สนุกคิดกับวิทยาศาสตรอากาศยาน เลม 1
คํานํา จากการที่กระทรวงศึกษาธิการ โดย ดร.วิภาพร นิธิปรีชานนท นักวิชาการศึกษา ชํานาญการพิเศษ ไดเสนอแนะใหผม ปราโมทย แตงหอม เรียบเรียงและเขียนหนังสือที่ เปนความรู ในวิชาที่เกีย่ วของกับอากาศยานระดับพื้นฐาน เหมาะสมกับผูเรียน ที่จะ เขาใจได เพือ่ ใชประกอบการทํากิจกรรมเสริมการเรียนรูในวิชาวิทยาศาสตรของนักเรียน ในระดับ ประถม มัธยมตนและมัธยมปลาย ดวยวานักเรียนจํานวนมากใหความสนใจ กับเครื่องรอน เครื่องบินเล็กบังคับดวยวิทยุ จึงใชโอกาสนี้ในการสงเสริมความรูทาง วิทยาศาสตรดานของอากาศยานขั้นพื้นฐานอยางมีหลักการ เหมาะสมตามวัยและ ความรูของนักเรียนที่ทํากิจกรรม การทําเครื่องรอนและเครื่องบินเล็ก หนังสือ สนุกคิดกับวิทยาศาสตรอากาศยาน มีทั้งหมด 3 เลม เลมนี้คอื เลม1 สําหรับใชกบั กลุมนักเรียนที่เริ่มตนทําความเขาใจกับหลักการทางอากาศพลศาสตรของ เครื่องบินหรือระดับอื่นตามความเหมาะสม ซึ่งถามองแบบผิวเผินแลวการเขียนหลักการ เบื้องตนพื้นฐานนาจะทําไดงาย กวาระดับที่สูงขึ้น แตวาการทําใหนักเรียนที่ยังไมไดมี พื้นฐานทางวิทยาศาสตรทางดานนี้มากอนเขาใจ จําเปนตองหาคําอธิบายที่เหมาะกับ นักเรียนในระดับนี้ เทาทีจ่ ะนึกได ที่ผา นมาตําราที่ผมไดเรียบเรียง เปนการนําไปใชสอน กับนักเรียนหรือนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา เปนกลุมนักเรียนที่ไดผานการเรียนหลัก การทางฟสิกสเบื้องตน รวมถึงเรื่องกลศาสตรของไหล และวิชาอื่นๆที่เกี่ยวของ มาแลว ซึ่งเปนลักษณะเดียวกับตําราของตางประเทศ ที่ใชเปนตําราอางอิง (ตําราตนฉบับมา จากประเทศสหรัฐอเมริกา) ดังนั้นจึงตองมีการเรียบเรียงหรือเขียนขึ้นมาใหม เพื่อให นักเรียนในระดับนี้สามารถเรียนรูเขาใจได โดยเปนการวางรากฐานวิธีคิดอยางเปน วิทยาศาสตร การเรียนรูอยางใชเหตุผลและประสบการณ จะชวยใหเด็กนักเรียนรูจักวิธี คิดหาคําตอบดวยตนเอง(คิดเปน) ตั้งแตสิ่งงายๆ และจะคอยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยตาม ประสบการและความรูที่มี การใหจําแตเพียงอยางเดียวโดยไมเขาใจ จะไมชวยใหเกิด การพัฒนาทางดานความคิด ความเขาใจ นั้นมีหลายระดับตองพิจารณาตัวผูเรียนดวย แตการจําใหไดในหลายๆเรื่อง หรือทองจํามีความจําเปน อยางไรเสียเปนสิ่งที่ตองมีอยู
ข
แลวเพื่อใชเปนขอมูล ในการใชเหตุผล หรือทําความเขาใจกับสิ่งใหมอาจจะโดยการ เปรียบเทียบหรือประยุกต ใหดีขึ้น เปนลําดับ ดวยความตั้งใจแตเดิมของตัวผมเอง ซึ่งไดเคยคิดมานานแลวที่เห็นวาควรมีการ วางรากฐานและ ปลูกฝงวิธีคิดของเด็กๆโดยทั่วไปในประเทศของเรา ที่จะตองเติบโตไป เปนผูใหญทที่ ํางานในแตละสาขาอาชีพ ในอนาคต ไดใชเหตุผลอยางเปนวิทยาศาสตร นาจะเปนการชวยพัฒนาคนอยางถาวรในทิศทางที่ถูกตอง เพราะถาคนมีคุณภาพแลว การพัฒนาสิ่งอื่นๆก็งายหมด ดวยวาคนมีคุณภาพเหลานี้จะเขาไปแกปญหาตางๆที่มีอยู นั่นคือการพัฒนาประเทศจะเปนการยากหรือเปนไปไมได ถาหากวาคนสวนใหญ ยังไม มีพื้นฐานทางความคิดที่มีเหตุผล และการเริ่มตนในวัยเด็กจะเปนการชวยสงผลไดดีกวา การที่จะพยายาม ปลูกฝงวิธีคิดอยางเปนระบบและใชเหตุผลในวัยที่เปนผูใหญแลว อันที่จริง ระบบการศึกษาในประเทศไทยไดถูกวางรากฐานมานานพอสมควร แลว แตการพัฒนาปรับปรุงใหดีขึ้น การแกไขสิ่งบกพรอง คงตองมีอยูตลอดไป ใน ปจจุบนั นี้ก็เชนกัน จากขอมูลทราบมาวา เด็กๆชอบกิจกรรมการทําและเลนเครื่องบิน เล็ก นับวาเปนโอกาสอันดี ทีจ่ ะใชกิจกรรมนี้เปนชองทาง ในการพัฒนาการเรียนรูของ เด็ก เพื่อใหรูและเขาใจ หลักการทางวิทยาศาสตรในสวนที่เกี่ยวของกับเครื่องบิน (เปน ความรูวิชาฟสิกสนเี่ อง เพราะศาสตรทุกแขนง มีรากฐานมาจากปรัชญา ที่พยายามทํา ความเขาใจในความเปนไปของธรรมชาติ โดยเฉพาะความรูทางวิศวกรรมในทุกแขนงมี รากฐานมาจากวิทยาศาสตรทางฟสกิ ส วิศวกรรมอากาศยานก็เชนกัน) จากสถานการณ จริง นักเรียนไดเห็นและสัมผัส กับธรรมชาติของสิ่งเหลานัน้ และไดเกิดความเขาใจและรู วา สิ่งนี้ มีความสัมพันธ กับอะไรอยางไร รูวาอะไรเปนเหตุ รูว าอะไรเปนผล จะชวยทํา ใหการเรียนรู สนุก ไมนาเบื่อ และมีประสิทธิภาพมาก เมื่อใชประกอบกับการเรียนรู ใน หองเรียน เมื่อเด็กเหลานี้เติบโตขึ้นภายใตการถูกปลูกฝงวิธีคิดอยางเปนระบบ และมี เหตุผลอธิบายได เปนขั้นเปนตอน แนนอนสิ่งนี้จะเปนรากฐานในการพัฒนาตัวของเขา เองตอไปแมเรื่องอื่นๆที่เขามาในชีวิต เขาเหลานัน้ จะเริ่มตั้งคําถาม และมองหาเหตุและ ผลอยางเปนระบบ
ค
