บทอ่านที่ 1 ดนล 7:2-14 ในครั้งนั้น ดาเนียลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตเวลากลางคืน ข้าพเจ้าเห็น ลมทัง้ สีจ่ ากท้องฟ้าลงมาทำ�ให้ทะเลใหญ่ปนั่ ป่วน สัตว์รา้ ยมหึมาสีต่ วั มีลกั ษณะต่าง กันขึ้นมาจากทะเล ตัวแรกเหมือนสิงโตมีปีกนกอินทรี... มีเสียงสั่งมันว่า “จงลุก ขึ้นกินเนื้อให้มากๆ” ขณะที่ข้าพเจ้ากำ�ลังมองดูนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นสัตว์ร้ายอีกตัว หนึ่ง เหมือนเสือดาว มีปีกนกสี่ปีกบนหลัง สัตว์ร้ายตัวนี้มีสี่หัว และได้รับอำ�นาจ สัปดาห์ที่ 34 ปกครอง ต่อจากนั้น ขณะที่ข้าพเจ้ายังเห็นนิมิตในเวลากลางคืน ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ เทศกาลธรรมดา ร้ายตัวทีส่ ี่ ร้ายกาจ น่ากลัวและแข็งแรงยิง่ นัก... สัตว์รา้ ยตัวนีม้ สี บิ เขาต่างจากสัตว์ ร้ายอื่นๆ ทั้งหมดที่มาก่อน เมื่อข้าพเจ้ากำ�ลังมองดูเขาสัตว์เหล่านี้ ข้าพเจ้าก็เห็น ดนล 3:75-76,77-78, เขาสัตว์เล็กๆ อีกเขาหนึ่งงอกขึ้นมาในหมู่เขาสัตว์เหล่านั้น ทำ�ให้เขาสัตว์ชุดแรก 79-80,81 สามเขาถูกถอนออกไปเพื่อให้เขาเล็กๆ นั้นขึ้นมาแทน... ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ขณะทีข่ า้ พเจ้ากำ�ลังมองดูอยูน่ นั้ ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ถกู นำ�มาตัง้ ไว้ วันศุกร์ต้นเดือน และผูส้ งู ด้วยวัยวุฒทิ า่ นหนึง่ มานัง่ บนบัลลังก์ สวมอาภรณ์ขาวอย่างหิมะ... บัลลังก์ ของเขาเหมือนเปลวเพลิง มีล้อเหมือนไฟลุกโพลง เบื้องหน้าเขามีธารไฟไหลออก มา ผู้รับใช้จำ�นวนมาก นับล้านนับโกฎิอสงไขย คอยเฝ้ารับใช้เขา การพิจารณาคดี เริ่มขึ้น และบรรดาหนังสือก็เปิดออก ข้าพเจ้าจ้องดูต่อไป เพราะเขาเล็กๆ นั้นพูดจาโอหัง แล้วข้าพเจ้าก็เห็นสัตว์ร้ายตัวนั้นถูกฆ่า และ ร่างของมันก็ถูกทำ�ลายโยนทิ้งลงไปในกองไฟ สัตว์ร้ายตัวอื่นๆ ก็สูญเสียอำ�นาจปกครอง แต่ชีวิตของ มันยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่งตามกำ�หนด ข้าพเจ้ายังเห็นนิมิตเวลากลางคืนต่อไป ข้าพเจ้าเห็นท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรแห่งมนุษย์ มาพร้อม กับหมูก่ อ้ นเมฆในท้องฟ้า เขามาพบผูส้ งู ด้วยวัยวุฒิ และมีผแู้ นะนำ�เขาแก่ทา่ นผูน้ นั้ เขาได้รบั มอบอำ�นาจ ปกครอง สิริรุ่งโรจน์ และอาณาจักร ประชาชนทุกชาติทุกภาษารับใช้เขา อำ�นาจปกครองของเขาเป็น อำ�นาจที่คงอยู่ตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด และอาณาจักรของเขาจะไม่มีวันถูกทำ�ลายเลย พระวรสาร ลก 21:29-33 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสคำ�อุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่า “จงมองดูต้นมะเดื่อเทศและต้นไม้ทั้งหลายเถิด เมื่อมันแตกใบอ่อน ท่านย่อมรู้ว่าฤดูร้อนใกล้เข้า มาแล้ว เช่นเดียวกันเมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้เถิดว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามา แล้ว เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าคนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะ เกิดขึ้น ฟ้าดินจะสูญสิ้นไป แต่วาจาของเราจะไม่สูญสิ้นไปเลย” “คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น” เป็นคำ�ทำ�นายถึงความ พินาศของกรุงเยรูซาเล็มซึ่งเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี ค.ศ. 70 โดยการทำ�ลายล้างของกองทัพโรมัน ส่วนเรือ่ งวันสิน้ พิภพหรือวันทีบ่ ตุ รแห่งมนุษย์ ผูท้ รงได้รบั อำ�นาจปกครองตลอดไปไม่มวี นั สิน้ สุด จะเสด็จ กลับมาอีกครั้งหนึ่งนั้น “ไม่มีใครรู้เลย ทั้งบรรดาทูตสวรรค์ และแม้แต่พระบุตร นอกจากพระบิดาเพียง พระองค์เดียว” (มก 13:32) ในเมือ่ พระองค์ตรัสว่าจะเสด็จกลับมาอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รวู้ า่ เมือ่ ใด เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม อยู่เสมอ เพราะแม้ฟ้าดินจะสูญสิ้นไป แต่พระวาจาของพระองค์จะไม่สูญสิ้นไปเลย
บทอ่านที่ 1 ดนล 7:15-27 ข้าพเจ้า ดาเนียลมีจิตใจเป็นทุกข์ เพราะนิมิตในความคิดทำ�ให้ข้าพเจ้ากังวล ใจ ข้าพเจ้าจึงเข้าไปใกล้ผู้หนึ่งที่อยู่ที่นั่นและถามเขาถึงความหมายของนิมิตที่ ข้าพเจ้าได้เห็น ผูน้ นั้ ก็ตอบข้าพเจ้าและอธิบายความหมายของนิมติ ให้ฟงั ดังต่อไป นี้ “สัตว์รา้ ยมหึมาทัง้ สีต่ วั หมายถึงกษัตริยส์ พี่ ระองค์ซงึ่ เสด็จขึน้ มาจากแผ่นดิน แต่ บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าผู้สูงสุดจะได้รับพระอาณาจักร และจะครอบครอง สัปดาห์ที่ 34 พระอาณาจักรนั้นตลอดไปทุกยุคทุกสมัย” ข้าพเจ้าอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับสัตว์ เทศกาลธรรมดา ร้ายตัวทีส่ ซี่ งึ่ ต่างจากสัตว์รา้ ยอืน่ ๆ ทุกตัว... ข้าพเจ้ายังอยากรูเ้ รือ่ งเขาสิบเขาซึง่ อยู่ บนหัวของมัน... ผู้นั้นตอบข้าพเจ้าว่า ดนล 3:82-83, 84-85,86-87 “สัตว์ร้ายตัวที่สี่หมายถึงราชอาณาจักรที่สี่ ที่จะเกิดขึ้นบนแผ่นดิน เป็นราช ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 อาณาจักรที่ต่างจากราชอาณาจักรอื่นๆ ทั้งหมด ราชอาณาจักรนี้จะกิน บดขยี้ และเหยียบยํ่าทั่วแผ่นดิน ส่วนเขาสิบเขาหมายถึงกษัตริย์สิบพระองค์ ซึ่งจะขึ้น มาปกครองราชอาณาจักรนั้น ต่อจากกษัตริย์เหล่านี้จะมีกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่ง ต่างจากกษัตริยท์ งั้ หลายก่อนหน้านัน้ กษัตริยพ์ ระองค์นจี้ ะทรงพิชติ กษัตริยส์ ามพระองค์ จะตรัสลบหลู่ พระเจ้าผู้สูงสุด จะทรงทำ�ลายบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าผู้สูงสุด จะทรงคิดเปลี่ยนแปลงวันฉลอง และธรรมบัญญัติ บรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิจ์ ะถูกมอบแก่พระองค์เป็นเวลาสามปีครึง่ แต่เมือ่ จะมีการพิจารณา คดี อำ�นาจปกครองของพระองค์จะถูกยกไป จะถูกทำ�ลาย และจะพินาศจนสิ้นเชิง แล้วราชอาณาจักร อำ�นาจปกครอง และความยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรทั้งหลายภายใต้ท้องฟ้า จะถูกมอบแก่ประชากร ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าผูส้ ูงสุด อาณาจักรนีจ้ ะเป็นอาณาจักรนิรนั ดร และอาณาจักรอืน่ ๆ ทัง้ หมดจะรับใช้ และอ่อนน้อมเชือ่ ฟังพระอาณาจักรนี”้ พระวรสาร ลก 21:34-36 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและ ความกังวลถึงชีวิตนี้ มิฉะนั้น วันนั้นจะมาถึงท่านอย่างฉับพลันเหมือนบ่วงแร้ว เพราะวันนั้นจะลงมา เหนือทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ท่านทั้งหลายจงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด เพื่อท่าน จะมีกำ�ลังหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นนี้ไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์บุตรแห่งมนุษย์ได้” ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติกำ�ลังมุ่งไปสู่เป้าหมายที่แน่นอน นั่นคือ “ประชาชนทั้งหลายจะ เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาในก้อนเมฆ ทรงพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่” (ลก 21:27) เมื่อเวลานั้นมาถึง เราเหลือเพียง 2 สถานภาพให้เลือกคือ “เหมาะสม” หรือ “ไม่เหมาะสม” ที่จะปรากฏ ตนต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเยซูคริสตเจ้าผู้จะเสด็จมาเพื่อพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตาย หากเป็นผูท้ เี่ หมาะสม “ท่านทัง้ หลายจงยืนตรง เงยหน้าขึน้ เถิด เพราะในไม่ชา้ ท่านจะได้รบั การปลดปล่อย เป็นอิสระแล้ว” (ลก 21:28) ส่วนผู้ที่ไม่เหมาะสม “ปล่อยใจให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึง ชีวิตนี้ วันนั้นจะมาถึงท่านอย่างฉับพลันเหมือนบ่วงแร้ว” (ลก 21:34-35) เราต้องเตรียมพร้อมต้อนรับการเสด็จมาของพระองค์ด้วยการ “อธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลา” และ ทำ�หน้าที่ของเราแต่ละวันให้ดีที่สุด เพื่อว่าเราจะสามารถ “ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์บุตรแห่งมนุษย์ได้”
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 63:16-17,64:2-7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะอับราฮัมไม่รจู้ กั ข้าพเจ้าทัง้ หลายอีกแล้ว และอิสราเอลก็จ�ำ ไม่ได้ แต่พระองค์ ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะพระนามของพระองค์ตลอดมาคือ “พระผู้ไถ่กู้ของเรา” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้ง สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล หลายหลงไปจากวิถที างของพระองค์เล่า เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย เตรียมรับเสด็จ มีใจดื้อด้านจนไม่ยำ�เกรงพระองค์ โปรดทรงกลับมาเพราะเห็นแก่ผู้รับใช้ของ พระคริสตเจ้า พระองค์ และเห็นแก่ตระกูลที่เป็นมรดกของพระองค์เถิด เมื่อพระองค์ทรงทำ�สิ่งน่าสะพรึงกลัวที่ข้าพเจ้าทั้งหลายคาดไม่ถึง พระองค์ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เสด็จลงมา ภูเขาทั้งหมดก็จะสั่นสะเทือนเฉพาะพระพักตร์ ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินเช่น วันพระคัมภีร์ นี้มาก่อนเลย หูไม่เคยได้ยิน ดวงตาไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ เคยทำ�เช่นนีส้ �ำ หรับผูท้ วี่ างใจในพระองค์ พระองค์เสด็จมาพบผูท้ ยี่ นิ ดีปฏิบตั คิ วาม ยุติธรรม และระลึกถึงพระองค์โดยเดินตามหนทางของพระองค์ แต่บัดนี้พระองค์ กริ้ว เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำ�บาป ข้าพเจ้าทั้งหลายจะรอดพ้นโดยเดินตาม หนทางที่เคยเดินนานมาแล้ว ข้าพเจ้าทุกคนเป็นเหมือนผู้มีมลทิน แม้แต่การ กระทำ�ที่ชอบธรรมของข้าพเจ้าทั้งหลายก็เป็นเหมือนผ้าสกปรกที่เปื้อนเลือด ข้าพเจ้าทุกคนเหีย่ วแห้งไป เหมือนใบไม้ ความผิดพัดพาข้าพเจ้าทัง้ หลายไปเหมือน ลม ไม่มีผู้ใดเรียกขานพระนามของพระองค์ ไม่มีผู้ใดกระตือรือร้นขอให้พระองค์ ทรงช่วย เพราะทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพเจ้าทั้งหลาย ทรงปล่อยให้ความผิดมี อำ�นาจเหนือข้าพเจ้าทัง้ หลาย บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระ บิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเหมือนดินเหนียว พระองค์ทรงเป็นผู้ปั้น ข้าพเจ้าทุกคนเป็นผลงานจากฝีพระหัตถ์ เพลงสดุดี สดด 80:1-2ก,14-15,17-18 ก) ข้าแต่ผู้เลี้ยงแห่งอิสราเอล โปรดทรงฟังเถิด พระองค์ทรงนำ�โยเซฟไปประดุจฝูงแกะ พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์เหนือเหล่าเครูบ โปรดทรงทอรัศมีลงมาเหนือเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์ ข) ข้าแต่พระเจ้าจอมจักรวาล โปรดเสด็จกลับมา โปรดทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์และทรงพิจารณาเถิด โปรดเสด็จมาเยี่ยมองุ่นเถานี้ โปรดทรงคุ้มครองเถาองุ่นที่พระหัตถ์ขวาปลูกไว้ โปรดทรงพิทักษ์บุตรที่ทรงทำ�นุบำ�รุงให้เข้มแข็งสำ�หรับพระองค์ ค) ขอพระหัตถ์ปกป้องบุรุษซึ่งอยู่เบื้องขวาของพระองค์ โปรดทรงพิทักษ์บุตรแห่งมนุษย์ที่ทรงทำ�นุบำ�รุงให้เข้มแข็งสำ�หรับพระองค์
ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่มีวันละทิ้งพระองค์อีก โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และข้าพเจ้าทั้งหลายจะเรียกขานพระนาม ของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึง ชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 1:3-9 ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้าพระบิดา ของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า สถิต กับท่านทั้งหลายเถิด ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอเพื่อท่านทั้ง หลาย เพราะพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานแก่ท่าน เดชะพระคริสตเยซู ท่านได้รบั พระพรทุกด้านและทุกประการเดชะพระองค์ คือการประกาศพระวาจา และความรู้ทุกอย่าง ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าอย่างเข้มแข็งจนถึงที่สุด จนกระทั่งท่าน ไม่ขาดพระคุณใดในขณะที่รอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ จะทรงคํ้าจุนท่านให้มั่นคงจนถึงวาระสุดท้าย ไม่มีที่ติในวันที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จะเสด็จมา พระเจ้าทรงเรียกท่านให้สนิทสัมพันธ์กับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระ ผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว พระองค์ทรงมั่นคงในการรักษาคำ�สัญญา บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 13:33-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง จงตื่นเฝ้าเถิด เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าวันเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร เหมือนกับชายคน หนึ่งที่ก่อนจะเดินทางออกจากบ้านได้มอบอำ�นาจให้กับผู้รับใช้ ให้แต่ละคนมีงานของตนและยังสั่งคน เฝ้าประตูให้คอยตืน่ เฝ้าไว้ ดังนัน้ ท่านทัง้ หลายจงตืน่ เฝ้าเถิด เพราะท่านไม่รวู้ า่ เจ้าของบ้านจะมาเมือ่ ไร อาจจะมาเวลาคํ่า เวลาเที่ยงคืน เวลาไก่ขัน หรือเวลารุ่งเช้า ถ้าเขากลับมาโดยไม่คาดคิด อย่าให้เขาพบ ท่านกำ�ลังหลับอยู่ สิ่งที่เราบอกท่าน เราก็บอกทุกคนด้วยว่า จงตื่นเฝ้าเถิด” พระผู้ไถ่กู้ของเราจะเสด็จมาพบผู้ที่ปฏิบัติความยุติธรรมและเดินตามหนทางของพระองค์ พระองค์ทรงรักษาคำ�สัญญาเสมอ เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าวันเวลานั้นจะมาถึงเมื่อใด เมื่อไม่รู้วันและเวลา หนทางเดียวที่เราจะทำ�ได้คือ ระวังและตื่นเฝ้า อย่าให้พระองค์พบเรากำ�ลังหลับ อยู่ นั่นคือ ไม่เอาใจใส่ดูแลวิญญาณของตนเอง หรือไม่เตรียมตัวให้พร้อมสำ�หรับการเสด็จมาของพระองค์ และเพื่อจะ “ตื่น” อยู่เสมอ เราต้องทำ�เช่นเดียวกับผู้รับใช้ที่ได้รับมอบอำ�นาจและหน้าที่การงานจาก เจ้าของบ้าน นัน่ คือ ทำ�หน้าทีป่ ระจำ�วันทีพ่ ระเจ้าทรงมอบหมายแก่เราให้ส�ำ เร็จและเหมาะสมสำ�หรับพระองค์ จะได้ทอดพระเนตร ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จมาเวลาใดก็ตาม
บทอ่านที่ 1 อสย 2:1-5 นิมติ ทีป่ ระกาศกอิสยาห์บตุ รของอามอสเห็นเกีย่ วกับยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม ในยุคสุดท้าย ภูเขาแห่งพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะถูกตัง้ ขึน้ เหนือยอดภูเขา ทั้งหลาย และจะสูงกว่าบรรดาเนินเขา นานาชาติจะหลั่งไหลมาที่ภูเขานี้ ชนหลายชาติจะมาและกล่าวว่า “มาเถิด เราจงขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้ น.ยอห์น ชาวดามัสคัส เป็นเจ้า ไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของ พระสงฆ์ พระองค์ให้เรา เราจะได้เดินตามมรรคาของพระองค์ เพราะว่าบทบัญญัติจะออก และนักปราชญ์ มาจากศิโยน และพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม แห่งพระศาสนจักร พระองค์จะทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติ และจะทรงวินิจฉัยประชากรจำ�นวน สดด 122:1-2,3-4,8-9 มาก เขาทัง้ หลายจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา ตีหอกให้เป็นเคียว ชาติตา่ งๆ จะไม่ยก ดาบขึน้ ต่อสูก้ นั อีก จะไม่ฝกึ ฝนยุทธวิธอี กี ต่อไป พงศ์พนั ธุข์ องยาโคบเอ๋ย จงมาเถิด ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เราจงเดินในความสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้า” พระวรสาร มธ 8:5-11 เวลานัน้ เมือ่ พระองค์เสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม นายร้อยคนหนึง่ เข้ามาเฝ้า พระองค์ ทูลอ้อนวอนว่า “พระองค์เจ้าข้า ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าเป็นอัมพาตนอนอยู่ ที่บ้าน ต้องทรมานอย่างสาหัส” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หาย” แต่นายร้อยทูลตอบ ว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำ�เดียวเท่านั้น ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค ข้าพเจ้าเป็นคนอยูใ่ ต้บงั คับบัญชา แต่ยงั มีทหารอยูใ่ ต้บงั คับบัญชาด้วย ข้าพเจ้าสัง่ ทหารคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งอีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าสั่งผู้รับใช้ว่า ‘ทำ�นี่’ เขาก็ทำ�” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงได้ยินเช่นนี้ ทรงประหลาดพระทัย จึงตรัสแก่บรรดาผู้ติดตามว่า “เราบอก ความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า เรายังไม่เคยพบใครมีความเชือ่ มากเช่นนีใ้ นอิสราเอลเลย เราบอกท่านทัง้ หลายว่า คนจำ�นวนมากจะมาจากทิศตะวันออกและตะวันตก และจะนั่งร่วมโต๊ะกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในอาณาจักรสวรรค์” อริสโตเติลกล่าวว่า “ระหว่างนายกับทาสนั้น ไม่มีสิ่งใดไปด้วยกันได้เลย เหตุว่าทาสเป็นเพียง เครื่องมือที่มีชีวิต เหมือนกับเครื่องมือซึ่งเป็นทาสที่ไม่มีชีวิต” แต่นายร้อยคนนี้กลับรัก ห่วงใย และเอาใจใส่ดูแลผู้รับใช้ของตน ซึ่งก็เป็นเพียงทาสคนหนึ่ง นอกจาก รักและห่วงใยทาสผูต้ าํ่ ต้อยแล้ว นายร้อยผูน้ ยี้ งั มีความเชือ่ แก่กล้าอย่างยิง่ เขามัน่ ใจว่าพระเยซูเจ้าไม่จ�ำ เป็น ต้องเสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือผู้รับใช้ของเขา ขอพระองค์ตรัสเพียงคำ�เดียวเท่านั้น ผู้รับใช้ของเขาก็จะหาย จากโรค กับคนเช่นนายร้อยนี้แหละที่ทำ�ให้พระเยซูเจ้าประทับใจ และจะให้นั่งร่วมโต๊ะในอาณาจักรสวรรค์ มาเถิด ให้เราเดินในความสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับนายร้อยผู้นี้เถิด
บทอ่านที่ 1 อสย 11:1-10 หน่อหนึง่ จะแตกออกจากตอของเจสซี กิง่ หนึง่ จะงอกขึน้ จากรากของเขา พระ จิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะพำ�นักอยู่เหนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณและความ เข้าใจ จิตแห่งความคิดอ่านและอานุภาพ จิตแห่งความรูแ้ ละความยำ�เกรงองค์พระ ผู้เป็นเจ้า เขาจะพอใจยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จะไม่พิพากษาตามที่ตาเห็น จะ ไม่ตัดสินตามที่หูได้ยิน แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม จะตัดสิน สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ อย่างเที่ยงธรรมเพื่อผู้ถูกข่มเหงในแผ่นดิน คำ�พูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวที่ พระคริสตเจ้า เฆีย่ นตีผคู้ นบนแผ่นดิน ลมปากของเขาจะประหารชีวติ คนอธรรม ความชอบธรรม จะเป็นดังผ้าคาดสะเอว ความซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา สดด 72:1-2,7-8, สุนขั ป่าจะอยูก่ บั ลูกแกะ เสือดาวจะนอนอยูก่ บั ลูกแพะ ลูกโคและลูกสิงโตจะ 12-13,17 หากินอยูด่ ว้ ยกัน เด็กคนหนึง่ ก็ยงั นำ�มันไปได้ แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกของ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 มันจะนอนอยูด่ ว้ ยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้ ทารกทีย่ งั ไม่หย่านมจะเล่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จ อยู่ที่ปากรูงูเห่า เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ใดทำ�ร้าย พระเจ้าอยู่หัว หรือทำ�ลายทัว่ ภูเขาศักดิส์ ทิ ธิข์ องเรา เพราะแผ่นดินจะรูจ้ กั องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าอย่าง สมบูรณ์ ดั่งนํ้าปกคลุมทะเล วันนัน้ รากของเจสซีจะตัง้ ขึน้ เป็นเครือ่ งหมายสำ�หรับประชาชนทัง้ หลาย จะ เป็นที่แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำ�นักอย่างรุ่งโรจน์ พระวรสาร ลก 10:21-24 ในเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลื้มพระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้า แผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ตํ่าต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบ ทุกสิง่ แก่ขา้ พเจ้า ไม่มใี ครรูว้ า่ พระบุตรทรงเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มใี ครรูว้ า่ พระบิดาทรงเป็น ใครนอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรทรงเปิดเผยให้รู้” แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ ตรัสกับเขาโดยเฉพาะว่า “นัยน์ตาของท่านเป็นสุข ทีม่ องเห็นสิง่ ต่างๆ ทีท่ า่ นเห็น เราบอกท่านทัง้ หลายว่า ประกาศกและกษัตริยจ์ �ำ นวนมากปรารถนาจะ เห็นสิ่งที่ท่านได้เห็นแต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านได้ฟังแต่ก็ไม่ได้ฟัง” ผูท้ ปี่ ระกาศกอิสยาห์ท�ำ นายว่าจะสืบเชือ้ สายมาจากเจสซี จะเปีย่ มล้นด้วยพระจิตของพระเจ้า และจะนำ�สันติสขุ มาสูม่ นุษยชาติ อีกทัง้ กษัตริยจ์ �ำ นวนมากต่างก็ปรารถนาจะได้เห็น จะได้ฟงั พระองค์ทา่ นนัน้ บัดนี้ พระองค์เสด็จมาแล้ว และเรากำ�ลังเตรียมจิตใจสมโภชระลึกถึงการเสด็จมาบังเกิดของพระองค์ทา่ น เพียงแต่ว่าผู้ที่มีจิตใจเย่อหยิ่ง ทำ�ตนรอบรู้ไปหมดว่าพระเจ้าจะต้องเป็นเช่นนี้ จะต้องทำ�เช่นนั้น จะไม่มี โอกาสได้ประสบพบพระองค์เลย ส่วนผู้ที่มีจิตใจสุภาพ พร้อมน้อมรับการเปิดเผยของพระเจ้า และปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ นั่นแหละ ที่นัยน์ตาจะเป็นสุข
น.นิโคลัส พระสังฆราช สดด 23:1-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 อสย 25:6-10ก เวลานั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลทรงจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองสำ�หรับ ประชากรทุกชาติบนภูเขานี้ เป็นงานเลี้ยงที่มีอาหารนานาชนิด เป็นงานเลี้ยงที่มี เหล้าองุ่นชั้นดี มีอาหารเลิศรสและเหล้าองุ่นที่เลือกสรรแล้ว บนภูเขานี้พระองค์ จะทรงทำ�ลายผ้าคลุมทีค่ ลุมหน้าประชากรทัง้ หลาย และจะทรงทำ�ลายม่านซึง่ กาง อยู่เหนือนานาชาติ พระองค์จะทรงทำ�ลายความตายตลอดไป องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจะทรงเช็ดนาํ้ ตาจากใบหน้าของทุกคน จะทรงช่วยประชากรของพระองค์ ให้พ้นจากการถูกลบหลู่ทั่วแผ่นดิน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว วันนั้น เขาจะพูดกันว่า “นี่คือพระเจ้าของเรา เราเคยหวังว่าพระองค์จะทรง ช่วยเราให้รอดพ้น นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราเคยมีความหวังในพระองค์ เราจง ชื่นชมยินดีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นเถิด” เพราะพระหัตถ์องค์พระผู้เป็น เจ้าจะพักอยู่บนภูเขานี้ พระวรสาร มธ 15:29-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นบน ภูเขาประทับทีน่ นั่ ประชาชนจำ�นวนมากเข้ามาเฝ้าพระองค์ นำ�คนง่อย คนแขนขา พิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอืน่ ๆ จำ�นวนมากมาไว้แทบพระบาท พระองค์ ทรงรักษาเขาให้หายจากโรค เมื่อประชาชนเห็นคนใบ้พูดได้ คนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คน ตาบอดมองเห็นได้ ต่างประหลาดใจและสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเยซูเจ้าทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสว่า “เราสงสารประชาชน เพราะ เขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน เราไม่อยากให้เขากลับบ้าน โดยไม่ได้กินอะไร เขาจะหมดแรงขณะเดินทาง” บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “ในที่ เปลี่ยวเช่นนี้ เราจะหาอาหารจากที่ไหนให้ประชาชนจำ�นวนมากเช่นนี้กินจนอิ่ม ได้” พระเยซูเจ้าตรัสถามว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อนกับปลา เล็กๆ อีกสองสามตัว” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงที่พื้นดิน ทรงหยิบปลา และขนมปังเจ็ดก้อนนัน้ ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า ทุกคนกินจนอิม่ และยังเก็บเศษ ที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า
พระวรสารวันนี้เผยแสดงพระเมตตาใหญ่หลวงของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเยียวยาและ บรรเทาความทุกข์ยากทั้งหลายทั้งปวงของเรา ไม่ว่าจะเป็นความพิกลพิการของร่างกาย ความเจ็บปวดจาก โรคภัยไข้เจ็บ หรือความหิวโหยเหน็ดเหนื่อยหมดแรงจากการเดินทาง พระองค์ไม่เพียงช่วยวิญญาณของเราให้รอดพ้นเท่านั้น แต่ทรงพร้อมจะใช้พระอานุภาพเพื่อช่วยเหลือ เราทุกความต้องการ และทุกสถานการณ์อีกด้วย นีค่ อื พระเจ้าของเรา พระเจ้าผูท้ รงช่วยเราให้รอดพ้น พระเจ้าทีเ่ รามีความหวัง และบัดนี้ พระองค์ก�ำ ลัง จะเสด็จมา ให้เราเตรียมพร้อมต้อนรับพระองค์กันเถิด
บทอ่านที่ 1 อสย 26:1-6 วันนัน้ ทุกคนในแผ่นดินยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ “พวกเรามีเมืองเข้มแข็งเมือง หนึ่ง พระองค์ทรงสร้างกำ�แพงและเชิงเทินไว้เพื่อปกป้อง จงเปิดประตูเมืองเถิด ประชาชาติที่ชอบธรรมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์ไว้จะได้เข้ามา พระองค์ทรงรักษา ชนชาติที่มีใจมั่นคงให้อยู่ในสันติ เขาอยู่ในสันติ เพราะวางใจในพระองค์ จงวางใจ ในองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเป็นศิลา นิรันดร เพราะพระองค์ทรงกดผู้อยู่บนที่สูงให้ตํ่าลง ทรงทำ�ลายเมืองบนที่สูงให้ ราบถึงพื้นดิน กลายเป็นฝุ่นดิน เท้าที่เหยียบเมืองนั้นคือเท้าของผู้ถูกกดขี่ คน ยากจนจะเดินเหยียบยํ่าเมืองนั้น” พระวรสาร มธ 7:21,24-27 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์วา่ “คนทีก่ ล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระ ประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้ ผู้ใดฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่ สร้างบ้านไว้บนหิน ฝนจะตก นาํ้ จะไหลเชีย่ ว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บา้ นหลังนัน้ บ้าน ก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลา ที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก นํ้าไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มัน ก็พังทลายลงและเสียหายมาก” บ้านที่มีฐานรากมั่นคงเท่านั้นจึงจะสามารถยืนหยัดสู้พายุได้ฉันใด ชีวิต ที่มีรากฐานมั่นคงเท่านั้นจึงจะสามารถทนทานมรสุมที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตได้ฉันนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบ เสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน” ก็เท่ากับว่าเพื่อจะทำ�ให้รากฐานชีวิตของเรา มัน่ คง เราต้องฟังพระวาจา ต้องพยายามทุกวิถที างในอันทีจ่ ะทำ�ให้พระองค์ได้มโี อกาส “พูด” และเราได้มีโอกาส “ฟัง” นอกจากฟังแล้ว เราต้องปฏิบตั ติ ามอีกด้วย หาไม่แล้วจะมีประโยชน์อนั ใด เหมือน กับเราไปพบแพทย์แต่ไม่พร้อมจะปฏิบัติตามแพทย์สั่ง แล้วจะได้ประโยชน์อันใด อย่าลืมว่าหากคิดจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ เราต้องทั้ง “ฟัง” และทั้ง “ปฏิบัติ” ตามพระประสงค์ของพระเจ้าเสมอ
ระลึกถึง น.อัมโบรส พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 118:1,8-9, 19-21,25,27
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
สมโภช พระนางมารีย์ ผู้ปฏิสนธินิรมล สดด 98:1-2,3-4
บทอ่านที่ 1 ปฐก 3:9-15,20 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเรียกมนุษย์... ตรัสกับหญิงว่า “ท่านทำ�อะไรไปนี”่ หญิง ทูลตอบว่า “งูหลอกลวงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับงูว่า “เพราะเจ้าทำ�เช่นนี้ เจ้าจงถูกสาปแช่ง... เราจะทำ�ให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา”... บทอ่านที่ 2 อฟ 1:3-6,11-12 ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของ เรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้า จากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตัง้ แต่ ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพือ่ ให้เราศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ ของพระองค์ด้วยความรัก...
