05 พฤษภาคม 2016

Page 1


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2 วันแรงงานแหงชาติ

กจ 15:1-2,22-29

ในครั้งนั้น คริสตชนชำวยิวบำงคนลงมำจำกแคว้นยูเดีย และสอนบรรดำพี่น้องว่ำ “ถ้ำท่ำนทั้งหลำยมิได้เข้ำสุหนัตตำมธรรมประเพณีของโมเสส ท่ำนจะรอดพ้นไม่ได้” เปำโลและบำรนำบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขำเหล่ำนัน้ อย่ำงรุนแรง มีกำรตกลงกันให้ เปำโลและบำรนำบัสพร้อมกับพี่น้องบำงคนขึ้นไปยังกรุงเยรูซำเล็ม เพื่อปรึกษำปัญหำนี้ กับบรรดำอัครสำวกและบรรดำผู้อำวุโส บรรดำอัครสำวกและผู้อำวุโสพร้อมกับคริสตชนทุกคนที่ชุมนุมกันตกลงใจเลือก สมำชิกบำงคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปำโลและบำรนำบัส คือยูดำส ที่ เรียกกันว่ำ บำรซับบัสกับสิลำส ทั้งสองคนนี้เป็นคนเด่นในบรรดำพี่น้อง ที่ประชุมเขียน จดหมำยมอบให้คนเหล่ำนี้ถือไปใจควำมว่ำ “จำก บรรดำอัครสำวก ผู้อำวุโส และบรรดำพี่น้อง ถึง บรรดำพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่ำงศำสนำอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และ แคว้น ซีลีเซีย ขอให้ท่ำนมีควำมสุขเถิด เนือ่ งจำกเรำรูว้ ำ่ พวกเรำบำงคนกล่ำวถ้อยค�ำทีท่ ำ� ให้ทำ่ นสับสนและวุน่ วำยใจ โดย ไม่ได้รับค�ำสั่งจำกเรำเลย เรำจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบำงคนส่งมำพบท่ำน พร้อมกับบำรนำบัสและเปำโลที่รักยิ่งของเรำ ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนำมพระเยซูคริสต์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำของเรำ ดังนัน้ เรำจึงส่งยูดำสและสิลำสมำเล่ำเรือ่ งทีเ่ ขียนนีใ้ ห้ทำ่ นฟัง โดยตรง พระจิตเจ้ำและพวกเรำตกลงที่จะไม่บังคับให้ท่ำนแบกภำระอื่นอีก นอกจำกสิ่ง ที่จ�ำเป็นต่อไปนี้ คืองดเว้นกำรกินเนื้อสัตว์ที่ถวำยให้รูปเคำรพแล้ว งดเว้นกำรกินเลือด และเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตำย และงดเว้นกำรแต่งงำนที่ไม่ถูกต้องตำมกฎหมำย ถ้ำท่ำน ทั้งหลำยงดเว้นกำรกระท�ำเหล่ำนี้ ก็จะเป็นกำรดี จงเจริญสุขเถิด”

เพลงสดุดี

สดด 67:1-2,3-7

ก) ขอพระเจ้ำทรงส�ำแดงพระเมตตำและประทำนพระพรแก่เรำ ขอพระองค์โปรดให้พระพักตร์ฉำยแสงมำเหนือเรำ แล้วแผ่นดินจะรู้จักทำงของพระองค์ นำนำชำติจะได้รู้ว่ำพระองค์ทรงช่วยให้รอดพ้น ข) ข้ำแต่พระเจ้ำ ขอให้ประชำชำติทั้งหลำยสรรเสริญพระองค์ ขอให้ทุกชำติทุกภำษำสรรเสริญพระองค์ ชนชำติทั้งหลำยจงเปรมปรีดิ์และโห่ร้องด้วยควำมยินดี เพรำะพระองค์ทรงปกครองประชำชำติด้วยควำมเที่ยงธรรม และทรงน�ำชนชำติทั้งหลำยบนแผ่นดิน ข้ำแต่พระเจ้ำ ขอให้ประชำชำติทั้งหลำยสรรเสริญพระองค์ ขอให้ทุกชำติทุกภำษำสรรเสริญพระองค์


บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์

วว 21:10-14,22-23

ทูตสวรรค์นำ� ข้าพเจ้าเดชะพระจิตเจ้าไปบนภูเขาสูงใหญ่ลกู หนึง่ ชีใ้ ห้ขา้ พเจ้าเห็นกรุงเยรูซาเล็ม นคร ศักดิส์ ทิ ธิซ์ งึ่ ก�ำลังลงมาจากสวรรค์ มาจากพระเจ้า นครนีม้ พี ระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระเจ้า มีความสุกใสเหมือน เพชรพลอยล�ำ้ ค่า คล้ายแก้วมณีโชติชว่ งเป็นผลึกสดใส มีกำ� แพงสูงใหญ่ ประตูสบิ สองประตู แต่ละประตู มีทูตสวรรค์ประจ�ำอยู่และมีชื่อจารึกไว้ คือชื่อตระกูลอิสราเอลสิบสองตระกูล ทางทิศตะวันออกมีสาม ประตู ทางทิศเหนือมีสามประตู ทางทิศใต้มีสามประตูและทางทิศตะวันตกมีสามประตู ก�ำแพงเมืองตั้ง อยู่บนฐานศิลาสิบสองฐาน บนฐานศิลานั้นมีชื่อของบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสององค์ของลูกแกะ ข้าพเจ้าไม่เห็นพระวิหารใดในนครนี้ เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพและลูก แกะทรงเป็นพระวิหารของนครนี้ นครนี้ไม่ต้องการดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์เพื่อส่องสว่าง เพราะพระ สิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าส่องแสงเหนือนคร และลูกแกะทรงเป็นตะเกียงของนคร

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น

ยน 14:23-29

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ผูใ้ ดรักเรา ผูน้ นั้ จะปฏิบตั ติ ามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับ เรามาหาเขา จะทรงพ�ำนักอยูก่ บั เขา ผูท้ ไี่ ม่รกั เรา ก็ไม่ปฏิบตั ติ ามวาจาของเรา วาจาทีท่ า่ นได้ยนิ นี้ ไม่ใช่วาจา ของเรา แต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟัง ขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่พระ ผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ ท่านระลึกถึงทุกสิง่ ทีเ่ ราเคยบอกท่าน เรามอบสันติสขุ ไว้ให้ทา่ นทัง้ หลาย เราให้สนั ติสขุ ของเราแก่ทา่ น เรา ให้สันติสุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย ท่านได้ยินที่เราบอก กับท่านแล้วว่า เราก�ำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เราก�ำลังไป เฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา และบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิด ขึ้น เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชื่อ”

การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซู ประกาศความจริงทีว่ า่ พระองค์ไม่ได้ตายจาก...แต่ยงั คงอยู่ กับบรรดาศิษย์ของพระองค์ แม้วันเวลาจะผ่านไปยาวนานเท่าไร...มืดมิดเพียงไร ก็ไม่เคยยาวนานและมืดมิดเกิน กว่าทีพ่ ระองค์จะเสด็จมา และประทับอยูก่ บั เขา ความรักห่วงใยของพระเจ้าไม่เคยจางหายจากหัวใจของพระองค์... แม้ในวันนั้นที่ความรักภักดีจะขาดหายไปจากหัวใจของบรรดาศิษย์ ในวันนั้นที่เขาบาดเจ็บมากที่สุด พระองค์ตรัสกับเขาว่า เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน สันติสุขของเรา เรา มอบให้แก่ท่าน ในวันนั้น ที่เขาว่าหวาดกลัวมากที่สุด พระองค์ตรัสกับเขาว่า อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวเลย อย่า กลัวเลย พระบิดากับเราพ�ำนักอยู่กับท่าน สิ่งนี้เป็นเหตุผลเดียวที่ท�ำให้ศิษย์ของพระองค์สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงปลอดภัย และมีความ สุข แม้ในท่ามกลางมรสุมร้ายของชีวิต


ระลึกถึง น.อาทานาส พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 149:1-2,3-4,5-7 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1

กจ 16:11-15

พระวรสาร

ยน 15:26-16:4

ในครั้งนั้น พวกเรำแล่นเรือออกจำกเมืองโตรอัส มุ่งไปยังเกำะซำโมธรัส วันรุ่งขึ้น ก็เดินทำงต่อไปถึงเมืองเนอำบุรี จำกเมืองนีเ้ รำเดินทำงไปถึงเมืองฟีลปิ ปี อำณำนิคมของ ชำวโรมัน เป็นเมืองเอกของแคว้นมำซิโดเนีย เรำพักอยู่ที่เมืองนี้หลำยวัน วันสับบำโตวันหนึ่ง เรำออกนอกประตูเมืองไปยังริมล�ำธำร เพรำะคิดว่ำที่นั่นเป็น สถำนทีส่ ำ� หรับอธิษฐำนภำวนำ เรำนัง่ พูดคุยกับบรรดำสตรีทมี่ ำชุมนุมกันอยูท่ นี่ นั่ สตรีคน หนึง่ ชือ่ ลิเดีย มำจำกเมืองธิอำทิรำ เป็นคนขำยผ้ำก�ำมะหยีส่ มี ว่ งแดง เป็นคนเลือ่ มใสใน พระเจ้ำฟังเรำอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้ำเปิดใจนำงให้ยอมรับถ้อยค�ำของเปำโล นำงและทุก คนในครอบครัวรับศีลล้ำงบำป แล้วจึงเชิญเรำ พูดว่ำ “ถ้ำท่ำนคิดว่ำดิฉนั เป็นผูม้ คี วำมเชือ่ ในองค์พระผู้เป็นเจ้ำแล้ว จงมำพักที่บ้ำนของดิฉันเถิด” นำงเชิญชวนจนเรำปฏิเสธไม่ได้ เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “เมื่อพระผู้ช่วยเหลือซึง่ เรำจะส่งมำจำกพระบิดำ จะเสด็จมำ คือพระจิตแห่งควำม จริง ผู้ทรงเนื่องมำจำกพระบิดำ พระองค์จะทรงเป็นพยำนให้เรำ ท่ำนทั้งหลำยก็จะเป็น พยำนให้เรำด้วย เพรำะท่ำนอยู่กับเรำมำตั้งแต่แรกแล้ว เรำบอกเรื่องเหล่ำนี้แก่ท่ำนทั้งหลำย เพื่อท่ำนจะไม่แคลงใจ เขำจะขับไล่ท่ำนออก จำกศำลำธรรม เวลำนั้นก�ำลังมำถึง เมื่อผู้ที่ฆ่ำท่ำนจะคิดว่ำตนก�ำลังถวำยคำรวกิจแด่ พระเจ้ำ เขำจะท�ำเช่นนี้ เพรำะเขำไม่รู้จักทั้งพระบิดำและเรำ แต่เรำบอกเรื่องนี้กับท่ำน เพื่อว่ำเมื่อเวลำนั้นมำถึง ท่ำนจะระลึกได้ว่ำเรำบอกท่ำนแล้ว” ศิษย์ได้ละทิง้ พระองค์ไปในค�า่ คืนทีม่ ดื มิดในสวนเกทเสมนี ในคืนนัน้ ทีเ่ ขาได้กา้ ว เดินไปอย่างผิดพลาด และมองไม่เห็นคุณค่าของตนเอง พระองค์ยังคงเห็นคุณค่าของเขา พระ จิตแห่งความจริงจะทรงเป็นพยานให้เรา ท่านทัง้ หลายก็จะเป็นพยานให้เราด้วย เพราะท่านอยู่ กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว พระองค์ยงั คงรักและห่วงใยเขา ราวกับว่าเขาไม่เคยทิง้ หนีพระองค์ไปไหน พระเจ้าผูส้ ตั ย์ซอื่ ยังคงสัตย์ซื่อ แม้มนุษย์จะไม่สัตย์ซื่อ ในวันนั้นที่เขาจะต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธ และถูกขับ ไล่...ความรักห่วงใยของพระองค์ยงั คงเข้มข้นไม่เคยขาดหาย เราบอกเรือ่ งนีก้ บั ท่าน เพือ่ ว่าเมือ่ เวลานั้นมาถึง ท่านจะระลึกได้ว่าเราได้บอกท่านแล้ว พระองค์ทรงเตรียมศิษย์ของพระองค์ให้ พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง และทรงก้าวเดินไปกับเขาในทุกสถานการณ์


บทอ่านที่ 1

1 คร 15:1-8

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้ค�ำนึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ ท่านก�ำลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดี นี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ ประโยชน์ ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำ� คัญทีส่ ดุ ให้ทา่ น เป็นธรรมประเพณีทขี่ า้ พเจ้าได้ รับมาอีกทอดหนึง่ คือพระคริสตเจ้าได้สนิ้ พระชนม์เพราะบาปของเรา ตามทีม่ เี ขียนไว้ใน พระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตามความใน พระคัมภีร์ และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวก สิบสองคน หลังจากนั้นทรงแสดงพระองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจ�ำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว ต่อมาพระองค์ทรง แสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน ในที่สุด ทรง แสดงพระองค์แก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนก�ำหนดด้วย

พระวรสาร

ฉลอง น.ฟีลิป และ น.ยากอบ อัครสาวก สดด 19:1-2,3-4ก

ยน 14:6-14

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสตอบโทมัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มี ใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดา ของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว” ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดท�ำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีก หรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดท�ำให้พวกเราได้เห็น พระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราด�ำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงด�ำรงอยู่ใน เรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้สถิตใน เราทรงกระท�ำกิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราด�ำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงด�ำรงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อย ท่านทัง้ หลายจงเชือ่ เพราะกิจการเหล่านีเ้ ถิด เราบอกความจริงกับท่านทัง้ หลายว่า ผูท้ เี่ ชือ่ ในเรา ก็จะท�ำกิจการ ทีเ่ ราก�ำลังท�ำอยูด่ ว้ ย และจะท�ำกิจการทีใ่ หญ่กว่านัน้ อีก เพราะเราก�ำลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิง่ ใดทีท่ า่ นทัง้ หลาย ขอในนามของเรา เราจะท�ำสิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดใน นามของเรา เราจะท�ำให้” ปลายทางชีวิตพระเยซูเป็นความพ่ายแพ้..กางเขนและความตาย...ห่างไกลจากความส�ำเร็จ...ความ ร�่ำรวย...และเกียรติอ�ำนาจ พระองค์ผู้ทรงเป็นหนทาง ความจริง และชีวิตผู้นี้เฝ้าประกาศว่า ความรักเป็นอานุภาพ สูงสุดที่บันดาลก่อเกิดให้ชีวิตและจักรวาล และเป็นความรักนี่เองที่ค�้ำจุนโลกให้คงอยู่และอบอุ่น ทรงประกาศทั้งด้วย ชีวิต และความตายของพระองค์...ทรงก้าวเดินทุกย่างก้าว ในสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นกับพระบิดา เราด�ำรงอยู่ในพระ บิดา พระบิดาทรงด�ำรงอยู่ในเรา ผู้ที่เห็นเราก็เห็นพระบิดาด้วย แรงบันดาลใจประการเดียวที่น�ำพระองค์ไปสู่กางเขน และความตาย คือความรักและภักดีต่อพระบิดา อย่าให้เป็นไปตามน�้ำใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของ พระองค์


บทอ่านที่ 1

กจ 17:15,22-18:1

ในครั้งนั้น เพื่อนร่วมทางพาเปาโลไปถึงกรุงเอเธนส์ แล้วเดินทางกลับพร้อมกับค�ำ สั่งของเปาโลให้สิลาสและทิโมธีรีบเดินทางไปสมทบโดยเร็วที่สุด เปาโลยืนอยูต่ รงกลางทีป่ ระชุมอภิรฐั สภา พูดว่า “ชาวเอเธนส์ทงั้ หลาย ข้าพเจ้าพบ ว่าท่านมีความเลือ่ มใสในศาสนามากจริงๆ เมือ่ ข้าพเจ้าเดินชมเมืองสังเกตเห็นปูชนียวัตถุ ต่างๆ ของท่าน พบแท่นบูชาแท่นหนึ่งมีค�ำจารึกว่า “แด่พระเจ้าที่เราไม่รู้จัก” ข้าพเจ้ามา ประกาศให้ท่านรู้จักพระเจ้าองค์นี้ที่ท่านเคารพทั้งๆ ที่ท่านไม่รู้จัก สัปดาห์ที่ 6 พระองค์คอื พระเจ้าผูท้ รงสร้างโลกและทรงสร้างทุกสิง่ ทีอ่ ยูใ่ นโลก พระองค์ทรงเป็น เทศกาลปัสกา เจ้านายของสวรรค์และแผ่นดิน พระองค์ไม่สถิตในวิหารทีม่ อื มนุษย์สร้างขึน้ พระองค์ไม่ สดด 148:1-14 ทรงต้องการการปรนนิบตั จิ ากมือมนุษย์ ประหนึง่ ว่าทรงขาดสิง่ ใดสิง่ หนึง่ เพราะพระองค์ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ทรงเป็นผูป้ ระทานชีวติ ลมหายใจและทุกสิง่ ให้แก่มนุษย์ทกุ คน พระองค์ทรงท�ำให้มนุษย์ ทุกชาติสืบเชื้อสายมาจากมนุษย์คนเดียว และทรงท�ำให้เขาทั้งหลายอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน โดยทรงก�ำหนดช่วงเวลาและขอบเขตให้เขาอยู่ พระเจ้าทรงกระท�ำดังนี้เพื่อให้มนุษย์ แสวงหาพระเจ้า เขาพบพระองค์ได้ แม้จะต้องคล�ำหา เพราะพระองค์ทรงอยูไ่ ม่หา่ งจากเราแต่ละคน เรามีชวี ติ เคลื่อนไหวและมีความเป็นอยู่ในพระองค์ ดังที่กวีบางคนของท่านกล่าวไว้ว่า “พวกเราเป็นบุตรของพระองค์” เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงไม่ควรคิดว่า พระเจ้าทรงเป็นเหมือนรูปทองค�ำ เงินหรือหิน ซึ่งแกะสลัก อย่างมีศิลปะตามจินตนาการของมนุษย์ บัดนี้ พระเจ้าทรงมองข้ามเวลาในอดีตเมื่อมนุษย์ยังไม่มีความรู้ พระองค์ทรงบัญชาให้มนุษย์ทกุ คนทัว่ ทุกแห่งกลับใจ เพราะพระองค์ทรงก�ำหนดวันหนึง่ ไว้เมือ่ จะทรงพิพากษา โลกด้วยความยุติธรรม โดยผ่านมนุษย์ผู้หนึ่งที่พระองค์ทรงแต่งตั้งและทรงรับรองต่อมนุษย์ทุกคนโดยทรง ท�ำให้ผู้นี้กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตาย” เมือ่ เขาเหล่านัน้ ฟังค�ำพูดเรือ่ งการกลับคืนชีวติ ของบรรดาผูต้ าย บางคนหัวเราะเยาะ บางคนพูดว่า “รอไว้ ฟังเรือ่ งนีจ้ ากท่านในคราวหน้าก็แล้วกัน” เปาโลจึงออกไปจากทีป่ ระชุมสภา แม้กระนัน้ บางคนก็ยงั ติดตามเปาโล และมีความเชือ่ คือ ดีโอนีซอี สั สมาชิกอภิรฐั สภา และสตรีคนหนึง่ ชือ่ ดามาริส รวมทัง้ คนอืน่ อีกจ�ำนวนหนึง่ ด้วย หลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์

