การแตงงานของฉัน กับ เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช ไดอานา จูดิธ มัคโป เขียน “จุณณเจตน” (สมพร ครูกส) แปล ตีพิมพในปาจารยสาร เดือนกรกฎาคม 2547 ลิขสิทธิ์ : Diana Judith Mukpo and Carolyn R. Gimian Shambhala Sun Magazine , September 2002
ฉันชื่อไดอานา จูดิธ มัคโป สามีของฉันคือ เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช เขาเปน ลามะชาวทิเบตซึ่งเดินทางมาศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซฟอรด ประเทศอังกฤษ ตั้งแตป ค.ศ.๑๙๖๓ ฉันพบเขาที่ลอนดอนเมื่อป ๑๙๖๘ ตอนนั้นรินโปเชอายุ ๒๙ สวนฉัน ๑๔ จากนั้นไมนานเราตางตกหลุมรักของกันและกัน และแตงงานกันขณะที่ฉันอายุได ๑๖ นับเปนการแตงงานที่สรางความตกตะลึงทั้งแกครอบครัวของฉันและเพื่อนรวมงานชาว ทิเบตของรินโปเช แตเราทั้งคูตางรักกันมากเหลือเกิน เรามีสายสัมพันธพิเศษที่ลึกซึ้ง ตอกัน แมวาการแตงงานของเราจะเหนือความคาดหมายและผิดแผกไปจากมาตรฐาน ของคนหมูมาก และแมฉันจะเผชิญความปวดราวใจในชวงที่ยากลำบากอยูบาง แตถึงที่ สุด ฉันก็ไมเคยเสียใจกับการเลือกนี้ ที่ฉันเลาเรื่องราวชีวิตสวนตัวและความสัมพันธของฉันกับรินโปเช ก็เพราะฉันเห็น วาความสัมพันธของเรานั้นชางละเอียดออนและมีความเปนปุถุชนอยูมาก และฉันคิดวา เรื่องเชนนี้ก็เปนสาระในคำสอนของศาสนาพุทธดวย นั่นคือ เราจะใชชีวิตของเราอยางไร ในฐานะมนุษยอยางสนิทแนบแนน ขณะตอขณะ ดังนั้น ฉันจึงอยากแบงปนเรื่องราว เกี่ยวกับความรักของฉันวามันเปนมาอยางไรกันแน ซึ่งออกจะไมธรรมดาอยูสักหนอย 1
ฉันเห็นตรุงปะ รินโปเช ครั้งแรกในชวงวันหยุดคริสตมาสปลายป ค.ศ. ๑๙๖๘ ที่โรง เรียนเบเนนเด็น ตอนนั้นฉันอายุ ๑๔ ป ฉันพักอยูกับแมที่ลอนดอน ชวงโรงเรียนปด ภาคฤดูรอนปนั้น เทสซา พี่สาวของฉัน และแม รวมตัวฉันดวย เรา ๓ คนไปเที่ยว มอลตา เวลานั้น ฉันมีปญหาดานความสัมพันธสวนตัวกับแม ฉันมักหวาดกลัวแมอยาง ไรเหตุผลเสมอเวลาอยูใกลแม ชวงที่เราอยูมอลตา ฉันคอนขางเก็บตัวและเอาแตอานหนังสือ โดยเฉพาะ หนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา ทั้งสายเถรวาทและสายทิเบต เมื่อกลับมาลอนดอน ฉัน เขารวมเปนสมาชิกสมาคมชาวพุทธที่จตุรัสเอกเคลสตัน เพื่อศึกษาพุทธศาสนาเพิ่มเติม ระหวางนั้น ฉันอานหนังสือเรื่อง "เกิดในทิเบต" เขียนโดยเชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช ซึ่ง เปนเรื่องเลาเกี่ยวกับการลี้ภัยจากทิเบต และการหนีรอดจากเงื้อมมือจีน ฉันคิดวามัน เปนเรื่องราวที่นาตื่นเตนอยางเหลือเชื่อ แตการอานเรื่องราวจากตัวอักษร ไหนเลยจะ ไดอรรถรสของความตื่นเตนเทากับการพิสูจนจากปากผูเขียน ฉันไดขาววาจะมีการชุมนุมเพื่ออิสรภาพของทิเบต โดยมีสมาคมชาวพุทธใหการ สนับสนุนการประชุมครั้งนี้ ฉันตัดสินใจเขารวมการชุมนุมดวย มีบุคคลขึ้นปราศรัยคน แลวคนเลา ตอเนื่องกันหลายชั่วโมง รายชื่อคนที่จะขึ้นปราศรัยคนสุดทายคือผูเขียน หนังสือเรื่อง "เกิดในทิเบต" เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช เขาปรากฏตัวบนเวทีดวยจีวรสี มวงแดงอยางพระทิเบต ฉันนั่งอยูในกลุมผูชุมนุม เมื่อเห็นเขาครั้งแรก ฉันประหลาด ใจตัวเองมากที่รูสึกถึงสายสัมพันธอันลึกซึ้งซึ่งอธิบายไดยากอยูภายใน แตกอนที่เขาจะ ทันไดกลาวปราศรัยอะไร เขาลมลงหมดสติกลางเวทีและถูกหามออกไปเสียกอน มี เสียงประกาศวารินโปเชปวย แตฉันกลับจินตนาการวา สงสัยเขาจะเมาเสียมากกวา ถึงแมวา รินโปเชจะปรากฏตัวบนเวทีเพียงชั่วครูเดียว แตฉันก็รูทันทีวาเราตอง เคยมีความสัมพันธพิเศษตอกันมานานแลว มีความรูสึกบางอยางที่ยากจะอธิบาย กำลังกอเกิดขึ้นในใจ มันเหมือนการไดกลับบาน กลับคืนสูบานที่จากไปแสนนาน ฉันไมเคยถูกความรูสึกใดปะทะรุนแรงเทานี้มากอน ฉันพูดกับตัวเองวา "เขานั่นเองที่ ฉันเฝาคิดถึงมาตลอดชีวิต เปนเขานั่นเอง" ฉันจำเขาไดทันทีที่เห็นครั้งแรก ฉันรูตัว ในบัดนั้นวาฉันเฝารอคอยเขาอยู และปรารถนาที่จะไดพบเขาอีก เมื่ออายุ ๑๓ ฉันมักฝนแปลก ๆ เปนฝนที่เหมือนจริงมาก บางทีขณะฝนฉันรูสึก เหมือนกับตัวเองกำลังตื่นอยู ภาพในความฝนทุกภาพกระจางชัด และอยูในความทรงจำ ตลอดมา ฉันไมกลาเลาเรื่องนี้ใหใครฟง เพราะไมรูจะเลาอยางไร และก็คงไมมีใครเชื่อ และเขาใจฉันเปนแน แมแตตัวฉันเองก็ยังไมเขาใจความฝนของตัวเองเลย แตครั้น เมื่อฉันไดเห็นรินโปเชครั้งแรก ฉันรูทันทีวา เขาตองเกี่ยวของกับโลกที่ฉันเห็นในความฝน อยางแนนอน 2
j มีอยูคราวหนึ่ง ฉันฝนเห็นตัวเองอาศัยอยูในสำนักแมชีแหงหนึ่งริมทะเลสาบกวาง ใหญสีขาว ประเทศทิเบต ตอนแรกฉันอยูในหองรวมกับแมชีคนอื่น ๆ แตหลังจากนั้น ฉันถูกยายไปอยูหองสวนตัวอีกหอง ซึ่งมีพระพุทธรูปสีขาวองคใหญตั้งเปนประธานอยู ฉันอาศัยอยูในสำนักแมชีนี้หลายป ศึกษาธรรมและปฏิบัติภาวนา จากนั้นฉันเดินทาง ไปถือสันโดษในถ้ำแหงหนึ่งบนภูเขา ภายในถ้ำมีเตียงแคบ ๆ อยูมุมหนึ่ง อีกมุมเปนที่ ประกอบอาหาร และมีหิ้งบูชาที่ทำขึ้นงาย ๆ ฉันนั่งสมาธิอยูบนเบาะหนาหิ้งบูชา และ มีอยูครั้งหนึ่ง ฉันฝนวามีชาวตะวันตกบางคนไดลวงเขามาในถ้ำนี้ ในความฝนนั้นฉัน รูสึกชอบรองเทาบูทของพวกเขามาก ฉันไมเคยเห็นรองเทาแบบนี้ในทิเบตมากอนเลย j ในความฝน ฉันตองเดินลงจากหุบเขาเพื่อไปตักน้ำในทะเลสาบ บริเวณนั้นมี แมน้ำสายเล็ก ๆ สายหนึ่งไหลลงสูทะเลสาบ ฉันชอบสถานที่นี้มาก มันสงบและสวยงาม วันหนึ่ง ฉันนั่งลางผลทับทิมผลหนึ่งอยูริมตลิ่ง ฉันไมรูวาเอาผลทับทิมนั้นมาจากไหน แตฉันจดจำความรูสึกขณะสัมผัสผลทับทิมนั้นไดอยางชัดเจน ทันใดนั้นเอง ฉันก็ได ถึงแกความตาย ฉันคิดวาฉันคงหัวใจวายตาย หลังจากนั้นไมนาน ฉันเห็นรางตัวเอง คอย ๆ ลอยหางออกไป ฉันรูสึกวากำลังถูกดูดเขาไปในอุโมงคสูญญากาศ นั่นเปน ความรูสึกสุดทายที่ฉันจำไดจากความฝน j ลวงมาภายหลังหลายป เมื่อฉันเลาความฝนนี้ใหสามีฉันฟง เขาบอกวานั่นเปน ความฝนถึงอดีตชาติ และเขายังบอกวารายละเอียดในความฝนนั้นคอนขางถูกตอง แมนยำ พอเราคุยเรื่องความฝนนี้ลงลึกเขา เขาบอกวาฉันเคยอาศัยอยูทางทิศตะวัน ออกเฉียงใตของทิเบต และยังรูดวยวาฉันเปนใคร แตเขาคิดวามันไมสมควรที่เราจะ ลวงเขาไปรูเรื่องราวเกี่ยวกับความฝนมากนัก เพราะอาจจะกลายเปนอุปสรรคในชาตินี้ได ฉันเลาความฝนนี้ใหเขาฟงหลังจากที่เราไดแตงงานกันแลว แตเขาบอกวาเขารู เขารูถึง อดีตชาติสมัยที่ฉันเกิดในทิเบตตั้งแตครั้งแรกที่เราพบกันแลว ฉันเชื่อวาเขาพูดจริง ตลอดมาฉันไมไดเลาเรื่องนี้ใหใครฟงมากนัก แตมาถึงวันนี้ ฉันคิดวามันอาจจะมี ประโยชนอยูบางตอความเขาใจถึงความสัมพันธอันลึกซึ้งระหวางฉันกับรินโปเช จึงไดนำ มาเปดเผย j หลังจากที่ไดเห็นเขาในงานชุมนุมที่ลอนดอน ฉันยังคงสนใจอานทุกเรื่องเกี่ยวกับ ประเทศทิเบตและพุทธศาสนาของทิเบตเทาที่ฉันจะหาอานไดในเวลานั้น จากนั้นไม นาน ฉันมีโอกาสเขารวมฟงบรรยายในชั้นเรียนที่รินโปเชสอนอยูที่สมาคมชาวพุทธ สมาคมนี้เปนเปนองคกรชาวพุทธที่เกาแกองคกรหนึ่งในอังกฤษ กอตั้งขึ้นโดยผูพิพากษา คนดังที่ชื่อ คริสตมาส ฮัมเฟรส เมื่อครั้งรินโปเชมาอังกฤษใหม ๆ สมาคมชาวพุทธ เชิญเขามาสอนคอนขางบอย และทางสมาคมยังตีพิมพคำบรรยายชวงแรก ๆ ของเขาใน วารสารของสมาคมที่ชื่อวา "ทางสายกลาง" อีกดวย