ประชากรที่มีคุณภาพจะเปนกําลังสําคัญของสังคมในอนาคต ถาเราพัฒนาเขา ใหดีอยางแทจริง (ขอเนนคําวาแทจริง ไมใชเปนแคเพียงคําพูดหรือสรางภาพ หรือใช ความรูสึก) คนเหลานีก้ ็จะชวยทําใหประเทศชาติพัฒนาไปในทางที่ดีไดในอนาคต นั่น คือผูใหญในปจจุบนั มีสวนสําคัญ ในการสรางอนาคตและวางรากฐานความมั่นคงของ ประเทศ ดวยการเปนตัวอยางที่ดี พรอมๆกับการพัฒนาเยาวชนในปจจุบนั นี้ใหมี คุณภาพ เพื่อการสรางประเทศที่นาอยูใหกับลูกหลานตอไปในอนาคต การเขียนหนังสือชุดนี้ทั้ง 3 เลม ผมมีความตั้งใจ ที่จะใชรูปภาพเปนสื่อ ในการ สรางความเขาใจ (โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ รูปภาพชวยในการใหคําอธิบายไดดีมาก) ตาม ปกติ การเรียนรูทางวิทยาศาสตร หรือวิศวกรรม คือการเรียนรูกฎตางๆในธรรมชาติ (เทาที่มนุษยจะเขาไปรูได) วาอะไรมีความสัมพันธกับอะไร อยางไร นั่นเอง จินตนาการ (Imagination) ถือวามีความสําคัญยิ่ง เพื่อใหเกิดความเขาใจถึง กระบวนการ ระบบ หรือความเปนไปในธรรมชาตินั้น รูปภาพ หรือการเห็นเหตุการณจริง จะชวยไดอยาง มาก และอาจจะมากกวาคําพูดที่ผูสอนไดพยายามอธิบายอยูหนาหองเปนเวลานาน เสียอีก นี่คอื เหตุผลวาทําไม การเรียนรูหลายอยาง จึงตองใหผูเรียนรูไดลงมือปฏิบัติ และสัมผัสกับความจริง คําอธิบายที่ใช จะเปนไปอยางงายๆ เพียงเพื่อใหรูวา สิ่งใดมีความสัมพันธกับสิ่ง ใด เหตุเชนนี้จะใหผลอะไร ตามระดับพื้นฐานความคิด ความรู และประสบการ แต อยางไรก็ตาม การที่นักเรียนจะเขาใจไดดีมากนอยเพียงไรนั้นก็ตองอาศัย คุณครูผูสอน ดวย โดยการอธิบาย ยกตัวอยาง ตั้งคําถาม หรือสรางสถานการณ ประกอบเพื่อชวยให การสอนนั้นมีประสิทธิภาพ คือนักเรียนเขาใจได ทุกทานเคยเปนนักเรียนกันมาแลว ลองนึกดู ตัวผมเองยังจําไดสมัยเปนนักเรียน ผมเชื่อวา เด็กนักเรียนทุกคนเมื่อเติบโตขึ้น เปนผูใหญยังจําไดวาสมัยเปนนักเรียน คุณครูหรืออาจารย สอนอยางไร ตั้งใจสอนหรือไม เตรียมการสอนมาดีหรือไม ทําใหเขา เขาใจในสิ่งที่เรียนไดมากนอยแคไหน ความภาคภูมิใจ ความสุข ของคนทีเ่ ปนครู ควรอยู ตรงที่วา เราไดใหความรู ใหปญญาแกนักเรียนของเราไดมากนอยเพียงใด และคุณครู
ง
ทุกทานตองชวยกันสรางมาตรฐาน ของความเปนครูใหดียิ่งขึ้น เปนทีย่ อมรับของคน ทั้งหลาย ยังมีผูรวมงานอีกสวนหนึง่ ที่ไดทําในเรื่องของตัวเครื่องบินพลังยาง เครือ่ งบิน บังคับวิทยุ และอุปกณประกอบบางอยาง เปนทีมงานของ ดร.วิภาพร ฯ ซึ่งมีสวนรวมใน การทําใหหนังสือในชุดนี้ ทั้งสามเลม เสร็จสมบูรณไดอยางที่ตั้งใจ แมวาหนังสือเลมนี้ได มีการตรวจสอบมาแลว แตอาจจะมีที่ผิดพลาดอยูบาง ทานใดพบเห็นกรุณาแจง หรือมี ขอแนะนํา นาจะเปนสิ่งดี เพี่อใชในการปรับปรุงใหดีขึ้นตอไป ปราโมทย แตงหอม มี.ค. 2557
จ
สารบัญ คํานํา สารบัญ
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ 1.1 เครื่องรอนกระดาษพับ ของเลนที่ลอยไดในอากาศ 1.2 วาวกระบอก ของเลนที่ลอยไดในอากาศ 1.3 รมชูชีพทําจากถุง แบบฝกหัดบทที่ 1
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ 2.1 จุดศูนยถวง (Center of Gravity) 2.2 ตําแหนงจุด CG. ของเครื่องรอน 2.3 ทําความรูจักกับชื่อแตละสวนของเครื่องรอน 2.4 การปรับแตงเครื่องรอน 2.5 การควบคุมทิศทางของเครื่องรอน แบบฝกหัดบทที่ 2
บทที่ 3 ใบพัดปน แบบฝกหัดบทที่ 3 ผนวก บรรณานุกรม
หนา ก จ 1 9 13 17 21 23 24 28 30 32 40 43 45 52 53 58
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
รูปที่ 1.1 มีสิ่งที่ลอยไดในอากาศ ซึ่งเราเคยเห็นอยูรอบตัวเรา เมื่อมีลมพัดมาถูกตองตัวเรา ทําใหเรารูสึกเย็นสบาย ลมคืออากาศที่ เคลื่อนที่ และเมื่อเรามองขึ้นไปบนทองฟา จะเห็นมีสิ่งบางอยางที่ลอยอยูไดใน อากาศ เปนทั้งสิ่งมีชีวิต และไมมีชีวิต เชน นก เครื่องบิน แมลง ผีเสื้อ ฯ อยางเชน ในรูปที่ 1.1 จะพบวา สิ่งที่กลาวมานี้มีปกอยางเชน นก หรือแมลง ตองกระพือปกจึงจะลอยได บางครั้งนกกางปกนิ่งๆไมตองกระพือ ก็ลอยอยูใน
2
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
อากาศได ดวยการเคลื่อนที่ไปขางหนา ชวยใหเกิดแรงพยุงจากอากาศใหลอย อยูได เราอาศัยอยูบนผิวโลกเปรียบไดกับวาตัวเราจมอยูในอากาศ คลายกับ ปลาที่จมอยูในน้ํา อากาศที่หอหุมโลกอยูนี้เราเรียกวา “ชั้นบรรยากาศ” ดูรูปที่ 1.2 พนออกไปจากชั้นบรรยากาศ ไมมีอากาศอยูเลย เราเรียกวา “อวกาศ” อากาศที่หอหุมโลกอยูนี้ ทําใหสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อาศัยอยูบนโลกใบนี้มีชีวิตอยู ได และอากาศที่ดีก็ตองไมมีมลพิษ ที่เปนอันตรายตอสุขภาพดวย
รูปที่ 1.2 โลกหอหุมดวยอากาศ ที่อยูลอมรอบตัวเรา เปรียบไดกับวาเราจมอยู ในทะเลอากาศ เชนเดียวกับปลาที่จมอยูในน้ําทะเล
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
3