พระวรสาร ลก 1:26-38 เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งใน แคว้นกาลิลชี อื่ เมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยูก่ บั ชายชือ่ โยเซฟ ในราชวงศ์ของ กษัตริยด์ าวิด หญิงพรหมจารีผนู้ นั้ ชือ่ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่าน ผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทาย นี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะ ตัง้ ครรภ์และให้ก�ำ เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่าเยซู เขาจะเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่และพระเจ้าผูส้ งู สุด จะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์...” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะ เป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้ สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของ พระเจ้า... เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตาม วาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป หลังจากอาดัมและเอวาทำ�บาปกำ�เนิด พระเจ้าทรงเลือกสรรพระนางมารีย์ไว้ล่วงหน้าให้พ้น จากมลทินบาปทั้งปวงตั้งแต่วินาทีแรกที่ทรงปฏิสนธิในครรภ์ของนักบุญอันนา เพื่อให้พระนางเหมาะสม สำ�หรับเป็นผู้ให้กำ�เนิดพระบุตรของพระองค์ และทำ�ให้แผนการแห่งความรอดพ้นสำ�เร็จลุล่วงไป พระสันตะปาปาปีโอที่ 9 จึงประกาศเป็นข้อความเชื่อในปี 1854 ว่าพระนางมารีย์ทรงปฏิสนธินิรมล ให้เราร่วมความยินดีกับพระแม่มารีย์ และขอบคุณพระเจ้าสำ�หรับพระญาณเอื้ออาทร และพระ หรรษทานที่ทรงโปรดประทานแก่พระแม่และแก่ทุกคนที่ทรงเลือกสรรให้ทำ�หน้าที่ที่ทรงมอบหมาย ก่อนที่ผู้ นั้นจะบังเกิดด้วยซํ้า
บทอ่านที่ 1 อสย 30:19-21,23-26 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ประชากรแห่งศิโยน ผูอ้ าศัยทีก่ รุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทั้งหลายจะไม่ต้องร้องไห้อีกเลย เมื่อท่านร้องขอความช่วยเหลือ พระองค์จะทรงพระเมตตาต่อท่าน เมื่อทรงได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน แม้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะประทานความยากลำ�บากให้เป็นเหมือนอาหาร และประทาน ความทุกข์ใจให้เป็นเหมือนนํ้าดื่ม ถึงกระนั้น พระอาจารย์ของท่านจะไม่ซ่อน พระองค์อกี ตาของท่านจะเห็นพระอาจารย์ หูของท่านจะได้ยนิ ถ้อยคำ�นีจ้ ากเบือ้ ง หลังว่า ‘นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้เถิด’... แล้วพระองค์จะประทานฝนแก่เมล็ดพืชที่ท่านได้หว่านลงในดิน ข้าวสาลี ผลิตผลของดินจะอุดมสมบูรณ์ วันนั้น สัตว์เลี้ยงของท่านจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้า กว้างใหญ่ โคและลาที่ใช้ทำ�นาจะกินหญ้าหมักรสอร่อย ที่ใช้พลั่วและส้อมซัดตัก มาให้ บนภูเขาและเนินสูงทุกแห่งจะมีล�ำ ธารและคูนาํ้ ไหล ในวันทีศ่ ตั รูจ�ำ นวนมาก จะถูกฆ่า เมื่อหอคอยจะพังทลาย ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพันบาดแผลให้ ประชากรของพระองค์ และจะทรงรักษาบาดแผลซึง่ เขาถูกพระองค์ทรงโบยตี แสง ของดวงจันทร์จะเป็นเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่าง เป็นเจ็ดเท่า จะเป็นเหมือนแสงสว่างของเจ็ดวัน”
น.ฮวน ดีเอโก สดด 147:1-3,4-7
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร มธ 9:35-10:1,6-8 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศ ข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด เมือ่ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านัน้ เหน็ดเหนือ่ ยและท้อแท้ ประดุจฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงาน มีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด” พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สบิ สองคนเข้ามาพบ ประทานอำ�นาจให้เขาขับไล่ปศี าจ ให้รกั ษาโรคและ ความเจ็บไข้ทกุ ชนิด พระองค์ทรงส่งศิษย์สบิ สองคนนีอ้ อกไป ทรงสัง่ เขาว่า “พวกท่านจงไปหาแกะพลัด ฝูงของวงศ์วานอิสราเอลก่อน จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จง ปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรื้อนให้สะอาด จงขับไล่ปีศาจให้ออกไป ท่านได้รับมาโดย ไม่เสียค่าตอบแทน ก็จงให้เขาโดยไม่รับค่าตอบแทนด้วย” ในอดีต พระเจ้าอาจประทานความยากลำ�บากให้เป็นเหมือนอาหาร และประทานความทุกข์ ใจให้เป็นเหมือนนํ้าดื่มแก่เรา แต่ทุกวันนี้ ไม่ว่าเราจะมีทุกข์อะไร ทุกข์ของเราคือทุกข์ของพระเยซูเจ้า เพราะ ลำ�พังแค่เห็นเราเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ พระองค์ก็สงสารเราสุดขั้วหัวใจแล้ว ในอดีต พระเจ้าอาจซ่อนพระองค์จากเรา แต่ทุกวันนี้พระองค์ตรัสว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คน งานมีน้อย” ซึ่งบ่งบอกพระประสงค์ได้ชัดเจนว่าทรงต้องการไม่เพียงอัครสาวกสิบสององค์เท่านั้น แต่ทรง ต้องการเราทุกคน เพือ่ เก็บเกีย่ วข้าวและประกาศข่าวดีเรือ่ งพระอาณาจักรของพระองค์ โดยเริม่ จากละแวก บ้านของเรา ลำ�พังการบริจาคเงินหรือสวดภาวนาเพือ่ งานแพร่ธรรมคงไม่เป็นการเพียงพออีกต่อไป เพราะคำ�ภาวนา ที่ปราศจากกิจการเป็นคำ�ภาวนาที่ตายแล้ว!
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 40:1-5,9-11 พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากร ของเราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการ เป็นทาสสิ้นสุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจาก พระหัตถ์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทัง้ หมดของตน” เสียง สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล หนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงเปิดทางตรง เตรียมรับเสด็จ ในทุ่งเวิ้งว้างสำ�หรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขา พระคริสตเจ้า และเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ทีข่ รุขระจะราบเสมอกัน ทีส่ งู ๆ ตํา่ ๆ จะราบเรียบ แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำ�แดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้” วันรัฐธรรมนูญ “ท่านผูน้ �ำ ข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึน้ ไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผูน้ �ำ ข่าวดีมาให้ กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จง ประกาศแก่เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่’ ดูซิ องค์ พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำ�นาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำ�หน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลีย้ งดูฝงู แกะของพระองค์เช่นคนเลีย้ งแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ใน อ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงนำ�แม่แกะอย่างทะนุถนอม” เพลงสดุดี สดด 85:8-10,11,12-13 ก) ข้าพเจ้ากำ�ลังฟังอยู่ว่าพระองค์จะตรัสอะไร องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประกาศสันติภาพ แก่ประชากรของพระองค์และแก่ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ ขอเพียงอย่าให้เขาทำ�สิ่งโง่เขลาอีก ถูกแล้ว ความรอดพ้นอยู่ใกล้ผู้ที่ยำ�เกรงพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์จะอยู่ในแผ่นดินของเรา ข) ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์จะพบกัน ความเที่ยงธรรมและสันติจะสวมกอดกัน ความซื่อสัตย์จะปรากฏขึ้นจากแผ่นดิน ความเที่ยงธรรมจะเยี่ยมหน้าจากสวรรค์ ค) ใช่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานฝนเป็นพระพร และแผ่นดินของเราก็จะให้ผลเก็บเกี่ยวมากมาย ความเที่ยงธรรมจะเดินนำ�หน้าพระองค์ เบิกทางให้ทรงพระดำ�เนิน ยามกลับมา เขาโห่ร้องด้วยความยินดี นำ�ฟ่อนข้าวกลับมาด้วย
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่สอง 2 ปต 3:8-14 ท่านทีร่ กั ทัง้ หลาย สิง่ หนึง่ ทีท่ า่ นต้องไม่ลมื คือ สำ�หรับองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เพียงหนึง่ วันก็เหมือนกับ หนึง่ พันปี และหนึง่ พันปีกเ็ หมือนกับหนึง่ วัน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามิได้ทรงรีรอทีจ่ ะปฏิบตั ติ ามพระสัญญา ดังที่บางคนคิด แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรง ประสงค์ให้ทกุ คนกลับใจ เปลีย่ นวิถชี วี ติ วันขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะมาถึงอย่างไม่รตู้ วั เหมือนขโมย วัน นั้นท้องฟ้าจะอันตรธานสูญสิ้นไปด้วยเสียงกึกก้อง โลกธาตุจะลุกเป็นไฟแตกแยกจากกัน แผ่นดินและ สรรพสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะมอดไหม้สูญสิ้นไป เมือ่ ทุกสิง่ จะต้องสลายไปเช่นนี้ ท่านจงตระหนักว่าจะต้องประพฤติตนอย่างไร จะต้องดำ�เนินชีวติ ให้ศกั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละมีความเลือ่ มใสศรัทธา รอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วนั นัน้ มาถึง ในวันนัน้ ท้องฟ้าจะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป เรากำ�ลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำ�ลังรอ คอยเหตุการณ์เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำ�เนินชีวิตอย่างสันติปราศจากมลทินและไร้ ข้อตำ�หนิ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 1:1-8 การเริ่มต้นข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า มีเขียนไว้ในหนังสือ ประกาศกอิสยาห์ว่า ดูซิ เราส่งผู้นำ�สารของเราไปข้างหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางสำ�หรับท่าน คนคนหนึ่งร้องตะโกนใน ถิ่นทุรกันดารว่า จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำ�ทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด เพื่อให้ข้อความนี้เป็นจริง ยอห์นจึงทำ�พิธีล้างในถิ่นทุรกันดาร เทศน์สอนเรื่องพิธีล้าง ซึ่งแสดง การกลับใจเพือ่ จะได้รบั การอภัยบาป ประชาชนจากทัว่ แคว้นยูเดีย และชาวกรุงเยรูซาเล็มทัง้ หลายไป พบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่นํ้าจอร์แดนโดยสารภาพบาปของตน ยอห์นแต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ ใช้ หนังสัตว์คาดสะเอว กินตั๊กแตนและนํ้าผึ้งป่า และประกาศว่า “มีอีกผู้หนึ่งกำ�ลังมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำ�นาจยิง่ กว่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา ข้าพเจ้าใช้นาํ้ ทำ� พิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่เขาจะทำ�พิธีล้างให้ท่าน เดชะพระจิตเจ้า” ประกาศกอิสยาห์เตือนเราให้ “เตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า” และนักบุญเปโตรสอนให้ เรา “กลับใจ เปลี่ยนวิถีชีวิต” การกลับใจ คือการหันกลับหรือการเปลี่ยนจิตใจ อันส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เพราะฉะนั้น สิ่ง แรกที่เราต้องกระทำ�เพื่อเตรียมตัวรับเสด็จพระกุมารเจ้าก็คือ ต้องกล้าเผชิญหน้ากับตนเอง เพื่อจะได้รู้ว่า ตัวเราอยู่ ณ จุดใด จะต้องหันกลับไปสู่ทิศทางใด และจะต้องเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมจากอะไรไปสู่ อะไร หาไม่แล้ว พระกุมารคงต้องนอนในถํ้าเลี้ยงสัตว์ต่อไป โดยไม่มีโอกาสได้บังเกิดในจิตใจของเรา
น.ดามาซัส ที่ 1 พระสันตะปาปา สดด 85:8-9,10-11, 12-13
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 อสย 35:1-10 ถิน่ ทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุง่ เวิง้ ว้างจงเปรมปรีดแิ์ ละผลิ ดอกเหมือนต้นดอกดิน... จงทำ�ให้มอื ทีอ่ อ่ นแอแข็งแรงขึน้ จงทำ�ให้หวั เข่าทีซ่ วนเซ มีความมั่นคง จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่าน ทัง้ หลายจะเสด็จมาเพือ่ ช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่าง สาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน... รังที่ อาศัยของหมาในจะกลายเป็นพงอ้อและป่าต้นกก ที่นั่นจะมีทางหลวงซึ่งจะเรียก ว่า “มรรคาศักดิ์สิทธิ์” ผู้มีมลทินจะไม่เดินตามทางนี้ และคนโง่เขลาจะไม่หลง ทาง... ผูท้ อี่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมายังศิโยน พลางโห่รอ้ งด้วยความ ชืน่ ชม ความยินดีจะอยูบ่ นศีรษะของเขาตลอดไป ความชืน่ บานและความยินดีจะ ติดตามเขา ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากเขา
พระวรสาร ลก 5:17-26 วันหนึง่ ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงสัง่ สอน บรรดาชาวฟาริสแี ละนักกฎหมายซึง่ มาจากทุกหมูบ่ า้ น ในแคว้นกาลิลีและจากกรุงเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระอานุภาพให้พระ เยซูเจ้าทรงรักษาโรคได้ ขณะนั้น มีผู้หามคนอัมพาตนอนบนแคร่เข้ามา พยายามหาช่องนำ�คนอัมพาต มาวางไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่เมื่อหาช่องนำ�คนอัมพาตเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบน หลังคา แล้วหย่อนคนอัมพาตนัน้ พร้อมทัง้ ทีน่ อนลงมาตามช่องกระเบือ้ งตรงกลางห้องเฉพาะพระพักตร์ พระเยซูเจ้า เมือ่ พระองค์ทรงเห็นความเชือ่ ของเขาเหล่านัน้ จึงตรัสว่า “เพือ่ นเอ๋ย บาปของท่านได้รบั การอภัย แล้ว” บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่า “คนนี้เป็นใครกัน จึงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัย บาปได้ นอกจากพระเจ้าเท่านัน้ ” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสตอบว่า “ท่านทัง้ หลาย คิดเช่นนี้ในใจทำ�ไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่าบุตรแห่งมนุษย์มีอำ�นาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัส แก่คนอัมพาตว่า ‘เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่กลับไปบ้านเถิด’” ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคน ทั้งปวง แบกแคร่ที่ตนนอนอยู่ กลับไปบ้านพลางสรรเสริญพระเจ้า ทุกคนต่างประหลาดใจถวายพระ เกียรติแด่พระเจ้าและมีความกลัวมาก พูดกันว่า “วันนี้ เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง” ชาวยิวเชื่อว่าความเจ็บป่วยเป็นผลเนื่องมาจากบาป เพราะฉะนั้น ต้องอภัยบาปก่อนจึงจะ รักษาคนป่วยให้หายได้ การพูดว่า “บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” เป็นเรื่องง่าย นักต้มตุ๋นคนไหนๆ ก็พูดได้ เพราะไม่มีทาง พิสจู น์วา่ คำ�พูดของเขาบังเกิดผลจริงหรือเป็นเพียงการหลอกลวง แต่การสัง่ คนอัมพาตให้ “ลุกขึน้ แบกแคร่ กลับไปบ้านเถิด” ก่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมจับต้องได้ จึงยากที่จะหลอกลวงผู้อื่น ในเมื่อพระองค์สามารถทำ�เรื่องยากคือรักษาคนอัมพาตให้เดินได้ จึงไม่มีทางสรุปเป็นอย่างอื่นนอกจาก พระองค์มีสิทธิ์และอำ�นาจที่จะอภัยบาปได้ ก็ในเมื่อพระองค์ทรงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่าสามารถอภัย บาปให้เราได้แล้ว เรายังจะใจเย็นเฉยอยู่อีกหรือ?