3
j หัวเรื่องที่ฉันลงทะเบียนไวคราวนี้ เปนชุดคำบรรยายเกี่ยวกับทานปทมสัมภวะ ซึ่งเปนพระอาจารยชาวอินเดีย ผูนำพุทธศาสนาเขาไปเผยแผในทิเบตเมื่อสมัยศตวรรษที่ ๘ รินโปเชบรรยายประวัติและคำสอนของทานอาจารยปทมสัมภวะ ฉันขอบอก อยางตรงไปตรงมาวา ตลอดชั่วโมง ฉันจำอะไรเกี่ยวกับเนื้อหาคำบรรยายไมไดเลย ฉันไดแตนั่งจองมองรินโปเช ผูสงางามในชุดจีวรพระ เขาดูหลอมากในสายตาของฉัน แมจะใสแวนตาหนาเตอะก็ตาม j เพื่อนรวมชั้นเรียนบอกฉันวา ถาใครตองการเขาพบอาจารยรินโปเชเปนการสวน ตัว ก็สามารถขออนุญาตได ตอนนั้นแมวาฉันจะรูสึกประหมาอายและกลัวอยูบาง แตก็ ขออนุญาตเขาพบเขา การบรรยายจัดขึ้นที่หองใหญหองหนึ่งชั้นบนของสมาคม และ ตรงขามเปนหองเล็ก ๆ ที่จัดไวใหนักเรียนเขาพบและสัมภาษณอาจารย ตลอดเวลาที่ สัมภาษณพูดคุยกับเขา เขาออนโยนอยางไมนาเชื่อ เขาแนะนำการนั่งสมาธิแกฉัน แต ฉันจำเรื่องที่เขาสอนไมคอยได ฉันเพียงตองการอยูใกล ๆ เขา เขาชางใจดี ชางบริสุทธิ์ และเฉียบแหลม ฉันเกิดความรูสึกวาเขากำลังใชจิตของเขาสัมผัสจิตของฉัน ไมมีสิ่ง กีดขวางใด ๆ มาสกัดกั้นการติดตอสื่อสารของเรา ใครก็ตามที่เขาปฏิสัมพันธดวย มัก จะชอบเขา เขาไมมีแบบแผนการวางตัวอะไร นอกจากความเมตตาและความปรารถนา ที่จะชวยเหลือผูคน j ระหวางการเขาพบ รินโปเชนั่งอยูบนเบาะที่พื้น ฉันนั่งอยูตรงขาม เบื้องหนา เขามีชามองุนชามหนึ่งวางอยู เขาเชื้อเชิญใหฉันกินลูกองุนในชามนั้น แมวานี่จะเปนการ พบกันครั้งแรก แตฉันเชื่อวาความรูสึกเสนหาตอกันไดเกิดขึ้นแลว ฉันอายุเพียง ๑๕ ยัง ออนเยาวตอประสบการณเรื่องความรัก แตจากการพบเขาคราวนี้ ทำใหฉันมีความสุข และรูสึกผูกพันใกลชิดเขามาก ทำใหฉันตัดสินใจเงียบ ๆ วาจะหาโอกาสอยูใกลเขาอีก j รินโปเชเปนผูรวมกอตั้งศูนยปฏิบัติธรรมในชนบทแหงหนึ่งที่สกอตแลนด ชื่อ ซัม เยลิง เปนสถานที่ที่เปดใหผูสนใจมาปฏิบัติสมาธิและฟงคำสอนเกี่ยวกับพุทธศาสนา ริน โปเชใชเวลาสวนมากของเขาอยูที่นี่ ฉันปรารถนาจะไปที่นั่น แตดวยวัยเพียง ๑๕ ฉัน จำตองไดรับการอนุญาตจากแมเสียกอน เมื่อฉันขออนุญาตแม แมบอกวาแมจะอนุญาต ก็ตอเมื่อแมตองไปดวยเทานั้น การไดยินวาแมจะไปดวยทำใหฉันไมสบายใจ ไมใชเพราะ สัมพันธภาพระหวางเราแมลูกไมคอยดีเทานั้น แตเปนเพราะแมของฉันมักมีอคิติตอผูคน โดยเฉพาะคนตางสีผิว และไมไดเปนคนชั้นสูงของอังกฤษ แตถึงแมรินโปเชจะเปนชาวอิ ตาเลี่ยน แมก็ตองมีปญหากับเขาอยูดี ไมตองพูดถึงวาเขาเปนคนเอเซีย ซ้ำยังเปน นักบวชในนิกายศาสนาที่แปลกเกินกวาแมจะเขาใจเสียอีกดวย แตอยางไรก็ตาม ฉันไมมี ทางเลือกอื่น จึงจำเปนตองใหแมไปดวย j เราขับรถจากลอนดอนขึ้นไปสกอตแลนด ฉันดีใจที่เทสซา พี่สาวคนโต รวมเดิน ทางไปดวย เราคอนขางสนิทกัน แมฉันจะไมไดอยากใชเวลาตลอดสัปดาหอยูกับแม แต 4
ฉันก็ตื่นเตนมากกับการเดินทางไปศูนยปฏิบัติธรรมซัมเยลิงครั้งนี้ เราใชเวลาเดินทาง รวม ๖ ชั่วโมง เมื่อไปถึง เราไดหองพักที่คอนขางดีอยูชั้นสองของศูนย สามารถมองเห็น ทิวเขาหนาแลงของสกอตแลนด ฉันรูวาทุกสิ่งทุกอยางที่นี่คอนแปลกสำหรับแม บรรยากาศและสถานที่ก็ดูคลายวัดทิเบต ที่ซัมเยลิงนี้มีพิธีกรรมทางศาสนาอยางหนึ่ง เรียกวา "การบูชา" ซึ่งจะปฏิบัติกัน วันละหลายรอบที่หองบูชา รินโปเชมักลงมารวมในการบูชาตอนเชาตรู มีเรื่องเลาวา เขามักจะสัปหงกบนเบาะนั่งบูชาเสมอ จนมีคนชอบแกลงเปาแตรเสียงดังเพื่อปลุกใหเขา ตื่น j ที่นี่มีหองสำหรับการสัมภาษณสวนตัว เปนหองขนาดใหญ ตกแตงไวอยางเรียบ งายดวยพรมผืนเล็ก ๆ และเบาะหลายใบ เมื่อเราไปถึง รินโปเชขอใหแมของฉันเขาพบ เปนการสวนตัว คุณตองเขาใจนะวา ผูคนที่มารวมปฏิบัติธรรมที่ซัมเยลิงแหงนี้ ไมมี ใครที่มาจากชนชั้นทางสังคมแบบเดียวกับแมของฉัน สวนมากก็เปนคนหนุมสาวแทบทั้ง นั้น แมของฉันจึงดูคอนขางผิดแปลกไปจากคนอื่น ๆ ฉันคิดวารินโปเชตองมีอุบายบาง อยางแนนอนที่ขอใหแมของฉันเขาพบ ฉันยังจำไดวาฉันและเทสซายืนคอยอยูหนาหอง เราหัวเราะกันคิกคักเมื่อเห็นรองเทาสนสูงหนังงูของแมวางอยูหนาประตูหอง แมถอดมัน ออกแลวเดินเทาเปลาเขาไปในหอง เราไมรูเลยวาเหตุการณในหองดำเนินไปอยางไร จินตนาการถึงโลกของคนสองคนที่แตกตางกันอยางสิ้นเชิงโคจรมาพบกันในหองนั้น ก็อด รูสึกขบขันไมได j แมเดินออกมาจากหองแลว และพูดขึ้นวา "ตกลงเขาเชิญใหแมพักอยูที่นี่" แม ทำทาชื่นชอบเขามาก ซึ่งทำใหฉันและพี่สาวประหลาดใจอยางยิ่ง เราจัดตารางกิจวัตร ประจำวันในการอยูที่ซัมเยลิง ฉันภาวนาขอใหเราไดอยูที่นี่ตลอดชวงเวลาของวันหยุดยาว นี้ j ผูเขาอบรมชาวตะวันตกสวนใหญที่นี่ มักเปนคนอังกฤษและชาวสกอต มีคน อเมริกันไมมากนัก สวนคนทิเบต นอกจากรินโปเชแลว ตอนนั้นก็มีเชอรับ พาลเด็น เบรู ศิลปนวาดรูปแบบทิเบต และอาคอง รินโปเช ซึ่งเปนเพื่อนของตรุงปะ รินโปเช ที่ไดรวม กอตั้งซัมเยลิงมาดวยกัน ตอนนั้นฉันยังไมคอยแนใจถึงความขัดแยงในหมูคนทิเบตที่นี่ ทั้งที่ความจริงตรุงปะ และอาคอง มีปญหาขัดแยงกันอยูแลว เพียงแตฉันไมไดสังเกต จึง เห็นแตมิตรภาพอันสันติของทั้งคู j ทุกเชาและบาย จะมีการสวดมนตรเปนภาษาทิเบต การเขาถึงพิธีกรรมทางทิเบต ในตอนนั้นคอนขางแตกตางจากแนวทางที่รินโปเชปรับเปลี่ยนใหมในภายหลัง แตความ จริง แมในชวงเวลานั้นก็มีการเปลียนแปลงอยูบางแลว เชน รินโปเชไดปรับการสอนในรูป แบบใหม ซึ่งสามารถปฏิบัติดวยภาษาอังกฤษ และบรรยากาศทั้งหมดก็ไดรับการปรับ เปลี่ยนใหสอดคลองกับชาวตะวันตกมากขึ้นดวย 5
j ในป ค.ศ. ๑๙๖๘ รินโปเชเดินทางไปอินเดีย และไดรับเชิญจากพระราชินีภูฐาน ซึ่งพระนางเปนศิษยของทานดิลโก กเยนเส รินโปเช เชนเดียวกับสามีของฉัน ดังนั้น พระนางจึงประทานไมตรีจิตและความเอื้อเฟอแกเขามาก ในชวงที่รินโปเชอยูที่ออกซฟ อรด เขายังเคยเปนครูสอนพิเศษใหกับ จิกเม วังจัก พระโอรสองคโตของพระนาง ซึ่งจะ เปนกษัตริยภูฐานองคตอไป นอกจากการไปเยี่ยมราชวงคภูฐานแลว เขายังไดรับ อนุญาตใหเขาไปจำศีลภาวนาในถ้ำ ตักสตัง ถ้ำที่มีชื่อเสียงซึ่งทานอาจารยปทมสัมภวะ เคยจำศีลภาวนากอนที่จะเดินทางเผยแผศาสนาในทิเบตเมื่อหลายรอยปมาแลว j ขณะที่รินโปเชนั่งสมาธิอยูในถ้ำนั้น เขาไดสัมผัสกับคำสอนเรื่อง สาธนาแหงมหา มุทรา ซึ่งทานอาจารยปทมสัมภวะไดจารึกไวเมื่อหลายศตวรรษกอน ตามแนวความเชื่อ อยางทิเบต เชื่อวาการที่รินโปเชเขาไปนั่งทำสมาธิภาวนาในถ้ำซึ่งทานอาจารยปทม สัมภวะไดเคยปฏิบัติในอดีตแลวนั้น เปนเหมือนการไขกุญแจลวงเขาสูคำสอนโบราณ ความรูและคำสอนเหลานั้นผานมาทางจิตของรินโปเชขณะที่นั่งสมาธินั่นเอง j ชวงที่ฉันพักอยูที่ซัมเยลิงกับแม รินโปเชเพิ่งกลับมาจากภูฐาน ดังนั้นนอกจาก