1. การจากัดเสรีภาพของสื่อมวลชนและเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชนผ่านกลไกทางกฎหมาย
2.
ปัญหา: สื่อขาดเสรีภาพ และถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมืองและธุรกิจ 1. งานวิจัยและบทวิเคราะห์ที่ผ่านมามักชี้ให้เห็นผลกระทบจากโมเดลธุรกิจที่พึ่งพารายได้โฆษณาและกิจกรรม ประชาสัมพันธ์ของสื่อ โดยเฉพาะรูปแบบการผลิตเนื้อหาที่มุ่งดึงดูดผู้รับสารจานวนมาก
องค์กรสื่อเชิงพาณิชย์ต้องพึ่งพารายได้จากค่าโฆษณาและกิจกรรมประชาสัมพันธ์ต่างๆ เป็นหลัก
ข้อจากัดของงานวิจัยที่ผ่านมา
2. ยังไม่พบการศึกษาในประเทศไทยที่สารวจรูปแบบการใช้งบโฆษณาและกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและ เอกชนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะบนช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่เทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อออนไลน์ได้รับ ความนิยมอย่างแพร่หลาย
วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อศึกษารูปแบบการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและภาคเอกชนในองค์กรสื่อที่ นาเสนอเนื้อหาบนช่องทางออนไลน์
2. เพื่อศึกษานโยบายและแนวปฏิบัติของภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรสื่อ ในการใช้งบ
โฆษณาประชาสัมพันธ์จากภาครัฐและเอกชน
3. เพื่อศึกษาผลของการหารายได้จากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและภาคเอกชนต่อ องค์กรสื่อ 4. เพื่อสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงนโยบายในการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์จากภาครัฐและ ภาคเอกชน สาหรับภาครัฐ เอกชน และองค์กรสื่อ
กรอบแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง สภาพการณ์ที่องค์กรสื่อต้องดาเนินงานภายใต้ทรัพยากรเงินและบุคลากรที่จากัด นาไปสู่การขัดต่อเสรีภาพในการเสนอ ข่าวสารและจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน ดังนี้
• สื่อไม่สามารถทาหน้าที่อย่างอิสระโดยปราศจากอิทธิพลของภาครัฐและเอกชน
• เอื้อให้เกิดการใช้งบประมาณรัฐอย่างไม่โปร่งใส และการปั้นแต่งมติมหาชนโดยกลุ่มทุนรัฐและเอกชน
• สื่อผลิตเนื้อหาโฆษณาที่แนบเนียนไปกับเนื้อหาวารสารโดยไม่แจ้งว่าเป็นเนื้อหาโฆษณาประชาสัมพันธ์ งานวิจัยนี้จะศึกษารูปแบบการนาเสนอเนื้อหาจากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและภาคเอกชนโดยองค์กรสื่อบน ช่องทางออนไลน์ สังเคราะห์นโยบายและแนวปฏิบัติของภาครัฐและเอกชนในการซื้อพื้นที่สื่อ และสนับสนุนองค์กรสื่อในรูปแบบอื่นๆ รวมถึง ต่อสื่อมวลชนในการสร้างมาตรฐานวิชาชีพจากการหารายได้ จากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์
ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง/วิเคราะห์เอกสาร
สารวจรูปแบบการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและภาคเอกชน และรูปแบบการนาเสนอเนื้อหาใน
ช่องทางออนไลน์ขององค์กรสื่อ
จัดเก็บข้อมูลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก
ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล
นิยามศัพท์เชิงปฏิบัติการ
1. เนื้อหาวารสารศาสตร์ คือ รูปแบบของเนื้อหาที่เป็นข่าวสาร หรือข้อมูลเพื่อให้ผู้รับสารสาธารณะได้รับ ข้อมูลที่รวดเร็ว ครบถ้วน และถูกต้อง โดยมุ่งยึดหลักความจริง สามารถตรวจสอบได้ และความเป็นอิสระ ของ บรรณาธิการ
2. เนื้อหาโฆษณาประชาสัมพันธ์ คือ รูปแบบเนื้อหาที่เป็นประกาศหรือข้อความในช่วงเวลาหรือพื้นที่ใด ๆ โดย บริษัทธุรกิจ องค์กรไม่แสวงหาผลกาไร หน่วยงานรัฐบาล และบุคคล มีเป้าประสงค์เพื่อแจ้งข้อมูลและ/หรือโน้ม น้าวสมาชิกของตลาดกลุ่มเป้าหมายหรือผู้รับสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ องค์กร หรือแนวคิดของ ตน โดยจาก การศึกษาสามารถจาแนกได้ออกเป็น • 2.1 เนื้อหาโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่จ่ายเงินซื้อพื้นที่ (paid content) คือเนื้อหาเชิงประชาสัมพันธ์ที่ องค์กรจ่ายเงินให้กับสื่อมวลชนเพื่อนาเสนอ
• 2.2 เนื้อหาโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่จ่ายเงินซื้อพื้นที่ (unpaid content) คือเนื้อหาเชิง
ประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับองค์กรต่าง ๆ โดยที่องค์กรเหล่านั้นไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่ ประชาสัมพันธ์
การเก็บข้อมูล
องค์กรสื่อ
• วิเคราะห์เนื้อหาที่เผยแพร่ประจาวันเป็นเวลา 15 วัน โดยสุ่มตัวอย่างเนื้อหาแบบวันเว้นวัน เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 1 - 30 เมษายน 2566 สุ่มได้วันเลขคี่ ใน 6 องค์กรสื่อ รวม 8,341 ชิ้น โดยเก็บข้อมูลผ่านช่องทางเว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก รวม 18 ช่องทาง • สัมภาษณ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจานวน 13 ราย ได้แก่ ผู้บริหาร/ฝ่ายโฆษณาขององค์กรสื่อ 6 ราย เอเจนซี่โฆษณา 5 ราย และ สมาคมวิชาชีพ
2 ราย ภาครัฐ
• คัดกรองโครงการจ้างและผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ของรัฐปีงบประมาณ 2558 ถึง 2565 จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) ของการ จัดซื้อจัดจ้างของรัฐจากกรมบัญชีกลางบนเว็บไซต์ “ภาษีไปไหน” จานวน 720,966 โครงการ
• สัมภาษณ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจานวน 27 องค์กร
ภาคเอกชน
• สารวจเนื้อหาโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัทเอกชนที่ใช้จ่ายงบโฆษณาประชาสัมพันธ์เฉลี่ยมากที่สุด 30 บริษัท ตามข้อมูล Nielsen
ในช่วงปี พ.ศ. 2558 - 2565 ที่เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ของเครือข่ายองค์กรสื่อ 6 องค์กรสื่อ จานวน
