บทอ่านที่ 1
อสย 26:1-6
วันนัน้ ทุกคนในแผ่นดินยูดำห์จะร้องเพลงบทนี้ “พวกเรำมีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึง่ พระองค์ทรงสร้ำงก�ำแพงและเชิงเทินไว้เพือ่ ปกป้อง จงเปิดประตูเมืองเถิด ประชำชำติที่ ชอบธรรมซึ่งรักษำควำมซื่อสัตย์ไว้จะได้เข้ำมำ พระองค์ทรงรักษำชนชำติที่มีใจมั่นคงให้ อยู่ในสันติ เขำอยู่ในสันติ เพรำะวำงใจในพระองค์ จงวำงใจในองค์พระผู้เป็นเจ้ำตลอด ไปเถิด เพรำะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำพระเจ้ำทรงเป็นศิลำนิรนั ดร เพรำะพระองค์ทรงกดผูอ้ ยู่ บนทีส่ งู ให้ตำ�่ ลง ทรงท�ำลำยเมืองบนทีส่ งู ให้รำบถึงพืน้ ดิน กลำยเป็นฝุน่ ดิน เท้ำทีเ่ หยียบ เมืองนั้นคือเท้ำของผู้ถูกกดขี่ คนยำกจนจะเดินเหยียบย�่ำเมืองนั้น”
พระวรสาร
มธ 7:21,24-27
เวลำนัน้ พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์วำ่ “คนทีก่ ล่ำวแก่เรำว่ำ ‘พระเจ้ำข้ำ พระเจ้ำ ข้ำ’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้ำสู่อำณำจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตำมพระประสงค์ของพระ บิดำของเรำ ผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้ำสู่สวรรค์ได้ ผู้ใดฟังถ้อยค�ำเหล่ำนี้ของเรำและปฏิบัติตำม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญำที่สร้ำง บ้ำนไว้บนหิน ฝนจะตก น�้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้ำใส่บ้ำนหลังนั้น บ้ำนก็ไม่พัง เพรำะมีรำกฐำนอยู่บนหิน ผูใ้ ดทีฟ่ งั ถ้อยค�ำเหล่ำนีข้ องเรำ และไม่ปฏิบตั ติ ำมก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลำทีส่ ร้ำง บ้ำนไว้บนทรำย เมื่อฝนตก น�้ำไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้ำใส่บ้ำนหลังนั้น มันก็พังทลำย ลงและเสียหำยมำก” ความคิดเห็นช่างมากมายในสังคมของมนุษย์ แต่อันใดเล่าเป็นของพระผู้เป็น เจ้า? ท่านเลือกถูกอันไหม? และจะไปหาได้ที่ไหนกัน? ความหลากหลายนั้นเป็นมาจากความ แตกต่างในหมู่มนุษย์มิใช่หรือ เขาเป็นและคิดอย่างไร เขาก็แสดงความคิดเห็นไปตามนั้น ไว้ใจ ได้บ้าง ไว้ใจไม่ได้บ้าง ที่แน่นอนมั่นคงและเป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่ผิดหลง คือความคิดเห็น ที่มาจากพระเจ้าผู้เป็นศิลานิรันดรยังไงเล่า หาได้ในวัด ในการสวดภาวนาเพื่อหาน�้าพระทัยจะ ได้ปฏิบตั ติ าม เราจึงจะเลือกได้ถกู อัน หาได้ในพระวาจาของพระเจ้าทีอ่ า่ นและฟังด้วยความเชือ่ มีรอเราอยู่เสมอในพิธีมิสซา ให้เราสร้างบ้านแห่งชีวิตไว้บนนั้นเถิด คุณๆ ที่รักทั้งหลาย
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 118:1,8-9, 19-21,25,27 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1 วันรณรงค์โรคเอดส์
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 27:1,4,13-14 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1 วันศุกร์ตนเดือน
บทอ่านที่ 1
อสย 29:17-24
พระวรสาร
มธ 9:27-31
องค์พระผู้เป็นเจ้ำตรัสดังนี้ “ในไม่ช้ำ เลบำนอนจะเปลี่ยนเป็นสวนผลไม้ และ สวนผลไม้จะกลำยเป็นป่ำมิใช่หรือ วันนั้น คนหูหนวกจะได้ยินถ้อยค�ำของหนังสือ ตำ ของคนตำบอดจะหำยมืดมัวกลับมองเห็นได้ คนถ่อมตนจะยินดียิ่งขึ้นอีกในองค์พระผู้ เป็นเจ้ำ ผู้ยำกจนจะชื่นชมในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสรำเอล เพรำะจะไม่มีทรรำชอีก คน ชอบเยำะเย้ยจะสูญหำยไป คนทั้งหลำยที่หำโอกำสท�ำควำมชั่วจะถูกก�ำจัด คือผู้พูดใส่ ควำมคนอืน่ ผูว้ ำงบ่วงไว้ดกั ผูพ้ พิ ำกษำทีป่ ระตูเมืองและปัน้ เรือ่ งขึน้ ท�ำลำยผูช้ อบธรรม” ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้ำผู้ทรงไถ่อับรำฮัมตรัสกับเชื้อสำยของยำโคบดังนี้ “ตั้งแต่ นี้ไป ยำโคบจะไม่ต้องอับอำยอีก ใบหน้ำของเขำจะไม่ซีดลงอีกต่อไป เพรำะเมื่อเขำเห็น ลูกหลำนของตน ซึง่ เป็นผลงำนจำกมือของเรำกลับมำอยูก่ บั เขำอีก เขำจะยอมรับว่ำนำม ของเรำศักดิส์ ทิ ธิ์ เขำทัง้ หลำยจะยอมรับว่ำพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิข์ องยำโคบทรงควำมศักดิส์ ทิ ธิ์ และจะย�ำเกรงพระเจ้ำแห่งอิสรำเอล จิตใจทีห่ ลงผิดจะได้รบั ควำมเข้ำใจ และผูท้ เี่ คยบ่น จะยอมรับค�ำสั่งสอน” ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้ำก�ำลังเสด็จออกจำกทีน่ นั่ คนตำบอดสองคนตำมพระองค์ไป ร้อง ตะโกนว่ำ “โอรสของกษัตริยด์ ำวิด โปรดเมตตำเรำเถิด” เมือ่ เสด็จมำถึงบ้ำน คนตำบอด เข้ำมำเฝ้ำพระองค์ พระเยซูเจ้ำจึงตรัสถำมว่ำ “ท่ำนเชื่อว่ำเรำท�ำเช่นนั้นได้หรือ” เขำทั้ง สองคนตอบว่ำ “เชื่อ พระเจ้ำข้ำ” พระองค์จึงทรงสัมผัสตำของเขำ ตรัสว่ำ “จงเป็นไปตำมที่ท่ำนเชื่อเถิด” แล้วตำ ของเขำทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น พระเยซูเจ้ำทรงก�ำชับเขำอย่ำงเข้มงวดว่ำ “ระวัง อย่ำ บอกให้ใครรู้เรื่องนี้” แต่เมื่อทั้งสองคนออกไปก็ประกำศเรื่องของพระองค์ทั่วแคว้นนั้น พฤติกรรมของคนที่ชอบท�าตัวเป็นทรราชย์ล้วนเป็นเรื่องการผิดต่อความ ยุติธรรม ผิดต่อความรักและความเมตตา ชอบโกงความดีของคนอื่น... ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พระ เป็นเจ้าไม่ชอบทั้งสิ้น และกิจการของเขาตามบทเรียนในประวัติศาสตร์ล้วนเป็นการเดินเข้าไป สู่การท�าลายตัวเองทั้งสิ้น แต่สองข้างทางของเขาเต็มไปด้วยหยาดน�้าตา หยาดเหงื่อ และชีวิต ของผู้เสียหายจากการกระท�าของเขามากมายก่ายกอง ภาพเหล่านี้พระเป็นเจ้าจะทรงอยู่เฉย ได้หรือ? ท่านจงวางใจในพระเป็นเจ้าเถิดนะ อย่าไปแสวงหาการแก้แค้น แต่จงให้อภัย เมือ่ ท่าน ท�าดังนีไ้ ด้ พระเป็นเจ้าจะเป็นผูท้ รงให้ความยุตธิ รรมแทนท่าน กุญแจแก้ไขปัญหาจึงอยูท่ ที่ า่ นมี ความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าทรงบังคับการอยู่เสมอในครอบจักรวาลนี้ทีเดียว
บทอ่านที่ 1
1 คร 9:16-19,22-23
พี่น้อง ในกำรประกำศข่ำวดีข้ำพเจ้ำไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพรำะข้ำพเจ้ำจ�ำเป็น ต้องประกำศอยู่แล้ว หำกข้ำพเจ้ำไม่ประกำศข่ำวดี ข้ำพเจ้ำย่อมได้รับควำมวิบัติ เพรำะ ถ้ำข้ำพเจ้ำสมัครใจท�ำเอง ข้ำพเจ้ำก็จะได้รับค่ำจ้ำง แต่ถ้ำข้ำพเจ้ำไม่ได้สมัครใจท�ำก็ หมำยควำมว่ำ ข้ำพเจ้ำเพียงแต่ท�ำงำนที่ได้รับมอบหมำยเท่ำนั้น ข้ำพเจ้ำจะได้รำงวัลใด เล่ำ รำงวัลส�ำหรับข้ำพเจ้ำก็คือควำมภูมิใจที่ข้ำพเจ้ำประกำศข่ำวดีโดยไม่ใช้สิทธิ์ต่ำงๆ จำกกำรประกำศข่ำวดีนั้น แม้ว่ำข้ำพเจ้ำเป็นอิสระ ข้ำพเจ้ำก็ยอมเป็นทำสรับใช้ทุกคน เพื่อเอำชนะใจผู้อื่นให้มำกที่สุดเท่ำที่จะมำกได้ ข้ำพเจ้ำท�ำตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้ำพเจ้ำเป็นทุกอย่ำงส�ำหรับทุก คน เพื่อข้ำพเจ้ำจะได้ใช้ทุกวิถีทำงช่วยบำงคนให้รอดพ้น ข้ำพเจ้ำท�ำทุกอย่ำงเพรำะเห็น แก่ข่ำวดี เพื่อข้ำพเจ้ำจะได้มีส่วนรับพระพรจำกข่ำวดีนี้ร่วมกับเขำเหล่ำนั้นด้วย
พระวรสาร
มก 16:15-20
เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำทรงส�ำแดงพระองค์กับอัครสำวกทั้งสิบเอ็ดคนตรัสกับเขำว่ำ “ท่ำนทั้งหลำยจงออกไปทั่วโลก ประกำศข่ำวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้ำง บำปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะท�ำอัศจรรย์เหล่ำนี้ได้ คือจะ ขับไล่ปีศำจในนำมของเรำ จะพูดภำษำใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้ำดื่มยำพิษก็จะไม่ได้ รับอันตรำย เขำจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่ำนั้นก็จะหำยจำกโรคภัย” เมือ่ พระเยซู องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำตรัสดังนีแ้ ล้ว พระเจ้ำทรงรับพระองค์ขนึ้ สูส่ วรรค์ ให้ ประทับ ณ เบือ้ งขวำ บรรดำศิษย์กแ็ ยกย้ำยกันออกไปเทศนำสัง่ สอนทัว่ ทุกแห่งหน องค์ พระผู้เป็นเจ้ำทรงท�ำงำนร่วมกับเขำ และทรงรับรองค�ำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตำมมำ เมื่อท่านไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ลืมตัวเองไป แล้วสนใจในการท�าเพื่อสังคมหรือ คนอื่นที่เดือดร้อน หรือท�าเพื่อการประกาศพระเป็นเจ้า นั่นก็หมายความว่า ท่านมิได้หวังเอา อะไรจากโลกนี้มากนักแล้ว แรงจูงใจของท่านเลยไปถึงชีวิตนิรันดรแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะดูแล คุ้มครองเรื่องของท่านในโลกนี้แทนท่าน
ฉลอง น.ฟรังซิส เซเวียร์ พระสงฆ์ องค์อุปถัมภ์ของมิสซัง สดด 96:1-2,3,7-8, 10-11
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2 วันพระคัมภีร์
อสย 11:1-10
หน่อหนึ่งจะแตกออกจำกตอของเจสซี กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจำกรำกของเขำ พระจิต ขององค์พระผู้เป็นเจ้ำจะพ�ำนักอยู่เหนือเขำ คือจิตแห่งปรีชำญำณและควำมเข้ำใจ จิต แห่งควำมคิดอ่ำนและอำนุภำพ จิตแห่งควำมรู้และควำมย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้ำ เขำ จะพอใจย�ำเกรงองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ จะไม่พพิ ำกษำตำมทีต่ ำเห็น จะไม่ตดั สินตำมทีห่ ไู ด้ยนิ แต่จะพิพำกษำคนยำกจนด้วยควำมชอบธรรม จะตัดสินอย่ำงเทีย่ งธรรมเพือ่ ผูถ้ กู ข่มเหง ในแผ่นดิน ค�ำพูดของเขำจะเป็นเหมือนไม้เรียวที่เฆี่ยนตีผู้คนบนแผ่นดิน ลมปำกของ เขำจะประหำรชีวิตคนอธรรม ควำมชอบธรรมจะเป็นดังผ้ำคำดสะเอว ควำมซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคำด บั้นเอวของเขำ สุนัขป่ำจะอยู่กับลูกแกะ เสือดำวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคและลูก สิงโตจะหำกินอยู่ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งก็ยังน�ำมันไปได้ แม่โคกับหมีจะหำกินด้วยกัน ลูก ของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟำงเหมือนโคเพศผู้ ทำรกที่ยังไม่หย่ำนมจะเล่น อยู่ที่ปำกรูงูเห่ำ เด็กที่หย่ำนมแล้วจะเอำมือวำงที่รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ใดท�ำร้ำยหรือ ท�ำลำย ทั่วภูเขำศักดิ์สิทธิ์ของเรำ เพรำะแผ่นดินจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้ำอย่ำงสมบูรณ์ ดั่งน�้ำปกคลุมทะเล วันนั้น รำกของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมำยส�ำหรับประชำชนทั้งหลำย จะเป็นที่ แสวงหำของนำนำชำติ และจะมีที่พ�ำนักอย่ำงรุ่งโรจน์
เพลงสดุดี
สดด 72:1,7-8,12-13,17
ก) ข้ำแต่พระเจ้ำ โปรดประทำนวิจำรณญำณของพระองค์แด่พระรำชำ และประทำนควำมเที่ยงธรรมของพระองค์แก่พระโอรสของพระรำชำด้วย ข) ในรัชสมัยของพระรำชำ ขอให้ควำมชอบธรรมเจริญงอกงำม และมีควำมเจริญรุ่งเรืองอย่ำงยิ่งตรำบสิ้นแสงจันทร์ ขอให้พระอำณำจักรแผ่ขยำยจำกทะเลจรดทะเล จำกแม่น�้ำจนสุดปลำยแผ่นดิน ค) ขอพระรำชำทรงปลดปล่อยผู้ขัดสนที่ร้องหำพระองค์ และทรงช่วยคนยำกจนที่ไม่มีผู้ช่วยให้รอดพ้น ขอทรงสงสำรผู้อ่อนแอและผู้ขัดสน ทรงช่วยผู้ขำดแคลนให้รอดจำกควำมตำย ง) ขอพระนำมของพระรำชำคงอยู่ตลอดไป ขอพระนำมพระองค์คงอยู่ตรำบสิ้นแสงตะวัน ขอให้ชนทุกเผ่ำพันธุ์ในโลกนี้ได้รับพรเดชะพระองค์ และนำนำชำติประกำศว่ำพระรำชำทรงเกษมสุข
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 15:4-9
พี่น้อง สิ่งที่เขียนไว้ก่อนนั้นก็เขียนไว้ส�ำหรับสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังอาศัยความอดทน พากเพียรและการปลอบใจที่มาจากพระคัมภีร์ ขอให้พระเจ้าผู้ประทานความพากเพียรและการปลอบ ใจ โปรดให้ท่านเป็นน�้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู เพื่อท่านจะได้พร้อมใจกันและ เปล่งวาจาเป็นเสียงเดียวกัน ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็น เจ้าของเรา ดังนัน้ ท่านจงยอมรับกันและกัน เช่นเดียวกับทีพ่ ระคริสตเจ้าทรงยอมรับท่านเพือ่ พระสิรริ งุ่ โรจน์ของ พระเจ้า ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงยอมเป็นผู้รับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพราะทรงเห็นแก่ความ สัตย์จริงของพระเจ้า เพื่อยืนยันพระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษ ส่วนคนต่างชาตินั้นถวายเกียรติ แด่พระเจ้าเพราะพระเมตตาของพระองค์ ดังทีม่ เี ขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ เพราะเหตุนขี้ า้ พเจ้าจะสรรเสริญ พระองค์ท่ามกลางนานาชาติ ร่วมขับร้องสดุดีพระนามพระองค์
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว
มธ 3:1-12
ในครั้งนั้น ยอห์นผู้ท�ำพิธีล้างมาประกาศสอนในถิ่นทุรกันดารแห่งยูเดีย ยอห์นกล่าวว่า “จงกลับใจ เถิด อาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” ยอห์นผู้นี้คือผู้ที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวถึงว่า คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงท�ำทางเดินของ พระองค์ให้ตรงเถิด” ยอห์นนุ่งห่มด้วยผ้าขนอูฐ มีสายหนังรัดเอว กินตั๊กแตนและน�้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร ประชาชนจากกรุง เยรูซาเล็ม จากทั่วแคว้นยูเดีย และจากทั่วเขตแม่น�้ำจอร์แดนพากันไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น�้ำ จอร์แดนโดยสารภาพบาปของตน เมือ่ ยอห์นเห็นชาวฟาริสแี ละสะดูสหี ลายคนมารับพิธลี า้ ง จึงกล่าวว่า “เจ้าสัญชาติงรู า้ ย ผูใ้ ดแนะน�ำ เจ้าให้หนีการลงโทษทีก่ ำ� ลังจะมาถึง จงประพฤติตนให้สมกับทีไ่ ด้กลับใจแล้วเถิด อย่าอวดอ้างเองว่า “เรา มีอับราฮัมเป็นบิดา” ข้าพเจ้าบอกท่านทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นลูกของ อับราฮัมได้ บัดนี้ขวานก�ำลังจ่ออยู่ที่รากของต้นไม้แล้ว ต้นไม้ต้นใดที่ไม่เกิดผลดีจะถูกโค่นและโยนใส่ไฟ ข้าพเจ้าใช้น�้ำท�ำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย เพื่อให้กลับใจ แต่ผู้ที่จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอ�ำนาจยิ่งกว่า ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะถือรองเท้าของเขา เขาจะท�ำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและ ไฟ เขาก�ำลังถือพลั่วอยู่แล้ว จะช�ำระลานนวดข้าวให้สะอาด จะรวบรวมข้าวใส่ยุ้ง ส่วนฟางนั้นเขาจะเผา ทิ้งในไฟที่ไม่รู้ดับ” ให้เราพิจารณาถึงเรือ่ งความเชือ่ กับวันเวลา พระคัมภีรบ์ นั ทึกเรือ่ งแผนการไถ่บาปทีม่ าจากพระเจ้า แต่มันกินเวลายาวนานเกินกว่าอายุของผู้บันทึกหลายเท่านัก ชีวิตหนึ่งผ่านพ้นไปแล้ว และอีกหลายชีวิตก็ผ่านพ้น ตามกันไป นับเป็นหลายๆ สิบศตวรรษ แต่...สังเกตหรือไม่ว่า แม้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่พระสัญญาที่เราต้องรับ ด้วยความเชื่อของเราเท่านั้น กลับยังคงอยู่ที่นั่นอย่างเด่นชัด ไม่คลอนแคลน แผนการของพระช่างต่อเนื่องไม่เคย ขาด และเป็นเอกภาพอยู่เสมอ เชื่อได้ตลอดมา เราจึงสามารถสืบย้อนได้ว่า ในโลกนี้ใครเป็นใครในชีวิตของเรากัน แน่? “จงกลับใจเถิด พระอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว”
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 85:8-9,10-11, 12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ
บทอ่านที่ 1
อสย 35:1-10
พระวรสาร
ลก 5:17-26
ถิ่นทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุ่งเวิ้งว้างจงเปรมปรีดิ์และผลิดอก เหมือนต้นดอกดิน สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความ ยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคารเมลและ ที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเห็นความยิ่งใหญ่ ของพระเจ้าของเรา จงท�ำให้มอื ทีอ่ อ่ นแอแข็งแรงขึน้ จงท�ำให้หวั เข่าทีซ่ วนเซมีความมัน่ คง จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่านทั้ง หลายจะเสด็จมาเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้ อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะน�ำ้ จะพุง่ ขึน้ มาในถิน่ ทุรกันดาร และล�ำธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง พื้นดินแห้งผากจะกลายเป็นสระน�้ำ และดินที่ถูกแดด เผาจะกลายเป็นพุน�้ำ รังที่อาศัยของหมาในจะกลายเป็นพงอ้อและป่าต้นกก ที่นั่นจะ มีทางหลวงซึ่งจะเรียกว่า “มรรคาศักดิ์สิทธิ์” ผู้มีมลทินจะไม่เดินตามทางนี้ และคนโง่ เขลาจะไม่หลงทางที่นั่น... แต่ผู้ที่ได้รับความรอดพ้นจะเดินที่นั่น...
