วารสารประชาสัมพันธ์เทศบาลเมืองแม่โจ้ โครงการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม “วันแม่แห่งชาติ” 2559
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๒
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
ค�ำขวัญวันแม่ ๒๕๕๙ “สอนให้ลูกทั้งหลายเดินสายกลาง ท�ำทุกอย่างพอดีมีเหตุผล ประกอบด้วยคุณธรรมน�ำทางตน ย่อมได้คนดีพอต่อบ้านเมือง” สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทาน “ค�ำขวัญวันแม่ ประจ�ำปี ๒๕๕๙
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๓
วารสารวันแม่แห่งชาติ
คุยกับนายกปิยะศักดิ์ สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรัก ทุกท่านครับ วารสารฉบับนี้ กระผมได้รวบรวมพระราชประวัติและโครงการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงมีความสนพระทัยและพระราชกรณียกิจในด้าน ต่างๆ แนวคิดและแนวทางปฏิบัติต่างๆให้ปวงชนชาวไทย เช่น โครงการ ศิลปาชีพ โครงการฝึกอบรมราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า และโครงการ ราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน ฯลฯ เนื่องในโอกาส 12 สิงหามหาราชินี ปีนี้ ตรงกับวันศุกร์ ที่ 12 สิงหาคม 2559 และ เป็นปีมหามงคลยิ่งเนื่องจาก สมเด็ จ พระนางเจ้ า สิ ริ กิ ต ์ บ รมราชิ นี น ารถ ทรงมี พ ระชนมายุ ค รบ 84 พรรษา พสกนิ ก รชาวไทยพร้ อ มใจกั น ร่ ว มเทิ ด พระเกี ย รติ แ ละ แสดงความจงรักภักดีแด่พระองค์ ท่ า น ท้ า ยนี้ ก ระผมขอขอบพระคุ ณ พ่ อ แม่ พ่ี น ้ อ งประชาชนชาวเมื อ ง แม่โจ้ทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกกิจกรรมในชุมชนและมีความรัก ความสามัคคี ปรองดอง สมานทฉันท์ เพื่อน�ำเมืองแม่โจ้ ให้ก้าวสู่ชุมชน เข้มแข็งต่อไป
ปิยะศักดิ์ ยโสธนชัย นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๔
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
คณะผู้จัดท�ำ นายปิยะศักดิ์ ยโสธนชัย นายสว่าง กานิล นายเอกชัย สายหยุด นายศรัณญ์ ใจค�ำ ดร.พิสุทธิ์ เนียมทรัพย์ นายประพันธ์ ภีระค�ำ นายอ�ำนวย อิ่นแก้ว นายวุฒิพงษ์ พรหมทวี นายวิรัช จิโรจน์พงศา นายธงชัย อัปการัตน์ นายศิลป์ คิดชัย นางบัวฝ้าย ตันค�ำปวน นายเอกราช นิธิภัทรนนท์ นายพุทธศร วัฒนาอุดมวงษ์ นางสาวเกศิณี พรหมตัน นางชญาดา ไชยศิลป์ นายสุรชัย บุญก�้ำ นายพินัส สุนันตะพันธ์
นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ รองนายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ รองนายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ รองนายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี เลขานุการนายกเทศมนตรี ปลัดเทศบาลเมืองแม่โจ้ รองปลัดเทศบาลเมืองแม่โจ้ รองปลัดเทศบาลเมืองแม่โจ้ หัวหน้าส�ำนักปลัดเทศบาล ผู้อ�ำนวยการกองคลัง ผู้อ�ำนวยการกองช่าง ผู้อ�ำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน นักพัฒนาการท่องเที่ยว ผู้ช่วยนักพัฒนาการท่องเที่ยว ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๕
วารสารวันแม่แห่งชาติ
พระราชประวัติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระราชประวัติ
ทรงพระราชสมภพ เมื่ อ วั น ศุ ก ร์ ที่ ๑๒ สิ ง หาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ที่บ้านพลเอกเจ้าพระยาวงศานุประพันธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) ผู้เป็นบิดาของหม่อมหลวงบัว ณ บ้านเลขที่ ๑๘๐๘ ถนนพระราหก ต�ำบลวังใหม่ อ�ำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ขณะนั้นเป็นระยะที่ประเทศเพิ่งเปลี่ยนแปลง การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบ ประชาธิปไตย ก่อนหน้านั้นพระบิดาของพระองค์ ทรงด�ำรง ต�ำแหน่งผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก มียศเป็นพันเอกหม่อมเจ้า นักขัตรมงคล กิติยากร หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองใน วันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล ต้องทรงออกจากราชการทหาร โดยรัฐบาลแต่งตั้งให้ไปรับ ราชการในต� ำ แหน่ ง เลขานุ ก ารเอก ประจ� ำ สถานทู ต สยาม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนหม่อมหลวงบัว ยังคงพ�ำนักอยูใ่ นประเทศไทย จนให้ ก�ำเนิดหม่อมราชวงศ์สริ กิ ติ ิ์ แล้วจึงเดินทางไป สมทบมอบหม่อมราชวงศ์สริ กิ ติ ใิ์ ห้ อยูใ่ นความ
ดูแลของเจ้าพระยาวงศา นุประพันธ์และ ท้าววนิดา พิจาริณี ผู้เป็นบิดาและ มารดาของหม่อมหลวงบัว หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ต้องอยู่ห่างไกลพระบิดามารดาตั้งแต่อายุพียงน้อยนิด บางคราว ต้องระหกระเหินไป ต่างจังหวัดกับพระบรมวงศานุวงศ์ตาม เหตุการณ์ผันผวนทางการเมือง เช่น ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๖ หม่อมเจ้าอัปษรสมาน กิติยากร พระมารดาของหม่อมเจ้านักขัต รมงคล ได้ ทรงรับนัดดาตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัวไป สงขลาด้วย ปลายปีพุทธศักราช ๒๔๗๗ หม่อมจ้า นักขัตรมงคล ทรงลาออกจากราชการ กลับประเทศไทยพร้อม ครอบครั ว อั น มี ห ม่ อ มราชวงศ์ กั ล ยาณกิ ติ์ บุ ต รคนโตและ หม่อมราชวงศ์บุษบาบุตรีคนเล็กผู้เกิดที่สหรัฐอเมริกาแล้วมารับ หม่อมราชวงศ์อดุลยกิติ์บุตรคนรอง กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ จากหม่อมเจ้าอัปษรสมาน กลับมาอยู่รวมกันที่ต�ำหนักซึ่งตั้งอยู่ ที่ถนนกรุงเกษม ปากคลองผดุงกรุงเกษม ริมแม่น�้ำเจ้าพระยา หม่ อ มราชวงศ์ สิ ริ กิ ติ์ เ ริ่ ม เรี ย นชั้ น อนุ บ าลที่ โ รงเรี ย นราชิ นี ปากคลองตลาดในพุทธศักราช ๒๔๗๙ แต่เมือ่ สงครามมหาเอเชีย บู ร พาลุ ก ลามมาถึ ง ประเทศไทย จั ง หวั ด พระนครถู ก โจมตี
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๖
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
ทางอากาศบ่อย ๆ ท�ำให้ การเดินทางไม่สะดวกและ ปลอดภัย หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ จึงต้องย้ายไป โรงเรียนที่โรงเรียนเซ็นต์ฟ รังซิสซาเวียร์คอนแวนต์ และ ในเวลาต่อมาได้ตั้งใจที่จะเป็น นักเปียโนผู้มีชื่อเสียง หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้เผชิญสภาพของ สงครามโลกเช่นเดียวกับคนไทยทั้งหลาย พระบิดาผู้ ทรงเป็น ทหารเป็นผู้ปลูกฝังให้ บุตร และ บุตรีรู้จักความมีวินัย ความ อดทน ความกล้าหาญ และ ความเสียสละ โดยอาศัยเหตุการณ์ ในสงครามเป็นตัวอย่าง และ สงครามก็ท�ำให้ ผู้คนต้องหันหน้า เข้าช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยากสิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้หม่อม ราชวงศ์สิริกิติ์มีความเมตตาต่อผู้อื่น และ รักความมีระเบียบ แบบแผนมาตั้งแต่เยาว์วัย
หลังจากสงครามสงบแล้ว นายกรัฐมนตรีในสมัยนัน้ คือ นายควง อภัยวงศ์ ได้แต่งตั้งให้ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลเป็น รัฐทูตวิสามัญและ อัครราชทูตผู้มีอ�ำนาจเต็มประจ�ำส�ำนักเซ็น ต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลจึง ทรงพา ครอบครั ว ทั้ ง หมดไป ด้ ว ยในกลางปี พุ ท ธศั ก ราช ๒๔๘๙ โรงงานท�ำรถยนต์ในกรุงปารีสอยู่เสมอ จนเป็นที่คุ้นเคยต่อ ขณะนั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ ของ พระยุคลบาทและ ต้องพระราชอัธยาศัย ฉะนั้นเมื่อสมเด็จ โรงเรียนเซ็นต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์แล้ว ระหว่างที่อยู่ใน พระเจ้าอยู่หัว ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ใ นประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ต้องประทับรักษาพระองค์ในสถานพยาบาล จึง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ หม่อมหลวงบัว พาบุตรีทงั้ สง คือหม่อมราชวงศ์สริ กิ ติ ิ์ และ หม่อมราชวงศ์บษุ บา เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทเยี่ยมอาการเป็นประจ�ำ จนพระ อาการประชวรทุเลาลง เสด็จกลับพระต�ำหนักได้ สมเด็จ พระราชชนนีได้รับสั่งขอให้ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์อยู่ศึกษาต่อที่ เมืองโลซานน์ ในโรงเรียนประจ�ำ Riante Rive ซึ่งเป็นโรงเรียน ที่มีชื่อเสียงในการสอนวิชาพิเศษแก่กุลสตรีคือ ภาษา ศิลปะ ดนตรี ประวัติวรรณคดี และ ประวัติศาสตร์ ต่อมาอีก ๑ ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลและ ประเทศอังกฤษหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ตั้งใจเรียนเปียโนภาษา ครอบครัวมาเฝ้าฯ แล้วสมเด็จพระราชชนนีรับสั่งขอหม่อม อังกฤษและภาษาฝรั่งเศสกับครูพิเศษ แต่อยู่อังกฤษได้ไม่นาน ราชวงศ์สริ กิ ติ ติ์ อ่ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลและประกอบพระราช หม่อมเจ้านักขัตรมงคลก็ ทรงย้ายไป ประเทศเดนมาร์กและ พิธหี มัน้ อย่างเงียบๆในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ประเทศฝรัง่ เศสตามล�ำดับ ระหว่างนีห้ ม่อมราชวงศ์สริ กิ ติ ยิ์ งั คง ทรงใช้พระธ�ำมรงค์ที่สมเด็จพระราชบิดา ทรงหมั้นสมเด็จ ตั้งใจเรียนเปียโนอย่างขะมักเขม้นเพื่อเตรียมสอบเข้าวิทยาลัย พระราชชนนี เป็นพระธ�ำมรงค์หมั้น แล้วคงให้ หม่อมราชวงศ์ สิ ริ กิ ติ์ ศึ ก ษาต่ อ ไป จนเสด็ จ นิ วั ต พระนคร จึ ง โปรดเกล้ า ฯ การดนตรีที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีส พุทธศักราช ๒๔๙๑ ขณะทีห่ ม่อมเจ้านักขัตรมงคลและ ให้ ห ม่ อ มราชวงศ์ สิ ริ กิ ติ์ ต ามเสด็ จ กลั บ มาถวายพระเพลิ ง ครอบครัวอยู่ในปารีส ได้รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล พระบรมศพพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว อานั น ทมหิ ด ล อดุลยเดช ซึ่งโปรดเสด็จพระราชด�ำเนินไป ทอดพระเนตร ในเดือนมีนาคมพุทธศักราช ๒๔๙๓
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๗
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
วันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ มีพระราชพิธี ราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรม ราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นประธานพระราชทาน น�ำ้ พระพุทธมนต์และ เทพมนต์ สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมพิ ลอดุลย เดชและ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้ ทรงจดทะเบียนสมรสตาม กฎหมาย และ ในวันนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนา หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เป็นสมเด็จพระราชินี วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเฉลิมพระบรมนามาภิไธยว่า “พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ ทรงสถาปนาเฉลิมพระยศสมเด็จ พระราชินีเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี” วันที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ทั้งสองพระองค์เสด็จกลับ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพราะแพทย์ผู้รักษาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวกราบบังคมทูลแนะน�ำให้ทรงพักรักษาพระองค์ อีกระยะหนึ่ง พุทธศักราช ๒๔๙๔ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีมีพระประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนรา ชกัญญาฯ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเจริญ พระชันษาได้ ๗ เดือน ทั้งสามพระองค์จึงเสด็จนิวัตประเทศ ประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิตหลังจากนั้น สมเด็ จ พระเจ้ า ลู ก ยาเธอเจ้ า ฟ้ า วชิ ร าลงกรณ์ ฯ ซึ่ ง ต่ อ มา
วารสารวันแม่แห่งชาติ
ทรงได้รบั การสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามกุฎ รากุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งต่อมา ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯสยามบรมราชกุมารีและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬา ภรณ์วลัยลักษณ์ฯ ได้ประสูติต่อมาตามล�ำดับ ณ พระที่นั่งอัมพร สถานรวมพระราชโอรสและพระราชธิ ด า๔พระองค์ ส มเด็ จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ ทรงปฏิบัติพระราช กรณียกิจน้อยใหญ่เป็นล�ำดับมา ทั้งในฐานะที่ ทรงเป็นสมเด็จ พระบรมราชิ นี ข องไทยและ ในฐานะคู ่ พ ระราชหฤทั ย แห่ ง พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัวกล่าวคือทรงช่วยแบ่งเบาพระราช ภาระทั้ ง หลายไปได้ ม ากอนุ รั ก ษ์ ศิ ล ปวั ฒ นธรรมไทย ทรัพยากรธรรมชาติ และ การพัฒนาประเทศอยูเ่ นือง ๆ เห็นได้ชดั จากพระราชกรณียกิจที่เผยแพร่สู่สายตา
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๘
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
พระราชกรณียกิจด้านต่างๆ ด้านการศึกษา
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงสนพระ ราชหฤทัยในด้านการศึกษา และทรงยึดมั่นในค�ำสอนของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
“ปัญญาท�ำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์” สติปัญญาเกิดขึ้นได้ด้วยการศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการอ่านหนังสือ พระราชกรณียกิจด้านการศึกษานานัปการที่พระราชทาน แก่พสกนิกรชาวไทยนั้นประกอบด้วยทรงส่งเสริมการศึกษา ในระบบโรงเรียน เช่น พระราชทานทุนการศึกษาแกนักเรียน สร้างโรงเรียน พระราชทานพระราชทรัพย์อุดหนุนโรงเรียน พระราชทานอุปกรณ์การเรียน ทรงรับโรงเรียนไว้ในพระบรม ราชินูปถัมภ์ เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมโรงเรียน เป็นต้น ด้านการศึกษานอกโรงเรียน เช่น ทรงสอนหนังสือชาวบ้าน ทรงสร้างศาลาร่วมใจ ทรงส่งเสริมการอาชีวศึกษา ทรงอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนางานศิลปาชีพ นอกจากนี้ ยังทรงส่งเสริม
การศึกษาของพระภิกษุสามเณร และทรงรับมูลนิธิแม่ชีไทยไว้ ในพระบรมราชินปู ถัมภ์ เป็นต้น พระอัจฉริยภาพด้านการศึกษา ของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นที่ประจักษ์ ทั่วไปทั้งในประเทศและนานาประเทศ พระราชจริยวัตรและ พระราชกรณี ย กิ จ ที่ ท รงบ� ำ เพ็ ญ ด้ ว ยพระวิ ริ ย ะอุ ต สาหะ พระราชทาน แก่องค์การศึกษาของภาครัฐ ภาคเอกชน และ พสกนิกรทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ทางการศึกษามีฐานนะยากจน หรืออยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร ท�ำให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางการ ศึกษาแด่สมเด็จ พระนางเจ้ า ฯ พระบรมราชิ นี น าถ เช่ น มหาวิ ท ยาลั ย ศรีนครินทรวิโรฒใน พ.ศ. 2509 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ใน พ.ศ. 2516 และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ. 2535 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถมิได้ศึกษาด้าน การศึ ก ษาโดยตรง แต่ พ ระราชด� ำ ริ ที่ พ ระราชทานในเรื่ อ ง การศึกษา ไม่ว่าจะเกี่ยวกับนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ โครงการศิลปาชีพ หรือศาลารวมใจล้วนแสดงถึงพระปรีชาญาณ ด้านการจัดการศึกษาของชาติทงั้ สิน้ ศาลารวมใจ ทีพ่ ระราชทาน ไว้เมื่อ พ.ศ. 2519 นั้น คือโครงการที่สอดคล้องกับปรัชญา
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๙
การศึกษาสากลว่า การศึกษาคือชีวิต ประชาชนควรมีโอกาสที่ จะศึกษาหาความรู้ได้ตลอดชีวิต ไม่เฉพาะแต่ในโรงเรียนเท่านั้น ศาลารวมใจ คือแหล่งเรียนรู้ที่ชาวบ้านสามารถศึกษาหาความรู้ ได้ด้วยตนเอง คือ หนังสือความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศไทย ประวั ติ ศ าสตร์ วรรณคดี ศาสนาขนบธรรมเนี ย มประเพณี นวนิยายทีม่ คี ติสอนใจ คูม่ อื ท�ำการเกษตร ฯลฯ ชาวบ้านสามารถ ติดตามข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับบ้านเมืองได้ ดังนั้นศาลารวมใจ จึงเปรียบเสมือนศูนย์รวมชาวบ้านในท้องถิ่นทุรกันดาร เป็นทั้ง ห้องสมุด ห้องพยาบาล และห้องประชุมในคราวเดียวกัน ศาลา รวมใจหลายแห่งสร้างอยูใ่ กล้วดั ซึง่ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน เพือ่ ดึงดูดให้ชาวบ้านทีม่ าวัดสนใจทีจ่ ะหาความรูจ้ ากศาลารวมใจ ด้วย ศาลารวมใจมีทั้งหมด 7 แห่ง ดังนี้ 1. ศาลารวมใจบ้านกาด บ้านคอนเปา หมู่ 4 ต�ำบลบ้านกาด อ� ำ เภอสั น ป่ า ตอง จั ง หวั ด เชี ย งใหม่ พระราชทานเมื่ อ วั น ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2519 2. ศาลารวมใจบ้านขุนคง บ้านขุนคง หมู่ที่ 5 ต�ำบลขุนคง อ�ำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พระราชทาน เมือ่ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2519 3. ศาลารวมใจ พร้าว บ้านสหกรณ์นิคม 2 หมู่ที่ 6 ต�ำบล เขื่อนผาก อ�ำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ พระราชทานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2519 4. ศาลารวมใจบ้านวัดจันทร์บ้านวัดจันทร์ หมู่ที่ 3 ต�ำบล บ้านจันทร์ อ�ำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ พระราชทานเมื่อวัน ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2533 5. ศาลารวมใจเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม ต� ำ บลเจริ ญ ศิ ล ป์ อ� ำ เภอสว่ า งแดนดิ น จั ง หวั ด สกลนคร พระราชทานเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2535 6. ศาลารวมใจวัดพระพุทธ บ้านวัดพระพุทธ หมูท่ ี่ 3 ต�ำบล พร่อน อ�ำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พระราชทานเมื่อ วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2521 7. ศาลารวมใจวัดสารวัน บ้านลุดง (สารวัน) หมู่ที่ ๒ ต�ำบล ไทรทอง กิ่ ง อ� ำ เภอไม้ แ ก่ น จั ง หวั ด ปั ต ตานี พระราชทาน เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๗ การจัดสร้างศาลารวมใจได้รบั ความร่วมมืออย่างดีจากหลาย ฝ่ายทั้งหน่วยงานของรัฐและประชาชน ราษฎรในถิ่นร่วมมือ ร่วมใจกันดูแลและพัฒนาบริเวณโดยรอบของศาลารวมใจ เช่น