รูปที่ 1.3 การลอยของลูกโปงในอากาศ เปรียบไดกับทอนไมที่ลอยในน้ํา มีสิ่งของบางอยาง เชน ลูกโปงสวรรคลอยไดในอากาศ เปรียบไดกับ สถานการณ ที่ไมลอยในน้ํา ดังในรูปที่ 1.3 ไมจําเปนตองใชปกชวยแรงใน ลักษณะนี้เรียกวา “แรงลอยตัว” (Buoyant force อานวา “บอยแยทฟอส”) เปนแรงที่เกิดขึ้นภายใตสภาวะทีเ่ รียกวา“สถิตศาสตรของไหล” (Fluid statics อานวา “ฟลูอิดสะแตติกส” แปลไดวา ของไหลอยูกับที่) ทุกสิ่งที่อยูในอากาศยอมตองมีแรงลอยตัว ที่กระทําเนื่องจากอากาศ ลูกโปงสวรรคมีน้ําหนักเบามากเมื่อเทียบกับแรงลอยตัวซึ่งมีคามากกวา ลูกโปง จึงลอย จะเห็นวาตางจากการลอยของแมลงหรือนกที่มีปก ตองกระพือปกดวย จึงจะลอยได เพราะวานก มีน้ําหนักมากกวาแรงลอยตัวถาอยูนิ่งๆไมสามารถ ลอยไดในอากาศ จึงตองมีปกและกระพือใหมากพอจึงลอยได เราจะเห็นวา เครื่องบิน นกและแมลง ถาไมกระพือปกหรือเคลื่อนที่ไปในอากาศ จะไม สามารถลอยอยูในอากาศได นั่นคือตองมีกระแสอากาศไหลผาน หรือมีการ
4
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
เคลื่อนที่ของอากาศผานปก อยางเชนในรูปที่ 1.4 การเคลื่อนที่ของอากาศผาน วัตถุ และเกิดแรงกระทํา ตอวัตถุที่อากาศเคลื่อนที่ผานนั้น เรียกวา “แรงทางอากาศพลศาสตร” (Aerodynamics force อานวา “แอโร ไดนามิกสฟอส”) เชน นก หรือ แมลง ขยับปกทําใหเกิดแรงของอากาศพยุงให ลอยไดในอากาศ เครื่องบินก็เชนกันตองเคลื่อนที่จึงจะลอยได ลมหรืออากาศ เคลื่อนที่ ถามีความเร็วมากพอ จะกอใหเกิดแรงมากพอที่กระทําตอวัตถุให เคลื่อนที่ไดดวย เชน ลมแรงๆ เราเรียกวา พายุ ซึ่งพัดพาสิ่งของตางๆ ใหปลิว และอาจกอใหเกิดความเสียหายตอ หรือถึงขั้นทําใหตนไมใหญๆโคนลงได บานเรือนที่อยูอาศัย ลวนเปนแรงทางอากาศพลศาสตร ทั้งสิ้น
รูปที่ 1.4 เครื่องบินและนก จะลอยไดตองมีอากาศไหลผานปก เครื่องบินที่กําลังบินอยูบนทองฟา ลอยอยูไดในอากาศ ก็เนื่องจากแรง ทางอากาศพลศาสตร หรือพูดงายๆ ก็คือ แรงเนื่องจากการเคลื่อนที่ของอากาศ เครื่องบินตองเคลื่อนที่ดวยความเร็วที่มากพอ เพื่อจะไดทําใหอากาศไหลผาน
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
5
ปกเครื่องบินดวยความเร็วที่มากพอ จึงเกิดแรงพยุงที่มากพอ ใหเครื่องบินลอย อยูไดในอากาศ อยางสมดุล นกก็เชนกันตองขยับปก และปรับทาทางการบิน การลอยไดของสิ่งตางๆในอากาศ เนื่องจากแรงพยุงของอากาศ หรือ เรียกไดวา เกิดแรงกระทําเนื่องจากอากาศพยุงใหสิ่งของหรือวัตถุนั้นลอยอยูได
รูปที่ 1.5 แรงเปนสิ่งที่เรารูจักกันดี และใชอยูทุกวัน
แรง เกิดขึ้นในหลายลักษณะ ดูรูปที่ 1.5 และ 1.6
- เมื่อเราออกแรงดึงเชือก เรียกวา “แรงดึง” (Tension อานวา “เทนชั่น”) - เมื่อเราออกแรงกดวัตถุ เรียกวา “แรงกด” (Compression อานวา “คอมเพรสชั่น”) - แรงที่พยายามดัดวัตถุใหงอ เรียกวา “แรงดัด” (Bending อานวา “เบนดิ้ง”)
6
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
นอกจากที่กลาวมานี้ ยังมีการกระทําของแรงในลักษณะอื่นๆอีกที่ไมได นํามากลาวถึง
รูปที่ 1.6 แรงที่กระทําตอวัตถุ มีหลายลักษณะ เชน แรงดึง แรงกดและ แรงดัด
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
7
แรงที่กระทํา จะถูกเขียนเปนรูปลูกศร แทนขนาดและทิศทางของแรงที่ กระทําตอวัตถุ อยางในรูปที่ 1.6 แรงมีทิศทางดึงไปทางขวา ลูกศรชี้ไปทางขวา และถาแรงกดลง ลูกศรก็จะชี้ลง ดูที่ความยาวลูกศร ถายาวมากกวา แสดงวา แรงมากกวา นักเรียนควรหัดสังเกตเหตุการณในธรรมชาติ รอบตัวโดยเชื่อมโยง กับสิ่งที่เราเรียนจากหนังสือ เชน ลักษณะของแรงที่กระทําเปนแบบไหน นกที่ พยายามบินขึ้นตองกระพือปกใหเร็วมากขึ้น เพื่อชวยใหเกิดแรงยกมากขึ้น
รูปที่ 1.7 เมื่อเอามือยันผนัง จะเกิดแรงปฏิกิริยาโตกลับจากผนังหรือ เมื่อยืน บนไมกระดาน มีน้ําหนักกดลง จึงเกิดแรงปฏิกิริยาโตกลับ ยังมีแรงกระทําอีกลักษณะหนึ่งที่นักเรียนควรจะไดรู คือแรงโตกลับหรือ แรงปฏิกิริยา (Reaction Force อานวา “รีแอคชั่นฟอส”) ตัวอยางเชน เมื่อเรา
8
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
เอามือยันผนังดวยแรงขนาดหนึ่ง ผนังจะโตกลับดวยแรงที่เทากันในทิศทาง ตรงกันขาม ดังในรูปที่ 1.7 สถานการณเชนเดียวกันนี้ ก็เกิดขึ้นในขณะที่เรายืน นิ่งๆอยูบนพื้น น้ําหนักของตัวเรากดลงบนพื้น พื้นก็โตกลับในทิศทางขึ้น ดวย ขนาดของแรงที่เทากับน้ําหนักของตัวเราเชนกัน กอนหนานี้ไดพูดถึงความเร็วของอากาศ เปนเหตุใหเกิดแรงกระทําตอ วัตถุ เชนเดียวกับแรงกระทํา ความเร็วจะถูกเขียนแทนดวย ลูกศร ดูรูปที่ 1.8 โดยมีทิศทางและความยาวแทนขนาดของความเร็ว ความเร็วของอากาศที่มาก ก็สงผลใหเกิดแรงกระทํามากดวย นั่นคือความเร็วของอากาศ มีผลตอแรงที่ กระทํากับวัตถุที่อากาศนั้นไหลผาน ดังนี้คือ ถามีความเร็วมากก็ยิ่งสงผลใหเกิด แรงกระทําตอวัตถุหรือสิ่งของนั้นมากตามไปดวย