วันหนึง่ ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าก�ำลังทรงสัง่ สอน บรรดาชาวฟาริสแี ละนักกฎหมายซึง่ มา จากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลีและจากกรุงเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้า ประทานพระอานุภาพให้พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคได้ ขณะนั้น มีผู้หามคนอัมพาตนอน บนแคร่เข้ามา พยายามหาช่องน�ำคนอัมพาตมาวางไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่เมื่อหาช่อง น�ำคนอัมพาตเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนหลังคา แล้วหย่อนคนอัมพาต นั้นพร้อมทั้งที่นอนลงมาตามช่องกระเบื้องตรงกลางห้องเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขาเหล่านั้น จึงตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่า “คนนี้เป็นใครกัน จึงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้ นอกจาก พระเจ้าเท่านั้น” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจท�ำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ ท่านรู้ว่าบุตรแห่งมนุษย์มีอ�ำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า ‘เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่กลับไปบ้านเถิด’” ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง แบกแคร่ที่ตนนอนอยู่ กลับไปบ้านพลาง สรรเสริญพระเจ้า ทุกคนต่างประหลาดใจถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและมีความกลัวมาก พูดกันว่า “วันนี้ เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง” ค�ำสัญญาของพระเจ้าทุกค�ำจะเป็นจริง อุปสรรคอันเดียวที่ท�ำให้ผู้คนไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง ก็คือการที่ ความเป็นมนุษย์ต้องอาศัยอยู่ในช่วงเวลายุคสมัยอยู่เสมอ เขาจึงไม่เห็นผลตามพระสัญญา เพราะเขาต้องตายไปก่อน เวลานั้นจะมาถึง แต่อย่างไรก็ตาม ค�ำสัญญาของพระเจ้าจะเป็นจริงอย่างแน่นอน แม้กระทั่งวันนี้ วันที่ค�ำสัญญายัง ไม่เป็นจริงในช่วงอายุของเขา ทั้งนี้เพราะเขาสามารถเข้าใจได้แล้วว่า ความยินดีนิรันดรนั้น เขาสามารถหาพบและ ครอบครองได้จริงในทุกอย่างที่เขาทนทุกข์เพื่อพระสิริมงคลของพระเจ้า เขาเอาชนะวันเวลาด้วยสิ่งเดียวกันกับที่พระ เยซูคริสตเจ้าใช้บนไม้กางเขน
บทอ่านที่ 1
อสย 40:1-11
พระวรสาร
มธ 18:12-14
พระเจ้าของท่านทัง้ หลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนัน้ ว่า เวลาการเป็นทาสสิน้ สุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็น เจ้าเป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทั้งหมดของตน” เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงเปิดทาง ตรงในทุง่ เวิง้ ว้างส�ำหรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขาและ น.นิโคลัส เนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ขรุขระจะราบเสมอกัน ที่สูงๆ ต�่ำๆ จะราบเรียบ แล้วองค์พระ พระสังฆราช ผู้เป็นเจ้าจะทรงส�ำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะ สดด 96:1-3,10-12,13 พระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้” ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เสียงหนึง่ กล่าวว่า “จงร้องซิ” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าจะต้องร้องว่าอย่างไร” เสียง นั้นกล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนต้นหญ้า ความรุ่งเรืองทั้งหมดของเขาเป็นเหมือน ดอกไม้ในทุง่ เมือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงบันดาลให้ลมพัดผ่าน หญ้าก็จะเหีย่ วแห้ง ดอกไม้กจ็ ะร่วงโรย แน่ทเี ดียว ประชากรเป็นเสมือนต้นหญ้า หญ้าเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ร่วงโรย แต่พระวาจาของพระเจ้าของเราคงอยู่ตลอดไป” “ท่านผู้น�ำข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้น�ำข่าวดีมาให้กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้อง ตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศแก่เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้า ของท่านทรงอยู่ที่นี่’ ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอ�ำนาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินน�ำหน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูงแกะของ พระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกรทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงน�ำแม่แกะ อย่างทะนุถนอม” เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่ายินดี ในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียว ต้องพินาศไป” ค�ำของบรรดาประกาศกเมื่อกล่าวท�ำนายถึงการเสด็จมาของพระผู้ไถ่ ตามที่พระเจ้าได้สัญญาจะให้ มานั้น ล้วนแล้วแต่เล่าถึงชัยชนะและการเข้าปกครองของพระเป็นเจ้า หมายถึงการเป็นจ้าวเหนือสรรพสิ่ง การเป็น ผู้ปกครองจักรวาลในวาระสุดท้ายแห่งกาลเวลา นั่นคือ พระเป็นเจ้า ความรู้สึกถึงเรื่องแบบนี้ชักน�ำให้เรารู้สึกถึงภาพ ความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทรงสรรพานุภาพไม่มีขอบเขต...แม้จะเป็นความจริงตามความเชื่อของเราเพียงใดในแง่นี้ แต่ พระคัมภีรก์ ย็ งั เตือนใจเราอยูว่ า่ พระเป็นเจ้าทีท่ รงเป็นถึงขนาดนีแ้ ล้วนัน้ แต่กเ็ ป็นพระผูเ้ อาพระทัยใส่ สนใจใยดี แม้แต่ กับผู้ที่เป็นเพียงหน่วยเล็กหน่วยน้อยในสังคม พระเจ้าองค์นี้ไม่มีวันลืมใครเลย!
บทอ่านที่ 1
อสย 40:25-31
พระวรสาร
มธ 11:28-30
พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสว่ำ “ท่ำนจะเปรียบเรำกับผู้ใด ใครเล่ำเท่ำเทียมเรำ” จงแหงน หน้ำขึ้นดูว่ำผู้ใดเนรมิตสร้ำงดวงดำวเหล่ำนี้ พระองค์ผู้ทรงอำนุภำพและทรงพลังเข้ม แข็ง ทรงน�ำดวงดำวทั้งหมดออกมำตำมจ�ำนวน ทรงเรียกชื่อดำวทุกดวง ซึ่งไม่ขำดไป แม้แต่ดวงเดียว ยำโคบเอ๋ย ท�ำไมท่ำนจึงพูดว่ำ อิสรำเอลเอ๋ย ท�ำไมท่ำนจึงย�้ำว่ำ “ทำง เดินของข้ำพเจ้ำถูกซ่อนไว้จำกองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ สิทธิของข้ำพเจ้ำถูกพระเจ้ำของข้ำพเจ้ำ ระลึกถึง มองข้ำมไป” น.อัมโบรส ท่ำนไม่รู้หรือ ท่ำนไม่เคยได้ยินหรือ องค์พระผู้เป็นเจ้ำเป็นพระเจ้ำนิรันดร เป็น พระสังฆราช นักปราชญ์ พระผูเ้ นรมิตสร้ำงแผ่นดินจนถึงปลำยสุด พระองค์มไิ ด้ทรงอ่อนเปลีย้ หรือเหน็ดเหนือ่ ย สดด 103:1-2,3-4,8-10 พระด�ำริของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ พระองค์ประทำนก�ำลังแก่ผู้อ่อนเปลี้ย ทรง เพิ่มเรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีก�ำลัง แม้คนหนุ่มจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย แม้ชำยฉกรรจ์ ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2 จะสะดุดและล้มลง แต่ผู้มีควำมหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้ำจะได้รับพลังใหม่ เขำจะกำง ปีกบินขึ้นเหมือนนกอินทรี เขำจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขำจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสว่ำ “ท่ำนทั้งหลำยที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภำระหนัก จงมำพบเรำเถิด เรำจะให้ท่ำน ได้พักผ่อน จงรับแอกของเรำแบกไว้ และมำเป็นศิษย์ของเรำ เพรำะเรำมีใจสุภำพอ่อน โยนและถ่อมตน จิตใจของท่ำนจะได้รับกำรพักผ่อน เพรำะว่ำแอกของเรำอ่อนนุ่มและ ภำระที่เรำให้ท่ำนแบกก็เบำ” วิถขี องพระเจ้า เป็นวิถที ที่ รงพระพลานุภาพยิง่ นัก ฤทธิเ์ ดชของพระองค์ชา่ งน่า พิศวงอยู่เสมอทุกยุคทุกสมัย สรรพานุภาพของพระองค์ท�าทุกอย่างให้เป็นไปได้เสมอแม้จะเห็น ว่าเป็นไปไม่ได้ พระองค์ทรงเป็นผู้ควบคุมความเป็นไปในโลกขณะที่ให้อิสระเสรีภาพแก่มนุษย์ พระองค์ทรงนิ่มนวลและสุภาพอ่อนโยน....ท่านจงวางใจในพระองค์เถิดนะ จงสวดภาวนาถึง พระองค์สม�่าเสมอ และท่านจงรอคอยพระองค์ด้วยความหวังอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านเถิด...กรุณา รอสักครู่
บทอ่านที่ 1
ปฐก 3:9-15,20
หลังจากที่อาดัมได้กินผลไม้จากต้นไม้นั้นแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเรียก มนุษย์... ตรัสกับหญิงว่า “ท่านท�ำอะไรไป” หญิงทูลตอบว่า “งูหลอกลวงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าจึงตรัสกับงูว่า “เพราะเจ้าท�ำเช่นนี้ เจ้าจงถูกสาปแช่ง... เราจะท�ำให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรู กันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา”...
บทอ่านที่ 2
อฟ 1:3-6,11-12
ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์ เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตัง้ แต่กอ่ นการเนรมิต สร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความ รัก...