การปฏิบัติตามแบบแผนเดิมของทิเบตแลว นักเรียนของซัมเยลิงในชวงนั้น จะไดรอง บทสวดเกี่ยวกับสาธนาแหงมหามุทรา ในฉบับแปลเปนภาษาอังกฤษซึ่งพิมพหยาบ ๆ ลง บนกระดาษสีอีกดวย j บายวันที่สอง ฉันเดินเขาไปในหองพัก เห็นแมนั่งตัวแข็งอยูบนเตียงคลายกับ กำลังตกใจอะไรบางอยาง แมนั่งนิ่งไมไหวติงและไมพูดอะไรอยูหลายนาที หลัง จากนั้นจึงเปรยขึ้นวา "พระเจา ฉันกำลังถูกสะกดจิต ฉันถูกคนเอเซียคนนั้นสะกดจิต เขาตองเปนพวกมนตรดำแนนอน พวกเราตองไปจากที่นี่โดยเร็ว" j เมื่อมองยอนกลับไป ฉันประหลาดใจที่แมสามารถอยูไดตั้งสองวัน เรื่องมนตดำก็ เปนจินตนาการของแมที่สับสนและขัดแยงในตัวเองเกี่ยวกับการเดินทางมาที่นี่ แตตอน นั้นฉันไมไดสนใจวาแมเอาความคิดเหลานี้มาจากไหน เพราะกำลังวาวุนใจที่จะตองจาก ไป ฉันบอกแมวา "มันไมใชเวทมนตรดำอะไรหรอกคะ พวกเราอยูตอเถิดนะคะ" ฉันขอรองแม แตก็ไมไดผล แมพูดวา "เราตองไปเดี๋ยวนี้" ฉันจึงไปบอกลารินโปเช เขาพูดกับฉันอยางใจดี และใหกำลังใจวาไมตองกังวล ไป ทุกอยางจะเรียบรอยเอง เราจะไดพบกันอีกในไมชานี้แนนอน ตอนนั้น ฉันงงกับสิ่ง ที่รินโปเชพูด และไมรูวาเขารูลวงหนาไดอยางไรวาเราจะไดเจอกันอีก j จากนั้นไมนาน ฉันกลับไปเรียนหนังสือตอที่โรงเรียนเบเนนเด็น และไมไดพบริน โปเช ๖ เดือน ในภาคการศึกษาฤดูใบไมผลิ ป ค.ศ. ๑๙๖๙ ฉันไดยินขาววารินโปเช 6
ประสบอุบัติเหตุทางรถยนตอยางรุนแรง และรางกายซีกซายของเขาเปนอัมพาธ ขยับเขยื้อนไมได นี่เปนขาวรายที่ทำใหฉันตกใจมาก แตแลวไมนาน ฉันก็ตองตกตะลึง กับอีกขาวหนึ่ง นั่นคือ หลังจากที่รางกายของเขาคอย ๆ ฟนตัว เขากำลังเตรียมตัวจะ แตงงานกับสาวชาวอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อ แม็กกี้ รัสเซล ตอมาไมนาน ก็มีขาวใหมมาอีก ขาววา แม็กกี้ไมยอมแตงงานกับรินโปเชแลว ชางแปลกจริง ๆ ที่ขาวนี้รบกวนใจฉัน เหลือเกิน ฉันไมอยากเชื่อเลยวาจะมีผูหญิงคนไหนปฏิเสธที่จะแตงงานกับเขาไดลงคอ นี่ถาเปนฉัน เพียงฉันมีโอกาสถูกเขาขอแตงงานดวย ฉันจะไมมีวันคิดเปนครั้งที่สองเด็ด ขาด j รินโปเชไดเขียนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการประสบอุบัติเหตุครั้งนั้นในเวลาตอมาวา อุบัติเหตุครั้งนี้ทำใหเขาเอาชนะความลังเล สงสัย และการหลอกตัวเองไดสำเร็จ ในบท ทายของหนังสือ "เกิดในทิเบต" บทที่วาดวยเรื่อง "บมเพาะธรรมมะในโลกตะวันตก" เขาเอยถึงสาสนที่เขาจะไดรับผานการประสบอุบัติเหตุไวดวย ! "เมื่อใครเขาถึงคำสอนอยางแทจริง เขาจะไมหลอกลวงตัวเองอีกตอไป ผม ตระหนักแลววา ตอนี้ไป ผมจะไมถือสันโดษเพื่อตัวเอง ไมรักษาภาพลักษณ หรือความ ความชอบธรรมเพื่อตัวเอง จะไมหลบซอนตัวเองอยูใตจีวร แลวสรางภาพที่ดูลึกลับให นาประทับใจ สำหรับผมนั่นคืออุปสรรค ดวยสำนึกรูวาตอไปผมจะตองเกี่ยวของและเชื่อมโยง ตัวเองกับสังฆะในวงกวางออกไป ผมจึงตัดสินใจละทิ้งคำปฏิญาณที่ใหไวตอการบวช ผมรูวาการทำเชนนี้ คือการอุทิศตัวใหกับพุทธศาสนาอยางแทจริง” j ฉันไมรูอะไรเลยเกี่ยวกับนัยยะของอุบัติเหตุที่เกิดกับรินโปเช ฉันเพียงแตคิดแบบ เด็กสาวอายุ ๑๕ วาอยากพบเขาเหลือเกิน ฉันหลงไหลเขา อยากอยูกับเขา ไมไดคิด อะไรลึกซึ้งเกี่ยวกับการเลือกวิถีชีวิตของเขาวามีความหมายอยางไรหรือไม j ชวงเวลานั้น การเรียนของฉันเริ่มมีปญหา ฉันเรียนไมรูเรื่องและไมยอมทำการ บาน และยังไมสามารถเขากับระเบียบโรงเรียนอีกดวย ฉันขอเขาพบอาจารยใหญ และ บอกทานวา ตั้งแตฉันหันมานับถือศาสนาพุทธ ฉันไดกลายเปนมังสวิรัติแลว แตทาน กลับบอกวา ทานไมตองการอภิปรายเรื่องปรัชญาศาสนากับฉัน ถึงอยางไร ฉันก็ตอง กินเนื้อสัตวตามรายการอาหารที่โรงเรียนจัดใหอยูดี ฉันยังไดบอกทานอีกดวยวา ฉันไม ตองการไปโบสถอีกตอไปแลว ซึ่งที่โรงเรียนนี้ พวกเราถูกบังคับใหเขารวมพิธีในโบสถ สองครั้งในวันอาทิตย ทานบอกวาการเปนพุทธศาสนิกชนของฉันไมใชขออางที่จะไดรับ การยกเวนที่จะไมเขารวมกิจกรรมในโบสถ
7
j เมื่อจบปการศึกษานั้นแลว ฉันไมอยากเรียนตอที่โรงเรียนนี้อีก ฉันขอรองใหแม ยายฉันไปเขาเรียนที่โรงเรียน เคอรบี้ลอดจ ซึ่งพี่สาวฉันเรียนอยู แมวาในชวงปดเทอม นี้ ฉันจะอยากไปที่ซัมเยลิงมาก แตฉันก็ตองไปสเปนกับแมและพี่สาว แมไดเชาบาน พักตากอากาศไวหลังหนึ่ง ฉันกับเทซซาชอบทำอะไรแผลง ๆ เราขโมยเสื้อคาฟตันมา จากตลาด เมื่อใสแลวเราจะดูเปนฮิปปที่สมบูรณแบบทีเดียว และเรายังเลี้ยงแพะไวตัว หนึ่งดวย ฉันตั้งชื่อมันวา แพน ฉันเคยจูงมันเดินรอบหมูบานดวยj j กลับจากสเปน ในภาคการเรียนฤดูใบไมรวง ป ค.ศ. ๑๙๖๙ ฉันยายไปเรียนที่โรง เรียนเคอรบี้ลอดจ เปนโรงเรียนประจำเล็ก ๆ นอกแคมบริดจ ซึ่งรับนักเรียนหญิงอายุ ๑๖ ถึง ๑๘ ป ตลอดภาคเรียน ฉันเฝาคิดถึงแตการไปพบรินโปเชที่ซัมเยลิง เรื่องนี้ ไมตองคิดเลยวาควรจะขออนุญาตแมหรือเปลา เพราะเปนไปไมไดอยูแลวที่แมจะยอมใหไป ดังนั้นฉันจึงวางแผนหาหนทางของฉันเอง ในที่สุดปลายเดือนตุลาคมปนั้น ฉันตัดสินใจหนีโรงเรียน โดยขอใหเพื่อนบางคน ชวยปกปดอาจารยให ฉันโบกรถไปถึงสกอตแลนด แตก็ตองผิดหวังเพราะรินโปเชไม ไดพักอยูที่ซัมเยลิงแลว แตก็ยังดีที่เขาพักอยูไมไกลเทาไรนัก เขาพักฟนอยูบานการ วอลดเฮาส หางจากซัมเยลิงไมลกวา เปนบานทรงสกอตโบราณที่สวยงามทีเดียว เจาของบานคือคริสโตเฟอร และพาเมลา วูดแมน ทั้งคูเปนศิษยของรินโปเช j เหตุที่รินโปเชยายออกจากซัมเยลิง เพราะเกิดความขัดแยงกับอาคอง โดย เฉพาะชวงหลังที่รินโปเชกลับมาจากภูฐาน และยิ่งบาดหมางกันมากขึ้นหลังจากรินโปเช ประสบอุบัติเหตุ รินโปเชตองการปรับแนวทางการสอนจากแบบแผนเดิมที่เครงครัดของ ทิเบต ใหสอดคลองกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวตะวันตก เขาไดเริ่มทดลอง แนวคิดใหม ๆ ของเขากับศิษยชาวตะวันตกบางแลว ซึ่งทำใหอาคองไมสบายใจ ปญหาอีกเรื่องที่ทำใหพวกเขาบาดหมางกัน คือแนวคิดเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธกับชาว ตะวันตก รวมถึงทาทีที่ชาวตะวันตกมีตอพวกเขาดวย อาคองไมสนใจและไมถือสาพฤติกรรมนอกกรอบบางอยางของรินโปเช เชน พฤติกรรมเรื่องชูสาว และการดื่มสุรา ตราบเทาที่เขายังคงกระทำในที่ลับ แตหลังจาก การประสบอุบัติเหตุครั้งนั้น รินเปเชตั้งใจวาจะไมหลอกลวงบรรดาศิษยที่นับถือเขาอีก เขาไมตองการเสแสรงแกลงทำเปนพระที่เครงครัดอีกตอไป เขาเปดเผยตัวตนที่แทจริง ออกมาอยางไมปดบัง เรื่องนี้ทำใหอาคองจำเปนตองบอกใครตอใครวา ตรุงปะ รินโปเช สติฟนเฟอนไปเสียแลว ตอนนั้นฉันก็ยังไมคอยรูวาเกิดอะไรขึ้น แตนักเรียนในซัม เยลิงและคนที่อาศัยอยูโดยรอบตางรูกันหมดแลวj ค่ำแรกที่ฉันมาถึงซัมเยลิง เปนจังหวะที่รินโปเชมารับประทานอาหารค่ำรวมกับ ชาวทิเบตคนอื่น ๆ ฉันเห็นเขาตอนที่เขากำลังจะกลับที่พัก เขาไมไดสวมจีวรพระแลว แตสวมชุดคลุมแบบฆราวาสที่เรียกวา "ชูบา" แทน เขาเดินชาและตองใชไมเทาชวยเดิน 8