บทอ่านที่ 1 อสย 40:1-11 พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของ เราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็น ทาสสิ้นสุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจาก พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทั้งหมดของตน” เสียงหนึง่ ร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าในถิน่ ทุรกันดาร จงเปิด พระนางมารีย์ ทางตรงในทุง่ เวิง้ ว้างสำ�หรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับ พรหมจารี ภูเขาและเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ทีข่ รุขระจะราบเสมอกัน ทีส่ งู ๆ ตํา่ ๆ จะราบเรียบ แห่งกวาดาลูเป แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำ�แดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจะได้ สดด 96:1-3,10-12,13 เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้” ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เสียงหนึ่งกล่าวว่า... “มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนต้นหญ้า ความรุ่งเรืองทั้งหมด ของเขาเป็นเหมือนดอกไม้ในทุ่ง เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ลมพัดผ่าน หญ้าก็จะเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ก็จะร่วงโรย แน่ทีเดียว ประชากรเป็นเสมือนต้นหญ้า หญ้าเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ร่วงโรย แต่พระวาจาของพระเจ้าของเราคงอยู่ตลอดไป”... ดูซิ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำ�นาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำ�หน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูง แกะของพระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกรทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และ ทรงนำ�แม่แกะอย่างทะนุถนอม” พระวรสาร มธ 18:12-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทัง้ หลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึง่ มีแกะอยูร่ อ้ ยตัว แล้วแกะตัวหนึง่ บังเอิญหลงทาง เขาจะ ไม่ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนัน้ พบแล้ว เขาจะรูส้ กึ ยินดีทพี่ บมัน มากกว่า ยินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทรง ปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป” พระเจ้าตรัสผ่านประกาศกอิสยาห์ว่า พระองค์จะทรงเลี้ยงดูฝูงแกะและอุ้มลูกแกะไว้แนบ พระอุระ ดุจคนเลี้ยงแกะเลี้ยงดูฝูงแกะของตน วันนี้ พระเยซูเจ้าทรงตอกยํา้ พระดำ�รัสของพระเจ้าด้วยการหยิบยกวิถชี วี ติ ของชาวยิวขึน้ มาเพือ่ สอนเรา ว่า พระเจ้าทรงยินดีเมื่อพบคนบาปที่หลงทาง เหมือนคนเลี้ยงแกะยินดีเมื่อพบแกะที่สูญหาย แน่นอนว่า พระเจ้าทรงรักผูท้ ไี่ ม่พลัดหลงจากพระองค์ แต่ในเวลาเดียวกันดวงหทัยของพระองค์กเ็ ปีย่ ม ล้นด้วยความปีติยินดีเมื่อผู้ที่พลัดหลงกลับมาหาพระองค์ เพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ ไปแม้แต่คนเดียว นีค่ อื ความจริงอันยิง่ ใหญ่ทพี่ ระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยแก่เรา แต่นา่ เสียดายทีอ่ ปุ สรรคขวางกัน้ คนบาปมิให้ กลับมาหาพระองค์กลับเป็นมนุษย์ดว้ ยกันเอง โดยเฉพาะพวกทีช่ อบติฉนิ นินทาและวิพากษ์วจิ ารณ์ผอู้ นื่ แทบ ทุกเรื่อง แล้วเราจะกลับมาหาพระองค์ หรือจะยังคงเป็นอุปสรรคของพระองค์ต่อไป?
ระลึกถึง น.ลูเซีย พรหมจารี และมรณสักขี สดด 103:1-2,3-4, 8-10
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 อสย 40:25-31 พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสว่า “ท่านจะเปรียบเรากับผู้ใด ใครเล่าเท่าเทียมเรา” จง แหงนหน้าขึน้ ดูวา่ ผูใ้ ดเนรมิตสร้างดวงดาวเหล่านี้ พระองค์ผทู้ รงอานุภาพและทรง พลังเข้มแข็ง ทรงนำ�ดวงดาวทั้งหมดออกมาตามจำ�นวน ทรงเรียกชื่อดาวทุกดวง ซึ่งไม่ขาดไปแม้แต่ดวงเดียว ยาโคบเอ๋ย ทำ�ไมท่านจึงพูดว่า อิสราเอลเอ๋ย ทำ�ไม ท่านจึงยํ้าว่า “ทางเดินของข้าพเจ้าถูกซ่อนไว้จากองค์พระผู้เป็นเจ้า สิทธิของ ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าของข้าพเจ้ามองข้ามไป” ท่านไม่รู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้านิรันดร เป็นพระผู้เนรมิตสร้างแผ่นดินจนถึงปลายสุด พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือ เหน็ดเหนื่อย พระดำ�ริของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ พระองค์ประทานกำ�ลังแก่ ผู้ อ่ อ นเปลี้ ย ทรงเพิ่ ม เรี่ ย วแรงแก่ ผู้ ไ ม่ มี กำ � ลั ง แม้ ค นหนุ่ ม จะอ่ อ นเปลี้ ย และ เหน็ดเหนื่อย แม้ชายฉกรรจ์จะสะดุดและล้มลง แต่ผู้มีความหวังในองค์พระผู้เป็น เจ้าจะได้รับพลังใหม่ เขาจะกางปีกบินขึ้นเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่ เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย พระวรสาร มธ 11:28-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจ สุภาพ อ่อนโยน และถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอก ของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”
พระเจ้าตรัสผ่านประกาศกอิสยาห์วา่ พระองค์คอื พระเจ้าผูท้ รงอานุภาพ และทรงพลังเข้มแข็ง ไม่ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย พระองค์จะประทานกำ�ลัง แก่ผู้อ่อนเปลี้ย และเพิ่มเรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีกำ�ลัง วันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเชิญชวนผู้ที่เหน็ดเหนื่อย อ่อนเปลี้ย และแบกภาระหนัก ให้ มาพบพระองค์และรับแอกของพระองค์แบกไว้ ซึ่งก็คือให้เรายอมมอบตนเป็นศิษย์ ของพระองค์ พระองค์ตรัสว่าแอกของพระองค์อ่อนนุ่ม (คำ�กรีก chrestos–เครสตอส หมายถึง “เหมาะพอดี”) เพราะพระองค์จะให้แอกที่ไม่ทำ�ร้ายเรา ที่เหมาะพอดีกับความจำ�เป็น และความสามารถของเราแต่ละคน อีกทัง้ ภาระทีพ่ ระองค์ให้เราแบกก็เบา เพราะภาระนัน้ คือ ให้เรารักพระเจ้าและรัก เพื่อนมนุษย์ และยิ่งได้รู้ซึ้งถึงความรักที่พระองค์ทรงมีต่อเราด้วยแล้ว ภาระอะไรๆ ก็ เบาไปหมด!
บทอ่านที่ 1 อสย 41:13-20 เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เราจับมือขวาของท่านไว้ให้มั่นคง บอกท่านว่า “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ยาโคบที่ เป็นเหมือนหนอนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อิสราเอลซึ่งเป็นเหมือนดักแด้เอ๋ย เราจะช่วย ท่าน เรา ผู้ไถ่กู้ท่าน คือพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล ดูซิ เราจะทำ�ให้ท่านเป็น เหมือนเลื่อนนวดข้าวใหม่และมีฟันคม ท่านจะนวดและบดภูเขา จะทำ�ให้เนินเขา เป็นเหมือนแกลบ ท่านจะฝัดภูเขาและเนินเขาเหล่านั้น และลมจะพัดไป ลมพายุ จะทำ�ให้กระจัดกระจาย แต่ท่านจะชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะภูมิใจใน พระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล คนยากจนและผู้ขัดสนแสวงหานํ้า แต่ไม่มีนํ้า ลิ้น ของเขาแห้งผากเพราะความกระหาย เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าจะตอบสนองเขา เรา พระเจ้าแห่งอิสราเอล จะไม่ทอดทิ้งเขา เราจะบันดาลให้มีแม่นํ้าไหลบน ภูเขาโล่งเตียน มีพนุ าํ้ ไหลในหุบเขา เราจะทำ�ถิน่ ทุรกันดารให้เป็นสระนํา้ ทำ�ให้พนื้ ดินแห้งกลายเป็นพุนาํ้ เราจะปลูกต้นสนสีดาร์ในถิน่ ทุรกันดาร ปลูกต้นกระถินเทศ ต้นเสม็ด และมะกอกเทศ เราจะปลูกต้นสนไซเปรสไว้ในที่แห้งแล้ง ปลูกต้นยาง และต้นสนไว้ดว้ ยกัน เพือ่ ทุกคนจะได้เห็นและรู้ จะได้พจิ ารณาและเข้าใจพร้อมกัน ว่า พระหัตถ์องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทำ�เช่นนี้ พระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลทรงสร้าง สิ่งนี้”
ระลึกถึง น.ยอห์น แห่งไม้กางเขน นักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 145:1,8-9, 10-11,12-13
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร มธ 11:11-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำ�พิธี ล้าง ถึงกระนั้น ผู้ตํ่าต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น ตั้งแต่สมัยของยอห์นผู้ทำ�พิธี ล้างจนถึงวันนี้ อาณาจักรสวรรค์ต้องการความอดทนและความพยายาม ผู้ที่ใช้ความอดทนและความ พยายามเท่านั้นจึงจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ได้ ประกาศกทั้งหลายและธรรมบัญญัติต่างประกาศพระ วาจาถึงสมัยของยอห์น ถ้าท่านทั้งหลายยอมเชื่อ ยอห์นนี่เองคือประกาศกเอลียาห์ซึ่งจะต้องมา ใครมี หู ก็จงฟังเถิด” พระเจ้าตรัสผ่านประกาศกอิสยาห์ว่า “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน” วันนี้ พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่าพระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาด้วยการส่งยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างมาตามที่ ประกาศกมาลาคีทำ�นายไว้ว่า “ดูซิ เราจะส่งประกาศกเอลียาห์มาหาท่านก่อนที่วันยิ่งใหญ่จะมาถึง” (มลค 4:5) และทรงชื่นชมยอห์นว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าท่าน กระนั้นก็ตาม ผู้ตํ่าต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น เหตุว่ายอห์นอาจรู้ซึ้งถึงความ ศักดิ์สิทธิ์และความยุติธรรมของพระเจ้า แต่ท่านไม่เคยเห็นกางเขน ไม่เคยรู้จักความรักของพระเจ้าว่า มากมายและยิ่งใหญ่เพียงใด เพราะกางเขนทำ�ให้เรา “เข้าใจถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า” (อฟ 3:18-19) ในเมื่อเรารู้จักความยิ่งใหญ่แห่งความรักของพระเจ้าเช่นนี้แล้ว เราไม่คิดจะรักและต้อนรับพระองค์เข้า มาในจิตใจของเราดอกหรือ หรือว่าจะปล่อยให้พระองค์นอนในถํ้าเลี้ยงสัตว์ต่อไป?!?