พระวรสาร
สมโภช พระนางมารีย์ ผู้ปฏิสนธินิรมล สดด 98:1-3
ลก 1:26-38
เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้น กาลิลชี อื่ เมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยูก่ บั ชายชือ่ โยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริยด์ าวิด หญิงพรหมจารีผนู้ นั้ ชือ่ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผูท้ พี่ ระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยค�ำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก... แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์ และให้กำ� เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่าเยซู เขาจะเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่และพระเจ้าผูส้ งู สุดจะทรงเรียกเขา เป็นบุตรของพระองค์...” พระนางมารียจ์ งึ ทรงถามทูตสวรรค์วา่ “เหตุการณ์นจี้ ะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้า ตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้ สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดู ซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระท�ำไม่ได้” พระนางมารียจ์ งึ ตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผูร้ บั ใช้ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของ ท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป ความรอดทัง้ มวลทีเ่ ป็นมากับมนุษยชาตินนั้ เป็นแผนการจากพระเป็นเจ้าทีไ่ ด้ทรงวางไว้ พระนางมารีย์ เป็นเอวาคนใหม่ ผูซ้ งึ่ ถูกวางไว้ให้เป็นมารดาของมนุษยชาติ พระเยซูผเู้ ป็นพระบุตรของพระเจ้า มารับเอาเนือ้ หนังเกิด เป็นมนุษย์นั้น เป็นอาดัมคนใหม่ ที่ถูกวางไว้ให้แก้ไขความผิดของมนุษยชาติด้วยการนอบน้อมเชื่อฟังพระเป็นเจ้าแทน การไม่เชื่อฟังของอาดัมและเอวาคนเก่า มนุษยชาติไม่มีความดีหรือความชอบธรรมใดเลยที่พอจะได้สิ่งนี้มาด้วยตัวเอง แต่พระเจ้าทรงให้ดว้ ยความรักและเมตตาต่อมนุษย์ลว้ นๆ เราจึงควรด�ำเนินชีวติ ด้วยท่าทีเดียวกับค�ำกล่าวของแม่พระว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” การล่มสลายทุกอย่างในใจ มนุษย์มกั มาจากความประมาท ความจองหอง ความเพลิดเพลิน และการวางใจในสิง่ ต่างๆ มากกว่าวางใจในพระเป็นเจ้า
น.ฮวน ดิเอโก สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1
อสย 48:17-19
พระวรสาร
มธ 11:16-19
องค์พระผู้เป็นเจ้ำ พระผู้กอบกู้ของท่ำน พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสรำเอลตรัสดังนี้ว่ำ “เรำคือองค์พระผู้เป็นเจ้ำพระเจ้ำของท่ำน เรำสั่งสอนท่ำนเพื่อประโยชน์ของท่ำน น�ำ ท่ำนไปในทำงที่ท่ำนต้องเดิน ถ้ำท่ำนตั้งใจฟังบทบัญญัติของเรำ ควำมเจริญรุ่งเรืองของ ท่ำนคงจะเป็นเหมือนแม่น�้ำ ควำมชอบธรรมของท่ำนคงจะเป็นเหมือนคลื่นทะเล ลูก หลำนของท่ำนจะมีจ�ำนวนมำกเหมือนทรำย เชื้อสำยของท่ำนจะเป็นเหมือนเม็ดทรำย ชื่อของเขำจะไม่ถูกตัด และไม่ถูกลบออกไปต่อหน้ำเรำเลย” เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสว่ำ “เรำจะเปรียบคนยุคนี้กับสิ่งใด เขำเป็นเสมือนเด็กๆ ที่นั่งตำมลำนสำธำรณะ ร้อง บอกเพื่อนๆ ว่ำ พวกเรำเป่ำขลุ่ย พวกเจ้ำก็ไม่เต้นร�ำ พวกเรำร้องเพลงโศกเศร้ำ พวกเจ้ำก็ไม่ร�่ำไห้ ยอห์นมำ ไม่กิน ไม่ดื่ม เขำก็ว่ำ ‘คนนี้มีปีศำจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์มำ กินและดื่ม เขำก็ว่ำ ‘ดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภำษีและคนบำป’ แต่พระปรีชำญำณ ของพระเจ้ำผ่ำนกำรพิสูจน์แล้วว่ำถูกต้องโดยกิจกำร” ชีวิตของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งชายหญิงในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร และของโลก ล้วนเป็นสิ่งที่ใช้พิสูจน์ผลแห่งพระวาจาของพระเจ้าได้อย่างเด่นชัด ท�าไมเราไม่ ลองเรียนรู้และกระท�าเช่นเดียวกันดูบ้าง ใช่ เขาเหล่านั้นบางคนต้องยอมเสียชีวิต เมื่อเราเห็น เราจึงกลัวใช่ไหม? แล้วชีวิตที่เราถนอมเอาไว้นั้นจะใช้ท�าอะไรต่อไปหรือ? เขาเหล่านั้นคงคิด แล้วว่า จะคงมีชีวิตอยู่ต่อไปท�าไม ในเมื่ออยู่ต่อไปก็มิได้มีประโยชน์ในสถานการณ์นั้นๆ เท่ากับ การยืนยันคุณค่าที่เขาถือมาโดยตลอดจนถึง ณ จุดเวลาที่ก�าลังท้าทายเขาอยู่นั้น แล้วเขาก็ตอบ รับพระเจ้ามากกว่าจะยอมให้ปศี าจเยาะเย้ยเขา ไม่มรี างวัลจากโลกให้เขาในเวลานัน้ แม้แต่นอ้ ย จึงเห็นชัดว่าเขาหวังรางวัลจากภพอืน่ อย่างเป็นจริงเป็นจังส�าหรับเขา จนยอมมอบชีวติ เพือ่ การ ท้าทายนั้น “ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัด และไม่ถูกลบออกไปต่อหน้าเราเลย”
บทอ่านที่ 1
บสร 48:1-4,9-11
ต่อจำกนั้นก็มีเรื่องรำวของประกำศกเอลียำห์ซึ่งเป็นเหมือนไฟ วำจำของเขำเผำ ผลำญเหมือนคบไฟ เขำท�ำให้เกิดขำดแคลนอำหำรในหมู่ประชำกร ควำมกระตือรือร้น ของเขำท�ำให้ประชำกรลดจ�ำนวนลง เขำปิดท้องฟ้ำตำมพระบัญชำขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ ท�ำให้ไฟลงมำจำกท้องฟ้ำถึงสำมครัง้ ข้ำแต่เอลียำห์ ท่ำนช่ำงมีชอื่ เสียงรุง่ เรืองเพรำะกำร อัศจรรย์ที่ได้ท�ำ ใครบ้ำงจะอวดตัวได้ว่ำตนเท่ำเทียมกับท่ำน ท่ำนถูกยกขึ้นไปในพำยุหมุนที่เป็นไฟ บนรถเทียมม้ำเพลิง ท่ำนถูกก�ำหนดไว้ให้มำ ต�ำหนิประชำกรในอนำคต เพือ่ จะได้ระงับพระพิโรธก่อนทีจ่ ะลุกเป็นไฟ เพือ่ น�ำจิตใจของ บิดำมำคืนดีกับบุตร และแต่งตั้งบรรดำเผ่ำของยำโคบขึ้นใหม่ บรรดำผู้ที่เคยเห็นท่ำน ย่อมเป็นสุข เขำตำยในควำมรัก เพรำะเรำทัง้ หลำยจะได้มชี วี ติ อย่ำงแน่นอนเช่นเดียวกัน
พระวรสาร
มธ 17:10-13
เวลำนั้น บรรดำศิษย์ทูลถำมพระเยซูเจ้ำว่ำ “เหตุใดบรรดำธรรมำจำรย์จึงกล่ำวว่ำ เอลียำห์ต้องมำก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่ำ “ใช่แล้ว เอลียำห์จะมำและจะจัดทุกสิ่งให้ อยู่ในสภำพเดิม เรำบอกท่ำนทั้งหลำยว่ำ เอลียำห์ได้มำแล้ว แต่ประชำชนไม่รู้จักและ ท�ำต่อเขำตำมใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับกำรทรมำนจำกประชำชนเช่นเดียวกัน” บรรดำศิษย์จึงเข้ำใจว่ำ พระองค์ตรัสถึงยอห์นผู้ท�ำพิธีล้ำง ตัวบุคคล แม้จะอยู่ห่างไกลกันด้วยยุคสมัย แต่บุคลิกภาพและพรสวรรค์ช่าง คล้ายคลึงและน่าทึ่งเป็นที่สุด พระเจ้าส่งพวกเขามาเกิดเป็นมนุษย์ ณ เวลาสมัยที่แตกต่างกัน บางครัง้ ก็รว่ มสมัยกัน เพือ่ มาส่งเสริมเป็นพันธมิตรต่อกัน บางครัง้ ก็เพือ่ มาเป็นพลังทีค่ านอ�านาจ กันอย่างน่าทึ่ง เอลียาห์กับยอห์นบัปติสต์ ปีลาตกับพระเยซู แม่พระกับเอลีซาเบ็ธ ซาอูลกับ ดาวิด นาโอมีกับนางรูธ กองสอดแนมกับนางราหับ...ขอสรรเสริญพระปรีชาญาณของพระเจ้า
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 80:1-2ก,14-15, 17-18 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2 วันรัฐธรรมนูญ
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
อสย 35:1-6ก,10
ถิ่นทุรกันดำรและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุ่งเวิ้งว้ำงจงเปรมปรีดิ์และผลิดอก เหมือนต้นดอกดิน สถำนที่นี้จงผลิดอกอย่ำงอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยควำม ยินดี เพรำะได้รบั สิรริ งุ่ โรจน์แห่งเลบำนอน ได้รบั ควำมรุง่ เรืองแห่งภูเขำคำรเมลและทีร่ ำบ ชำโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ำ และเห็นควำมยิ่งใหญ่ของ พระเจ้ำของเรำ จงท�ำให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงท�ำให้หัวเข่ำที่ซวนเซมีควำมมั่นคง จงกล่ำวกับคนที่ท้อแท้ว่ำ “จงมำนะเถิด อย่ำกลัวเลย” ดูซิ พระเจ้ำของท่ำนทั้งหลำยจะ เสด็จมำเพือ่ ช่วยท่ำนให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่ำนอย่ำงสำสม แล้วนัยน์ตำ ของคนตำบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่ำงกวำง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยควำมยินดี ผูท้ อี่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมำยังศิโยน พลำงโห่รอ้ งด้วยควำมชืน่ ชม ควำมยินดีจะอยู่บนศีรษะของเขำตลอดไป ควำมชื่นบำนและควำมยินดีจะติดตำมเขำ ควำมโศกเศร้ำและกำรถอนใจจะหนีไปจำกเขำ
เพลงสดุดี
สดด 146:7,8-9ก,9ข-10
ก) ประทำนควำมยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่ ประทำนอำหำรแก่ผู้หิวโหย องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงปล่อยบรรดำผู้ถูกจองจ�ำให้เป็นอิสระ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้ำประทำนสำยตำแก่คนตำบอด องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงพยุงผู้ที่ล้มให้ลุกขึ้น องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงรักผู้ชอบธรรม องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงพิทักษ์คนต่ำงถิ่นที่มำอำศัยอยู่ ค) ทรงค�้ำจุนเด็กก�ำพร้ำและหญิงม่ำย แต่ทรงขัดขวำงหนทำงของคนชั่วร้ำย องค์พระผู้เป็นเจ้ำจะทรงครองรำชย์ตลอดไป ศิโยนเอ๋ย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้ำของท่ำน
บทอ่านจากจดหมายนักบุญยากอบอัครสาวก
ยก 5:7-10
พี่น้องทั้งหลำย จงพำกเพียรรอจนกว่ำองค์พระผู้เป็นเจ้ำจะเสด็จมำ จงดูชำวนำ เถิด เขำย่อมรอผลมีค่ำจำกแผ่นดินด้วยควำมพำกเพียร รอจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและ ฝนปลำยฤดู ท่ำนก็เช่นเดียวกัน จงมีควำมพำกเพียร ท�ำจิตใจให้เข้มแข็งเพรำะองค์พระ ผู้เป็นเจ้ำใกล้จะเสด็จมำแล้ว พี่น้องทั้งหลำย อย่ำบ่นว่ำกัน เพื่อจะได้ไม่ถูกพิพำกษำ พระผู้พิพำกษำทรงยืนอยู่หน้ำประตูแล้ว พี่น้องทั้งหลำย จงยึดบรรดำประกำศกซึ่งพูด ในพระนำมขององค์พระผู้เป็นเจ้ำมำเป็นแบบฉบับในควำมพำกเพียรอดทนต่อควำม ยำกล�ำบำก
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 11:2-11
ขณะที่ยอห์นถูกจองจ�ำอยู่ในคุก เขำได้ยินข่ำว กิจกำรของพระเยซูเจ้ำ จึงใช้ศิษย์ไปทูลถำมพระองค์ว่ำ “ท่ำนคือผู้ที่จะต้องมำหรือเรำจะต้องรอคอยใครอีก” พระเยซูเจ้ำตรัสตอบว่ำ “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่ำน ได้ยินและได้เห็น คนตำบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดิน ได้ คนโรคเรื้อนหำยจำกโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตำย กลับคืนชีพ คนยำกจนได้รับกำรประกำศข่ำวดี ผู้ท่ีไม่ แคลงใจในเรำย่อมเป็นสุข” ขณะทีค่ นเหล่ำนัน้ ก�ำลังจะจำกไป พระเยซูเจ้ำตรัส กับประชำชนเกี่ยวกับยอห์นว่ำ “ท่ำนทั้งหลำยไปดูอะไรในถิ่นทุรกันดำร ไปดูต้น อ้อไหวไปมำตำมสำยลมหรือ มิใช่เช่นนั้น แล้วท่ำนไปดูอะไรเล่ำ ดูคนสวมเสื้อผ้ำสวยงำมหรือ คนที่สวม เสื้อผ้ำสวยงำมอยู่ในพระรำชวัง ถ้ำเช่นนั้นท่ำนไปดูอะไร ไปดูประกำศกหรือ ถูกแล้ว เรำบอกท่ำน และ เหนือกว่ำประกำศกเสียอีก ผู้นี้เองที่พระคัมภีร์กล่ำวถึงว่ำ เรำส่งทูตของเรำน�ำหน้ำท่ำน เพื่อเตรียมทำงไว้ส�ำหรับท่ำน เรำบอกควำมจริงแก่ท่ำนทั้งหลำยว่ำ ในหมู่ผู้ที่เกิดจำกหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ำยอห์นผู้ท�ำพิธีล้ำง ถึงกระนั้น ผู้ต�่ำต้อยที่สุดในอำณำจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ำยอห์น” ท่านทัง้ หลายจงรอคอยด้วยความเพียรทนเถิด พระเป็นเจ้าทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ตอ่ ท่านอย่างแน่นอน ในการรอคอยท่านอาจจะเจอกับการประจญให้สิ้นหวัง และเลิกรอคอยไป เราจึงเตือนท่านทั้ง หลายให้มั่นคงไม่หวั่นไหว แม้เวลาจะผ่านไป แต่พระเจ้าจะไม่มีวันลืมหรือกลับค�าตามที่ทรงสัญญาไว้ พระองค์จะ ทรงกระท�าตามนัน้ อย่างราบเรียบ ท่านจึงต้องสังเกตด้วยความเชือ่ อยูเ่ สมอ พระองค์ไม่ทรงกระท�าตามแบบฮือฮา ของมนุษย์ดอกนะ ท่านต้องหาดูให้ถกู ทีถ่ กู ทางตามแบบของพระเจ้า มิใช่แบบมนุษย์ แล้วท่านจึงจะเห็นความเป็น ไปที่เดินอยู่ท่ามกลางเวลาที่ท่านต้องรอคอยนั้น
พระนางมารีย์ พรหมจารี แห่งกวาดาลูเป สดด 25:4-6,7-9,10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1
กดว 24:2-7,15-17
พระวรสาร
มธ 21:23-27
ในครัง้ นัน้ บาลาอัมเงยหน้าขึน้ เห็นอิสราเอลตัง้ ค่ายอยูต่ ามเผ่าของตน พระจิตของ พระเจ้าเสด็จมาเหนือเขา เขาจึงกล่าวค�ำท�ำนายเป็นบทประพันธ์ดังนี้ “ค�ำท�ำนายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ ค�ำท�ำนายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล ค�ำ ท�ำนายของผู้ได้ฟังพระวาจาพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อเขาเข้า ฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ยาโคบเอ๋ย กระโจมของท่านช่างงามจริง อิสราเอลเอ๋ย ทีอ่ าศัยของท่านช่างงดงาม เหมือนล�ำธารที่แยกออกเป็นหลายสาย เหมือนสวนที่อยู่ริมฝั่งแม่น�้ำ เหมือนต้นหาง จระเข้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูก เหมือนต้นสนสีดาร์ที่อยู่ริมน�้ำ น�้ำจะไหลออกจาก ถังของเขา และพืชพันธุ์ของเขาจะมีน�้ำอุดมสมบูรณ์ กษัตริย์ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่า อากัก อาณาจักรของเขาจะเป็นที่ยกย่อง” เขาจึงกล่าวค�ำท�ำนายเป็นบทประพันธ์ดงั นี้ “ค�ำท�ำนายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ ค�ำท�ำนายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล ค�ำท�ำนายของผู้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้รับความรู้ จากพระผูส้ งู สุด ผูเ้ ห็นนิมติ ของพระผูท้ รงสรรพานุภาพ เมือ่ เขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิด ออก ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่บัดนี้ ข้าพเจ้ามองดูเขา แต่ไม่ใช่จากใกล้ๆ ดาวดวงหนึ่ง ก�ำลังขึ้นมาจากยาโคบ คทาอันหนึ่งก�ำลังขึ้นมาจากอิสราเอล จะทุบหน้าผากของโมอับ และทุบกะโหลกศีรษะบุตรทุกคนของเสท” เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น บรรดาหัวหน้าสมณะและผูอ้ าวุโสของประชาชนเข้ามาพบพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่าน มีอ�ำนาจใดจึงท�ำเช่นนี้ ใครมอบอ�ำนาจนี้ให้ท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราขอถามท่านอย่างหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าท่านตอบ เราก็จะบอกท่านว่าเราท�ำเช่นนี้ด้วยอ�ำนาจใด พิธีล้างของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์ หรือจากมนุษย์” บรรดาสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนจึงปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบ ว่ามาจากสวรรค์ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วท�ำไมท่านจึงไม่เชือ่ ยอห์นเล่า’ ถ้าเราตอบว่ามาจาก มนุษย์ เราก็เกรงกลัวประชาชน เพราะทุกคนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก” เขาจึงทูลตอบพระเยซูเจ้าว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็ไม่บอกท่านเช่น เดียวกันว่า เราท�ำการเหล่านี้โดยอ�ำนาจใด”
