สังฆธรรมนูญเรื่อง “การเผยความจริงของพระเจ้า” พูดถึงความสำ�คัญของ พระคัมภีร์ในชีวิตพระศาสนจักรไว้อย่างน่าประทับใจว่า “ในพระวาจาของพระเจ้ามี พละกำ�ลังและประสิทธิภาพมากมาย จนว่าพระวาจานั้นคํ้าจุนและเป็นพลังของ พระศาสนจักรและเป็นพละกำ�ลังแห่งความเชือ่ เป็นอาหารเลีย้ งวิญญาณและเป็นธาร บริสทุ ธิไ์ ม่มวี นั เหือดแห้งของชีวติ ฝ่ายวิญญาณสำ�หรับบรรดาบุตรแห่งพระศาสนจักร” (DV 21) แม้วา่ พระวาจาของพระเจ้ามีพลังอำ�นาจในตนเอง แต่บางครัง้ ความยากของ ตัวบทเป็นอุปสรรคสำ�หรับหลายคนที่จะเข้าถึงความหมายแท้จริงและนำ�มาประยุกต์ ใช้ในชีวิตประจำ�วัน ไบเบิล ไดอารีเ่ ป็นช่องทางหนึง่ ทีช่ ว่ ยเราให้เข้าถึงความหมายของพระวาจาที่ พระเจ้าทรงต้องการบอกในแต่ละวันตลอดปีได้งา่ ยขึน้ ข้อคิดต่างๆ ทีบ่ รรดาผูอ้ ภิบาล ดึงออกมาจากการรำ�พึงไตร่ตรองในบริบทชีวิตที่หลายหลากให้ทั้งแรงบันดาลใจและ แนวทางในการเป็น “ศิษย์พระคริสต์ เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่” ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ เรากำ�ลังมุ่งไปถึง ขอขอบคุณคณะกรรมการจัดทำ�ไบเบิล ไดอารี่ทุกท่านที่ได้เสียสละเวลาอัน มี ค่ า ในการจั ด หาอาหารเลี้ยงวิญญาณนี้แ ก่บ รรดาคริสตชนไทย ในปีพิธีกรรมที่ พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้กา้ วเดินไปพร้อมกับนักบุญลูกา ให้เราเปิดใจเรียนรูค้ วาม หมายและความสำ�คัญของพระเยซูเจ้าในประวัตศิ าสตร์แห่งความรอดพ้น และเปิดตัว รับผลแห่งการไถ่กทู้ มี่ าพร้อมกับพระเมตตาอันหาที่สนิ้ สุดมิได้ของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ผ่านทางพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ “พระวาจาของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลัง อยู่เสมอ” (ฮบ 4:12) ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน (พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย) ประธานคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกพระคัมภีร์
1-6.indd 1
21/12/2561 14:48:29
เรากำ�ลังอยูใ่ นบรรยากาศอันอบอวลของการเตรียมฉลอง 350 ปีการสถาปนา มิสซังสยาม เรากำ�ลังก้าวเดินไปด้วยกัน ด้วยความสำ�นึกในพระเมตตาของพระเจ้า ที่ โปรดให้มีมิชชันนารีผู้มีใจร้อนรน มุ่งมั่นในการนำ�ข่าวดีของพระคริสตเจ้ามาประกาศ แก่ชนชาวสยาม ร่วมกันก่อร่างสร้างพระศาสนจักรไทย และมิสซังสยาม ให้เป็นปึก แผ่นมัน่ คงมาจนทุกวันนี้ ซึง่ เรากำ�ลังจะทำ�การฉลองครบรอบ 350 ปี ในวันที่ 4 มิถนุ ายน 2019 เราคริสตชนต่างรู้สึกซาบซึ้งในความรักและพระเมตตาของพระเจ้า และความ เสียสละ การอุทิศตนของบรรดามิชชันนารีเป็นอย่างมาก และคงอยากจะเฉลิมฉลอง วันครบรอบ 350 ปี อย่างมีความหมายและอย่างดีที่สุด คณะผู้จัดทำ�ไบเบิล ไดอารี่ จึงขอมีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศของการ เตรียมฉลองให้กับพี่น้อง ด้วยการจัดสรรพื้นที่เพื่อลงเรื่องราว บทภาวนา หรือผลงาน ของมิชชันนารี ประชาสัมพันธ์ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบ ภาพหน้าปก เป็นภาพวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา (หลังที่ 4) และภาพ พระสังฆราช 3 องค์ ผูม้ บี ทบาทสำ�คัญทีส่ ดุ ในการก่อร่างสร้างพระศาสนจักรไทย และ มิสซังสยาม คณะกรรมการผู้จัดทำ�ไบเบิล ไดอารี่ ขอร่วมใจกับพี่น้องคริสตชนโมทนาคุณ พระเป็นเจ้า ที่ทรงโปรดให้เราก้าวเข้าสู่ 350 ปี การสถาปนามิสซังสยาม ขอบคุณ พระองค์ทโี่ ปรดให้มมี ชิ ชันนารีมาประกาศข่าวดีแห่งความรอดของพระคริสตเจ้าแก่เรา โดยตลอดไม่ขาดสาย ขอบคุณบรรดามิชชันนารีจากแดนไกลผู้ฝังร่างของท่านไว้ ณ ดินแดนสยามแห่งนี้ พร้อมกับได้หว่านเมล็ดพันธุแ์ ห่งความเชือ่ ซึง่ บัดนีไ้ ด้เติบโต งดงาม และเกิดผล ขอให้ลูกทุกคนมีใจร้อนรนดุจเดียวกับท่าน ที่จะรัก จะประกาศข่าวดีด้วย ชีวิตที่เป็นประจักษ์พยาน ส่วนเนือ้ หาของไบเบิล ไดอารี่ ก็คงอยูค่ รบถ้วน ให้ขอ้ คิดทีม่ คี วามหมาย เหมาะ แก่การนำ�ไปดำ�เนินชีวิต เพื่อช่วยให้ท่านผู้อ่านก้าวหน้าในความรัก และความศักดิ์สิทธิ์ มากยิ่งขึ้น คณะผู้จัดทำ�ไบเบิล ไดอารี่ ขอกราบขอบพระคุณพระสังฆราช และพระสงฆ์ ที่ช่วยเขียนข้อคิด ขอบคุณคณะพระหฤทัยที่เอื้อเฟื้อสถานที่ ตลอดจนทุกท่าน ที่ได้ เสียสละ ร่วมแรงร่วมใจ ส่งเสริม สนับสนุนการจัดพิมพ์ และการเผยแพร่ ฯลฯ ขอพระเจ้าทรงอำ�นวยพระพร ตอบแทนนํ้าใจอันดีของทุกท่าน คณะผู้จัดทำ�
1-6.indd 2
21/12/2561 14:48:30
การอ่านพระวาจาร่วมกัน 7 ขัน้ ตอน ช่วยให้คริสตชนมีประสบการณ์กบั การประทับ อยู่ของพระเจ้าและสัมผัสอย่างลึกซึ้งกับพระเยซูผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ทั้งส่วนตัวและ ระดับกลุ่ม การแบ่งปันพระวาจา ช่วยสร้างความสัมพันธ์ต่อกันและกันในกลุ่ม ก่อให้เกิด ความไว้วางใจกัน ช่วยให้มีบรรยากาศทางด้านชีวิตจิตที่จะร่วมกันวางแผนงานรับใช้พระเจ้า และมนุษย์ 1. เชิญพระมาประทับท่ามกลางเรา • ขอเชิญคนหนึ่งหรือสองคนเชิญพระเยซูให้มาประทับกับเรา 2. อ่านข้อความจากพระคัมภีร์ ให้เราเปิด (พระคัมภีร์).........บทที่.......ข้อที่........ถึง.........(บอกซํ้าอีกครั้ง) • เชิญทุกคนอ่านพระวาจาพระเจ้าด้วยจิตตารมณ์ภาวนา • เชิญอีกคนหนึ่งอ่านข้อความเดิมซํ้าอีกครั้ง (หากเป็นไปได้จากหนังสือที่มี สำ�นวนต่างกัน) 3. กล่าวพระวาจาด้วยจิตตารมณ์ภาวนา • เชิญแต่ละคนกล่าวคำ� หรือ วลี ข้อความสั้นๆ ที่โดนใจ ประทับใจ หรือสะกิด ใจด้วยเสียงดังฟังชัด อย่างสำ�รวม 3 ครั้ง • เชิญอ่านข้อความเดิมอีกครั้งหนึ่ง 4. ปล่อยให้พระตรัสกับเราในความเงียบ ให้เราเงียบสัก 3 นาที อยูก่ บั พระวาจา ที่กล่าวไปแล้ว (เพื่อสัมผัสสิ่งที่พระตรัสผ่านทางพระวาจา) 5. เล่าสิ่งที่ผุดขึ้นในความเงียบในใจ • เชิญท่านเล่าสิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจขณะอยู่กับพระวาจา (ใช้แทนตัวเองว่า ฉัน/ ดิฉัน /ผม) 6. ปฏิบัติตามพระวาจา • เชิญรายงานสิ่งที่แต่ละคนทำ�มาแล้ว • เชิญร่วมวางแผนงานที่เราจะทำ�ต่อไป ใคร ทำ�อะไร เมื่อไหร่ 7. ภาวนาจากใจของแต่ละคน • เชิญเราภาวนาจากใจ • จบการภาวนาพร้อมกันด้วยเพลงหรือบทภาวนาที่ทุกคนสวดได้ ขอพระเจ้าทรงอำ�นวยพระพรทุกท่าน
1-6.indd 3
21/12/2561 14:48:30
เจตนาอธิษฐานของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ปี ค.ศ. 2019 มา จากสิ่งที่อยู่ในใจของพระองค์ ที่ได้ฟังประชาชน และข่าวต่างๆ ตลอดจนการไป เยี่ยมเยียนอภิบาลสถานที่ต่างๆ เป็นสิ่งที่สัมผัสข้อเท็จจริงและสถานการณ์ที่เรา ด�ำเนินชีวติ ในปัจจุบนั เป็นสถานการณ์เร่งด่วนทีเ่ กิดขึน้ ในโลก บ้านร่วมกันของเรา เป็นพันธกิจของพระศาสนจักรด้วย เพราะเหตุว่ามาจากความสนใจของสมเด็จ พระสันตะปาปา เป็นเรื่องส�ำคัญอันดับแรก ที่พระองค์ขอพระเจ้าและพระ ศาสนจักรช่วยเหลือ เราจึงเชิญท่านร่วมอธิษฐาน ดังต่อไปนี้ มกราคม : เยาวชน เพื่อบรรดาเยาวชน เป็นพิเศษในทวีปลาตินอเมริกา ติดตามแบบฉบับ ของพระนางมารีย์ และตอบสนองกระแสเรียกของพระเจ้า เพื่อสื่อสาร ความ ปีติยินดีแห่งพระวรสารแก่โลก กุมภาพันธ์ : เหยื่อการค้ามนุษย์ เพื่อให้ทุกคนมีใจกว้าง ช่วยต้อนรับบรรดาเหยื่อของการค้ามนุษย์ ผู้ถูก บังคับให้ค้าประเวณี และเหยื่อของความรุนแรง มีนาคม : การรับรู้สิทธิของชุมชนคริสตชน เพือ่ ชุมชนคริสตชน เป็นพิเศษบรรดาผูถ้ กู เบียดเบียน รูส้ กึ ว่าพวกเขาอยู่ ใกล้พระคริสตเจ้า และมีสิทธิได้รับความเคารพนับถือ เมษายน : บรรดาแพทย์และผู้ร่วมงาน เพื่อบรรดาแพทย์ และผู้ร่วมงานใจบุญในโซนพื้นที่สงคราม ผู้เสี่ยงชีวิต เพื่อช่วยชีวิตของผู้อื่น
1-6.indd 4
21/12/2561 14:48:30
พฤษภาคม : พระศาสนจักรในอาฟริกา เพื่อพระศาสนจักรในอาฟริกา โดยอาศัยการอุทิศตนของสมาชิก เป็น เมล็ดพันธุ์แห่งเอกภาพ ท่ามกลางบรรดาประชาชน และเป็นเครื่องหมายแห่ง ความหวังส�ำหรับทวีปนี้ มิถุนายน : ชีวิตของพระสงฆ์ เพือ่ บรรดาพระสงฆ์ โดยอาศัยความสุภาพถ่อมตนในชีวติ อุทศิ ตนอย่าง กระตือรือร้น เพื่อความเป็นน�้ำหนึ่งใจเดียวกันกับบรรดาผู้ที่ยากไร้มากที่สุด กรกฎาคม : ความยุติธรรมในสังคม เพื่อบรรดาผู้อ�ำนวยการด้านความยุติธรรม ท�ำงานด้วยความซื่อสัตย์ เพื่อขจัดความอยุติธรรมในสังคม สิงหาคม : ครอบครัว เพื่อบรรดาครอบครัว โดยอาศัยชีวิตแห่งการภาวนา และความรัก ให้ ครอบครัวกลายเป็น “โรงเรียนแห่งความเติบโตแบบมนุษย์แท้” อย่างชัดเจนยิ่ง วันยิ่งมากขึ้น กันยายน : การปกป้องรักษามหาสมุทร เพื่อบรรดานักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ และนักเศรษฐศาสตร์ท�ำงาน ร่วมกัน เพื่อปกป้องคุ้มครองทะเล และมหาสมุทรของโลก ตุลาคม : ความก้าวหน้าด้านธรรมทูต เพื่อพระจิตเจ้าช่วยให้เกิด “ความก้าวหน้า” ด้านธรรมทูตใหม่ ในเขตวัด ของเราและในพระศาสนจักร พฤศจิกายน : การเสวนา และการคืนดีในตะวันออกใกล้ เพื่อการเสวนา การพบปะ และการคืนดีกัน เกิดในตะวันออกใกล้ ซึ่งมี ชุมชนต่างความเชื่อ ให้สามารถด�ำเนินชีวิตร่วมกันได้อย่างมีสันติสุข ธันวาคม : อนาคตของเยาวชน เพือ่ ทุกประเทศตกลงเอาตัวบ่งชีท้ จี่ �ำเป็น เพือ่ ท�ำให้อนาคตของเยาวชน ทุกคน เป็นพิเศษบรรดาผู้ทนทุกข์ก่อนใคร
1-6.indd 5
21/12/2561 14:48:31
ภาคพันธสัญญาเดิม
ภาคพันธสัญญาใหม่
1. ปฐมกาล............................ปฐก 26. เพลงซาโลมอน........พซม
1. มัทธิว.................................มธ
2. อพยพ.................................อพย. 27. ปรีชาญาณ.............ปชญ
2. มาระโก..............................มก
3. เลวีนิติ................................ลนต. 28. บุตรสิรา...................บสร
3. ลูกา.....................................ลก
4. กันดารวิถี..........................กดว. 29. อิสยาห์.....................อสย
4. ยอห์น................................ยน
5. เฉลยธรรมบัญญัติ.........ฉธบ. 30. เยเรมีย์......................ยรม
5. กิจการอัครสาวก...........กจ
6. โยชูวา..................................ยชว. 31. เพลงครํ่าครวญ.... พคค
6. โรม......................................รม
7. ผู้วินิจฉัย.............................วนฉ. 32. บารุค........................บรค
7-8 โครินธ์....................1-2 คร
8. นางรูธ.................................นรธ. 33. เอเสเคียล................อสค
9. กาลาเทีย..........................กท
9-10 ซามูเอล.................1-2 ..ซมอ 34. ดาเนียล....................ดนล
10. เอเฟซัส.............................อฟ
11-12 พงศ์กษัตริย์.......1-2 .พกษ 35. โฮเชยา......................ฮชย
11. ฟีลิปปี............................... ฟป
13-14 พงศาวดาร.........1-2 .พศด 36. โยเอล........................ยอล
12. โคโลสี................................คส
15. เอสรา..................................อสร 37. อาโมส.......................อมส
13-14 เธสะโลนิกา.....1-2 ธส
16. เนหะมีย์..............................นหม 38. โอบาดีย.์ ..................อบด
15-16 ทิโมธี...................1-2 ทธ
17. โทบิต....................................ทบต 39. โยนาห์.......................ยนา
17. ทิตัส...................................ทต
18. ยูดิธ.....................................ยดธ 40. มีคาห์........................ มคา
18. ฟีเลโมน............................ ฟม
19. เอสเธอร์............................อสธ 41. นาฮูม........................นฮม
19. ฮีบรู....................................ฮบ
20-21 มัคคาบี............... 1-2 มคบ 42. ฮาบากุก...................ฮบก
20. ยากอบ..............................ยก
22. โยบ........................................โยบ 43. เศฟันยาห์................ศฟย
21-22 เปโตร.................1-2 ปต
23. เพลงสดุด.ี ........................ สดด 44. ฮักกัย.........................ฮกก
23-25 ยอห์น................1-2 ยน
24. สุภาษิต.............................. สภษ 45. เศคาริยาห์..............ศคย
26. ยูดา....................................ยด
25. ปัญญาจารย์....................ปญจ 46. มาลาคี.......................มลค
27. วิวรณ์.................................วว
1-6.indd 6
21/12/2561 14:48:31
บทอ่านที่ 1 กดว 6:22-27 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกอาโรนและบรรดาบุตรว่า “ท่านทั้งหลายจะต้องอวยพรชาวอิสราเอลดังนี้ ท่านจะต้องกล่าวว่า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่าน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำ�แดงพระพักตร์แจ่มใสต่อท่านและโปรดปรานท่าน สมโภช ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงผินพระพักตร์มายังท่านและประทานสันติแก่ท่านด้วย พระนางมารีย์ เทอญ” สมณะจะต้องเรียกขานนามของเราให้ลงมาเหนือชาวอิสราเอลเช่นนี้ แล้วเราจะ พระชนนีพระเป็นเจ้า สดด 67:1-2,3-7 อวยพรเขาทั้งหลาย บทอ่านที่ 2 กท 4:4-7 พี่น้อง เมื่อถึงเวลาที่กำ�หนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิด จากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำ�ให้ เราได้เป็นบุตรบุญธรรม ข้อพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรก็คือ พระเจ้าทรงส่งพระจิต ของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงดังว่า “อับบา พระบิดา เจ้าข้า” ดังนัน้ ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรก็ยอ่ มเป็นทายาท ตามพระประสงค์ของพระเจ้า
วันขึ้นปีใหม่
พระวรสาร ลก 2:16-21 เมื่อบรรดาทูตสวรรค์จากเขากลับสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะจึงรีบไปและพบ พระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็น ก็ เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คน เลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง ส่วนพระนางมารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัยและยัง ทรงคำ�นึงถึงอยู่ คนเลี้ยงแกะกลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าในเรื่อง ต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้ เมื่อครบกำ�หนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้องทรงเข้าสุหนัต เขาถวาย พระนามพระองค์ว่าเยซู เป็นพระนามที่ทูตสวรรค์ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิ ในพระครรภ์ของพระมารดา แม่พระได้พาพระเยซูกมุ ารไปเพือ่ ทำ�ตามบัญญัตขิ องโมเสส การเข้าสุหนัต และได้รบั พระนามเยซู ตามทีท่ ตู สวรรค์ได้ให้ไว้ สำ�หรับพระแม่ ความศักดิส์ ทิ ธิข์ องพระแม่ คือ “การทำ�ตามพระวาจา หรือพระบัญชา” ของพระเจ้า พระแม่ได้รับเกียรติสูงสุดเป็นพระชนนีของพระเจ้า ประเด็นสำ�คัญที่สุดคือการน้อมรับพระวาจา แม่พระจึงกลายเป็นความศักดิ์สิทธิ์และเป็นพระพรสำ�หรับเราทุกคน วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ทุกปีเวลานี้คือเวลา แห่งพระพร พรของอาโรนที่พระเจ้าทรงบัญชาให้อวยพร เราจึงมั่นใจว่าการทำ�ตามพระบัญชา ตามพระวาจา คือ พระพรสูงสุดที่เราควรได้รับเช่นเดียวกับพระแม่ 01.indd 7
21/12/2561 14:48:17