• สารวจนโยบายหรือแนวปฏิบัติด้านการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัทเอกชนที่ใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์มากที่สุด 30 อันดับ
• คณะวิจัยไม่สามารถนัดหมายสัมภาษณ์บริษัทที่มีการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์สูงสุด 30 อันดับ โดยบริษัทส่วนใหญ่แจ้งว่าไม่สะดวกให้ สัมภาษณ์
สรุปข้อค้นพบจากการสารวจแนวปฏิบัติขององค์กรข่าวในการ
นาเสนอเนื้อหาจากงบโฆษณาของภาครัฐและเอกชน
บนช่องทางออนไลน์
รูปแบบการนาเสนอเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุนจากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและ ภาคเอกชน ที่ปรากฏบนช่องทางออนไลน์ขององค์กรข่าว เนื้อหาเชิงโฆษณาประชาสัมพันธ์ 1,613 ชิ้น แบ่งเป็น
• เนื้อหาประชาสัมพันธ์ (PR content) = 1,303 ชิ้น (80.78%)
• advertorial = 212 ชิ้น (13.14%)
• sponsored/branded/partner content = 98 ชิ้น (6.08%)
แนวทางขององค์กรข่าวในการนาเสนอเนื้อหาจากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์
แนวทางที่ กาหนดนโยบายและสร้างแนวปฏิบัติในการจัดการเนื้อหา ที่มาจากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์
• แยกพื้นที่นาเสนอโฆษณาออกจากพื้นที่ข่าว และแปะป้ายบอกว่าเป็นเนื้อหาเชิงโฆษณาประชาสัมพันธ์
• สร้างระบบและวิธีการจัดการความขัดแย้งระหว่างนโยบายและแนวปฏิบัติขององค์กรข่าวกับภาคส่วนที่ เกี่ยวข้องด้วยการยืนยัน การต่อรอง (เช่น กองบรรณาธิการต้องมีอานาจกาหนดเนื้อหา) และการปฏิเสธ
• กรณีถูกขอให้ลบข่าว: ยืนยัน อธิบาย ประวิงเวลา
• สร้างระบบกากับภายในองค์กร
• สร้างความน่าเชื่อถือเพื่อเพิ่มอานาจต่อรอง
• ประชุมร่วมกันระหว่างกองบรรณาธิการและฝ่ายขายอยู่เสมอเพื่อย้าถึงค่านิยมหลัก (core value) ของ องค์กร
แนวทางที่ แยกแผนกผลิตเนื้อหาเชิงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ออกจากกองบรรณาธิการ
• สังกัดอยู่ภายใต้ฝ่ายโฆษณา/ฝ่ายขาย
• มีบุคลากรเป็นผู้สร้างสรรค์เนื้อหา (creative/creator) ที่มีความรู้และทักษะในการผลิตงาน วารสารศาสตร์
• มีผู้ทาหน้าที่เป็นบรรณาธิการ (editor) มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด และการทาการตลาด เชิงเนื้อหา (content marketing)
• มีกลไกการตัดสินใจรับงานโฆษณาที่มีกองบรรณาธิการเป็นผู้พิจารณาร่วมกับฝ่ายโฆษณา/ฝ่ายขาย
• กรณีการรณรงค์ประเด็นเชิงสังคม พิจารณว่า สอดคล้องกับจุดยืนของกองบรรณาธิการหรือไม่ หากสอดคล้องก็ยอมเปิดให้นักข่าวจากกองบรรณาธิการเป็นผู้รับทาเนื้อหาในกรณีที่แผนกผลิตเนื้อหาเชิง โฆษณาประชาสัมพันธ์ไม่เข้าใจประเด็นเท่ากับนักข่าวจากกองบรรณาธิการ •
แนวทางที่ 3 สร้างพื้นที่สื่อสาหรับเนื้อหาเชิงโฆษณาประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ
• นาเสนอเนื้อหาที่ผลิตโดยกองบรรณาธิการ มีสัดส่วนต่อเนื้อหาจากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ 50:50 หรือ 30:70 ขึ้นอยู่กับนโยบายขององค์กร
