03 March 2019

Page 1


บทอ่านที่ 1 บสร 6:5-17 ปากหวานทวีจำ�นวนมิตรสหาย วาจาสุภาพส่งเสริมอัธยาศัยไมตรี มีมิตรมากไว้ เป็นการดี แต่จงมีที่ปรึกษาเพียงคนเดียวในพันคน ถ้าท่านต้องการมีเพื่อน จงลองใจ เขาก่อน อย่าด่วนไว้ใจเขา บางคนเป็นเพื่อนเมื่อได้ประโยชน์ แต่เมื่อท่านลำ�บาก เขาก็ หายหน้าไป มิตรบางคนกลายเป็นศัตรู และนำ�การวิวาทกับท่านไปโพนทะนาให้ท่าน สัปดาห์ที่ 7 ต้องอับอาย บางคนเป็นเพื่อนกิน แต่เมื่อท่านลำ�บาก เขาก็หายหน้าไป เมื่อทุกอย่าง เทศกาลธรรมดา ราบรืน่ เขาก็เป็นเพือ่ นคูใ่ จ ทำ�ตนเป็นนาย บังอาจสัง่ ผูร้ บั ใช้ของท่าน แต่เมือ่ ท่านตกอับ สดด 119:12 และ 16,18 เขาก็จะลุกขึน้ มาเป็นศัตรูกบั ท่าน คอยหลีกเลีย่ งไม่พบหน้าท่าน จงอยูห่ า่ งจากศัตรูของ และ 27,34-35 ท่าน และจงคอยระวังเพื่อนของท่าน เพื่อนซื่อสัตย์เป็นที่ปกป้องแข็งแรง ใครพบมิตร ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เช่นนีก้ เ็ หมือนได้พบสมบัติ เพือ่ นซือ่ สัตย์หาค่ามิได้ ไม่มมี าตรใดวัดค่าของเขาได้ เพือ่ น วันศุกร์ต้นเดือน ซื่อสัตย์เป็นเสมือนยาอายุวัฒนะ ผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นจะพบเขาได้ ผู้ ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมรักษามิตรภาพอย่างมั่นคง เขาเป็นเช่นใด เพื่อนของเขา ก็เป็นเช่นนั้น พระวรสาร มก 10:1-12 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากทีน่ นั่ เข้าไปในเขตแคว้นยูเดียและอีกฟากหนึง่ ของแม่นํ้าจอร์แดน ประชาชนมาเฝ้าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง พระองค์จึงทรงสอนเขาอีก เช่นเคย ชาวฟาริสีบางคนทูลถามหวังจะจับผิดพระองค์ว่า “เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่ ชายจะหย่ากับภรรยา” พระองค์ตรัสตอบว่า “โมเสสได้บัญญัติไว้ว่าอย่างไร” เขาทูล ตอบว่า “โมเสสอนุญาตให้ทำ�หนังสือหย่าร้างและหย่ากันได้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เพราะใจดื้อแข็งกระด้างของท่าน โมเสสจึงได้เขียนบัญญัติข้อนี้ไว้ แต่เมื่อแรกสร้าง โลกนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง ดังนั้น ชายจะละบิดามารดา และ ชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดัง นั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย” เมื่อกลับเข้าไปในบ้านแล้ว บรรดา ศิษย์ทลู ถามถึงเรือ่ งนีอ้ กี พระองค์จงึ ตรัสตอบว่า “ผูใ้ ดหย่าร้างภรรยา และแต่งงานกับ อีกคนหนึ่ง ก็ทำ�ผิดประเวณีต่อภรรยาคนเดิม และถ้าหญิงคนหนึ่งหย่ากับสามี ไป แต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำ�ผิดประเวณีเช่นเดียวกัน” ย้อนกลับไป “เมื่อแรกสร้างโลกนั้น” พระทรงสร้างอาดัมและเอวา ให้มนุษย์ชายหญิงได้อยู่คู่กัน อยู่เพื่อกันและกัน และเจตนาแรกนี้มิได้ถูกยกเลิก และมิได้ขาดซึ่งพระพร แม้มีบาปกำ�เนิดเข้ามาแทรกใน ประวัติศาสตร์แห่งจิตใจของมนุษย์ ดังนั้น ชายหญิงที่ศึกษาดูใจ เตรียมตัวอย่างดีและรอบคอบ พร้อมด้วยการ ภาวนาขอความกระจ่างในพระประสงค์ของพระ เพื่อการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ตามเจตนาแรกเริ่มของพระเจ้านั้น ย่อมมีชวี ติ อุดมด้วยพระพร...เชิญชวนเราภาวนาเพือ่ บิดามารดาของเรา ลูกๆ หลานๆ ของเราทีแ่ ต่งงานแล้ว และ บุตรหลานเยาวชนของเราที่กำ�ลังเข้าสู่ชีวิตครอบครัว ให้ดำ�รงคงอยู่ในศีลในพรของพระเทอญ 03.indd 74

21/12/2561 14:49:16


บทอ่านที่ 1 บสร 17:1-15 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตสร้างมนุษย์จากดิน และทรงบันดาลให้เขากลับเป็น ดินอีก พระองค์ทรงกำ�หนดวันและเวลาไว้แก่มนุษย์ ทรงมอบอำ�นาจเหนือทุกสิ่งบน แผ่นดินให้เขา ประทานให้มนุษย์มกี �ำ ลังเหมือนพระองค์ ทรงเนรมิตเขาตามภาพลักษณ์ ของพระองค์ ทรงบันดาลให้สตั ว์ทงั้ หลายเกรงกลัวมนุษย์ มนุษย์จะได้เป็นนายปกครอง สัตว์ป่าและนกทั้งปวง พระองค์ประทานความคิด ลิ้น ตา หู และใจแก่มนุษย์ เพื่อเขา จะรู้จักคิด พระองค์โปรดให้เขามีความรู้และความเข้าใจอย่างเต็มเปี่ยม ทรงชี้นำ�ให้เขา รู้จักความดีและความชั่ว พระองค์ประทานแสงสว่างของพระองค์ในจิตใจของเขา ทรง สำ�แดงให้เขาเห็นความยิ่งใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์ มนุษย์จะได้สรรเสริญ พระนามศักดิส์ ทิ ธิข์ องพระองค์ และบอกเล่าความยิง่ ใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ประทานความรู้แก่เขา ทรงมอบกฎแห่งชีวิตเป็นมรดกแก่เขา ทรงกระทำ� พันธสัญญานิรนั ดรกับเขา ทรงเผยให้เขารูจ้ กั บทบัญญัตขิ องพระองค์ ตาของเขาได้ชม พระสิรริ งุ่ โรจน์ยงิ่ ใหญ่ หูของเขาได้ยนิ พระสุรเสียงดังกังวานของพระองค์ พระองค์ตรัส แก่เขาว่า “จงละเว้นความอยุตธิ รรมทัง้ ปวง” ประทานบทบัญญัตใิ ห้แต่ละคนปฏิบตั ติ อ่ เพือ่ นบ้าน ความประพฤติของมนุษย์อยูเ่ ฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเสมอ ไม่ซอ่ นพ้นสาย พระเนตรไปได้เลย

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา

สดด 103:13-14, 15-16,17-18ก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มก 10:13-16 เวลานัน้ มีผนู้ �ำ เด็กเล็กๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าเพือ่ ทรงสัมผัสอวยพร แต่บรรดาศิษย์ กลับดุว่าคนเหล่านั้น เมื่อทรงเห็นเช่นนี้ พระองค์กริ้ว ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ปล่อย ให้เด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคน ที่เหมือนเด็กเหล่านี้ เราบอกความจริงกับท่านว่า ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักรของพระเจ้า อย่างเด็กเล็กๆ เขาจะไม่เข้าสูพ่ ระอาณาจักรนัน้ เลย” แล้วพระองค์ทรงอุม้ เด็กเหล่านัน้ ไว้ ทรงปกพระหัตถ์ และประทานพระพร บรรดาศิษย์เห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสม ที่จะเอาเรื่องของเด็กๆ มายุ่งเกี่ยว กับพระเยซูเจ้า และกับงานที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงเห็นต่าง พระองค์ ทรงแสดงด้วยคำ�พูดและการปฏิบัติว่า ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่และสมควรแก่การให้ความสำ�คัญ เท่ากับเด็กเล็กๆ และผู้มีจิตใจซื่อๆ จริงใจเหมือนเด็กเล็กๆ เป็นที่ปรากฏว่า เกณฑ์และ มาตรฐานของพระกับของมนุษย์แตกต่างกัน...อยูก่ บั พระ จงซือ่ ๆ และจริงใจอย่างสุดๆ อยู่ กับมนุษย์จงจริงใจและรอบคอบ “จงซื่อประดุจนกพิราบ และจงฉลาดประดุจงู”

03.indd 75

21/12/2561 14:49:17


สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา บสร 27:4-7 เมื่อเขย่าตะแกรง ย่อมเหลือแต่กากฉันใด เมื่อคนหนึ่งพูด ความบกพร่องของเขาก็ย่อมปรากฏออกมาฉันนั้น เตาเผาย่อมพิสูจน์ภาชนะดินเผาของช่างหม้อฉันใด การสนทนาย่อมพิสูจน์นิสัยของมนุษย์ฉันนั้น ผลไม้ย่อมแสดงว่าชาวสวนดูแลต้นไม้ดีหรือไม่ดี วาจาย่อมเปิดเผยใจของมนุษย์ว่าดีหรือไม่ดีด้วย อย่าชมผู้ใดก่อนที่เขาจะพูด เพราะการพูดส่อนิสัยของมนุษย์ เพลงสดุดี สดด 92:2-3,13-14,15 ก) เป็นการดีที่จะประกาศความรักมั่นคงของพระองค์ในยามเช้า และประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ในยามคํ่าคืน โดยบรรเลงเพลงด้วยพิณสิบสายและพิณเล็ก เคล้าเสียงประสานของพิณใหญ่ ข) ผู้ชอบธรรมจะเจริญงอกงามดั่งต้นอินทผลัม ปลูกไว้ในบ้านขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจึงเจริญงอกงามในท้องพระโรงของพระเจ้าของเรา แม้ในวัยชรา เขาก็จะยังออกผล เขายังจะแข็งแรงและเขียวสดอยู่ ค) เพื่อประกาศว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นหลักศิลาของข้าพเจ้า ไม่ทรงมีความอธรรมแต่ประการใด บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:54-58 พีน่ อ้ ง เมือ่ ร่างกายทีเ่ น่าเปือ่ ยนีจ้ ะสวมใส่ความไม่เน่าเปือ่ ย และเมือ่ ร่างกายทีต่ อ้ ง ตายนี้จะสวมใส่ความไม่รู้จักตายแล้ว ก็จะเป็นจริงตามคำ�ที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความตายถูกชัยชนะกลืน ความตายเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ไหน ความตายเอ๋ย พิษ ของเจ้าอยู่ไหน” พิษของความตายคือบาป ธรรมบัญญัติคือ สิ่งแสดงฤทธิ์อำ�นาจของ บาป ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะให้เราเดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็น เจ้าของเรา พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงมั่นคง อย่าหวั่นไหว จงออกแรงทำ�งานขององค์พระผู้เป็น เจ้าให้มากยิง่ ขึน้ เสมอ ท่านรูอ้ ยูแ่ ล้วว่า งานหนักของท่านไม่สญ ู เปล่าสำ�หรับองค์พระผู้ เป็นเจ้า

03.indd 76

21/12/2561 14:49:17


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 6:39-45 เวลานัน้ พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านัน้ ฟังอีก ว่า “คนตาบอดจะนำ�ทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลง ไปในคูมใิ ช่หรือ ศิษย์ยอ่ มไม่อยูเ่ หนืออาจารย์ แต่ทกุ คนทีไ่ ด้ รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน ทำ�ไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพีน่ อ้ ง แต่ไม่สงั เกต เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้ อย่างไรว่า ‘พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตา ของท่านเถิด’ ขณะทีท่ า่ นไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของ ท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขีย่ เศษฟางออก จากดวงตาของพี่น้อง ต้นไม้ทเี่ กิดผลไม่ดยี อ่ มไม่ใช่ตน้ ไม้พนั ธุด์ ี หรือต้นไม้พนั ธุไ์ ม่ดยี อ่ มไม่ให้ผลดีเช่นกัน เรารูจ้ กั ต้นไม้แต่ละ ต้นได้จากผลของต้นไม้นั้น เราย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม หรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม คนดี ย่อมนำ�สิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมนำ�สิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัพย์ที่เลวของ ตน เพราะปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา” สิ่งที่พูดหรือปฏิบัติภายนอก เป็นการพิสูจน์และสืบเนื่องมาจากสิ่งที่อยู่ภายใน “ใจ” แต่ “ใจ” ย่อมรอคอยการเอากากออกจากของจริง ซึ่งการเขย่าตะแกรงเพื่อร่อนเอาเปลือกข้าวออกจากเมล็ดข้าว เรียก ร้องความพากเพียร ความหวัง และความจริงใจ... และที่ “ใจ” นี่แหละ เป็นสถานที่ที่พระทรงรอคอยจะพบกับ เรามนุษย์ ใจทีซ่ อื่ ๆ และแสวงหาพระ แม้เจ้าของ “หัวใจ” นัน้ ไม่มคี วามสามารถ ความเก่ง ความมีหน้ามีตา หรือ ความรํ่ารวยตามมาตรฐานของโลก ก็หาได้เป็นอุปสรรคหรือข้อขัดขวางไม่ให้พระมาหาเรา พร้อมด้วยความรัก ของพระองค์ไม่

03.indd 77

21/12/2561 14:49:17


น.กาสิมีร์ สดด 32:1-2,5,6,7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 บสร 17:24-29 พระองค์ทรงให้ผู้สำ�นึกผิดกลับมา ประทานกำ�ลังใจแก่ผู้ขาดความพากเพียร จง กลับใจมาหาองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ละทิง้ บาป จงอธิษฐานภาวนาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ จงเลิกทำ�ขัดเคืองพระทัย จงกลับมาเฝ้าพระผู้สูงสุด จงหันหลังให้ความอธรรม จง เกลียดชังความชั่วร้ายโดยสิ้นเชิง ในแดนมรณะใครเล่าจะสรรเสริญพระผู้สูงสุด ใคร จะขอบพระคุณพระองค์แทนผู้มีชีวิตได้ ผู้ตายที่ไม่อยู่แล้วจะสรรเสริญพระองค์ไม่ได้ อีก ผูม้ ชี วี ติ และมีสขุ ภาพดีเท่านัน้ จะสรรเสริญองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าได้ พระกรุณาขององค์ พระผู้เป็นเจ้าช่างยิ่งใหญ่ พระองค์ประทานอภัยแก่ผู้กลับใจมาเฝ้าพระองค์ พระวรสาร มก 10:17-27 ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงพระดำ�เนินอยูร่ ะหว่างทาง ชายคนหนึง่ รีบเข้ามาคุกเข่า ลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำ�อะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำ�ไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจาก พระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอด พระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขมุ ทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมือ่ ได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติจำ�นวนมาก จึงจากไป ด้วยความทุกข์ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์วา่ “ยากจริงหนอทีค่ น มั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซู เจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอทีจ่ ะเข้าสูพ่ ระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอด รูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจ มากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้ว ตรัสว่า “สำ�หรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำ�หรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ ทรงทำ�ได้ทุกสิ่ง”

ความปรารถนาจะติดตามพระ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ กับใครก็ได้ แต่การทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อ ติดตามพระองค์นนั้ เป็นการท้าทายและเรียกร้องความจริงใจอย่างมาก ซึง่ มักจะมาเป็นคำ�ถามทีไ่ ม่เป็นตัวอักษร ว่า หากขาดเสียซึง่ ความปลอดภัย ความมัน่ คง ความภาคภูมใิ จ หรือเสียชีวติ ของตนเองล่ะ เรายังจะยินดีตดิ ตาม พระหรือไม่... แน่นอนว่า เป็นเรื่องปกติที่จากใจจริงของเรา ยอมรับว่ายากมากๆ จนแทบเป็นไปไม่ได้สำ�หรับ มนุษย์ปุถุชนแบบเราๆ... ณ ขณะนั้น ให้เราสารภาพถึงตัวตนจริงของเราที่มีขอบเขต และวอนขอกำ�ลังจากพระ ผู้ทรงไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำ�หรับพระองค์ 03.indd 78