บทอ่านที่ 1 อสย 48:17-19 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้กอบกู้ของท่าน พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลตรัส ดังนี้ว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เราสั่งสอนท่านเพื่อประโยชน์ ของท่าน นำ�ท่านไปในทางทีท่ า่ นต้องเดิน ถ้าท่านตัง้ ใจฟังบทบัญญัตขิ องเรา ความ เจริญรุ่งเรืองของท่านคงจะเป็นเหมือนแม่นํ้า ความชอบธรรมของท่านคงจะเป็น สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เหมือนคลื่นทะเล ลูกหลานของท่านจะมีจำ�นวนมากเหมือนทราย เชื้อสายของ เตรียมรับเสด็จ ท่านจะเป็นเหมือนเม็ดทราย ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัด และไม่ถูกลบออกไปต่อหน้า พระคริสตเจ้า เราเลย” สดด 1:1-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร มธ 11:16-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนีก้ บั สิง่ ใด เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ทีน่ งั่ ตามลานสาธารณะ ร้องบอกเพื่อนๆ ว่า พวกเราเป่าขลุ่ย พวกเจ้าก็ไม่เต้นรำ� พวกเราร้องเพลงโศกเศร้า พวกเจ้าก็ไม่รํ่าไห้ ยอห์นมา ไม่กิน ไม่ดื่ม เขาก็ว่า ‘คนนี้มีปีศาจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์มา กินและ ดื่ม เขาก็ว่า ‘ดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป’ แต่พระ ปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยกิจการ” พวกฟาริสีไม่ยอมเชื่อฟังยอห์นโดยอ้างว่าท่านมีปีศาจสิง เพราะไม่กิน ไม่ดื่ม แต่ผลงานก็พิสูจน์แล้วว่าท่านสามารถนำ�พาประชาชนจำ�นวนมากมารับพิธีล้าง และกลับใจ เช่นเดียวกัน พวกเขาอ้างว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นนักกิน นักดื่ม เพื่อจะไม่ยอมรับ พระองค์ กระนัน้ ก็ตาม ผลงานได้พสิ จู น์แล้วเช่นกันว่าพระองค์สามารถทำ�ให้คนจำ�นวน มากมีความหวังใหม่ มีพลังใหม่ มีชีวิตใหม่ และมีหนทางใหม่ในการเข้าหาพระเจ้า วันนี้ พระองค์ทรงเตือนเราว่า อย่าทำ�ตัวเป็นเหมือนเด็กที่มีข้ออ้างสารพัดเพื่อจะ ไม่ยอมรับ ไม่ยอมฟัง หรือไม่ยอมทำ�สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะพระเจ้าตรัสผ่านประกาศกอิสยาห์ไว้นานแล้วว่า ถ้าเราตั้งใจฟังพระองค์ ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหลายทั้งปวงก็จะเป็นของเรา
บทอ่านที่ 1 บสร 48:1-4,9-11 ต่อจากนั้นก็มีเรื่องราวของประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นเหมือนไฟ วาจาของเขา เผาผลาญเหมือนคบไฟ เขาทำ�ให้เกิดขาดแคลนอาหารในหมู่ประชากร ความ กระตือรือร้นของเขาทำ�ให้ประชากรลดจำ�นวนลง เขาปิดท้องฟ้าตามพระบัญชา ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทำ�ให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าถึงสามครั้ง ข้าแต่เอลียาห์ ท่าน ช่างมีชื่อเสียงรุ่งเรืองเพราะการอัศจรรย์ที่ได้ทำ� ใครบ้างจะอวดตัวได้ว่าตนเท่า เทียมกับท่าน ท่านถูกยกขึน้ ไปในพายุหมุนทีเ่ ป็นไฟ บนรถเทียมม้าเพลิง ท่านถูกกำ�หนดไว้ ให้มาตำ�หนิประชากรในอนาคต เพือ่ จะได้ระงับพระพิโรธก่อนทีจ่ ะลุกเป็นไฟ เพือ่ นำ�จิตใจของบิดามาคืนดีกบั บุตร และแต่งตัง้ บรรดาเผ่าของยาโคบขึน้ ใหม่ บรรดา ผู้ที่เคยเห็นท่านย่อมเป็นสุข เขาตายในความรัก เพราะเราทั้งหลายจะได้มีชีวิต อย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน พระวรสาร มธ 17:10-13 เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์จึง กล่าวว่า เอลียาห์ต้องมาก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว เอลียาห์จะมาและ จะจัดทุกสิ่งให้อยู่ในสภาพเดิม เราบอกท่านทั้งหลายว่า เอลียาห์ได้มาแล้ว แต่ ประชาชนไม่รู้จักและทำ�ต่อเขาตามใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมาน จากประชาชนเช่นเดียวกัน” บรรดาศิษย์จึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสถึงยอห์นผู้ทำ� พิธีล้าง คำ�ถามที่ดีนำ�มาซึ่งคำ�ตอบที่ถูกต้องชัดเจนเสมอ ขณะที่ศีลธรรมใน สังคมกำ�ลังตกตํ่ายํ่าแย่ พระเป็นเจ้าก็จัดส่งประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นกระบอกเสียง ของพระองค์ให้มาสอนผู้คนให้ทำ�ดี หนีชั่ว ท่านยอห์นบัปติสต์ ก็เช่นกันท่านตำ�หนิการ กระทำ�ทีผ่ ดิ ศีลธรรมของผูน้ �ำ และผูป้ กครอง ท่านทัง้ สองได้มาเตรียมทางสำ�หรับองค์ พระผู้ไถ่และจัดทุกสิ่งให้อยู่ในสภาพเดิม บ่อยครั้ง คำ�สอนที่ดีๆ และถูกต้อง มักจะไม่ ถูกใจผู้ประพฤติชั่ว สิ่งที่ควรเอาเยี่ยงอย่างคือ แบบอย่างความกล้าหาญของบุญราศี ทั้งเจ็ดแห่งสองคอน
ระลึกถึง บุญราศีทั้งเจ็ด แห่งสองคอน
สดด 80:1-2ก,14-15, 17-18
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันครูคำ�สอนไทย
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 61:1-2ก,10-11 พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปปลอบโยนคน ที่มีใจชอกชํ้า ประกาศอิสรภาพแก่เชลย ประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ� ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่าง สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล ยิง่ ในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า วิญญาณของข้าพเจ้าจะชืน่ ชมยินดีในพระเจ้าของข้าพเจ้า เตรียมรับเสด็จ เพราะพระองค์ประทานความรอดพ้นแก่ขา้ พเจ้าเป็นเสมือนอาภรณ์ทที่ รงสวมให้ พระคริสตเจ้า ประทานความชอบธรรมให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนเสื้อคลุม ข้าพเจ้าเป็นเหมือนเจ้า บ่าวที่โพกศีรษะอย่างงดงาม เหมือนเจ้าสาวประดับตนด้วยเพชรนิลจินดา เพราะ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 แผ่นดินบังเกิดพืชผล และสวนทำ�ให้เมล็ดพืชงอกขึน้ ฉันใด องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็ทรง วันคล้ายวันสมภพ สมเด็จพระสันตะปาปา บันดาลให้เกิดความชอบธรรมและการสรรเสริญต่อหน้านานาชาติฉันนั้น ฟรังซิส
เพลงสดุดี อสย 12:2-3,4-6,6 ก) ดูซิ พระเจ้าทรงเป็นความรอดพ้นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว เพราะองค์พระผ้เู ป็นเจ้าทรงเป็นพละก�ำลังและทรงเป็นบทเพลงของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นความรอดพ้นของข้าพเจ้าแล้ว ท่านทั้งหลายจะยินดีตักนํ้าจากพุนํ้าที่น�ำความรอดพ้น ข) วันนั้น ท่านทั้งหลายจะพูดว่า “จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเรียกขานพระนามของพระองค์ จงประกาศพระราชกิจยิ่งใหญ่ของพระองค์ในหมู่ชนชาติทั้งหลาย จงประกาศว่าพระนามของพระองค์สูงส่ง จงร้องเพลงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงท�ำกิจการยิ่งใหญ่ ให้เป็นที่รู้จักทั่วไปในแผ่นดิน ค) ชาวศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เพราะพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ห่งอิสราเอลนัน้ ทรงความยิง่ ใหญ่ในหมูท่ า่ นทัง้ หลาย” บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 5:16-24 พีน่ อ้ ง จงร่าเริงยินดีเสมอ จงอธิษฐานภาวนาอย่างสมาํ่ เสมอ จงขอบพระคุณ พระเจ้าในทุกกรณี เพราะพระองค์ทรงปรารถนาให้ทา่ นทำ�สิง่ เหล่านีใ้ นพระคริสต เยซู
อย่าดับไฟของพระจิตเจ้า อย่าดูหมิ่นการประกาศ พระวาจา จงทดสอบทุกสิง่ และยึดสิง่ ทีด่ งี ามไว้ จงละเว้น ความชั่วทุกรูปแบบ ขอองค์พระเจ้าผู้ประทานสันติ บันดาลให้ท่านทั้ง หลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์ ขอพระองค์ทรง คุ้มครองท่านให้พ้นคำ�ตำ�หนิทั้งด้านจิตใจ วิญญาณและ ร่างกาย เมื่อพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เสด็ จ มา พระองค์ ผู้ ท รงเรี ย กท่ า นนั้ น ทรงซื่ อ สั ต ย์ พระองค์จะทรงกระทำ�ให้สำ�เร็จ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 1:6-8,19-28 พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมา เขาชื่อยอห์น เขามาในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง เขา ไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใคร” เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึง ถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็น ประกาศกหรือ” เขาตอบอีกว่า “ไม่ใช่” เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำ�คำ�ตอบไปให้ ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไร” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่น ทุรกันดารว่าจงทำ�ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้ ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำ�ไมท่านจึงทำ�พิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระ คริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก” ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้นํ้าทำ�พิธีล้างให้ท่านทั้ง หลาย แต่มผี หู้ นึง่ ประทับอยูใ่ นหมูท่ า่ น เป็นผูท้ ที่ า่ นไม่รจู้ กั ผูน้ นั้ มาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควร แม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่นํ้าจอร์แดนซึ่งยอห์นกำ�ลังทำ�พิธีล้างอยู่ จงเป็นพยานแห่งแสงสว่าง เมือ่ ถูกถามว่าท่านเป็นใคร ยอห์นสำ�นึกว่าท่านเป็นพยานแห่งแสง สว่าง เป็นผูเ้ ตรียมทางสำ�หรับองค์พระเจ้า แล้วเราล่ะเป็นใคร เราจะต้องเป็นพยานแห่งแสงสว่างของพระเจ้า ที่เราเชื่อและติดตามเช่นเดียวกัน เราจะต้องรักในกระแสเรียกในการเป็นผู้นำ�สารของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้ อื่นในโลก นี่คือพันธกิจของพระศาสนจักรและหน้าที่ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำ�เนินชีวิตเป็น ประจักษ์พยาน ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่กัน เป็นต้นในครอบครัว สังคมและหมู่คณะของเรา
บทอ่านที่ 1 ยรม 23:5-8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อ เราจะตั้งหน่อชอบธรรมให้แก่กษัตริย์ดาวิด เขาจะครองราชย์เป็นกษัตริย์และมี ปรีชา เขาจะทำ�ให้ความถูกต้องและความยุตธิ รรมเกิดขึน้ ในแผ่นดิน ในรัชสมัยของ พระองค์ ยูดาห์จะรอดพ้น อิสราเอลจะดำ�เนินชีวิตอย่างปลอดภัย ทุกคนจะเรียก สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล ขานพระนามพระองค์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’” เตรียมรับเสด็จ ดังนัน้ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส เมือ่ ใครๆ จะไม่กล่าวคำ�สาบาน พระคริสตเจ้า อีกต่อไปว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำ�ชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ทรง พระชนม์อยูแ่ น่ฉนั ใด...” แต่เขาจะสาบานว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าผูท้ รงนำ�พงศ์พนั ธุ์ สดด 72:1-2,12-13, อิสราเอลจากแผ่นดินทางทิศเหนือ และจากดินแดนทัง้ หลายทีท่ รงขับไล่ให้เขาไป 18-19 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 อาศัยอยู่ และทรงนำ�เขากลับมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินของตนทรงพระชนม์อยู่แน่ ฉันใด...” พระวรสาร มธ 1:18-24 เรือ่ งราวการประสูตขิ องพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดา ของพระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่า พระนางตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคู่หมั้นของพระนางเป็นผู้ชอบธรรม ไม่ต้องการฟ้องหย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบๆ ขณะที่ โยเซฟกำ�ลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริยด์ าวิด อย่ากลัวทีจ่ ะรับมารียม์ าเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะ เด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำ�เนิดบุตรชาย ท่าน จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำ�รัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศกจะ เป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำ�ตามที่ทูตสวรรค์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย ประกาศกเยเรมีย์ตอกยํ้าพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะทำ�ให้ความถูกต้องและ ความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดิน เมื่อวันเวลาจะมาถึง เช่นเดียวกับพระนางมารีย์และโยเซฟ เวลามาถึงท่าน ทั้งสองแล้ว แม้จะไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เพื่อความชอบธรรม ความยุติธรรมและความดีต่อโลก แม้จะไม่ถกู ใจและไม่เข้าใจ แต่กเ็ หมาะสมแล้วกับนามนี้ “บุรษุ ผูช้ อบธรรม” เพือ่ พระดำ�รัสขององค์พระผูเ้ ป็น เจ้าที่ตรัสผ่านทางประกาศกจะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้ รับนามว่า “อิมมานูเอล” เมื่อพระเจ้าสถิตกับเรา ความวิตกกังวล ความสงสัยก็มลายหายไปสิ้น ขอพระเจ้า สถิตกับเรา
บทอ่านที่ 1 วนฉ 13:2-7,24-25 ในครัง้ นัน้ มีชายคนหนึง่ ชือ่ มาโนอาห์ เป็นคนเผ่าดานชาวเมืองโศราห์ ภรรยา ของเขาเป็นหมัน ไม่มีบุตร ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่หญิงผู้นี้ กล่าวว่า “ท่านเป็นหมันไม่มีบุตร แต่บัดนี้ท่านจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จง ระวังอย่าดื่มสุราเมรัยใดๆ อย่ากินอาหารที่มีมลทิน...เพราะเด็กคนนี้จะเป็นนาศีร์ ถวายแด่พระเจ้าตัง้ แต่ยงั อยูใ่ นครรภ์ของมารดา เขาจะเริม่ ช่วยชาวอิสราเอลให้พน้ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล จากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตีย” หญิงคนนั้นก็ไปบอกสามี... เตรียมรับเสด็จ หญิงคนนั้นคลอดบุตรชายและตั้งชื่อให้ว่าแซมสัน เด็กน้อยเจริญวัยขึ้น องค์ พระคริสตเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพระพรเขา... สดด 71:2-3,4-6, 16-18ก
