09 กันยายน 2016

Page 1


บทอ่านที่ 1

1 คร 3:18-23

พี่น้อง จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จง ยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ใน โลกนีเ้ ป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ดังทีม่ เี ขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ “พระองค์ ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง” และยังมีเขียนไว้อีกว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรง ทราบว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” ฉะนั้น อย่าให้ใครยกเอามนุษย์มา อวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดี ทุกสิ่งล้วนเป็นของท่าน แต่ท่านเป็นของ พระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า

พระวรสาร

ลก 5:1-11

วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะที่ประชาชน เบียดเสียดรอบพระองค์เพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือ สองล�าจอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงก�าลังซักอวนอยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือล�า หนึง่ ซึง่ เป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝัง่ เล็กน้อย แล้วประทับสัง่ สอน ประชาชนจากเรือนั้น เมื่อตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซีโมนว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและลง อวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราท�างานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับ ปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มีพระด�ารัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อท�าดังนี้แล้ว พวก เขาจับปลาได้จา� นวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึงส่งสัญญาณเรียกเพือ่ นในเรืออีกล�าหนึง่ ให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและน�าปลาใส่เรือเต็มทั้งสองล�า จนเรือเกือบจม เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไป จากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอืน่ ๆ ทีอ่ ยู่ กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมน ก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขาน�าเรือกลับถึง ฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป มนุษย์เราทุกวันนี้ มักจะหลอกตัวเอง คิดว่าตัวเองเก่ง ฉลาด ท�าได้ทุกสิ่ง แต่ ความจริงหาเป็นเช่นนัน้ ไม่ ซีโมนเปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ พวกเราท�างานหนักมา ทัง้ คืน จับปลาไม่ได้เลย...ฯลฯ” แต่เมือ่ พวกเขาท�าตามทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงมีดา� รัส พวกเขาจับปลา ได้จ�านวนมาก เหตุการณ์นี้บ่งบอกให้เราทราบและต้องตระหนักไว้เสมอว่า ล�าพังมนุษย์ไม่อาจ ท�าสิง่ ใดได้เลย เป็นพระเป็นเจ้าซึง่ ทรงกระท�าทุกสิง่ เรามนุษย์เป็นแต่เพียงผูร้ ว่ มมือกับพระเจ้า เท่านั้น อย่าหลงตัวเอง อย่าหยิ่งผยองล�าพองตน แต่จงมีใจสุภาพถ่อมตน และระลึกเสมอว่า ปราศจากพระเจ้าเราท�าอะไรไม่ได้เลย จงท�าตามและเดินในหนทางของพระเจ้าทุกวันเวลา

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 24:1-3,4-6 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2


สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 37:3-4,5-6, 27-28,39-40 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2 วันศุกร์ตนเดือน

บทอ่านที่ 1

1 คร 4:1-5

พระวรสาร

ลก 5:33-39

พี่น้อง คนทั้งหลายจงยึดถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผู้จัดการดูแล ธรรมล�้าลึกของพระเจ้า คุณสมบัติที่เขาแสวงหาในผู้จัดการก็คือ ต้องเป็นผู้ที่วางใจได้ ส่วนข้าพเจ้าการทีท่ า่ นหรือมนุษย์คนใดจะตัดสินข้าพเจ้านัน้ เป็นเรือ่ งไม่สา� คัญ แม้ขา้ พเจ้า ก็ยงั ไม่ตดั สินตนเอง จริงอยู่ มโนธรรมไม่ได้ตา� หนิอะไรข้าพเจ้าเลย แต่นไี่ ม่หมายความว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม ผู้ตัดสินข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น จงอย่าตัดสินเรื่อง ใดๆ ก่อนจะถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะเสด็จมา พระองค์จะทรงฉายแสง ให้ความลับทีซ่ อ่ นอยูใ่ นความมืดจะปรากฏชัด และจะทรงเปดเผยความในใจของทุกคน ให้ปรากฏ เมื่อนั้น ทุกคนจะได้รับค�าชมเชยจากพระเจ้าตามสมควร เวลานั้น มีผู้ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ศิษย์ของยอห์นจ�าศีลอดอาหารและอธิษฐาน ภาวนาบ่อยๆ ศิษย์ของชาวฟาริสีก็ท�าเช่นเดียวกัน ส่วนศิษย์ของท่านกินและดื่ม” พระ เยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านจะให้ผรู้ บั เชิญมาในงานแต่งงานจ�าศีลอดอาหารได้หรือขณะทีเ่ จ้าบ่าว ยังอยู่ด้วย แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวถูกแยกจากไป วันนั้นผู้รับเชิญจะจ�าศีลอดอาหาร” พระองค์ยังตรัสอุปมาให้เขาฟังอีกว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะเสื้อใหม่จะขาด และผ้าจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าอีกด้วย ไม่มใี ครใส่เหล้าองุน่ ใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าใหม่จะท�าให้ถงุ หนังขาด เหล้า จะรั่ว และถุงหนังก็จะเสีย แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่ ไม่มีใครที่ดื่มเหล้าองุ่น เก่าแล้วอยากดื่มเหล้าใหม่ เพราะเขาย่อมกล่าวว่า ‘เหล้าเก่านั้นดีกว่า’” นักบุญเปาโลสอนเราในวันนี้ว่า เราเป็นแต่เพียงผู้รับใช้ของพระเจ้า ทุกสิ่งทุก อย่างเป็นเรื่องของพระเจ้า เรามีหน้าที่เดินในหนทางของพระเจ้าที่จัดเตรียมไว้ส�าหรับเรา เรา ไม่มีหน้าที่ตัดสินสิ่งใดๆ เลย แม้กระทั่งตัวเราเอง เป็นพระเจ้าซึ่งทรงกระท�าทุกสิ่งในตัวเรา เมื่อเราอยู่กับพระองค์ ก็จงกระท�าตัวเองให้สมกับที่พระองค์ทรงเรียกและเลือกเรา พระเจ้า ทรงล่วงรู้สารพัดทุกประการ และทรงทราบดีว่า อะไรเหมาะสมและเป็นประโยชน์ส�าหรับเรา อย่ากังวลเมื่อเราอยู่กับพระองค์


บทอ่านที่ 1

1 คร 4:6-15

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ายกเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับตนเองและอปอลโลเป็นตัวอย่างเพื่อ เป็นประโยชน์แก่ทา่ นทัง้ หลาย ให้ทา่ นเรียนรูจ้ ากเราถึงความหมายของค�าพูดทีว่ า่ “อย่า ก้าวเกินขอบเขตที่เขียนไว้” เพื่อมิให้ใครหยิ่งผยอง เข้าข้างคนหนึ่งและต่อต้านอีกคน หนึ่ง ใครเล่าตัดสินว่าท่านดีกว่าผู้อื่น ท่านมีอะไรบ้างที่ไม่ได้รับจากพระเจ้า ถ้าท่านได้รับ แล้ว ท่านจะโอ้อวดประหนึง่ ว่าไม่ได้รบั ท�าไม ท่านมีทกุ สิง่ ทีต่ อ้ งการแล้วหรือ ท่านร�า่ รวย แล้วใช่ไหม ท่านครองราชย์เป็นกษัตริย์โดยไม่ต้องมีเราแล้วก็ได้ เราอยากให้ท่านครอง ราชย์เป็นกษัตริยจ์ ริงๆ เพราะเราจะได้เป็นกษัตริยค์ รองราชย์พร้อมกับท่านด้วย ข้าพเจ้า คิดว่าพระเจ้าทรงจัดตัง้ เราซึง่ เป็นอัครสาวกไว้ตรงทีส่ ดุ ท้าย เหมือนกับผูท้ ถี่ กู ตัดสินปรับ โทษถึงตาย เรากลายเป็นเป้าสายตาของโลก ทั้งของทูตสวรรค์และของมนุษย์ เราเป็น คนโง่เขลาเพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้า ส่วนท่านเป็นคนเฉลียวฉลาดในพระคริสตเจ้าใช่ ไหม เราอ่อนแอ ส่วนท่านเข้มแข็งใช่หรือไม่ ท่านมีเกียรติ ส่วนเราไร้เกียรติใช่ไหม จน กระทั่งบัดนี้เราก็ยังหิวและกระหาย ไม่มีเสื้อผ้านุ่งห่ม ถูกตบตี และไร้ที่อยู่อาศัย เรา เหน็ดเหนื่อยท�างานหนักด้วยน�้าพักน�้าแรงของเราเอง เมื่อถูกด่าว่า เราให้พร เมื่อถูก เบียดเบียน เราก็อดทน เมื่อถูกใส่ร้าย เราก็พูดดีด้วย เราเป็นเสมือนขยะมูลฝอยของ โลก เป็นสิ่งปฏิกูลของทุกคนจนกระทั่งบัดนี้ ข้าพเจ้าเขียนเรื่องเหล่านี้มิใช่เพื่อท�าให้ท่านอับอาย แต่เขียนเพื่อตักเตือนในฐานะ ทีท่ า่ นเป็นลูกรักของข้าพเจ้า แม้วา่ ท่านจะมีครูพเี่ ลีย้ งนับหมืน่ คนในพระคริสตเจ้า แต่กม็ ี บิดาเพียงคนเดียว เพราะข้าพเจ้าให้ก�าเนิดท่านในพระคริสตเยซู โดยการประกาศข่าวดี

พระวรสาร

ลก 6:1-5

วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าวมา ขยี้กิน ชาวฟาริสีบางคนจึงถามว่า “ท�าไมท่านท�าสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโตเล่า” พระ เยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านหรือว่ากษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ท�าอะไรเมื่อ หิวโหย พระองค์เสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า ทรงหยิบขนมปังที่ตั้งถวายมาเสวย และประทานแก่ผู้ติดตาม ขนมปังนี้ใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น” แล้ว พระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “บุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต” นักบุญเปาโลสอนต่ออีกว่า “อย่าก้าวเกินขอบเขต อย่าให้ใครหยิ่งผยอง อย่า ให้ใครโอ้อวดเลย เราควรยอมรับเสมอว่า เราเป็นเพียงฝุ่นดิน เป็นเพียงคนโง่เขลาเฉพาะพระ พักตร์พระเจ้า เราไม่มคี ณ ุ ค่าสักนิด ถ้าพระเจ้าไม่โปรดประทานพระพรแก่เรา นักบุญเปาโลเอง กล่าวว่า ท่านเองเป็นเสมือนขยะมูลฝอยของโลก เป็นดังปฏิกูลของทุกคน มิใช่เป็นเรื่องอับอาย ที่จะต้องมองดูตัวเองว่าเป็นเช่นนั้น เพราะนั่นคือความจริง เป็นพระเจ้าเท่านั้น พระองค์ทรง เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์มีอ�านาจเหนือทุกสิ่ง ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน

ระลึกถึง น.เกรโกรี่ พระสันตะปาปา และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 145:16-19,20-21 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2


บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ

สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3

ปชญ 9:13-18

มนุษย์ใดจะรู้จักพระประสงค์ของพระเจ้าได้ ผู้ใดจะเข้าใจได้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงประสงค์สิ่งใด มนุษย์ผู้รู้ตายใช้เหตุผลอย่างไม่มั่นใจ ความคิดของเราก็ไม่แน่นอน เพราะร่างกายที่เสื่อมสลายได้นี้ถ่วงวิญญาณ และร่างกายซึ่งเป็นเสมือนที่พ�านักท�าด้วย ดินของวิญญาณ ก็ถ่วงจิตใจที่มีความคิดหนักอยู่แล้ว การจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ของโลกนี้ ยากมาก การจะพบสิ่งที่อยู่แค่เอื้อมก็ยากนักหนา แล้วผู้ใดจะค้นพบสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ ได้ ผู้ใดจะล่วงรู้พระประสงค์ของพระองค์ได้ ถ้าพระองค์ไม่ประทานพระปรีชาญาณให้ เขา ถ้าพระองค์ไม่ทรงส่งพระจิตศักดิ์สิทธิ์ลงมาจากเบื้องบน วิถีทางของชาวโลกถูก ดัดให้ตรงเช่นนี้ มนุษย์ได้รับการสั่งสอนให้รู้ถึงสิ่งที่พอพระทัย เขาได้รับความรอดพ้น ก็อาศัยพระปรีชาญาณนี้เอง”

เพลงสดุดี

สดด 90:2-4,5-7,12-13,14 และ 17

ก) ก่อนภูเขาจะเกิด ก่อนแผ่นดินและโลกจะถือก�าเนิดขึ้นมา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ทรงด�ารงอยู่ตลอดไป พระองค์ทรงให้มนุษย์กลับเป็นฝุ่นดิน โดยตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงกลับไปเถิด” ใช่แล้ว หนึ่งพันปีส�าหรับพระองค์ ก็เหมือนวันวานที่เพิ่งผ่านไป เหมือนการเฝ้ายามเพียงยามเดียวเวลากลางคืน ข) พระองค์ทรงบันดาลให้ชีวิตจบลงเหมือนจมน�้า สั้นเหมือนความฝันในยามเช้า เหมือนต้นหญ้าที่งอกขึ้น ในยามเช้าต้นหญ้าเติบโตขึ้นและออกดอก ในยามเย็นก็ร่วงโรยและเหี่ยวแห้ง ข้าพเจ้าทั้งหลายถูกพระพิโรธของพระองค์ท�าลาย มีความหวาดกลัวเพราะความกริ้วของพระองค์ ค) โปรดทรงสอนข้าพเจ้าทั้งหลายให้รู้จักนับวันแห่งชีวิตได้ถูกต้อง เพื่อจะได้มีจิตใจปรีชาฉลาด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดเสด็จกลับมาเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องรอคอย อีกนานเพียงใด โปรดทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้พระองค์เถิด ง) ทุกยามเช้าโปรดประทานความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย อย่างเต็มเปี่ยม ข้าพเจ้าทั้งหลายจะได้โห่ร้องด้วยความเบิกบานและยินดีตลอดชีวิต ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดปรานข้าพเจ้า


ขอพระองค์ประทานให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายท�ำส�ำเร็จไป ขอให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายท�ำมีความมั่นคง