วารสารวันแม่แห่งชาติ
การท�ำความสะอาดและการปลูกต้นไม้ให้สวยงามน่าดู ศาลา รวมใจที่พระราชทานนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่เยาวชนและ ประชาชนทั่วไป
ทรงส่งเสริมการอาชีวศึกษา
ตลอดระยะเวลาทีส่ มเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินนี าถ โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมราษฎรทั่ว ทุกภาคของประเทศทรงพบว่าราษฎรส่วนหนึง่ ทีม่ าเฝ้าทูลละออง ธุลีพระบาทนั้นยากจน ไม่มีที่ท�ำกิน ไม่มีอาชีพ ด้อยโอกาสทาง การศึกษา มีความรูเ้ รือ่ งสุขอนามัยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรม ราชินนี าถ จึงทรงมุง่ มัน่ ทีจ่ ะส่งเสริมอาชีพของราษฎรเพือ่ พัฒนา คุณภาพชีวติ ให้ดขี นึ้ และมีรายได้พอเลีย้ งครอบครัวให้มคี วามสุข ทุกครั้งที่เสด็จพระราชทานด�ำเนินไปเยี่ยมราษฎรจะทรงสังเกตุ ชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพอนามัย การแต่งกาย และสิ่งของ ที่ราษฎรน�ำมาทูลเกล้ากระหม่อมถวาย ว่าจะมีสิ่งใดหรือวิธีใดที่ จะทรงหยิบยกขึน้ มาส่งเสริมให้เป็นอาชีพเสริมแก่ราษฎรได้ เช่น ราษฎรแต่งกายด้วยผ้าไหมมัดหมี่ที่ทอใช้กันเองในครัวเรือน ก็ทรงตระหนักด้วยพระปรีชาญาณว่า หัตถกรรมเหล่านี้มีคุณค่า ทางศิลปะซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาจากบรรพบุรุษ สมควรที่ จะอนุรักษ์ไว้ให้เป็นสมบัติของชาติ พระราชด�ำริที่จะพัฒนางาน หัตถกรรมพื้นบ้านต่าง ๆ เช่น หัตถกรรมทอผ้า เครื่องปั้นดินเผา เครื่องจักสาน เครื่องเงิน เครื่องทอง เครื่องถม ไม้แกะสลัก เป็นต้น ได้กลายเป็นโครงการศิลปาชีพของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถสัมฤทธิผลของโครงการศิลปาชีพ ถือเป็น การศึกษาด้านอาชีพ หรือการอาชีว ศึกษาที่ส�ำคัญของชาติ เป็นทีป่ ระจักษ์แก่ชาวโลก เป็นแบบอย่างทีด่ แี ละเป็นทีช่ นื่ ชมของ นานาประเทศ
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๑๐
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
ด้านศิลปาชีพ
การศึกษาด้านศิลปาชีพนัน้ พัฒนาอย่างรวดเร็ว ด้วยทรง วางแผนการศึกษาอย่างครบวงจร โปรดให้ชาวบ้านในชุมชน เดียวกันนั้น หรือชุมชนใกล้เคียงเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ด้าน หัตถกรรมทั้งหลายให้แก่ลูกหลาน หรือเพื่อนบ้านของตน เช่น การทอผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมและผ้าฝ้ายลวดลาย ดั้งเดิมชนิดต่าง ๆ การจักสาน เช่น จักสานย่านลิเภา ไม้ไผ่และ หวาย เป็นต้น ส่วนงานหัตถกรรมที่ชาวบ้านไม่เคยเรียนรู้มา ก่อน เช่นการปั้นตุ๊กตาไทย หรืองานหัตถกรรมที่ต้องใช้ความ สามารถและความอดทนสูง เช่น งานเครื่องเงินเครื่องทอง งานคร�่ ำ งานถมเงิ น ถมทอง ก็ โ ปรดให้ แ สวงหาครู ผู ้ มี ความสามารถ เช่น นานไพฑูรย์ เมืองสมบรูณ์ และนายจุลทัศน์ พยาฆรานนท์ มาถ่ายทอดวิชาให้ เมือ่ นักเรียนในโครงการมีฝมี อื ดีและช�ำนาญแล้ว ก็จะคัดเลือกให้เป็นครูต่อไป ทรงติดตามผล งานจากผลิ ต ภั ณ ฑ์ ทุ ก ชิ้ น และพระราชทานค� ำ แนะน� ำ ใน การพัฒนางานให้สวยงามสมบรูณ์ขึ้น ทรงหาตลาดจ�ำหน่าย ผลิตภัณฑ์ ทรงรับซื้อด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทรงเป็น แบบอย่างให้ประชาชนใช้ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ ท�ำให้ผลิตภัณฑ์ เป็นทีน่ ยิ มของคนไทยและชาวต่างประเทศพระอัจฉริยภาพของ สมเด็จ พระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถในการพัฒนางาน อาชีพตามโครงการศิลปาชีพ นอกจากจะส่งผลให้สมาชิกใน โครงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างช่างฝีมือที่ ช�ำนาญในศิลปะไทยหลายแขนง เช่น ช่างทอง ช่างเขียน ช่างปัน้ ช่างไม้แกะสลัก ฯลฯ ซึง่ ล้วนแต่เป็นศิลปะทีป่ ระณีตงดงามเป็น เครื่องเชิดชูเกียรติภูมิของ ไทยอย่างยิ่ง
พระบรมราชินูปภัมภ์ด้านการศึกษา โรงเรียนเจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์ 1 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินนี าถ พระราชทานพระราชทรัพย์เป็นทุนเริม่ แรก เป็นเงิน 13,500 บาท ในการสร้างโรงเรียนเจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์ 1 ส�ำหรับชาวไทยภูเขาเผ่าเย้าที่บ้านห้วยขาน ต�ำบลแม่งอน อ�ำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 เมษายา พ.ศ. 2505 ทรงมอบโรงเรียนให้อยู่ในความดูแลของกองก�ำกับการต�ำรวจ ตระเวนชายแดน ปั จ จุ บั น เป็ น โรงเรี ย นที่ ส อนถึ ง ระดั บ มัธยมศึกษาตอนต้น สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนเจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์ 2 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จ�ำนวน 20,000 บาท เพื่อสร้างอาคารหลังใหม่ให้แก่โรงเรียน ชายแดนสงเคราะห์ 14 ของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ต�ำบลแม่ริม อ�ำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาเสด็จพระศรีนครินทราบ รมราชชนนีเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเปิดอาคารเมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 และพระราชทานนามว่า “โรงเรียน เจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์ 2” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินนี าถได้เสด็จพระราชด�ำเนิน ไปทรงเยี่ยมโรงเรียนนี้หลายครั้ง โรงเรียนได้โอนไปสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ พ.ศ. 2523
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙ นักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์
๑๑
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถทรงรับนักเรียน ยากจนขาดโอกาสทางการศึกษาที่ทรงพบด้วยพระองค์เอง ระหว่ า งการเสด็ จ พระราชด� ำ เนิ น ไปทรงเยี่ ย มราษฎรไว้ ใ น พระบรมราชานุเคราะห์เกือบสองพันคน มีพระราชเสาวนีย์ ให้กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ติดตาม ดูแลความประพฤติ และความเป็นอยู่ของนักเรียนนิสิต นักศึกษาที่ได้รับทุนเหล่านี้อย่างใกล้ชิด กองราชเลขานุการฯ มีหน้าที่จะต้องกราบยังคมทูลรายงานให้ทราบฝ่าละอองธุลี พระบาททุ ก เดื อ นนั ก เรี ย นทุ น จะมี แ ฟ้ ม ประวั ติ ป ระจ� ำ ตั ว มีขอ้ มูลบันทึกไว้ครบถ้วน เช่น ประวัตสิ ว่ นตัว ประวัตคิ รอบครัว สถานศึกษา รูปถ่าย ทีอ่ ยูท่ ตี่ ดิ ต่อได้ ผลการเรียน บัญชีคา่ ใช้จา่ ย ที่พระราชทาน จดหมายรายงานความเป็นอยู่ของรักเรียน ฯลฯ ทุ น การศึ ก ษานี้ พ ระราชทานแก่ นั ก เรี ย น นิ สิ ต นั ก ศึ ก ษา ในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด นอกจากนีย้ งั พระราชทานทุนการศึกษาแก่เด็กพิการให้เข้า รับราชการศึกษาใน โรงเรียนการศึกษาพิเศษ คือ
วารสารวันแม่แห่งชาติ
