112302 I Mutiple Media Project I Sound Ethnography Laboratory ฉบับรางสําหรับการนําเสนอความกาวหนาครั้งที่ 1 วันที่ 10 กุมภาพันธ 2558 เรวดี งามลุน 550310254 SOUND WITH UNCONCIOUS I เสียงกับการทํางานของจิตไรสํานึก ทําไมถึงสนใจหัวขอนี้ ? เสียงกับการทํางานของจิตไรสํานึก (Unconcious) มันทํางานสอดคลองกันผานผัสสะทั้ง 5 ของมนุษย คือรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ปรากฎการณที่เกิดขึ้นกับภาวะของจิตที่ถูกทํางานในขณะที่เราไมรูตัวหรือเรียกวาจิตไรสํานึก ซึ่งมันก็นําไปสู ปรากฎการณของเสียงที่เปลงออกมาในรูปแบบตางๆไมวาจะเปนเสียงของความฝน เสียงอุทาน เสียงหัวเราะ เสียงกรีดรองหรือตะโกน เสียงที่เกิดจากลักษณะของความผิดปรกติหรืออาการพลั้งเผลอที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันของมนุษย เชน การพลั้งปาก พลั้งมือ อาการ หลงลืม สิ่งที่แสดงออกมามันคือกระบวนการ เก็บกดในจิตไรสํานึก หรือ การปลดปลอยพลังงานจิตที่สั่งสมในจิตใตสํานึกซึ่ง กระบวน การทํางานของจิตใตสํานึก และจิตไรสํานึกนั้นมันเปนการทํางานรวมกันเสมือนกับการตอทอตรงเขาดวยกัน ทุกอยางที่เกิดขึ้นลวนแลว แตเปนจิตสํานึกทั้งสิ้น แตจิตไรสํานึกมันเปนรองรอยที่ตอ ประสาน ประเด็นทางสังคมอื่นๆได เราควรใสใจจิตไรสํานึกมากขึ้นเพราะในโลกที่ตองการคําอธิบายสิ่งที่เปนรูปธรรม จับตองได เราลวนแลวแตใชจิตใตสํานึก กําหนด เหตุ และผล กําหนดรูปแบบตางๆทางสังคมแตเราไมเคยอธิบายถึงอารมณสิ่งที่มัน Ineffableที่มันเกิดขึ้นวามันมีนัยยะสําคัญ ของการทํางานจิตไรสํานึกอยางไร ? และทําไมเราตองสนใจเสียงของจิตไรสํานึก เพราะเสียงที่มันเกิดขึ้นโดยที่เราไมรูตัว มันมีความ หลากหลาย และเปนพหุภาษา การทํางานของเสียงที่มันนาสนใจ มันทํางานรวมกันระหวางจังหวะ Dialog ของรางกาย (Bฺ ody) และ Dialog ของสังคมที่ถูกเปลงออกมาทางเสียง เชน การอุทานออกมาเปนภาษาถิ่นพรอมแสดงทาทางการตกใจ การหัวเราะใน ขณะประชุมกับการหัวเราะขณะที่เรานั่งดูทีวีอยูที่บานมันคือมารยาทที่จิตสํานึกของเราสั่งไมใหจิตไรสํานึกถูกทํางานการทำอะไรที่ เราไมไดตั้งใจมันจะไมเปนระเบียบ มารยาทที่ดีมันคือการควบคุมทางสังคม ดังนั้นการแสดงออกของเสียงผานจิตไรสํานึกในบริบทตางๆจึงถูกควบคุมโดยระบบสังคม ไมวาจะเปน เพศสภาพ มารยาท ของสังคมที่เปนตัวกําหนดแตเมื่อมันไมสามารถควบคุมเสียงไดมันจึง Ineffableสิ่งที่เรารับรูไดคือการตีความมิติหลายๆอยางเขากับ ระบบสังคมเชน การพลั้งปาก พลั้งมือ อาการหลงลืมสิ่งที่แสดงออกมามันคือกระบวนการ เก็บกด ในจิตไรสํานึก หรือ การปลดปลอย พลังงานจิตที่สงั่ สมในจิตใตสํานึก เชน เรื่องตลกขบขัน คําคมไหวพริบตางๆที่แสดงออกมาเปนการระบายความรูสึกที่เก็บกดเชนเดียว