เยาวชนร่วมปฎิรูปประเทศ “ด้านการเมือง” การปฎิรูปการเมือง (Politic Reform) เป็นเรื่องที่เยาวชนมองข้ามไม่ได้และเป็นเรื่องที่คนไทยต้องเชื่อ ว่า มันถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปฎิรูปประเทศอย่างจริงจังในหลายๆด้านโดยเฉพาะเรื่องการเมืองในไทย ซึ่งคน ไทยส่วนใหญ่รับรู้การเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ได้พบเห็นในช่องทางของสื่อ หรือมีส่วนร่วมในกระบวนการ ทางการเมืองที่ผ่านมา รวมถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนามาสู่การทาร้ายกันด้วยอาวุธที่รุนแรง ความขัดแย้งทาง การเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการรัฐประหารปี พ.ศ. 2549 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2558) เป็นปัญหาทางการเมือง ที่ยืดเยื้อและไม่จบไม่สิ้น ทาให้คนไทยแบ่งพรรคแบ่งพวก เหตุการณ์ทางการเมืองไม่เพียงแค่การสนทนาด้วย ภาษาของรัฐบาลที่ดวลวาทะกันอย่างเดียวแต่รวมไปถึงขั้นทาร้ายร่างกายและมีผู้เสียชีวิตตามมา เหตุการณ์ ดังกล่าวส่งผลให้ประเทศไทยถดถอยลงหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยได้ ชะลอตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทาให้ประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านที่กว้างใหญ่เพราะมันกระทบถึง คนทุกกลุ่มและลึกถึงระดับรากฐานของสังคม จากประเทศด้อยพัฒนาที่มีคนจนอยู่จานวนมาก กลายเป็น ประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง ผลจากความเปลี่ยนแปลงหลังรัฐประหารนี้ทาให้เกิดกลุ่มที่มี ผลประโยชน์เฉพาะด้าน มีสานึกใหม่ถึงอัตลักษณ์เฉพาะของตนเอง ยึดถืออุดมคติทางการเมืองที่แตกต่าง มี ความใฝ่ฝันต่ออนาคตที่ไม่เหมือนกัน และมีความจาเป็นต้องเข้ามาต่อรองนโยบายสาธารณะระดับชาติและ ท้องถิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาวะเช่นนี้ย่อมสร้างความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนต่างๆเป็นธรรมดา วิถีเดียวที่จะทาให้ความขัดแย้ง เช่นนี้ดาเนินไปได้โดยปราศจากความรุนแรง คือ ระบอบประชาธิปไตยทั้งในแง่การเมืองการปกครองและความ ความสัมพันธ์ทางสังคมของกลุ่มคนต่างๆ แม้รัฐบาลจะพยายามกลั่นกรองนักการเมืองที่ดี มีคุณธรรม และมี ความสามารถเข้าไปทางานให้แก่ประเทศชาติได้ตามมุ่งหวัง แต่ก็ยังได้กลายเป็นช่องทางให้นักการเมืองได้ใช้ อานาจมาคอรัปชันหรือหาผลประโยชน์ให้ตนเองและกลุ่มของตน ซึ่งการปฏิรูปประเทศในส่วนของการเมืองถ้า มองจากมุมมองของเยาวชนแล้วคนรุ่นก่อนหน้า นักคิด นักปกครองที่มีอยู่เดิมกลายเป็นคนสูงอายุไปแล้วอันจะ เสริมสร้างพลังของประชาธิปไตยและปฏิรูปประเทศในด้านการเมือง การปกครองและขยายประชาธิปไตยให้ เป็นหลักเกณฑ์สาคัญของความสัมพันธ์ทางสังคมที่ผู้ใหญ่ประสบความล้มเหลวในการปกครองและปฎิรูป การเมืองในประเทศที่ผ่านมา นอกจากหลักความสัมพันธ์บนฐานประชาธิปไตยถูกชนชั้นนาบางกลุ่มเยาะหยัน และประเมินค่าไว้ต่าแล้ว บัดนี้แม้แต่รูปแบบของระบอบการปกครองประชาธิปไตยก็ถูกทาลายลงเพราะ รัฐประหารของกองทัพ หากการณ์เป็นไปตามเจตนาของชนชั้นนาบางกลุ่มที่ร่วมในการยึดอานาจ ก็คาดได้เลย ว่า ระบอบประชาธิปไตย การเมือง การปกครองในประเทศไทยจะไม่มีอนาคตอะไรเหลืออยู่ในประเทศและ สังคมไทยอีกเลยหรือพูดได้ว่า การเมืองของไทยที่ผ่านมานั้น กลายเป็นตัวปัญหาในการพัฒนาประเทศที่สร้าง ความเสียหายมากกว่าที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศของเราเสียอีก เมื่อสังคมได้พัฒนาไปสู่ความเฉพาะด้านมากขึ้นทั้งส่วนที่เป็นรูปธรรม เช่นเศรษฐกิจและส่วนที่เป็น นามธรรมเช่น อุดมคติทางสังคมจะกลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง สูญเสีย และไม่นาไปสู่ทางออกที่เป็น
ประโยชน์แก่ทุกฝ่ายหรือแก่ส่วนรวมซึ่งปัญหาระบบและกระบวนทางการเมืองที่ผู้ใหญ่ก่อนหน้าได้สร้างไว้ให้ เยาวชนแก้ไขและปฎิรูปนั่นก็คือ ปัญหาในเรื่องของการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่จะเข้ามาพัฒนาประเทศในทุก ภาคส่วนแต่ผลรับกลับไม่เป็นไปเช่นนั้นการรับผิดชอบของนักการเมืองเสมือนรับมรดกไปพัฒนาแต่ผลลัพธ์กลับ กลืนกินประเทศเสียเอง การกระจายอานาจทุกภาคส่วนกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด ทว่าเป็นการกระจุกตัวและหา ผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างกลุ่มเสียมากกว่า ถ้าถามว่า พรรคการเมืองกับระบบการเลือกตั้งไทย ที่มีสโลแกน ว่า พรรคการเมืองถูกเลือกโดยประชาชน ดังนั้นการทางานโดยประชาชนก็เพื่อประชาชน แต่เอาเข้าจริงแล้ว ความผูกพันระหว่างประชาชนและพรรคการเมืองกลับห่างเหินขึ้นทุกที แล้วจะให้ประเทศมีความใสซื่อ และ พัฒนาให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แข็งแรงได้อย่างไร กล่าวคือมรดกที่พรรคการเมืองรับไปมัน ยิ่งใหญ่ มันคือสิทธิที่ต้องให้ประชาชนใช้อย่างเต็มที่แต่มรดกที่พรรคการเมืองใช้กลับสร้างมรดกที่มืดมิดให้ เยาวชนคนรุ่นหลังคิดหนักถึงการปฎิรูประบอบการเมืองของไทยให้เจริญก้าวหน้าทันประเทศที่เจริญแล้วได้ อย่างไร ? ทั้งนี้รวมถึงการเลือกตั้งเองที่เป็นปัญหาพื้นฐานที่แก้ไม่หายนั่นคือ การซื้อสิทธิ์ขายเสียง การ ตรวจสอบที่เข้าไม่ถึงเพราะนักการเมืองท้องถิ่นเข้าถึงชุมชน ครัวเรือนง่ายและเร็วว่าผู้กากับตรวจสอบของทาง ภาครัฐเสียอีกและตัวชาวบ้านเองเมื่อระบบเงินตราที่เข้ามาให้เลือกมากกว่าการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้ว ทุน