โรงเรียนสอนคนตาบอด ได้แก่ โรงเรียนสอนคนตาบอด กรุงเทพมหานคร โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ จังหวัด เชียงใหม่ โรงเรียน สอนคนหูหนวก-หูตงึ ได้แก่ โรงเรียนเศรษฐเสถียร ถนนพระราม 5 โรงเรียนโสตศึกษา ทุง่ มหาเมฆ กรุงเทพมหานาคร โรงเรียนอนุสารสุนทร จังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนโสตศึกษา ขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดสงขลา โรงเรียนสอนคนปัญญาอ่อน ได้แก่ โรงเรียนกาวิละอนุกูล จังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนอุบลปัญญานุกูล จังหวัดอุบลราชธานี โรงเรียนสอนคนพิการแขนขา และล�ำตัว ได้แก่ศรีสังวาลย์ จังหวัดนนทบุรี สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินนี าถมีพระราชเสาวนีย์ ให้กองราชเลขานุการ ฯ ปฏิบัติเช่นเดียวกับนักเรียนสามัญ มีประวัติและติดตามผลการศึกษา จนจบการศึกษาตามความ สามารถ เพื่ อ ไปประกอบอาชี พ เลี้ ย งตนเองได้ นั บ เป็ น พระมหากรุณาธิคุณสูงสุด แก่นักเรียนและการศึกษาของชาติ
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
ด้านสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์ ในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ชัยนาทนเรนทรได้ทรงรับฉันทานุมตั ิ เป็นผูก้ ราบบังคมทูลถวาย พระพรชัยมงคล ในพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ มีความ ตอนหนึ่งว่า “...ได้ทรงเลือกสรรประสบผู้ที่สมควรแก่การสนองพระ ยุคลบาทร่วมทุกข์ แบ่งเบาพระราชภาระในภายภาคหน้า...” ในครัง้ นัน้ ใครจะคิดว่าพระราชภาระของพระมหากษัตริย์ ผู ้ เ ป็ น พระประมุ ข ของประเทศ ในการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยนั้น นอกจากการประกอบพระราชกรณียกิจ ที่เป็นพระราชพิธี รัฐพิธี ศาสนพิธี และพระราชกรณียกิจ ที่ก�ำหนดชัดเจนในรัฐธรรมนูญแห่งประเทศไทยแล้วจะยังมี พระราชกรณียกิจอืน่ ทีม่ ากพ้นล้นเหลือประมาณอีกด้วย แต่จาก วั น นั้ น ถึ ง วั น นี้ คนไทยก็ ไ ด้ ป ระจั ก ษ์ ว ่ า พระราชกรณี ย กิ จ ทั้งหลายทั้งปวงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติ มากมายสุดจะพรรณา นัน้ ทรงปฏิบตั ดิ ว้ ยพระราชหฤทัยห่วงใย ประชาชนและประเทศชาติบ้านเมือง ได้ทรงพระวิริยอุตสาหะ ไม่ท้อถอย ในการบ�ำบัดทุกข์ บ�ำรุงสุข พัฒนาอาชีพและชีวิต ความเป็นอยู่ของราษฎร ทรงแก้ไขปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง ทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ สมเด็ จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็ไ ด้ทรงแบ่งเบา พระราชภาระต่าง ๆ มาโดยตลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราช กรณียกิจด้านสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์และการพัฒนาชีวติ ความเป็นอยู่ ของราษฎรในชนบทให้มีความรู้ มีงานมีรายได้ สามารถด�ำรงชีวิตอย่างมีสุขอนามัย เมือ่ ครัง้ ทรงได้รบั สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชินใี หม่ ๆ นัน้ เมื่อ เกิดอุทกภัยวาตภัย และอัคคีภัยขึ้นที่จังหวัดใด ราษฎรได้ รับความเดือดร้อนสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชบริพาร ฝ่ายในน�ำอาหาร เสือ้ ผ้า ยารักษาโรค สิง่ ของเครือ่ งใช้ไปแจกจ่าย ให้ แ ก่ ผู ้ ที่ ป ระสบภั ย เหล่ า นั้ น อย่ า งทั น ท่ ว งที เพื่ อ บรรเทา ความเดือดร้อนในเบื้องต้น
สมเด็ จ พระนางเจ้ า ฯ พระบรมราชิ นี น าถ ได้ เ สด็ จ พระราชด� ำ เนิ น ไปทรงเป็ น ประธานในการประชุ ม การ สังคมสงเคราะห์แห่งชาติ ครั้งที่ 1 ที่กรมประชาสงเคราะห์ ร่วมกับองค์กรเอกชนจัดขึ้น ณ ศาลาสันติธรรม เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 ได้มีพระราชด�ำรัสความตอนหนึ่งว่า “ในขณะนี้ประเทศไทยก�ำลังเร่งรัดสร้างสรรค์ความเจริญ จ�ำเป็นต้องตระหนักถึงผลทางสังคมอันจะเกิดขึ้นและเตรียมที่ จะรับปัญหานั้นใน เรื่องนี้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงข้อขัดข้องและ ความผิดพลาด น่าจะศึกษาบทเรียนที่ประเทศต่าง ๆ ได้รับใน ระยะการพัฒนาการ ส่วนผู้ที่เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิตลอด จนผู้แทนและผู้สังเกตการณ์จากหน่วย งานหรือองค์กรสถาน ศึกษาต่าง ๆ นั้น ก็ควรจะ ประสานงานสอดคล้องต้องกัน เพื่ อ พั ฒ นางานในด้ า นนั้ น ให้ เ กิ ด ประโยชน์ อั น ยิ่ ง ใหญ่ แก่ประชาชน ซึ่งเป็นกุศลบุญ ควรแก่การอนุโมทนา...” พระราชด�ำรัสในเรื่องการสังคมสงเคราะห์เมื่อกว่าสี่สิบปี มาแล้ ว แสดงถึ ง ความสน พระราชหฤทั ย และความถี่ ถ ้ ว น รอบคอบในกิจการทั้งปวงที่ห น่ว ยงานต่าง ๆ ควรจะต้ อ ง ประสานงานกัน การศึกษาสังเกตการณ์ซงึ่ ได้ทรงถือปฏิบตั อิ ย่าง ต่อเนื่อง การสังคมสงเคราะห์ในระยะต่อมาได้ทรงค่อย ๆ เปลี่ยนจากการที่ทรง “ให้” เป็นความพยายามให้ราฏรได้ช่วย ตนเองด้านการตามแนวทางและวิธีการ โดยอาศัยความรู้ ความสามารถทีร่ าฏรมีอยูแ่ ล้วในแต่ละท้องถิน่ แต่ได้ถกู ทอดทิง้ ละลืม ให้น�ำมาพัฒนาใช้ให้เป็นประโยชน์ เมื่อมีการจัดตั้งสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยขึ้น ใน พ.ศ. 2503 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ ได้เสด็จ
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๑๓
พระราชด�ำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดการประชุมหลายครั้ง ในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2505 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ไว้ในพระบรม ราชูปถัมภ์ และพระราชทานทุนทรัพย์ตั้ง “กองทุนเมตตา” ขึ้ น เมื่ อ ทรงทราบว่ า คนบางคนแม้ จ ะตั้ ง ใจประกอบอาชี พ โดยสุ จ ริ ต ด้ ว ยความขยั น แล้ ว แต่ มี ร ายได้ ไ ม่ เ พี ย งพอแก่ ความจ�ำเป็นที่ต้องใช้จ่าย จึงเดือดร้อนด้วยประการต่าง ๆ จนมี หนีส้ นิ พอกพูนขึน้ เรือ่ ย ๆ ยากทีจ่ ะปลดเปลือ้ งได้ เกิดความเดือด ร้อน เป็นความทุกข์ของครอบครัวทับถมซับซ้อน ก่อให้เกิด ปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ความเจ็บป่วยด้านจิตใจ ความเก็บกด หรือการแก้ปัญหาในทางที่ผิดของเยาวชนที่อยู่ในครอบครัว นั้น ๆ ความท้อแท้ที่จะ ศึกษาเล่าเรียน จนท้ายที่สุดกลายเป็น ปัญหาของสังคม กองทุนเมตตาได้ขจัดปัดเป่าบรรเทาความทุกข์ ยากของผู้ที่เดือดร้อนได้ตามวัตถุ ประสงค์ในเวลานั้น นอกจากนี้ได้พระราชทานพระราชทรัพย์จ�ำนวนหนึ่งให้ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ เป็นทุนริเริ่มกองทุน พระราชทานช่วยเหลือการศึกษาเด็กเยาวชน เพือ่ ช่วยเหลือเด็ก ขาดแคลนให้มโี อกาสได้เล่าเรียน มีความรูไ้ ปประกอบอาชีพและ ด�ำเนินชีวิตในแนวทางที่ถูกที่ควรกองทุนนี้ต่อมา ได้มีผู้สมทบ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และขยายเป็นทุนอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ท�ำนอง เดียวกันนี้อีกหลายทุน มีชื่อต่าง ๆ ได้ช่วยสร้างคนให้เป็นคนที่มี คุณค่าแก่แผ่นดินเมือ่ เติบโตขึน้ นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้พระราชทานพระบรมราชินูปถัมภ์แก่ สมาคม และมูลนิธเิ พือ่ การสังคมสงเคราะห์เป็นจ�ำนวนมาก เช่น มูลนิธิช่วยเด็กปัญญาอ่อน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มูลนิธิ อนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ มูลนิธิช่วยคน ตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินปู ถัมภ์ สมาคมผูบ้ ำ� เพ็ญ ประโยชน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชินปู ถัมภ์ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ทรงส่งเสริมการปฏิบัติงานช่วยเหลือองค์กร การสังคมสงเคราะห์ เพือ่ ด�ำเนินงานสาธารณกุศล เช่น เมือ่ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ได้จัดตั้งศูนย์บริการอาสาสมัครขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของ เจ้ า หน้ า ที่ ป ระจ� ำ ของหน่ ว ยงาน บรรเทาทุ ก ข์ ห รื อ สาธารณประโยชน์ ได้แก่ โรงพยาบาล ศูนย์เยาวชน
วารสารวันแม่แห่งชาติ