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงฟีเลโมน ฟม 9ข-10,12-17

ผู้ที่ขอร้องนี้คือข้าพเจ้า เปาโล ซึ่งเป็นคนชราและขณะนี้เป็นนักโทษเนื่องจากพระคริสตเยซูด้วย ข้าพเจ้าขอร้องท่านเพื่อบุตรคนหนึ่งของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้ให้ก�ำเนิด ขณะที่ถูกจองจ�ำคือโอเนสิมัส ข้าพเจ้าก�ำลังส่งเขากลับมาหาท่าน นัน่ คือข้าพเจ้าส่งดวงใจของข้าพเจ้ามาด้วย อันทีจ่ ริงแล้ว ข้าพเจ้า ต้องการให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าที่นี่ เขาจะได้รับใช้ข้าพเจ้าแทนท่านขณะที่ข้าพเจ้าถูกจองจ�ำเพราะข่าวดี แต่ ข้าพเจ้าไม่ต้องการท�ำสิ่งใดโดยท่านไม่เห็นชอบ เพื่อมิให้ท่านท�ำความดีเพราะถูกบังคับ แต่ท�ำด้วยความ สมัครใจ ข้าพเจ้าคิดว่า เขาถูกพรากไปจากท่านระยะหนึง่ เพือ่ จะกลับมาอยูก่ บั ท่านตลอดไป มิใช่ในฐานะ ทาส แต่ในฐานะที่ดีกว่ามาก คือเป็นน้องชายที่รัก ถ้าเขาเป็นที่รักอย่างยิ่งของข้าพเจ้า เขาจะต้องเป็นที่รัก ของท่านมากกว่าสักเท่าใดเล่า ทัง้ ในฐานะทีเ่ ป็นเพือ่ นมนุษย์และในฐานะทีเ่ ป็นพีน่ อ้ งในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ถ้าท่านยังยอมรับว่าข้าพเจ้าเป็นมิตรกับท่าน ก็จงต้อนรับเขาเช่นเดียวกับที่ท่านจะต้อนรับข้าพเจ้า

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 14:25-33

เวลานั้น ประชาชนจ�ำนวนมากก�ำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับ เขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และ แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้น เป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ท่านทีต่ อ้ งการสร้างหอคอย จะไม่คำ� นวณค่าใช้จา่ ยก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่ มิฉะนัน้ เมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่ส�ำเร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะเยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ ท�ำให้ส�ำเร็จไม่ได้’ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปท�ำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงค�ำนวณก่อน หรือว่า ถ้าใช้ก�ำลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีก�ำลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่ อีกฝ่ายหนึ่งยังอยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุก สิ่งที่ตนมีอยู่ ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

มนุษย์ผใู้ ดจะรูพ้ ระประสงค์ของพระเจ้าได้ มนุษย์ผใู้ ดจะเข้าใจได้วา่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงประสงค์ สิง่ ใด แม้มนุษย์จะถูกสร้างมาตามพระฉายาของพระเจ้า มนุษย์ทกุ คนมีขอบเขต มนุษย์ทกุ คนยังต้องตาย แม้มนุษย์ จะรูจ้ กั ใช้เหตุผล ใช้สติปญ ั ญา แต่ถา้ พระเจ้าไม่ทรงค�ำ้ จุน มนุษย์กไ็ ม่อาจท�ำสิง่ ใดๆ ได้เลย ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จงึ ต้อง ยอมมอบตนแด่พระเจ้าทั้งครบ ต้องรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่บิดามารดา พี่น้องชายหญิง และแม้แต่ชีวิต ของตนเอง และดังนีส้ ำ� หรับผูท้ ยี่ อมมอบตัวเองทัง้ ครบแด่พระเจ้า ผูน้ นั้ ก็สมเป็นศิษย์-เป็นบุตรแท้จริงของพระเจ้า


สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา สดด 5:3-4,5-6,11 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1

1 คร 5:1-8

พระวรสาร

ลก 6:6-11

พีน่ อ้ ง ข่าวร�า่ ลือกันมากว่า มีการผิดประเวณีเกิดขึน้ ในหมูท่ า่ น เป็นการผิดประเวณี ชนิดที่ไม่เคยพบเห็นแม้ในหมู่คนต่างศาสนา กล่าวคือมีคนหนึ่งได้แม่เลี้ยงของตนมา เป็นภรรยา และท่านยังภูมิใจ แทนที่จะเป็นทุกข์เศร้าโศก จงขับไล่คนที่ท�าผิดเช่นนี้ไป เสีย ส่วนข้าพเจ้านั้น แม้ว่ากายจะอยู่ห่าง แต่ใจนั้นอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าก็ตัดสินลงโทษ ผู้ที่ท�าผิดนั้นแล้วประหนึ่งว่าข้าพเจ้าอยู่ด้วย เมื่อท่านทั้งหลายร่วมชุมนุมกันในพระนาม พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าก็อยู่ร่วมด้วยพร้อมกับพระอานุภาพของ พระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา จงมอบคนประเภทนีใ้ ห้ซาตาน ให้เขามีชวี ติ ทีต่ อ้ งทน ทุกข์ทรมานเพื่อจิตของเขาจะรอดพ้นในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า การโอ้อวดนั้นไม่ดีเลย ท่านไม่รู้หรือว่า เชื้อแป้งเพียงเล็กน้อยก็ท�าให้แป้งดิบทั้ง ก้อนฟูขนึ้ ได้ จงช�าระเชือ้ แป้งเก่าเสียเพือ่ ท่านจะเป็นแป้งดิบก้อนใหม่ ดังทีท่ า่ นก็เป็นแป้ง ไร้เชื้ออยู่แล้ว เพราะพระคริสตเจ้าองค์ปัสกาของเราถูกฆ่าบูชาแล้ว เราจงฉลองกันเถิด มิใช่ดว้ ยเชือ้ แป้งเก่าคือความชัว่ ร้ายเลวทราม แต่ดว้ ยแป้งไร้เชือ้ คือความจริงใจและสัจจะ วันสับบาโตอีกวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงสั่งสอนที่นั่น มีชายคนหนึ่งมือขวาลีบ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคอยจ้องดูว่าพระองค์จะทรง รักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระองค์ทรง ทราบความคิดของเขาจึงตรัสกับชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” เขาก็ลุกขึ้น ยืน พระเยซูเจ้าตรัสกับคนทั้งหลายว่า “เราถามท่านว่า ในวันสับบาโต ควรท�าความดี หรือท�าความชั่ว ควรช่วยชีวิตหรือท�าลายชีวิต” แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเขาทุกคน และตรัสกับชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือออกซิ” เขาก็ท�าตามและมือของเขาก็หายเป็น ปกติ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีรู้สึกโกรธแค้นมาก จึงปรึกษากันว่าจะท�าอย่างไร กับพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าถามคนทั้งหลายว่า ในวันสับบาโต ควรท�าความดีหรือท�าความ ชั่ว ควรช่วยชีวิตหรือท�าลายชีวิต แน่ละ ค�าตอบที่ทุกคนควรจะตอบก็คือ จะต้องท�าความดี จะ ต้องช่วยชีวิต และไม่เพียงในวันสับบาโต แต่ต้องกระท�าความดี-ต้องช่วยชีวิตทุกๆ วัน และจง ละเว้นความชั่วลามก ความดีของเราจะต้องเป็นดั่งเชื้อแปงใหม่ ที่ท�าให้แปงดิบทั้งก้อนฟูขึ้น เราจะต้องช�าระเชื้อแปงเก่า กล่าวคือความชั่วเลวทรามให้หมดไป จงกระท�าความดี จงกระท�า การช่วยชีวิต ซึ่งเปรียบเสมือนเชื้อแปงใหม่ ที่จะท�าให้โลกมีชีวิตใหม่ในพระองค์


บทอ่านที่ 1

1 คร 6:1-11

พี่น้อง คนใดบ้างเมื่อมีข้อพิพาทกับอีกคนหนึ่ง น�ำคดีไปว่าความกันต่อหน้าคน ต่างศาสนา แทนที่จะให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ตัดสิน ท่านไม่รู้หรือว่า บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะ ตัดสินโลก ถ้าท่านจะเป็นผู้ตัดสินโลกแล้ว ท่านไม่เหมาะจะตัดสินเรื่องเล็กน้อยได้หรือ ท่านไม่รู้หรือว่า พวกเราจะตัดสินแม้กระทั่งทูตสวรรค์ แล้วเราจะตัดสินกันเองเรื่องของ ชีวิตนี้ไม่ได้หรือ เมื่อท่านเป็นความกันเรื่องของชีวิตนี้ ท่านยอมให้ผู้ไม่มีอ�ำนาจในพระ ศาสนจักรเป็นผู้ตัดสินหรือ ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้เพื่อให้ท่านละอายใจ ในหมู่ท่านไม่มีใครสักคนที่ฉลาดพอจะ ตัดสินความระหว่างพี่น้องกันเองได้หรือ แล้วท�ำไมพี่น้องต้องเป็นความกัน ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นความกันต่อหน้าผู้ไม่มีความเชื่อด้วย อันที่จริง เมื่อท่านมีคดีพิพาทกัน ก็นับว่า เป็นการพ่ายแพ้อยู่แล้ว ท่านยอมถูกรังแกมิดีกว่าหรือ ท่านยอมถูกโกงมิดีกว่าหรือ แต่ ท่านกลับไปรังแกและฉ้อโกงกันระหว่างพี่น้องด้วย ท่านไม่รู้หรือว่า คนอธรรมจะไม่ได้รับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก จงอย่า หลอกตนเอง คนผิดประเวณี คนกราบไหว้รปู เคารพ คนเป็นชู้ คนลักเพศ คนรักร่วมเพศ คนขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนปากร้าย คนฉ้อโกง คนเหล่านี้จะไม่ได้รับพระอาณาจักร ของพระเจ้าเป็นมรดก บางท่านเคยเป็นเช่นนีม้ าก่อน แต่ทา่ นได้รบั การช�ำระล้างแล้ว ท่าน ได้รบั ความศักดิส์ ทิ ธิแ์ ล้ว ท่านได้รบั ความชอบธรรมแล้วเดชะพระนามพระเยซูคริสต์องค์ พระผู้เป็นเจ้า และเดชะพระจิตของพระเจ้าของเรา

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา สดด 149:1-2,3-4,5,9ข ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

ลก 6:12-19

ครั้งนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอด ทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัคร สาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาส บุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมา ยูดาสผู้นี้จะเป็นผู้ทรยศ พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ทีร่ าบแห่งหนึง่ ทีน่ นั่ มีศษิ ย์กลุม่ ใหญ่และประชาชนจ�ำนวนมากจากทัว่ แคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมืองไซดอนซึง่ อยู่ ริมทะเล มาฟังพระองค์ และรับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดาผูท้ ถี่ กู ปีศาจรบกวนได้รบั การ รักษาด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย นักบุญเปาโลยังสอนเราอีกว่า อย่าทะเลาะวิวาท และมีเรื่องบาดหมางกัน และเราไม่มีหน้าที่ตัดสิน ความกัน เป็นหน้าที่ของพระเจ้าผู้ทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง มนุษย์ไม่อาจรู้ทุกสิ่งได้ เราจึงไม่ควรตัดสินกันและกัน และดังนั้น เราทุกคนจะต้องไม่ประพฤติชั่ว ไม่ฉ้อโกงกัน ไม่รังแกกัน ไม่ผิดต่อบัญญัติที่สอนให้เรารักกัน เหมือนดังที่เรารักตนเอง พระเยซูเจ้าได้ทรงช�ำระล้างเราแล้วด้วยพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ยืนยันกับเราด้วยชีวิตของพระองค์ พระองค์เลือกอัครสาวกเพื่อให้เขายืนยันกับเราถึงพระองค์ในทุกกิจการที่พระองค์ทรงกระท�ำ


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา สดด 45:10-11, 13-14,15-16 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร

1 คร 7:25-31

พี่น้อง ส่วนผู้ที่ยังไม่แต่งงาน ข้าพเจ้าไม่มีพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ ข้าพเจ้าขอแนะน�ำด้วยความคิดเห็นของข้าพเจ้าเอง ในฐานะที่ได้รับพระกรุณาจากองค์ พระผู้เป็นเจ้าให้เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ เมื่อค�ำนึงถึงความยากล�ำบากในปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้า เห็นว่า แต่ละคนควรอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่เวลานี้ ท่านมีพันธะกับภรรยาหรือ จงอย่าหา ทางแยกพันธะนัน้ ท่านเป็นอิสระไม่มภี รรยาหรือ ก็อย่าหาภรรยาเลย แต่ถา้ ท่านแต่งงาน ท่านก็มิได้ท�ำบาป และถ้าหญิงสาวพรหมจารีจะแต่งงาน เธอก็มิได้ท�ำบาป โดยแท้จริง แล้วผู้ที่แต่งงานจะประสบความยุ่งยากในชีวิตสมรส และข้าพเจ้าใคร่จะให้ท่านพ้นจาก ความยุ่งยากนั้น พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า เวลานัน้ สัน้ นัก ตัง้ แต่นไี้ ปผูท้ มี่ ภี รรยาจงเป็น เสมือนผูท้ ไี่ ม่มภี รรยา ผูท้ รี่ อ้ งไห้จงเป็นเสมือนผูท้ ไี่ ม่รอ้ งไห้ ผูท้ มี่ คี วามสุขจงเป็นเสมือน ผูท้ ไี่ ม่มคี วามสุข ผูท้ ซี่ อื้ จงเป็นเสมือนผูท้ ไี่ ม่มสี งิ่ ใดเป็นกรรมสิทธิ์ และผูท้ ใี่ ช้ของของโลก นี้จงเป็นเสมือนผู้ที่มิได้ใช้ เพราะโลกดังที่เป็นอยู่ก�ำลังจะผ่านไป

ลก 6:20-26

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรดูบรรดาศิษย์ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ ท่านทั้งหลายเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังท่าน ผลักไสท่าน ดูหมิ่นท่าน รังเกียจนามของท่าน ประหนึ่งนามชั่วร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จงชื่นชมในวันนั้นเถิด จงกระโดดโลดเต้นยินดี เถิด เพราะบ�ำเหน็จรางวัลของท่านนั้นยิ่งใหญ่นักในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยท�ำเช่นนี้กับ บรรดาประกาศกมาแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่ร�่ำรวย เพราะท่านได้รับความเบิกบานใจแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะท่านจะหิว วิบัติจงเกิดกับท่านที่หัวเราะเวลานี้ เพราะท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้ วิบัติจงเกิดกับท่านเมื่อทุกคนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยท�ำเช่นนี้กับ บรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว” สมัยก่อน เรามักจะเรียกว่ามหาบุญลาภ 8 ประการ เป็นทั้งบุญเป็นทั้งลาภและยิ่งใหญ่นัก แต่ถ้า สมัยนี้น�ำเอามาพูด หลายคนต้องกล่าวว่า โง่เง่า-เพ้อเจ้อ จะสุขหรือเมื่อยากจน จะสุขหรือเมื่อหิวและร้องไห้ จะสุข หรือเมื่อคนเกลียดชัง-ดูหมิ่นและรังเกียจ ร�่ำรวยมิดีกว่าหรือ หัวเราะและอิ่มท้องไม่ดีกว่าหรือ โลกทุกวันนี้ดูเหมือนกลับ ตาลปัด คนดีท�ำดีไม่ได้ดี คนชั่วท�ำชั่วกลับได้ดี จนท�ำให้คนดีหลายครั้งกลับอ่อนแอลง แต่บทเรียนบทสอนที่พระเยซูเจ้า บอกเราในวันนี้ ท�ำดีตอ้ งได้ดี ท�ำชัว่ ต้องได้ชวั่ จงด�ำเนินชีวติ ในความดีตามสภาพทีเ่ ป็นจริง ไม่วา่ จะโสดหรือมีครอบครัว จงละเว้นความชั่วทั้งปวง และเราจะมีขุมทรัพย์ยิ่งใหญ่ในสวรรค์


