สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา สดด 119:2,10,20, 30,40,131-132 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1 วันศุกร์ตนเดือน
บทอ่านที่ 1
อมส 8:4-6,9-12
พระวรสาร
มธ 9:9-13
ท่านทัง้ หลายทีเ่ หยียบย�า่ คนขัดสน และท�าลายคนยากจนของแผ่นดิน จงฟังถ้อยค�า นี้เถิด ท่านพูดว่า “เมื่อไรวันต้นเดือนจะผ่านไป เราจะได้ขายข้าว เมื่อไรวันสับบาโตจะ พ้นไป เราจะได้น�าข้าวสาลีออกขาย เราจะท�าถังตวงข้าวให้เล็กลง ท�าให้ตุ้มเชเขลใหญ่ ขึ้น ใช้ตาชั่งโกงน�้าหนัก เราจะได้ใช้เงินซื้อคนจน และใช้รองเท้าสานคู่หนึ่งซื้อคนขัดสน เราจะขายแม้กากข้าวสาลี” “วันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เราจะท�าให้ดวงอาทิตย์ตกในเวลาเที่ยงวัน ท�าให้แผ่นดินมืดแม้ในเวลากลางวัน เราจะเปลี่ยนเทศกาลฉลองของท่านให้เป็นการไว้ ทุกข์ เปลีย่ นบทเพลงทัง้ หมดของท่านเป็นการคร�า่ ครวญ เราจะให้ทกุ คนสวมผ้ากระสอบ ทีส่ ะเอว ให้ทกุ คนโกนศีรษะจนโล้น เราจะท�าให้เป็นเหมือนการไว้ทกุ ข์บตุ รชายคนเดียว และวาระสุดท้ายจะเหมือนวันที่ขมขื่น” “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เมื่อเราจะส่งทุพภิกขภัย มาในแผ่นดิน ไม่ใช่การหิวอาหารหรือการกระหายน�้า แต่จะส่งความปรารถนาจะฟัง พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาทั้งหลายจะเดินทางระเหระหนจากทะเลนี้ไปทะเล โน้น จะเร่ร่อนจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เพื่อแสวงหาพระวาจาขององค์พระผู้เป็น เจ้า แต่เขาจะหาไม่พบ” เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงด�าเนินไปจากที่นั่น ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว ก�าลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโตะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษี และคนบาปหลายคนมาร่วมโตะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสี จึงถามศิษย์ของพระองค์วา่ “ท�าไมอาจารย์ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและ คนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการ หมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ จงไปเรียนรู้ความหมายของพระวาจาที่ว่า ‘เราพอใจความ เมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มา เพื่อเรียกคนบาป” พระวรสารในวันนี้สอนความหมายที่แท้จริงของการด�าเนินชีวิตคริสตชน ตาม ค�าพูดของประกาศกโฮเชยาทีว่ า่ “เราประสงค์ความเมตตามิใช่เครือ่ งถวายบูชา” การแสดงออก ซึง่ ความรักต่อบุคคลรอบข้าง รักพระเจ้าและแสดงความเมตตาต่อบุคคลทีต่ อ้ งการ การเสียสละ เล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเราสามารถท�าได้ เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัยมากกว่าเครื่องบูชาที่สวย หรู แต่ไม่ได้เผื่อแผ่ไปยังเพื่อนมนุษย์
บทอ่านที่ 1
อมส 9:11-15
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “วันนั้น เราจะตั้งเพิงที่ล้มลงแล้วของดาวิดขึ้นใหม่ จะ ซ่อมแซมช่องโหว่ จะตั้งซากปรักหักพังขึ้นใหม่ จะสร้างเพิงขึ้นใหม่ให้เหมือนในสมัย นานมาแล้ว เขาจะได้ยึดคนที่เหลือของเอโดม และยึดชนชาติทั้งหลายที่เคยเป็นของ เราเป็นกรรมสิทธิ์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส และจะทรงกระท�าเช่นนี้ “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อคนไถจะตามทันคนเกี่ยว ผู้ย�่า ผลองุน่ จะตามทันผูห้ ว่านเมล็ด เหล้าองุน่ ใหม่จะไหลจากภูเขา ไหลลงมาตามเนินเขาทุก แห่ง เราตั้งใจจะน�าอิสราเอลประชากรของเราที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยกลับมา เขา จะสร้างเมืองที่ถูกท�าลายแล้วขึ้นใหม่และจะเข้าไปอาศัยอยู่ เขาจะปลูกสวนองุ่นและ ดื่มเหล้าองุ่นของสวนนั้น เขาจะท�าสวนผลไม้และจะกินผลจากสวนนั้น เราจะปลูกเขา ไว้ในแผ่นดินของเขา เขาจะไม่ถูกถอนออกไปอีกเลย จากแผ่นดินซึ่งเราได้มอบแก่เขา องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านตรัสไว้”
พระวรสาร
มธ 9:14-17
วันหนึง่ บรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ท�าไมพวกเราและพวก ฟาริสีจ�าศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จ�าศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมา ในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะ ถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจ�าศีลอดอาหาร ไม่มีใครน�าผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้าใหม่ที่ น�ามาปะเสื้อเก่านั้นจะหดตัว ท�าให้รอยขาดมากกว่าเดิม ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงใน ถุงหนังเก่า เพราะถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่วและถุงหนังจะเสียหายไปด้วย แต่เขา ย่อมใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังใหม่และทั้งสองอย่างจะไม่เสียหาย” พระวรสารในวันนี้ นักบุญมัทธิวเน้นถึงการมีความยินดีเมื่อมีพระเยซูเจ้าทรง อยูใ่ นชีวติ ของบรรดาศิษย์ นักวิชาการแห่งเบลเยียมท่านหนึง่ ได้กล่าวไว้วา่ “บรรดาสานุศษิ ย์ไม่ ได้อดอาหาร เพราะพวกเขารูส้ กึ ว่าการอยูก่ บั พระเยซูเจ้าคือความสุข เป็นไปไม่ได้เลยทีจ่ ะเศร้า เสียใจ” (Edward Schillebeeckx) เราเองเมือ่ เป็นศิษย์ของพระองค์ ก็ตอ้ งมีความสุขเมือ่ มีพระ เยซูเจ้าทรงอยู่ในชีวิตของเรา
สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา สดด 85:8,10,11-13 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก
สมโภช น.เปโตร และ น.เปาโล อัครสาวก
กจ 12:1-11
เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเริ่มเบียดเบียนสมาชิกบางคนของพระศาสนจักร พระองค์ทรงประหารชีวิตยากอบพี่ชายของยอห์นโดยตัดศีรษะ เมื่อทรงเห็นว่าชาวยิว พอใจ จึงทรงจับกุมเปโตรด้วย ขณะนัน้ อยูใ่ นระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชือ้ เมือ่ ทรงจับ กุมเปโตรแล้ว ก็ทรงจองจ�าเขาไว้ในคุก ให้ทหารสี่หมู่ หมู่ละสี่คนควบคุมไว้ ตั้งพระทัย ว่าเมื่อสิ้นเทศกาลปัสกาแล้วจะทรงน�าไปพิจารณาคดีต่อหน้าประชาชน ขณะที่เปโตรถูกจองจ�าอยู่ในคุก พระศาสนจักรอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อเขา ตลอดเวลา คืนก่อนทีก่ ษัตริยเ์ ฮโรดจะทรงน�าเปโตรไปพิจารณาคดี เปโตรนอนหลับอยูร่ ะหว่าง ทหารสองคน มีโซ่สองเส้นล่ามไว้ และมีทหารยามเฝ้าหน้าประตูคกุ ทันใดนัน้ ทูตสวรรค์ องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้ามาใกล้ มีแสงสว่างจ้าในห้องขัง ทูตสวรรค์สะกิดข้าง กายเปโตรปลุกให้ตนื่ ขึน้ แล้วสัง่ ว่า “เร็วเข้า ลุกขึน้ เถอะ” โซ่กห็ ลุดไปจากมือของเปโตร ทูตสวรรค์สงั่ เปโตรว่า “จงคาดสะเอวและสวมรองเท้า” เปโตรก็ทา� ตาม ทูตสวรรค์ สัง่ อีกว่า “จงสวมเสือ้ คลุม แล้วตามข้าพเจ้ามาเถิด” เปโตรจึงตามทูตสวรรค์ออกไป ไม่รู้ สึกตัวว่าสิง่ ทีท่ ตู สวรรค์กา� ลังท�าให้ตนนัน้ เกิดขึน้ จริง คิดว่าก�าลังเห็นนิมติ ทูตสวรรค์และ เปโตรผ่านยามชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง มาถึงประตูเหล็กที่เป็นทางผ่านเข้าไปในเมือง ประตู นั้นก็เปิดได้เอง ทูตสวรรค์และเปโตรจึงออกไป เดินตามถนนสายหนึ่ง แล้วทูตสวรรค์ ก็หายไปในทันที เปโตรรูส้ กึ ตัว พูดว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารูแ้ น่แล้วว่า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เฮโรดและจากความมุ่งร้ายทั้งหลายของ ประชาชนชาวยิว”
เพลงสดุดี
สดด 34:1-2,3-4,5-7,8-10
ก) ข้าพเจ้าจะถวายพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล ค�าสรรเสริญพระองค์จะติดอยู่กับริมฝีปากของข้าพเจ้าเสมอ จิตใจข้าพเจ้าจะภูมิใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ต�่าต้อยจงฟังและชื่นชมเถิด ข) จงประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับข้าพเจ้าเถิด เราจงโห่ร้องถวายชัยแด่พระนามของพระองค์พร้อมกัน ข้าพเจ้าแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้า ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความกลัวทั้งมวล ค) จงจับตาดูพระองค์ แล้วใบหน้าของท่านจะสดใส ไม่มีวันจะต้องอับอายเลย คนยากจนร้องทูล องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟัง
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 4:6-8,17-18
ลูกที่รักยิ่ง ชีวิตของข้าพเจ้าก�ำลังจะถูกถวายเป็น เครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดี วิ่งมาถึงเส้นชัย และรักษาความ เชือ่ ไว้แล้ว ยังเหลืออยูก่ เ็ พียงมงกุฎแห่งความชอบธรรม ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะ ประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่เพียงให้ข้าพเจ้า เท่านั้น แต่จะประทานให้ทุกคนที่มีความรักเฝ้ารอคอย การส�ำแดงพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้างและ ประทานก�ำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้ ส�ำเร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหลายจะได้ฟังข่าวดี ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พ้นจากปาก สิงโตมาได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้ายทั้งสิ้น และจะทรงน�ำข้าพเจ้า ไปสู่พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร เทอญ อาเมน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว
มธ 16:13-19
เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลปิ และตรัสถามบรรดาศิษย์วา่ “คนทัง้ หลาย กล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ท�ำพิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็น ประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสต เจ้า พระบุตรของพระเจ้าผูท้ รงชีวติ ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะ ไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่าน เป็นศิลาและบนศิลานี้ เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เรา จะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่าน จะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล เป็นเสาหลักของพระศาสนจักรสมัยแรก พระเยซูเจ้าทรงเลือก นักบุญเปโตรให้เป็นผู้น�ำของอัครสาวก ท่านกล้าตอบว่า พระเยซูเจ้าคือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรง ชีวิต จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้น�ำพระศาสนจักรคนแรก นักบุญเปาโลเคยเบียดเบียนคริสตชน แต่เมื่อพบพระเยซูเจ้าแล้ว ท่านกลับเป็นอัครสาวกแห่งปวงชน ขอให้ลูกกล้าพูด กล้าท�ำสิ่งที่ถูกต้องและกล้าต่อสู้ เพื่อประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้า
น.เอลีซาเบธ ราชินีแห่งโปรตุเกส สดด 145:2-3,4-5, 6-7,8-9 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1
ฮชย 2:16,17ข-18,21-22
พระวรสาร
มธ 9:18-26
พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เราก�าลังจะไปเกลี้ยกล่อมนาง เราจะน�านางไปในถิ่น ทุรกันดาร เราจะพูดกับใจของนาง ที่นั่น นางจะตอบเรา เหมือนกับที่ได้ตอบเมื่อนางยัง สาวอยู่ เหมือนกับที่นางได้ตอบเมื่อออกจากแผ่นดินอียิปต์ วันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัส ท่านจะเรียกเราว่า “สามีของฉัน” ท่านจะไม่เรียกเราอีกต่อไปว่า “บาอัลของฉัน” เราจะแต่งงานกับท่านตลอดไป เราจะแต่งงานกับท่านด้วยความยุตธิ รรมและความ ชอบธรรม ด้วยความรักมัน่ คงและความเมตตากรุณา เราจะหมัน้ ท่านไว้กบั เราด้วยความ ซื่อสัตย์ และท่านจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า” ขณะที่พระเยซูเจ้าก�าลังตรัสอยู่นั้น หัวหน้าคนหนึ่งเข้ามากราบพระบาท ทูลว่า “บุตรหญิงของข้าพเจ้าเพิ่งสิ้นใจ เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะ ได้มีชีวิต” พระเยซูเจ้าทรงลุกขึ้นเสด็จตามเขาไปพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะนั้น หญิงคนหนึ่งตกเลือดเรื้อรังมาสิบสองปีแล้ว เข้ามาข้างหลังสัมผัสฉลอง พระองค์ นางคิดว่า “ถ้าฉันเพียงสัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” พระเยซูเจ้าทรงหันมาเห็นเข้า จึงตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ท�าใจดีๆ ไว้ ความเชื่อของท่าน ช่วย ท่านให้รอดพ้นแล้ว” หญิงนั้นก็หายจากโรคนับแต่เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึง บ้านของหัวหน้าคนนัน้ ทรงเห็นคนเป่าขลุย่ และผูค้ นก�าลังชุลมุนวุน่ วายจึงตรัสว่า “ออก ไปเถิด เด็กหญิงคนนี้ยังไม่ตาย เพียงแต่นอนหลับไปเท่านั้น” พวกนั้นต่างหัวเราะเยาะ พระองค์ เมื่อคนกลุ่มนั้นถูกไล่ออกไปข้างนอกแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไป ทรงจับมือ เด็กหญิง เด็กนั้นก็ลุกขึ้น ข่าวเรื่องนี้จึงแพร่ออกไปทั่วแคว้นนั้น พระวรสารในวันนี้ บอกเล่าถึงสองความเชื่อที่ยอดเยี่ยมและสวยงาม ความ เชื่อแรกเป็นของหัวหน้าคนหนึ่งที่ลูกสาวของเขาได้ตายลง และเขาเชื่อว่ามีพระเยซูเจ้าองค์ เดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้ลูกสาวเขาฟนได้ ความเชื่อที่สองเป็นของหญิงตกโลหิตที่ปวยมาหลาย ป และเพราะความเชื่อหญิงคนนี้ก็หาย ในบางครั้งที่เราเองก็รู้สึกว่าเราต้องการความเชื่อเพิ่ม มากขึ้น ให้เราวอนขอให้พระองค์เพิ่มพูนความเชื่อให้กับเรา