สถานสงเคราะห์ ฯลฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้คณะกรรมการ และอาสาสมัครเข้าเฝ้าทูลละอองธุลพี ระบาท ณ พระทีน่ งั่ อัมพร สถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2510 ได้มี พระราชด�ำรัส ความตอนหนึ่งว่า “...การที่คนไทยเรายึดหลักอุดมคติว่า ความทุกข์สุข ไม่ไช่ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล หรือเฉพาะครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เท่านั้น เป็นความคิดที่ทันสมัยในโลกปัจจุบัน เราจะมีความสุข แต่ล�ำพัง โดยไม่ค�ำนึงถึงความเดือดร้อนของคนอีกหลายคน ทีแ่ วดล้อมเราอยูน่ นั้ ไม่ได้ผู้ มีจติ หวังประโยชน์สว่ นร่วม ย่อมรูจ้ กั บางปันความสุขเพือ่ ผูอ้ นื่ และพร้อมทีจ่ ะช่วยบรรเทาความทุกข์ ของผู้อื่นตามก�ำลังและโอกาสเสมอ....” ต่อมา เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้ โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมราษฎรใน ภาคต่ า ง ๆ โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง เมื่ อ เกิ ด ภั ย ธรรมชาติ เช่ น เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรใน พ.ศ. 2513 เมื่อเกิด อุทกภัยในจังหวัดนครพนม เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยม ราษฏรทางภาคกลางเมือ่ เกิดน�ำ้ ท่วมใหญ่ไร่นาล่ม จมเสียหายใจ พ.ศ. 2518 รวมทั้งในระหว่างเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชนิเวศน์ในต่างจังหวัด ได้มีพระราชด�ำรัสถามราษฎร ทีม่ าเฝ้าทูลละอองธุลพี ระบาทรับเสด็จ ท�ำให้ทรงทราบว่าราษฏร ในชนบทจ� ำ นวนมากยากจน มี ร ายได้ ไ ม่ พ อเลี้ ย งชี พ และ ไม่สามารถที่จะหารายได้เพิ่ม ไม่เห็นหนทางที่จะแก้ไขความ เดือดร้อนด้วยตนเอง ขาดแคลนสาธารณสุขพื้นฐานขาดสุข อนามัย ยามเจ็บไข้กไ็ ม่มแี พทย์และยารักษาโรคทีจ่ ะบ�ำบัดรักษา จึงมีพระราชด�ำริทจี่ ะพัฒนาชีวติ ความเป็นอยูข่ องราษฎรให้ดขี นึ้
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๑๔
ปรากฏในค�ำบอกเล่าของ ดร.สุเมธ จันติเวชกุล ขณะด�ำรง ต� ำ แหน่ ง เลขาธิ ก ารคณะกรรมการพิ เ ศษเพื่ อ ประสานงาน โครงการอันเนื่องมา จากพระราชด�ำริ (กปร.) ที่กล่าวในการ อภิ ป รายเรื่ อ ง “สมเด็ จ ฯของเรา” ณ คณะแพทย์ ศ าสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ซึ่งได้ เชิญพระราชด�ำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ ในส่วนที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตอนหนึ่งว่า “...พระเจ้าอยู่หัวและข้าพเจ้าไม่ได้พึงพอใจกับเพียงแต่ เยี่ยมเยียนราษฏร หรือท�ำแต่สิ่งที่เคยท�ำเป็นประเพณี เราต้อง พยายามให้ดีกว่านั้น เราต้องช่วยรัฐบาลส่งเสริมความเป็นอยู่ ของประชาชนให้ดขี นึ้ เพราะเราเป็น ประเทศด้อยพัฒนา ดังนัน้ การทีเ่ พียงแค่ไปเยีย่ มเยียนราษฏรเพราะเป็นหน้าทีข่ องประมุข ของ ประเทศที่จะต้องท�ำตามประเพณีนั้น เป็นเรื่องไร้สาระ หากเราไม่สามารถมีส่วนร่วมในการบรรเทาทุกข์ให้ประชาชน แล้ว เราต้องถือว่าการเป็นประมุขประสบความล้มเหลว....” พระราชด�ำรัสครั้งนั้น แสดงถึงพระราชหฤทัยอันมุ่งมั่นที่ จะบรรเทาทุกข์ให้แก่ราษฏร และหากทบทวนพระราชกรณียกิจ ที่ได้ทรงบ�ำเพ็ญอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พระมหากรุณาธิคุณจากการเสด็จเยี่ยมทั่วราชอาณาจักร นั บ ครั้ ง ไม่ ถ ้ ว น โดยโครงการอั น เนื่ อ งมาจากพระราชด� ำ ริ หลายพั น โครงการ มี ทั้ ง โครงการเรื่ อ งการเกษตรเรื่ อ งน�้ ำ เรื่องดิน เรื่องการฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การฟื้นฟู และพั ฒ นางานศิ ล ปหั ต ถกรรมพื้ น บ้ า น การแพทย์ การสาธารณสุข ฯลฯ เพือ่ ส่งเสริมความเป็นอยูข่ องราษฏร ในระยะแรกของการ เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยีย่ มราษฏรในต่างจังหวัด เมือ่ ทรง
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
พบเห็ น ว่ า ราษฏรที่ ม าเฝ้ า ทู ล ละอองธุ ลี พ ระบาทรั บ เสด็ จ มีอาการเจ็บป่วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระรบมราชินีนาถได้มี พระราชเสาวนีย์ให้แพทย์ที่ตามเสด็จไปในขบวนตรวจอาหาร จ่ายยา ละให้ค�ำแนะน�ำแก่ราษฏรในการดูแลรักษาตนเอง แต่หากไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ใน ขณะนั้น หรือเป็นโรคที่ ร้ า ยแรง จะมี พ ระราชเสาวนี ย ์ ใ ห้ ส ่ ง ไปรั บ การรั ก ษาที่ โรงพยาบาลซึ่งอยู่ใกล้ท้องถิ่น นั้น โดยพระราชทานหนังสือ รับรองว่าเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์พร้อมค่าเดิน ทาง และค่าใช้จา่ ยทีจ่ ำ� เป็น ส่วนค่ารักษาพยาบาลและค่ายานัน้ จะพระราชทานแก่โรงพยาบาลโดยตรง หากผู้ป่วยไม่สามารถ ไปเองได้จะทรงจัดเจ้าหน้าที่น�ำไป และพระราชทานค่าใช้จ่าย แก่เจ้าหน้าที่ด้วย ถ้าโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ท้องถิ่นนั้นขาด บุคลากรทางการแพทย์ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ในการรักษา ก็ ใ ห้ ส ่ ง ไปรั บ การรั ก ษาที่ โ รงพยาบาลในกรุ ง เทพฯ โดย พระราชทานค่ า เดิ น ทางและค่ า รั ก ษาพยาบาลทั้ ง หมด ในการเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยีย่ มราษฏรต่างจังหวัด หรือ ขณะแปรพระราชฐานไปประทับที่พระราชนิเวศน์ในภูมิภาค ต่าง ๆ มีราษฏรที่เจ็บไข้มาขอรับพระราชทานความช่วยเหลือ เป็นจ�ำนวนมาก ต้องมีแพทย์และพยาบาลอาสาไปช่วยปฏิบัติ งานเพิ่มขึ้น แล้วยังใช้เวลามากขึ้นจนมืดค�่ำ หลายครั้งที่สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระราชโอรสและ พระราชธิดา ทรงช่วยซักถามประวัติและอาการของผู้ป่วย ตลอดจนช่วยแพทย์ในการจ่ายยา และการบันทึกเพื่อติดตาม ผล นอกจากนี้โรงพยาบาลในท้องถิ่นมักมีความจ�ำกัดในเครื่อง เวชภัณฑ์และยารักษาโรค สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ เพื่อจัดซื้อเครื่องมือ เครือ่ งใช้และยาเพิม่ ขึน้ หน่วยงานต่าง ๆ ได้รว่ มช่วยเหลือคนไข้ ในพระบรมราชานุเคราะห์
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๑๕
วารสารวันแม่แห่งชาติ
ด้านศาสนา
พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นพุทธมามะกะ และเป็นอัคร ศาสนูปถัมภก ประชาชนมีสิทธิและเสรี ในการนับถือศาสนา ตามที่ตนเชื่อ และศรัทธา สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงตระหนักว่า ศาสนาเป็น เครือ่ งยึดเหนีย่ วจิตใจของมนุษย์มใิ ห้ประพฤติปฎิบตั ใิ นสิง่ ทีเ่ ป็น ความชั่ว และเป็นแนวทางให้มนุษย์เลือกกระท�ำแต่ความดี จึงทรงตระหนักถึงความส�ำคัญในการอุปถัมภ์ศาสนา นอกจาก จะทรงเป็นพุทธศาสนิกชน ทีป่ ฏิบตั พิ ระราชกรณียกิจทางศาสนา โดยสม�่ำเสมอแล้ว ยังทรงทะนุบำ� รุงศาสนาต่าง ๆ ในประเทศไทย ไม่วา่ จะเป็น ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ฮินดู และ ซิกข์ เพราะทรง ถือว่าทุกศาสนาต่างก็มคี วามส�ำคัญในฐานะเป็นเครือ่ งยึดเหนีย่ ว จิตใจ ของประชาชนเช่นเดียวกัน ดังนั้น คราวใดที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนินไปในงานพระราชพิธี หรือทรงประกอบพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับศาสนา สมเด็จ พระบรมราชินีนาถมักจะโดยเสด็จเสมอไม่ว่าจะเป็นพิธีของ ศานาใด บางครั้งก็เสด็จพระราชด�ำเนินโดยล�ำพังพระองค์เอง ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจด้วยความเคารพในประเพณีของ ศาสนานั้น ๆ อย่างดียิ่ง สมเด็จพระบรมราชินีนาถ มีพระราชศรัทธาในพระพุทธ ศาสนามาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ด้วยทรงรับการอบรบพื้นฐาน ความรู้เรื่องศาสนามาจากพระบิดาพระมารดา คือ พระวรวงศ์ เธอ กรมหมื่นจันทร์บุรีสุรนาถ และหม่อมหลวงบัว กิตกิยากร ทรงเป็นพุทธศานาสนิกชนที่เคร่งครัดทรงเคารพนอบน้อมใน
พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ทรงบ�ำเพ็ญกุศลทาง เช่น ทรงบาตร ทรงเก็ บ ดอกไม้ ม าบู ช าพระ ทรงสวดมนต์ บู ช า พระรัตนตรัยได้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ มีน�้ำพระราชหฤทัย เอื้อเฟื้อเผื้อแผ่ ทรงยึดมั่นในสัจจะ อยู่ในโอวาทครูอาจารย์ พระบิดามารดา เมื่อเข้าสู่พระราชพิธีราชาพิเษกสมรส และทรงด�ำรงพระ ราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถแล้ว ได้ทรงศึกษา และปฏิ บั ติ ต ามหลั ก ธรรมในพระบวรพุ ท ธศาสนามากขึ้ น ทรงยกย่ อ งเทิ ด ทู น พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว เป็ น ผู ้ พระราชทานความรู้แก่พระองค์ในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้าน พระพุทธศาสนา ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไป ทรงนมัสการและสนทนาธรรมกับพระ เถรานุเถระอยู่เสมอ ทรงใช้หลักธรรมเป็นแนวปฏิบตั ทิ งั้ ในส่วนพระองค์และในฐานะ สมเด็จพระบรม ราชินีนาถ ดังพระราชด�ำรัสที่พระราชทานแก่ กลุ่มนักข่าวหญิง เมื่อ พ.ศ. 2524 ว่า “....ฉันรูส้ กึ ว่า ชีวติ ของฉันทัง้ โดยฐานะส่วนตัว และในฐานะ ทีเ่ ป็นพระราชินี ถ้าเผือ่ ไม่ได้พระพุทธศาสนา ก็คงจะแข็งแรงอยู่ ไม่ได้อย่างนี้...”