• มีบรรณาธิการเชิงบริหารทาหน้าที่ติดต่อกับผู้ลงโฆษณาและดูแลเนื้อหาจากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์
• มีบรรณาธิการเนื้อหาทาหน้าที่ดูแลเนื้อหาที่ผลิตโดยกองบรรณาธิการ
• ส่วนมากเป็นเนื้อหาประเภทธุรกิจ การตลาด และ lifestyle
โดยไม่ต้องแปะป้ายบอกผู้อ่านให้ชัดเจน ตั้งแต่แรก
• สร้างรายการสัมภาษณ์ประเด็นธุรกิจสร้างความนิยมเพื่อดึงดูดผู้ลงโฆษณา
• เล่าเรื่องประโยชน์สาธารณะ ผูกกับองค์กรผู้สนับสนุนงบโฆษณาประชาสัมพันธ์
นโยบายและแนวปฏิบัติของผู้ลงโฆษณา (ภาครัฐและเอกชน) และเอเจนซี่
• เนื้อหาไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่เป็นข้อมูลเท็จ และไม่ใช่เรื่องผิด กฎหมาย
• พิจารณาที่วัตถุประสงค์การสื่อสาร (ขาย vs brand loyalty) และ กลุ่มเป้าหมาย
• ลักษณะการซื้อ: โฆษณา vs ประชาสัมพันธ์
• เลือกองค์กรสื่อโดยวิเคราะห์ยอด reach & engagement
(ต้องการการเห็นเพื่อสร้าง awareness)
• ติดต่อซื้อขาย ร่วมงานประสานงาน: เอเจนซี่มีหน้าที่เป็นคนกลาง ต่อรองระหว่างผู้ซื้อ และ publisher
• เกณฑ์การตัดสินใจ: ความคุ้นเคย/สายสัมพันธ์ แนวทางการ
ดาเนินงานที่สอดคล้องกัน คุณภาพ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ
o ผู้ลงโฆษณามีแนวคิดที่ต้องการสื่อสาร เอเจนซี่มีหน้าที่วาง กรอบให้เป็นรูปธรรม publisher
มีหน้าที่สร้างสรรค์และ เผยแพร่ (เอเจนซี่และองค์กรสื่อชอบ) o ผู้ลงโฆษณามีเนื้อหาแล้ว publisher นามาปรับปรุงและ
เผยแพร่ o ผู้ลงโฆษณามีเนื้อหาสาเร็จรูป publisher มีหน้าที่เผยแพร่ • แปะป้าย vs ไม่แปะป้าย: ขึ้นกับกลยุทธ์การสื่อสาร
ขององค์กร ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงผลสัมฤทธิ์ใน การสื่อสาร • รูปแบบการซื้อ o ผู้ลงโฆษณามีแนวคิดที่ต้องการสื่อสาร เอเจนซี่มีหน้าที่ทาให้เกิด publisher มีหน้าที่เผยแพร่ (ผู้ลงโฆษณาชอบ)
Non-label
แต่เอเจนซี่ชอบ
คาดว่าผู้รับสารสนใจ แต่
ถ้ารู้จะรู้สึกเหมือนถูก
หลอก
สนใจเว้นแต่ตรงจริต
ผลกระทบ & ปัจจัยที่เป็นแรงกดดันในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการคุณภาพขององค์กรสื่อ 4 ประการ บริบทการเมืองแบ่งขั้วสุดโต่ง ทาให้ผู้อ่านไม่สนใจเรื่องความ โปร่งใสในงานข่าว
การขาดความโปร่งใสในการ บริหารจัดการเนื้อหาที่มาจาก งบโฆษณา ประชาสัมพันธ์
• ความเข้าใจหลักพื้นฐานทาง วิชาชีพที่ไม่ตรงกัน
• อุตสาหกรรมไม่ได้กาหนดหลัก ความโปร่งใสเป็นมาตรฐาน
• อานาจต่อรองขององค์กรข่าว
• การสนับสนุนหลักความโปร่งใส
ในงานข่าวจากภาคสังคมต่า
• การหารายได้รูปแบบอื่น ๆ ทาได้ยาก ส่งผลให้องค์กรข่าวต้องพึ่งพาผู้ลง โฆษณาเป็นหลัก
• รัฐและทุนใหญ่มีอานาจต่อรองสูง (อาจ เข้าแทรกแซง)
กติกา/เทคโนโลยีของแพลตฟอร์ม
สร้างความไม่ชัดเจนในการ
แยกแยะประเภทเนื้อหา
• องค์กรข่าวขายพื้นที่โฆษณาใน