21/12/2561 14:49:18


บทอ่านที่ 1 บสร 35:1-12 การปฏิบตั ติ ามธรรมบัญญัตกิ เ็ ป็นเสมือนการถวายเครือ่ งบูชามากมาย การปฏิบตั ิ ตามบทบัญญัติก็เป็นเสมือนการถวายศานติบูชา การรู้บุญคุณก็เป็นเสมือนการถวาย แป้งสาลีดีเยี่ยม การให้ทานก็เป็นเสมือนการถวายเครื่องบูชาสรรเสริญพระเจ้า สิ่งที่ พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าก็คือการละทิ้งความชั่วร้าย การละเว้นความอยุติธรรมก็ เป็นเสมือนการถวายเครือ่ งบูชาชดเชยบาป อย่าเข้าเฝ้าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าโดยไม่น�ำ ของ ถวายมาด้วย เพราะบทบัญญัตเิ รียกร้องให้ถวายสิง่ เหล่านีท้ งั้ หมด เมือ่ ผูช้ อบธรรมถวาย สัตว์อ้วนพีเป็นเครื่องบูชาบนพระแท่น กลิ่นหอมฟุ้งก็ลอยขึ้นไปเฉพาะพระพักตร์ พระผู้สูงสุด เครื่องบูชาของผู้ชอบธรรมเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ จะไม่ทรงลืมเครื่องบูชานี้เลย จงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจกว้าง อย่า ตระหนี่ผลิตผลแรกจากผลงานที่ท่านทำ� ทุกครั้งที่ท่านถวายเครื่องบูชา จงมีหน้าตายิ้ม แย้ม จงถวายรายได้หนึ่งในสิบส่วนด้วยความยินดี จงถวายแด่พระผู้สูงสุดให้สมกับ พระพรทีท่ า่ นได้รบั จากพระองค์ดว้ ยใจกว้างตามทีท่ า่ นจะทำ�ได้ เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ประทานบำ�เหน็จตอบแทนเสมอ พระองค์จะประทานรางวัลให้ท่านถึงเจ็ดเท่า อย่าติดสินบนพระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงรับ อย่าไว้ใจเครื่องบูชาที่ไม่ชอบธรรม เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา พระองค์ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง

สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา สดด 50:5-6,7-8, 14 และ 23 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร มก 10:28-31 เวลานั้น เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตาม พระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้าน เรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร หลายคน ที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย และกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก” คงไม่เป็นการยากนัก หากเราจะติดตามพระ เพราะว่าเราได้รบั สิง่ ตอบแทน แต่หากช่วงเวลาที่เราไม่พบรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน แถมยังมีแต่การเบียดเบียนวุ่นวายใจ ไม่พบแม้ความสงบในจิตใจ เรายังจะติดตามพระอีกต่อไปหรือไม่ และนีจ่ งึ เป็นคำ�ถามกลับ มาสูช่ วี ติ ของเราว่า เราติดตามพระ หรือติดตามรางวัลจากพระ เราแสวงหาการอยูก่ บั พระ หรือเราแสวงหาพระพรของพระ หากเกิดการไม่แจ้งชัดในเป้าหมายดังกล่าวนี้ เราผูศ้ รัทธา ผู้เต็มด้วยการภาวนาวอนขอมากมาย อาจกลับกลายเป็นกลุ่มสุดท้าย ที่จะพบการอยู่กับ พระ

03.indd 79

21/12/2561 14:49:18


บทอ่านที่ 1 ยอล 2:12-18 บัดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงกลับมาหาเราด้วยสุดจิตสุดใจ เถิด จงจำ�ศีลอดอาหาร รํ่าไห้ และไว้ทุกข์ครํ่าครวญ จงฉีกใจของท่าน มิใช่ฉีกเสื้อผ้า จงกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เพราะพระองค์ทรงเมตตาและกรุณา ไม่ทรงโกรธง่าย ทรงเปี่ยมด้วยความรักมั่นคง ทรงสงสารและไม่ทรงลงโทษ...

วันพุธรับเถ้า

บทอ่านที่ 2 2 คร 5:20-6:2 พี่น้อง เราจึงเป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า ประหนึ่งว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้เชิญชวน ท่านทัง้ หลาย เราจึงขอร้องแทนพระคริสตเจ้าว่า จงยอมคืนดีกบั พระเจ้าเถิด เพราะเห็น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 แก่เราพระเจ้าจึงทรงทำ�ให้พระองค์ผู้ไม่รู้จักบาปเป็นผู้รับบาป เพื่อว่าในพระองค์เราจะ ได้กลายเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า ในฐานะผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราขอร้องท่านทั้งหลาย อย่าเพียงแต่รับพระหรรษทานของพระองค์ไว้ โดยไม่เกิดผล พระองค์ตรัสว่า “ในเวลาที่เหมาะสม เราได้รับฟังท่าน และในวันแห่งความรอดพ้น เราได้ ช่วยเหลือท่าน” ขณะนี้คือเวลาที่เหมาะสม ขณะนี้คือวันแห่งความรอดพ้น สดด 51:1-2,3-5, 11-12,14-15

พระวรสาร มธ 6:1-6,16-18 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง อย่าปฏิบัติศาสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพื่ออวดคนอื่น มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้รับบำ�เหน็จ จากพระบิดาของท่านผูส้ ถิตในสวรรค์ ดังนัน้ เมือ่ ท่านให้ทาน จงอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนทีบ่ รรดาคน หน้าซื่อใจคดมักทำ�ในศาลาธรรมและตามถนน เพื่อจะได้รับคำ�สรรเสริญจากมนุษย์... เมื่อให้ทาน อย่าให้ มือซ้ายของท่านรูว้ า่ มือขวากำ�ลังทำ�สิง่ ใด เพือ่ ทานของท่านจะได้เป็นทานทีไ่ ม่เปิดเผย แล้วพระบิดาของท่าน ผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาใน ศาลาธรรม และตามมุมลานเพื่อให้ใครๆ เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำ�เหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตทั่ว ทุกแห่ง แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน เมื่อท่านทั้งหลายจำ�ศีลอดอาหาร จงอย่าทำ�หน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำ�หน้า หมองคลํา้ เพือ่ แสดงให้ผคู้ นรูว้ า่ เขากำ�ลังจำ�ศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ทา่ นว่า เขาได้รบั บำ�เหน็จของ เขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจำ�ศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้นํ้ามันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำ�ลัง จำ�ศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน” ดังคำ�ในหนังสือประกาศกโยเอลว่า “จงกลับมาหาพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ” และด้วย “การ กระทำ�” เถิด...แต่เมื่อได้เกิดการกระทำ�แห่งการทำ�ทานช่วยเหลือเพื่อนพี่น้อง การอธิษฐานภาวนา และการ จำ�ศีลอดอาหารแล้ว เป็นการสมควรอย่างยิง่ ทีจ่ ะไม่หลงจมแช่ตวั อยูท่ กี่ จิ การภายนอก แต่จงกลับเข้าไปทีใ่ จของ เราอีกครั้งหนึ่ง แล้วรับรู้อย่างจริงใจ และซื่อๆ ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นที่ใจ เพราะ ณ สภาวะเช่นนั้นแหละ ที่ที่ พระบิดาจะทรงตรัส “กับใจ” และตรัส “ในใจ” ของเรา 03.indd 80

21/12/2561 14:49:18


บทอ่านที่ 1 ฉธบ 30:15-20 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “จงฟังเถิด ในวันนี้ ข้าพเจ้ากำ�ลังเสนอให้ท่านเลือก ชีวิตหรือความตาย เลือกความดีหรือความชั่ว ข้าพเจ้าจึงสั่งท่านในวันนี้ ให้รักองค์ พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และเดินตามวิถีทางของพระองค์ ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ข้อกำ�หนดและกฎเกณฑ์ของพระองค์ แล้วท่านจะมีชีวิตและทวีจำ�นวนขึ้น องค์พระผู้ เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในแผ่นดินที่ท่านกำ�ลังจะเข้าไปครอบครอง แต่ถ้าท่านเปลี่ยนใจไปจากพระองค์ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์ แต่ยอมกราบไหว้รับใช้ เทพเจ้าอื่น ข้าพเจ้าขอบอกท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศอย่างแน่นอน ท่านจะไม่มี ชีวติ ยืนยาวในแผ่นดินทีท่ า่ นกำ�ลังข้ามแม่นาํ้ จอร์แดนเข้าไปครอบครอง ในวันนี้ ข้าพเจ้า ขอเรียกฟ้าดินมาเป็นพยานต่อหน้าท่าน ข้าพเจ้าเสนอให้ท่านเลือกชีวิตหรือความตาย เลือกคำ�อวยพรหรือคำ�สาปแช่ง ท่านจงเลือกชีวติ เถิด เพือ่ ท่านและบุตรหลานของท่าน จะมีชีวิต รักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์และ ซือ่ สัตย์ตอ่ พระองค์ เพราะพระองค์เพียงพระองค์เดียวประทานชีวติ แก่ทา่ น ทรงบันดาล ให้ท่านอาศัยอยู่นานในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสาบานไว้ว่าจะประทานแก่ บรรพบุรุษของท่าน คืออับราฮัม อิสอัคและยาโคบ

ระลึกถึง น.แปร์เปตูอา และ น.เฟลีซีตัส มรณสักขี สดด 1:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร ลก 9:22-25 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะกลับคืนชีพในวันที่ สาม” หลังจากนั้น พระองค์ตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึง ตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้นั้นจะต้อง สูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตเพราะเรา ผู้นั้นจะรักษาชีวิตได้ มนุษย์จะได้ประโยชน์ ใดในการที่จะได้โลกทั้งโลกเป็นกำ�ไร แต่ต้องเสียชีวิตและพินาศไป” ผู้ปรารถนาจะติดตามพระเยซูเจ้า ต้อง “เลิกนึกถึงตนเอง” แต่ “แบก ไม้กางเขนทุกวัน” และติดตามพระเยซูเจ้าไป ซึ่งด้วยความรัก ความเมตตา และความ ผูกพันกับเรา พระองค์จึงยอมรับทรมาน และแบกไม้กางเขนเดินอยู่ข้างหน้าเรา เดินอยู่ ข้างๆ เรา และเอาไม้กางเขนของเราไปแบกแทนในบางช่วงของชีวิตที่วิกฤตของเรา... เรา คงไม่แบกไม้กางเขนเดินตามพระองค์ โดยไม่พดู อะไรกับพระองค์บา้ งเลยใช่ไหม....ขณะที่ อ่านข้อความนี้ จงหยุดอ่าน และพูดอะไรที่อยู่ในใจกับพระองค์บ้างเถิด

03.indd 81

21/12/2561 14:49:19


บทอ่านที่ 1 อสย 58:1-9ก พระเจ้าตรัสว่า “จงร้องตะโกนให้เต็มกำ�ลัง อย่าออมเสียงไว้ จงเปล่งเสียงเหมือน เป่าเขาสัตว์ จงประกาศให้ประชากรของเรารูว้ า่ เขาได้ลว่ งละเมิด จงประกาศแก่เชือ้ สาย ของยาโคบให้เขารู้บาปที่เขาได้ทำ� เขาทั้งหลายแสวงหาเราทุกวัน ปรารถนาจะรู้จักทาง ของเรา ประหนึง่ ว่าเขาเป็นประชากรทีป่ ฏิบตั คิ วามชอบธรรม และมิได้ละทิง้ พระวินจิ ฉัย น.ยอห์น แห่งพระเจ้า ของพระเจ้าของตน เขาขอให้เราให้การวินิจฉัยที่ชอบธรรม และปรารถนาที่จะเข้ามา ใกล้พระเจ้า เขาพูดว่า “ทำ�ไมข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องจำ�ศีลอดอาหาร ถ้าพระองค์ไม่ นักบวช ทอดพระเนตร ทำ�ไมข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องละเว้นความสุขสบาย ถ้าพระองค์ไม่ทรง สดด 51:1-2,3-5, 16-17 ทราบ” ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ดูซิ ในวันที่ท่านทั้งหลายจำ�ศีลอดอาหาร ท่านยังแสวงหาผลประโยชน์ของตน วันสตรีสากล และข่มเหงคนงานทุกคนของท่าน ดูซิ ท่านจำ�ศีลอดอาหาร แต่ยังทะเลาะวิวาทและ โต้เถียงกัน ชกต่อยตีกนั อย่างอยุตธิ รรม การจำ�ศีลอดอาหารดังทีท่ า่ นปฏิบตั ใิ นวันนี้ จะ ไม่ท�ำ ให้เสียงของท่านได้ยนิ ไปถึงเบือ้ งบนเลย นีห่ รือเป็นการจำ�ศีลอดอาหารทีเ่ ราพอใจ คือวันทีม่ นุษย์ละเว้นความสุขสบาย ก้มศีรษะลงเหมือนต้นอ้อ ใช้ผา้ กระสอบและขีเ้ ถ้า ปูนอน ท่านจะเรียกการทำ�เช่นนี้ว่าเป็นการจำ�ศีลอดอาหาร และวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้า พอพระทัยกระนั้นหรือ แต่การจำ�ศีลอดอาหารที่เราต้องการ คือการแก้โซ่ตรวนที่อธรรม แก้สายรัดแอก ปล่อยผู้ถูกข่มเหงให้เป็นอิสระ และหักแอกทุกอัน แบ่งปันอาหารกับผู้หิวโหย นำ�คนยากจนไร้ที่อยู่อาศัย เข้ามาในบ้าน ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ท่านเห็นว่าไม่มีเสื้อผ้าสวม และไม่หันหน้าหนีจากญาติพี่น้อง แล้วความสว่าง ของท่านจะขึ้นมาเหมือนรุ่งอรุณ แผลของท่านจะหายอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมจะเดินนำ�หน้าท่าน และ พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเดินตามท่าน ท่านจะทูลขอ และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบ ท่าน จะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่า “เราอยู่ที่นี่” พระวรสาร มธ 9:14-15 วันหนึ่งบรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำ�ไมพวกเราและพวกฟาริสีจำ�ศีล อดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำ�ศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขา แต่จะมี วันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำ�ศีลอดอาหาร” แม้การทำ�ทาน การอธิษฐานภาวนา และการจำ�ศีลอดอาหาร เป็นเครื่องมือและรูปแบบแห่ง การติดตามพระเยซูเจ้า แต่ที่พระองค์รอคอยจากเรา มิใช่ “เครื่องมือ” หรือ “รูปแบบ” แต่เป็น “หัวใจ” ของ เรา... หัวใจที่จริงใจต่อพระองค์ หัวใจที่ปรารถนาจะอยู่กับพระองค์ผ่านการทำ�ทาน การอธิษฐานภาวนา และ การจำ�ศีลอดอาหาร ผ่านการทำ�ดีต่อเพื่อนพี่น้อง แม้แต่กับผู้ที่เรารู้สึกลำ�บากที่จะต้องอยู่หรือมีปฏิสัมพันธ์ด้วย รวมทั้งด้วยหัวใจที่จริงใจและปรารถนาจะอยู่กับพระองค์ผ่านทางความสุขในการทำ�ทาน ในการภาวนา ในการ อดออมเพือ่ ช่วยเหลือผูอ้ นื่ ...จึงจะเรียกได้วา่ จริงใจกับพระจริงๆ ทีท่ งั้ ในยามทุกข์และยามสุข ก็ขออยูก่ บั พระองค์ เสมอ 03.indd 82

21/12/2561 14:49:19


บทอ่านที่ 1 อสย 58:9ข-14 พระเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านจะเลิกข่มเหงผู้อื่น เลิกชี้หน้ากล่าวหาและพูดร้ายต่อเขา ถ้าท่านแบ่งอาหารให้แก่คนหิว และตอบสนองความต้องการของผู้มีทุกข์ ความสว่าง ของท่านจะปรากฏขึ้นในความมืด และความมืดของท่านจะเป็นเหมือนเวลาเที่ยงวัน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำ�ท่านตลอดไป จะตอบสนองความต้องการของท่านใน แผ่นดินแห้งแล้ง จะทรงทำ�ให้กระดูกของท่านแข็งแรง ท่านจะเป็นเหมือนสวนทีม่ นี าํ้ รด เป็นเหมือนพุนํ้าที่มีนํ้าไหลไม่หยุด ประชากรของท่านจะบูรณะซากปรักหักพังโบราณ ขึ้นใหม่ ท่านจะวางรากฐานที่เคยวางไว้แต่โบราณขึ้นมาอีก ท่านจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อม กำ�แพงที่พังแล้ว เป็นผู้บูรณะถนนให้มีบ้านเรือนเป็นที่อาศัย ถ้าท่านหยุดละเมิดวันสับบาโต คือไม่ทำ�ตามใจชอบในวันศักดิ์สิทธิ์ของเรา เรียก วันสับบาโตว่า ‘วันปีติยินดี’ และเรียกวันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘วัน น่าเคารพ’ ถ้าท่านให้เกียรติวันนั้นโดยไม่เดินทาง เลิกแสวงหาสิ่งที่ท่านพอใจ และเลิก พูดเรื่องไร้สาระ ท่านจะได้ความปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราจะให้ท่านขี่ม้า ฉลองชัยอยู่บนที่สูงของแผ่นดิน เราจะเลี้ยงท่านด้วยมรดกของยาโคบบิดาของท่าน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว”