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๑๖
สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงพยายามทุกวิถีทางและ ทุกโอกาสที่จะทรงแนะน�ำให้ พสกนิกรเห็นว่า ความเจริญทาง ด้านจิตใจเป็นสิ่งจ�ำเป็นและส�ำคัญที่สุด ไม่น้อยไปกว่าความ เจริญทางด้านวัตถุ เพราะจะช่วยให้ชีวิตมนุษย์สมบรูณ์และ มีค่า ดังพระราชด�ำรัสที่พระราชทานแก่นักศึกษาว่าพยาบาล ณ หอประชุมราชแพทยาลัย โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม พ.ศ. 2510 ความตอนหนึ่งว่า ความเจริญทางด้านวัตถุจำ� ต้องควบคูไ่ ปกับความเจริญทาง ด้านจิตใจจะท�ำให้ชวี ติ มนุษย์สมบรูณแ์ ละมีคา่ บุคคลแม้จะเป็น ผูท้ ขี่ าดความมัน่ คงทางวัตถุ แต่รำ�่ รวยในด้านคุณธรรม มีความรัก และห่วงใยในเพื่อนมนุษย์ จึงนับว่าเป็นผู้ที่พระพุทธศาสนา ยกย่องแล้วว่าเจริญแท้...” นอกจากทรงได้รับความรู้ทางธรรมะจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั แล้ว สมเด็จพระบรมราชินนี าถยังทรงศึกษาธรรม ด้วยการทรงสนทนาธรรมกับพระเถระและภิกษุที่เคร่งครัดใน พระธรรมวินัย ใน ยามที่เสด็จแปรพระราชฐานไปทรงเยี่ยม ราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ หากทรงมีโอกาสเสด็จพระราชด�ำเนิน ไปทรงเยีย่ มวัดวาอารามใด ก็จะมีพระราชศรัทธาถวายเงินบ�ำรุง วัด รวมทั้งทรงสนทนาธรรมกับพระภิกษุสงฆ์ที่วัดเหล่านั้น นอกจากนี้ ยั ง โปรดให้ ข ้ า ราชบริ พ ารจั ด ซื้ อ หนั ง สื อ ธรรมะ หนั ง สื อ เกี่ ย วกั บ พุ ท ธประวั ติ ประวั ติ พ ระอั ค รสาวก และ พระอริยสงฆ์มาถวาย สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงยึดในพรหมวิหาร 4 ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ทรงพระเมตตากรุณา แก่ ร าษฎรทั่ ว ไป โดยเฉพาะคนป่ ว ย คนชรา คนพิ ก าร คนปัญญาอ่อนและเด็ก ทรงปรารถนาให้ผอู้ นื่ เป็นสุข โปรดการ
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
ท�ำบุญหรือการสังเคราะห์มาแต่ทรงพระเยาว์ทรงด�ำรงต�ำแหน่ง ประธาน กิตติมศักดิ์ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชู ป ถั ม ภ์ ทรงตั้ ง “กองทุ น เมตตา” ขึ้ น โดย พระราชทรัพย์รเิ ริม่ เพือ่ ช่วยเหลือผูป้ ระสบภัยอย่างรุนแรงและ กระทบกับสถานภาพทางครอบครัว มีนำ�้ พระราชหฤทัยเมตตา ห่วงใยบุคคลผูพ้ กิ ารทัง้ ทางร่างกายและสมอง มีพระราชด�ำริวา่ ผู้พิการควรได้รับความเอาใจใส่ดูแลได้รับการบ�ำบัดรักษา เมื่อป่วยเจ็บเช่น เดียวกันกับบุคคลทั่วไป และควรได้รับการ อบรมให้มอี าชีพตามความถนัด เพือ่ จะได้ยงั ประโยชน์ตอ่ ตนเอง และสังคมได้นอกจากนีย้ งั ทรงไว้ซงึ่ มุทติ าธรรม มีพระราชหฤทัย โสมมัสในความสุข ความเจริญและความส�ำเร็จของอาณา ประชาราษฏร์ และทรงส่งเสริมพระราชทานก�ำลังใจท�ำความดี ยิ่งขึ้น ทรงรักษาอุเบกขาธรรมวางพระองค์เป็นกลางไม่ทรง หวาดเกรงภยันตรายต่าง ๆ เมื่อต้องเสด็จพระราชด�ำเนินไป ในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร ทรงยึดมั่นในเบญจศีล เบญจธรรม อันเป็นธรรมะขั้นพื้นฐานที่สอนเว้นการท�ำชั่ว ประพฤติดีปฏิบัติชอบ มีพระราชศรัทธาอุปถัมภ์บ�ำรุงพุทธ ศาสนา นอกจากการบ�ำรุงด้วยพระราชทรัพย์แล้ว ยังทรงช่วย เผยแผ่ธรรมะด้วยวิธีการหลายหลาก เช่น พระราชทานเทป และหนังสือธรรมะแก่ผู้อยู่ในความทุกข์หรือเจ็บป่วย หรือ พระราชทานไปยังโรงเรียนเพื่อเป็นการเผยแผ่พระธรรมค�ำสั่ง สอนของพระ พุทธองค์แก่เยาวชน
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๑๗
นอกจากนี้ ยังทรงอุปถัมภ์บ�ำรุงพระภิกษุสงฆ์หลายด้าน เช่น ทรงถวายปัจจัยแด่พระเถระขั้นผู้ใหญ่ และพระเถระที่ทรง รู้จักเป็นประจ�ำทุกเดือน ทรงอนุเคราะห์พระภิกษุสงฆ์ที่อาพาธ ทรงถวายปัจจัยเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือพระราชทานทรัพย์ แก่โรงพยาบาลเป็นทุนในการบริการ และอ�ำนวยความสะดวก แกพระสงฆ์ที่มารับการรักษา ตลอดจนมีพระราชเสาวนีย์ให้จัด ภัตตาหารไปถวายพระเถระที่อาพาธเป็นพิเศษ เป็นต้น สมเด็ จ พระบรมราชิ นี น าถ ทรงรั บ สถาบั น แม่ ชี ไ ทยไว้ ในพระบรมราชินปู ถัมภ์ ด้วยทรงเล็งเห็นว่าสถาบันแม่ชไี ทยเป็น สถาบันของสตรีกลุ่มใหญ่ที่มุ่งรักษา ศีล บ�ำเพ็ญธรรม และ ช่วยท�ำงานให้แก่สังคมในด้านการเผยแพร่พระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์สุขแก่คนหมู่มาก อีกทั้งทรงรับ “มูลนิธิส่งเสริม พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์” ของสภาการศึกษามหามกุฎราช วิทยาลัยไว้ในพระบรมราชินปู ถัมภ์ เพือ่ เป็นการส่งเสริมการสอน ศีลธรรมแก่เยาวชน นอกจากจะทรงเป็นพุทธศาสนิกชนทีเ่ คร่งครัดแล้ว สมเด็จ พระบรมราชินีนาถยังทรงอุปถัมภ์บ�ำรุงศาสนาอื่นในประเทศ ด้วย เพราะมีพระราชศรัทธาว่า ทุกศาสนาล้วนมีหลักธรรมที่ สอนให้คนประพฤติปฎิบตั ใิ นสิง่ ทีด่ งี ามเช่นเดียว กัน มักจะเสด็จ พระราชด�ำเนินหรือโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปในงานพิธี ของศาสนาต่าง ๆ โดยมิทรงเลือกว่าเป็นงานพิธี ของศาสนาใด ดังเช่นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวออกรับเสด็จพระสัน ตปาปา จอนห์น ปอล ที่ 2 ในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทย ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทด้วยความเคารพยกย่องอย่าง สมพระเกี ย รติ ยั ง ความชื่ น ชมยิ น ดี ม าสู ่ ค ริ ส ตศานิ ก ชนใน ประเทศไทยเป็นอันมาก
วารสารวันแม่แห่งชาติ
เมื่ อ ทรงแปรพระราชฐานไปเยี่ ย มราษฎรในภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีขนมธรรมเนียมแตกต่าง ออกไปตามหลั ก ปฎิ บั ติ ข องศาสนา ก้ ท รงพระกรุ ณ าเสด็ จ พระราชด�ำเนินไปทรงเยีย่ มราษฎรเหล่านัน้ โดยมิได้เว้นด้วยทรง ถือว่าทุกคนเป็นราษฎรของพระองค์เช่นเดียวกัน ได้เสด็จ พระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมมัสยิดที่อิหม่ามประจ�ำมัสยิดกราบ บังคมทูล เชิญเสด็จ และพระราชทานเงินบ�ำรุงมัสยิดนั้น ๆ ในเดือนรอมฎอนอันเป็นเดือนที่ชาวมุสลิมถือศีลอด ยังทรง พระกรุณาพระราชทานอินทผลัมแก่อิหท่ามในเขต 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้อีกด้วย พระราชกรณี ย กิ จ ในการทะนุ บ� ำ รุ ง ศาสนาในพระราช อาณาจั ก รโดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง พระ พุ ท ธศาสนา ซึ่ ง สมเด็ จ พระบรมราชิ นี น าถได้ ท รง ปฏิ บั ติ เ ป็ น แบบอย่ า งที่ ดี ข อง พุทธศาสนิกชนตลอดมา ท�ำให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราช วิทยาลัยขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายปริญญา พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิชาพระพุทธศาสนา เมื่อ พ.ศ. 2546 เพื่อเฉลิมพระเกียรติให้แผ่ไพศาลยิ่งขึ้น