อะไรที่เป็นอยู่แค่ชั่วคราว ย่อมฉาบหน้าไว้แต่เรื่องชั่วคราวที่เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงตัวตนอันคับแคบ ของเขา เขาฉาบก็แปลว่ากั้นตัวเองเอาไว้จากสิ่งรอบข้าง เขาจะได้มีที่แอบซ่อน ปิดตัวเองจากความจริงรอบข้าง และ มีรังแต่พอตัวให้ฟูมฟักตัวเองได้โดยไม่มีใครเห็น และจะได้พร้อมตอบแก่คนที่ตั้งค�ำถามถึงเขาว่า “เราไม่รู้”!! แต่อะไร ที่เป็นอยู่อย่างมั่นคงยาวนาน ย่อมไม่รีบฉาบอะไรไว้เลย เพราะการฉาบเท่ากับเป็นการปิดกั้นเขาจากโลกรอบตัวที่เขา อยากเข้าไปร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย และยังปิดไม่ให้เขารับรู้ถึงความจริงที่เขาอยากจะรู้และอยากจะตอบ เพื่อการเสวนา ด้วยความรักที่ไม่ปิดกั้นต่อกัน
บทอ่านที่ 1
ศฟย 3:1-2,9-13
องค์พระผู้เป็นเจ้ำตรัสดังนี้ “วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่เป็นกบฏและมีมลทิน เมืองที่ กดขี่ข่มเหง เมืองนี้ไม่ยอมฟังเสียง ไม่ยอมรับค�ำสั่งสอน ไม่วำงใจในองค์พระผู้เป็นเจ้ำ ไม่มำใกล้พระเจ้ำของตน ใช่แล้ว เวลำนั้น เรำจะช�ำระปำกของชนหลำยชำติ ให้พ้นมลทิน เขำทุกคนจะได้ เรียกพระนำมองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ และรับใช้พระองค์เป็นน�ำ้ หนึง่ ใจเดียวกัน จำกฟำกโน้น ของแม่น�้ำเอธิโอเปีย ผู้นมัสกำรเรำจะน�ำของถวำยมำให้เรำ ในวันนั้น เจ้ำจะไม่ต้องอับอำย เพรำะกิจกำรที่เจ้ำเคยกบฏต่อเรำ เพรำะเวลำนั้น เรำจะท�ำให้ผู้โอ้อวดและหยิ่งผยองสูญหำยไปจำกเจ้ำ เจ้ำจะไม่หยิ่งผยองอีกต่อไป บน ภูเขำศักดิ์สิทธิ์ของเรำ เพรำะเรำจะเหลือเพียงประชำกรที่ถ่อมตนและต�่ำต้อยไว้ในเจ้ำ คนที่เหลืออยู่ในอิสรำเอล จะวำงใจในพระนำมองค์พระผู้เป็นเจ้ำ ผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ ของอิสรำเอลจะไม่ท�ำผิด จะไม่กล่ำวค�ำมุสำ จะไม่พบลิ้นที่ฉ้อโกงในปำกของเขำ เพรำะ เขำทั้งหลำยจะหำกินและพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดท�ำให้เขำต้องหวำดกลัว
พระวรสาร
มธ 21:28-32
เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับพวกมหำปุโรหิตและผู้อำวุโสของประชำชนว่ำ “ท่ำนทัง้ หลำยคิดเห็นอย่ำงไร ชำยคนหนึง่ มีบตุ รสองคน เขำไปพบบุตรคนแรกพูด ว่ำ ‘ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปท�ำงำนในสวนองุ่นเถิด’ บุตรตอบว่ำ ‘ลูกไม่อยำกไป’ แต่ต่อมำก็ เปลีย่ นใจและไปท�ำงำน พ่อจึงไปพบบุตรคนทีส่ อง พูดอย่ำงเดียวกัน บุตรคนทีส่ องตอบ ว่ำ ‘ครับพ่อ’ แต่แล้วก็ไม่ได้ไป สองคนนี้ใครท�ำตำมใจพ่อ” พวกเขำตอบว่ำ “คนแรก” พระเยซูเจ้ำจึงตรัสว่ำ “เรำบอกควำมจริงแก่ท่ำนทั้งหลำยว่ำ คนเก็บภำษีและหญิง โสเภณีจะเข้ำสู่พระอำณำจักรของพระเจ้ำก่อนท่ำน เพรำะยอห์นได้มำพบท่ำน ชี้หนทำง แห่งควำมชอบธรรม ท่ำนก็ไม่เชื่อยอห์น ส่วนคนเก็บภำษีและหญิงโสเภณีเชื่อ แต่ท่ำน ทั้งหลำยเห็นดังนี้แล้ว ก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจมำเชื่อยอห์น”
ผู้คนที่อยู่เสียห่างไกลกลับได้รับพระพรไปแทน! อย่างนี้มีสุภาษิตมากมาย อธิบายไว้แล้ว เช่น ใกล้เกลือกินด่าง สุนัขในรางหญ้า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ล้วนแสดงให้เห็น ถึงความโง่เขลาของคนทีเ่ ป็นไปตามสุภาษิตเหล่านี ้ พวกเขาบูชาตัวเองยิง่ วันยิง่ โงหัวไม่ขนึ้ เขา พากันสบายตัว เพลิดเพลินเจริญใจ หลงใหลอยู่ในโซนที่สะดวกสบายที่ตัวเองเริ่มเคยชิน ก็เลย ปฏิเสธและเป็นปฏิปกั ษ์กบั ทุกประเด็นทีจ่ ะมารุกล�า้ ความสบายตัวนี ้ อันนีแ้ หละ ท�าให้พระมหาไถ่ ต้องมาเกิดในเพิงเลี้ยงสัตว์นอกเมือง และต่อมาก็ตรึงพระองค์บนไม้กางเขน ส่วนคนจากที่อื่น ไกลกลับเดินทางมาแสวงหาพระองค์ เอาของมีคา่ มาถวาย และคุกเข่าลงนมัสการ เรือ่ งเหล่านี้ คงเตือนจิตใจของเราได้มากในระหว่างเทศกาลเตรียมต้อนรับการเสด็จมาของพระมหาไถ่ และ เตือนใจได้ตลอดไป
ระลึกถึง น.ลูเซีย พรหมจารี และมรณสักขี
สดด 34:1-2,5-7, 17-18,22 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1
อสย 45:6ข-8,18,21ข-25
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก เราปั้น ความสว่างและสร้างความมืด เราน�ำความสุขและสร้างภัยพิบัติ เราคือองค์พระผู้เป็น เจ้า เราท�ำทุกสิ่งเหล่านี้ ท้องฟ้าเอ๋ย จงโปรยฝนลงมาจากเบื้องบน ขอให้ก้อนเมฆหลั่งความชอบธรรมลง มา แผ่นดินจงเปิดออก และจงผลิตผลเป็นความรอดพ้น ที่งอกขึ้นมาพร้อมกับความ ระลึกถึง ชอบธรรม เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราสร้างสิ่งเหล่านี้ น.ยอห์น แห่งไม้กางเขน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างท้องฟ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างแผ่นดิน นักปราชญ์แห่ง พระองค์ทรงปั้นแผ่นดินและท�ำให้มั่นคง พระองค์มิได้ทรงสร้างแผ่นดินไว้ให้ว่างเปล่า พระศาสนจักร แต่ทรงปั้นแผ่นดินไว้ให้มีคนอาศัย พระองค์ตรัสดังนี้ ‘เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มี สดด 85:8-9,10-11, พระเจ้าอืน่ ใดอีก นอกจากเรา ไม่มพี ระเจ้าอืน่ ใดเลย นอกจากเราแล้ว ไม่มพี ระเจ้าเทีย่ ง 12-13 ธรรมผู้ช่วยให้รอดพ้น มนุษย์ทั้งหลายจากสุดปลายแผ่นดิน จงหันมาหาเราเถิด ท่านจะ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ได้รับความรอดพ้น เพราะเราคือพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก เราปฏิญาณในนาม ของเรา ความเที่ยงธรรมออกมาจากปากของเรา เราจะไม่กลับค�ำเลย เรายืนยันว่า ‘เข่า ทุกเข่าจะย่อลงนมัสการเรา ลิ้นทุกลิ้นจะปฏิญาณความซื่อสัตย์ต่อเรา’ เขาทั้งหลายจะ พูดว่า ‘เราพบความชอบธรรมและพละก�ำลังในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเท่านัน้ บรรดาผูท้ โี่ กรธ เคืองพระองค์จะมาหาพระองค์ด้วยความอับอาย พงศ์พันธุ์ทั้งหลายแห่งอิสราเอลจะได้ รับความชอบธรรม และสิริรุ่งโรจน์จากองค์พระผู้เป็นเจ้า’”
พระวรสาร
ลก 7:19-23
เวลานั้น ยอห์นจึงเรียกศิษย์มาสองคน แล้วส่งไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทูลถามว่า “ท่านคือผู้ที่จะต้อง มา หรือเราจะต้องรอคอยผู้อื่นอีก” เมื่อคนทั้งสองมาพบพระองค์แล้วจึงกล่าวว่า “ยอห์นผู้ท�ำพิธีล้างส่งเรา มาถามท่านว่า ‘ท่านคือผู้ที่จะต้องมา หรือเราจะต้องรอคอยผู้อื่นอีก’” ขณะนั้น พระเยซูเจ้าก�ำลังทรงรักษา คนจ�ำนวนมากให้หายจากโรค จากความทุกข์ทรมานและจากจิตชั่วร้าย ทั้งทรงท�ำให้คนตาบอดหลายคนกลับ มองเห็นได้ พระองค์จึงตรัสตอบศิษย์ทั้งสองคนของยอห์นว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนจน ได้ฟังข่าวดี ผู้ที่ไม่เคลือบแคลงใจในเรา ย่อมเป็นสุข” พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงประกาศความเป็นพระองค์อย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยยิง่ นักผ่านทางประกาศก อิสยาห์ แต่มนุษย์มกั สงสัย ไม่เว้นแม้กระทัง่ ท่านยอห์นผูโ้ ปรดศีลล้าง แรงจูงใจทีท่ า่ นส่งศิษย์ไปถามพระเยซูวา่ พระองค์ คือผู้ที่จะต้องเสด็จมาหรือจะต้องรอใครอีกไหม คนเราเมื่อสงสัย ก็พาไปสู่ความกลัว เมื่อกลัวก็แสวงหาความมั่นคงมา รักษา การหาความมั่นคงส่งให้ต้องหาสิ่งที่สามารถยึดเหนี่ยวให้มั่นใจ ขอให้ทุกท่านอย่ายึดสิ่งที่ผิดเป็นอันขาด เพราะ เสียงโหวกเหวกและท่าทีชวนหลงใหลด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณภายนอกกับจ�ำนวนอาจท�ำให้เราพบแต่ความว่างเปล่า เรา จะพบพระเจ้าแท้ได้ก็แต่ในความเงียบและความเรียบง่าย เงียบและเรียบง่ายจนดูไม่น่าไว้ใจทีเดียวแหละ แต่พระเจ้า คืออย่างนั้นจริงๆ
บทอ่านที่ 1
อสย 54:1-10
พระวรสาร
ลก 7:24-30
กรุงเยรูซาเล็มซึง่ เป็นเสมือนหญิงหมันผูไ้ ม่เคยคลอดบุตรเอ๋ยจงโห่รอ้ งเถิด เจ้าผูไ้ ม่ เคยเจ็บครรภ์ จงโห่รอ้ งด้วยความยินดีเถิด เพราะบุตรของหญิงทีถ่ กู ทอดทิง้ จะมีจำ� นวน มากกว่าบุตรของหญิงที่ยังมีสามี องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส จงขยายสถานที่ให้กระโจมของ เจ้า จงขึงม่านของทีอ่ าศัยของเจ้าออกให้กว้าง อย่ารัง้ สิง่ ใดไว้ จงต่อเชือกให้ยาว จงท�ำให้ หลักกระโจมมั่นคงขึ้นเถิด เพราะเจ้าจะขยายออกไปทั้งทางขวาและทางซ้าย พงศ์พันธุ์ ของเจ้าจะยึดครองนานาชาติ จะท�ำให้เมืองร้างมีคนอาศัยอยู่ อย่ากลัวเลย เพราะเจ้าจะ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล ไม่ตอ้ งอับอาย อย่าวุน่ วายใจ เพราะเจ้าจะไม่ตอ้ งละอายอีก เจ้าจะลืมความอับอายในวัย เตรียมรับเสด็จ สาวของเจ้า เจ้าจะไม่ระลึกอีกต่อไปถึงความอัปยศที่เจ้าเคยเป็นม่าย เพราะพระผู้สร้าง พระคริสตเจ้า เจ้าเป็นพระสวามีของเจ้า พระนามของพระองค์คอื องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาล พระผู้ สดด 30:1,3,4-5, ศักดิส์ ทิ ธิข์ องอิสราเอลเป็นพระผูไ้ ถ่เจ้า พระองค์ทรงพระนามว่าพระเจ้าแห่งสากลโลก ใช่ 11-12 แล้ว องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าได้ทรงเรียกเจ้า เหมือนเรียกภรรยาซึง่ ถูกทอดทิง้ และเป็นทุกข์ใจ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 พระเจ้าของเจ้าตรัสว่า ภรรยาทีแ่ ต่งงานในวัยเยาว์จะถูกทอดทิง้ ได้หรือ เราได้ละทิง้ เจ้าอยู่ชั่วครู่เดียว แต่เราจะรับเจ้าคืนมาด้วยความสงสารอย่างยิ่ง เมื่อเราโกรธมาก เรา ไม่ให้เจ้าเห็นหน้าอยู่ครู่หนึ่ง แต่เราสงสารเจ้าด้วยความรักมั่นคงนิรันดร... ส�ำหรับเราจะเป็นเหมือนในสมัยของโนอาห์ เราปฏิญาณว่าน�้ำของโนอาห์ จะไม่ท่วมแผ่นดินอีกเลย ฉันใด เราก็ปฏิญาณว่าเราจะไม่โกรธเจ้า และจะไม่ต�ำหนิเจ้าอีกฉันนั้น แม้ภูเขาจะเคลื่อนย้าย และเนินเขาจะ คลอนแคลน ความรักมั่นคงของเราจะไม่พรากไปจากเจ้า และพันธสัญญาที่เราสัญญาจะประทานสันติภาพแก่ เจ้า จะไม่คลอนแคลนเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสงสารเจ้าตรัสดังนี้ เมื่อผู้ที่ยอห์นส่งมาจากไปแล้ว พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับประชาชนถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายไปดูอะไรใน ถิ่นทุรกันดาร ไปดูต้นอ้อไหวไปตามลมหรือ ไม่ใช่ แล้วท่านไปดูอะไรเล่า ดูคนสวมเสื้อผ้าสวยงามหรือ คน ที่สวมเสื้อผ้าสวยงามและกินดื่มอย่างฟุ่มเฟือยนั้นมีอยู่เฉพาะในพระราชวัง ถ้าเช่นนั้นท่านไปดูอะไร ไปดู ประกาศกหรือ ถูกแล้ว เราบอกท่าน ไปดูยิ่งกว่าประกาศกอีก ผู้นี้แหละพระคัมภีร์กล่าวถึงว่า เราส่งทูตของเราน�ำหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางไว้ส�ำหรับท่าน เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าในบรรดาผู้ที่เกิดจากสตรี ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นอีกแล้ว กระนั้นก็ดี ผู้ ต�่ำต้อยที่สุดในพระอาณาจักรของพระเจ้าก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น” ประชาชนทั้งหลายที่ได้ฟังและบรรดาคน เก็บภาษีได้รับพิธีล้างจากยอห์นและยอมรับว่าพระเจ้าทรงเที่ยงธรรม แต่บรรดาชาวฟาริสีและนักกฎหมายไม่ ยอมรับพิธีล้างจากยอห์น จึงต่อต้านแผนการของพระเจ้าส�ำหรับตน ความรู้กับความรัก หรือ ความรู้กับความเชื่อ เป็นสิ่งที่น่าไตร่ตรองเมื่อสวดภาวนาตามล�ำพัง ความ รู้คือสิ่งที่เรียน ที่ประจักษ์แก่ผัสสะ แต่ความรักไม่ต้องอาศัยความรู้ก็ได้ อีกทั้งความเชื่อยิ่งอยู่เหนือความรู้มากมายนัก ความรู้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับโลกวัตถุ แต่ความรักและความเชื่อเป็นสิ่งที่เป็นนิรันดร เรารอดตัวในโลกด้วยความรู้ก็ได้ แต่จะ รอดตัวไปสวรรค์นนั้ ต้องอาศัยความรักและความเชือ่ เท่านัน้ ความรูจ้ ะสิน้ หน้าทีข่ องมันเมือ่ มิตทิ างโลกจบลงส�ำหรับคน นั้นๆ แต่ความรักและความเชื่อจะอยู่ต่อไปเพื่อเชื่อมชีวิตจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า เมื่อโลกหน้ามาเยี่ยมคนนั้นๆ ความเชื่อ ก็จะหมดหน้าที่เช่นกัน เหลือเพียงความรักที่จะอยู่ไปชั่วนิรันดร์ พระเจ้าคือองค์ความรัก
บทอ่านที่ 1
อสย 56:1-3,6-8
พระวรสาร
ยน 5:33-36
องค์พระผู้เป็นเจ้ำตรัสดังนี้ว่ำ จงรักษำควำมถูกต้องและปฏิบัติควำมชอบธรรม เพรำะควำมรอดพ้นของเรำใกล้เข้ำมำแล้ว และควำมเที่ยงธรรมของเรำก�ำลังจะถูกเปิด เผย มนุษย์ผู้ท�ำเช่นนี้ย่อมเป็นสุข คือบุตรของมนุษย์ผู้ยึดมั่นสิ่งนี้ไว้ ผู้รักษำวันสับบำโต ไม่ท�ำให้เป็นมลทิน และยั้งมือไว้ไม่ท�ำกำรชั่วร้ำยใดๆ อย่ำให้ชนต่ำงชำติที่ยึดมั่นต่อองค์ พระผู้เป็นเจ้ำพูดว่ำ “องค์พระผู้เป็นเจ้ำจะทรงแยกข้ำพเจ้ำจำกประชำกรของพระองค์ ระลึกถึงบุญราศีทั้งเจ็ด อย่ำงแน่นอน” อย่ำให้ขันทีพูดว่ำ “ดูซิ ข้ำพเจ้ำเป็นเหมือนต้นไม้แห้ง” แห่งสองคอน บรรดำชนต่ำงชำติทยี่ ดึ มัน่ ต่อองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ เพือ่ รับใช้พระองค์และรักพระนำม องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ และเป็นผูร้ บั ใช้ของพระองค์ ทุกคนทีร่ กั ษำวันสับบำโต มิได้ทำ� ให้เป็น สดด 67:1-2,3-7 มลทิน และยึดมัน่ พันธสัญญำของเรำไว้ เรำจะน�ำเขำไปยังภูเขำศักดิส์ ทิ ธิข์ องเรำ จะท�ำให้ วันครูคำ�สอนไทย เขำมีควำมยินดีอย่ำงเต็มเปี่ยม ในบ้ำนของเรำเพื่อกำรอธิษฐำนภำวนำ เครื่องเผำบูชำ ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3 และสักกำรบูชำของเขำ จะเป็นที่โปรดปรำนบนแท่นบูชำของเรำ เพรำะบ้ำนของเรำจะ ได้ชื่อว่ำ “บ้ำนส�ำหรับประชำกรทั้งหลำยเพื่อกำรอธิษฐำนภำวนำ” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำพระเจ้ำผูท้ รงรวบรวมอิสรำเอลทีก่ ระจัดกระจำย ตรัสว่ำ “เรำยัง จะรวบรวมผู้อื่น นอกจำกผู้ที่เรำได้รวบรวมไว้แล้วด้วย” เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับประชำชนว่ำ “ท่ำนทั้งหลำยได้ส่งคนไปถำมยอห์น และยอห์นก็ได้เป็นพยำนยืนยันถึงควำมจริง เรำไม่ต้องกำรค�ำยืนยันจำกมนุษย์ แต่เรำกล่ำวเช่นนั้นเพื่อท่ำนทั้งหลำยจะได้รอดพ้น ยอห์นเป็นเหมือนตะเกียงสว่ำงไสวทีจ่ ดุ อยู่ ท่ำนทัง้ หลำยก็พอใจทีจ่ ะชืน่ ชมกับแสงสว่ำง ของเขำอยู่ชั่วระยะหนึ่งเท่ำนั้น แต่เรำมีค�ำยืนยันที่ยิ่งใหญ่กว่ำค�ำยืนยันของยอห์น คือ งำนที่พระบิดำทรงมอบหมำยให้เรำท�ำจนส�ำเร็จ งำนที่เรำก�ำลังท�ำอยู่นี้ เป็นพยำนถึงเรำ ว่ำพระบิดำทรงส่งเรำมำ”
