่เยาวชน ด้วยการ ส่งเสริมและให้โอกาสให้เยาวชนซึ่งได้พบ เห็น ซึมซับการมัดหมี่และทอผ้ามาตัง้ แต่ เกิด ได้มีการจัดกระบวนการเรียนรู้ ถ่ายทอดประมวลผล ตลอดจนสนับสนุน ให้เยาวชน และเชื่อมโยงเครือข่ายในการ พัฒนาชุมชน และสังคมอย่างต่อเนื่อง ทา ให้บ้านหัวฝาย ยังคงภูมปิ ัญญาดั้งเดิมคง อยู่ได้ในทางสังคมวัฒนธรรม และ สิ่งแวดล้อมยุคใหม่ กลุ่มเยาวชนบ้านหัวฝายให้ความสนใจ มีความรู้ในการเลี้ยงไหม การสาวไหม การมัดหมี่และการทอผ้าครบวงจร เป็นที่ ยอมรับและชนะการประกวดฝีมือ หัตถกรรมอย่างต่อเนื่อง
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI : Thai Geographical Indication
ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท ได้รับ การขึ้นทะเบียนรับรอง GI Thailand สินค้าสิ่งบ่งชี้ ทางภูมิศาสตร์ไทย
คือเครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มาจากแหล่งผลิต เฉพาะเจาะจง โดยคุณภาพหรือเอกลักษณ์ของ สินค้านั้น เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว จึงเปรียบเสมือนเป็นแบรนด์ของท้องถิ่น ที่บ่งบอก ถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เป็นทรัพย์สินทาง ปัญญาประเภทหนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมี ความเชื่อมโยง ระหว่างปัจจัยสาคัญสองประการ คือ ธรรมชาติและมนุษย์ กล่าวคือ ชุมชนได้อาศัย ลักษณะเฉพาะที่มีอยู่ในแหล่งภูมิศาสตร์ตาม ธรรมชาติ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ หรือวัตถุดิบ เฉพาะในพื้นที่ มาใช้ประโยชน์ในการผลิตสินค้าใน ท้องถิ่นของตนขึ้นมา ทาให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มี คุณลักษณะพิเศษที่มาจากพื้นที่ ดังกล่าว คุณลักษณะพิเศษนี้อาจหมายถึง คุณภาพ ชื่อเสียงหรือคุณลักษณะเฉพาะอื่นๆที่มาจากแหล่ง ภูมิศาสตร์นั้นๆ ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไห้รับการขึ้น ทะเบียนรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI โดย กรมทรัยพ์สินทางปัญญา ถือว่าเป็นหนึ่งใน 75 ชนิดของประเทศไทย โดยผ้าไหมมัดหมี่ชนบท เป็นผ้าไหมที่สร้างลวดลายหรือสีสันด้วยการค้นลา หมี่และมัดย้อมอย่างประณีตตามกรรมวิธีที่เป็นภูมิ ปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาในอาเภอชนบท จังหวัดขอนแก่นไม่ต่ากว่า 100 ปี โยเส้นไหมพุ่งได้ จากไหมพันธ์ไทยพื้นบ้านหรือพันธ์ไทยปรับปรุงที่ ผลิตในจังหวัดขอนแก่นเท่านั้น
หมู่บ้านหัวฝายเป็น หมู่บ้าน รักษาศีลห้า ประชาชนจะ เข้าวัดรักษาศีลทุกวันพระ
วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของหมู่บ้าน ร่วมกับการทากิจกรรมร่วมกันของ ชุมชนมีจานวน 2 วัด คือวัดป่ากับ วัดบ้านโดยวัดที่อยู่ในหมู่บ้านจะ ตั้งอยู่ศูนย์กลางของหมู่บ้านมีการ ทานุบารุงอย่างต่อเนื่องมีเจ้าอาวาส วัดเป็นพระนักพัฒนาท่านหนึ่งเป็น ที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านใน บริเวณนี้ สาหรับวัดป่ามีที่ตั้งอยู่ นอกหมู่บ้านบริเวณป่าสาธารณะ ก่อนทางเข้าหมู่บ้านในด้านทิศ ตะวันตกของชุมชน เป็นวัดที่ร่มรื่น รักษาป่าไม้ของชุมชนได้ดี ทาให้ หมู่บ้านยังคงมีป่าป่าชุมชนเหลือซึ่ง วัดนี้ยังต้องการงบประมาณในการ ทานุบารุงวัดอีกพอสมควรจึงจะ เสร็จสมบูรณ์ดี
คณะกรรมการหมู่บ้านได้ให้การ สนับสนุนช่วยเหลือกิจกรรม เกี่ยวกับพุทธศาสนา โดยเป็นแกน นาในการนาชาวบ้านร่วมในการจัด งานเทศกาลเกี่ยวกับวันสาคัญทาง พุทธศาสนา ช่วยทานุบารุงวัดวา อารามทั้งสองแห่ง ตลอดจนอานวย ความสะดวกให้กับพระภิกษุสงฆ์ที่ จาวัดในหมู่บ้าน อาทิการติดต่อ ราชการต่าง ๆ เป็นต้น
ประเพณี ความเชื่อและศาสนา
บังสุกุลไหม
ตามความเชื่อเดิมนั้น การบังสุกุล คือ การ ทาบุญเพื่ออุทิศให้ผทู้ ี่ล่วงลับไปแล้วด้วยการวางผ้า จีวรมาแล้วนิมนต์พระสงฆ์มาสวด คือการสวด พิจารณาสังขาร ให้เห็นตามความเป็นจริง หลังจาก นั้นจึงทาการกรวดน้า
เนื่องจากบ้านหัวฝายนั้นมีการประกอบอาชีพ ทอผ้าไหมแต่เดิมเกือบทุกครัวเรือน ดังนั้นจึงมีการ ผลิตเส้นไหมจานวนมาก ทั้งนามาแปรรูปและขาย ส่งออก เนื่องด้วยกรรมวิธีผลิตเส้นไหมต้องมีการต้ม รังไหม จึงเป็นที่มาของการทาบังสุกุลไหม ตามความ เชื่อของชาวบ้าน โดยจะมีการนาใบหม่อนเข้าร่วม ในการทาบุญให้กบั ตัวหนอนไหม และถวายเส้นไหม ให้แก่วัดในรูปแบบของผ้าป่าเส้นไหม รวมถึงการทอ ผ้าสบง จีวรไหมถวายแก่พระสงฆ์
อาหารพื้นถิ่น บ้านหัวฝาย
ต้มไก่บ้าน
ดักแด้ทรงเครื่อง ปลานึ่งแจ่ว
ส้มตา แกงหน่อไม้
อาหารพื้นถิ่น บ้านหัวฝาย ปลานึ่งแจ่ว ปลาเป็น โปรตีนย่อยง่าย คุณค่าสูง รับประทานคู่กับน้าจิ้มแจ่ว จึงจะอร่อยรสแซ่บตาม สไตล์อีสาน โดยมีผักสด หรือผักลวกเป็นผักแกล้ม จะเป็นการเพิม่ คุณค่าใน อาหารมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี
ส้มตา อาหารที่ให้เพื่อสุขภาพอีกเมนูหนึ่งที่เป็นที่นิยม อร่อยถูกปาก มีส่วนประกอบที่เพิ่มรสชาติและคุณค่าจาก ผักสด สมุนไพร ทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีสรรพคุณ ทางยา ที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยต่อต้าน อนุมูลอิสระ และชะลอวัยด้วย ดักแด้ทรงเครื่อง อาหารเพิม่ คุณค่าโปรตีนจาก ดักแด้ ที่ได้จากการสาวเส้นไหมออกจากรัง เพิ่ม ความหอมจากสมุนไพร ยั่วใจให้ลิ้มลอง ต้มไก่บ้าน เป็นอาหารท้องถิ่นทางภาคอีสานที่ทารับประทาน กันทั่วไป ส่วนประกอบหลัก คือ ไก่บ้าน ให้โปรตีนสูง แต่ไขมัน ต่า ส่วนสมุนไพรทีเ่ ป็นเครื่องปรุงนั้น เป็นสรรพคุณทางยา มี วิตามิน เกลือแร่ และมีสารต้านอนุมลู อิสระ ที่มปี ระโยชน์ต่อ ร่างกายอีกด้วย แกงหน่อไม้ เมนูโปรดของคออาหารอีสานรสแซ่บ ทีจ่ ะพา ทุกคนไปอร่อยไปกับหน่อไม้กรอบ ๆ มีเส้นใยสูง ซึง่ เข้ากันดี กับน้าใบย่านาง แถมยังมีผกั และเห็ดนานาชนิดเต็มถ้วยไป หมด กลิ่นหอมฟุ้ง ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง
ที่พักโฮมสเตย์ บ้านหัวบ้านได้มีการเตรียมตัวสาหรับ การท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี เพื่อบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้าง คืน ณ หมู่บ้าน ซึ่งก็มบี ริการใน หลากหลายรูปแบบ ทั้งเป็นแบบห้อง เดี่ยว และพักแบบหลายท่าน
สิ่งอานวยความสะดวก ไฟฟ้า ปัจจุบัน บ้านหัวฝายมีไฟฟ้าใช้ ทุกหลังคาเรือน มีอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้ทุกครัวเรือน น้าประปา ชาวบ้านหัวฝาย ทุก ครัวเรือนมีน้าประชาใช้ โดยเป็นระบบ ประปาที่เชื่อมต่อกับการประปาชนบท Wifi ชาวหัวฝายมี wifi ของหมู่บ้านที่ จะบริการนักท่องเที่ยว
โปรแกรมท่องเที่ยวโปรแกรม 1 วันเต็มอิม่ “สุดยอดไหมมัดหมี”่ เวลา 08.00 น. ออกเดินทางจากจังหวัดขอนแก่น ไปตามถนนมิตรภาพ มุ่งสู่อาเภอชนบท เมืองเก่าทีม่ ีประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2326 ศูนย์กลางเอกลักษณ์ไหมมัดหมีช่ นบท เวลา 09.30 น. ถึงอาเภอชนบท เข้าสักการะศาลเจ้าพ่อมเหศักดิ์ สิ่งที่ให้ความเคารพ ของชาวชนบท เวลา 10.00 น. เข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าที่ศาลาไหมไทย อาคารเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา มหาราชินี วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น ตื่นตากับลายผ้าไหมมัดหมีโ่ บราณ ของชาวชนบท และผ้าไหมมัดหมีร่ างวัลชนะเลิศของเอเชีย เวลา 11.30 น. ออกเดินทางไปยังบ้านหัวฝาย หมู่ที่ 2 ตาบลปอแดง อาเภอชนบท หมู่บ้าน OTOP VILLAGE CHAMPION ( OVC) ของจังหวัดขอนแก่น ศูนย์เรียนรู้ดา้ นการทอผ้าไหมของอาเภอชนบททีม่ ีการปลูกหม่อนเลี้ยง ไหมครบวงจร เวลา 12.00 น. ถึงหมู่บา้ นหัวฝาย รับการต้อนรับและสักการะศาลปู่ตาของหมู่บ้าน และ รับประทานอาหารกลางวัน เมนูพิเศษที่ศาลากลางบ้านหัวฝาย เวลา 13.00 น. เยี่ยมชมกระบวนการเลี้ยงไหม การผลิตเส้นไหม แบบครบวงจร ชมการสาธิตการย้อมสีธรรมชาติ ที่กลุม่ สตรีสหกรณ์บ้านหัวฝาย นางบุญสิน ราษฎร์เจริญ เลือกซื้อสินค้าชุมชนจากกลุ่มอาชีพต่างๆ เวลา 14.00 น. เยี่ยมชมนวัตกรรมการสร้างสรรค์ผา้ ไหมแต้มหมี่ ลวดลายผ้าเป็นนวัตกรรม ใหม่ พร้อมสร้างประสบการณ์การแต้มหมีด่ ้วยตนเอง ทีก่ ลุ่มทอผ้าไหม บ้านหัวฝาย โดยนางสุภาณี ภูแล่นกี่ และเลือกซื้อผ้าไหมในราคาถูกใจ เวลา 15.00 น เดินทางไปยังถนนสายไหม ในอาเภอชนบท เพื่อเลือกซื้อเสือ้ ผ้าไหม สาเร็จรูป และเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมในราคาคุม้ ค่า เวลา 16.30 น. เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
