02 กุมภาพันธ์ 2016

Page 1


สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา สดด 3:1-3,4-5,6-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1

2 ซมอ 15:13-14,30;16:5-13

พระวรสาร

มก 5:1-20

มีผมู้ ากราบทูลกษัตริยด์ าวิดว่า “ชาวอิสราเอลมีใจไปเข้ากับอับซาโลมแล้ว” กษัตริย์ ดาวิดจึงตรัสแก่ขา้ ราชบริพารทัง้ หลายทีอ่ ยูก่ บั พระองค์ในกรุงเยรูซาเล็มว่า “จงรีบหนีกนั เถิด มิฉะนั้น พวกเราจะไม่มีใครหนีรอดพ้นอับซาโลมได้...” เมือ่ กษัตริยด์ าวิดเสด็จมาถึงบาหุรมิ ชายคนหนึง่ ชือ่ ชิเมอีบตุ รของเกราออกมาแช่ง ด่าพระองค์ พลางเดินตามไป... อาบิชยั บุตรของนางเศรุยาห์ทลู กษัตริยว์ า่ “ท�ำไมไอ้หมา ตายตัวนีจ้ ะต้องแช่งด่าพระราชาเจ้านายของข้าพเจ้า โปรดอนุญาตให้ขา้ พเจ้าไปตัดหัวของ มันเถิด” แต่กษัตริย์ตรัสตอบว่า “บุตรของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ถ้าเขาแช่งด่าเราเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกเขาว่า ‘จงไปแช่งด่าดาวิดเถิด’ ใครจะ มีสิทธิ์ถามเขาว่า ‘ท�ำไมท่านจึงท�ำเช่นนี้’”...

เวลานั้น พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ข้ามทะเลสาบมาถึงดินแดนของชาวเกราซา ครัน้ พระองค์เสด็จขึน้ จากเรือ ชายคนหนึง่ ซึง่ ถูกปีศาจสิงออกมาจากบริเวณหลุมศพ เข้า มาเฝ้าพระองค์ทนั ที ชายคนนีอ้ าศัยอยูต่ ามหลุมศพ ไม่มใี ครล่ามเขาไว้ได้ แม้จะใช้โซ่ลา่ มก็ตาม มีผใู้ ช้โซ่ตรวน ล่ามเขาหลายครัง้ เขาก็หกั โซ่ตรวน ไม่มใี ครท�ำให้เขาสยบได้ เขาอยูต่ ามหลุมศพและตามภูเขาตลอดวันตลอด คืน ส่งเสียงร้องเอ็ดอึงและใช้หนิ ทุบตีตนเอง เมือ่ เห็นพระเยซูเจ้าแต่ไกล เขาก็วงิ่ เข้ามากราบเฉพาะพระพักตร์ ร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซูบตุ รของพระเจ้าผูส้ งู สุด ท่านมายุง่ เกีย่ วกับข้าพเจ้าท�ำไม ข้าพเจ้าวอนขอท่านใน พระนามของพระเจ้า อย่าทรมานข้าพเจ้าเลย” ทั้งนี้เพราะพระเยซูเจ้าตรัสสั่งปีศาจว่า “เจ้าปีศาจ จงออกจาก ชายผู้นี้” แล้วพระองค์ทรงถามว่า “เจ้าชื่ออะไร” มันตอบว่า “ชื่อกองพล เพราะเราอยู่กันจ�ำนวนมาก” และ มันพรํ่าวอนพระองค์มิให้ขับไล่มันออกจากบริเวณนั้น หมูฝูงใหญ่กำ� ลังหากินอยู่บนเนินเขาที่นั่น พวกปีศาจ จึงอ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอได้โปรดส่งพวกเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถิด” พระองค์ก็ทรงอนุญาต พวกปีศาจจึง ออกไปสิงอยูใ่ นร่างหมู หมูฝงู นัน้ ซึง่ มีประมาณสองพันตัวก็พากันวิง่ กระโจนจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบ และ จมนํ้าตายทั้งหมด คนเลี้ยงหมูต่างวิ่งหนีไปเล่าเรื่องนี้ตามเมืองและตามชนบท ประชาชนออกมาดูเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เมื่อเขาเข้ามาใกล้พระเยซูเจ้า ก็แลเห็นคนที่เคยถูกปีศาจกองพลสิงนั่งอยู่ สวมเสื้อผ้า มีสติดี พวก เขาต่างมีความกลัว ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกปีศาจสิงและเล่าเรื่องหมูให้ฟัง ประชาชน จึงขอร้องพระเยซูเจ้าให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา เมื่อพระองค์เสด็จลงเรือ ผู้ที่เคยถูกปีศาจสิงขอ อนุญาตตามเสด็จด้วย แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต ตรัสว่า “จงกลับบ้าน ไปหาญาติพี่น้องของท่าน เล่าให้เขา ฟังถึงเหตุการณ์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระท�ำและแสดงพระเมตตาต่อท่าน” ชายนั้นจากไป เริ่มประกาศใน แคว้นทศบุรีถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระท�ำต่อตน ทุกคนที่ได้ฟังต่างประหลาดใจ น่าสังเกตว่าจิตชั่วร้ายนั้นจะปวดร้าว อึดอัด ไม่มีความสุขเมื่ออยู่ใกล้ความดีหรือคนที่มีจิตดี มันจะมี ปฏิกิริยาออกมาทันทีไม่อย่างหนึ่งก็อย่างใด เช่น เอะอะ โวยวาย แสดงอาการไม่ชอบ นินทาว่าร้ายหรือแม้แต่ยกความ เท็จมาใส่ความจิตที่ดีนั้น...เราเห็นอาการเช่นนี้ในพระวรสารวันนี้ ถ้าเรารู้ทันจิตเช่นนี้เราก็จะไม่หวั่นไหวเช่นพระเยซู เจ้า นอกจากนั้นเรายังเห็นชัดเจนว่าการท�ำดีของพระเยซูเจ้านั้นไม่ได้หวังชื่อเสียง แต่เป็นการประกาศพระสิริมงคล ของพระเจ้าเท่านั้น พระองค์บอกชายคนนั้นว่า ...จงกลับไปหาญาติพี่น้องและเล่าเหตุการณ์ที่พระเป็นเจ้าทรงท�ำและ มีเมตตาต่อท่าน...พระองค์มอบเครดิตทุกอย่างให้พระบิดาเจ้า


บทอ่านที่ 1

ฮบ 2:14-18

พีน่ อ้ ง บุตรทุกคนมีเลือดเนือ้ ร่วมกันฉันใด พระองค์กท็ รงมีเลือดเนือ้ ร่วมกับมนุษย์ ทุกคนด้วยฉันนัน้ เพือ่ ว่าโดยการสิน้ พระชนม์ พระองค์จะทรงท�าลายมารผูม้ อี า� นาจเหนือ ความตายลงได้ เพื่อทรงปลดปล่อยผู้ตกเป็นทาสอยู่ตลอดชีวิตเพราะความกลัวตายให้ เป็นอิสระได้ โดยแท้จริงแล้ว พระองค์มไิ ด้เอาพระทัยใส่บรรดาทูตสวรรค์ แต่เอาพระทัย ใส่ตอ่ เชือ้ สายของอับราฮัม จึงจ�าเป็นทีพ่ ระองค์จะต้องทรงเป็นเหมือนกับบรรดาพีน่ อ้ งทุก ประการ เพือ่ พระองค์จะทรงเป็นมหาสมณะทีเ่ พียบพร้อมด้วยพระกรุณาและทรงน่าเชือ่ ถือในการติดต่อกับพระเจ้า ไถ่โทษชดเชยบาปของประชากรได้ ในฐานะที่พระองค์ทรง รับการทรมานและทรงผ่านการผจญมาแล้ว พระองค์จงึ ทรงช่วยเหลือผูท้ ถี่ กู ผจญได้ดว้ ย

พระวรสาร

ลก 2:22-32

เมื่อครบก�าหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องท�าพิธีช�าระมลทินตามธรรมบัญญัติ ของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์น�าพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่ พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัตขิ ององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรก แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสองตัวตามที่มี ก�าหนดไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและย�าเกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิต เจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงน�าสิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับ พระนางมารีย์น�าพระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติก�าหนดไว้ สิเมโอนรับพระ กุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระด�ารัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผูช้ ว่ ยให้รอดพ้น ผู้ ทีพ่ ระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สา� หรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติ รู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์ส�าหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์” ธรรมเนียมการถวายสิ่งต่างๆ รวมทั้งบุตรแด่พระเจ้าของชาวยิวนั้น มีพื้นฐาน จากความเชือ่ ว่า ทุกสิง่ ทีม่ อบให้พระย่อมเป็นมงคลและศักดิส์ ทิ ธิ ์ ความเชือ่ เช่นนีเ้ ราสามารถน�า มาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�าวันได้ หากเราปรารถนาในพระพรอันอุดมจากพระ ให้เราถวายสิง่ ที่ ดีที่สุดแด่พระเจ้า แล้วเราจะได้รับพระพรอย่างที่เราคิดไม่ถึง พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ ได้ถวายพระกุมารเยซูในพระวิหารก็มีฐานจากความเชื่อเช่นนี้เอง มิใช่เพียงเพราะว่ากฎบังคับ เท่านั้นแต่เพราะว่าท่านทั้งสองเชื่อมั่นจริงๆ ว่า ทุกสิ่งที่มอบแด่พระเจ้า พระองค์ย่อมปกป้อง คุ้มครอง และสิ่งหรือบุคคลนั้นก็จะเป็นสมบัติของพระองค์ด้วย...

ฉลองการถวาย พระกุมาร ในพระวิหาร สดด 24:7-8,9-10 เสกและแหเทียน


บทอ่านที่ 1

2 ซมอ 24:2,9-17

กษัตริยจ์ งึ รับสัง่ แก่โยอาบและบรรดาผูบ้ งั คับบัญชากองทัพ ซึง่ อยูก่ บั เขาว่า “จงไป ทั่วอิสราเอลทุกเผ่า ตั้งแต่เมืองดานจนถึงเบเออร์เชบาเพื่อส�ำรวจจ�ำนวนประชากร เรา อยากจะรู้วา่ มีคนเท่าไร” โยอาบทูลรายงานกษัตริยถ์ งึ จ�ำนวนประชากร ชายทีอ่ อกศึกได้ ในอิสราเอลมีจ�ำนวนแปดแสนคน ส่วนในยูดาห์มีห้าแสนคน หลังจากส�ำรวจจ�ำนวนประชากรแล้ว กษัตริย์ดาวิดทรงรู้สึกผิดจึงทูลองค์พระผู้ น.บลาซีโอ พระสังฆราช เป็นเจ้า...เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อกษัตริย์ดาวิดตื่นบรรทมแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ ประกาศกกาด ผู้ท�ำนายของกษัตริย์ดาวิดว่า “จงไปทูลกษัตริย์ดาวิดว่า ‘องค์พระผู้เป็น และมรณสักขี น.อันสการ์ เจ้าตรัสดังนี้ เราให้ท่านเลือกการลงโทษจากสามประการนี้ เราจะท�ำตามที่ท่านเลือก’” พระสังฆราช ประกาศกกาดจึงเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิดทูลตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์จะทรงเลือกอย่างไหน ให้แผ่นดินของพระองค์กันดารอาหารเป็นเวลาสามปี สดด 32:1-2,5,6-7 หรือให้พระองค์ตอ้ งทรงหนีศตั รูเป็นเวลาสามเดือน หรือให้เกิดโรคระบาดในแผ่นดินเป็น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เวลาสามวัน ขอทรงใคร่ครวญให้ดี แล้วตัดสินพระทัยบอกข้าพเจ้า เพื่อจะน�ำค�ำตอบไป ทูลผู้ทรงส่งข้าพเจ้ามา” กษัตริย์ดาวิดตรัสตอบประกาศกกาดว่า “เรารู้สึกล�ำบากใจมาก ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงโทษเราดีกว่าจะให้มนุษย์ลงโทษ เพราะพระเมตตาของ พระองค์นนั้ ยิง่ ใหญ่” ดังนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงบันดาลให้เกิดโรคระบาดขึน้ ในอิสราเอลตัง้ แต่เช้าจนถึงเวลา ที่ทรงก�ำหนด มีผู้คนล้มตาย ตั้งแต่เมืองดานจนถึงเบเออร์เชบาถึงเจ็ดหมื่นคน... กษัตริย์ดาวิดทอดพระเนตร เห็นทูตสวรรค์ก�ำลังจะฆ่าผู้คน ก็ทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าท�ำบาป ข้าพเจ้าผู้เดียวกระท�ำผิด แต่คนใต้ ปกครองของข้าพเจ้าเหล่านี้ได้ท�ำผิดอะไร พระองค์น่าจะทรงลงโทษข้าพเจ้ากับครอบครัวมากกว่า”

พระวรสาร

มก 6:1-6

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นกลับไปยังถิ่นก�ำเนิดของพระองค์ บรรดาศิษย์ติดตามไปด้วย ครั้นถึงวันสับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในศาลาธรรม ผู้ฟังจ�ำนวนมากต่างประหลาดใจ และพูดว่า “เขา เอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน ปรีชาญาณที่เขาได้รับมานี้คืออะไร อะไรคืออัศจรรย์ที่ส�ำเร็จด้วยมือของเขา คน นีเ้ ป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพีน่ อ้ งของยากอบ โยเสท ยูดาและซีโมนไม่ใช่หรือ พีส่ าวน้องสาวของเขาก็อยูท่ ี่ นีก่ บั พวกเรามิใช่หรือ” คนเหล่านัน้ รูส้ กึ สะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ประกาศก ย่อมไม่ถกู เหยียดหยามนอกจากในถิน่ ก�ำเนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติ และในบ้านของตน” พระองค์ทรงท�ำอัศจรรย์ ทีน่ นั่ ไม่ได้ นอกจากทรงปกพระหัตถ์รกั ษาผูเ้ จ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัย พระองค์ทรงแปลกพระทัยทีเ่ ขา เหล่านั้นไม่มีความเชื่อ พระองค์เสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านต่างๆ ในบริเวณนั้น เหตุใดคนบ้านเดียวกันจึงไม่ยอมรับประกาศก??? ค�ำตอบคือ เพราะคนบ้านเดียวกันมีจิตใจที่เต็มไป ด้วยความไม่เชื่อ...คนที่ไม่เชื่อย่อมปิดความคิดของตน และท�ำให้เกิดท่าทีของการไม่ยอมรับ หรือท่าทีว่าท�ำไมฉันไม่รู้ เลย...แน่นอนเมื่อพระเจ้าท�ำงานในแต่ละคนนั้น ไม่จ�ำเป็นที่พระองค์จะต้องมาขออนุญาตใครก่อน ตรงกันข้ามถ้าหาก เขาอยากรู้ว่าพระพรของพระเจ้าท�ำงานเช่นไร? เขาต้องเปิดใจและมีท่าทีว่า ส�ำหรับพระเจ้าแล้วทุกสิ่งเป็นไปได้ และ มีสิ่งที่น่าสังเกตคือ พระเจ้ามักจะใช้คนที่มีจิตใจเปิดกว้างและสุภาพถ่อมตนเป็นเครื่องมือแสดงพระอานุภาพของ พระองค์


บทอ่านที่ 1

1 พกษ 2:1-4,10-12

เมือ่ กษัตริยด์ าวิดทรงตระหนักว่าใกล้จะสิน้ พระชนม์ จึงทรงเรียกกษัตริยซ์ าโลมอน พระโอรสและทรงสั่งว่า “พ่อก�าลังจะตายในไม่ช้า ลูกจงเข้มแข็งอย่างลูกผู้ชายเถิด จง ปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของลูก จงเดินตามหนทางของ พระองค์ ปฏิบัติตามข้อก�าหนด บทบัญญัติ พระวินิจฉัยและกฤษฎีกาของพระองค์ ดัง ที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสส แล้วลูกจะประสบความส�าเร็จ ไม่ว่าลูกจะท�าสิ่ง ใดและจะไปที่ไหน เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้พระสัญญาที่ตรัสไว้กับพ่อ เป็นความจริง คือพระสัญญาที่ว่า ‘ถ้าบุตรหลานของท่านประพฤติตนตามท�านองคลอง ธรรม ด�าเนินชีวิตต่อหน้าเราด้วยความซื่อสัตย์สุดจิตสุดใจ เชื้อสายคนหนึ่งของท่านจะ นั่งบัลลังก์ของอิสราเอลตลอดไป’” กษัตริย์ดาวิดเสด็จสวรรคตไปอยู่กับบรรพบุรุษ ทรงถูกฝังไว้ในนครของกษัตริย์ ดาวิด พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลเป็นเวลาสี่สิบปี ทรงปกครองที่เมือง เฮโบรนเจ็ดปี และที่กรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี กษัตริย์ซาโลมอนทรงสืบราชสมบัติต่อจากกษัตริย์ดาวิดพระบิดา ราชบัลลังก์ของ พระองค์ตั้งอยู่อย่างมั่นคง