บทอ่านที่ 1

รม 8:28-30

พี่น้อง เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงก�าหนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วย เพื่อพระบุตร จะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจ�านวนมาก ผู้ที่ทรงก�าหนดไว้แล้วนั้นพระองค์ทรง เรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบ ธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย

พระวรสาร

มธ 1:18-23

เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์พระมารดาของ พระองค์หมัน้ กับโยเซฟ แต่กอ่ นทีท่ า่ นทัง้ สองจะครองชีวติ ร่วมกัน ปรากฏว่าพระนางตัง้ ครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคูห่ มัน้ ของพระนางเป็นผูช้ อบธรรมไม่ตอ้ งการฟ้องหย่า พระนางอย่างเปดเผย จึงคิดถอนหมัน้ อย่างเงียบ ขณะทีโ่ ยเซฟก�าลังคิดถึงเรือ่ งนีอ้ ยู่ ทูต สวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัว ทีจ่ ะรับมารียม์ าเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กทีป่ ฏิสนธิในครรภ์ของนางมาจากพระ จิตเจ้า นางจะให้ก�าเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากร ของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระด�ารัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ ตรัสผ่านประกาศกจะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา วันนี้เป็นวันฉลองแม่พระบังเกิด การเกิดและการมีชีวิตเป็นสิ่งประเสริฐ พระ เป็นเจ้าได้ทรงเลือก และบันดาลให้แม่พระบังเกิดมาเพื่อให้แผนการของพระเจ้าในการช่วย มนุษย์ให้รอดส�าเร็จไป พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ท่ีรักพระองค์ ทุก คนถูกเลือกมาตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระองค์กา� หนดทุกสิง่ ไว้แล้ว พระแม่มารียบ์ งั เกิด มาเพือ่ เราทุกคน เพือ่ พระเจ้าจะเสด็จมาสถิตและสนิทกับเราทุกคน ชีวติ ของเราทุกคนก็เช่นกัน พระองค์ทรงพอพระทัยเรียกและเลือกเราให้มาเป็นศิษย์และเป็นลูกของพระองค์จงเลียนแบบ ชีวิตของพระแม่มารีย์ เมื่อพระแม่ได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้า พระแม่พยายามด�าเนินชีวิต โดยกระท�าทุกสิ่งตามพระประสงค์ของพระเจ้า แม้จะต้องทนทุกข์ แม้จะต้องเสียสละน�้าใจของ ตัวเอง พระแม่ยอมทุกสิ่งจนวาระสุดท้ายของชีวิต ชีวิตของพระแม่จึงมีคุณค่าและประเสริฐยิ่ง

ฉลองแม่พระ บังเกิด สดด 13:5


บทอ่านที่ 1

น.เปโตร คลาแวร์ พระสงฆ์ สดด 84:1-2,3-4, 5-6,11-12 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร

1 คร 9:16-19,22-27

พี่น้อง ในการประกาศข่าวดีข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจ�ำเป็น ต้องประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ เพราะ ถ้าข้าพเจ้าสมัครใจท�ำเอง ข้าพเจ้าก็จะได้รับค่าจ้าง แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจท�ำก็ หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ท�ำงานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใด เล่า รางวัลส�ำหรับข้าพเจ้าก็คือความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีโดยไม่ใช้สิทธิ์ต่างๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่นให้ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้าพเจ้าท�ำตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างส�ำหรับทุก คน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ใช้ทุกวิถีทางช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าท�ำทุกอย่างเพราะเห็น แก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรจากข่าวดีนี้ร่วมกับเขาเหล่านั้นด้วย ท่านไม่รู้หรือว่าคนที่วิ่งแข่งในสนามกีฬา ทุกคนวิ่งก็จริง แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้รับ รางวัล ท่านจงวิ่งเช่นนั้นด้วย เพื่อชิงรางวัลให้ได้ นักกีฬาทุกคนที่เข้าแข่งขันย่อมบังคับ ตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้รับมงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่เราท�ำเช่นนี้เพื่อจะได้รับ มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรย ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงวิ่งแข่งอย่างมีจุดหมาย ข้าพเจ้ามิได้ชกอย่าง คนชกลม แต่ข้าพเจ้าเคร่งครัดต่อร่างกายเพื่อบังคับให้ร่างกายอยู่ใต้อ�ำนาจของข้าพเจ้า ด้วยเกรงว่าหลังจากที่ได้เทศน์สอนคนอื่นแล้ว ข้าพเจ้าอาจถูกตัดสิทธิ์เพราะผิดกติกา

ลก 6:39-42

เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะน�ำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน ท�ำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของ พี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘พี่น้อง ปล่อยให้ ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อ ใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจาก ดวงตาของพี่น้อง” นักบุญเปาโลบอกกับเราว่า “วิบัติแก่ท่านเอง หากท่านไม่ประกาศข่าวดี” ท่านเปาโลผู้เคยเป็นอริศัตรู กับพระเยซูเจ้า คัดค้านการเชื่อในพระเยซูเจ้า แต่เมื่อท่านได้รับการไขแสดงและทราบความจริงเกี่ยวกับองค์พระเยซู เจ้า ท่านได้กลับใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านไปอย่างสิ้นเชิง จากผู้เบียดเบียนกลับเป็นผู้ประกาศความยิ่งใหญ่และ ความจริงเกีย่ วกับองค์พระเยซูเจ้า ยอมมอบตนและอุทศิ ตนทัง้ ครบเพือ่ พระองค์จนวาระสุดท้ายของชีวติ ของท่าน ท่าน น�ำเราสู่ความจริงเกี่ยวกับองค์พระเยซูเจ้า เราจึงต้องหายจากตาบอด เอาเศษฟางหรือท่อนซุงออกจากตาของเรา เพื่อ จะได้เห็นพระเยซูเจ้าอย่างแจ่มชัด และเห็นเพื่อนพี่น้องของเราได้ชัดเจนด้วย


บทอ่านที่ 1

1 คร 10:14-22

พี่น้องที่รักยิ่ง ท่านจงหลีกเลี่ยงการกราบไหว้รูปเคารพ ข้าพเจ้าพูดกับท่านเหมือน พูดกับผูม้ ปี ญ ั ญา ท่านจงพิจารณาตัดสินสิง่ ทีข่ า้ พเจ้าก�ำลังจะพูดนีเ้ ถิด ถ้วยถวายพระพร ซึง่ เราใช้ขอบพระคุณพระเจ้านัน้ มิได้ทำ� ให้เรามีสว่ นร่วมในพระโลหิตของพระคริสตเจ้า หรือ และปังที่เราบินั้น มิได้ท�ำให้เรามีส่วนร่วมในพระกายของพระคริสตเจ้าหรือ มีปัง ก้อนเดียว แม้ว่าจะมีหลายคนเราก็เป็นกายเดียวกัน เพราะเราทุกคนมีส่วนร่วมกินปัง ก้อนเดียวกัน จงพิจารณาชาวอิสราเอลในอดีต ผู้ที่กินเนื้อสัตว์จากของถวายก็มีส่วน ร่วมในพระแท่นบูชามิใช่หรือ ข้าพเจ้าหมายความว่าอย่างไร หมายความว่า เนื้อสัตว์ที่ ถวายแด่รปู เคารพนัน้ มีความส�ำคัญอะไรหรือ รูปเคารพนัน้ มีความส�ำคัญอะไรหรือ เปล่า เลย ข้าพเจ้าหมายความว่าสิ่งที่เขาถวายนั้น เขาถวายแก่ปีศาจ มิใช่ถวายแด่พระเจ้า ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาให้ท่านร่วมกับพวกปีศาจ ท่านจะดื่มทั้งจากถ้วยขององค์พระผู้เป็น เจ้า และจากถ้วยของปีศาจไม่ได้ จะร่วมโต๊ะทั้งกับองค์พระผู้เป็นเจ้า และร่วมโต๊ะกับ พวกปีศาจไม่ได้ เราจะยั่วยุองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ขุ่นเคืองพระทัยกระนั้นหรือ เรามีก�ำลัง มากกว่าพระองค์หรือ

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา สดด 116:12-13,17-18 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

ลก 6:43-49

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ต้นไม้ทเี่ กิดผลไม่ดยี อ่ มไม่ใช่ตน้ ไม้พนั ธุด์ ี หรือต้นไม้พนั ธุไ์ ม่ดยี อ่ มไม่ให้ผลดีเช่นกัน เรารูจ้ กั ต้นไม้แต่ละ ต้นได้จากผลของต้นไม้นนั้ เราย่อมไม่เก็บผลมะเดือ่ เทศจากพงหนาม หรือเก็บผลองุน่ จากกอหนาม คนดียอ่ ม น�ำสิง่ ทีด่ อี อกจากขุมทรัพย์ทด่ี ใี นใจของตน ส่วนคนเลวย่อมน�ำสิง่ ทีเ่ ลวออกมาจากขุมทรัพย์ทเี่ ลวของตน เพราะ ปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา ท�ำไมท่านจึงเรียกเราว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า” แต่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก ทุกคนที่มาหาเรา ย่อมฟังค�ำของเราและน�ำไปปฏิบัติ เราจะชี้ให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า เขาเปรียบเสมือนผู้ใด เขาเปรียบเสมือน คนที่สร้างบ้าน เขาขุดหลุม ขุดลงไปลึก และวางรากฐานไว้บนหิน เมื่อเกิดน�้ำท่วม น�้ำในแม่น�้ำไหลมาปะทะ บ้านหลังนั้น แต่ท�ำให้บ้านนั้นสั่นคลอนไม่ได้ เพราะบ้านหลังนั้นสร้างไว้อย่างดี แต่ผู้ที่ฟังและไม่ปฏิบัติตาม ก็ เปรียบเสมือนคนที่สร้างบ้านไว้บนพื้นดินโดยไม่มีรากฐาน เมื่อน�้ำในแม่น�้ำไหลมาปะทะ บ้านนั้นก็พังทลายลง ทันที และเสียหายมาก”

ต้นไม้พันธุ์ดี ย่อมเกิดผลดี ต้นไม้ที่เกิดผลไม่ดีย่อมไม่ใช่ต้นไม้พันธุ์ดี ต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมไม่ให้ผลดีเช่น กัน เราไม่อาจเก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนามหรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม เปรียบเทียบต้นไม้กับชีวิตของเราก็เช่นกัน คนดีย่อมกระท�ำความดี คนชั่วย่อมท�ำความชั่ว เราจะได้รับการตัดสินว่าดีหรือชั่วก็อยู่ที่การกระท�ำของเรา ไม่ว่าสิ่งใดๆ ที่เรากระท�ำ แม้การถวายบูชา หากเราท�ำด้วยความเสแสร้งแกล้งท�ำ มันก็ไร้คุณค่า ฉะนั้นจงให้การกระท�ำทุกสิ่งของ ท่านพิสูจน์ตัวท่านเองเถิดว่า ท่านเป็นต้นไม้ดี ท่านเป็นคนดี


บทอ่านจากหนังสืออพยพ

สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4

อพย 32:7-11,13-14

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงรีบลงไปข้างล่างเถิด เพราะประชากรของ ท่านซึ่งท่านได้น�าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ได้ท�าผิดอย่างสาหัส เขาเปลี่ยนวิถีทางอย่าง รวดเร็วออกจากทางทีเ่ ราได้สงั่ ให้เขาเดิน เขาหล่อรูปลูกโคขึน้ แล้วกราบนมัสการ ทัง้ ยัง ถวายบูชาแก่รปู นัน้ พร้อมกับกล่าวว่า ชาวอิสราเอลทัง้ หลาย นีแ่ หละเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงน�าท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสต่อไปว่า “เรา รูจ้ กั คนเหล่านีด้ ี เขาดือ้ ดึงเหลือเกิน อย่าห้ามเราเลย ความโกรธของเราจะเผาผลาญเขา ทั้งหลาย และเราจะท�าลายเขา เราจะท�าให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่” โมเสสอ้อนวอนองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของตนว่า “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ท�าไม พระองค์ทรงปล่อยให้พระพิโรธเผาผลาญประชากรของพระองค์ทพี่ ระองค์ได้ทรงน�าออก มาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ผู้รับใช้พระองค์เถิด พระองค์ทรง สัญญากับเขาโดยทรงสาบานอาศัยพระนามพระองค์ว่า เราจะให้ลูกหลานของท่านมี จ�านวนมากมายเหมือนดาวในท้องฟ้า เราจะให้แผ่นดินที่เราสัญญาไว้นี้ทั้งหมดแก่ลูก หลานของท่าน และเขาจะครอบครองเป็นมรดกตลอดไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรง เปลี่ยนพระทัยไม่ทรงลงโทษประชากรของพระองค์

เพลงสดุดี

สดด 51:1-2,10-12,15 และ 17

ก) ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์เถิด โปรดทรงลบล้างการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าเพราะพระกรุณาของพระองค์ โปรดทรงล้างข้าพเจ้าให้สะอาดหมดจดจากความผิดของข้าพเจ้า โปรดช�าระข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์จากบาปที่ข้าพเจ้าได้ท�า ข) ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงสร้างใจที่ใสสะอาดไว้ในข้าพเจ้า โปรดทรงฟืนฟูดวงจิตของข้าพเจ้าให้มั่นคง ขออย่าทรงผลักไสข้าพเจ้าไปจากพระพักตร์ ขออย่าทรงยกพระจิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ออกจากข้าพเจ้าเลย ขอพระองค์ประทานความชื่นชมที่ทรงช่วยให้รอดพ้นคืนให้ข้าพเจ้า ขอพระองค์ทรงค�้าจุนจิตเอื้อเฟือเผื่อแผ่ไว้ในข้าพเจ้า ค) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเผยริมฝีปากของข้าพเจ้า แล้วปากของข้าพเจ้าจะกล่าวสรรเสริญพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า เครื่องบูชาของข้าพเจ้าคือดวงจิตที่เป็นทุกข์ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ทรงรังเกียจใจที่เป็นทุกข์และถ่อมตน


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง 1 ทธ 1:12-17

พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา ผูป้ ระทานพละก�ำลังแก่ขา้ พเจ้า ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผูน้ า่ เชือ่ ถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้ แม้วา่ ก่อนหน้านัน้ ข้าพเจ้าเคยพูด ดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและท�ำทารุณ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้า ท�ำไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มีความเชื่อ แต่พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราท�ำให้ข้าพเจ้า มีความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซูอย่างเหลือล้น ต่อไปนี้เป็นถ้อยค�ำที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคน จะยอมรับ คือ “พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น” ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดา คนบาปเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงแสดงพระเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรง ต้องการแสดงความเพียรอดทนทีย่ าวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคนแรก เพือ่ เป็นแบบอย่างส�ำหรับผูท้ เี่ ข้ามาเชือ่ ในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร ขอพระเกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร จงมีแด่พระเจ้าองค์ เดียวที่เราแลเห็นไม่ได้ พระผู้ทรงเป็นอมตะ และพระผู้ทรงเป็นกษัตริย์นิรันดร อาเมน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 15:1-10