มาวันเดียว ก็เที่ยวได้ “หัวฝาย One day trip”
โปรแกรมท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน “เรียนรู้วิถีชุมชนทอผ้าไหม” วันแรก เวลา 08.00 น. ออกเดินทางจากจังหวัดขอนแก่น ไปตามถนนมิตรภาพ มุ่งสู่อาเภอชนบท ศูนย์กลางเอกลักษณ์ไหมมัดหมี่ เวลา 09.30 น. ถึงอาเภอชนบท เข้าสักการะศาลเจ้าพ่อมเหศักดิ์ สิ่งที่ให้ ความเคารพของชาวชนบท เวลา 10.00 น. เข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าที่ศาลาไหมไทย อาคารเฉลิมพระ เกียรติ 60 พรรษามหาราชินี วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น ตื่นตากับลายผ้าไหมมัดหมี่โบราณของชาวชนบท และ ผ้าไหมมัดหมี่รางวัลชนะเลิศของเอเชีย เวลา 11.30 น. ออกเดินทางไปยังบ้านหัวฝาย หมู่ที่ 2 ตาบลปอแดง อาเภอชนบท หมู่บ้าน OTOP VILLAGE CHAMPION (OVC) ของจังหวัดขอนแก่น ศูนย์เรียนรู้ด้านการทอผ้า ไหมของอาเภอชนบทที่มกี ารปลูกหม่อนเลี้ยงไหมครบ วงจร เวลา 12.00 น. ถึงหมู่บา้ นหัวฝาย รับการต้อนรับและสักการะศาลปู่ตา ของหมู่บ้าน และรับประทานอาหารกลางวัน เมนูพเิ ศษ ที่ศาลากลางบ้านหัวฝาย
เวลา 13.00 น. สัมผัสวิถีการเลี้ยงหม่อน สาวไหม และทอผ้า การเยี่ยม ชมกระบวนการในแต่ละบ้านเรียนรู้อย่างใกล้ชิด โดย แบ่งเป็นกลุม่ ย่อยด้วยการนาทางของเยาวชน ในหัวข้อ ต่างๆ ตามความสนใจ โดยนักเล่าเรื่องในชุมชนที่เป็น เจ้าของบ้านแต่ละหลังที่เข้าชมในเส้นทาง 1.เข้าสวนหม่อน ปลูกอย่างไร วิธีเก็บใบหม่อนเพื่อใช้ เลี้ยงตัวหนอนไหมในแต่ละช่วงวัย 2.รู้จักหนอนไหม ในแต่ละวัย และให้อาหารตัวไหม 3.การสาวไหม และการเตรียมเส้นไหม และมีส่วนร่วม ทดลองสาวไหม 4.การมัดหมี่และวิธีการสร้างลวดลายบนผืนผ้า 5.การย้อมเส้นไหมมัดหมี่ และมีส่วนร่วมการย้อมด้วย สีธรรมชาติ เวลา16.00 น. กลับมารวมพลที่ศาลากลางบ้าน รับประทานของว่าง ขนมดอกจอกและน้าลูกหม่อน และทาความรูจ้ ักกับเจ้าของบ้านพักโฮมสเตย์ นาเข้าที่พัก เวลา 18.00 น. เริ่มกิจกรรมวิถีชุมชนบ้านหัวฝาย ต้อนรับขับสู้อย่าง อบอุ่น ประกอบด้วย การขับร้องสรภัญญะจังหวะ ทานองและเนื้อหาสะท้อนเรื่องราวของชุมชน ต่อด้วย การบายศรีสู่ขวัญ เป็นพิธีที่สาคัญของชาวอีสาน เพื่อ แสดงการต้อนรับและอวยพร อิ่มอร่อยรับประทานอาหารพาแลง อาหารพื้นบ้านอีสาน ที่จัดเตรียมขึ้นเป็นพิเศษ ชมการแสดงศิลปะการแสดงพื้นบ้านและการขับร้อง หมอลา และร่วมราลงอย่างสนุกสนาน เวลา 20.30 น. กลับเข้าบ้านพักโฮมสเตย์ พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สอง เวลา 06.45 น. ร่วมทาบุญตักบาตรข้าวเหนียว บาเพ็ญบุญรับวันใหม่ ในวิถีพื้นถิ่น จากนั้น เดินรับอากาศบริสุทธ์ และชื่นชม ต้นหม่อนรับแสงแดดยามเข้า ในเส้นทางหมู่บ้าน เวลา 07.30 น. รับประทานอาหารเช้า ที่โฮมสเตย์ เวลา 08.30 น. สัมผัสประสบการณ์ การถักทอเส้นไหมสู่อาภรณ์งาม ร่วมกิจกรรมการทอผ้าด้วยกี่แบบดั้งเดิม ที่กลุม่ สตรี สหกรณ์บ้านหัวฝาย เวลา 9.30 น. ชมนวัตกรรมเทคนิคการสร้างลวดลายผ้าไหมแต้มหมี่ ที่กลุม่ ทอผ้าไหมบ้านหัวฝาย และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมจากแหล่งผลิต เวลา 10.30 น. ส่งนักท่องเที่ยวเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
แผนที่ชุมชนบ้านหัวฝาย
บ้านหัวฝายเป็นหมู่บ้านเป้าหมายการพัฒนาเป็นชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีที่มีความพร้อมใน ด้านศักยภาพของชุมชน ทั้งจานวนนักท่องเที่ยว ต้นทุนทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านศิลปะและ วัฒนธรรม มีความเชื่อมโยงของแหล่งท่องเที่ยว โดยมีกลุ่มอาชีพ/กลุ่ม OTOP ที่สามารถพัฒนาต่อยอด ผลิตภัณฑ์ได้ และเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ สร้างรายได้เพิ่มให้ชุมชน นาเสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถี ชีวิต วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์มาแปลงเป็นรายได้ ทาให้รายได้กระจายอยู่ภายในชุมชน สร้าง ชุมชนเข้มแข็ง ทุกคนพร้อมเป็นเจ้าบ้าน ลูกหลานไม่ต้องออกไปหารายได้จากภายนอกชุมชน
ติดต่อประสานงานชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี นายวรวุฒิ คุ้มบุ่งค้า ผู้ใหญ่บ้าน/ประธานกรรมการ บ้านหัวฝาย หมู่ที่ 2 ตาบลปอแดง อาเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น โทรศัพท์ 089-8438302
นักเล่าเรื่องชุมชนของบ้านหัวฝาย บ้านหัวฝาย มีนักเล่าเรื่องชุมชนของหมู่บ้านเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ดังนี้ 1.นายสุภัค แปลยาว 2.นายวรวุฒิ คุ้มบุ่งค้า 3.นางสุภาณี ภูแล่นกี่ 4.นางบุญสิน ราษฎร์เจริญ 5.นายจาเริญ ไชยมาลา 6.นายอุระ เกษร 7.นางเหล่า เทพเรียน
การเชื่อมโยงหมู่บ้านท่องเที่ยวOTOP นวัตวิถี สู่การพัฒนาท้องถิ่น ข้อมูลทั่วไป การบริหารจัดการชุมชน การพัฒนาทอผ้าไหมมัดหมี่สู่นวัตกรรม การทอผ้าไหมมัดหมี่แบบดั้งเดิม และการเลี้ยงไหมวัยอ่อน การทาสมุนไพร, การปลูกผัก, การทาปุ๋ยหมักชีวภาพ ประวัติหมู่บ้าน และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สู่ความยั่งยืนปัจจุบัน เรื่องผลิตภัณฑ์อาหาร การทาปลาร้าบอง
พัฒนาชุมชนอาเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น