การเป็นพยานถึงความจริงที่ดีที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุด คือ “การเป็นพยานด้วย ชีวิตของพระเยซูเจ้า” โดยที่พระองค์ทรงถ่ายทอดข่าวดีถึงพระบิดาผู้ทรงส่งพระองค์มา เพื่อ ช่วยประชากรทั้งหลายให้ได้รับความรอดพ้น ผ่านทางการท�างานและพันธกิจแห่งความรัก เมตตาที่พระบิดาทรงมอบหมายให้ส�าเร็จบริบูรณ์ ... “บุญราศีทั้ง 7 แห่งสองคอน” ได้ท�าและ เป็นสุขผ่านประสบการณ์นี้แล้ว ...“เราทุกคน” ก็สามารถเรียนรู้และเป็นพยานความจริงอย่าง พระเยซูเจ้าได้เช่นเดียวกัน ด้วยการด�าเนินชีวิตและเจริญชีวิตที่ยึดมั่นในพระองค์ รักษาความ ถูกต้องและปฏิบัติความชอบธรรม หมั่นรักและรับใช้พระองค์และเพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้างใน ทุกโอกาสที่เราสามารถ
บทอ่านที่ 1
ปฐก 49:2,8-10
ในครั้งนั้น ยาโคบเรียกบรรดาบุตรมา แล้วพูดว่า “บุตรของยาโคบเอ๋ย จงมารวมกันฟัง จงฟังค�ำของอิสราเอลบิดาของลูก ยูดาห์เอ๋ย บรรดาพี่น้องจะสรรเสริญลูก มือของลูกจะจับคอศัตรู บุตรของบิดาของลูกจะกราบไหว้ ลูก ยูดาห์เป็นเหมือนลูกสิงโต ลูกเอ๋ย ลูกฆ่าเหยือ่ แล้วกลับมา ลูกเป็นเหมือนสิงโตตัวผู้ ที่ซุ่มหมอบ เหมือนสิงโตตัวเมียที่นอนอยู่ ใครเล่าจะกล้าท�ำให้ลุกขึ้น คทาจะไม่ไปจาก ยูดาห์ และไม้เท้าของผู้ปกครองจะไม่ถูกยกไปจากระหว่างเท้าของเขา จนกว่าผู้ที่เป็น เจ้าของจะมา และประชาชาติจะนอบน้อมต่อเขา
พระวรสาร
มธ 1:1-17
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า
สดด 72:3-4,7,8,17 หนังสือล�ำดับพระวงศ์ของพระเยซูคริสตเจ้า พระโอรสของกษัตริยด์ าวิด ผูท้ รงสืบ ตระกูลมาจากอับราฮัม อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เป็นบิดาของยูดาห์กับบรรดาพี่น้อง ยูดาห์เป็นบิดาของเปเรศและเศราห์ มารดาของ วันคล้ายวันสมภพสมเด็จ คนทั้งสองคือนางทามาร์ เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน เฮสโรนเป็นบิดาของราม รามเป็น พระสันตะปาปาฟรังซิส บิดาของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาโซน นาโซนเป็นบิดาของสัลโมน สัลโมน เป็นบิดาของโบอาส มารดาของโบอาสคือนางราหับ โบอาสเป็นบิดาของโอเบด มารดา ของโอเบดคือนางรูธ โอเบดเป็นบิดาของเจสซี เจสซีเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด กษัตริย์ ดาวิดเป็นบิดาของซาโลมอน มารดาของซาโลมอนเคยเป็นภรรยาของอุรียาห์ ซาโลมอนเป็นบิดาของเรโหโบอัม เรโหโบอัมเป็นบิดาของอาบียาห์ อาบียาห์เป็นบิดาของอาสา อาสาเป็น บิดาของเยโฮซาฟัท เยโฮซาฟัทเป็นบิดาของโยรัม โยรัมเป็นบิดาของอุสซียาห์ อุสซียาห์เป็นบิดาของโยธาม โยธามเป็นบิดาของอาคัส อาคัสเป็นบิดาของเฮเซคียาห์ เฮเซคียาห์เป็นบิดาของมนัสเสห์ มนัสเสห์เป็นบิดา ของอาโมน อาโมนเป็นบิดาของโยสิยาห์ โยสิยาห์เป็นบิดาของเยโคนียาห์และพีน่ อ้ ง ในสมัยถูกกวาดต้อนเป็น เชลยไปกรุงบาบิโลน หลังจากถูกกวาดต้อนไปกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนียาห์เป็นบิดาของเชอัลทิเอล เชอัลทิเอล เป็นบิดาของเศรุบบาเบล เศรุบบาเบลเป็นบิดาของอาบียุด อาบียุดเป็นบิดาของเอลียาคิม เอลียาคิมเป็นบิดา ของอาซอร์ อาซอร์เป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของอาคิม อาคิมเป็นบิดาของเอลีอูด เอลีอูดเป็นบิดา ของเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์เป็นบิดาของมัทธาน มัทธานเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของโยเซฟ พระสวามีของพระนางมารีย์ พระเยซูเจ้าที่ขานพระนามว่า “พระคริสตเจ้า” ประสูติจากพระนางมารีย์ผู้นี้...
ค�ำสอน ค�ำสั่งสอน ความเชื่อมั่นต่อพระสัญญาของพระเจ้า ของประชากรเลือกสรรขององค์พระผู้ เป็นเจ้า ที่ได้ถ่ายทอดจากพ่อสู่ลูก จากลูกสู่หลาน ผ่านประสบการณ์ชีวิตแห่งความเชื่อจากช่วงอายุหนึ่งสู่ช่วงอายุสืบ ต่อไปเรื่อยๆ ถือว่าเป็นหัวใจส�ำคัญในการสอนลูกหลานให้ด�ำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ความหวัง ด้วยรักและรับใช้ ดั่งที่ “ยาโคบ” สอนลูกหลานว่า “จนกว่าผูท้ เี่ ป็นเจ้าของจะมา และประชาชาติจะนอบน้อมต่อเขา” และเป็นบุคคลเดียวกัน ที่ทรงประสูติจากพระนางมารีย์ คือ พระเยซูเจ้าที่ขานพระนามว่า “พระคริสตเจ้า” ผู้สืบสายเลือดของกษัตริย์ดาวิด ผู้ทรงสืบตระกูลมาจากอับราฮัม ... “พวกเราลูกหลาน” ทางความเชื่อนี้ในยุคนี้ ควรยึดมั่นในวิถีทาง วิถีธรรม วิถีชีวิต ของพระคริสตเจ้าอย่างจริงจังต่อไป
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห
อสย 7:10-14
องค์พระผู้เป็นเจ้ำตรัสกับกษัตริย์อำคัสอีกว่ำ “จงขอองค์พระผู้เป็นเจ้ำพระเจ้ำ ของพระองค์ ให้ทรงส่งเครือ่ งหมำยจำกทีล่ กึ ของแดนผูต้ ำย หรือจำกทีส่ งู เบือ้ งบนเถิด” แต่กษัตริย์อำคัสตรัสตอบว่ำ “เรำจะไม่ทูลขอ เรำจะไม่ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้ำ” ประกำศกอิสยำห์จึงทูลว่ำ “รำชวงศ์กษัตริย์ดำวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่ำนท�ำให้มนุษย์ เอือมระอำยังไม่พออีกหรือ ท�ำไมท่ำนจึงท�ำให้พระเจ้ำของข้ำพเจ้ำทรงเอือมระอำอีกเล่ำ สัปดาห์ที่ 4 ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้ำจะประทำนเครื่องหมำยให้ท่ำนด้วยพระองค์เอง หญิงสำวผู้ เทศกาลเตรียมรับเสด็จ หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้ก�ำเนิดบุตรชำย และนำงจะเรียกเขำว่ำ “อิมมำนูเอล” แปลว่ำ พระคริสตเจ้า “พระเจ้ำสถิตกับเรำ” ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
เพลงสดุดี
สดด 24:1-2,3-4,5-6
ก) แผ่นดินและสรรพสิ่งบนแผ่นดินเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้ำ โลกและผู้อำศัยอยู่ในโลกก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงวำงฐำนของโลกไว้เหนือทะเล ทรงตรึงยึดไว้มั่นคงบนกระแสน�้ำไหล ข) ใครจะขึ้นไปยังภูเขำขององค์พระผู้เป็นเจ้ำได้ ใครจะยืนอยู่ในสถำนที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ผู้มีมือสะอำดและใจบริสุทธิ์ ผู้ไม่ใฝ่หำรูปเคำรพ ผู้ไม่สำบำนเพียงเพื่อหลอกลวง ค) บุคคลเช่นนี้จะได้รับพระพรจำกองค์พระผู้เป็นเจ้ำ จะได้รับควำมเป็นธรรมจำกพระเจ้ำผู้ทรงช่วยเขำให้รอดพ้น นี่คือพงศ์พันธุ์ที่แสวงหำพระองค์ แสวงหำพระพักตร์พระองค์ ข้ำแต่พระเจ้ำแห่งยำโคบ
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 1:1-7
จำกเปำโล ผูร้ บั ใช้ของพระคริสตเยซู ซึง่ พระเจ้ำทรงเรียกมำเป็นอัครสำวก และทรง มอบหมำยให้ประกำศข่ำวดีซึ่งพระเจ้ำทรงสัญญำไว้ทำงประกำศกในพระคัมภีร์ ข่ำวดีนเี้ ป็นเรือ่ งเกีย่ วกับพระบุตรของพระองค์ ซึง่ โดยธรรมชำติมนุษย์ ทรงบังเกิด ในรำชวงศ์กษัตริย์ดำวิด และโดยทำงพระจิตเจ้ำผู้บันดำลควำมศักดิ์สิทธิ์ ทรงได้รับกำร สถำปนำขึน้ เป็นพระบุตรผูท้ รงอ�ำนำจของพระเจ้ำโดยกำรกลับคืนพระชนมชีพจำกบรรดำ ผูต้ ำย พระองค์คอื พระเยซูคริสต์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำของเรำ ด้วยเดชะพระเยซูคริสตเจ้ำ นี้ เรำได้รบั พระหรรษทำน และภำรกิจกำรเป็นอัครสำวกเพือ่ น�ำประชำชำติทงั้ หลำยให้มำ ปฏิบตั ติ ำมควำมเชือ่ ทัง้ นีเ้ พือ่ ถวำยพระเกียรติแด่พระนำมพระองค์ และท่ำนทัง้ หลำยก็ อยู่ในบรรดำบุคคลเหล่ำนี้ ท่ำนเป็นของพระเยซูคริสตเจ้ำแล้วเพรำะพระองค์ทรงเรียก
ถึงทุกท่ำนในกรุงโรมผู้ที่พระเจ้ำทรงรักและทรง เรียกให้เป็นประชำกรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ขอพระหรรษทำนและสันติสขุ จำกพระเจ้ำพระบิดำ ของเรำ และจำกพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำของเรำ สถิตกับท่ำนทั้งหลำยเถิด
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 1:18-24
เรื่องรำวกำรประสูติของพระเยซูคริสตเจ้ำเป็น ดังนี้ พระนำงมำรีย์ พระมำรดำของพระองค์หมั้นกับ โยเซฟ แต่กอ่ นทีท่ ำ่ นทัง้ สองจะครองชีวติ ร่วมกัน ปรำกฏ ว่ำพระนำงตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้ำ โยเซฟคู่หมั้น ของพระนำงเป็นผูช้ อบธรรมไม่ตอ้ งกำรฟ้องหย่ำพระนำงอย่ำงเปิดเผย จึงคิดถอนหมัน้ อย่ำงเงียบๆ ขณะที่ โยเซฟก�ำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ำก็มำเข้ำฝัน กล่ำวว่ำ “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ ดำวิด อย่ำกลัวที่จะรับมำรีย์มำเป็นภรรยำของท่ำนเลย เพรำะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนำงมำจำกพระ จิตเจ้ำ นำงจะให้กำ� เนิดบุตรชำย ท่ำนจงตัง้ ชือ่ บุตรนัน้ ว่ำเยซู เพรำะเขำจะช่วยประชำกรของเขำให้รอดพ้น จำกบำป” เหตุกำรณ์นเี้ กิดขึน้ เพือ่ พระด�ำรัสขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำทีต่ รัสผ่ำนประกำศกจะเป็นควำมจริงว่ำ หญิงพรหมจำรีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชำย ซึ่งจะได้รับนำมว่ำ “อิมมำนูเอล” แปลว่ำ พระเจ้ำสถิตกับเรำ” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขำก็ท�ำตำมที่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ำสั่ง ไว้ คือรับภรรยำมำอยู่ด้วย ความจริงและข่าวดีของพระผู้เป็นเจ้าด�ารัสผ่านทางประกาศก ผ่านการท�างานของพระจิตเจ้าใน ชีวติ พระนางมารีย ์ และผ่านทูตสวรรค์ของพระผูเ้ ป็นเจ้าเข้าฝันโยเซฟ เป็นความจริงและข่าวดีเดียวกันทีว่ า่ “หญิง พรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า ‘อิมมานูเอล’ แปลว่า ‘พระเจ้าสถิตกับเรา’ โดย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า “เยซู” เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” … “พวกเราที่ได้รับพระจิต เจ้า” ผ่านทางศีลล้างบาปแล้ว พระเจ้าสถิตกับเรา พวกเราเป็นของพระเยซูคริสตเจ้าแล้วเพราะพระองค์ทรงเรียก ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา สถิต กับเราในทุกกิจการที่ท�าเถิด
บทอ่านที่ 1
วนฉ 13:2-7,24-25
ในครั้งนั้น มีชายคนหนึ่งชื่อมาโนอาห์ เป็นคนเผ่าดานชาวเมืองโศราห์ ภรรยาของ เขาเป็นหมัน ไม่มบี ตุ ร ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าปรากฏแก่หญิงผูน้ กี้ ล่าวว่า “ท่าน เป็นหมันไม่มีบุตร แต่บัดนี้ท่านจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงระวังอย่าดื่มสุราเมรัย ใดๆ อย่ากินอาหารทีม่ มี ลทิน เพราะท่านจะตัง้ ครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่าให้ใบมีดมา โกนศีรษะของเขา เพราะเด็กคนนี้จะเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ของ มารดา เขาจะเริ่มช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตีย” หญิงคนนั้นก็ สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ ไปบอกสามีว่า “คนของพระเจ้ามาหาดิฉัน เขามีใบหน้าเหมือนทูตสวรรค์ของพระเจ้า น่าเกรงขามมาก ดิฉันไม่ได้ถามเขาว่ามาจากไหน ทั้งเขาก็ไม่ได้บอกนามของเขาให้ดิฉัน พระคริสตเจ้า ทราบ แต่เขาบอกดิฉันว่า ‘ท่านจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่าดื่มสุราเมรัยใดๆ สดด 71:2-3,4-6, และอย่ากินอาหารที่มีมลทิน เพราะเด็กจะเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์ 16-18ก มารดาจนถึงวันตาย’” ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 หญิงคนนั้นคลอดบุตรชายและตั้งชื่อให้ว่าแซมสัน เด็กน้อยเจริญวัยขึ้น องค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพระพรเขา พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเริ่มดลใจเขาที่ มาหะเนดานซึ่งอยู่ระหว่างเมืองโศราห์กับเมืองเอชทาโอล
พระวรสาร
ลก 1:5-25
ในรัชสมัยของกษัตริย์เฮโรดผู้ปกครองแคว้นยูเดีย สมณะผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์ ประจ�ำเวรในหมวดของ อาบียาห์ มีภรรยาชือ่ เอลีซาเบธ จากตระกูลสมณะอาโรน ทัง้ สองคนเป็นผูช้ อบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตแิ ละข้อก�ำหนดทุกข้อขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าโดยไม่มขี อ้ ต�ำหนิ แต่สามีภรรยาคูน่ ไี้ ม่มบี ตุ ร เพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว วันหนึ่ง เศคาริยาห์ก�ำลังปฏิบัติหน้าที่สมณะเฉพาะพระพักตร์ตามเวรในหมวดของตน ตามธรรมเนียม ของสมณะ เขาจับสลากได้หน้าที่เข้าไปในพระวิหารของพระเจ้าเพื่อถวายก�ำยาน ขณะที่มีการถวายก�ำยาน ประชาชนที่มาชุมนุมกันต่างอธิษฐานภาวนาอยู่ภายนอก ทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ยืนอยู่เบื้องขวาของพระแท่นถวายก�ำยาน เมื่อ เศคาริยาห์เห็นก็รู้สึกวุ่นวายใจและมีความกลัวอย่างมาก แต่ทตู สวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังค�ำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธ ภรรยาของท่านจะให้กำ� เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่ายอห์น ท่านจะมีความชืน่ ชมยินดีและคนจ�ำนวน มากจะยินดีที่เขาเกิดมา เรื่องราวการเลือกสรรของแซมสันและยอห์น เมื่อไตร่ตรองและร�ำพึงเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตทั้ง สองนี้แล้ว เราสามารถถอดรหัสความสัมพันธ์ระหว่างผู้เลือกสรรและผู้ถูกเลือกสรรได้ว่า เริ่มจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ก่อนเสมอ...ผ่านทางทูตสวรรค์ ...มีการแจ้งข่าวดี ...มีผู้รับข่าวดี (มารดาของแซมสันและเศคาริยาห์) ...มีการสนทนา ท�ำความเข้าใจถึงข่าวดี ...ตัดสินใจและน้อมรับข่าวดี ...พระเจ้าทรงช่วยเหลือและบรรเทาใจ ...ถ่ายทอดข่าวดีด้วยความ รับผิดชอบสู่ผู้ได้รับเลือกสรรหรือโดยผู้ได้รับเลือกสรรเอง... เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายของข่าวดีนั้น คือ การร่วมในแผนการ แห่งความรอด และเพื่อท�ำให้บิดาคืนดีกับบุตรและท�ำให้ผู้ไม่เชื่อฟังกลับมีจิตส�ำนึกของผู้ชอบธรรม เป็นการเตรียม ประชากรให้พร้อมที่จะรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้า
บทอ่านที่ 1
อสย 7:10-14