พระวรสาร

ยน 16:12-15

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรายังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกท่าน แต่บัดนี้ท่านยังรับไว้ ไม่ได้ เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงน�ำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล พระองค์จะไม่ตรัสโดย พระองค์เอง แต่จะตรัสทุกสิ่งที่ทรงได้ฟังมา และจะทรงแจ้งให้ท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรงให้ เราได้รบั พระสิรริ งุ่ โรจน์ เพราะพระองค์จะทรงแจ้งให้ทา่ นรูค้ ำ� สอนทีท่ รงได้รบั จากเรา ทุกสิง่ ทีพ่ ระบิดาทรงมีนนั้ ก็เป็นของเราด้วย ดังนั้น เราจึงบอกว่า พระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้ค�ำสอนที่ทรงรับจากเรา” พระองค์มิเป็นเพียงพระผู้สร้าง แต่เป็นพระเจ้าผู้เฝ้าดูแลสิ่งสร้างของพระองค์ ด้วยความรักห่วงใย.. ไม่เคยมีสงิ่ ใดตกหล่นหรือขาดหาย..ไม่เคยมีวนั เวลาใด ทีพ่ ลาดสาย ทรงน�ำพาเขาในทุกย่างก้าว...เป็นมารดาทีอ่ บอุน่ ใน วันนั้นที่เขาอ่อนเยาว์...เป็นเพื่อนที่เดินเคียงข้าง ในวันนั้นที่เขาเปลี่ยวเหงา ทรงเป็นดวงตะวัน ในวันที่เมฆหมอกหนา ทึบ และในวันเวลาของพระองค์...ทรงเป็นพระจิตแห่งความจริง..น�ำพาเขาเข้าสูค่ วามจริงทีก่ ว้างไกล เกินปัญญามนุษย์ จะไขว่คว้า...มิเคยหลงลืม และปล่อยเขาให้ก�ำพร้า


บทอ่านที่ 1

กจ 18:1-8

หลังจำกนั้น เปำโลออกจำกกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์ เขำพบชำวยิวคนหนึ่ง ชื่อ อำควิลำ ชำวแคว้นปอนทัส เพิ่งมำจำกอิตำลีพร้อมกับภรรยำชื่อปริสซิลลำ เพรำะพระ จักรพรรดิคลำวดิอัสทรงออกพระรำชกฤษฎีกำให้ชำวยิวทุกคนออกจำกกรุงโรม เปำโล ไปพบเขำทั้งสองคน พักอยู่และท�ำงำนร่วมกัน เพรำะมีอำชีพเดียวกันคือเป็นช่ำงท�ำ กระโจม ทุกวันสับบำโตเปำโลถกเถียงในศำลำธรรม พยำยำมชักชวนชำวยิวและชำว กรีกให้มีควำมเชื่อ เมื่อสิลำสและทิโมธีกลับมำจำกแคว้นมำซิโดเนียแล้ว เปำโลอุทิศตนเต็มที่ในกำร ประกำศพระวำจำเป็นพยำนยืนยันแก่ชำวยิวว่ำ พระเยซูเป็นพระคริสตเจ้ำ แต่เมื่อชำว ยิวเหล่ำนั้นต่อต้ำนและพูดดูหมิ่นพระเจ้ำ เปำโลก็สะบัดฝุ่นจำกเสื้อผ้ำเป็นกำรตอบโต้ พูดกับเขำว่ำ “ถ้ำท่ำนไม่รอดพ้น ก็เป็นเรื่องของท่ำน ข้ำพเจ้ำไม่รับผิดชอบแล้ว ตั้งแต่ นี้ไปข้ำพเจ้ำจะไปหำคนต่ำงศำสนำ” เปำโลออกจำกศำลำธรรมไปยังบ้ำนของทิธอี สั ยุสตัส ผูเ้ ลือ่ มใสในพระเจ้ำ บ้ำนของ เขำอยูต่ ดิ กับศำลำธรรม คริสปัสหัวหน้ำศำลำธรรมและทุกคนในครอบครัวมีควำมเชือ่ ใน องค์พระผู้เป็นเจ้ำ ชำวโครินธ์หลำยคนที่ฟังเปำโล ก็มีควำมเชื่อและรับศีลล้ำงบำปด้วย

พระวรสาร

ยน 16:16-20

เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “อีกไม่นำน ท่ำนทั้งหลำยจะไม่เห็นเรำ และต่อไปไม่นำน ท่ำนจะเห็นเรำอีก” ศิษย์บำงคนจึงถำมกันว่ำ “ที่พระองค์ตรัสกับเรำว่ำ ‘อีกไม่นำน ท่ำนจะไม่เห็นเรำ แล้วต่อไปไม่นำน ท่ำนจะเห็นเรำอีก’ หมำยควำมว่ำอย่ำงไร และที่พระองค์ตรัสว่ำ ‘เรำ ก�ำลังไปเฝ้ำพระบิดำ’ หมำยควำมว่ำอย่ำงไร” เขำพูดกันอีกว่ำ “ที่พระองค์ตรัสว่ำ ‘อีก ไม่นำน’ นั้นหมำยควำมว่ำอย่ำงไร เรำไม่เข้ำใจว่ำพระองค์ก�ำลังตรัสอะไร” พระเยซูเจ้ำ ทรงทรำบว่ำบรรดำศิษย์ต้องกำรทูลถำมพระองค์ จึงตรัสว่ำ “ท่ำนก�ำลังถำมกันใช่ไหม ถึงเรื่องที่เรำบอกว่ำ อีกไม่นำนท่ำนจะไม่เห็นเรำ แล้วต่อไปไม่นำนท่ำนจะเห็นเรำอีก เรำบอกควำมจริงกับท่ำนทัง้ หลำยว่ำ ท่ำนจะร้องไห้ คร�ำ่ ครวญ แต่โลกจะยินดี ท่ำน จะเศร้ำโศก แต่ควำมเศร้ำโศกของท่ำนจะเปลี่ยนเป็นควำมยินดี” ในวันที่เมฆหมอกหนาทึบ ดวงตะวันดูขาดหายไปจากสายตา... แต่ไม่เคยห่าง หายไปจากท้องฟ้า ดวงตะวันผูส้ ตั ย์ซอื่ ยังคงฉายส่อง เพือ่ ให้ชวี ติ และความอบอุน่ แก่ผนื แผ่นดิน แม้ในวันนั้น ที่ไม่มีใครมองเห็นคุณค่า ในค�่าคืนเดือนมืด รัตติกาลดูไร้เงาจันทร์ แต่ก็ไม่เคยไร้สิ้นแสงดาว และเมื่อหันมองดูการ เดินทางทีเ่ หนือ่ ยยากและยาวไกล...รอยเท้าคูเ่ ดียวคูน่ นั้ ทีห่ ลงเหลืออยู ่ กระซิบบอกถึงความโดด เดี่ยวอ้างว้าง แต่วันเวลาก็พิสูจน์ว่า เป็นรอยเท้าของพระเจ้าที่ก้าวเดิน...อุ้มลูกของพระองค์ อย่างอบอุน่ ...เดินผ่านมรสุมและความตาย ดวงตาจึงเปิดออก...มองเห็นความเศร้าทีแ่ ปรเปลีย่ น เป็นความสุขยินดี

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา สดด 98:1-2,3-4 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2 วันฉัตรมงคล


สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา สดด 47:1-2,3-4,5-7 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1

กจ 18:9-18

พระวรสาร

ยน 16:20-23ก

คืนหนึ่ง องค์พระผู้เป็นเจ้ำตรัสแก่เปำโลในนิมิตว่ำ “อย่ำกลัว จงพูดต่อไป อย่ำ เงียบเลย เพรำะเรำอยู่กับท่ำน ไม่มีใครกล้ำท�ำร้ำยท่ำน เพรำะหลำยคนในเมืองนี้เป็น ประชำกรของเรำแล้ว” เปำโลพักอยู่ที่นั่นและสั่งสอนพระวำจำของพระเจ้ำแก่ชำวเมือง นั้นเป็นเวลำหนึ่งปีหกเดือน ขณะที่กัลลิโอเป็นผู้ว่ำรำชกำรแคว้นอำคำยำ ชำวยิวช่วยกันจู่โจมจับเปำโลและ น�ำเขำไปขึ้นศำล กล่ำวฟ้องว่ำ “ชำยผู้นี้ชักชวนประชำชนให้นมัสกำรพระเจ้ำอย่ำงผิด กฎหมำย” เปำโลก�ำลังจะกล่ำวตอบ กัลลิโอก็พูดกับชำวยิวว่ำ “ชำวยิวเอ๋ย ถ้ำเป็นเรื่อง อำชญำกรรมหรือกำรฉ้อฉลเลวร้ำย ข้ำพเจ้ำยินดีจะรับฟังค�ำร้องของท่ำนอย่ำงแน่นอน แต่ ถ้ำเป็นเพียงปัญหำเรือ่ งค�ำสอน เรือ่ งถ้อยค�ำ เรือ่ งชือ่ และเรือ่ งธรรมบัญญัตขิ องท่ำน ท่ำน จงไปจัดกำรกันเองเถิด ข้ำพเจ้ำไม่ต้องกำรเป็นผู้พิพำกษำตัดสินในเรื่องเช่นนี้” กัลลิโอ จึงสัง่ ชำวยิวเหล่ำนัน้ ให้ออกไปจำกศำล ทุกคนจับโสสเธเนสหัวหน้ำศำลำธรรม และโบย ตีต่อหน้ำศำล แต่กัลลิโอมิได้สนใจเลย เปำโลพักอยูใ่ นเมืองโครินธ์อกี หลำยวัน กล่ำวลำบรรดำพีน่ อ้ ง แล่นเรือไปยังแคว้น ซีเรีย พร้อมกับปริสซิลลำและอำควิลำ ก่อนออกเรือที่เมืองเคนเครียเปำโลโกนศีรษะ เพรำะได้บนขอไว้ เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “เรำบอกควำมจริงกับท่ำนทัง้ หลำยว่ำ ท่ำนจะร้องไห้ คร�ำ่ ครวญ แต่โลกจะยินดี ท่ำน จะเศร้ำโศก แต่ควำมเศร้ำโศกของท่ำนจะเปลี่ยนเป็นควำมยินดี หญิงที่ก�ำลังจะคลอด บุตรย่อมมีควำมทุกข์ เพรำะถึงเวลำของนำงแล้ว แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นำงก็จ�ำควำม ทุกข์ไม่ได้อีกต่อไป เพรำะควำมยินดีที่มนุษย์คนหนึ่งเกิดมำในโลก ท่ำนทั้งหลำยก็เช่น เดียวกัน บัดนี้ท่ำนมีควำมทุกข์ แต่เรำจะเห็นท่ำนอีก และใจของท่ำนจะยินดี ไม่มีใคร น�ำควำมยินดีไปจำกท่ำนได้ วันนั้น ท่ำนทั้งหลำยจะไม่ถำมอะไรจำกเรำอีก” บนเส้นทางแห่งกางเขน...ความบาดเจ็บและโดดเดีย่ วอาจดูโดดเด่น แต่...ไม่เคย มีกางเขนใดที่ปราศจากพระคริสตเจ้า และไม่มีพระคริสตเจ้าใดที่ปราศจากกางเขน เพื่อจะพบ กับพระองค์ ศิษย์ไม่อาจเลือกเดินเส้นทางอื่นใด นอกจากเส้นทางที่พระองค์ได้ก้าวเดิน... ทาง กางเขน ณ ทีซ่ งึ่ ปลายทาง...เขาจะพบเจอสัจธรรมพลิกผัน ทีค่ วามทุกข์จะแปรเปลีย่ นเป็นความ สุขยินดี กางเขนอาจดูน่ากลัวส�าหรับหัวใจมนุษย์ที่เปราะบาง อาจมีค�าถามมากมายที่ไม่เคยได้ รับค�าตอบ อาจมีข้อสงสัยมากมายที่ไม่เคยได้รับค�าอธิบาย แต่...จะมีค�าตอบและค�าอธิบายใด ที่ท�าให้หัวใจของเขาอิ่มสุข นอกจากค�าตอบและค�าอธิบายที่มาจากการพบเจอความรักที่ไม่เคย เปลี่ยนแปลงของพระองค์ ผู้ทรงก้าวเดินไปกับเขา และมีสิ่งเดียวที่เขาสามารถท�าได้เพื่อสัมผัส กับความอิม่ สุขของชีวติ ... คือการก้าวเดินไปด้วยความเชือ่ มัน่ ในความรักนิรนั ดร์กาลของพระองค์


บทอ่านที่ 1

กจ 18:23-28

หลังจำกอยู่ในเมืองอันทิโอกระยะหนึ่ง เปำโลออกจำกที่นั่น เดินทำงไปทั่วแคว้น กำลำเทียและฟรีเจียเพื่อท�ำให้บรรดำศิษย์มีควำมเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้น ในช่วงเวลำนั้น ชำวยิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล ชำวเมืองอเล็กซำนเดรีย มำที่เมือง เอเฟซัส เขำรอบรู้พระคัมภีร์ มีวำทศิลป ได้รับกำรสั่งสอนเรื่องวิถีทำงขององค์พระผู้ เป็นเจ้ำ มีจิตใจกระตือรือร้นมำกในกำรพูดและกำรสอนเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูเจ้ำอย่ำง ถูกต้อง แต่รู้จักเพียงพิธีล้ำงของยอห์นเท่ำนั้น เขำเริ่มเทศน์สอนอย่ำงกล้ำหำญในศำลำ ธรรม ปริสซิลลำและอำควิลำได้ฟงั จึงเชิญเขำไปทีบ่ ำ้ นและอธิบำยให้เขำเข้ำใจวิถที ำงของ พระเจ้ำอย่ำงละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น อปอลโลต้องกำรไปยังแคว้นอำคำยำ บรรดำพีน่ อ้ งก็ให้กำ� ลังใจและเขียนจดหมำย ถึงบรรดำศิษย์ทนี่ นั่ ให้ตอ้ นรับเขำ เมือ่ ไปถึง อปอลโลให้ควำมช่วยเหลืออย่ำงมำกแก่ผทู้ ี่ พระเจ้ำทรงบันดำลให้มคี วำมเชือ่ เขำตอบโต้อย่ำงแข็งขันกับชำวยิวต่อหน้ำคนทัง้ หลำย โดยอ้ำงข้อควำมจำกพระคัมภีร์พิสูจน์ว่ำพระเยซูเจ้ำเป็นพระคริสตเจ้ำ

พระวรสาร

ยน 16:23ข-28

เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “เรำบอกควำมจริงแก่ท่ำนทั้งหลำยว่ำ ท่ำนจะขอสิ่งใดจำกพระบิดำ พระองค์จะ ประทำนให้ท่ำนในนำมของเรำ จนถึงบัดนี้ ท่ำนยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนำมของเรำเลย จง ขอเถิด แล้วท่ำนจะได้รบั เพือ่ ควำมยินดีของท่ำนจะสมบูรณ์ เรำใช้อปุ มำบอกเรือ่ งเหล่ำ นี้กับท่ำน จะถึงเวลำที่เรำจะไม่ใช้อุปมำพูดกับท่ำนอีก แต่จะบอกถึงพระบิดำของเรำให้ ท่ำนรูอ้ ย่ำงชัดแจ้ง วันนั้น ท่ำนจะขอในนำมของเรำ เรำไม่บอกท่ำนว่ำ เรำจะขอพระบิดำ เพื่อท่ำน พระบิดำทรงรักท่ำน เพรำะท่ำนรักเรำ และเชื่อว่ำเรำมำจำกพระเจ้ำ เรำมำจำก พระบิดำ เข้ำมำในโลกนี้ บัดนี้ เรำก�ำลังจะละโลกนี้กลับไปเฝ้ำพระบิดำอีก” จะมาถึงวันนั้นที่ไม่มีค�าถามที่ต้องการค�าตอบ และไม่มีข้อสงสัยที่ต้องการค�า อธิบาย เพราะทุกสิ่งชัดเจนว่าพระองค์เป็นใคร และมนุษย์เป็นใคร สัมพันธภาพที่คลุมเครือใน ขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์จะปรากฏแจ้งจากการเผยแสดงของพระองค์ และบัดนี้ ประตูสู่ ความจริงได้ถูกเปิดออกแล้ว ชื่อจริงของพระเจ้าคือบิดา หัวใจของพระองค์คือความรัก มนุษย์จึงมิใช่ใครอื่น แต่เป็น บุตรชายหญิงของพระองค์ ที่ไม่เคยสงสัยในความรักมั่นคงของพระองค์ ในสัมพันธภาพแห่ง พ่อลูก เขาสามารถก้าวเดินอย่างมีความสุขและมั่นคงปลอดภัย เขาสามารถเคลื่อนไหวในบ้าน พ่ออย่างอิสระ ปราศจากความหวาดกลัวใดๆ เพราะแท้ที่จริงแล้ว เขาเป็นลูกของพ่อในบ้าน และมิใช่..คนใช้ในบ้านพ่อ

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา สดด 47:1-2,8-9 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก

สมโภช พระเยซูเจา เสด็จสู่สวรรค์

กจ 1:1-11

เธโอฟีลสั ทีร่ กั ในหนังสือเล่มแรก ข้ำพเจ้ำเล่ำถึงทุกสิง่ ทีพ่ ระเยซูเจ้ำทรงกระท�ำและ ทรงสัง่ สอน เริม่ ตัง้ แต่ตน้ จนกระทัง่ ถึงวันทีพ่ ระองค์ทรงได้รบั กำรยกขึน้ สวรรค์ หลังจำก ทีท่ รงแนะน�ำสัง่ สอนบรรดำอัครสำวกทีท่ รงเลือกสรรโดยทำงพระจิตเจ้ำ พระเยซูเจ้ำทรง แสดงพระองค์แก่อัครสำวกเหล่ำนั้น และทรงพิสูจน์ด้วยวิธีกำรต่ำงๆ ว่ำหลังจำกทรงรับ ทุกข์ทรมำนแล้ว พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ตลอดเวลำสี่สิบวันที่พระองค์ทรงแสดง พระองค์แก่เขำทั้งหลำย ทรงกล่ำวถึงพระอำณำจักรของพระเจ้ำ ขณะที่ทรงร่วมโต๊ะกับ เขำ พระองค์ทรงก�ำชับว่ำ “อย่ำออกจำกกรุงเยรูซำเล็ม แต่จงคอยรับพระพรที่พระบิดำ ทรงสัญญำไว้ ดังที่ท่ำนได้ยินจำกเรำ ยอห์นท�ำพิธีล้ำงด้วยน�้ำ แต่ภำยในไม่กี่วัน ท่ำนจะ ได้รับพิธีล้ำงเดชะพระจิตเจ้ำ ผูท้ มี่ ำชุมนุมกับพระเยซูเจ้ำทูลถำมพระองค์วำ่ “พระเจ้ำข้ำ พระองค์จะทรงสถำปนำ อำณำจักรอิสรำเอลอีกครัง้ หนึง่ ในเวลำนีห้ รือ” พระองค์ตรัสตอบว่ำ “ไม่ใช่ธรุ ะของท่ำน ทีจ่ ะรูว้ นั เวลำทีพ่ ระบิดำทรงก�ำหนดไว้โดยอ�ำนำจของพระองค์ แต่พระจิตเจ้ำจะเสด็จลง มำเหนือท่ำน และท่ำนจะรับอำนุภำพเพือ่ จะเป็นพยำนถึงเรำในกรุงเยรูซำเล็ม ทัว่ แคว้น ยูเดีย แคว้นสะมำเรียจนถึงสุดปลำยแผ่นดิน เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ต่อหน้ำเขำทั้งหลำย เมฆบังพระองค์ จำกสำยตำของเขำ เขำยังคงจ้องมองท้องฟ้ำขณะที่พระองค์ทรงจำกไป ทันใดนั้นมีชำย สองคนสวมเสื้อขำวปรำกฏแก่เขำ กล่ำวว่ำ “ชำวกำลิลีเอ๋ย ท่ำนทั้งหลำยยืนแหงนมอง ท้องฟ้ำอยู่ท�ำไม พระเยซูเจ้ำพระองค์น้ีที่เสด็จสู่สวรรค์ จะเสด็จกลับมำเช่นเดียวกับที่ ท่ำนทั้งหลำยเห็นพระองค์ทรงจำกไปสู่สวรรค์”