พระวรสาร ลก 1:5-25 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ในรัชสมัยของกษัตริยเ์ ฮโรดผูป้ กครองแคว้นยูเดีย สมณะผูห้ นึง่ ชือ่ เศคาริยาห์ ประจำ�เวรในหมวดของอาบียาห์ มีภรรยาชื่อเอลีซาเบธ จากตระกูลสมณะอาโรน ทัง้ สองคนเป็นผูช้ อบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตแิ ละข้อ กำ�หนดทุกข้อขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยไม่มีข้อตำ�หนิ แต่สามีภรรยาคู่นี้ไม่มีบุตร เพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว วันหนึง่ เศคาริยาห์ก�ำ ลังปฏิบตั หิ น้าทีส่ มณะเฉพาะพระพักตร์ตามเวรในหมวดของตน... ทันใดนัน้ ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ยืนอยู่เบื้องขวาของพระแท่นถวายกำ�ยาน เมื่อเศคาริยาห์ เห็นก็รู้สึกวุ่นวายใจและมีความกลัวอย่างมาก แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังคำ�อธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้ก�ำ เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่ายอห์น ท่านจะมีความชืน่ ชม ยินดีและคนจำ�นวนมากจะยินดีที่เขาเกิดมา... เขาจะมีจิตใจและพลังของประกาศกเอลียาห์มาเตรียม รับการเสด็จมาของพระองค์...” เศคาริยาห์จึงถามทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าชราแล้ว และภรรยาของข้าพเจ้าก็อายุมากแล้วด้วย” ทูตสวรรค์จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าคือ กาเบรียล ซึ่งเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาพูดกับท่านและนำ�ข่าวดีนี้มา แจ้งให้ท่านทราบ แต่ท่านไม่เชื่อคำ�ของข้าพเจ้า ซึ่งจะเป็นจริงเมื่อถึงเวลากำ�หนด ดังนั้น ท่านจะเป็น ใบ้จนถึงวันที่เหตุการณ์นี้จะเป็นจริง” ขณะนั้น ประชาชนกำ�ลังคอยเศคาริยาห์อยู่ รู้สึกประหลาดใจที่ เขาอยู่ในพระวิหารนาน เมื่อเขาออกมาและพูดไม่ได้ ประชาชนจึงเข้าใจว่าเขาเห็นนิมิตในพระวิหาร เขาทำ�ได้เพียงแสดงท่าทางแต่พูดไม่ได้ เมื่อหมดวาระทำ�หน้าที่ในพระวิหารแล้ว เศคาริยาห์ก็กลับไปบ้าน ต่อมาไม่นานนางเอลีซาเบธ ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ นางเก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลาห้าเดือน... สิ่งที่บ่งบอกว่าพระเจ้าทรงอวยพรในประวัติศาสตร์แห่งความรอดคือ มีฝูงสัตว์เป็นจำ�นวน มาก มีลูกมาก และอายุยืน ข่าวดีในวันนี้ หญิงทั้งสองต่างก็เป็นหมันทั้งคู่ นำ�ความอับอายมาให้ครอบครัว และตนเอง แต่พระเป็นเจ้าก็ไม่เคยทอดทิ้งผู้คนเหล่านี้ให้อับอายขายหน้าอีกต่อไป ขอให้เราเชื่อ ไว้ใจในพระ เสมอเถิด แล้วจะเกิดผล เกิดเป็นหญิงเมื่อแต่งงานแล้วก็อยากมีลูกเป็นเรื่องปกติ เพราะพ่อแม่ที่ทำ�อยู่ทุก วันนี้ก็ทำ�เพื่อลูก ถ้าไม่ทำ�เพื่อลูกแล้วจะทำ�เพื่อใคร ซึ่งต่างจากผู้คนในยุคนี้สมัยนี้
บทอ่านที่ 1 อสย 7:10-14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์อาคัสอีกว่า “จงขอองค์พระผู้เป็นเจ้าของ พระองค์ ให้ทรงส่งเครือ่ งหมายจากทีล่ กึ ของแดนผูต้ าย หรือจากทีส่ งู เบือ้ งบนเถิด” แต่กษัตริยอ์ าคัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทลู ขอ เราจะไม่ทดลององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า” ประกาศกอิสยาห์จึงทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทำ�ให้ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล มนุษย์เอือมระอายังไม่พออีกหรือ ทำ�ไมท่านจึงทำ�ให้พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเอือม เตรียมรับเสด็จ ระอาอีกเล่า พระคริสตเจ้า ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผูห้ นึง่ จะตัง้ ครรภ์และให้ก�ำ เนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า ‘อิมมานู สดด 24:1-3,4-6 เอล’ แปลว่า ‘พระเจ้าสถิตกับเรา’” ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 พระวรสาร ลก 1:26-38 เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งใน แคว้นกาลิลชี อื่ เมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยูก่ บั ชายชือ่ โยเซฟ ในราชวงศ์ของ กษัตริยด์ าวิด หญิงพรหมจารีผนู้ นั้ ชือ่ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่าน ผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรง วุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่ พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำ�เนิดบุตร ชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตร ของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะ ปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไป และพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะ เป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้ สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของ พระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัส ว่า “ข้าพเจ้าเป็นผูร้ บั ใช้ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูต สวรรค์ก็จากพระนางไป ความน่ารักสำ�หรับผู้ที่มีความเชื่อ ดั่งกษัตริย์อาคัสว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลององค์ พระผูเ้ ป็นเจ้า” เหมือนกับว่าท่านทราบถึงพระประสงค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ด้วยการอ่านเครือ่ งหมายแห่ง กาลเวลา ซึง่ มีเหตุการณ์มากมายผ่านเข้ามาในชีวติ ประจำ�วันของเราทัง้ ดีบา้ ง ไม่ดบี า้ ง อย่างไรก็ตาม พระเจ้า ทรงแจ้งแผนการและวัตถุประสงค์ของพระองค์ในการไถ่กโู้ ลกให้พระแม่มารียท์ ราบแล้ว ขาดเพียงสิง่ เดียว คือ “ความยินยอม” จากแม่พระ ทั้งๆ ที่กลัวและวุ่นวายพระทัย พระแม่มารีย์ตัดสินพระทัยเด็ดขาด ตอบ ทูตของพระเจ้าว่า “ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”
บทอ่านที่ 1 พซม 2:8-14 ฟังซิ เสียงทีร่ กั ของดิฉนั เขากำ�ลังมา กำ�ลังกระโดดอยูบ่ นภูเขา กำ�ลังกระโดด ข้ามเนินเขา ที่รักของดิฉันเป็นเหมือนละมั่งหรือเหมือนลูกกวาง ดูซิ เขากำ�ลังยืน อยู่หลังกำ�แพงของเรา มองเข้ามาทางหน้าต่าง ลอบมองผ่านลูกกรงเข้ามา ที่รัก ของดิฉนั เริม่ พูดกับดิฉนั ว่า “ทีร่ กั ของฉันเอ๋ย จงลุกขึน้ เถอะ คนสวยของฉันเอ๋ย จง มาเถิด ดูซิ ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว ฝนก็วายและจบสิ้นไปแล้ว ดอกไม้ต่างๆ ปรากฏขึ้นมาบนแผ่นดิน เวลาสำ�หรับร้องเพลงมาถึงแล้ว เสียง คูของนกเขาก็ได้ยินในแผ่นดินของเรา ต้นมะเดื่อเทศกำ�ลังผลิผล เถาองุ่นผลิดอก บานส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด นกพิราบของฉันเอ๋ย เธอซ่อนตัวอยู่ในซอกผา ในซอกลึกของหน้าผา ขอให้ฉัน ได้ยินเสียงของเธอสักหน่อยเถิด เพราะเสียงของเธอนั้นไพเราะ และใบหน้าของ เธอก็งดงาม” พระวรสาร ลก 1:39-45 หลังจากนัน้ ไม่นาน พระนางมารียท์ รงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึง่ ในแถบ ภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนาง เอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำ�ทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่ง กว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำ�ไมพระมารดาขององค์พระผู้ เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำ�ทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของ ฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่ เธอไว้จะเป็นจริง” การรำ�พึงรำ�พันฝันหาบุคคลอันเป็นที่รัก เป็นช่วงเวลาอารมณ์สุนทรีย์มี ความสุข ในยุคของโลกาภิวัฒน์ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทันสมัย การสื่อสารที่ รวดเร็วทันใจ ไม่เหมือนสมัยก่อน ซึ่งทำ�ให้บริษัทเหล่านี้รํ่ารวยมั่งคั่ง แม้ทุกวันนี้เรา สามารถติดต่อสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว เห็นภาพทางหน้าจอ ได้ยินเสียงที่ชัดเจน แต่ก็ ดูเหมือนว่ามันขาดอะไรไปสักอย่างคือ “ตัวตน” แบบอย่างของแม่พระถือว่าเป็นแบบ อย่างของการสือ่ สารและความสัมพันธ์ใหม่ทสี่ มบูรณ์ แม้จะต้องใช้เวลานานในการเดิน ทาง ไม่สะดวกสบายเหมือนยุคนี้สมัยนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นพระพรจริงๆ พระพรในการ เยี่ยมเยียน พระพรในการปรนนิบัติรับใช้ และความสุขก็เริ่มขึ้น เมื่อเราทำ�ดีต่อผู้อื่น ด้วยความรัก
น.เปโตร คานีซีอัส พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 33:2-3,11-12, 20-22
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 1 ซมอ 1:24-28 ในครั้งนั้น เมื่อเด็กหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปที่วิหารขององค์พระผู้เป็น เจ้าที่เมืองชิโลห์ นำ�โคหนุ่มอายุสามปีตัวหนึ่ง แป้งประมาณสองถังและเหล้าองุ่น หนึง่ ถุงหนังไปด้วย ขณะนัน้ เขายังเด็กมาก บิดามารดาฆ่าโคถวายบูชาและพาเด็ก ไปพบเอลี นางฮันนาห์กล่าวแก่เอลีว่า “นายเจ้าขา จำ�ดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิง สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล ที่เคยยืนอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นี่ต่อหน้าท่าน ดิฉันทูลขอเด็กคนนี้ และ เตรียมรับเสด็จ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็ประทานให้ดฉิ นั ตามคำ�ทูลขอ บัดนี้ ดิฉนั จึงขอถวายเขาแด่องค์ พระคริสตเจ้า พระผูเ้ ป็นเจ้า เขาจะรับใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตราบเท่าทีเ่ ขามีชวี ติ ” แล้วบิดามารดา ก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น 1 ซมอ 2:1,4-5, 6-7,8กขค
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร ลก 1:46-56 เวลานั้น พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของ ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอด พระเนตรผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้า เป็นสุข พระผูท้ รงสรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิง่ ใหญ่ส�ำ หรับข้าพเจ้า พระนาม พระองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระกรุณาต่อผู้ยำ�เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยกพระกรแสดงพระอานุภ าพ ทรงขั บไล่ ผู้มีใจมั ก ใหญ่ ใ ฝ่ สู ง ให้ กระจัดกระจายไป ทรงควํ่าผู้ทรงอำ�นาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ตํ่าต้อยให้ สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือ เปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอล ผูร้ บั ใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป” พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ ความสุขจะเกิดขึ้นได้ไม่ใช่อยู่ที่ว่าเรามีเท่าไหร่ แต่ความสุขอยู่ที่เราเป็น เราจะทำ�อย่างไรกับสิ่งที่เรามีและเราเป็น นางฮันนาห์ไม่เคยลืมคำ�มั่นสัญญาที่มีต่อ องค์พระผู้เป็นเจ้าตามคำ�ทูลขอ บัดนี้ “เขาจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่เขามี ชีวิต” แม่พระก็เช่นเดียวกัน มีความสุขเพราะพระนางเชื่อว่าพระเป็นเจ้าจะทรงปฏิรูป สังคมเราให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน เช่น ด้านศีลธรรม เศรษฐกิจ สังคม การเมือง แต่เราก็ ต้องช่วยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เร็วขึ้น โดยการใช้สิ่งที่เรามีและเราเป็น เพื่อพระ อาณาจักรของพระเจ้าจะเกิดขึ้นจริง
บทอ่านที่ื 1 มลค 3:1-4,23-24 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เราจะส่งผู้ถือสารของเราเพื่อเตรียมทางไว้ต่อหน้าเรา ทันใดนั้น องค์ พระผูเ้ ป็นเจ้าทีท่ า่ นแสวงหาจะเสด็จเข้ามาในพระวิหารของพระองค์ ทูตแห่งพันธ สัญญาซึง่ ท่านปรารถนา ดูซิ กำ�ลังมาแล้ว องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส ใคร จะทนวันที่เขามาได้ และใครจะยืนหยัดอยู่ได้เมื่อเขาปรากฏ เพราะเขาจะเป็น เหมือนไฟของช่างถลุงโลหะ และเหมือนสบู่ของคนซักฟอก เขาจะนั่งลงเหมือน ช่างหลอมและช่างถลุงเงิน เขาจะชำ�ระบุตรหลานของเลวีให้บริสุทธิ์ จะถลุงเขา เหมือนถลุงทองคำ�และถลุงเงิน เพื่อเขาจะถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยความชอบธรรม เครื่องบูชาของยูดาห์และเยรูซาเล็มจะเป็นที่พอพระทัยองค์ พระผู้เป็นเจ้าเหมือนในสมัยโบราณ เหมือนในปีก่อนๆ โน้น ดูซิ เราจะส่งประกาศกเอลียาห์มาหาท่าน ก่อนที่วันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึง กลัวขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะมาถึง เขาจะทำ�ให้ใจของพ่อกลับมาหาลูก และใจของ ลูกกลับไปหาพ่อ เพื่อเราจะไม่ต้องมาทำ�ลายล้างแผ่นดิน”
น.ยอห์น แห่งเกตี้ พระสงฆ์ สดด 25:4-6, 8-10,14
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร ลก 1:57-66 เมื่อครบกำ�หนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้าน และบรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมา ร่วมยินดีกับนาง เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำ�พิธีสุหนัตให้ เขา ต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขา จะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดมีชื่อนี้” เขา เหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอ กระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่าง รู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะ พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา ชือ่ นัน้ สำ�คัญอย่างไร ชือ่ “ยอห์น” เป็นนามพระราชทานจากพระเจ้าตามทีท่ ตู สวรรค์กล่าวกับ เศคาริยาห์ว่า “ท่านจะตั้งชื่อเขาว่ายอห์น” เมื่อน้อมรับนามพระราชทาน ย่อมเท่ากับว่าท่านทั้งสองเชื่อและ มีความกตัญญูตอ่ พระเจ้าผูท้ รงพระกรุณาประทานบุตรชาย อันนำ�มาซึง่ ความปีตยิ นิ ดีชนิดไม่คาดฝันเพราะ “นางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว” และทันทีที่ตั้งชื่อบุตรชายว่า “ยอห์น” เศคาริยาห์ก็ กลับพูดได้อีก เรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลก ใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เด็กทุกคนเกิดมาถือว่าเป็นของประทานจากพระเจ้าซึ่งเรา ปฏิเสธไม่ได้
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง 2 ซมอ 7:1-5,8-11,16 เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้า ประทานความสงบจากศัตรูโดยรอบ กษัตริย์ตรัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เรา อยู่ในวังสร้างด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูล ตอบว่า “พระองค์ทรงคิดจะทำ�อะไร ก็โปรดทำ�เถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิต สัปดาห์ที่ 4 เทศกาล กับพระองค์” เตรียมรับเสด็จ แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของ พระคริสตเจ้า เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านจะไม่เป็นผู้สร้างวิหารให้เราอยู่ บัดนี้ ท่าน จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัสดังนี้ เราให้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ท่านเลิกเลีย้ งแกะในทุง่ หญ้ามาเป็นผูน้ �ำ อิสราเอลประชากรของเรา เราอยูก่ บั ท่าน ไม่วา่ ท่านไปทีใ่ ด เรากำ�จัดศัตรูทงั้ ปวงทีท่ า่ นเผชิญหน้า เราจะทำ�ให้ทา่ นมีชอื่ เสียง เหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน เราจะเลือกที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลประชากร ของเราตั้งหลักแหล่ง เขาจะอยู่ที่นั่นโดยไม่มีใครรบกวน จะไม่มีคนชั่วคอยกดขี่ ข่มเหงเขาเหมือนในอดีต เมือ่ เราเคยแต่งตัง้ ผูว้ นิ จิ ฉัยให้ปกครองอิสราเอลประชากร ของเรา เราจะให้ท่านได้พักจากศัตรูทั้งหลายของท่าน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า ประกาศแก่ทา่ นว่า เราจะสร้างราชวงศ์ให้ทา่ น ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะ มั่นคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป อำ�นาจปกครองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป”’ เพลงสดุดี สดด 80:1-2,14-15,17-18 ก) ข้าแต่ผู้เลี้ยงแห่งอิสราเอล โปรดทรงฟังเถิด พระองค์ทรงน�ำโยเซฟไปประดุจฝูงแกะ พระองค์ประทับบนบัลลังก์เหนือเหล่าเครูบ โปรดทอรัศมีลงมาเหนือเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์ โปรดทรงปลุกพระอานุภาพ เสด็จมาช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้น ข) ข้าแต่พระเจ้าจอมจักรวาล โปรดเสด็จกลับมา โปรดทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์และทรงพิจารณาเถิด โปรดเสด็จมาเยี่ยมองุ่นเถานี้ โปรดทรงคุ้มครองเถาองุ่นที่พระหัตถ์ขวาของพระองค์ปลูกไว้ โปรดทรงพิทักษ์บุตรที่ทรงท�ำนุบ�ำรุงให้เข้มแข็งส�ำหรับพระองค์ ค) ขอพระหัตถ์ปกป้องพระราชาซึ่งอยู่เบื้องขวาของพระองค์ โปรดทรงพิทักษ์บุตรแห่งมนุษย์ที่ทรงท�ำนุบ�ำรุงให้เข้มแข็งส�ำหรับพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่มีวันละทิ้งพระองค์อีก โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และข้าพเจ้าทั้งหลายจะเรียกขานพระนามของพระองค์