น.ฟรังซิสกา ชาวโรม นักบวช

สดด 86:1,2-3, 4-5,6-7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร ลก 5:27-32 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไป ทอดพระเนตรเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อ เลวีนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เลวีก็ลุกขึ้น ละทิ้งทุกสิ่ง แล้วตามพระองค์ไป เลวีจัดเลี้ยงใหญ่ในบ้านของตนเป็นเกียรติแด่พระองค์ คนเก็บภาษีและคนอื่นๆ จำ�นวนมากมาร่วมโต๊ะด้วย บรรดาชาวฟาริสแี ละธรรมาจารย์ของเขาเหล่านัน้ กล่าวด้วย ความไม่พอใจกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำ�ไมท่านทั้งหลายจึงกินอาหารและดื่ม กับคนเก็บภาษีและคนบาป” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการ หมอ แต่คนป่วยต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้ กลับใจ” พระเป็นเจ้าทรงรักเรา และเรียกเราให้ติดตามพระองค์ มิใช่เพราะว่าความ เก่ง ความดี หรือแม้กระทัง่ ความศักดิส์ ทิ ธิข์ องเรา แต่พระองค์ทรงรักเราและเรียกเรา แม้วา่ เรามีข้อบกพร่อง มีความอ่อนแอ และแม้กระทั่งมีบาป พระเยซูเจ้ามาในโลกนี้ ในขณะที่ มนุษย์มีบาป มิใช่ในขณะที่มนุษย์มีความศักดิ์สิทธิ์...นี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ นี่คือความ เมตตาเอ็นดูที่พระมีต่อเรา...เรามีกำ�ลังใจ มีความหวัง และมีความอบอุ่นใจ เพราะความ รักเมตตาของพระองค์ที่มีให้เรา ชนิดที่มนุษย์ก็คาดไม่ถึง 03.indd 83

21/12/2561 14:49:19


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ ฉธบ 26:4-10 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า สมณะจะรับกระจาดจากมือของท่าน นำ�ไปวางไว้หน้า พระแท่นบูชาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ท่านจะต้องประกาศถ้อยคำ�เหล่า นี้เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านว่า “บรรพบุรุษของข้าพเจ้าเป็นชาวอารัมเร่ร่อน เขาลงไปที่อียิปต์และอาศัยอยู่ที่นั่น อย่างคนต่างถิ่น มีจำ�นวนน้อย แต่ได้กลายเป็นชนชาติใหญ่มีกำ�ลังและมีจำ�นวนมากที่ นั่น ชาวอียิปต์ทำ�ร้ายพวกเรา ข่มเหงเราและบังคับให้เราเป็นทาสอย่างทารุณ แต่เรา ร้องเรียกหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟัง ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ทรมาน ความยากลำ�บากและการถูกกดขี่ของเรา องค์ พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงใช้พระหัตถ์ทรงฤทธิแ์ ละพระอานุภาพยิง่ ใหญ่ท�ำ เครือ่ งหมายอัศจรรย์ และปาฏิหาริย์น่าสะพรึงกลัว ช่วยเราออกจากอียิปต์ และทรงนำ�เรามาที่นี่ ประทาน แผ่นดินมีนํ้านมและนํ้าผึ้งไหลอย่างอุดมสมบูรณ์นี้ให้แก่เรา ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ ข้าพเจ้านำ�ผลิตผลแรกของแผ่นดินที่พระองค์ประทานแก่ข้าพเจ้านั้นมาถวายแด่ พระองค์” แล้วท่านจะวางกระจาดลงเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และกราบนมัสการเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เพลงสดุดี สดด 91:1-2,9-11,12-15ก ก) ท่านผู้อาศัยอยู่ในที่คุ้มครองของพระผู้สูงสุด และพำ�นักอยู่ใต้ร่มเงาของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ จงทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นแหล่งลี้ภัยของข้าพเจ้า และทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์” ข) ท่านพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นแหล่งลี้ภัยของข้าพเจ้า” ท่านทำ�ให้พระผู้สูงสุดเป็นที่พำ�นักของท่าน ไม่มีอันตรายใดจะเกิดขึ้นกับท่าน ไม่มีภัยพิบัติใดจะเข้ามาใกล้กระโจมของท่าน เพราะพระองค์ทรงบัญชาบรรดาทูตสวรรค์ไว้แล้ว ให้พิทักษ์รักษาท่าน ไม่ว่าท่านจะไปทางไหน บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม รม 10:8-13 พี่น้อง พระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไร พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระวาจาอยู่ใกล้ท่าน อยู่ ในปากและในใจของท่าน” คือพระวาจาที่นำ�ความเชื่อที่เราประกาศไว้ เพราะถ้าท่าน

03.indd 84

21/12/2561 14:49:20


ประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และมีความเชื่อในใจว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ท่านก็จะรอดพ้น การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความ ชอบธรรม การประกาศด้วยปากจะบันดาลความรอดพ้น เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “ทุกคนที่มีความเชื่อใน พระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย” เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิวกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว พระองค์ เท่านัน้ ทรงเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าสำ�หรับมนุษย์ทกุ คน ประทานพระพรมากมายให้ทกุ คนทีเ่ รียกขานพระองค์ เพราะทุกคนที่เรียกขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะรอดพ้น

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 4:1-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ทรงพระดำ�เนินจากแม่นํ้าจอร์แดน พระจิตเจ้าทรง นำ�พระองค์ไปยังถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกปีศาจผจญเป็นเวลาสี่สิบวัน ตลอดเวลานั้นพระองค์มิได้เสวยสิ่งใด เลย ในที่สุด ทรงหิว ปีศาจจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งให้หินก้อนนี้กลายเป็นขนมปัง เถิด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่ามนุษย์มิได้ดำ�รงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น” ปีศาจจึงนำ�พระองค์ไปยังทีส่ งู แห่งหนึง่ แสดงให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรต่างๆ ของโลกทัง้ หมด ในคราวเดียว และทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะให้อำ�นาจและความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแก่ ท่าน เพราะสิง่ เหล่านีเ้ ป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้ผใู้ ดก็ได้ตามความปรารถนา ดังนัน้ ถ้าท่านกราบนมัสการ ข้าพเจ้า ทุกสิ่งจะเป็นของท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น’” ปีศาจนำ�พระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม วางพระองค์ลงทีย่ อดพระวิหาร แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของ พระเจ้า จงกระโจนลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘พระเจ้าจะทรงสั่งทูตสวรรค์ให้พิทักษ์รักษาท่าน’ และยังมีเขียนอีกว่า ‘ทูตสวรรค์จะคอยพยุงท่านไว้มิให้เท้ากระทบหิน’” แต่พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “อย่าท้าทายองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” เมื่อปีศาจผจญพระองค์ทุกวิถีทางแล้ว จึงแยกจากพระองค์ไป รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม พระเยซูเจ้า ผูท้ รงยินดีรบั สภาพมนุษย์ เพือ่ อยูแ่ ละเพือ่ เป็นเหมือนเราทุกอย่าง รวมทัง้ การประสบ กับการผจญและการทดลองในเรื่องที่มนุษย์เราต้องพบ คือการผจญเรื่องความรู้สึกด้านกาย เรื่องอำ�นาจ และ เรือ่ งชือ่ เสียง พระเยซูเจ้ารับการผจญทัง้ 3 เรือ่ งดังกล่าว เป็นการบอกและยืนยันว่าไม่มมี นุษย์ใดได้รบั การยกเว้น จากการผจญทั้ง 3 เรื่องนี้ จึงในขณะที่ประสบความยากลำ�บาก และความยากที่จะแยกแยะการผจญที่เข้ามา อย่างแนบเนียน ในขณะนั้น มีผู้หนึ่งซึ่งซึ้งกับสภาพการผจญดังกล่าว พระองค์ผู้ที่เข้าใจจิตใจที่ยากลำ�บากของ เรา และทรงอยู่ข้างๆ เรา มิได้ทรงหลบหายไปไหน.....พระองค์ทรงคอยให้เราพูดกับพระองค์อยู่เสมอ 03.indd 85

21/12/2561 14:49:20


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 19:7-8,10, 13,14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 ลนต 19:1-2,11-18 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “ท่านทั้ง หลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะต้องไม่ลักขโมย ฉ้อโกง หรือพูดเท็จต่อกัน ท่านจะต้องไม่สาบานเท็จโดย ใช้นามของเรา มิฉะนั้นท่านจะลบหลู่พระนามพระเจ้าของท่าน... ท่านจะต้องยำ�เกรง พระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะต้องไม่ตัดสินคดีอย่างอยุติธรรม ท่านจะต้องไม่ลำ�เอียงเข้าข้างคนยากจน หรือคนมีอ�ำ นาจ แต่จงตัดสินคดีของเพือ่ นบ้านอย่างยุตธิ รรม... ท่านจะต้องไม่แก้แค้น หรืออาฆาตชนชาติเดียวกับท่าน แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือองค์พระ ผู้เป็นเจ้า”

พระวรสาร มธ 25:31-46 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมือ่ บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิรริ งุ่ โรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์... พระองค์จะทรงแยกเขา ออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย แล้ว พระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรา กระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บ ป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’ บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว... หรือ ทรงกระหาย... ทรงเป็นแขกแปลกหน้า... หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า... เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย ว่า ท่านทำ�สิ่งใดต่อพี่น้องผู้ตํ่าต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกทีอ่ ยูเ่ บือ้ งซ้ายว่า ‘ท่านทัง้ หลายทีถ่ กู สาปแช่ง จงไปให้พน้ ลงไปในไฟนิรนั ดร ที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและบริวารของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้ อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์ จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำ�สิ่งใดต่อผู้ตํ่าต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ ได้ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’... พระเยซูเจ้าทรงมาพบเรา ในรูปลักษณ์ของเพื่อนพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยาก... และพระองค์ก็ทรงมา พบเรา ในขณะที่ใจเราเองตกทุกข์ได้ยากด้วยเช่นเดียวกัน พระองค์มิได้เรียกร้องให้เราสนใจคนอื่น โดยพระองค์ ไม่สนใจเราเลยนัน้ มิได้เป็นดังนัน้ จึงในสภาพทีเ่ ราทุกข์ใจ ทีว่ า้ เหว่จากเพือ่ น ญาติพนี่ อ้ งและลูกหลาน หรือทุกข์ ใจเพราะความผิดหวังในบางเรือ่ งอย่างสุดๆ หรือถูกใส่รา้ ยอย่างไร้ความปรานี ขณะนัน้ พระองค์ทรงมาเยีย่ ม มา อยูก่ บั เรา ให้เราหยุดสักนิด รับรูค้ วามทุกข์ยากลำ�บากของเรา เงยหน้าขึน้ และพูดกับพระองค์ เพราะเมือ่ พระองค์ บอกให้เราเยี่ยมพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยาก พระองค์ก็ย่อมทำ�ดังที่พระองค์บอก พระองค์จะมาเยี่ยมเราที่ตกทุกข์ได้ ยากเช่นเดียวกัน

03.indd 86

21/12/2561 14:49:20


บทอ่านที่ 1 อสย 55:10-11 พระเจ้าตรัสว่า “สวรรค์อยู่สูงกว่าแผ่นดินฉันใด ทางของเราก็อยู่สูงกว่าทางของ ท่าน และความคิดของเราก็อยู่เหนือความคิดของท่านฉันนั้น ฝนและหิมะลงมาจาก ท้องฟ้า และไม่กลับไปทีน่ นั่ ถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน ทำ�ให้แผ่นดินอุดม ทำ�ให้พชื งอกขึน้ เพือ่ ให้ผู้หว่านมีเมล็ดพันธุ์ และให้ผู้กินมีอาหารฉันใด ถ้อยคำ�ที่ออกจากปากของเรา จะไม่ กลับมาหาเราโดยไม่เกิดผล ไม่ทำ�ตามที่เราปรารถนา และไม่บรรลุจุดประสงค์ที่เราส่ง มาฉันนั้น” พระวรสาร มธ 6:7-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าพูดซํ้าเหมือนคนต่างศาสนา เขาคิดว่าถ้าเขาพูด มากพระเจ้าจะทรงสดับฟัง อย่าทำ�เหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบ แล้วว่าท่านต้องการอะไร ก่อนทีท่ า่ นจะขอเสียอีก ดังนัน้ ท่านทัง้ หลายจงอธิษฐานภาวนา ดังนี้ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำ�เร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจำ�วันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ’ เพราะถ้าท่านให้อภัยผูท้ �ำ ความผิด พระบิดาของท่านผูส้ ถิตในสวรรค์ ก็จะประทาน อภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำ�ความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทาน อภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน”

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

สดด 34:4-7,16-18

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

ด้วยความรอบคอบ และเชี่ยวชาญในการวางแผนอนาคต เราอาจจะขอ อาหารประจำ�สำ�หรับ 1 อาทิตย์ หรือสำ�หรับ 1 เดือน หรือสำ�หรับ 1 ปี ซึ่งถ้าเป็นจริงได้ ดังนี้ เราจะได้มคี วามมัน่ คงปลอดภัย...แต่ดว้ ยความรัก ความปรารถนาจะพบสนิทสนม ได้ พูดคุยกันทุกวัน จึงปรากฏเป็นการขอเพียงอาหารประจำ�วัน 1 วัน เพื่อเราจะได้พบปะ พูดคุย ชิดสนิทกับพระบิดาทุกๆ วัน....บทข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เป็นบท ภาวนาแห่งความรักและความผูกพัน 03.indd 87

21/12/2561 14:49:20


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

สดด 51:1-2,10-11, 16-17

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 ยนา 3:1-10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์อีกครั้งหนึ่งว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นคร ใหญ่ และประกาศเรือ่ งทีเ่ ราจะบอกท่านแก่เมืองนัน้ ” โยนาห์กล็ กุ ขึน้ ไปยังกรุงนีนะเวห์ ตามพระวาจาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า กรุงนีนะเวห์เป็นนครใหญ่มาก ถ้าจะเดินข้ามเมือง ก็กินเวลาสามวัน โยนาห์เริ่มเดินเข้าไปในเมืองเป็นระยะทางเดินหนึ่งวัน ร้องประกาศ ว่า “อีกสี่สิบวัน กรุงนีนะเวห์จะถูกทำ�ลาย” ชาวกรุงนีนะเวห์เชื่อฟังพระเจ้า และ ประกาศให้อดอาหาร สวมผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนยิ่งใหญ่ที่สุดจนถึงคนตํ่าต้อย ทีส่ ดุ ข่าวนีล้ อื ไปถึงกษัตริยก์ รุงนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึน้ จากพระบัลลังก์ ทรงเปลือ้ ง ฉลองพระองค์ออก ทรงสวมผ้ากระสอบและประทับนั่งบนกองขี้เถ้า กษัตริย์ทรง ประกาศกฤษฎีกาในกรุงนีนะเวห์พร้อมกับข้าราชบริพารชัน้ สูงว่า “ทัง้ คนและสัตว์ไม่วา่ ใหญ่หรือเล็กอย่ากินสิ่งใด อย่ากินหญ้าหรือดื่มนํ้าเลย ทั้งคนและสัตว์จงสวมผ้า กระสอบและร้องหาพระเจ้าสุดกำ�ลัง แต่ละคนจงกลับใจจากความประพฤติชวั่ และเลิก ใช้การกระทำ�ที่รุนแรง ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจทรงเปลี่ยนพระทัย ทรงพระเมตตา และ คลายพระพิโรธที่รุนแรง เพื่อเราจะไม่ต้องพินาศ” พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นความ พยายามของเขา ที่จะกลับใจไม่ประพฤติชั่วอีกต่อไป พระเจ้าทรงพระเมตตาไม่ลงโทษ ตามที่ตรัสไว้ว่าจะทรงลงโทษเขา พระวรสาร ลก 11:29-32 เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคน ชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็น นอกจากเครื่องหมาย ของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำ�หรับชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตร แห่งมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องหมายสำ�หรับคนยุคนี้ฉันนั้น ในวันพิพากษา พระราชินีแห่ง ทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลาย แผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ ซาโลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาว นีนะเวห์ได้กลับใจเมือ่ ได้ฟงั คำ�เทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ทนี่ มี่ ผี ยู้ งิ่ ใหญ่กว่าโยนาห์ อีก” ในชีวิตของเรา เราอาจแสวงหาเครื่องหมายจากพระ เพื่อสร้างความมั่นใจ สบายใจ และปลอดภัยให้กับชีวิตของเรา แต่หากเป็นเช่นนี้ เราอาจกำ�ลังแสวงหาตัวเอง แสวงหาการให้ฉันได้มีความมั่นใจ ให้ฉันสบายใจ และให้ฉันปลอดภัย ขณะนั้น เราอาจ มิได้แสวงหาพระแต่อย่างใด เราหลงคิดว่าเราแสวงหาอย่างถูกต้องแล้ว แต่ทจี่ ริง เรากำ�ลัง แสวงหาตัวเอง...ยากจริงหนอ ที่มนุษย์ซึ่งแม้ยังไม่พบความมั่นใจ สบายใจ หรือความ ปลอดภัย แต่ยังซื่อสัตย์ จริงใจ รักและยืนหยัดที่จะยังแสวงหาและอยู่กับพระ