แสดงวาอาการที่เกิดจากอุบัติเหตุยังไมหายดีเทาไร ฉันหาทางดักรอเขา ขณะที่เขา เดินผาน เขาหยุดทักทายฉัน ฉันลวงมือเขาไปควาผลทับทิมที่เตรียมไวออกมาจาก กระเปาและสงให เขารับผลทับทิมจากมือฉันดวยทาทางที่สุภาพและกลาวขอบคุณ เขาพูดวานี่เปนสัญญาณที่มีความหมายมาก ตอนนั้นฉันยังไมไดเลาเรื่องความฝนของ ฉันที่ฝนวาเปนแมชีทิเบตใหเขาฟงดวยซ้ำ แตดูเหมือนวาเขาจะพอใจความหมายที่แฝงอยู ในทับทิมผลนั้น j แมวาคืนนั้นฉันจะไดพบรินโปเชชั่วครูเดียว แตฉันก็รูทันทีวา เขาไดเปลี่ยนไป แลวโดยสิ้นเชิง เปลี่ยนไปเปนคนละคนทีเดียว นับแตประสบอุบัติเหตุ แนนอนวาทาง กายภาพ รางกายเขาบาดเจ็บจนเดินเหมือนคนพิการ กอนที่เขาจะประสบอุบัติเหตุ เขาเปนพระทิเบตหนุมที่มีเสนห ดูบริสุทธิ์นาชื่นชมอยางมาก แตตอนนี้เขาเปลี่ยนไป มาก เขาดูหนักแนนแข็งกราว ดูสูงวัยขึ้น เห็นชัดวาเขาเปลี่ยนไปมาก j แมวากอนหนานี้ เขาก็ไดแสดงใหเห็นอยางเปดเผยแลว วาตองการใหชาวตะวัน ตก โดยเฉพาะอยางอยางยิ่งคนอังกฤษที่นับถือพุทธ ไดรวมปฏิบัติและศึกษาพระธรรม อยางสะดวกและสอดคลองกับวิถีชีวิตของชาวตะวันตก ซึ่งเขาก็มีอิทธิพลมากและทำได สำเร็จดวย โดยไมไดใชความกาวราวเลย หากแตแสดงออกดวยความสุภาพและเมตตา แตมาตอนนี้ แมวาความใจดีของเขาจะยังปรากฏอยูอยางเดนชัด แตเขาก็เจาโทสะขึ้น การเขาใกลเขาอาจทำใหคุณกลัว แววตาที่เขาจองมองมาอาจทำใหคุณอึดอัด กระอักกระอวนได แตอยางไรก็ตาม เขายังคงมีเสนหสำหรับฉันเสมอ j ฉันอยากไปพบเขามาก แตคนที่ซิมเยลิงบอกฉันวามันเปนไปไมไดหรอก วันรุง ขึ้น ฉันจึงตัดสินใจเดินไปเยี่ยมเขาที่บานการวัลด ฉันเดินรัดเลาะไปตามถนนสวนบุคคล ระยะทาง ๑ ไมลผานที่ดินของพวกวูดแมน ฉันสวมเสื้อคาฟตั้นสีแดงที่ขโมยมาเมื่อฤดู รอนที่แลว j ระหวางทางใกลบานการวัลด ฉันพบกับหญิงอเมริกันคนหนึ่งซึ่งเปนศิษยของริน โปเช และเปนคนคอยดูแลเขาตั้งแตเขาประสบอุบัติเหตุ เธอถามฉันวาฉันมาทำอะไรที่ นี่ ฉันตอบวาฉันตองการไปเยี่ยมรินโปเช เธอตอบวาฉันเขาเยี่ยมไมได เขาไมอนุญาต ใหใครเขาเยี่ยมทั้งนั้น เธอยืนกรานเสียงแข็ง ฉันโตกลับไปวา ถารินโปเชไมตองการ ใหฉันพบจริง ฉันก็ตองการฟงคำปฏิเสธจากปากของเขาเอง j ฉันเดินหนาตอไป เมื่อมาถึงบานหลังนั้นฉันไดรับอนุญาตใหขึ้นไปพบเขาที่หอง นอน มีคนพาฉันขึ้นบันไดไปที่หองใหญหองหนึ่ง ในหองนั้นมีเพียงเตียงหลังหนึ่ง และ โตะหัวเตียงเล็ก ๆ เทานั้น มองจากหนาตางหองออกไปจะเห็นทิวทัศนทองทุงของเมือง สกอต เมื่อฉันเขามาในหอง รินโปเชนอนอยูบนเตียง ฉันยังจำไดวาเขาสวมชุดนอนสี มวงอมน้ำตาล ชวงนั้นเขาจำเปนตองนอนมากเพื่อพักฟน และยังเปนโรคปอดบวมและ 9
เยื่อหุมปอดอักเสบอีกดวย ซึ่งคงเปนผลขางเคียงจากอุบัติเหตุ แตสิ่งหนึ่งที่ฉันคนพบตอ มาก็คือ อาการบาดเจ็บของเขาไมมีผลตอกิจกรรมทางเพศของเขาเลย ฉันนั่งบนเตียง เพราะในหองไมมีเกาอี้ใหนั่ง เราเริ่มคุยกัน เขาเปนคนคุยสนุก และมีมนุษยสัมพันธมาก ฉันรูสึกสนิทสนมกับเขายิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอยางดำเนินไป อยางไมคาดฝน จากเรื่องหนึ่งตอเนื่องไปอีกเรื่องหนึ่ง เราทั้งคูมีความสุขที่ไดสนทนากัน เขาชวนฉันใหนอนกับเขาบนเตียง ฉันตอบตกลง ขณะนั้นฉันเพิ่งจะอายุ ๑๖ ยังมี ความรูนอยมากเกี่ยวกับเรื่องเซ็กสและเรื่องผูชาย ซ้ำยังเติบโตมาในบรรยากาศที่ไมมี โอกาสเรียนรูเรื่องเหลานี้ พอของฉันเสียตั้งแตฉันอายุ ๑๓ และเรียนแตในโรงเรียน ประจำหญิงลวน เมื่อฉันขยับขึ้นไปนอนบนเตียง รินโปเชเริ่มถอดชุดนอนของเขาออก ฉันถามเขาวา “กางเกงชั้นในของคุณไปไหน” เขาตอบวา “อึม ผูชายเขาไมใสกางเกงชั้นในกันหรอก” และฉันก็ตกใจเมื่อพบวา ผูชายก็มีขนที่บริเวณหัวเหนาดวย ฉันไมเคยอยูสองตอสองกับผูชายมากอน ครั้งที่แลวที่ไดใกลชิดเขาในหองนอน ทาทีของเขาเปนธรรมชาติและทำใหฉันไววางใจ และรูสึกคุนเคยอยางพิเศษ ซึ่งทำให ความสัมพันธครั้งนี้ใกลชิดกันมากขึ้น การรวมรักกับเขาจึงเปนไปอยางเปนธรรมชาติ หลังจากนั้นสองสามสัปดาห ฉันถามคำถามเขามากมายเกี่ยวกับเรื่องเซ็กสของอาจารย สอนศาสนา และถามเขาวาทำไมเขาถึงสึกจากการเปนพระ แตเขาก็ไมไดตอบคำถาม ของฉัน ฉันมัวแตดื่มด่ำกับความสุขที่ไดอยูใกลชิดเขาจนไมสนใจคำตอบ ฉันรูดี วาการหลับนอนกับเขาเปนเรื่องไมสมควร แตในความรูสึกตอนนั้น ฉันคิดวามันเปน เวลาที่สวยงามที่สุดของชีวิตชวงหนึ่งทีเดียว หลังจากเรารวมรักกัน เราไดคุยกันมากมาย ที่จริงเราใชเวลาตลอดชวงสุด สัปดาหบนเตียงดวยกัน การไดอยูกับเขาทำใหฉันรูสึกวาชีวิตไดพบสิ่งเติมเต็มซึ่งไมเคย พบมากอนเลย ชีวิตฉันแปลกแยกกับชาวอังกฤษมาตลอด ฉันรูสึกเสมอวาตัวเองเปน คนนอกคอก แถมยังรูสึกวาความเปนอังกฤษนั้นไมเขาทาเอาเสียเลย ซึ่งเปนความเก็บ กดที่อยูในใจฉันตลอดมา ทำใหฉันไมสามารถสนิทสนมใกลชิดกับชาวอังกฤษดวยกัน แตการไดมาอยูที่นี่ ฉันกลับรูสึกผูกพันสนิทสนมกับชายผูนี้อยางลึกซึ้ง เขาผูซึ่ง สามารถอยูในใจฉันตลอดทุกที่ที่ฉันไป ฉันรูสึกไดรับการปลดปลอยและไดรับการเยียวยา จิตใจ เพราะไมเพียงรูสึกวาฉันสามารถไปกับเขาไดทุกที่ แตยังรูสึกไดวาเขาก็สามารถ ไปกับฉันไดทุกที่เชนกัน ดังนั้น ตลอดเวลาที่ไดอยูดวยกันนี้ ทำใหฉันไดสัมผัสถึง อิสรภาพในตัวเอง เหมือนเด็กคนพบสนามวิ่งเลนที่กลางใหญไพศาล ความรูสึกเชนนี้ เปนความรูสึกที่ฉันไดรับเสมอเมื่ออยูใกลเขา เปนคุณภาพที่พิเศษสุดจริง ๆ มีอยูวันหนึ่ง เขาเดินไปแลว แตยอนกลับมาพูดกับฉันวา “บางทีวันหนึ่ง เราจะ แตงงานกัน” หัวใจฉันออนยวบลงทันทีพรอมกับตอบวา “ คะ คะ ฉันยินดีที่จะแตงงานกับ 10
คุณ” ชวงที่อยูดวยกันเขาเขียนบทกวีแสนหวานถึงฉัน เขาเริ่มตนประโยควา “การ แตงงานของเราจะเปนการแตงงานระหวางพระอาทิตยกับพระจันทร” ผูคนมีความเขาใจและความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเซ็กสแบบตันตระ ซึ่งมักจะเขาใจ กันวาคือการหลับนอนกับคุรุตันตระเทานั้น แนนอนวาการรวมรักกับเขาเปนสิ่งพิเศษ แตไมใชเพราะทารวมรักที่ลึกลับหรือการบรรลุจุดสุดยอดที่มหัศจรรย ความพิเศษที่เหนือ คำอธิบายในการรวมรักกับเขาไมใชเรื่องทางกายภาพเทานั้น แตฉันสามารถสัมผัสถึง ความออนโยนและความสงบสุขอยางลึกซึ้ง เหมือนไดเขาไปอยูในที่วางกลางใจของเขา ฉันคงอธิบายไดเพียงวามันเปนประสบการณที่แสนจะลึกซึ้งและหวานชื่น ครั้นพอถึงวันที่ใกลจะตองจากกัน ฉันสับสนใจมาก มันยากที่จะทำใจจากเขาไป แตฉันก็ตองหักหามใจตัวเอง แลวอาศัยติดรถของใครบางคนที่จะเดินทางออกจากซัมเยลิ ง ฉันตองแอบกลับเขาไปในโรงเรียน โดยที่ไมใหพวกอาจารยรูวาฉันไดหนีออกมา หลายสัปดาหตอมา ฉันตัดสินใจจะกลับไปซัมเยลิงอีก ในชวงวันหยุดนี้ทาง โรงเรียนไมอนุญาตใหออกไปไหน เวนเสียแตมีจดหมายอนุญาตจากผูปกครอง แนนอนวาแมของฉันไมรูเรื่องวาเกิดอะไรขึ้นกับฉัน และแมก็ไมอนุญาตใหฉันออกไปไหน เด็ดขาด ฉันจึงตองวางแผนหนีออกไปเอง คราวนี้ฉันไมไดขอใหเพื่อนชวยเหลือ เหมือนคราวกอน แมไมไดใหเงินฉันและพี่สาวไวสำหรับใชจายเลย