บทอ่านที่ 1
ฮชย 8:4-7,11-13
องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนีว้ า่ “เขาได้แต่งตัง้ กษัตริยห์ ลายองค์ทเี่ ราไม่ได้เสนอ เขา ได้แต่งตั้งเจ้านายหลายคน แต่เราไม่เห็นด้วย เขาใช้เงินและทองค�าสร้างรูปเคารพ เพื่อ ความพินาศของตน กรุงสะมาเรียเอ๋ย เราละทิ้งรูปลูกโคของเจ้า ความโกรธของเราพลุ่ง ขึน้ ลงโทษเขาทัง้ หลาย อีกนานเท่าไรเขาจึงจะพ้นโทษได้ รูปลูกโคนีม้ าจากอิสราเอล นาย ช่างเป็นผู้สร้างขึ้นมา รูปนั้นไม่ใช่พระเจ้า รูปลูกโคของกรุงสะมาเรียจะถูกทุบเป็นชิ้นๆ เขาได้หว่านลม เขาจึงจะต้องเก็บเกี่ยวลมบ้าหมู ต้นข้าวไม่มีรวง ท�าแป้งไม่ได้ หรือถ้า จะท�าได้ คนต่างชาติก็จะกลืนกิน เอฟราอิมได้สร้างแท่นบูชาจ�านวนมากเพือ่ ท�าบาป แท่นบูชาเหล่านีก้ ลายเป็นโอกาส ให้เขาท�าบาป เราได้เขียนธรรมบัญญัติจ�านวนมากส�าหรับเขา แต่เขาคิดว่าธรรมบัญญัติ เหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน เขาถวายเครื่องบูชาแก่เรา และกินเนื้อสัตว์ที่ได้ถวายนั้น แต่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าไม่พอพระทัยเครือ่ งบูชาเหล่านี้ บัดนีพ้ ระองค์จะทรงระลึกถึงความผิด ของเขา และจะทรงลงโทษบาปของเขา เขาจะต้องกลับไปอียิปต์”
พระวรสาร
มธ 9:32-37
เมื่อคนที่เคยตาบอดทั้งสองคนจากไปแล้ว มีผู้พาคนใบ้ถูกปีศาจสิงคนหนึ่งมาเฝ้า พระเยซูเจ้า ครัน้ ปีศาจถูกขับออกไปแล้ว คนใบ้กพ็ ดู ได้ ประชาชนต่างประหลาดใจ กล่าว ว่า “ยังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้เลยในอิสราเอล” แต่ชาวฟาริสีกล่าวว่า “คนนี้ขับไล่ปีศาจ ด้วยอ�านาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรง ประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้น เหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ประดุจฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บ เกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด” พระวรสารในวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงมองประชาชนด้วยความรักความเมตตา สงสาร เราผู้เป็นศิษย์ของพระองค์ก็มิควรนิ่งเฉย สิ่งที่เราจะช่วยพระองค์ได้นั่นคือการช่วย เหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากที่อยู่รอบข้างเรา ที่ใดที่มีความทุกข์ เราอย่าไปเพิ่มความทุกข์ ที่ใดที่มี ความเศร้าโศก เราควรเป็นผู้น�าความชื่นชมยินดี
น.อันตน มารีย์ ซักกาเรีย พระสงฆ์ สดด 116:2-5,6-9,10 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1
น.มารีย์ กอแรตตี พรหมจารี มรณสักขี สดด 105:2-5,6-8 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
ฮชย 10:1-3,7-8,12 อิสราเอลเป็นเหมือนเถาองุ่นเขียวชอุ่มที่มีผลมาก เขายิ่งเกิดผลมากเท่าใด ก็ยิ่ง สร้างแท่นบูชามากขึน้ เท่านัน้ แผ่นดินของเขายิง่ อุดมสมบูรณ์มากเท่าใด เขาก็ยงิ่ สร้างเสา ศักดิ์สิทธิ์ให้งดงามยิ่งขึ้นเท่านั้น ใจของเขาไม่ซื่อ เขาจึงจะต้องรับโทษความผิด พระเจ้า จะทรงพังแท่นบูชา จะทรงท�าลายเสาศักดิ์สิทธิ์ของเขา แล้วเขาจะพูดว่า “พวกเราไม่มี กษัตริย์ เพราะเราไม่ย�าเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์จะมีประโยชน์อะไรส�าหรับเรา” กรุงสะมาเรียจะพินาศ กษัตริย์ของเขาจะเป็นเหมือนเศษไม้ที่ลอยอยู่บนผิวน�้า สักการสถานบนที่สูงทั้งหลายของเมืองอาเวน ซึ่งเป็นบาปของอิสราเอล จะถูกท�าลาย หนามและกอหนามจะงอกขึ้นบนแท่นบูชา เขาจะพูดกับภูเขาว่า “จงปกคลุมเราไว้” จะ บอกเนินเขาว่า “จงล้มลงทับพวกเราเถิด” ท่านทัง้ หลายจงหว่านความชอบธรรมส�าหรับตน จงเกีย่ วผลเป็นความรักมัน่ คง จง ไถดินที่ยังไม่เคยเพาะปลูก เพราะถึงเวลาแล้วที่จะแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่า พระองค์จะเสด็จมา หลั่งความรอดพ้นลงมาเหนือท่านเหมือนฝน
พระวรสาร
มธ 10:1-7
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สิบสองคนเข้ามาพบ ประทานอ�านาจให้เขาขับ ไล่ปีศาจ ให้รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด อัครสาวกสิบสองคนมีนามดังนี้ คนแรกคือซีโมน ผู้มีสมญาว่าเปโตร กับอันดรูว์ น้องชายของเขา ยากอบบุตรของเศเบดีกับยอห์นน้องชาย ฟีลิปและบาร์โธโลมิว โทมัส และมัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรอัลเฟอัสและธัดเดอัส ซีโมนจากกลุ่มชาตินิยม และ ยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผูน้ ที้ รยศต่อพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกสิบสอง คนนีอ้ อกไป ทรงสัง่ เขาว่า “อย่าเดินตามทางของคนต่างชาติ อย่าเข้าไปในเมืองของชาว สะมาเรีย แต่จงไปหาแกะพลัดฝูงของวงศ์วานอิสราเอลก่อน จงไปประกาศว่าอาณาจักร สวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว” พระเยซูเจ้าทรงประทานอ�านาจให้กบั ศิษย์ของพระองค์ในการขับไล่ปศ าจ การ รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นั้น เป็นภารกิจเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าทรงกระท�า เพื่อจะบอกว่า พระอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว (มธ 4:17) คริสตชนต้องภูมิใจที่ได้ท�าภารกิจของพระเยซูเจ้า
บทอ่านที่ 1
ฮชย 11:1,3-4,8ค-9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา เราได้เรียกบุตร ของเราออกมาจากอียิปต์ เราสอนเอฟราอิมให้เดิน เราอุ้มเขาทั้งหลายไว้ แต่เขาไม่รู้ว่า เราเอาใจใส่เขา เราใช้เชือกแห่งมนุษยธรรม และใช้สายสะพายแห่งความรักจูงเขา เรา เป็นเหมือนผู้ที่ยกทารกมาจูบแก้ม และก้มลงป้อนอาหารให้เขา ใจของเราปันป่วนอยู่ ภายใน ความเอ็นดูของเราก็คุกรุ่นขึ้น เราจะไม่ลงอาญาตามที่เราโกรธจัด เราจะไม่ท�า ลายเอฟราอิมอีก เพราะเราเป็นพระเจ้า มิใช่มนุษย์ เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ท่าน เรา จะไม่มาด้วยความโกรธ”
พระวรสาร
มธ 10:7-15
เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จงปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรือ้ นให้ สะอาด จงขับไล่ปศี าจให้ออกไป ท่านได้รบั มาโดยไม่เสียค่าตอบแทนก็จงให้เขาโดยไม่รบั ค่าตอบแทนด้วย อย่าหาเหรียญทอง เหรียญเงินหรือเหรียญทองแดงใส่ในไถ้ เมือ่ เดิน ทาง อย่ามียา่ ม อย่ามีเสือ้ สองตัว อย่าสวมรองเท้า อย่าถือไม้เท้า เพราะคนงานย่อมมี สิทธิไ์ ด้รบั อาหารอยูแ่ ล้ว เมือ่ ท่านเข้าไปในเมืองหรือหมูบ่ า้ น จงดูวา่ ผูใ้ ดทีน่ นั่ เป็นผูเ้ หมาะสมทีจ่ ะต้อนรับท่าน แล้วจงพักอยูก่ บั เขาจนกว่าท่านจะจากไป เมือ่ ท่านเข้าไปในบ้านใดจงให้พรแก่บา้ นนัน้ ถ้า บ้านนัน้ สมควรได้รบั พร จงให้สนั ติสขุ ของท่านมาสูบ่ า้ นนัน้ ถ้าบ้านนัน้ ไม่สมควรได้รบั พร จงให้สนั ติสขุ กลับมาหาท่าน ถ้าผูใ้ ดไม่ตอ้ นรับท่าน หรือไม่ฟงั ท่าน จงออกจากบ้านหรือเมืองนัน้ จงสลัดฝุน่ จากเท้า ออกเสียด้วย เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ในวันพิพากษา เมืองโสโดมและเมือง โกโมราห์จะรับโทษเบากว่าโทษของเมืองนัน้ ” พระวรสารในวันนี้ พระเยซูเจ้าสอนคริสตชนถึงสิ่งที่เราได้มาฟรีๆ เช่นความ สามารถพิเศษของเรา ในเมื่อเราได้รับสิ่งนี้เป็นพรสวรรค์จากพระเจ้า เราก็ควรจะน�าไปมอบ ให้กับคนอื่นๆ โดยไม่คิดค่าตอบแทนด้วยเช่นกัน พรสวรรค์ต่างๆ ที่พระองค์ทรงมอบให้กับเรา มีต่างกันก็เพื่อช่วยเหลือกันและกัน ให้เราขอบคุณพระเจ้าโดยท�าแต่สิ่งดีๆ ให้แก่กันและกันเถิด
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา สดด 80:1-2ก,14-15 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1
สัปดาห์ที่ 14 เทสกาลธรรมดา สดด 51:1-2,6-7, 10-12,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร
ฮชย 14:2-10
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเถิด ท่านได้สะดุดล้มลงเพราะความผิดของท่าน จงเตรียมถ้อยค�ำที่จะ พูดมาด้วย และกลับมาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ทูลพระองค์ว่า “โปรดทรงลบล้างความ ผิดทั้งหมด และทรงรับสิ่งที่ดี ข้าพเจ้าทั้งหลายจะน�ำค�ำสรรเสริญจากปากมาถวายแทน โคเพศผู้ อัสซีเรียจะไม่ชว่ ยข้าพเจ้าทัง้ หลายให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทัง้ หลายจะไม่ขมี่ า้ อีก จะ ไม่เรียกสิง่ ทีม่ อื ของข้าพเจ้าได้สร้างขึน้ อีกต่อไปว่า ‘พระเจ้าของข้าพเจ้าทัง้ หลาย’ เพราะ ลูกก�ำพร้าพบพระกรุณาในพระองค์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะรักษาเขาให้หายจากความไม่ซื่อสัตย์ของเขา เรา จะรักเขาด้วยใจจริง เพราะเราจะไม่โกรธเขาอีกแล้ว เราจะเป็นเหมือนน�้ำค้างส�ำหรับ อิสราเอล เขาจะผลิดอกเหมือนดอกลิลลี่ เขาจะหยั่งรากเหมือนต้นสนสีดาร์แห่ง เลบานอน กิง่ ก้านของเขาจะแผ่ขยาย เขาจะงดงามเหมือนต้นมะกอกเทศ และจะมีกลิน่ หอมเหมือนเลบานอน เขาทัง้ หลายจะกลับมานัง่ อยูใ่ ต้รม่ เงาของเรา เขาจะปลูกข้าวสาลี อีก จะท�ำให้เถาองุ่นผลิตผลอุดม มีชื่อเสียงเหมือนเหล้าองุ่นแห่งเลบานอน เอฟราอิม จะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับรูปเคารพอีก เราเองจะตอบและดูแลเขา เราเป็นเหมือนต้น ไซเปรสใบเขียวสดอยู่เสมอ ท่านจะได้รับผลของท่านจากเรา ผูม้ ปี รีชาพึงเข้าใจเรือ่ งเหล่านี้ ผูใ้ ดฉลาดก็จงรู้ เพราะหนทางทัง้ หลายขององค์พระ ผู้เป็นเจ้าล้วนเที่ยงธรรม ผู้ชอบธรรมย่อมเดินตามทางนี้ แต่ผู้ล่วงละเมิดจะสะดุดล้ม”
มธ 10:16-23
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “จงฟังเถิด เราส่งท่านไปเหมือนแกะในฝูงสุนัขป่า ท่าน จงฉลาดประดุจงูและซื่อประดุจนกพิราบ จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาล และเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา ท่านจะถูกน�ำ ตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเราเป็นเหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่ บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของ ท่านจะตรัสในท่าน พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษพ่อแม่ให้ถึงตาย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น เมื่อเขาจะ เบียดเบียนท่านในเมืองหนึ่ง จงหลบหนีไปอีกเมืองหนึ่ง เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ก่อนที่ท่านจะ ไปทั่วทุกหัวเมืองของอิสราเอล บุตรแห่งมนุษย์ก็จะกลับมาแล้ว” ในวันนีเ้ ราได้เห็นความซือ่ ตรงของพระเยซูเจ้า พระองค์ไม่ลงั เลทีจ่ ะบอกสานุศษิ ย์ถงึ สิง่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ เรา ต้องมอบตัวเราเองกับพระองค์ ยอมรับความทุกข์ร่วมกับพระองค์ รักและให้อภัยเช่นเดียวกับพระองค์ เราต้องเชื่อมั่น ในสัมพันธภาพกับพระองค์ เราได้รบั การประกันจากพระองค์เพราะไม่วา่ เราจะอยูท่ ใี่ ด หรือจะเกิดอะไรขึน้ พระองค์จะ ทรงอยู่กับเราเสมอ
บทอ่านที่ 1
อสย 6:1-8
ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่บน พระบัลลังก์สูงและตั้งอยู่บนที่สูง ชายฉลองพระองค์แผ่เต็มพระวิหาร เสราฟหลายตน ยืนอยู่เหนือพระองค์โดยรอบ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า สองปีกคลุมเท้า และสองปีกใช้บิน เสราฟแต่ละตนต่างร้องรับกันว่า “ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล แผ่นดินทั้งหมดเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์” เสาประตูทั้งหลายสั่นสะเทือนเพราะเสียงของผู้ร้อง และพระวิหารก็มีควันเต็มไป หมด ข้าพเจ้าพูดว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ขา้ พเจ้า ข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริม ฝีปากมีมลทิน อาศัยอยู่ในหมู่ชนชาติริมฝีปากมีมลทิน ถึงกระนั้น นัยน์ตาของข้าพเจ้า ได้เห็นกษัตริย์ คือองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล” แล้วเสราฟตนหนึ่งบินมาหาข้าพเจ้า ถือคีมคีบถ่านที่ลุกอยู่มาจากพระแท่นบูชา เสราฟตนนั้นสัมผัสปากข้าพเจ้า พูดว่า “ดูซิ สิ่งนี้สัมผัสริมฝีปากของท่านแล้ว ความผิด ของท่านก็ถูกลบล้างแล้ว บาปของท่านก็ได้รับการอภัยแล้ว” แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งใคร ใครจะไปแทน เรา” ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด”
พระวรสาร