03.indd 88

21/12/2561 14:49:21


บทอ่านที่ 1 อสธ 4:17K-17M,17R-17U พระราชิ นี เ อสเธอร์ ท รงเป็ นทุ ก ข์ แทบจะสิ้ น พระชนม์ จึ ง ทรงแสวงหาความ ช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้า พระนางทรงเปลื้องฉลองพระองค์ที่หรูหราออก แล้ว ทรงชุดไว้ทุกข์แสดงความโศกเศร้า ทรงโปรยขี้เถ้าและฝุ่นดินบนพระเศียรแทนเครื่อง หอมมีค่า ไม่สนพระทัยที่จะประดับพระกายให้งดงามอย่างที่เคย แต่ทรงสยาย พระเกศาให้ยุ่งเหยิง แล้วทรงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า สัปดาห์ที่ 1 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าแต่พระมหากษัตริย์ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เทศกาลมหาพรต พระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า โปรดทรงช่วยเหลือข้าพเจ้าเถิด สดด 138:1-2ก, ข้าพเจ้าอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือข้าพเจ้านอกจากพระองค์เท่านั้น ข้าพเจ้ากำ�ลัง 2ข-3,7ข-8 เผชิญอันตรายเสี่ยงชีวิต ตั้งแต่เป็นเด็ก ข้าพเจ้าเคยได้ยินจากบุคคลในครอบครัวเล่า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ว่าพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเลือกสรรชาวอิสราเอลจากชนชาติทั้งหลาย ทรงเลือกบรรพบุรุษของข้าพเจ้าจากบรรพบุรุษของเขาเป็นมรดกถาวรของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำ�ตามที่ทรงสัญญาไว้กับเขาทุกประการ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด โปรดทรงสำ�แดงพระองค์ในเวลาที่ ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความทุกข์ โปรดให้ข้าพเจ้ามีความกล้าหาญเถิด... โปรดทรงใส่ถ้อยคำ�จูงใจไว้ในปากของ ข้าพเจ้า เมือ่ ต้องเผชิญกับสิงโต โปรดทรงเปลีย่ นใจของเขาให้เกลียดชังศัตรูที่ตอ่ สูก้ ับข้าพเจ้าทั้งหลาย เพือ่ เขากับพวกจะพินาศ โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าทัง้ หลายให้รอดพ้นอันตรายด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ โปรดทรง ช่วยเหลือข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือนอกจากพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรอบรู้ทุกอย่าง ทรงทราบว่าข้าพเจ้าชังเกียรติยศจากคนอธรรม และรังเกียจการร่วมเตียงกับผู้ ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและคนต่างชาติ พระวรสาร มธ 7:7-12 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตู รับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านใดที่ลูก ขออาหาร แล้วจะให้ก้อนหิน ถ้าลูกขอปลา ท่านจะให้งูหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของ ดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้น หรือ ท่านอยากให้เขาทำ�กับท่านอย่างไร ก็จงทำ�กับเขาอย่างนัน้ เถิด นีค่ อื ธรรมบัญญัตแิ ละคำ�สอนของบรรดา ประกาศก”

ใจความของประโยคสุดท้ายในเรื่องราวแห่งการภาวนาวอนขอคือ “พระองค์จะประทานของดีๆ แก่ผู้ท่ีทูลขอ” ซึ่งแน่นอนว่า หากสิ่งที่วอนของมิใช่ “ของดีๆ” แต่เป็นของที่ทำ�ให้ลูกๆ ของพระองค์หลงผิด พระองค์ยอ่ มไม่ประทานให้อย่างแน่นอน ซึง่ แม้แต่พอ่ แม่ทเี่ ป็นมนุษย์ ก็จะไม่ให้สงิ่ ของทีจ่ ะทำ�ให้ลกู ๆ ของตนเอง หลงผิดในชีวิต...พระเป็นเจ้าทรงรักเรา แต่พระองค์มิได้ตามใจเรา...พ่อแม่ที่รักลูก ย่อมไม่ตามใจลูกให้เสียคน เพราะพ่อแม่รักลูกจริงๆ 03.indd 89

21/12/2561 14:49:21


บทอ่านที่ 1 อสค 18:21-28 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “แต่ถ้าคนชั่วร้ายกลับใจไม่ทำ�บาปทุกอย่างที่เขาเคยทำ� แล้วกลับมารักษาข้อ กำ�หนดทุกข้อของเรา ปฏิบัติความถูกต้องและความยุติธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย การล่วงละเมิดใดๆ ที่เขาเคยทำ�จะไม่ถูกจดจำ�ไว้เพื่อเอาโทษเขา เขา สัปดาห์ที่ 1 จะมีชวี ติ อยูเ่ พราะความชอบธรรมทีเ่ ขาได้ท�ำ เราพอใจในความตายของคนอธรรมหรือ เทศกาลมหาพรต องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เราพอใจที่เขากลับใจจากความประพฤติชั่วของเขาและ สดด 130:1-4,5-6, มีชีวิตอยู่มิใช่หรือ 7-8 แต่ถ้าผู้ชอบธรรมละทิ้งความชอบธรรมของตนไปทำ�ความชั่ว ประพฤติตามการ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 กระทำ�น่าสะอิดสะเอียนทุกอย่างที่คนชั่วทำ� ผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ การกระทำ� ชอบธรรมทั้งหมดที่เขาได้ทำ�มาแล้วจะไม่ถูกจดจำ�ไว้อีกเลย เขาจะต้องตายเพราะ ความผิดที่เขาไม่ได้ซื่อสัตย์ และเพราะบาปที่เขาได้ทำ� ท่านพูดว่า ‘วิธีการขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิธีการของเรา ไม่ยุติธรรม หรือวิธีการของท่านไม่ยุติธรรม เมื่อผู้ชอบธรรมเปลี่ยนใจไม่ปฏิบตั ิความชอบธรรมมาทำ�ผิด เขา จะต้องตายเพราะการนี้ เขาจะต้องตายเพราะความผิดทีเ่ ขาได้ท�ำ ถ้าคนชัว่ ร้ายเลิกทำ�ความชัว่ ร้ายทีเ่ ขาได้ท�ำ มาปฏิบัติความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาก็จะรักษาชีวิตของตนไว้ เขาเลือกจะเลิกการล่วงละเมิด ทั้งหมดที่เคยทำ� เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย” พระวรสาร มธ 5:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกท่านทัง้ หลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดไี ปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์ และชาวฟาริสีแล้ว ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย” “ท่านได้ยินคำ�กล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุก คนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่ พีน่ อ้ งว่า ‘ไอ้โง่บดั ซบ’ ผูน้ นั้ จะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก ดังนัน้ ขณะทีท่ า่ นนำ�เครือ่ งบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับ พี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำ�ลังเดินทางไป ศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านใน คุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำ�ระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย” ความชอบธรรมของธรรมาจารย์และฟาริสคี อื การได้ปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑ์จารีตประเพณีครบถ้วน และเคร่งครัด เป็นความชอบธรรมที่พระเยซูเจ้ามิได้ทรงปฏิเสธ แต่ทรงสอนให้ก้าวสู่ความชอบธรรมที่ไม่หยุด และไม่จบเพียงแค่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์จารีตพิธีกรรม ดังเช่นขอบเขตของหุ่นยนต์ที่ทำ�ได้ แต่ทรงสอน เชิญชวน ให้ลูกๆ ของพระองค์สนใจ ใส่ใจ และใช้หัวใจกับการปฏิบัตินั้นๆ และก้าวต่อไปสู่การสนใจ ใส่ใจ และใช้หัวใจกับ การอยู่กับเพื่อนพี่น้อง และอยู่กับพระองค์ ....พระองค์มิได้อยากได้หุ่นยนต์มาเป็นลูกของพระองค์ 03.indd 90

21/12/2561 14:49:21


บทอ่านที่ 1 ฉธบ 26:16-19 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “ในวันนีอ้ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน ทรงบัญชาให้ทา่ นปฏิบตั ติ ามข้อกำ�หนด และกฎเกณฑ์เหล่านี้อย่างเคร่งครัดสุดจิตใจ และสุดวิญญาณ ในวันนี้ ท่านได้ยินองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของ ท่าน ถ้าท่านดำ�เนินตามหนทางของพระองค์ ปฏิบัติตามข้อกำ�หนด บทบัญญัติและ กฎเกณฑ์ของพระองค์ ทั้งเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ ในวันนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงบัญชาให้ท่านประกาศว่า ท่านจะเป็นประชากรของพระองค์ เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษ ของพระองค์ดังที่ตรัสไว้ และท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ทุกประการ พระองค์จะทรงบันดาลให้ท่านมีศักดิ์ศรี มีชื่อเสียงและมีเกียรติยศเหนือชนชาติอื่นๆ ทั้งปวงที่ทรงสร้างขึ้นมา และท่านจะเป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านดังที่ทรงสัญญาไว้”

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 119:1-2, 3-6,7-8

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร มธ 5:43-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินคำ�กล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู แต่เรากล่าวแก่ ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของ พระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่าน ท่านจะได้ บำ�เหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ทำ�เช่นนี้ดอกหรือ ถ้าท่านทักทายแต่ พีน่ อ้ งของท่านเท่านัน้ ท่านทำ�อะไรพิเศษเล่า คนต่างศาสนามิได้ท�ำ เช่นนีด้ อกหรือ ฉะนัน้ ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังทีพ่ ระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์ เถิด” พระเจ้าทรงรักมนุษย์และทรงประสงค์ให้มนุษย์ด�ำ เนินชีวติ อย่างมีความสุข ไม่เพียงสำ�หรับตนเอง แต่สำ�หรับทุกคน เพราะความสุขแท้จะมีได้ต้องเป็นความสุขทั้ง สำ�หรับตนเองและสำ�หรับคนอืน่ นัน่ คือเป้าหมายของข้อกำ�หนด บทบัญญัตแิ ละกฎเกณฑ์ ทีพ่ ระเจ้าทรงกำ�หนดให้ทกุ คนถือตาม และเมือ่ ทุกคนทำ�ตามข้อกำ�หนดและกฎเกณฑ์กจ็ ะ มีศักดิ์ศรี ชื่อเสียงและเกียรติยศ สมกับเป็นประชากรของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงยก ระดับการถือบทบัญญัตใิ ห้สงู ส่งขึน้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ บทบัญญัตแิ ห่งความรัก นัน่ คือ เมือ่ รักอย่างที่พระองค์สอน เราจึงสมเป็นบุตรพระบิดาเจ้าสวรรค์ผู้ทรงเป็นความรักและ ความดีอย่างสมบูรณ์

03.indd 91

21/12/2561 14:49:22


สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 15:5-12,17-18 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพาอับรามออกไปข้างนอก แล้วตรัสว่า “จงมองดูท้องฟ้า นับจำ�นวนดวงดาวเถิด ถ้าท่านนับได้” พระองค์ทรงเสริมว่า “ลูกหลานของท่านจะมี จำ�นวนมากมายเช่นนี”้ อับรามเชือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และพระองค์ทรงนับว่าความเชือ่ นี้เป็นความชอบธรรมสำ�หรับเขา พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้พาท่านออกจากเมืองอูร์ของ ชาวเคลเดีย เพื่อจะมอบแผ่นดินนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน” อับรามทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ข้าพเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่า แผ่นดินนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ ของข้าพเจ้า” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงนำ�ลูกโคตัวเมียอายุสามปี แพะตัวเมียอายุ สามปี และแกะตัวผู้อายุสามปี นกเขาและนกพิราบอย่างละตัวมาให้เรา” อับรามก็ไป นำ�สัตว์เหล่านี้ทั้งหมดมา ผ่าครึ่งตัววางไว้ตรงกันเป็นสองแถว แต่ไม่ได้ผ่านก เมื่อแร้ง บินลงมาที่ร่างสัตว์เหล่านี้ อับรามก็ไล่มันไป ขณะทีด่ วงอาทิตย์จวนจะตก อับรามก็หลับสนิท ความมืดมิดทีน่ า่ กลัวอย่างยิง่ มา ครอบคลุมเขาไว้ เมื่อดวงอาทิตย์ตกและมืดลงแล้ว ก็มีหม้อไฟที่มีควันพวยพุ่งและคบเพลิงที่ลุก อยู่ลอยผ่านระหว่างกลางสัตว์ที่ผ่าซีกเหล่านั้น ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำ� พันธสัญญาไว้กับอับรามว่า “เรามอบแผ่นดินนี้ให้แก่ลูกหลานของท่าน ตั้งแต่แม่นํ้าแห่งอียิปต์ไปจนถึงแม่นํ้า ใหญ่ คือแม่นํ้ายูเฟรติส” เพลงสดุดี สดด 27:1-2,7-10,13-14 ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความสว่างและทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นป้อมปราการปกป้องชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะหวาดกลัวผู้ใด เมื่อคนชั่วร้ายเข้ามาโจมตีข้าพเจ้า เพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า คู่อริและศัตรูของข้าพเจ้านั่นแหละจะต้องสะดุดและล้มลง ข) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงฟังเสียงข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ โปรดทรงพระกรุณาตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด ใจข้าพเจ้าคิดถึงพระวาจาที่ว่า “จงแสวงหาใบหน้าของเราเถิด” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากำ�ลังแสวงหาพระพักตร์พระองค์อยู่ ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพเจ้า

03.indd 92

21/12/2561 14:49:22


ค) อย่ากริ้วและอย่าทรงขับไล่ข้ารับใช้ของพระองค์เลย พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า โปรดอย่าทรงจากข้าพเจ้าไป อย่าทรงละทิ้งข้าพเจ้าไว้

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี ฟป 3:17-4:1 พีน่ อ้ งทัง้ หลาย จงพร้อมใจกันประพฤติตามอย่างข้าพเจ้า ท่านทัง้ หลายเห็นว่า เราเป็นแบบฉบับอย่างไร ก็จงดำ�เนินตามอย่างนัน้ เถิด ข้าพเจ้าเคยบอกให้ทา่ นรูห้ ลายครัง้ แล้ว บัดนีก้ ข็ อบอกซํา้ ด้วยนํา้ ตาอีกว่า หลาย คนประพฤติตนเป็นศัตรูกบั ไม้กางเขนของพระคริสตเจ้า ปลายทางของพวกเขาเหล่านีค้ อื ความพินาศ พระเจ้า ของเขาทั้งหลายคือท้อง เขาอ้างความน่าละอายมาโอ้อวด เขาสนใจสิ่งของของโลก แต่บ้านเมืองของเรานั้น อยู่ในสวรรค์ เราเฝ้าคอยพระผู้ไถ่จากแดนนี้ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงเปลี่ยน รูปร่างตํา่ ต้อยของเราให้เหมือนพระกายรุง่ โรจน์ของพระองค์ ด้วยพระฤทธานุภาพทีท่ �ำ ให้พระองค์ทรงบังคับ จักรวาลทั้งหมดให้อยู่ใต้อำ�นาจของพระองค์ได้ พีน่ อ้ งทีร่ กั ผูเ้ ป็นความปรารถนา เป็นความยินดีและเป็นประดุจมงกุฎของข้าพเจ้า จงยึดมัน่ ในองค์พระ ผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านที่รักทั้งหลาย บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 9:28ข-36 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบ ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา ขณะที่ทรง อธิษฐานภาวนาอยูน่ นั้ ลักษณะของพระพักตร์เปลีย่ นไปและฉลองพระองค์มสี ขี าวเจิดจ้า ทันใดนัน้ บุรษุ สอง คนคือโมเสสและประกาศกเอลียาห์มาสนทนากับพระองค์ ทั้งสองคนปรากฏมาในสิริรุ่งโรจน์ กล่าวถึงการ จากไปของพระองค์ที่กำ�ลังจะสำ�เร็จในกรุงเยรูซาเล็ม เปโตรและเพื่อนที่อยู่ด้วยต่างก็ง่วงนอนมาก เมื่อตื่น ขึ้นก็เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์และเห็นบุรุษทั้งสองคนยืนอยู่กับพระองค์ ขณะที่บุรุษทั้งสองคนกำ�ลัง จะจากพระเยซูเจ้าไป เปโตรทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆ เราจงสร้างเพิงขึ้น สามหลังเถิด หลังหนึ่งสำ�หรับพระองค์ หลังหนึ่งสำ�หรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำ�หรับประกาศกเอลียาห์” เขา ไม่รู้ว่ากำ�ลังพูดอะไร ขณะที่เขากำ�ลังพูดอยู่นั้น เมฆก้อนหนึ่งลอยมาปกคลุมเขาไว้ เมื่ออยู่ในเมฆ เขากลัว มาก เสียงหนึ่งดังออกมาจากเมฆว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเรา ผู้ที่เราได้เลือกสรร จงฟังท่านเถิด” เมื่อสิ้น เสียงนั้นแล้ว ศิษย์ทั้งสามคนก็เห็นพระเยซูเจ้าเพียงพระองค์เดียว เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ได้บอก เรื่องที่เห็นให้ผู้ใดรู้เลยในเวลานั้น หลังจากที่เปโตรกล่าวยืนยันว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้าของพระเจ้า” และพระเยซูเจ้าบอกว่า พระคริสตเจ้า “ต้องรับทนทรมานเป็นอันมาก” พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยอห์นและยากอบขึ้นบนภูเขาเพื่อ อธิษฐานภาวนาและทรงเผยให้พวกเขาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นใคร นั่นคือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงต้องการจะบอก ศิษย์ทุกคนว่าหากต้องการจะรู้ว่าพระองค์เป็นใครต้องขึ้นภูเขา...ไม่ใช่ภูเขาตามความหมายแห่งคำ� แต่หมายถึง สถานทีพ่ ระเจ้าทรงพบกับมนุษย์ ทีน่ นั่ ใครต้องการพบกับพระองค์ตอ้ งทิง้ ความคิดเห็นและกระแสสังคมไว้เบือ้ ง ล่าง เมื่อพบกับพระเยซูเจ้า เราก็พบกับตัวเราเอง...ไม่เพียงอย่างที่เป็น แต่อย่างที่ควรเป็น 03.indd 93