เวลานัน้ บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพือ่ ฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสแี ละธรรมาจารย์ตา่ ง บ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟัง “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไป ตามหาแกะที่หายไปจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหาย และเพื่อนบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนีเ้ พราะคนบาปคนหนึง่ กลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบ เก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจ หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วท�ำหายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่าง ถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ เมื่อพบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉัน เถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่น เดียวกัน เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ”

หลังจาก(อาดัมและเอวา)มนุษย์ได้ท�ำผิดต่อพระเจ้า พระเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งมนุษย์ซึ่งพระองค์ ทรงสร้างมา พระองค์ให้ค�ำมั่นสัญญาว่าจะช่วยมนุษย์ให้รอด และแม้หลายๆ ครั้งต่อมามนุษย์ก็ยังท�ำผิดบาปต่อ พระองค์ หันไปเคารพรูปปฏิมา หันไปกระท�ำความชั่ว แม้แต่การเป็นปฏิปักษ์-เป็นศัตรูกับพระองค์ แต่ด้วยพระทัยดี-พระทัยเมตตาของพระเจ้าสุดจะพรรณนาได้ พระองค์ทรงให้อภัย และพร้อมจะให้คนบาป คนที่หลงผิดไป กลับมาหาพระองค์เสมอ นักบุญเปาโลได้เปลี่ยนชีวิตของท่านที่ผิดหลงไป แต่พระเจ้าได้โปรดให้ ท่านกลับมาเป็นของพระองค์ นับเป็นพระคุณยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่าน เราทุกคนก็เช่นกันหากเราหลงไปจงกลับ คืนดีกับพระเจ้าเถิด สวรรค์จะชื่นชมยิ่งนัก


บทอ่านที่ 1

พระนามศักดิ์สิทธิ์ ของพระนางมารีย์ พรหมจารี สดด 40:6-7ก,7ข-8 9,16 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร

1 คร 11:17-26

พีน่ อ้ ง ขณะทีข่ า้ พเจ้าให้คำ� แนะน�ำนี้ ข้าพเจ้าชมเชยท่านไม่ได้ เพราะการชุมนุมของ ท่านนั้นมีผลร้ายมากกว่าผลดี ก่อนอื่น ข้าพเจ้าได้ยินว่าเมื่อท่านทั้งหลายมาร่วมชุมนุม กันนัน้ มีการแตกแยก และข้าพเจ้าก็เชือ่ เรือ่ งนีอ้ ยูบ่ า้ ง เพราะท่านต้องมีความขัดแย้งกัน บ้าง เพื่อคนดีจริงจะได้ปรากฏเด่นชัดในหมู่ท่านทั้งหลาย เมื่อท่านมาชุมนุมพร้อมกันนี้ มิได้เป็นการกินเลี้ยงอาหารค�่ำขององค์พระผู้เป็นเจ้า... ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ท่าน คือ ในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเอง พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้ว ทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงท�ำการนี้เพื่อระลึกถึงเรา เถิด” เช่นเดียวกัน หลังอาหารค�่ำ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ ในโลหิตของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงท�ำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” ทุกครั้งที่ท่านกิน ปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่า พระองค์จะเสด็จมา

ลก 7:1-10

เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสพระวาจาทั้งหมดนี้ให้ประชาชนฟังจบแล้ว พระองค์เสด็จเข้าไปในเมือง คาเปอรนาอุม ผู้รับใช้ของนายร้อยคนหนึ่งก�ำลังป่วยใกล้จะตาย นายรักเขามาก เมื่อนายร้อยได้ยินเรื่อง เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า จึงส่งผู้อาวุโสบางคนของชาวยิวมาอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปช่วยชีวิตของผู้รับใช้ คน เหล่านั้นมาเฝ้าพระเยซูเจ้า อ้อนวอนรบเร้าพระองค์ว่า “นายร้อยผู้นี้สมควรที่ท่านจะช่วยเหลือ เพราะเขารัก ชนชาติของเราและได้สร้างศาลาธรรมให้เรา” พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับคนเหล่านั้น เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ จะถึงบ้าน นายร้อยใช้เพื่อนบางคนไปทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า อย่าล�ำบากไปเลย ข้าพเจ้าไม่สมควรให้ พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า เพราะฉะนัน้ ข้าพเจ้าจึงไม่อาจเอือ้ มทีจ่ ะออกมาพบกับพระองค์ แต่ขอ พระองค์ตรัสเพียงค�ำเดียว ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค ข้าพเจ้าเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ยังมีทหาร อยูใ่ ต้บงั คับบัญชาด้วย ข้าพเจ้าบอกคนหนึง่ ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกอีกคนหนึง่ ว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าบอกผูร้ บั ใช้ว่า ‘ท�ำสิ่งนี้’ เขาก็ท�ำ” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงได้ยินถ้อยค�ำเหล่านี้ ทรงประหลาดพระทัย ทรงหันพระพักตร์ไป ยังประชาชนที่ติดตามพระองค์ตรัสว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรายังไม่เคยพบใครมีความเชื่อมากเช่นนี้ใน อิสราเอลเลย” เมื่อเพื่อนที่ถูกใช้มากลับไปถึงบ้าน ก็พบว่าผู้รับใช้ผู้นั้นหายเป็นปกติแล้ว

เราบอกท่านทัง้ หลายว่า “เรายังไม่เคยพบใครมีความเชือ่ มากเช่นนีใ้ นอิสราเอลเลย” ความเชือ่ ไม่ได้อยู่ ทีป่ ากหรือค�ำพูด แต่ความเชือ่ แสดงออกด้วยกิจการและการกระท�ำ นายร้อยผูน้ นั้ ไม่ได้เชือ่ เพียงค�ำพูด แต่เขาแสดงออก ด้วยความมั่นใจของความเชื่อในพระองค์ “ขอพระองค์ตรัสเพียงค�ำเดียว ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายโรค” และเพราะ ความเชื่อด้วยจริงใจเช่นนั้น สิ่งที่เขาปรารถนาจากพระเจ้าก็ส�ำเร็จ แล้วส�ำหรับเราที่เป็นคริสตชน เป็นลูกของพระองค์ แท้ๆ เราเชื่อพระองค์แค่ไหน ขอพระเจ้าโปรดประทานความเชื่อที่มั่นคงแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเทอญ


บทอ่านที่ 1

1 คร 12:12-14,27-31ก

พี่น้อง แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่างๆ เหล่านี้ แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกายเดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น เดชะพระจิต เจ้าพระองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รับการล้างมารวมเข้าเป็นร่างกายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือเป็นไทยก็ตาม เราทุกคนต่างได้รับพระจิตเจ้า พระองค์เดียวกัน ร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะส่วนเดียว แต่มีอวัยวะหลายส่วน ท่านทั้งหลายเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า แต่ละคนต่างก็เป็นอวัยวะของพระ กายนั้น พระเจ้าทรงแต่งตั้งบางคนให้ท�าหน้าที่ต่างๆ ในพระศาสนจักร คือ หนึ่งให้เป็น อัครสาวก สองให้เป็นประกาศก และสามให้เป็นครูอาจารย์ ต่อจากนั้น คือผู้มีอ�านาจ ท�าอัศจรรย์ ผู้รักษาโรค ผู้ช่วยเหลือ ผู้ปกครอง และผู้พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ ทุกคน เป็นอัครสาวกหรือ ทุกคนเป็นประกาศกหรือ ทุกคนเป็นครูอาจารย์หรือ ทุกคนเป็นผู้ ท�าอัศจรรย์หรือ ทุกคนได้รบั พระพรพิเศษให้บา� บัดโรคได้หรือ ทุกคนพูดภาษาทีไ่ ม่มใี คร เข้าใจได้หรือ ทุกคนเป็นผู้ตีความอธิบายความหมายของภาษานั้นหรือ ท่านทั้งหลายจง พยายามแสวงหาพระพรพิเศษที่ประเสริฐยิ่งกว่านี้เถิด

พระวรสาร

ลก 7:11-17

หลังจากนั้นไม่นาน พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่เมืองหนึ่งชื่อนาอิน บรรดาศิษย์และ ประชาชนจ�านวนมากติดตามพระองค์ไป เมือ่ พระองค์เสด็จมาใกล้ประตูเมืองก็ทรงเห็น คนหามศพออกมา ผู้ตายเป็นบุตรคนเดียวของมารดาซึ่งเป็นม่าย ชาวเมืองกลุ่มใหญ่ มาพร้อมกับนางด้วย เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นนางก็ทรงสงสารและตรัสกับนางว่า “อย่าร้องไห้ไปเลย” แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ ทรงแตะแคร่หามศพ คนหามก็หยุด พระองค์จึงตรัสว่า “หนุ่มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด” คนตายก็ลุกขึ้นนั่งและเริ่ม พูด พระเยซูเจ้าจึงทรงมอบเขาให้แก่มารดา ทุกคนต่างมีความกลัวและถวายพระเกียรติ แด่พระเจ้า กล่าวว่า “ประกาศกยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นในหมู่เรา พระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยม ประชากรของพระองค์” และข่าวเรื่องนี้ก็แพร่ไปทั่วแคว้นยูเดียและทั่วอาณาบริเวณนั้น พระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้เสด็จมาในโลก พระองค์เสด็จมาเพื่อไถ่ ประชากรของพระองค์ให้รอดพ้น พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่-เป็นพระเจ้าที่เราไม่อาจหยั่ง รู้พระธรรมชาติของพระองค์ได้อย่างถ่องแท้ ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของเราไม่อาจจะหยั่ง รู้พระด�าริและพระประสงค์ของพระเจ้าได้เลย พระองค์ทรงอ�านาจเหนือทุกสิ่ง แม้ความตาย เพราะพระองค์ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกสิ่ง ขอองค์พระเป็นเจ้าโปรดให้เราเข้าใจ และมีความเชื่อมั่นในพระองค์มากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน ด้วยเทอญ

ระลึกถึง น.ยอห์น ครีโซสตม พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 100:1-3,4-5 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4


ฉลอง เทิดทูนไมกางเขน สดด 78:1-2,34-35, 36-38

บทอ่านที่ 1

กดว 21:4-9

พระวรสาร

ยน 3:13-17

ชาวอิสราเอลออกเดินทางจากภูเขาโฮร์มุ่งสู่ทะเลต้นกก เพื่อเลี่ยงแผ่นดินเอโดม แต่ขณะที่อยู่ตามทาง ประชากรเริ่มหมดความอดทน จึงพากันบ่นว่าพระเจ้าและโมเสส ว่า “ท�าไมท่านจึงพาพวกเราออกมาจากอียิปต์ให้มาตายในถิ่นทุรกันดารนี้ ที่นี่ไม่มีทั้งน�้า และอาหาร พวกเราเบื่ออาหารจืดชืดนี้เต็มทีแล้ว” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งงูพิษมากัดประชาชน ท�าให้ชาวอิสราเอลตายเป็นจ�านวน มาก คนทั้งปวงจึงไปหาโมเสสขอร้องว่า “พวกเราท�าบาปเพราะบ่นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า และบ่นว่าท่าน ขอท่านได้ทลู องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าให้ทรงขจัดงูพษิ เหล่านีอ้ อกไปเถิด” โมเสส จึงวอนขอพระเจ้าเพื่อประชากร แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า “จงท�างูโลหะ ติดไว้บนเสา ผูท้ ถี่ กู งูกดั และมองดูงโู ลหะนัน้ จะรอดชีวติ ” โมเสสจึงท�างูทองสัมฤทธิข์ นึ้ ติดไว้ที่เสา ผู้ถูกงูกัด และมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็รอดชีวิต เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจาก ผู้ที่ลงมาจากสวรรค์คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านั้น โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึง ประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตร จะไม่พนิ าศ แต่จะมีชวี ติ นิรนั ดรเพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนีม้ ใิ ช่เพือ่ ตัดสิน ลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น” วันนี ้ เราฉลองเทิดทูนไม้กางเขน กางเขนโดยธรรมชาติในโลกเป็นเครือ่ งหมาย ของการทารุณที่โหดร้ายที่สุด เป็นความพ่ายแพ้อย่างอัปยศอดสู แต่พระเยซูเจ้าได้เสด็จลงมา ในโลก เพื่อสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ที่ยอมตายและ สละโลหิตจดหมดสิ้นเพื่อไถ่มนุษยชาติทั้งปวง หลังจากการสิ้นพระชนม์ พระองค์กลับมีชีวิต ใหม่ พระองค์ได้ชัยชนะต่อบาป ความตาย ได้ชัยชนะอย่างรุ่งโรจน์ กางเขนจึงเป็นสัญลักษณ์ แห่งความรอดพ้น เหมือนทีช่ าวอิสราเอลรอดเพราะได้มองดูงทู องสัมฤทธิ ์ เราก็จะรอดเมือ่ ผ่าน กางเขนของพระเจ้า ความทุกข์ยากและความอัปยศอดสูจะผ่านไป และพระสิรมิ งคลของพระเจ้า จะปรากฏแจ้ง


บทอ่านที่ 1

ฮบ 5:7-9

ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงอธิษฐาน ทูลขอ คร�่าครวญและร�่าไห้ต่อพระเจ้าผู้ทรงช่วยพระองค์ให้พ้นความตายได้ พระเจ้าทรงฟัง เพราะความเคารพย�าเกรงของพระเยซูเจ้า ถึงแม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตร ก็ ยังทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน และเมื่อทรงกระท�าภารกิจของ พระองค์ส�าเร็จบริบูรณ์แล้ว ก็ทรงเป็นผู้บันดาลความรอดพ้นนิรันดรแก่ทุกคนที่ยอม นอบน้อมเชื่อฟังพระองค์

พระวรสาร

ยน 19:25-27

เวลานั้น พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อม กับน้องสาวของพระนาง มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา เมื่อพระ เยซูเจ้าทรงเห็นพระมารดาและศิษย์ที่รักยืนอยู่ใกล้ๆ จึงตรัสกับพระมารดาว่า “แม่ นี่ คือลูกของแม่” แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” ตั้งแต่เวลานั้น ศิษย์ผู้นั้น ก็รับพระนางเป็นมารดาของตน หลังจากที่เราได้เทิดทูนไม้กางเขน วันนี้เราระลึกถึงแม่พระมหาทุกข์ด้วย พระ เยซูเจ้าพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าเทีย่ งแท้ได้ยอมสละพระองค์จนถึงทีส่ ดุ บนไม้กางเขน พระ แม่มารีย์ก็เช่นกันเมื่อพระนางยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ได้เป็นภารกิจที่ง่ายเลยแต่ เป็นภารกิจทีท่ กุ ข์เข็ญ เป็นภารกิจทีพ่ ระแม่ตอ้ งทนทุกข์สดุ จะพรรณนาเหมือนดาบถึงเจ็ดเล่มที่ ทิ่มแทงดวงพระทัยของพระนางอยู่เสมอทุกเวลา พระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้า อีกทั้งพระ แม่มารีย์ผู้ที่พระเจ้าทรงมอบให้เป็นแม่ของเราทุกคน ได้ผ่านความทุกข์ทรมานมากมายบนโลก นี้ แต่ในสวรรค์นั้น ความทุกข์ทรมานทั้งสิ้นได้แปรเปลี่ยนเป็นสิริมงคลยิ่งใหญ่ของพระเจ้าชั่ว นิรันดร