น.ออกัสติน เซา รง และเพื่อนมรณสักขี ชาวจีน สดด 93:1-2ข,2ค-3,5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
มธ 10:24-33
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ และผู้รับใช้ย่อมไม่อยู่ เหนือนาย ถ้าศิษย์เท่าเทียมกับอาจารย์ และผู้รับใช้เท่าเทียมกับนาย ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ถ้าเขาเรียกเจ้า บ้านว่า ‘เบเอลเซบูล’ เขาจะเรียกลูกบ้านร้ายกว่านั้นสักเท่าใด อย่ากลัวมนุษย์เลย ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้น จะไม่มีใครรู้ สิ่งที่เรา บอกท่านในที่มืด ท่านจงกล่าวออกมาในที่สว่าง สิ่งที่ท่านได้ยินกระซิบที่หู จงประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้ จงกลัวผู้ที่ท�ำลายทั้งกายและวิญญาณให้พินาศไปใน นรก นกกระจอกสองตัว เขาขายกันเพียงหนึ่งบาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น ก็ไม่มีนกสักตัวเดียวที่ตกถึงพื้นดิน โดยที่พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว ดังนั้น อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจ�ำนวนมาก ทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ และผูท้ ไี่ ม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่รบั ผูน้ นั้ เฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา ผูส้ ถิตในสวรรค์ดว้ ย” พระเยซูเจ้าทรงให้ก�ำลังใจบรรดาศิษย์ว่า สิ่งที่ดูไม่มีค่าในสายตาเรามนุษย์ แต่มีค่าในสายพระเนตร ของพระองค์ เรามนุษย์ผู้เป็นสิ่งสร้างที่ดีที่สุดของพระเจ้าได้รับการดูแลจากพระองค์ คริสตชนควรมองเห็นคุณค่าของ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เคารพศักดิ์ศรีของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ดูแลกันดังที่พระองค์ทรงท�ำกับเรา
บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
ฉธบ 30:10-14
โมเสสกล่าวกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า “ท่านจะต้องเชื่อฟังพระสุรเสียงของ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อก�าหนดที่เขียนไว้ใน หนังสือธรรมบัญญัติเล่มนี้ ท่านจะต้องกลับใจมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน สุดจิตใจและสุดวิญญาณ บทบัญญัติที่ข้าพเจ้าสั่งท่านในวันนี้ ไม่ยากเกินไปหรืออยู่ไกลสุดเอื้อม ไม่ได้อยู่ สูงบนฟ้าจนต้องถามว่า “ใครจะขึ้นไปเอาลงมาให้เราฟังและปฏิบัติตามได้” บทบัญญัติ เหล่านีไ้ ม่ได้อยูโ่ พ้นทะเล จนต้องถามว่า “ใครจะข้ามทะเลไปเอามาให้เราฟังและปฏิบตั ิ ตามได้ พระวาจานี้อยู่ใกล้กับท่านมาก คืออยู่ในปากและในใจของท่าน เพื่อท่านจะน�า ไปปฏิบัติได้”
เพลงสดุดี สดด 69:13ก และ 16,29-30ก,32-33ก,35-36
ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานภาวนาต่อพระองค์ในเวลาที่ทรง โปรดปราน ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าด้วยความรักมัน่ คงยิง่ ใหญ่ของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงตอบข้าพเจ้าเถิด เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นประเสริฐยิ่ง พระกรุณาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ โปรดผินพระพักตร์มาหาข้าพเจ้าเถิด ข) แต่ข้าพเจ้าเป็นผู้ขัดสนและมีทุกข์ ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ความรอดพ้นที่พระองค์ประทานปกป้องข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะขับร้องสรรเสริญพระนามพระเจ้า ค) ท่านทั้งหลายผู้ถ่อมตน จงเห็นและยินดีเถิด ท่านทั้งหลายที่แสวงหาพระเจ้า จงมีก�าลังใจขึ้นเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังคนยากจน ง) เพราะพระเจ้าทรงช่วยศิโยนให้รอดพ้น และทรงสร้างเมืองทั้งหลายในแคว้นยูดาห์ขึ้นใหม่ ผู้ที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับแผ่นดินกลับมาเป็นของตน ลูกหลานของผู้รับใช้พระองค์จะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก ผู้ที่รักพระนามพระองค์จะได้พ�านักอยู่ที่นั่น
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 1:15-20
พีน่ อ้ ง พระคริสตเจ้าทรงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าทีเ่ รามองไม่เห็น ทรงเป็นบุตร คนแรกในบรรดาสิง่ สร้างทัง้ ปวง เพราะสรรพสิง่ ทัง้ ในสวรรค์และบนแผ่นดิน ทัง้ ทีแ่ ลเห็น ได้และไม่อาจแลเห็นได้ เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอ�านาจ
ล้วนถูกสร้างโดยพระองค์ทงั้ สิน้ ทุกสิง่ ถูกเนรมิตขึน้ โดย พระองค์ และเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงด�ำรงอยู่ก่อน สรรพสิ่ง และสรรพสิ่งด�ำรงอยู่เป็นระเบียบในพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศีรษะของร่างกาย คือพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ ทรงเป็นบุคคลแรกในบรรดาผู้ ตายทีก่ ลับคืนชีพ ทัง้ นีเ้ พือ่ พระองค์จะได้ทรงเป็นเอกใน ทุกสิ่ง เพราะพระเจ้าพอพระทัยให้ความบริบูรณ์ทั้งปวง อยู่ในพระคริสตเจ้า และให้สรรพสิ่งคืนดีกับพระองค์ โดยทางพระคริสตเจ้า ผู้โปรดให้ทุกสิ่งมีสันติ ด้วยพระ โลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์ ทั้งสิ่งที่อยู่ บนแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในสวรรค์
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 10:25-37
ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้อง ท�ำสิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่า อย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุด ก�ำลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงท�ำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต” ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของ ข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งก�ำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขา ถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่ง เดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึง่ เช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผูห้ นึง่ เดินทางผ่านมาใกล้ๆ เห็นเขา ก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทน�้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ น�ำเขาขึ้นหลังสัตว์ของ ตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึง่ และช่วยดูแลเขา วันรุง่ ขึน้ ชาวสะมาเรียผูน้ นั้ น�ำเงินสองเหรียญออกมามอบให้ เจ้าของโรงแรมไว้ กล่าวว่า ‘ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา’ ท่าน คิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อ เขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและท�ำเช่นเดียวกันเถิด”
พระวรสารในวันนี้ บอกเราว่าหนทางในการได้ชีวิตนิรันดร์ คือต้องรักพระเจ้าสุดจิตใจ สุดสติ ปัญญา สุดก�ำลังความสามารถ และภาพสะท้อนของการรักพระเป็นเจ้าคือ ต้องรักและปฏิบัติดีต่อเพื่อนพี่น้อง
ระลึกถึง น.เบเนดิกต์ เจ้าอธิการ สดด 50:8-10,16-18, 19-21,22-23 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 วันประชากรโลก
บทอ่านที่ 1
อสย 1:11-17
พระวรสาร
มธ 10:34-11:1
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เครื่องบูชามากมายของท่านไม่เป็นประโยชน์ใดแก่เรา เราเอือมระอาแกะเพศผู้ที่เผาบูชาถวายเรา เบื่อไขมันของโคหนุ่มที่ขุนไว้ เราไม่พอใจ เลือดของโคเพศผู้ ลูกแกะ และแพะเพศผู้ เมือ่ ท่านทัง้ หลายเข้ามาต่อหน้าเรา ใครเรียก ร้องให้ท่านท�ำเช่นนี้ เหยียบย�่ำลานวิหารของเรา อย่าน�ำของถวายไร้ประโยชน์เข้ามาอีก เลย ก�ำยานเป็นสิ่งน่ารังเกียจส�ำหรับเรา เราทนการฉลองที่ปนกับความชั่วร้ายไม่ได้ เรา เกลียดวันต้นเดือน และวันฉลองของท่าน วันเหล่านี้เป็นเหมือนภาระหนักส�ำหรับเรา เราเหนื่อยที่จะต้องแบกภาระนั้น เมื่อท่านชูมือขึ้น เราจะเบือนสายตาไปจากท่าน แม้ ท่านจะอธิษฐานภาวนามากขึ้น เราก็จะไม่ฟัง มือของท่านเปื้อนเลือด จงล้าง จงช�ำระ ตนให้สะอาด จงน�ำกิจการชั่วร้ายของท่านออกไปให้พ้นจากสายตาเรา จงเลิกท�ำความ ชั่ว จงเรียนรู้ที่จะท�ำความดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงช่วยเหลือผู้ถูกข่มเหง จงให้ ความเป็นธรรมแก่ลูกก�ำพร้า จงปกป้องสิทธิของหญิงม่าย”
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อน�ำสันติภาพมาให้โลก เรามิได้มาเพื่อน�ำสันติภาพ แต่มาเพื่อ น�ำดาบมาให้ เรามาเพื่อแยกบุตรชายจากบิดา แยกบุตรหญิงจากมารดา แยกบุตรสะใภ้ จากมารดาของสามี ศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารัก เรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็น แก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลาย ก็ต้อนรับเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่ง เรามา ผูท้ ตี่ อ้ นรับประกาศก เพราะเป็นประกาศก จะได้รบั บ�ำเหน็จรางวัลของประกาศก ผูท้ ตี่ อ้ นรับผูช้ อบธรรม เพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรม จะได้รับบ�ำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม ผู้ใดที่ให้น�้ำเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดาๆ เหล่านี้ เพราะเขาเป็นศิษย์ของ เรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบ�ำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน” เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสสั่งสอนศิษย์สิบสองคนแล้ว ก็เสด็จจากที่นั่นไปเทศนาสั่งสอนตามเมืองต่างๆ ใน แคว้นกาลิลี พระวรสารในวันนี้ พระเยซูเจ้าต้องการเน้นย�้ำในสิ่งที่พระองค์เคยสอนอีกครั้งหนึ่งว่า ต้องรัก พระเป็นเจ้าสิ้นสุดจิตใจ สุดสติปัญญา สุดก�ำลังความสามารถ (ลก 10:25-37) ดังนั้น พระวรสารในวันนี้เชื้อเชิญ ผู้ติดตามพระองค์ ต้องรักพระเป็นเจ้า รักพระเยซูเป็นอันดับแรกของชีวิต และด�ำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ แม้จะต้อง เสียสละชีวิตด้านสังคมและครอบครัว
บทอ่านที่ 1
อสย 7:1-9
ในรัชสมัยของกษัตริย์อาคัส พระโอรสของกษัตริย์โยธาม พระโอรสของกษัตริย์ อุสซียาห์แห่งยูดาห์ กษัตริย์เรซีนแห่งซีเรีย และกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล บุตรของ เรมาลิยาห์ ยกทัพขึน้ มายังกรุงเยรูซาเล็มเพือ่ ท�าสงครามกับเมือง แต่เอาชนะไม่ได้ เมือ่ มี ผูม้ าส่งข่าวแก่ราชวงศ์กษัตริยด์ าวิดว่า “ชาวซีเรียมาตัง้ ค่ายอยูใ่ นเขตแดนเอฟราอิมแล้ว” พระทัยของกษัตริย์และจิตใจของประชาชนก็สั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นเมื่อถูกลมพัด องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า “ท่านกับเชอาร์ยาชูบบุตรชาย จงออกไปพบ กษัตริย์อาคัสที่ปลายท่อน�้าของสระข้างบนที่ถนนลานช่างซักฟอก ทูลกษัตริย์ว่า “ขอ พระองค์โปรดฟัง สงบพระทัย อย่าทรงกลัว อย่าให้พระทัยหวั่นไหวเพราะความกริ้ว รุนแรงของกษัตริย์เรซีนแห่งซีเรีย และบุตรของเรมาลิยาห์ กษัตริย์ทั้งสององค์นี้เป็น เหมือนฟืนสองดุน้ ทีจ่ วนจะมอดอยูแ่ ล้ว มีแต่ควัน ซีเรียพร้อมกับเอฟราอิมและบุตรของ เรมาลิยาห์ได้คดิ การชัว่ ร้ายต่อพระองค์ พูดว่า ‘เราจงขึน้ ไปโจมตียดู าห์ ท�าให้ประชาชนมี ความกลัว เราจะได้ยึดเมืองและแต่งตั้งบุตรของทาเบเอล ให้เป็นกษัตริย์ที่นั่น’” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “สิ่งนี้จะไม่เป็นไป จะไม่เกิดขึ้นเลย กรุง ดามัสกัสเป็นเมืองหลวงของซีเรีย และกษัตริย์เรซีนเป็นหัวของกรุงดามัสกัส อีกหกสิบ ห้าปี เอฟราอิมจะไม่เป็นประชากรอีกต่อไป กรุงสะมาเรียเป็นเมืองหลวงของเอฟราอิม และบุตรของเรมาลิยาห์เป็นหัวของกรุงสะมาเรีย ถ้าพระองค์ไม่ทรงเชื่อมั่น พระองค์ จะทรงตั้งมั่นอยู่ไม่ได้”
พระวรสาร
มธ 11:20-24
เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงต�าหนิบรรดาเมืองทีพ่ ระองค์ทรงท�าอัศจรรย์มากกว่าทีเ่ มือง อื่น เพราะชาวเมืองไม่ยอมกลับใจว่า “จงวิบัติเถิด เมืองโคราซิน จงวิบัติเถิด เมืองเบธไซดา เพราะถ้าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว ชาวเมืองเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบ เอา ขี้เถ้าโรยศีรษะ กลับใจเสียนานแล้ว ฉะนั้น เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองไทระ และเมืองไซดอนจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้ายกตนขึน้ ถึงฟ้าเทียวหรือ ตรงกันข้าม เจ้าจะตกลง ไปถึงแดนผู้ตาย เพราะว่าถ้าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองโสโดมแล้ว เมือง โสโดมก็คงจะอยู่จนถึงวันนี้ ฉะนั้น เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองโสโดมจะได้รับ โทษเบากว่าเจ้า” พระวรสารในวันนี้กล่าวถึงความใจแข็ง ดื้อกระด้างของประชาชนเมือง โคราซินและเบธไซดา พระเยซูเจ้าทรงต�าหนิเขาเพราะเขาไม่กลับใจ ทั้งๆ ที่เห็นอัศจรรย์ มากมายหลายครั้ง เราเองก็ได้รับการสั่งสอนและอบรมเสมอๆ จากผู้แทนของพระองค์บน โลกนี้ เราเชื่อและกลับใจอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือเราเองก็เป็นดังเช่นประชาชนชาวเมือง โคราซินและเบธไซดา