รูปที่ 1.8 กระตายวิ่งไปทางขวา ดวยความเร็วที่มากกวาเตา ลูกศรแทน ความเร็วจึงยาวกวา และชี้ไปทางขวา ความเร็วคือความเร็ว ไมใชแรง เปนคนละอยางกัน แตทั้ง ความเร็วและแรง เราสามารถใชแทนไดดวยลูกศร เพื่อความสะดวกใน การทําความเขาใจ
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
9
ความเร็วของอากาศ ไหลผานปก ทําใหเกิดแรงยกกระทํา ใหเครื่องบิน หรือนก ลอยขึ้นไปไดในอากาศ เราก็สามารถทําของเลนขึ้นเอง เพื่อใหลอยใน อากาศในชวงเวลาสั้นๆได เริ่มตนดวยการทําเครื่องรอนกระดาษพับที่ลอยไดใน อากาศ(จะเรียกวาเครื่องบินกระดาษพับก็ได) เมื่อเราพุงเครื่องรอนกระดาษพับ ไปขางหนา ก็สามารถลอยไดในอากาศ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดังในรูปที่ 1.9
1.1 เครื่องรอนกระดาษพับ ของเลนที่ลอยไดในอากาศ
รูปที่ 1.9 เครื่องรอนกระดาษพับพุงดวยมือ
10
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
ในกิจกรรมนี้ จะเปนการนําเอากระดาษ ขนาด A4 มาพับเปนเครื่องรอน กระดาษพับไวพุงเลน และแขงขันกันในกลุม หากระดาษ A4 คนละหนึ่งแผน ดู ตามรูปที่ 1.10 และพับตามแบบ หรือ นักเรียนอาจจะพับตามแบบอื่นก็ได ซึ่งมี อยูอยางแพรหลาย ทั้งทางอินเทอรเน็ต หรือคําแนะนําจากคุณครูผูสอน
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
รูปที่ 1.10 วิธีพับเครื่องบินกระดาษ ใหดูตามลําดับ ตั้งแตหมายเลข 1 ถึง หมายเลข 11 พยายามทําใหประณีต ไมจําเปนตองรีบ
11
12
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
เมือนักเรียนพับเสร็จแลว ลองไปพุงดู จะเห็นวาเครื่องรอนกระดาษพับ ของเรา ไมรอนไปในแนวเสนตรง เพราะกระดาษที่เราพับขึ้นเปนเครื่องรอนพับ มีการเอียงจึงตองพยายามปรับใหตรงเทาที่จะทําได และทดลองดูไปเรื่อยๆ ให รอนไปใหตรงและไกลที่สุด คืออยูในอากาศไดนาน นักเรียนจะเห็นวาเครื่อง รอนพับ ลอยอยูในอากาศไดชั่วเวลาหนึ่ง หรือจะบอกวาคอยๆตกลงอยางชาๆ เพราะวาเครื่องรอนเคลื่อนที่หรือบินไปขางหนา ทําใหมีอากาศไหลผานปก จึง เกิดแรงพยุงจากอากาศ ที่เรียกวา “แรงยก” จึงทําใหเครื่องรอน รอนอยูใน อากาศในชวงเวลาหนึ่ง ดังในรูปที่ 1.9 คุณครูผูควบคุม ตองระวังในเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนที่เลน ถา เครื่องรอนพับไปติดบนที่สูง เชน ตนไม ฯ ตองระวังไมใหนักเรียนปนขึ้นไปเก็บ อาจจะพลัดตกลงมาได ควรหาสถานที่ ที่เหมาะสม ไมมีลมแรง ถาอยูในอาคาร ไดจะดีมาก เมื่อนักเรียนไดทดลอง เลนเครื่องรอนพับจนคุนเคยดีแลว ควรใหมีการ แขงขัน เครื่องรอนพับเริ่มตั้งแตตองพับขึ้นเอง มีการปรับแตงตามอัธยาศัย และ การเรียนรูจากการที่ไดทดลองของนักเรียนเอง โดยใหเวลาตามความเหมาะสม วางกฎกติกาในการแขงอยางงายๆ(ไมควรสลับซับซอน) ตามที่คณ ุ ครูผูควบคุม จะเห็นสมควร โดยจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม(มีความจําเปน) เชน ในอาคาร กีฬา หรือในที่ลมสงบ จะเปนการแขงขันในเรื่องของ ใครรอนไปไดไกลกวา หรือ ใครลอยอยูในอากาศไดนานกวา มอบรางวัลแกนักเรียนที่ชนะเลิศ พรอมคําชื่น ชม และนักเรียนคนอื่นๆรวมแสดงความยินดีกับผูชนะ
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
13
1.2 วาวกระบอก ของเลนที่ลอยไดในอากาศ
รูปที่ 1.11 วาวกระบอก ใชกระดาษขนาดA4 มาพับและตอหาง นักเรียนคงเคยเห็นวาว หรือคงเคยเลนวาวมาแลว ซึ่งมีใหเห็นทั่วไป วาว จะลอยไดตองอาศัยลมที่มีความแรงพอสมควร ถาลมออนๆและตองการใหวาว ลอยขึ้น เราตองวิ่ง มักนิยมเรียกกันวาใหวาวกินลม คือทําใหมีอากาศไหลผาน วาวจึงจะเกิดแรงจากอากาศพยุงใหวาวลอยขึ้นได เมื่อวาวคอยๆลอยขึ้นใน ระดับสูงขึ้นมีลมที่พัดแรงพอ วาวก็จะลอยอยูตอไป ตราบใดที่ลมยังพัดแรงพอ ที่จะพยุงใหวาวลอยได นักเรียนจะพบวา ลมในระดับต่ําๆใกลพื้นจะพัดออน กวาลมในระดับที่สูง หรือเราสามารถบอกไดวา ยิ่งสูงขึ้นลมจะยิ่งพัดเร็วขึ้น
14
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
ใชกระดาษ A4 ซึ่งเปนกระดาษที่นิยมใชโดยทั่วไป มาทําเปนวาว การทํา วาวลักษณะนี้มีมานานแลว ทํางาย เพียงนําเอากระดาษ A4 มาพับตามในรูปที่ 1.11 แลวนําเอา ดายหลอดมาผูก และตอหางยาวพอประมาณตามในรูป
รูปที่ 1.12 เมื่อไมมีลม การวิ่งชวยทําใหวาวกระบอกลอยได การที่วาวไมวาชนิดใด ลอยได ก็ตองอาศัยแรงลม หรือ เรียกไดวามี อากาศไหลผานทําใหเกิดแรงยก คลายๆกับเครื่องบินกระดาษพับ ตางกันตรงที่ วาวมีเสนดายผูกเอาไวจึงอยูกับที่ และมีลมไหลผานตัววาว จะดวยวิธีวิ่งใหวาว กินลมแลวลอยขึ้น หรือมีลมที่แรงพอพัดทําใหตัววาวลอยขึ้น อยางในรูปที่ 1.12 เด็กกําลังวิ่ง เพื่อชวยใหมีอากาศไหลผานตัววาว และลอยขึ้น