ระลึกถึง แม่พระระทมทุกข์ สดด 31:1-2,3, 4-5,14-15,19 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4


ระลึกถึง น.คอร์เนเลียส พระสันตะปาปา และ น.ซีเปรียน พระสังฆราช มรณสักขี สดด 17:1,6-7,8-9,15 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1

1 คร 15:12-20

พระวรสาร

ลก 8:1-3

พี่น้อง ถ้าเราประกาศว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย แล้ว เพราะเหตุใดบางท่านจึงพูดว่าบรรดาผูต้ ายจะไม่กลับคืนชีพ ถ้าผูต้ ายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรง กลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ ประโยชน์เช่นเดียวกัน ยิ่งกว่านั้น เรากลายเป็นพยานเท็จถึงพระเจ้าเพราะเรายืนยันว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้ากลับคืนพระชนมชีพ ซึง่ พระองค์มไิ ด้ทรงกระท�า ถ้า บรรดาผู้ตายไม่กลับคืนชีพ ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วย ถ้าพระ คริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ความเชือ่ ของท่านก็ไร้ความหมายและท่านก็ยงั คง อยู่ในบาป เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ล่วงหลับไปในพระคริสตเจ้าก็พินาศไปด้วย ถ้าเรามีความ หวังในพระคริสตเจ้า เพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นมนุษย์ที่น่าสงสารที่สุด ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย เป็นผลแรกของ บรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทรงเทศน์สอนและ ประกาศข่าวดีถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า อัครสาวกสิบสองคนอยู่กับพระองค์ รวม ทั้งสตรีบางคนที่พระองค์ทรงรักษาให้พ้นจากปีศาจร้าย และหายจากโรคภัย เช่น มารีย์ ที่เรียกว่าชาวมักดาลา ซึ่งปีศาจเจ็ดตนได้ออกไปจากนาง โยอันนาภรรยาของคูซาข้าราช บริพารของกษัตริย์เฮโรด นางสุสันนา และคนอื่นอีกหลายคน หญิงเหล่านี้สละทรัพย์ ของตนมาช่วยเหลือพระองค์และบรรดาอัครสาวก นักบุญเปาโลยืนยันหนักแน่นในเรื่องของการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย ซึ่ง การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้านั้นเป็นดังเครื่องหมายที่ชัดเจนส�าหรับเราทุกคนใน เรื่องนี้ว่า ชีวิตหลังความตายนั้นมีอยู่จริง สิ่งนี้เป็นดังความหวังของการเดินทางต่อไปในโลก หน้า ชีวิตจึงไม่จบเพียงแค่โลกนี้เท่านั้น เราทุกคนจึงต้องเอาใจใส่ดูแลชีวิตของเราให้ดี เพื่อที่ เราแต่ละคนจะได้ไปถึงจุดหมายปลายทางทีแ่ ท้จริงของชีวติ นัน่ ก็คอื พระอาณาจักรของพระเจ้า


บทอ่านที่ 1

1 คร 15:35-37,42-49

พีน่ อ้ ง บางคนอาจถามว่า คนตายจะกลับคืนชีพได้อย่างไร เขาจะกลับมีรา่ งกายแบบ ใด ช่างโง่จริง เมล็ดทีท่ า่ นหว่านลงไปนัน้ จะมีชวี ติ ใหม่ได้อย่างไรถ้าไม่ตายเสียก่อน เมล็ด ข้าวสาลีหรือเมล็ดพืชอย่างอืน่ ทีท่ า่ นหว่านลงไปนัน้ เป็นเพียงเมล็ดมิใช่ลำ� ต้นทีจ่ ะงอกขึน้ การกลับคืนชีพของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่หว่านลงไปนั้นเน่าเปื่อย แต่สิ่งที่ กลับคืนชีพนั้นไม่เน่าเปื่อยอีก สิ่งที่หว่านลงไปนั้นไม่มีเกียรติ แต่ส่ิงที่กลับคืนชีพนั้นมี ความรุ่งเรือง สิ่งที่หว่านลงไปนั้นอ่อนแอ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพนั้นมีอานุภาพ สิ่งที่หว่าน ลงไปเป็นร่างกายตามธรรมชาติ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพเป็นร่างกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต ถ้ามีรา่ งกายตามธรรมชาติ ก็มรี า่ งกายทีม่ พี ระจิตเจ้าเป็นชีวติ ด้วย ดังทีม่ เี ขียนไว้ใน พระคัมภีร์ว่า อาดัมมนุษย์คนแรกถูกสร้างขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิต อาดัมคนสุดท้ายเป็นจิตซึ่ง ประทานชีวติ สิง่ ทีม่ าก่อนมิใช่กายทีม่ พี ระจิตเจ้าเป็นชีวติ แต่เป็นกายตามธรรมชาติ ภาย หลังจึงเป็นกายทีม่ พี ระจิตเจ้าเป็นชีวติ มนุษย์คนแรกมาจากดิน เป็นมนุษย์ดนิ มนุษย์คนที่ สองมาจากสวรรค์ มนุษย์ดนิ คนนัน้ เป็นอย่างไร มนุษย์ดนิ คนอืน่ ๆ ก็เป็นอย่างนัน้ มนุษย์ สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์คนอื่นๆ ก็เป็นอย่างนั้น เราเกิดมามีลักษณะ เหมือนมนุษย์ดินฉันใด เราก็จะมีลักษณะเหมือนมนุษย์สวรรค์ฉันนั้น

พระวรสาร

น.โรเบิร์ต แบลลาร์มีโน พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 56:9,10-11,12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

ลก 8:4-15

ขณะนั้นประชาชนจ�ำนวนมากเดินทางจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าและชุมนุมกัน พระองค์จึงทรง กล่าวเป็นอุปมาว่า “ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่ก�ำลังหว่านอยู่นั้น บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน จึงถูกเหยียบย�ำ่ และนกในอากาศจิกกินจนหมด บางเมล็ดตกบนหิน พองอกขึน้ มาก็เหีย่ วแห้งเพราะขาดความ ชุม่ ชืน้ บางเมล็ดตกกลางกอหนาม ต้นหนามทีง่ อกขึน้ พร้อมกันก็คลุมไว้จนตาย บางเมล็ดตกในทีด่ นิ ดี จึงงอก ขึ้นและเกิดผลร้อยเท่า” พระองค์ตรัสดังนี้แล้วทรงเปล่งเสียงดังว่า “ใครมีหูส�ำหรับฟัง ก็จงฟังเถิด” บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า อุปมาเรื่องนี้มีความหมายว่าอย่างไร พระองค์จึงตรัสว่า “พระเจ้าโปรด ให้ทา่ นรู้ธรรมล�้ำลึกเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างชัดเจน แต่สำ� หรับคนอืน่ พระองค์โปรดให้ร้เู ป็นอุปมา เท่านั้น เพื่อว่า เขาจะมองแล้วมองอีก แต่ไม่เห็น ฟังแล้วฟังอีก แต่ไม่เข้าใจ อุปมามีความหมายดังนี้ เมล็ดพืชคือพระวาจาของพระเจ้า เมล็ดทีต่ กริมทางเดิน หมายถึงบุคคลทีไ่ ด้ฟงั พระวาจา ต่อจากนั้น ปีศาจก็มาช่วงชิงพระวาจาออกไปจากใจของเขา มิให้เขามีความเชื่อและรอดพ้น เมล็ดที่ ตกบนหินหมายถึงบุคคลที่ฟังแล้วรับพระวาจาไว้ด้วยความยินดี แต่ไม่มีราก เขามีความเชื่ออยู่เพียงชั่วระยะ หนึ่ง เมื่อถึงเวลาถูกผจญ เขาก็เลิกเชื่อ เมล็ดที่ตกในกอหนาม หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาแล้วปล่อยให้ ความกังวลถึงทรัพย์สมบัติและความสนุกของชีวิตมาบีบรัด จึงไม่เกิดผล ส่วนเมล็ดที่ตกในที่ดินดีหมายถึง บุคคลที่ฟังพระวาจาด้วยใจดีเลิศ ยึดพระวาจาไว้ด้วยความพากเพียรจนเกิดผล” พระวาจาของพระเจ้าคือความจริง ซึ่งความจริงบางอย่างก็ยากที่จะยอมรับและน�ำไปปฏิบัติ เพราะ อาจจะขัดต่ออ�ำเภอใจและความต้องการฝ่ายโลกของเรา ความจริงบางอย่างก็ง่ายที่จะยอมรับและง่ายต่อการน�ำไป ปรับใช้ในชีวิต แต่ที่สุดแล้วการเปิดใจยอมรับความจริงย่อมจะท�ำให้เราเป็นอิสระ การเปิดใจรับฟังพระวาจาพระเจ้า และยึดพระวาจาไว้ด้วยความพากเพียรมีความท้าทายมากต่อชีวิตของเราในยุคปัจจุบัน แต่ผลของพระวาจาพระเจ้า ผลของความจริงเหล่านี้ จะท�ำให้เราพบความหมายที่แท้จริงของชีวิตอย่างแน่นอน


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1

อมส 8:4-7

ท่านทัง้ หลายทีเ่ หยียบย�า่ คนขัดสน และท�าลายคนยากจนของแผ่นดิน จงฟังถ้อยค�า นี้เถิด ท่านพูดว่า “เมื่อไรวันต้นเดือนจะผ่านไป เราจะได้ขายข้าว เมื่อไรวันสับบาโตจะ พ้นไป เราจะได้น�าข้าวสาลีออกขาย เราจะท�าถังตวงข้าวให้เล็กลง ท�าให้ตุ้มเชเขลใหญ่ ขึ้น ใช้ตาชั่งโกงน�้าหนัก เราจะได้ใช้เงินซื้อคนจน และใช้รองเท้าสานคู่หนึ่งซื้อคนขัดสน เราจะขายแม้กากข้าวสาลี” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสาบานต่อศักดิ์ศรีของยาโคบว่า “เรา จะไม่ลืมการกระท�าของเขาเลย”

เพลงสดุดี

สดด 113:1-3,4-6,7-8

ก) ผู้รับใช้ทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญพระองค์เถิด จงสรรเสริญพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าจงได้รับการถวายพระพรบัดนี้และตลอดไป ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตก ขอพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าจงได้รับการสรรเสริญ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสูงส่งเหนือนานาชาติ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์สูงสุดเหนือสวรรค์ ผู้ใดจะเสมอเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์ในที่สูง แต่ทรงน้อมพระองค์ทอดพระเนตรลงมายังสวรรค์และแผ่นดิน ค) ทรงยกคนยากจนขึ้นมาจากฝุ่นดิน ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขยะ เพื่อให้เขานั่งร่วมกับบรรดาเจ้านาย กับเจ้านายแห่งประชากรของพระองค์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง 1 ทธ 2:1-8

ลูกที่รัก ในขั้นแรกนี้ ข้าพเจ้าขอร้องให้วอนขอ อธิษฐาน อ้อนวอนแทนและ ขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อมนุษย์ทุกคน เพื่อกษัตริย์และเพื่อผู้มีอ�านาจ เราจะได้มีชีวิต ที่สงบสุขราบรื่น เป็นชีวิตที่มีเกียรติด้วยความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า การกระท�าเช่น นี้เป็นการกระท�าที่ดีงามและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา พระองค์มีพระ ประสงค์ให้ทกุ คนได้รบั ความรอดพ้น และรูค้ วามจริงทีส่ มบูรณ์ ทัง้ นีเ้ พราะมีพระเจ้าเพียง พระองค์เดียว และพระเจ้ากับมนุษย์กม็ คี นกลางแต่เพียงผูเ้ ดียวซึง่ เป็นมนุษย์คนหนึง่ คือ พระคริสตเยซู ผู้ทรงมอบพระองค์เป็นสินไถ่ส�าหรับมนุษย์ทุกคน การมอบพระองค์ดัง กล่าวนีค้ อื การเป็นพยานยืนยัน ทีท่ รงให้ไว้ตามเวลาทีก่ า� หนด และข้าพเจ้าก็ได้รบั แต่งตัง้ ให้เป็นผูป้ ระกาศการเป็นพยานยืนยันนี้ เป็นอัครสาวก เป็นผูส้ อนคนต่างชาติเรือ่ งความ


เชื่อและความจริง ข้าพเจ้าก�าลังพูดความจริง มิได้พูดความเท็จ ข้าพเจ้าปรารถนาให้บุรุษยกมือที่บริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อย่าให้มีความโกรธหรือการโต้ เถียงใดๆ ระหว่างกัน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 16:1-13

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เศรษฐีผู้หนึ่งมีผู้จัดการดูแลผลประโยชน์คนหนึ่ง มีผู้มาฟ้องว่าผู้จัดการคนนี้ผลาญทรัพย์สินของ นาย เศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงท�าบัญชีรายงานการ จัดการของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป’ ผู้จัดการจึงคิดว่า ‘ฉันจะท�าอย่างไร นายจะไล่ฉัน ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะไปขุดดินก็ท�าไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา ฉันรู้แล้วว่าจะท�าอย่างไรเพื่อ ว่าเมื่อฉันถูกไล่ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา’ เขาจึงเรียกลูกหนีข้ องนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า ‘ท่านเป็นหนีน้ ายข้าพเจ้าเท่าไร’ ลูกหนีต้ อบ ว่า ‘เป็นหนี้น�้ามันมะกอกเทศหนึ่งร้อยถัง’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘น�าใบสัญญาของท่านมา นั่งลงเร็วๆ เขียน แก้เป็นห้าสิบถัง แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า ‘แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร’ เขาตอบว่า ‘เป็นหนี้ข้าว สาลีหนึ่งร้อยกระสอบ’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ’ นายนึกชมผูจ้ ดั การทุจริตคนนัน้ ว่าเขาท�าอย่างเฉลียวฉลาด ทัง้ นีก้ เ็ พราะบุตรของโลกนีม้ คี วามเฉลียว ฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง ดังนัน้ เราบอกท่านทัง้ หลายว่า จงใช้เงินทองของโลกอธรรมนีเ้ พือ่ สร้างมิตรให้ตนเอง เพือ่ ว่าเมือ่ เงิน ทองนั้นหมดสิ้นแล้ว ท่านจะได้รับการต้อนรับสู่ที่พ�านักนิรันดร ผู้ที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะซื่อสัตย์ ในเรื่องใหญ่ด้วย ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าท่านไม่ ซื่อสัตย์ในเรื่องเงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้ท่านดูแลเล่า ถ้าท่านไม่ ซื่อสัตย์ในการดูแลทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ผู้ใดจะให้ทรัพย์สมบัติของท่านแก่ท่าน ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะเกลียดชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง เขา จะจงรักภักดีต่อนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและ เงินทองพร้อมกันไม่ได้” พระวาจาพระเจ้าได้แยกแยะอย่างชัดเจนระหว่างความเฉลียวฉลาดฝ่ายโลกอธรรมกับความเฉลียว ฉลาดฝ่ายบุตรของความสว่าง การเอาตัวรอดด้วยความไม่ซอื่ สัตย์มผี ลแค่เพียงชัว่ ครัง้ ชัว่ คราวบนโลกนีเ้ ท่านัน้ แต่ การเอาตัวรอดเพือ่ ชีวติ นิรนั ดรมีผลยืนยาวมากกว่า พระเยซูเจ้าใช้เรือ่ งราวของพระวรสารวันนีส้ อนเราให้รจู้ กั เลือก วิถีทางด�าเนินชีวิต ความอธรรมอยู่ตรงข้ามกับความดีเสมอ ปศาจกับพระเจ้าก็ไปด้วยกันไม่ได้ ดังนั้นเราต้องมีใจ เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวที่จะเลือกหนทางของชีวิต