รูปแบบการนาเสนอที่ผสมกลมกลืน
โฆษณาประชาสัมพันธ์เข้าไปใน รายการนั้น
• ข้อกาหนดของแพลตฟอร์มลดยอด
การเข้าถึงผู้อ่าน ประกอบกับผู้ลง
โฆษณาใช้เป็นเกณฑ์การซื้อสื่อและมี
อานาจต่อรองสูงกว่า
• ระบบรับสมัครสมาชิก (subscription) ยังเดินหน้าไม่ได้ เงื่อนไขทางธุรกิจทาให้เกิดการ แทรกแซงความเป็นอิสระของกอง บรรณาธิการ
• ผู้เสพข่าวอาจต้องการเนื้อหาที่ สอดคล้องกับความสนใจและความ เชื่อของตนซึ่งถูกคัดกรองจากระบบ อัลกอริทึม (algorithm)
• การพึ่งพาเนื้อหาจากภายนอกทา ให้องค์กรข่าวถูกจัดการเนื้อหา จากผู้ลงโฆษณาโดยอ้อม
• องค์กรข่าวชอบเสนอเนื้อหาฝั่งที่มี อุดมการณ์สอดคล้องกับจุดยืนของ ตนเอง
สารวจเนื้อหาโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัทเอกชนที่ใช้จ่ายงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ เฉลี่ยมากที่สุด 30 บริษัท
สารวจเนื้อหาโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เผยแพร่ผ่าน ช่องทางออนไลน์ของเครือข่ายองค์กรสื่อ 6 องค์กรสื่อ
ในช่วงปี พ.ศ. 2564 – 2566 จานวน 1,042 ชิ้น
เนื้อหาที่สารวจทั้งหมด
จานวน 1,042 ชิ้น
เนื้อหาโฆษณาประชาสัมพันธ์
จานวน 590 ชิ้น (56.62%)
เนื้อหาวารสารศาสตร์ จานวน 452 ชิ้น (43.38%)
เนื้อหาโฆษณาที่จ่ายเงินซื้อ
พื้นที่ จานวน 356 ชิ้น (60.34%)
ไม่แปะป้าย จานวน 307 ชิ้น (86.24%)
เนื้อหาโฆษณาที่ไม่จ่ายเงินซื้อ พื้นที่ จานวน 234 ชิ้น (39.66%)
ไม่แปะป้าย จานวน 178 ชิ้น (76.07%)
การสารวจนโยบายเกี่ยวกับจรรยาบรรณด้านการโฆษณาและสื่อสารการตลาด
• บริษัทเอกชนที่ใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์มากที่สุด 30 อันดับ พบว่ามีเพียง 10 บริษัทที่มีการเผยแพร่แนว ปฏิบัติด้านการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
• นโยบายด้านการโฆษณาอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา • โคคา-โคลา มีนโยบายส่งเสริมความโปร่งใส ผ่านการให้ความสาคัญถึงการเผยแพร่เนื้อหาที่
เหมาะสม มุ่งมั่นที่จะดาเนินการร่วมกับแพลตฟอร์มสื่อสู่การส่งเสริมระบบนิเวศการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ที่มีมาตรฐาน และเนื้อหาที่โปร่งใส
• นโยบายด้านการไม่แทรกแซงสื่อ
• คาโอ มีนโยบายเคารพสิทธิ์ด้านบรรณาธิการของหน่วยงานด้านสื่อ และจะไม่แทรกแซงการทางาน ของกองบรรณาธิการอย่างไม่ยุติธรรม
• อย่างไรก็ตาม บริษัทที่มีการประกาศนโยบายด้านการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ พบว่า ในทางปฏิบัติ
ก็ยังมีเนื้อหาที่ไม่แปะป้ายบอกผู้อ่าน ทั้งนี้ การตัดสินใจแปะหรือไม่แปะป้ายนั้นอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับนโยบาย ด้านการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพียงอย่างเดียว เนื่องจากบริษัทไม่มีอานาจเด็ดขาดในการ กาหนดให้องค์กรสื่อแปะหรือไม่แปะป้ายบอก