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 16:25-27 ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระผู้โปรดให้ท่านทั้งหลายมั่นคงตามข่าวดีของข้าพเจ้า และตามการ ประกาศสอนเรือ่ งพระเยซูคริสตเจ้า เป็นการเปิดเผยธรรมลาํ้ ลึก ทีเ่ ก็บเป็นความลับตลอดเวลานานมา แล้ว แต่บัดนี้เปิดเผยให้ปรากฏแล้ว ตามข้อเขียนของบรรดาประกาศก ตามพระบัญชาของพระเจ้า ผูท้ รงดำ�รงอยูต่ ลอดนิรนั ดร ให้นานาชาติได้รู้ เพือ่ จะได้น�ำ พวกเขามายอมรับความเชือ่ ขอพระสิรริ งุ่ โรจน์ จงมีแด่พระเจ้าผูท้ รงพระปรีชาญาณแต่เพียงพระองค์เดียว โดยทางพระเยซูคริสตเจ้า ขอพระองค์ทรง ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร อาเมน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 1:26-38 เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งใน แคว้นกาลิลชี อื่ เมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยูก่ บั ชายชือ่ โยเซฟ ในราชวงศ์ของ กษัตริยด์ าวิด หญิงพรหมจารีผนู้ นั้ ชือ่ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่าน ผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทาย นี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้า โปรดปราน ท่านจะตัง้ ครรภ์และให้ก�ำ เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่าเยซู เขาจะเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่ และพระเจ้าผูส้ งู สุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของ กษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไป และพระอาณาจักร ของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะ เป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้ สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของ พระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตาม วาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป คริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งการให้ เริม่ จาก “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตร เพียงองค์เดียวของพระองค์...” เมื่อพระเจ้าทรงเป็นผู้ให้และประชากรของพระเจ้าเรียนรู้ที่จะให้เช่นกัน นั่น คือคริสต์มาส คริสต์มาสจึงเป็นการฉลองแห่งการให้ คำ�ถามที่ตามมาคือ เราจะให้อะไรและจะให้อย่างไร เราจะทำ�ให้การฉลองคริสต์มาสมีความหมายสำ�หรับเราอย่างไร ข่าวดีวันนี้ได้ให้คำ�ตอบเกี่ยวกับคำ�ถาม เหล่านี้คือ “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”
สมโภช พระคริสตสมภพ
บทอ่านที่ 1 อสย 52:7-10 เท้าของผู้นำ�ข่าวดีมาประกาศบนภูเขาช่างงามยิ่งนัก เขาประกาศสันติภาพ นำ�ข่าวดี ประกาศความรอดพ้น กล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของท่านทรงเป็น กษัตริยป์ กครอง” บรรดาทหารยามของท่านร้องเสียงดัง ร้องตะโกนพร้อมกันด้วย ความยินดี เพราะเขาได้เห็นกับตาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับสู่ศิโยน... องค์ พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงสำ�แดงพระอานุภาพต่อหน้าประชาชาติทงั้ ปวง ชนชาติทงั้ หลาย จากสุดปลายแผ่นดินจะได้เห็นว่า พระเจ้าของเราประทานความรอดพ้นให้แก่เรา
สดด 89:1,2-3กข, 3ค-4,5-6
บทอ่านที่ 2 ฮบ 1:1-6 ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและ หลายวิธี ครัน้ สมัยนีเ้ ป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทางพระบุตร พระเจ้า ทรงสถาปนาพระบุตรให้เป็นทายาทครอบครองทุกสิง่ พระองค์ทรงสร้างจักรวาล เดชะพระบุตรนี้ พระ บุตรทรงเป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ทรงเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ขององค์พระเจ้า พระ บุตรทรงผดุงจักรวาลไว้ด้วยพระวาจาทรงฤทธิ์ บัดนี้ พระบุตรทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จสู่สวรรค์ ประทับ ณ เบื้องขวาแห่งพระมหิทธานุภาพ ดังนั้น พระบุตรทรงอยู่เหนือบรรดาทูต สวรรค์ เช่นเดียวกับพระนามที่ทรงได้รับนั้นประเสริฐกว่านามของบรรดาทูตสวรรค์... พระวรสาร ยน 1:1-5,9-14 เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำ�รงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระ วจนาตถ์เป็นพระเจ้า พระองค์ประทับอยู่กับพระเจ้าแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัย พระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้าง โดยทางพระวจนาตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิต เป็นแสงสว่างสำ�หรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืดชนะแสงสว่างนั้นไม่ได้ แสงสว่างแท้จริง ซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคนกำ�ลังจะมาสู่โลก พระวจนาตถ์ประทับอยู่ในโลก และโลกถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามพระองค์ พระองค์ประทานอำ�นาจให้ผนู้ นั้ กลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขามิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความ ปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรง รับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระ สิริรุ่งโรจน์ท่ีทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและ ความจริง
วันคริสต์มาสเป็นวันพิเศษทีพ่ ระเจ้าประทานแก่มนุษย์และเราแต่ละคน เป็นวันทีเ่ ราเฉลิมฉลอง การบังเกิดของพระกุมารเยซู ซึง่ เป็นทัง้ พระเจ้าและมนุษย์ทเี่ สด็จมาในโลกเพือ่ ช่วยเราให้รอด พระองค์เกิด ในสภาพที่ยากจนเข็ญใจ เพื่อแสดงถึงความนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระประสงค์ของพระเจ้า ในการสร้าง อาณาจักรของพระเจ้าในโลก ข่าวดีแห่งการบังเกิดของพระกุมารเยซูจงึ เป็นความชืน่ ชมยินดีของโลกทัง้ มวล เป็นการเผยแสดงทีส่ มบูรณ์ทสี่ ดุ ในพันธสัญญาใหม่ โดยผ่านทางบุคคล (Kenosis) ซึง่ เป็นเหตุการณ์ทสี่ �ำ คัญ ในประวัติศาสตร์ที่บอกทุกคนให้ทราบว่า พระผู้ไถ่โลกได้บังเกิดแล้ว
บทอ่านที่ 1 กจ 6:8-10; 7:54-60 ในสมัยนัน้ สเทเฟนเปีย่ มด้วยพระหรรษทานและพระอานุภาพ ทำ�ปาฏิหาริย์ และเครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชน บางคนจากศาลาธรรมที่เรียก กันว่าศาลาธรรมของเสรีชนที่เคยเป็นทาส คือชาวยิวจากเมืองไซรีน เมืองอเล็กซานเดรีย แคว้นซีลีเซียและอาเซีย เริ่มโต้เถียงกับสเทเฟน แต่เขาเหล่านั้นเอาชนะ สเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูดด้วยปรีชาญาณซึ่งมาจากพระจิตเจ้า เมื่อได้ฟังดังนั้น ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันคำ�รามเข้าใส่สเทเฟน สเทเฟนเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า เพ่งมองท้องฟ้า มองเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของ พระเจ้า และเห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า จึงพูดว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าเปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาของ พระเจ้า” ทุกคนจึงร้องเสียงดัง เอามืออุดหู วิ่งกรูกันเข้าใส่สเทเฟน ฉุดลากเขา ออกไปนอกเมืองแล้วเริ่มเอาหินขว้างเขา บรรดาพยานนำ�เสื้อคลุมของตนมาวาง ไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ “เซาโล” ขณะที่คนทั้งหลายกำ�ลังเอาหินขว้าง สเทเฟน สเทเฟนอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดรับ วิญญาณของข้าพเจ้าด้วย” เขาคุกเข่าลงและร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็น เจ้า โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขาเพราะบาปนีเ้ ลย” เมือ่ กล่าวดังนีแ้ ล้ว เขาก็สนิ้ ใจ
ฉลอง น.สเทเฟน ปฐมมรณสักขี สดด 31:3-4,5-6, 16-18
พระวรสาร มธ 10:17-22 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาล และเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา ท่านจะ ถูกนำ�ตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเราเป็นเหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยัน แก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูด อย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วย ตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของท่านจะตรัสในท่าน พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษพ่อแม่ให้ถึง ตาย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น” คนโบราณสอนเราว่า เวลาที่เราอยู่คนเดียวให้ระวังความคิด เวลาที่อยู่กับหมู่มิตรให้ระวังคำ� พูด นักบุญสเทเฟน มรณสักขีองค์แรก ได้รับความเกลียดชังจากกลุ่มคนที่ไม่มีความเชื่อ พวกเขาไม่ต้องการ ฟังข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า การเป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อจึงจบลงด้วยการถูกเบียดเบียนและความ ตาย ในความน่ารักของท่านก่อนสิ้นใจ คือท่านไม่ได้คิดถึงตัวท่านเอง แต่ท่านได้ภาวนาเพื่อพวกเขา “ข้าแต่ พระเยซูเจ้า โปรดรับวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขาเพราะบาปนี้เลย” ที่สุด พระ วาจาของพระเจ้าก็เป็นจริงทีว่ า่ คนทัง้ ปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผทู้ ยี่ นื หยัดจนวาระสุดท้าย ก็จะรอดพ้น อย่าละอายที่จะเป็นพยานและประกาศนามนี้ แม้ตายก็ต้องยอม เพราะชีวิตที่ดูเหมือนจะแพ้ แต่ที่แท้คือเราเป็นผู้ชนะ
ฉลอง น.ยอห์น อัครสาวก ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 97:1-2,5-6, 11-12
บทอ่านที่ 1 1 ยน 1:1-4 พี่น้องที่รักยิ่ง เราประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับพระวจนาตถ์แห่งชีวิต ซึ่งเป็นอยู่ แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม เราได้ฟัง เราได้เห็นด้วยตาของเรา เราได้เฝ้ามอง และเราได้ สัมผัสด้วยมือของเรา ชีวิตนั้นได้ปรากฏ เราได้เห็นและได้เป็นพยาน เราประกาศ ให้ทา่ นทัง้ หลายรูถ้ งึ ชีวติ นิรนั ดร ซึง่ อยูก่ บั พระบิดา และปรากฏให้เราเห็น สิง่ ทีเ่ รา ได้เห็นและได้ฟังนี้ เราประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ด้วย เพื่อท่านจะได้สนิทสัมพันธ์ กับเรา ความสนิทสัมพันธ์นี้คือความสนิทสัมพันธ์กับพระบิดา และกับพระบุตร ของพระองค์ คือพระเยซูคริสตเจ้า เราเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อความปีติยินดีของ เราจะได้สมบูรณ์ พระวรสาร ยน 20:2-8 เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลาวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคน หนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรัก บอกว่า “เขานำ�องค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขานำ�พระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระ ศพวางอยู่บนพื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติดๆ ก็มาถึง เข้าไป ในพระคูหาและเห็นผ้าพันพระศพวางอยูท่ พี่ นื้ รวมทัง้ ผ้าพันพระเศียรซึง่ ไม่ได้วาง อยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนก็ เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและมีความเชื่อ คำ�พังเพยที่ว่า “สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ�” บท อ่านที่ 1 สรุปได้ว่าการมีประสบการณ์ความรักกับพระในแต่ละวัน ทำ�ให้ความปีติยินดี ของเราสมบูรณ์ เช่นเดียวกับมารียช์ าวมักดาลามีประสบการณ์ความรักต่อพระเยซูเจ้า นางได้รับความรักมากเท่าไหร่ ก็ให้มากเท่านั้น นักบุญยอห์นเป็นอีกบุคคลหนึ่งซึ่งใกล้ ชิดกับพระเยซูเจ้ามาก ด้วยสายตาแห่งความรักสามารถเปลี่ยนความมืดให้เป็นความ สว่างได้ เปลีย่ นความตายให้เป็นชีวติ ฉะนัน้ ความรักความสัมพันธ์ทดี่ ี มิตรภาพทีจ่ ริงใจ เป็นสิ่งที่ชีวิตคริสตชนพึงจะมี