เพราะแมกลัววาพวกเราจะเอา เงินไปซื้อยาเสพติด ดังนั้นฉันจึงตองหาวิธีเดินทางจากภาคใตขึ้นเหนือไปสกอตแลนดให ได ฉันโทรศัพทถึงรินโปเช เขาบอกวาถาหากวาฉันสามารถหาทางมาถึงสถานีรถไฟ คารลิเซิล ซึ่งเปนสถานีรถไฟที่ใกลซัมเยลิงที่สุด แลวเรียกรถแท็กซี่ไปหาเขา เขาจะ จายคาแท็กซี่ใหเอง ฉันโบกรถบรรทุกคันหนึ่ง ขออาศัยติดรถไปจนถึงยอรคเชียร แลวก็จับรถไฟไป ลงที่สถานที่คารลิเซิล ในอังกฤษเวลานั้น เราจะยื่นตั๋วโดยสารใหพนักงานเมื่อถึงปลาย ทางแลว เมื่อฉันไมมีตั๋วโดยสาร ฉันจึงรอจนรถไฟคอย ๆ ชลอแลวหาจังหวะกระโดดลง จำไดวาฉันกระโดดลงไปกระแทกพื้นแลวกลิ้งไปถึงสันเขื่อน โชคดีที่ไมไดบาดเจ็บอะไร จากนั้นฉันปนกลับขึ้นมาอีกหลายชวงรั้วจนถึงฟารมไกแหงหนึ่ง เมื่อผานฟารมไกไปแลว ฉันเดินไปที่หนาสถานีรถไฟ และเรียกรถแท็กซี่ตรงไปบานการวัลด ซึ่งรินโปเชรอจาย คาแท็กซี่อยูที่นั่น เรามีวันหยุดที่แสนวิเศษอยูดวยกัน มีความสนิทสนมคุนเคยกันมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เราสามารถพูดคุยกันไดแทบทุกเรื่อง ฉันนึกขึ้นไดวาฉันเคยถามคำถามเกี่ยวกับความ สัมพันธของเรา และถามถึงความเหมาะควรที่ลามะทิเบตจะมีความสัมพันธทางเพศกับ หญิงสาว ดังนั้นเมื่อเราอยูกันบนเตียงในสัปดาหที่สอง ฉันพูดกับเขาวา “คุณรูมั้ย ฉัน คิดวาเรื่องเซ็กสเปนเรื่องบาป โดยเฉพาะอยางยิ่งคนในสถานภาพแบบคุณ” และฉันก็ 11
เลาใหเขาฟงวา ฉันไดอานบทความของทานทะไลลามะเกี่ยวกับประโยชนในการบังคับตน เรื่องเพศ รินโปเชตอบวา นั่นก็เปนเรื่องจริงสำหรับคนบางคน แตก็ไมจริงสำหรับทุก ๆ คน พุทธศาสนานิกายทิเบต ตางกับศาสนาคริสตนิกายแคทอลิค ตรงที่ทางทิเบตมี ขนบเกาแก ซึ่งลามะสามารถแตงงานได โดยที่ยังไดรับการยอมรับนับถือตามปกติ ตัวอยางเชน ทานคเยนเซ รินโปเช อาจารยที่ปรึกษาของสามีฉัน ซึ่งทานก็เปนลามะที่ แตงงานมีภรรยา พูดอยางกวาง ๆ ทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องเพศระหวางทางพุทธกับทาง ยิว-คริสเตียนนั้นแตกตางกันมาก ฉันคิดวาหลาย ๆ กรณีสำหรับอาจารยสอนศาสนา ชาวทิเบต ที่เดินทางเขามาในโลกตะวันตกไดพยายามปดบังทรรศนะที่แทจริงเกี่ยวกับ เรื่องเพศตอลูกศิษยชาวตะวันตก เพราะวาพวกเขาตระหนักดีวาเรื่องนี้เปนเรื่องละเอียด ออน และเกี่ยวของกับความเชื่อทางวัฒนธรรมและศาสนาทางตะวันตก ซึ่งอาจจะทำให ถูกตีความและเขาใจผิดไดงาย ในกลุมชาวตะวันตกที่นับถือพุทธ บางกลุมเครงครัดใน การรักษาพรหมจรรยจนผิดธรรมชาติ ซึ่งความจริงนั่นไมใชวัฒนธรรมที่มาจากชาวพุทธ เสียทั้งหมด แนนอนวาสาระสำคัญในเรื่องศีล คือการไมทำรายผูอื่น ซึ่งเชื่อมโยงจาก พฤติกรรมทางเพศไปสูพฤติกรรมอื่น ๆ แตนั่นไมไดหมายความวาทุกคนที่นับถือพุทธ ตองถือพรหมจรรยกันไปหมด รินโปเชและฉันใชเวลาตลอดสัปดาหอยูดวยกัน เวลาผานไปอยางรวดเร็ว ฉัน เศรามากเมื่อถึงเวลาตองจากกันอีกแลว แตก็หลีกเลี่ยงไมได รินโปเชหารถของคนที่จะ เดินทางออกจากซัมเยลิงใหฉันติดรถไปลงกลางทาง จากนั้นฉันหาทางโบกรถกลับไป โรงเรียน เมื่อกลับไปถึงโรงเรียน มีตำรวจกำลังรอฉันอยู พวกเขาตองการรูวาฉันไปอยู ที่ไหนมา ฉันไมยอมบอกพวกเขา มีตำรวจสองสามนายพยายามขมขูฉัน แตฉันก็ไม ยอมปริปาก เพราะรูวา ถาฉันบอกพวกเขาวาไปที่ซัมเยลิง และบอกวาฉันไปอยูกับริน โปเชมา พวกเขาจะทำลายโอกาสที่ฉันจะไดพบรินโปเชอีกตลอดไป ในที่สุด พวกเขา พูดกับฉันวา “เอาละ ถาเธอหนีโรงเรียนอีกครั้งละก็ เธอจะตองถูกสงตัวไปอยูสถาน กักกันเยาวชนแน” ฉันตองเผชิญกับปญหามากมายที่โรงเรียน แตอาจารยฝายปกครองก็ใจดีกับฉัน มาก และไมตำหนิฉันเลย ทานพยายามชวยเหลือฉัน เพราะรูวาฉันมาจากครอบครัวที่ ไมมีความสุขนัก เนื่องจากพอไดจากไปหลายปกอน และแมก็ยังอยูในอารมณเศราเสียใจ ไมหาย ตอนนั้นแมสงฉันไปหาจิตแพทยที่ลอนดอน จิตแพทยเริ่มการบำบัดของเขาดวย คำถามนี้ “แมของหนูบอกหมอวา หนูตองการลาออกจากโรงเรียนหรือ” 12
ฉันตอบอยางกระตือรือรน “ใชแลวคะ” เขาถามตอ “หนูชวยเลาใหหมอฟงหนอยไดไหม วามันเกิดอะไรขึ้น” จิตแพทยคนนี้แสดงความเห็นอกเห็นใจเสียจนฉันรูสึกราวกับวาตัวเขาเองก็กำลัง อยากจะลาออกจากงานดวยเหมือนกัน เราคุยกันสนุกเกี่ยวกับเรื่องพุทธศาสนาและเรื่อง อื่นทั่ว ๆ ไป ที่สุดเขาพูดกับฉันวา “หนูรูอะไรไหม ฉันมีความลับจะบอกเรื่องหนึ่ง คุณ แมของหนูเปนคนที่จูจี้วุนวายมาก และไมคอยเปนมิตรกับใครเอาเสียเลย ไมวาจะเปนคน รอบตัวทานหรือรอบตัวหนู ฉันคิดวาที่จริงหนูจัดการกับตัวเองไดคอนขางดีนะในสภาพ แวดลอมแบบนี้” หลังคริสตมาส รินโปเชโทรศัพทมาชวนฉันใหไปรวมงานฉลองวันปใหมกับเขาที่ สกอตแลนด ฉันไมรูจะบอกแมวาอยางไรดี ดังนั้นฉันจึงวางแผนโดยการโทรศัพทคุย กับเพื่อนบางคนที่เปนศิษยของรินโปเชดวย เชน สแตชและอามาลี ซึ่งอยูใกลกับ Eskdalemuir ฉันบอกพวกเขาวาฉันอยากใหเขาชวยใหฉันไดขึ้นไปพบรินโปเช สแต ชรูวิธีจัดการกับพวกผูดีอังกฤษอยางแมฉันดี เขาโทรศัพทมาบอกแมวา เขาและภรรยา จะจัดปารตี้ปใหมกันที่บานที่สก็อตแลนด เขาบอกแมวา “ผมอยากเชิญไดอานาขึ้นมา ฉลองปใหมกับเรา แตชวงเทศกาลมักมีพวกขี้เมาเดินทางกันมาก ถาคุณตีตั๋วรถไฟชั้น หนึ่งใหไดอานา ผมกับภรรยาจะไปรับเธอที่สถานทีรถไฟคารลิเซิลเอง” แมของฉันตอบ ตกลง ฉันจึงไดนั่งรถไฟชั้นหนึ่งไปคารลิเซิล ฉันมีลางสังหรณบางอยางวามาคราวนี้ ฉันอาจจะไมไดกลับบานอีก ขณะที่ฉัน กำลังจัดเสื้อผาใสกระเปา แมเดินเขามาในหองนอนแลวพูดวา “ลูกเอาเสื้อผาไปตั้ง มากมาย ทำยังกับวากำลังจะหนีออกจากบานอยางนั้นแหละ” ฉันหัวเราะและตอบวา “เออ เปนเพราะหนูไมทราบวาหนูจะตองใชชุดอะไรบางเทานั้นเองคะ” เมื่อลงจากรถไฟ ฉันเรียกแท็กซี่ตรงไปที่บานการวัลด และไดพบรินโปเชที่นั่น ฉันไปถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม คืนนั้นฉันไม่ไดไปหาสแตชและอามาลี่ดวยซ้ำ วันถัดไป เปน วันปใหมอีฟ เราไปเยี่ยมผูคนที่อาศัยอยูในละแวกใกลเคียง บานแรกที่เราไปถึง ชาว บานเอากัญชาผสมลงไปในเค็ก เมื่อพวกเขากินเค็กเขาไป ก็ทะเลาะกันใหญ เราจึงรีบ ออกจากบานนั้นแลวตรงไปบานของสแตชและอามาลี่ จากนั้นก็เวียนไปตามบานตาง ๆ ละแวกนั้นอีกหลายบาน ระหวางทางในชวงค่ำ เราไปรวมสนุกกับบานของพวกวูดแมนส ซึ่งเปนศิษยคน หนึ่งและเปนเจาของบานที่รินโปเชเคยอาศัยอยูดวย ฉันจำไดวารินโปเชไมคอยไดรับ การยอมรับจากพวกเขา ซึ่งบางบานก็มีทาทีไมยอมรับฉันดวยเชนกัน ฉันไมรูวามันเกิด อะไรขึ้นกันแน หรือวารินโปเชจะหัวกาวหนาเกินไปจนพวกเขารับไมได หรือวาพวกเขา ไมพอใจที่รินโปเชยุงเกี่ยวกับฉัน หรืออะไรกันแน แตอยางไรก็ตามสถานการณที่เกิดขึ้น ทำใหรูสึกไดถึงความไมปกติและเปนปรปกษ 13