กับความฝน การทํางานของจิตไรสํานึกมันเหมือนกับพาเราไปสูสภาวะของความเปนเด็กอีกครั้งหนึ่ง ทําใหผูศึกษาประเด็นเรื่องเสียงกับ จิตไรสํานึก เห็นถึงประเด็นความคิดในเรื่องอุดมการณทางสังคมบางอยางที่ฝงอยูในเสียงไมวาจะเปน ระบบภาษา มารยาททางสังคม เพศสภาพที่สังคมกําหนด ชาติพันธ วัฒนธรรมที่ตางกันลวนมีอุดมการณ ความเชื่อ และอํานาจที่ฝงอยู ทําใหการควบคุมมารยาทของ สังคมที่แสดงออกมาแมกระทั่งในระดับคําพูดที่เปลงออกมาจากจิตไรสํานึกก็สามารถวิเคราะหรูปแบบมิติของสังคมของคนนั้นๆไดวามี รูปแบบของวัฒนธรรมเปนเชนไร
แนวคิดพื้นฐานในงานวิจัย การศึกษาวิจัยในประเด็นเรื่องเสียงกับ จิตไรสํานึก (Unconcious) มีวิธีการศึกษาวิธีวิทยาที่มีแรงบันดาลใจจากมโนทัศน เรื่องจิตไรสํานึกที่เปนพื้นฐานสําคัญของทฤษฎีจิตวิเคราะหของฟรอยด จิตไรสํานึก (Unconcious)ที่ฟรอยดแสดงใหเห็นวาจิตไร สํานึกเปนสวนของพฤติกรรมภายในที่เจาตัวไมรูสึกตัวเลย อาจเนื่องจากเจาตัวพยายามเก็บกดไว นอกจากนี้จิตไรสํานึกยังอาจเปนเรื่อง ของอิด (Id) ซึ่งมีอยูในตัวเรา เปนพลังที่ผลักดันใหเราแสดงพฤติกรรมตามหลักแหงความพอใจ(Principle of pleasure) แตสิ่งนั้นถูก กดหรือขมไวจนถอยรนไปอยูในสภาพที่เราไมรูตัวสวนของจิตไรสํานึกจะแสดงออกมาในรูปของ ความฝน การละเมอ การพลั้งปากพูด การแสดงออกทางดานจินตนาการ วรรณคดี ศิลปะ ผลงานดานวิทยาศาสตร การกระทําที่ผิดปกติตางๆแมกระทั้งการระเบิดอารมณ รุนแรงเกินเหตุ บางครั้งก็เปนเพราะจิตไรสํานึกที่เก็บกดไวซึ่งฟรอยดมีความเชื่อวา จิตไรสํานึกมีอิทธิพลและบทบาทสําคัญตอ บุคลิกภาพและการแสดงพฤติกรรมของมนุษยมาก แตกตางจากลากองที่เขาเห็นวา จิตไรสํานึกนั้นมีลักษณะโครงสรางเหมือนภาษาที่เราสามารถลวงลึกได มีหลักเกณฑทาง วิทยาศาสตรที่มีลักษณะเปนสสาร มีโครงสราง มีความละเอียด เปนการจัดเตรียมอยางเปนธรรมชาติที่สุด จิตไรสํานึกจึงเปนแนวคิด ที่เคลื่อนที่ไมอยูนิ่งเพราะมันเปนเหมือนสิ่งที่ทําหนาที่แทนความพิเศษ ความลึกลับตางๆที่เกิดขึ้นจิตสํานึกไดถูกสรางขึ้นมาเหมือนภาษา จิตไรสํานึกของมนุษยจึงเต็มไปดวยวาทกรรมของสิ่งอื่นหรือของสังคมความเปนมนุษยของอัตบุคคลเปนเพียงสิ่งประดิษฐของวัฒนธรรม กลาวคือจิตไรสํานึกไดถูกปรากฏแกเราอยางใจจดใจจอซึ่งมักเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจากการแตกแยกในตัวตนแตละคนจนเกิดชองวางหรือ ความแตกตางขึ้น แนวคิดเรื่อง ตัวตน (Subject) ของฌารก ลากอง ฌารก ลากอง กลาววา มนุษยเปนความวางเปลา (Nothingness) มนุษยตองผานกระบวนการบันทึกความรูหรือกระบวนการทําให มนุษยใน 3 ประการ ซึ่งสงผลใหมนุษยมีความแปลกแยกในตัวเอง หรือมีบุคลิกภาพเปน “สามคนในรางเดียว” คือ 1) คนแรกเกิดขึ้น