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา สดด 48:1-2,3-5,6-8ก ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
น.เฮนรี่ สดด 94:5-6,7-8, 9-10,14-15 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1
อสย 10:5-7,13-16
พระวรสาร
มธ 11:25-27
พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า วิบัติจงเกิดแก่อัสซีเรีย ไม้เรียวที่เราใช้เมื่อเราโกรธ ไม้พลองที่เราใช้เมื่อเราโกรธ จัด เราจะส่งเขาไปต่อสู้กับชนชาติที่ไม่เคารพนับถือเรา จะสั่งเขาให้ไปต่อสู้ประชากรที่ ท�าให้เราโกรธ เพื่อไปริบข้าวของ ไปปล้น และเหยียบย�่าชนชาตินี้เหมือนเหยียบเลน บนถนน แต่อัสซีเรียมิได้ตั้งใจเช่นนั้น จิตใจของเขาก็มิได้คิดดังนี้ เขาคิดแต่จะท�าลาย และท�าลายล้างชนชาติจ�านวนมาก เพราะกษัตริย์ทรงคิดว่า “เราได้ท�าการนี้ด้วยก�าลัง มือ และปรีชาญาณของเรา เพราะเรามีปรีชา เราได้ย้ายเขตแดนของประชาชนหลาย ชาติ ได้ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา ได้ใช้อ�านาจคว�่าผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ มือของเราได้ฉวย ทรัพย์สมบัติของประชาชนหลายชาติ เหมือนฉวยรังนก คนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งไว้ในรังนก ฉันใด เราก็จะยึดแผ่นดินทัง้ หมดฉันนัน้ ไม่มผี ใู้ ดขยับปีก ไม่มผี ใู้ ดอ้าปากหรือร้องจิบ๊ ๆ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ขวานจะอวดตัวว่าเก่งกว่าผู้ที่ใช้มันหรือ เลื่อยจะทะนง ตัวเหนือผู้ที่ใช้มันเลื่อยหรือ เหมือนกับว่าไม้ตะบองจะยกผู้ถือมันขึ้น หรือเหมือนไม้ พลองจะยกสิ่งที่มิใช่ไม้ขึ้นได้” ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์จอมจักรวาล จะ ทรงส่งโรคภัยมาท�าให้คนแข็งแรงกลับผอมแห้ง โรคนี้จะเผาผลาญผู้ที่เป็นเกียรติของ เขาเหมือนไฟไหม้ เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญ พระองค์ทที่ รงปิดบังเรือ่ งเหล่านีจ้ ากบรรดาผูม้ ปี รีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดา ผู้ต�่าต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่ง แก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจาก พระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้” พระวรสารในวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเปดเผยความเป็นพระบุตรของพระองค์ กับเรามนุษย์อีกครั้ง เมื่อพระองค์สรรเสริญพระบิดาที่ทรงเปดเผยทุกอย่างผ่านทางตัวพระ องค์เอง ให้เราร่วมกันขอบพระคุณพระเจ้าที่ประทานพระบุตรของพระองค์ เพราะผ่านทาง พระบุตร เรามนุษย์ก็ได้รู้จักพระบิดา และรู้จักพระบุตร รวมถึงรู้แผนการของพระเป็นเจ้าที่มี ต่อเรามนุษย์ด้วย
บทอ่านที่ 1
อสย 26:7-9,12,16-19
หนทางของผู้ชอบธรรมก็ตรง พระองค์ทรงท�าให้ทางเดินของผู้ชอบธรรมราบเรียบ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายเดินตามพระวินิจฉัยของพระองค์ ข้าพเจ้าทั้ง หลายมีความหวังในพระองค์ ความปรารถนาประการเดียวของข้าพเจ้าทั้งหลาย คือ สรรเสริญพระนามและระลึกถึงพระองค์ วิญญาณของข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์เวลา กลางคืน จิตใจของข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตงั้ แต่เช้าตรู่ เพราะเมือ่ พระองค์ทรงพิพากษา แผ่นดิน ผู้อาศัยในแผ่นดินจะได้เรียนรู้ความชอบธรรม ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า โปรดประทานสันติภาพแก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย เพราะพระองค์ ทรงบันดาลให้กิจการทั้งหมดของข้าพเจ้าทั้งหลายประสบความส�าเร็จ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ในยามทุกข์ เขาทั้งหลายแสวงหาพระองค์ เมื่อทรงตีสอน เขา เขาก็ตงั้ ใจอธิษฐานภาวนาต่อพระองค์ หญิงมีครรภ์จวนจะคลอดบุตร บิดตัวและร้อง ด้วยความเจ็บปวดฉันใด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นเฉพาะ พระพักตร์ ข้าพเจ้าทั้งหลายมีครรภ์ บิดตัวด้วยความเจ็บปวด แต่คลอดเพียงลมเท่านั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้น�าความรอดพ้นมาให้แผ่นดิน ไม่มีผู้อาศัยในโลกคนใดเกิดมา บรรดาผู้ตายของพระองค์จะมีชีวิตอีก ร่างกายของเขาทั้งหลายจะกลับคืนชีพ ผู้อาศัย อยู่ในฝุ่นดินเอ๋ย จงตื่นและจงร้องเพลงด้วยความยินดีเถิด เพราะน�้าค้างของท่านเป็น น�้าค้างที่ส่องแสง พระองค์ทรงบันดาลให้แดนผู้ตายกลับมีชีวิต
พระวรสาร
มธ 11:28-30
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จง มาพบเราเถิด เราจะให้ทา่ นได้พกั ผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่า แอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” พระวรสารในวันนี้ บอกให้เรารู้ถึงความห่วงใยของพระเจ้าที่มีต่อเรามนุษย์ ภาระทั้งหลายที่หนักหน่วงที่เราแบกไว้ ให้เราไว้วางใจในพระเจ้า มอบวางสิ่งต่างๆ ทั้งหลาย ให้พระองค์ช่วยจัดการ
น.คามิลโล เด เลลลิส พระสงฆ์ สดด 102:12-13,14-16, 17-18,19-20
ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
ระลึกถึง น.บอนาแวนตูรา พระสังฆราชและ นักปราชญ์แห่ง พระศาสนจักร สดด 38:10-11,12,16 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1
อสย 38:1-6,21-22,7-8
พระวรสาร
มธ 12:1-8
สมัยนัน้ กษัตริยเ์ ฮเซคียาห์ประชวรหนักจนเกือบจะสิน้ พระชนม์ ประกาศกอิสยาห์ บุตรของอามอส เข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘จงจัดเรื่องใน บ้านให้เรียบร้อย เพราะท่านจะต้องตาย ท่านจะไม่หาย’” กษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงผิน พระพักตร์เข้าข้างฝา อธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรด ทรงระลึกเถิดว่าข้าพเจ้าได้ดา� เนินชีวติ เฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างซือ่ สัตย์และจริงใจ ท�าตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าถูกต้อง” แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงกันแสงอย่างหนัก องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสสัง่ ประกาศกอิสยาห์วา่ “จงไปทูลกษัตริยเ์ ฮเซคียาห์วา่ ‘องค์ พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าของกษัตริยด์ าวิด บรรพบุรษุ ของท่านตรัสดังนี้ เราได้ยนิ ค�าอธิษฐาน และเห็นน�้าตาของท่านแล้ว เราจะต่ออายุให้ท่านอีกสิบห้าปี เราจะช่วยท่านและเมืองนี้ ให้รอดพ้นจากมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และจะปกป้องเมืองนี้ ประกาศกอิสยาห์สงั่ ว่า “จงน�าผลมะเดือ่ อัดมาวางไว้บนพระยอด แล้วพระองค์จะ ทรงหายประชวร” กษัตริย์เฮเซคียาห์ตรัสถามว่า “มีเครื่องหมายใดบอกเราว่าเราจะขึ้น ไปที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้” “นี่คือเครื่องหมายจากองค์พระผู้เป็นเจ้าส�าหรับพระองค์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะ ทรงท�าตามที่ทรงสัญญาไว้ ดูซิ เราจะท�าให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดลงบนขั้นนาฬิกาแดด ของกษัตริย์อาคัสถอยหลังกลับไปสิบขั้น” เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดก็ถอยกลับไปสิบขั้น จากที่ได้ทอดลงไปแล้ว ครั้งหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลีในวันสับบาโต บรรดาศิษย์รู้สึกหิว จึง เด็ดรวงข้าวมากิน เมื่อชาวฟาริสีสังเกตเห็นดังนั้น จึงทูลพระองค์ว่า “ดูซิ ศิษย์ของท่าน ก�าลังท�าสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโต” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์ หรือว่ากษัตริยด์ าวิดและผูต้ ดิ ตามได้ทา� สิง่ ใดเมือ่ หิวโหย พระองค์เสด็จเข้าไปในพระนิเวศ ของพระเจ้า เสวยขนมปังที่ตั้งถวายพร้อมกับบรรดาผู้ติดตาม ขนมปังนั้นผู้ใดจะกินไม่ ได้ นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น ท่านไม่ได้อ่านในธรรมบัญญัติหรือว่า ในวันสับบาโต นั้น บรรดาสมณะในพระวิหารย่อมละเมิดวันสับบาโตได้โดยไม่มีความผิด เราบอกท่าน ทั้งหลายว่า ที่นี่มีสิ่งยิ่งใหญ่กว่าพระวิหารเสียอีก ถ้าท่านเข้าใจความหมายของข้อความ ที่ว่า ‘เราพอใจความเมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ ท่านคงจะไม่กล่าวโทษผู้ไม่มี ความผิด เพราะบุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต” พระเยซูเจ้าทรงต้องการปกป้องบรรดาศิษย์จากการกล่าวหาของพวกฟาริสจี าก วันสับบาโต พระองค์ได้แสดงท่าทีใหม่ในการปฏิบัติวันสับบาโต นั่นคือ กิจการที่เป็นกิจเมตตา มากกว่าการปฏิบัติวันสับบาโตตามธรรมเนียมตามตัวอักษรที่มีเขียนไว้
บทอ่านที่ 1
มคา 2:1-5
วิบัติจงเกิดแก่ผู้วางแผนร้าย และคิดท�าความชั่วอยู่บนที่นอน พอรุ่งขึ้นตอนเช้าก็ ท�า เพราะเขามีอ�านาจจะท�าเช่นนั้น เขาอยากได้ทุ่งนาใดก็เข้ายึด เขาอยากได้บ้านใดก็ ริบไป เขารีดไถทั้งเจ้าของและบ้านเรือน เขาบีบคนและมรดก องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัส ดังนี้ว่า “ดูซิ เราก�าลังวางแผนต่อสู้กับคนประเภทนี้ เป็นภัยพิบัติซึ่งท่านถอนคอให้พ้น ไม่ได้ ท่านจะยืดอกเดินอย่างผึ่งผายไม่ได้ เพราะนั่นคือเวลาแห่งภัยพิบัติ เวลานั้น จะมี ผูแ้ ต่งค�าพังเพยถึงท่าน และจะคร�า่ ครวญอย่างขมขืน่ ว่า ‘พวกเราถูกปล้นจนหมดตัวแล้ว พระเจ้าทรงมอบมรดกของประชากรของข้าพเจ้า ให้เป็นกรรมสิทธิข์ องผูอ้ นื่ แล้ว พระองค์ ทรงเอาไปได้อย่างไร พระองค์ทรงแบ่งทุ่งนาของพวกเราให้แก่บรรดาศัตรู’ ดังนั้น จะไม่มีผู้ใดขึงเชือกวัดส่วนมรดก เพื่อจับสลากให้ท่านในชุมชนขององค์ พระผู้เป็นเจ้า”
พระวรสาร
มธ 12:14-21
เวลานั้น ชาวฟาริสีจึงไปชุมนุมปรึกษากันว่าจะก�าจัดพระองค์ได้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ จึงเสด็จไปจากที่นั่น ผู้คนจ�านวนมากติดตามพระองค์ ไป พระองค์ทรงรักษาทุกคนให้หายจากโรค แต่ทรงก�าชับเขามิให้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ ทั้งนี้ เพื่อให้พระวาจาที่ตรัสทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า นี่คือผู้รับใช้ที่เราได้เลือกสรรไว้ นี่คือผู้ที่เรารัก ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้จิตของเราแก่เขา และเขาจะประกาศความยุติธรรมแก่นานาชาติ เขาจะไม่ทะเลาะวิวาท และจะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึง จะไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาตามลานสาธารณะ เขาจะไม่หักต้นอ้อที่ช�้าแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ยังริบหรี่อยู่ จนกว่าเขาจะท�าให้ความยุติธรรมมีชัยชนะ นานาชาติจะมีความหวังในนามของเขา
พระเยซูเจ้าทรงรักษาชายมือลีบคนหนึ่งในวันสับบาโต ชาวฟาริสีไม่ชื่นชมที่ พระองค์ทรงท�าความดี กลับคิดวางแผนร้ายจะก�าจัดพระองค์ พระองค์ก็หลีกหนี ชาวบ้าน ติดตามพระองค์ พระองค์ทรงมีเมตตา รักษาทุกคนให้หายจากโรค วันนี้ฉันจะพยายามท�าดี มีเมตตา ช่วยเยียวยาผู้ปวย แม้อาจมีบางคนไม่ชอบ แต่ฉันจะ พยายามรักษาความยุติธรรม ไม่ทะเลาะ ท�าดีไม่ต้องให้ใครชม ให้พระเจ้าโปรดปรานก็พอ
พระนางมารีย์ พรหมจารี แห่งภูเขาคาร์แมล สดด 10:1-2,3-4, 7-8,14
ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล
ปฐก 18:1-10
เพลงสดุดี
สดด 15:2,3ก,3ข-4,5
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส�าแดงพระองค์แก่อับราฮัมที่หมู่ต้นโอกของมัมเร ขณะนั้น เป็นเวลาแดดร้อนจัด อับราฮัมก�าลังนัง่ อยูท่ ปี่ ระตูกระโจม เขาเงยหน้าขึน้ มอง ก็เห็นชาย สามคนยืนอยูใ่ กล้ตน ทันทีทเี่ ห็น อับราฮัมก็วงิ่ จากประตูกระโจมไปต้อนรับและกราบลง ที่พื้นดิน เขาพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าท่านโปรดปรานข้าพเจ้า โปรดอย่าผ่านผู้รับ ใช้ของท่านไปเลย ข้าพเจ้าจะให้เขาเอาน�้ามาล้างเท้าให้ท่าน เชิญท่านพักใต้ต้นไม้นี้เถิด ขอให้ข้าพเจ้าไปน�าอาหารมาให้ท่านสักเล็กน้อย ท่านจะได้สดชื่น มีก�าลังเดินทางต่อไป ท่านมาถึงบ้านข้าพเจ้าแล้ว ขอให้ข้าพเจ้ารับใช้ท่านเถิด” เขาทั้งสามคนจึงตอบว่า “จง ท�าตามที่ท่านพูดนั้นเถิด” อับราฮัมรีบเข้าไปในกระโจมของนางซาราห์ และบอกว่า “เร็วเข้า ไปเอาแป้ง ละเอียดสามถังมานวดและท�าขนมปังส�าหรับแขกสามคนเถิด” แล้วอับราฮัมวิ่งไปที่ฝูง สัตว์ น�าลูกโคอ้วนพีตัวหนึ่งให้ผู้รับใช้ฆ่า และรีบปรุงเป็นอาหาร เขาเอานมข้นเปรี้ยว น�้านมสดและเนื้อลูกโคที่เตรียมแล้ว มาวางต่อหน้าคนทั้งสาม และยืนอยู่ใต้ต้นไม้คอย รับใช้ ขณะที่คนทั้งสามก�าลังกินอาหาร เขาเหล่านัน้ ถามว่า “นางซาราห์ ภรรยาของท่านอยูท่ ไี่ หน” อับราฮัมตอบว่า “นางอยู่ ในกระโจม” คนหนึ่งจึงพูดว่า “ปีหน้า เราจะกลับมาหาท่านอีกอย่างแน่นอน นางซาราห์ ภรรยาของท่านจะมีบตุ รชายคนหนึง่ ” นางซาราห์ฟงั อยูท่ ปี่ ระตูกระโจมเบือ้ งหลังอับราฮัม ก) ผู้นั้นคือผู้ที่ด�าเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ ปฏิบัติความชอบธรรม พูดความจริงจากใจของตน ผู้ที่บังคับลิ้นของตนไว้ ไม่ใส่ความ ข) ไม่ท�าร้ายผู้อื่น ไม่ใส่ร้ายเพื่อนบ้าน ผู้ที่เหยียดหยามคนเลวทราม แต่ให้เกียรติผู้ย�าเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า ยืนยันค�าสาบานแม้จะต้องเสียหาย ค) ผู้ที่ให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย ไม่รับสินบนปรักปร�าผู้บริสุทธิ์ ผู้ใดประพฤติเช่นนี้จะไม่หวั่นไหวตลอดไป