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:22-28 ลู ก ที่ รั ก ทั้ ง หลาย ใครเป็ นคนพู ด คำ � เท็ จ ถ้ า ไม่ ใช่ ค นที่ พู ด ว่ า พระเยซู ไม่ ใช่ พระคริสตเจ้า ผู้นี้คือปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า เขาปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตร ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา คนที่ยอมรับพระบุตรย่อมมีพระบิดาด้วย ขอ ให้สิ่งที่ท่านทั้งหลายฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ถ้าสิ่งที่ท่านฟังมาตั้งแต่แรก ระลึกถึง น.บาซิล เริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ท่านก็ดำ�รงอยู่ในพระบุตร และในพระบิดา พระสัญญาที่พระองค์ และ น.เกรโกรี ประทานไว้ก็คือชีวิตนิรันดร ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายแล้ว เกี่ยว แห่งเมืองนาซีอันเซน กับบุคคลที่พยายามชักนำ�ให้หลงผิด แต่สำ�หรับท่าน การได้รับเจิมจากพระองค์ยังคง อยูใ่ นท่าน และไม่จ�ำ เป็นต้องให้ใครมาสอนท่านอีก เพราะการเจิมของพระองค์นนั้ สอน พระสังฆราช และนักปราชญ์ ทุกสิ่งให้ท่าน และเพราะการเจิมนั้นเป็นจริงและไม่หลอกลวง จงดำ�รงอยู่ในพระองค์ ตามคำ�สั่งสอนที่ท่านได้รับมา ลูกที่รักทั้งหลาย บัดนี้จงดำ�รงอยู่ในพระองค์ เพื่อเมื่อ สดด 98:1-2,3-4 พระองค์ทรงปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจ ไม่ต้องหลบเลี่ยงไปจากพระองค์ด้วยความ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 อับอายในวันที่พระองค์เสด็จมา พระวรสาร ยน 1:19-28 ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและชาวเลวี ไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใคร” เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ พระคริสต์” ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นประกาศกหรือ” เขาตอบอีกว่า “ไม่ใช่” เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำ�คำ�ตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึง ตนเองอย่างไร” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดาร ว่า จงทำ�ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้ ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำ�ไมท่านจึงทำ�พิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก” ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้นํ้าทำ�พิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่าน ไม่รู้จัก ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่นํ้าจอร์แดนซึ่งยอห์นกำ�ลังทำ� พิธีล้างอยู่ การดำ�รงอยู่ในพระเจ้า เป็นสำ�นวนเฉพาะของยอห์น ในบทจดหมายและในพระวรสาร “ดำ�รง” ภาษากรีกใช้คำ�ว่า “เมโนน” การดำ�รงอยู่นี้ปกติใช้ในรูปปัจจุบันกาล เป็นการดำ�รงอยู่อย่างต่อเนื่องไป ผล กระทบจากการดำ�รงอยูใ่ นพระเจ้า คือการเป็นหนีง่ เดียวกับพระเจ้าเสมอไป ยอห์นเรียกศิษย์ของท่าน “ลูกเอ๋ย” และเน้นว่า “จงดำ�รงอยูใ่ นพระเจ้าเถิด ท่านนักบุญยอห์นเน้นการทีจ่ ะต้องดำ�รงอยูใ่ น... คือ ชีวติ สนิทในพระเจ้า เสมอ และทำ�ให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ตลอดไป 01.indd 8
21/12/2561 14:48:17
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:29-3:6 ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าท่านรู้ว่า พระองค์ทรงเที่ยงธรรม ท่านก็ต้องยอมรับว่าทุกคน ที่ประพฤติชอบ ย่อมบังเกิดจากพระองค์ จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำ�ให้เราได้ ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จัก พระองค์ ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรใน อนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัดแจ้ง เราตระหนักดีว่า เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็น เหมือนพระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำ�ระใจของตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่ พระองค์ทรงบริสทุ ธิ์ ทุกคนทีท่ �ำ บาป ย่อมฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ เพราะบาปเป็นการฝ่าฝืน ธรรมบัญญัติ ท่านทั้งหลายตระหนักดีแล้วว่า พระองค์ทรงปรากฏเพื่อทรงลบล้างบาป ให้สิ้นไป และไม่มีบาปใดในพระองค์ ทุกคนที่ดำ�รงอยู่ในพระองค์ย่อมไม่ทำ�บาป และ ทุกคนที่ทำ�บาป ย่อมไม่เคยเห็นและไม่รู้จักพระองค์
พระนามศักดิ์สิทธิ์ ของพระเยซูเจ้า
สดด 98:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร ยน 1:29-34 วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึงกล่าวว่า “นี่คือลูกแกะของ พระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า ‘บุรุษผู้หนึ่งมาภาย หลังข้าพเจ้า แต่นำ�หน้าข้าพเจ้า เพราะอยู่มาก่อนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ ข้าพเจ้าถูกส่งมาให้ทำ�พิธีล้าง เพื่อทำ�ให้พระองค์เป็นที่รู้จักแก่อิสราเอล’” ยอห์นยัง ยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และทรง อยูเ่ หนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รจู้ กั พระองค์ แต่ผทู้ ที่ รงส่งข้าพเจ้ามาใช้นาํ้ ทำ�พิธลี า้ ง ตรัส กับข้าพเจ้าว่า ‘ท่านเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยู่เหนือผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่ทำ�พิธี ล้างเดชะพระจิตเจ้า’ ข้าพเจ้าเห็นและเป็นพยานยืนยันว่าท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของ พระเจ้า” พระวรสารคือการที่เราได้รู้จักพระเยซู ในพระวรสารนักบุญยอห์นแต่แรก เริม่ เราได้รจู้ กั ว่าพระเยซูเป็นใครกัน ยอห์นนำ�เสนอพระองค์อย่างต่อเนือ่ ง วันนีต้ อนทีเ่ รา อ่าน เรารู้แน่ๆ ว่า “พระเยซูคือลูกแกะของพระเจ้าผู้ทรงลบล้างบาปของโลก” มีแต่ใน พระวรสารนักบุญยอห์นเท่านั้นที่เราได้รู้แจ้งเห็นจริงว่า “ลูกแกะพระเจ้า” คือ พระเยซู โดยทางพระองค์เราได้รับชีวิตนิรันดร และเป็นพระองค์ที่เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า พระวาจา ของพระเจ้ายิ่งวันยิ่งทำ�ให้เราได้รู้จักพระองค์ “การไม่รู้จักพระคัมภีร์คือการไม่รู้จัก พระคริสตเจ้า” (น.เยโรม) ดังนั้น อาศัยการอ่านพระวาจาจากท่านนักบุญยอห์น เรากำ�ลัง รู้จักพระคริสตเจ้าและเชื่อในพระองค์ 01.indd 9
21/12/2561 14:48:18
เทศกาล พระคริสตสมภพ สดด 98:1-2,7-8,9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 1 ยน 3:7-10 ลูกที่รักทั้งหลาย จงอย่าให้ใครชักนำ�ท่านให้หลงผิด ผู้ประพฤติชอบย่อมเป็นผู้ ชอบธรรมดังที่พระองค์ทรงเป็นผู้เที่ยงธรรม ผู้ที่ทำ�บาปย่อมมาจากปีศาจ เพราะปีศาจ นั้นทำ�บาปมาตั้งแต่แรกเริ่ม พระบุตรของพระเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์ เพื่อทรงทำ�ลาย งานของปีศาจ ทุกคนที่บังเกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำ�บาป เพราะเชื้อชีวิตของพระเจ้า ดำ�รงอยูใ่ นตัวเขา และเขาไม่อาจทำ�บาปได้ เพราะเขาบังเกิดจากพระเจ้า เราจำ�แนกบุตร ของพระเจ้าจากบุตรของปีศาจได้โดยวิธนี ี้ คือทุกคนทีไ่ ม่ประพฤติชอบ และไม่รกั พีน่ อ้ ง ของตน ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า พระวรสาร ยน 1:35-42 วันรุ่งขึ้น ยอห์นกำ�ลังยืนอยู่ที่นั่นกับศิษย์สองคน เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จผ่าน ไป จึงพูดว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า” เมื่อศิษย์ทั้งสองคนได้ยินยอห์นพูดดังนี้จึง ติดตามพระเยซูเจ้าไป พระเยซูเจ้าทรงหันพระพักตร์มาทอดพระเนตรเห็นเขากำ�ลัง ติดตามพระองค์ จึงตรัสถามว่า “ท่านทั้งหลายแสวงหาอะไร” เขาทูลตอบว่า “รับบี” แปลว่า พระอาจารย์ “พระองค์ทรงพำ�นักอยู่ที่ไหน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มาดูซิ” เขา จึงไปดู เห็นที่ประทับของพระองค์ และพักอยู่กับพระองค์ในวันนั้น ขณะนั้นเป็นเวลา ประมาณบ่ายสี่โมง อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร เป็นคนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินคำ�พูดของยอห์น และตามพระเยซู เจ้ า ไป อั นดรู ว์ พ บซี โมนพี่ ช ายเป็ นคนแรก จึ ง พู ด ว่ า “เราพบ พระเมสสิยาห์แล้ว” พระเมสสิยาห์หรือพระคริสตเจ้า แปลว่า ผู้รับเจิม เขาพาพี่ชาย ไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขา จึงตรัสว่า “ท่านคือซีโมนบุตรของ ยอห์น ท่านจะมีชื่อว่า ‘เคฟาส’ แปลว่า ‘เปโตร’ หรือ ‘ศิลา’” อ่านพระวรสารนักบุญยอห์นวันนี้ทำ�ให้เรารู้จักพระเยซูเพิ่มอีก เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ แน่นอนพระองค์คือ “ลูกแกะของพระเจ้า” และเรารู้จักพระองค์จากคำ�เรียกของ ศิษย์ทเี่ ดินตาม พระองค์คอื “รับบี” คือ “พระอาจารย์” และยิง่ ไปกว่านัน้ เรารูว้ า่ พระองค์ คือ “พระแมสสิยาห์ หรือพระคริสต์ ผู้รับเจิม” นี่คือจุดประสงค์ของพระคัมภีร์ ยิง่ อ่านเรา จะยิ่งรู้จักพระเยซูมากขึ้นเสมอ... นี่คือมิติสำ�คัญของการศึกษาพระคัมภีร์ ยิ่งเราอ่าน พระวาจาประจำ�วันตามทีพ่ ระศาสนจักรจัดไว้ในมิสซาประจำ�วันในไบเบิล ไดอารี่ เรากำ�ลัง รู้จักพระเยซูผู้ที่เรารัก
01.indd 10
21/12/2561 14:48:19
บทอ่านที่ 1 1 ยน 3:11-21 ลูกที่รักทั้งหลาย นี่คือคำ�สอนที่ท่านทั้งหลายได้ฟังมาตั้งแต่แรกเริ่ม คือเราจงรัก กัน อย่าเป็นเหมือนกาอิน ซึ่งมาจากมารร้าย และฆ่าน้องชายของตน เหตุใดเขาจึงฆ่า น้องชาย เพราะการกระทำ�ของเขาเลวร้าย แต่การกระทำ�ของน้องชายชอบธรรม พีน่ อ้ ง ทั้งหลาย อย่าแปลกใจเลยถ้าโลกเกลียดชังท่าน เรารู้ว่า เราผ่านพ้นความตายมาสู่ชีวิต แล้ว เพราะเรารักพี่น้อง ผู้ใดไม่มีความรัก ย่อมดำ�รงอยู่ในความตาย ทุกคนที่เกลียด ชังพี่น้องของตน ย่อมเป็นฆาตกร และท่านก็รู้ว่า ไม่มีฆาตกรคนใดมีชีวิตนิรันดรอยู่ใน ตน เรารูจ้ กั ความรักจากการทีพ่ ระองค์ทรงสละชีวติ ของพระองค์เพือ่ เรา เราจึงควรสละ ชีวติ ของเราเพือ่ พีน่ อ้ งเช่นเดียวกัน ถ้าผูใ้ ดมีทรัพย์สมบัตขิ องโลกนี้ และเห็นพีน่ อ้ งของ ตนขาดแคลน แต่ยังมีใจแคบต่อเขา ความรักของพระเจ้าจะดำ�รงอยู่ในผู้นั้นได้อย่างไร ลูกทีร่ กั ทัง้ หลาย เราอย่ารักกันแต่ปาก เพียงด้วยคำ�พูดเท่านัน้ แต่เราจงรักกันด้วย การกระทำ�และด้วยความจริง จากการกระทำ�นี้ เราจะรู้ว่าเราอยู่กับความจริง เราจะ มั่นใจเฉพาะพระพักตร์พระองค์ แม้ใจของเราอาจจะยังกล่าวโทษเราอยู่ก็ตาม เพราะ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าใจของเรา และทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าใจของเรา ไม่กล่าวโทษเรา เราย่อมมั่นใจได้เมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
เทศกาล พระคริสตสมภพ สดด 100:1-4,5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร ยน 1:43-51 วันรุง่ ขึน้ พระเยซูเจ้าทรงตัดสินพระทัยเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงพบฟีลปิ และตรัสกับเขาว่า “จงตาม เรามาเถิด” ฟีลิปมาจากเมืองเบธไซดาเช่นเดียวกับอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปพบนาธานาเอล และบอกเขาว่า “เราพบผู้ที่โมเสสในธรรมบัญญัติและบรรดาประกาศกเขียนถึง ผู้นั้นคือพระเยซูบุตรของโยเซฟ ชาว นาซาเร็ธ” นาธานาเอลจึงพูดกับฟีลิปว่า “จะมีอะไรดีมาจากนาซาเร็ธได้รึ” ฟีลิปตอบว่า “มาดูซิ” พระเยซู เจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียก ท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริยข์ องชนชาติอสิ ราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชือ่ เพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความ จริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่ง มนุษย์” พระวรสารตอนนี้เมื่อฟีลิปและนาธานาเอลถูกนำ�มาพบพระองค์ มีนามชื่อพระเยซูที่เราได้พบว่า เจตนาของนักบุญยอห์นเปิดเผยถึงพระองค์นนั้ น่ามหัศจรรย์ยงิ่ นัก พระองค์คอื ใครกระนัน้ หรือ คำ�ตอบจากพระ วาจาตอนนี้เป็นคริสตวิทยายอดเยี่ยม พระองค์คือใคร... คำ�ตอบ คือ “พระองค์คือผู้ที่พันธสัญญาเดิมทั้งหมด โมเสสและประกาศกกล่าวทำ�นายถึงไว้ คือทรงเป็นผลสรุปของพันธสัญญาเดิม” พระองค์คือ “พระเยซู บุตร โยเซฟชาวนาซาเร็ธ” และยิ่งกว่านั้น การที่พระองค์เห็นนาธานาเอลขณะอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศก่อนฟีลิปจะเรียก ทรงเห็นเช่นนั้น เพราะทรงเป็น “ประกาศก” และทรงเป็น “รับบี” เป็น “พระบุตรของพระเจ้า” เป็น “กษัตริย์ แห่งอิสราเอล” และทรงเป็น “บุตรแห่งมนุษย์” พระคัมภีร์ตอนนี้เรารู้จักพระเยซูมากมายเหลือเกินมิใช่หรือ 01.indd 11
21/12/2561 14:48:19
สมโภช พระคริสตเจ้า ทรงแสดงองค์
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 60:1-6 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงฉายแสงเจิดจ้า เพราะความสว่างของเจ้ามาแล้ว พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทอแสงเหนือเจ้า ดูซิ ความมืดปกคลุมแผ่นดิน และความมืดทึบปกคลุมประชาชาติทงั้ หลาย แต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงทอแสงเหนือ เจ้า ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์เหนือเจ้า นานาชาติจะเดินมาหาความ สว่างของเจ้า บรรดากษัตริย์จะทรงพระดำ�เนินมาสู่ความสดใสที่ทอแสงเหนือเจ้า จง เงยหน้าขึ้นมองไปโดยรอบเถิด เขาเหล่านั้นทุกคนมาชุมนุมกันและเดินมาพบเจ้า บุตร ชายทั้งหลายของเจ้ามาจากที่ไกล บุตรหญิงของเจ้าก็ถูกอุ้มมาด้วย เมื่อเจ้าเห็นดังนี้ก็ จะปลาบปลื้ม ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและยินดี เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะกลับมาหา เจ้า ทรัพย์สมบัติของนานาชาติจะมายังเจ้า ฝูงอูฐจะมาอยู่เต็มถนนของเจ้า รวมทั้ง คาราวานอูฐจากมีเดียนและเอฟาห์ ทุกคนจะมาจากเชบา นำ�ทองคำ�และกำ�ยานมาด้วย และจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าคนทั้งหลาย เพลงสดุดี สดด 72:1-2,7-8,10-11,12-13 ก) ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานวิจารณญาณของพระองค์แด่พระราชา และประทานความเที่ยงธรรมของพระองค์แก่พระโอรสของพระราชาด้วย ขอพระราชาทรงปกครองประชากรของพระองค์ด้วยความชอบธรรม และทรงดูแลคนยากจนของพระองค์ด้วยวิจารณญาณ ข) ในรัชสมัยของพระราชา ขอให้ความชอบธรรมเจริญงอกงาม และมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งตราบสิ้นแสงจันทร์ ขอให้พระอาณาจักรแผ่ขยายจากทะเลจรดทะเล จากแม่นํ้าจนสุดปลายแผ่นดิน ค) ขอบรรดากษัตริย์แห่งทาร์ซิสและหมู่เกาะทั้งหลายนำ�บรรณาการมาถวาย กษัตริย์แห่งเชบาและซาบานำ�ของกำ�นัลมาถวายด้วย ขอกษัตริย์ทั้งหลายกราบถวายบังคมพระราชา และนานาชาติรับใช้พระองค์ ค) ขอพระราชาทรงปลดปล่อยผู้ขัดสนที่ร้องหาพระองค์ และทรงช่วยคนยากจนที่ไม่มีผู้ช่วยให้รอดพ้น ขอทรงสงสารผู้อ่อนแอและผู้ขัดสน ทรงช่วยผู้ขาดแคลนให้รอดจากความตาย บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 3:2-3ก, 5-6 พี่น้อง ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบ
01.indd 12
21/12/2561 14:48:19
พันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารู้ธรรมลํ้าลึกนี้เพราะ พระเจ้าทรงเปิดเผย ธรรมลํ้าลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผย ให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิต เจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ว่า คน ต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกาย เดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัย ข่าวดี