น.ยานูอารีโอ พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 15:2-3,4-5 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1

สภษ 3:27-35

พระวรสาร

ลก 8:16-18

ถ้าลูกมีอ�านาจจะท�าได้ อย่าปฏิเสธความดีแก่ผู้ที่ต้องการ ถ้าลูกมีสิ่งของที่เพื่อน บ้านขอ อย่าพูดกับเขาว่า “กลับไปก่อนเถิด พรุ่งนี้กลับมาแล้วฉันจะให้” อย่าคิดแผน ร้ายต่อเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ลูกและไว้วางใจลูก อย่าทะเลาะวิวาทกับผู้ใดอย่างไร้เหตุผล ถ้าเขาไม่ได้ท�าร้ายลูก อย่าอิจฉาคนที่ใช้ความรุนแรง อย่าเลียนแบบความประพฤติของ เขาเลย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรังเกียจคนคดโกง มิตรภาพของพระองค์อยู่กับคน ซื่อตรง ค�าสาปแช่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือบ้านของคนชั่วร้าย พระองค์ทรงอวย พระพรที่อาศัยของผู้ชอบธรรม พระองค์ทรงเย้ยหยันคนที่เย้ยหยันผู้อื่น แต่ทรงพระ กรุณาผู้ถ่อมตน ผู้มีปรีชาจะได้เกียรติยศเป็นมรดก คนโง่จะได้รับความอัปยศ เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “ไม่มใี ครจุดตะเกียงแล้วเอาถังครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง แต่เขาย่อมตัง้ ไว้บนเชิง ตะเกียง เพือ่ คนทีเ่ ข้ามาจะเห็นแสงสว่างได้ ไม่มสี งิ่ ใดทีซ่ อ่ นอยูจ่ ะไม่ปรากฏชัดแจ้ง ไม่มี ความลับใดจะไม่มีใครรู้และเปดเผย ดังนั้น จงระวังว่าท่านฟังพระวาจาอย่างไร เพราะผู้ ที่มีมากจะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีจะถูกริบไปด้วย” ไม่มีความความลับใดส�าหรับพระเจ้า สิ่งนี้คือความจริง พระองค์สร้างเรามา พระองค์รู้จักเราแต่ละคนเป็นอย่างดี ชีวิตของเราแต่ละคนในสายตาพระเจ้านั้นจึงเป็นไปตาม เนื้อผ้า เป็นไปตามการใช้ชีวิตของเราอย่างแท้จริง เราจึงไม่สามารถโกหกปิดบังสิ่งใดๆ จาก พระเจ้าได้เลย พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ท้าทายเราให้ใช้ชีวิตอย่างชัดเจน ทั้งต่อหน้าและลับ หลัง เพราะผลของชีวิตนั้นอยู่ที่การปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา


บทอ่านที่ 1

รม 8:31ข-35,37-39

พีน่ อ้ ง ถ้าพระเจ้าทรงอยูข่ า้ งเรา ใครจะสูเ้ ราได้ พระองค์มไิ ด้ทรงหวงแหนพระบุตร ของพระองค์ แต่ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคน แล้วพระองค์จะไม่ประทานทุกสิ่งให้ เราพร้อมกับพระบุตรหรือ ใครจะฟ้องร้องผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วได้ พระเจ้าประทาน ความชอบธรรม ใครจะตัดสินลงโทษ พระคริสตเยซูสิ้นพระชนม์ ทั้งยังทรงกลับคืน พระชนมชีพ ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า ทรงวอนขอแทนเราอีกด้วย ใครจะพราก เราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้ ความทุกข์ล�าเค็ญหรือ ความคับแค้นใจหรือ การ เบียดเบียนข่มเหงหรือ การขาดอาหารและเครือ่ งนุง่ ห่มหรือ ภยันตรายและคมดาบหรือ แต่ในการทดลองทัง้ หมดนี้ เราชนะได้งา่ ยอาศัยพระผูท้ รงรักเรา เพราะข้าพเจ้าเชือ่ มัน่ ว่า ไม่วา่ ความตายหรือชีวติ ไม่วา่ ทูตสวรรค์หรือผูม้ อี า� นาจปกครอง ไม่วา่ ปัจจุบนั หรือ อนาคต ไม่ว่าฤทธิ์อ�านาจใดหรือความสูง ความลึก ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ จะพรากเราได้จาก ความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

พระวรสาร

ลก 9:23-26

หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึง ตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้นั้นจะต้อง สูญเสียชีวติ แต่ถา้ ผูใ้ ดเสียชีวติ เพราะเรา ผูน้ นั้ จะรักษาชีวติ ได้ มนุษย์จะได้ประโยชน์ใด ในการทีจ่ ะได้โลกทัง้ โลกเป็นก�าไร แต่ตอ้ งเสียชีวติ และพินาศไป ถ้าผูใ้ ดอับอายเพราะเรา และเพราะถ้อยค�าของเรา บุตรแห่งมนุษย์ก็จะอับอายเพราะเขา เมื่อเสด็จมาในพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระองค์ ของพระบิดา และของบรรดาทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ การเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้านั้นต้องออกแรงมาก พระองค์ไม่เคยสัญญา ถึงความง่ายและความสบายใดๆ แต่ส่ิงที่พระองค์สัญญาไว้ก็คือชีวิตนิรันดร หากเราเชื่อและ หวังจะได้ชีวิตนิรันดร เราก็ต้องยอมรับความยากล�าบากที่จะเกิดขึ้นของการเดินทางบนโลกนี้ ในฐานะศิษย์ของพระเยซูเจ้า โลกปัจจุบันสอนให้คนรักความสะดวกสบาย จนบางครั้งก็เกิน ขอบเขต ส่วนพระเยซูเจ้าสอนให้เรารักความยากล�าบาก เพราะในความยากล�าบากนั้น เราได้ เรียนรู้ความจริงของชีวิตในมุมต่างๆ มากมาย

ระลึกถึง น.อันดรูว์ กิม เตก็อน พระสงฆ์ น.เปาโล จง ฮาซัง และเพื่อนมรณสักขี ชาวเกาหลี สดด 126:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1 วันเย�วชนแหงช�ติ


ฉลอง น.มัทธิว อัครสาวก ผูนิพนธ์พระวรสาร สดด 19:1-2,3-4

บทอ่านที่ 1

อฟ 4:1-7,11-13

พระวรสาร

มธ 9:9-13

พี่น้อง ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจ�าเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ด�าเนิน ชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียร อดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่ง สันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการเดียว มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่ง เดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระท�าการผ่าน ทุกคน และสถิตในทุกคน เราแต่ละคนได้รับพระหรรษทานตามสัดส่วนที่พระคริสตเจ้าประทานให้ พระองค์ ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผูป้ ระกาศข่าวดี บาง คนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้ส�าหรับงานรับใช้ เสริม สร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันใน ความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตามมาตรฐานความ สมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงด�าเนินไปจากที่นั่น ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว ก�าลังนั่ง อยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษี และคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสี จึงถามศิษย์ของพระองค์วา่ “ท�าไมอาจารย์ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและ คนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการ หมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ จงไปเรียนรู้ความหมายของพระวาจาที่ว่า ‘เราพอใจความ เมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มา เพื่อเรียกคนบาป” มัทธิวตอบรับค�าเชิญของพระเยซูเจ้าและเปลี่ยนชีวิตของเขามาเป็นศิษย์ ติดตามพระองค์ การได้พบกับพระเยซูเจ้าในครั้งนี้ ท�าให้มัทธิวมีชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่ พบ ความหมายของชีวิตอย่างแท้จริง บทเรียนนี้เตือนใจเราว่า เมื่อเราได้พบกับพระเยซูเจ้าในชีวิต แล้ว ชีวติ เราเกิดการเปลีย่ นแปลงอย่างไร บทบาทของพระเยซูเจ้าคือผูบ้ รรเทา ผูเ้ ยียวยารักษา พระองค์ชว่ ยให้คนบาปเปลีย่ นเป็นคนดี ช่วยคนป่วยให้เป็นปกติ ดังนัน้ ให้เราวอนขอพระองค์อยู่ เสมอ เพื่อช่วยเยียวยาเราผู้ซึ่งเป็นคนบาปให้เกิดการกลับใจในทุกๆ วันของชีวิต


บทอ่านที่ 1

ปญจ 1:2-11

ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้ มีประโยชน์อะไร ที่มนุษย์ท�างาน ล�าบากตรากตร�าอยู่กลางแดด ชั่วอายุคนรุ่นหนึ่งล่วงไป อีกรุ่นหนึ่งก็มา แต่แผ่นดินยังคงอยู่เหมือนเดิมเสมอ ดวงอาทิตย์ขึ้น ดวงอาทิตย์ตก แล้วรีบไปยังที่ซึ่ง จะขึ้นมาอีก ลมพัดไปทางใต้ แล้วพัดกลับมาทางเหนือ ลมพัดหมุนเวียนไปมา พัดกลับ มาและหมุนเวียนอยู่เช่นนั้น แม่น�้าทั้งหลายไหลลงสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เคยเต็มเลย แม่น�้ายังไหลต่อไปจากต้นน�้า ทุกสิ่งน่าเบื่อหน่าย ไม่มีผู้ใดอธิบายเหตุผลได้ นัยน์ตาดู ไม่อิ่ม หูก็ฟังไม่พอ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็จะเกิดขึ้นอีก สิ่งที่เคยท�าแล้วก็จะท�าอีก ไม่มี สิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ มีสิ่งใดบ้างที่จะพูดได้ว่า ‘ดูซิ สิ่งนี้ใหม่’ สิ่งนั้นเคยมีอยู่ นานมาแล้วก่อนที่เราจะเกิด ไม่มีใครจดจ�าสิ่งต่างๆ ในอดีต แม้สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะถูกลืม จากผู้ที่จะมาในภายหลังด้วย”

พระวรสาร

ลก 9:7-9

เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดทรงรู้สึกสับสน เพราะ บางคนพูดว่ายอห์นได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย บางคนพูดว่าประกาศกเอลียาห์ได้ ปรากฏแล้ว บางคนว่าประกาศกในอดีตคนหนึ่งได้กลับคืนชีพ แต่กษัตริย์เฮโรดตรัสว่า “ยอห์นนั้นเราได้ตัดศีรษะแล้ว คนที่เราได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นใคร” กษัตริย์เฮโรด จึงทรงหาโอกาสจะพบพระองค์ บ่อยครัง้ ทีเ่ ราใช้ชวี ติ เหมือนกับว่าจะไม่จากโลกนีไ้ ปในสักวัน การยึดติดกับผูค้ น หรือสิ่งต่างๆ บนโลกนี้อาจเกิดขึ้นแบบเงียบๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ความจริงจากหนังสือ ปญญาจารย์ในวันนี้เตือนใจเราให้นึกถึงความไม่แน่นอนของโลกใบนี้อยู่เสมอ ความไม่แน่นอน คือความจริงหนึ่งที่เราควรใส่ใจและบอกตัวเองในทุกๆ วัน เพื่อที่เราจะได้แสวงหาสิ่งที่แน่นอน ส�าหรับชีวิต นั่นก็คือชีวิตนิรันดรในพระอาณาจักรพระเจ้า

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา สดด 90:2-4,5-7, 12-13,14,17 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1


ระลึกถึง น.ปโอ แห่งปเอเตรลชีนา พระสงฆ์ สดด 114:1,2,3-4 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1

ปญจ 3:1-11

พระวรสาร

ลก 9:18-22

มีเวลาส�าหรับทุกสิง่ มีเวลาส�าหรับกิจการต่างๆ ภายใต้ทอ้ งฟ้า มีเวลาเกิด และเวลา ตาย เวลาปลูก และเวลาถอนสิ่งที่ปลูก เวลาฆ่า และเวลารักษาให้หาย เวลารื้อท�าลาย และเวลาก่อสร้าง เวลาร้องไห้ และเวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ และเวลาเต้นร�า เวลาโยน ก้อนหินทิ้ง และเวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน เวลาสวมกอด และเวลาละเว้นการสวมกอด เวลาแสวงหา และเวลาสูญเสีย เวลาเก็บรักษา และเวลาโยนทิ้ง เวลาฉีก และเวลาเย็บ เวลานิ่งเงียบ และเวลาพูด เวลารัก และเวลาเกลียด เวลาท�าสงคราม และเวลาสันติ คนท�างานได้ประโยชน์ใดจากงานยากล�าบากของตน ข้าพเจ้าเห็นงานยากล�าบากที่ พระเจ้าประทานให้มนุษย์มีงานท�า พระองค์ทรงกระท�าให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลา แต่ทรง ใส่ความส�านึกถึงเวลาทีผ่ า่ นไปไว้ในใจของมนุษย์ ถึงกระนัน้ มนุษย์กย็ งั ไม่เข้าใจจุดเริม่ ต้น และการสิ้นสุดของกิจการที่พระเจ้าทรงกระท�า วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่เพียงพระองค์เดียว บรรดาศิษย์เข้า มาเฝ้า พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “ประชาชนว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่า เป็นยอห์นผู้ท�าพิธีล้าง บ้างว่าเป็นเอลียาห์ บ้างว่าเป็นประกาศกในอดีตคนหนึ่งซึ่งกลับ คืนชีพ” พระเยซูเจ้าตรัสถามเขาว่า “ท่านล่ะว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์ คือพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงทรงก�าชับบรรดาศิษย์มิให้พูดเรื่องนี้แก่ผู้ใด พระองค์ตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้ อาวุโส มหาสมณะและธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะ กลับคืนชีพในวันที่สาม” การค้นหาค�าตอบว่าพระเยซูเจ้าคือใครส�าหรับเราอาจดูเหมือนง่าย แต่ในความ เป็นจริงแล้ว การทีเ่ ราจะให้ใครสักคนมีความหมายต่อชีวติ ของเรานัน้ เราต้องรูจ้ กั เขาเป็นอย่าง ดี เราต้องรักเขามากจนถึงกับให้เขามีบทบาทในชีวติ ของเรา มุมมองและความเข้าใจต่อพระเยซู เจ้ามีมากมายหลากหลายในโลกนี้ แต่คนที่ใกล้ชิดและรักพระองค์ด้วยใจจริงถึงจะเข้าใจชัดเจน ว่าพระองค์คือพระคริสต์ พระผู้ไถ่ของมนุษยชาติ