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
15
รูปที่ 1.13 แนวทางการไหลของอากาศหรือ ลมเมื่อไมมสี ิ่งใดๆกีดขวาง
รูปที่ 1.14 แนวทางการไหลของอากาศ เมื่อมีวาวกระบอกลอยอยูในอากาศ
16
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
ในรูปที่ 1.13 และรูปที่ 1.14 เสนลูกศรที่แสดงอยู เปนแนวทางเดินของ อากาศไหลผานตัววาว เรียกวา “สายกระแส” ภาษาอังกฤษเรียกวา “สตรีม ไลน (Stream Line)” ปกติเรามองไมเห็นอากาศอยูแลว เวนเสียแตวา เห็นฝุน ละออง หรือควันที่ลองลอยตามอากาศที่กําลังเคลื่อนที่ไป อยางเชน ควันธูป ควันยากันยุง ทําใหเราเห็นแนวทางการไหลของอากาศ สตรีมไลนนี้ ชวยทําให เรานึกภาพออกหรือรูไดวา อากาศมีเสนทางการเคลื่อนที่อยางไร เสนทางเดิน ของอากาศในรูปที่ 1.13 เปนกระแสลมที่ไมมีสิ่งกีดขวาง เราสามารถเรียกได หลายอยาง เชน “กระแสอากาศอิสระ (Free Stream)” “อากาศไหล (Air Flow)” สวนในรูปที่ 1.15 จะเห็นวาวาวเขามากีดขวาง ทําใหอากาศที่กําลังไหล อยูนั้นเบี่ยงเบนไป สงผลใหเกิดแรงยก กระทําใหวาวลอยขึ้นได
รูปที่1.15 อากาศที่ไหลผาน วาวกระบอก ทําใหเกิดแรงพยุงวาวกระบอกให ลอยอยูไดในอากาศ
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
17
เมื่อทดลองเลนดูแลว สิ่งที่นาสังเกตคือ ถาลมออน แรงยกที่ชวยพยุงวาว มีไมมากพอ ดังนั้นวาวจึงไมลอย ตอเมื่อลมแรงพอวาวจึงลอยขึ้นได นั่นคือแรง ยกจะมีมากหรือนอย ขึ้นอยูกับความเร็วหรือความแรงของลม แมไมมีลมแตถา เราวิ่งใหเร็วพอ วาวก็ลอยได แสดงวาการวิ่งทําใหอากาศไหลผานวาว ก็คือการ ชวยทําใหมลี มไหลผานวาว นั่นเอง
1.3 รมชูชีพทําจากถุง
รูปที่ 1.16 รมชูชีพใช ชะลอความเร็วในการโดดจากเครื่องบินมายังพื้น นักเรียนคงเคยเห็น รมชูชีพจริงๆกันมาบางแลว อาจจะจากในภาพยนตร หรือในโทรทัศน ตอนที่ทหารโดดรมลงจากเครื่องบินที่กําลังบินอยูสูงจากพื้น มาก ลงมายังพื้นไดอยางปลอดภัย อยางในรูปที่ 1.16 ถาไมมีรม ชูชีพ คนที่
18
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
กระโดดลงมาจากที่สูง เมื่อตกลงมาถึงพื้นจะมีความเร็วมาก ทําใหกระแทกพื้น แรง เปนอันตราย ดังนั้นการที่คนโดดลงมาจากเครื่องบิน จึงจําเปนอยางยิ่งที่ ตองมีรมชูชีพชวย ทําใหการโดดลงมาจากที่สูง จะเปนการลงมาอยางชาๆ เพราะรมมีแรงตานการเคลื่อนที่จากอากาศมาก ทําใหคนที่โดดรมลงมา เมื่อ ตกถึงพื้นอยางชาๆ จึงปลอดภัย ในหัวขอนี้ เรามาดูการตกลงมาอยางชาๆของ รมชูชีพเล็กๆ ที่เปนของเลน จะชวยทําใหเราไดเห็นปรากฏการณ แรงตานของ รม อันมาเนื่องจากการเคลื่อนที่ในอากาศ
รูปที่ 1.17 ใชถุงพลาสติกตัดเปนรูปสี่เหลี่ยมดานเทา ใชเชือกผูกทั้งสี่มุม ปลาย อีกดานหนึ่งไปผูกรวมกันที่น้ําหนักถวง หาถุงพลาสติกอยางบาง ที่ใชสําหรับใสของทั่วไปตามรานคา ถาได ขนาดใหญจะดีมาก ตัดเปนรูปสี่เหลี่ยมดานเทา ดูรูปที่ 1.17 ใชดายหรือเชือก เสนเล็กๆผูกทั้งสี่มุม ดูความยาวพอประมาณ นําปลายทั้งสี่เสนมาผูกรวมกัน กับ วัตถุที่ใชเปนน้ําหนักถวง ประมาณน้ําหนักตามความเหมาะสม จะเปน
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
19
ตุกตาหรือสิ่งอื่นใดก็ได วิธีเลนก็ทําการพับใหคลายออกไดงาย แลวโยนใหขึ้น ไปสูงๆ รมถุงกระดาษของเราจะกางออกและตก หรือเคลื่อนที่ลงมาอยางชาๆ เพราะรมทําใหเกิดแรงตาน (การเคลื่อนที่ในอากาศ) ไดมากแตยังนอยกวาแรง เนื่องจากน้ําหนักของวัตถุ จึงคอยๆตกลงมาอยางชาๆ จะเปนวาแรงตานอยูใน แนวเดียวกับการเคลื่อนที่ (หรือความเร็ว) ของวัตถุ อยางในรูปที่ 1.18
รูปที่ 1.18 รมถุงคอยๆตกลงมาอยางชาๆ ดวยแรงตานของอากาศ
20
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
วัตถุที่มีรูปทรง ที่ใหแรงตาน(การเคลื่อนที่)มากเมื่ออยูในอากาศ มีใหเรา เห็นอยูทั่วไป เชน ขนนก มีแรงตานอากาศมากเมื่อเคลื่อนที่ และน้ําหนักเบา ดังนั้น เมื่อเราปลอยขนนกใหตกลงบนพื้น จึงตกดวยความเร็วทีน่ อย หรือ พูด วา "คอยๆตกลงอยางชา" ดูรูปที่ 1.19 สังเกต ลูกศรแสดงน้ําหนัก ชี้ลง แรง ตานเนื่องจากอากาศแสดงดวยลูกศร ชี้ขึ้น ผลลัพธ หรือผลสุดทายออกมา คือ ตกลงมาอยางชาๆเพราะวา แรงตานจะกระทําตอวัตถุในทิศทางแนวเดียว กับความเร็วของวัตถุ แตมีทิศทางตรงกันขามเสมอ
รูปที่ 1.19 ขนนกคอยๆตกลงมาอยางชาๆ เชนเดียวกับรมชูชีพ
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
21
แบบฝกหัดบทที่ 1 1.1 นักเรียนลองยกตัวอยาง สิ่งที่ลอยไดในอากาศมาคนละ 1 อยาง และ บอกดวยวาลอยไดดวยแรง แบบไหน แรงลอยตัว สถิตศาสตรของไหล หรือ แรงทางอากาศพลศาสตร 1.2 แรงที่แสดงในรูป จัดอยูในแรงประเภทอะไร แรงดึง แรงกด หรือ แรงดัด
ก.)