สำหรับรินโปเช ชวงเวลานั้นเปนชวงวิกฤติของชีวิตชวงหนึ่ง และเปนชวงแหงการ เติบโตดวยในเวลาเดียวกัน เขายังหนุมอยูมาก เพิ่งจะอายุ ๒๙ เทานั้น แตตองเผชิญกับ การเปลี่ยนแปลงอยางรุนแรงในชีวิต และแรงบีบคั้นรอบตัว ตองพลัดพรากจากบานเกิด เมืองนอน ลี้ภัยมายังดินแดนที่แปลกแยก แลวยังไดรับอุบัติเหตุครั้งใหญตามมาอีก ซึ่ง กลายเปนจุดหักเหสำคัญที่สุดสำหรับจิตวิญญาณของเขา เขาเคยบอกฉันวา คนเราจะมี จุดเชื่อมตอของการพัฒนาจิตวิญญาณอยู ระหวางถาไมบาเสียกอน ก็จะบรรรลุถึงความ รูแจง ฉันคิดวาเขากำลังอยูที่จุดรอยตอนั้น หลังจากนั้นเขาถูกทั้งชาวทิเบตและลูกศิษยปฏิเสธและเขาใจผิด ศิษยชาวตะวัน ตกไมใหความชวยเหลือใด ๆ แกเขาอีกตอไป เพราะเขาไมมีรูปลักษณของอาจารยในแบบ ที่ชาวตะวันตกตองการจะใหเปนอีกแลว พวกเขาตองการนับถือแตอาจารยชาวเอเซียที่ เปนชายตัวเล็ก ๆ ที่สงบเสงี่ยมและดูเครง แตสำหรับคนที่มีพลังมากและกลาเกรี้ยวกราด ใสพวกเขาอยางรินโปเชทำใหพวกเขาขยาด ดังนั้นเมื่อฉันเขาไปในชีวิตเขา จึงเปนชวงที่เขาไมมีใคร เปนชวงที่เขากำลัง ลำบาก เขาสรางสรรคสิ่งใหม ๆ ที่ไมเคยมีมากอนในอดีต แตวาเพื่อนและศิษยไม สามารถเขาถึงความคิดของเขา มันเปนชวงเวลาฝกตัวของความเปลี่ยนแปลง ในเดือน ตุลาคม ป ค.ศ.๑๙๖๙ รินโปเชไดสงจดหมายไปถึงทนายความของซัมเยลิง ซึ่งเคยเปน ศิษยของเขาคนหนึ่ง เขาเขียนอยางเปดอกถึงสถานการณที่เกิดขึ้นและบอกเหตุผลที่แท จริงเกี่ยวกับการที่เขาไมสวมจีวรพระดังนี้ “ผมตัดสินใจที่จะเลิกสวมจีวรพระ เพราะผมรูสึกวานั่นคืออุปสรรคอยางหนึ่งใน การสอนของผมตอชาวตะวันตก พวกเขาสับสนและเขาใจวาจีวรพระคือภาพลักษณอัน บริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ ทั้ง ๆ ที่คำสอนของผมพยายามเนนเรื่องประสบการณมากกวา ผมไมตองการหลบซอนตัวเองอยูใตจีวรอีก ! ผมขอพูดตรงไปตรงมากับคุณวา ความไมพอใจตาง ๆ ที่พุงเปามาที่ผมทั้งจากคน ที่เรียกตัวเองวาชาวพุทธและเพื่อนรวมชาติของผมเอง เกิดขึ้นเพราะพวกเขากลัวความ เปลี่ยนแปลง กลัวที่จะตองเดินไปขางหนา ตัวตนของผมจึงกลายเปนการคุกคามที่นา กลัวสำหรับพวกเขา เพราะวาผมไมกลัวความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง” j วันปใหมอีฟปนั้น หลังจากเราเวียนเยี่ยมตามบานลูกศิษยของรินโปเชที่ Esakdalemuir ครบแลว เราก็กลับไปยังบานการวัลด เชาวันรุงขึ้น ฉันลงไปที่หองครัว เพื่อทำอาหารเชา แตหาชุดนอนตัวเองไมพบ จึงควาชุดคลุมแบบทิเบตที่เรียกวา “ชูบา” ของรินโปเชมาพันรอบตัวแลวเดินลงไปที่ครัวชั้นลาง พาเมลา วูดแมนกำลังทำครัวอยู เมื่อเธอเห็นฉันเขาก็กรี๊ดใสฉันทันที “เธอคิดวาเธอเปนใคร เธอคิดวาเธอเปนใครถึงได
14
กลาสวมชูบาของรินโปเช” ตอนนั้นฉันรูสึกไดเลยวาบรรยากาศรอบตัวเต็มไปดวยความ ตึงเครียด j วันถัดไป รินโปเชกับฉันตัดสินใจวาเราจะไปจากความอึดอัดที่บานการวัลดหลังนี้ เราจะไปเอดินเบอรก แมวาเรายังไมไดคุยกันถึงเรื่องการแตงงานเลย แตฉันมีลาง สังหรณวา ฉันคงจะไดแตงงานที่นั่นอยางแนนอน พี่สาวของฉันและโรเดอริคแฟนของ เธอมาถึงซัมเยลิงพอดีและอาสาขับรถพาเราไป เราขนขาวของบางอยางขึ้นรถแลวพากันมุงหนาขึ้นเหนือ เงินในกระเปาก็มีไม มาก คืนแรกที่เอดินเบอรก พวกเราทั้งหมดพักรวมกันอยูในหองเชาเล็ก ๆ ซึ่งเครื่อง ทำความรอนดับทุก ๆ ชั่วโมง ตองเอาเหรียญหยอดเขาไปมันถึงจะทำงาน พอเราใกล จะหลับก็ตองตื่นอีกดวยความหนาวเมื่อเครื่องทำความรอนดับ แลวก็ชวยกันงมหา เหรียญมาหยอดลงไปในเครื่อง เปนอยางนี้ตลอดคืน วันรุงขึ้นเราก็ตองตื่นกันตั้งแตเกา โมงครึ่ง ทั้งที่ไมไดนอนมาทั้งคืน เพราะแมบานทำเสียงดังแตเชา คืนถัดไปพวกเราทั้งสี่จึง ไปหาที่พักใหมที่ดีกวานี้ j ชวงเวลาตั้งแตที่รินโปเชประสบอุบัติเหตุ จนถึงเราแตงงานกัน และยายไปอยู อเมริกาในอีกหนึ่งปใหหลัง นับเปนชวงเวลาที่มืดมนลำบากของชีวิตเขา รินโปเชเกิด อารมณหดหูซึมเศราขึ้นบอย ๆ เขาปวยเปนโรคปอดบวมและเยื่อหุมปอดอักเสบ ซ้ำยัง ตองเดินกระเพกเหมือนคนพิการ เพื่อนรวมชาติของเขาก็พยายามควบคุมเขา ลูกศิษย ลูกหาตางพากันตีจาก สิ่งที่ทำใหเขามีกำลังใจตอสูกับชีวิต คือจุดมุงหมายที่จะเผยแผ คำสอนของพุทธศาสนาใหกวางไกลออกไป แตในสถานการณอยางนี้ เขารูสึกวาตัวเอง ทำอะไรแทบไมไดเลย อากองปฏิเสธที่จะใหเขาสอนตามแนวทางที่เขาตองการ ทั้งลูก ศิษยชาวอังกฤษสวนมากก็ไมอยากฟงสิ่งที่เขาพูดอีกตอไปแลว สำหรับรินโปเช ชีวิต ยอมไรความหมายถาหากเขาไมมีโอกาสไดสอนและเผยแผพระธรรม เขาบอกฉันหลาย ครั้งวา ถาเขาไมสามารถสอน เขาก็ไมมีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยูอีกตอไป j ค่ำคืนหนึ่งที่โรงแรม รินโปเชถือขวดยานอนหลับเซคานอลส ฉันก็ไมรูวาเขาไป เอามาจากไหน เขาเดินเขามาหาฉันแลวพูดวา “เรากินยานี่เขาไปใหหมดกันนะ เราทำ ดวยกันนะ” ฉันควาขวดยานั่นแลวควางมันออกไปนอนหนาตางทันที และพูดกับเขาวา “เราจะไมทำอยางนั้น ยังมีอนาคตดี ๆ รอเราอยู” j ฉันไมคอยแนใจวารินโปเชคตองการใหฉันกินยานอนหลับเกินขนาดพวกนั้นเขาไป จริง ๆ หรือเปลา บางคนอาจจะคิดวาเขาเพียงตองการทดสอบความศรัทธาเชื่อมั่นที่ฉัน มีตอเขา ฉันก็ไมแนใจนะวาถาเกิดฉันพูดวา “คะ เราฆาตัวตายดวยกันเถอะ” เขาก็อาจ จะทำจริง ๆ ก็ได เขาชื่นชอบภาพยนตญี่ปุนเรื่องหนึ่งที่ตัวเอกพากันฆาตัวตาย คลาย ๆ โรเมโอจูเลียตทำนองนั้น
15
j อาจจะเขาใจยากสักหนอยวาครูสอนดานจิตวิญญาณจะคิดวางแผนฆาตัวตายได อยางไร แตรินโปเชก็เปนปุถุชนคนหนึ่ง แนนอนวาความคิดที่จะกินยานอนหลับเกิน ขนาดนั้นเปนความคิดที่นาตกใจ แตฉันมีความเห็นอกเห็นใจและเขาใจเขาอยางลึกซึ้ง ตอสถานการณที่เขาตองเผชิญ การตอบสนองตอเหตุการณและการหาทางออกของเขา ก็เปนไปอยางมนุษยธรรมดาคนหนึ่ง แตนับวาโชคดีที่ฉันไมคลอยตาม เพราะวาฉันยัง เชื่อมั่นและมีศรัทธาตอทางออกในอนาคต เราจึงผานเหตุการณหัวเลี้ยวหัวตอนั้นมาได ที่ฉันพูดเชนนี้ ไมไดหมายความวาฉันไดชวยชีวิตของรินโปเชไว แตมันก็เปน เรื่องจริงที่ฉันมักจะมีสวนรวมในสถานการณหรือบรรยากาศที่ตองชวยเหลือเขาตลอด ฉันไมแนใจ วาใครจะเขาใจสิ่งที่ฉันกำลังพูดอยูนี้หรือไม แตหลาย ๆ เหตุการณที่เกิด ขึ้นในชีวิตของสามีฉัน มักจะมีฉันเปนผูชวยคลี่คลายสถานการณอยูเสมอ ๆ จนฉัน แทบจะรูสึกวาฉันเกิดมาเพื่อชวยเหลือเกื้อกูลเขา คลายกับวาเปนความสอดคลองกันของ จักรวาล อะไรทำนองนั้น j ตอมาภายหลัง ฉันไดยินเรื่องราวของคุรุทางจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงอีกทานหนึ่ง ซึ่งเกือบจะฆาตัวตายเชนเดียวกัน เมื่อศตวรรษที่ ๑๑ ในทิเบตมีมหาโยคีชื่อมิลาเรปะ ผู ซึ่งชาวทิเบตเชื่อวาทานไดบรรลุธรรมอันสูงสุดในชวงชีวิตเดียว แตกอนที่ทานจะบรรลุ ธรรม ทานไดใชเวลาหลายปในการปฏิบัติและเคี่ยวกรำตนตามคำสอนขั้นสูงของอาจารย ของทาน(อาจารยมารปะ) แตเนื่องดวยธรรมชาติของมิลาเรปะเปนคนดื้อรั้นและมีกรรม มาก อาจารยจึงใหทานตองเผชิญและฟนฝาอุปสรรคและแบบทดสอบที่ยากเย็นแสน เข็ญมากมาย ซึ่งไมวามิลาเรปะจะพยายามอยางหนักเพียงใดก็ตาม ก็ดูเหมือนจะไม สามารถผานแบบทดสอบของอาจารยไปไดเลย จนในที่สุด มิลาเรปะถึงกับหมดกำลังใจ และทอแทหมดหวังอยางสิ้นเชิง และแนใจวาตนคงไมมีโอกาสเขาถึงธรรมะขั้นสูงไดแน แลว ทานตัดสินใจที่จะปลิดชีวิตตัวเองเสีย อาจารยของมิลาเรปะมาพบทานในขณะที่ ทานยืนอยูริมหนาผาสูงกำลังคิดจะพุงทยานตัวลงสูกนหุบเหวนั้นพอดี ในขณะนั้น มิลาเร ปะยอมแพตอชีวิตอยางสิ้นเชิงแลว ซึ่งความรูสึกเชนนี้เปนรอยตอที่สำคัญ ทำให อาจารยของทานถายทอดธรรมะขั้นสูงสุดใหทาน สามีของฉันมักกลาววาเขาเลื่อมใสมิ ลาเรปะมาก และทุกสิ่งที่คนอยางมิลาเรปะกระทำ ลวนเปนไปเฉกเชนนักรบผูกลา สามีของฉันก็ใชชีวิตในหนทางเชนเดียวกันนี้ เขาเปนคนมีความมุงมั่นมาก และคำนึง ถึงคนอื่นดวยความบริสุทธิ์ใจเสมอ j เชาวันรุงขึ้น คือวันที่ ๓ มกราคม ป ค.