บทอ่านที่ 1

ปญจ 11:9-12:8

หนุ่มเอ๋ย จงยินดีในวัยเยาว์ของท่าน ใจของท่านจงร่าเริงขณะที่ท่านยังเยาว์วัยอยู่ จงท�าตามทีใ่ จของท่านชอบ และตามทีน่ ยั น์ตาของท่านปรารถนา แต่จงรูว้ า่ พระเจ้าจะทรง พิพากษาทุกสิ่งที่ท่านท�า จงขจัดความกังวลออกไปจากใจของท่าน จงขับไล่ความทุกข์ ทรมานออกไปจากร่างกายของท่าน เพราะวัยเยาว์และรุ่งอรุณของชีวิตนั้นไม่เที่ยงแท้ จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่านขณะที่ท่านยังเยาว์วัย ก่อนที่วันเลวร้ายจะมา และ เวลาจะมาถึง เมื่อท่านจะต้องพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความสนุกเลย” เวลานั้นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลายจะอับแสงส�าหรับท่าน และท้องฟ้าจะมีเมฆปกคลุมอยู่ เสมอ เวลานัน้ แขนของท่านทีป่ กป้องท่านไว้จะสัน่ สะท้าน ขาของท่านทีเ่ คยค�า้ จุนท่านจะ อ่อนล้า ฟันจะลดจ�านวนลงจนเคีย้ วอาหารไม่แหลก นัยน์ตาของท่านจะฝ้าฟางจนเห็นไม่ ชัด หูของท่านจะตึงจนไม่ได้ยินเสียงอึกทึกจากถนน ท่านจะไม่ได้ยินเสียงโม่แป้ง เสียง นกร้องและเสียงของท่านจะอ่อนลงและสั่นเครือ ท่านจะกลัวที่สูง และแต่ละก้าวก็มี อันตรายที่จะหกล้ม ผมของท่านจะหงอกขาวเหมือนดอกอัลมอนด์ ท่านเดินแทบจะไม่ ไหว และความปรารถนาใดๆ จะหมดสิ้นไป ท่านจะไปสู่ที่พ�านักถาวร ขณะที่มีผู้ร้องไห้ และไว้ทกุ ข์ตามถนน ก่อนทีส่ ายเงินจะขาด ตะเกียงทองค�าจะล้มแตก เหยือกน�า้ จะแตก ทีพ่ นุ า�้ ล้อเชือกตักน�า้ จะตกลงไปในบ่อ ร่างกายของท่านจะกลายเป็นฝุน่ ดินดังเดิม และ ลมปราณจะกลับไปหาพระเจ้าผู้ประทานลมปราณแก่ท่าน ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยง แท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้”

พระวรสาร

ลก 9:43ข-45

เวลานัน้ ขณะทีท่ กุ คนก�าลังพิศวงในทุกสิง่ ทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงกระท�าอยูน่ นั้ พระองค์ ตรัสกับบรรดาศิษย์วา่ “ท่านทัง้ หลายจงฟังถ้อยค�าเหล่านีไ้ ว้ให้ดเี ถิด บุตรแห่งมนุษย์กา� ลัง จะถูกมอบในมือของคนทัง้ หลาย” แต่บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานีซ้ งึ่ เป็นถ้อยค�าทีถ่ กู ปดบังไว้มิให้เข้าใจความหมาย แต่เขาทั้งหลายก็ไม่กล้าทูลถามเรื่องนี้ พระเยซูเจ้าได้ผ่านความไม่แน่นอนของชีวิตในโลกนี้เหมือนกับเราทุกคน วัน หนึ่งผู้คนชื่นชมในสิ่งที่พระองค์ท�าและสิ่งที่พระองค์สอน แต่อีกวันหนึ่งพวกเขากลับจ้องจับผิด และท�าร้ายพระองค์ นี่คือความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น การยึดความจริงที่เที่ยงแท้จึงเป็นสิ่งที่ส�าคัญท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลก พระเยซู เจ้ายึดความจริงของงานไถ่กแู้ ละท�างานนัน้ ให้สา� เร็จตามแผนการของพระบิดา เราเองก็ตอ้ งยึด ความจริงและความแน่นอนของชีวิตตามแนวทางของพระเยซูเจ้าเสมอ

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา สดด 90:2-4,5-7, 12-13,14,17 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส

สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2

อมส 6:1ก,4-7

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่มีความสะดวกสบายอยู่ในศิโยน และบรรดาผู้ที่รู้สึกปลอดภัยบนภูเขาสะมาเรีย เขาทั้งหลายนอนบนเตียงงาช้าง เหยียด ตัวอยู่บนเก้าอี้ยาว กินลูกแกะจากฝูงแพะแกะ กินลูกโคที่ขุนไว้ในคอก เขาร้องเพลง ไร้สาระ ประสานเสียงพิณใหญ่ ประดิษฐ์เครื่องดนตรีใหม่ๆ ส�าหรับตนเหมือนกษัตริย์ ดาวิด เขาใช้ชามใหญ่ดื่มเหล้าองุ่น ใช้น�้ามันอย่างดีชโลมตัว แต่ไม่เป็นห่วงถึงความ พินาศของโยเซฟ เขาทั้งหลายจึงจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกจับเป็นเชลย และงานเลี้ยง อึกทึกของผู้ไม่มีอะไรท�าก็จบลง

เพลงสดุดี

สดด 146:7,8-9ก,9ข-10

ก) ประทานความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่ ประทานอาหารแก่ผู้หิวโหย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปล่อยบรรดาผู้ถูกจองจ�าให้เป็นอิสระ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานสายตาแก่คนตาบอด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพยุงผู้ที่ล้มให้ลุกขึ้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์คนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่ ค) ทรงค�้าจุนเด็กก�าพร้าและหญิงม่าย แต่ทรงขัดขวางหนทางของคนชั่วร้าย องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครองราชย์ตลอดไป ศิโยนเอ๋ย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง 1 ทธ 6:11-16

ท่านผูเ้ ป็นคนของพระเจ้า จงหลีกเลีย่ งเรือ่ งทัง้ หมดทีก่ ล่าวมานี้ จงมุง่ หน้าหาความ ชอบธรรม ความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทนและความ อ่อนโยน จงต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ จงยึดมั่นในชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกท่าน ให้ดา� เนินอยู่ เมือ่ ท่านได้ประกาศยืนยันความเชือ่ ต่อหน้าพยานจ�านวนมาก บัดนี้ เฉพาะ พระพักตร์พระเจ้าผูป้ ระทานชีวติ แก่ทกุ สิง่ และเฉพาะพระพักตร์พระคริสตเยซู ผูย้ นื ยัน ประกาศความเชื่อเป็นอย่างดีไว้ต่อหน้าปอนทิอัสปีลาต ข้าพเจ้าขอก�าชับให้ปฏิบัติตาม ค�าสั่งทุกประการโดยไม่บกพร่อง จนกว่าพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทรง ส�าแดงพระองค์ เมื่อถึงเวลาก�าหนด พระเจ้าจะทรงเปดเผยพระคริสตเยซู พระเจ้าผู้ทรงเป็น ความสุขแท้จริงและผู้ทรงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริย์และเจ้า นายสูงสุด ผู้ทรงเป็นอมตะแต่พระองค์เดียว ประทับอยู่ในแสงสว่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้


ไม่มีมนุษย์คนใดเคยเห็นหรืออาจเห็นพระองค์ได้ ขอ พระองค์ทรงด�ารงพระเกียรติและพระพลานุภาพตลอด นิรันดรเทอญ อาเมน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 16:19-31

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกฟาริสีว่า “เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อ ดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่ง ชื่อลาซารัส นอนอยู่ท่ีประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขา มีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะ ของเศรษฐี มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา วันหนึ่ง คน ยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์น�าเขาไปอยู่ในอ้อมอกของ อับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ เศรษฐีซึ่งก�าลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย แหงน หน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า ‘ท่านพ่ออับราฮัม จง สงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน�้ามาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะลูกก�าลังทุกข์ ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้’ แต่อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย จงจ�าไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหว ใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการ จะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย’ เศรษฐีจึงพูดว่า ‘ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้อง อีกห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย’ อับราฮัมตอบว่า ‘พี่น้องของลูก มีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด’ แต่เศรษฐีพูดว่า ‘มิใช่เช่นนั้น ท่าน พ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ’ อับราฮัมตอบว่า ‘ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง โมเสสและบรรดาประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ’” อิสรภาพที่พระเจ้าให้มนุษย์แต่ละคนนั้นยิ่งใหญ่มาก เพราะความรักที่ไม่มีขอบเขตของพระเจ้า ท�าให้เรามีอสิ รภาพอย่างมากในการเลือกวิถที างด�าเนินชีวติ เรือ่ งราวของเศรษฐีและลาซารัสเตือนใจเราให้ใช้ชวี ติ ด้วยความรอบคอบ แม้วา่ เราจะมีอสิ รภาพอย่างเต็มที ่ ก็ขอให้เราใช้อสิ รภาพนัน้ ในหนทางทีด่ งี ามและเป็นประโยชน์ เพราะผลของชีวติ ในโลกหน้าก็มาจากการใช้ชวี ติ ในโลกนีน้ นั่ เอง ไม่มใี ครสามารถบังคับและเปลีย่ นแปลงเราได้ หาก เราไม่ต้องการ การเลือกใช้ชีวิตให้ดีนั้นจึงขึ้นอยู่กับตัวเราแต่ละคนจริงๆ


บทอ่านที่ 1

โยบ 1:6-22

วันหนึ่ง บุตรทั้งหลายของพระเจ้ามาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ซาตานมาอยู่ในหมู่เขา ด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานว่า “ท่านมาจากไหน” ซาตานทูลตอบองค์พระผู้ เป็นเจ้าว่า “มาจากการเดินเตร็ดเตร่ไปทัว่ แผ่นดิน” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสถามซาตานอีก ว่า “ท่านสังเกตเห็นโยบผูร้ บั ใช้ของเราหรือไม่ ไม่มใี ครในแผ่นดินเหมือนเขา เป็นผูช้ อบ ธรรมและเป็นคนดีพร้อม ย�ำเกรงพระเจ้าและหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย” ซาตานทูลตอบ น.คอสมา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า “โยบย�ำเกรงพระเจ้าโดยไม่ได้รบั ผลตอบแทนเลยหรือ พระองค์ไม่ และ น.ดาเมียน ได้ทรงกั้นรั้วรอบตัวเขา ครอบครัว และทุกสิ่งที่เขามีอยู่หรือ พระองค์ทรงอวยพรงานที่ มรณสักขี เขาท�ำ ฝูงสัตว์ของเขาทวีจ�ำนวนขึ้นในแผ่นดิน แต่ขอพระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์แตะต้อง สิง่ ทีเ่ ขามีอยูเ่ ถิด แล้วเขาจะสาปแช่งพระองค์เฉพาะพระพักตร์แน่ๆ” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า สดด 17:1-2,3-4,6-7 ตรัสกับซาตานว่า “ตกลง จงท�ำตามใจชอบกับทุกสิ่งที่เขามีอยู่เถิด แต่อย่ายื่นมือแตะ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ต้องตัวเขาเลย” ซาตานจึงออกไปจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า วันหนึ่ง เมื่อบุตรชายหญิงของเขาก�ำลังกินและดื่มอยู่ในบ้านของพี่ชายคนโต มี คนมาแจ้งข่าวแก่โยบว่า “โคก�ำลังไถนาอยู่ และลาก�ำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ๆ นั้น ชาว เสบาก็จโู่ จมเข้ามาปล้น ใช้ดาบฆ่าผูร้ บั ใช้ ข้าพเจ้าผูเ้ ดียวหนีรอดมาบอกท่าน” ขณะทีเ่ ขา ก�ำลังพูดไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งก็เข้ามาแจ้งว่า “ไฟของพระเจ้าลงมาจากฟ้า เผาทั้งแพะ แกะและผู้เลี้ยงจนหมด ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน”... ขณะที่เขาก�ำลังพูดอยู่ไม่ทันจบ อีกคนหนึ่ง เข้ามาแจ้งว่า “บุตรชายหญิงของท่านก�ำลังกินและดื่มอยู่ในบ้านของพี่ชายคนโต ทันใดนั้น ลมแรงพัดจากถิ่น ทุรกันดารมากระทบบ้านทัง้ สีม่ มุ บ้านนัน้ ก็พงั ทับคนหนุม่ สาวตายทัง้ หมด ข้าพเจ้าผูเ้ ดียวหนีรอดมาบอกท่าน” โยบจึงลุกขึ้น ฉีกเสื้อคลุม โกนศีรษะแสดงความทุกข์ กราบลงหน้าจรดพื้น กล่าวว่า “ข้าพเจ้าตัวเปล่า ออกมาจากครรภ์มารดา ข้าพเจ้าก็จะตัวเปล่ากลับไป องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าประทานให้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเอาคืน ขอถวายพระพรแด่พระนามองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า” ในเหตุการณ์ทงั้ หมดนี้ โยบไม่ได้ทำ� บาปหรือกล่าวโทษพระเจ้า

พระวรสาร

ลก 9:46-50

เวลานั้น บรรดาศิษย์เริ่มถกเถียงกันว่าคนใดในกลุ่มยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงทรงจูงเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนใกล้พระองค์ ตรัสว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา ผู้นั้นก็ ต้อนรับเรา ผู้ใดต้อนรับเรา ผู้นั้นก็ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรามา เพราะในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเล็กที่สุด ผู้นั้นย่อม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด” ยอห์นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนหนึง่ ขับไล่ปศี าจในพระนามพระองค์ แต่เขาไม่ ได้อยู่กับเรา เราพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา แต่พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “อย่าห้าม เขาเลย ผู้ใดที่ไม่ต่อต้านท่าน ผู้นั้นก็เป็นฝ่ายท่าน” ความสุภาพของชีวติ ทีพ่ ระเยซูเจ้าสอนบรรดาศิษย์คอื ความยิง่ ใหญ่ในสายตาของพระองค์ การต้อนรับ บุคคลที่ไม่มีบทบาทใดๆ ในสังคม เช่น เด็ก หรือ คนบาป คือแนวทางของพระองค์ ความยิ่งใหญ่จึงไม่ได้อยู่ที่ต�ำแหน่ง หรือความส�ำคัญใดๆ ทางสังคม แต่อยูท่ กี่ ารรับใช้คนทีด่ อ้ ยค่าทีส่ ดุ ในสังคมต่างหาก พระเยซูเจ้าเองได้ใช้ชวี ติ ของผูร้ บั ใช้ เพือ่ เป็นแบบอย่างให้กบั เราทุกคน การสละชีวติ เพือ่ เราคนบาปคือการรับใช้ทยี่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ของพระองค์ การรับใช้เพือ่ น ผู้อื่นด้วยความรักคือความยิ่งใหญ่ของชีวิต