ข.)
ค.)
1.3 แรงยก และแรงตาน จากอากาศ จะมากนอยขึ้นอยูกับอะไร จงอธิบาย ถาลมแรงวาวลอยขึ้นได แตลมออนวาวไมลอยเพราะอะไร 1.4 การที่รมชูชีพตกลงมาอยางชาๆ เพราะอะไร อธิบาย และยกตัวอยางสิ่ง ที่เราเคยเห็นวาตกลงมาอยางชาๆมีอะไรบาง
22
บทที่ 1 สิ่งที่ลอยไดในอากาศ
1.5 จงดูรูปวัตถุดานลางนี้ ถาเราปลอยใหตกลงมาจากที่สูง อันไหนตกลงมา ชาที่สุด อันไหนตกลงมาเร็วสุด เพราะอะไร
ก.)
ข.)
ค.)
1.6 เรารูมาแลววา ทั้งแรง หรือความเร็ว จะถูกเขียนแทนดวยลูกศร ลูกศร ยาวมีคามาก ถาลูกศรชี้ไปทางไหนแสดงวามีแรงหรือความเร็วไปทางนั้น รูปดานลาง เปนการแสดง น้ําหนัก แรงตาน และแรงยก เมื่อมีอากาศ ไหลผานปกเครื่องบิน ดวยวาเครื่องบิน เคลื่อนที่ไปในอากาศดวยความเร็วสูง จงบอกวา ลูกศรอันไหน คือ ความเร็วของเครื่องบิน น้ําหนัก แรงตาน และแรง ยก
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ เราไดรูแลววา เมื่อมีอากาศไหลผานปกของ เครื่องบิน นก หรือเครื่อง รอนจะทําใหเกิดแรงยกเนื่องจากแรงกระทําของอากาศ ชวยพยุงใหเครื่องรอน หรือนก ลอยอยูได ดังในรูปที่ 2.1 นี้
รูปที่ 2.1 เมื่อมีกระแสอากาศ หรือลมไหลผานปกเครื่องรอนจะมีแรงยกชวย พยุงใหเครื่องรอนลอยอยูไดในอากาศ
24
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
ในบทนี้ จะเปนการทําเครื่องรอนพุงดวยมือ ตองอาศัยวัสดุอุปกรณ และ ฝมือในการทําเพิ่มขึ้นมา มากกวาของเลนในบทที่ 1 ซึ่งจะกลาวตอไป แตกอน ที่จะลงมือทํา นักเรียนควรทําความเขาใจกับ เรื่องของจุดศูนยถวง ของวัตถุ กัน กอนเพราะจะชวยใหเราเลนเครื่องรอนอยางเขาใจในธรรมชาติของเครื่องรอน
2.1 จุดศูนยถวง (Center of Gravity)
รูปที่ 2.2 ตําแหนงของจุดศูนยถวง อยูประมาณตรงกลางของวัตถุ เปน ตําแหนงที่แรงเนื่องจากน้ําหนักของวัตถุนั้น กระทําตอวัตถุนั้น วัตถุทุกชนิดมีเนื้อมวลสาร จึงมีแรงดึงดูดของโลกที่กระทําตอวัตถุ (เปน แรงดึงดูดระหวางโลกกับวัตถุ คือตางดูดซึ่งกันและกัน) แรงดึงดูดของโลกที่ กระทําตอวัตถุนี้ เรียกวา “น้ําหนักของวัตถุ” ดังนั้น ไมวาเราจะเรียกวา “แรง
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
25
กระทําเนื่องจากน้ําหนักของวัตถุ” หรือ เรียกสั้นๆวา “แรงเนื่องจาก น้ําหนักของวัตถุ” หรือ “น้ําหนักของวัตถุ” ก็มีความหมายเปนอยางเดียวกัน น้ําหนักจะมี มากหรือนอย ขึ้นอยูกับปริมาณของเนื้อมวลสาร อยางเชน โฟม หรือนุน มีความหนาแนนของเนื้อสารนอย จึงมีน้ําหนักเบากวาเหล็กที่มีความ หนาแนนของเนื้อสารมากกวาทีม่ ีขนาดเทากัน(ปริมาตรเทากัน) ตําแหนงหรือ จุดที่เปรียบไดกับวา น้าํ หนักของวัตถุ กระทําตอวัตถุ เราเรียกวา “จุดศูนยถวง” ภาษาอังกฤษคือ Center of Gravity อานวา “เซ็นเตอรออฟแกรวิตี้” มักเรียก สั้นๆวา “CG (ซีจี)” และทิศทางของแรงกระทําเนื่องจากน้ําหนักของวัตถุ จะชี้ ลงในแนวดิ่งเสมอ
รูปที่ 2.3 เมื่อใชไมบรรทัดวางลงบนนิ้วโดยที่ไมตก แสดงวาตําแหนงของจุดCG อยูตรงนิ้วพอดี ลองนําเอาไมบรรทัดมาวางลงบนนิ้วอยางในรูปที่2.3จะชวยใหเราเขา ใจ ไดวาตําแหนงของแรงเนื่องจากน้ําหนักของไมบรรทัด ที่กระทําตอไมบรรทัด นั้นอยูประมาณตรงกลางของไมบรรทัดถาเราวางไมบรรทัดโดยที่จุด CG อยูไม
26
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
ตรงกับนิ้ว ไมบรรทัดจะหลนลงไป ไมสามารถวางอยูได วัตถุอื่นก็เชนเดียวกัน มี ตําแหนง ของจุด CGอยูประมาณขางในตรงกลางของรูปทรง ลองสังเกตดู วัตถุ รูปรางอื่นรอบๆตัวเรา และลองทายดูวา ตําแหนงของจุดCG อยูประมาณ ตรงไหน
รูปที่ 2.4 แนวของแรงอยูในฐานจึงตั้งอยูได ถาอยูนอกฐานจะลม ดูในรูปที่ 2.2 และรูปที่ 2.4 แนวของแรงเนื่องจากน้ําหนักของวัตถุ จะ ตองอยูในฐานของวัตถุจึงจะตั้งอยูได ถาแนวของแรงอยูนอกฐาน วัตถุจะลม ดวยแรงกระทําเนื่องจากน้ําหนัก ดูในรูปที่ 2.5 วัตถุเปนแผนกลมหนาๆ ถาตองการวางลงบนหลักตองวาง ให ตรงกับจุด CG จึงจะวางไดโดยไมลมหรือหลนลงมา แตถามีหลัก 2 อัน ที่ เรียกวา “หลักคู” นั้นจะตองอยูในแนวของเสนตรง ที่ผานจุด CG ถาจะใหดี นักเรียนตองลองทําไปดวย จะเขาใจไดโดยงาย การยืน การวางสิ่งของไมใหลม ถาพิจารณาดูจะพบวา มีความเกี่ยวของกับ ตําแหนงของจุด CG ดวย
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
รูปที่ 2.5 วัตถุแผนกลมวางอยู บนหลักไดตองตรงกับจุด CG
27
28
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
2.2 ตําแหนงจุด CG ของเครื่องรอน