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๑๘
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
โครงการพระราชด�ำริ
โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหาร โดยทหารกองหนุน สมเด็ จ พระนางเจ้ า ฯ พระบรมราชิ นี น าถ มี พ ระราชประสงค์ ให้ หมูบ่ า้ นทหารกองหนุน เป็นหมูบ่ า้ นผลิตอาหาร โดยให้สามารถ ท�ำการ ผลิตอาหาร เพื่อใช้บริโภค ภายในหมู่บ้าน หากมีเหลือให้น�ำผลผลิตที่ได้ ไปจ�ำหน่ายยังชุมชนข้างเคียง เพื่อให้หน่วยทหาร ที่ด�ำเนินการจัดท�ำ โครงการ โดยการปรับปรุง พัฒนา พื้นที่บ้านซึ่งมีพื้นที่ตั้งโครงการ อยู่ติดแนวชายแดน บริเวณล�ำน�้ำ เหือง บ้านบ่อเหมืองน้อย ให้สามารถท�ำการผลิตอาหาร เพื่อใช้บริโภค ภายในหมู่บ้าน หากมีเหลือ ก็จะน�ำผลผลิตที่ได้ ไปจ�ำหน่ายในพื้นที ่หรือชุมชนข้างเคียง โครงการนี้เริ่มต้นรับสมาชิก จากทหาร กองหนุน และราษฎรอาสาสมัครชายแดน จ�ำนวน 20 ครอบครัว เข้าเป็นสมาชิก มีกิจกรรมหลักคือ ผลิตอาหาร สร้างอาชีพ ดูแล รักษาป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม เป็นโครงการ ที่ให้ราษฎรที่เป็นสมาชิก บริหารงานกันเอง สร้างจิตส�ำนึกในการเป็น เจ้าของ และการมีส่วนร่วม ต่อการบริหารโครงการ และต่อสังคมรอบตัว จึงเป็นโครงการ ที่ประสบผลส�ำเร็จเป็นรูปธรรม
โครงการฝึกอบรมราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า เป็นการฝึกอบรมราษฎร ในชุมชนให้มีความรู้ความเข้าใจ ต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ปลูกฝังความรัก และหวงแหน ทรัพยากรป่าไม้ในท้องถิ่นของตนรวมทั้งคอยดูแลสอดส่อง มิให้ มีการบุกรุก และลักลอบตัดไม้ท�ำลายป่าแทนเจ้าหน้าที่ของรัฐ
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๑๙
วารสารวันแม่แห่งชาติ
โครงการราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน โครงการราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านเกิดจากเมื่อปี 2547 สมเด็จพระนาง เจ้าฯพระบรมราชินนี าถเสด็จฯเยีย่ มราษฎร ราษฎรใน 5 หมูบ่ า้ น ได้ เข้ามาร้องไห้ กับพระองค์ทา่ นแล้วบอกว่าอยูไ่ ม่ได้ แล้ว เพราะถูกรบกวนหนัก จนมีคนในต�ำบล ตันหยงลิมอ ถูกตัดคอคามอเตอร์ไซด์ระหว่างไปกรีดยางตอนเช้ามืด ชาวบ้าน บอกว่าเหตุการณ์อย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ชาวบ้านถามพระองค์ท่านว่าจะให้พวก ฉันอยูท่ นี่ ี่ หรือจะให้ไปจากทีน่ ี่ สมเด็จพระบรมราชินนี าถรับสัง่ ว่าในเมือ่ เราอยูท่ นี่ ี่ เราท�ำมาหากินทีน่ มี่ าตัง้ แต่ปยู่ า่ ตายาย แล้วจะอพยพไปทีไ่ หนกันพระองค์ทา่ นก็ทรงพระกรุณาบอกทหารให้สง่ คนมาช่วยฝึกอาวุธ ให้ ตามที่ชาวบ้านได้ ถวายฎีกา และรับสั่งว่าที่ให้ฝึกนั้นเพื่อป้องกันตัวเอง ป้องกันท รัพย์สินพี่น้องเรากันเอง ไม่ได้ มีเจตนาให้ พวกเธอเที่ยวเอาปืนไปไล่ฆ่าใครต่อใครเขา ขอให้ท�ำความเข้าใจกันให้ถ่องแท้ รับสั่งเสมอว่าผู้บริสุทธิ์มีสิทธิ์อยู่บนแผ่นดินนี้ มีทงั้ พุทธ และมุสลิมไม่ได้ แยกเชือ้ ชาติศาสนา ใครขอมาก็ฝกึ ให้ ครูเองก็มาขอฝึก บอกว่าฝึกให้แต่ชาวบ้าน พวกครูยงิ่ เสีย่ งอันตราย หนักเลย ฝึกลักษณะการรวมกลุ่มกัน ใช้อาวุธเข้าเวรยามในการรักษาหมู่บ้านซึ่งมีผลให้หมู่บ้านเกิดความปลอดภัยมากขึ้น
โครงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว พ.ศ. 2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถเสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์พระทีน่ งั่ ผ่านเขตรักษาพันธุส์ ตั ว์ ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นป่าผืนใหญ่ซึ่งยังเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงมีพระราชด�ำรัสว่า “พื้นที่บนภูเขาเป็นที่ราบสูง กว้างขวาง มีสภาพป่า ทีส่ มบูรณ์ และยังมีสตั ว์อยูม่ ากมายหลายชนิดเหมาะสมทีจ่ ะอนุรกั ษ์ให้เป็น ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และพัฒนาให้เป็นสวนสัตว์ป่าเปิด ซึ่งจะเป็น ประโยชน์อย่างยิง่ ต่อการอนุรกั ษ์ธรรมชาติ และส่งเสริมการท่องเทีย่ วต่อไป ในอนาคต และการที่จะด�ำเนินการให้เป็นผลส�ำเร็จนั้น จะต้องยับยั้งไม่ให้ ประชาชนบุกรุกป่าและล่าสัตว์ โดยพัฒนาหมู่บ้าน บริเวณ ใกล้เคียงภูเขียวทั้งหมดให้มีความเจริญ พร้อมทั้งส่งเสริม อาชีพให้สามารถด�ำรงชีพอยูไ่ ด้อย่างมีความอยูด่ กี นิ ดี ส่งเสริม ให้ประชาชนมีความรับผิดชอบ รักป่าและสัตว์ปา่ จะได้ชว่ ยกัน ดูแลป้องกันมิให้ราษฎรจากหมู่บ้านอื่นๆ ขึ้นไปล่าสัตว์ป่าด้วย วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จ พระบรมราชินนี าถ ได้เชิญผูท้ เี่ กีย่ วข้องเข้าประชุมเพือ่ จัดท�ำแผน งานโครงการอนุรกั ษ์พนั ธุส์ ตั ว์ปา่ ภูเขียวขึน้ โดยการวางแผนเกีย่ ว กับการพัฒนาหมูบ่ า้ นโดยรอบภูเขียวให้มคี วามอยูด่ กี นิ ดีปลูกฝังให้รกั
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๒๐
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
โครงการศิลปาชีพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถทรงมีความห่วงใย ประชาชนในชนบท พระองค์ทรงมีพระราชด�ำริที่จะช่วยให้ พสกนิกรของพระองค์ท่านมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิต ทีด่ ขี นึ้ มีรายได้เพียงพอ ต่อการเลีย้ งครอบครัว จึงได้พระราชทาน พระราชด�ำริให้ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือท�ำงาน ศิลปาชีพเพื่อเพิ่มพูนรายได้ การด�ำเนินงานในศูนย์ส่งเสริม ศิลปาชีพแต่ละแห่งจะจัดเป็นกลุ่มต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ของแต่ละท้องถิ่นและบุคคล เพื่อให้การฝึกอบรมแก่สมาชิก รวมทั้งจัดหางานให้สมาชิกด�ำเนินการเพื่อน�ำไปจ�ำหน่ายเป็น รายได้เสริมของสมาชิกแต่ละกลุ่ม
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