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 2:1-12 ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมือง เบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวัน ออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริยช์ าวยิว ที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำ�พระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาว กรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะ ประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำ�คนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า จะเป็นผู้เลี้ยงดูอิสราเอลประชากรของเรา” ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปทีเ่ มืองเบธเลเฮม ทรงกำ�ชับว่า “จงไปสืบถามเรือ่ งพระกุมารอย่าง ละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดา โหราจารย์ได้ฟังพระดำ�รัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำ�ทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดี ยิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิด หีบสมบัติ นำ�ทองคำ� กำ�ยาน และมดยอบ ออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้ กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น การเผยแสดงองค์ คือ การเปิดเผย “พระเจ้าสูงสุดในพระบุคคลของพระเยซู” คือ “พระกุมาร” ในพระองค์คือการเปิดเผย และการเปิดเผยนำ�ความชื่นชมยินดีแห่งโหราจารย์จากบูรพา การได้พบ ได้เห็น ได้ ชื่นชมยินดี การสมโภชในวันนี้ควรที่จะทำ�ให้เราคริสตชนได้เป็น “ผู้เปิดเผยพระเจ้า” โดยผ่านทางชีวิต ความ เชื่อ ในกิจการดีของเราทุกคน บทบาทของเราคริสตชนนี้เหมือนพระองค์ คือ “เปิดเผย” ขอให้เราคริสตชนทุก คนได้มงุ่ มัน่ อุทศิ ตนอย่างเต็มทีเ่ พือ่ เผยแสดงพระเจ้าในชีวติ คริสตชนของเรา ขอให้เราเป็นดวงดาวนำ�ทางพีน่ อ้ ง รอบข้างได้พบพระเจ้าเสมอไป 01.indd 13
21/12/2561 14:48:19
บทอ่านที่ 1 1 ยน 3:22-4:6 ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าเราวอนขอสิ่งใด เราย่อมจะได้รับสิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะ เราปฏิบตั ติ ามบทบัญญัติ และทำ�สิง่ ทีพ่ ระองค์พอพระทัย นีเ่ ป็นบทบัญญัตขิ องพระองค์ คือ ให้เราเชื่อในพระนามพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ และให้เรารักกัน ดัง ที่พระองค์ทรงบัญญัติให้เรา ผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ย่อมดำ�รงอยู่ในพระเจ้า และ พระเจ้าทรงดำ�รงอยู่ในผู้นั้น เรารู้ว่าพระองค์ทรงดำ�รงอยู่ในเราจากพระจิตเจ้า ซึ่ง น.เรมอนด์ แห่งเปญาฟอร์ด พระองค์ประทานให้เรา ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อการดลใจทุกประการ แต่จงทดสอบการดลใจต่างๆ พระสงฆ์ ก่อน ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่... โดยวิธีนี้ คือ การดลใจใดที่ยอมรับว่า พระเยซูคริสต สดด 2:7-8,10-11 เจ้าเสด็จมารับธรรมชาติมนุษย์ ก็เป็นการดลใจที่มาจากพระเจ้า และการดลใจใดที่ไม่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ยอมรับพระเยซูเจ้า ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่เป็นการดลใจของผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อ พระคริสตเจ้า... จึงพูดตามวิถโี ลก และโลกย่อมฟังเขา แต่เรามาจากพระเจ้า ผูท้ รี่ จู้ กั พระเจ้าย่อมฟังเรา ส่วน ผู้ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า ย่อมไม่ฟังเรา เราจึงรู้จักการดลใจที่เป็นความจริงและการดลใจที่เป็นความหลงผิด พระวรสาร มธ 4:12-17,23-25 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบว่ายอห์นถูกจองจำ� จึงเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงออกจากเมือง นาซาเร็ธ มาประทับอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม บนฝั่งทะเลสาบ ในดินแดนเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี ทั้งนี้ เพื่อ ให้พระดำ�รัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า ดินแดนเศบูลุนและดินแดนนัฟทาลี เส้นทางไปสู่ทะเล ฟากโน้นของแม่นํ้าจอร์แดน แคว้นกาลิลีแห่ง บรรดาประชาชาติ ประชาชนที่จมอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและใน เงาแห่งความตาย แสงได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว นับแต่นนั้ มา พระเยซูเจ้าทรงเริม่ ประกาศเทศนาว่า “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยูใ่ กล้แล้ว” พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรง รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน กิตติศัพท์เกี่ยวกับพระองค์เลื่องลือไปทั่วแคว้นซีเรีย ประชาชนจึงนำ�ผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ผู้ที่ถูก ความทุกข์เบียดเบียน ผู้ถูกปีศาจสิง ผู้เป็นลมบ้าหมู และผู้ที่เป็นง่อยมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงรักษาคน เหล่านัน้ ให้หายจากโรคและความเจ็บไข้ ประชาชนจำ�นวนมากจากแคว้นกาลิลี จากทศบุรี จากกรุงเยรูซาเล็ม จากแคว้นยูเดีย และจากฟากโน้นของแม่นํ้าจอร์แดนต่างติดตามพระองค์ เมืองริมทะเลกาลิลีที่แสนมีเสน่ห์มาก ชื่อ คาเปอร์นาอุม หรือ “เคฟาร์นาฮูม” ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองของพระเยซู” พ่อจำ�ได้ว่าเมื่อเราเดินเข้าไปเยี่ยมเมืองแห่งนี้ที่มีแต่ซากปรักหักพัง แต่ประตูทางเข้ามี ข้อความเขียนว่า “The Town of Jesus” ทำ�ไมจึงเป็นเช่นนี้... คำ�ตอบคือเพราะพระองค์ประทับที่เมืองนี้ ทรง เทศนาเป็นเวลาเกือบสามปีในบริเวณนีแ้ ละทรงประทับทีน่ เี่ ป็นประจำ� เมืองนีจ้ งึ ได้ชอื่ ว่าเมืองของพระเยซูเพราะ มีพระองค์ประทับอยู่ จำ�เป็นที่สุดที่เราคริสตชนจะอยู่ในสังคม ในชุมชน ไม่ว่าที่ใดๆ เราต้องทำ�ให้ที่นั้นเป็นเมือง ของพระเยซู เพราะพระเยซูประทับอยู่ในชีวิตของเราคริสตชน และผลกระทบสำ�คัญคือการกระทำ�ความดี มากมายเพื่อทุกคนรอบข้างได้สัมผัสความรักของพระองค์ 01.indd 14
21/12/2561 14:48:20
บทอ่านที่ 1 1 ยน 4:7-10 ท่านทีร่ กั ทัง้ หลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนทีม่ คี วาม รัก ย่อมเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะ พระเจ้าทรงเป็นความรัก ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ พระเจ้าทรงส่ง พระบุตรเพียงพระองค์เดียวมาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น ความ รักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อชดเชยบาปของ เรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็ควรจะ รักกันด้วย ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกัน พระเจ้าย่อมทรงดำ�รงอยู่ในเรา และความรักของพระองค์ในเราก็จะสมบูรณ์ เรารู้ว่าเราดำ�รงอยู่ในพระองค์ และ พระองค์ทรงดำ�รงอยูใ่ นเรา เพราะพระองค์ประทานพระพรของพระจิตเจ้าให้เรานัน่ เอง เราเห็นและเราเป็นพยานได้ว่า พระบิดาทรงส่งพระบุตรของพระองค์ มาเป็นพระผู้ไถ่ โลก
เทศกาล พระคริสตสมภพ สดด 72:1-2,3-4ก, 7ก,8ก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร มก 6:34-44 เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ พระเยซูเจ้าทรงแลเห็นประชาชนจำ�นวนมากก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านัน้ เป็นดังฝูงแกะไม่มคี นเลีย้ ง พระองค์จงึ ทรงเริม่ สัง่ สอนเขาหลายเรือ่ ง เนือ่ งจากเป็นเวลาเย็นมากแล้ว บรรดาศิษย์จงึ เข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลว่า “สถานทีน่ เี้ ป็น ที่เปลี่ยวและเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนไปซื้ออาหาร กินตามชนบทและตามหมูบ่ า้ นรอบๆ นีเ้ ถิด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านทัง้ หลายจงหา อาหารให้เขากินเถิด” บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “พวกเราจะต้องไปซื้ออาหารสักสอง ร้อยเหรียญมาให้เขากินหรือ” พระองค์ตรัสว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน ไปดูซิ” บรรดา ศิษย์ไปดูแล้วกลับมารายงานว่า “มีขนมปังอยู่ห้าก้อนกับปลาสองตัว” พระองค์จึงทรง สั่งให้ทุกคนนั่งลงเป็นกลุ่มๆ ตามพื้นหญ้าสีเขียว เขาก็นั่งลงเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละหนึ่ง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง พระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมา ทรง แหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า แล้วทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปังส่งให้บรรดา ศิษย์ไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ทั้งยังทรงแบ่งปลาสองตัวแจกจ่ายให้ทุกคนด้วย ทุก คนได้กนิ จนอิม่ แล้วยังเก็บเศษขนมปังและปลาทีเ่ หลือได้ถงึ สิบสองกระบุงเต็ม จำ�นวน คนที่กินขนมปังครั้งนั้นมีผู้ชายถึงห้าพันคน “ทรงแลเห็นและทรงสงสาร” บุคลิกสำ�คัญของพระเยซูที่เราพบในพระวรสาร เป็นบุคลิกที่เรา คริสตชนควรเลียนแบบพระองค์ที่สุด การแลเห็นและความสงสาร ดวงตาและดวงพระทัยของพระเยซู คือ สิ่ง ที่เราคริสตชนพึงได้หล่อหลอมลงสู่ชีวิตเรา ยิ่งถ้าเราได้อ่านพระวาจา ได้พิจารณาไตร่ตรองชีวิตและพันธกิจการ กระทำ�ของพระองค์กจ็ ะหล่อหลอมชีวติ เรามากขึน้ ทุกวัน...การให้อาหารเลีย้ งดูดว้ ยขนมปังในถิน่ ทุรกันดาร คือ ความรัก การเลีย้ งดูดว้ ยพระทัยใส่คอื ชีวติ ทีเ่ ราพึงเรียนรูแ้ ละเดินตามพระองค์เสมอไป การเป็นคริสตชนควรเป็น แบบใด คำ�ตอบคือ เป็นแบบพระองค์ในพระบุคลิกลักษณะและพระทัยเมตตาของพระองค์ 01.indd 15
21/12/2561 14:48:20
เทศกาล พระคริสตสมภพ สดด 72:1-2,10,12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 1 ยน 4:11-18 ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็ควรจะรักกันด้วย ไม่มีผู้ใดเคย เห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกัน พระเจ้าย่อมทรงดำ�รงอยู่ในเรา และความรักของพระองค์ ในเราก็จะสมบูรณ์ เรารูว้ า่ เราดำ�รงอยูใ่ นพระองค์ และพระองค์ทรงดำ�รงอยูใ่ นเรา เพราะ พระองค์ประทานพระพรของพระจิตเจ้าให้เรานั่นเอง เราเห็นและเราเป็นพยานได้ว่า พระบิดาทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นพระผู้ไถ่โลก ผู้ใดยอมรับว่าพระเยซูเจ้า ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าย่อมทรงดำ�รงอยูใ่ นเขา และเขาย่อมอยูใ่ นพระเจ้า เรารูแ้ ละเชือ่ ในความรักทีพ่ ระเจ้าทรงมีตอ่ เรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก ผูใ้ ดดำ�รงอยูใ่ น ความรัก ย่อมดำ�รงอยูใ่ นพระเจ้า และพระเจ้าย่อมทรงดำ�รงอยูใ่ นเขา ความรักสมบูรณ์ อยู่ในเรา เพื่อให้เรามีความมั่นใจในวันพิพากษา เพราะพระองค์ทรงเป็นอย่างไร เราใน โลกนี้ย่อมเป็นอย่างนั้นด้วย ไม่มีความกลัวในความรัก ความรักที่สมบูรณ์ย่อมขจัด ความกลัว เพราะความกลัว คือความคาดหมายว่าจะถูกลงโทษ ความรักของผู้มีความ กลัวจึงยังไม่สมบูรณ์ พระวรสาร มก 6:45-52 ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามฟากล่วงหน้าไปที่ เมืองเบธไซดา ขณะทีพ่ ระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เมือ่ ทรงอำ�ลาจากเขาแล้ว พระองค์ ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนา ครั้นถึงเวลาคํ่าเรืออยู่กลางทะเลสาบ พระองค์ ท รงอยู่ บ นฝั่ ง ตามลำ � พั ง ทรงเห็ น ว่ า บรรดาศิ ษ ย์ ต้ อ งกรรเชี ย งเรื อ อย่ า ง เหน็ดเหนื่อยเพราะเรือทวนลม ครั้นถึงเวลาประมาณยามที่สี่ พระองค์ทรงพระดำ�เนิน บนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ ทรงตั้งพระทัยจะผ่านเขาไป บรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรง พระดำ�เนินอยู่บนทะเล ก็คิดว่าเป็นผี จึงส่งเสียงร้องอื้ออึง เพราะทุกคนได้แลเห็น พระองค์ จึงตกใจกลัว แต่ทันใดนั้น พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ทำ�ใจให้ดี เราเอง อย่า กลัวเลย” แล้วพระองค์เสด็จไปหาเขาในเรือ และลมก็หยุด บรรดาศิษย์รสู้ กึ ประหลาด ใจอย่างยิ่ง เพราะยังไม่เข้าใจเรื่องขนมปัง ใจของเขายังแข็งกระด้างอยู่ ถ้าเราสำ�รวจดีๆ จะพบว่าเมื่อพระเยซูเจ้าเดินบนทะเลกาลิลีที่ปั่นป่วน เรือ ของบรรดาศิษย์ข้ามไปแสนลำ�บาก ทะเลต้านเรือของพวกเขา ยาก ยากจริงๆ แต่... “พระ เยซูทรงพระดำ�เนินบนทะเล” ทรงอยู่เหนือคลื่นลม คลื่นลมไม่สามารถทำ�อะไรพระองค์ ได้เลย และแม้แต่เรือของบรรดาศิษย์เมื่อมีพระองค์ คลื่นลมก็ทำ�อะไรไม่ได้ และที่สำ�คัญ ที่สุด พระองค์ทรงมีอำ�นาจเหนือคลื่นลมทะเล เมื่อพระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์ที่กำ�ลัง หวาดกลัวว่า “เป็นเราเอง” (I AM) สำ�นวนนี้คือสำ�นวนที่หมายถึงพระยาห์เวห์ ดังนั้น นี่ คือการเปิดเผยพระเจ้าเทีย่ งแท้ทที่ รงอยูเ่ หนือพายุ ลม ทะเล และทุกอย่างก็เชือ่ ฟังพระองค์ ขอเพียงเรามีพระองค์ในชีวิตเท่านั้นก็เกินพอ
01.indd 16
21/12/2561 14:48:21
บทอ่านที่ 1 1 ยน 4:19-5:4 ท่านที่รักทั้งหลาย จงมีความรักเถิด เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน ถ้าผู้ใดพูดว่า “ฉันรักพระเจ้า” แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นย่อมเป็นคนพูดเท็จ เพราะผู้ไม่รัก พี่น้องที่เขาแลเห็นได้ ย่อมไม่รักพระเจ้าที่เขาแลเห็นไม่ได้ เราได้รับบทบัญญัตินี้จาก พระองค์ คือให้ผู้ที่รักพระเจ้า รักพี่น้องของตนด้วย ทุกคนทีเ่ ชือ่ ว่าพระเยซูเป็นพระคริสตเจ้า ย่อมบังเกิดจากพระเจ้า ทุกคนทีร่ กั บิดา ย่อมรักบุตรของเขาด้วย เรารู้ว่าเรารักบรรดาบุตรของพระเจ้า เมื่อเรารักพระเจ้าและ ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ ความรักต่อพระเจ้าคือการปฏิบัติตามบทบัญญัติ บทบัญญัติของพระองค์มิใช่ภาระหนัก เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าชนะโลกแล้ว ชัยชนะที่ชนะโลกก็คือความเชื่อของเรา
เทศกาล พระคริสตสมภพ สดด 72:1-2,14, 15ขค,17 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 4:14-22ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรง เจริญวัย ในวันสับบาโต พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่อทรง อ่านพระคัมภีร์ มีผู้ส่งม้วนหนังสือประกาศกอิสยาห์ให้พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงคลี่ ม้วนหนังสือออก ทรงพบข้อความที่เขียนไว้ว่า พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ� คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลง สายตาของ ทุกคนที่อยู่ในศาลาธรรมต่างจ้องมองพระองค์ พระองค์จึงทรงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว” ทุกคนสรรเสริญ พระองค์และต่างประหลาดใจในถ้อยคำ�น่าฟังที่พระองค์ตรัส จดหมายนักบุญยอห์น ดูงา่ ยมากและน่าดำ�เนินตามทีส่ ดุ “จงมีความรักเถิด” ดูงา่ ยแต่ตอ้ งปรากฏ แบบไม่ซอ่ นเร้นหรือเสแสร้งใดๆ เพราะถ้าเรารักพระเจ้า ผลตามมาเราต้องรักพีน่ อ้ งรอบข้าง คือ “รักกันและกัน ด้วย” สำ�นวนที่จำ�เป็นในชีวิตคริสตชนของเราที่ขาดไม่ได้ คือเราคริสตชนต้องชนะโลก คำ�ว่าโลกในจดหมาย นักบุญยอห์นหมายถึงกระแสโลกีย์ ความรักต่อพระเจ้าจะทำ�ให้คริสตชนสามารถชนะกระแสโลกได้อย่างแท้จริง จดหมายของนักบุญยอห์นมุง่ ให้คริสตชนทุกคนได้เกิดใหม่ในฐานะบุตรของพระเจ้า โดยอาศัย “ความเชือ่ ” ความ เชื่อทำ�ให้เราทุกคได้เกิดใหม่... ขอบพระคุณพระองค์ที่โปรดให้เราได้เชื่อในพระองค์ 01.indd 17
21/12/2561 14:48:21