พระวรสาร

มก 6:7-13

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขา เป็นคู่ๆ ประทานอ�านาจเหนือปีศาจ ทรงก�าชับเขามิให้น�าสิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้า เท่านัน้ ไม่ให้มอี าหาร ไม่ให้มยี า่ ม ไม่ให้มเี ศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่ไม่ให้เอาเสือ้ ส�ารองไปด้วย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยู่ที่นั่นจนกว่าจะ ออกเดินทางต่อไป ถ้าทีใ่ ดไม่ตอ้ นรับท่าน หรือไม่ฟงั ท่าน จงออกจากทีน่ นั่ พลางสลัดฝุน่ จากเท้าไว้เป็นพยานกล่าวโทษเขา” บรรดาอัครสาวกจึงไปเทศน์สอนคนทัง้ หลายให้กลับ ใจ ขับไล่ปศี าจจ�านวนมาก เจิมน�า้ มันผูเ้ จ็บป่วยหลายคน และรักษาเขาให้หายจากโรคภัย พระเยซูเจ้าส่งศิษย์ไปตามที่ต่างๆ เป็นคู่ๆ พระวรสารวันนี้มีนัยยะที่น่าสนใจ มาก เหตุใดต้องเป็นคูๆ่ ? ค�าตอบคือเพือ่ ช่วยเหลือและเป็นก�าลังใจให้แก่กนั และกัน แต่มคี า� ถาม ว่า การไปเป็นคูๆ่ นัน้ ก่อให้เกิดผลดีเสมอไปหรือไม่? ยังไม่มหี ลักฐานชัดเจนว่าผลดีของการเทศน์ สอนของศิษย์น้ันเกิดจากการไปเป็นคู่ แต่ค่อนข้างจะชัดเจนว่าทุกคนหรือทุกคู่ที่ไปในพระนาม ของพระเยซูเจ้า หรือในฐานะผู้แทนของพระองค์นั้นย่อมท�างานได้ผลเสมอ... เพราะไม่ใช่พวก เขาทีท่ า� ให้เกิดผล แต่เป็นพระจิตของพระเยซูเจ้าทีท่ า� งานในตัวเขาต่างหากเป็นบ่อเกิดของความ ส�าเร็จในการเทศน์สอน การท�าให้คนกลับใจหรือแม้แต่ขับไล่ปีศาจได้

สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา 1 พศด 29:10-11,12 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4


ระลึกถึง น.อากาทา พรหมจารี และมรณสักขี สดด 18:30,46,49,50 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1

บสร 47:2-11

พระวรสาร

มก 6:14-29

เมือ่ ถวายศานติบชู า ไขมันย่อมถูกแยกออกมาฉันใด ดาวิดก็ได้รบั เลือกสรรออกมา จากชาวอิสราเอลทั้งปวงฉันนั้น เขาเคยเล่นกับสิงโตเหมือนเล่นกับลูกแพะ เล่นกับหมี เหมือนเล่นกับลูกแกะ เมือ่ เป็นหนุม่ เขาได้ฆา่ ยักษ์มใิ ช่หรือ เขาลบล้างความอับอายของ ประชากร ใช้สลิงขว้างก้อนหิน ท�ำให้โกลิอัทผู้โอหังต้องล้มคว�่ำลง เขาร้องทูลองค์พระ ผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด พระองค์จึงประทานก�ำลังแก่มือขวาของเขา เพื่อท�ำลายนักรบที่แกร่ง กล้า และยกอ�ำนาจประชากรของตนขึ้นมาอีก ดังนั้น ประชาชนจึงให้เกียรติเขา ว่าได้ ฆ่าคนเป็นหมื่น สรรเสริญเขา ถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และน�ำมงกุฎรุ่งโรจน์ มาถวายให้เป็นกษัตริย์ พระองค์จึงทรงปราบศัตรูโดยรอบ ทรงท�ำลายล้างชาวฟีลิสเตีย ที่เป็นศัตรู ทรงโค่นอ�ำนาจของเขาจนถึงทุกวันนี้...

เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า เพราะพระนามของ วันศุกร์ต้นเดือน พระเยซูเจ้าเลือ่ งลือไป บางคนพูดว่า “ยอห์น ผูท้ ำ� พิธลี า้ งได้กลับคืนชีพจากบรรดาผูต้ าย แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีอ�ำนาจท�ำอัศจรรย์ได้”... แต่เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเช่นนี้ ก็ตรัส ว่า “ยอห์นคนที่เราให้ตัดศีรษะ ได้กลับคืนชีพมาอีก” กษัตริยเ์ ฮโรดองค์นเี้ คยทรงสัง่ ให้จบั กุมยอห์น และล่ามโซ่ขงั คุกไว้ เพราะเรือ่ งของนางเฮโรเดียส ภรรยา ของฟีลปิ พระอนุชา ซึง่ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นเคยทูลกษัตริยเ์ ฮโรดว่า “ไม่ถกู ต้องทีพ่ ระองค์ ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นมเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสีย แต่ฆา่ ไม่ได้ เพราะกษัตริย์เฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่... นางเฮโรเดียสได้โอกาสเมือ่ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงจัดให้มงี านเลีย้ งขุนนางกับนายทหารชัน้ ผูใ้ หญ่และคนส�ำคัญ ในแคว้นกาลิลีในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นร�ำเป็นที่พอพระทัย ของกษัตริยเ์ ฮโรด และเป็นทีพ่ อใจของผูร้ บั เชิญ กษัตริยจ์ งึ ตรัสกับหญิงคนนัน้ ว่า “ท่านอยากได้อะไรก็ขอมาเถิด เราจะให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้ แม้จะเป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักรของเราก็ตาม” หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี” มารดาตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ท�ำพิธีล้าง” หญิง สาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริยท์ นั ทีวา่ “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผูท้ ำ� พิธลี า้ งใส่ถาดมาให้เดีย๋ วนี”้ กษัตริยท์ รง เป็นทุกข์อย่างยิง่ แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะทรงเห็นแก่ผรู้ บั เชิญ ไม่ทรงปรารถนาจะขัดใจหญิงสาว จึงทรงสัง่ เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก ใส่ถาดน�ำมาให้หญิง สาว หญิงสาวจึงน�ำไปให้มารดา เมื่อบรรดาศิษย์ของยอห์นรู้เรื่อง จึงมารับศพของยอห์น น�ำไปฝังไว้ในคูหา วันฉลอง น.อากาทา มรณสักขี พระศาสนจักรได้ยืนยันจิตดีงามของเธอในวันนี้และเลือกที่จะเอาเรื่อง ราวการสิ้นชีวิตของท่านนักบุญยอห์นบัปติสต์มาให้เราพิจารณา การตายของท่านยอห์นเกิดจากจิตอาฆาตของนาง เฮโรเดียส จิตอาฆาตของนางเกิดจากความอับอายที่ได้ท�ำสิ่งที่ชั่วร้ายผิดศีลธรรมทางเพศ แต่นางไม่ยอมรับ จิตชั่วร้าย ของนางจึงคอยจ้องหาโอกาสท�ำลายเสียงของความดีตลอดเวลา... และวันหนึง่ โอกาสของนางก็มาถึง...แต่อนิจจาโอกาส เช่นนีก้ ลับตอกย�ำ้ ความชัว่ ร้ายของนางให้ลกึ ลงมากยิง่ ขึน้ ....เรือ่ งจิตอาฆาตของนางเฮโรเดียสจะถูกกล่าวขานต่อๆ ไปใน อนาคตอีกนานแสนนาน.. และเช่นเดียวกันจิตอันดีงามของ น.อากาทาและนักบุญยอห์นก็จะถูกเล่าขานในฐานะวีรสตรี และวีรบุรุษไปอีกนานเช่นกัน...ทุกอย่างเริ่มที่จิต


บทอ่านที่ 1

1 พกษ 3:4-13

ครั้งหนึ่ง กษัตริย์ซาโลมอนเสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องบูชา เพราะที่ นั่นมีสักการสถานส�ำคัญมาก กษัตริย์ซาโลมอนทรงเผาสัตว์หนึ่งพันตัวเป็นเครื่องบูชา บนพระแท่น คืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส�ำแดงพระองค์แก่กษัตริย์ซาโลมอนในพระ สุบนิ ทีเ่ มืองกิเบโอน พระเจ้าตรัสว่า “จงขอสิง่ ทีท่ า่ นอยากให้เราประทานแก่ทา่ น” กษัตริย์ ซาโลมอนทูลตอบว่า “พระองค์ทรงส�ำแดงความรักมัน่ คงยิง่ ใหญ่ตอ่ ดาวิดพระบิดาข้ารับ ใช้พระองค์ เพราะพระบิดาทรงด�ำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์ ความชอบธรรมและด้วยใจซือ่ ตรง พระองค์ยงั ทรงรักษาความรักมัน่ คงยิง่ ใหญ่นตี้ อ่ พระ บิดาโดยประทานให้บุตรคนหนึ่งได้สืบพระบัลลังก์ ดังที่เป็นอยู่ในวันนี้ บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็น กษัตริย์สืบต่อจากดาวิดพระบิดา แต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องปกครองประชากรที่ทรงเลือกสรร ซึ่งเป็นประชากรจ�ำนวนมาก จนนับไม่ถว้ น ขอประทานความเข้าใจแก่ผรู้ บั ใช้ของพระองค์ เพือ่ จะได้ปกครองประชากร ของพระองค์อย่างยุติธรรม และรู้จักวินิจฉัยแยกความดีจากความชั่ว ถ้าพระองค์ไม่ ประทาน ใครเล่าจะปกครองประชากรจ�ำนวนมากเช่นนีข้ องพระองค์ได้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พอพระทัยทีก่ ษัตริยซ์ าโลมอนทูลขอเช่นนี้ พระเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เพราะท่านได้วอนขอ เช่นนี้ แทนทีจ่ ะวอนขอชีวติ ยืนยาว หรือความมัง่ คัง่ หรือขอให้เราท�ำลายชีวติ ของศัตรู แต่ ได้ขอความเข้าใจเพื่อจะตัดสินอย่างถูกต้อง เราจะท�ำตามที่ท่านขอ เราจะให้ความเข้าใจ และปรีชาญาณในการตัดสินอย่างที่ผู้ใดไม่เคยมีมาก่อน หรือจะมีในภายหลัง สิ่งที่ท่าน ไม่ได้ขอ เราก็จะให้ด้วย คือความมั่งคั่งและเกียรติยศอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเคยมี”

พระวรสาร

ระลึกถึง น.เปาโล มีกิ พระสงฆ์และ เพื่อนมรณสักขี

สดด 119:9,10,11, 12,13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

มก 6:30-34

เวลานั้น บรรดาอัครสาวกกลับมาเฝ้าพระเยซูเจ้าและทูลรายงานให้ทรงทราบถึงทุกสิ่งที่เขาได้ท�ำและได้ สอน พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามล�ำพังในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด” เพราะมี คนไปมาจนเขาไม่มเี วลาแม้กระทัง่ จะกินอาหาร พระเยซูเจ้าจึงทรงลงเรือไปยังทีส่ งัดตามล�ำพังพร้อมกับบรรดา อัครสาวก ประชาชนหลายคนเห็นพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวกแล่นเรือออกไป ก็คาดคะเนได้วา่ พระองค์จะ ทรงไปทีใ่ ด จึงรีบเดินเท้าออกจากเมืองต่างๆ ไปทีน่ นั่ และไปถึงก่อน เมือ่ เสด็จขึน้ จากเรือ ทรงแลเห็นประชาชน จ�ำนวนมากก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านัน้ เป็นดังฝูงแกะไม่มคี นเลีย้ ง พระองค์จงึ ทรงเริม่ สัง่ สอนเขาหลายเรือ่ ง ธรรมทูตแท้เมื่อเหนื่อยล้าเขาจะมีวิธีพักผ่อนเหมือนพระเยซูเจ้าคือ หาที่สงบๆ พักจิตใจอยู่กับพระเจ้า เพราะเขาเชื่อว่าในพระเจ้าเขาจะได้รับการพักผ่อนที่แท้จริง ในพระเจ้าเขาได้พักจิตในความรักของพระองค์ และใน ความรักของพระองค์เขาจะได้รับพละก�ำลังท�ำให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ และพร้อมที่จะเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ น.เปาโล มีกิ เป็นนักบวชคณะเยสุอติ ทีไ่ ด้รบั การอบรมในแนวทางเช่นนี้ ท่านและเพือ่ นมรณสักขีจงึ พร้อมเผชิญกับไม้กางเขน การ ทรมานและความตายซึ่งสะท้อนให้เห็นสิ่งที่ท่านเชื่อ การตายเพื่อยืนยันถึงพระเยซูเจ้านี้ท�ำให้ชีวิตของท่านและเพื่อนๆ ได้พบกับความหมาย การพักผ่อนและสันติสุขแท้


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์

สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1

อสย 6:1-2ก,3-8

ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่บน พระบัลลังก์สูงและตั้งอยู่บนที่สูง ชายฉลองพระองค์แผ่เต็มพระวิหาร เสราฟหลายตน ยืนอยู่เหนือพระองค์โดยรอบ แต่ละตนมีปีกหกปีก เสราฟแต่ละตนต่างร้องรับกันว่า “ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล แผ่นดินทั้งหมดเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์” เสาประตูทั้งหลายสั่นสะเทือนเพราะเสียงของผู้ร้อง และพระวิหารก็มีควันเต็มไป หมด ข้าพเจ้าพูดว่า “วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากมีมลทิน อาศัยอยู่ในหมู่ชนชาติริมฝีปากมีมลทิน ถึงกระนั้น นัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล” แล้วเสราฟตนหนึ่งบินมาหาข้าพเจ้า ถือคีมคีบถ่านที่ลุกอยู่มาจากพระแท่นบูชา เสราฟตนนั้นสัมผัสปากข้าพเจ้า พูดว่า “ดูซิ สิง่ นีส้ มั ผัสริมฝีปากของท่านแล้ว ความผิดของท่านก็ถกู ลบล้างแล้ว บาปของ ท่านก็ได้รับการอภัยแล้ว” แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งใคร ใครจะไปแทนเรา” ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด”

เพลงสดุดี

สดด 138:1-2ก,2ขค-3,4-5,7ค-8

ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์สุดจิตใจ เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงที่ข้าพเจ้าเปล่งออกมา ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพรพระองค์เบื้องหน้าบรรดาทูตสวรรค์ ข้าพเจ้าจะกราบลงเบื้องหน้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระนามพระองค์ ข) เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์ ทรงท�าให้พระสัญญายิ่งใหญ่กว่าพระนามพระองค์ พระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าในวันที่ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มพลังในใจข้าพเจ้า

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:1-11

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้ค�านึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ท่านได้รบั ไว้แล้วและยังคงเชือ่ มัน่ ในข่าวดีนี้ ท่านก�าลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้า ท่านยังยึดมัน่ ตามทีข่ า้ พเจ้าประกาศ แต่ถา้ ท่านไม่ยดึ มัน่ ความเชือ่ ของท่านก็ไร้ประโยชน์ ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีส�าคัญที่สุดให้ท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีก


ทอดหนึง่ คือพระคริสตเจ้าได้สนิ้ พระชนม์เพราะบาปของเรา ตามทีม่ เี ขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝัง ไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันทีส่ ามตามความในพระคัมภีร์ และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อคั รสาวกสิบสองคน หลังจากนัน้ ทรงแสดงพระองค์แก่พนี่ อ้ งมากกว่าห้าร้อย คนในคราวเดียว คนส่วนมากในจ�ำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว ต่อมาพระองค์ทรง แสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์แก่ ข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนก�ำหนดด้วย ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวก เพราะข้าพเจ้า เคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ด้วยเดชะพระหรรษทานของ พระเจ้า และพระหรรษทานของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้าไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าท�ำงาน หนักกว่าคนอื่น แต่มิใช่ข้าพเจ้า เป็นเพราะพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ท�ำงาน ดังนั้น ทั้ง ข้าพเจ้าและเขาเหล่านั้นเทศน์สอนเช่นนี้ ท่านทั้งหลายก็เชื่อเช่นนี้ด้วย

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 5:1-11

วันหนึง่ พระเยซูเจ้าทรงยืนอยูบ่ นฝัง่ ทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะทีป่ ระชาชนเบียดเสียดรอบพระองค์ เพือ่ ฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองล�ำจอดอยูร่ มิ ฝัง่ ชาวประมงก�ำลังซักอวน อยูน่ อกเรือ พระองค์จงึ เสด็จลงเรือล�ำหนึง่ ซึง่ เป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝัง่ เล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น เมื่อตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซีโมนว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและลงอวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราท�ำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มี พระด�ำรัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อท�ำดังนี้แล้ว พวกเขาจับปลาได้จ�ำนวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึง ส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในเรืออีกล�ำหนึ่งให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและน�ำปลาใส่เรือเต็มทั้งสองล�ำ จนเรือ เกือบจม เมือ่ ซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงทีพ่ ระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลา ได้มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมน ก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขา น�ำเรือกลับถึงฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป ค�ำพูดของพระเยซูเจ้าที่ตรัสกับเปโตรว่า..ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์...พระ ศาสนจักรของพระเยซูเจ้าจึงมีเป้าหมายชัดเจนว่าท�ำงานกับมนุษย์เพือ่ น�ำมนุษย์กลับมาหาพระเจ้า พระศาสนจักร ไม่ได้ท�ำงานเพื่อความร�่ำรวยประสาโลก แต่ร�่ำรวยฝ่ายจิตที่ได้น�ำคนกลับมาหาพระเจ้า มาสู่ความจริง มาสู่การ ยอมรับว่าพระเจ้าคือบ่อเกิดของทุกสิ่งในโลกและจักรวาลนี้ การยอมรับและฟังเสียงของพระเจ้าคือทางชีวิตที่ ถูกต้องและจะพบความสุข ทัศนคติเช่นนี้ยังคงท้าทายคริสตชนทุกคน เป็นต้นพระสงฆ์ นักพรต นักบวชและ ธรรมทูตผู้ที่ปฏิญาณตนเป็นศิษย์ของพระองค์...เราจะไปหามนุษย์และน�ำเขากลับมาหาพระเจ้าหรือเข้ามาอยู่ใน อวนของพระองค์....