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 1:24-28
พี่น้อง บัดนี้ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ความทรมานของ พระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกายของข้าพเจ้า เพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักร ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระศาสนจักรนี้ตาม
ภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้ เพื่อจะได้ประกาศพระ วาจาของพระเจ้าแก่ท่านอย่างสมบูรณ์ นั่นคือธรรมล�้า ลึกที่ซ่อนอยู่ตลอดทุกยุคสมัย บัดนี้ธรรมล�้าลึกปรากฏ ชัดแจ้งแก่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แล้ว พระเจ้า ทรงปรารถนาที่จะแสดงให้เขาเหล่านั้นรู้ว่าธรรมล�้าลึก นี้ได้น�าพระสิริรุ่งโรจน์ล้นเหลือมาให้คนต่างศาสนา นั่น คือการทีพ่ ระคริสตเจ้าทรงด�ารงอยูใ่ นท่าน ทรงเป็นความ หวังเพื่อให้ท่านได้รับความรุ่งเรือง เราประกาศถึงพระ คริสตเจ้าพระองค์นี้ โดยเตือนและสอนทุกคนให้มคี วาม รู้ทุกอย่างเพื่อให้แต่ละคนดีพร้อมเดชะพระคริสตเจ้า
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 10:38-42
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระด�าเนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง สตรีผู้หนึ่งชื่อมารธารับเสด็จพระองค์ที่บ้าน นางมีน้องสาวชื่อมารีย์ซึ่งนั่งอยู่แทบพระบาทขององค์พระผู้ เป็นเจ้า คอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธาก�าลังยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้จึงเข้ามาทูลว่า “พระเจ้า ข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวปล่อยดิฉันคนเดียวให้ปรนนิบัติรับใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มา ช่วยดิฉันบ้าง” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธา มารธา เธอเป็นห่วงและวุ่นวายหลายสิ่งนัก สิ่ง ที่จ�าเป็นมีเพียงสิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดที่จะไม่มีใครเอาไปจากเขาได้” สตรีก็มีสิทธิ์ติดตามพระเยซูเจ้า นางซาราห์และมารธาพยายามต้อนรับแขกอย่างดี ในฐานะที่ เธอเป็นสตรีดูแลบ้าน ในสมัยพระเยซูเจ้า สตรีไม่มีสิทธิ์มานั่งฟังธรรมาจารย์ในศาลาธรรม เพราะเป็นสิทธิ์ของ ผูช้ าย แต่พระเยซูเจ้ายอมให้มารียม์ านัง่ ใกล้ๆ เธอขอสิทธิเ์ พือ่ มารู ้ “ธรรมล�า้ ลึกทีซ่ อ่ นอยูต่ ลอดทุกยุคทุกสมัย” (คส 1:26) จากริมฝปากของพระเยซูเจ้าเอง เธอขอสิทธิ์เป็นศิษย์ใกล้ชิดพระเยซูเจ้า มารธาก็เคารพรักพระเยซูเจ้า พระองค์เรียกชื่อเธอด้วยความเมตตา อยากให้เธอท�าหน้าที่ในบ้านแล้วก็ฟัง พระวาจา เป็นศิษย์ใกล้ชิดพระองค์ด้วย เทียบเท่าบุรุษ
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา สดด 50:5-6,8-10, 16-18,21,23 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1
มคา 6:1-4,6-8
พระวรสาร
มธ 12:38-42
จงฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเถิด จงลุกขึ้นแก้คดีของท่านต่อหน้าภูเขา จงให้ เนินเขาฟังเสียงของท่าน ภูเขาทัง้ หลายเอ๋ย จงฟังคดีขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเถิด รากฐาน ถาวรของแผ่นดินเอ๋ย จงฟังเถิด เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงมีคดีความกับประชากรของ พระองค์ พระองค์จะทรงสูค้ วามกับอิสราเอล ประชากรของเราเอ๋ย เราได้ทา� อะไรกับท่าน เราได้ทา� ให้ทา่ นขุน่ ข้องหมองใจในเรือ่ งใด จงตอบซิ เพราะเราได้นา� ท่านออกมาจากแผ่น ดินอียิปต์ และไถ่ท่านจากการเป็นทาส เราใช้โมเสส อาโรน และมีเรียมให้น�าหน้าท่าน “ข้าพเจ้าจะต้องน�าสิง่ ใดเมือ่ เข้ามาเฝ้าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และกราบนมัสการพระเจ้า ผู้สูงสุด ข้าพเจ้าจะต้องน�าเครื่องเผาบูชา โคหนุ่มอายุหนึ่งปีหลายตัวเข้ามาเฝ้าพระองค์ หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพอพระทัยแกะเพศผู้นับพันตัว พอพระทัยล�าธารน�้ามันนับ หมื่นสายหรือ ข้าพเจ้าจะต้องถวายบุตรคนแรกเพื่อชดเชยความผิดของข้าพเจ้า ถวาย บุตรจากกายของข้าพเจ้าเพื่อชดเชยบาปที่ข้าพเจ้าได้ท�าหรือ” “มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงบอกท่านไว้แล้วว่าอะไรดี และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง ประสงค์สิ่งใดจากท่าน คือให้ท่านปฏิบัติความยุติธรรมและรักความดีงาม และด�าเนิน ชีวิตอย่างถ่อมตนกับพระเจ้าของท่าน” เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ พวก เราต้องการเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ประการหนึ่งจากท่าน” พระองค์ทรงตอบว่า “คน ชั่วร้ายและไม่ซื่อสัตย์ต้องการเห็นเครื่องหมายรึ จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็น เว้นแต่ เครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์อยู่ในท้องปลาสามวันสามคืนฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น ในวันพิพากษา ชาวเมือง นีนะเวห์จะลุกขึน้ และกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเมือ่ ได้ฟงั ค�าเทศน์ ของโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้ จะทรง ลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟัง พระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก” ประกาศกมีคาห์ปฏิบัติภารกิจทั้งก่อนและหลังการล่มสลายของกรุงสะมาเรีย ในป 721 ก่อน ค.ศ. มีความหวาดระแวงต่อสังคมเมือง พูดจาตรงไปตรงมา ประกาศก กล่าวประณามพวกนายทุนที่เห็นแก่เงิน พวกที่ให้กู้เงินโดยคิดดอกเบี้ยสูง พวกพ่อค้าที่คดโกง ครอบครัวที่ทะเลาะเบาะแว้งแตกแยกกัน บรรดาสมณะผู้มีอ�านาจที่มีความโลภ ขัดแย้งกับ อุดมการณ์ที่พระเจ้าทรงเรียกร้อง คือ ยุติธรรม รักความดี... ถ่อมตนกับพระเจ้า
บทอ่านที่ 1
มคา 7:14-15,18-20
โปรดทรงใช้ไม้ขอของผูเ้ ลีย้ งแกะเลีย้ งดูประชากร คือฝูงแพะแกะทีเ่ ป็นมรดกของ พระองค์ ซึ่งอาศัยโดดเดี่ยวอยู่ในป่า ที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ โปรดทรงให้ เขาหากินอยูใ่ นแคว้นบาชานและกิเลอาด เหมือนในสมัยก่อน โปรดทรงแสดงปาฏิหาริย์ แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เหมือนในสมัยที่ทรงน�าข้าพเจ้าทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์ ผู้ทรงให้อภัยความผิด และทรงมองข้ามการ ล่วงละเมิดแก่ผทู้ เี่ หลืออยูเ่ ป็นมรดกของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงเก็บพระพิโรธไว้ตลอด ไป แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง ขอพระองค์ทรงพระเมตาต่อข้าพเจ้าทั้งหลายอีก ครั้งหนึ่ง โปรดทรงเหยียบย�่าความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาป ของข้าพเจ้าทั้งหลายลงไปในทะเลลึก พระองค์จะทรงแสดงความซื่อสัตย์แก่ยาโคบ ทรงแสดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัม ดังที่เคยทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้ง หลายตั้งแต่นานมาแล้ว
พระวรสาร
มธ 12:46-50
ขณะที่พระเยซูเจ้าก�าลังตรัสกับประชาชน พระมารดาและพระประยูรญาติของ พระองค์มายืนอยู่ข้างนอก ต้องการพูดกับพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามผู้ที่มาทูลนั้นว่า “ใครเป็นมารดา ใครเป็นพี่น้องของเรา” แล้วทรงยื่นพระหัตถ์ชี้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “นี่ คือมารดาและพี่น้องของเรา เพราะผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้ สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา” บทอ่านจากมีคาห์ตอนสุดท้ายนี้เป็นค�าอธิษฐานภาวนาขอให้ศัตรูต้องอับอาย ภาพผูเ้ ลีย้ งแกะทีด่ ที า� ให้เราคิดถึงเพลงสดุดที ี่ 23 และเอเสเคียลที ่ 34 ผูเ้ ลีย้ งแกะแห่งอิสราเอล ย่อหน้าที่สองเป็นค�าวอนขอการอภัยจากพระเจ้า ท�าให้เราคิดถึงเพลงสดุดีที่ 103:9 สรรเสริญพระทัยดีของพระเจ้า ท�าให้เราคิดถึงคติพจน์ของโปปฟรังซิส “แม้ข้าพเจ้าเป็นคนบาปน่าสงสาร แต่พระองค์ ทรงเลือก”
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา
สดด 85:1-3,4-5, 6-7 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4 วันอาสาฬหบูชา
น.อโพลินาริส พระสังฆราช และมรณสักขี
สดด 71:1-3ก,3ข-5, 6-7,16-18ก ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4 วันเขาพรรษา
บทอ่านที่ 1
ยรม 1:1,4-10
พระวรสาร
มธ 13:1-9
ถ้อยค�าของเยเรมีย์ บุตรของฮิลคียาห์ สมณะคนหนึ่งซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านอานาโธท ใน แผ่นดินของชนเผ่าเบนยามิน องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ก่อนที่เราปั้นท่านในครรภ์มารดา เราก็รู้จัก ท่านแล้ว ก่อนที่ท่านจะเกิด เราก็แยกท่านไว้เป็นของเราแล้ว เราแต่งตั้งท่านให้เป็น ประกาศกส�าหรับนานาชาติ” ข้าพเจ้าทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า จะเป็นไปได้อย่างไร พระองค์ทรง เห็นแล้วว่าข้าพเจ้ายังพูดไม่เป็น ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าพูดว่าท่านยังเป็นเด็กเลย เราส่งท่านไปหา ผู้ใด ก็จงไปเถิด เราสั่งให้ท่านพูดอะไร ก็จงพูดเถิด อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราอยู่กับ ท่าน เพื่อป้องกันท่าน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์มาสัมผัสปากของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็น เจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ดูซิ เราใส่ถอ้ ยค�าของเราในปากของท่านแล้ว ดูซิ วันนีเ้ ราตัง้ ท่าน เหนือนานาชาติและเหนืออาณาจักรต่างๆ เพื่อถอนรากและท�าให้พังทลาย เพื่อท�าลาย และรื้อลง เพื่อจะได้ก่อสร้างและปลูกขึ้นใหม่” วันเดียวกันนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากบ้านมาประทับที่ริมทะเลสาบ ประชาชน จ�านวนมากมาเฝ้าพระองค์ พระองค์จงึ เสด็จไปประทับอยูใ่ นเรือ ส่วนประชาชนยืนอยูบ่ น ฝัง พระองค์ตรัสสอนเขาหลายเรื่องเป็นอุปมา พระองค์ตรัสว่า “จงฟังเถิด ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่เขาก�าลัง หว่านอยู่นั้น บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน นกก็จิกกินจนหมด บางเมล็ดตกบนพื้นหินที่ มีดินเล็กน้อย ก็งอกขึ้นทันทีเพราะดินไม่ลึก แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ก็ถูกแดดเผาและ เหี่ยวแห้งไปเพราะไม่มีราก บางเมล็ดตกในพงหนาม ต้นหนามก็ขึ้นคลุมไว้ ท�าให้เหี่ยว เฉาตายไป บางเมล็ดตกในที่ดินดี จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง ใครมีหู ก็จงฟังเถิด”
เยเรมียเ์ ป็นประกาศกส�าคัญองค์หนึง่ ทีเ่ กิดราว 646 ก่อน ค.ศ. ในตระกูลสมณะ ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ๆ กรุงเยรูซาเล็ม ท่านได้รับเรียกจากพระเจ้าขณะที่ยังเป็นหนุ่ม (ประมาณอายุ 20 ป) ในราวป 626-627 ก่อน ค.ศ. มีชีวิตอยู่ในช่วงความทุกข์ยากก่อนและหลังการล่มสลาย ของอาณาจักรยูดาห์ และการปฏิรูปศาสนา เพราะฉะนั้น พระเจ้าทรงเลือกเยเรมีย์ (เหมือนโมเสส) ท่านบอกว่า “พูดไม่เป็น... ยัง เป็นเด็ก” แสดงว่าท่านกลัวจะรับพันธกิจนี้ สัมผัสปาก เป็นกิจการสัญลักษณ์แสดงว่าพระเจ้าทรงเลือกสรรและจะช่วยเหลือ
บทอ่านที่ 1
ยรม 2:1-3,7-8,12-13