รูปที่ 2.6 เครื่องรอนก็เปรียบเหมือนวัตถุอยางหนึ่ง คือเมื่อวางบนหลักทั้งสอง ตามที่แสดงในรูป จุด CG จะอยูในแนวเสนตรงที่ลากผานหลักทั้งสอง
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
29
สําหรับเครื่องรอนที่จะทําเลนกันนั้น มีลักษณะอยางที่เห็นในรูปที่ 2.6 ตําแหนงของจุด CG มีผลตอการที่เครื่องรอน จะรอนไดดีหรือไม ถาจุด CG อยู ในตําแหนงที่เหมาะสมจะทําใหเครื่องรอนนั้นพุงไปไดดี นักเรียนจะเขาใจไดดี ยิ่งขึ้นหลังจากที่ทําเครื่องรอนเสร็จ และลองเลนดูโดยการปรับตําแหนงของจุด CG ดวยน้ําหนักที่ถวงตรงปลายจมูกเครื่องรอนนี้
รูปที่ 2.7 แบบแปลน ของเครื่องรอนพุงดวยมือ สวนของปกอาจตอใหยาว ออกไปมากกวานี้ไดประมาณเปน 2 เทาของขนาดเดิม
30
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
เริ่มตนดวยการ หาวัสดุที่ตองใชทํา ซึ่งประกอบดวย 1. ไมอัดบางตรงเรียบ(ไมงอ) หนาประมาณ 3 ม.ม. ขนาดเพียงพอดู ตามแบบ หรือวัสดุชนิดอื่นทีมีน้ําหนักเบา และแข็งแรงพอ 2. กระดาษแข็ง A4 หรืออาจใชโฟมรวมดวยอยางบางประมาณ 3 ม.ม. 3. อุปกรณ ตัดกระดาษ ไม เชน เลื่อยฉลุ กรรไก คัตเตอร กาวติดไม กระดาษ หรือโฟม และ กระดาษทรายละเอียด อุปกรณอื่นที่จําเปน
2.3 ทําความรูจักกับชือ่ แตละสวนของเครื่องรอน ดูตามในรูปที่ 2.7, 2.8 และ 2.15 ควรจําชื่อแตละสวนของเครื่องรอน เรียกวาอะไรชื่อเหลานี้เปนมาตรฐาน ที่นาํ ไปใชกับเครื่องบินจริงๆก็เชนเดียว กัน ถานักเรียนมีโอกาสไดไปดูเครื่องบินจริงใกลๆลองสังเกตดูการเรียกเปน ภาษา อังกฤษไดดวยจะดีมาก เนื่องจากวาโดยทั่วไป คนมักเรียกทับศัพท ดังนี้ 1. ลําตัว (Fuselage อานวา ฟวลาจ) 2. ปก (Wing อานวา วิง) 3. แพนหางระดับ (Horizontal Stabilizer อานวา ฮอริซอนทอล สะแตบิไลเซอร) 4. แพนหางดิ่ง (Vertical Stabilizer อานวา เวอรติคอล สะแตบิไลเซอร) 5. จมูกเครื่องบิน (Nose อานวา โนส) 6. ไอเลรอน (Aileron เรียกทับศัพท) อาจใชคําวา ปกเล็กแกเอียง 7. อิลิเวเตอร (Elevator เรียกทับศัพท) 8. รัดเดอร (Rudder เรียกทับศัพท) อาจใชคําวา หางเสือ
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
31
รูปที่ 2.8 เมื่อไดแตละสวนแลว นํามาประกอบเขาดวยกัน โดยใชกาว ลาเท็ก หรือ พิจารณาตามความเหมาะสม จะเห็นวามีสวนเสริมความแข็งแรงดวย ทั้งนี้เครื่องรอน ที่ไดนําแบบมาแสดงไวนี้ เปนเพียงแนวทางในการทํา กิจกรรม เครื่องรอน สําหรับนักเรียนระดับชั้นประถม คุณครูผูสอน หรือควบคุม สามารถพิจารณานําเครื่องรอนแบบอื่นที่เห็นวาเหมาะสม มาใชเพื่อใหนักเรียน ทํากิจกรรมได ซึ่งหลักการหรือแนวทางการอธิบาย จะเปนอยางเดียวกัน คือทํา ใหนักเรียนเขาใจหลักการพื้นฐาน ของอากาศยานสําหรับเด็ก ในระดับประถม
32
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
สิ่งสําคัญไมใชเฉพาะตองการใหนักเรียนเขาใจในบทเรียนเทานั้น แตเปนการ ฝกใหนักเรียน มีความอดทน ตัง้ ใจ ทํางานอยางรอบคอบ ประณีตเรียบรอย และนักเรียนจะเห็นผลของ ความตั้งใจทํางาน
2.4 การปรับแตงเครื่องรอน
รูปที่ 2.9 ปรับแตงเครื่องรอนของเรา ใหฉากและตรง
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
33
เมื่อนักเรียนประกอบเครื่องรอนเรียบรอยแลว กอนที่จะลองไปบิน(รอน) เปนครั้งแรก ใหนักเรียนตรวจดูวา สภาพของเครื่องรอนของเรานั้นพรอมที่จะ รอนหรือไม หลักๆคือดูใหฉาก และตรง อยางในรูปที่ 2.9 การที่มีสวนใดสวน หนึ่งบิด งอ หรือโคง จะสงผลใหการบินไมดีอยางที่ตองการ เชน การบินเงย ทํา ใหไตขึ้นมากเกินไปความเร็วเครื่องบินลดลง เปนเหตุให แรงยกไมพอจึงทําให เครื่องรอนตกลงมา สภาวะนี้เรียกวา สะตอล (Stall)
รูปที่ 2.10 หลักคู ใชสําหรับหาตําแหนงของจุด CG เพื่อชวยในการปรับให เครื่องรอน รอนไดดีขึ้น เริ่มตนดวยการการปรับตําแหนงจุด CG โดยการใชน้ําหนักถวงที่จมูก เครื่องรอน อาจจะเปนดินน้ํามันหรือตะปู ฯ เพื่อใหไดตําแหนงที่เหมาะสม ควร
34
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