บทอ่านที่ 1 1 ยน 1:5-2:2 พีน่ อ้ งทีร่ กั ยิง่ นีค่ อื ข่าวทีเ่ ราได้ฟงั จากพระองค์ และเรากำ�ลังประกาศให้ทา่ น ทั้งหลายรู้ คือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดใดๆ อยู่ในพระองค์ เลย ถ้าเราพูดว่า เราสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ แต่ยังดำ�เนินชีวิตอยู่ในความมืด เรา ก็กำ�ลังพูดเท็จ เพราะเราไม่ดำ�เนินชีวิตอยู่ในความจริง แต่ถ้าเราดำ�เนินชีวิตใน ความสว่าง ดังที่พระองค์ทรงดำ�รงอยู่ในความสว่างแล้ว เราทุกคนก็สนิทสัมพันธ์ ฉลองนักบุญทารก ผู้วิมล กันด้วย และพระโลหิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ ก็ช�ำ ระเราให้สะอาด จากบาปทั้งปวง สดด 124:2-5,7-8 ถ้าเราพูดว่า “เราไม่มีบาป” เรากำ�ลังหลอกตนเอง และ “ความจริง” ไม่อยู่ ในเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะ ทรงอภัยบาปของเรา และจะทรงชำ�ระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง ถ้า เราพูดว่า “เราไม่เคยทำ�บาป” เราก็ทำ�ให้พระองค์ตรัสคำ�เท็จ และพระวาจาของ พระองค์ไม่อยู่ในเรา ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อท่านจะได้ไม่ทำ�บาป แต่ถ้าใครทำ�บาป เรายังมี ทนายแก้ตา่ งให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้า ผูท้ รงเทีย่ งธรรม พระองค์ทรงเป็น เครือ่ งบูชาชดเชยบาปของเรา และไม่เพียงแต่ชดเชยเฉพาะบาปของเราเท่านัน้ แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ ทั้งโลกด้วย พระวรสาร มธ 2:13-18 เมื่อบรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จง ลุกขึ้น พาพระกุมารและพระมารดาหนีไปอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์ เฮโรดกำ�ลังสืบหาพระกุมารเพือ่ จะประหารชีวติ ” โยเซฟจึงลุกขึน้ พาพระกุมารและพระมารดาออกเดิน ทางไปอียปิ ต์ในคืนนัน้ และอยูท่ นี่ นั่ จนกระทัง่ กษัตริยเ์ ฮโรดสิน้ พระชนม์ ทัง้ นีเ้ พือ่ ให้พระดำ�รัสขององค์ พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสทางประกาศกเป็นความจริงว่า “เราเรียกบุตรของเรามาจากอียิปต์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงเห็นว่าพระองค์ถูกบรรดาโหราจารย์หลอกลวง ก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้ ประหารชีวติ เด็กชายทุกคนทีม่ อี ายุตงั้ แต่สองขวบลงมาในเมืองเบธเลเฮมและบริเวณใกล้เคียง ตามเวลา ที่ทรงทราบมาจากบรรดาโหราจารย์ ดังนี้ พระดำ�รัสที่ตรัสไว้โดยประกาศกเยเรมีย์ก็เป็นความจริงว่า “มีผู้ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงร้องไห้และครํ่าครวญอย่างขมขื่น นางราเคลร้องไห้ อาลัยถึงบรรดาบุตร นางไม่ยอมรับคำ�ปลอบโยนใดๆ เพราะบุตรเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว” เด็กทีเ่ กิดมาและตายก่อนวัยอันควร ช่างเป็นเรือ่ งทีน่ า่ เศร้ายิง่ นัก สิง่ หนึง่ ทีเ่ ราคริสตชนทำ�ได้ คือสวดภาวนาหรืออุทิศบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณผู้วิมลเหล่านั้น เราไม่ทราบว่า ถ้าเด็กเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ จะนำ�ความเจริญก้าวหน้าให้แก่โลกและพระศาสนจักรอะไรบ้าง เราเป็นสิง่ สร้างและเป็นผูร้ ว่ มสร้างร่วมกับ พระเจ้าด้วย นักบุญโยเซฟให้บทเรียนแก่เราว่า ท่านเชื่อว่าพระเป็นเจ้าจะทรงปกป้องแม่พระและพระกุมาร ทุกครัง้ เมือ่ ภัยอันตรายมาถึง พระเจ้าก็ให้ทตู สวรรค์มาเตือนภัยเสมอ ชีวติ คริสตชนก็เช่นเดียวกันให้เรามอบ ชีวิต ครอบครัวของเราไว้ในพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้าเสมอ
น.โทมัส เบ็กเก็ต พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 96:1-3,4-6
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:3-11 ลูกทีร่ กั ทัง้ หลาย ถ้าเราปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องพระองค์ เรามัน่ ใจว่าเรารูจ้ กั พระองค์ ผู้ที่พูดว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของ พระองค์ เขาเป็นคนพูดคำ�เท็จ และ “ความจริง” ไม่อยู่ในตัวเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติ ตามพระวาจาของพระองค์ ความรักของพระเจ้าในผู้นั้นย่อมสมบูรณ์... ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน มิใช่บทบัญญัติใหม่ แต่เป็น บทบัญญัตเิ ก่า ทีท่ า่ นมีอยูต่ งั้ แต่แรกเริม่ ... ผูท้ อ่ี า้ งว่าตนอยูใ่ นความสว่าง แต่เกลียด ชังพี่น้องของตน ผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด ส่วนผู้ที่รักพี่น้องของตน ก็ดำ�รงอยู่ใน ความสว่าง และไม่มีสิ่งใดในตัวเขาที่ทำ�ให้เขาล้มลงได้ แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของ ตน ก็อยู่ในความมืด และเดินวนเวียนอยู่ในความมืด โดยไม่รู้ว่าเขากำ�ลังเดินไป ทิศทางใด เพราะความมืดทำ�ให้ตาของเขาบอด
พระวรสาร ลก 2:22-35 เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธีชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรม บัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่อง บูชาคือนกเขาหนึง่ คูห่ รือนกพิราบสองตัว ตามทีม่ กี �ำ หนดไว้ในธรรมบัญญัตขิ องพระเจ้า เวลานัน้ ทีก่ รุง เยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของ อิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนาง มารีย์นำ�พระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำ�หนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าว ถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุขตามพระดำ�รัส ของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ สำ�หรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับ อิสราเอลประชากรของพระองค์” โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำ�ที่กล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารีย์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน สิเมโอน อวยพรท่านทั้งสองและกล่าวแก่พระนางมารีย์ พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำ�หนดให้กุมารนี้เป็นเหตุ ให้คนจำ�นวนมากในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึน้ และเป็นเครือ่ งหมายแห่งการต่อต้าน เพือ่ ความใน ใจของคนจำ�นวนมากจะถูกเปิดเผย ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน” ผูเ้ ฒ่าสิเมโอนได้เห็นพระผูช้ ว่ ยให้รอด ทำ�ให้ทา่ นนอนตายตาหลับ ถือว่าเป็นความสุขบัน้ ปลาย ชีวติ ส่วนแม่พระได้ยนิ คำ�ทำ�นายทายทักถึงเหตุการณ์ทจี่ ะเกิดแก่ทา่ นทัง้ สองและพระกุมารว่า “พระเจ้าทรง กำ�หนดให้กุมารนี้เป็นเหตุให้คนจำ�นวนมากในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการ ต่อต้าน เพือ่ ความในใจของคนจำ�นวนมากจะถูกเปิดเผย ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจติ ใจของท่าน” เป็นความ ทุกข์ของพ่อแม่ทเี่ ห็นลูกของตัวเองตายต่อหน้าต่อตาโดยไม่มคี วามผิด พ่อ-แม่สามารถตายแทนลูกได้ แต่จะ มีลูกสักกี่คนที่ตายแทนพ่อ-แม่ และแทนคนทั้งโลกได้
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:12-17 ลูกทีร่ กั ทัง้ หลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะบาปของท่านได้รบั การอภัยแล้ว เดชะพระนามพระองค์ ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่าน มารูจ้ กั พระองค์ผทู้ รงดำ�รงอยูต่ งั้ แต่แรกเริม่ เยาวชนทัง้ หลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านชนะมารร้ายแล้ว เด็กที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงเธอ เพราะเธอได้ มารู้จักพระบิดา ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านมารู้จัก พระองค์ผู้ทรงดำ�รงอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม เยาวชนทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านเป็นคนแข็งแรง และพระ วาจาของพระเจ้าก็สถิตในท่าน และท่านชนะมารร้ายแล้ว จงอย่ารักโลก และสิ่ง ที่อยู่ในโลกเลย ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่อยู่ในตัวเขา เพราะทุกสิ่ง ที่อยู่ในโลก ได้แก่ ความมัวเมาในโลกีย์ ความโลภอยากได้ทุกสิ่ง และความหยิ่ง ทะนงโอ้อวดในทรัพย์สมบัติ ล้วนไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกทั้งสิ้น และ โลกพร้อมกับความมัวเมาในโลกีย์ของโลกนั้น กำ�ลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำ�ตามพระ ประสงค์ของพระเจ้าจะดำ�รงอยู่ตลอดนิรันดร พระวรสาร ลก 2:36-40 เวลานั้น ประกาศกหญิงคนหนึ่งชื่ออันนา เป็นบุตรหญิงของฟานูเอลจากเผ่า อาเชอร์ นางชรามากแล้ว แต่งงานตัง้ แต่ยงั สาว อยูก่ บั สามีเจ็ดปี หลังจากนัน้ ก็เป็น ม่าย เวลานี้อายุแปดสิบสี่ปี ไม่ได้ออกจากพระวิหารเลย อยู่รับใช้พระเจ้าทั้งกลาง วันกลางคืนโดยจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา นางเข้ามาในเวลานั้นพอดี ขอบพระคุณพระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารให้ทุกคนที่กำ�ลังรอคอยการไถ่กู้กรุง เยรูซาเล็มฟัง เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติขององค์พระผู้ เป็นเจ้ากำ�หนดไว้ส�ำ เร็จทุกประการแล้ว ก็กลับไปทีน่ าซาเร็ธ เมืองของตนในแคว้น กาลิลี พระกุมารทรงเจริญวัยแข็งแรงขึน้ ทรงพระปรีชาญาณอย่างสมบูรณ์ และพระ หรรษทานของพระเจ้าสถิตกับพระองค์ เยาวชนคือคนของชาติและพระศาสนจักร ถ้าเยาวชนไร้คุณภาพ ชาติ และพระศาสนจักรก็ไร้อนาคต เราต้องปลุกจิตสำ�นึกร่วมกันว่า บรรดาเยาวชนมี ศักยภาพสูงยิ่ง ดังที่เบนจามิน ดิสราเอลี กล่าวไว้ว่า “เกือบทุกสิ่งที่ยิ่งใหญ่ล้วนสำ�เร็จ ได้โดยคนหนุม่ ” นอกจากนีพ้ วกเขายังอยูใ่ นช่วง “โอกาสทอง” ทีจ่ ะเลือกอยูข่ า้ งเดียวกัน กับพระเยซูเจ้าอีกด้วย ดังนั้น ผู้ใหญ่ควรจะมีทัศนคติที่ดีและพร้อมที่จะทำ�ทุกวิถีทาง เพื่อช่วยให้เด็กและเยาวชนบรรลุความดีสูงสุด อันเป็นสุดยอดปรารถนาของทุกคน
อัฐมวาร พระคริสตสมภพ
สดด 96:7-9,10-12ก
ฉลอง ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ของพระเยซูเจ้า วันสิ้นปี
บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา บสร 3:3-7,14-17ก บุตรที่ยำ�เกรงบิดาก็ชดเชยบาปของตน บุตรที่ให้เกียรติมารดาก็เหมือนกับ สะสมทรัพย์สมบัตไิ ว้ ผูท้ ยี่ �ำ เกรงบิดาก็มคี วามสุขจากบุตรของตน เมือ่ เขาอธิษฐาน ภาวนา พระเจ้าก็จะทรงฟังเขา บุตรทีใ่ ห้เกียรติบดิ าจะมีอายุยนื บุตรทีเ่ ชือ่ ฟังองค์ พระผู้เป็นเจ้าจะทำ�ให้มารดาชื่นใจ ผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมให้เกียรติแก่ บิดา เขารับใช้บิดามารดาเหมือนรับใช้เจ้านาย เพราะพระเจ้าจะไม่ทรงลืมความเมตตาของท่านต่อบิดา พระองค์จะทรงนับ ว่าความเมตตานั้นเป็นการใช้โทษบาปของท่าน เมื่อท่านตกทุกข์ได้ยาก พระเจ้า จะทรงระลึกถึงท่าน บาปของท่านจะสลายไปดุจนํ้าแข็งละลายเมื่อถูกแสงแดด บุตรที่ละทิ้งบิดาก็เหมือนผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า บุตรที่ทำ�ให้มารดาเสียใจ จะถูก องค์พระผู้เป็นเจ้าสาปแช่ง ลูกเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะทำ�สิ่งใด จงทำ�ด้วยความถ่อมตนเถิด แล้วท่านจะเป็น ที่รักมากกว่าคนให้ของกำ�นัล เพลงสดุดี สดด 128:1-2,3,4-5 ก) ผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมเป็นสุข เขาเดินอยู่ในมรรคาของพระองค์ ท่านจะมีอาหารกินจากงานที่ท่านทำ� ท่านจะเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 3:12-21 ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่รักของพระองค์ จงเห็นอกเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความ พากเพียรอดทนเป็นเสมือนเครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน หากมีเรือ่ งผิดใจกันก็จงยกโทษกัน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่าน อย่างไร ท่านก็จงให้อภัยแก่เขาอย่างนัน้ เถิด แต่สงิ่ ทีส่ �ำ คัญกว่าสิง่ ใดก็คอื ความรัก ซึง่ รวมเราไว้เป็นหนึง่ เดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอให้สนั ติสขุ ของพระคริสตเจ้าครอบ ครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านทัง้ หลายให้รวมเป็นกายเดียวกันก็เพือ่ จะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึงพระคุณนี้เถิด ขอพระวาจาของพระคริสตเจ้าสถิตในท่านอย่างเต็มเปี่ยม จงสอนและ ตักเตือนกันด้วยปรีชาญาณ จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยการขับร้องบทเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จากใจจริง ท่านจะพูดเรื่องใดหรือทำ� กิจการใด ก็จงพูด จงทำ�ในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการ ขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระองค์เถิด ภรรยา จงอยู่ใต้อำ�นาจของสามีตามสมควรในองค์พระผู้เป็นเจ้า สามี จงรัก ภรรยาและอย่าทำ�ให้นางรู้สึกขมขื่น บุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาในทุกสิ่ง เพราะ
การกระทำ�เช่นนี้เป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า บิดาก็จงอย่าขัดใจบุตรเกินไป จนเขาท้อแท้หมด กำ�ลังใจ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 2:22-40 เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธีชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โย เซฟพร้อมกับพระนางมารียน์ �ำ พระกุมารไปทีก่ รุงเยรูซาเล็มเพือ่ ถวายแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า มีเขียนไว้ใน ธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวาย เครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสองตัว ตามที่มีกำ�หนดไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็น เจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอย ความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะ ได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟ พร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำ�หนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมาร มาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำ�รัส ของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ สำ�หรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับ อิสราเอลประชากรของพระองค์ โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำ�ที่กล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารีย์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน สิเมโอน อวยพรท่านทั้งสองคนและกล่าวแก่พระนางมารีย์ พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำ�หนดให้กุมารนี้เป็น เหตุให้คนจำ�นวนมากในอิสราเอลต้องล้มลงหรือลุกขึน้ และเป็นเครือ่ งหมายแห่งการต่อต้าน เพือ่ ความ ในใจของคนจำ�นวนมากจะถูกเปิดเผย” ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน ประกาศกหญิงคนหนึ่งชื่ออันนา เป็นบุตรหญิงของฟานูเอลจากเผ่าอาเชอร์ นางชรามากแล้ว แต่งงานตัง้ แต่ยงั สาว อยูก่ บั สามีเจ็ดปี หลังจากนัน้ ก็เป็นม่าย เวลานีอ้ ายุแปดสิบสีป่ ี ไม่ได้ออกจากพระ วิหารเลย อยู่รับใช้พระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืนโดยจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา นางเข้ามาใน เวลานัน้ พอดี ขอบพระคุณพระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารให้ทกุ คนทีก่ �ำ ลังรอคอยการไถ่กกู้ รุงเยรูซาเล็ม ฟัง เมือ่ โยเซฟพร้อมกับพระนางมารียป์ ฏิบตั ติ ามทีธ่ รรมบัญญัตขิ ององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ากำ�หนดไว้ส�ำ เร็จ ทุกประการแล้ว ก็กลับไปที่นาซาเร็ธเมืองของตนในแคว้นกาลิลี พระกุมารทรงเจริญวัยแข็งแรงขึ้น ทรงพระปรีชาญาณอย่างสมบูรณ์ และพระหรรษทานของ พระเจ้าสถิตกับพระองค์ การฉลองครอบครัวศักดิส์ ทิ ธิป์ ระกอบด้วยนักบุญโยเซฟ แม่พระ และพระเยซูเจ้า เป็นโอกาส ให้เราจะได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา การอยู่ร่วมกันระหว่างพ่อ-แม่-ลูกเป็น ไปตามรูปแบบของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด เราจะต้องมีความรักต่อกันตามแบบอย่างของ ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะคนที่เป็นสามี-ภรรยาจะต้องรักและซื่อสัตย์ไว้ใจต่อกันจนวันตาย ตามคำ� สัญญาที่ได้ให้ไว้ (ในวันแต่งงาน) “ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่สามารถให้แก่ลูกได้คือความรักที่พวกเขา มีต่อกัน” ครอบครัวดี สังคมดี พระศาสนจักรก็ดีด้วย