เพลงสดุดี

สดด 47:1-2,5-6,7-8

ก) ประชำกรทั้งหลำย จงปรบมือเถิด จงเปล่งเสียงโห่ร้องถวำยพระเจ้ำด้วยควำมยินดี เพรำะองค์พระผู้เป็นเจ้ำพระเจ้ำสูงสุด ทรงน่ำเกรงขำม ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือทั่วแผ่นดิน ข) พระเจ้ำเสด็จขึ้นขณะที่มีเสียงโห่ร้องถวำยชัย องค์พระผู้เป็นเจ้ำเสด็จไปขณะที่มีเสียงเป่ำเขำสัตว์ จงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้ำ จงร้องเพลงเถิด จงร้องเพลงถวำยกษัตริย์ของเรำ จงร้องเพลง ค) เพรำะพระเจ้ำทรงเป็นกษัตริย์ปกครองทั่วแผ่นดิน จงร้องเพลงไพเรำะถวำยพรพระองค์เถิด พระเจ้ำทรงปกครองเหนือนำนำชำติ พระเจ้ำประทับอยู่บนพระบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 1:17-23

พีน่ อ้ ง ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา พระบิดาผูท้ รงพระสิรริ งุ่ โรจน์ประทาน พระพรแห่งปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้า เพื่อท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ยิ่งๆ ขึ้น ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึน้ เพือ่ จะรูว้ า่ พระองค์ทรงเรียกท่านให้มคี วามหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงใด อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพ ยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นล�้ำเลิศเพียงใด พระอานุภาพและพละก�ำลังนี้ พระองค์ทรง แสดงในองค์พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบือ้ งขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอ�ำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกร นายและเหนือนามทัง้ ปวงทีอ่ าจเรียกขานได้ทงั้ ในยุคนีแ้ ละในยุคหน้า พระเจ้าทรงวางทุกสิง่ ไว้ใต้พระบาท ของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่ง เป็นพระวรกายของพระองค์ เป็นความบริบรู ณ์ของพระผูท้ รงอยูใ่ นทุกสิง่ และทรงกระท�ำให้ทกุ สิง่ บริบรู ณ์

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 24:46-53

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “มีเขียนไว้ดังนี้ว่า พระคริสตเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ ตายในวันที่สาม จะต้องประกาศในพระนามพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาปโดยเริ่มจากกรุง เยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้ บัดนี้ เราก�ำลังจะส่งพระผูท้ พี่ ระบิดาทรงสัญญาไว้มาเหนือท่านทัง้ หลาย เพราะฉะนัน้ ท่านจงคอยอยู่ ในกรุงจนกว่าท่านจะได้รับพระอานุภาพปกคลุมจากเบื้องบน” พระองค์ทรงน�ำบรรดาศิษย์ออกไปใกล้หมูบ่ า้ นเบธานี ทรงยกพระหัตถ์ขนึ้ อวยพระพร และขณะทีท่ รง อวยพระพรนัน้ พระองค์ทรงแยกไปจากเขา และทรงถูกน�ำขึน้ สูส่ วรรค์ บรรดาศิษย์กราบนมัสการพระองค์ แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้า

ชีวิตเต็มไปด้วยผู้คนเข้าออกมากมาย มีคนเกิดและคนตาย แต่สิ่งสุดท้ายของชีวิตดูจะเป็นความ ตาย... นี่คือสิ่งที่อยู่ในความคิดของสาวกเมื่อบ่ายเย็นวันศุกร์...ความตายของพระเยซู หมายถึงอนาคตที่หมดหวัง ของบรรดาศิษย์ที่กระจัดกระจาย..ไร้ทิศทาง เช้าตรู่วันอาทิตย์...แสงทองเริ่มฉายส่อง...ความหวังของพวกเขาได้ เกิดใหม่..ในการกลับคืนพระชนมชีพของพระอาจารย์ แต่หลังจาก 40 วัน พวกเขาจ�ำต้องพบกับการพลัดพรากอีกครัง้ ...พระองค์จะกลับคืนสูพ่ ระบิดา...บทสุดท้าย ของภารกิจบนผืนแผ่นดินได้จบลง และ...บทใหม่ของกาลเวลาได้เริม่ ขึน้ พระองค์ทรงน�ำพวกเขาไปยังเบธานี ทรง ยกพระหัตถ์ อวยพรพวกเขา...ทรงจากพวกเขาไปสูส่ วรรค์ทจี่ ากมา ขบวนแห่งการประจักษ์ได้กา้ วเดินสูโ่ ค้งสุดท้าย แต่...ขบวนใหม่แห่งพระจิตเจ้าก�ำลังเริ่มขึ้น


สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา สดด 68:1-2,3-4, 5-6ก ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1

กจ 19:1-8

พระวรสาร

ยน 16:29-33

ขณะทีอ่ ปอลโลยังอยูท่ เี่ มืองโครินธ์ เปำโลเดินทำงผ่ำนทีร่ ำบสูงมำถึงเมืองเอเฟซัส พบศิษย์บำงคน จึงถำมว่ำ “เมือ่ ท่ำนทัง้ หลำยมีควำมเชือ่ นัน้ ท่ำนได้รบั พระจิตเจ้ำหรือไม่” เขำตอบว่ำ “พวกเรำยังไม่เคยได้ยินด้วยซ�้ำไปว่ำมีพระจิตเจ้ำ” เปำโลจึงถำมว่ำ “แล้วท่ำนได้รับพิธีล้ำงแบบใด” เขำตอบว่ำ “พิธีล้ำงของยอห์น” เปำโลจึงกล่ำวว่ำ “ยอห์นท�ำพิธีล้ำงแสดงกำรกลับใจ โดยบอกประชำชนให้เชื่อ ผู้ที่จะเสด็จมำภำยหลังคือพระเยซูเจ้ำ” เมื่อเขำเหล่ำนั้นได้ฟังดังนี้ก็ได้รับศีลล้ำงบำป เดชะพระนำมพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้ำ เปำโลปกมือเหนือเขำ พระจิตเจ้ำก็เสด็จลงมำ ประทับอยูด่ ว้ ย เขำจึงพูดภำษำทีไ่ ม่มใี ครเข้ำใจและกล่ำวค�ำท�ำนำย คนกลุม่ นีม้ ปี ระมำณ สิบสองคน เปำโลเข้ำไปในศำลำธรรมและเทศน์สอนอย่ำงกล้ำหำญตลอดเวลำสำมเดือน ใช้ เหตุผลหว่ำนล้อมผู้ฟังให้เชื่อเรื่องพระอำณำจักรของพระเจ้ำ เวลำนั้น บรรดำศิษย์ทูลพระเยซูเจ้ำว่ำ “ใช่แล้ว บัดนี้พระองค์ตรัสอย่ำงชัดแจ้ง มิได้ใช้อุปมำใดๆ บัดนี้พวกเรำรู้ว่ำพระองค์ทรงทรำบทุกสิ่ง และไม่จ�ำเป็นที่ใครจะทูล ถำมพระองค์อีก ดังนั้น เรำจึงเชื่อว่ำพระองค์ทรงมำจำกพระเจ้ำ” พระเยซูเจ้ำตรัสว่ำ “บัดนี้ ท่ำนทั้งหลำยเชื่อแล้วหรือ จะถึงเวลำ และเวลำนั้นก็ มำถึงแล้วที่ท่ำนทั้งหลำยจะกระจัดกระจำยไปคนละทิศคนละทำง และจะทิ้งเรำไว้คน เดียว แต่เรำไม่อยู่คนเดียว เพรำะพระบิดำทรงอยู่กับเรำ เรำบอกเรื่องเหล่ำนี้กับท่ำน แล้ว เพื่อท่ำนจะได้มีสันติสุขในเรำ ในโลกนี้ ท่ำนจะมีควำมทุกข์ยำก แต่อย่ำท้อแท้ เรำชนะโลกแล้ว” แม้ศิษย์ของพระเยซูได้ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งความเชื่อมั่นในพระองค์ บน เส้นทางนี้ เขายังคงพบเจอการทรยศ...การทอดทิ้งของตนเองในหลายช่วงตอน แต่...บนเส้น ทางสายเดียวกันนี้...เขาก็ยังคงพบเจอความรักที่ไม่เคยจืดจางของพระองค์ พระองค์ทรงรับรู้ถึงความเปราะบางของเขา...ทรงล่วงรู้ถึงวันนั้นที่พวกเขาจะกระจัด กระจายไปคนละทิศคนละทาง และทิ้งพระองค์ไว้อย่างโดดเดี่ยว แต่...พระองค์ยังคงรักเขา... และยังคงวางไว้ใจในตัวเขา เป็นการยากมากส�าหรับหัวใจมนุษย์ที่จะให้อภัย และยังคงเก็บ รักษาความวางไว้ใจเดิมให้คงอยู่ แต่...หัวใจของพระเยซูผู้นี้ยังคงเก็บรักษาความวางไว้ใจ ให้ คงอยู่ในระดับเดิม... โดยมิต้องการการเติมให้เต็ม แม้จะต้องให้อภัยมากมายหลายหน แต่ยัง คงเชื่อไว้ใจว่าเขาจะกลับคืน...และเริ่มต้นใหม่ได้


บทอ่านที่ 1

กจ 20:17-27

ในครั้งนั้น เปาโลส่งคนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส เพื่อเชิญบรรดาผู้ อาวุโสของพระศาสนจักรมาพบ เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึง เปาโลพูดว่า “ท่านทั้งหลายรู้ว่า ตลอดเวลาตัง้ แต่วนั แรกทีข่ า้ พเจ้าเข้ามาในแคว้นอาเซีย ข้าพเจ้าปฏิบตั ติ นต่อท่านอย่างไร ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าด้วยความถ่อมตนอย่างยิง่ ข้าพเจ้าต้องร�ำ่ ไห้เป็นทุกข์และ เสีย่ งชีวติ จากการทีช่ าวยิววางแผนปองร้ายข้าพเจ้า ท่านทัง้ หลายรูว้ า่ ข้าพเจ้าไม่เคยละเลย สิง่ ใดทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ ท่าน ไม่เคยหยุดเทศน์ และยังสอนท่านในทีส่ าธารณะและตาม บ้าน... บัดนี้ ข้าพเจ้าก�ำลังจะไปกรุงเยรูซาเล็มตามพระบัญชาของพระจิตเจ้า ไม่รู้ว่าสิ่ง ใดจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้เพียงว่าพระจิตเจ้าทรงเตือนข้าพเจ้าในทุกๆ เมืองว่า โซ่ตรวนและความยากล�ำบากก�ำลังรอข้าพเจ้าอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าชีวิตของข้าพเจ้า มีค่า ส�ำหรับข้าพเจ้าเท่ากับการที่ข้าพเจ้าได้วิ่งถึงปลายทางและท�ำให้ภารกิจที่ได้รับมอบ หมายจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าส�ำเร็จไป คือการเป็นพยานประกาศข่าวดีแห่งพระ หรรษทานของพระเจ้า...

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา สดด 68:9-10,19-20 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

ยน 17:1-11ก

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ถึงเวลาแล้ว โปรดประทานพระสิริรุ่งโรจน์แก่พระบุตรของพระองค์เถิด เพื่อพระองค์ จะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระบุตร ดังที่พระองค์ได้ประทานอ�ำนาจแก่พระบุตรเหนือมนุษย์ทั้งมวล เพื่อ พระบุตรจะได้ประทานชีวิตนิรันดรแก่ทุกคนที่พระองค์ทรงมอบให้ ชีวิตนิรันดรคือ การรู้จักพระองค์ พระเจ้า แท้จริงแต่พระองค์เดียว และรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา คือพระเยซูคริสตเจ้า ข้าพเจ้าท�ำให้พระองค์ทรงได้รับ พระสิริรุ่งโรจน์ในโลกนี้แล้ว โดยปฏิบัติภารกิจจนส�ำเร็จตามที่ทรงมอบหมายแก่ข้าพเจ้า บัดนี้ พระบิดาเจ้าข้า โปรดประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ข้าพเจ้า พระสิริรุ่งโรจน์ที่ข้าพเจ้าเคยมีร่วมกับพระองค์ ตั้งแต่ก่อนสร้างโลก ข้าพเจ้าได้แสดงพระนามของพระองค์แก่มนุษย์ที่พระองค์ทรงน�ำจากโลกมามอบให้ข้าพเจ้า เขาทั้งหลายเป็น ของพระองค์ และพระองค์ทรงมอบเขาแก่ข้าพเจ้า เขาได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ บัดนี้ เขารู้แล้ว ว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้านั้นมาจากพระองค์ เพราะพระวาจาที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามอบให้เขาแล้ว เขาได้รับไว้ และรู้แน่นอนว่า ข้าพเจ้ามาจากพระองค์ และเขาก็เชื่อว่า พระองค์ทรง ส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาส�ำหรับเขาเหล่านี้ ข้าพเจ้ามิได้อธิษฐานภาวนาส�ำหรับโลก แต่ส�ำหรับผู้ ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้า เพราะเขาเป็นของพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของข้าพเจ้า ก็เป็นของพระองค์ ทุกสิ่ง ที่เป็นของพระองค์ ก็เป็นของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับสิริรุ่งโรจน์โดยทางเขา ข้าพเจ้าไม่อยู่ในโลกอีกต่อไป แต่เขายังอยู่ในโลก และข้าพเจ้าก�ำลังกลับไปเฝ้าพระองค์” เป้าหมายสูงสุดของชีวิตพระเยซู มิใช่เป็นความส�ำเร็จ..ร�่ำรวย...หรือเกียรติอ�ำนาจ แต่... เป็นกางเขน และความตาย ส�ำหรับชาวยิวกางเขนเป็นความน่าอับอาย ส�ำหรับชาวกรีกเป็นความโง่เขลา แต่..ส�ำหรับพระเยซูเจ้า กางเขนเป็นพระสิริรุ่งโรจน์ ภาพปรากฏแห่งกางเขนตะโกนก้องถึงความรักยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง กางเขนเป็นบท พิสูจน์ความรักที่ชัดแจ้งและทรงพลัง ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์...แม้กาลิกส์นี้จะขมขื่นนัก...ข้าพเจ้า ท�ำให้พระองค์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในโลกนี้ โดยปฏิบัติภารกิจจนส�ำเร็จตามที่ทรงมอบหมายแก่ข้าพเจ้า เป็นความรักในหัวใจทีน่ ำ� พาให้พระองค์กา้ วเดินสูก่ ลั วารีโอ หนทางกางเขนจึงมิใช่หนทางแห่งความตาย...แต่เป็น หนทางแห่งความรัก และเป็นความรักนี่เองที่ให้ความหวัง และชีวิตใหม่แก่มนุษยชาติ


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา สดด 68:28-29, 32-33,34-35 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร

กจ 20:28-38

เวลานั้น เปาโลกล่าวกับบรรดาผู้อาวุโสของพระศาสนจักรที่แห่งเมืองเอเฟซัสว่า “ท่านทั้งหลายจงดูแลตนเองและฝูงแกะที่พระจิตเจ้าทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นผู้ดูแล เพื่อ เลีย้ งดูพระศาสนจักรของพระเจ้าทีพ่ ระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตร ข้าพเจ้า รู้ว่าเมื่อข้าพเจ้าจากไปแล้ว สุนัขป่าดุร้ายจะเข้ามาในกลุ่มของท่านและจะท�ำร้ายฝูงแกะ แม้ในกลุม่ ของท่านก็จะมีบางคนลุกขึน้ กล่าวบิดเบือนความจริงเพือ่ โน้มน้าวบรรดาศิษย์ให้ ติดตามตน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังไว้เถิด จงระลึกว่าข้าพเจ้าไม่เคยหยุดเตือน ท่านแต่ละคนด้วยน�้ำตานองหน้าทั้งกลางวันกลางคืนตลอดเวลาสามปี บัดนี้ ข้าพเจ้าฝากท่านทั้งหลายไว้กับพระเจ้า และกับพระวาจาแห่งพระหรรษ ทานของพระองค์ พระวาจานี้สร้างพระศาสนจักรและประทานมรดกให้ท่านรับร่วมกับ บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้ ข้าพเจ้าไม่เคยอยากได้เงินทองหรือเสื้อผ้าของผู้ใด ท่าน ก็รู้แล้วว่าข้าพเจ้าท�ำงานด้วยมือทั้งสองนี้เพื่อสนองความต้องการของข้าพเจ้าและของ ผู้ที่อยู่ด้วย ข้าพเจ้าแสดงให้ท่านเห็นเสมอมาว่า เราต้องท�ำงานเช่นนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ อ่อนแอโดยระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่า ‘การให้ย่อมเป็นสุข มากกว่าการรับ’”...