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์อาคัสอีกว่า “จงขอองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้ เป็นเจ้าของพระองค์ ให้ทรงส่งเครื่องหมายจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือจากที่สูงเบื้อง บนเถิด” แต่กษัตริย์อาคัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า” ประกาศกอิสยาห์จึงทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านท�ำให้มนุษย์ สัปดาห์ที่ 4 เอือมระอายังไม่พออีกหรือ ท�ำไมท่านจึงท�ำให้พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเอือมระอาอีกเล่า เทศกาลเตรี ยมรับเสด็จ ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิง พระคริสตเจ้า สาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้ก�ำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า ‘อิมมานูเอล’ แปล สดด 24,1-3,4-6 ว่า ‘พระเจ้าสถิตกับเรา’”
พระวรสาร
ลก 1:26-38
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียล มายังเมืองหนึง่ ในแคว้นกาลิลชี อื่ เมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยู่ กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์ เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็น เจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยค�ำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรง ถามพระองค์เองว่า ค�ำทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้ก�ำเนิด บุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของ พระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็น พรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่ เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือน แล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระท�ำไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระ ผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป จาก “เครื่องหมาย” กลับกลายเป็น “ความจริง...ที่ยิ่งใหญ่” และจาก “ค�ำท�ำนาย” ของประกาศก อิสยาห์ที่เป็นดั่งวาจาแห่งความหวังของชนชาติอิสราเอลนั้น วันนี้มาส�ำเร็จเป็น “ความจริง ในชีวิตจริง” ของหญิง พรหมจารีผู้นั้นที่ชื่อ “มารีย์” ผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน และจะตั้งครรภ์และให้ก�ำเนิด บุตรชายคนหนึง่ โดยตัง้ ชือ่ เขาว่า “เยซู” ซึง่ จะเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละเป็นบุตรของพระเจ้า ...เหตุการณ์นเี้ กิดขึน้ และส�ำเร็จ ทุกประการได้ เพราะพระเจ้าทรงกระท�ำ ร่วมกับน�ำ้ ใจอิสระของพระนางมารียท์ วี่ า่ “ข้าพเจ้าเป็นผูร้ บั ใช้ขององค์พระ ผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”
บทอ่านที่ 1
พซม 2:8-14
พระวรสาร
ลก 1:39-45
ฟังซิ เสียงที่รักของดิฉัน เขำก�ำลังมำ ก�ำลังกระโดดอยู่บนภูเขำ ก�ำลังกระโดดข้ำม เนินเขำ ที่รักของดิฉันเป็นเหมือนละมั่งหรือเหมือนลูกกวำง ดูซิ เขำก�ำลังยืนอยู่หลัง ก�ำแพงของเรำ มองเข้ำมำทำงหน้ำต่ำง ลอบมองผ่ำนลูกกรงเข้ำมำ ที่รักของดิฉันเริ่ม พูดกับดิฉันว่ำ “ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถอะ คนสวยของฉันเอ๋ย จงมำเถิด ดูซิ ฤดู หนำวผ่ำนไปแล้ว ฝนก็วำยและจบสิ้นไปแล้ว น.เปโตร คานีซีอัส ดอกไม้ตำ่ งๆ ปรำกฏขึน้ มำบนแผ่นดิน เวลำส�ำหรับร้องเพลงมำถึงแล้ว เสียงคูของ พระสงฆ์และนักปราชญ์ นกเขำก็ได้ยนิ ในแผ่นดินของเรำ ต้นมะเดือ่ เทศก�ำลังผลิผล เถำองุน่ ผลิดอกบำนส่งกลิน่ แห่งพระศาสนจักร หอมฟุ้ง ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด คนสวยของฉันเอ๋ย จงมำเถิด นกพิรำบของฉัน สดด 33:2-3,11-12, เอ๋ย เธอซ่อนตัวอยู่ในซอกผำ ในซอกลึกของหน้ำผำ ขอให้ฉันได้ยินเสียงของเธอสัก 20-22 หน่อยเถิด เพรำะเสียงของเธอนั้นไพเรำะ และใบหน้ำของเธอก็งดงำม” ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
หลังจำกนั้นไม่นำน พระนำงมำรีย์ทรงรีบออกเดินทำงไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขำ แคว้นยูเดีย พระนำงเสด็จเข้ำไปในบ้ำนของเศคำริยำห์และทรงทักทำยนำงเอลีซำเบธ เมื่อนำงเอลีซำเบธได้ยินค�ำทักทำยของพระนำงมำรีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นำงเอลีซำเบธ ได้รบั พระจิตเจ้ำเต็มเปีย่ ม ร้องเสียงดังว่ำ “เธอได้รบั พระพรยิง่ กว่ำหญิงใดๆ และลูกของ เธอก็ได้รับพระพรด้วย ท�ำไมพระมำรดำขององค์พระผู้เป็นเจ้ำ จึงเสด็จมำเยี่ยมข้ำพเจ้ำ เมือ่ ฉันได้ยนิ ค�ำทักทำยของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดนิ้ ด้วยควำมยินดี เธอเป็นสุขทีเ่ ชือ่ ว่ำ พระวำจำที่องค์พระผู้เป็นเจ้ำตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” การถ่ายทอดท่าทีแห่งความรัก แห่งความสุข แห่งความยินดี จากบทกวีเพลง ซาโลมอน...สอนให้เรารับรู้ว่า “ใครก็แล้วแต่ที่รักพระเป็นเจ้า” เขาผู้นั้นจะมีความสุข ความ ยินดีในชีวติ อย่างทีส่ ดุ และเป็นจุดเริม่ ต้นของการเปิดตัวสูเ่ พือ่ นพีน่ อ้ งทีอ่ ยูร่ อบข้างอย่างแท้จริง โดยพร้อมเอาใจใส่ พร้อมรักและรับใช้ และพร้อมร่วมทุกข์รว่ มสุขในทุกกรณีไป เฉกเช่นเดียวกัน กับ “พระนางมารีย”์ ทีอ่ อกเดินทางไปหา “นางเอลีซาเบธ” เข้าไปในบ้าน ทักทายสายสัมพันธ์ ฉันพี่น้อง มองเห็นพระและสัมผัสชีวิตพระ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตภายในที่เป็นบ่อ เกิดแห่งความสุขความยินดีต่อกันและกัน “ฉันได้ยินค�าทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
บทอ่านที่ 1
1 ซมอ 1:24-28
ในครั้งนั้น เมื่อเด็กหย่ำนมแล้ว นำงก็พำเขำขึ้นไปที่วิหำรขององค์พระผู้เป็นเจ้ำที่ เมืองชิโลห์ น�ำโคหนุม่ อำยุสำมปีตวั หนึง่ แป้งประมำณสองถังและเหล้ำองุน่ หนึง่ ถุงหนัง ไปด้วย ขณะนั้นเขำยังเด็กมำก บิดำมำรดำฆ่ำโคถวำยบูชำและพำเด็กไปพบเอลี นำง ฮันนำห์กล่ำวแก่เอลีว่ำ “นำยเจ้ำขำ จ�ำดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิงที่เคยยืนอธิษฐำนทูล องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำทีน่ ตี่ อ่ หน้ำท่ำน ดิฉนั ทูลขอเด็กคนนี้ และองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำก็ประทำน สัปดาห์ที่ 4 ให้ดิฉันตำมค�ำทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวำยเขำแด่องค์พระผู้เป็นเจ้ำ เขำจะรับใช้องค์ เทศกาลเตรี ยมรับเสด็จ พระผู้เป็นเจ้ำตรำบเท่ำที่เขำมีชีวิต” แล้วบิดำมำรดำก็นมัสกำรองค์พระผู้เป็นเจ้ำที่นั่น
พระคริสตเจ้า
พระวรสาร
ลก 1:46-56
เวลำนั้น พระนำงมำรีย์ตรัสว่ำ “วิญญำณข้ำพเจ้ำประกำศควำมยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้ำ จิตใจของข้ำพเจ้ำ ชื่นชมยินดีในพระเจ้ำ พระผู้ทรงกอบกู้ข้ำพเจ้ำ เพรำะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ ต�่ำต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่ำวว่ำข้ำพเจ้ำเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพำ นุภำพทรงกระท�ำกิจกำรยิง่ ใหญ่สำ� หรับข้ำพเจ้ำ พระนำมพระองค์ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ พระกรุณำต่อ ผูย้ ำ� เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยกพระกรแสดงพระอำนุภำพ ทรงขับไล่ผมู้ ใี จมักใหญ่ใฝ่สงู ให้กระจัดกระจำยไป ทรงคว�ำ่ ผูท้ รงอ�ำนำจจำกบัลลังก์ และ ทรงยกย่องผูต้ ำ�่ ต้อยให้สงู ขึน้ พระองค์ประทำนสิง่ ดีทงั้ หลำยแก่ผอู้ ดอยำก ทรงส่งเศรษฐี ให้กลับไปมือเปล่ำ พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสรำเอล ผู้รับใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึง พระกรุณำ ดังทีท่ รงสัญญำไว้แก่บรรพบุรษุ ของเรำ แก่อบั รำฮัมและบุตรหลำนตลอดไป” พระนำงมำรีย์ประทับอยู่กับนำงเอลีซำเบธประมำณสำมเดือนจึงเสด็จกลับ เมือ่ เราร�าพึงไตร่ตรองความรูส้ กึ ลึกๆ ในใจของนางฮันนาห์ทกี่ ล่าวกับเอลี และ พระนางมารียท์ ตี่ รัสกับเอลีซาเบธ ซึง่ จะช่วยให้พวกเราเข้าใจท่านทัง้ สองมากขึน้ ถึงการได้สมั ผัส ความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงกระท�ากิจการยิ่งใหญ่ แล้วท�าให้จิตใจของผู้รับใช้ ต�่าต้อยอย่างท่านทั้งสองมีความชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้นางฮันนาห์จากความ ทุกข์ระทม และทรงทอดพระเนตรพระนางมารีย์ผู้รับใช้ต�่าต้อย ...ยิ่งกว่านั้นยังช่วยให้พวกเรา เรียนรู้มากขึ้นว่า รากเง้าของความสุข คือ กิจการยิ่งใหญ่ที่พระผู้ทรงกระท�าให้เกิดขึ้นกับ ท่านทั้งสอง โดยการเกิดมาของ “ซามูเอล” ลูกชายของนางฮันนาห์ และการมาบังเกิดมาของ “เยซู” บุตรชายของพระนางมารีย์
1 ซมอ 2:1,4-5, 6-7,8 กขค ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
น.ยอห์น แห่งเกตี้ พระสงฆ์ สดด 25:4-6, 8-10,14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1
มลค 3:1-4,23-24
พระวรสาร
ลก 1:57-66
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เราจะส่งผู้ถือสารของเราเพื่อเตรียมทางไว้ต่อหน้าเรา ทันใดนั้น องค์พระผู้ เป็นเจ้าที่ท่านแสวงหาจะเสด็จเข้ามาในพระวิหารของพระองค์ ทูตแห่งพันธสัญญาซึ่ง ท่านปรารถนา ดูซิ ก�ำลังมาแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส ใครจะทนวันที่ เขามาได้ และใครจะยืนหยัดอยู่ได้เมื่อเขาปรากฏ เพราะเขาจะเป็นเหมือนไฟของช่าง ถลุงโลหะ และเหมือนสบู่ของคนซักฟอก เขาจะนั่งลงเหมือนช่างหลอมและช่างถลุง เงิน เขาจะช�ำระบุตรหลานของเลวีให้บริสุทธิ์ จะถลุงเขาเหมือนถลุงทองค�ำและถลุง เงิน เพื่อเขาจะถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความชอบธรรม เครื่องบูชา ของยูดาห์และเยรูซาเล็มจะเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนในสมัยโบราณ เหมือนในปีก่อนๆ โน้น ดูซิ เราจะส่งประกาศกเอลียาห์มาหาท่าน ก่อนทีว่ นั ยิง่ ใหญ่และน่าสะพรึงกลัวของ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะมาถึง เขาจะท�ำให้ใจของพ่อกลับมาหาลูก และใจของลูกกลับไปหา พ่อ เพื่อเราจะไม่ต้องมาท�ำลายล้างแผ่นดิน” เมื่อครบก�ำหนดคลอด นางเอลีซาเบธให้ก�ำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและ บรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดี กับนาง เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาท�ำพิธีสุหนัตให้ เขาต้องการ เรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชือ่ บิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชือ่ ยอห์น” คนเหล่านัน้ จึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มญ ี าติคนใดมีชอื่ นี”้ เขาเหล่านัน้ จึงส่งสัญญาณถาม บิดาของเด็กว่าต้องการให้บตุ รชือ่ อะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึง่ แล้วเขียนว่า “เขา ชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าว ถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไป ทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ตา่ งก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้ว เด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา
การเสด็จมาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลทีพ่ วกเรารอคอยและแสวงหา...ช่างยิง่ ใหญ่นกั และด้วย ความยิ่งใหญ่นี้ มักจะเป็นเหตุที่จะท�ำให้มนุษย์เข้าใจและคาดการณ์ได้ยาก ดังนั้นจึงจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตระ เตรียมความพร้อมทัง้ ครบของประชากรให้ดใี นระดับหนึง่ เสียก่อน ซึง่ ในตอนนีพ้ ระวาจาของพระเจ้าแสดงให้เห็นชัดเจน ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมการ โดยส่ง “ผู้ถือสารมาเตรียมทางของพระองค์” มาช่วยอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น ทรง ส่ง “ประกาศกเอลียาห์” ผู้เผยพระวจนะและการกลับใจ และทรงส่ง “ยอห์นประกาศกผู้ยิ่งใหญ่” “ท่านทั้งหลาย จง ใช้โทษบาปและกลับใจเถิด เหตุว่า พระราชัยสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว ข้าพเจ้าเป็นเสียงร้องในที่เปลี่ยว จงเตรียมทางให้ ตรงเพื่อรับเสด็จพระคริสตเจ้า”
บทอ่านที่ 1
2 ซมอ 7:1-5,8-12,14ก,16
เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน ความสงบจากศัตรูโดยรอบ กษัตริย์ตรัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยู่ในวังสร้าง ด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ทรง คิดจะท�ำอะไร ก็โปรดท�ำเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพระองค์” แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเรา ว่า ‘องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านจะไม่เป็นผูส้ ร้างวิหารให้เราอยู่ บัดนี้ ท่านจงไปบอก ดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า จอมจักรวาลตรัสดังนี้ เราให้ท่านเลิกเลี้ยง แกะในทุง่ หญ้ามาเป็นผูน้ ำ� อิสราเอลประชากรของเรา เราอยูก่ บั ท่านไม่วา่ ท่านไปทีใ่ ด เรา ก�ำจัดศัตรูทงั้ ปวงทีท่ า่ นเผชิญหน้า เราจะท�ำให้ทา่ นมีชอื่ เสียงเหมือนกับผูย้ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ใน แผ่นดิน... เรา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าประกาศแก่ทา่ นว่า เราจะสร้างราชวงศ์ให้ทา่ น เมือ่ ท่าน สิ้นชีวิตในวัยชรา และถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษแล้ว เราจะตั้งเชื้อสายคนหนึ่งของท่าน ซึ่ง เป็นบุตรของท่าน ให้เป็นกษัตริยต์ อ่ จากท่าน เราจะพิทกั ษ์รกั ษาอาณาจักรของเขาให้มนั่ คง เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ราชวงศ์และอาณาจักรของท่าน จะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป อ�ำนาจปกครองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป’”
พระวรสาร
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 89:1-2,3-4, 26,28 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
ลก 1:67-79