เทศกาล พระคริสตสมภพ สดด 147:12-14, 15-16,19-20 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 1 ยน 5:5-13 ท่านที่รักทั้งหลาย ใครเล่าชนะโลกได้ ถ้ามิใช่ผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตร ของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นผูเ้ สด็จมาโดยนํา้ และโดยพระโลหิต พระองค์คอื พระเยซู คริสตเจ้า พระองค์มิได้เสด็จมาโดยนํ้าเพียงอย่างเดียว แต่เสด็จมาโดยนํ้าและโดย พระโลหิต และพระจิตเจ้าทรงเป็นพยานถึงเรื่องนี้ เพราะพระจิตเจ้าทรงเป็นความจริง พยานมีสามอย่าง คือพระจิตเจ้า นํ้าและพระโลหิต และพยานทั้งสามอย่างก็ตรงกัน ถ้าเรายอมรับการเป็นพยานของมนุษย์ การเป็นพยานของพระเจ้านั้นย่อมยิ่งใหญ่กว่า คือการเป็นพยานที่พระเจ้าทรงให้เกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ ผู้ใดเชื่อในพระบุตร ของพระเจ้า ย่อมมีการเป็นพยานอยูใ่ นตัวเขาแล้ว แต่ผทู้ ไี่ ม่เชือ่ ย่อมทำ�ให้พระเจ้าเป็น ผูต้ รัสคำ�เท็จ เพราะเขาไม่เชือ่ การเป็นพยานซึง่ พระเจ้าประทานให้เกีย่ วกับพระบุตรของ พระองค์ การเป็นพยานนี้คือ พระเจ้าประทานชีวิตนิรันดรแก่เรา และชีวิตนี้อยู่ในพระบุตร ของพระองค์ ผู้ใดมีพระบุตรย่อมมีชีวิต และผู้ใดไม่มีพระบุตรของพระเจ้าย่อมไม่มี ชีวิต ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่านทั้งหลาย ซึ่งเชื่อในพระนามพระบุตรของพระเจ้า เพื่อ ท่านจะได้รู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร พระวรสาร ลก 5:12-16 วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ในเมืองหนึ่ง ชายคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อนเต็ม ตัว เมื่อเห็นพระองค์ ก็กราบพระบาทอ้อนวอนว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ยอ่ มทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” พระเยซูเจ้าทรงยืน่ พระหัตถ์สมั ผัสเขา ตรัส ว่า “เราพอใจ จงหายเถิด” พระองค์ทรงกำ�ชับเขามิให้บอกผู้ใด แต่ “จงไปแสดงตน แก่สมณะ และถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสกำ�หนด เพื่อเป็นหลักฐานแก่คนทั้งหลาย ว่าท่านหายจากโรคแล้ว” ข่าวเกีย่ วกับพระองค์กลับกระจายออกไปมากขึน้ ประชาชนจำ�นวนมากต่างมาฟัง พระองค์และรับการรักษาโรค แต่พระองค์เสด็จไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนา สองปีเต็มที่พ่อไตร่ตรองพิจารณาจดหมายนักบุญยอห์นที่เราอ่านวันนี้ ตอนนี้ “กำ�เนิดของความเชือ่ ” ความเชือ่ ของเรากำ�เนิดมาจากทีใ่ ด ทีไ่ หนหนอทีค่ วามเชือ่ ของเราคริสตชนเกิดขึ้น... ยอห์นเน้น “พยาน” สามอย่าง คือพระจิตเจ้า นํ้า และ พระโลหิต และพยานสามอย่างต้องอยู่ด้วยกัน และที่นั่นคือกำ�เนิดความเชื่อโดยมีพยาน สามอย่างนี้ หลังจากทบทวนไตร่ตรอง ได้พบความจริงว่ากำ�เนิดความเชื่อของเราคือยอด เขากัลวารีโอ เมื่อทรงสิ้นพระชนม์นักบุญยอห์นบันทึกในพระวรสารของท่าน “นํ้าและ พระโลหิตจากด้านข้างพระวรกายที่ถูกแทง” และเมื่อทรงเอนพระเศียร ยอห์นไม่ได้บอก ว่าทรงสิ้นพระชนม์ แต่ยอห์นบอกว่า “ทรงส่งพระจิตออกไป” สรุป ที่กางเขน ณ ความ ตายของพระองค์ คือ กำ�เนิดความเชื่อของเรา โดยมีพยานสามอย่างอยู่ด้วยกัน
01.indd 18
21/12/2561 14:48:21
บทอ่านที่ 1 2 ทธ 2:1-13 ลูกรัก ท่านจงรับพละกำ�ลังจากพระหรรษทานซึง่ อยูใ่ นพระคริสตเยซู จงถ่ายทอด สิ่งที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้า... จงร่วมทนทุกข์กบั ผูอ้ นื่ เหมือนทหารทีด่ ขี องพระคริสตเยซู ทหารทุกคนจะไม่เข้าไป เกี่ยวกับกิจการของพลเรือน เขามุ่งทำ�ให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ นักกีฬาก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครได้ชัยชนะนอกจากจะได้แข่งขันตามกติกา ชาวนาที่ตรากตรำ�ทำ�งานควรเป็นผู้ ระลึกถึง ที่จะได้รับผลก่อนผู้อื่น... บุญราศีนิโคลาส จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ทรง บุญเกิด กฤษบำ�รุง สืบเชือ้ สายมาจากกษัตริยด์ าวิด” ตามข่าวดีทข่ี า้ พเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนเี้ อง ข้าพเจ้า จึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำ�เหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูก พระสงฆ์ มรณสักขี สดด 34:1-8 จองจำ�ไม่ได้ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะ ได้รบั ความรอดพ้นซึง่ อยูใ่ นพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวติ ในสิรริ งุ่ โรจน์ตลอดนิรนั ดรด้วย ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ต่อไปนี้คือถ้อยคำ�ที่เชื่อถือได้ ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับ วันเด็กแห่งชาติ พระองค์ ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธ พระองค์ พระองค์ยอ่ มจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซอื่ สัตย์ พระองค์กย็ งั ทรงซือ่ สัตย์ตอ่ ไป เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้ พระวรสาร ยน 15:9-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รกั ท่านทัง้ หลายอย่างนัน้ จงดำ�รงอยูใ่ นความรักของเราเถิด ถ้า ท่านปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องเรา ท่านก็จะดำ�รงอยูใ่ นความรักของเรา เหมือนกับทีเ่ ราปฏิบตั ติ ามบทบัญญัติ ของพระบิดาของเรา และดำ�รงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรัก กัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลาย เป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำ�ตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ ว่านายของตนทำ�อะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดา ของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำ�จนเกิดผล และผลของ ท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่าน ทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน” พ่อเคยตั้งคำ�ถามก่อนที่คุณพ่อนิโคลาสจะได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศีและมรณสักขีว่า มีเหตุผล อะไรที่ท่านจะได้รับการสถาปนาให้เป็นบุญราศี เรียกว่าเป็นนักบุญในพระศาสนจักรท้องถิ่นของประเทศไทย ของเรา พ่อได้รับคำ�ตอบที่น่าพอใจที่สุด จำ�เป็น เพราะท่านเป็นพระสงฆ์ ท่านจะได้เป็นแบบอย่างสำ�หรับ พระสงฆ์ไทยทุกคนเสมอไป เมือ่ ได้ค�ำ ตอบนีพ้ อ่ ภูมใิ จทีเ่ รามีตวั อย่างชีวติ อันงดงามแห่งความเชือ่ คุณพ่อบุญเกิด ได้ เ ดิ น ตามแบบอย่ า งพระคริ ส ตเยซู เหมาะที่ สุ ด ที่ จ ะเป็ น บุ ญ ราศี เพื่ อ เป็ น ตั ว อย่ า งสำ � หรั บ ชี วิ ต ของเรา คริสตชนและสำ�หรับพระสงฆ์เป็นพิเศษ เราพึงดำ�เนินชีวิตตามแบบอย่างท่านโดยยึดพระเยซูพระอาจารย์เจ้า เป็นศูนย์กลางของชีวิต 01.indd 19
21/12/2561 14:48:22
ฉลอง พระเยซูเจ้า ทรงรับพิธีล้าง
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 42:1-5,9-11 พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเรา เถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็นทาส สิ้นสุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทั้งหมดของตน” เสียงหนึง่ ร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าในถิน่ ทุรกันดาร จงเปิดทาง ตรงในทุ่งเวิ้งว้างสำ�หรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขา และเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ขรุขระจะราบเสมอกัน ที่สูงๆ ตํ่าๆ จะราบเรียบ แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำ�แดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้” “ท่านผู้นำ�ข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำ�ข่าวดีมาให้กรุง เยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศ แก่เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่’ ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำ�นาจปกครอง ดูซิ รางวัล ชัยชนะอยูก่ บั พระองค์ ประชากรทีท่ รงกอบกูเ้ ดินนำ�หน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลีย้ งดู ฝูงแกะของพระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้ แนบพระอุระ และทรงนำ�แม่แกะอย่างทะนุถนอม” เพลงสดุดี สดด 29:1-2,3-4,9-10 ก) บุตรทั้งหลายของพระเจ้า จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์และพระอานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อทรงสำ�แดงความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข) พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าก้องอยู่เหนือน่านนํ้า พระเจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ทรงแผดพระสุรเสียงกึกก้อง องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่เหนือห้วงนํ้ากว้างใหญ่ พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพลัง พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้ากึกก้องกัมปนาท ค) พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าทำ�ให้ต้นโอ๊กสะท้านสะเทือน ทรงปลิดใบต้นไม้ในป่าจนหมดต้น ในพระวิหารของพระองค์ทุกคนร้องขานพร้อมกันว่า “พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์” องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับเหนือห้วงมหรรณพ องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับเป็นกษัตริย์ตลอดไป
01.indd 20
21/12/2561 14:48:22
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิตัส ทต 2:11-14, 3:4-7 พี่ น้ อ ง พระหรรษทานของพระเจ้ า ปรากฏขึ้ น เพื่ อ ช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้น สอนเราให้ละทิ้งอธรรมและ โลกียตัณหา เพื่อดำ�เนินชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะด้วย ความชอบธรรมและด้วยความเคารพเลือ่ มใสพระเจ้าในโลก นี้ ขณะที่เรากำ�ลังรอคอยความหวังที่ให้ความสุข คือการ สำ�แดงพระองค์ในพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระคริสตเยซู พระเจ้า ผูย้ งิ่ ใหญ่และพระผูไ้ ถ่ของเรา พระองค์ทรงมอบพระองค์เพือ่ เรา เพือ่ ไถ่กเู้ ราจากอธรรมทัง้ หลาย ชำ�ระประชากรให้บริสทุ ธิ์ เพือ่ จะเป็นประชากรของพระองค์ และเป็นผูป้ รารถนาจะทำ� แต่ความดี แต่เมือ่ พระเจ้าพระผูไ้ ถ่ของเราทรงแสดงพระทัยดีและความรักต่อมนุษย์ พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้น มิใช่เพราะกิจการชอบธรรมใดๆ ที่เราทำ� แต่เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ ทรงใช้นํ้าชำ�ระเราให้สะอาด เราจึงเกิดใหม่และได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้า พระองค์ทรงหลั่งพระจิตเจ้าลงเหนือเราอย่างอุดมโดยทาง พระเยซูคริสตเจ้าพระผูไ้ ถ่ของเรา เพือ่ พระหรรษทานของพระองค์จะบันดาลให้เรากลับเป็นผูช้ อบธรรมและ เป็นทายาทในความหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 3:15-16,21-22 ขณะนั้น ประชาชนกำ�ลังรอคอย ทุกคนต่างคิดในใจว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ ยอห์นจึงประกาศต่อ หน้าทุกคนว่า “ข้าพเจ้าใช้นํ้าทำ�พิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรงอำ�นาจยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้า ไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำ�พิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและด้วยไฟ ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำ�ลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐาน ภาวนาอยูน่ นั้ ท้องฟ้าก็เปิดออก และพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีรปู ร่างทีเ่ ห็นได้ดจุ นกพิราบ แล้ว มีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา” เสียงประกาศจากสวรรค์ เสียงจากท้องฟ้า ยืนยันเด็ดขาดถึงพระเยซูว่าทรงเป็น “บุตรที่รักของ เรา เป็นที่โปรดปรานของเรา” ในพระคัมภีร์นี่คือเสียงประกาศจากฟ้าที่จะต้องนำ�ศิษย์พระคริสต์ทุกคน คือ เรา ทุกคนด้วย เราจะต้องเชื่อในความเป็นพระบุตรพระเจ้า เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า โดยอันที่จริงการฉลอง วันนี้เป็นสิ่งที่เราคริสตชนต้องเชื่อว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยศีลล้างบาป โดยการเกิดใหม่ด้วยนํ้าและ ศีลล้างบาป จะทำ�ให้เราได้เป็นเหมือนพระองค์ การฉลองพระเยซูรบั พิธลี า้ งเป็นดังการยืนยันความเป็นบุตรของ พระเจ้าของเราทุกคน และเราทุกคนเป็นน้องของพระเยซู พระองค์สอนเราให้เราเรียกพระบิดาของพระองค์ว่า “พระบิดาของเรา” 01.indd 21
21/12/2561 14:48:22
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา สดด 97:1-2ข,6-7ค,9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 ฮบ 1:1-6 ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรษุ ของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลาย วิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทางพระบุตร พระเจ้าทรง สถาปนาพระบุตรให้เป็นทายาทครอบครองทุกสิ่ง พระองค์ทรงสร้างจักรวาล เดชะ พระบุตรนี้ พระบุตรทรงเป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ทรงเป็นภาพลักษณ์ที่ สมบูรณ์ขององค์พระเจ้า พระบุตรทรงผดุงจักรวาลไว้ด้วยพระวาจาทรงฤทธิ์ บัดนี้ พระบุตรทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จสู่สวรรค์ ประทับ ณ เบื้อง ขวาแห่งพระมหิทธานุภาพ ดังนัน้ พระบุตรทรงอยูเ่ หนือบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับ พระนามที่ทรงได้รับนั้นประเสริฐกว่านามของบรรดาทูตสวรรค์ พระเจ้าเคยตรัสแก่ทูตสวรรค์องค์ใดบ้างว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำ�เนิด ท่านในวันนี”้ หรือว่า “เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา” หรืออีกครั้ง หนึ่ง เมื่อพระเจ้าทรงส่งพระโอรสองค์แรกมาสู่โลกมนุษย์ พระองค์ตรัสว่า “ให้ ทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระเจ้ากราบนมัสการพระองค์เถิด” พระวรสาร มก 1:14-20 หลังจากทีย่ อห์นถูกจองจำ� พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศเทศนา ข่าวดีของพระเจ้า ตรัสว่า “เวลาที่กำ�หนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ ใกล้แล้ว จงกลับใจ และเชื่อข่าวดีเถิด” ขณะที่ทรงพระดำ�เนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็น ซีโมนกับอันดรูว์น้องชายกำ�ลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระเยซูเจ้าตรัสสั่งว่า “จง ตามเรามาเถิด เราจะทำ�ให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” ซีโมนกับอันดรูว์ก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที เมื่อทรงพระดำ�เนินไปอีกเล็กน้อย พระองค์ทอดพระเนตรเห็นยากอบบุตรของ เศเบดี และยอห์นน้องชายกำ�ลังซ่อมแหอยู่ในเรือ พระองค์ทรงเรียกเขา ทั้งสองคนก็ ละทิ้งเศเบดีบิดาของตนไว้ในเรือกับลูกจ้าง แล้วตามพระองค์ไปทันที เวลาทีเ่ ราเริม่ เทศกาลธรรมดา มักจะเริม่ ทีก่ ารเรียกให้เป็นศิษย์ตดิ ตาม ทุกๆ ครั้งในทุกๆ ปีก็เป็นเช่นนี้ แต่วันนี้ประเด็นสำ�คัญที่สุดที่เราพึงไตร่ตรองคือ เราได้เป็นศิษย์ พระคริสตเจ้าจริงๆ แล้วเพียงใด ในโอกาสฉลอง 350 ปีของมิสซังสยาม พระศาสนจักร ในประเทศไทยปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้เราศิษย์พระคริสต์ได้เป็น “ศิษย์ธรรมทูต” การ ตามพระองค์ การได้พบพระองค์ มีประสบการณ์พระเจ้า เราย่อมอดไม่ได้ทจี่ ะไปประกาศ ไปเป็นศิษย์ธรรมทูต ควรถึงเวลาทีเ่ ราจะเป็น “ศิษย์” คือ ไปประกาศพระอาจารย์ของเรา ด้วยวาจาและด้วยกิจการอันเป็นประจักษ์พยานชีวิตที่ทุกคนจะได้รู้ว่าเราคือ “ศิษย์ของ พระองค์”
01.indd 22
21/12/2561 14:48:23