ยน 17:11ข-19

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผูท้ ที่ รงมอบให้ขา้ พเจ้าไว้ในพระนามพระองค์ เพือ่ เขาจะ ได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกับพระองค์และข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาเขาเหล่านั้นไว้ในพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาไว้ และไม่มีผู้ใดพินาศ เว้นแต่ผู้ที่ ต้องพินาศ เพื่อให้เป็นจริงตามพระคัมภีร์ แต่บัดนี้ ข้าพเจ้าก�ำลังกลับไปเฝ้าพระองค์ ข้าพเจ้ากล่าววาจานี้ขณะ ที่ยังอยู่ในโลก เพื่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้าจะมีความยินดีของข้าพเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ข้าพเจ้า มอบพระวาจาของพระองค์ให้เขาเหล่านั้นแล้ว และโลกเกลียดชังเขา เพราะเขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียว กับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก ข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลก แต่วอนขอให้ทรงรักษา เขาให้พ้นจากมารร้าย เขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก โปรดบันดาลให้เขาศักดิ์สิทธิ์ โดยอาศัยความจริง พระวาจาของพระองค์คือความจริง พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาในโลกฉันใด ข้าพเจ้าก็ส่ง เขาเข้าไปในโลกฉันนั้น ข้าพเจ้าถวายตนเป็นบูชาส�ำหรับเขา เพื่อเขาจะได้รับความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงด้วย” ความรักเป็นดวงตะวันที่ฉายส่อง...ฟากฟ้าเบื้องบน และผืนดินเบื้องล่าง ความรักยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ จะถูกกักขังอยู่ในขอบรั้วแห่งปราสาทราชวังของผู้สูงศักดิ์ ความรักสร้างสะพานแห่งความห่วงหาอาทรสู่บรรดาศิษย์ ผู้ต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้าย ในวันนั้น..ความรักท�ำให้ทรงยอมเดินเส้นทางกางเขนตามพระประสงค์ของพระบิดา ใน วันนี้..ความรักท�ำให้เอื้อมมือโอบอุ้มเขาเหล่านั้นที่พระบิดาส่งมอบให้ ข้าแต่พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ โปรดเฝ้ารักษาบรรดา ผู้ที่ทรงมอบไว้ให้ข้าพเจ้า ไว้ในพระนามของพระองค์ เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน... รักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย... โปรดบันดาลให้เขาศักดิ์สิทธิ์ไป โดยอาศัยความจริงแห่งพระวาจาของพระองค์ นี่คือถ้อยค�ำอ�ำลาที่อบอุ่นและอบอวล ด้วยความรัก..เข้มข้นเกินกว่าที่พวกเขาจะหลงลืมได้ในกาลเวลา


บทอ่านที่ 1

กจ 22:30,23:6-11

พระวรสาร

ยน 17:20-26

เวลานัน้ ผูบ้ ญ ั ชาการกองพันต้องการรูใ้ ห้แน่ชดั ว่าเหตุใดชาวยิวจึงกล่าวหาเปาโล วัน รุง่ ขึน้ เขาจึงสัง่ ให้แก้โซ่ทลี่ า่ มเปาโล เรียกบรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภาซันเฮดริน ทุกคนมาประชุม แล้วน�ำเปาโลไปยืนต่อหน้าเขา เปาโลรู้ว่า สมาชิกส่วนหนึ่งของที่ประชุมเป็นชาวสะดูสีและอีกส่วนหนึ่งเป็นชาว ฟาริสี จึงตะโกนขึ้นในสภาว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นชาวฟาริสี เป็นบุตรของชาว ฟาริสี ข้าพเจ้าถูกสอบสวนก็เพราะเรื่องความหวังในการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย” น.เนเรโอ อาคิลเลโอ เมื่อเปาโลกล่าวเช่นนั้น ก็เกิดการถกเถียงกันระหว่างชาวฟาริสีกับชาวสะดูสี ที่ประชุม และเพื่อนมรณสักขี จึงแตกแยก เพราะชาวสะดูสียืนยันว่าไม่มีการกลับคืนชีพและไม่มีทั้งทูตสวรรค์และจิต น.ปันกราส แต่ชาวฟาริสีเชื่อว่ามี มรณสักขี เกิดความโกลาหลอย่างรุนแรงในทีป่ ระชุม ธรรมาจารย์บางคนทีเ่ ป็นชาวฟาริสลี กุ ขึน้ สดด 16:1-2,7-8, โต้แย้งว่า “เราไม่พบว่าชายผู้นี้มีความผิดอันใด เป็นไปได้มิใช่หรือ ที่จิตหรือทูตสวรรค์ 9-10,11 ได้พูดกับเขา” ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น... ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 คืนต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาทรงยืนใกล้เปาโล ตรัสว่า “ท�ำใจดีๆ ไว้ เจ้าได้ เป็นพยานยืนยันถึงเราที่กรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานที่กรุงโรมอย่างนั้นด้วย” เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนามิใช่ส�ำหรับคนเหล่านี้เท่านั้น แต่ส�ำหรับผู้ที่จะเชื่อในข้าพเจ้า ผ่านทางวาจาของ เขาด้วย ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรง อยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้า โลกจะได้เชื่อว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา พระสิรริ งุ่ โรจน์ทพี่ ระองค์ประทานให้ขา้ พเจ้านัน้ ข้าพเจ้าได้ให้แก่เขา เพือ่ ให้เขาเป็น หนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์และข้าพเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าพเจ้าอยู่ในเขา และพระองค์ทรงอยู่ใน ข้าพเจ้า เพือ่ เขาจะได้เป็นหนึง่ เดียวกันโดยสมบูรณ์ โลกจะได้รวู้ า่ พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา และพระองค์ทรงรัก เขาเช่นเดียวกับทีท่ รงรักข้าพเจ้า ข้าแต่พระบิดา ผูท้ พี่ ระองค์ประทานให้ขา้ พเจ้านัน้ ข้าพเจ้าปรารถนาให้เขาอยู่ กับข้าพเจ้าทุกแห่งทีข่ า้ พเจ้าอยู่ เพือ่ เขาจะได้เห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ ซึง่ พระองค์ประทานแก่ขา้ พเจ้า เพราะพระองค์ ทรงรักข้าพเจ้า ตัง้ แต่กอ่ นสร้างโลก ข้าแต่พระบิดาผูท้ รงเทีย่ งธรรม โลกไม่รจู้ กั พระองค์ แต่ขา้ พเจ้ารูจ้ กั พระองค์ และคนเหล่านี้รู้ว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าบอกให้เขารู้จักพระนามของพระองค์ และจะบอกให้ รู้ต่อไป เพื่อความรักที่พระองค์ทรงรักข้าพเจ้าจะได้อยู่ในเขา และข้าพเจ้าจะได้อยู่ในเขาด้วยเช่นเดียวกัน” สะพานแห่งความรักห่วงใย ทอดยาวข้ามกาลเวลาและสถานที่ ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนามิใช่ส�ำหรับ คนเหล่านี้เท่านั้น แต่ส�ำหรับผู้ที่เชื่อในข้าพเจ้าผ่านทางวาจาของเขาด้วย... ให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน...ให้เขาทั้งหลาย อยู่ในพระองค์ และในข้าพเจ้า แม้กาลเวลาและสถานที่ ก็มิอาจคุมขังความห่วงหาอาทรของพระองค์ให้หยุดนิ่งอยู่ใน ประวัติศาสตร์ ความรักนิรันดร์กาลของพระองค์ ผู้ไร้ขอบเขตจ�ำกัด ยังคงเป็นความรักที่จับต้องได้ ส�ำหรับมนุษย์ผู้อยู่ ภายใต้ขอบเขตจ�ำกัด ไม่เคยมีความล้มเหลว...ความบาดเจ็บ... แม้กระทัง่ ความบาปผิดประการใดของมนุษย์ ก็ยงั มิอาจ ถอดถอนความรักของพระองค์ไปจากเขาได้ เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะหวั่นไหว หรือเกรงกลัวสิ่งใด...เพียงแค่มอบวางชีวิต ไว้ในพระหัตถ์อันอบอุ่นห่วงใยของพระองค์


บทอ่านที่ 1

กจ 25:13-21

สองสามวันต่อมา กษัตริยอ์ ากริปปาและพระนางเบอร์นสิ เสด็จมาถึงเมืองซีซารียา เพื่อเยี่ยมเยียนแสดงความยินดีต่อเฟสตัส ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่นั่นหลายวัน เฟสตัสทูลกษัตริย์เรื่องคดีของเปาโลว่า “เฟลิกส์ทิ้งชายคนหนึ่งให้ถูกจองจ�ำไว้ที่นี่ เมื่อ ข้าพเจ้าอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาหัวหน้ามหาสมณะและผู้อาวุโสของชาวยิวได้ฟ้อง กล่าวโทษเขาและขอให้ลงโทษด้วย ข้าพเจ้าตอบว่า “ธรรมเนียมของชาวโรมันจะไม่ตัดสินลงโทษผู้ใดก่อนที่เขาจะมี พระนางมารีย์พรหมจารี โอกาสเผชิญหน้ากับผู้กล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหานั้น” บรรดาผู้กล่าวหามาพบข้าพเจ้า แห่งฟาติมา ที่นี่ ข้าพเจ้าไม่รีรอ วันรุ่งขึ้นก็นั่งบัลลังก์ สั่งให้น�ำชายคนนั้นเข้ามา บรรดาผู้กล่าวหามา สดด 103:1-2,11-12, รุมล้อมเขา แต่ไม่ได้ตงั้ ข้อกล่าวหาเรือ่ งความผิดดังทีข่ า้ พเจ้าคาดไว้ เขาเพียงแต่ถกเถียง 19-20 ปัญหาเรือ่ งศาสนาของเขาและเรือ่ งชายคนหนึง่ ชือ่ เยซูทตี่ ายไปแล้ว แต่เปาโลยืนยันว่ายัง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 มีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าลังเลใจที่จะตัดสินเรื่องท�ำนองนี้ จึงถามว่า เขาอยากไปกรุงเยรูซาเล็ม และรับการพิจารณาคดีที่นั่นไหม แต่เปาโลอุทธรณ์ขอสงวนคดีไว้ให้พระจักรพรรดิเป็น ผู้ตัดสิน ข้าพเจ้าจึงสั่งให้จองจ�ำเขาไว้จนกว่าข้าพเจ้าจะส่งเขาไปเฝ้าพระจักรพรรดิได้

พระวรสาร

ยน 21:15-19

เมือ่ บรรดาศิษย์กนิ เสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเรามากกว่า คนเหล่านี้รักเราไหม” เปโตรทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระ เยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซีโมนบุตรของ ยอห์น ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระองค์ ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรัก เราไหม” เปโตรรู้สึกเป็นทุกข์ที่พระองค์ตรัสถามตนถึงสามครั้งว่า “ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “พระเจ้า ข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยง ดูแกะของเราเถิด เราบอกความจริงกับท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่ม ท่านคาดสะเอวด้วยตนเอง และเดินไปไหน ตามใจชอบ แต่เมื่อท่านชรา ท่านจะยื่นมือ แล้วคนอื่นจะคาดสะเอวให้ท่าน พาท่านไปในที่ที่ท่านไม่อยากไป” พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพื่อแสดงว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าโดยตายอย่างไร เมื่อตรัสดังนี้ แล้ว ทรงเสริมว่า “จงตามเรามาเถิด” ในวันนัน้ ...ทีร่ มิ ฝัง่ ทะเล เปโตรได้ยนิ พระองค์ตรัสเรียก จงตามเรามาเถิด และเขาก็ทงิ้ แห ทิง้ อวน และ ติดตามพระองค์ไป ในวันนี.้ ..ทีร่ มิ ฝัง่ ทะเลเดิม เปโตรได้ยนิ พระองค์ทรงตรัสเรียกด้วยถ้อยค�ำเดิมอีกครัง้ จงตามเรามาเถิด ในวันนัน้ ทุกอย่างได้เกิดขึน้ รวดเร็ว แต่กจ็ บลงด้วยค�ำสาบาน ยืนยันว่าไม่รจู้ กั พระองค์ ในวันนี.้ ..ทุกอย่างดูแตกต่าง การเรียกและการตอบรับด�ำเนินไปอย่างสุขมุ ทรงถามเปโตรสามครัง้ ว่า ท่านรักเราไหม? ทรงรอคอยค�ำตอบ..และบอก ย�้ำถึงพันธกิจในทุกครั้ง จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด ในค�ำตอบสุดท้าย ความมั่นใจในตนเองลดลง..ความมั่นใจในพระเจ้า ขยับเพิ่ม พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพเจ้ารักพระองค์ ชีวติ แห่งการเป็นศิษย์ มิใช่เป็นเพียงผลของความสามารถ หรืออุดมการณ์สงู ส่งของตนเอง แต่...เป็นของประทาน จากความรักของพระเจ้า...เป็นของขวัญ และมิใช่รางวัล เขาจึงจ�ำเป็นต้องก้าวเดินติดตามพระองค์ไปด้วยความรักรูค้ ณ ุ และเชื่อมั่นในพระองค์อยู่ทุกวัน


บทอ่านที่ 1

กจ 1:15-17,20-26

พระวรสาร

ยน 15:9-17

ในะหว่างนั้น เปโตรยืนขึ้นในหมู่พี่น้องที่ชุมนุมกันอยู่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบคน กล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย จ�ำเป็นที่พระคัมภีร์จะต้องเป็นจริงตามที่พระจิตเจ้าทรงใช้ พระโอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิดตรัสล่วงหน้าถึงยูดาส ผู้น�ำคนมาจับกุมพระเยซูเจ้า ยูดาสผู้ นี้เคยเป็นคนหนึ่งในคณะของเราและร่วมภารกิจกับเรา เพราะมีเขียนไว้ในหนังสือเพลงสดุดีว่า “ขอให้ที่อยู่ของเขาถูกทิ้งร้าง อย่าให้มีผู้ ฉลอง น.มัทธีอัส ใดอาศัยอยู่เลย” และอีกตอนหนึ่งว่า “ขอให้ผู้อื่นรับหน้าที่แทนเขา” อัครสาวก ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า สดด 113:1-3,4-6, ทรงด�ำเนินชีวิตอยู่กับเรา เริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์นจนถึงวันที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ 7-8 นัน้ จ�ำเป็นทีค่ นหนึง่ จะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์” ผูท้ มี่ าชุมนุมกันเสนอชือ่ ชายสองคน คือโยเซฟทีเ่ รียกว่าบารซับบัสหรือยุสทัส และ อีกคนหนึง่ ชือ่ มัทธีอสั เขาทัง้ หลายอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระองค์ ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ ให้ รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวกแทนยูดาสที่ละทิ้งหน้าที่นี้เพื่อไปยังที่ของตน” เขาจึงจับสลากระหว่างสองคนนี้ และจับสลากได้มัทธีอัส มัทธีอัสจึงได้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเรา พระบิดา ของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงด�ำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตาม บทบัญญัตขิ องเรา ท่านก็จะด�ำรงอยูใ่ นความรักของเรา เหมือนกับทีเ่ ราปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องพระบิดาของ เรา และด�ำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเรา อยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการ สละชีวติ ของตนเพือ่ มิตรสหาย ท่านทัง้ หลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านท�ำตามทีเ่ ราสัง่ ท่าน เราไม่เรียกท่าน ว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนท�ำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจ ให้ท่านไปท�ำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดา จะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน” เส้นทางชีวิตศิษย์พระเยซูเริ่มต้นที่ความรัก ด�ำเนินไปในความรัก และมุ่งสู่ปลายทางคือความรัก พระ บิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านอย่างนั้น จงด�ำรงอยู่ในความรักของเราเถิด...นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ ท่านทัง้ หลายรักกัน เหมือนดังทีเ่ รารักท่าน เส้นทางสายนีแ้ ม้สวยงาม แต่ไม่เคยส�ำเร็จรูป...ยังคงโค้งตอนแห่งความยาก ล�ำบาก...ความบาดหมาง และแม้กระทัง่ ความขัดแย้ง ความรักอาจแห้งแล้งในบางเวลา จึงจ�ำเป็นต้องเฝ้ามองและเติม เต็ม....มัทธีอสั ได้ถกู เลือกให้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน เพือ่ เติมเต็มความรักทีข่ าดหาย แล้วก้าวเดินใหม่อกี ครัง้ ในความสุขยินดี จนกระทั่งถึงวันนั้นที่ความยินดีจะเต็มเปี่ยมบริบูรณ์


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก

สมโภช พระจิตเจา

กจ 2:1-11

เมื่อวันเปนเตกอสเตมำถึง บรรดำศิษย์ทุกคนมำชุมนุมในสถำนที่เดียวกัน ทันใด นั้นมีเสียงจำกฟ้ำเหมือนเสียงลมพัดแรงกล้ำ ทุกคนที่อยู่ในบ้ำนได้ยิน เขำเห็นเปลวไฟ ลักษณะเหมือนลิ้น แยกไปอยู่เหนือศีรษะของเขำแต่ละคน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้ำเต็ม เปี่ยม และเริ่มพูดภำษำอื่นๆ ตำมที่พระจิตเจ้ำประทำนให้พูด ขณะนัน้ ทีก่ รุงเยรูซำเล็มมีชำวยิวผูเ้ ลือ่ มใสศรัทธำในพระเจ้ำมำจำกทุกชำติทวั่ โลก เมือ่ ประชำชนได้ยนิ เสียงนี้ จึงมำชุมนุมกันจ�ำนวนมำก รูส้ กึ ฉงนสนเท่ห์ เพรำะแต่ละคน ได้ยินคนเหล่ำนี้พูดภำษำของตน และประหลำดใจอย่ำงยิ่ง กล่ำวว่ำ “ทุกคนที่ก�ำลังพูด อยู่นี้เป็นชำวกำลิลีมิใช่หรือ แล้วท�ำไมเรำแต่ละคนจึงได้ยินเขำพูดภำษำท้องถิ่นของเรำ เรำชำวปำรเธีย ชำวมีเดีย และชำวเอลำม บำงคนอำศัยอยู่ในเขตเมโสโปเตเมีย แคว้น ยูเดีย แคว้นคัปปำโดเซีย แคว้นปอนทัสและแคว้นอำเซีย แคว้นฟรีเจียและแคว้นปัมฟีเลีย บำงคนมำจำกอียปิ ต์และเขตของประเทศลิเบียรอบๆ เมืองไซรีน บำงคนมำจำกกรุงโรม ทั้งชำวยิวและผู้กลับใจเข้ำนับถือลัทธิยิว บำงคนเป็นชำวเกำะครีตและชำวอำหรับ พวก เรำได้ยินคนเหล่ำนี้ประกำศกิจกำรยิ่งใหญ่ของพระเจ้ำเป็นภำษำของเรำ”

เพลงสดุดี

สดด 104:1-2,28-30,31 และ 33

ก) จิตใจข้ำพเจ้ำเอ๋ย จงถวำยพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้ำเถิด ข้ำแต่องค์พระผู้เป็นเจ้ำพระเจ้ำของข้ำพเจ้ำ พระองค์ทรงยิ่งใหญ่เหลือล้น พระองค์ทรงควำมรุ่งเรืองและพระเกียรติยศเป็นเสมือนอำภรณ์ ทรงคลุมพระองค์ด้วยแสงสว่ำงต่ำงพระภูษำ พระองค์ทรงคลี่ท้องฟ้ำให้กำงออกดุจกำงกระโจม ข) เมื่อพระองค์ประทำนอำหำร สิ่งมีชีวิตเหล่ำนั้นก็เก็บไว้ เมื่อพระองค์ยื่นพระหัตถ์ สิ่งมีชีวิตก็มีของดีๆ กินจนอิ่ม ถ้ำพระองค์เบือนพระพักตร์ไปทำงทิศอื่น สิ่งมีชีวิตก็ตื่นตระหนก ถ้ำพระองค์ทรงเรียกลมปรำณกลับคืน สิ่งมีชีวิตก็ตำยและกลับเป็นฝุ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงส่งพระจิตของพระองค์ลงมำ สิ่งมีชีวิตก็ถูกสร้ำงขึ้น พระองค์ทรงเปลี่ยนโฉมหน้ำของแผ่นดิน ค) พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้ำตลอดไป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงชื่นชมในพระรำชกิจของพระองค์ ข้ำพเจ้ำจะขับร้องเพลงถวำยองค์พระผู้เป็นเจ้ำตลอดชีวิต จะร้องเพลงสดุดีถวำยพระเจ้ำของข้ำพเจ้ำ ตรำบเท่ำที่ข้ำพเจ้ำยังมีชีวิตอยู่