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า จงไปประกาศให้ชาวกรุงเยรูซาเล็มได้ยินว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เรายังระลึกถึงความจงรักภักดีในวัยสาวของท่าน ระลึก ถึงความรักเมื่อท่านยังเป็นคู่หมั้น เมื่อท่านติดตามเราในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินที่ไม่มี ผูใ้ ดหว่านพืช อิสราเอลถูกแยกไว้เป็นขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เป็นผลิตผลแรกทีท่ รงเก็บ เกี่ยว ทุกคนที่กินผลแรกนี้ย่อมมีความผิด เหตุร้ายจะมาถึงเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส” เราได้น�าท่านทั้งหลายเข้ามาในแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ เพื่อจะได้กินผลผลิตและสิ่ง ดีๆ แต่เมื่อท่านเข้ามา ท่านท�าให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และท�าให้มรดกของเราเป็น สิ่งน่าสะอิดสะเอียน บรรดาสมณะไม่เคยถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน” ผู้ เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติไม่รู้จักเรา บรรดาผู้ปกครองก็เป็นกบฏต่อเรา บรรดาประกาศก ประกาศวาจาในนามของพระบาอัล และด�าเนินตามสิ่งที่ไร้ประโยชน์ สวรรค์เอ๋ย จงตกตะลึงเพราะเหตุการณ์เช่นนี้ จงสยดสยองและจงตกใจอย่างทีส่ ดุ เถิด องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส ประชากรของเราได้ทา� ความชัว่ สองประการ เขาได้ละทิง้ เรา ซึ่งเป็นพุน�้าไหล แล้วไปสกัดหินเป็นที่ขังน�้าส�าหรับตน เป็นที่ขังน�้ารั่วซึ่งเก็บน�้าไว้ไม่ได้
พระวรสาร
มธ 13:10-17
เวลานั้น บรรดาศิษย์เข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ท�าไมพระองค์ตรัสแก่พวกเขา เป็นอุปมา” พระองค์ทรงตอบว่า “พระเจ้าประทานธรรมล�้าลึกเรื่องอาณาจักรสวรรค์ให้ ท่านทัง้ หลายรู้ แต่ไม่ได้ประทานให้แก่ผอู้ นื่ เพราะผูท้ มี่ มี ากจะได้รบั มากขึน้ จนเหลือเฟือ ส่วนผู้ที่มีน้อย จะถูกริบสิ่งเล็กน้อยที่มีไปด้วย ดังนั้น เรากล่าวแก่คนเหล่านี้เป็นอุปมา ถึงแม้พวกเขามองดู ก็ไม่เห็น แม้ฟงั ก็ไม่ได้ยนิ และไม่เข้าใจ ส�าหรับคนเหล่านี้ ค�าท�านาย ของประกาศกอิสยาห์ก็เป็นความจริงที่ว่า ท่านทั้งหลายจะฟังแล้วฟังเล่า แต่จะไม่เข้าใจ จะมองแล้วมองเล่า แต่จะไม่เห็น เพราะจิตใจของประชาชนนี้แข็งกระด้าง เขาท�าหูทวนลม และปิดตา เพื่อไม่ต้องมอง ด้วยตา ไม่ต้องฟังด้วยหู จะได้ไม่เข้าใจ จะได้ไม่ต้องกลับใจ เราจะได้ไม่ต้องรักษาเขา ส่วนท่านทัง้ หลาย ตาของท่านเป็นสุขทีม่ องเห็น หูของท่านเป็นสุขทีไ่ ด้ฟงั เราบอก ความจริงแก่ท่านว่า ประกาศกและผู้ชอบธรรมจ�านวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่านได้ เห็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านฟังอยู่ แต่ก็ไม่ได้ฟัง” บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมียต์ อนนีเ้ ป็นการเทศน์สอนครัง้ แรกของท่าน กล่าวถึงความไม่ซอื่ สัตย์ของอิสราเอล ทัง้ ๆ ทีพ่ ระเจ้าทรงรักอิสราเอล (รักเราคริสตชนปัจจุบนั ) ก่อนทรงช่วยน�าออกจากแดนทาสไปสูด่ นิ แดนพระสัญญา บรรดาผูน้ า� ท�าผิด สมณะไม่กล้าชีแ้ นะ ตักเตือนชาวบ้านที่ท�าบาป เพราะฉะนั้น ชาวบ้านละทิ้งพระเจ้าไปนับถือพระบาอัลของคนต่าง ความเชื่อ ซึ่งเปรียบเหมือน “ที่ขังน�้ารั่ว” ย่อมเกิดความแห้งแล้ง คือ การลงโทษ
น.ลอเรนซ์ แห่งบรินดิซี พระสงฆ์ นักปราชญ์ สดด 36:5-6,7-8, 9-10 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
ระลึกถึง น.มารีย์ ชาวมักดาลา สดด 63:1-2,3-5,6-9 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1
2 คร 5:14-17
พระวรสาร
ยน 20:1,11-18
พี่น้อง เพราะความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเรา เราแน่ใจว่า ถ้าคนหนึ่งตาย เพื่อทุกคน ก็เหมือนกับว่าทุกคนได้ตายด้วย พระองค์สิ้นพระชนม์แทนทุกคน เพื่อผู้ที่ มีชีวิตจะได้ไม่มีชีวิตเพื่อตนเองอีกต่อไป แต่มีชีวิตเพื่อพระองค์ผู้ได้สิ้นพระชนม์ และ ทรงกลับคืนพระชนมชีพเพื่อเขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะไม่พิจารณาผู้ใดตามมาตรฐานมนุษย์อีก แม้ว่าครั้งหนึ่ง เราเคยพิจารณาพระคริสตเจ้าตามมาตรฐานมนุษย์ แต่บัดนี้เราไม่พิจารณาพระองค์ตาม มาตรฐานนี้อีกต่อไป ดังนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่ สภาพ เก่าผ่านพ้นไป สภาพใหม่เกิดขึ้นแล้ว เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ขณะที่ยังมืด มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา ก็เห็นหิน ถูกเคลื่อนออกไปจากพระคูหาแล้ว มารีย์ยังคงยืนร้องไห้อยู่นอกพระคูหา ขณะที่ร้องไห้นั้น นางก้มลงมองในพระคูหา ก็เห็นทูตสวรรค์สององค์สวมเสือ้ ขาวนัง่ อยูต่ รงทีท่ เี่ ขาวางพระศพของพระเยซูเจ้าไว้ องค์ หนึ่งนั่งอยู่ทางเบื้องพระเศียร อีกองค์หนึ่งนั่งอยู่ทางเบื้องพระบาท ทูตสวรรค์ทั้งสอง องค์ถามนางว่า “นางเอ๋ย ร้องไห้ท�าไม” นางตอบว่า “เขาน�าองค์พระผู้เป็นเจ้าของดิฉัน ไปแล้ว ดิฉันไม่รู้ว่า เขาน�าพระองค์ไปไว้ที่ใด” เมื่อตอบดังนี้แล้ว นางก็หันกลับมา และ เห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยูท่ นี่ นั่ แต่ไม่รวู้ า่ เป็นพระเยซูเจ้า พระองค์ตรัสถามนางว่า “นาง เอ๋ย ร้องไห้ท�าไม ก�าลังเสาะหาผู้ใด” นางคิดว่าพระองค์เป็นคนสวน จึงตอบว่า “นาย เจ้าขา ถ้าท่านน�าพระองค์ไป ช่วยบอกดิฉันว่าท่านน�าพระองค์ไปไว้ที่ไหน ดิฉันจะได้ไป น�าพระองค์กลับมา” พระเยซูเจ้าตรัสเรียกนางว่า “มารีย”์ นางจึงหันไปทูลพระองค์เป็น ภาษาฮีบรูว่า “รับโบนี” ซึ่งแปลว่า พระอาจารย์ พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “อย่าหน่วง เหนีย่ วเราไว้เลย เพราะเรายังไม่ได้ขนึ้ ไปเฝ้าพระบิดา แต่จงไปหาพีน่ อ้ งของเรา และบอก เขาว่า เราก�าลังขึ้นไปเฝ้าพระบิดาของเรา และพระบิดาของท่านทั้งหลาย ไปเฝ้าพระเจ้า ของเรา และพระเจ้าของท่านทั้งหลาย” มารีย์ ชาวมักดาลาจึงไปแจ้งข่าวกับบรรดาศิษย์ ว่า “ดิฉันได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” และเล่าเรื่องที่พระองค์ตรัสกับนาง พระเยซูเจ้าไม่ได้เป็นเพียงอาจารย์ปรัชญา ศาสดาผูก้ อ่ ตัง้ ศาสนา หรือผูท้ า� งาน สังคมสงเคราะห์ พระองค์ทรงเป็นพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงเลยโพ้นมาตรฐานของโลก ด้วย ว่าพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากความตาย นักบุญเปาโลและหลายคนคงเสียใจที่เคยตี ค่าพระองค์ต�่ากว่าความเป็นจริง แต่เมื่อเขาเหล่านั้นทราบความจริงแล้ว พวกเขาก็ถูกรวมเข้า ในมาตรฐานใหม่ระดับเหนือธรรมชาติด้วย เราก็เช่นกัน
บทอ่านที่ 1
ยรม 7:1-11
องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสสัง่ ประกาศกเยเรมียว์ า่ “จงไปยืนทีป่ ระตูพระวิหารขององค์ พระผู้เป็นเจ้าและประกาศถ้อยค�ำเหล่านี้ที่นั่นว่า ชาวยูดาห์ทั้งหลายที่ผ่านประตูเหล่า นี้เข้ามานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด องค์ พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าของอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า จงแก้ไขความประพฤติ และกิจการของท่าน แล้วเราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ อย่าไว้วางใจค�ำหลอกลวง ของผู้ที่พูดว่า ‘นี่คือพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ เพราะถ้าท่านแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่าน อย่างแท้จริง ถ้าท่านตัดสินคดีความของผู้หนึ่งกับเพื่อนบ้านอย่างยุติธรรม ถ้าท่านไม่ ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกก�ำพร้าและแม่ม่าย ถ้าท่านไม่หลั่งโลหิตของผู้บริสุทธิ์ในสถานที่ นี้ และไม่ไปกราบไหว้เทพเจ้าอื่นเป็นการท�ำร้ายตนเอง เราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถาน ที่นี้ ในแผ่นดินซึ่งเราเคยให้แก่บรรพบุรุษของท่านตั้งแต่นานมาแล้ว เพื่อจะได้อาศัยอยู่ ตลอดไป แต่ท่านทั้งหลายวางใจในค�ำหลอกลวงที่ไม่ให้ประโยชน์ใดเลย ท่านลักขโมย ฆ่าคน ล่วงประเวณี สาบานเท็จ เผาก�ำยานถวายพระบาอัลและนมัสการเทพเจ้าซึ่งท่าน ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วมายืนต่อหน้าเราในพระวิหารนี้ ซึ่งได้รับนามตามชื่อของเรา พูด ว่า ‘พวกเราปลอดภัยแล้ว’ เพื่อจะกลับไปท�ำกิจการน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้อีก วิหารนี้ ทีไ่ ด้รบั นามตามชือ่ ของเราเป็นถ�ำ้ โจรในสายตาของท่านไปแล้วหรือ เราเองยังได้เห็นเช่น นี้” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
พระวรสาร
น.บรียิต นักบวช สดด 84:1-2,3-4,5,10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
มธ 13:24-30
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟังว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตน ขณะที่ ทุกคนนอนหลับ ศัตรูกม็ าหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป เมือ่ ต้นข้าวงอก ขึ้นจนออกรวง ข้าวละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วย บรรดาผู้รับใช้จึงไปหานายถามว่า ‘นาย ครับ นายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ แล้วข้าวละมานมาจากที่ใด’ นายตอบว่า ‘ศัตรู มาหว่านไว้’ ผู้รับใช้จึงถามว่า ‘นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม’ นายตอบว่า ‘อย่าเลย เกรงว่าเมือ่ ท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีตดิ มาด้วย จงปล่อยให้ขา้ วสองชนิด งอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วเมื่อเก็บเกี่ยว ฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่า จง เก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อน เผาไฟเสีย ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน’”
ประกาศกเยเรมีย์กล่าวถึงคารวกิจที่ถูกต้อง เรามานมัสการพระเจ้าที่วัด ไม่ว่าวัดสวย สง่า ราคาแพง หรือวัดธรรมดาๆ พระเจ้าปรารถนาให้เราตั้งใจฟังพระวาจาพระเจ้า และแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่าน อย่างแท้จริง ให้ด�ำเนินชีวิตซื่อตรง ยุติธรรม ต้อนรับคนต่างด้าว คนยากจน ไม่ลักขโมย มีเมตตา ไม่ผิดประเวณี ไม่ สาบานเท็จ มิฉะนั้น วิหารจะกลายเป็นถ�้ำโจร พระเยซูเจ้าทรงขับไล่บรรดาพ่อค้าออกจากพระวิหาร สอนว่า บ้านของ เราเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา แต่ท่านกลับมาท�ำให้เป็นซ่องโจร (มธ 21:13)
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล
สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
ปฐก 18:20-32
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เสียงกล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์นั้นดัง เหลือเกิน และบาปของเขาก็หนักมาก เราจะลงไปดูวา่ เป็นจริงตามเสียงกล่าวโทษทัง้ หมด นี้หรือไม่ เราอยากรู้” ชายเหล่านั้นจึงออกจากที่นั่นเดินตรงไปยังเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังยืนเฝ้าองค์ พระผู้เป็นเจ้าอยู่ อับราฮัมเข้ามาใกล้ทูลถามว่า “พระองค์จะทรงท�าลายผู้ชอบธรรม พร้อมกับคนอธรรมเทียวหรือ ถ้ามีคนชอบธรรมอยู่ห้าสิบคนในเมืองนั้น พระองค์จะ ยังทรงท�าลายเมืองนั้นหรือ พระองค์จะไม่ทรงอภัยเมืองนั้นเพราะเห็นแก่คนชอบธรรม ห้าสิบคนที่อยู่ที่นั่นหรือ ขอพระองค์อย่าทรงคิดที่จะกระท�าเช่นนั้นเลย อย่าทรงคิดที่ จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรม อย่าทรงกระท�ากับคนชอบธรรมเช่นเดียวกับคน อธรรม ขอพระองค์อย่าทรงกระท�าเช่นนั้นเลย พระองค์ผู้ทรงพิพากษาตัดสินโลกจะไม่ ทรงกระท�าสิ่งที่ถูกต้องหรือ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าเราพบคนชอบธรรมห้า สิบคนในเมืองโสโดม เราจะให้อภัยเมืองนั้น เพราะเห็นแก่เขา” อับราฮัมทูลอีกว่า “ขอประทานอภัยทีข่ า้ พเจ้าบังอาจทูลเจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า เป็นเพียงฝุน่ ผงและขีเ้ ถ้า ถ้าในห้าสิบคนนัน้ ขาดไปห้าคน พระองค์ยงั จะทรงท�าลายเมือง นัน้ ทัง้ เมืองเพราะขาดไปห้าคนหรือ” พระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่ทา� ลาย ถ้าเราพบคนชอบ ธรรมสี่สิบห้าคนที่นั่น” อับราฮัมทูลพระองค์อีกว่า “ถ้าทรงพบเพียงสี่สิบคนที่นั่นเล่า” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ท�าลาย เพราะเห็นแก่สี่สิบคน” อับราฮัมทูลว่า “เจ้านายของข้าพเจ้าอย่ากริ้วเลย ถ้าข้าพเจ้าจะทูลต่ออีกเป็นครั้ง สุดท้าย ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงสามสิบคนทีน่ น่ั ” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทา� ลาย ถ้าเราพบสามสิบคน” อับราฮัมทูลว่า “ขอประทานอภัยที่ข้าพเจ้าบังอาจทูลเจ้านายของ ข้าพเจ้า ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงยี่สิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ท�าลาย เมืองนั้น เพราะเห็นแก่ยี่สิบคน” อับราฮัมทูลว่า “เจ้านายของข้าพเจ้าอย่ากริ้วเลย ถ้า ข้าพเจ้าจะทูลต่ออีกเป็นครัง้ สุดท้าย ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงสิบคนทีน่ นั่ ” พระองค์ตรัส ตอบว่า “เราจะไม่ท�าลายเมืองนั้น เพราะเห็นแก่สิบคน”
เพลงสดุดี
สดด 138:1-2ก,2ข-3,6-7ก,7ข-8
ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์สุดจิตใจ เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงที่ข้าพเจ้าเปล่งออกมา ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระพระองค์เบื้องหน้าบรรดาทูตสวรรค์ ข้าพเจ้าจะกราบลงเบื้องหน้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระนามพระองค์ ข) เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์ ทรงท�าให้พระสัญญายิ่งใหญ่กว่าพระนามพระองค์ พระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าในวันที่ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 2:12-14