โครงการฟาร์มตัวอย่าง จากการฝึกอาวุธ ทุกคนก็ระวังตัว หมดไปไหนก็ไม่กล้าไป เมือ่ ก่อนเคยขาย ของในเมือง ไปรับจ้างในเมือง ตอนนี้ จะไปคนเดียวก็ไม่กล้า เลยมีรับสั่งว่า จะช่ ว ยเขาอย่ า งไรในเรื่ อ งการท� ำ มา หากินจึงได้ เกิดโครงการฟาร์มตัวอย่าง ขึ้นมา เพื่อจะสร้างงานให้กับชาวบ้าน คนไหนไม่กล้าไปท�ำงานในเมืองก็มาท�ำ ในฟาร์มท�ำการเกษตร ปลูกพืชผักสวน ครัว เลีย้ งสัตว์ สัตว์ปกี เช่น เป็ด ไก่ และ ก็มกี ารท�ำประมงในครัวเรือน วันใดไม่มี กับข้าวก็สามารถช้อนปลาเป็นอาหาร น อ ก จ า ก นั้ น มี ก า ร เ ลี้ ย ง แ พ ะ น ม ที่มีโปรตีนสูง ให้จ้างคนเข้ามาท�ำงาน เพือ่ จะสอนให้เรียนรูก้ ารท�ำเกษตรอย่าง ถูกหลักวิชาการ เมื่อท�ำเป็นแล้วก็จะได้ น� ำ กลั บ ไปท� ำ ในพื้ น ที่ ข องตั ว เอง ได้ ผลผลิตเหลือจากรับประทานก็นำ� มา ขายให้ฟาร์มรับซื้อ การจัดตั้งฟาร์มนั้น อยู่ใกล้ๆกับแหล่งชุมชนเพื่อที่เขาจะได้
๒๑ มาท�ำงานง่ายๆอย่างในบางแห่งเป็น กลุ่มของไทยพุทธอาศัยอยู่ท่ามกลาง กลุ่มไทยมุสลิม ผู้ไม่หวังดีก็ใช้วิธียุยงให้ ราษฎรแตกสามัคคีกนั พระองค์ทา่ นทรง ลงไปช่วย 30 กว่าปี ช่วยให้เขาท�ำมา หากินได้ ทรงท�ำอย่างต่อเนื่อง เช่นเรื่อง น�ำ ้ บางบ้านน่าสงสานมาก เพราะขุดขึน้ มาน�้ ำ เป็ น สนิ ม ดี ที่ ช ่ ว งนี้ เ ป็ น หน้ า ฝน จึงพอบรรเทาได้บ้าง พระองค์ ท ่ า นทรงยอมท� ำ ทุ ก อย่ า ง เหน็ดเหนื่อยพระวรกายเพื่อคนในชาติ ซึง่ เหมือนกับลูกของพระองค์ทา่ น ไม่วา่ เดือดร้อนมีปัญหาอะไร เช่นโครงการ ปะการังเทียม อ�ำเภอไม้แก่น จังหวัด ปัตตานี ชาวบ้านร้องไห้ว่าท�ำมาหากิน ไม่ได้ เคยท�ำประมงอยู่ชายฝั่ง ตอนนี้ ปลาไม่มีจากนั้นตี 3 พระองค์ท่านเรียก ประชุม 2 ชั่วโมงว่าจะแก้ปัญหากัน อย่างไร ซึง่ มีสาเหตุจากอวนลากอวนรุน ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี เสนอการ ก� ำ หนดระยะของการท� ำ ประมง คื อ
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
วารสารวันแม่แห่งชาติ
ระยะ 5 กิโลเมตรจากชายฝั่งใช้เครื่อง มือตกปลาขนาดเล็ก ระยะ 5 – 10 กิโลเมตร ให้ประมงปั่นไฟ และระยะ 10 – 15 กิโลเมตร อวนลากอวนรุน ด� ำ เนิ น การ แล้ ว ก็ ทิ้ ง ปะการั ง เที ย ม เพื่ อ ป้ อ งกั น การใช้ อ วนที่ ร ะยะผิ ด ประเภทไปในตัว และให้ปลาได้ อาศัย ปะการังเทียมนี้เป็นที่หลบยามลมพายุ แรงๆหรือใช้ชงั้ คือทางมะพร้าวถ่วงด้วย ปูนซีเมนต์เพื่อให้ปลาเกาะอยู่ชายฝั่ง พระองค์ทา่ นรับสัง่ ว่าอยากเห็นโครงการ นีเ้ กิดขึน้ ก่อนเสด็จฯกลับ ซึง่ ตอนนัน้ เป็น วันที่ 24 กันยายน พระองค์ท่านเสด็จฯ กลับต้นตุลาคม ทุฝ่ายก็รีบด�ำเนินการ นีค่ อื การแก้ปญ ั หาให้ไทยมุสลิมโดยตรง ที่ปัตตานี ไม้แก่น สายบุรี หนองจิก อ� ำ เภอเมื อ ง ปั ต ตานี จนถึ ง ตากใบ นราธิวาสพอทิ้งไป 6เดือน ปลาก็มา วางไข่ ตอนนี้ปลาชุกมาก ชาวบ้านมีกิน มีใช้ สามารถน�ำปลาไปขายได้ กิโลกรัม ละ 200 – 300 บาท นี่ ก็ ด ้ ว ยพระ มหากรุณาธิคุณ พระองค์ท่านรับสั่งว่า เขาขาดเสาหลัก ตอนเป็นข้าราชการชัน้ ผูน้ อ้ ยยังไม่ได้ สร้างหลักปักฐาน พอสามี ตายก็บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่รู้จะท�ำ อย่างบางคนเป็นแม่บ้าน พระองค์ท่าน ก็ทรงเอื้อมพระหัตถ์ลงมาชุบชีวิตคน ใกล้จมน�้ำให้อยู่รอด ตัวอย่างอันนี้เป็น ประจักษ์พยานอย่างเห็นได้ ชัด ประธาน กลางมุ ส ลิ ม OIC เห็ น แล้ ว ยั ง เทิ ด พระเกี ย รติ ว ่ า ทรงช่ ว ยเหลื อ อย่ า ง เป็นธรรม ไม่เลือกชาติศาสนา
วารสารวันแม่แห่งชาติ
๒๒ มารดาเป็นมิตรในเรือนตน
แม่....เป็นครูผู้สอนแต่ตอนต้น แม่....มีเมตตากรุณามุทิตาการ แม่....เหมือนพระอรหันต์อันสูงสุด แม่....กับลูกผูกมิตรจิตชื่นชม มีเพื่อนอื่นหมื่นแสนไม่แม้นแม่ เป็นทั้งแม่เพื่อนครูอยู่ประจ�ำ ให้ก�ำเนิดเกิดกานสายโลหิต เป็นแม่พระแม่เรือนเพื่อนใจ อันมวลมิตรอื่นใดหาไม่ยาก ผู้เป็นพรหมเป็นพระบุรพาจารย์ หมดอื่นอื่นหมดไปหาใหม่แก้ เป็นทั้งมิตรประเสริฐแต่เกิดมา อันมารดาเป็นมิตรสนิทนัก ยามเราทุกข์ท่านปลอบใจไม่รีรอ คนทั้งโลกเกลียดเราไม่เราเรื่อง ท่านสละความสุขทุกเวลา แม่เป็นมิตรใกล้ชิดกว่าใครอื่น พระคุณหลากมากยิ่งกว่าสิ่งใด เรือนที่เราเนาในได้อบอุ่น มิตรใดใดในหล้าประดามี เมื่อเกิดกายแม่เจ็บเหมือนเหน็บศร ตอนลูกอยู่แม่ช่วยชูให้เด่นงาม หาลูกทุกข์แม่พลอยทุกข์ไปกับเจ้า แม่กับลูกผูกพันจิตมิตรในเรือน มีแม่อยู่คู่เรือนเหมือนเพื่อนแก้ว ยามลูกทุกข์ทุกข์ด้วยช่วยผ่อนคลาย ลูกจะไปหนใดใจแม่ช่วย อวยพรให้ลูกพิพัฒน์สวัสดี มีมิตรอื่นหมื่นแสนมิแม้นแม่ เป็นมิตรตั้งแต่คลอดตลอดมา ยามบุตรตนคนใดเกิดไข้ป่วย มาตรแม้นลูกอิ่มเอมเกษมส�ำราญ
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
แม่....ทุกคนอุดมพรหมวิหาร แม่....มีญาณอุเบกขาเป็นอารมณ์ แม่....หวังบุตรธิดาอย่าขื่นขม แม่....จังสมภาษิตมิตรไนเรือน เป็นเพื่อนแท้ ไม่เกล้าเฝ้าอุปถัมภ์ ทุกเช้าค�่ำรักห่วงดังดวงใจ แม่ไม่คิดหน่ายรักพลิกผลักใส แม่เหมือนนัยธรรมสุคตสุดบูชา หาล�ำบากยิ่งแท้แม่มาตรฐาน ควรแก่การเทิดไว้ ไหว้บูชา หากหมดแม่แล้วไม่มีที่จักหา ร่วมชายคาเรือนตนแม่คนเดียว ในเรือนจักหาใครเทียบมาเปรียบหนอ สุขพะนอพลอยยินดีปลื้มปรีดา แม่ประเทืองยังรักเราหนักหนา ควรบูชาเนืองนิตย์ยอดมิตรในเรือน มิตรแสนหมื่นมิเทียบเปรียบท่านได้ เกินไศลล้นฟ้าท่วมธานี เพราะท่านท่านเจือจุนจึงซึ้งสุขศรี จะหาที่เทียมทันนั้นไม่เคย เมื่อลูกมรณ์แม่เจ็บใจเหมือนใครหยาม เห็นลูกทรามแม่ห่วงนักคอยตักเตือน ลูกหายเศร้าแม่สุขใจใครจักเหมือน เป็นทั้งเพื่อนทั้งแม่มิตรแท้เอย รักลูกแน่วแน่มิห่างจางเหือดหาย ลูกสบายสุขเกษมแม่เปรมปรีดิ์ เหมือนไปด้วยคุมครองป้องเกศี ทุกวันมีแม่เป็นเพื่อนอุ่นเรือนใจ เป็นมิตรแท้ของบุตรสุดจักหา รักลูกยาสุดใจหาใครปาน แม่ทุกข์ด้วยลูกยาน่าสงสาร แม่ชื่นบานเช้นกันทุกวันคืน...เอย
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙
๒๓ ต้นทางสวรรค์ ทุกคนเสาะหาหนทางสวรรค์ แต่ไม่พบกัน เพราะมองข้ามไป ทั้งที่ต้นทางนั้นแสนกว้างใหญ่ และอยู่ไม่ไกล ใกล้ตัวเพียงแค่นิดเดียว เหมือนมีเส้นผมที่มาบังตา ดังคล้ายขอบฟ้าที่มาขวางกั้น ให้มองไม่เห็นถึงความคิดเฉิดฉันท์ ต้นทางสวรรค์ อันเรืองรอง… จงมองด้วยหัวใจที่สดใส หากเห็นรอยยิ้มผู้ ใด… เป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนใคร นั่นแหละคือทางผ่านไปสวรรค์ ท่านเป็นพระ ในบ้าน ที่ลูกต่างมองผ่านกัน… มองผ่านทุกวัน… จึงไม่เห็นประตูทอง แม่…คือพระในบ้าน เป็นดอกบัวบานของลูกทุกคน แค่ธุลีความดีของท่านร่วงหล่น พระคุณท่วมท้นล้นจักรวาล โปรดจ�ำไว้ต้นทางสวรรค์ที่ปรารถนา อยู่ที่ฝ่าเท้ามารดา…เมื่อลูกก้มวันทากราบกราน
เทศบาลเมืองแม่โจ้ Meajo
วารสารวันแม่แห่งชาติ
งานประชาสัมพันธ์ ส�ำนักปลัด เทศบาลเมืองแม่โจ้ 15 หมู่ 12 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โทร. 053 - 498621 ต่อ 202 www.Maejocity.com