บทอ่านที่1

1 พกษ 8:1-7,9-13

บรรดาผูอ้ าวุโส หัวหน้าเผ่าและผูน้ ำ� ครอบครัวส�ำคัญๆ ของชาวอิสราเอลมาชุมนุม กันเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ซาโลมอนที่กรุงเยรูซาเล็มตามรับสั่ง เพื่ออัญเชิญหีบพันธ สัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นมาจากศิโยน นครของกษัตริย์ดาวิด ชายชาวอิสราเอล ทุกคนมาชุมนุมเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ซาโลมอนในงานฉลองเดือนเอธานิม คือเดือน เจ็ด เมือ่ ผูอ้ าวุโสทุกคนของอิสราเอลมาถึง บรรดาสมณะก็ยกหีบขึน้ อัญเชิญหีบขององค์ น.เยโรม เอมีลีอานี พระผู้เป็นเจ้าและกระโจมนัดพบ พร้อมกับเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดซึ่งอยู่ในกระโจม พระสงฆ์ ชาวเลวีช่วยบรรดาสมณะในงานนี้ น.โยเซฟิน บาคีตา กษัตริย์ซาโลมอนพร้อมกับชาวอิสราเอลทั้งหลายที่มาชุมนุมกับพระองค์ต่อหน้า พรหมจารี หีบพันธสัญญา ทรงถวายแกะและโคจ�ำนวนมากจนนับไม่ถ้วนเป็นเครื่องบูชา บรรดา สดด 132:6-7,8-9,10 สมณะอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปประดิษฐานไว้ใต้ปีกของเครูบใน ที่เฉพาะ คือพระวิหารชั้นในสุดที่เรียกว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด” เครูบกางปีกเหนือที่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ตั้งของหีบ คลุมหีบและคานหามจากเบื้องบน ในหีบพันธสัญญามีเพียงศิลาสองแผ่น ซึ่งโมเสสวางไว้ตั้งแต่เมื่ออยู่ที่ภูเขาโฮเรบ คือแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระท�ำกับชาวอิสราเอล เมื่อเขา ออกจากแผ่นดินอียิปต์ เมื่อสมณะออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเมฆเต็มพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนบรรดาสมณะประกอบพิธีกรรมต่อไปไม่ได้เนื่องจากเมฆ เพราะพระสิริรุ่งโรจน์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เต็มพระวิหาร แล้วกษัตริย์ซาโลมอนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์พอพระทัยประทับใน เมฆมืดทึบ ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารสง่างามถวายพระองค์ เป็นที่พ�ำนักถาวรส�ำหรับพระองค์”

พระวรสาร

มก 6:53-56

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์ มาจอดเรือขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเร็ธ เมื่อเสด็จ ขึ้นจากเรือ ประชาชนก็จ�ำพระองค์ได้ทันที และคนในบริเวณนั้นต่างรีบมาหา น�ำผู้เจ็บป่วยนอนบนแคร่มาเฝ้า พระองค์ ณ สถานที่ที่เขาได้ยินว่าพระองค์ประทับอยู่ ไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ใด ในหมู่บ้าน ในเมืองหรือใน ชนบท เขาก็นำ� ผูเ้ จ็บป่วยมาวางตามลานสาธารณะ ทูลขอพระองค์ให้เขาสัมผัสเพียงชายฉลองพระองค์เท่านัน้ และทุกคนที่สัมผัสแล้วก็หายจากโรคภัย พระวรสารวันนีส้ ะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าภาพของพระเยซูเจ้าส�ำหรับชาวยิวนัน้ คือนายแพทย์ผรู้ กั ษาโรค ได้ พระองค์คอื ผูท้ ำ� ปาฏิหาริยไ์ ด้ แต่ความจริงคือ พระองค์คงท�ำปาฏิหาริยไ์ ม่ได้หากพวกเขาไม่มคี วามเชือ่ มัน่ และวางใจ ในพระองค์ ความเชือ่ มัน่ ความวางใจของแต่ละคนช่วยเปิดใจของเขาให้พร้อมเสมอทีจ่ ะให้พลังของพระเยซูเจ้าท�ำงาน ท่าทีเช่นนีเ้ องคือจุดเริม่ ต้นของปาฏิหาริยห์ รืออัศจรรย์ทกุ อย่าง เช่นนีเ้ อง ใครก็ตามทีป่ รารถนาอยากให้ปาฏิหาริยเ์ กิดขึน้ กับตนเอง จงถามใจตัวเองเสมอว่า ฉันเชื่อหรือไม่? และเมื่อใจสงบแล้วปัญญาก็จะเกิดตามมา ท�ำให้เห็นว่า ชีวิตของ แต่ละคนทุกๆ วินาทีก็เป็นปาฏิหาริย์อยู่แล้ว ให้เราขอบคุณพระเสมอและเชิญพระให้มาสถิตในจิตใจของเราเสมอเถิด


บทอ่านที่ 1

1 พกษ 8:22-23,27-30

กษัตริย์ซาโลมอนทรงยืนอยู่หน้าพระแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ต่อหน้าชาว อิสราเอลทุกคนที่มาชุมนุมกัน ทรงชูพระกรขึ้นสู่สวรรค์ อธิษฐานว่า “ข้าแต่องค์พระผู้ เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเหมือนพระองค์ทั้งในสวรรค์เบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง พระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อผู้รับใช้ ของพระองค์ ที่ด�ำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์อย่างสุดจิตสุดใจ แต่พระเจ้าทรงพ�ำนักบนแผ่นดินได้จริงหรือ แม้สวรรค์ชั้นสูงสุดและจักรวาลทั้ง หลายยังไม่อาจรองรับพระองค์ได้ แล้วพระวิหารทีข่ า้ พเจ้าได้สร้างนีจ้ ะรองรับพระองค์ได้ อย่างไร ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงรับค�ำภาวนาและค�ำวอน ขอของผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดทรงฟังเสียงร้องและค�ำอธิษฐานภาวนาซึ่งผู้รับใช้ของ พระองค์กราบทูลเฉพาะพระพักตร์ในวันนีเ้ ถิด... โปรดทรงฟังค�ำวอนขอของผูร้ บั ใช้และ ของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาอธิษฐานในสถานที่แห่งนี้ โปรดทรงฟังจาก สวรรค์ที่พ�ำนักของพระองค์ โปรดทรงฟังและประทานอภัยด้วยเถิด”

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา สดด 84:1-2,3-4,8-10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

มก 7:1-13

เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนจากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระองค์พร้อมกัน เขาสังเกตว่า ศิษย์บางคนของพระองค์กินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด คือไม่ได้ล้างมือก่อน เพราะชาวฟาริสีและชาวยิวโดย ทั่วไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ เขาไม่กินอาหารโดยมิได้ล้างมือตามพิธีก่อน เมื่อกลับจากตลาด เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ท�ำพิธีช�ำระร่างกายก่อน เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่นๆ อีกมาก เช่น การล้าง ถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์จึงทูลถามพระองค์ว่า “ท�ำไมศิษย์ของท่านไม่ ปฏิบตั ติ ามขนบธรรมเนียมของบรรพบุรษุ และท�ำไมเขาจึงกินอาหารด้วยมือทีไ่ ม่สะอาด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พูดอย่างถูกต้องถึงท่าน คนหน้าซื่อใจคด ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ประชาชนเหล่านีใ้ ห้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยูห่ า่ งไกลจากเรา เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม ท่านทัง้ หลายละเลยบทบัญญัตขิ องพระเจ้ากลับไปถือขนบธรรมเนียมของมนุษย์” แล้วพระองค์ทรงเสริม ว่า “ท่านช่างช�ำนาญในการละเลยบทบัญญัติของพระเจ้า เพื่อถือขนบธรรมเนียมของท่านเองเสียจริงๆ เช่น โมเสสกล่าวว่า จงนับถือบิดามารดา และใครด่าบิดาหรือมารดา จะต้องรับโทษถึงตาย แต่ท่านกลับสอนว่า ‘ถ้าใครคนหนึ่งพูดกับบิดาหรือมารดาว่า ทรัพย์สินที่ลูกน�ำมาช่วยเหลือพ่อแม่ได้นั้นเป็นคอร์บัน คือของถวาย แด่พระเจ้า’ ท่านก็อนุญาตให้เขาไม่ต้องช่วยเหลือบิดามารดาอีกต่อไป ท่านใช้ขนบธรรมเนียมที่ท่านสอนต่อๆ กันมาท�ำให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นโมฆะ ท่านยังปฏิบัติเช่นนี้อีกมากมาย” พระวรสารวันนี้สะท้อนถึงจิตใจมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยว่ามักจะโน้มเอียงเข้าข้างตัวเองเสมอ กฎหมายก็ เขียนขึ้นมาเพื่อเข้าข้างตัวเอง เหตุนกี้ ฎของมนุษย์จึงมักไม่เที่ยง...ท่านช่างช�ำนาญในการละเลยบทบัญญัตขิ องพระเจ้า เพื่อถือธรรมเนียมของท่านเองเสียจริงๆ... พระเยซูเจ้าทรงต�ำหนิเรื่องนี้ เพราะพระองค์อยากสอนให้ชาวยิวเห็นความ ส�ำคัญของความเที่ยงธรรมของจิตใจ ท่าทีของการเอาตัวรอดเป็นยอดดีแต่ละเลยธรรมบัญญัติของพระเจ้านั้นไม่ใช่ บรรทัดฐานของพระองค์เลย... คาถาทีเ่ ราทุกคนต้องท่องให้ขนึ้ ใจเสมอคือ...พระเจ้าคือบัญญัตแิ ละบรรทัดฐานของฉัน... พระเจ้าถูกต้องเสมอ


วันพุธรับเถ้า สดด 51:1-2,3-5, 11-12,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

เริ่มเทศกาลมหาพรต ถือศีลอดอาหาร และอดเนื้อ

บทอ่านที่ 1

ยอล 2:12-18

บทอ่านที่ 2

2 คร 5:20-6:2

พระวรสาร

มธ 6:1-6,16-18

บัดนี้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านทัง้ หลายจงกลับมาหาเราด้วยสุดจิตสุดใจเถิด จงจ�ำศีลอดอาหาร ร�่ำไห้ และไว้ทุกข์คร�่ำครวญ จงฉีกใจของท่าน มิใช่ฉีกเสื้อผ้า จงกลับ มาหาองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เพราะพระองค์ทรงเมตตาและกรุณา ไม่ทรงโกรธ ง่าย ทรงเปีย่ มด้วยความรักมัน่ คง ทรงสงสารและไม่ทรงลงโทษ ใครจะรูไ้ ด้ พระองค์อาจ จะทรงเปลีย่ นพระทัยสงสาร กลับมาประทานพระพร ท่านถวายผลิตผลเป็นธัญบูชาและ เทเหล้าองุ่นถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน... พี่น้อง เราจึงเป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า ประหนึ่งว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้เชิญชวน ท่านทั้งหลาย เราจึงขอร้องแทนพระคริสตเจ้าว่า จงยอมคืนดีกับพระเจ้าเถิด เพราะเห็น แก่เราพระเจ้าจึงทรงท�ำให้พระองค์ผไู้ ม่รจู้ กั บาปเป็นผูร้ บั บาป เพือ่ ว่าในพระองค์เราจะได้ กลายเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า...

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง อย่าปฏิบตั ศิ าสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพือ่ อวดคนอืน่ มิฉะนัน้ ท่านจะ ไม่ได้รบั บ�ำเหน็จจากพระบิดาของท่านผูส้ ถิตในสวรรค์ ดังนัน้ เมือ่ ท่านให้ทาน จงอย่าเป่า แตรข้างหน้าท่านเหมือนทีบ่ รรดาคนหน้าซือ่ ใจคดมักท�ำในศาลาธรรมและตามถนนเพือ่ จะ ได้รบั ค�ำสรรเสริญจากมนุษย์ เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า เขาได้รบั บ�ำเหน็จของ เขาแล้ว ส่วนท่าน เมือ่ ให้ทาน อย่าให้มอื ซ้ายของท่านรูว้ า่ มือขวาก�ำลังท�ำสิง่ ใด เพือ่ ทานของท่านจะได้เป็นทาน ที่ไม่เปิดเผย แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบ�ำเหน็จให้ท่าน เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาในศาลา ธรรม และตามมุมลานเพื่อให้ใครๆ เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบ�ำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่ง แล้ว พระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบ�ำเหน็จให้ท่าน เมื่อท่านทั้งหลายจ�ำศีลอดอาหาร จงอย่าท�ำหน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาท�ำหน้า หมองคล�้ำ เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่าเขาก�ำลังจ�ำศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบ�ำเหน็จของ เขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจ�ำศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้น�้ำมันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านก�ำลัง จ�ำศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็ จะประทานบ�ำเหน็จให้ท่าน” ค�ำสอนในวันพุธรับเถ้านี้คือ เมื่อท�ำดีจิตของเราต้องไม่คาดหวังการยอมรับและค�ำสรรเสริญใดๆ จาก มนุษย์ แต่ให้ท�ำการดีทุกอย่างเพื่อพระเจ้าเท่านั้น โดยธรรมชาติจิตคนเรามักอดไม่ได้ที่จะคาดหวังค�ำสรรเสริญและ การยอมรับจากมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่จิตเราจะสูงขึ้นถ้าหากเราไม่ได้หวังค�ำสรรเสริญของมนุษย์ แต่ หวังการยอมรับจากพระเจ้า...พระเยซูเจ้าเคยตรัสว่า ถ้าจะดีใจก็จงดีใจทีช่ อื่ ของท่านได้จารึกไว้ในสวรรค์แล้ว...ใช่ฉนั จะไม่ ย่อท้อในการท�ำดีไม่วา่ จะเป็นการท�ำบุญ การให้ทาน การช่วยเหลือคนจน การปลอบใจผูท้ กุ ข์เข็ญหรือแม้แต่การภาวนา แต่ฉันจะท�ำเพื่อพระเท่านั้น...