พี่น้อง เมื่อรับศีลล้างบาป ท่านทั้งหลายถูกฝังพร้อมกับพระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพพร้อมกับ พระองค์ด้วยความเชื่อในพระเดชานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้ากลับคืนพระชนมชีพ จากบรรดาผู้ตาย ในอดีตท่านตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและไม่ได้เข้าสุหนัตทางกาย แต่พระเจ้าโปรด ให้ท่านมีชีวิตพร้อมกับพระคริสตเจ้าโดยทรงให้อภัยการล่วงละเมิดทั้งหลายของเรา พระองค์ทรงยกเลิกหนี้สินที่เรามีต่อบทบัญญัติซึ่งกล่าวหาเราโดยทรงยกหนี้สินนั้นไปจากเรา และ ตรึงไว้กับไม้กางเขน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา
ลก 11:1-13
วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คน หนึง่ ทูลพระองค์วา่ “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับทีย่ อห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า “ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง โปรดประทานอาหาร ประจ�ำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายทุกวัน โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้ อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การผจญ” พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อกี ว่า “สมมติวา่ ท่านคนหนึง่ มีเพือ่ นและไปพบเพือ่ นนัน้ ตอนเทีย่ งคืน กล่าวว่า “เพื่อนเอ๋ย ให้ฉันขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของฉันเพิ่งเดินทางมาถึงบ้านของ ฉัน ฉันไม่มอี ะไรจะให้เขากิน” สมมติวา่ เพือ่ นคนนัน้ ตอบจากในบ้านว่า “อย่ารบกวนฉันเลย ประตูปดิ แล้ว ลูกๆ กับฉันก็เข้านอนแล้ว ฉันลุกขึน้ ให้สงิ่ ใดท่านไม่ได้หรอก” เราบอกท่านทัง้ หลายว่า ถ้าคนนัน้ ไม่ลกุ ขึน้ ให้ขนมปังเพราะเป็นเพื่อนกัน เขาก็จะลุกขึ้นมาให้สิ่งที่เพื่อนต้องการเพราะถูกรบเร้า เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตู เถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมี ผู้เปิดประตูให้ ท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูแทนปลาหรือ ถ้าลูกขอไข่ จะให้แมงป่องหรือ แม้แต่ ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้า แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ”
การสอนวิธีภาวนา เราต้องไว้วางใจในพระเจ้า พระบิดาเจ้าพร้อมฟังลูกๆ เสมอ นักบุญ ลูกาชี้แสดงว่าพระเยซูเจ้าทรงภาวนาก่อนถึงเหตุการณ์ส�ำคัญ พระองค์ภาวนาเสมอๆ และเรียกพระเจ้า เป็ น พ่ อ หมายถึ ง เราไว้ ว างใจและมอบตั ว แด่ พ ระบิ ด าและเต็ ม ใจท� ำ ตามพระประสงค์ แม้ เ ราอาจพบ สถานการณ์ยากล�ำบาก ดังค�ำสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอมอบ จิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก 23:46) พระเยซูเจ้าสอนศิษย์ให้ภาวนา ขอให้พระอาณาจักรจงมาถึง อาหารประจ�ำวัน การอภัย และไม่แพ้การผจญ
บทอ่านที่ 1
ฉลอง น.ยากอบ อัครสาวก สดด 126:1-2,3-4, 5-6
พระวรสาร
2 คร 4:7-15
พีน่ อ้ ง เรามีสมบัตนิ เี้ ก็บไว้ในภาชนะดินเผา เพือ่ แสดงว่าอานุภาพล�ำ้ เลิศนัน้ มาจาก พระเจ้า มิใช่มาจากตัวเรา เราทนทุกข์ทรมานรอบด้าน แต่ไม่อับจน เราจนปัญญา แต่ก็ ไม่หมดหวัง เราถูกเบียดเบียน แต่ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีล้มลง แต่ไม่ถึงตาย เราแบก ความตายของพระเยซูเจ้าไว้ในร่างกายของเราอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูเจ้าจะ ปรากฏอยู่ในร่างกายของเราด้วย ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่เราเสี่ยงกับความตายอยู่เสมอ เพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า เพื่อให้ชีวิตของพระเยซูเจ้าปรากฏชัดในธรรมชาติที่ตาย ได้ของเรา ดังนั้น ความตายก�ำลังท�ำงานอยู่ในเรา แต่ชีวิตก�ำลังท�ำงานอยู่ในท่าน มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ข้าพเจ้าได้เชื่อ จึงได้พูด เรามีจิตแห่งความเชื่อเดียวกัน นี้ เราเชื่อ เราจึงพูด เพราะรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง กลับคืนพระชนมชีพ จะทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูเจ้า และจะทรง น�ำเราและท่านทั้งหลายไปอยู่กับพระองค์ด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นส�ำหรับท่าน เพือ่ ว่าเมือ่ พระหรรษทานแผ่ไปถึงคนมากขึน้ การขอบพระคุณจะทวียงิ่ ขึน้ เป็นการถวาย พระเกียรติแด่พระเจ้า
มธ 20:20-28
เวลานั้น มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของ ข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่าน ไม่รู้ว่าก�ำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองคนทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระองค์ ตรัสกับเขาว่า “ท่านจะดืม่ ถ้วยของเรา แต่การทีจ่ ะนัง่ ข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานัน้ ไม่ใช่หน้าทีข่ องเราทีจ่ ะให้ แต่สงวนไว้ส�ำหรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้” เมือ่ ได้ยนิ ดังนัน้ อัครสาวกอีกสิบคนรูส้ กึ โกรธพีน่ อ้ งสองคนนัน้ พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัส ว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าในหมู่คนต่างชาติ ผู้ปกครองย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้อ�ำนาจ บังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องท�ำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ ปรารถนาจะเป็นคนทีห่ นึง่ ในบรรดาท่านทัง้ หลาย ก็จะต้องท�ำตนเป็นผูร้ บั ใช้ เหมือนกับทีบ่ ตุ รแห่งมนุษย์มไิ ด้มา เพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย” นักบุญยากอบเป็นพี่ชายของนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร มีอาชีพเป็นชาวประมงเหมือนนักบุญ เปโตรและนักบุญอันดรูว์น้องชาย ดูเหมือนว่าทั้งสี่มีความภาคภูมิใจพิเศษกว่าอัครสาวกอื่นๆ ซาโลเมมารดาของบุตร เศเบดีจึงได้ขอที่พิเศษในพระอาณาจักร นักบุญเปโตร นักบุญยากอบ และนักบุญยอห์น (บ่อยๆ ก็เป็นเครื่องหมายถึง ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก) เป็นประจักษ์พยานพิเศษของพระเยซูเจ้าเวลาท�ำอัศจรรย์ให้ลูกสาวไยรัสให้กลับ คืนชีพ (ลก 8) การแสดงพระองค์อย่างรุ่งเรือง (มธ 17) และความทุกข์ในสวนเกทเสมนี (มธ 26:37) ยากอบเป็นอัครสาวกองค์แรกที่เป็นมรณสักขี โดยถูกตัดศีรษะ บางธรรมประเพณีบอกว่าท่านไปแพร่ธรรมที่ สเปน (กอมโปสแตลล่า)
บทอ่านที่ 1
บสร 44:1,10-15
เราจงสรรเสริญบุคคลเรืองนามเถิด คือบรรพบุรุษของเราตามล�าดับชั่วอายุคน แต่ บรรพบุรษุ ของเราเป็นผูม้ เี มตตา คุณงามความดีของเขาไม่มวี นั ถูกลืม มรดกมีคา่ ยังคงอยู่ กับเชือ้ สายของเขา คืออยูก่ บั ลูกหลาน เชือ้ สายของเขาซือ่ สัตย์ตอ่ พันธสัญญา ลูกหลาน ต่อมาก็ซอื่ สัตย์ตามแบบเขาด้วย เชือ้ สายของเขาจะด�ารงอยูต่ ลอดไป ความรุง่ เรืองจะไม่ ถูกลบล้างเลย ศพของเขาถูกฝังไว้อย่างสงบ แต่ชื่อเสียงจะคงอยู่ตลอดไป ชุมชนต่างๆ จะประกาศปรีชาญาณของเขา ที่ประชุมจะสรรเสริญเขา
พระวรสาร
มธ 13:16-17
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “ส่วนท่านทัง้ หลาย ตาของท่านเป็นสุขทีม่ องเห็น หูของท่านเป็นสุขทีไ่ ด้ฟงั เราบอก ความจริงแก่ท่านว่า ประกาศกและผู้ชอบธรรมจ�านวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่านได้ เห็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านฟังอยู่ แต่ก็ไม่ได้ฟัง” ในพระวรสารไม่มีตอนใดกล่าวถึงบิดามารดาของแม่พระ แต่มีข้อมูลหนึ่ง (Proto-Gospel of James) กล่าวถึงอันนา หรือฮันนา ซึ่งแปลว่า “หรรษทาน” และยออากิม ซึ่งมาจากค�าที่หมายความว่า “พระเจ้าทรงช่วยไถ่กู้” และบอกว่ามารีย์เป็นลูกสาวของท่านทั้ง สองที่เป็นผลของค�าภาวนาร้อนรนที่ก่อนหน้านั้นทั้งสองแต่งงานแต่ไม่มีลูก ทั้งอันนาและยออากิมเป็นแบบอย่างของผู้ปกครองคริสตชนที่ซื่อสัตย์ ขยัน ศรัทธา และ สุภาพ วันนี้จึงเตือนใจเราพ่อแม่ ผู้ปกครองให้ต้องมีความรับผิดชอบเลี้ยงดูอบรมลูกหลานให้ ศรัทธา
ระลึกถึง น.โยอากิม และ น.อันนา บิดามารดาของ พระนางมารีย์พรหมจารี สดด 132:11,13-14, 17-18 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา สดด 59:1-4,9-10,16,17 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1
ยรม 15:10,16-21
พระวรสาร
มธ 13:44-46
แม่จ๋า วิบัติจงเกิดแก่ลูก ท�าไมแม่จึงคลอดลูกออกมา เป็นเหตุให้ผู้คนทั่วแผ่นดิน ต้องแตกแยกและทะเลาะวิวาทกัน ลูกไม่ได้ให้ยมื และไม่ได้ยมื ใคร แต่ทกุ คนสาปแช่งลูก เมื่อข้าพเจ้าพบพระวาจา ข้าพเจ้าก็ได้กินพระวาจานั้น พระวาจาของพระองค์เป็น ความชืน่ บาน และเป็นความยินดีของจิตใจข้าพเจ้า ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาล เพราะข้าพเจ้าเป็นของพระองค์ ข้าพเจ้าไม่เคยนั่งเพื่อความสนุก ร่วมหมู่กับคนชอบ เยาะเย้ยผู้อ่ืน ข้าพเจ้านั่งอยู่คนเดียวเพราะพระหัตถ์พระองค์อยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะ พระองค์ทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าโกรธมาก แล้วท�าไมความทุกข์ทรมานของข้าพเจ้าจึงไม่รู้ จักจบ ท�าไมบาดแผลของข้าพเจ้าจึงรักษาไม่หาย ไม่ยอมหาย ส�าหรับข้าพเจ้า พระองค์ ทรงเป็นเหมือนล�าธารที่ท�าให้ผิดหวัง เพราะน�้าไม่แน่นอน ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสดังนี้ว่า “ถ้าท่านกลับใจ เราจะรับท่านกลับมา และ ท่านจะยืนอยู่ต่อหน้าเรา ถ้าท่านรู้จักแยกสิ่งประเสริฐจากสิ่งไร้ค่า ท่านจะเป็นเหมือน ปากของเรา เขาทั้งหลายจะกลับมาหาท่าน แต่ท่านต้องไม่กลับไปหาเขา เราจะท�าให้ ท่านเป็นเหมือนก�าแพงทองสัมฤทธิ์ที่มั่นคงส�าหรับประชากรนี้ เขาทั้งหลายจะต่อสู้กับ ท่าน แต่จะไม่ชนะท่าน เพราะเราอยู่กับท่าน เพื่อช่วยท่านให้รอดพ้นและปลดปล่อย ท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะช่วยท่านให้พ้นจากมือของคนชั่ว จะไถ่ท่านจากมือ ของผู้ใช้ความรุนแรง” เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กบั ขุมทรัพย์ทซี่ อ่ นอยูใ่ นทุง่ นา คนทีพ่ บก็ฝงั ซ่อนสมบัติ นั้น และยินดีกลับไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อนาแปลงนั้น อาณาจักรสวรรค์ยงั เปรียบได้อกี กับพ่อค้าทีแ่ สวงหาไข่มกุ เม็ดงาม เมือ่ ได้พบไข่มกุ ที่มีค่าสูง เขาจะไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อไข่มุกเม็ดนั้น” พระเจ้าทรงย�้าภารกิจของประกาศก บทอ่านสองบรรทัดแรกท�าให้เราเห็น วิกฤตทางจิตใจของท่านประกาศก ขณะที่ประกอบภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ แต่ที่สุด ประกาศกทบทวนกระแสเรียก ระบายความทุกข์ใจให้พระเจ้าฟัง และพระเจ้าทรงตอบ ขอให้ กลับใจ ให้มั่นใจในภารกิจที่ได้รับ ให้พยายามละทิ้งความคิดกบฏ เวลาท่านท�าดี อาจพบข้อขัดแย้งหรือถูกต�าหนิ เบียดเบียน ขอท่านอย่าท้อ ขอให้มั่นใจ ในพระหรรษทานจากพระเจ้า
บทอ่านที่ 1
ยรม 18:1-6
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยเรมีย์ดังนี้ว่า “จงรีบไปที่บ้านของช่างปั้นหม้อ แล้ว เราจะแจ้งถ้อยค�าของเราแก่ท่านที่นั่น” ข้าพเจ้าจึงลงไปที่บ้านของช่างปั้นหม้อ เห็นเขา ก�าลังท�างานอยู่ที่แป้นหมุน แต่ภาชนะที่เขาก�าลังใช้ดินเหนียวปั้นอยู่นั้นเสียรูปใช้ไม่ได้ ดังที่อาจเกิดกับดินเหนียว ในมือของช่างปั้นหม้อ เขาจึงใช้ดินเหนียวนั้นปั้นภาชนะอีก ใบหนึ่งตามที่เขาคิดว่าเหมาะสม แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พงศ์พันธุ์ อิสราเอลเอ๋ย เราจะท�ากับท่านอย่างที่ช่างปั้นหม้อคนนี้ท�าไม่ได้หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัส ดูซิ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ดินเหนียวอยู่ในมือของช่างปั้นหม้ออย่างไร ท่านทั้ง หลายก็อยู่ในมือของเราอย่างนั้น
พระวรสาร
มธ 13:47-53