ทรัพย์ในการใช้ชีวิตย่อมสาคัญกว่า ดังนั้นการซื้อสิทธิ์จึงเกิดขึ้นในสังคมไทยสังคมที่ต้องการการกระจายรายได้ และเสถียรภาพทางด้านการเงินต่อการดารงชีวิตอยู่โดยมิได้สนใจระบบที่ใหญ่กว่านั่นคือ การปฎิรูปประเทศ ไปสู่วันข้างหน้า ดังนั้นการปฎิรูปประเทศประเด็นในด้านการเมืองจะเกิดขึ้นต่อไปได้จึงต้องอาศัยเยาวชนไทยที่จะเข้า มาพัฒนาประเทศในวันข้างหน้าใช่หรือไม่ ? ฉะนั้นเยาวชนเองก่อนจะคิดที่จะปฎิรูปประเทศ และยิ่งเป็นด้าน การเมืองแล้วต้องตระหนักคิด และทาความเข้าใจระบบและความเป็นมาของบ้านเมืองไทยเสียก่อนเพราะนัก คิด นักพัฒนาในระบบการเมืองไทยนั้นต่างก็ทางานและมุ่งหน้าปฎิรูปประเทศเรื่อยมาแต่ก็ไม่สาเร็จ เพราะคิด ว่าการปฎิรูปที่ถูกต้องนั่นคือการ แก้ไขปัญหากับสิ่งที่มันเกิดขึ้น สิ่งที่มันแสดงออกมาให้เห็นภายนอกไม่ว่าจะ เป็นสื่อที่เสนอมุมมองที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบทางด้านการเมืองการปกครอง หรือแม้แต่เป็นความขัดแย้ง ทางการเมืองที่เกิดขึ้นก่อนปฎิวัติที่ผ่านมา แต่ตัวเยาวชนต้องเข้าใจก่อนว่า เราเติบโตมาท่ามกลางความ เปลี่ยนแปลงทางอุดมการณ์ทางการเมือง ตลอดจนความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้น เราเฝ้ามองดู เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้นเราไม่สามารถทาอะไรกับมันได้นอกจากการเฝ้าดูความเป็นไปแต่ เมื่อเรามีสิทธิในการร่างปฎิรูปประเทศและร่างประเด็นทางการเมืองแล้วเราต้องมีจิตสานึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นการรับมรดกจากคนรุ่นก่อนมาพัฒนาให้มันดี มันตกผลึกมาสู่คนรุ่นใหม่ เพราะแนวทางการปฎิรูป ประเทศมีมาอย่างต่อเนื่องแต่คนรุ่นก่อนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือหาทางออกจากปัญหาเดิมๆเหล่านี้ได้ เมื่อมีการเผชิญกับวังวนของปัญหาการเมืองที่มองไม่เห็นทาให้นึกถึงเยาวชนที่จะเข้ามาพัฒนา ปรับปรุงและ เสนอร่างแบบเพื่อพัฒนาประเทศต่อไปในวันข้างหน้า การสืบทอดอุดมการณ์และการปฎิรูปประเทศนั้นสาหรับ ประเทศไทยในวันข้างหน้านั้นเป็นการรับมาซึ่งความหวังและเยาวชนก็ไม่สามารถปฎิเสธมันไปได้ต้องร่วมเผชิญ กับปัญหาและแก้ไขพร้อมทั้งปฎิรูปประเทศและยิ่งไปกว่านั้น การปฎิรูปการเมืองที่ต้องใส่ใจและสนใจ การ
เสนอแนวคิดและหลักการในการปฎิรูปประเทศด้านการเมืองครั้งนี้เหมือนป็นมรดกที่ไม่สามารถปฎิเสธได้จะ ใครก็ตามที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยยิ่งต้องร่วมกันปฎิรูปแก้ไขมันขึ้นมาด้วยสติปัญญาและหัวใจอย่างเต็มที่ อย่างแรกในการปฎิรูปการเมืองไทยต้องเริ่มจากการเข้าใจกันระหว่างภาครัฐและประชาชน สื่อสาร และทาความเข้าใจกระบวนการทางานของภาครัฐให้รู้เรื่องทั้งสองฝ่าย