บทอ่านที่ 1

ฉธบ 30:15-20

โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “จงฟังเถิด ในวันนี้ ข้าพเจ้าก�าลังเสนอให้ท่านเลือก ชีวิตหรือความตาย เลือกความดีหรือความชั่ว ข้าพเจ้าจึงสั่งท่านในวันนี้ ให้รักองค์พระ ผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และเดินตามวิถีทางของพระองค์ ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ข้อ ก�าหนดและกฎเกณฑ์ของพระองค์ แล้วท่านจะมีชีวิตและทวีจ�านวนขึ้น องค์พระผู้เป็น เจ้า พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในแผ่นดินทีท่ า่ นก�าลังจะเข้าไปครอบครอง แต่ถา้ ท่านเปลี่ยนใจไปจากพระองค์ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์ แต่ยอมกราบไหว้รับใช้เทพเจ้าอื่น ข้าพเจ้าขอบอกท่านในวันนีว้ า่ ท่านจะต้องพินาศอย่างแน่นอน ท่านจะไม่มชี วี ติ ยืนยาวใน แผ่นดินทีท่ า่ นก�าลังข้ามแม่นา�้ จอร์แดนเข้าไปครอบครอง ในวันนี้ ข้าพเจ้าขอเรียกฟ้าดิน มาเป็นพยานต่อหน้าท่าน ข้าพเจ้าเสนอให้ทา่ นเลือกชีวติ หรือความตาย เลือกค�าอวยพร หรือค�าสาปแช่ง ท่านจงเลือกชีวติ เถิด เพือ่ ท่านและบุตรหลานของท่านจะมีชวี ติ รักองค์ พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เชือ่ ฟังพระสุรเสียงของพระองค์และซือ่ สัตย์ตอ่ พระองค์ เพราะพระองค์เพียงพระองค์เดียวประทานชีวติ แก่ทา่ น ทรงบันดาลให้ทา่ นอาศัยอยูน่ าน ในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสาบานไว้ว่าจะประทานแก่บรรพบุรุษของท่าน คือ อับราฮัม อิสอัคและยาโคบ

พระวรสาร

ลก 9:22-25

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวติ แต่จะกลับคืนชีพในวันทีส่ าม” หลังจากนั้น พระองค์ตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึง ตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้นั้นจะต้อง สูญเสียชีวติ แต่ถา้ ผูใ้ ดเสียชีวติ เพราะเรา ผูน้ นั้ จะรักษาชีวติ ได้ มนุษย์จะได้ประโยชน์ใด ในการที่จะได้โลกทั้งโลกเป็นก�าไร แต่ต้องเสียชีวิตและพินาศไป” ในชีวิตของพระเยซูเจ้าพระองค์ไม่เคยโกหก ไม่เคยพึ่งพาค�าลวง พระวาจาที่ ตรัสทุกค�าเป็นความจริงทัง้ ในระดับลึกและระดับทัว่ ไป พระวาจาทีว่ า่ ...ถ้าผูใ้ ดเสียชีวติ เพราะเรา ผู้นั้นจะรักษาชีวิตไว้ได้...ก็ย่อมเป็นความจริงเช่นกัน เช่นนี้เองผู้ที่ถูกเบียดเบียนหรือต้องเผชิญ หน้ากับความตาย เหตุใดเขาจึงเผชิญกับความน่ากลัวเช่นนั้นได้? ค�าตอบคือเพราะเขาเชื่อมั่น ในพระเยซูเจ้า และเชือ่ มัน่ ว่าถ้าเขาตายเพือ่ พระองค์ เขาจะได้ชวี ติ แท้ทยี่ าวนานในนิรนั ดรภาพ และนี่คือก�าไรชีวิตส�าหรับผู้มีความเชื่อแท้จริง แล้วชีวิตของเราล่ะ ก�าไรชีวิตอยู่ที่ใด?

แมพระประจักษ์ ที่เมืองลูร์ด สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4 วันผู้ปวยโลก


หลังวันพุธรับเถ้า สดด 51:1-2,3-5, 16-17 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1

อสย 58:1-9ก

พระวรสาร

มธ 9:14-15

พระเจ้าตรัสว่า “จงร้องตะโกนให้เต็มก�าลัง อย่าออมเสียงไว้ จงเปล่งเสียงเหมือน เป่าเขาสัตว์ จงประกาศให้ประชากรของเรารูว้ า่ เขาได้ลว่ งละเมิด จงประกาศแก่เชือ้ สาย ของยาโคบให้เขารู้บาปที่เขาได้ท�า เขาทั้งหลายแสวงหาเราทุกวัน ปรารถนาจะรู้จักทาง ของเรา ประหนึง่ ว่าเขาเป็นประชากรทีป่ ฏิบตั คิ วามชอบธรรม และมิได้ละทิง้ พระวินจิ ฉัย ของพระเจ้าของตน เขาขอให้เราให้การวินจิ ฉัยทีช่ อบธรรม และปรารถนาทีจ่ ะเข้ามาใกล้ พระเจ้า เขาพูดว่า “ท�าไมข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องจ�าศีลอดอาหาร ถ้าพระองค์ไม่ทอด พระเนตร ท�าไมข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องละเว้นความสุขสบาย ถ้าพระองค์ไม่ทรงทราบ” ดูซิ ในวันทีท่ า่ นทัง้ หลายจ�าศีลอดอาหาร ท่านยังแสวงหาผลประโยชน์ของตน และ ข่มเหงคนงานทุกคนของท่าน ดูซิ ท่านจ�าศีลอดอาหาร แต่ยังทะเลาะวิวาทและโต้เถียง กัน ชกต่อยตีกันอย่างอยุติธรรม การจ�าศีลอดอาหารดังที่ท่านปฏิบัติในวันนี้ จะไม่ท�าให้ เสียงของท่านได้ยินไปถึงเบื้องบนเลย นี่หรือเป็นการจ�าศีลอดอาหารที่เราพอใจ คือ วันที่มนุษย์ละเว้นความสุขสบาย ก้มศีรษะลงเหมือนต้นอ้อ ใช้ผ้ากระสอบและขี้เถ้าปู นอน ท่านจะเรียกการท�าเช่นนี้ว่าเป็นการจ�าศีลอดอาหาร และวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้า พอพระทัยกระนัน้ หรือ แต่การจ�าศีลอดอาหารทีเ่ ราต้องการ คือการแก้โซ่ตรวนทีอ่ ธรรม แก้สายรัดแอก ปล่อยผู้ถูกข่มเหงให้เป็นอิสระ และหักแอกทุกอัน แบ่งปันอาหารกับผู้ หิวโหย น�าคนยากจนไร้ที่อยู่อาศัยเข้ามาในบ้าน ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ท่านเห็นว่าไม่มีเสื้อผ้า สวม และไม่หันหน้าหนีจากญาติพี่น้อง แล้วความสว่างของท่านจะขึ้นมาเหมือนรุ่งอรุณ แผลของท่านจะหายอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมจะเดินน�าหน้าท่าน และพระสิรริ งุ่ โรจน์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเดินตามท่าน ท่านจะทูลขอ และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบ ท่านจะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่า “เราอยู่ที่นี่” วันหนึง่ บรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ท�าไมพวกเราและพวก ฟาริสีจ�าศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จ�าศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผูร้ บั เชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะทีเ่ จ้าบ่าวยัง อยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจ�าศีลอดอาหาร” ลักษณะของผูท้ มี่ ชี วี ติ จิตสัมพันธ์สนิทกับพระคริสตเจ้าอย่างลึกซึง้ คือความเบิก บานยินดี ไม่ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร จิตใจของเขาก็เบิกบานในพระองค์เสมอ เขาจะมี ทัศนคติดา้ นบวกเสมอ มีจติ ใจทีย่ อมรับ ไม่วา่ จะเกิดอะไรขึน้ เนือ่ งจากเขาได้คน้ พบสมบัตลิ า�้ ค่า ในพระองค์แล้ว จิตใจของเขาอยูก่ บั พระองค์ในความรักเสมือนจิตใจของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวในวัน วิวาห์ ค�าเปรียบเทียบเช่นนีไ้ ม่เกินเลยไปจากชีวติ ของผูท้ มี่ ชี วี ติ จิตลุม่ ลึกแน่นอน กระนัน้ ก็ด ี ชีวติ จริงมีทั้งขึ้นและลง อารมณ์ก็มักจะกระเพื่อมด้วย ผู้ที่ตระหนักว่าเจ้าบ่าว(พระคริสต์)อยู่กับเขา เสมอ จึงต้องพยายามประคับประคองจิตของตัวเองให้เพ่งพิศในภาพของพระคริสตเจ้าเสมอ


บทอ่านที่ 1

อสย 58:9ข-14

พระเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านจะเลิกข่มเหงผู้อื่น เลิกชี้หน้ากล่าวหาและพูดร้ายต่อเขา ถ้าท่านแบ่งอาหารให้แก่คนหิว และตอบสนองความต้องการของผูม้ ที กุ ข์ ความสว่างของ ท่านจะปรากฏขึน้ ในความมืด และความมืดของท่านจะเป็นเหมือนเวลาเทีย่ งวัน องค์พระ ผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงน�าท่านตลอดไป จะตอบสนองความต้องการของท่านในแผ่นดินแห้งแล้ง จะทรงท�าให้กระดูกของท่านแข็งแรง ท่านจะเป็นเหมือนสวนที่มีน�้ารด เป็นเหมือนพุน�้า ที่มีน�้าไหลไม่หยุด ประชากรของท่านจะบูรณะซากปรักหักพังโบราณขึ้นใหม่ ท่านจะวาง รากฐานที่เคยวางไว้แต่โบราณขึ้นมาอีก ท่านจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมก�าแพงที่พังแล้ว เป็น ผู้บูรณะถนนให้มีบ้านเรือนเป็นที่อาศัย ถ้าท่านหยุดละเมิดวันสับบาโต คือไม่ทา� ตามใจชอบในวันศักดิส์ ทิ ธิข์ องเรา เรียกวัน สับบาโตว่า ‘วันปีติยินดี’ และเรียกวันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘วันน่าเคารพ’ ถ้าท่านให้เกียรติวันนั้นโดยไม่เดินทาง เลิกแสวงหาสิ่งที่ท่านพอใจ และเลิกพูดเรื่องไร้ สาระ ท่านจะได้ความปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราจะให้ท่านขี่ม้าฉลองชัยอยู่ บนทีส่ งู ของแผ่นดิน เราจะเลีย้ งท่านด้วยมรดกของยาโคบบิดาของท่าน เพราะพระโอษฐ์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว”

พระวรสาร

ลก 5:27-32

หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไป ทอดพระเนตรเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อ เลวีนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เลวีก็ลุกขึ้น ละทิ้งทุกสิ่ง แล้ว ตามพระองค์ไป เลวีจัดเลี้ยงใหญ่ในบ้านของตนเป็นเกียรติแด่พระองค์ คนเก็บภาษีและคนอื่นๆ จ�านวนมากมาร่วมโต๊ะด้วย บรรดาชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ของเขาเหล่านั้นกล่าวด้วย ความไม่พอใจกับบรรดาศิษย์ของพระองค์วา่ “ท�าไมท่านทัง้ หลายจึงกินอาหารและดืม่ กับ คนเก็บภาษีและคนบาป” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการหมอ แต่คนป่วยต้องการ เราไม่ได้มาเพือ่ เรียกคนชอบธรรม แต่มาเพือ่ เรียกคนบาปให้กลับใจ”

ทุกวันนี้เสียงเรียกร้องของพระเยซูคริสตเจ้าให้ติดตามพระองค์ไปนั้นยังคง ดังก้องในหัวใจทุกคนที่เชื่อมั่นในพระองค์ และพันธกิจที่พระองค์ได้เริ่มแล้วคือการสร้างสังคม ใหม่ สังคมที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต สังคมที่ใช้กฎบัญญัติรักเป็นกฎประจ�าใจ สังคมที่ใช้ คุณธรรมทีเ่ หมาะทุกประการมาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�าวัน ค�าว่า...ตามเรามาเถิด..ยังมีนยั ของ การเชื้อเชิญที่ท้าทายความเชื่อว่า ถ้าตามพระองค์ไปแล้วชีวิตก็จะพบความหมาย พบความสุข พบสันติและความพอเพียงในการประคับประคองชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้าในแต่ละวัน... ตามเรา มาเถิด...ตามพระองค์ไปเพือ่ ไปน�าจิตวิญญาณของคนอีกมากมายให้กลับคืนมาหาพระ หรืออย่าง น้อยมองเห็นว่าเขาต้องพึ่งพาพระเจ้า เพราะพระองค์คือบ่อเกิดแห่งชีวิตของเรา

หลังวันพุธรับเถ้า สดด 86:1,2-3, 4-5,6-7 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4


บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1

ฉธบ 26:4-10

โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “สมณะจะรับกระจาดจากมือของท่าน น�าไปวางไว้หน้า พระแท่นบูชาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ท่านจะต้องประกาศถ้อยค�าเหล่านี้ เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านว่า ‘บรรพบุรุษของข้าพเจ้าเป็นชาว อารัมเร่ร่อน เขาลงไปที่อียิปต์และอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างคนต่างถิ่น มีจ�านวนน้อย แต่ได้ กลายเป็นชนชาติใหญ่มีก�าลังและมีจ�านวนมากที่นั่น ชาวอียิปต์ท�าร้ายพวกเรา ข่มเหง เราและบังคับให้เราเป็นทาสอย่างทารุณ แต่เราร้องเรียกหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า ของบรรพบุรุษของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟัง ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ทรมาน ความยากล�าบากและการถูกกดขี่ของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์ และพระอานุภาพยิ่งใหญ่ท�าเครื่องหมายอัศจรรย์และปาฏิหาริย์น่าสะพรึงกลัว ช่วยเรา ออกจากอียิปต์ และทรงน�าเรามาที่นี่ ประทานแผ่นดินมีน�้านมและน�้าผึ้งไหลอย่างอุดม สมบูรณ์นี้ให้แก่เรา ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ ข้าพเจ้าน�าผลิตผลแรกของแผ่นดินที่ พระองค์ประทานแก่ข้าพเจ้านั้นมาถวายแด่พระองค์” แล้วท่านจะวางกระจาดลงเฉพาะพระพักตร์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และ กราบนมัสการเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน

เพลงสดุดี

สดด 91:1-2,9-11,12-15ก

ก) ท่านผู้อาศัยอยู่ในที่คุ้มครองของพระผู้สูงสุด และพ�านักอยู่ใต้ร่มเงาของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ จงทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นแหล่งลี้ภัยของข้าพเจ้า และทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์” ข) ท่านพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นแหล่งลี้ภัยของข้าพเจ้า” ท่านท�าให้พระผู้สูงสุดเป็นที่พ�านักของท่าน ไม่มีอันตรายใดจะเกิดขึ้นกับท่าน ไม่มีภัยพิบัติใดจะเข้ามาใกล้กระโจมของท่าน เพราะพระองค์ทรงบัญชาบรรดาทูตสวรรค์ไว้แล้ว ให้พิทักษ์รักษาท่าน ไม่ว่าท่านจะไปทางไหน

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 10:8-13

พี่น้อง พระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไร พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระวาจาอยู่ใกล้ท่าน อยู่ ในปากและในใจของท่าน” คือพระวาจาที่น�าความเชื่อที่เราประกาศไว้ เพราะถ้าท่าน ประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และมีความเชือ่ ในใจว่า พระเจ้า ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ท่านก็จะรอดพ้น


การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความชอบธรรม การประกาศ ด้วยปากจะบันดาลความรอดพ้น เพราะพระคัมภีรก์ ล่าว ว่า “ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความ อับอาย” เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิว กับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว พระองค์เท่านั้นทรงเป็นองค์พระผู้ เป็นเจ้าส�ำหรับมนุษย์ทุกคน ประทานพระพรมากมาย ให้ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ เพราะทุกคนที่เรียกขาน พระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะรอดพ้น

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 4:1-13

เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงได้รบั พระจิตเจ้าเต็มเปีย่ ม ทรงพระด�ำเนินจากแม่น�้ำจอร์แดน พระจิตเจ้าทรงน�ำ พระองค์ไปยังถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกปีศาจผจญเป็นเวลาสี่สิบวัน ตลอดเวลานั้นพระองค์มิได้เสวยสิ่งใด เลย ในทีส่ ดุ ทรงหิว ปีศาจจึงทูลพระองค์วา่ “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสัง่ ให้หนิ ก้อนนีก้ ลายเป็นขนมปัง เถิด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ มนุษย์มไิ ด้ดำ� รงชีวติ ด้วยอาหารเท่านัน้ ” ปีศาจจึง น�ำพระองค์ไปยังที่สูงแห่งหนึ่ง แสดงให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรต่างๆ ของโลกทั้งหมดในคราว เดียว และทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะให้อ�ำนาจและความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแก่ท่าน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้ผู้ใดก็ได้ตามความปรารถนา ดังนั้น ถ้าท่านกราบนมัสการ ข้าพเจ้า ทุกสิ่งจะเป็นของท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น’” ปีศาจน�ำพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม วางพระองค์ลงที่ยอดพระวิหาร แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตร ของพระเจ้า จงกระโจนลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘พระเจ้าจะทรงสัง่ ทูตสวรรค์ให้พทิ กั ษ์รกั ษาท่าน’ และยังมีเขียนอีกว่า ‘ทูตสวรรค์จะคอยพยุงท่านไว้ มิให้เท้ากระทบหิน’” แต่พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “อย่าท้าทายองค์พระผู้ เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” เมื่อปีศาจผจญพระองค์ทุกวิถีทางแล้ว จึงแยกจากพระองค์ไป รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ชีวติ นีจ้ ะมีสงิ่ ล่อลวงมากมาย การประจญล่อลวงเริม่ ทีจ่ ติ ใจของเราก่อน บางครัง้ เริม่ ทีค่ วามอยาก บางครัง้ เริม่ ด้วยความสงสัย บางครัง้ เริม่ ด้วยความไม่มนั่ ใจ...แต่การประจญล่อลวงจะเป็นอย่างไรก็ลว้ นดึงจิตของ เราไปสูค่ ำ� ว่าคุณค่า จิตของเราจะถูกประจญว่าสิง่ นัน้ สิง่ นีม้ คี ณ ุ ค่า ต้องไขว่คว้าเอามาครอบครอง...แต่คณ ุ ค่าแท้จริง อยู่ที่ไหน? อาหาร? ทรัพย์สินเงินทอง? เกียรติยศ? ชื่อเสียง? การเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทุกคนต้องค้อมศีรษะให้? หรือ ว่าคุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่ความพอใจ? ค�ำถามนี้คงจะมีค�ำตอบแตกต่างกันออกไป แต่ให้ระวังไว้ก็แล้วกันว่า...เมื่อ ปีศาจได้ล่อลวงพระองค์แล้ว มันจึงผละจากไปและรอเวลาที่เหมาะสมที่มันจะกลับมาใหม่....เราจะท�ำอย่างไรถึง จะปลอดภัยจากการประจญ ค�ำตอบคือฝังจิตของเรากับจิตของพระอาจารย์เจ้าเสมอ


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 19:7-8,10,13,14

บทอ่านที่ 1

ลนต 19:1-2,11-18

พระวรสาร

มธ 25:31-46

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “ท่านทั้ง หลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเรา องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะต้องไม่ลักขโมย ฉ้อโกง หรือพูดเท็จต่อกัน ท่านจะต้องไม่สาบานเท็จโดย ใช้นามของเรา มิฉะนั้นท่านจะลบหลู่พระนามพระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะต้องไม่เอารัดเอาเปรียบหรือปล้นเพือ่ นบ้าน ท่านจะต้องไม่ยดึ ค่าจ้างของลูกจ้างไว้ จนถึงวันรุง่ ขึน้ ท่านจะต้องไม่สาปแช่งคนหูหนวก เอาของไปวางขวางทางคนตาบอด แต่ ท่านจะต้องย�ำเกรงพระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า...

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์รุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะ พระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลีย้ งแกะแยกแกะออกจาก แพะ ให้แกะอยูเ่ บือ้ งขวา ส่วนแพะอยูเ่ บือ้ งซ้าย แล้วพระมหากษัตริยจ์ ะตรัสแก่ผทู้ อี่ ยูเ่ บือ้ งขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่ สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’ บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว... หรือทรง กระหาย... เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า... หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า... เมื่อใด เล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เรา บอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านท�ำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต�่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ท�ำสิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกทีอ่ ยูเ่ บือ้ งซ้ายว่า ‘ท่านทัง้ หลายทีถ่ กู สาปแช่ง จงไปให้พน้ ลงไปในไฟนิรนั ดร ที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและบริวารของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้ อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์ จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ท่านไม่ได้ทำ� สิง่ ใดต่อผูต้ ำ�่ ต้อยของเราคนหนึง่ ท่านก็ไม่ได้ ท�ำสิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

...ท่านท�ำสิง่ ใดต่อผูท้ ตี่ ำ�่ ต้อยทีส่ ดุ ของเราคนหนึง่ ท่านท�ำสิง่ นัน้ ต่อเรา...พระวาจานีส้ ะท้อนถึงความรักของ พระเจ้าที่มีต่อผู้ต�่ำต้อยที่สุดในสังคม ผู้ต�่ำต้อยคือใครหนอ? คนจน? คนพิการ? คนไร้สิทธิ์? คนอ่อนแอ? คนป่วย? คน ไร้ความสามารถ? คนไร้แผ่นดิน? ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร พระเจ้าทรงแผ่ความรักของพระองค์ไปถึงเสมอ ค�ำสอนเรื่องนี้ เตือนใจเราว่าให้ระวังอย่าไปรังแกคนยากจน เพราะเสียงร้องของเขานัน้ พระเจ้าทรงสดับฟังเสมอ...นอกนัน้ พระวรสาร ยังสะท้อนอีกมุมหนึ่งว่า หากเราอยากพบพระเจ้าในรูปแบบใหม่ ให้หาพระองค์จากคนยากจนเหล่านั้น และนอกนั้น เราเข้าใจค�ำว่าพระเจ้าหมายถึงอะไร โดยเฉพาะคนที่ยินดีจะเป็นผู้ยากจนฝ่ายจิตที่ภาษาเทคนิคทางพระคัมภีร์เรียกว่า อันนาวิม...คนจนของพระเจ้า


บทอ่านที่ 1

อสย 55:10-11

พระเจ้าตรัสว่า “สวรรค์อยูส่ งู กว่าแผ่นดินฉันใด ทางของเราก็อยูส่ งู กว่าทางของท่าน และความคิดของเราก็อยู่เหนือความคิดของท่านฉันนั้น ฝนและหิมะลงมาจากท้องฟ้า และไม่กลับไปทีน่ นั่ ถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน ท�าให้แผ่นดินอุดม ท�าให้พชื งอกขึน้ เพือ่ ให้ผหู้ ว่าน มีเมล็ดพันธุ์ และให้ผู้กินมีอาหารฉันใด ถ้อยค�าที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาหา เราโดยไม่เกิดผล ไม่ท�าตามที่เราปรารถนา และไม่บรรลุจุดประสงค์ที่เราส่งมาฉันนั้น”

พระวรสาร

มธ 6:7-15

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าพูดซ�้าเหมือนคนต่างศาสนา เขาคิดว่าถ้าเขาพูด มากพระเจ้าจะทรงสดับฟัง อย่าท�าเหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบแล้ว ว่าท่านต้องการอะไร ก่อนทีท่ า่ นจะขอเสียอีก ดังนัน้ ท่านทัง้ หลายจงอธิษฐานภาวนาดังนี้ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงส�าเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจ�าวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ’ เพราะถ้าท่านให้อภัยผูท้ า� ความผิด พระบิดาของท่านผูส้ ถิตในสวรรค์ ก็จะประทาน อภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ท�าความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทาน อภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน” “บทข้าแต่พระบิดา...” เป็นบทภาวนาที่ประเสริฐที่สุด เพราะเป็นบทภาวนา ที่พระอาจารย์ทรงสอนเรา พระศาสนจักรให้เราภาวนาในทุกๆ บูชามิสซาขอบพระคุณเป็น ตัวอย่างของการภาวนา ภาคแรกเป็นการภาวนาเกีย่ วกับพระเจ้า บ่อยๆ เราภาวนาเพือ่ ตัวเอง ฝ่ายร่างกาย ลืมเรื่องวิญญาณ ลืมภาวนาให้ผู้อื่น และที่ส�าคัญ ไม่ภาวนาเพื่องานของพระเจ้า เช่น พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงส�าเร็จ... ภาค สอง เราภาวนาเพื่อตัวเราเอง : เพื่ออาหารประจ�าวัน... เพื่อโปรดอภัยบาป... เพื่ออย่าให้แพ้ การผจญ... เพื่อให้พ้นความชั่วร้าย ในเทศกาลมหาพรต ให้เราพัฒนาการภาวนาของเรา

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 34:4-7,16-18 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1


นักบุญเจ็ดองค์ ผู้ตั้งคณะผู้รับใช้ พระแมมารีย์

สดด 51:1-2,10-11, 16-17 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1

บทอ่านทีื่ 1

ยนา 3:1-10

พระวรสาร

ลก 11:29-32

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์อีกครั้งหนึ่งว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นคร ใหญ่ และประกาศเรื่องที่เราจะบอกท่านแก่เมืองนั้น” โยนาห์ก็ลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์ ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า กรุงนีนะเวห์เป็นนครใหญ่มาก ถ้าจะเดินข้ามเมือง ก็กนิ เวลาสามวัน โยนาห์เริม่ เดินเข้าไปในเมืองเป็นระยะทางเดินหนึง่ วัน ร้องประกาศว่า “อีกสีส่ บิ วัน กรุงนีนะเวห์จะถูกท�าลาย” ชาวกรุงนีนะเวห์เชือ่ ฟังพระเจ้า และประกาศให้ อดอาหาร สวมผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนยิ่งใหญ่ที่สุดจนถึงคนต�่าต้อยที่สุด ข่าวนี้ลือ ไปถึงกษัตริยก์ รุงนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึน้ จากพระบัลลังก์ ทรงเปลือ้ งฉลองพระองค์ ออก ทรงสวมผ้ากระสอบและประทับนั่งบนกองขี้เถ้า กษัตริย์ทรงประกาศกฤษฎีกาใน กรุงนีนะเวห์พร้อมกับข้าราชบริพารชั้นสูงว่า “ทั้งคนและสัตว์ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กอย่ากิน สิ่งใด อย่ากินหญ้าหรือดื่มน�้าเลย ทั้งคนและสัตว์จงสวมผ้ากระสอบและร้องหาพระเจ้า สุดก�าลัง แต่ละคนจงกลับใจจากความประพฤติชวั่ และเลิกใช้การกระท�าทีร่ นุ แรง ใครจะ รู้ได้ พระเจ้าอาจทรงเปลี่ยนพระทัย ทรงพระเมตตา และคลายพระพิโรธที่รุนแรง เพื่อ เราจะไม่ต้องพินาศ” พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นความพยายามของเขา ที่จะกลับใจไม่ ประพฤติชั่วอีกต่อไป พระเจ้าทรงพระเมตตาไม่ลงโทษตามที่ตรัสไว้ว่าจะทรงลงโทษเขา เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคน ชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็นนอกจากเครื่องหมาย ของประกาศกโยนาห์เท่านัน้ โยนาห์เป็นเครือ่ งหมายส�าหรับชาวนีนะเวห์ฉนั ใด บุตรแห่ง มนุษย์กจ็ ะเป็นเครือ่ งหมายส�าหรับคนยุคนีฉ้ นั นัน้ ในวันพิพากษา พระราชินแี ห่งทิศใต้จะ ทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อ ฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก ใน วันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจ เมื่อได้ฟังค�าเทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก” โยนาห์ไม่เชือ่ ฟังพระเจ้า ถูกลงโทษอยูใ่ นท้องปลา 3 วัน เป็นภาพลักษณ์หมาย ถึงพระเยซูเจ้าถูกฝังอยูใ่ นคูหา 3 วัน แล้วกลับคืนชีพ โยนาห์ออกจากท้องปลารีบไปเทศน์สอนชาว นีนะเวห์ทันทีที่กลับใจ พระเยซูเจ้าซึ่งยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์ เทศน์สอนชาวยิว ชาวยิวไม่กลับใจ ไม่เชื่อ ไม่นับถือพระองค์จนกระทั่งทุกวันนี้ เราเป็นเหมือนโยนาห์หรือเปล่า หลบหนีไม่ท�าตาม พระประสงค์ของพระเจ้า ชาวนีนะเวห์ได้กลับใจ ส่วนเราได้กลับใจใช้โทษบาปหรือยัง ในเทศกาล มหาพรตนี้ให้เราภาวนาเพื่อคนบาป เพื่อชาวโลกจะได้กลับใจ


บทอ่านที่ 1

อสธ 4:17K-17M,17R-17U

พระราชินเี อสเธอร์ทรงเป็นทุกข์แทบจะสิน้ พระชนม์ จึงทรงแสวงหาความช่วยเหลือ จากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระนางทรงเปลือ้ งฉลองพระองค์ทหี่ รูหราออก แล้วทรงชุดไว้ทกุ ข์ แสดงความโศกเศร้า... แล้วทรงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าแต่พระมหากษัตริย์ของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า โปรดทรงช่วยเหลือข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือข้าพเจ้านอกจากพระองค์เท่านั้น ข้าพเจ้าก�ำลัง เผชิญอันตรายเสี่ยงชีวิต ตั้งแต่เป็นเด็ก ข้าพเจ้าเคยได้ยินจากบุคคลในครอบครัวเล่าว่า พระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเลือกสรรชาวอิสราเอลจากชนชาติทั้งหลาย ทรง เลือกบรรพบุรษุ ของข้าพเจ้าจากบรรพบุรษุ ของเขาเป็นมรดกถาวรของพระองค์ พระองค์ ทรงกระท�ำตามที่ทรงสัญญาไว้กับเขาทุกประการ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด โปรดทรงส�ำแดง พระองค์ในเวลาที่ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความทุกข์ โปรดให้ข้าพเจ้ามีความกล้าหาญเถิด ข้า แต่กษัตริย์ของบรรดาเทพเจ้า พระองค์ทรงพระอานุภาพเหนือผู้มีอ�ำนาจทุกคน โปรด ทรงใส่ถ้อยค�ำจูงใจไว้ในปากของข้าพเจ้า เมื่อต้องเผชิญกับสิงโต โปรดทรงเปลี่ยนใจ ของเขาให้เกลียดชังศัตรูที่ต่อสู้กับข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อเขากับพวกจะพินาศ โปรดทรง ช่วยข้าพเจ้าทัง้ หลายให้รอดพ้นอันตรายด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ โปรดทรงช่วยเหลือ ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือนอกจากพระองค์ ข้าแต่องค์พระ ผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรอบรู้ทุกอย่าง ทรงทราบว่าข้าพเจ้าชังเกียรติยศจากคนอธรรม และรังเกียจการร่วมเตียงกับผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและคนต่างชาติ”

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 138:1-2ก,2ข-3, 7ข-8

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

มธ 7:7-12

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตู รับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านใดที่ลูก ขออาหาร แล้วจะให้ก้อนหิน ถ้าลูกขอปลา ท่านจะให้งูหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของ ดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ ท่านอยากให้เขาท�ำกับท่านอย่างไร ก็จงท�ำกับเขาอย่างนั้นเถิด นี่คือธรรมบัญญัติและค�ำสอนของบรรดา ประกาศก” พระราชินเี อสเธอร์รกั ประชากรอิสราเอลชาติเลือกสรรของตน ทรงไว้ทกุ ข์ เป็นคนกลางอธิษฐานภาวนา ต่อพระเจ้าเพื่อชาวอิสราเอล เพื่อนร่วมชาติที่ก�ำลังเผชิญอันตราย เสี่ยงชีวิตให้รอดพ้นศัตรู เราเป็นคนกลางภาวนาขอ พระเมตตาเพื่อเพื่อนร่วมชาติ และเพื่อนร่วมโลกบ้างหรือไม่ พระเยซูเจ้าสอนให้เราวอนขอ... เคาะประตูและแสวงหาด้วยความเชื่อมั่น พระบิดาในสวรรค์ซึ่งดีกว่าพ่อแม่ใน โลกนี้หลายเท่านักจะไม่ประทานของดีๆ ให้แก่ลูกๆ ของพระองค์หรือ บางทีดีกว่าที่เราขอเสียอีก ให้เรามีความสนิท สนมกับพระบิดาดุจลูกกับพ่อแม่ ในเทศกาลมหาพรตนี้ให้เราหาเวลาภาวนามากขึ้น เพื่อตัวเอง เพื่อผู้อื่น เพื่อพระ ศาสนจักร เพื่อประเทศชาติ และเพื่อโลก


บทอ่านที่ 1

อสค 18:21-28

พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “แต่ถ้าคนชั่วร้ายกลับใจไม่ท�ำบาปทุกอย่างที่เขาเคยท�ำ แล้ว กลับมารักษาข้อก�ำหนดทุกข้อของเรา ปฏิบัติความถูกต้องและความยุติธรรม เขาจะมี ชีวิตอยู่แน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย การล่วงละเมิดใดๆ ที่เขาเคยท�ำจะไม่ถูกจดจ�ำไว้เพื่อ เอาโทษเขา เขาจะมีชีวิตอยู่เพราะความชอบธรรมที่เขาได้ท�ำ เราพอใจในความตายของ คนอธรรมหรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เราพอใจที่เขากลับใจจากความประพฤติ ชั่วของเขาและมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต แต่ถ้าผู้ชอบธรรมละทิ้งความชอบธรรมของตนไปท�ำความชั่ว ประพฤติตามการ กระท�ำน่าสะอิดสะเอียนทุกอย่างที่คนชั่วท�ำ ผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ การกระท�ำชอบ สดด 130:1-4,5-6,7-8 ธรรมทั้งหมดที่เขาได้ท�ำมาแล้วจะไม่ถูกจดจ�ำไว้อีกเลย เขาจะต้องตายเพราะความผิดที่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เขาไม่ได้ซื่อสัตย์ และเพราะบาปที่เขาได้ท�ำ ท่านพูดว่า ‘วิธีการขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิธีการของเราไม่ยุติธรรม หรือวิธีการของท่านไม่ยุติธรรม เมื่อผู้ชอบธรรม เปลี่ยนใจไม่ปฏิบัติความชอบธรรมมาท�ำผิด เขาจะต้องตายเพราะการนี้ เขาจะต้องตาย เพราะความผิดที่เขาได้ท�ำ ถ้าคนชั่วร้ายเลิกท�ำความชั่วร้ายที่เขาได้ท�ำ มาปฏิบัติความยุติธรรมและความชอบ ธรรม เขาก็จะรักษาชีวิตของตนไว้ เขาเลือกจะเลิกการล่วงละเมิดทั้งหมดที่เคยท�ำ เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย”