ศ. ๑๙๗๐ เราตัดสินใจวาเราจะแตงงานกัน สถานการณที่เหลือทนทำใหเราตัดสินใจเชนนี้ สำหรับคนสวนใหญชวงเวลาของการ บอกรักและขอแตงงาน ชางเปนเวลาที่แสนวิเศษเต็มไปดวยความสุขเกษมเปรมปรี แต สำหรับคูของเรา แทบจะไมมีบรรยากาศของความสดชื่นยินดีเอาเสียเลย แตสิ่งที่เรามี ตอกันนั้นตางหากที่สำคัญ เรามีความผูกพันตอกันอยางลึกซึ้ง ฉันไมเคยสงสัยในความ 16
รักของฉันที่มีตอรินโปเชเลยนับแตวันแรกที่พบเขา และไมสงสัยในความรักที่เขามีตอฉัน ดวยเชนกัน เมื่อวันที่ ๑ มกราคม กฏหมายของสกอตแลนดไดประกาศใหหญิงชายอายุ ๑๖ ป สามารถแตงงานไดโดยไมตองผานการยินยอมจากผูปกครอง พอเชาวันที่ ๓ มกราคม รินโปเชไดโทรศัพทไปหาอาคองและเชอรัป พาลเด็นที่ซัมเยลิง บอกพวกเขาวาเราจะ แตงงานกัน ซึ่งทำใหพวกเขารีบรุดมาที่เอดินเบอรก เหมือนกับวากำลังเดินทางมารวม พิธีฝงศพยังไงยังงั้น การแตงงานของเราเปนขอขัดแยงอยางใหญหลวงระหวางรินโปเชกับเพื่อนชาว ทิเบตของเขา และก็ยิ่งพิสูจนใหเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ วาเขาไมหลงเหลือมิตรภาพใดจาก เพื่อนรวมงานอีกแลว อาคองบึ้งตึงและไมยอมแมแตจะเหลือบมองฉันดวยซ้ำ สำหรับ อาคอง การยอมรับวารินโปเชจะแตงงานกับผูหญิงอังกฤษ มันเปนสถานการณที่ออน ไหวเหมือนครีมบนหนาขนมเค็ก เขาจำเปนตองเลือกระหวางการยอมรับและประณี ประนอม กับการยืนยันความเชื่อเดิมอยางมั่นคง ซึ่งเขาเลือกอยางหลัง เขาแสดงออก โดยการตัดขาดมิตรภาพระหวางเขากับรินโปเช ซึ่งไมใชแคเพียงมิตรภาพในชาตินี้ แต ยังหมายถึงมิตรภาพในอีกหลาย ๆ ภพชาติขางหนาอีกดวย ในจดหมายที่ฉันไดเอยถึง มาแลว รินโปเชไดพูดถึงความสัมพันธระหวางเขากับอาคองไวดวยดังนี้ “ผมคิดวามีเรื่องมากมายที่คุณควรรูเกี่ยวกับสถานการณที่เกิดขึ้นในซัมเยลิง… เรื่องยุงยากที่เกิดขึ้นสวนใหญมาจากความขัดแยงระหวางผมกับอาคอง แตผมไมได โตตอบรุนแรงเพราะผมรูสึกวาอาคองสับสนกับตัวเอง เมื่อผมบอกใหเขาคนหาแนวทางที่ เปนตัวของตัวเอง แตหัวใจของปญหามาจากการที่เขาขาดความกลาหาญ และไมศรัทธา ตอสิ่งที่ผมพยายามเนนย้ำกับคุณวามันอันตราย… ประเด็นคืออาคองตองการควบคุมและใชผมเปนเครื่องมือบางประการ เขารูสึก วาการที่ผมชักจะเปนชาวตะวันตกมากขึ้นนั้น เปนการนำความอัปยศเสื่อมเสียมาสูความ เปนทิเบตของเรา แตสำหรับผม จีวรเปนสิ่งที่สูงคาและไปพนภาพลักษณหรือตัวแทน วัฒนธรรมตะวันออกที่ตองนำเสนอสูชาวตะวันตก ผมไมไดเปนแคเพียงคนทิเบตเทานั้น หากแตผมเปนมนุษยในฐานะมนุษยชาติคนหนึ่ง ภารกิจของผมคือการสอนผูคนอยางเต็ม ประสิทธิภาพเทาที่ผมสามารถทำได ดังนั้น ผมจึงปฏิเสธที่จะผูกมัดตัวเองเขากับความ เปนชนชาติใด ๆ ก็ตาม และแมแตกับอาคองเอง ถาหากวาเขาตองการทำภารกิจใหถึง เปาหมายอยางมีประสิทธิภาพ เขาก็ตองกลาที่จะทะลุเลยความเปนทิเบต กลาที่จะเปด เผยตัวเองออกการซอนตัวอยูใตเปลือกของชาติพันธุ…” j อาคองและชารับ พาลเด็น มางานของเราแคเพียงครูเดียว ฉันคิดวาอาคองคงจะ หวังใหตรุงปะ รินโปเช เปลี่ยนใจยกเลิกการแตงงานในนาทีสุดทายกระมัง แตสิ่งที่อาคอง 17
หวังก็ไมเกิดขึ้น ในที่สุดพวกเราก็เขาไปในอาคารแบบสกอตเกา ๆ อาคารหนึ่งเพื่อจด ทะเบียน คูของเราคอนขางจะเปนจุดสนใจสำหรับคนที่ผานมาเห็นเขา ชายหนุมชาว ทิเบตอายุ ๓๐ รางเตี้ย เดินขากระเพกเหมือนคนพิการที่ตองมีเครื่องรัดพยุงเขา และยัง ตองใชไมเทาชวยเดินตลอดเวลา สวนฉัน ไดอานา พีบัส สาวอังกฤษอายุ ๑๖ ผูมีรางสูง พรอมกับผมสีบลอนดยาว นายทะเบียนบอกรินโปเชวา “วางมือของคุณบนไบเบิลเลมนี้และสาบานตอหนา พระเจา” รินโปเชตอบวา “ขอโทษครับ ผมทำไมได ผมเปนชาวพุทธ” นายทะเบียนก็ไม วาอะไร เขาหันมาพูดประโยคเดียวกันนี้กับฉัน ฉันตอบกลับไปวา “ขอโทษเชนกันคะ ดิฉันก็ทำไมได ดิฉันเปนพุทธศาสนิกชนคะ” คำตอบของฉันทำใหเขาตกใจ ดูฉันสิ เด็ก ผูหญิงจากครอบครัวชนชั้นสูงของอังกฤษ หนีออกจากบาน ทิ้งครอบครัว และยังทิ้ง ความเปนคริสตเตียนอีกดวย ในนาทีนั้นฉันคิดในใจวา สงสัยนายทะเบียนคงจะไมยอม จดทะเบียนใหเราแน แตที่สุดเขาก็ยอม อาคองกับชารับกลับไปกอนวันพิธีแตงงาน เชาวันแตงงาน รินโปเชพาฉันไปซื้อ กระโปรงผาขนอูฐสีน้ำตาลออน ฉันจึงอดใสชุดฮิปปในวันแตงงาน ฉันคิดวาเขาคง ตองการปรับบุคคลิกภาพของฉันใหดูเรียบรอยขึ้น สวนเขาสวมสูทผาสักหลาดสีเทาเขม กอนเขาพิธีเราเขาไปถายรูปในซุมถายรูปดวนอัตโนมัติแบบที่ใชเหรียญหยอดลงไป แลว เราก็ไดรูปคูของเราออกมา ๔ ใบ j พี่สาวและแฟนของเธอ และเพื่อนอีกคูหนึ่งมาเปนสักขีพยานใหการแตงงานของ เราที่หองโถงเล็ก ๆ ซึ่งเราไดทำพิธีแตงงานอยางสงบและถูกตองตามกฏหมาย เราใหคำ ปฏิญาณตอกันโดยนั่งบนเกาอี้พับธรรมดา และกลาวตอกันอยางเปนไปตามธรรมเนียม ทั่วไป เราสัญญาตอกันวาจะซื่อสัตยตอกัน จะฟงกันและกัน และจะรักกันตลอดไป ฉัน ไดของขวัญแตงงาน ๒ ชิ้น คือเสื้อผาฝายตัวหนึ่ง และดอกแดฟโฟดิลชอหนึ่ง ตอมา ภายหลัง รินโปเชเคยบอกกับฉันวา เราควรจะจัดงานแตงงานอีกครั้งใหสมบูรณกวานี้ แตเราก็ไมเคยไดจัด j เมื่อเราออกมาจากอาคารประกอบพิธี ปรากฏวามีนักขาวกลุมหนึ่งยืนรออยู เนื่อง จากกฏหมายใหมที่อนุญาตใหเด็กสาวอายุ ๑๖ แตงงานไดเพิ่งประกาศใช พวกเขาจึงมา รอทำขาววาจะมีเด็กสาวคนไหนมาทำพิธีแตงงานบาง ดังนั้นเมื่อเราเดินควงคูกันออกมา จากอาคาร พวกเขาจึงรุมถายรูปเราและพยายามขอสัมภาษณ หลังจากที่เราหนีรอด กลุมนักขาวออกมาได เราไปรับประทานอาหารกับเพื่อนอออแลวกลับโรงแรมเพื่อพัก ผอน j แตเพียงชั่วครูเดียว ประตูหองพักของโรงแรมก็ถูกกระแทกเปดเขามา นักขาว หลายคนกรูกันเขามาในหองนอนของเรา พวกเขาพูดกับฉันวา “พวกเราตองการขอมูล เกี่ยวกับการแตงงานระหวางเธอกับโกโบของเธอ ชวยเลารายละเอียดใหพวกเราฟง หนอย” พวกเขาพยายามจะพูดคำวา “กูรู” แตพวกเขาไมรูจักความหมายจึงเรียกเพี้ยน 18