บทอ่านที่ 1 ฮบ 2:5-12 พี่น้อง พระเจ้ามิได้ทรงมอบโลกในอนาคตที่เราพูดถึงนั้นไว้ใต้อำ�นาจบรรดา ทูตสวรรค์ มีผู้กล่าวยืนยันในพระคัมภีร์ตอนหนึ่งว่า “มนุษย์เป็นใครเล่า พระองค์จึงทรงระลึกถึง และบุตรของมนุษย์เป็นใครเล่า พระองค์จึงทรงเอาพระทัยใส่ สัปดาห์ที่ 1 พระองค์ทรงทำ�ให้เขาตํ่ากว่าทูตสวรรค์เพียงเล็กน้อย เทศกาลธรรมดา พระองค์ประทานสิริรุ่งโรจน์และเกียรติยศให้เป็นมงกุฎ ทรงมอบทุกอย่างไว้ใต้เท้าของเขา” สดด 8:1ก,และ 4, 5-6,7-8 การมอบทุกอย่างไว้ใต้อำ�นาจนั้น พระองค์มิได้ทรงละสิ่งใดที่ไม่อยู่ใต้อำ�นาจของ เขาไว้เลย ขณะนีเ้ รายังไม่เห็นว่าทุกสิง่ อยูใ่ ต้อ�ำ นาจของเขา แต่เราก็เห็นว่า พระเยซูเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ผูท้ รงถูกลดฐานะลงตาํ่ กว่าทูตสวรรค์อยูช่ วั่ ขณะหนึง่ ทรงได้รบั สิรริ งุ่ โรจน์และเกียรติยศ เป็นมงกุฎ เพราะทรงยอมรับความตาย ดังนี้ โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า พระองค์ทรงลิ้มรสความตายเพื่อมนุษย์ทุกคน พระเจ้าผูท้ รงสร้างและทรงคํา้ จุนทุกสิง่ มีพระประสงค์จะนำ�บุตรจำ�นวนมากเข้ามารับพระสิรริ งุ่ โรจน์ จึง เป็นการเหมาะสมแล้วทีพ่ ระองค์จะทรงทำ�ให้ผทู้ นี่ �ำ มนุษย์ให้รอดพ้นนัน้ สมบูรณ์โดยผ่านการทนทุกข์ทรมาน เพราะทัง้ ผูป้ ระทานความศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละผูร้ บั ความศักดิส์ ทิ ธิต์ า่ งก็มาจากแหล่งเดียวกัน พระองค์จงึ ไม่ทรงอาย ที่จะเรียกคนเหล่านั้นว่าพี่น้อง โดยตรัสว่า “ข้าพเจ้าจะประกาศพระนามพระองค์กับพี่น้องของข้าพเจ้า จะ ถวายสดุดีพระองค์ในชุมนุมของประชากร” พระวรสาร มก 1:21-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ เมื่อถึงวันสับบาโต พระองค์ เสด็จเข้าไปในศาลาธรรม และทรงเริ่มสั่งสอน คำ�สั่งสอนของพระองค์ทำ�ให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจอย่างมาก เพราะทรงสอนเขาอย่างทรงอำ�นาจไม่เหมือนกับบรรดาธรรมาจารย์ ขณะนั้น ในศาลาธรรมชายคนหนึ่งซึ่งปีศาจสิงอยู่ ร้องตะโกนว่า “ท่านมายุ่งกับเราทำ�ไม เยซูชาว นาซาเร็ธ ท่านมาทำ�ลายเราใช่ไหม เรารู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรง ดุปศี าจและตรัสสัง่ ว่า “จงเงียบ ออกไปจากผูน้ ”ี้ เมือ่ ปีศาจทำ�ให้ชายผูน้ นั้ ชักและร้องเสียงดังแล้ว มันก็ออก ไปจากเขา ทุกคนต่างประหลาดใจ จึงถามกันว่า “นี่มันเรื่องอะไร เป็นคำ�สั่งสอนแบบใหม่ที่มีอำ�นาจ เขาสั่ง แม้กระทัง่ ปีศาจ และมันก็เชือ่ ฟัง” แล้วกิตติศพั ท์ของพระองค์กเ็ ลือ่ งลือไปทุกแห่งตลอดทัว่ แคว้นกาลิลที นั ที แปลกไหมทำ�ไมเมื่อปีศาจพบพระเยซูเจ้าจึงชอบตะโกน และเรียกพระองค์ ในการบันทึก พระวรสารโดยนักบุญมาระโก ทำ�ไมท่านมักเน้นว่าปีศาจรูจ้ กั พระองค์ และก็ชอบตะโกนด้วย... ในพระวาจาตอน นี้ปีศาจก็ร้องตะโกนอีกและรู้จักพระนามของพระองค์ด้วย “เยซูชาวนาซาเร็ธ” และรู้ด้วยว่า “ท่านคือองค์ผู้ ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” และที่สำ�คัญเมื่อปีศาจตะโกน พระเยซูจะดุให้เงียบ พี่น้องทราบไหมว่าทำ�ไมมาระโกจึง บันทึกเรื่องราวเช่นนี้... คำ�ตอบคือ ปีศาจรู้จัก แต่ไม่ได้รักพระองค์ ไม่มีหน้าที่ต้องประกาศพระองค์ แต่อันที่จริง เป็นหน้าที่ของศิษย์พระคริสต์ที่จะต้องรู้จัก รัก และประกาศพระคริสตเจ้า 01.indd 23
21/12/2561 14:48:23
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา
สดด 105:1-2,3-4, 6-7,8-9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 ฮบ 2:14-18 พี่น้อง บุตรทุกคนมีเลือดเนื้อร่วมกันฉันใด พระองค์ก็ทรงมีเลือดเนื้อร่วมกับ มนุษย์ทุกคนด้วยฉันนั้น เพื่อว่าโดยการสิ้นพระชนม์ พระองค์จะทรงทำ�ลายมาร ผู้มี อำ�นาจเหนือความตายลงได้ เพือ่ ทรงปลดปล่อยผูต้ กเป็นทาสอยูต่ ลอดชีวติ เพราะความ กลัวตายให้เป็นอิสระได้ โดยแท้จริงแล้ว พระองค์มิได้เอาพระทัยใส่บรรดาทูตสวรรค์ แต่เอาพระทัยใส่ต่อเชื้อสายของอับราฮัม จึงจำ�เป็นที่พระองค์จะต้องทรงเป็นเหมือน กับบรรดาพี่น้องทุกประการ เพื่อพระองค์จะทรงเป็นมหาสมณะที่เพียบพร้อมด้วย พระกรุณาและทรงน่าเชื่อถือในการติดต่อกับพระเจ้า ไถ่โทษชดเชยบาปของประชากร ได้ ในฐานะที่พระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการผจญมาแล้ว พระองค์จึงทรง ช่วยเหลือผู้ที่ถูกผจญได้ด้วย พระวรสาร มก 1:29-39 ทันทีที่ออกจากศาลาธรรม พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมนและอันดรูว์ พร้อมกับยากอบและยอห์น มารดาของภรรยาซีโมนกำ�ลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ เขาจึง ทูลพระองค์ให้ทรงทราบทันที พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น นางก็หาย ไข้ และรับใช้ทุกคน เย็นวันนัน้ เมือ่ ดวงอาทิตย์ตกแล้ว มีคนนำ�ผูป้ ว่ ยและผูถ้ กู ปีศาจสิงมาเฝ้าพระองค์ คนทั้งเมืองมารวมกันที่ประตู พระองค์ทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่างๆ ให้หาย ทรง ขับไล่ปีศาจออกไป แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มันพูด เพราะมันรู้จักพระองค์ วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรง อธิษฐานภาวนาที่นั่น ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์ เมื่อพบแล้ว จึงทูล พระองค์ว่า “ทุกคนกำ�ลังแสวงหาพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปที่อื่นกันเถิด ไปตามตำ�บลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามาด้วยจุดประสงค์นี้” พระองค์จึงเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี ทรงขับไล่ปีศาจด้วย แทบจะกล่าวได้วา่ หนังสือพระวรสารเกือบทุกหน้า จะมีเรือ่ งทีท่ �ำ ให้เราเห็น ว่าพระเยซูเจ้าทรงเข้าถึงประชาชนทุกคนด้วยความรัก ความเข้าใจและความเอาใจใส่ อย่าง เช่นวันนีเ้ ราจะเห็นพระองค์ทรงรักษาแม่ยายของนักบุญเปโตร เพราะพระองค์เคยมีความ รู้สึกเดียวกันนี้กับพระมารดาของพระองค์เอง พระองค์จึงเข้าใจความรู้สึกของนักบุญ เปโตรดี พระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ มีประสบการณ์ความเป็นมนุษย์เหมือนเราทุกอย่าง เว้นแต่บาป (บทอ่านแรก) พระองค์จึงเข้าใจความเป็นมนุษย์ดี เวลานี้พระองค์ยังอยู่ ใกล้ชิดกับเราในทุกสถานการณ์ของชีวิต และพระองค์พร้อมที่จะรับฟังคำ�ภาวนาของเรา ด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดีเสมอ
01.indd 24
21/12/2561 14:48:23
บทอ่านที่ 1 ฮบ 3:7-14 พี่น้อง ตามที่พระจิตเจ้าตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า “วันนี้ ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินพระ สุรเสียงของพระองค์ จงอย่าทำ�ใจแข็งกระด้างเหมือนคราวกบฏเมือ่ เขาทดลองพระองค์ ในถิน่ ทุรกันดาร ครัง้ นัน้ บรรพบุรษุ ของท่านทดลองเรา พิสจู น์เรา ทัง้ ๆ ทีเ่ ห็นกิจการของ เรามาแล้วตลอดเวลาสี่สิบปี เราจึงเอือมระอาชนรุ่นนั้นและกล่าวว่า ‘พวกนี้มีใจหลง ผิดอยู่เสมอ ไม่เคยรู้จักวิถีทางของเราเลย’ และเราปฏิญาณขณะที่กำ�ลังโกรธว่า “เขา ทั้งหลายจะไม่ได้เข้าสู่ที่พักผ่อนของเรา” พีน่ อ้ งทัง้ หลาย จงระวังอย่าให้ผใู้ ดมีจติ ใจเลวร้ายไร้ความเชือ่ จนถึงกับแยกตัวออก จากพระเจ้าผู้ทรงชีวิต แต่จงตักเตือนกันทุกวันตลอดเวลาที่ยังเรียกได้ว่า “วันนี”้ เพื่อ มิให้ท่านคนใดคนหนึ่งมีใจแข็งกระด้างไปเพราะเล่ห์กลของบาป เราร่วมเป็นร่วมตาย กับพระคริสตเจ้าอยู่แล้ว หากเราจะยึดความไว้วางใจที่เรามีอยู่ตั้งแต่ต้นให้มั่นคงจนถึง ที่สุด
ระลึกถึง น.อันตน เจ้าอธิการ สดด 95:6-7ค,8-9, 10-11 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร มก 1:40-45 เวลานัน้ ผูเ้ ป็นโรคเรือ้ นคนหนึง่ มาเฝ้าพระเยซูเจ้า คุกเข่าอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์ พอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” พระเยซูเจ้าทรงสงสาร ตื้นตัน พระทัย จึงทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา ตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด” ทันใดนั้น โรคเรือ้ นก็หาย เขากลับเป็นปกติ พระเยซูเจ้าทรงให้เขาไปทันที ทรงกำ�ชับอย่างแข็งขัน ว่า “ระวัง อย่าบอกอะไรให้ใครรู้เลย แต่จงไปแสดงตนแก่สมณะ และถวายเครื่องบูชา ตามทีโ่ มเสสกำ�หนด เพือ่ เป็นหลักฐานแก่คนทัง้ หลายว่าท่านหายจากโรคแล้ว” แต่เมือ่ ชายผู้นั้นจากไป เขาก็ป่าวประกาศกระจายข่าวไปทั่ว จนพระองค์ไม่อาจเสด็จเข้าไปใน เมืองได้อย่างเปิดเผยอีกต่อไป พระองค์จึงประทับอยู่นอกเมืองในที่เปลี่ยว แม้กระนั้น ประชาชนจากทุกทิศก็ยังมาเฝ้าพระองค์ จดหมายถึงชาวฮีบรู แม้จะเป็นพันธสัญญาใหม่แต่ก็ได้อ้างถึงเพลงสดุดีใน พันธสัญญาเดิมคือเพลงสดุดีที่ 95 ที่พระสงฆ์นักบวชจะใช้สวดตอนเริ่มต้นวัตรเช้าทุกวัน เพลงสดุดีนี้เชื้อเชิญให้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่การนมัสการพระองค์ท่ีแท้จริงไม่ใช่ เป็นเพียงการสรรเสริญหรือบอกถึงความต้องการของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการสดับฟัง พระองค์ด้วย “วันนี้เมื่อท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระเป็นเจ้า ก็อย่าทำ�ใจแข็งเลย” คน โรคเรื้อนในพระวรสาร ต้องการการรักษา เขาตั้งใจรับฟังพระวาจาของพระเยซูเจ้าอย่าง จดจ่อ “เราพอใจ จงหายเถิด” ดังนัน้ การนมัสการพระเป็นเจ้าทีส่ มบูรณ์คอื การสรรเสริญ พระองค์พร้อมกับการสดับฟังพระองค์ด้วย
01.indd 25
21/12/2561 14:48:24
บทอ่านที่ 1 ฮบ 4:1-5,11 พี่น้อง ทั้งๆ ที่มีพระสัญญาว่าจะให้เข้าไปในที่พักผ่อนกับพระองค์ แต่เราก็ต้อง กลัวว่า อาจมีบางคนที่ไปไม่ถึง ความจริง เราได้รับข่าวดีเช่นเดียวกับเขาเหล่านั้น แต่ พระวาจาที่ได้ยินนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา เพราะเขาไม่มีความเชื่อเหมือนกับผู้ที่ฟัง แต่เราผู้มีความเชื่อเข้าไปในที่พักผ่อนได้ดังที่พระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เรา สัปดาห์ที่ 1 ปฏิญาณขณะที่กำ�ลังโกรธว่า เขาเหล่านั้นจะไม่มีวันเข้าไปในที่พักผ่อนของเรา และ เทศกาลธรรมดา งานของพระเจ้าก็สำ�เร็จไปแล้วตั้งแต่ทรงเนรมิตสร้างโลก เพราะพระองค์ตรัสไว้ใน สดด 78:3-4ขค,6ค-7,8 พระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งเกี่ยวกับวันที่เจ็ดว่า “พระเจ้าทรงพักผ่อนจากการงานทุกอย่าง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ในวันที่เจ็ด เรื่องนี้พระองค์ยังตรัสอีกว่า เขาเหล่านั้นจะมิได้เข้าไปในที่พักผ่อนของเรา ดังนัน้ เราจงรีบเข้าสูท่ พี่ กั ผ่อนนัน้ เถิด เพือ่ จะได้ไม่มใี ครพลาดพลัง้ ตามแบบอย่าง ความดื้อรั้นในครั้งกระโน้น พระวรสาร มก 2:1-12 ต่อมาอีกสองสามวัน พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองคาเปอรนาอุม เมื่อเป็นที่รู้กันว่าพระองค์ประทับ อยู่ในบ้าน ประชาชนจำ�นวนมากจึงมาชุมนุมกันจนไม่มีที่ว่างแม้กระทั่งที่ประตู พระองค์ประทานพระโอวาท สอนประชาชนเหล่านั้น ชายสี่คนหามคนอัมพาตคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ แต่เขานำ�คนอัมพาตนั้นฝ่าฝูงชน เข้าไปถึงพระองค์ไม่ได้ เขาจึงเปิดหลังคาบ้านตรงที่พระองค์ประทับอยู่ แล้วหย่อนแคร่ที่คนอัมพาตนอนอยู่ ลงมาทางช่องนัน้ เมือ่ พระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชือ่ ของคนเหล่านีจ้ งึ ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย บาปของ ท่านได้รับการอภัยแล้ว” ที่นั่นมีธรรมาจารย์บางคนนั่งอยู่ด้วย เขาคิดในใจว่า “ทำ�ไมคนนี้จึงพูดเช่นนี้ เขา กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครอภัยบาปได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น” ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของ เขาด้วยพระจิตของพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำ�ไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกคน อัมพาตว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้น แบกแคร่เดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำ�นาจอภัยบาปได้บนแผ่นดิน” พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบก แคร่ กลับไปบ้านเถิด” เขาก็ลกุ ขึน้ แบกแคร่ออกเดินไปทันทีตอ่ หน้าคนทัง้ ปวง ทุกคนต่างประหลาดใจ ถวาย พระเกียรติแด่พระเจ้าและพูดว่า “พวกเรายังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย” องค์พระผู้เป็นเจ้าได้นำ�ชาวอิสราเอลออกจากการเป็นทาสที่อียิปต์ ไปยังแผ่นดินแห่งพระสัญญา แผ่นดินแห่งพระสัญญาคือสถานทีจ่ ะได้พกั ผ่อน หลายคนไปไม่ถงึ เพราะความไม่ซอื่ สัตย์ตอ่ พระองค์ การพักผ่อน ไม่ใช่การนอนหลับ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าได้พกั ผ่อนในวันทีเ่ จ็ดหลังจากการสร้าง ไม่ได้หมายถึงพระองค์ทรงบรรทม หลับ แต่หมายถึงพระองค์ทรงพอพระทัยในสิ่งที่พระองค์ทรงทำ�สำ�เร็จ พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับคนง่อยว่า “ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว...” พระองค์จะทรงพอพระทัยเมื่อเราได้กลับมาร่วมส่วนในความ ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ นั่นคือเราจะได้พักผ่อนกับพระองค์ในเมืองสวรรค์ หากเราซื่อสัตย์ต่อพระองค์จนถึงวัน สุดท้ายของชีวิต 01.indd 26
21/12/2561 14:48:24
บทอ่านที่ 1 ฮบ 4:12-16 พี่น้อง พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล คมยิ่งกว่าดาบ สองคมใดๆ แทงทะลุเข้าไปถึงจุดที่วิญญาณและจิตใจแยกจากกัน ถึงเส้นเอ็นและ ไขกระดูก วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้ จึงไม่มีสรรพสิ่งใดๆ ซ่อนเร้นไว้เฉพาะ พระพักตร์ แต่ทุกสิ่งเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสายพระเนตรของพระผู้ซึ่งเราจะต้องทูล ถวายรายงาน ในเมื่อเรามีมหาสมณะยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งผ่านเข้าสู่สวรรค์แล้ว คือพระเยซูเจ้าพระบุตร ของพระเจ้า เราจงยึดมัน่ อยูใ่ นการแสดงความเชือ่ ของเราเถิด เพราะเหตุวา่ เราไม่มมี หา สมณะทีร่ ว่ มทุกข์กบั เราผูอ้ อ่ นแอไม่ได้ แต่เรามีมหาสมณะผูท้ รงผ่านการผจญทุกอย่าง เหมือนกับเรา ยกเว้นบาป ดังนัน้ เราจงเข้าไปสูพ่ ระบัลลังก์แห่งพระหรรษทานด้วยความ มั่นใจเพื่อรับพระกรุณา และพบพระหรรษทานเกื้อกูลในยามที่เราต้องการ
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา สดด 19:7,8,9,14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร มก 2:13-17 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปริมฝัง่ ทะเลสาบอีก ประชาชนต่างมาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงทรงสั่งสอนเขา ขณะที่ทรงพระดำ�เนินไป พระองค์ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อ เลวีบุตรของอัลเฟอัส กำ�ลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขา ก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารทีบ่ า้ นของเลวี คนเก็บภาษีและ คนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เพราะมีหลายคนติดตาม พระองค์มา บรรดาธรรมาจารย์ที่เป็นฟาริสีเห็นพระองค์เสวยร่วมกับคนบาปและคน เก็บภาษี จึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำ�ไมอาจารย์ของท่านกินอาหารกับคนเก็บภาษี และคนบาป” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้นจึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่เรามาเพื่อเรียกคนบาป” เราอาจจะฟังพระวาจาของพระเจ้าในเวลาร่วมมิสซา หรืออ่านพระคัมภีร์ ส่วนตัวทีบ่ า้ น พระวาจาของพระองค์เป็นพระวาจาทีม่ ชี วี ติ และท้าทายเราเสมอ เพือ่ ให้เรา ก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์ พระวาจาของพระองค์ใหม่เสมอ พระวาจาของพระองค์ไม่ได้ ทำ�ให้เราหวาดกลัว พระเยซูเจ้าทรงเข้าใจความอ่อนแอของเราคนบาปดี พระองค์เป็นหมอ ฝ่ายจิต ที่เยียวยารักษาเราจากบาป จากความอ่อนแอ และช่วยเราในการสนองตอบ พระวาจาของพระองค์ “คนสบายดีไม่ตอ้ งการหมอ แต่คนเจ็บไข้ตอ้ งการ” ในมิสซาเราได้ ฟังพระวาจาของพระองค์เป็นอันดับแรก และพระองค์ก็ให้อาหารหล่อเลี้ยงเราด้วยคือ ศีลมหาสนิท ในการตอบสนองต่อการท้าทายของพระวาจา
01.indd 27
21/12/2561 14:48:25