พระวรสาร

มธ 5:20-26

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์ และชาวฟาริสีแล้ว ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย” “ท่านได้ยินค�ำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุกคน ที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่บัดซบ’ ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก ดังนั้น ขณะที่ท่านน�ำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึก ได้วา่ พีน่ อ้ งของท่านมีขอ้ บาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครือ่ งบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกบั พีน่ อ้ งเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครือ่ งบูชานัน้ จงคืนดีกบั คูค่ วามของท่านขณะทีก่ ำ� ลังเดินทางไปศาลด้วยกัน มิฉะนัน้ คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก เราบอกความจริงแก่ ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะช�ำระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย” พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้คนบาปตาย แต่ให้กลับใจและมีชีวิต พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้เพื่อตาม หาคนบาปและช่วยให้รอด ศาสนายิวสอนความยุติธรรม : “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” คือให้แก้แค้นได้ตามความยุติธรรม แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนและเน้นความรักความเมตตา : “ใครตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย” คือ ไม่ ให้แก้แค้น แต่ให้อภัยและรักศัตรู ยากแต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ พระเยซูเจ้าทรงเคร่งครัดเรื่องความรัก ไม่เพียงแต่ให้ถือ บทบัญญัติข้อใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ให้ถือแม้ข้อเล็กน้อยด้วย เช่น ว่าเขาบ้า ว่าเขาโง่ ก็ไม่ได้... ให้คืนดีกันก่อนถวายเครื่อง บูชา เรายังมีเรื่องโกรธใครอยู่หรือเปล่า คืนดีกันหรือยัง


บทอ่านที่ 1

ฉธบ 26:16-19

โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “ในวันนีอ้ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน ทรงบัญชาให้ทา่ นปฏิบตั ติ ามข้อก�าหนด และกฎเกณฑ์เหล่านี้อย่างเคร่งครัดสุดจิตใจ และสุดวิญญาณ ในวันนี้ ท่านได้ยินองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของ ท่าน ถ้าท่านด�าเนินตามหนทางของพระองค์ ปฏิบัติตามข้อก�าหนด บทบัญญัติและกฎ เกณฑ์ของพระองค์ ทั้งเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ ในวันนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรง บัญชาให้ท่านประกาศว่า ท่านจะเป็นประชากรของพระองค์ เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของ พระองค์ดงั ทีต่ รัสไว้ และท่านจะปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องพระองค์ทกุ ประการ พระองค์ จะทรงบันดาลให้ท่านมีศักดิ์ศรี มีชื่อเสียงและมีเกียรติยศเหนือชนชาติอื่นๆ ทั้งปวงที่ ทรงสร้างขึ้นมา และท่านจะเป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ของท่านดังที่ทรงสัญญาไว้”

พระวรสาร

มธ 5:43-48

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทัง้ หลายได้ยนิ ค�ากล่าวว่า จงรักเพือ่ นบ้าน จงเกลียดศัตรู แต่เรากล่าวแก่ทา่ น ว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระ บิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขน้ึ เหนือคนดีและคนชัว่ โปรด ให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ถ้าท่านรักแต่คนทีร่ กั ท่าน ท่านจะได้บา� เหน็จ รางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ท�าเช่นนี้ดอกหรือ ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของ ท่านเท่านั้น ท่านท�าอะไรพิเศษเล่า คนต่างศาสนามิได้ท�าเช่นนี้ดอกหรือ ฉะนั้น ท่านจง เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” ทีจ่ ริงเมือ่ เรารับศีลล้างบาป เราได้เกิดใหม่เป็นลูกพระเจ้าแล้ว แต่ยงั ไม่สมบูรณ์ วันนี้พระเยซูเจ้าตรัสแก่เราว่า เพื่อจะได้เป็นบุตรพระบิดาเจ้าสวรรค์ ซึ่งทรงรักทุกคนทั้งคนดี และคนชั่ว เราต้องรักศัตรู ภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนเรา เพื่อที่จะรักศัตรูได้ เราต้องมีใจพระ พระวาจาของพระเจ้าและศีลมหาสนิทท�าให้เรามีชีวิตพระ มีใจพระ รักอย่างพระ เกลียดบาป แต่รักคนบาป

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 119:1-2,3-6, 7-8 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1


สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล

ปฐก 15:5-12,17-18

เพลงสดุดี

สดด 27:1-2,7-10,13-14

องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงพาอับรามออกไปข้างนอก แล้วตรัสว่า “จงมองดูทอ้ งฟ้า นับ จ�านวนดวงดาวเถิด ถ้าท่านนับได้” พระองค์ทรงเสริมว่า “ลูกหลานของท่านจะมีจ�านวน มากมายเช่นนี้” อับรามเชื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงนับว่าความเชื่อนี้เป็น ความชอบธรรมส�าหรับเขา พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้พาท่านออกจากเมืองอูร์ของ ชาวเคลเดีย เพื่อจะมอบแผ่นดินนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน” อับรามทูลตอบว่า “ข้า แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ข้าพเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่า แผ่นดินนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของ ข้าพเจ้า” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงน�าลูกโคตัวเมียอายุสามปี แพะตัวเมียอายุสามปี และแกะตัวผู้อายุสามปี นกเขาและนกพิราบอย่างละตัวมาให้เรา” อับรามก็ไปน�าสัตว์ เหล่านี้ทั้งหมดมาผ่าครึ่งตัววางไว้ตรงกันเป็นสองแถว แต่ไม่ได้ผ่านก เมื่อแร้งบินลงมา ที่ร่างสัตว์เหล่านี้ อับรามก็ไล่มันไป ขณะที่ดวงอาทิตย์จวนจะตก อับรามก็หลับสนิท ความมืดมิดที่น่ากลัวอย่างยิ่งมา ครอบคลุมเขาไว้ เมื่อดวงอาทิตย์ตกและมืดลงแล้ว ก็มีหม้อไฟที่มีควันพวยพุ่งและคบเพลิงที่ลุก อยู่ลอยผ่านระหว่างกลางสัตว์ที่ผ่าซีกเหล่านั้น ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระท�า พันธสัญญาไว้กับอับรามว่า “เรามอบแผ่นดินนี้ให้แก่ลูกหลานของท่าน ตั้งแต่แม่น�้าแห่งอียิปต์ไปจนถึงแม่น�้า ใหญ่ คือแม่น�้ายูเฟรติส ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความสว่างและทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นป้อมปราการปกป้องชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะหวาดกลัวผู้ใด เมื่อคนชั่วร้ายเข้ามาโจมตีข้าพเจ้า เพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า คู่อริและศัตรูของข้าพเจ้านั่นแหละจะต้องสะดุดและล้มลง ข) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงฟังเสียงข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ โปรดทรงพระกรุณาตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด ใจข้าพเจ้าคิดถึงพระวาจาที่ว่า “จงแสวงหาใบหน้าของเราเถิด” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก�าลังแสวงหาพระพักตร์พระองค์อยู่ ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพเจ้า


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี ฟป 3:17-4:1

พี่น้องทั้งหลาย จงพร้อมใจกันประพฤติตามอย่างข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายเห็นว่า เราเป็นแบบฉบับ อย่างไร ก็จงด�ำเนินตามอย่างนั้นเถิด ข้าพเจ้าเคยบอกให้ท่านรู้หลายครั้งแล้ว บัดนี้ก็ขอบอกซ�้ำด้วยน�้ำตา อีกว่า หลายคนประพฤติตนเป็นศัตรูกับไม้กางเขนของพระคริสตเจ้า ปลายทางของพวกเขาเหล่านี้คือ ความพินาศ พระเจ้าของเขาทั้งหลายคือท้อง เขาอ้างความน่าละอายมาโอ้อวด เขาสนใจสิ่งของของโลก แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ในสวรรค์ เราเฝ้าคอยพระผู้ไถ่จากแดนนี้ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงเปลีย่ นรูปร่างต�ำ่ ต้อยของเราให้เหมือนพระกายรุง่ โรจน์ของพระองค์ ด้วยพระฤทธานุภาพ ที่ท�ำให้พระองค์ทรงบังคับจักรวาลทั้งหมดให้อยู่ใต้อ�ำนาจของพระองค์ได้ พี่น้องที่รัก ผู้เป็นความปรารถนา เป็นความยินดีและเป็นประดุจมงกุฎของข้าพเจ้า จงยึดมั่นในองค์ พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านที่รักทั้งหลาย

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 9:28ข-36

เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบ ขึน้ ไปบนภูเขาเพือ่ อธิษฐานภาวนา ขณะทีท่ รง อธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ลักษณะของพระพักตร์เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์มีสีขาวเจิดจ้า ทันใดนั้น บุรุษ สองคนคือโมเสสและประกาศกเอลียาห์มาสนทนากับพระองค์ ทัง้ สองคนปรากฏมาในสิรริ งุ่ โรจน์ กล่าวถึง การจากไปของพระองค์ทกี่ ำ� ลังจะส�ำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม เปโตรและเพือ่ นทีอ่ ยูด่ ว้ ยต่างก็งว่ งนอนมาก เมือ่ ตื่นขึ้นก็เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์และเห็นบุรุษทั้งสองคนยืนอยู่กับพระองค์ ขณะที่บุรุษทั้งสองคน ก�ำลังจะจากพระเยซูเจ้าไป เปโตรทูลพระองค์วา่ “พระอาจารย์เจ้าข้า ทีน่ สี่ บายน่าอยูจ่ ริงๆ เราจงสร้างเพิง ขึน้ สามหลังเถิด หลังหนึง่ ส�ำหรับพระองค์ หลังหนึง่ ส�ำหรับโมเสส อีกหลังหนึง่ ส�ำหรับประกาศกเอลียาห์” เขาไม่รู้ว่าก�ำลังพูดอะไร ขณะที่เขาก�ำลังพูดอยู่นั้น เมฆก้อนหนึ่งลอยมาปกคลุมเขาไว้ เมื่ออยู่ในเมฆ เขา กลัวมาก เสียงหนึ่งดังออกมาจากเมฆว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเรา ผู้ที่เราได้เลือกสรร จงฟังท่านเถิด” เมื่อสิ้นเสียงนั้นแล้ว ศิษย์ทั้งสามคนก็เห็นพระเยซูเจ้าเพียงพระองค์เดียว เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ได้บอกเรื่องที่เห็นให้ผู้ใดรู้เลยในเวลานั้น

คนทั่วไปในอดีตและปัจจุบันยังไม่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรพระเจ้า ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงท�ำ อัศจรรย์มากมาย รักษาคนเจ็บป่วย ยกบาป ปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ พระองค์สนิ้ พระชนม์แล้วก็กลับคืนชีพ พระ วรสารวันนี้ก็ยืนยันว่า พระองค์ทรงเป็นบุตรพระจ้า โดยมีเสียงพระบิดาจากฟ้ายืนยันว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของ เรา จงฟังท่านเถิด” พระเยซูเจ้าทรงจ�ำแลงพระกาย พระพักตร์รุ่งโรจน์ให้อัครสาวก 3 องค์เห็นเป็นพยาน จะได้ไม่เสียความเชื่อ เมือ่ เห็นพระองค์ถกู ทรมาน รับความตาย เปโตรมีความสุขมากอยากอยูบ่ นภูเขาต่อไป แต่บดั ดลภาพต่างๆ นีก้ ห็ าย ไป เรื่องนี้สอนเปโตรและสอนเราว่า โลกนี้ไม่ใช่ที่อยู่ถาวรให้ความสุขแก่เรา เราต้องเจริญชีวิตแบบพระอาจารย์ ต้องทนทุกข์ทรมาน ล�ำบากเสียก่อนในโลกนี้ แล้วจึงพบความสุขถาวรแท้จริงในโลกหน้า


ฉลองธรรมาสน์ นักบุญเปโตร อัครสาวก สดด 23:1-3,4,5,6

บทอ่านที่ 1

1 ปต 5:1-4

พระวรสาร

มธ 16:13-19

พี่น้องที่รัก โดยเหตุที่ข้าพเจ้าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง เป็นพยานถึงพระทรมานของ พระคริสตเจ้า และมีสว่ นจะรับพระสิรริ ่งุ โรจน์ทจี่ ะปรากฏในอนาคตด้วย ข้าพเจ้าขอร้อง บรรดาผูอ้ าวุโส ในกลุม่ ของท่านทัง้ หลาย จงเลีย้ งดูฝงู แกะของพระเจ้าทีอ่ ยูใ่ นความดูแล ของท่าน จงดูแลด้วยความเต็มใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า มิใช่ดูแลด้วยความจ�าใจ จงดูแลด้วยความสมัครใจ มิใช่ดูแลเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง จงเป็นแบบอย่างแก่ฝูง แกะ มิใช่เป็นเหมือนเจ้านายเหนือผูท้ อี่ ยูใ่ ต้ปกครอง เมือ่ พระคริสตเจ้าพระผูเ้ ลีย้ งสูงสุด จะทรงส�าแดงพระองค์ ท่านจะได้รับสิริรุ่งโรจน์เป็นมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิป และตรัสถามบรรดา ศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็น ยอห์นผูท้ า� พิธลี า้ ง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์ หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขา ว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดา เจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และบนศิลานี้ เรา จะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบ กุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุก สิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” เปโตรยืนยันความเชือ่ ว่า พระเยซูเจ้าคือพระบุตรของพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรง ชมและให้รางวัลเปโตร แต่งตัง้ เปโตรผูแ้ ทนพระองค์ให้เป็นศิลา และบนศิลานีพ้ ระองค์ทรงตัง้ พระศาสนจักร ทรงมอบกุญแจสวรรค์ ให้มอี า� นาจต่างๆ ทัง้ ในโลกนีแ้ ละในสวรรค์ เปโตรมรณะ ฝังทีก่ รุงโรม มหาวิหารนักบุญเปโตรใหญ่ทสี่ ดุ ในโลกสร้างบนหลุมฝังศพของท่าน เป็นศูนย์กลาง ของพระศาสนจักร นิกายต่างๆ แตกแยกไป เพราะไม่เชือ่ ฟังสมเด็จพระสันตะปาปาผูแ้ ทนนักบุญ เปโตร ให้เราภาวนาเพือ่ ให้สมาชิกนิกายต่างๆ จะได้มารวมเป็นหนึง่ เดียวกัน ภายใต้ชมุ พาบาลแต่ องค์เดียว


บทอ่านที่ 1

อสย 1:10,16-20

พระวรสาร

มธ 23:1-12

ท่านทั้งหลายผู้มีอ�านาจปกครองเมืองโสโดมเอ๋ย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้ เป็นเจ้าเถิด ประชาชนแห่งเมืองโกโมราห์เอ๋ย จงเงีย่ หูฟงั ค�าสอนของพระเจ้าของเราเถิด จงล้าง จงช�าระตนให้สะอาด จงน�ากิจการชั่วร้ายของท่านออกไปให้พ้นจากสายตา เรา จงเลิกท�าความชั่ว จงเรียนรู้ที่จะท�าความดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงช่วยเหลือ ผู้ถูกข่มเหง จงให้ความเป็นธรรมแก่ลูกก�าพร้า จงปกป้องสิทธิของหญิงม่าย องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “มาเถิด มาพิจารณาความด้วยกันกับเรา แม้บาปของท่าน ระลึกถึง น.โปลีการ์ป เป็นสีแดงเหมือนผ้าสีเลือดหมู ก็จะขาวอย่างหิมะ แม้บาปของท่านจะเป็นสีแดงเหมือน พระสังฆราช มรณสักขี ผ้าสีแดงเข้ม ก็จะขาวเหมือนขนแกะ ถ้าท่านทัง้ หลายยอมเชือ่ ฟัง ท่านจะได้กนิ ผลดีของ สดด 50:8-10,16-18, 22-23 แผ่นดิน แต่ถ้าท่านดื้อรั้นและเป็นกบฏ ท่านจะเป็นเหยื่อของคมดาบ เพราะพระโอษฐ์ ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2 ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้” ครัง้ นัน้ พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนและบรรดาศิษย์วา่ “พวกธรรมาจารย์และชาว ฟาริสีนั่งบนธรรมาสน์ของโมเสส ถ้าเขาสั่งสอนเรื่องใด ท่านจงปฏิบัติตามเถิด แต่อย่า ปฏิบัติตามพฤติกรรมของเขา เพราะเขาพูด แต่ไม่ปฏิบัติ เขามัดสัมภาระหนักวางบนบ่า คนอืน่ แต่เขาเองไม่ปรารถนาแม้แต่จะขยับนิว้ ไปยกขึน้ เขาท�ากิจการทุกอย่างเพือ่ ให้คน เห็น เช่น เขาขยายกลักบรรจุพระวาจาให้ใหญ่ขึ้น ผ้าคลุมของเขามีพู่ยาวกว่าของคนอื่น เขาชอบทีน่ งั่ มีเกียรติในงานเลีย้ ง ชอบนัง่ แถวหน้าในศาลาธรรม ชอบให้ผคู้ นค�านับตาม ลานสาธารณะ ชอบให้ทุกคนเรียกว่า ‘รับบี’ ส่วนท่านทั้งหลายอย่าให้ผู้ใดเรียกว่า ‘รับบี’ เพราะอาจารย์ของท่านมีเพียงผู้เดียว และทุกคนเป็นพี่น้องกัน ในโลกนี้อย่าเรียกผู้ใดว่า ‘บิดา’ เพราะว่าพระบิดาของท่าน มีเพียงพระองค์เดียวคือพระบิดาในสวรรค์ อย่าให้ผู้ใดเรียกท่านว่า ‘อาจารย์’ เพราะ พระอาจารย์ของท่านมีเพียงพระองค์เดียวคือพระคริสตเจ้า ในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเป็น ใหญ่จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต�่าลง ผู้ใดถ่อมตนลง จะได้ รับการยกย่องให้สูงขึ้น”