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 12:3ข-7,12-13

พี่น้องทั้งหลำย ไม่มีผู้ใดพูดโดยพระจิตเจ้ำทรงดลใจว่ำ “พระเยซูจงถูกสำปแช่ง”


และหากพระจิตเจ้ามิได้ทรงดลใจก็ไม่มีผู้ใดพูดได้ว่า “พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า” พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้า พระองค์เดียว มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน แต่มีองค์ พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าพระองค์เดียวผู้ทรงกระท�ำทุกอย่างใน ทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในแต่ละคนเพื่อ ประโยชน์ส่วนรวม แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลาย ส่วน อวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็น ร่างกายเดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉนั นัน้ เดชะพระ จิตเจ้าพระองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รับการล้างมารวม เข้าเป็นร่างกายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือเป็นไทยก็ตาม เราทุกคน ต่างได้รับพระจิตเจ้าพระองค์เดียวกัน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น

ยน 20:19-23

ค�่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์ก�ำลังชุมนุมกันปิดอยู่เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์ พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดา ทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลาย อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้ รับการอภัยด้วย”

ศิษย์ผู้ตื่นตระหนกรวมตัวในห้องชั้นบน...ประตูปิดแน่นสนิท ห้องนี้เคยอบอุ่นใกล้ชิดในอาหารค�่ำ ครั้งสุดท้าย บัดนี้...อบอ้าวอึดอัดด้วยแรงกดดัน...เต็มด้วยความหวาดกลัวและหวาดระแวง เสียงก้าวเท้าของผู้ ประหารเมื่อวันก่อนยังคงดังก้องในโสตประสาท เป็นที่หวาดผวา พวกเขาภาวนา...เพื่อจะได้รอดปลอดภัย และ ไม่ต้องพบกับชะตากรรมเดียวกันกับพระอาจารย์ ในห้องแห่งความหวาดกลัวที่ประตูลั่นดาล...มีเสียงลมพัดแรงกล้า ลมแห่งพระจิต..พัดผ่านประตูหัวใจที่ปิด แน่น ครัง้ หนึง่ ..เคยเป็นสายลมอ่อน...พัดแผ่วเบา บัดนี้ ทรงเป็นพายุแรงกล้า ให้พลังใหม่...แรงบันดาลใจใหม่ และ ทิศทางใหม่ ทรงเปิดขอบฟ้าแห่งชีวิตสาวกให้กว้างไกลถึงทุกผู้คน พวกเขาก้าวออกจากห้องแห่งความหวาดกลัว มุ่งสู่ลานสาธารณะ พบปะผู้คน...ประกาศการอัศจรรย์ที่พระเจ้าได้ทรงกระท�ำ


สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 19:7,8-9,14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1

ยก 3:13-18

พระวรสาร

มก 9:14-29

พี่น้องที่รักยิ่ง ใครบ้างคิดว่าตนฉลาดและมีปรีชาญาณ จงแสดงความฉลาดและ ปรีชาญาณนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยการกระท�ำและความประพฤติดี แต่ถ้าใจของท่าน ขมขื่นด้วยความอิจฉาริษยา และมีความทะเยอทะยาน จงอย่าโอ้อวดและอย่ามุสาต่อ ต้านความจริง ปรีชาญาณเช่นนี้มิได้มาจากเบื้องบน แต่เป็นปรีชาญาณตามธรรมดาโลก ตามแบบวัตถุนิยมและตามแบบปีศาจ ที่ใดมีความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยาน ที่นั่นย่อมมีแต่ความวุ่นวายและความชั่วร้ายนานาชนิด ส่วนปรีชาญาณที่มาจากเบื้อง บน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยม ด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ล�ำเอียง ไม่เสแสร้ง ผู้ที่สร้างสันติย่อมเป็น ผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม

เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบศิษย์คนอื่น ทรง เห็นประชาชนจ�ำนวนมากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ ธรรมาจารย์บางคนก�ำลังถกเถียงกับ เขาเหล่านั้น ทันทีที่เห็นพระองค์ ประชาชนทั้งหลายต่างประหลาดใจและและวิ่งเข้ามา ทักทายพระองค์ พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์วา่ “ท่านก�ำลังถกเถียงเรือ่ งอะไรหรือ” คน หนึ่งในกลุ่มชนตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าพาบุตรชายที่ปีศาจสิงให้เป็นใบ้มาเฝ้าพระองค์ เมื่อปีศาจ สิง มันผลักเขาให้ลม้ ลง น�ำ้ ลายฟูมปาก กัดฟัน และตัวแข็งทือ่ ข้าพเจ้าได้ขอให้ศษิ ย์ของพระองค์ขบั ไล่มนั แต่ เขาท�ำไม่ส�ำเร็จ” พระองค์ตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก เราจะต้องอยู่กับท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนท่าน อีกนานเท่าใด จงพาเด็กมาพบเราเถิด” เขาจึงพาเด็กนั้นมาเฝ้าพระองค์ เมือ่ เห็นพระองค์ ปีศาจก็ท�ำให้เด็กชัก ล้มลงกับพื้นดิน กลิ้งไปมา น�้ำลายฟูมปาก พระเยซูเจ้าทรงถามบิดาของเด็กว่า “เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว” เขา ทูลตอบว่า “ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ปีศาจได้ผลักเด็กลงในกองไฟหลายครั้ง บางครั้งผลักลงในน�้ำเพื่อให้ตาย ถ้าพระองค์ทรงท�ำสิ่งใดได้ ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าท�ำได้น่ะหรือ ทุกสิ่งเป็นไป ได้ทั้งนั้นส�ำหรับผู้มีความเชื่อ” ทันใดนั้นบิดาของเด็กก็ร้องว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ โปรดช่วยความเชื่อเล็กน้อยของ ข้าพเจ้าด้วยเถิด” เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนเข้ามามากยิ่งขึ้น พระองค์จึงตรัสส�ำทับปีศาจ ว่า “เจ้าปีศาจหนวกใบ้ เราสั่งเจ้าให้ออกจากเด็กคนนี้ และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย” ปีศาจจึงร้องเสียงดังและ ท�ำให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรง แล้วปีศาจก็ออกไป เด็กนอนนิง่ เหมือนคนตาย จนคนส่วนมากพูดกันว่า “เขา ตายแล้ว” แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็ก ทรงช่วยพยุงให้ลุกขึ้น เขาก็ยืนขึ้น เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน หลังหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ท�ำไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” พระองค์ตรัสตอบ ว่า “ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น” คนฉลาดฝ่ายโลก มักจะโลภมาก เอาเปรียบคนอื่น ทะเยอทะยาน อิจฉาริษยา โกรธ โมโหง่าย ฯลฯ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ว่าไม่ดี คนฉลาดฝ่ายธรรมะ มักจะสุภาพถ่อมตน ใจดี มีเมตตากรุณา เพียรอดทน อภัย ฯลฯ ทั้งๆ ที่รู้ ว่าดี แต่ก็ไม่ค่อยมีคนอยากจะท�ำ ผีชนิดนี้ไล่ออกยาก เช่น ผีลามก ผีพนัน ผีเกียจคร้าน ผีโมโห ฯลฯ ต้องอาศัยค�ำภาวนา และจ�ำศีลอดอาหาร มากๆ เท่านั้น


บทอ่านที่ 1

ยก 4:1-10

พี่น้องที่รักยิ่ง กำรต่อสู้และกำรทะเลำะวิวำทในหมู่ท่ำนนั้นมำจำกที่ใด มิใช่มำจำก กิเลสตัณหำซึ่งต่อสู้อยู่ภำยในร่ำงกำยของท่ำนหรือ ท่ำนอยำกได้ แต่ไม่ได้ จึงฆ่ำกัน ท่ำนอยำกได้ แต่ไม่สมหวัง จึงทะเลำะวิวำทและต่อสู้กัน ท่ำนไม่มีเพรำะไม่ได้วอนขอ ท่ำนวอนขอ แต่ไม่ได้รับ เพรำะท่ำนวอนขอไม่ถูกต้อง คือวอนขอเพื่อน�ำไปสนองกิเลส ตัณหำของท่ำน ท่ำนทีไ่ ม่ซอื่ สัตย์ ท่ำนไม่รหู้ รือว่ำ กำรเป็นมิตรกับโลกคือกำรเป็นศัตรูกบั พระเจ้ำ ฉะนั้นผู้ใดต้องกำรเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับพระเจ้ำ ท่ำนคิดว่ำพระ คัมภีร์กล่ำวไร้สำระหรือว่ำ “พระเจ้ำทรงรักจิตอย่ำงหวงแหน จิตที่พระองค์ประทำนให้ สถิตในเรำ” พระองค์ยงั ประทำนพระหรรษทำนทีย่ งิ่ ใหญ่ยงิ่ กว่ำนัน้ อีก ดังนัน้ พระคัมภีร์ จึงกล่ำวอีกว่ำ “พระเจ้ำทรงต่อต้ำนคนเย่อหยิง่ แต่ประทำนพระหรรษทำนแก่ผถู้ อ่ มตน” ท่ำนทัง้ หลำยอยูใ่ ต้อำ� นำจพระเจ้ำ จงต่อต้ำนปีศำจ แล้วมันจะหลบหนีไปจำกท่ำน จงเข้ำ ใกล้พระเจ้ำ แล้วพระองค์จะเสด็จมำใกล้ท่ำน คนบำปทั้งหลำย จงล้ำงมือให้สะอำด คน ใจโลเลทั้งหลำย จงท�ำใจให้บริสุทธิ์เถิด จงคร�่ำครวญ จงเป็นทุกข์โศกเศร้ำและร้องไห้ เถิด จงให้กำรหัวเรำะของท่ำนกลำยเป็นควำมเศร้ำโศก จงให้ควำมยินดีของท่ำนกลำย เป็นควำมเศร้ำใจ จงถ่อมตนลงเฉพำะพระพักตร์พระเจ้ำ และพระองค์จะทรงยกย่องท่ำน

พระวรสาร

มก 9:30-37

เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำเสด็จออกจำกที่นั่นพร้อมกับบรรดำศิษย์ผ่ำนแคว้นกำลิลี พระองค์ไม่ทรงต้องกำรให้ผใู้ ดรู้ ทรงสัง่ สอนบรรดำศิษย์ และตรัสว่ำ “บุตรแห่งมนุษย์จะ ถูกมอบในเงือ้ มมือของคนทัง้ หลำย เขำจะประหำรชีวติ พระองค์ แต่เมือ่ ถูกประหำรแล้ว ในวันทีส่ ำมพระองค์จะกลับคืนชีพ” บรรดำศิษย์ไม่เข้ำใจพระวำจำนี้ แต่กไ็ ม่กล้ำทูลถำม พระเยซูเจ้ำเสด็จมำถึงเมืองคำเปอรนำอุมพร้อมกับบรรดำศิษย์ เมื่อเสด็จเข้ำไป ในบ้ำน พระองค์ตรัสถำมเขำว่ำ “ท่ำนถกเถียงกันเรื่องอะไรขณะที่เดินทำง” เขำก็นิ่ง เพรำะระหว่ำงทำงเขำถกเถียงกันว่ำ ผู้ใดยิ่งใหญ่กว่ำกัน พระองค์จึงประทับนั่ง แล้ว ทรงเรียกอัครสำวกสิบสองคนเข้ำมำ ตรัสว่ำ “ถ้ำผู้ใดอยำกเป็นคนที่หนึ่ง ก็ให้ผู้นั้นท�ำ ตนเป็นคนสุดท้ำย และเป็นผู้รับใช้ของทุกคน” ครั้นแล้วพระองค์ทรงจูงเด็กเล็กๆ คน หนึ่งมำยืนกลำงกลุ่มพวกเขำ ทรงโอบเด็กนั้นไว้ ตรัสว่ำ “ผู้ใดที่ต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่น นี้ในนำมของเรำ ก็ต้อนรับเรำ และผู้ใดที่ต้อนรับเรำ ก็มิใช่ต้อนรับเพียงเรำเท่ำนั้น แต่ ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรำมำด้วย” ท�าไมมนุษย์เราต้องทะเลาะ ด่า ว่า โกรธ โมโห อิจฉา เข่นฆ่ากันทุกวัน ฯลฯ บุญก็ไม่ได้ บาปอีกต่างหาก ดีไม่ดีหัวใจจะวายตายด้วย น่าจะมารัก สามัคคี ช่วยเหลือกันและ กัน จะท�าให้โลกนี้โสภาน่าอยู่มากกว่านี้เยอะเลย ใครอยากเป็นใหญ่ ให้รบั ใช้ผอู้ นื่ จงเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ เหล่านี ้ แล้วท่านจะได้เข้าสวรรค์ ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป แล้วเราจะได้พบสวรรค์ในโลกนี้ด้วย

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 55:6-8,1-10ก,23 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1


น.ยอห์น ที่ 1 พระสันตะปาปา มรณสักขี

สดด 49:1-3,5-6, 7,8-9,10 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1

ยก 4:13-17

พระวรสาร

มก 9:38-40

พี่น้องที่รักยิ่ง ท่ำนพูดว่ำ “วันนี้หรือพรุ่งนี้ เรำจะไปเมืองนี้เมืองนั้น จะอยู่ที่นั่นสัก หนึ่งปี จะค้ำขำยได้ก�ำไร” ท่ำนไม่รู้ว่ำจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่ำชีวิตของท่ำนจะ เป็นอย่ำงไร ท่ำนทัง้ หลำยเป็นเหมือนหมอกซึง่ ปรำกฏอยูเ่ พียงชัว่ ครูแ่ ล้วก็หำยไป ดังนัน้ ท่ำนควรจะพูดว่ำ “หำกองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำทรงพระประสงค์ เรำจะมีชวี ติ อยูแ่ ละจะท�ำสิง่ นี้สิ่งนั้น” แต่บัดนี้ ท่ำนได้แต่โอ้อวดในควำมเย่อหยิ่งของท่ำน กำรโอ้อวดเช่นนี้ล้วนแต่ เลวร้ำย คนที่รู้ว่ำต้องท�ำควำมดี แต่ไม่ท�ำ ก็ท�ำบำป เวลำนั้น ยอห์นทูลพระเยซูเจ้ำว่ำ “พระอำจำรย์เจ้ำข้ำ เรำได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ ปีศำจเดชะพระนำมพระองค์ เรำจึงพยำยำมห้ำมปรำมไว้ เพรำะเขำไม่ใช่พวกเดียวกับ เรำ” พระเยซูเจ้ำตรัสตอบว่ำ “อย่ำห้ำมเขำเลย ไม่มีใครท�ำอัศจรรย์ในนำมของเรำ แล้ว ต่อมำจะว่ำร้ำยเรำได้ ผู้ใดไม่ต่อต้ำนเรำ ก็เป็นฝ่ำยเรำ” หลายคนคิดว่าตัวเองจะยังไม่ตาย และหลอกตัวเองและคนอืน่ ด้วย เช่นหลอก พ่อแม่ญาติมติ รทีก่ า� ลังปวยหนักว่าจะหาย ยังไม่ตาย ...ถ้าพรุง่ นีท้ า่ นและฉันจะต้องตาย ฉันและ ท่านจะท�าอะไร? อย่างไร ดีหนอ?... เห็นคนอืน่ ท�าดี ไม่วา่ เขาจะเป็นใครก็ตาม ไม่ตอ้ งไปอิจฉา หรือใส่รา้ ยป้ายสีเขาว่าท�าดีเอา หน้า เลียแข้งเลียขาเจ้านาย ฯลฯ แต่ควรเป็นก�าลังใจให้เขาท�าดีมากขึ้นด้วย จงช่วยกันท�าดีเยอะๆ โลกนี้จะได้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้


บทอ่านที่ 1

ยก 5:1-6

ผู้มั่งมีทั้งหลำย จงร้องไห้คร�่ำครวญเพรำะควำมทุกข์ยำกก�ำลังจะมำถึงท่ำนแล้ว ทรัพย์สมบัติของท่ำนเสื่อมสลำย เสื้อผ้ำก็ถูกมอดกัดกินหมดแล้ว เงินทองของท่ำนก็ เป็นสนิม และสนิมนั้นจะเป็นพยำนกล่ำวโทษท่ำน มันจะกัดกินเนื้อของท่ำนประดุจไฟ ซึ่งท่ำนสะสมไว้ส�ำหรับวันสุดท้ำย ท่ำนคดโกง ไม่จ่ำยค่ำจ้ำงให้กรรมกรที่เก็บเกี่ยวใน ทุ่งนำของท่ำน ค่ำจ้ำงนี้ก�ำลังร้อง และเสียงร้องของคนเก็บเกี่ยวไปถึงพระกรรณของ องค์พระผู้เป็นเจ้ำจอมจักรวำลแล้ว ท่ำนมีชีวิตอย่ำงหรูหรำฟุ่มเฟอยในโลกนี้ และกิน เลี้ยงอย่ำงสนุกสนำน ท่ำนบ�ำรุงจิตใจของท่ำนไว้รอวันประหำรชีวิต ท่ำนตัดสินลงโทษ และฆ่ำผู้ชอบธรรม เขำก็มิได้ขัดขืนท่ำน