ในกระบวนการบันทึกจินตนาการ จึงมีนิสัยเพอฝน ชอบคิดเขาขางตัวเอง และตัดสินอะไรจากภายนอก 2) คนที่สองเกิดในกระบวนการ บันทึกสัญลักษณเปน “เด็กดี”ชอบอางเหตุผล กฎหมาย และศีลธรรม สวน 3) คนที่สามเกิดขึ้นในกระบวนการบันทึกความจริง จึงเปน คนอารมณออนไหว ชอบหมกมุนอยูกับอารมณ และความรูสึกของตัวเอง ดื้อรั้น เก็บตัว แตทั้งสามคนมีนิสัยเหมือนกันตรงที่ กาวราว หลงตัวเอง บาอํานาจ เห็นแกตัวและไมรักใครเลยอาจกลาวไดวาตัวตนของมนุษยแทจริงในทัศนะของลากองคือ Negativity ที่ซอนลึก อยูในความจริงสําหรับทัศนะเรื่อง อัตบุคคลลากองไดพิจารณามนุษยออกเปน 3 สวนคือ 1. มนุษยคือความคิด 2. มนุษยเปนวัฒนธรรม และ 3.มนุษยอยูในปรารถนา สิ่งที่ถูกบันทึกลงในจิตไรสํานึกของมนุษย หรือที่ลากองเรียกวาความรูของมนุษยที่บันทึกในกระบวนการ แหงจินตนาการ เกิดจากการถายแบบจากภาพของสิ่งอื่น ซึ่งใหผลลัพธเปนอัตลักษณ(Identity) หรืออีโกในอุดมคติเมื่อมนุษยเขาสูกระ บวนการขัดเกลาทางสังคม ลากองกลาววาแนวคิดของฟรอยดเริ่มตนจากแรงขับตางๆของปจเจกชน และความพึงพอใจตางๆของพวกเขา และนั่นทําให เขาไมสนใจมิตติ างๆทางสังคม สําหรับลากองความสัมพันธระหวางตัวตนกับตัวตน (Subject- to – subjectrelation)เปนสิ่งที่เราเรียก วา“ความเปนตัวตนระหวางกัน (Intersubjectivity)” สวนเปาหมายของการวิเคราะหในทัศนะของลากองคือตําแหนงของความจริง (Truth)ของความแทจริง (Authenticity) ถึงอยางไรก็ตามลากองยังเชื่อวา จิตไรสํานึกไมสามารถที่จะเปนเนื้อหาอันหนึ่งของความรูได กลาวคือ อีโกของแตละคนไดฉายตัวของตนเองและตอมาก็ลมเหลวที่จะรูจักตัวของตนเอง ความรูตัวตน (Self- Knowledge) ความคิด ที่วาตัวตนสามารถสะทอนตัวของมันเองไดเปนเรื่องซึ่งเปนไปไมไดขณะที่ฟรอยดดูเหมือนจะมีความเชื่อในจิตไรสํานึกในฐานะที่เปนแนว คิดที่มีแกนแทอันหนึ่ง สําหรับลากองจิตไรสํานึกไมมีทางที่แทจริงของคําอธิบายหนึ่งไดเขามองวาจิตไรสํานึกไมใชเปนสิ่งซึ่งมีมาแตแรก และไมใชสัญชาตญาณ จิตไรสํานึกเปนสิ่งที่มนี ัยยะ (ไมใชแสดงออกตรงๆ) ในทุกๆสิ่งในสิ่งที่พูดและกระทํา
คําถามในงานวิจัย การศึกษาในประเด็นเรื่อง เสียงกับจิตไรสํานึก มันถูกทํางานในบริบทของเพศสภาพ ควบคูกับระบบมารยาทสังคมแลวมันมี เสียงอะไรบางที่ Control และ Uncontrol ตัวเราอยู ความนาสนใจมันจึงอยูที่การทํางานรวมกันระหวาง dialog รางกาย (Bฺ ody) อารมณ (Emotion) และ dialog ของเสียงทางสังคมที่ถูกเปลงออกมา ทําใหเราเห็นภาพไดชัดเจนมากขึ้น ประเด็นคําถามตอมาคือเสียงที่เปลงออกมาจากความไมตั้งใจไมวาจะเสียงกรีดรอง เสียงอุทานเสียงหัวเราะหรือแมแตคําพูดที่ หลุดปากและอาการพลั้งมือ มันสามารถบงบอกถึงระบบภาษาของมนุษย สํานึกรวมของสังคม ความกลัวและ ชาติพันธได เอกลักษณที่ โดดเดนในเสียง นั้นๆที่เปลงออกมามันเหมือนตกอยูภายใตอํานาจของอารมณหรือสภาวะบางอยางเขาครอบงำ จิตไรสํานึกมันจะกระ ตุนสิ่งที่อยูในใจเรา(จิตสํานึก) ดังนั้นพฤติกรรมการแสดงออกเชนนี้มันสามารถสังเกตุและวิเคราะหไดจากหลายๆบริบทที่มันกระตุน การทํางานของเสียงและจิตไรสํานึกที่ออกมาจากอาการตามบริบทที่แตกตางกันออกไป การวางแผนและขั้นตอนการทํางาน การเก็บขอมูลตามสถานการณผาน dialog การทํางานของภาษา เชนการเลาเรื่อง การพูดคุย การเปลงของถอยคํา จะทํา ใหไดความหลากหลายของภาษาแตละสังคม (ระบบภาษา) เราจะรูวาการใชภาษามันจะมีระบบภาษาในสังคมที่เหมือน (ภาษาประจำ ชาติ) และตางกัน(ภาษาถิ่น) เพศ ชาติพันธที่หลากหลาย เสียง สําเนียง มันจะเกิดพหุภาษาเสียงที่เปลงออกมามีความหลากหลายและ ขัดแยงกันอยู มันเปนการศึกษาเสียงผาน Form of living ศึกษาเสียงใหเห็นการดํารงอยูของมนุษย ทั้งนี้ผูศึกษาจะทดลองฟงเสียงจาก สถานที่ที่ใหเสียงที่หลากหลาย ทางดานอารมณ จิตใจ และการเคลื่อนไหวของรางกาย สถานที่ทเี่ ปนจุดรวมของเสียงที่กําหนดมารยาท ในสังคม เชน โรงพยาบาล โรงเรียนมัธยมศึกษา โรงเรียนเด็กอนุบาล(เด็กเล็ก) สถานที่ที่เสียงมัน Control วาควรหรือไมควร มารยาท ของเสียงทีถ่ ูกทํางานมันควบคุมระบบโครงสรางของสังคมอยู เสียงรองไห เสียงดีใจ เสียงที่เด็กตอตานมันมีเหตุและผลและที่มาของ เสียงนั้นๆ และยิ่งเปนสถานที่ที่มีความหลากหลายของชาติพันธ การเก็บ dialogของระบบภาษาผานงานเขียน สถานการณในการแสดง อาการตางๆมันยอมมีความตางหรือความเหมือนที่ปรากฎใหเห็น ขั้นตอนการเขาถึงขอมูล และเก็บขอมูลในงานวิจัย กลาววาทุกการกระทํายอมออกมาจากจิตสํานึกทั้งสิ้นแตจิตไรสํานึก มันเปนรอยตอสูประเด็นอื่นๆไดการทํางานของจิตไรสํานึกมันเหมือนกับพาเราไปสูสภาวะของความเปนเด็กอีกครั้งหนึ่ง เพราะเด็กคือ Subject ที่สังคมสรางขึ้นมาใหไดเรียนรู กรอบความคิดเรื่องมารยาทในสังคมทั้งการพูด การกินการเคารพผูอาวุโสและการประพฤติ ปฎิบัติในสิ่งที่ถูกที่ควร ดังนั้นการเก็บขอมูลจึงเปนการทดลองที่นอกจากจะฟงแคเสียงแลวการทํางานในเรื่องจินตภาพและการวาด ภาพอาจจะชวยในการวิเคราะหจิตไรสํานึกของเด็กที่มีตอสังคมได (การเก็บขอมูลในลักษณะนี้ยังเปนเพียงการสันนิษฐานเบื้องตน ตองอาศัยเวลา กระบวนการเก็บขอมูลในการทํางาน) ทัง้ นี้ ผูวิจัยอาศัยการศึกษาเสียงผาน Form of living ผานความหลากหลาย ทั้งเพศ ชวงอายุและชาติพันธ ทําใหเห็นความ แตกตางของเสียงที่ถูกเปลงออกมาจากจิตไรสํานึก (Unconcious) มันถูกทํางานแตกตางกันหรือเหมือนกัน ขึ้นอยูกับระบบของสังคม นั้นๆเปนตัวกําหนด ในขณะเดียวกันมันก็สรางความหลากหลายในการวิเคราะหของผูศึกษาวิจัยในประเด็นนี้ดวยเชนกัน