พระเยซูเจ้าทรงเจริญชีวิตเงียบๆ 30 ปีที่บ้านนาซาเร็ธ ปฏิบัติตามบัญญัติ ต่างๆ แล้วจึงเทศน์สอนผู้อื่นอย่างผู้มีอ�านาจ ทรงเตือนประชาชนให้ท�าตามที่ธรรมาจารย์สอน แต่อย่าท�าตามที่เขาท�า เพราะเขาไม่ท�าตามที่เขาสอน พระเยซูเจ้าทรงเป็นถึงพระอาจารย์ ไม่ ตัง้ ตัวเป็นเจ้าเป็นนาย แต่ทรงถ่อมองค์ลงล้างเท้าบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จมามิใช่เพือ่ ให้ผอู้ นื่ รับใช้พระองค์ แต่เพื่อทรงรับใช้ผู้อื่น ขอให้พ่อแม่ ครูอาจารย์ และผู้ใหญ่ทั้งหลาย จงท�าหน้าที่ อบรมสัง่ สอนลูกหลาน ลูกศิษย์และผูน้ อ้ ย มิใช่ดว้ ยวาจาอย่างเดียว แต่ดว้ ยแบบอย่างทีด่ ี ปฏิบตั ิ ตามที่สอน


สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 31:4-5,13,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1

ยรม 18:18-20

พระวรสาร

มธ 20:17-28

ชาวยิวที่คิดร้ายต่อประกาศกเยเรมีย์กล่าวกันว่า “มาเถิด เราจงวางแผนปองร้ายประกาศกเยเรมีย์ เพราะว่าธรรมบัญญัติจะไม่ สูญหายไปจากบรรดาสมณะ ค�ำปรึกษาย่อมไม่ขาดไปจากบรรดาผู้มีปรีชา และการ ประกาศพระวาจาไม่ขาดไปจากบรรดาประกาศก มาเถิด เราจงพูดใส่ร้ายเขา อย่าไป สนใจฟังค�ำพูดของเขาเลย” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงสนพระทัยข้าพเจ้า โปรดทรงฟังเสียงคู่อริของ ข้าพเจ้าเถิด ความชัว่ เป็นการตอบแทนความดีหรือ เขาก�ำลังขุดหลุมไว้ดกั ข้าพเจ้า โปรด ทรงระลึกว่าข้าพเจ้าเคยยืนเฉพาะพระพักตร์ เพือ่ ทูลขอความดีให้เขา เพือ่ หันพระพิโรธ ของพระองค์ไปจากเขา

เวลานั้น พระเยซูเจ้าก�ำลังเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาเฉพาะ อัครสาวกสิบสองคนออกไป แล้วตรัสแก่เขาขณะเดินทางว่า “บัดนี้ พวกเราก�ำลังขึน้ ไปยัง กรุงเยรูซาเล็ม บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบแก่บรรดาหัวหน้าสมณะและบรรดาธรรมาจารย์ เขาจะถูกตัดสินประหารชีวิต และจะถูกมอบให้คนต่างชาติสบประมาทเยาะเย้ย โบยตี และน�ำไปตรึงกางเขน แต่ในวันที่สามบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ” มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์ จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้า นั่ง ข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่าก�ำลัง ขออะไร ท่านดื่มถ้วย ซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองคนทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสกับเขา ว่า “ท่านจะดื่มถ้วยของเรา แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวน ไว้ส�ำหรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้” เมือ่ ได้ยนิ ดังนัน้ อัครสาวกอีกสิบคนรูส้ กึ โกรธพีน่ อ้ งสองคนนัน้ พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัส ว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าในหมู่คนต่างชาติ ผู้ปกครองย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้อ�ำนาจ บังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องท�ำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ ปรารถนาจะเป็นคนทีห่ นึง่ ในบรรดาท่านทัง้ หลาย ก็จะต้องท�ำตนเป็นผูร้ บั ใช้ เหมือนกับทีบ่ ตุ รแห่งมนุษย์มไิ ด้มา เพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย” “บุตรแห่งมนุษย์มิได้เสด็จมาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่เพื่อรับใช้ผู้อื่น” นี่คือพันธกิจของพระอาจารย์ของ เรา เราผู้เป็นศิษย์ต้องไม่เหนืออาจารย์ ทรงก�ำชับให้ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ ต้องรับใช้ผู้อื่น สมเด็จพระสันตะปาปา ได้ชื่อว่า “ผู้รับใช้แห่งผู้รับใช้ทั้งหลาย” เรายังใฝ่หาต�ำแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง เหมือนมารดาของบุตรเศเบดีหรือบุตร เศเบดีเองอยู่หรือ ไม่สนใจจะดื่มถ้วยแห่งความทุกข์ยากล�ำบากกับพระองค์ในโลกนี้เสียก่อน ส่วนพระบิดาจะประทาน เกียรติมงคลให้ในโลกหน้า


บทอ่านที่ 1

ยรม 17:5-10

องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนีว้ า่ “คนทีว่ างใจในมนุษย์ยอ่ มถูกสาปแช่ง เขาพึง่ พลังของ มนุษย์ ใจของเขาหันออกจากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เขาเป็นเหมือนพุม่ ไม้ในถิน่ ทุรกันดาร ไม่ เห็นความดีใดๆ ที่มาถึง เขาจะอาศัยอยู่ในที่แห้งแล้งของถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินเค็ม ที่ไม่มีผู้คนอาศัย” “คนทีว่ างใจในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าย่อมได้รบั พระพร องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเป็นความ หวังของเขา เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ทปี่ ลูกไว้รมิ น�ำ้ ซึง่ หยัง่ รากออกไปทีล่ ำ� น�ำ้ เมือ่ ความ ร้อนมาถึง เขาก็ไม่กลัว ใบของเขาคงเขียวอยู่เสมอ เขาจะไม่กังวลใจในปีที่แห้งแล้ง จะ ไม่หยุดออกผล” “จิตใจหลอกลวงมากกว่าสิ่งอื่นทั้งหมด ไม่อาจแก้ไข ผู้ใดจะรู้จักใจได้ เรา องค์ พระผู้เป็นเจ้า ส�ำรวจจิต และทดสอบใจ เพื่อจะตอบแทนแต่ละคนตามความประพฤติ ของเขา”

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

ลก 16:19-31

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกฟาริสีว่า “เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่งชื่อ ลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของ เศรษฐี มีแต่สนุ ขั มาเลียแผลของเขา วันหนึง่ คนยากจนผูน้ ตี้ าย ทูตสวรรค์นำ� เขาไปอยูใ่ นอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนัน้ ก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ เศรษฐีซงึ่ ก�ำลังถูกทรมานอยูใ่ นแดนผูต้ าย แหงนหน้าขึน้ มองเห็น อับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยูใ่ นอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า “ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่ง ลาซารัสให้ใช้ปลายนิว้ จุม่ น�ำ้ มาแตะลิน้ ให้ลกู สดชืน่ ขึน้ บ้าง เพราะลูกก�ำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี”้ แต่อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย จงจ�ำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวๆ บัดนี้ เขาได้รบั การบรรเทาใจทีน่ ี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิง่ กว่านัน้ ยังมีเหวใหญ่ขวางอยูร่ ะหว่างเราทัง้ สอง จนใครที่ ต้องการจะข้ามจากทีน่ ไี่ ปหาลูก ก็ขา้ มไปไม่ได้ และผูท้ ตี่ อ้ งการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ขา้ มมาไม่ได้ดว้ ย” เศรษฐีจึงพูดว่า “ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้องอีก ห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานทีท่ รมานแห่งนีเ้ ลย” อับราฮัมตอบว่า “พีน่ อ้ งของลูกมีโมเสส และบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด” แต่เศรษฐีพูดว่า “มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึง่ จากบรรดาผูต้ ายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ” อับราฮัมตอบว่า “ถ้าเขาไม่เชือ่ ฟังโมเสสและบรรดา ประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ” สังคมของเรายังมีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน คนจนถูกเอารัดเอาเปรียบ คนจนขาดปัจจัย 4 ของความเป็นมนุษย์ สังคมมิได้ช่วยเหลือ แต่กลุ่มคริสตชนสมัยแรกมีน�้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยเหลือแบ่งปัน ในกลุ่มของ เขาไม่มีใครขัดสน ได้รับความนิยมจากประชาชน พระศาสนจักรต้องยากจน อยู่เพื่อคนจน อยู่กับคนจน เราอย่าลืมช่วย เหลือคนจน เพราะในวันสุดท้าย พระเจ้าจะพิพากษาเรา “เราหิว เรากระหาย...ท่านไม่ได้ให้เรากิน ไม่ได้ให้เราดื่ม...” แต่ถ้าเรายากจนก็ไม่เสียใจ เพราะเรามั่นใจว่าพระจะไม่ทอดทิ้งเรา พระเยซูเจ้าเกิดมาบนความยากจน เพื่อเป็นเพื่อน ของคนจน พระอาณาจักรสวรรค์เป็นของคนจน


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 105:16-18,19, 20-22 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร

ปฐก 37:3-4,12-13ก,17ข-28

ยาโคบรักโยเซฟมากกว่าบุตรคนอื่นๆ เพราะโยเซฟเกิดมาเมื่อยาโคบชราแล้ว...พี่ ชายของโยเซฟไปเลี้ยงแพะแกะของบิดาในบริเวณเมืองเชเคม อิสราเอลบอกโยเซฟว่า “พี่ๆ ของลูกก�ำลังเลี้ยงแพะแกะอยู่ที่เชเคม มาซิ พ่อจะส่งลูกไปพบเขา” โยเซฟจึงตาม ไปพบพีช่ ายทีเ่ มืองโดธาน พีช่ ายเห็นโยเซฟแต่ไกลก่อนทีโ่ ยเซฟจะมาถึง จึงวางแผนจะฆ่า เสีย... รูเบนได้ยินเข้าก็หาทางจะช่วยโยเซฟให้พ้นจากมือน้องๆ ของตน จึงพูดว่า “อย่า ถึงกับเอาชีวติ กันเลย” รูเบนยังเสริมอีกว่า “อย่าหลัง่ เลือดเลย เพียงแต่โยนมันทิง้ ไว้ใน บ่อ ในถิ่นทุรกันดารก็พอแล้ว อย่าท�ำร้ายมันเลย” รูเบนแนะน�ำเช่นนี้เพื่อช่วยโยเซฟให้ พ้นจากมือของพี่ชาย แล้วจะน�ำไปส่งคืนให้บิดา เมื่อโยเซฟมาถึง พี่ชายก็ช่วยกันจับเขา ถอดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษซึ่งเขาสวมอยู่ แล้วโยนเขาลงไปในบ่อ... ทันใดนัน้ เขาเงยหน้าขึน้ เห็นกองคาราวานของชาวอิชมาเอลก�ำลังเดินทางมาจาก แคว้นกิเลอาดจะไปอียิปต์... ยูดาห์จึงแนะน�ำพี่น้องว่า “ถ้าเราฆ่าน้อง และกลบเลือดไว้ จะได้อะไรขึ้นมาเล่า เราจงขายน้องแก่ชาวอิชมาเอลดีกว่า เราจะได้ไม่ต้องท�ำร้ายเขา เพราะเขาก็ยงั เป็นน้องและเป็นสายเลือดเดียวกันกับเรา” พีน่ อ้ งทุกคนก็เห็นด้วย...แล้ว ขายให้แก่ชาวอิชมาเอลเป็นราคาเงินหนักยี่สิบบาท พ่อค้าเหล่านี้จึงพาโยเซฟไปอียิปต์

มธ 21:33-43,45-46

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลาย จงฟังอุปมาอีกเรื่องหนึ่งเถิด คหบดีผู้หนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ท�ำรั้วล้อม ขุดบ่อย�่ำองุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง เมื่อใกล้ถึงฤดูเก็บผล เจ้าของสวนจึงให้ผู้รับใช้ไป พบคนเช่าสวนเพื่อรับส่วนแบ่งจากผลผลิต แต่คนเช่าสวนได้จับคนใช้ ทุบตีคนหนึ่ง ฆ่าอีกคนหนึ่ง เอาหินทุ่ม อีกคนหนึ่ง เจ้าของสวนจึงส่งผู้รับใช้จ�ำนวนมากกว่าพวกแรกไปอีก คนเช่าสวนก็ท�ำกับพวกนี้เช่นเดียวกัน ใน ที่สุด เจ้าของสวนได้ส่งบุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน คิดว่า ‘คนเช่าสวนคงจะเกรงใจลูกของเราบ้าง’ แต่ เมื่อคนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวนมา ก็พูดกันว่า ‘คนนี้เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเถิด เราจะได้มรดกของเขา’ เขาจึงจับบุตรเจ้าของสวน น�ำตัวออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเสีย ดังนี้ เมือ่ เจ้าของสวนมา เขาจะท�ำอย่างไรกับ คนเช่าสวนพวกนัน้ ” บรรดาผูฟ้ งั ตอบว่า “เจ้าของสวนจะก�ำจัดพวกใจอ�ำมหิตนีอ้ ย่างโหดเหีย้ ม และจะยกสวน ให้คนอืน่ เช่า ซึง่ จะแบ่งผลคืนให้เขาตามก�ำหนดเวลา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ท่านมิได้อา่ นในพระคัมภีรห์ รือว่า ‘หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระท�ำเช่นนั้น เป็นที่น่า อัศจรรย์แก่เรายิ่งนัก’ ดังนั้น เราบอกท่านว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทั้งหลาย ไปมอบให้แก่ชนชาติอื่นที่ จะท�ำให้บังเกิดผล”... บรรดาประกาศกน้อยใหญ่ที่พระเจ้าทรงส่งมา ถูกอิสราเอลฆ่าตายหมด โยเซฟในพันธสัญญาเดิม เป็นรูปแบบหมายถึงพระเยซูเจ้า ถูกพี่ๆ คิดจะฆ่าและถูกขายไปอยู่อียิปต์ พระเยซูเจ้าบุตรพระเจ้าที่ถูกส่งมาก็ถูกชาว ยิวฆ่าตาย อาณาจักรของพระเจ้าที่ถูกมอบให้แก่ประชากรชาติเลือกสรร ก็ถูกยกไปมอบให้แก่ชนชาติอื่น พวกเราที่มิใช่ ชาวอิสราเอลชาติเลือกสรรก็มีบุญมาอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า อิสราเอลใหม่ ให้เราสรรเสริญขอบพระคุณและรู้คุณ พระเจ้า ต้อนรับพระคริสต์ และอย่าตรึงกางเขนฆ่าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง


บทอ่านที่ 1

มคา 7:14-15,18-20

พระวรสาร

ลก 15:1-3,11-32

โปรดทรงใช้ไม้ขอของผูเ้ ลีย้ งแกะเลีย้ งดูประชากร คือฝูงแพะแกะทีเ่ ป็นมรดกของ พระองค์ ซึ่งอาศัยโดดเดี่ยวอยู่ในป่า ที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ โปรดทรงให้ เขาหากินอยูใ่ นแคว้นบาชานและกิเลอาดเหมือนในสมัยก่อน โปรดทรงแสดงปาฏิหาริย์ แก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย เหมือนในสมัยทีท่ รงน�ำข้าพเจ้าทัง้ หลายออกมาจากแผ่นดินอียปิ ต์...