การร่างเสนอแผนการหรือการจัดหาร่าง งบประมาณ ทว่าถามถึงความชอบธรรม 100 % นั่นโดยธาตุแท้ของมนุษย์จาเป็นต้องหาทางหลบหนีทีไล่ให้ตน รอดพ้นการตรวจสอบการทุจริตแต่เพิ่มการตรวจสอบ การซักถาม การเข้าถึงโครงการให้ละเอียดและเป็นกลาง มากขึ้น และเมื่อภาครัฐและประชาชนสื่อสารกันเข้าใจ ตัวแทนประชาชนทาหน้าที่ประสานงานต่อ ซึ่งนั่นเป็น การกระจายอานาจรัฐสู่ท้องถิ่นจริงๆ รวมถึงพรรคการเมืองที่เข้ามาพัฒนาประเทศในรุ่นต่อไปการพัฒนา ประเทศที่เน้นนโยบายที่สวยหรูแต่ไม่อิ่มท้องประชาชนก็เรียกได้ว่าล้มเหลว ถ้าจะถามถึงความเป็นกลางของ พรรคการเมืองรุ่นต่อไปตามอุดมคติแล้วต้องเป็นพรรคการเมืองที่เป็นพรรคของประชาชน และป้องกันการ ทางานที่ไม่ชอบธรรมของระบบการเลือกตั้งที่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง โดยให้ประชาชนเกิดสานึกและตระหนัก ชอบในการใช่สิทธิ์เลือกตั้งผู้แทนที่จะเข้ามาพัฒนาท้องถิ่นและต่อยอดสู่การพัฒนาประเทศในวันข้างหน้า ดังนั้นขอเสนอแนะในการปฎิรูปประเทศ สาหรับด้านการเมืองคือต้องออกมาเผยทุกด้านของภาครัฐ ของทุก พรรคการเมืองว่า แต่ละพรรคมีกระบวนการทางานอย่างไรและการพัฒนาระบบของพรรคที่ตนอยู่นั้นมีแผน อย่างไรสาหรับอนาคตเมื่อผู้ใหญ่ประชุมกันไม่ว่าจะในรัฐสภาหรือระหว่างพรรคการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ก็ สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ซึ่งหนึ่งในนั้นแน่นอนว่าเยาวชนซึ่งทาหน้าที่ย่อมมีส่วนการการรับฟังความคิดเห็น และรับฟังแผนการในการพัฒนาประเทศตามที่ผู้ให้ได้กล่าวในที่ประชุมกัน และเมื่อระบบการเมืองไทยได้ พัฒนากลายเป็น ระบบสินค้าการเมืองที่มีการแลกเปลี่ยนสินค้าที่สาคัญนั่นคือ ใช้อานาจทางการเมืองที่ถูก กฎหมายซึ่งผลประโยชน์มักติดมากับอานาจเสมอและถ้าบุคคลใดที่ได้กรรมสิทธิ์ครอบครองอานาจทางการ เมืองมากผลประโยชน์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอานาจก็จะตามมาด้วย เมื่อเกิดการใช้อานาจได้มาก นักการเมือง ส่วนใหญ่จึงเสพติดและหิวกระหายอยากได้ อยากครอบครองอานาจนั้นให้นานที่สุดโดยไม่นึกถึงจริยธรรมใดๆ ทาให้ข้อเสนอในการปฎิรูปเรื่องของการเมืองและอานาจในประเด็นนี้จึงมีการตรวจสอบและเมื่อตรวจสอบโดย เอกสารที่จับต้องได้เมื่อรู้มีนัยยะว่าทุจริตพร้อมนั้นก็ตรวจสอบโดยเอกสารและข้อมูลที่จับต้องไม่ได้ผ่านระบบ เครือข่ายของทางช่องทางการสื่อสารที่ใช้สนทนาพูดคุยกันของนักการเมืองนั้นๆ เช่น การออกมาเผยการ ทางานของรัฐโดยสโนเดนนักวิศวะกรรมซอฟแวร์ที่ทางานในการดูแลฐานข้อมูลของรัฐบาลอเมริกา ในสารคดี เรื่อง CITIZENFORE ที่แฉการทางานของภาครัฐในอเมริกาให้เห็นการทางานของภาครัฐที่ไม่โปร่งใสโดยซุ่มดู