21/12/2561 14:49:22


น.ซีริล แห่งกรุงเยรูซาเล็ม พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 79:8-9,10-11, 12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 ดนล 9:4ข-10 “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าผูย้ งิ่ ใหญ่และน่าสะพรึงกลัว พระองค์ทรงรักษา พันธสัญญาและความรักมัน่ คงต่อผูท้ รี่ กั พระองค์และปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำ�บาป ทำ�ผิด ประพฤติชั่วร้าย เป็นกบฏ หันเหไปจากบทบัญญัติ และกฎเกณฑ์ของพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้เชื่อฟังบรรดาประกาศกผู้รับใช้ของ พระองค์ซงึ่ พูดในพระนามพระองค์ตอ่ บรรดากษัตริย์ บรรดาเจ้านาย บรรดาบรรพบุรษุ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย และต่อประชากรทั้งมวลของแผ่นดิน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความเทีย่ งธรรมเป็นของพระองค์ ส่วนความอับอายเป็นของข้าพเจ้าทัง้ หลาย ดังทีเ่ ป็น อยู่ทุกวันนี้ เป็นของชาวยูดาห์ ชาวกรุงเยรูซาเล็ม และชาวอิสราเอลทั้งมวล ทั้งเป็น ของผู้ที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล ผู้ที่อยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ทรงบันดาลให้เขาไปอยู่อย่าง กระจัดกระจาย เพราะความทรยศซึ่งเขาได้ทำ�ต่อพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความอับอายเป็นของข้าพเจ้าทัง้ หลาย เป็นของบรรดากษัตริย์ บรรดาเจ้านายและบรรดา บรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำ�บาปผิดต่อพระองค์ ส่วน พระกรุณาและการอภัยโทษเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย ที่ได้กบฏ ต่อพระองค์ มิได้เชื่อฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ ที่พระองค์ประทานให้โดยบรรดาประกาศกผู้รับใช้ของพระองค์” พระวรสาร ลก 6:36-38 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงเป็นผูเ้ มตตากรุณาดังทีพ่ ระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสิน เขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษ ท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้ เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย” ในความเข้าใจของประกาศกดาเนียล “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และน่าสะพรึง กลัว” ซึง่ เป็นความเข้าใจทีม่ าจากประสบการณ์มนุษย์...สิง่ ทีม่ นุษย์เป็นและสิง่ ทีม่ นุษย์ท�ำ กระทัง่ พระเยซูเจ้าเสด็จมาเป็นมนุษย์และทรงเผยให้มนุษย์รวู้ า่ พระเจ้าเป็นใครและมนุษย์ เป็นใคร พระเจ้าทรงเป็นบิดาและมนุษย์เป็นบุตรของพระองค์ และเช่นนั้น ทุกคนเป็นพี่ เป็นน้องกัน และเพื่อจะยืนหยัดในความเป็นลูกของพระเจ้าและเป็นพี่เป็นน้องกัน พระเยซูเจ้าทรงสอนให้รกั และเมตตาตามแบบอย่างพระบิดา ความเป็นบุตรพระเจ้าจึงไม่ อยูใ่ นการเกิดมา “เป็น” คริสตชน แต่อยูใ่ นการ “ทำ�ตัวเป็นบุตรพระเจ้า”... ทำ�ตัวเหมือน พระบิดา

03.indd 94

21/12/2561 14:49:23


บทอ่านที่ 1 2 ซมอ 7:4-5,12-14ก,16 ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เมื่อท่านสิ้นชีวิตในวัยชรา และถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษแล้ว เราจะตัง้ เชือ้ สายคนหนึง่ ของท่าน ซึง่ เป็นบุตรของท่าน ให้เป็นกษัตริยต์ อ่ จากท่าน... เรา จะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะมัน่ คง อยู่ต่อหน้าเราตลอดไป อำ�นาจปกครองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป’” สมโภชนักบุญโยเซฟ

ภัสดาของพระนาง

บทอ่านที่ 2 รม 4:13,16-18,22 มารีย์พรหมจารี พี่น้อง พระสัญญาที่ประทานให้อับราฮัมและลูกหลานที่ว่าเขาจะได้รับโลกเป็น สดด 89:1-2,3-4, มรดกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมบัญญัติ แต่เกิดขึ้นโดยความชอบธรรมอันเนื่องมาจาก 26,28 ความเชื่อ เพราะเหตุนี้ การรับมรดกโดยอาศัยพระสัญญาจึงมาจากความเชื่อ เพื่อให้ วันคล้ายวันสมณภิเษก พระสัญญาเป็นของประทานที่ให้เปล่า และประทานให้เชื้อสายทั้งหมดของอับราฮัม สมเด็จพระสันตะปาปา มิใช่เพียงให้ผทู้ ปี่ ฏิบตั ติ ามบทบัญญัตเิ ท่านัน้ แต่รวมถึงเชือ้ สายทุกคนทีม่ คี วามเชือ่ เช่น ฟรังซิส เดียวกับอับราฮัมซึ่งเป็นบิดาของเราทุกคนด้วย... พระวรสาร ลก 2:41-51ก โยเซฟพร้อมกับพระมารดาของพระเยซูเจ้าเคยขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกาทุกปี เมื่อ พระองค์มีพระชนมายุสิบสองพรรษา โยเซฟพร้อมกับพระมารดาก็ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มตามธรรมเนียมของ เทศกาลนั้น เมื่อวันฉลองสิ้นสุดลง ทุกคนก็เดินทางกลับ แต่พระเยซูเจ้ายังประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มโดยที่ บิดามารดาไม่รู้ เพราะคิดว่า พระองค์ทรงอยูใ่ นหมูผ่ รู้ ว่ มเดินทาง เมือ่ เดินทางไปได้หนึง่ วันแล้ว โยเซฟพร้อม กับพระนางมารีย์ตามหาพระองค์ในหมู่ญาติและคนรู้จัก เมื่อไม่พบจึงกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อตามหา พระองค์ที่นั่น ในวันทีส่ าม โยเซฟพร้อมกับพระนางมารียพ์ บพระองค์ในพระวิหารประทับนัง่ อยูใ่ นหมูอ่ าจารย์ ทรงฟัง และทรงไต่ถามพวกเขา ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ต่างประหลาดใจในพระปรีชาที่ทรงแสดงในการตอบคำ�ถาม เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์เห็นพระองค์ก็รู้สึกแปลกใจ พระมารดาจึงตรัสถามพระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำ�ไมจึงทำ�กับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก” พระองค์ตรัสตอบว่า “พ่อกับแม่ตามหาลูก ทำ�ไม พ่อแม่ไม่รู้หรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก” โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ไม่เข้าใจที่ พระองค์ตรัส พระคัมภีรพ์ ดู ถึงนักบุญโยเซฟเป็น “บุรษุ ผูช้ อบธรรม” และชีวติ ของท่านสือ่ ให้เห็นเช่นนัน้ ได้อย่าง เป็นรูปธรรม ในขณะทีท่ า่ นหาทางออกทีด่ ที สี่ ดุ ให้แก่มารียท์ ตี่ งั้ ครรภ์ดว้ ยเดชะพระจิตโดยไม่สง่ ผลกระทบต่อตัว เธอ พระเจ้าทรงแจ้งให้ท่านทราบ ท่านเชื่อและร่วมมือในแผนการของพระเจ้า แม้เหตุการณ์ที่ตามมาทำ�ให้ต้อง สงสัย เช่นว่า ทำ�ไมพระบุตรพระเจ้าต้องถูกกษัตริย์เฮโรดตามล่าจนต้องหนีไปประเทศอียิปต์ ท่านมีบุญได้เลี้ยง ดูพระบุตรพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ในบริบทที่คนไม่ให้ความน่าเชื่อถือแก่บุตรที่เกิดมาไม่มีพ่อ ทุกคนรู้จักกันดีว่า พระเยซูเจ้าเป็นลูกของโยเซฟ ช่างไม้แห่งนาซาเร็ธ 03.indd 95

21/12/2561 14:49:23


สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 31:4-5, 13,14-15

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านทีื่ 1 ยรม 18:18-20 ชาวยิวที่คิดร้ายต่อประกาศกเยเรมีย์กล่าวกันว่า “มาเถิด เราจงวางแผนปองร้ายประกาศกเยเรมีย์ เพราะว่าธรรมบัญญัติจะไม่ สูญหายไปจากบรรดาสมณะ คำ�ปรึกษาย่อมไม่ขาดไปจากบรรดาผู้มีปรีชา และการ ประกาศพระวาจาไม่ขาดไปจากบรรดาประกาศก มาเถิด เราจงพูดใส่ร้ายเขา อย่าไป สนใจฟังคำ�พูดของเขาเลย” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงสนพระทัยข้าพเจ้า โปรดทรงฟังเสียงคู่อริของ ข้าพเจ้าเถิด ความชัว่ เป็นการตอบแทนความดีหรือ เขากำ�ลังขุดหลุมไว้ดกั ข้าพเจ้า โปรด ทรงระลึกว่าข้าพเจ้าเคยยืนเฉพาะพระพักตร์ เพือ่ ทูลขอความดีให้เขา เพือ่ หันพระพิโรธ ของพระองค์ไปจากเขา

พระวรสาร มธ 20:17-28 เวลานัน้ พระเยซูเจ้ากำ�ลังเสด็จขึน้ ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาเฉพาะอัครสาวกสิบสองคนออก ไป แล้วตรัสแก่เขาขณะเดินทางว่า “บัดนี้ พวกเรากำ�ลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบ แก่บรรดาหัวหน้าสมณะและบรรดาธรรมาจารย์ เขาจะถูกตัดสินประหารชีวิต และจะถูกมอบให้คนต่างชาติ สบประมาทเยาะเย้ย โบยตีและนำ�ไปตรึงกางเขน แต่ในวันที่สามบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ” มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิง่ หนึง่ จากพระองค์ พระองค์ จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่า กำ�ลังขออะไร ท่านดื่มถ้วย ซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองคนทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระองค์ตรัส กับเขาว่า “ท่านจะดื่มถ้วยของเรา แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำ�หรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้” เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าในหมู่คนต่างชาติ ผู้ปกครองย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้ อำ�นาจบังคับ แต่ทา่ นทัง้ หลายไม่ควรเป็นเช่นนัน้ ผูท้ ปี่ รารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำ�ตนเป็นผูร้ บั ใช้ผอู้ นื่ และ ผูใ้ ดทีป่ รารถนาจะเป็นคนทีห่ นึง่ ในบรรดาท่านทัง้ หลาย ก็จะต้องทำ�ตนเป็นผูร้ บั ใช้ เหมือนกับทีบ่ ตุ รแห่งมนุษย์ มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย” ตลอดช่วงเวลาแห่งการเทศน์สอนและประกาศข่าวดี พระเยซูเจ้าทรงเน้นความรักและการรับใช้ พร้อมทรงทำ�ให้เห็นด้วยพระองค์เอง กระนั้นก็ตาม สาวกและศิษย์ของพระองค์ยังเข้าไม่ถึงและดำ�เนินชีวิตเป็น คู่ขนานไปกับคำ�สอนของพระองค์ ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงสอนว่าความยิ่งใหญ่ของคนเราอยู่ในความรักและการ รับใช้ เป็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเอง เพราะพระองค์ทรงเป็นความรัก แต่ศิษย์และสาวกยังเลือกเป็นใหญ่ ประสามนุษย์ ถึงขนาดถกเถียงกัน ถึงขนาดส่งแม่มาขอพระเยซูเจ้า “อัครสาวกอีกสิบคนรูส้ กึ โกรธพีน่ อ้ งสองคน นั้น” ไม่ใช่เพราะสองพี่น้องไม่ทำ�ตามคำ�สอนของพระเยซูเจ้า แต่เพราะพวกเขาเองก็ใฝ่ฝันเช่นนั้นเหมือนกัน 03.indd 96

21/12/2561 14:49:23


บทอ่านที่ 1 ยรม 17:5-10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “คนที่วางใจในมนุษย์ย่อมถูกสาปแช่ง เขาพึ่งพลัง ของมนุษย์ ใจของเขาหันออกจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ในถิ่น ทุรกันดาร ไม่เห็นความดีใดๆ ทีม่ าถึง เขาจะอาศัยอยูใ่ นทีแ่ ห้งแล้งของถิน่ ทุรกันดาร ใน แผ่นดินเค็มที่ไม่มีผู้คนอาศัย” “คนทีว่ างใจในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าย่อมได้รบั พระพร องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเป็นความ หวังของเขา เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ทปี่ ลูกไว้รมิ นาํ้ ซึง่ หยัง่ รากออกไปทีล่ �ำ นาํ้ เมือ่ ความ ร้อนมาถึง เขาก็ไม่กลัว ใบของเขาคงเขียวอยูเ่ สมอ เขาจะไม่กงั วลใจในปีทแี่ ห้งแล้ง จะ ไม่หยุดออกผล”...

สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 1:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร ลก 16:19-31 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกฟาริสีว่า “เศรษฐีผู้หนึ่งแต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่งชื่อ ลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของ เศรษฐี มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์นำ�เขาไปอยู่ในอ้อมอกของ อับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ เศรษฐีซึ่งกำ�ลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย แหงน หน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า “ท่านพ่ออับราฮัม จง สงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิว้ จุม่ นาํ้ มาแตะลิน้ ให้ลกู สดชืน่ ขึน้ บ้าง เพราะลูกกำ�ลังทุกข์ทรมาน อย่างสาหัสในเปลวไฟนี้” แต่อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย จงจำ�ไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ ส่วน ลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหวใหญ่ ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้าม จากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย” เศรษฐีจงึ พูดว่า “ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ทา่ นส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพนี่ อ้ งอีก ห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย” อับราฮัมตอบว่า “พี่น้องของลูกมี โมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด” แต่เศรษฐีพูดว่า “มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่อ อับราฮัม ถ้าใครคนหนึง่ จากบรรดาผูต้ ายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ” อับราฮัมตอบว่า “ถ้าเขาไม่เชือ่ ฟังโมเสส และบรรดาประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ” ความมั่งคั่งรํ่ารวยไม่ใช่สิ่งผิดหากเป็นผลจากความมุ่งมั่นพยายามที่สุจริต ผู้ที่เป็นเจ้าของก็มีสิทธิ์ ในการใช้เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง แต่เมื่อใดที่ความมั่งคั่งรํ่ารวยทำ�ให้มองไม่เห็นคนรอบข้าง โดยเฉพาะ คนทีด่ อ้ ยโอกาสและขัดสน ความมัง่ คัง่ ราํ่ รวยก็จะกลายเป็นความเห็นแก่ตวั และผิดความยุตธิ รรม เพราะในความ เป็นจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของประทานจากพระเจ้า เพื่อให้มนุษย์ทุกคนได้ใช้เพื่อชีวิตความเป็นอยู่สมกับ ศักดิ์ศรีมนุษย์ ในกรณีของเศรษฐีคนนี้ ความมั่งคั่งรํ่ารวยทำ�ให้เกิดช่องว่างระหว่างเขาและเพื่อนพี่น้อง เป็น ช่องว่างที่เป็นเหวลึกที่เขาสร้างขึ้นมาเอง พอตกที่นั่งลำ�บาก ไม่มีใครสามารถข้ามไปช่วยได้เลย 03.indd 97

21/12/2561 14:49:24


สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 105:16-18, 19,20-22

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 ปฐก 37:3-4,12-13ก,17ข-28 ยาโคบรักโยเซฟมากกว่าบุตรคนอื่นๆ เพราะโยเซฟเกิดมาเมื่อยาโคบชราแล้ว ยาโคบตัดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษให้โยเซฟ เมื่อพี่ชายเห็นว่าบิดารักโยเซฟมากกว่า บุตรคนอื่นๆ ต่างก็เกลียดชังเขามากจนไม่ยอมพูดดีด้วย พี่ชายของโยเซฟไปเลี้ยงแพะแกะของบิดาในบริเวณเมืองเชเคม อิสราเอลบอก โยเซฟว่า “พี่ๆ ของลูกกำ�ลังเลี้ยงแพะแกะอยู่ที่เชเคม มาซิ พ่อจะส่งลูกไปพบเขา” โยเซฟจึงตามไปพบพี่ชายที่เมืองโดธาน พี่ชายเห็นโยเซฟแต่ไกลก่อนที่โยเซฟจะมาถึง จึงวางแผนจะฆ่าเสีย... เมื่อโยเซฟมาถึง พี่ชายก็ช่วยกันจับเขาถอดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษซึ่งเขาสวม อยู่ แล้วโยนเขาลงไปในบ่อ บ่อนั้นแห้งไม่มีนํ้า แล้วพี่ชายทุกคนก็นั่งลงกินอาหาร ทันใดนัน้ เขาเงยหน้าขึน้ เห็นกองคาราวานของชาวอิชมาเอลกำ�ลังเดินทางมาจาก แคว้นกิเลอาดจะไปอียิปต์... ยูดาห์จึงแนะนำ�พี่น้องว่า “ถ้าเราฆ่าน้อง และกลบเลือด ไว้ จะได้อะไรขึ้นมาเล่า เราจงขายน้องแก่ชาวอิชมาเอลดีกว่า เราจะได้ไม่ต้องทำ�ร้าย เขา เพราะเขาก็ยงั เป็นน้องและเป็นสายเลือดเดียวกันกับเรา” พีน่ อ้ งทุกคนก็เห็นด้วย...

พระวรสาร มธ 21:33-43,45-46 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงฟังอุปมาอีกเรื่องหนึ่งเถิด คหบดีผู้หนึ่งปลูกองุ่นไว้สวน หนึ่ง ทำ�รั้วล้อม ขุดบ่อยํ่าองุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง เมื่อใกล้ถึงฤดู เก็บผล เจ้าของสวนจึงให้ผู้รับใช้ไปพบคนเช่าสวนเพื่อรับส่วนแบ่งจากผลผลิต แต่คนเช่าสวนได้จับคนใช้ ทุบตีคนหนึ่ง ฆ่าอีกคนหนึ่ง เอาหินทุ่มอีกคนหนึ่ง เจ้าของสวนจึงส่งผู้รับใช้จำ�นวนมากกว่าพวกแรกไปอีก คนเช่าสวนก็ทำ�กับพวกนี้เช่นเดียวกัน ในที่สุด เจ้าของสวนได้ส่งบุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน คิดว่า ‘คนเช่าสวนคงจะเกรงใจลูกของเราบ้าง’ แต่เมื่อคนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวนมา ก็พูดกันว่า ‘คนนี้เป็น ทายาท เราจงฆ่าเขาเถิด เราจะได้มรดกของเขา’ เขาจึงจับบุตรเจ้าของสวน นำ�ตัวออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเสีย ดังนี้ เมือ่ เจ้าของสวนมา เขาจะทำ�อย่างไร กับคนเช่าสวนพวกนั้น” บรรดาผู้ฟังตอบว่า “เจ้าของสวนจะกำ�จัดพวกใจอำ�มหิตนี้อย่างโหดเหี้ยม และจะ ยกสวนให้คนอื่นเช่า ซึ่งจะแบ่งผลคืนให้เขาตามกำ�หนดเวลา... ดังนั้น เราบอกท่านว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทั้งหลาย ไปมอบให้แก่ชนชาติอื่นที่ จะทำ�ให้บังเกิดผล”... ชีวิตมนุษย์เป็นของประทานจากพระเจ้า เป็นข่าวดี พระเจ้าทรงจัดให้พร้อมหมดและทรงมอบให้ แต่ละคนบริหาร ดูแล พัฒนา เติมเต็ม เพื่อให้ชีวิตของแต่ละคนกลับเป็นของขวัญสำ�หรับกันและกัน ดุจดังสวน องุน่ ทีใ่ ห้ผลให้เหล้าองุน่ ตามความประสงค์ของเจ้าของสวน แต่พอมนุษย์ถอื ว่าตนเป็นเจ้าของชีวติ จะทำ�อย่างไร กับชีวิตก็ได้ ไม่คำ�นึงถึงหลักศีลธรรมที่พระเจ้าทรงฝังไว้ในธรรมชาติมนุษย์ ไม่สนใจพระธรรมคำ�สอน เท่านั้นยัง ไม่พอ ยังเหมาเอาว่าตนเป็นเจ้าของชีวิตคนอื่นด้วย จะทำ�อะไรกับชีวิตคนอื่นตามใจชอบ ตามผลประโยชน์ที่ อยากได้ ทำ�ร้ายชีวิตตนยังไม่พอ ยังทำ�ร้ายชีวิตคนอื่นซึ่งเป็นบุตรเจ้าของสวนด้วย 03.indd 98

21/12/2561 14:49:24


บทอ่านที่ 1 มคา 7:14-15,18-20 โปรดทรงใช้ไม้ขอของผูเ้ ลีย้ งแกะเลีย้ งดูประชากร คือฝูงแพะแกะทีเ่ ป็นมรดกของ พระองค์ ซึ่งอาศัยโดดเดี่ยวอยู่ในป่า ที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ... เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์ ผู้ทรงให้อภัยความผิด และทรงมองข้ามการ ล่วงละเมิดแก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงเก็บพระพิโรธไว้ ตลอดไป แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง ขอพระองค์ทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้า ทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง...

น.ตูรีบิโอ แห่งมอนโกรเวโย พระสังฆราช

พระวรสาร ลก 15:1-3,11-32 เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสี สดด 103:1-2,3-4, 9-10,11-12 และธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์ จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟัง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 พระองค์ยงั ตรัสอีกว่า “ชายผูห้ นึง่ มีลกู สองคน ลูกคนเล็กพูดกับบิดาว่า ‘พ่อครับ โปรดให้ทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นมรดกแก่ลูกเถิด’ บิดาก็แบ่งทรัพย์สมบัติให้แก่ลูกทั้ง สองคน ต่อมาไม่นาน ลูกคนเล็กรวบรวมทุกสิ่งที่มีแล้วเดินทางไปยังดินแดนห่างไกล ที่นั่นเขาประพฤติเสเพลผลาญเงินทองจนหมดสิ้น เมื่อเขาหมดตัว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างหนักทั่วดินแดนนั้น และเขาเริ่มขัดสน จึงไปรับจ้างอยู่กับชาว เมืองคนหนึ่ง คนนั้นใช้เขาไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา เขาอยากกินฝักถั่วที่หมูกินเพื่อระงับความหิว แต่ไม่มีใครให้ เขาจึงรู้สำ�นึกและคิดว่า ‘คนรับใช้ของพ่อฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่ หิวจะตายอยู่แล้ว ฉัน จะกลับไปหาพ่อ พูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกทำ�บาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูก ของพ่ออีก โปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพ่อเถิด’ เขาก็กลับไปหาพ่อ ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา... พูดกับผู้รับใช้ว่า ‘เร็ว เข้า จงไปนำ�เสือ้ สวยทีส่ ดุ มาสวมให้ลกู เรา นำ�แหวนมาสวมนิว้ นำ�รองเท้ามาใส่ให้ จงนำ�ลูกวัวทีข่ นุ อ้วนแล้วไป ฆ่า แล้วกินเลีย้ งฉลองกันเถิด เพราะลูกของเราผูน้ ตี้ ายไปแล้วกลับมีชวี ติ อีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’ แล้ว การฉลองก็เริ่มขึ้น ส่วนลูกคนโต อยูใ่ นทุง่ นา เมือ่ กลับมาใกล้บา้ น ได้ยนิ เสียงดนตรีและการร้องรำ� จึงเรียกผูร้ บั ใช้คนหนึง่ มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้รับใช้บอกเขาว่า ‘น้องชายของท่านกลับมาแล้ว พ่อสั่งให้ฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้ว เพราะเขาได้ลูกกลับคืนมาอย่างปลอดภัย’ ลูกคนโตรู้สึกโกรธ ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน... พ่อพูดว่า ‘ลูกเอ๋ย ลูกอยูก่ บั พ่อเสมอมา ทุกสิง่ ทีพ่ อ่ มีกเ็ ป็นของลูก แต่จ�ำ เป็นต้องเลีย้ งฉลองและชืน่ ชม ยินดี เพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’” ภาพลักษณ์พระเจ้าในพันธสัญญาเดิมยังคงเป็นภาพลักษณ์ทมี่ นุษย์สร้างขึน้ จากประสบการณ์แห่ง การเป็นมนุษย์ คนเป็นอย่างไรก็คิดว่าพระเจ้าทรงเป็นอย่างนั้น ทั้งๆ ที่พระเจ้าทรงเผยภาพลักษณ์ของพระองค์ โดยทางประกาศก เช่นประกาศกมีคาร์ “เทพเจ้าใดเล่าเหมือนพระองค์ ผู้ทรงให้อภัยความผิด...มองข้ามการ ละเมิด...ไม่ทรงเก็บพระพิโรธไว้ตลอดไป...แสดงความรักมั่นคง...เหวี่ยงบาปลงไปในทะเลลึก...” แต่คนก็ยังคงมี ภาพลักษณ์ของพระเจ้าแบบเดิม กระทั่งพระเยซูเจ้าเสด็จมาเผยให้เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในคำ�อุปมาวันนี้ พระเจ้าทรงให้อภัยลูกที่ทำ�ผิดก่อนที่ลูกคิดจะมาขออภัย เมื่อกลับมาก็ทรงรักลูกเหมือนเดิมทุกอย่างไม่ เปลี่ยนแปลง 03.indd 99

21/12/2561 14:49:24


สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 3:1-8ก,13-15 โมเสสเลี้ยงฝูงแพะแกะของเยโธร ผู้เป็นพ่อตาและสมณะแห่งมีเดียน วันหนึ่ง เขาต้อนฝูงแพะแกะข้ามถิ่นทุรกันดารไปถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า ทูตสวรรค์ขององค์ พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขาเป็นเปลวไฟลุกอยู่กลางพุ่มไม้ โมเสสมองดูก็เห็นว่าพุ่ม ไม้นั้นลุกเป็นไฟ แต่ไม่มอดไหม้ จึงคิดว่า “ฉันจะเข้าไปดูเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ ใกล้ๆ ทำ�ไมพุ่มไม้น้ันไม่มอดไหม้” องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาเข้ามาดู ใกล้ๆ จึงตรัสเรียกเขาจากกลางพุ่มไม้ว่า “โมเสส โมเสส” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่ นี่” พระองค์ตรัสห้ามว่า “อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้ จงถอดรองเท้าออก เพราะสถานที่ที่ ท่านยืนอยูเ่ ป็นสถานทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธิ”์ พระองค์ยงั ตรัสอีกว่า “เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรษุ ของท่าน เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” โมเสส ยกมือขึ้นปิดหน้า ไม่กล้ามองดูพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราสังเกตเห็นความทุกข์ยากของประชากรของเราใน อียิปต์ เราได้ยินเสียงร้องเพราะความทารุณของนายงาน เรารู้ดีถึงความทุกข์ทรมาน ของเขา เราลงมาช่วยเขาให้พ้นมือชาวอียิปต์ และนำ�เขาออกจากแผ่นดินนั้น ไปสู่ แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ ไปยังแผ่นดินที่มีนํ้านมและนํ้าผึ้งไหลบริบูรณ์” โมเสสทูลพระเจ้าว่า “เมือ่ ข้าพเจ้าไปหาชาวอิสราเอลแล้วบอกเขาว่า พระเจ้าของ บรรพบุรษุ ของท่านทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่าน ถ้าเขาถามข้าพเจ้าว่า ‘พระองค์ทรงพระนาม ว่าอะไร’ ข้าพเจ้าจะตอบเขาอย่างไร” พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราคือเราเป็น” แล้ว ตรัสต่อไปว่า “ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนี้ว่า ‘เราเป็น’ ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่าน ทั้งหลาย” พระเจ้าตรัสกับโมเสสอีกว่า ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนี้ว่า “องค์ พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย นามนี้จะเป็นนามของเรา ตลอดไป ชนรุ่นต่อๆ ไปจะต้องเรียกเราด้วยนามนี้” เพลงสดุดี สดด 103:1-2,3-4,6-7,8 และ 11 ก) จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ส่วนลึกของข้าพเจ้า จงถวายพระพรแด่พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงอย่าลืมพระคุณต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้ ข) พระองค์ประทานอภัยความผิดทั้งหลายของท่าน ทรงรักษาโรคภัยทั้งหมดของท่าน ทรงช่วยชีวิตท่านให้พ้นจากเหวลึก ประทานความรักมั่นคงและพระเมตตาเป็นดังมงกุฎแก่ท่าน ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิบัติด้วยความเที่ยงธรรม

03.indd 100

21/12/2561 14:49:25


ประทานความยุติธรรมต่อทุกคนที่ถูกข่มเหง ทรงสำ�แดงให้โมเสสรู้ทางของพระองค์ ทรงสำ�แดงให้บรรดาบุตรของอิสราเอลเห็นพระราชกิจของพระองค์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 10:1-6,10-12 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านรู้ว่าบรรพบุรุษทุกคนของเราได้อยู่ใต้เมฆ และทุกคนข้ามทะเล ไป ทุกคนรับการล้างในเมฆและในทะเลเข้าร่วมกับโมเสส ทุกคนกินอาหารฝ่ายจิตอย่างเดียวกัน ทุกคนดื่ม เครื่องดื่มฝ่ายจิตอย่างเดียวกัน เพราะพวกเขาดื่มนํ้าจากศิลาฝ่ายจิตซึ่งติดตามพวกเขาไป ศิลานั้นคือ พระคริสตเจ้า แม้กระนั้น พระเจ้าก็มิได้พอพระทัยคนส่วนใหญ่เหล่านั้น พวกเขาล้มตายเกลื่อนกลาดอยู่ใน ถิ่นทุรกันดาร เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างสำ�หรับเรา มิให้เราปรารถนาสิ่งชั่วร้ายดังที่เขา ท่านทัง้ หลายจงอย่าบ่นเหมือนทีเ่ ขาบางคนบ่นแล้วพินาศไปโดยนํา้ มือขององค์ผทู้ �ำ ลาย เหตุการณ์เหล่า นี้บังเกิดขึ้นกับพวกเขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และมีบันทึกไว้เพื่อเตือนสติเราซึ่งกำ�ลังเผชิญกับวาระสุดท้ายของ ยุค ดังนั้น ผู้ที่คิดว่าตนยืนหยัดมั่นคงอยู่ พึงระวังอย่าให้ล้ม บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 13:1-9 ในเวลานั้น คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรื่องชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตในขณะที่เขา กำ�ลังถวายเครื่องบูชา พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาว กาลิลีทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะ พินาศไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความผิด มากกว่าคนอื่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยน ชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน” พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรื่องนี้ว่า “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขามา มองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดกับคนสวนว่า ‘ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่ พบ จงโค่นมันเถิด เสียที่เปล่าๆ’ แต่คนสวนตอบว่า ‘นายครับ ปล่อยมันไว้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดิน รอบต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้’” ชื่อที่เราแต่ละคนมี นอกจากบ่งบอกความเป็นตัวเราแล้ว ยังเป็นการสร้างขีดจำ�กัดให้อีกด้วย คน ชือ่ นีค้ อื คนนี้ อย่างทีเ่ ป็นและอย่างทีม่ ี ไม่เหมือนใครและไม่มใี ครเหมือน เพราะเหตุนี้ เมือ่ โมเสสทูลถามพระนาม พระเจ้า พระองค์ไม่ทรงให้ชื่อใดชื่อหนึ่งแบบชื่อคน เพราะพระองค์ยิ่งใหญ่ ไม่มีขอบเขต และไม่สามารถสร้าง ขีดจำ�กัดให้พระองค์ได้ พระองค์จึงทรงบอกว่าชื่อของพระองค์คือ “เราคือเราเป็น” อย่างที่พระองค์ทรงเป็น แตกต่างจากที่มนุษย์คิด พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่าพระเจ้าทรงคิดไม่เหมือนมนุษย์คิด อย่างในกรณีของชาว กาลิลีหรือคนสิบแปดคนที่มีการยกประเด็นขึ้นมาถามความเห็นของพระเยซูเจ้า

03.indd 101

21/12/2561 14:49:25


บทอ่านที่ 1 อสย 7:10-14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์อาคัสอีกว่า “จงขอองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของพระองค์ ให้ทรงส่งเครือ่ งหมายจากทีล่ กึ ของ แดนผู้ตาย หรือจากที่สูงเบื้องบนเถิด”... ประกาศกอิสยาห์จงึ ทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริยด์ าวิดเอ๋ย จงฟังเถิด... องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้ สมโภชการแจ้งสาร กำ�เนิดบุตรชายและนางจะเรียกเขาว่า ‘อิมมานูเอล’ แปลว่า ‘พระเจ้าสถิตกับเรา’”

เรื่องพระวจนาตถ์ ทรงรับสภาพมนุษย์ บทอ่านที่ 2 สดด 40:6,7-8,9,10

ฮบ 10:4-10 เพราะเลือดโคเพศผู้และเลือดแพะชำ�ระบาปให้หมดสิ้นไปไม่ได้ ดังนั้น เมื่อ พระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลก จึงตรัสว่า “พระองค์ไม่มพี ระประสงค์เครือ่ งบูชาและของถวายอืน่ ใด พระองค์จงึ ทรงเตรียม ร่างกายไว้ให้ขา้ พเจ้า พระองค์ไม่พอพระทัยในเครือ่ งเผาบูชาและเครือ่ งบูชาชดเชยบาป ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ในม้วนหนังสือมีข้อความเขียนเกี่ยวกับ ข้าพเจ้าไว้ว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์”...