เวลานั้น เศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงกล่าวพยากรณ์ดังนี้ “ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะพระองค์เสด็จเยี่ยม และทรงกอบ กู้ประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงบันดาลให้พระผู้ทรงอ�ำนาจ เกิดจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้ พระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ โดยปากของบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ตั้งแต่โบราณกาลว่า จะให้ เรารอดพ้นจากศัตรู จากเงื้อมมือของผู้ที่เกลียดชังเรา ทรงสัญญาว่าจะทรงแสดงพระกรุณาแก่บรรพบุรุษของ เรา ทรงระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และค�ำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อับราฮัม บรรพบุรุษของเรา ว่าจะทรงช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู เพื่อรับใช้พระองค์โดยปราศจากความหวาดกลัวใดๆ ให้เราเป็น ผู้ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระองค์ตลอดชีวิตของเรา ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็น ประกาศกของพระผู้สูงสุด เจ้าจะน�ำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเตรียมทางส�ำหรับพระองค์ เพื่อให้ประชากร ของพระองค์รู้ว่า เขาจะรอดพ้น เพราะบาปของเขาได้รับการอภัย เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบนดังแสงอรุโณทัย ส่องแสงสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืดและในเงา แห่งความตาย เพื่อจะน�ำเท้าของเราให้ด�ำเนินไปตามทางแห่งสันติสุข สิง่ ทีน่ า่ สนใจและประทับใจในพระวาจาประจ�ำวันนี้ คือว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงให้ความสว่างแห่ง ความเข้าใจกับประกาศกนาธัน และดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์” ถึงพระสัญญาที่ว่า “เราจะตั้งเชื้อสายคนหนึ่งของ ท่าน ซึง่ เป็นบุตรของท่าน ให้เป็นกษัตริยต์ อ่ จากท่าน เราจะพิทกั ษ์รกั ษาอาณาจักรของเขาให้มนั่ คง เราจะเป็นบิดาของ เขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา” เช่นเดียวกับที่ “พระจิตเจ้าทรงส่องสว่างให้กับเศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาของทารกน้อย ทีจ่ ะได้ชอื่ ว่าประกาศกของพระผูส้ งู สุด เจ้าจะน�ำหน้าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เพือ่ เตรียมทางส�ำหรับพระองค์” โดยกล่าว พยากรณ์ว่า “พระองค์ทรงบันดาลให้พระผู้ทรงอ�ำนาจ เกิดจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้ของพระองค์”
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห
สมโภช พระคริสตสมภพ
อสย 52:7-10
เท้ำของผูน้ ำ� ข่ำวดีมำประกำศบนภูเขำช่ำงงำมยิง่ นัก เขำประกำศสันติภำพ น�ำข่ำวดี ประกำศควำมรอดพ้น กล่ำวแก่ศิโยนว่ำ “พระเจ้ำของท่ำนทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง” บรรดำทหำรยำมของท่ำนร้องเสียงดัง ร้องตะโกนพร้อมกันด้วยควำมยินดี เพรำะเขำ ได้เห็นกับตำว่ำ องค์พระผู้เป็นเจ้ำเสด็จกลับสู่ศิโยน ซำกปรักหักพังแห่งกรุงเยรูซำเล็ม เอ๋ย จงร้องเพลงยินดีพร้อมกันเถิด เพรำะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำทรงปลอบโยนประชำกรของ พระองค์ และทรงไถ่กกู้ รุงเยรูซำเล็มแล้ว องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำทรงส�ำแดงพระอำนุภำพต่อ หน้ำประชำชำติทงั้ ปวง ชนชำติทงั้ หลำยจำกสุดปลำยแผ่นดินจะได้เห็นว่ำ พระเจ้ำของเรำ ประทำนควำมรอดพ้นให้แก่เรำ
เพลงสดุดี
สดด 89:1,2-3กข,3ค-4,5-6
ก) ข้ำพเจ้ำจะขับร้องสรรเสริญควำมรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้ำตลอดไป ปำกข้ำพเจ้ำจะประกำศควำมซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกยุคทุกสมัย ข) ข้ำพเจ้ำกล่ำวว่ำ “ควำมรักมั่นคงของพระองค์ด�ำรงอยู่เป็นนิตย์ พระองค์ทรงสถำปนำควำมซื่อสัตย์ของพระองค์ไว้อย่ำงมั่นคงในสวรรค์” พระเจ้ำตรัสว่ำ เรำท�ำพันธสัญญำกับผู้ที่เรำเลือกสรรไว้ สำบำนกับดำวิดผู้รับใช้ของเรำว่ำ “เรำจะให้เชื้อสำยของท่ำนมั่นคงอยู่เป็นนิตย์ จะสร้ำงบัลลังก์ของท่ำนให้มั่นคงอยู่ทุกยุคทุกสมัย” ค) ข้ำแต่พระองค์พระผู้เป็นเจ้ำ สวรรค์สรรเสริญปำฏิหำริย์ของพระองค์ ที่ชุมนุมผู้ศักดิ์สิทธิ์สรรเสริญควำมซื่อสัตย์ของพระองค์ ผู้ใดในฟำกฟ้ำจะเปรียบได้กับองค์พระผู้เป็นเจ้ำ ผู้ใดในบรรดำทูตสวรรค์เป็นเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้ำ
บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู
ฮบ 1:1-6
ในอดีต พระเจ้ำตรัสกับบรรพบุรษุ ของเรำโดยทำงประกำศกหลำยวำระและหลำยวิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวำระสุดท้ำย พระองค์ตรัสกับเรำโดยทำงพระบุตร พระเจ้ำทรงสถำปนำ พระบุตรให้เป็นทำยำทครอบครองทุกสิง่ พระองค์ทรงสร้ำงจักรวำล เดชะพระบุตรนี้ พระ บุตรทรงเป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้ำ ทรงเป็นภำพลักษณ์ที่สมบูรณ์ขององค์ พระเจ้ำ พระบุตรทรงผดุงจักรวำลไว้ด้วยพระวำจำทรงฤทธิ์ บัดนี้ พระบุตรทรงลบล้ำง มลทินแห่งบำปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จสู่สวรรค์ ประทับ ณ เบื้องขวำแห่งพระมหิทธำนุ ภำพ ดังนั้น พระบุตรทรงอยู่เหนือบรรดำทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนำมที่ทรงได้รับ นั้นประเสริฐกว่ำนำมของบรรดำทูตสวรรค์ พระเจ้ำเคยตรัสแก่ทตู สวรรค์องค์ใดบ้ำงว่ำ “ท่ำนเป็นบุตรของเรำ เรำให้กำ� เนิดท่ำน ในวันนี้” หรือว่ำ “เรำจะเป็นบิดำของเขำ และเขำจะเป็นบุตรของเรำ”
หรืออีกครัง้ หนึง่ เมือ่ พระเจ้ำทรงส่งพระโอรสองค์ แรกมำสู่โลกมนุษย์ พระองค์ตรัสว่ำ “ให้ทูตสวรรค์ทั้ง หลำยของพระเจ้ำกรำบนมัสกำรพระองค์เถิด”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอหน ยน 1:1-5,9-14
เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนำตถ์ทรงด�ำรงอยู่แล้ว พระวจนำตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้ำ และพระวจนำตถ์ เป็นพระเจ้ำ พระองค์ประทับอยู่กับพระเจ้ำแล้วตั้งแต่ แรกเริ่ม พระเจ้ำทรงสร้ำงทุกสิ่งอำศัยพระวจนำตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้ำไม่ทรงสร้ำง โดยทำงพระ วจนำตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่ำง ส�ำหรับมนุษย์ แสงสว่ำงส่องในควำมมืด และควำม มืดชนะแสงสว่ำงนั้นไม่ได้ แสงสว่ำงแท้จริง ซึ่งส่องสว่ำงแก่มนุษย์ทุกคนก�ำลังจะมำสู่โลก พระวจนำตถ์ประทับอยู่ในโลก และ โลกถูกสร้ำงโดยอำศัยพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมำสู่บ้ำนเมืองของพระองค์ แต่ ประชำกรของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผูใ้ ดทีย่ อมรับพระองค์ คือผูท้ เี่ ชือ่ ในพระนำมพระองค์ พระองค์ ประทำนอ�ำนำจให้ผู้นั้นกลำยเป็นบุตรของพระเจ้ำ เขำมิได้เกิดจำกสำยเลือด มิได้เกิดจำกควำมปรำรถนำ ตำมธรรมชำติ มิได้เกิดจำกควำมต้องกำรของมนุษย์ แต่เกิดจำกพระเจ้ำ พระวจนำตถ์ทรงรับธรรมชำติ มนุษย์ และเสด็จมำประทับอยู่ในหมู่เรำ เรำได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรง รับจำกพระบิดำ ในฐำนะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทำนและควำมจริง วันนี้เป็นวันสมโภชพระคริสตสมภพ ซึ่งเป็นวันที่มีความหมายส�าหรับพวกเรา ตามที่พระเจ้าได้ ตรัสกับบรรพบุรุษของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลายวิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัส กับเราโดยทาง “พระบุตร” พระผู้ทรงประกาศสันติภาพ น�าข่าวดี และความรอดพ้นให้แก่เรา “พระองค์ทรง เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา” เราได้เห็นพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วย พระหรรษทานและความจริง ดังนี้ “พี่น้อง” ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามพระองค์ พระองค์จะ ประทานอ�านาจให้ผู้นั้น “กลายเป็นบุตรของพระเจ้า”
ฉลอง น.สเทเฟน ปฐมมรณสักขี สดด 31:2,5 และ 7ก, 15ข-16
บทอ่านที่ 1
กจ 6:8-10; 7:54-60
พระวรสาร
มธ 10:17-22
ในสมัยนั้น สเทเฟนเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและพระอานุภาพ ท�ำปาฏิหาริย์และ เครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชน บางคนจากศาลาธรรมที่เรียกกันว่าศาลา ธรรมของเสรีชนที่เคยเป็นทาส คือชาวยิวจากเมืองไซรีน เมืองอเล็กซานเดรีย แคว้น ซีลีเซียและอาเซีย เริ่มโต้เถียงกับสเทเฟน แต่เขาเหล่านั้นเอาชนะสเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูดด้วยปรีชาญาณซึ่งมาจากพระจิตเจ้า เมื่อได้ฟังดังนั้น ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันค�ำรามเข้าใส่สเทเฟน สเทเฟนเปีย่ มด้วยพระจิตเจ้า เพ่งมองท้องฟ้า มองเห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระเจ้า และเห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า จึงพูดว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้า เปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า” ทุกคนจึงร้องเสียง ดัง เอามืออุดหู วิ่งกรูกันเข้าใส่สเทเฟน ฉุดลากเขาออกไปนอกเมืองแล้วเริ่มเอาหิน ขว้างเขา บรรดาพยานน�ำเสื้อคลุมของตนมาวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ “เซาโล” ขณะที่คนทั้งหลายก�ำลังเอาหินขว้างสเทเฟน สเทเฟนอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดรับวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย” เขาคุกเข่าลงและ ร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขาเพราะบาปนีเ้ ลย” เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว เขาก็สิ้นใจ เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาล และเฆี่ยนท่านในศาลาธรรม ของเขา ท่านจะถูกน�ำตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเรา เป็นเหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะ มอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะ ได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดา ของท่านจะตรัสในท่าน พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าว โทษพ่อแม่ให้ถึงตาย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้าย ก็จะรอดพ้น”
ชีวติ ทีน่ า่ ชืน่ ชมและน่ายกย่องของ “สเทเฟน” ในการเป็นประจักษ์พยานความรักทีม่ ตี อ่ “พระเยซูเจ้า” ท่านไม่ได้พูดด้วยตนเอง แต่ “พระจิตเจ้า” ของ “พระบิดา” ของท่านทรงตรัสในตัวท่าน ที่เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน และพระอานุภาพ ท�ำปาฏิหาริย์และเครื่องหมายยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชน ถึงกระนั้นก็ยังมีกลุ่มคนที่ได้โต้เถียงกับท่าน ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันค�ำราม ร้องเสียงดัง เอามืออุดหู วิ่งกรูกันเข้าใส่สเทเฟน ฉุดลากไปนอกเมืองแล้วเริ่ม เอาหินขว้างท่านจนสิ้นใจ แต่ก่อนท่านจะสิ้นใจ ท่านคุกเข่าลงอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดรับวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย...ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขาเพราะบาปนี้เลย”
บทอ่านที่ 1
1 ยน 1:1-4
พี่น้องที่รักยิ่ง เรำประกำศเรื่องรำวเกี่ยวกับพระวจนำตถ์แห่งชีวิต ซึ่งเป็นอยู่แล้ว ตั้งแต่แรกเริ่ม เรำได้ฟัง เรำได้เห็นด้วยตำของเรำ เรำได้เฝ้ำมอง และเรำได้สัมผัสด้วย มือของเรำ ชีวิตนั้นได้ปรำกฏ เรำได้เห็นและได้เป็นพยำน เรำประกำศให้ท่ำนทั้งหลำยรู้ ถึงชีวิตนิรันดร ซึ่งอยู่กับพระบิดำ และปรำกฏให้เรำเห็น สิ่งที่เรำได้เห็นและได้ฟังนี้ เรำ ประกำศให้ท่ำนทั้งหลำยรู้ด้วย เพื่อท่ำนจะได้สนิทสัมพันธ์กับเรำ ควำมสนิทสัมพันธ์นี้ คือควำมสนิทสัมพันธ์กับพระบิดำ และกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสตเจ้ำ เรำเขียนเรื่องนี้ถึงท่ำน เพื่อควำมปีติยินดีของเรำจะได้สมบูรณ์
พระวรสาร
ยน 20:2-8
เช้ำตรู่วันต้นสัปดำห์ มำรีย์ชำวมักดำลำวิ่งไปหำซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่ พระเยซูเจ้ำทรงรักบอกว่ำ “เขำน�ำองค์พระผู้เป็นเจ้ำไปจำกพระคูหำแล้ว พวกเรำไม่รู้ ว่ำเขำน�ำพระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหำ ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่ำเปโตร จึงมำถึงพระคูหำก่อน เขำก้มลงมองเห็นผ้ำพันพระศพวำง อยู่บนพื้น แต่ไม่ได้เข้ำไปข้ำงใน ซีโมนเปโตรซึ่งตำมไปติดๆ ก็มำถึง เข้ำไปในพระคูหำ และเห็นผ้ำพันพระศพวำงอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้ำพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วำงอยู่กับผ้ำพันพระ ศพ แต่พับแยกวำงไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มำถึงพระคูหำก่อนก็เข้ำไปข้ำงในด้วย เขำเห็น และมีควำมเชื่อ นักบุญยอห์น อัครสาวกและผูน้ พิ นธ์พระวรสาร ท่านได้ขนึ้ ชือ่ ว่าเป็นศิษย์ทพี่ ระ เยซูเจ้าทรงรัก ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงให้เรารู้ว่าท่านมีความสนิทสนมแน่นแฟน รู้เห็นเรื่อง ราวต่างๆ และสัมผัสประสบการณ์ดีๆ กับพระเยซูเจ้าในขณะที่พระองค์ทรงพระชนม์อยู่อย่าง แน่นอน ยิง่ กว่านัน้ ยังท�าให้เราเชือ่ มัน่ ว่าท่านคงได้เรียนรูช้ วี ติ พระ พระวจนาตถ์แห่งชีวติ ความ สัมพันธ์ระหว่างพระบิดาและพระบุตร “พระเยซูคริสตเจ้า” อย่างลึกซึ้ง ถึงได้กล้าประกาศ ยืนยันว่า “เราได้เห็น ได้ฟังและได้เป็นพยาน ให้ท่านรู้ถึงชีวิตนิรันดร” และประสบการณ์อัน ทรงคุณค่าที่ท่านได้รับคือการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ที่ท�าให้ท่าน “ได้เห็นและมี ความเชื่อ”
ฉลอง น.ยอห์น อัครสาวกและ ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 97:1-2,5-6, 11-12
บทอ่านที่ 1
ฉลองนักบุญ ทารกผู้วิมล สดด 124:2-5,7ข-8
พระวรสาร
1 ยน 1:5-2:2
พี่น้องที่รักยิ่ง นี่คือข่าวที่เราได้ฟังจากพระองค์ และเราก�ำลังประกาศให้ท่านทั้ง หลายรู้ คือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดใดๆ อยู่ในพระองค์เลย ถ้าเรา พูดว่า เราสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ แต่ยังด�ำเนินชีวิตอยู่ในความมืด เราก็ก�ำลังพูดเท็จ เพราะเราไม่ดำ� เนินชีวติ อยูใ่ นความจริง แต่ถา้ เราด�ำเนินชีวติ ในความสว่าง ดังทีพ่ ระองค์ ทรงด�ำรงอยู่ในความสว่างแล้ว เราทุกคนก็สนิทสัมพันธ์กันด้วย และพระโลหิตของพระ เยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ ก็ช�ำระเราให้สะอาดจากบาปทั้งปวง ถ้าเราพูดว่า “เราไม่มีบาป” เราก�ำลังหลอกตนเอง และ “ความจริง” ไม่อยู่ในเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาป ของเรา และจะทรงช�ำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง ถ้าเราพูดว่า “เราไม่เคย ท�ำบาป” เราก็ท�ำให้พระองค์ตรัสค�ำเท็จ และพระวาจาของพระองค์ไม่อยู่ในเรา ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อท่านจะได้ไม่ท�ำบาป แต่ถ้าใคร ท�ำบาป เรายังมีทนายแก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้า ผูท้ รงเทีย่ งธรรม พระองค์ทรงเป็นเครือ่ งบูชาชดเชยบาปของเรา และไม่เพียงแต่ชดเชย เฉพาะบาปของเราเท่านั้น แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ทั้งโลกด้วย