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 62:1-5 เพราะเห็นแก่ศิโยน ข้าพเจ้าจะไม่นิ่งเงียบ เพราะเห็นแก่กรุงเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้า จะอยู่เฉยไม่ได้ จนกว่าการปลดปล่อยที่พระเจ้าประทานแก่กรุงนี้จะปรากฏขึ้นดุจ แสงอรุณ และความรอดพ้นของกรุงนี้จะส่องแสงเหมือนคบเพลิงที่กำ�ลังลุกไหม้ นานาชาติจะเห็นว่าพระเจ้าทรงปลดปล่อยเจ้า บรรดากษัตริยจ์ ะทรงเห็นสิรริ งุ่ โรจน์ของ เจ้า เจ้าจะได้ชอื่ ใหม่ ซึง่ พระโอษฐ์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะประทานให้ เจ้าจะเป็นเสมือน มงกุฎงามในพระหัตถ์องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นเหมือนมงกุฎของกษัตริย์ในพระหัตถ์ พระเจ้าของเจ้า เขาจะไม่เรียกเจ้าอีกว่า “ผู้ถูกทอดทิ้ง” เขาจะไม่เรียกแผ่นดินของเจ้า อีกว่า “แม่รา้ ง” แต่เขาจะเรียกเจ้าว่า “ความยินดีของเราอยูใ่ นเธอ” และเรียกแผ่นดิน ของเจ้าว่า “มีคู่สมรสแล้ว” เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยินดีในเจ้า และแผ่นดิน ของเจ้าจะมีคู่สมรส ใช่แล้ว ชายหนุ่มแต่งงานกับสาวพรหมจารีฉันใด พระผู้สร้างของ เจ้าก็จะแต่งงานกับเจ้าฉันนั้น เจ้าบ่าวยินดีเพราะเจ้าสาวฉันใด พระเจ้าของเจ้าก็จะทรง ยินดีเพราะเจ้าฉันนั้น เพลงสดุดี สดด 96:1-3,7-9,11-12ก ก) จงร้องเพลงบทใหม่ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงร้องเพลงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากทั่วแผ่นดิน จงร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า จงถวายพระพรแด่พระนามพระองค์เถิด จงประกาศทุกวันว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดพ้น จงเล่าถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์แก่นานาชาติ จงประกาศกิจการน่าพิศวงของพระองค์แก่บรรดาประชาชาติ ข) ครอบครัวประชาชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์และพระอานุภาพของพระองค์ จงสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงนำ�ของถวายและจงเข้ามาในท้องพระโรงของพระองค์ จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อทรงสำ�แดงความศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์ทั่วแผ่นดินจงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด ค) สวรรค์จงยินดี แผ่นดินจงเปรมปรีดิ์ ทะเลและทุกสิ่งที่อยู่ในทะเลจงส่งเสียงครึกโครมดังฟ้าคะนองเถิด ทุ่งนาและทุกสิ่งที่อยู่ในทุ่งนาจงร่าเริง บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 12:4-11 พีน่ อ้ ง พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มพี ระจิตเจ้าพระองค์เดียว มีหน้าทีห่ ลาย
01.indd 28
21/12/2561 14:48:26
อย่างต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มพี ระเจ้าพระองค์เดียวผูท้ รงกระทำ� ทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในแต่ละคน เพือ่ ประโยชน์สว่ นรวม พระจิตเจ้าประทานถ้อยคำ�ทีป่ รีชาแก่ คนหนึง่ พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทานถ้อยคำ�ทีร่ อบรู้ แก่อีกคนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกัน ประทานความ เชื่อแก่อีกคนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทาน พระพรบำ�บัดรักษาโรค ประทานอำ�นาจทำ�อัศจรรย์ให้อีกคน หนึง่ ประทานให้อกี คนหนึง่ ประกาศพระวาจา ให้อกี คนหนึง่ รู้จักจำ�แนกจิตต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และให้อกี คนหนึง่ ตีความอธิบายความหมายของภาษานัน้ ได้ พระพรพิเศษทัง้ มวลเป็นผลงานจากพระจิตเจ้าพระองค์เดียว ผู้ทรงแจกจ่ายพระพรต่างๆ ให้แต่ละคนตามที่พอพระทัย
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 2:1-12 สามวันต่อมา มีงานมงคลสมรสทีห่ มูบ่ า้ นคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยูใ่ นงาน นั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของ พระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “แม่ครับ แม่ต้องการอะไรจาก ลูก เวลาของลูกยังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาผู้รับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำ� อะไร ก็จงทำ�เถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำ�ระตนตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุนํ้าได้ ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาผู้รับใช้ว่า “จงตักนํ้าใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักนํ้าใส่จนเต็ม ถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมนํ้า ที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่ผู้รับใช้ที่ตักนํ้ารู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใครๆ เขานำ�เหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำ�เหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำ�เครื่องหมายอัศจรรย์ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานาแคว้นกาลิลี พระองค์ทรง แสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์ หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปเมือง คาเปอรนาอุมพร้อมกับพระมารดา พระประยูรญาติและบรรดาศิษย์ ทุกคนพำ�นักอยู่ที่นั่นเพียงสองสามวัน เรื่องราวที่พระเยซูเจ้าทรงทำ�อัศจรรย์ครั้งแรกที่หมู่บ้านคานาคือทรงเปลี่ยนนํ้าให้เป็นเหล้าองุ่น ชั้นดีนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าเป็นแค่นั้นมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรา นอกจากเหตุการณ์นี้จะเป็นการยืนยันว่าพระเยซูเจ้าทรงรับรองการสมรสว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว พระองค์ยัง ต้องการบอกกับเราว่า เหล้าองุ่นนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความรักและการให้อภัยของพระเป็นเจ้า เหล้าองุ่นนี้เข้า มาในโลกโดยทางพระองค์เอง มีจำ�นวนมากมายเพียงพอสำ�หรับผู้ที่ต้องการ และสำ�หรับผู้ที่แสวงหา และ แม่พระเป็นผู้มีส่วนจัดเตรียมเหล้าองุ่นแห่งความรักและการอภัยนี้ด้วยโดยทางคำ�เสนอวิงวอนของพระนาง 01.indd 29
21/12/2561 14:48:27
ระลึกถึง น.อักแนส พรหมจารี และมรณสักขี สดด 110:1,2,3,4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ฮบ 5:1-10 พี่น้อง มหาสมณะทุกองค์ย่อมได้รับการคัดเลือกจากมวลมนุษย์ ได้รับแต่งตั้งให้ เป็นผูแ้ ทนมนุษย์ในความสัมพันธ์ตดิ ต่อกับพระเจ้า เพือ่ ถวายทัง้ บรรณาการและเครือ่ ง บูชาชดเชยบาป เขาเห็นใจผูท้ ไี่ ม่รแู้ ละหลงผิด เพราะเขาก็ถกู ความอ่อนแอครอบงำ�อยู่ เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องถวายบูชาชดเชยบาปสำ�หรับตนเองเช่นเดียวกับ ชดเชยบาปสำ�หรับประชากรด้วย ไม่มีใครอ้างเกียรตินี้เป็นของตนได้ นอกจากผู้ที่ พระเจ้าทรงเรียกเช่นเดียวกับอาโรน ในทำ�นองเดียวกันพระคริสตเจ้ามิได้ทรงยกย่อง พระองค์ขึ้นเป็นมหาสมณะ แต่ผู้ที่ทรงยกย่องพระคริสตเจ้าคือพระเจ้า ผู้ตรัสกับ พระองค์วา่ “ท่านเป็นบุตรของเรา วันนีเ้ ราให้ก�ำ เนิดท่าน” เช่นเดียวกับทีต่ รัสไว้อกี แห่ง หนึง่ ว่า “ท่านเป็นสมณะตลอดนิรนั ดรตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค” ขณะทีพ่ ระเยซู เจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงอธิษฐาน ทูลขอ คราํ่ ครวญและราํ่ ไห้ตอ่ พระเจ้าผูท้ รงช่วยพระองค์ให้พน้ ความตายได้ พระเจ้าทรงฟังเพราะความเคารพยำ�เกรง ของพระเยซูเจ้า ถึงแม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตร ก็ยังทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อม เชือ่ ฟังโดยการรับทรมาน และเมือ่ ทรงกระทำ�ภารกิจของพระองค์ส�ำ เร็จบริบรู ณ์แล้ว ก็ ทรงเป็นผู้บันดาลความรอดพ้นนิรันดรแก่ทุกคนที่ยอมนอบน้อมเชื่อฟังพระองค์ โดย พระเจ้าทรงแต่งตั้งพระเยซูเจ้าให้ทรงเป็นมหาสมณะตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค พระวรสาร มก 2:18-22 เวลานั้น บรรดาศิษย์ของยอห์นและชาวฟาริสีกำ�ลังจำ�ศีลอดอาหาร มีผู้ทูลถาม พระเยซูเจ้าว่า “ทำ�ไมศิษย์ของยอห์นและศิษย์ของชาวฟาริสีจำ�ศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ ของท่านไม่จ�ำ ศีล” พระองค์ตรัสตอบว่า “ผูร้ บั เชิญมาในงานแต่งงานจะจำ�ศีลอดอาหาร ได้หรือขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขา ตราบใดที่เจ้าบ่าวยังอยู่ด้วย เขาย่อมไม่จำ�ศีล อดอาหาร แต่จะมีวนั หนึง่ ทีเ่ จ้าบ่าวจะถูกพรากไป ในวันนัน้ เขาจะจำ�ศีลอดอาหาร ไม่มี ใครนำ�ผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้าใหม่ที่นำ�มาปะเสื้อเก่านั้นจะหดตัวมากกว่า ทำ�ให้ เป็นรอยขาดมากกว่าเดิม ไม่มใี ครใส่เหล้าองุน่ ใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าจะทำ�ให้ ถุงหนังขาด ทั้งเหล้า และถุงก็จะเสียไป แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่” “มหาสมณะ” หรือคำ�ที่เราคุ้นเคย “พระสงฆ์” คือคนกลางระหว่างองค์ พระผูเ้ ป็นเจ้ากับมนุษย์ เป็นเหมือนสะพานเชือ่ มต่อช่องว่างระหว่างเรากับพระเป็นเจ้า จะ เป็นสะพานได้ก็ต้องเชื่อมต่อทั้งสองฝั่ง พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระมหาสมณะ เป็นสะพาน เชื่อมเรากับพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ พระองค์จึงทรงเป็น พระมหาสมณะทีส่ มบูรณ์แบบทีส่ ดุ เวลานีพ้ ระองค์ยงั อยูท่ า่ มกลางเรา เราโชคดีเหลือเกิน ที่มีพระเยซูเจ้าเป็นพระมหาสมณะของเรา และมีพระสงฆ์ที่ได้รับการบวชร่วมส่วนใน สังฆภาพของพระคริสตเจ้าด้วย
01.indd 30
21/12/2561 14:48:27
บทอ่านที่ 1 ฮบ 6:10-20 พี่น้อง พระเจ้าไม่ทรงอยุติธรรมถึงกับจะทรงลืมกิจการที่ท่านได้ทำ� และทรงลืม ความรักที่ท่านได้แสดงต่อพระนามพระองค์ โดยรับใช้บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ และยังคง รับใช้อยูต่ อ่ ไป เราปรารถนาให้ทา่ นแต่ละคนแสดงความกระตือรือร้นต่อไปจนกว่าความ หวังของท่านจะสำ�เร็จบริบูรณ์ในวาระสุดท้าย ทั้งนี้เพื่อมิให้ท่านเฉื่อยชา แต่เพื่อจะทำ� ตามอย่างผู้ที่มีความเชื่อและมีความมานะพากเพียร จึงจะเป็นทายาทแห่งพระสัญญา ได้ เมื่อพระเจ้าทรงสัญญากับอับราฮัมนั้น พระองค์ไม่มีผู้ใดเหนือกว่าที่จะทรงนำ�มา อ้างยืนยันคำ�ปฏิญาณได้ จึงทรงอ้างพระองค์ปฏิญาณว่า “เราจะอวยพรเจ้าอย่างมาก และจะทวีพงศ์พันธุ์ของเจ้าอย่างมากด้วย” ดังนี้ อับราฮัมได้พากเพียรรอคอยและได้ รับทุกอย่างตามพระสัญญา มนุษย์ยอ่ มปฏิญาณโดยอ้างผูเ้ หนือกว่าตน และสำ�หรับเขา เหล่านัน้ การยืนยันด้วยคำ�ปฏิญาณเป็นการยุตขิ อ้ โต้แย้งทัง้ ปวง ดังนัน้ เมือ่ พระเจ้าทรง ปรารถนาจะแสดงให้บรรดาทายาทแห่งพระสัญญาเห็นชัดเจนยิง่ ขึน้ อีกว่า แผนการของ พระองค์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จึงทรงผูกมัดพระองค์ด้วยคำ�ปฏิญาณ เพื่อให้เราซึ่งหนี ทุกข์ภัย มีก�ำ ลังใจอย่างแรงกล้าที่จะยึดมั่นในความหวังเบื้องหน้า พระสัญญาและคำ� ปฏิญาณจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะพระเจ้าทรงมุสาไม่ได้ เรามีความหวังนี้เป็นดังสมอ เรือที่มั่นคงปลอดภัยสำ�หรับชีวิต ความหวังดังกล่าวผ่านม่านเข้าไปถึงห้องภายในพระ วิหาร ทีพ่ ระเยซูเจ้าเสด็จล่วงหน้าเข้าไปก่อนแล้วเพือ่ เรา ในฐานะที่ทรงเป็นมหาสมณะ นิรันดร ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา
สดด 111:1-2,4-5, 9-10ค ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร มก 2:23-28 วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์ที่เดินทางอยู่ด้วยเด็ดรวงข้าว ชาว ฟาริสีทูลถามพระองค์ว่า “ทำ�ไมศิษย์ของท่านทำ�สิ่งต้องห้ามในวันสับบาโต” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านไม่ ได้อ่านพระคัมภีร์หรือว่า กษัตริย์ดาวิดทรงทำ�สิ่งใดในยามที่มีความจำ�เป็นและความหิวโหยทั้งพระองค์และ ผูต้ ดิ ตาม พระองค์เสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าเมือ่ อาบียาธาร์เป็นมหาสมณะ เสวยขนมปังทีต่ งั้ ถวาย ซึ่งใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น พระองค์ยังทรงให้ผู้ติดตามกินอีกด้วย” แล้วพระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “วันสับบาโตมีไว้เพื่อมนุษย์ มิใช่มนุษย์มีไว้เพื่อวันสับบาโต ดังนั้น บุตร แห่งมนุษย์จึงเป็นนายเหนือแม้กระทั่งวันสับบาโตด้วย” เมื่อวานนี้ เราได้ทราบแล้วว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระมหาสมณะของเรา แม้พระองค์ยังอยู่ ท่ามกลางเรา แต่ในอีกด้านหนึง่ พระองค์ได้จากพวกเราไปก่อนแล้วโดยการเสด็จสูส่ วรรค์ พระองค์ทรงเป็นเหมือน สมอเรือที่ปักหมุดบนสวรรค์ที่ผูกยึดเราไว้กับพระองค์ โซ่ที่ผูกเรากับสมอเรือจะแข็งแรงมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่ กับความเชือ่ ของเราว่ามีมากหรือน้อย เราจึงมีความหวังว่า เราจะไม่ถกู พัดพาไปทีอ่ นื่ แต่เราจะคงอยูก่ บั พระองค์ เสมอ เพราะพระองค์ทรงเป็นสมอเรือที่ผูกยึดเราไว้ 01.indd 31
21/12/2561 14:48:28
น.วินเซนต์ สังฆานุกร และมรณสักขี สดด 110:1,2,3,4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ฮบ 7:1-3,15-17 พี่น้อง เมลคีเซเดคผู้นี้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งเมืองซาเลม ทรงเป็นสมณะของ พระเจ้าสูงสุด เสด็จมาพบอับราฮัมขณะทีอ่ บั ราฮัมกลับจากรบชนะบรรดากษัตริย์ และ ทรงอวยพรเขา อับราฮัมแบ่งหนึ่งในสิบจากสิ่งของทั้งหมดถวายเมลคีเซเดค ชื่อ เมลคีเซเดคแปลว่า “กษัตริย์แห่งความชอบธรรม” ทรงเป็นกษัตริย์แห่งซาเลมซึ่ง แปลว่า “กษัตริยแ์ ห่งสันติภาพ” พระคัมภีรไ์ ม่กล่าวถึงพระบิดาพระมารดาหรือราชวงศ์ ไม่กล่าวถึงวันเริ่มต้นและบั้นปลายชีวิตของพระองค์ พระองค์จึงทรงเป็นเสมือน พระบุตรของพระเจ้า และทรงเป็นสมณะอยู่ตลอดไป เรื่องนี้จะชัดเจนขึ้น ถ้ามีสมณะอีกองค์หนึ่งปรากฏขึ้นเหมือนกับเมลคีเซเดค ซึ่ง ได้เป็นสมณะมิใช่ตามกฎแห่งการสืบตระกูล แต่เดชะอำ�นาจแห่งชีวิตที่ไม่มีวันดับสูญ เพราะพระคัมภีร์เป็นพยานยืนยันว่า “ท่านเป็นสมณะนิรันดรตามแบบอย่างของ เมลคีเซเดค” พระวรสาร มก 3:1-6 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมอีกครั้งหนึ่ง ที่น่ันมีชายมือลีบ คนหนึ่ง ประชาชนบางคนคอยจ้องมองดูว่า พระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวัน สับบาโตหรือไม่ เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ พระองค์ตรัสสั่งชายมือลีบว่า “ลุก ขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” แล้วตรัสถามคนทั้งหลายว่า “ในวันสับบาโตนั้น ควรทำ�ความ ดีหรือความชั่ว ควรจะช่วยชีวิตหรือปล่อยให้ตายไป” คนเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ พระองค์จึง ทอดพระเนตรเขาเหล่านั้นด้วยความกริ้ว เศร้าพระทัยเพราะจิตใจแข็งกระด้างของเขา แล้วตรัสสั่งชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือซิ” เขาก็เหยียดมือ มือนั้นก็หายลีบเป็นปกติ ชาวฟาริสีจึงออกไป และประชุมกับผู้นิยมกษัตริย์เฮโรดทันที เพื่อปรึกษาว่าจะกำ�จัด พระองค์ได้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระมหาสมณะที่แตกต่างจากพระสมณะของชาวยิวที่ สืบทอดความเป็นสมณะโดยการสืบเชื้อสายในตระกูลเลวี พระองค์ทรงเป็นมหาสมณะ โดยตรงจากพระบิดาเจ้าสวรรค์ ความเป็นสมณะของพระองค์ไม่ได้สิ้นสุดที่ความตาย แต่ ยังคงอยูต่ ลอดไปเพราะพระองค์ทรงเป็นมหาสมณะนิรนั ดร เหตุการณ์ในพระวรสารวันนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงว่าพระองค์ทรงมาแทนที่การเป็นสมณะแบบเดิม พระองค์ทรง เป็นคนกลางทีเ่ สนอคำ�วิงวอนและถวายมิสซาของเราแด่พระบิดาเจ้าสวรรค์ มิสซามีความ หมายและคุณค่าไม่ใช่เพราะเรา แต่เพราะพระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ในมิสซานี้
01.indd 32
21/12/2561 14:48:28