บทอ่านที่ 1

โยบ 3:1-3,11-17,20-23

ต่อมา โยบอ้าปากสาปแช่งวันเกิดของตน โยบเริ่มพูดว่า “วันที่ข้าเกิดมาจงพินาศ เถิด ทั้งคืนที่มีคนพูดว่า ‘เด็กชายคนหนึ่งปฏิสนธิแล้ว’ ก็จงพินาศด้วย ท�าไมข้าจึงไม่ตายเสียตัง้ แต่ในครรภ์ ท�าไมข้าจึงไม่ขาดใจเมือ่ ออกมาจากครรภ์มารดา ท�าไมจึงมีผู้รับข้าไว้บนเข่า ท�าไมจึงมีหัวนมให้ข้าดูด มิฉะนั้นแล้ว บัดนี้ข้าคงนอนสงบ ข้าคงหลับ และพักผ่อนในสันติ กับบรรดากษัตริย์และผู้ปกครองแผ่นดิน ผู้ได้สร้าง อนุสาวรียท์ ฝี่ งั ศพส�าหรับตน หรือกับเจ้านายทีม่ ที องค�า และสะสมเงินไว้เต็มทีฝ่ งั ศพของ ตน ข้าคงจะไม่มคี วามเป็นอยูเ่ หมือนลูกทีแ่ ท้งและถูกซ่อนไว้ เหมือนทารกซึง่ ไม่เคยเห็น แสงสว่าง ที่นั่น คนชั่วร้ายหยุดดิ้นรน ที่นั่นผู้ที่หมดก�าลังได้พักผ่อน ท�าไมผู้ที่ทนทุกข์จึงได้รับแสงสว่างผู้ที่มีใจขมขื่นจึงได้รับชีวิต เขาคอยความตาย แต่ความตายก็ไม่มา เขาแสวงหาความตายมากกว่าขุดหาทรัพย์สมบัติที่ซ่อนอยู่ เขา ยินดีอย่างยิ่ง และชื่นชมเมื่อพบหลุมฝังศพ ท�าไมจึงประทานความสว่างแก่ผู้ที่ไม่มีวัน จะเห็นหนทางของตน และแก่ผู้ที่พระเจ้าทรงกั้นไว้ทุกด้าน”

พระวรสาร

ลก 9:51-56

เวลาที่พระเยซูเจ้าจะต้องทรงจากโลกนี้ไปใกล้เข้ามาแล้ว พระองค์ทรงตั้งพระทัย แน่วแน่จะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และทรงส่งผูน้ า� สารไปล่วงหน้า คนเหล่านีอ้ อกเดินทาง และเข้าไปในหมูบ่ า้ นแห่งหนึง่ ของชาวสะมาเรียเพือ่ เตรียมรับเสด็จพระองค์ แต่ประชาชน ทีน่ นั่ ไม่ยอมรับเสด็จเพราะพระองค์กา� ลังเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม เมือ่ ยากอบและยอห์น ศิษย์ของพระองค์เห็นดังนีก้ ท็ ลู พระองค์วา่ “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงพระประสงค์ให้เรา เรียกไฟจากฟ้าลงมาเผาผลาญคนเหล่านี้หรือไม่” พระเยซูเจ้าทรงหันไปต�าหนิศิษย์ทั้ง สองคน แล้วทรงพระด�าเนินต่อไปยังหมู่บ้านอื่นพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระเยซูเจ้าไม่ตอบโต้คนที่ปฏิเสธพระองค์ด้วยอ�านาจหรือการลงโทษที่ไม่มี เหตุผล แม้ว่าศิษย์ของพระองค์ต้องการให้พระองค์ลงโทษคนเหล่านั้นที่ไม่ต้อนรับพระองค์ ก็ตาม สิ่งนี้แสดงให้เราเห็นถึงแนวทางของพระที่เต็มไปด้วยความรักและความดีงาม การเป็น ศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้านั้นต้องเลือกทางแห่งความดีเสมอและไม่ตอบโต้ผู้ใดด้วยความรุนแรง หรือความชั่วร้าย นี่คือวิถีของพระ วิถีของคริสตชน

ระลึกถึง น.วินเซนต์ เดอ ปอล พระสงฆ์ สดด 88:1-3,4-5, 6-7 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2


น.เวนแชสเลาส์ มรณสักขี น.ลอเรนซ์ รุยส์ และเพื่อนมรณสักขี

สดด 88:9-10,11-12, 13-14 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1

โยบ 9:1-12,14-16

พระวรสาร

ลก 9:57-62

โยบจึงตอบว่า “จริงอยู่ ข้าพเจ้ารูอ้ ย่างทีท่ า่ นพูด ว่าคนเราจะเป็นผูช้ อบธรรมเฉพาะ พระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร ถ้าผู้ใดปรารถนาจะโต้เถียงกับพระองค์ ในหนึ่งพันครั้งผู้ นั้นก็ตอบพระองค์ไม่ได้สักครั้งเดียว พระองค์ทรงพระปรีชารู้ทุกสิ่ง ทรงพระอานุภาพ ท�าได้ทุกอย่าง ผู้ใดต่อต้านพระองค์แล้วรอดชีวิตอยู่ได้ พระองค์ทรงเคลื่อนย้ายภูเขา โดยที่ภูเขาไม่รู้ตัว เมื่อพระองค์กริ้ว ก็ทรงท�าให้ภูเขาปั่นป่วน ทรงขยับแผ่นดินออกจาก ที่ตั้งอยู่ และเสาของแผ่นดินก็สั่นสะเทือน ทรงบัญชาดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ไม่ขึ้น ทรงปดผนึกดวงดาวไว้ไม่ให้ส่องแสง ทรงขึงท้องฟ้าแต่ล�าพังพระองค์ ทรงพระด�าเนิน บนคลื่นของทะเล ทรงเนรมิตสร้างดาวจระเข้และดาวไถ ดาวลูกไก่และกลุ่มดาวทิศใต้ ทรงกระท�ากิจการยิง่ ใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจได้ ทรงท�าการอัศจรรย์นบั ไม่ถว้ น ดูซิ พระองค์ ทรงผ่านมาใกล้ๆ แต่ขา้ พเจ้ามองไม่เห็นพระองค์ พระองค์ทรงจากไป ข้าพเจ้าก็ไม่สงั เกต เห็น ถ้าพระองค์ทรงหยิบฉวยสิ่งใด ใครจะขัดขวางพระองค์ได้ ใครจะทูลถามพระองค์ ว่า ‘พระองค์ทรงท�าอะไร’ แล้วข้าพเจ้าจะโต้ตอบพระองค์ได้อย่างไร จะเลือกถ้อยค�าอะไรมาเถียงกับพระองค์ แม้ข้าพเจ้าไม่มีความผิด ข้าพเจ้าก็ตอบพระองค์ไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องขอพระกรุณาจาก ผู้พิพากษาของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าร้องทูลถามพระองค์ และพระองค์ทรงตอบ ข้าพเจ้า จะไม่เชื่อว่าพระองค์ทรงฟังเสียงของข้าพเจ้า” เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระด�าเนินตามทางพร้อมกับบรรดาศิษย์ ชายผู้ หนึ่งทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ พระเยซู เจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มี ที่จะวางศีรษะ” พระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่เขาทูลว่า “ขออนุญาตให้ ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าเสียก่อน” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงปล่อยให้คนตาย ฝังคนตายของตนเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า” อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะตามพระองค์ไป แต่ขออนุญาตกลับไปร�่า ลาคนที่บ้านก่อน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดที่จับคันไถแล้วเหลียวดูข้างหลัง ผู้นั้นก็ไม่ เหมาะสมกับพระอาณาจักรของพระเจ้า” ความเด็ดเดีย่ วเป็นสิง่ ส�าคัญมากในการติดตามพระเยซูเจ้า สิง่ แวดล้อมทางโลก มักจะท�าให้เราไขว้เขวและก่อให้เกิดค�าถามต่างๆ มากมายเกีย่ วกับการติดตามพระองค์ บ่อยครัง้ ชีวิตก็พบกับความสงสัยและความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความเชื่อ พระวาจา พระเจ้าในวันนี้สอนเราให้เด็ดเดี่ยว หากเราต้องการที่จะเดินตามพระเยซูเจ้าแล้ว เราก็ต้อง ทุ่มเทให้ถึงที่สุด


บทอ่านที่ 1

วว 12:7-12

สงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสู้กับมังกร มังกร พร้อมกับบริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย แต่มันพ่ายแพ้และไม่มีที่พ�านักในสวรรค์อีกต่อไป มังกรใหญ่ คืองูดกึ ด�าบรรพ์ทมี่ ชี อื่ ว่าปีศาจและซาตาน ผูล้ อ่ ลวงผูอ้ าศัยอยูท่ วั่ แผ่นดินให้ หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถูกโยนลงมาด้วย ข้าพเจ้าได้ยินเสียง ดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระอาณาจักรเป็นของพระเจ้า ของเราแล้ว และอ�านาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ เพราะผู้กล่าวหาบรรดาพี่น้อง ของเรา คือผูท้ กี่ ล่าวหาเขาทัง้ กลางวันกลางคืนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราก็ถกู โยน ลงไปแล้ว บรรดาพี่น้องของเราชนะผู้กล่าวหา เดชะพระโลหิตของลูกแกะและอาศัยค�า พยานของตน เพราะเขาไม่หวงแหนชีวิตแม้เมื่อเผชิญความตาย ดังนั้น สวรรค์และท่าน ทัง้ หลายทีอ่ าศัยอยูใ่ นสวรรค์ จงชืน่ ชมเถิด วิบตั จิ งเกิดแก่แผ่นดินและทะเล เพราะปีศาจ ลงมายังแผ่นดินและทะเลด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เพราะมันรูว้ า่ มีเวลาเหลือน้อยแล้ว

พระวรสาร

ยน 1:47-51

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จัก ข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเรา พูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” นักบุญออกัสตินกล่าวว่า “ความจองหองท�าให้เทวดากลายเป็นปศาจ ส่วน ความสุภาพท�าให้คนบาปเป็นนักบุญ” วันนี้เราฉลองอัครทูตสวรรค์ของพระเจ้า พวกเขามีใจ สุภาพในการรับใช้พระเจ้าเสมอ นี่คือแบบอย่างที่ดีที่เราควรน�าไปปฏิบัติในชีวิตแห่งความเชื่อ ของเรา ความจองหองจะน�าเราไปสู่บาป ส่วนความสุภาพจะน�าเราไปสู่ชีวิตพระที่ใกล้ชิดกับ พระเยซูเจ้าเหมือนกับทูตสวรรค์ทั้งหลายที่รับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด

ฉลองอัครทูตสวรรค์ มีคาเอล คาเบรียล และราฟาเอล สดด 138:1-2ก, 2ข-3,4-5


ระลึกถึง น.เยโรม พระสงฆ์ นักปราชญ์แห่ง พระศาสนจักร สดด 139:1-3,6-8, 9-10,13-14 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1

โยบ 38:1,12-21,40:3-5

พระวรสาร

ลก 10:13-16

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโยบจากกลางลมพายุว่า “ตั้งแต่วันที่ท่านเกิดมา ท่านเคยสั่งรุ่งอรุณ และเคยก�าหนดสถานที่ให้รุ่งอรุณอยู่ หรือ รุ่งอรุณจะได้จับชายแผ่นดินไว้ และสลัดคนชั่วออกไป แผ่นดินเปลี่ยนไปเหมือน ดินเหนียวถูกตราประทับ และมีสีต่างๆ เหมือนเสื้อผ้า แสงสว่างถูกถอนไปจากคนชั่ว เพราะแขนของเขาที่เงื้อขึ้นเพื่อท�าร้ายย่อมถูกหัก ท่านเคยเข้าไปจนถึงตาน�้าแห่งทะเล หรือเดินเข้าไปในขุมลึกแล้วหรือ มีใครแสดงให้ท่านเห็นประตูแห่งความตาย หรือท่าน ได้เห็นประตูเงาแห่งความตายแล้วหรือ ท่านรู้ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินหรือ ถ้าท่านรู้ ทุกสิ่งแล้ว ก็จงบอกมา หนทางไหนน�าไปสู่ที่พ�านักของความสว่าง และที่ไหนเป็นสถาน ที่ของความมืด ท่านจะได้น�าทั้งแสงสว่างและความมืดไปอยู่ในเขตแดนของตน หรือ อย่างน้อยก็ชี้ทางให้มันกลับไปบ้านได้ แน่นอน ท่านต้องรู้ เพราะเวลานั้นท่านเกิดมา แล้ว จ�านวนวันของท่านก็มากมาย” โยบทูลตอบองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าไม่ใช่คนส�าคัญ จะทูลตอบพระองค์ ได้อย่างไร ข้าพเจ้าเอามือปดปาก ข้าพเจ้าได้กราบทูลครั้งหนึ่งแล้ว และจะไม่กราบทูล อีก ข้าพเจ้ากราบทูลสองครั้งแล้ว จะไม่กราบทูลต่อไป” เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบตั จิ งเกิดแก่เจ้า เมืองเบธไซดา ถ้าอัศจรรย์ทไี่ ด้ เกิดขึ้นในเจ้าได้เกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว เขาเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบ นัง่ บนกองขีเ้ ถ้ากลับใจเสียนานแล้ว ดังนัน้ เมืองไทระและเมืองไซดอนจะรับโทษเบากว่า เจ้าในวันพิพากษา ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าจะยกตนขึ้นถึงฟ้าเทียวหรือ เจ้าจะ ตกลงไปถึงแดนผู้ตาย ผูใ้ ดฟังท่าน ผูน้ นั้ ฟังเรา ผูใ้ ดสบประมาทท่าน ผูน้ นั้ สบประมาทเรา ผูท้ สี่ บประมาท เรา ก็สบประมาทผู้ที่ทรงส่งเรามา” มนุษย์จา� เป็นต้องมองเห็นและยอมรับความอ่อนแอของตนเองให้ได้ หากเราเชือ่ ว่าเราดีพร้อม การเปลีย่ นแปลงใดๆ ก็ไม่จา� เป็น เช่นเดียวกันกับคนป่วยทีไ่ ม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย การเยียวยารักษาก็ไม่จ�าเป็นส�าหรับเขา พระวาจาของพระเจ้าสอนเราให้กลับใจ เปลี่ยนแปลง ชีวิตไปสู่หนทางแห่งความดี เพราะเราที่เป็นคนบาป ต้องการการกลับใจเสมอๆ เพื่อมีชีวิตที่ดี ขึ้น และทีละเล็กละน้อยจะได้มีชีวิตที่ดีพร้อมส�าหรับพระอาณาจักรพระเจ้า



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.