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “อาณาจักรสวรรค์ยงั เปรียบได้อกี กับอวนทีห่ ย่อนลงในทะเล ติดปลาทุกชนิด เมือ่ อวนเต็มแล้ว ชาวประมงจะลากขึ้นฝัง นั่งลงเลือกปลาดีใส่ตะกร้า ส่วนปลาเลวก็โยน ทิ้งไป เมื่อถึงเวลาสิ้นโลกก็จะเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงคราวสิ้นโลก ทูตสวรรค์จะมาแยกคน ชั่วออกจากคนชอบธรรม ทิ้งคนชั่วลงในขุมไฟ ที่นั่น จะมีแต่การร�่าไห้คร�่าครวญและ ขบฟันด้วยความขุ่นเคือง” “ท่านทั้งหลายเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้หรือไม่” บรรดาศิษย์ทูลตอบว่า “เข้าใจแล้ว” พระองค์จงึ ตรัสว่า “ดังนัน้ ธรรมาจารย์ทกุ คนทีม่ าเป็นศิษย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ก็ เหมือนกับเจ้าบ้านที่น�าทั้งของใหม่และของเก่าออกจากคลังของตน” เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสเรื่องอุปมาเหล่านี้จบแล้ว พระองค์เสด็จออกจากที่นั่น ประกาศกเยเรมีย์ไปที่บ้านช่างปันหม้อตามค�าสั่งของพระเจ้า มีบทสอนว่า พระเจ้าเปรียบเหมือนช่างปันหม้อ หม้อเปรียบชาติอิสราเอลในพันธสัญญาเดิม ดินเหนียว เปรียบกับมนุษยชาติ ความคิดก�าเนิดมนุษย์จากดิน คนตะวันออกคุน้ เคยดีวา่ สัมพันธ์กบั หม้อดิน หม้อดินทีไ่ ม่ได้รปู ก็ถกู ปัน ใหม่ หากคนเรามีความประพฤติไม่ดไี ม่งาม ก็กลับใจยอมให้พระเจ้าปัน ใหม่ และด�าเนินชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าเมตตาเรา
สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา สดด 146:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
ระลึกถึง น.มาร์ธา สดด 69:4,7-9,13 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1
1 ยน 4:7-16
พระวรสาร
ยน 11:19-27
ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความ รัก ย่อมเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะ พระเจ้าทรงเป็นความรัก ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ พระเจ้าทรงส่ง พระบุตรเพียงพระองค์เดียวมาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น ความ รักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อชดเชยบาปของ เรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็ควรจะรักกันด้วย ไม่มีผู้ใดเคย เห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกัน พระเจ้าย่อมทรงด�ารงอยู่ในเรา และความรักของพระองค์ ในเราก็จะสมบูรณ์ เรารูว้ า่ เราด�ารงอยูใ่ นพระองค์ และพระองค์ทรงด�ารงอยูใ่ นเรา เพราะ พระองค์ประทานพระพรของพระจิตเจ้าให้เรานัน่ เอง เราเห็นและเราเป็นพยานได้วา่ พระ บิดาทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นพระผูไ้ ถ่โลก ผูใ้ ดยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็น พระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าย่อมทรงด�ารงอยูใ่ นเขา และเขาย่อมอยูใ่ นพระเจ้า เรารูแ้ ละ เชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้ใดด�ารงอยู่ในความรัก ย่อมด�ารงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าย่อมทรงด�ารงอยู่ในเขา เวลานั้น ชาวยิวจ�านวนมากมาหามารธาและมารีย์เพื่อปลอบใจนางในการตายของ พีช่ าย เมือ่ มารธารูว้ า่ พระเยซูเจ้าก�าลังเสด็จมา นางก็ออกไปรับเสด็จ ส่วนมารียย์ งั คงนัง่ อยู่ที่บ้าน มารธาทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉัน คงไม่ตาย แต่บดั นีด้ ฉิ นั รูด้ วี า่ สิง่ ใดทีพ่ ระองค์ทรงวอนขอจากพระเจ้า พระเจ้าจะประทาน ให้” พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “พี่ชายของท่านจะกลับคืนชีพ” มารธาทูลว่า “ดิฉันรู้ว่า เขาจะกลับคืนชีพเมื่อมนุษย์ทุกคนจะกลับคืนชีพในวันสุดท้าย” พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้ว ก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิต และเชื่อในเรา จะไม่มีวันตายเลย ท่าน เชื่อเช่นนี้หรือ” มารธาทูลตอบว่า “เชือ่ พระเจ้าข้า ดิฉนั เชือ่ ว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า พระบุตร ของพระเจ้าที่จะต้องเสด็จมาในโลกนี้”
โมเสสได้สร้างขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ เพื่อให้ชาวอิสราเอลระลึกถึง พระเจ้า ด้วยความกตัญูกตเวทีอยู่เสมอ แต่ในองค์พระเยซูเจ้า ได้สร้างขนบธรรมเนียม ประเพณีใหม่ไม่ใช่ดว้ ยการปฏิบตั จิ ารีตแต่ภายนอก แต่ดว้ ยการกลับใจและรับฟังพระวาจาจาก พระองค์ น่าเสียดายที่คนแถวบ้านพระองค์ปฏิเสธพระองค์
บทอ่านที่ 1
ยรม 26:11-16,24
บรรดาสมณะและประกาศกจึงพูดกับเจ้านายและประชากรทุกคนว่า “ชายคนนี้ ควรถูกประหารชีวิต เพราะเขาประกาศพระวาจากล่าวโทษเมืองนี้ ดังที่ท่านทั้งหลาย ได้ยินกับหูแล้ว” ประกาศกเยเรมีย์จึงตอบเจ้านายทุกคนและประชากรทั้งปวงว่า “องค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาประกาศพระวาจากล่าวโทษพระวิหารและเมืองนี้ตาม ถ้อยค�ำทุกค�ำที่ท่านได้ยิน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงปรับปรุงความประพฤติและการ กระท�ำของท่าน จงฟังพระสุรเสียงขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และองค์พระผู้ เป็นเจ้าจะทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ลงโทษท่านดังที่เคยตรัสไว้ ส่วนข้าพเจ้า ท่านก็เห็นแล้ว ว่าข้าพเจ้าอยู่ในมือของท่าน ท่านจงท�ำกับข้าพเจ้าตามที่ท่านเห็นดีเห็นชอบเถิด แต่จงรู้ ไว้เถิดว่าถ้าท่านประหารชีวิตข้าพเจ้า ท่าน เมืองนี้ และชาวเมืองนี้ทุกคนจะต้องรับผิด ชอบต่อโลหิตของผู้บริสุทธิ์ เพราะโดยแท้จริงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามา พูดถ้อยค�ำเหล่านี้ทั้งหมดให้ท่านฟัง” บรรดาเจ้านายและประชากรทุกคนจึงพูดกับบรรดาสมณะและประกาศกว่า “ชาย ผู้นี้ไม่ควรถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะเขาได้พูดกับเราในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา” แต่ประกาศกเยเรมีย์ได้รับการปกป้องจากอาคิคัม บุตรของชาฟาน จึงไม่ถูกมอบ ให้ประชาชนน�ำไปประหารชีวิต
พระวรสาร
น.เปโตร คริโซโลโก พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 69:14-15, 29-30,32-33 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
มธ 14:1-12
เวลานัน้ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงได้ยนิ เรือ่ งราวเกีย่ วกับพระเยซูเจ้า จึงตรัสกับข้าราชบริพารว่า “คนนีค้ อื ยอห์น ผู้ท�ำพิธีล้างที่กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังนั้นเขาจึงมีอ�ำนาจท�ำอัศจรรย์ได้” กษัตริย์เฮโรดทรงสั่งให้จับกุมยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเรื่องของนางเฮโรเดียส ภรรยาของ ฟีลิปพระอนุชา ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี” กษัตริย์เฮโรด ต้องการจะฆ่ายอห์น แต่ทรงเกรงประชาชน เพราะประชาชนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก ในวันคล้ายวันประสูติ ของกษัตริย์เฮโรด บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสได้เต้นร�ำต่อหน้าแขกรับเชิญ เป็นที่พอพระทัยกษัตริย์เฮโรด อย่างยิ่ง พระองค์จึงทรงสัญญาและทรงสาบานจะประทานทุกสิ่งที่นางทูลขอ นางจึงทูลตามค�ำแนะน�ำที่ได้รับจากมารดาว่า “โปรดประทานศีรษะของยอห์นผู้ท�ำพิธีล้างใส่ถาดมาให้ หม่อมฉันที่นี่เถิด” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์ แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะเห็นแก่ผู้รับเชิญ จึงทรงสั่งให้ จัดการตามที่นางขอ กษัตริย์เฮโรดทรงส่งคนไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก เขาจึงน�ำศีรษะของยอห์นใส่ถาดมา ส่งให้หญิงสาว หญิงสาวจึงน�ำไปให้มารดา บรรดาศิษย์ของยอห์นได้มารับศพไปฝัง แล้วแจ้งข่าวให้พระเยซู เจ้าทรงทราบ ประกาศกเยเรมีย์ถูกจับกุมและถูกพิจารณาคดี บทเทศน์ของเยเรมีย์ถูกตีความว่าเป็นผรุสวาท จึง เป็นสาเหตุให้ท่านถูกตัดสินประหารชีวิต เยเรมีย์ได้พยายามชี้แจงว่าพระเจ้าทรงส่งท่านมาเป็นประกาศกแท้ๆ บรรดา เจ้านายและชาวบ้านเข้าใจ และมีอาคิคัมพยายามปกป้องเยเรมีย์ เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวนี้ เพราะ ชาฟานเป็นคนในราชส�ำนักเป็นผู้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปบ้านเมือง (2 พกษ 22:3) เยเรมีย์จึงพ้นภัยครั้งนี้ คนท�ำดีอาจ มีภัยคุกคามชีวิต แต่พระเจ้าก็มีวิธีการช่วยคุ้มครองคนของพระองค์
บทอ่านจากหนังสือปญญาจารย ปญจ 1:2 และ 2:21-23
สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้” เพราะคนที่ตรากตร�าท�างานโดยใช้ปรีชาญาณ ความรู้และความช�านาญ จะต้อง ละทิง้ ผลงานให้เป็นมรดกแก่คนทีไ่ ม่ได้ตรากตร�าเพือ่ งานนัน้ เลย นีก่ ไ็ ม่เทีย่ งแท้ดว้ ยและ เป็นเคราะห์ร้ายอย่างยิ่ง มนุษย์จะได้ประโยชน์อะไรจากความล�าบากตรากตร�าทั้งหมด และความกังวลใจที่เขาต้องตรากตร�าภายใต้ดวงอาทิตย์ ทุกวันของเขามีแต่ความทุกข์ งานของเขาคือความกังวลใจ แม้ในเวลากลางคืน จิตใจของเขาก็ยังไม่ได้หยุดพัก นี่ก็ ไม่เที่ยงแท้ด้วย
เพลงสดุดี
สดด 95
ก) มาเถิด เราจงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี เราจงโห่ร้องสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นหลักศิลาที่ช่วยเราให้รอดพ้น เราจงเข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์เพื่อขอบพระคุณ เราจงโห่ร้องเพลงสดุดีถวายพรพระองค์ด้วยความยินดี ข) เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าใดๆ ส่วนลึกสุดของแผ่นดินอยู่ในพระหัตถ์พระองค์ ยอดภูเขาสูงสุดก็เป็นของพระองค์ ทะเลเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้าง พระหัตถ์พระองค์ปั้นแผ่นดินแห้ง มาเถิด เราจงกราบนมัสการพระองค์ เราจงคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรที่ทรงเลี้ยงดูดุจฝูงแกะที่ทรงน�าไปยังทุ่งหญ้า ค) ท่านทั้งหลายจงฟังพระสุรเสียงของพระองค์ในวันนี้เถิด “ท่านอย่าท�าใจให้แข็งกระด้างเหมือนกับที่เกิดขึ้นที่เมรีบาห์ เหมือนในวันนั้นที่มัสสาห์ในถิ่นทุรกันดาร เมื่อบรรพบุรุษของท่านทดลองเรา เขาทดสอบเรา แม้ได้เห็นการกระท�าของเราแล้ว” เราเอือมระอาคนรุ่นนั้นเป็นเวลานานสี่สิบปี และพูดว่า “เขาทั้งหลายเป็นประชาชนที่มีใจไม่เที่ยงตรง เขาไม่ยอมรู้จักทางของเรา ดังนั้น เราจึงปฏิญาณด้วยความโกรธ ว่าเขาทั้งหลายจะไม่มีวันได้เข้าในที่พักผ่อนของเราเลย”
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 3:1-5,9-11
พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่น ดินนี้ เพราะท่านทัง้ หลายตายไปแล้วและชีวติ ของท่านก็ซอ่ นอยูก่ บั พระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมือ่ พระคริสต เจ้า องค์ชวี ติ ของท่านจะทรงส�าแดงพระองค์ เมือ่ นัน้ ท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิรริ งุ่ โรจน์ดว้ ย ท่านทัง้ หลายจงขจัดโลกียวิสยั ในตัวท่าน คือการผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนา ในทางชั่วร้าย และความโลภซึ่งเป็นเหมือนการกราบไหว้รูปเคารพอย่างหนึ่ง อย่าพูดเท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลดเปลื้องวิสัยมนุษย์เก่า และการกระท�าตามวิสัยมนุษย์เก่า และสวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้ สร้าง ดังนั้น การเป็นชาวกรีก หรือชาวยิว การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต การเป็นอนารยชน เป็นชาว สิเธีย เป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ไม่ส�าคัญอีกต่อไป ที่ส�าคัญก็คือพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา
ลก 12:13-21
เวลานั้น ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดก ให้ข้าพเจ้าเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของ ท่าน” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านัน้ ว่า “จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พน้ จากความโลภทุกชนิด เพราะชีวติ ของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม” พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่เกิดผลดีอย่างมาก เขาจึงคิดว่า ‘ฉันจะท�าอย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน’ เขาคิดอีกว่า ‘ฉันจะท�าอย่างนี้ จะรื้อ ยุ้งฉางเก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด’ แต่พระเจ้า ตรัสกับเขาว่า ‘คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คน ที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้ส�าหรับตนเองแต่ไม่เป็นคนมั่งมีส�าหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้’” อาณาจักรสวรรค์ต้องอันดับแรก บ่อยๆ เราตั้งสิ่งส�าคัญหลายอย่างในชีวิต บทอ่านวันนี้ให้หลัก ปฏิบัติแก่เราว่า ความโลภเปนภัยร้ายเหมือนการกราบไหว้รูปเคารพ เรื่องการสะสมทรัพย์สมบัติไม่มีกล่าวถึงใน เล่มอื่นนอกจากในพระวรสารนักบุญลูกา นักบุญลูกาสอนเรื่องนี้เหมือนนักบุญเปาโลว่า ความโลภเป็นเหมือนการ กราบไหว้รูปเคารพอย่างหนึ่ง คือไว้วางใจในสิ่งของหรือบุคคลอื่นมากกว่าพระเจ้า ให้พระคริสตเจ้าเปนศูนย์กลาง ดังบทอ่านแรกและบทอ่านที่สอง ให้พระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลาง โดยขจัด โลกียวิสัยออกไป และสวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ คือ ความรัก และความใจดี