พระวรสาร ลก 1:26-38 เมือ่ นางเอลีซาเบธตัง้ ครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึง่ ในแคว้น กาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทายนี้ หมายความว่ากระไร... พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็น พรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่ เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทรงกระทำ�กิจการของพระองค์อย่างเรียบง่าย ทรงแจ้งให้โลกรู้ว่าพระองค์ทรง กำ�ลังทำ�ตามพระสัญญาทีส่ ง่ ทอดเป็นความหวังกันมาหลายชัว่ คน นัน่ คือ ไถ่กมู้ นุษย์ให้หลุดพ้นจากการเป็นทาส ของบาป เหตุการณ์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในบ้านของมารีย์ หญิงสาวธรรมดา ในเมืองนาซาเร็ธที่คนสมัยนั้นมองว่าด้อย ในทุกเรื่อง เป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่สำ�หรับมนุษยชาติที่พระเจ้าทรงขอความร่วมมือจากมนุษย์โดยมีฤทธิ์อำ�นาจ ของพระองค์เป็นหลักประกัน ดังที่ทูตสวรรค์ยืนยันกับมารีย์ “ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” และก็ เป็นไปตามนั้น พระเจ้าทรงเข้ามาในโลก ทรงเป็นมนุษย์เพื่ออยู่กับมนุษย์ตลอดไป...โดยความยินยอมและ ร่วมมือของแต่ละคน 03.indd 102

21/12/2561 14:49:25


บทอ่านที่ 1 ดนล 3:25,34-43 อาซาริยาห์ยืนอธิษฐานภาวนาเสียงดังอยู่กลางไฟว่าดังนี้ “ขออย่าทรงละทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดไป เพราะเห็นแก่พระนามพระองค์ ขอ อย่าทรงทำ�ลายพันธสัญญาของพระองค์เลย ขออย่าทรงเพิกถอนพระกรุณาไปจาก ข้าพเจ้าทั้งหลาย... บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่มีผู้นำ� ไม่มีประกาศก ไม่มีเจ้านาย ไม่มี เครื่องเผาบูชา ไม่มีเครื่องบูชา ไม่มีของถวาย ไม่มีการถวายกำ�ยาน ไม่มีสถานที่ที่จะ ถวายผลิตผลแรกแด่พระองค์เพื่อจะได้รับพระกรุณา แต่ขอให้จิตที่ตรมตรอมและใจที่ ถ่อมตนเป็นที่พอพระทัย ดังแกะเพศผู้และโคเพศผู้ที่ถวายเป็นเครื่องเผาบูชา ดังลูก แกะอ้วนพีนับพันๆ ตัวถวายพระองค์ ขอทรงพระกรุณารับข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเครื่อง บูชาเฉพาะพระพักตร์ในวันนี้ แล้วข้าพเจ้าทั้งหลายจะติดตามพระองค์ต่อไป เพราะผู้ที่ วางใจในพระองค์ย่อมไม่ได้รับความอับอาย... ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทาน พระเกียรติแก่พระนามพระองค์เถิด”

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต สดด 25:4-6,7,8-9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มธ 18:21-35 เวลานัน้ เปโตรเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพีน่ อ้ งทำ�ผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยกโทษ ให้เขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราไม่ได้บอกท่านว่าต้องยกโทษให้เจ็ดครั้ง แต่ ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงประสงค์จะตรวจบัญชีหนี้สินของผู้รับใช้ ขณะ ที่ทรงเริ่มตรวจบัญชีนั้น มีผู้นำ�ชายผู้หนึ่งเข้ามา ชายผู้นี้เป็นหนี้อยู่หนึ่งหมื่นตะลันต์ เขาไม่มีสิ่งใดจะชำ�ระ หนี้ได้ กษัตริย์จึงตรัสสั่งให้ขายทั้งตัวเขา บุตร ภรรยาและทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อใช้หนี้ ผู้รับใช้กราบพระบาท ทูลอ้อนวอนว่า ‘ขอทรงพระกรุณาผัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้ทั้งหมด’ กษัตริย์ทรงสงสาร จึงทรงปล่อยเขาไปและทรงยกหนี้ให้ ขณะที่ผู้รับใช้ออกไป ก็พบเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกันซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่ง ร้อยเหรียญ เขาเข้าไปคว้าคอบีบไว้แน่น พูดว่า ‘เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่เท่าไร จงจ่ายให้หมด’ เพื่อนคนนั้นคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า ‘กรุณาผัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้’ แต่เขาไม่ยอม ฟัง นำ�ลูกหนี้ไปขังไว้จนกว่าจะชำ�ระหนี้ทั้งหมด เพื่อนผู้รับใช้อื่นๆ เห็นดังนั้นต่างสลดใจมาก จึงนำ�ความ ทั้งหมดไปทูลกษัตริย์ พระองค์จึงทรงเรียกชายผู้นั้นมา ตรัสว่า ‘เจ้าคนสารเลว ข้ายกหนี้สินของเจ้าทั้งหมด เพราะเจ้าขอร้อง เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ’ กษัตริย์กริ้วมาก ตรัสสั่งให้นำ�ผู้รับใช้นั้นไปทรมานจนกว่าจะชำ�ระหนี้ทั้งหมด พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะทรงกระทำ� ต่อท่านทำ�นองเดียวกัน ถ้าท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจจริง” ตราบใดที่ตั้งจุดยืนอยู่ที่การอภัยและไม่ตั้งจุดยืนในความผิด การอภัยก็จะมีจำ�นวนจำ�กัด ในขณะ ทีค่ วามผิดนับไม่ถว้ น แม้เปโตรจะแสดงความใจกว้างในการให้อภัย...ถึงเจ็ดครัง้ แต่จ�ำ นวนการอภัยก็ยงั น้อยกว่า จำ�นวนความผิดอยูด่ ี พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เปโตรเปลีย่ นจุดยืน แทนทีจ่ ะตัง้ จุดยืนอยูท่ ผี่ ใู้ ห้อภัย เขาควรจะ ตัง้ จุดยืนอยูท่ ผี่ ทู้ �ำ ผิด เพราะในตรรกะแล้ว การให้อภัยมาหลังความผิดทีเ่ กิดขึน้ เมือ่ ใดทีก่ ารให้อภัยมาก่อนความ ผิด การให้อภัยก็มีขีดจำ�กัด แต่พอการให้อภัยมาหลังความผิด การให้อภัยจะขึ้นกับจำ�นวนความผิดที่เกิดขึ้น พระเยซูเจ้าจึงทรงบอกให้ยกโทษเจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง หรือเสมอไป ดังที่เราได้รับการยกโทษจากพระบิดาเจ้า 03.indd 103

21/12/2561 14:49:25


สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต สดด 147:12-13, 15-16,19-20

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 ฉธบ 4:1,5-9 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “บัดนี้ ชาวอิสราเอลเอ๋ย จงฟังข้อกำ�หนดและ กฎเกณฑ์ที่ข้าพเจ้าสอนท่านทั้งหลายให้ปฏิบัติ แล้วท่านจะมีชีวิต และเข้ายึดครอง แผ่นดินซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทรงมอบให้ท่าน ดูซิ ข้าพเจ้าสอนท่านให้รจู้ กั ข้อกำ�หนดและกฎเกณฑ์ดงั ทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้า ของข้าพเจ้าทรงบัญชา เพือ่ ท่านจะได้ปฏิบตั ติ ามในแผ่นดินทีท่ า่ นกำ�ลังจะเข้าไปยึดครอง ท่านจะต้องปฏิบัติตามอย่างซื่อสัตย์ เพื่อชนชาติอื่นๆ จะได้เห็นว่าท่านมีความเข้าใจ และปรีชาญาณ เมื่อเขาได้ยินคำ�พูดถึงข้อกำ�หนดเหล่านี้ เขาจะพูดว่า ชนชาติยิ่งใหญ่ นี้เท่านั้นเป็นประชากรที่มีความเข้าใจและปรีชาญาณ เพราะไม่มีชนชาติใดแม้ยิ่งใหญ่ เพียงใดก็ตามจะมีพระเจ้าอยูใ่ กล้ชดิ ดังทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของเราสถิตใกล้ชดิ เรา ทุกครั้งที่เราร้องทูลพระองค์ ไม่มีชนชาติยิ่งใหญ่ชาติใดมีข้อกำ�หนดและกฎเกณฑ์ เที่ยงธรรมเท่ากับธรรมบัญญัตินี้ที่ข้าพเจ้ากำ�ลังสอนท่านอยู่ในวันนี้ จงจำ�ใส่ใจ จงทำ�ทุกอย่างเพือ่ จะไม่ลมื เหตุการณ์ทที่ า่ นได้เห็นกับตาตราบทีท่ า่ นยัง มีชีวิตอยู่ อย่าให้เหตุการณ์เหล่านี้เลือนไปจากใจ ท่านจะต้องเล่าให้บุตรหลานทุกรุ่น ของท่านฟัง” พระวรสาร มธ 5:17-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงอย่าคิดว่าเรามาเพือ่ ลบล้างธรรมบัญญัตหิ รือคำ�สอนของบรรดาประกาศก เรา มิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดทีฟ่ า้ และดินยังไม่สญ ู สิน้ ไป แม้แต่ตวั อักษรหรือจุดเพียงจุดเดียวจะไม่ขาดหาย ไปจากธรรมบัญญัติจนกว่าทุกอย่างจะสำ�เร็จไป ดังนั้น ผู้ใดละเมิดธรรมบัญญัติเพียง ข้อเดียว แม้เล็กน้อยที่สุดและสอนผู้อื่นให้ละเมิดด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ตํ่าต้อยที่สุด ในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรม ของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้ว ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย”

โมเสสมีโอกาสอยูก่ บั พระเจ้าและเข้าถึงพระเจ้าได้มากกว่าใคร จึงรับรูไ้ ด้วา่ พระเจ้าทรงยิง่ ใหญ่ ไม่ เพียงในฤทธิ์อำ�นาจ แต่ในความรักที่ทรงมีต่อชนชาติที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้ เพื่อส่งต่อและสานต่อความรัก ของพระองค์ให้แก่มนุษย์ทกุ คน “...ไม่มชี าติใดแม้ยงิ่ ใหญ่จะมีพระเจ้าอยูใ่ กล้ชดิ ดังทีพ่ ระเจ้าทรงสถิตใกล้ชดิ เรา ทุกครัง้ ทีเ่ ราร้องทูลพระองค์...” พระเยซูเจ้าทรงทำ�ให้ความจริงนีก้ ลายเป็นความจริงอย่างเป็นรูปธรรม พระองค์ ทรงรับพระนามว่า “อิมมานูเอล...องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงอยูท่ า่ มกลางเรา” เพือ่ ทรงเติมเต็มชีวติ เราอย่างต่อเนือ่ ง หากชีวิตและพฤติกรรมของเราไม่สอดคล้องกับลาภอันยิ่งใหญ่นี้ ก็น่าเสียดายอย่างยิ่ง 03.indd 104

21/12/2561 14:49:26


บทอ่านที่ 1 ยรม 7:23-28 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “จงฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน และท่าน จะเป็นประชากรของเรา จงเดินตามทางที่เราจะสั่งท่านไว้ แล้วท่านจะได้อยู่อย่าง เป็นสุข” แต่เขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง กลับดำ�เนินตามแผนการในความดื้อ กระด้างของใจชัว่ ของตน หันหลังให้เราแทนทีจ่ ะหันหน้า ตัง้ แต่วนั ทีบ่ รรพบุรษุ ของท่าน ทั้งหลายออกจากแผ่นดินอียิปต์จนทุกวันนี้ เราได้ส่งประกาศกผู้รับใช้ทุกคนของเราไป หาท่านทัง้ หลายครัง้ แล้วครัง้ เล่าเสมอมา แต่เขาทัง้ หลายมิได้เชือ่ ฟังหรือเงีย่ หูฟงั กลับ ดือ้ ดึงทำ�ความชัว่ มากกว่าบรรพบุรษุ เสียอีก ท่านจงไปบอกถ้อยคำ�เหล่านีท้ งั้ หมดแก่เขา แต่เขาจะไม่ฟังท่าน ท่านจะเรียกเขา แต่เขาจะไม่ตอบ ท่านจงบอกเขาว่า “นี่คือชนชาติ ทีไ่ ม่เชือ่ ฟังพระสุรเสียงขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของตน และไม่ยอมรับคำ�สัง่ สอน ความซื่อสัตย์ไม่มีอีกแล้ว หายไปจากปากของเขาแล้ว”

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต สดด 95:1-2, 6-7,8-9

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ลก 11:14-23 เวลานัน้ พระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงขับไล่ปศี าจซึง่ ทำ�ให้คนเป็นใบ้ เมือ่ ปีศาจออกไปแล้ว คนใบ้ก็พูดได้ ประชาชนต่างประหลาดใจ แต่บางคนกล่าวว่า “เขาขับไล่ปีศาจด้วย อำ�นาจของเบเอลเซบูล เจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” บางคนต้องการจับผิดพระองค์ จึงขอให้ พระองค์ทรงแสดงเครื่องหมายจากสวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสว่า “อาณาจักรใดแตกแยกภายใน อาณาจักรนั้นย่อมพินาศ บ้านเรือนย่อมพังทลายทับกัน ถ้าซาตานแตกแยกกันเอง อาณาจักรของมันจะตัง้ อยูไ่ ด้อย่างไร เพราะท่านบอกว่า เราขับไล่ปศี าจด้วยอำ�นาจของ เบเอลเซบูล ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านขับไล่มัน ด้วยอำ�นาจของใคร พวกพ้องของท่านจะเป็นผู้ตัดสินลงโทษท่าน แต่ถ้าเราขับไล่ปีศาจ ด้วยอำ�นาจของพระเจ้า ก็หมายความว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงท่านแล้ว เมื่อ คนแข็งแรงมีอาวุธครบมือเฝ้าบ้านของตน ทรัพย์สมบัติของเขาก็ปลอดภัย แต่ถ้าผู้ใด แข็งแรงกว่าเข้ามาโจมตีและเอาชนะเขาได้ ก็ย่อมริบอาวุธที่เขามั่นใจนั้น และแบ่งปัน ข้าวของที่ปล้นได้ ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ย่อมเป็นปฏิปักษ์กับเรา ใครไม่รวบรวมสิ่งต่างๆ ไว้กับเรา ย่อม ทำ�ให้สิ่งเหล่านั้นกระจัดกระจายไป” พระเจ้าทรงความรักและความดี พระองค์จึงทรงประสงค์ให้ลูกของพระองค์ได้ดำ�เนินชีวิตใน ความรักและความดี เพราะนัน่ คือทีม่ าของชีวติ ทีเ่ ป็นสุข อย่างทีพ่ อ่ และแม่อยากเห็นลูกๆ มีความสุข การนับถือ พระองค์เป็นพระเจ้าจึงอยูใ่ นการ “ฟังเสียงและเดินในเส้นทาง” ทีพ่ ระองค์ทรงชีแ้ นะ และเพือ่ มนุษย์ได้ฟงั เสียง ของพระองค์ พระเยซูเจ้าเสด็จมาเป็นมนุษย์และทรงสอนมนุษย์ด้วยเสียงมนุษย์เอง พร้อมกันนั้นก็ทรงขจัดสิ่ง เลวร้ายออกจากมนุษย์เพื่อเปิดทางสำ�หรับความรักและความเมตตาของพระเจ้า เป็นการยืนยันให้เป็นรูปธรรม ว่าพระอาณาจักรพระเจ้ามาถึงแล้วอย่างเป็นทางการ 03.indd 105