พระวรสาร

มก 9:41-50

เวลำนัน้ พระเยซูเจ้ำตรัสแก่บรรดำศิษย์วำ่ “ผูใ้ ดให้นำ�้ ท่ำนดืม่ เพียงแก้วหนึง่ เพรำะ ท่ำนเป็นคนของพระคริสตเจ้ำ เรำบอกควำมจริงกับท่ำนว่ำ เขำจะได้บำ� เหน็จรำงวัลอย่ำง แน่นอน” “ผู้ใดเป็นเหตุให้คนธรรมดำๆ ที่มีควำมเชื่อเหล่ำนี้ท�ำบำป ถ้ำเขำจะถูกผูกคอด้วย หินโม่ถว่ งในทะเลก็ยงั ดีกว่ำกระท�ำดังกล่ำว ถ้ำมือข้ำงหนึง่ ของท่ำนเป็นเหตุให้ทำ่ นท�ำบำป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่ำนจะเข้ำสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีมือข้ำงเดียว ยังดีกว่ำมีมือทั้งสองข้ำงแต่ ต้องตกนรกในไฟที่ไม่รู้ดับ ถ้ำเท้ำข้ำงหนึ่งของท่ำนเป็นเหตุให้ท่ำนท�ำบำป จงตัดมันทิ้ง เสีย ท่ำนจะเข้ำสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีเท้ำข้ำงเดียว ยังดีกว่ำมีเท้ำทั้งสองข้ำงแต่ถูกโยนลง นรก ถ้ำตำข้ำงหนึง่ ของท่ำนเป็นเหตุให้ทำ่ นท�ำบำป จงควักมันออกเสีย ท่ำนจะเข้ำสูพ่ ระ อำณำจักรของพระเจ้ำ โดยมีตำข้ำงเดียว ยังดีกว่ำมีตำทั้งสองข้ำงแต่ต้องถูกโยนลงนรก ที่นั่นหนอนไม่รู้ตำย ไฟไม่รู้ดับ เพรำะทุกคนจะถูกดองด้วยเกลือและไฟ เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้ำเกลือจืด ท่ำนจะน�ำสิ่งใดมำท�ำให้เกลือเค็มได้อีก จงมีเกลือไว้ในท่ำนเถิด และจง อยู่อย่ำงสันติกับผู้อื่น” คนรวยทีท่ า� มาหากินอย่างสุจริต และเป็นต้นคนทีโ่ กงเขามา ตายแล้วเอาอะไร ไปไม่ได้เลย สมบัตทิ รัพย์สนิ แม้ทไี่ ด้มาโดยสุจริต แต่ไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์ตอ่ สังคม โดยเฉพาะ ที่ได้มาโดยทุจริต จะกล่าวโทษท่านในวันพิพากษา ใครเป็นเหตุให้คนอื่นท�าบาป ควรเอาหินโม่ผูกคอทิ้งในทะเลดีกว่า ฉะนั้น จงหลีกเลี่ยง สิ่งสะดุดทุกชนิด ค�าพูด และการกระท�าที่ไม่ดีทุกอย่าง แม้การไม่ท�าดีที่ควรท�าและต้องท�าด้วย แต่จงท�าดี และช่วยให้คนอื่นท�าดีด้วย จะได้รับรางวัลตอบแทนแน่นอน

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 49:13-14ก, 14ข-15,16-19 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1


น.เบอร์นาดิน แห่งซีเอนา พระสงฆ์ สดด 103:1-2,3-4 9-11,12 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1 วันวิสาขบูชา

บทอ่านที่ 1

ยก 5:9-12

พระวรสาร

มก 10:1-12

พี่น้องทั้งหลำย อย่ำบ่นว่ำกัน เพื่อจะได้ไม่ถูกพิพำกษำ พระผู้พิพำกษำทรงยืนอยู่ หน้ำประตูแล้ว พี่น้องทั้งหลำย จงยึดบรรดำประกำศกซึ่งพูดในพระนำมขององค์พระผู้ เป็นเจ้ำมำเป็นแบบฉบับในควำมพำกเพียรอดทนต่อควำมยำกล�ำบำก เรำเรียกบรรดำผู้ ทีพ่ ำกเพียรอดทนว่ำเป็นผูม้ คี วำมสุข ท่ำนได้ยนิ เรือ่ งควำมพำกเพียรอดทนของโยบและ รู้แล้วว่ำในที่สุดองค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงท�ำสิ่งใดแก่เขำ พระองค์ทรงพระเมตตำและทรง พระกรุณำอย่ำงมำก พี่น้องทั้งหลำย สิ่งส�ำคัญที่สุด จงอย่ำสำบำน ไม่ว่ำโดยอ้ำงสวรรค์ หรืออ้ำงแผ่นดิน หรืออ้ำงอะไรอื่นใดทั้งสิ้น ถ้ำ “ใช่” จงบอกว่ำ “ใช่” ถ้ำ “ไม่ใช่” ก็จง บอกว่ำ “ไม่ใช่” เพื่อท่ำนจะไม่ถูกพิพำกษำ เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำเสด็จออกจำกที่นั่นเข้ำไปในเขตแคว้นยูเดียและอีกฟำกหนึ่ง ของแม่น�้ำจอร์แดน ประชำชนมำเฝ้ำพระองค์อีกครั้งหนึ่ง พระองค์จึงทรงสอนเขำอีก เช่นเคย ชำวฟำริสีบำงคนทูลถำมหวังจะจับผิดพระองค์ว่ำ “เป็นกำรถูกต้องหรือไม่ที่ ชำยจะหย่ำกับภรรยำ” พระองค์ตรัสตอบว่ำ “โมเสสได้บัญญัติไว้ว่ำอย่ำงไร” เขำทูล ตอบว่ำ “โมเสสอนุญำตให้ท�ำหนังสือหย่ำร้ำงและหย่ำกันได้” พระเยซูเจ้ำตรัสตอบว่ำ “เพรำะใจดื้อแข็งกระด้ำงของท่ำน โมเสสจึงได้เขียนบัญญัติข้อนี้ไว้ แต่เมื่อแรกสร้ำง โลกนั้นพระเจ้ำทรงสร้ำงมนุษย์ให้เป็นชำยและหญิง ดังนั้น ชำยจะละบิดำมำรดำ และ ชำยหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขำจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดัง นั้นสิ่งที่พระเจ้ำทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่ำแยกเลย” เมื่อกลับเข้ำไปในบ้ำนแล้ว บรรดำ ศิษย์ทูลถำมถึงเรื่องนี้อีก พระองค์จึงตรัสตอบว่ำ “ผู้ใดหย่ำร้ำงภรรยำ และแต่งงำนกับ อีกคนหนึง่ ก็ทำ� ผิดประเวณีตอ่ ภรรยำคนเดิม และถ้ำหญิงคนหนึง่ หย่ำกับสำมีไปแต่งงำน กับอีกคนหนึ่ง ก็ท�ำผิดประเวณีเช่นเดียวกัน” ทุกคนก็อดบ่นไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีอะไรดีเลย บุญก็ไม่ได้ บาปอีกต่างหาก ท�าให้เราท้อแท้หมดก�าลังใจท�าดีไปเยอะเลย ฉะนั้น ไม่ต้องบ่น ไม่ต้องสาบาน ใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ ไม่ใช่ สบายใจดีด้วย “ยามรักน�า้ ต้มผักก็วา่ หวาน ยามชังน�า้ ตาลยังว่าขม” ชีวติ ครอบครัวส�าคัญทีส่ ดุ ส�าหรับ เราแต่ละคน พ่อ-แม่-ลูก จะสร้างครอบครัวให้มีความสุข หรือความทุกข์ก็ได้ แต่สร้างให้มี ความสุขดีกว่า


บทอ่านที่ 1

ยก.5:13-20

ท่ำนใดทนทุกข์ จงอธิษฐำนภำวนำเถิด ท่ำนใดร่ำเริงยินดี จงร้องเพลงสดุดีเถิด ท่ำนใดเจ็บป่วย จงเชิญบรรดำผู้อำวุโสของพระศำสนจักรให้มำอธิษฐำนภำวนำเพื่อผู้ ป่วย เจิมน�้ำมันผู้นั้นในพระนำมขององค์พระผู้เป็นเจ้ำ ค�ำอธิษฐำนภำวนำด้วยควำมเชื่อ จะช่วยผู้ป่วยให้รอดชีวิต องค์พระผู้เป็นเจ้ำจะทรงโปรดให้ผู้ป่วยลุกขึ้น และถ้ำเขำเคย ท�ำบำป เขำก็จะได้รับกำรอภัย ดังนั้น จงสำรภำพบำปแก่กัน และจงอธิษฐำนให้กันเพื่อ ท่ำนจะหำยจำกโรค ค�ำอ้อนวอนของผู้ชอบธรรมมีพลังท�ำให้เกิดผลมำกมำย ประกำศก เอลียำห์เป็นมนุษย์ที่มีธรรมชำติเหมือนกับเรำ เขำอธิษฐำนภำวนำอย่ำงแรงกล้ำขออย่ำ ให้ฝนตก ฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินเป็นเวลำสำมปีหกเดือน เขำอธิษฐำนภำวนำอีก ท้องฟ้ำ ก็ให้ฝนและแผ่นดินก็ผลิตพืชผล พีน่ อ้ งทัง้ หลำย ถ้ำท่ำนใดหลงผิดไปจำกควำมจริงและอีกคนหนึง่ น�ำเขำกลับมำ จง รูไ้ ว้เถิดว่ำ ผูท้ ชี่ ว่ ยคนบำปให้กลับมำจำกทำงผิด ก็จะช่วยวิญญำณของตนให้รอดพ้นจำก ควำมตำย และจะได้รับกำรอภัยบำปมำกมำย

พระวรสาร

มก 10:13-16

เวลำนั้น มีผู้น�ำเด็กเล็กๆ มำเฝ้ำพระเยซูเจ้ำเพื่อทรงสัมผัสอวยพร แต่บรรดำศิษย์ กลับดุว่ำคนเหล่ำนั้น เมื่อทรงเห็นเช่นนี้ พระองค์กริ้ว ตรัสแก่บรรดำศิษย์ว่ำ “ปล่อย ให้เด็กเล็กๆ มำหำเรำเถิด อย่ำห้ำมเลย เพรำะพระอำณำจักรของพระเจ้ำเป็นของคน ที่เหมือนเด็กเหล่ำนี้ เรำบอกควำมจริงกับท่ำนว่ำ ผู้ใดไม่รับพระอำณำจักรของพระเจ้ำ อย่ำงเด็กเล็กๆ เขำจะไม่เข้ำสู่พระอำณำจักรนั้นเลย” แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเหล่ำนั้น ไว้ ทรงปกพระหัตถ์ และประทำนพระพร ในชีวิตของเราแต่ละคนย่อมมีทั้งทุกข์ และสุข สมหวังและผิดหวัง ทั้งสบาย และเจ็บปวย ทั้งเหน็ดเหนื่อยและพักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ ในสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้เราจะท�า อย่างไร ถ้าท�าอย่างที่นักบุญยากอบอัครสาวกได้บอกไว้ได้ เราจะมีความสุขที่สุดในชีวิต และจะ ได้รับรางวัลในสวรรค์ด้วย ใครรักเด็กๆ ก็นับว่าเป็นคนดีแล้ว ยิ่งรักเด็กยากจน ดื้อ เกเร เหลือขอด้วย คนนั้นเป็น นักบุญ – “ปล่อยให้เด็กๆ มาหาเราเถิด”

น.คริสโตเฟอร์ มักอัลลาเนส และเพื่อนมรณสักขี สดด 141:1-2,3,8 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1


สมโภช พระตรีเอกภาพ

บทอ่านจากหนังสือสุภาษิต

สภษ 8:22-31

เพลงสดุดี

สดด 8:3-4,5-6,7-8

ปรีชำญำณกล่ำวว่ำ “องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงสร้ำงดิฉันตั้งแต่แรก ก่อนสร้ำงสิ่งใดๆ ดิฉันเป็นผลแรกใน บรรดำพระรำชกิจดัง้ เดิมของพระองค์ ดิฉนั ได้รบั กำรสถำปนำไว้ตงั้ แต่นริ นั ดร ตัง้ แต่แรก เริม่ ก่อนทีแ่ ผ่นดินจะมีขนึ้ ดิฉนั ถือก�ำเนิดมำเมือ่ ยังไม่มมี หำสมุทร เมือ่ ยังไม่มพี นุ ำ�้ ทีม่ นี ำ�้ มำกมำย ดิฉนั ถือก�ำเนิดมำแล้วก่อนทีฐ่ ำนของภูเขำจะถูกวำง และก่อนเนินเขำทัง้ หลำย ก่อนที่พระเจ้ำทรงสร้ำงแผ่นดินและท้องทุ่ง ก่อนทรงสร้ำงผงคลีแรกของโลก เมื่อทรง จัดวำงท้องฟ้ำ ดิฉันก็อยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อทรงลำกเส้นรอบวงบนพื้นผิวมหำสมุทร เมื่อทรง รวบรวมเมฆเบื้องบนให้อยู่ด้วยกัน เมื่อทรงบันดำลให้น�้ำพุขึ้นจำกขุมลึกของมหำสมุทร เมื่อทรงก�ำหนดเขตจ�ำกัดให้แก่ทะเล เพื่อน�้ำจะไม่ล่วงล�้ำเลยเขตที่ทรงก�ำหนดไว้ เมื่อ พระองค์ทรงวำงรำกฐำนของแผ่นดิน เวลำนั้นดิฉันอยู่เคียงข้ำงพระองค์เหมือนนำยช่ำง ท�ำให้พระองค์ทรงยินดีทกุ วัน ดิฉนั ชืน่ ชมเฉพำะพระพักตร์พระองค์ทกุ เวลำ ร่ำเริงอยูท่ วั่ แผ่นดินที่มีคนอำศัย ปีติยินดีที่จะอยู่กับมวลมนุษย์” ก) เมื่อข้ำพเจ้ำแหงนมองท้องฟ้ำ ซึ่งนิ้วพระหัตถ์บรรจงสร้ำงไว้ มองดูเดือนดูดำวที่พระองค์ทรงประดับไว้อย่ำงมั่นคง มนุษย์เป็นใคร พระองค์จึงทรงระลึกถึงเขำ บุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร พระองค์จึงต้องทรงเอำพระทัยใส่ ข) ถูกแล้ว พระองค์ทรงสร้ำงมนุษย์ให้ด้อยกว่ำทูตสวรรค์เพียงน้อยนิด ประทำนควำมรุ่งโรจน์และเกียรติยศให้เป็นเสมือนมงกุฎประดับศีรษะ ทรงแต่งตั้งเขำให้เป็นเจ้ำนำยของผลงำนจำกฝีพระหัตถ์ และทรงวำงสรรพสิ่งไว้ใต้เท้ำของเขำ ค) ฝูงแพะแกะ และปศุสัตว์ รวมทั้งสัตว์ป่ำทั้งหลำย นกในท้องฟ้ำ ปลำในท้องทะเล และสรรพสัตว์ที่แหวกว่ำยในมหำสมุทร

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 5:1-5

พี่น้อง เมื่อได้เป็นผู้ชอบธรรมด้วยควำมเชื่อแล้ว เรำย่อมมีสันติกับพระเจ้ำ เดชะ พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้ำของเรำ โดยทำงพระองค์ เรำจึงเข้ำถึงพระหรรษทำน และก�ำลังด�ำรงอยู่ในพระหรรษทำนนี้ เรำภูมิใจในควำมหวังที่จะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ ของพระเจ้ำ ยิ่งกว่ำนั้น เรำยังภูมิใจในควำมทุกข์ เพรำะรู้ว่ำควำมทุกข์ก่อให้เกิดควำม พำกเพียร ควำมพำกเพียรก่อให้เกิดคุณธรรมทีแ่ ท้จริง คุณธรรมทีแ่ ท้จริงก่อให้เกิดควำม


หวัง ควำมหวังนีไ้ ม่ทำ� ให้เรำผิดหวัง เพรำะพระจิตเจ้ำซึง่ พระเจ้ำประทำนให้เรำ ทรงหลั่งควำมรักของพระเจ้ำลง ในดวงใจของเรำ

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 16:12-15

เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “เรำยังมีอกี หลำยเรือ่ งทีจ่ ะบอกท่ำน แต่บดั นีท้ ำ่ น ยังรับไว้ไม่ได้ เมือ่ พระจิตแห่งควำมจริงเสด็จมำ พระองค์ จะทรงน�ำท่ำนไปสู่ควำมจริงทั้งมวล พระองค์จะไม่ตรัส โดยพระองค์เอง แต่จะตรัสทุกสิง่ ทีท่ รงได้ฟงั มำ และจะ ทรงแจ้งให้ท่ำนรู้เหตุกำรณ์ที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรง ให้เรำได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ เพรำะพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่ำนรู้ค�ำสอนที่ทรงได้รับจำกเรำ ทุกสิ่งที่พระบิดำ ทรงมีนั้นก็เป็นของเรำด้วย ดังนั้น เรำจึงบอกว่ำ พระจิตเจ้ำจะทรงแจ้งให้ท่ำนรู้ค�ำสอนที่ทรงรับจำกเรำ” พระเยซูทรงเป็นพระเอกบุตรสุดที่รักของพระบิดา (ลก 3:22) มนุษย์ทุกคนเป็นน้องของพระ เยซู โดยการไถ่บาปของพระองค์บนไม้กางเขน ดังนั้น พระบิดาก็ทรงรักเราทุกคนด้วย ฉะนั้น เราก็ต้องท�าตัวให้ เป็นน้องที่ดีของพระเยซูเสมอ พระจิตเสด็จลงมาท�าให้เราทุกคนได้รับพระหรรษทานเป็นบุตรบุญธรรมของพระบิดา และได้รับผลแห่ง การไถ่บาปของพระเยซู สามารถไปสวรรค์ได้ทุกคน


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา

สดด 111:1-2,4-5, 9-10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร

1 ปต 1:3-9

ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงพระกรุณาอย่างยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงบันดาลให้เราบังเกิดใหม่และมีความ หวังที่มีชีวิตชีวา อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าจากบรรดาผู้ตาย เพื่อรับมรดกที่ไม่เสื่อมสลายไร้มลทิน ไม่มีวันร่วงโรยซึ่งเก็บรักษาไว้ในสวรรค์เพื่อท่าน พระเจ้าทรงปกป้องท่านไว้ด้วยพระอานุภาพให้มีความเชื่อ จนกว่าจะประทานความ รอดพ้นซึ่งก�ำลังจะได้รับการเปิดเผยในวาระสุดท้าย ดังนัน้ ท่านจงชืน่ ชม แม้วา่ ในเวลานีท้ า่ นยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดลองต่างๆ ชัว่ ขณะหนึง่ เพือ่ คุณค่าทีแ่ ท้จริงแห่งความเชือ่ ของท่านจะได้รบั การสรรเสริญ รับสิรริ งุ่ โรจน์ และรับเกียรติเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าจะทรงส�ำแดงพระองค์ ความเชื่อนี้ประเสริฐยิ่งกว่า ทองค�ำที่เสื่อมสลายได้ แต่ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ ท่านมีความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้า ทัง้ ๆ ทีย่ งั มิได้เห็นพระองค์ แม้วา่ ขณะนีท้ า่ นยังมิได้เห็นพระองค์ ท่านก็ยงั เชือ่ ในพระองค์ ท่านจึงชื่นชมยินดีใหญ่หลวงสุดที่จะพรรณนา เพราะท่านก�ำลังจะได้รับจุดมุ่งหมายของ ความเชื่อ คือความรอดพ้นของวิญญาณอยู่แล้ว

มก 10:17-27

ขณะที่พระเยซูเจ้าก�ำลังทรงพระด�ำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระ อาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องท�ำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท�ำไมเรียกเรา ว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วง ประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตเิ หล่านีท้ กุ ข้อมาตัง้ แต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัย เอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ใน สวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติจ�ำนวน มาก จึงจากไปด้วยความทุกข์ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระ อาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่ จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดา ศิษย์ยงิ่ ประหลาดใจมากขึน้ พูดกันว่า “ดังนี้ ใครจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัส ว่า “ส�ำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่ส�ำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงท�ำได้ทุกสิ่ง”

เวลานีเ้ ราต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย เพือ่ จะได้มาซึง่ ความเชือ่ ถึงพระเยซู ท�ำให้เราเกิดใหม่ และได้ รับความชื่นชมยินดีในสวรรค์ ทุกคนรู้จักทางไปสวรรค์ดีอยู่แล้ว แต่จะเดินตามทางนั้นหรือไม่ ถ้าใครเดินตามทางนั้น ก็ได้ไปสวรรค์แน่ และ จะได้สวรรค์สูงขึ้นอีก ถ้าเขาไม่ติดอกติดใจในทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และท�ำบุญให้ทานด้วย