งานจ้างและผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ของรัฐมีสัดส่วนเล็กน้อยในโครงการจัดซื้อจัดจ้างปี 2558 – 2565
• จานวน 720,966 โครงการ (3%)
• งบรวม 6.3 หมื่นล้านบาท (0.74%)
• ส่วนใหญ่มูลค่างบไม่เกิน 1 แสนบาทต่อโครงการ
• งานจ้างและผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นงานผลิตป้าย
• วัตถุประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อรณรงค์ด้านสาธารณสุขและงานเฉลิมพระเกียรติ
โครงการประชาสัมพันธ์ของรัฐมูลค่าสูงกลุ่มตัวอย่างจากหน่วยงาน Top 30
โครงการมูลค่าสูง (10 ล้านบาทขึ้นไป) 222 โครงการ มี 68% ที่ใช้วิธีการจัดจ้างที่จากัดการแข่งขัน
สัดส่วนโครงการตามวิธีการจัดจ้าง
วิธีคัดเลือก/ตกลง 21%
สานักงบประมาณ
• หลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย
และแนวทางพิจารณา
งบประมาณรายจ่ายประจาปี
กรมบัญชีกลาง
• พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและ
การบริหารพัสุดของภาครัฐ
พ.ศ. 2560
สานักงานการตรวจเงิน แผ่นดิน
• รธน. 60 มาตรา 35 วรรค 5
“ ... หน่วยงานของรัฐที่ใช้จ่ายเงินหรือ ทรัพย์สินให้สื่อมวลชนไม่ว่าเพื่อประโยชน์ ในการโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์ ... ต้องเปิดเผยรายละเอียดให้คณะกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดินทราบ... และประกาศให้ ประชาชนทราบด้วย” • ประกาศ คตง. เรื่อง การเปิดเผยการใช้ จ่ายเงินหรือทรัพย์สินของหน่วยงานของ รัฐให้สื่อมวลชนเพื่อประโยชน์ในการ
การเปิดเผยการใช้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐให้สื่อมวลชนให้ สตง. ทราบ
• หน่วยงานของรัฐที่ใช้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินให้ สื่อมวลชนต้องเปิดเผยรายละเอียดให้ สตง. ทราบ
และเผยแพร่ต่อสาธารณะ
• “สื่อมวลชน” ในที่นี้มีความหมายกว้างครอบคลุม บุคคลที่ทาหน้าที่นาเนื้อหาทุกประเภทไปสู่มวลชน
เพื่อประโยชน์สาธารณะในรูปแบบสื่อดิจิทัล
• ข้อมูลจาก สตง. แสดงว่า หน่วยงานรัฐจ่ายเงินหรือ
ให้ทรัพย์สินแก่สื่อมวลชนรวม 2,646 ล้านบาทในปี
2565 โดย 2,470 ล้านบาท เป็นการจ้างผลิตสื่อ
• แต่ข้อมูลจากบัญชีกลาง แสดงว่า หน่วยงานรัฐจัด
จ้างสื่อประชาสัมพันธ์รวม 4,478 ล้านบาทใน ปี
2565
• จึงเกิดคาถามว่า หน่วยงานรัฐแจ้งข้อมูลต่อ สตง. ไม่ครบถ้วนหรือไม่
ระเบียบงบประมาณ
สรุปอุปสรรคหลักที่พบ
การจัดซื้อจัดจ้าง
การประเมินประสิทธิภาพ
• อัตราค่าใช้จ่ายงบประมาณ
ไม่ปรับตามราคาตลาดและ
ไม่มีหมวดสื่อดิจิทัล มีเพียง
อัตรางบประมาณสาหรับ
สื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์
• หน่วยงานรัฐบางแห่งใช้
งบประมาณเหลือจ่ายท้ายปี
เพื่อประชาสัมพันธ์
• งบประชาสัมพันธ์มีมูลค่า
ต่า
• จัดจ้างด้วยวิธี e-bidding
• Regular และ eventbased information ไม่มี
งบประมาณและความ
เชี่ยวชาญเพียงพอที่จะ
ประเมินผลสัมฤทธิ์ของสื่อ