บทอ่านที่ 1 ฮบ 7:25-28, 8:6 ด้วยเหตุนี้ พระเยซูเจ้าจึงทรงช่วยคนทั้งปวงซึ่งเข้ามาถึงพระเจ้าโดยทางพระองค์ ให้ได้รับความรอดพ้นได้อย่างดียิ่ง เพราะพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจเพื่อทูลขอ พระกรุณาให้คนเหล่านั้น เราต้องการมหาสมณะลักษณะเช่นนี้ คือเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไร้ความผิด ไร้มลทิน แยกจากคนบาปทั้งปวง ประทับอยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่จำ�เป็นที่พระองค์จะต้องทรง ระลึกถึง นำ�เครื่องบูชามาถวายพระเจ้าทุกวัน ดังเช่นมหาสมณะองค์อื่นๆ เพื่อถวายชดเชยบาป น.ฟรังซิส เดอ ซาลส์ ของตนก่อน แล้วจึงถวายชดเชยบาปของประชากร ส่วนพระเยซูเจ้าเมื่อทรงถวาย พระสังฆราช พระองค์ได้ทรงกระทำ�เช่นนี้เพียงครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไป... และนักปราชญ์ ประเด็นสำ�คัญของเรือ่ งทีเ่ รากำ�ลังพูดถึงคือ เรามีมหาสมณะทีป่ ระทับอยูเ่ บือ้ งขวา แห่งพระศาสนจักร พระบัลลังก์ของพระผูท้ รงศักดานุภาพในสวรรค์ เป็นผูป้ ฏิบตั ศิ าสนกิจในสถานศักดิส์ ทิ ธิ์ สดด 40:6-7ก, ในกระโจมแท้จริงทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงตัง้ ขึน้ มิใช่กระโจมทีม่ นุษย์ตงั้ ขึน้ มหาสมณะ 7ข-8,9,16 ทุกองค์ย่อมรับการแต่งตั้งเพื่อถวายบรรณาการและเครื่องบูชา ดังนั้น จำ�เป็นที่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 พระคริสตเจ้าจะต้องทรงมีสงิ่ ใดสิง่ หนึง่ ถวายด้วย ถ้าพระองค์ประทับในโลกนี้ พระองค์ ก็คงไม่ทรงเป็นสมณะแต่อย่างใด เพราะมีผู้อื่นถวายบรรณาการตามธรรมบัญญัติอยู่แล้ว เขาเหล่านี้ปฏิบัติ ศาสนกิจทีเ่ ป็นรูปแบบและเงาแห่งของจริงในสวรรค์ ตามทีโ่ มเสสได้รบั พระบัญชาเมือ่ กำ�ลังจะตัง้ กระโจมขึน้ พระเจ้าตรัสว่า “จงระวัง ทำ�ทุกอย่างตามแบบที่เราแสดงให้ท่านเห็นบนภูเขา”... บัดนี้ พระคริสตเจ้าทรงได้รับศาสนบริการที่ยิ่งใหญ่กว่าศาสนบริการของสมณะตระกูลเลวี เช่นเดียว กับที่พันธสัญญาซึ่งมีพระองค์ทรงเป็นคนกลางนั้นดีกว่าพันธสัญญาเดิมเพราะตั้งอยู่บนพระสัญญาที่ดีกว่า พระวรสาร มก 3:7-12 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปยังทะเลสาบกับบรรดาศิษย์ ผู้คนหมู่ใหญ่จากแคว้นกาลิลีติดตาม พระองค์ ผู้คนจากแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากแคว้นอิดูเมอา จากอีกฟากหนึ่งของแม่นํ้าจอร์แดน และจากบริเวณเมืองไทระและไซดอนเป็นหมูใ่ หญ่ ได้ยนิ สิง่ ทีท่ รงกระทำ�ก็มาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัส สัง่ บรรดาศิษย์ให้จดั เรือไว้ล�ำ หนึง่ เพือ่ ประชาชนจะได้ไม่เบียดเสียดพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักษาผูป้ ว่ ย จำ�นวนมาก จนบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ เบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อสัมผัสพระองค์ เมื่อปีศาจทั้งหลายเห็น พระองค์ ก็กราบลง พลางตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงกำ�ชับอย่างแข็งขัน มิให้มันแพร่งพรายว่าพระองค์เป็นใคร ในพิธีมิสซา เราจะคุ้นเคยกับวลีหนึ่งที่ว่า “...ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้า พระเจ้าของ ข้าพเจ้าทัง้ หลาย” วลีนสี้ ะท้อนความจริง 2 ประการ ประการแรก มิสซาเป็นการนมัสการพระบิดาเจ้าของบรรดา บุตรของพระองค์ โดยทางศีลล้างบาปเราได้กลายเป็นบุตรของพระบิดาเจ้าเช่นเดียวกับองค์พระบุตร ประการที่ สอง เราไม่ได้นมัสการพระบิดาเจ้าเพียงลำ�พัง แต่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระเยซูเจ้าในความเชื่อ เรามีหลัก ประกันอย่างทีจ่ ดหมายถึงชาวฮีบรูบอกว่า “พระเยซูเจ้าจึงทรงช่วยคนทัง้ ปวงซึง่ เข้ามาถึงพระเจ้าโดยทางพระองค์ ให้ได้รับความรอดพ้นได้อย่างดียิ่ง เพราะพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจเพื่อทูลขอพระกรุณาให้คนเหล่านั้น” 01.indd 33
21/12/2561 14:48:29
บทอ่านที่ 1 กจ 22:3-16 เวลานั้น เปาโลจึงกล่าวกับประชาชนว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิว เกิดที่เมืองทาร์ซัส ในแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตในเมืองนี้ กามาลิเอลเป็นอาจารย์สอนข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตาม ธรรมบัญญัตขิ องบรรพบุรษุ อย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าด้วยความกระตือรือร้น อยู่เสมอเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติอยู่ในวันนี้ ผู้ที่ดำ�เนินตามวิถีทางนี้เคยถูก ฉลองการกลับใจ ข้าพเจ้าเบียดเบียนถึงตาย ข้าพเจ้าจับกุมทัง้ ชายและหญิงจองจำ�ไว้ในคุก ดังทีม่ หาสมณะ ของนักบุญเปาโล และสภาผู้อาวุโสทุกคนเป็นพยานยืนยันได้ เพราะเขามอบจดหมายให้ข้าพเจ้านำ�ไปให้ แก่บรรดาพี่น้องชาวยิวที่เมืองดามัสกัส... อัครสาวก เวลาประมาณเทีย่ งวัน ขณะทีข่ า้ พเจ้ากำ�ลังเดินทางใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใด สดด 117:1-2 นั้นมีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าล้มลงที่พื้นดินและได้ยิน เสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำ�ไม’ ข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร’ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธ ซึง่ เจ้ากำ�ลังเบียดเบียนอยู’่ คนทีอ่ ยูก่ บั ข้าพเจ้าเห็น แสงสว่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงคนที่พูดกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าถามอีกว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำ�อะไร’ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึน้ เข้าไปในเมืองดามัสกัส ทีน่ นั่ จะมีคนบอกทุกสิง่ ทีพ่ ระเจ้า ทรงกำ�หนดให้เจ้าทำ�’ แสงนั้นสว่างจ้าจนข้าพเจ้ามองไม่เห็นสิ่งใด ผู้ร่วมเดินทางกับข้าพเจ้าจึงจูงมือข้าพเจ้า เข้าไปในเมืองดามัสกัส ชายคนหนึง่ ชือ่ อานาเนีย เป็นผูย้ �ำ เกรงพระเจ้าและปฏิบตั ติ ามธรรมบัญญัติ เป็นทีเ่ คารพนับถือของชาว ยิวทุกคนซึ่งอยู่ที่นั่น เขามาพบข้าพเจ้า ยืนใกล้ๆ พูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล น้องเอ๋ย จงกลับมองเห็นเถิด’ และในเวลานั้นเองข้าพเจ้าก็มองเห็นเขา อานาเนียบอกข้าพเจ้าว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงเลือกสรรท่านให้รู้พระประสงค์ของ พระองค์... บัดนี้ท่านรออะไรอยู่อีก จงลุกขึ้น รับศีลล้างบาปและเรียกขานพระนามพระองค์ชำ�ระล้างบาป ของท่านเถิด’” พระวรสาร มก 16:15-18 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์กับอัครสาวกสิบเอ็ดคน ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออก ไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสิน ลงโทษ ผูท้ เี่ ชือ่ จะทำ�อัศจรรย์เหล่านีไ้ ด้ คือจะขับไล่ปศี าจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และ ถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” ชีวิตทั้งหมดของนักบุญเปาโล สามารถอธิบายได้จากประสบการณ์หนึ่งเดียวคือท่านได้พบกับ พระเยซูเจ้าขณะกำ�ลังเดินทางไปเมืองดามัสกัส ณ เวลานั้นเองท่านได้พบว่าความกระตือรือร้นของท่านในการ เบียดเบียนศิษย์ของพระเยซูเจ้านั้นสูญเปล่า เหมือนนักมวยที่เหวี่ยงหมัดอย่างบ้าคลั่ง เขาจงเกลียดจงชัง คริสตชนมาก “เข้าไปตามบ้านฉุดลากทั้งชายและหญิงไปจองจำ�ไว้ในคุก” (กจ 8:3ข) เมื่อพระเยซูเจ้าได้เลือก ท่านเป็นเครื่องมือและเป็นพยานของพระองค์แล้ว ชีวิตที่เหลือทั้งหมดของท่านได้ทุ่มเทให้กับการประกาศและ เจริญชีวิตอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย โดยศีลล้างบาป คริสตชนได้ตายต่อบาปและถูกฝังพร้อมกับพระคริสตเจ้า ได้ กลายเป็นสิ่งสร้างใหม่ ได้ร่วมส่วนในชัยชนะของพระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพเหมือนกับพระองค์ 01.indd 34
21/12/2561 14:48:29
บทอ่านที่ 1 2 ทธ 1:1-8 จากเปาโล อั ค รสาวกของพระคริ ส ตเยซู โดยพระประสงค์ ข องพระเจ้ า ตาม พระสัญญาที่จะประทานชีวิตให้เราในพระคริสตเยซู ถึงทิโมธีลูกรัก ขอพระหรรษทาน พระเมตตาและสันติจากพระเจ้าพระบิดา และจากพระคริสต ระลึกถึง เยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราสถิตกับท่านเถิด น.ทิโมธี ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระเจ้าที่ข้าพเจ้าปรนนิบัติรับใช้ด้วย มโนธรรมบริสุทธิ์เช่นเดียวกับบรรพบุรุษ ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านอยู่เสมอในการอธิษฐาน และ น.ทิตัส ทั้งวันทั้งคืน ข้าพเจ้ายังระลึกถึงนํ้าตาของท่าน และปรารถนาที่จะพบท่านเพื่อจะได้มี พระสังฆราช สดด 96:1-2,3,7-8, ความยินดีเต็มเปี่ยม และยังระลึกถึงความเชื่อที่จริงใจของท่าน เป็นความเชื่อแต่เดิม 10-11 ของโลอิสยายของท่าน เป็นความเชือ่ ของยูนสิ มารดาของท่าน และข้าพเจ้ามัน่ ใจว่าเป็น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ความเชื่อของท่านด้วย ข้าพเจ้าจึงเตือนความจำ�ของท่านเพื่อให้พระพรพิเศษของพระเจ้าเป็นไฟที่รุ่งโรจน์ขึ้นอีก ท่านได้รับ พระพรนี้โดยการปกมือของข้าพเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่ บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์ พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจำ�เพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมาน กับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า พระวรสาร ลก 10:1-9 ต่อจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน และทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็น คู่ๆ ไปทุกตำ�บลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจ ลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำ�ถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้า บ้านใด จงกล่าวก่อนว่า ‘สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด’ ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะ อยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะ นำ�มาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมือง ใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำ�มาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า ‘พระ อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’” เพราะมีบดิ าเป็นกรีก มารดาเป็นยิว ท่านทิโมธีจงึ ถือเป็นลูกนอกกฎหมาย ท่านได้กลับใจโดยนักบุญ เปาโล เวลานั้นยังเป็นคนหนุ่ม ท่านได้ร่วมงานแพร่ธรรมกับนักบุญเปาโล ร่วมก่อตั้งพระศาสนจักรที่เมือง โครินธ์ ตลอดเวลา 15 ปีทที่ �ำ งานกับนักบุญเปาโล ท่านได้เป็นเพือ่ นทีซ่ อื่ สัตย์และไว้ใจได้ หลายครัง้ นักบุญเปาโล ได้สง่ ท่านไปแก้ปญ ั หาในกลุม่ คริสตชนทีก่ �ำ ลังวุน่ วาย ส่วนทิตสั ซึง่ เป็นชาวกรีกเมืองอันติโอค เป็นเพือ่ นและศิษย์ ของนักบุญเปาโลและเป็นผูแ้ พร่ธรรมด้วย ทิตสั ได้ชอื่ ว่าเป็นนักสร้างสันติและนักบริหารด้วย ท่านได้ถอื จดหมาย ของนักบุญเปาโลไปที่เมืองโครินธ์และประสบความสำ�เร็จในการทำ�ให้สถานการณ์ดีขึ้น 01.indd 35
21/12/2561 14:48:30
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือเนหะมีย์ นหม 8:2-4ก,5-6,8-10 วันทีห่ นึง่ เดือนเจ็ด เอสราสมณะนำ�ธรรมบัญญัตอิ อกมาต่อหน้าชุมชนทัง้ ชายหญิง และเด็กที่มีวัยพอจะฟังเข้าใจได้ เอสราอ่านหนังสือที่ลานหน้าประตูนํ้าตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงเทีย่ ง ต่อหน้าชายหญิงและเด็กทีม่ วี ยั พอจะฟังเข้าใจได้ ประชากรทัง้ ปวงตัง้ ใจฟัง ข้อความที่อ่านจากหนังสือธรรมบัญญัติ เอสราธรรมาจารย์ยืนอยู่บนยกพื้นไม้ที่ทำ�ขึ้นเพื่อการนี้ เอสรายืนอยู่สูงกว่า ประชากรทั้งปวง ทุกคนจึงเห็นเขาได้ เมื่อเขาเปิดหนังสือ ประชากรทุกคนก็ยืนขึ้น เอสราถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ประชากรทั้งปวงก็ชูมือขึ้น พูดว่า “อาเมน อาเมน” และก้มลงหน้าจรดพืน้ นมัสการองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เขาทัง้ หลาย แปลข้อความจากหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นตอนๆ และอธิบายความหมาย ให้ประชากรเข้าใจ ประชากรทุกคนทีฟ่ งั ถ้อยคำ�ของธรรมบัญญัตกิ ร็ อ้ งไห้ เนหะมียซ์ งึ่ เป็นผูว้ า่ ราชการ เอสราซึ่งเป็นสมณะและธรรมาจารย์ และชนเลวีผู้สอนประชากรจึงพูดกับประชากร ทั้งปวงว่า “วันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน อย่าเป็น ทุกข์โศกเศร้าหรือรํ่าไห้เลย จงกลับไปบ้าน เลี้ยงอาหารเลิศรส ดื่มเหล้าองุ่นอย่างดี และแบ่งปันอาหารให้คนที่ไม่มี เพราะวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็น เจ้าของเรา อย่าเศร้าใจเลย เพราะความยินดีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพละกำ�ลังของ ท่าน” เพลงสดุดี สดด 19:7-10,14 ก) ธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าสมบูรณ์ทุกประการ ให้ความชื่นบานแก่จิตวิญญาณ กฤษฎีกาขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มั่นคง ให้ปรีชาญาณแก่ผู้ด้อยปัญญา ข้อบังคับขององค์พระผู้เป็นเจ้าสุจริต ทำ�ให้ดวงจิตปีติยินดี บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ชัดเจน ให้แสงสว่างแก่ดวงตา บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 12:12-30 พี่น้อง แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่างๆ เหล่า นี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกายเดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น เดชะ พระจิตเจ้าพระองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รับการล้างมารวมเข้าเป็นร่างกายเดียวกัน ไม่ ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือเป็นไทยก็ตาม เราทุกคนต่างได้รับ พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกัน ร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะส่วนเดียว แต่มีอวัยวะ หลายส่วน ถ้าเท้าจะพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่มือ จึงไม่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย” แต่เท้า ไม่ได้เป็นอวัยวะของร่างกายน้อยกว่าอวัยวะส่วนอื่น เพราะเป็นเพียงเท้า หรือถ้าหูจะ พูดว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ดวงตา จึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกาย” แต่ก็ไม่ได้ทำ�ให้หูไม่เป็น
01.indd 36
21/12/2561 14:48:30
อวัยวะของร่างกายเลย ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นดวงตา แล้วจะได้ยินได้อย่างไร ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นหู แล้ว จะได้กลิ่นได้อย่างไร โดยแท้จริงแล้วพระเจ้าทรงจัดอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้อยู่ในที่ที่ทรงพระประสงค์ ถ้าร่างกายทุกส่วน เป็นอวัยวะเดียวแล้ว ร่างกายจะอยู่ที่ไหน เท่าที่เป็นอยู่ มีอวัยวะหลายส่วน แต่มีร่างกายเดียว ดวงตาพูด กับมือไม่ได้ว่า “เราไม่ต้องการเจ้า” และศีรษะก็พูดกับเท้าไม่ได้ว่า “เราไม่ต้องการเจ้า” ตรงกันข้าม ส่วนที่เราคิดว่าเป็นอวัยวะที่อ่อนแอของร่างกายกลับเป็นอวัยวะที่จำ�เป็นมากกว่า อวัยวะ ส่วนทีเ่ ราคิดว่าไม่มเี กียรติในร่างกาย เรากลับทะนุถนอมด้วยความเคารพเป็นพิเศษ และอวัยวะทีน่ า่ อับอาย ของเรากลับได้รับการตกแต่งให้งดงามมากกว่าส่วนอื่น อวัยวะที่น่าดูอยู่แล้วไม่ต้องการตกแต่งอะไรอีก พระเจ้าทรงประกอบร่างกายขึน้ โดยให้เกียรติแก่อวัยวะทีไ่ ม่มเี กียรติมากกว่าอวัยวะอืน่ ๆ เพือ่ ร่างกายจะได้ ไม่มกี ารแตกแยกใดๆ ตรงกันข้าม อวัยวะแต่ละส่วนจะเอาใจใส่ซงึ่ กันและกัน ถ้าอวัยวะหนึง่ เป็นทุกข์ อวัยวะ อื่นๆ ทุกส่วนก็ร่วมเป็นทุกข์ด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะอื่นๆ ทุกส่วนก็ร่วมยินดีด้วยเช่น เดียวกัน...
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 1:1-4 และ 4:14-21 ท่านเธโอฟีลัสที่เคารพยิ่ง คนจำ�นวนมากได้เรียบเรียงเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเรา ผู้ ทีเ่ ป็นพยานรูเ้ ห็นและประกาศพระวาจามาตัง้ แต่แรกได้ถา่ ยทอดเหตุการณ์เหล่านีใ้ ห้เรารูแ้ ล้ว ข้าพเจ้าจึงตกลง ใจค้นคว้าเรือ่ งราวทัง้ หมดตัง้ แต่ตน้ อย่างละเอียด แล้วเรียบเรียงตามลำ�ดับเหตุการณ์อกี ครัง้ หนึง่ สำ�หรับท่าน ด้วย ท่านเธโอฟีลัสที่เคารพ เพื่อท่านจะได้รู้ว่าคำ�สอนที่ท่านรับมานั้นเป็นความจริง พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปแคว้นกาลิลีพร้อมด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า กิตติศัพท์ของพระองค์ เลื่องลือไปทั่วแว่นแคว้นนั้น พระองค์ทรงสอนตามศาลาธรรมของชาวยิว และทุกคนต่างสรรเสริญพระองค์ พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงเจริญวัย ในวันสับบาโต พระองค์ เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่อทรงอ่านพระคัมภีร์ มีผู้ส่งม้วนหนังสือประกาศกอิสยาห์ให้ พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงคลี่ม้วนหนังสือออก ทรงพบข้อความที่เขียนไว้ว่า พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดี แก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผถู้ กู จองจำ� คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อย ผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลง สายตาของทุกคนที่อยู่ในศาลา ธรรมต่างจ้องมองพระองค์ พระองค์จึงทรงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่ นี้เป็นความจริงแล้ว” พระเยซูเจ้าทรงเริม่ ภารกิจของพระองค์ โดยอ้างคำ�กล่าวของประกาศกอิสยาห์ในพันธสัญญาเดิม ได้เป็นจริงในตัวพระองค์เอง “...ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน...ปลดปล่อยผูถ้ กู จองจำ�...คืนสายตาแก่คนตาบอด... ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ...” เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ที่รอคอยมานาน พระเยซูเจ้ามาในโลกนี้ พร้อมกับข่าวดี ไม่ใช่ข่าวร้าย พระวรสารเป็นข่าวดีสำ�หรับทุกคน โดยเฉพาะคนยากจน ใครคือคนยากจน? คน ยากจนคือคนที่ตระหนักว่าตนเองเป็นคนบาป ที่หิวกระหายความรักและความเมตตาจากพระเจ้าซึ่งมีจำ�นวน มากมาย เราได้รับสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพราะความเหมาะสมของเรา แต่เพราะความดีงามของพระเจ้า ให้เรายอมรับ ว่าเราเป็นคนบาป เพื่อความรักและความเมตตาของพระองค์จะหลั่งไหลมาสู่เรา 01.indd 37
21/12/2561 14:48:30
ระลึกถึง น.โทมัส อาไควนัส พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 98:1,2-3กข, 3คง-4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 ฮบ 9:15,24-28 พี่น้อง ดังนั้น พระคริสตเจ้าทรงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้ผู้ที่ได้ รับเรียกเป็นทายาทกองมรดกนิรันดรได้รับตามพระสัญญา เพราะพระองค์ทรงยอมรับ ความตายเพื่อลบล้างการล่วงละเมิดตามเงื่อนไขของพันธสัญญาเดิมแล้ว พระคริสตเจ้ามิได้เสด็จเข้าสู่สถานศักดิ์สิทธิ์ที่มือมนุษย์สร้าง ซึ่งเป็นภาพจำ�ลอง ของสถานศักดิส์ ทิ ธิแ์ ท้ แต่พระองค์เสด็จเข้าสูส่ วรรค์ ทัง้ นีเ้ พือ่ จะทรงปรากฏอยูเ่ ฉพาะ พระพักตร์พระเจ้าแทนเรา มิใช่เพื่อถวายพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ดังเช่นมหาสมณะ ต้องเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำ�ทุกปีพร้อมกับนำ�เลือดซึ่งไม่ใช่เลือดของตน เข้าไปด้วย มิฉะนั้น พระคริสตเจ้าคงจะต้องทรงรับการทรมานครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่ สร้างโลกเป็นต้นมา ตรงกันข้ามพระองค์ทรงปรากฏพระองค์เพียงครั้งเดียว ณ บัดนี้ ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายเพื่อลบล้างบาปโดยบูชาพระองค์ มนุษย์ถูกกำ�หนดให้ตายเพียงครั้ง เดียว หลังจากนั้นจะมีการพิพากษาฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น พระองค์ทรงถวาย พระองค์เพียงครัง้ เดียว เพือ่ ทรงลบล้างบาปของคนจำ�นวนมาก พระองค์จะทรงปรากฏ พระองค์เป็นครั้งที่สองโดยไม่ทรงเกี่ยวข้องกับบาปอีก แต่เพื่อทรงนำ�ความรอดพ้นมา ประทานแก่ผู้ที่รอคอยพระองค์ พระวรสาร มก 3:22-30 เวลานัน้ บรรดาธรรมาจารย์ทม่ี าจากกรุงเยรูซาเล็มพูดว่า “เขามีปศี าจเบเอลเซบูล สิงอยู่” และ “ขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” พระองค์จึงทรงเรียก เขาเหล่านั้นเข้ามาพบ ตรัสเป็นอุปมาว่า “ซาตานจะขับซาตานได้อย่างไร ถ้าอาณาจักร หนึ่งแตกแยก อาณาจักรนั้นก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ถ้าครอบครัวหนึ่งแตกแยก ครอบครัวนั้นก็ ตั้งมั่นอยู่ต่อไปไม่ได้ ถ้าซาตานลุกขึ้นต่อสู้กันเองและแตกแยก มันก็อยู่ไม่ได้ ต้องถึง จุดจบ ไม่มีใครเข้าไปในบ้านของคนเข้มแข็งและปล้นเอาทรัพย์ของเขาได้ ถ้าไม่มัดคน เข้มแข็งนั้นไว้ก่อน เมื่อนั้นแหละจึงจะเข้าปล้นบ้านได้ เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า มนุษย์จะรับการอภัยบาปทุกประการรวม ทั้งคำ�ดูหมิ่นพระเจ้าที่ได้พูดออกไป แต่ใครที่พูดดูหมิ่นพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัย เลย เขามีความผิดตลอดนิรนั ดร” พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนีเ้ พราะมีผพู้ ดู ว่า “คนนีม้ ปี ศี าจ สิงอยู่”
จดหมายถึงชาวฮีบรูในวันนี้ บอกกับเราว่า พระเยซูเจ้าทรงสิน้ พระชนม์เพียงครัง้ เดียว ไม่สามารถ ที่จะสิ้นพระชนม์อีก ในพิธีมิสซาพระเป็นเจ้าได้ทำ�ให้เครื่องถวายบูชาของพระเยซูเจ้าเป็นปัจจุบัน เพื่อว่าเราจะ สามารถร่วมส่วนในบูชานัน้ ด้วย พระเป็นเจ้าไม่มอี ดีต ไม่มอี นาคต เป็นปัจจุบนั เสมอ พระองค์ไม่ถกู จำ�กัดในเวลา เหมือนสิ่งสร้างทั่วไป ให้เราโมทนาคุณพระเป็นเจ้าที่ทำ�ให้เราสามารถร่วมส่วนในเครื่องบูชาของพระองค์ทุกวัน ในพิธีมิสซา 01.indd 38
21/12/2561 14:48:31
บทอ่านที่ 1 ฮบ 10:1-10 พี่น้อง เนื่องจากธรรมบัญญัติเป็นเพียงเงาและไม่ใช่ภาพจริงของพระพรที่พระเจ้า ทรงสัญญาจะประทานให้ จึงไม่อาจทำ�ให้ผู้มาเฝ้าพระเจ้าบรรลุถึงความบริบูรณ์ได้ แม้ จะถวายเครื่องบูชาเดียวกันตลอดปีอย่างต่อเนื่องทุกปี มิฉะนั้น การถวายบูชาแบบนี้ คงจะต้องยุติลง ในเมื่อผู้นมัสการได้รับการชำ�ระล้างครั้งหนึ่งเพื่อให้บริสุทธิ์ตลอดไป แล้ว เขาคงจะไม่สำ�นึกว่าตนยังมีบาปอีก แต่การถวายบูชาเหล่านี้ยังเตือนให้สำ�นึกถึง บาปอยู่ทุกปี เพราะเลือดโคเพศผู้และเลือดแพะชำ�ระบาปให้หมดสิ้นไปไม่ได้ ดังนั้น เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลก จึงตรัสว่า “พระองค์ไม่มพี ระประสงค์เครือ่ งบูชาและของถวายอืน่ ใด พระองค์จงึ ทรงเตรียม ร่างกายไว้ให้ขา้ พเจ้า พระองค์ไม่พอพระทัยในเครือ่ งเผาบูชาและเครือ่ งบูชาชดเชยบาป ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ในม้วนหนังสือมีข้อความเขียนเกี่ยวกับ ข้าพเจ้าไว้ว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์” พระคริสตเจ้าตรัสเป็นอันดับแรกว่าพระเจ้าไม่มพี ระประสงค์และไม่พอพระทัยใน เครื่องบูชา ของถวาย เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป ทั้งๆ ที่มีกำ�หนดไว้ใน ธรรมบัญญัติ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ข้าพเจ้าอยูท่ นี่ ี่ ข้าพเจ้ามาเพือ่ ปฏิบตั ติ ามพระประสงค์ ของพระองค์ พระคริสตเจ้าจึงทรงยกเลิกการถวายบูชาแบบเดิมและทรงตั้งการถวาย บูชาแบบใหม่ขนึ้ แทน โดยพระประสงค์นเี้ องเราทัง้ หลายได้รบั ความศักดิส์ ทิ ธิ์ เดชะการ ถวายพระวรกายของพระองค์เป็นการบูชาที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงกระทำ�แต่เพียงครั้ง เดียวโดยมีผลตลอดไป
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา สดด 40:1 และ 3กข, 6-7ก,9,10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร มก 3:31-35 เวลานัน้ พระมารดาและพระประยูรญาติของพระองค์มาถึง ยืนรออยูข่ า้ งนอก ส่ง คนเข้าไปทูลพระองค์ ประชาชนกำ�ลังนัง่ ล้อมพระองค์อยู่ เขาจึงทูลพระองค์วา่ “มารดา และพี่น้องชายหญิงของท่านกำ�ลังตามหาท่าน คอยอยู่ข้างนอก” พระองค์ตรัสถามว่า “ใครเป็นมารดาและพี่น้องของเรา” แล้วพระองค์ทอดพระเนตรผู้ที่นั่งเป็นวงล้อมอยู่ ตรัสว่า “นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา ผู้ใดทำ�ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ผู้นั้นเป็น พี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา” เราทุกคนเคยมีประสบการณ์ในการให้ของขวัญและรับของขวัญ ของขวัญเหล่านั้นอาจไม่มีมูลค่า อะไรมากมาย แต่สงิ่ สำ�คัญคือสิง่ ทีซ่ อ่ นอยูเ่ บือ้ งหลัง เพราะมันแสดงถึงความรักและความเอาใจใส่กบั บุคคลทีเ่ รา มอบให้ เรามาร่วมมิสซาเราไม่จ�ำ เป็นต้องเอาดอกไม้แม้มนั จะสวยงาม หรือเอาทองคำ�ทีม่ มี ลู ค่าสูง แต่ความหมาย ของของขวัญของเราคือเราให้เวลาแด่พระองค์ เราคิดถึงพระองค์ เราภาวนาถึงพระองค์ในช่วงวันและเรา สัตย์ซื่อต่อพระองค์ เราต้องเป็นของขวัญเหมือนกับพระเยซูเจ้าที่ประกาศว่า “เรามาเพื่อทำ�ตามพระประสงค์ ของพระบิดาเจ้า” ดังนั้นมิสซาจะมีความหมายเมื่อเราถวายของขวัญดังกล่าวนี้ 01.indd 39
21/12/2561 14:48:31
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านที่ 1 ฮบ 10:11-18 พี่น้อง สมณะทุกองค์อยู่ประจำ�หน้าที่ของตนทุกวัน ถวายเครื่องบูชาอย่างเดียว กันซํ้าแล้วซํ้าเล่า แต่ก็อภัยบาปไม่ได้ ส่วนพระคริสตเจ้าทรงถวายเครื่องบูชาชดเชย บาปเพียงครัง้ เดียว แล้วจึงเสด็จเข้าประทับ ณ เบือ้ งขวาของพระเจ้าตลอดไป ยังเหลือ อยู่เพียงแต่จะให้ศัตรูของพระองค์ถูกปราบเป็นที่รองพระบาทเท่านั้น โดยอาศัยการ ถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ทรงทำ�ให้ทุกคนที่กำ�ลังรับความศักดิ์สิทธิ์บรรลุถึง ความศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์ตลอดไป พระจิตเจ้าทรงยืนยันเรื่องนี้กับเรา...
สดด 110:1,2,3,4
พระวรสาร มก 4:1-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเริ่มสั่งสอนที่ริมทะเลสาบอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนจำ�นวน มากมาชุมนุมห้อมล้อมพระองค์จนต้องเสด็จลงไปประทับบนเรือในทะเลสาบ ส่วน ประชาชนทั้งหมดอยู่บนฝั่ง พระองค์ทรงสอนเขาหลายเรื่องเป็นอุปมา ในการสอนนั้น พระองค์ตรัสว่า “จงฟังเถิด ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่เขากำ�ลังหว่าน อยู่นั้น บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน นกก็จิกกินจนหมด บางเมล็ดตกบนพื้นหินที่มีดินอยู่เล็กน้อย ก็งอกขึ้น ทันทีเพราะดินไม่ลึก แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ก็ถูกแดดเผา และเหี่ยวแห้งไปเพราะไม่มีราก บางเมล็ดตกใน พงหนาม ต้นหนามก็ขนึ้ คลุมมันไว้ จึงไม่เกิดผล บางเมล็ดตกในทีด่ นิ ดี จึงงอกขึน้ เติบโต และเกิดผลสามสิบ เท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง ร้อยเท่าบ้าง” แล้วพระองค์ตรัสว่า “ใครมีหูสำ�หรับฟัง ก็จงฟังเถิด” เมื่อประชาชนจากไปแล้ว อัครสาวกสิบสองคนกับผู้ที่อยู่รอบๆ พระองค์ ทูลถามเรื่องอุปมา พระองค์ ตรัสตอบว่า “พระเจ้าประทานธรรมลํ้าลึกเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าให้ท่านทั้งหลายรู้ แต่สำ�หรับคนที่ อยู่ภายนอก ทุกสิ่งแสดงออกเป็นเพียงอุปมา ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพื่อเขาจะมองแล้วมองเล่า แต่ ไม่เห็น ฟังแล้วฟังเล่า แต่ไม่เข้าใจ มิฉะนั้นแล้วเขาคงได้กลับใจ และพระเจ้าคงจะทรงให้อภัยเขา” พระองค์ตรัสว่า “ท่านไม่เข้าใจอุปมานี้ แล้วจะเข้าใจอุปมาอื่นๆ ได้อย่างไร ผู้หว่านพืชนั้นหว่านพระ วาจา เมล็ดที่ตกริมทางหมายถึงบุคคลซึ่งรับพระวาจาที่หว่าน เมื่อเขาได้ฟังพระวาจา ซาตานก็มาช่วงชิงพระ วาจาทีห่ ว่านในตัวเขาไป เช่นเดียวกัน เมล็ดทีต่ กบนพืน้ หินหมายถึงบุคคลทีไ่ ด้ฟงั พระวาจา และมีความยินดี รับไว้ทันที แต่เขาไม่มีรากในตัว จึงไม่มั่นคง เมื่อเผชิญความยากลำ�บากหรือถูกข่มเหงเพราะพระวาจานั้น เขาก็ยอมแพ้ทันที เมล็ดที่ตกในพงหนามหมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจา แต่ความวุ่นวายในทางโลก ความ ลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ และความโลภในสิ่งอื่นๆ เข้ามาปกคลุมพระวาจาไว้ จึงไม่เกิดผล ส่วนเมล็ดพืชที่ ตกในที่ดินดี หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาแล้วรับไว้ จึงเกิดผลสามสิบเท่า หกสิบเท่า และร้อยเท่า”
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอนให้กับทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ยอมรับคำ�เทศน์สอนของพระองค์ พระ วาจาของพระองค์เป็นเหมือนเมล็ดพืช ผู้ฟังต้องเป็นดินดีเท่านั้นถึงจะเกิดดอกออกผล ทำ�นองเดียวกันพระองค์ ทรงพลีพระองค์เพือ่ ไถ่บาปมนุษย์ มนุษย์จะได้รบั การอภัยก็ตอ่ เมือ่ เขาพร้อมทีจ่ ะน้อมรับเท่านัน้ ในศีลอภัยบาป เราได้รับการอภัยจากพระองค์ไม่ใช่เพราะกิจใช้โทษบาปของเรา กิจใช้โทษบาปเป็นเพียงการเยียวยาเท่านั้น เพราะการอภัยของพระองค์ไม่ต้องมีการแลกเปลี่ยน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า 01.indd 40
21/12/2561 14:48:31
บทอ่านที่ 1 ฮบ 10:19-25 พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีความมั่นใจที่จะเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง เดชะ พระโลหิตของพระเยซูเจ้า โดยทางใหม่ที่ให้ชีวิตซึ่งพระองค์ทรงเปิดไว้ให้เราผ่านทะลุ ม่านเข้าไป ม่านนี้คือพระวรกายของพระองค์ และเมื่อเรามีมหาสมณะคอยดูแล พระวิหารของพระเจ้าแล้ว เราจงเข้าไปใกล้ด้วยใจจริงและเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อ มีด วงใจบริสุทธิ์ มีจิตสำ�นึกว่าตนได้รับการอภัยแล้ว มีร่างกายที่ชำ�ระล้างสะอาดด้วยนํ้า บริสุทธิ์ เราจงยึดมั่นโดยไม่หวั่นไหวในการประกาศความหวังที่เรามีอยู่ เพราะว่า พระองค์ผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์ เราจงพิจารณาหาทางให้กำ�ลังใจกัน ให้ มีความรักและประกอบกิจการดี อย่าขาดการเข้าร่วมชุมนุมกันดังที่บางคนเคยทำ� แต่ จงตักเตือนกัน จงทำ�เช่นนี้ให้มากยิ่งขึ้น ดังที่ท่านเห็นแล้วว่าวันนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว
ระลึกถึง น.ยอห์น บอสโก พระสงฆ์ สดด 24:1-2,3-4กข, 5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร มก 4:21-25 เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอีกว่า “เขาจุดตะเกียงวางไว้ใต้ถังหรือใต้เตียงหรือ มิใช่วางไว้บนที่ตั้งตะเกียงหรือ เช่นเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนอยู่จะไม่ปรากฏชัดแจ้ง ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ จะไม่ปรากฏออกมา ใครมีหูสำ�หรับฟัง ก็จงฟังเถิด” พระองค์ตรัสอีกว่า “จงตั้งใจฟังให้ดี ท่านตวงให้เขาอย่างไร เขาก็จะตวงให้ท่าน อย่างนั้น และจะเพิ่มให้อีกด้วย ผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อย ที่เขามี จะถูกริบไปด้วย” พระศาสนจักรเป็นชุมชนที่ทุกคนเกี่ยวข้องกัน มีพันธะต่อกัน ดังนั้น เราจึง มีหน้าที่ต่อกันด้วย พระเยซูเจ้าเองได้แสดงความจริงนี้โดยบอกว่า เราเป็นเหมือนตะเกียง ซึ่งจะต้องไม่ปิดบัง แต่ตั้งอยู่ในที่สูงเพื่อให้ทุกคนมองเห็นแสงสว่าง ตะเกียงก็คือความเชื่อ ของชาวเรา การยืนยันความเชื่อและการเจริญชีวิตในความเชื่อจะช่วยให้ผู้อื่นมีความเชื่อ ทีเ่ ข้มแข็ง จดหมายถึงชาวฮีบรูกย็ นื ยันความจริงนี้ “อย่าขาดการเข้าร่วมชุมนุมกันดังทีบ่ าง คนเคยทำ� แต่จงตักเตือนกัน จงทำ�เช่นนี้ให้มากยิ่งขึ้น ดังที่ท่านเห็นแล้วว่าวันนั้นใกล้จะ มาถึงแล้ว” เราไม่ได้อยู่คนเดียวในความเชื่อ พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นสมาชิกของ พระศาสนจักร มีพันธะและหน้าที่ต่อกันและกัน
01.indd 41
21/12/2561 14:48:32