ไปเปน “โกโบ” เราทั้งคูรูสึกตกใจมาก รินโปเชโกรธมาก ฉันไมคอยไดเห็นเขาโกรธบอย นักแตครั้งนี้เขาโกรธจริง ๆ เขาตะโกนใสพวกนักขาว “ออกไปจากหองของเราเดี๋ยวนี้ กอนที่ผมจะทำลายกลองของพวกคุณ” พวกเขาจึงไดออกไป j บายวันเดียวกันนั้นยังมีละครอีกฉากเกิดขึ้น พวกหนังสือพิมพพากันไปที่บาน ของแมฉันที่ลอนดอน พวกเขาอยากสัมภาษณแมเรื่องลูกสาวที่เพิ่งแตงงานกับโกโบ ทิเบต แมของฉันอุทานดวยความตกใจ “โอพระเจา ฉันไมอยากจะเชื่อเลยวาเทซซาจะ แตงงาน” พวกนักขาวบอกแมวา “ไมใชเทซซา แตเปนไดอานา” แมถึงกับเปนลมไป ทันที j ค่ำนั้นรินโปเชกับฉันไดรับโทรศัพทจากเพื่อนของแมคนหนึ่งบอกเราวา แมของฉัน จะรองเรียนใหการแตงงานของเราเปนโมฆะ เพราะฉันยังไมบรรลุนิติภาวะ รินโปเช ปลอบฉันวาอยากังวลไปเลย เพราะแมไมสามารถทำอะไรได เราแตงงานกันถูกตองตา มกฏหมาย และเรามีทะเบียนสมรสเปนหลักฐาน แตฉันก็ยังคงรูสึกหวาดหวั่นไมหาย j รุงเชาฉันเปดดูหนังสือพิมพ เห็นรูปการแตงงานของเราถูกตีพิมพขึ้นหนาหนึ่งใน หนังสือพิมพเดอะพีเพิล และเดอะเอ็กเพรส และปกหลังของเดอะซันเดยมิเรอร ลงรูปริน โปเชกับฉัน พรอมกับพาดหัววา “สาวนอยไดอานาอายุ ๑๖ ป หนีออกจากบานไปแตงงาน กับพระทิเบต” ฉันเชื่อวาขาวและรูปของฉันในหนาหนังสือพิมพจะทำใหแมฉันเจ็บปวด เหมือนราดน้ำเกลือลงไปบนแผลสด j แตสำหรับฉัน เหตุการณที่โหดรายตอจิตใจของฉันเกิดขึ้นหลังจากที่พวกนักขาว และเสียงโทรศัพทเริ่มซาลงแลว เชาวันรุงขึ้น ขณะที่เรานอนกันอยูบนเตียง รินโปเช บอกวาเขาควรจะประกาศเรื่องการแตงงานของเราใหเพื่อนบางคนไดทราบ เขาโทรถึง เพื่อนคนแรกที่เวลส ฉันจำไดแมนวาบทสนทนาเริ่มตนที่ “สวัสดีแมรี่ ผมตื่นเตนกับ เหตุการณที่เพิ่งเกิดกับผมมากเลย ผมแตงงานแลวครับ” และเขาตอบตอไปวา “ใช ใช เธออายุ ๑๖ ป” ฉันไมไดยินวาทางโนนถามอะไรกลับมา แตรินโปเชทำหนาสงสัยเล็ก นอยและชงักไป แลวเขาก็พูดขึ้นวา “ถือหูสักครูนะครับ” เขาเอามือปองโทรศัพทไวแลว หันมาทางฉัน และถามวา “เออ ขอโทษนะที่รัก เธอชื่ออะไรนะ” j เขาลืมชื่อฉันไปแลวจริง ๆ แมวารินโปเชจะใชชีวิตอยางไมใสใจตอสิ่งอางอิงที่คน ทั่วไปยึดถือ เชน ปายสัญลักษณ หรือหลักเขตตาง ๆ แตการที่เขาจำชื่อฉันไมไดนี่สิ จะมีใครจินตนาการไดไหมนะวาฉันจะรูสึกอยางไร ฉันรูดีวาที่เขาจำชื่อฉันไมได ไมใช เพราะเขาไมใสใจในตัวฉัน หรือเขาไมรูวาฉันเปนใคร อันที่จริง เขารูจักฉันลึกซึ้ง มากกวาใครทั้งหมดในโลกนี้ แตเชาวันถัดจากวันแตงงานของเรา เขาก็ลืมชื่อฉันไป เสียแลว ไมมีไดอานา ไมมีพีบัส ไมมีชื่ออะไรในความจำของเขาเลย ฉันบอกชื่อฉัน เขาหันกลับไปคุยโทรศัพทตอเหมือนไมมีอะไรเกิดขึ้น ฉันรูสึก งุนงงและตั้งตัวไมติด แตก็ไมไดฟูมฟายอะไร ฉันนอนลงบนเตียงและคิดวา นับแตนี้ตอ ไป ฉันจะไมมีวันรูเลยวาอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิต อนาคตของฉันเปนเรื่องเหนือการคาด 19
เดาโดยสิ้นเชิง แตที่ฉันรูแน ๆ ตอนนี้ก็คือ ชีวิตฉันคงจะไดเผชิญกับเรื่องราวนาอัศจรรย ใจและไมธรรมดาอีกมากแนนอน มันทำใหฉันทั้งตื่นเตนและกลัวระคนกัน เมื่อคิดถึงใช ชีวิตรวมกับชายคนนี้ j j ทั้งหมดที่เลามาเปนเพียงเรื่องราวแหงการเริ่มตน ฉันไมไดตำหนิหรือมองวาสิ่ง ตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันเปนความผิดของพอแม ฉันตางหากเปนผูเลือกทางเดินนี้ เอง เลือกที่จะแตงงาน และเลือกวิถีชีวิตแบบนี้ อยางที่ฉันบอกไปแลววา กอนหนาที่ ฉันจะพบกับรินโปเช ฉันเขากับใครไมได ฉันรูสึกเสมอวาตัวเองแปลกแยกจากเพื่อน ๆ ชาวอังกฤษดวยกัน การไดพบและไดเขาไปอยูในโลกของรินโปเช ทำใหฉันรูสึกถึง ความเปนชีวิตที่มีชีวิตจริง ๆ การเขาไปโลกของเขานี้ ไมมีเหตุผลหรือคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น ไมมีแมความคิดวา ที่ทำไปนั้นผิดหรือถูก ไมมีการตัดสินใด ๆ เกิดขึ้นในความ คิดของฉันเลย มีเพียงเขา มีเพียงเรา มีเพียงการแตงงาน j ตอมาเมื่อฉันเริ่มเขาเรียนหลักสูตรศิลปะการฝกมาชั้นสูง ฉันถึงไดเรียนรูวา ฉัน ตองยอมรับขนบธรรมเนียมและวิธีคิดแบบที่คนทั่วไปเขาเปนกันบาง อยางนอยเพื่อใหฉัน สามารถประสบความสำเร็จในอาชีพนักขี่มาที่ฉันรัก ฉันพยายามเชื่อมโลกสองใบนี้เขา ดวยกัน ชีวิตแตงงานกับอาชีพของฉัน ซึ่งอยูกันคนละขั้ว ฉันตองยอมรับสังคมทาง อาชีพ ในขณะที่โลกของรินโปเชก็ตองไมเปนปญหาดวย ฉันตองทำใหดานทั้งสองของ ชีวิตสมดุลกันใหได j ตลอดเวลา ๑๗ ป ตั้งแตเดือนมีนาคม ค.ศ.๑๙๗๐ ปที่เรามาถึงอเมริกาเหนือใหม ๆ จนถึงเดือนเมษายน ค.ศ.๑๙๘๗ ซึ่งเปนปที่รินโปเชเสียชีวิตที่ฮาลิแฟกซ รัฐโนวาสโค เทีย เขาไดเดินทางไปทั่วอเมริกาเหนือ เผยแผธรรมะและสอนการภาวนาใหกับคนนับ แสน ๆ คน มีการทำเทปคำบรรยายของเขาออกมาหาพันกวาชุด เขาไดกอตั้งศูนย ภาวนารอยกวาแหงทั่วโลก และเขียนหนังสือไวมากมาย คำสอนและบทกวีของเขา ยัง คงไดรับการพิมพซ้ำตลอด ๓๐ ปจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นจึงเห็นไดชัดวา ชวงเวลาวิกฤตที่ เกิดขึ้นในอังกฤษ เปนชวงเวลาเริ่มตนของสิ่งที่ยิ่งใหญกวา ซึ่งไดหยั่งรากลึกเมื่อเรา ยายไปอเมริกา j ขณะที่พูดถึงเขาและยอนรำลึกถึงเรื่องราวเกา ๆ อยูนี้ ฉันรูสึกเศราดวยความ คิดถึงเขามาก แตฉันก็มีความสุขอยูลึก ๆ ที่ไดพูดถึงเขา ไดคิดถึงเขา เพราะชีวิตของ เขาคือของขวัญที่ยิ่งใหญ ทั้งในทางสวนตัวกับฉัน และกับผูคนอีกมากมายในโลกตะวัน ตกนี้ สิ่งที่เขาทำ สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาทิ้งไวเบื้องหลัง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจาก ผลงานของเขา ทั้งหมดคือของขวัญล้ำคาที่เขาทิ้งไวให ซึ่งเราตองเริ่มแกะกระดาษหอ ออก.
20
“การแตงงานนี้” จดหมายรักของ เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช การแตงงานนี้ เปนการแตงงานระหวางพระอาทิตยกับพระจันทร เปนการแตงงานของมหาสมุทรกับทองฟา ฉันจะพูดอยางไรดี วานี่คือการสำแดงพลังของจักรวาล วันนี้พายุโหมกระหน่ำ ใบไมปลิดปลิวไปตามกระแสลม นี่คือการพบกันของพายุและพฤกษา ความรูสึกหรือ มันคืออะไรกันนะ แรงปรารถนาที่มีตอเธอ มันมากกวาความพึงใจภายนอก คงเปนความทรงจำที่จำหลักแนนไวบนแผนหิน สาระบางอยางซอนอยูในนั้น สาสนรักของเธอชางไพเราะ เนื่องเพราะเธอเปนผูเขียน ทำใหฉันไดยินเพลงขลุยของกฤษณะ บรรเลงแววมาจากแดนไกล เราทั้งสองตองกลา คำพูดของฉันจะไมมีวันจางเปลี่ยน เพราะมันไดสลักลงแลวบนแผนศิลาใจ ภาพเธอปรากฏกายในหองพักของฉัน ยังคงอยูในใจเสมอ เหมือนคุรุปรากฏขึ้นในดวงจิต รายรำไปกับฉันเถิดคนดี ทามกลางเวิ้งเวหาที่ไมมีสอง รองเพลงรวมกับฉันนะ 21
ในความเงียบอันแจมกระจาง ความเศรายังคงอยูตรงนั้น ดังเชนบุรุษผูสวมมงกุฏหนามและถูกตรึงบนกางเขน แตนั่นไมใชความผิดของพอนเทียส ไพเลท เพราะการณทั้งหลายยอมอยูเหนืออำนาจของเขา ยังมีอะไรอีกมากรอใหเราคนหา เหมือนเด็กนอยเดินเก็บกอนกรวด ฉันมีความสุขเหลือเกิน เพราะเธอคือตนธารแหงปตินั้น เพราะเธอสองรัศมีสวางใส ประตูนี้เปดคอยเธออยู เพียงเธอกาวเทาเขามา เธอก็จะพบความสัตยซื่อที่จริงใจ ศรัทธานั้นสำคัญยิ่ง อะไรอื่นก็ชางมัน เพราะศรัทธาคือชองทางสูทุกสิ่ง มาสิที่รักของฉัน เริ่มตนดวยกัน เผชิญการคนพบที่ยิ่งใหญ เธอจะไมมีวันเปลาเปลี่ยว ถาเราจูงมือไปดวยกัน ………………………………
22