สัปดาห์ที่ 2

เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสี เทศกาลมหาพรต และธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึง สดด 103:1-2,3-4, ตรัสอุปมาเรือ่ งนีใ้ ห้เขาฟัง พระองค์ยงั ตรัสอีกว่า “ชายผูห้ นึง่ มีลกู สองคน ลูกคนเล็กพูด 9-10,11-12 กับบิดาว่า ‘พ่อครับ โปรดให้ทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นมรดกแก่ลูกเถิด’ บิดาก็แบ่งทรัพย์ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 สมบัติให้แก่ลูกทั้งสองคน ต่อมาไม่นาน ลูกคนเล็กรวบรวมทุกสิ่งที่มีแล้วเดินทางไปยัง ดินแดนห่างไกล ที่นั่นเขาประพฤติเสเพลผลาญเงินทองจนหมดสิ้น เมื่อเขาหมดตัว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างหนักทั่วดินแดนนั้น และเขาเริ่มขัดสน จึงไปรับจ้างอยู่กับชาว เมืองคนหนึ่ง คนนั้นใช้เขาไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา เขาอยากกินฝักถั่วที่หมูกินเพื่อระงับความหิว แต่ไม่มีใครให้ เขาจึงรู้ส�ำนึกและคิดว่า ‘คนรับใช้ของพ่อฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่ หิวจะตายอยู่แล้ว ฉัน จะกลับไปหาพ่อ พูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกท�ำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของ พ่ออีก โปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพ่อเถิด’ เขาก็กลับไปหาพ่อ ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา ลูกจึงพูดกับพ่อว่า ‘พ่อ ครับ ลูกท�ำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชอื่ ว่าเป็นลูกของพ่ออีก’ แต่พ่อพูดกับผู้รับใช้ว่า ‘เร็ว เข้า จงไปน�ำเสือ้ สวยทีส่ ดุ มาสวมให้ลกู เรา น�ำแหวนมาสวมนิว้ น�ำรองเท้ามาใส่ให้ จงน�ำลูกวัวทีข่ นุ อ้วนแล้วไป ฆ่า แล้วกินเลี้ยงฉลองกันเถิด เพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’ แล้ว การฉลองก็เริ่มขึ้น ส่วนลูกคนโต อยู่ในทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้บ้าน ได้ยินเสียงดนตรีและการร้องร�ำ จึงเรียกผู้รับใช้คนหนึ่ง มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น... ลูกคนโตรู้สึกโกรธ ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน พ่อจึงออกมาขอร้องให้เข้าไป แต่เขาตอบ พ่อว่า ‘ลูกรับใช้พ่อมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนค�ำสั่งของพ่อเลย พ่อก็ไม่เคยให้ลูกแพะแม้แต่ตัวเดียว แก่ลูกเพื่อเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ แต่พอลูกคนนี้ของพ่อกลับมา เขาคบหญิงเสเพล ผลาญทรัพย์สมบัติของ พ่อจนหมด พ่อยังฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วให้เขาด้วย’ พ่อพูดว่า ‘ลูกเอ๋ย ลูกอยู่กับพ่อเสมอมา ทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของลูก แต่จ�ำเป็นต้องเลี้ยงฉลองและชื่นชม ยินดี เพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’” ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า พระเจ้าเป็นเหมือนบิดาที่ใจดี รักและเมตตาลูกคนเล็ก ทีป่ ระพฤติเสเพล แต่สำ� นึกผิด กลับบ้านขอโทษบิดา บิดาให้อภัยจัดงานเลีย้ งฉลอง แต่ไม่พอใจลูกคนโตทีไ่ ม่ยอมให้อภัย น้อง พระเยซูเจ้าเป็นภาพลักษณ์ของพระบิดา ที่มีดวงพระทัยที่เต็มด้วยความรัก และเมตตาสงสาร มิได้มาเพื่อคนดี แต่เพือ่ ตามหาคนบาปและช่วยให้รอด ให้เรามีหวั ใจเหมือนพระเยซูเจ้า แม้เกลียดบาป แต่รกั คนบาป ให้อภัยเสมอ หาก เราเป็นลูกคนเล็ก ประพฤติไม่ดี ให้เราส�ำนึกผิด กลับใจ ขอขมาโทษพระจ้า ไว้ใจในพระเมตตาของพระองค์ พระเจ้า ให้อภัยเราแล้ว ให้เราให้อภัยกันและกันด้วย บ่อยๆ ครั้งเราเป็นเหมือนทั้งลูกคนเล็กและคนโต


สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสืออพยพ

อพย 3:1-8ก,13-15

เพลงสดุดี

สดด 103:1-2,3-4,6-7,8 และ 11

โมเสสเลีย้ งฝูงแพะแกะของเยโธร ผูเ้ ป็นพ่อตาและสมณะแห่งมีเดียน วันหนึง่ เขา ต้อนฝูงแพะแกะข้ามถิ่นทุรกันดารไปถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า ทูตสวรรค์ขององค์พระ ผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขาเป็นเปลวไฟลุกอยู่กลางพุ่มไม้ โมเสสมองดูก็เห็นว่าพุ่มไม้นั้น ลุกเป็นไฟ แต่ไม่มอดไหม้ จึงคิดว่า “ฉันจะเข้าไปดูเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ใกล้ๆ ท�าไมพุ่มไม้นั้นไม่มอดไหม้” องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาเข้ามาดูใกล้ๆ จึง ตรัสเรียกเขาจากกลางพุ่มไม้ว่า “โมเสส โมเสส” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” พระองค์ ตรัสห้ามว่า “อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้ จงถอดรองเท้าออก เพราะสถานที่ที่ท่านยืนอยู่เป็น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” พระองค์ยังตรัสอีกว่า “เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน เป็น พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” โมเสสยกมือขึ้นปิด หน้า ไม่กล้ามองดูพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราสังเกตเห็นความทุกข์ยากของประชากรของเราใน อียปิ ต์ เราได้ยนิ เสียงร้องเพราะความทารุณของนายงาน เรารูด้ ถี งึ ความทุกข์ทรมานของ เขา เราลงมาช่วยเขาให้พ้นมือชาวอียิปต์ และน�าเขาออกจากแผ่นดินนั้น ไปสู่แผ่นดินที่ อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ ไปยังแผ่นดินที่มีน�้านมและน�้าผึ้งไหลบริบูรณ์” โมเสสทูลพระเจ้าว่า “เมื่อข้าพเจ้าไปหาชาวอิสราเอลแล้วบอกเขาว่า พระเจ้า ของบรรพบุรุษของท่านทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่าน” ถ้าเขาถามข้าพเจ้าว่า “พระองค์ทรง พระนามว่าอะไร” ข้าพเจ้าจะตอบเขาอย่างไร พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราคือเราเป็น” แล้วตรัสต่อไปว่า “ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนีว้ า่ ‘เราเป็น’ ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่าน ทั้งหลาย” พระเจ้าตรัสกับโมเสสอีกว่า ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนี้ว่า “องค์พระผู้ เป็นเจ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และ พระเจ้าของยาโคบ ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย นามนี้จะเป็นนามของเราตลอด ไป ชนรุ่นต่อๆ ไปจะต้องเรียกเราด้วยนามนี้” ก) จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ส่วนลึกของข้าพเจ้า จงถวายพระพรแด่พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงอย่าลืมพระคุณต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้ ข) พระองค์ประทานอภัยความผิดทั้งหลายของท่าน ทรงรักษาโรคภัยทั้งหมดของท่าน ทรงช่วยชีวิตท่านให้พ้นจากเหวลึก ประทานความรักมั่นคงและพระเมตตาเป็นดังมงกุฎแก่ท่าน ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิบัติด้วยความเที่ยงธรรม


ประทานความยุติธรรมต่อทุกคนที่ถูกข่มเหง ทรงส�ำแดงให้โมเสสรู้ทางของพระองค์ ทรงส�ำแดงให้บรรดาบุตรของอิสราเอลเห็นพระราชกิจของพระองค์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 10:1-6,10-12

พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ข้าพเจ้าต้องการให้ทา่ นรูว้ า่ บรรพบุรษุ ทุกคนของเราได้อยูใ่ ต้เมฆ และทุกคนข้ามทะเล ไป ทุกคนรับการล้างในเมฆและในทะเลเข้าร่วมกับโมเสส ทุกคนกินอาหารฝ่ายจิตอย่างเดียวกัน ทุกคนดืม่ เครือ่ งดืม่ ฝ่ายจิตอย่างเดียวกัน เพราะพวกเขาดืม่ น�ำ้ จากศิลาฝ่ายจิตซึง่ ติดตามพวกเขาไป ศิลานัน้ คือพระ คริสตเจ้า แม้กระนัน้ พระเจ้าก็มไิ ด้พอพระทัยคนส่วนใหญ่เหล่านัน้ พวกเขาล้มตายเกลือ่ นกลาดอยูใ่ นถิน่ ทุรกันดาร เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างส�ำหรับเรา มิให้เราปรารถนาสิ่งชั่วร้ายดังที่เขาปรารถนา ท่านทั้งหลายจงอย่าบ่นเหมือนที่เขาบางคนบ่นแล้วพินาศไปโดยน�้ำมือขององค์ผู้ท�ำลาย เหตุการณ์ เหล่านีบ้ งั เกิดขึน้ กับพวกเขาเพือ่ เป็นตัวอย่าง และมีบนั ทึกไว้เพือ่ เตือนสติเราซึง่ ก�ำลังเผชิญกับวาระสุดท้าย ของยุค ดังนั้น ผู้ที่คิดว่าตนยืนหยัดมั่นคงอยู่ พึงระวังอย่าให้ล้ม

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 13:1-9

ในเวลานั้น คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรื่องชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตในขณะที่ เขาก�ำลังถวายเครือ่ งบูชา พระองค์จงึ ตรัสตอบเขาว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลเี หล่านีเ้ ป็นคนบาปมากกว่าชาว กาลิลีทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่าน จะพินาศไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความ ผิดมากกว่าคนอื่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจ เปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน” พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรื่องนี้ว่า “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขา มามองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดกับคนสวนว่า ‘ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้ แต่ไม่พบ จงโค่นมันเถิด เสียที่เปล่าๆ’ แต่คนสวนตอบว่า ‘นายครับ ปล่อยมันไว้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะ พรวนดินรอบต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้’”

เรามนุษย์มักคิดกันว่า “อุบัติเหตุ โรคร้าย ความตายเป็นอาญาโทษของพระเจ้า พระเจ้าทรงรัก คนทีไ่ ม่ตายในอุบตั เิ หตุมากกว่าคนทีต่ ายในอุบตั เิ หตุ” พระเจ้าอาจจะให้เวลาคนทีไ่ ม่ตายในอุบตั เิ หตุหรือไม่ประสบ อุบัติเหตุ ที่ประพฤติไม่ดี มีเวลากลับตัวกลับใจ ส่วนคนที่ตายในอุบัติเหตุอาจจะพร้อมไปอยู่กับพระมากกว่าคน ที่รอดจากอุบัติเหตุ พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราว่า “ถ้าท่านไม่กลับใจใช้โทษบาป ท่านจะตายกันทุกคน” (ตายฝ่าย วิญญาณ) การกลับใจมิใช่การเป็นทุกข์เสียใจเท่านัน้ หากเป็นการเปลีย่ นแปลงชีวติ อย่างถึงรากถึงโคน ในเทศกาล มหาพรตนี้ เรากลับใจอย่างแท้จริงหรือยัง พระเจ้าทรงอดทนรอคอยการกลับใจของคนบาป


บทอ่านที่ 1

2 พกษ 5:1-15

ในครั้งนั้น นาอามานผู้บัญชาการกองทัพของกษัตริย์แห่งอารัม เป็นคนส�ำคัญ ที่กษัตริย์ทรงยกย่องนับถืออย่างยิ่ง เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ชาว อารัมโดยทางเขา แต่ชายฉกรรจ์ผู้นี้ป่วยเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง ครั้งหนึ่ง เมื่อชาว อารัมออกไปปล้นแผ่นดินอิสราเอล เขาจับเด็กหญิงคนหนึ่งมาด้วย เด็กหญิงคนนั้นมา เป็นสาวใช้ของภรรยานาอามาน เธอบอกนายหญิงว่า “ถ้าเจ้านายผู้ชายเพียงแต่ไปหา ประกาศกที่กรุงสะมาเรีย ประกาศกคงจะรักษาเจ้านายให้หายจากโรคได้” นาอามานไป สัปดาห์ที่ 3 เฝ้ากษัตริย์ ทูลว่าเด็กหญิงจากแผ่นดินอิสราเอลบอกอย่างนี้ กษัตริยแ์ ห่งอารัมตรัสตอบ เทศกาลมหาพรต ว่า “ไปเถิด เราจะส่งสารไปถวายกษัตริย์แห่งอิสราเอล” นาอามานจึงออกเดินทางไป... สดด 42:1-2,43:3,4 เขาน�ำสารไปถวายกษัตริยแ์ ห่งอิสราเอลมีความว่า “พร้อมกับสารนี้ ข้าพเจ้าส่งนาอามาน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ผูร้ บั ใช้คนหนึง่ ของข้าพเจ้ามาเฝ้าพระองค์ เพือ่ ให้พระองค์ทรงรักษาเขาให้หายจากโรค” เมื่อกษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงอ่านสารนั้นแล้ว ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์... เมื่อเอลีชาคนของพระเจ้าได้ยินว่ากษัตริย์ทรงฉีกฉลองพระองค์ ก็ส่งคนไปทูลกษัตริย์...นาอามานจึงขึ้น รถม้าไปหยุดที่ประตูบ้านของเอลีชา เอลีชาใช้คนไปบอกเขาว่า “จงไปช�ำระตัวในแม่น�้ำจอร์แดนเจ็ดครั้ง แล้ว เนือ้ หนังของท่านจะหายจากโรคและสะอาดเหมือนเดิม” นาอามานโกรธมากจึงจากไป... บรรดาผูร้ บั ใช้ของเขา เข้ามาเตือนว่า “นายขอรับ ถ้าประกาศกบอกท่านให้ท�ำสิ่งยาก ท่านก็คงจะท�ำตามไม่ใช่หรือ บัดนี้ เขาบอกแต่ เพียงว่า จงไปช�ำระตัว แล้วท่านจะหายจากโรค” นาอามานจึงลงไปจุม่ ตัวในแม่นำ�้ จอร์แดนเจ็ดครัง้ ตามทีค่ นของ พระเจ้าบอก แล้วเนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็กๆ...

พระวรสาร

ลก 4:24-30

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ พระองค์ตรัสกับประชาชนในศาลาธรรมว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ไม่มปี ระกาศกคนใดได้รบั การต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน เรา บอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความอดอยาก ครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไปหาหญิงม่าย เหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายทีเ่ มืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคนโรคเรือ้ นหลายคนใน อิสราเอล แต่ไม่มีใครได้รับการรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านั้น” เมื่อคนที่อยู่ในศาลาธรรมได้ยินเช่นนี้ ทุกคนโกรธเคืองยิ่งนัก จึงลุกขึ้นขับไล่พระองค์ออกไปจากเมือง น�ำไปที่หน้าผาของเนินเขาที่เมืองตั้งอยู่ ตั้งใจจะผลักพระองค์ลงไป แต่พระองค์ทรงด�ำเนินฝ่ากลุ่มคนเหล่า นั้น แล้วเสด็จจากไป พระเป็นเจ้าทรงเลือกอิสราเอลให้เป็นชาติเลือกสรร และให้พระเยซูเจ้ามาบังเกิดเป็นชาวอิสราเอล แต่ชาวอิสราเอลไม่ต้อนรับพระองค์จนกระทั่งทุกวันนี้ พระเจ้าก็หันไปหาคนต่างชาติ รักษานาอามานคนต่างชาติ และ ช่วยหญิงม่ายคนต่างชาติ พวกเราคริสตชนซึ่งไม่ใช่ชาวอิสราเอลชาติเลือกสรร เป็นคนต่างชาติ มีบุญมารู้จักพระเยซู เจ้า พระผู้ไถ่กู้โลก ได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์ทั้งฝ่ายกายและวิญญาณ เราต้อนรับพระองค์และมีความเชื่อใน พระองค์เพียงใด และเราพยายามช่วยพี่น้องชาวไทยอีกมากมาย ซึ่งไม่ใช่ชาวอิสราเอล แต่เป็นชาติเดียวกับเรา ให้มา รู้จักพระเยซูเจ้าและพึ่งบุญบารมีของพระองค์เพียงใด



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.