บทอ่านที่ 1

1 ปต 1:10-16

พี่น้องที่รักยิ่ง ควำมรอดพ้นนี้คือควำมรอดพ้นที่บรรดำประกำศกค้นหำและ วิเครำะห์ ประกำศกเหล่ำนี้ประกำศพระวำจำกล่ำวถึงพระหรรษทำนที่ทรงเตรียมไว้ ส�ำหรับท่ำน เขำเหล่ำนั้นวิเครำะห์เวลำและกรณีแวดล้อมของเหตุกำรณ์ที่พระจิตของ พระคริสตเจ้ำตรัสไว้ล่วงหน้ำ พระจิตของพระคริสตเจ้ำทรงเป็นพยำนอยู่ในตัวเขำ ทรง เปิดเผยให้รู้ถึงพระทรมำนที่พระคริสตเจ้ำจะต้องทรงรับ และรู้ถึงพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะ ตำมมำ พระเจ้ำทรงเปิดเผยเรื่องเหล่ำนี้แก่บรรดำประกำศก มิใช่ส�ำหรับประกำศกเอง แต่ส�ำหรับท่ำนทั้งหลำย บัดนี้ ผู้ประกำศข่ำวดีแจ้งเรื่องดังกล่ำวให้ท่ำนรู้เดชะพระจิต เจ้ำผู้ที่พระเจ้ำทรงส่งมำจำกสวรรค์ เรื่องเหล่ำนี้แม้แต่ทูตสวรรค์ก็ปรำรถนำที่จะได้เห็น เช่นเดียวกัน ดังนั้น ท่ำนทั้งหลำยจงเตรียมจิตใจไว้ให้พร้อมที่จะปฏิบัติงำน จงบังคับตนเอง ตั้ง ควำมหวังทั้งหมดไว้ในพระหรรษทำนซึ่งพระเจ้ำจะทรงน�ำมำประทำนให้เมื่อพระเยซู คริสตเจ้ำทรงส�ำแดงพระองค์ จงประพฤติตนดังบุตรที่เชื่อฟัง อย่ำประพฤติตำมกิเลส ตัณหำดังแต่ก่อนเมื่อท่ำนยังขำดควำมรู้ แต่จงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในควำมประพฤติทุก ประกำรตำมแบบฉบับของพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงเรียกท่ำน เพรำะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ว่ำ “ท่ำนทั้งหลำยจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพรำะเรำเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์”

พระวรสาร

มก 10:28-31

เวลำนั้น เปโตรทูลพระเยซูเจ้ำว่ำ “ข้ำพเจ้ำทั้งหลำยได้สละทุกสิ่งและติดตำม พระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้ำตรัสว่ำ “เรำบอกควำมจริงกับท่ำนว่ำ ไม่มใี ครทีล่ ะทิง้ บ้ำนเรือน พี่น้องชำยหญิง บิดำมำรดำ บุตรหรือไร่นำเพรำะเห็นแก่เรำ และเพรำะเห็นแก่ข่ำวดี จะ ไม่ได้รับกำรตอบแทนร้อยเท่ำในโลกนี้ เขำจะได้บ้ำนเรือน พี่น้องชำยหญิง มำรดำ บุตร ไร่นำ พร้อมกับกำรเบียดเบียน และในโลกหน้ำจะได้ชีวิตนิรันดร หลำยคนที่เป็นกลุ่ม แรกจะกลับเป็นกลุ่มสุดท้ำย และกลุ่มสุดท้ำยจะกลับกลำยเป็นกลุ่มแรก” ประกาศกน�าพระหรรษทานมาให้เราทุกคน ผ่านทางพระจิตเจ้า เพื่อเราจะ ได้ปฏิบตั ติ ามพระประสงค์ของพระบิดาอย่างครบครัน จนเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ ์ สมจะได้รบั รางวัลใน สวรรค์ พระผู้เป็นเจ้าไม่เคยเอาเปรียบใคร ใครเสียสละท�างานให้พระองค์มากเท่าไร เขาจะได้ รับรางวัลตอบแทนร้อยเท่าพันทวี ทั้งในโลกนี้ และในสวรรค์ด้วย

สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา สดด 98:1-2,3-4 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2


บทอ่านที่ 1

1 ปต 1:18-25

พระวรสาร

มก 10:32-45

พี่น้องที่รักยิ่ง เพราะท่านรู้ว่าท่านได้รับการไถ่กู้หลุดพ้นจากวิถีชีวิตไร้ค่าที่สืบมา จากบรรพบุรุษ มิใช่ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง แต่ด้วยพระโลหิตประเสริฐ ของพระคริสตเจ้า ดังเลือดของลูกแกะไร้มลทินหรือจุดด่างพร้อย พระองค์ทรงก�ำหนด ไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ก่อนสร้างโลก และทรงเปิดเผยพระคริสตเจ้าเพื่อท่านทั้งหลายใน วาระสุดท้าย... เมื่อท่านทั้งหลายนอบน้อมเชื่อฟังความจริง ช�ำระจิตใจให้บริสุทธิ์จนรักกันฉันพี่ น.เกรโกรี่ที่ 7 น้ อ งแล้ ว ก็จงรักกันจากใจจริงยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะท่านบังเกิดใหม่แล้วมิใช่จากเมล็ด พระสันตะปาปา พันธุ์ที่เสื่อมสลายได้ แต่จากเชื้อเมล็ดที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย คือจากพระวาจาที่ทรงชีวิต น.เบดา พระสงฆ์และนักปราชญ์ และคงอยูต่ ลอดไปของพระเจ้า เพราะพระคัมภีรก์ ล่าวว่า “มนุษย์ทงั้ มวลเป็นเหมือนต้น แห่งพระศาสนจักร หญ้า และความรุ่งเรืองทั้งมวลของเขาก็เป็นเหมือนดอกหญ้า ต้นหญ้าเหี่ยวแห้ง ดอกก็ น.มารีย์มักดาเลนา ร่วงโรยไปด้วย แต่พระวาจาของพระเจ้าด�ำรงอยู่ตลอดนิรันดร”...

เด ปัสซี พรหมจารี สดด 147:12-14, 15-16,19-20

เวลานัน้ บรรดาศิษย์กำ� ลังเดินทางขึน้ ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระเยซูเจ้าเสด็จน�ำเขาไป เขาต่ า งประหลาดใจ ผูต้ ดิ ตามต่างมีความกลัว พระองค์ทรงพาอัครสาวกสิบสองคนออก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ไปอีกครัง้ หนึง่ ทรงบอกเขาถึงเหตุการณ์ทจี่ ะเกิดขึน้ กับพระองค์วา่ “บัดนี้ พวกเราก�ำลัง จะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบให้บรรดามหาสมณะและบรรดา ธรรมาจารย์ จะถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกมอบให้คนต่างชาติสบประมาทเยาะเย้ย ถ่มน�้ำลายรด โบยตี และฆ่าเสีย แต่หลังจากนั้นสามวัน เขาจะกลับคืนชีพ” ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี เข้ามาทูลพระองค์วา่ “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าทัง้ สองปรารถนาให้พระองค์ ทรงกระท�ำตามที่ข้าพเจ้าจะขอนี้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านปรารถนาให้เราท�ำสิ่งใด” ทั้งสองคนทูลตอบว่า “ขอโปรดให้ข้าพเจ้าคนหนึ่งนั่งข้างขวา อีกคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์เถิด” พระเยซู เจ้าตรัสว่า “ท่านไม่รู้ว่าก�ำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่” ทั้ง สองคนทูลว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้วยที่เราจะดื่มนั้น ท่านจะได้ดื่ม และการล้างที่เรา จะรับนั้น ท่านก็จะได้รับ แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้ ส�ำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้” เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธยากอบและยอห์น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกเขาทั้งหมดมา พบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่า คนต่างชาติที่คิดว่าตนเป็นหัวหน้าย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้เป็น ใหญ่ยอ่ มใช้อำ� นาจบังคับ แต่ทา่ นทัง้ หลายไม่ควรเป็นเช่นนัน้ ผูใ้ ดทีป่ รารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องท�ำตนเป็นผูร้ บั ใช้ผอู้ นื่ และผูใ้ ดทีป่ รารถนาจะเป็นคนทีห่ นึง่ ในหมูท่ า่ น ก็จะต้องท�ำตนเป็นผูร้ บั ใช้ทกุ คน เพราะบุตรแห่งมนุษย์ มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย” เราทุกคนมีบาป ความผิด และต้องตาย แต่เราได้รับการไถ่บาปด้วยพระโลหิตของพระเยซู เรากลับ เป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยเดชะพระจิต เราจึงต้องรักกันและกันอย่างแท้จริงฉันพี่น้อง เราจะได้ชีวิตนิรันดรในสวรรค์ แม้แต่บรรดาอัครสาวก 12 องค์ ยังอยากเป็นใหญ่เป็นโต และอิจฉากัน แต่พระเยซูทรงเตือนว่า ใครอยากเป็น ใหญ่เป็นโต ให้รับใช้คนอื่น เหมือนพระองค์ทรงรับใช้ทุกคน


บทอ่านที่ 1

1 ปต 2:2-5,9-12

พี่น้องที่รักยิ่ง เช่นเดียวกับทำรกแรกเกิด ท่ำนปรำรถนำน�้ำนมบริสุทธิ์ฝ่ำยจิตใจ เพื่อน�้ำนมจะช่วยให้ท่ำนเจริญเติบโตขึ้นไปรับควำมรอดพ้น ถ้ำท่ำนลิ้มรสแล้วว่ำ “องค์ พระผู้เป็นเจ้ำ” ทรงควำมดีเพียงใด จงเข้ำไปเฝ้ำพระองค์ผู้ทรงเป็นศิลำทรงชีวิตซึ่งมนุษย์ละทิ้งไป แต่พระเจ้ำทรง เลือกสรรไว้และมีคำ่ ประเสริฐ ท่ำนเป็นเหมือนศิลำทีม่ ชี วี ติ ก�ำลังก่อสร้ำงขึน้ เป็นวิหำรของ พระจิตเจ้ำ เป็นสมณตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เพื่อถวำยเครื่องบูชำฝ่ำยจิตซึ่งเป็นที่สบพระทัย พระเจ้ำเดชะพระเยซูคริสตเจ้ำ ท่ำนทัง้ หลำยเป็นชำติทที่ รงเลือกสรรไว้ เป็นสมณรำชตระกูล เป็นชนชำติศกั ดิส์ ทิ ธิ์ เป็นประชำกรที่เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้ำ เพื่อจะประกำศพระฤทธำนุภำพของ พระองค์ผู้ทรงเรียกท่ำนจำกควำมมืดสู่ควำมสว่ำงน่ำพิศวงของพระองค์ ในอดีตท่ำน มิได้เป็นประชำกร แต่บัดนี้ท่ำนเป็นประชำกรของพระเจ้ำแล้ว ในอดีตท่ำนมิได้รับพระ เมตตำ แต่บัดนี้ท่ำนได้รับพระเมตตำแล้ว ท่ำนที่รักยิ่งทั้งหลำย ข้ำพเจ้ำวอนขอท่ำนผู้เป็นเสมือนคนต่ำงด้ำวและคนพลัดถิ่น ให้ละเว้นจำกกิเลสตัณหำของเนือ้ หนังซึง่ ท�ำสงครำมสูร้ บกับวิญญำณ จงมีควำมประพฤติ ดีงำมในหมู่คนต่ำงศำสนำ แม้เขำจะใส่ร้ำยท่ำนว่ำประพฤติชั่วร้ำย เขำจะต้องยอมรับว่ำ กิจกำรที่ท่ำนท�ำนั้นเป็นกิจกำรดี และจะสรรเสริญพระเจ้ำในวันที่พระองค์เสด็จมำ

พระวรสาร

มก 10:46-52

เวลำนัน้ พระเยซูเจ้ำเสด็จมำถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดำศิษย์ ขณะทีพ่ ระองค์ เสด็จออกจำกเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดำศิษย์และประชำชนจ�ำนวนมำก บำรทิเมอัสบุตร ของทิเมอัส คนขอทำนตำบอดนัง่ อยูร่ มิ ทำง เมือ่ ได้ยนิ ว่ำพระเยซูชำวนำซำเร็ธก�ำลังเสด็จ ผ่ำนมำ เขำเริม่ ส่งเสียงร้องตะโกนว่ำ “ข้ำแต่พระเยซู โอรสของกษัตริยด์ ำวิดเจ้ำข้ำ โปรด เมตตำข้ำพเจ้ำเถิด” หลำยคนดุเขำให้เงียบ แต่เขำกลับตะโกนดังยิง่ กว่ำเดิมว่ำ “พระโอรส ของกษัตริยด์ ำวิดเจ้ำข้ำ โปรดเมตตำข้ำพเจ้ำเถิด” พระเยซูเจ้ำทรงหยุด ตรัสว่ำ “ไปเรียกเขำมำซิ” เขำก็เรียกคนตำบอดพลำงกล่ำวว่ำ “ท�ำใจดีๆ ไว้ ลุกขึน้ พระองค์กำ� ลังเรียกเจ้ำแล้ว” คนตำบอดสลัดเสือ้ คลุมทิง้ กระโดด เข้ำไปเฝ้ำพระเยซูเจ้ำ พระเยซูเจ้ำตรัสว่ำ “ท่ำนอยำกให้เรำท�ำอะไรให้” คนตำบอดทูลว่ำ “รับโบนี ให้ขำ้ พเจ้ำแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้ำตรัสกับเขำว่ำ “ไปเถิด ควำมเชือ่ ของท่ำนได้ ช่วยท่ำนให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนัน้ เขำกลับแลเห็นและเดินทำงติดตำมพระองค์ไป เราทุกคนเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อประกาศพระ ฤทธานุภาพของพระองค์ ฉะนั้นเราต้องละทิ้งกิเลสตัณหาของเนื้อหนัง และประพฤติตนเป็น คนดี เพื่อทุกคนจะได้สรรเสริญพระเจ้า พระเยซูก�าลังเรียกท่าน ท่านต้องการขออะไรจากพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ตรัสกับ ท่านว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านช่วยให้ท่านรอดแล้ว”

ระลึกถึง น.ฟีลิป เนรี พระสงฆ์ สดด 100:1-5 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2


น.ออกัสติน แห่งแคนเตอร์เบอรี พระสังฆราช

บทอ่านที่ 1

1 ปต 4:7-13

พระวรสาร

มก 11:11-26

พี่น้องที่รักยิ่ง ทุกสิ่งใกล้อวสานแล้ว ดังนั้น จงมีความสุขุมรอบคอบ รู้จักประมาณ ตนเพือ่ อธิษฐานภาวนา ทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ จงมีความรักกันอย่างมัน่ คง เพราะความรักลบล้าง บาปได้มากมาย จงต้อนรับกันโดยไม่ปริปากบ่น แต่ละคนจงใช้พระพรที่ได้รับมาเพื่อรับ ใช้กนั ประดุจผูจ้ ดั การทีด่ เี พือ่ แจกจ่ายพระหรรษทานหลากหลายของพระเจ้า ถ้าจะกล่าว วาจาใด ก็จงกล่าวดุจกล่าวพระวาจาของพระเจ้า ผู้ใดมีหน้าที่รับใช้ ก็จงรับใช้ตามก�ำลัง ที่พระเจ้าประทานให้...

เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เข้าไปในพระวิหาร เมือ่ ทอดพระเนตร สิ่งต่างๆ โดยรอบแล้ว พระองค์ก็เสด็จออกไปยังหมู่บ้านเบธานี พร้อมกับอัครสาวกสิบ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 สองคน ขณะนั้นเป็นเวลาค�่ำแล้ว วันรุ่งขึ้น ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากหมู่บ้านเบธานีพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์ทรงรูส้ กึ หิว เมือ่ ทอดพระเนตรแต่ไกล ทรงเห็นมะเดือ่ เทศต้นหนึง่ มีใบ จึงเสด็จ เข้าไปทอดพระเนตรว่ามีผลหรือไม่ ทรงพบแต่ใบ เพราะมิใช่ฤดูมะเดื่อเทศ พระองค์จึง ตรัสแก่มะเดือ่ เทศต้นนัน้ ว่า “ตัง้ แต่นตี้ อ่ ไป อย่าให้ใครได้กนิ ผลของเจ้าอีกเลย” บรรดา ศิษย์ได้ยินพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับบรรดาศิษย์ เมื่อเสด็จเข้าสู่พระวิหาร พระองค์ทรงขับไล่ บรรดาคนซื้อขายในพระวิหาร ทรงคว�่ำโต๊ะของคนแลกเงิน และม้านั่งของคนขายนกพิราบ พระองค์ไม่ทรง ยอมให้ใครแบกสัมภาระเดินผ่านพระวิหาร พระองค์ตรัสสอนประชาชนว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์มิใช่หรือ ว่า บ้านของเราจะได้ชื่อว่าบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนาส�ำหรับนานาชาติ แต่ท่านทั้งหลายกลับมาท�ำให้เป็น ซ่องโจร” เมื่อบรรดามหาสมณะและบรรดาธรรมาจารย์ได้ยินเรื่องนี้ ก็หาช่องทางที่จะก�ำจัดพระองค์ แต่เขา กลัวพระองค์ เพราะประชาชนก�ำลังประทับใจในค�ำสั่งสอนของพระองค์ ครั้นถึงเวลาเย็น พระองค์ก็เสด็จ ออกจากเมืองพร้อมกับบรรดาศิษย์ เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่บรรดาศิษย์ผ่านมา ได้เห็นต้นมะเดื่อเทศเหี่ยวเฉาไปจนถึงราก เปโตรจ�ำได้จึงทูลพระ เยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ดูซิ ต้นมะเดื่อเทศที่พระองค์ทรงสาปแช่งนั้นเหี่ยวเฉาไปแล้ว” พระเยซูเจ้าจึง ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงมีความเชื่อในพระเจ้าเถิด เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าผู้ใดบอกภูเขาลูกนี้ว่า ‘จง ยกตัวขึ้น และทิ้งตัวลงไปในทะเลเถิด’ โดยไม่มีใจสงสัย แต่เชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจะเป็นจริง มันก็จะเป็นเช่น นั้น ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านวอนขอในการอธิษฐานภาวนา จงเชื่อว่าท่านจะได้รับ และท่าน ก็จะได้รับ ขณะที่ท่านยืนอธิษฐานภาวนา ถ้าท่านมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใด จงให้อภัย เพื่อว่าพระบิดาของท่าน ผู้สถิตบนสวรรค์จะทรงอภัยความผิดให้ท่านด้วย” สดด 96:10-13