มธ 2:13-18
เมื่อบรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดาหนีไปอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์เฮโรดก�ำลัง สืบหาพระกุมารเพือ่ จะประหารชีวติ ” โยเซฟจึงลุกขึน้ พาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปอียปิ ต์ในคืน นั้น และอยู่ที่นั่น จนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เพื่อให้พระด�ำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสทาง ประกาศกเป็นความจริงว่า “เราเรียกบุตรของเรามาจากอียิปต์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงเห็นว่าพระองค์ถูกบรรดาโหราจารย์หลอกลวง ก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้ประหาร ชีวิตเด็กชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมาในเมืองเบธเลเฮมและบริเวณใกล้เคียงตามเวลาที่ทรงทราบ มาจากบรรดาโหราจารย์ ดังนี้ พระด�ำรัสที่ตรัสไว้โดยประกาศกเยเรมีย์ก็เป็นความจริงว่า “มีผู้ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงร้องไห้และคร�่ำครวญอย่างขมขื่น นางราเคลร้องไห้อาลัยถึง บรรดาบุตร นางไม่ยอมรับค�ำปลอบโยนใดๆ เพราะบุตรเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว” ข่าวดีจากพระวาจาทีพ่ วกเราได้เรียนรูใ้ นวันนีค้ อื “พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง” และไม่มคี วามมืดใดๆ อยู่ในพระองค์เลย ด้วยหลักการความจริงแห่งชีวิตพระประการนี้ พวกเราสามารถใช้เป็นหลักยึดเหนี่ยวในการด�ำเนิน ชีวิตของแต่ละคนได้ ใครก็ตามที่ด�ำเนินชีวิตอยู่ในความจริง ความดี ความถูกต้อง มองชีวิตทุกขณะอาศัยการส่อง สว่างจากพระเจ้า ท�ำให้เขาสนิทสัมพันธ์กับพระและเพื่อนพี่น้อง และโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้าเราจะได้รับ การช�ำระให้สะอาดจากบาปทั้งปวง อย่างเช่น บรรดา “ทารกผู้วิมล” ที่เสียสละชีวิตเพื่อองค์ความจริง พระผู้ทรงเป็น ความสว่าง เพื่อให้พระด�ำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นความจริง และช่วยให้แผนการแห่งความรอดเป็นจริงต่อไป
บทอ่านที่ 1
1 ยน 2:3-11
ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าเราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เรามั่นใจว่าเรารู้จัก พระองค์ ผู้ที่พูดว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เขาเป็นคนพูดค�ำเท็จ และ “ความจริง” ไม่อยู่ในตัวเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของ พระองค์ ความรักของพระเจ้าในผู้นั้นย่อมสมบูรณ์ โดยวิธีนี้เราจึงรู้ว่า เราอยู่ในพระเจ้า ผู้ที่พูดว่าเขาอยู่ในพระองค์ ก็ต้องด�ำเนินชีวิตเหมือนกับที่พระองค์ทรงด�ำเนินชีวิต ท่านทีร่ กั ทัง้ หลาย สิง่ ทีข่ า้ พเจ้าเขียนถึงท่าน มิใช่บทบัญญัตใิ หม่ แต่เป็นบทบัญญัติ เก่า ที่ท่านมีอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม... ผู้ที่อ้างว่าตนอยู่ในความสว่าง แต่เกลียดชังพี่น้องของ ตน ผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด ส่วนผู้ที่รักพี่น้องของตน ก็ด�ำรงอยู่ในความสว่าง และ ไม่มีสิ่งใดในตัวเขาที่ท�ำให้เขาล้มลงได้ แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน ก็อยู่ในความมืด และเดินวนเวียนอยู่ในความมืด โดยไม่รู้ว่าเขาก�ำลังเดินไปทิศทางใด เพราะความมืด ท�ำให้ตาของเขาบอด
พระวรสาร
น.โทมัส เบ็กเก็ต พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 96:1-3,4-6
ลก 2:22-35
เมือ่ ครบก�ำหนดเวลาทีม่ ารดาและบุตรจะต้องท�ำพิธชี ำ� ระมลทินตามธรรมบัญญัตขิ องโมเสส โยเซฟพร้อม กับพระนางมารีย์น�ำพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระ ผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนก พิราบสองตัว ตามที่มีก�ำหนดไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและย�ำเกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรง เปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงน�ำสิเมโอน เข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์น�ำพระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติก�ำหนด ไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุขตามพระด�ำรัสของ พระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผูช้ ว่ ยให้รอดพ้น ผูท้ พี่ ระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำ� หรับนานา ประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์ส�ำหรับอิสราเอลประชากร ของพระองค์” โยเซฟประหลาดใจในถ้อยค�ำที่กล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารีย์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน สิเมโอนอวยพร ท่านทัง้ สองและกล่าวแก่พระนางมารีย์ พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงก�ำหนดให้กมุ ารนีเ้ ป็นเหตุให้คนจ�ำนวนมาก ในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของคนจ�ำนวนมากจะ ถูกเปิดเผย ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน” “ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า” ความรักของพระเจ้าในผู้นั้นย่อมสมบูรณ์ โดยวิธีนี้เราจึงรู้ว่า “เราอยูใ่ นพระเจ้า” ผูท้ รี่ กั พีน่ อ้ งของตน ก็ดำ� รงอยูใ่ นความสว่าง ท�ำให้ตาของเขามองเห็นชัดเจน และรูต้ วั ว่าก�ำลังเดิน ไปในทิศทางใด เช่นเดียวกับ “ผู้เฒ่าสิเมโอน” ผู้ชอบธรรมและย�ำเกรงพระเจ้า พระจิตเจ้าสถิตกับท่านผู้นี้ ท่านอยู่ใน ศีลในพรของพระเจ้า รู้ตัวดีอยู่เสมอว่าท่านเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และรู้ตัวดีเสมอว่าท่านก�ำลังรอคอยองค์พระผู้ช่วย ให้รอดพ้น ดังนั้นเราจะสังเกตเห็นว่า “ท่านยืนหยัดมั่งคงบนทิศทางชีวิตแห่งกระแสเรียกของท่าน” ท่านด�ำรงอยู่ใน ความสว่าง และไม่มีสิ่งใดในตัวท่านที่ท�ำให้ท่านล้มลงได้
บทอ่านที่ 1
บสร 3:3-7, 14-17ก
บทอ่านที่ 2
คส 3:12-21
บุตรที่ย�ำเกรงบิดาก็ชดเชยบาปของตน บุตรที่ให้เกียรติมารดาก็เหมือนกับสะสม ทรัพย์สมบัติไว้ ผู้ที่ย�ำเกรงบิดาก็มีความสุขจากบุตรของตน เมื่อเขาอธิษฐานภาวนา พระเจ้าก็จะทรงฟังเขา บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน บุตรที่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า จะท�ำให้มารดาชื่นใจ ผู้ย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมให้เกียรติแก่บิดา เขารับใช้บิดา มารดาเหมือนรับใช้เจ้านาย... ลูกเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะท�ำสิ่งใด จงท�ำด้วยความถ่อมตนเถิด ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ แล้วท่านจะเป็นที่รักมากกว่าคนให้ของก�ำนัล
ของพระเยซูเจ้า
สดด 128:1-2,3,4-5
พระวรสาร
พีน่ อ้ ง ท่านเป็นผูท้ พี่ ระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละเป็นทีร่ กั ของพระองค์ จงเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็น เสมือนเครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบากัน หากมีเรื่องผิดใจก็จงยกโทษกัน องค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยแก่เขาอย่างนั้นเถิด แต่เหนือสิ่งใดจงมีความรัก ซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอให้สันติสุข ของพระคริสตเจ้าครอบครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านทั้งหลายให้รวมเป็น กายเดียวกันก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึงพระคุณนี้เถิด...
มธ 2:13-15,19-23
เมื่อบรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์เฮโรด ก�ำลังสืบหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิต” โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปอียิปต์ ในคืนนัน้ และอยูท่ นี่ นั่ จนกระทัง่ กษัตริยเ์ ฮโรดสิน้ พระชนม์ ทัง้ นีเ้ พือ่ ให้พระด�ำรัสขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทีต่ รัส ทางประกาศกเป็นความจริงว่า “เราเรียกบุตรของเรามาจากอียิปต์” หลังจากกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟในอียิปต์ กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดากลับไปแผ่นดินอิสราเอล เพราะผู้ที่ต้องการฆ่าพระกุมารตายแล้ว” โยเซฟจึงลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดากลับไปแผ่นดินอิสราเอล แต่เมื่อรู้ว่าอารเคลาอัสขึ้นครองราชย์ เป็นกษัตริย์ในแคว้นยูเดีย สืบต่อจากกษัตริย์เฮโรดพระบิดา โยเซฟก็กลัวที่จะไปที่นั่น และเมื่อพระเจ้าทรง เตือนเขาในความฝัน เขาจึงกลับไปยังแคว้นกาลิลี ไปอาศัยอยูใ่ นเมืองหนึง่ ชือ่ นาซาเร็ธ ทัง้ นี้ เพือ่ ให้พระด�ำรัส ที่ตรัสทางประกาศกเป็นความจริงว่า “พระองค์จะได้รับพระนามว่าชาวนาซาเร็ธ” เนื่องจากการแต่งงานและครอบครัวเป็นสถาบันที่พระเจ้าทรงตั้งขึ้น ทั้งสองจึงศักดิ์สิทธิ์และมีคุณค่า ถาวรตลอดไป มนุษย์ไม่มสี ทิ ธิทจี่ ะท�ำลายสถาบันนี้ ปัจจุบนั นีช้ วี ติ ครอบครัวเป็นงานเต็มเวลาและยากล�ำบาก ด้วยเหตุนี้ ความส�ำเร็จของครอบครัวจะเกิดขึ้นได้ ไม่เพียงแต่อาศัยความรักของสมาชิกที่มีต่อกันเท่านั้น แต่อาศัยความช่วยเหลือ จากพระเจ้าด้วย ในโอกาสฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ให้เราอธิษฐานภาวนาเพื่อความส�ำเร็จของชีวิต ครอบครัว แม้ว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็ตาม ความผาสุกของสังคม ประเทศชาติ และพระศาสนจักรของเราขึ้นอยู่ กับความส�ำเร็จของชีวิตครอบครัว เมื่อใดก็ตามที่ชีวิตครอบครัวล้มเหลว จะมีปัญหาเกิดขึ้นมากมายแก่สังคม ประเทศ ชาติ และพระศาสนจักรอันเป็นที่รักยิ่งของเรา
บทอ่านที่ 1
1 ยน 2:18-21
ลูกที่รักทั้งหลาย นี่เป็นวาระสุดท้าย ท่านได้ฟังแล้วว่า ปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า ก�ำลังมา และเวลานี้ ปฏิปกั ษ์จำ� นวนมากของพระคริสตเจ้าก็มาถึงแล้ว เพราะเหตุนเี้ ราจึงรู้ ว่า เป็นวาระสุดท้าย เขาทัง้ หลายออกไปจากเรา แต่เขาไม่ได้เป็นพวกของเราอย่างแท้จริง เพราะถ้าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเราจริง เขาคงจะอยูก่ บั เรา แต่ทเี่ ป็นดังนีก้ เ็ พือ่ แสดงว่า เขาเหล่านัน้ ทุกคนไม่เป็นพวกเดียวกับเรา ท่านทัง้ หลายได้รบั การเจิมจากพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ และทุกคนต่างได้รับความรู้ การที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายนั้น มิใช่เพราะท่านไม่รู้ ความจริง แต่เขียนเพราะท่านรู้ดีอยู่แล้ว และเพราะไม่มีความเท็จใดมาจากความจริงได้
พระวรสาร
ยน 1:1-18
น.ซิลเวสเตอร์ ที่ 1 พระสันตะปาปา สดด 96:1-3,10-12ก, 12ข-13 วันเริ่มเทศกาลปีใหม่
เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงด�ำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า พระองค์ประทับอยูก่ บั พระเจ้าแล้วตัง้ แต่แรกเริม่ พระเจ้า ทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้าง โดยทางพระ วจนาตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างส�ำหรับมนุษย์ แสงสว่างส่องใน ความมืด และความมืดชนะแสงสว่างนั้นไม่ได้ พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมา เขาชื่อยอห์น เขามาในฐานะพยาน เพื่อเป็นพยานถึง แสงสว่าง ให้ทุกคนมีความเชื่ออาศัยเขา เขาไม่ใช่แสงสว่าง แต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง แสงสว่างแท้จริง ซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคน ก�ำลังจะมาสู่โลก พระวจนาตถ์ประทับอยู่ในโลก และโลก ถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รจู้ กั พระองค์ พระองค์เสด็จมาสูบ่ า้ นเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของ พระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามพระองค์ พระองค์ประทานอ�ำนาจ ให้ผู้นั้นกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขามิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้ เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับ อยูใ่ นหมูเ่ รา เราได้เห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ทที่ รงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตร เพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง ยอห์นเป็นพยานถึงพระองค์ และประกาศว่า “ผูท้ มี่ าภายหลังข้าพเจ้า ได้นำ� หน้าข้าพเจ้า เพราะพระองค์ ทรงด�ำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า” จากความไพบูลย์ของพระองค์ เราทุกคนได้รับพระหรรษทานต่อเนื่องกัน เพราะ พระเจ้าได้ประทานธรรมบัญญัติผ่านทางโมเสส แต่พระหรรษทานและความจริงมาทางพระเยซูคริสตเจ้า ไม่มี ใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ผูส้ ถิตในพระอุระของพระบิดานัน้ ได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้
วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี โอกาสนี้ ทั้งนักบุญยอห์นอัครสาวก และนักบุญยอห์น บัปติสต์ ได้ป่าวประกาศ “ความจริงถึงพระเยซูคริสตเจ้า” โดยเฉพาะส�ำหรับพวกเราคริสตชนทีไ่ ด้รบั การเจิมจากพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิผ์ า่ นทางศีลล้าง บาปแล้ว ช่วยท�ำให้เรามีความรู้ถึงความจริงในพระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิตเจ้า อีกทั้งยังช่วยเราให้ กลายเป็นลูกของพระองค์อีกด้วย โดยอาศัยพระวจนาตถ์ผู้ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลาง พวกเรา และโดยอาศัยการช่วยเหลือของพระเยซูคริสตเจ้าท�ำให้พวกเราเต็มเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริงใน พระองค์ ขอให้ชีวิตของพระองค์เป็นดั่งแสงสว่างส�ำหรับพวกเรามนุษยชาติด้วยเทอญ