21/12/2561 14:49:28


บทอ่านที่ 1 ฮชย 14:2-10 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาเฝ้าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้า ของท่านเถิด ท่านได้สะดุดล้มลงเพราะความผิดของท่าน จงเตรียมถ้อยคำ�ที่จะพูดมา ด้วย และกลับมาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ทูลพระองค์ว่า ‘โปรดทรงลบล้างความผิด ทั้งหมด และทรงรับสิ่งที่ดี ข้าพเจ้าทั้งหลายจะนำ�คำ�สรรเสริญจากปากมาถวายแทนโค เพศผู้ อัสซีเรียจะไม่ช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ขี่ม้าอีก จะ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต ไม่เรียกสิง่ ทีม่ อื ของข้าพเจ้าได้สร้างขึน้ อีกต่อไปว่า ‘พระเจ้าของข้าพเจ้าทัง้ หลาย’ เพราะ ลูกกำ�พร้าพบพระกรุณาในพระองค์’” สดด 81:5-6,7ค-8, 9-10,13-14,16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะรักษาเขาให้หายจากความไม่ซื่อสัตย์ของเขา เรา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 จะรักเขาด้วยใจจริง เพราะเราจะไม่โกรธเขาอีกแล้ว เราจะเป็นเหมือนนํ้าค้างสำ�หรับ อิสราเอล เขาจะผลิดอกเหมือนดอกลิลลี่ เขาจะหยั่งรากเหมือนต้นสนสีดาร์แห่ง เลบานอน กิง่ ก้านของเขาจะแผ่ขยาย เขาจะงดงามเหมือนต้นมะกอกเทศ และจะมีกลิน่ หอมเหมือนเลบานอน เขาทัง้ หลายจะกลับมานัง่ อยูใ่ ต้รม่ เงาของเรา เขาจะปลูกข้าวสาลีอกี จะทำ�ให้เถาองุน่ ผลิตผลอุดม มีชอื่ เสียง เหมือนเหล้าองุน่ แห่งเลบานอน เอฟราอิมจะต้องเกีย่ วข้องอะไรกับรูปเคารพอีก เราเองจะตอบและดูแลเขา เราเป็นเหมือนต้นไซเปรสใบเขียวสดอยู่เสมอ ท่านจะได้รับผลของท่านจากเรา...” พระวรสาร มก 12:28-34 เวลานั้น ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ได้ฟังการโต้เถียงเรื่องนี้ และเห็นว่าพระองค์ทรง ตอบได้ดี จึงทูลถามพระองค์ว่า “บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกกว่าบทบัญญัติข้ออื่นๆ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “บทบัญญัติเอกก็คือ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของ เราทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านสุด จิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำ�ลังของท่าน บทบัญญัติประการที่สองก็คือ ท่านจะต้องรักเพื่อน มนุษย์เหมือนรักตนเอง ไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองประการนี้” ธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ท่านตอบได้ดี จริงทีเดียวที่ท่านกล่าวว่า พระเจ้ามีแต่เพียง พระองค์เดียวและนอกจากพระองค์แล้วไม่มพี ระเจ้าอืน่ เลย การจะรักพระองค์สดุ จิตใจ สุดความเข้าใจและ สุดกำ�ลัง และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองนี้มีคุณค่ามากกว่าเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสักการบูชาใดๆ ทั้งสิ้น” พระเยซูเจ้าทรงเห็นว่าเขาพูดอย่างเฉลียวฉลาด จึงตรัสว่า “ท่านอยู่ไม่ไกลจากพระอาณาจักรของ พระเจ้า” หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าทูลถามพระองค์อีกเลย ในภาษาอื่น คำ�ถามของธรรมาจารย์คือ “บทบัญญัติไหนสำ�คัญที่สุด” ซึ่งเป็นการบอกโดยนัยว่า เป็นบัญญัตทิ มี่ คี วามสำ�คัญสำ�หรับชีวติ มนุษย์ พระเยซูเจ้าทรงตอบว่าพระเจ้าทรงสำ�คัญทีส่ ดุ ในชีวติ มนุษย์ ตัง้ แต่ เกิดมาจนกระทั่งจากโลกนี้ไปสู่ชีวิตนิรันดร เมื่อถือว่าพระเจ้าทรงสำ�คัญที่สุด พระองค์ก็ต้องเป็นอันดับแรกของ แต่ละชีวิต เป็นอันดับแรกในความรัก...รักพระองค์สุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำ�ลัง...หรืออีกนัย หนึ่ง รักสุดชีวิต และเมื่อตั้งพระเจ้าเป็นอันดับแรกในชีวิต ก็จะเห็นทุกอย่างได้อย่างถูกต้องในความเป็นจริง ทั้ง ตนเอง ทั้งผู้อื่น ซึ่งส่งผลให้มองและปฏิบัติต่อตนเองและผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง 03.indd 106

21/12/2561 14:49:28


บทอ่านที่ 1 ฮชย 6:1-6 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “มาเถิด พวกเราจงกลับไปหาองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระองค์ ทรงฉีก และจะทรงรักษาเราให้หาย พระองค์ทรงโบยตี และจะทรงพันบาดแผลให้เรา อีกสองวันพระองค์จะทรงให้เราฟื้น วันที่สามจะทรงทำ�ให้เราลุกขึ้น แล้วเราจะมีชีวิต อยู่เฉพาะพระพักตร์ พวกเราจงรู้จัก จงรีบรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด พระองค์จะเสด็จ มาอย่างแน่นอนเหมือนรุ่งอรุณ จะเสด็จมาหาเราเหมือนฝน เหมือนฝนต้นฤดูใบไม้ผลิ ที่รดพื้นแผ่นดิน” “เอฟราอิมเอ๋ย เราจะทำ�อย่างไรดีกับท่าน ยูดาห์เอ๋ย เราจะทำ�อย่างไรดีกับท่าน ความรักของท่านเป็นเหมือนเมฆในยามเช้า เหมือนนํ้าค้างที่หายไปตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้น เราจึงใช้บรรดาประกาศกให้ทุบเขาทั้งหลายจนแหลกลาญ เราใช้คำ�พูดจากปากของเรา ฆ่าเขา คำ�พิพากษาของเราจะออกมาเหมือนแสงสว่าง เพราะเราต้องการความรักมัน่ คง ไม่ประสงค์การถวายบูชา เราต้องการการรู้จักพระเจ้า มากกว่าเครื่องเผาบูชา”

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต

สดด 51:1-2,16-17, 18-19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ลก 18:9-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเล่าอุปมาเรื่องนี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรม และดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า “มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็น ชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า ‘ข้าแต่ พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ทขี่ า้ พเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอืน่ ทีเ่ ป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำ�ศีลอดอาหารสัปดาห์ ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า’ ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ ข้อน-อก พูดว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด’ เรา บอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้ รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ตํ่าลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้ สูงขึ้น” ชาวฟาริสีไปอธิษฐานภาวนา แต่วิธีและท่าทีการสวดของเขาบอกให้เห็นได้ ชัดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจไปพบพระเจ้า เขาพบแต่ตัวเอง คำ�ภาวนาของเขาจึงเต็มด้วยตนเอง เท่านี้ยังไม่พอ เขายังใช้การภาวนาเพื่อดูหมิ่นดูถูกและซํ้าเติมคนเก็บภาษี แทนที่จะคิด สำ�นึกว่าทุกอย่างทีด่ งี ามทีเ่ ขาทำ�ได้นนั้ เป็นเพราะพระเจ้าทรงช่วย เขากลับเหมาเอาว่าเป็น ความสามารถของตนเอง ในขณะที่คนเก็บภาษีไปพบพระเจ้าพร้อมกับความสำ�นึกใน ขีดจำ�กัดและความผิดพลาดของตนเอง ใจของเขาจึงเปิดพื้นที่และเปิดรับพระเมตตาและ การเติมเต็มของพระเจ้า เขาได้พบพระเจ้าและพบตัวตนในการภาวนา ส่งผลให้ชีวิตเขาดี ขึน้ ในขณะทีช่ าวฟาริสพี บแต่ตวั เองและหมกมุน่ กับตนเอง นอกจากไม่มอี ะไรดีขนึ้ แล้ว ยัง มีแต่แย่ลงเรื่อยๆ 03.indd 107

21/12/2561 14:49:28


สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านจากหนังสือโยชูวา ยชว 5:9ก,10-12 แล้วองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “วันนี้ เราจะยกความอับอายขายหน้าของ อียิปต์ไปจากท่านทั้งหลาย” เพราะเหตุนี้ สถานที่นั้นจึงถูกเรียกว่ากิลกาล ตั้งแต่น้ัน เป็นต้นมา ชาวอิสราเอลตัง้ ค่ายทีก่ ลิ กาล และทำ�พิธปี สั กาในตอนเย็นของวันทีส่ บิ สีข่ องเดือน ณ บริเวณที่ราบเมืองเยรีโค วันถัดมาจากวันปัสกา เขาได้กินผลิตผลของแผ่นดิน ขนมปังไร้เชื้อและรวงข้าวย่างในวันเดียวกัน มานนาได้หยุดในวันถัดมาจากที่เขาได้กิน ผลผลิตจากแผ่นดิน ไม่มมี านนาอีกเลยสำ�หรับชาวอิสราเอล แต่ปนี นั้ เขาได้กนิ ผลิตผล ของแผ่นดินคานาอัน เพลงสดุดี สดด 34:1-2,3-4,5-7 ก) ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล คำ�สรรเสริญพระองค์จะติดอยู่กับริมฝีปากของข้าพเจ้าเสมอ จิตใจข้าพเจ้าจะภูมิใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาผู้ตํ่าต้อยจงฟังและชื่นชมเถิด ข) จงประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับข้าพเจ้าเถิด เราจงโห่ร้องถวายชัยแด่พระนามพระองค์พร้อมกัน ข้าพเจ้าแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้า ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความกลัวทั้งหลาย ค) จงจับตาดูพระองค์ แล้วใบหน้าของท่านจะสดใส ไม่มีวันจะต้องอับอายเลย คนยากจนร้องทูล องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟัง ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้นทั้งหลาย ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งค่ายอยู่โดยรอบผู้ยำ�เกรงพระองค์ พระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นภัย บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง 2 คร 5:17-21 พี่น้อง ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่ สภาพเก่าผ่านพ้นไป สภาพใหม่เกิดขึน้ แล้ว ทุกสิง่ มาจากพระเจ้า พระองค์ทรงทำ�ให้เราคืนดีกบั พระองค์เดชะ พระคริสตเจ้า และทรงมอบภารกิจการคืนดีนี้ให้เรา กล่าวคือ พระเจ้าทรงทำ�ให้โลก คืนดีกับพระองค์ในองค์พระคริสตเจ้า พระองค์มิได้ทรงเอาผิดกับมนุษย์ แต่ทรงมอบ ให้เราประกาศสารแห่งการคืนดีนี้ ดังนั้น เราจึงเป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า ประหนึ่งว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้เชิญชวน

03.indd 108

21/12/2561 14:49:29


ท่านทั้งหลาย เราจึงขอร้องแทนพระคริสตเจ้าว่า จงยอมคืนดีกับพระเจ้าเถิด เพราะเห็นแก่เราพระเจ้าจึงทรง ทำ�ให้พระองค์ผู้ไม่รู้จักบาปเป็นผู้รับบาป เพื่อว่าในพระองค์เราจะได้กลายเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 15:1-3,11-32 เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่าง บ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟังว่า “ชายผู้หนึ่งมีลูกสองคน ลูกคนเล็กพูดกับบิดาว่า ‘พ่อครับ โปรดให้ทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นมรดกแก่ ลูกเถิด’ บิดาก็แบ่งทรัพย์สมบัติให้แก่ลูกทั้งสองคน ต่อมาไม่นาน ลูกคนเล็กรวบรวมทุกสิ่งที่มีแล้วเดินทาง ไปยังดินแดนห่างไกล ที่นั่นเขาประพฤติเสเพลผลาญเงินทองจนหมดสิ้น เมื่อเขาหมดตัว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างหนักทั่วดินแดนนั้น และเขาเริ่มขัดสน จึงไปรับจ้างอยู่กับชาว เมืองคนหนึ่ง คนนั้นใช้เขาไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา เขาอยากกินฝักถั่วที่หมูกินเพื่อระงับความหิว แต่ไม่มีใครให้ เขาจึงรู้สำ�นึกและคิดว่า ‘คนรับใช้ของพ่อ ฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่ หิวจะตายอยู่แล้ว ฉันจะกลับไปหาพ่อ พูดกับพ่อว่า ‘พ่อครับ ลูกทำ�บาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก โปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คน หนึ่งของพ่อเถิด’ เขาก็กลับไปหาพ่อ ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา ลูกจึงพูดกับพ่อว่า ‘พ่อ ครับ ลูกทำ�บาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก’ แต่พ่อพูดกับผู้รับใช้ว่า ‘เร็วเข้า จงไปนำ�เสื้อสวยที่สุดมาสวมให้ลูกเรา นำ�แหวนมาสวมนิ้ว นำ�รองเท้ามาใส่ให้ จงนำ�ลูกวัวที่ขุนอ้วน แล้วไปฆ่า แล้วกินเลี้ยงฉลองกันเถิด เพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกัน อีก’ แล้วการฉลองก็เริ่มขึ้น ส่วนลูกคนโตอยู่ในทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้บ้าน ได้ยินเสียงดนตรีและการร้องรำ� จึงเรียกผู้รับใช้คนหนึ่ง มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้รับใช้บอกเขาว่า ‘น้องชายของท่านกลับมาแล้ว พ่อสั่งให้ฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้ว เพราะเขาได้ลูกกลับคืนมาอย่างปลอดภัย’ ลูกคนโตรู้สึกโกรธ ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน พ่อจึงออกมาขอร้องให้ เข้าไป แต่เขาตอบพ่อว่า ‘ลูกรับใช้พ่อมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำ�สั่งของพ่อเลย พ่อก็ไม่เคยให้ลูก แพะแม้แต่ตวั เดียวแก่ลกู เพือ่ เลีย้ งฉลองกับเพือ่ นๆ แต่พอลูกคนนีข้ องพ่อกลับมา เขาคบหญิงเสเพล ผลาญ ทรัพย์สมบัติของพ่อจนหมด พ่อยังฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วให้เขาด้วย’ พ่อพูดว่า ‘ลูกเอ๋ย ลูกอยูก่ บั พ่อเสมอมา ทุกสิง่ ทีพ่ อ่ มีกเ็ ป็นของลูก แต่จ�ำ เป็นต้องเลีย้ งฉลองและชืน่ ชม ยินดี เพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก’” ทุกครัง้ ทีม่ นุษย์ออกห่างพระเจ้าและความรักของพระองค์ มนุษย์กไ็ ม่รไู้ ด้ชดั เจนว่าตนเป็นใครและ ควรเป็นใคร ลดตัวลงมาตามแรงตัณหาและแสวงหาความสนุกสนานทีส่ งิ่ ของเงินทองจัดหาให้ได้ ใช้มรดก (ความ เป็นฉายาของพระเจ้าและพระพร) ไปตามการชี้บอกของสัญชาตญาณ กระทั่งหมดความสำ�นึกในศักดิ์ศรี จาก การเป็นลูกพระเจ้าลงมาเป็นข้ารับใช้วัตถุสิ่งของ (รับจ้างเลี้ยงหมู) ไม่พอ ยังลดตัวลงมาในระดับวัตถุสิ่งของ (อยากกินฝักถัว่ ทีห่ มูกนิ ) คิดอย่างวัตถุสงิ่ ของ มองอย่างวัตถุสงิ่ ของ รักอย่างวัตถุสงิ่ ของ...กระนัน้ พระเจ้าก็ยงั รัก มนุษย์และทรงทำ�ให้หวนกลับไปคิดถึงศักดิ์ศรีที่เคยมี และเมื่อกลับมาหาพระองค์ พระองค์ทรงพร้อมยกโทษ และทรงคืนศักดิ์ศรีแห่งการเป็นบุตรของพระองค์ให้ด้วยความรักและความเมตตา 03.indd 109

21/12/2561 14:49:29



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.