จงท�ำทุกอย่างด้วยความสุขุม รอบคอบ และด้วยความรักแท้จริงใจ โดยไม่บ่นเลย จงพูดสร้างสรรค์ และให้ก�ำลังใจกัน ไม่ต้องแปลกใจ เมื่อถูกด่า ว่าร้าย ใส่ความ จงชื่นชมยินดีเถิด ท่านจะได้รับสิริรุ่งโรจน์มากขึ้น จิตใจของเราแต่ละคนเป็นวิหารของพระเจ้า ส�ำหรับสวดภาวนา อธิษฐานส�ำหรับทุกคน อย่าท�ำให้พระวิหาร ของพระเจ้าต้องเปื้อนหมองด้วยบาป และความผิดชั่วร้ายของเราเลยเป็นอันขาด จงมีความเชื่อมั่นในพระเจ้า แล้วเราจะมีความสุขอย่างแท้จริงตลอดชีวิต


บทอ่านที่ 1

ยด 1:20-25

ท่ำนที่รักทั้งหลำย จงเสริมสร้ำงตนเองจำกพื้นฐำนควำมเชื่อศักดิ์สิทธิ์ย่ิงของท่ำน จงอธิษฐำนภำวนำในพระจิตเจ้ำ จงมีควำมรักอย่ำงมั่นคงในพระเจ้ำ ขณะที่รอคอยพระ กรุณำของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้ำของเรำ เพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร จงสงสำร คนทีย่ งั มีใจโลเล จงช่วยเขำให้รอดพ้นโดยดึงเขำออกมำจำกไฟ จงสงสำรคนอืน่ ด้วย แต่ ต้องมีควำมระมัดระวัง จงอยู่ห่ำงแม้กระทั่งเสื้อที่เปอนมลทินของเขำ แด่พระองค์ผู้ทรงปกป้องท่ำนทั้งหลำยไว้มิให้พลำดพลั้ง และทรงประคองให้ยืน ด้วยควำมยินดีปรำศจำกต�ำหนิเฉพำะพระสิรริ งุ่ โรจน์ แด่พระองค์แต่เพียงพระองค์เดียว ผู้ทรงเป็นพระเจ้ำ ผู้ทรงช่วยเรำให้รอดพ้น อำศัยพระบำรมีของพระเยซูคริสต์ องค์พระ ผู้เป็นเจ้ำของเรำ ขอพระสิริรุ่งโรจน์ พระบำรมียิ่งใหญ่ พระเดชำนุภำพและพระฤทธำนุ ภำพ จงมีแด่พระองค์ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนำคตตลอดนิรันดรเทอญ อำเมน

พระวรสาร

มก 11:27-33

เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำเสด็จกลับมำที่กรุงเยรูซำเล็มอีกพร้อมกับบรรดำศิษย์ ขณะที่ ทรงพระด�ำเนินอยูใ่ นพระวิหำร บรรดำมหำสมณะ บรรดำธรรมำจำรย์ และผูอ้ ำวุโสได้เข้ำ มำพบพระองค์ ทูลถำมว่ำ “ท่ำนมีอำ� นำจใดจึงท�ำเช่นนี้ ใครมอบอ�ำนำจให้ทำ่ นท�ำกำรเหล่ำ นี”้ พระเยซูเจ้ำตรัสกับเขำว่ำ “เรำขอถำมท่ำนอย่ำงหนึง่ ด้วยเหมือนกัน ถ้ำท่ำนตอบ เรำ ก็จะบอกท่ำนว่ำเรำท�ำเช่นนีโ้ ดยอ�ำนำจอะไร พิธลี ำ้ งของยอห์นมำจำกสวรรค์หรือมำจำก มนุษย์ จงตอบมำซิ” บรรดำมหำสมณะ ธรรมำจำรย์และผู้อำวุโส จึงปรึกษำกันว่ำ “ถ้ำ เรำตอบว่ำมำจำกสวรรค์ เขำก็จะถำมว่ำ ‘แล้วท�ำไมท่ำนจึงไม่เชื่อยอห์น’ แต่เรำจะบอก ว่ำมำจำกมนุษย์ได้อย่ำงไร” เขำเหล่ำนั้นกลัวประชำชน เพรำะประชำชนคิดว่ำ ยอห์น เป็นประกำศก จึงทูลตอบพระเยซูเจ้ำว่ำ “เรำไม่รู้” พระเยซูเจ้ำจึงตรัสว่ำ “เรำก็ไม่บอก ท่ำนเช่นเดียวกันว่ำเรำท�ำกำรเหล่ำนี้ด้วยอ�ำนำจใด” จงอธิษฐานภาวนาเสมอ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อ และความรักมั่นคงใน พระเจ้า โดยยินดี เต็มใจ และพร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องของเราทุกคน ทุกอย่าง ทุกเมื่อ และ ทันที ที่เราท�าได้ เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ มหาสมณะ ธรรมาจารย์ และผู้อาวุโส ทูลตอบพระเยซูว่า “เราไม่รู้” เพื่อเอาตัวรอดจาก ความชั่วช้า และเจตนาร้ายที่มีต่อพระเยซูเจ้า... หลายคนก็อ้างว่า “ฉันไม่รู้” เพื่อจะได้ไม่ต้อง ท�าหน้าที่ ที่เขาต้องท�า ก็คงไม่พ้นโทษผิดเช่นกัน

สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา สดด 63:1-2,3-5

ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2


สมโภช พระวรกาย และพระโลหิต ของพระคริสตเจา

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล

ปฐก 14:18-20

เพลงสดุดี

สดด 110:1,2,3,4

ในครั้งนั้น เมลคีเซเดคกษัตริย์เมืองซำเลม ทรงเอำขนมปังและเหล้ำองุ่นมำให้ พระองค์ทรงเป็นสมณะของพระเจ้ำสูงสุด ทรงอวยพรอับรำมว่ำดังนี้ “อับรำมจงได้รบั พรจำกพระเจ้ำสูงสุด ผูท้ รงสร้ำงฟ้ำและแผ่นดิน ขอถวำยพระพร แด่พระเจ้ำสูงสุด เพรำะพระองค์ทรงมอบศัตรูไว้ในมือของท่ำน อับรำมถวำยหนึ่งในสิบ ของทุกสิ่งที่ยึดมำได้ให้แก่เมลคีเซเดค”

ก) พระด�ำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ำแก่องค์พระผู้เป็นเจ้ำของข้ำพเจ้ำ “จงประทับทำงขวำของเรำ จนกว่ำเรำจะท�ำให้ศัตรูของท่ำนเป็นดังแท่นวำงเท้ำของท่ำน” ข) จำกศิโยนองค์พระผู้เป็นเจ้ำจะทรงแผ่ขยำยอ�ำนำจกษัตริย์ปกครองแก่ท่ำน ตรัสว่ำ “จงปกครองเหนือบรรดำศัตรู ค) อ�ำนำจปกครองเป็นของท่ำนตั้งแต่วันก�ำเนิดในควำมรุ่งโรจน์ศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่รุ่งอรุณเรำให้ก�ำเนิดท่ำนเหมือนน�้ำค้ำง” ง) องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงปฏิญำณไว้แล้ว และจะไม่เปลี่ยนพระทัย “ท่ำนเป็นสมณะตลอดไปตำมแบบของเมลคีเซเดค”

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 11:23-26

พี่น้อง ข้ำพเจ้ำได้รับสิ่งใดมำจำกองค์พระผู้เป็นเจ้ำ ข้ำพเจ้ำก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ ท่ำน คือในคืนทีท่ รงถูกทรยศนัน้ เอง พระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่ำ “นี่คือกำยของเรำเพื่อท่ำนทั้งหลำย จงท�ำกำรนี้เพื่อระลึกถึงเรำ เถิด” เช่นเดียวกัน หลังอำหำรค�่ำ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่ำ “ถ้วยนี้คือพันธสัญญำใหม่ ในโลหิตของเรำ ทุกครั้งที่ท่ำนจะดื่ม จงท�ำกำรนี้เพื่อระลึกถึงเรำเถิด” ทุกครั้งที่ท่ำนกิน ปังนี้ และดื่มจำกถ้วยนี้ ท่ำนก็ประกำศกำรสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ำจนกว่ำ พระองค์จะเสด็จมำ

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 9:11ข-17

เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำทรงต้อนรับฝูงชนและตรัสสอนเขำเรื่องพระอำณำจักรของ พระเจ้ำ ทรงรักษำคนที่ต้องกำรกำรบ�ำบัดรักษำ เมื่อจวนถึงเวลำเย็น อัครสำวกสิบสองคนมำทูลพระองค์ว่ำ “ขอพระองค์ทรง อนุญำตให้ประชำชนกลับไปเถิด เขำจะได้ไปตำมหมูบ่ ำ้ นและชนบทโดยรอบเพือ่ หำทีพ่ กั


และอำหำร เพรำะขณะนี้เรำอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ ตรัสกับเขำว่ำ “ท่ำนทัง้ หลำยจงหำอำหำรให้เขำกินเถิด” เขำทูลว่ำ “เรำไม่มอี ะไรนอกจำกขนมปังห้ำก้อนและปลำ สองตัวเท่ำนัน้ หรือว่ำเรำจะไปซือ้ อำหำรส�ำหรับคนเหล่ำ นี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชำยประมำณห้ำพันคน พระองค์ จึงตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “จงบอกให้พวกเขำนั่งลงเป็น กลุ่ม กลุ่มละประมำณห้ำสิบคน” เขำก็ท�ำตำมและให้ ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้ำทรงรับขนมปังห้ำก้อนกับปลำ สองตัวนั้นมำ ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้ำ ทรง กล่ำวถวำยพระพร ทรงบิขนมปังส่งให้บรรดำศิษย์น�ำไป แจกจ่ำยแก่ประชำชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บ เศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง อับรามได้รับพระพรของพระเจ้าผ่านทางเมลคีเซเดค เพราะท่านมีความเชื่อและได้ท�าตาม พระประสงค์ของพระเจ้าอย่างซือ่ สัตย์ และท่านก็ได้ถวายหนึง่ ในสิบจากสิง่ ทีไ่ ด้มาแด่พระเจ้าเป็นการขอบพระคุณ พระองค์ด้วย ประชาชนกว่าห้าพันคนได้กินขนมปังที่พระเยซูทรงท�าอัศจรรย์ทวีขึ้นจากปังห้าก้อนและปลาสองตัวจนอิ่ม หน�า แล้วยังเก็บที่เหลือได้อีกสิบสองกระบุง เพื่อสอนเราว่า อย่าใช้จ่ายของที่พระเจ้าประทานให้อย่างสุรุ่ยสุร่าย เป็นอันขาด


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 9 เทศกาลธรรมดา สดด 91:1-2,14-16 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร

2 ปต 1:1-7

ซีโมนเปโตร ผู้รับใช้และอัครสาวกของพระเยซูคริสตเจ้า ถึงท่านทัง้ หลายผูไ้ ด้รบั ความเชือ่ ล�ำ้ ค่าเท่าเทียมกับความเชือ่ ซึง่ เราได้รบั จากความ เที่ยงธรรมของพระเยซูคริสต์พระเจ้าและพระผู้ไถ่ของเรา ขอพระหรรษทานและสันติจงมีแด่ท่านอย่างสมบูรณ์ เพราะได้รู้จักพระเจ้าและ พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ด้วยพระอานุภาพในฐานะพระเจ้า พระคริสตเจ้าประทานทุกสิ่งที่จ�ำเป็นเพื่อให้เรา มีชีวิตอย่างเลื่อมใสศรัทธา เพราะเรารู้จักพระองค์ผู้ทรงเรียกเราอาศัยพระสิริรุ่งโรจน์ และพระฤทธานุภาพของพระองค์ พระองค์จึงประทานพระพรยิ่งใหญ่ล�้ำค่าให้เราตาม ที่ทรงสัญญาไว้ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้หลุดพ้นจากความเสื่อมที่มาจากราคตัณหาใน โลก เข้ามามีส่วนร่วมในพระธรรมชาติของพระเจ้า ดังนั้น ท่านทั้งหลาย จงพยายาม ทุกวิถีทางที่จะใช้คุณธรรมเพิ่มพูนความเชื่อของท่าน ใช้ความรู้เพิ่มพูนคุณธรรม ใช้การ รู้จักบังคับตนเพิ่มพูนความรู้ ใช้ความอดทนเพิ่มพูนการรู้จักบังคับตน ใช้ความเลื่อมใส ศรัทธาเพิ่มพูนความอดทน ใช้มิตรภาพฉันพี่น้องเพิ่มพูนความเลื่อมใสศรัทธา ใช้ความ รักเพิ่มพูนมิตรภาพฉันพี่น้อง

มก 12:1-12

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเรื่องอุปมาให้บรรดาผู้น�ำชาวยิวฟังว่า “ชายคนหนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ท�ำรั้ว ล้อม ขุดบ่อย�่ำผลองุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง เมื่อถึงเวลาก�ำหนด เขาก็ ใช้ผู้รับใช้คนหนึ่งไปหาคนเช่าสวน เพื่อรับส่วนแบ่งจากผลผลิตของสวน แต่คนเช่าสวนจับผู้รับใช้คนนั้นทุบตี แล้วไล่กลับไปมือเปล่า เจ้าของสวนจึงส่งผูร้ บั ใช้ไปอีกคนหนึง่ คนเช่าสวนตีหวั และด่าว่าผูร้ บั ใช้คนนีอ้ ย่างหยาบ คาย เจ้าของสวนส่งผู้รับใช้ไปอีกคนหนึ่ง คนเช่าสวนก็ฆ่าเขา เจ้าของสวนยังส่งผู้รับใช้คนอื่นไปอีกหลายคน ก็ถูกคนเช่าสวนทุบตีบ้าง ฆ่าเสียบ้าง เจ้าของสวนยังมีคนเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง คือบุตรสุดที่รัก เขาจึงส่งบุตร ไปเป็นคนสุดท้าย โดยคิดว่า ‘พวกนั้นคงจะเกรงใจลูกของเราบ้าง’ แต่คนเช่าสวนเหล่านั้นพูดกันว่า ‘คนคนนี้ เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเถิด มรดกจะได้ตกเป็นของเรา’ แล้วเขาก็จับบุตรของเจ้าของสวนฆ่า ทิ้งศพไว้นอก สวน เจ้าของสวนจะท�ำอย่างไร เขาจะมาท�ำลายคนเช่าสวนเหล่านั้น แล้วยกสวนให้คนอื่นเช่า ท่านทั้งหลาย ไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือว่า ‘หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระท�ำเช่นนั้น’” เป็นที่น่า อัศจรรย์กับเรายิ่งนัก บรรดาผู้น�ำชาวยิวพยายามจับกุมพระองค์ เพราะรู้ว่าพระองค์ตรัสอุปมานี้กระทบถึงเขา แต่เขายังเกรง ประชาชนอยู่จึงผละจากพระองค์ไป พระเยซูเจ้าได้ทรงประทานทุกสิ่งที่จ�ำเป็น เพื่อให้เราทุกคนไปสวรรค์ได้ ฉะนั้นเราต้องพยายามทุก วิถีทาง ที่จะบังคับตัวเอง ด้วยความเพียรอดทนในการรักพี่น้องของเราเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรักเราด้วย เราอย่าเป็นคนใช้ที่ทรยศต่อพระเจ้าของเรา โดยการท�ำผิดบาปอีกต่อไปเลย แต่จงท�ำดีเสมอ เพื่อจะได้เป็นที่ โปรดปรานของพระองค์ตลอดไป


บทอ่านที่ 1

รม 12:9-16

พี่น้อง จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีควำมชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่ำผูอ้ นื่ ดีกว่ำตน อย่ำเฉือ่ ยชำ จงมีจติ ใจกระตือรือร้นในกำรรับใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ จงชืน่ ชมยินดีในควำมหวัง จงมีควำมอดทนต่อควำมทุกข์ยำก จงพำกเพียรในกำรภำวนำ จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือบรรดำผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิใ์ นยำมขัดสน จงต้อนรับด้วยอัธยำศัยไมตรี จงอวยพรผู้ที่เบียดเบียนท่ำน จงอวยพรเขำ อย่ำสำปแช่ง จงร่วมยินดีกับผู้ที่ยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ จงเป็นน�้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่ำมักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมท�ำสิ่ง ต�่ำต้อยเถิด อย่ำทะนงว่ำตนฉลำด

พระวรสาร

ลก 1:39-56

หลังจำกนั้นไม่นำน พระนำงมำรีย์ทรงรีบออกเดินทำงไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขำ แคว้นยูเดีย พระนำงเสด็จเข้ำไปในบ้ำนของเศคำริยำห์และทรงทักทำยนำงเอลีซำเบธ เมื่อนำงเอลีซำเบธได้ยินค�ำทักทำยของพระนำงมำรีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นำงเอลีซำเบธ ได้รบั พระจิตเจ้ำเต็มเปีย่ ม ร้องเสียงดังว่ำ “เธอได้รบั พระพรยิง่ กว่ำหญิงใดๆ และลูกของ เธอก็ได้รับพระพรด้วย ท�ำไมพระมำรดำขององค์พระผู้เป็นเจ้ำจึงเสด็จมำเยี่ยมข้ำพเจ้ำ เมื่อฉันได้ยินค�ำทักทำยของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยควำมยินดี เธอเป็นสุขที่ เชื่อว่ำ พระวำจำที่องค์พระผู้เป็นเจ้ำตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” พระนำงมำรีย์ตรัสว่ำ “วิญญำณข้ำพเจ้ำประกำศควำมยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็น เจ้ำ จิตใจของข้ำพเจ้ำชืน่ ชมยินดีในพระเจ้ำ พระผูท้ รงกอบกูข้ ำ้ พเจ้ำ เพรำะพระองค์ทอด พระเนตรผู้รับใช้ต�่ำต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่ำวว่ำข้ำพเจ้ำเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพำนุภำพทรงกระท�ำกิจกำรยิ่งใหญ่ส�ำหรับข้ำพเจ้ำ พระนำมพระองค์ ศักดิ์สิทธิ์ พระกรุณำต่อผู้ย�ำเกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยก พระกรแสดงพระอำนุภำพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจำยไป ทรงคว�่ำ ผู้ทรงอ�ำนำจจำกบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ต�่ำต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทำนสิ่งดีทั้ง หลำยแก่ผู้อดอยำก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่ำ พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสรำเอล ผู้รับใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณำ ดังที่ทรงสัญญำไว้แก่บรรพบุรุษของเรำ แก่ อับรำฮัมและบุตรหลำนตลอดไป” พระนำงมำรีย์ประทับอยู่กับนำงเอลีซำเบธประมำณสำมเดือนจึงเสด็จกลับ พีน่ อ้ ง จงรักกันและกันอย่างจริงจังและจริงใจ มิใช่ดว้ ยค�าพูด แต่ดว้ ยกิจการ ดีทุกอย่าง ด้วยความชื่นชมยินดี และเต็มใจเสมอ จงอภัยและอวยพรทุกคน แม้ศัตรูของท่าน ด้วย ตัวอย่างและแบบฉบับที่ดีที่สุดของพระแม่มารีย์ พระมารดาที่รักของเรา ในการแสดง ความรักต่อพี่น้องของเรา จนเอลีซาเบธประกาศว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ”

ฉลองพระนางมารีย์ เสด็จเยี่ยมเยียน อสย 12:2-3,4-5,6 วันงดสูบบุหรี่โลก



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.