ข้อมูลและการกระทาทุกอย่างของประชาชนตั้งแต่ระบบการใช้จ่ายบัตรเครดิต การพูดคุยในสื่อออนไลน์ การ ส่งเอกสารในระบบอินเทอร์เน็ต เว็บเบราว์เซอร์หรือโซเชียลมีเดีย ซึ่งสโนเดนเองก็ออกมาเปิดโปงทาให้ทั้งโลก เห็นถึงการทางานของภาครัฐที่พร้อมจะขโมยข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของประชาชนไปได้อย่างง่ายดาย กลับกันใช้วิธีนี้กับการตรวจสอบการทุจริตของนักการเมืองไทยที่มีการเข้ามาของเงิน ระบบอานาจและการ พัฒนาประเทศตามนโยบายที่วางไว้ การตรวจสอบรายรับรายจ่าย การโอนย้ายเอกสารที่พร้อมจะทาการ ตรวจสอบได้ทุกเมื่อที่นอกเหนือจากเอกสารที่จับต้องได้ นี่ไม่ได้เป็นการเพ้อฝันถึงการปฎิรูปตามแบบสารคดีแต่
ถ้าเยาวชนคนใดคนหนึ่งในประเทศไทยทาได้ เชื่อว่าความไม่โปร่งใสในบางเรื่องของรัฐจะเปิดเผยออกมาให้คน ทั้งประเทศได้รู้และวิพากษ์วิจารณ์ไปตามๆกัน ดังนั้น สื่อ ช่องทางออนไลน์จึงสาคัญมากกับ ระบบการเมืองการปกครองและเชื่อว่า ผู้ใหญ่ที่รักษา สมบัติของประเด็นแต่เริ่มเดิมทีไม่มีความรู้เรื่องสื่อเท่าเยาวชนในปัจจุบัน ทั้งนี้การปฎิรูปการเมืองไทยจะเริ่มขึ้น ก็ด้วยตัวแทนเยาวชนที่หลากหลายความรู้ ความสามารถเข้ามาบริหาร ตามกระบวนการที่ยังคงคนรุ่นเก่าที่ รักษาประเทศตามระบอบการเมืองที่มีมานานและคนรุ่นใหม่ที่ไม่สามารถปฎิเสธการดูแลรักษาประเทศได้และ ไม่สามารถพูดเต็มปากเต็มคาได้ว่า ข้อเสนอแนะในการพัฒนาประเทศจะสาเร็จและถูกดาเนินการได้หรือไม่แต่ เมื่อการเสนอความเห็นของเยาวชนที่เสนอความเห็นที่มองจากมุมมองของเด็กคนหนึ่งที่ยืนดูผู้ใหญ่ทะเลาะกันก็ คงอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศในวันข้างหน้า มรดกการสร้างชาติ การปฎิรูปนี้ต้องคิดและก้าวเดินไป กับมันด้วยความเข้มแข็งแต่ไม่คดโกง ด้วยความซื่อสัตย์และไม่ทุจริต และเยาวชนก็จะทาหน้าที่ร่างเรื่องราว และประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ปฎิรูปการเมืองตั้งแต่ระดับชนชั้นปกครองถึงชนชั้นรากหญ้าให้เท่าเทียมกัน พร้อมลดความเหลื่อมล้าทางเศรษฐกิจ ทางการเมืองของไทยให้ได้พร้อมกันนั้นการสืบทอดภารกิจที่มีมาแต่เดิม ที่เห็นว่าชอบว่าควรก็จะถูกต่อยอดไปสู่วันข้างหน้า คนรุ่นก่อนหน้าที่ไม่สามารถดารงมรดกชิ้นนี้ไว้ได้โปรดดู ความเป็นไปและเปลี่ยนแปลงโดยการปฎิรูปประเทศ ในด้านการเมืองของเยาวชนจะเปรียบเสมือนรับมรดกที่ ตกทอดมาสืบต่อและพัฒนา เขียนร่างมันใหม่ สืบทอดภาระกิจการสร้างประชาธิปไตย บ่มเพาะเมล็ดพันธ์แห่ง ความกล้าหาญและความเป็นธรรมให้งอกงามบนผืนแผ่นดินนี้เพราะการปฎิรูปประเทศไม่ใช่ทาเพียงครั้งเดียว หากต้องรอให้เมล็ดพันธ์งอกและทาการดูแล ปรับปรุง ซ่อมแซม และดูแลมันให้ดีที่สุดเสมือนสมบัติในบ้านชิ้น สุดท้ายที่เราต้องดูแลมันอย่างดี