ใชหลักคูชวย อยางในรูปที่ 2.10 เพื่อหาแนวของจุด CG แลวลองไปรอนดูวา เมื่อเยื้องไปขางหนามากเปนอยางไร และเยื้องไปขางหลังมากเปนอยางไร การ ทดลองบินเปนวิธีที่จะไดคําตอบวา CG ควรอยูตําแหนงไหนโดยประมาณ จึง จะเหมาะสมที่สุด วิธวี ดั ดูตามรูปที่ 2.10 คือ แนวที่อยูของจุด CG อยูหางจาก ชายหนาของปกเขาไปเทาไร ควรจะจําหรือจดไวก็ได โดยทั่วไป ตําแหนงที่เหมาะสมของจุด CG ควรอยูที่ ระยะ 1 ใน 4 ของ ความกวางปกโดยประมาณ เมื่อวัดจากชายหนาของปก เมื่อเราไปทดลองรอน ดู และเครื่องรอนยังบินกมไป หรือเงยไป ควรไปปรับแตงที่แพนหางระดับ เพื่อ เปนการสรางสมดุล ทีเ่ หมาะสม อันที่จริงเครื่องรอนของเราไมมีสวนที่เรียกวา ไอเลรอน อิลิเวเตอร และ รัดเดอร อยางชัดเจน เพียงแตเราใชวิธี ดัดสวนของปกหรือหางใหขึ้นหรือลง ไป ซายหรือขวา เพราะวัสดุที่นํามาใชนั้นมีความออนพอที่จะดัดไดโดยไมเสียหาย และการดัดนั้นจะทําแตเพียงเล็กนอยเทานั้น การปรับแพนหางระดับ เมื่อพุงใหรอนไป เครื่องรอนพยายามเงยขึ้น หรือ พยายามกมลง โดยการดัดแพนหางระดับ ตองทดลองทําไปดวย ในเครื่องบิน จริงตรงปลายแพนหางระดับจะมี แผนบังคับเรียกวา “อิลิเวเตอร (Elevator)” ชวยควบคุมการ กม-เงย ของเครื่องบิน ดูรูปที่ 2.11 การดัดแพนหางระดับตรง สวนปลายควรดัดใหเทาๆกันทั้งแนว และเราจะเห็นวามีผลใหเครื่องบินกม-เงย สวนปกของเครื่องรอนถาบิด จะสงผลอยางไรเมื่อเราพุงออกไป เครื่อง รอนพยายาม เอียงซาย หรือ เอียงขวา นักเรียนตองสังเกตดู วาถาปกเครื่อง รอนบิดทางนี้ เครื่องรอนเอียงทางไหน ดูตามรูปที่ 2.12 สําหรับในเครื่องบินจริง จะมีสวนทีต่ ิดอยูบริเวณปลายปกอยางในรูป 2.15 ใชควบคุมการเอียงคือสวนที่ เรียกวา “ไอเลรอน (Aileron)”
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
35
รูปที่ 2.11 การปรับเครื่องรอนที่แพนหางระดับ ดวยการดัดขึ้น หรือดัดลง การปรับแพนหางดิ่ง ดูในรูปที่ 2.13 ดวยการดัดเชนเคย ถาแพนหางดิ่ง ไมตรงจะสงผลใหเครื่องรอน หัน (เลี้ยว) ซายหรือขวา เมื่อทดลองดัดไปทาง ซายหรือขวา และทดลองรอนดูจะรูวา การดัดไปทางไหน จึงสงผลใหเครื่องรอน หันไปทางไหน
36
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
รูปที่ 2.12 ปรับใหปกเครื่องบินตรง ถาปกบิดจะทําใหเครื่องบินเอียง ซาย-ขวา
รูปที่ 2.13 ปรับเครื่องรอนที่แพนหางดิ่ง ดวยการดัดไปทางซาย หรือขวา
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
37
รูปที่ 2.14 การรอนที่เราตองการคือ ไปในแนวเสนตรง และคอยๆลดระดับลง ลักษณะการรอนที่ควรจะเปนคือ ควรบินเปนแนวเสนตรง และคอยๆลด ระดับลง ดังในรูปที่ 2.14 จะชวยทําใหเครื่องรอนของเราไปไดไกลกวา และจะ อยูในอากาศไดนานกวา ถาเริ่มตนที่ความสูงเดียวกัน ดังนั้น เราตองทดลอง รอนดูและปรับไปเรื่อยๆ พยายามสังเกตดูวาสาเหตุของการรอนไมตรงนั้นมา จากอะไร ปรับแตละสวนจนคิดวานาจะอยูในเกณฑที่พอใจ การที่จะใหตรงเปะ นั้นเปนไปไดยาก เพราะเครื่องรอนพุงดวยมือไมสามารถปรับทิศทางไดในขณะ กําลังบิน อยางเครื่องบินเล็กที่ใชวิทยุบังคับ ควบคุมทิศทาง การแขงขันสวน ใหญจะตั้งเปาหมาย ใหเครื่องรอนไปไดไกลสุด หรือ อยูในอากาศไดนานสุด สวนการอยูในอากาศใหนานสุดนั้น อาจไมจําเปนที่จะตองบิน ใหตรงก็ได
38
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
รูปที่ 2.15 แสดงใหเห็น สวนควบคุมทิศทางของเครื่องบินจริง เทียบกับ เครื่อง รอนของเรา เราจะไดรับคําตอบจากการทดลองรอน เครื่องรอน ที่เราทําหรือประกอบ ขึ้นมา และนี่คือหนทางที่จะชวยใหเราเขาใจ ธรรมชาติของเครื่องรอน ไดมาก ขึ้น การที่เราไดเขาใจสิ่งตางๆ ในธรรมชาติตามสภาพความเปนจริง ถือไดวา เปนความรู (ที่มีคา) การอานหรือการไดรับรูจากการบอกเลา ในบางเรื่องอาจ จะยังไมพอ เราตองเรียนรูจากความเปนจริง เชน การทําเครื่องรอน และทดลอง นํามาพุงเลน อยางมีการพิจารณาหาเหตุผล วาทําไม ไมวาจะเปนเครื่องรอนที่เราทํากันขึ้นมาหรือเครื่องบินจริงๆ แมกระทั่ง นก การควบคุมใหกม-เงย เอียงซาย-ขวา และหัน(เลี้ยว)ซาย-ขวา มีการควบคุม ในลักษณะอยางเดียวกัน เชน นกเมื่อตองการเอียงซาย-ขวา ใชบิดปกในทิศ ทางตรงขามกัน คือปกซายบิดทางหนึ่ง ปกขวาบิดไปอีกทาง แตสาํ หรับ เครื่องบินจริงเมื่อตองการเอียง ดวยวาปกแข็งติดกับลําตัว บิดไมไดจึงใชสวนที่
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
39
เรียกทับศัพท ภาษาอังกฤษวา ไอเลรอน ดูในรูปที่ 2.15 สวนในรูปที่เขียนวา แฟลบ นั้นเปนแผนบังคับควบคุม ที่ชวยในขณะเครื่องบินกําลังบินขึ้นและลง บนทางวิ่งไดดีขึ้น สวนเครื่องบินเล็กเนื่องจากเปนเพียงของเลน ไมจําเปนตอง ใชแฟลบ
รูปที่ 2.16 เมื่ออากาศไหลผานปกทําใหเกิดแรงยกกับปกเครื่องรอนทั้งสองขาง ยอนกลับมาที่เครื่องรอน เมื่อเราพุงเครื่องรอนออกไป เปนเหตุใหอากาศ ไหลผานปกสงผลใหเกิดแรงจากอากาศ พยุงใหเครื่องรอนลอยอยูได เรียกวา
40
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
แรงยก มีทิศทางขึ้น ดูตามในรูปที่ 2.16 อยางที่กลาวไปแลวเครื่องบินจริง หรือ นก ที่ลอยอยูในอากาศไดก็ดวยแรงยกลักษณะนี้
2.5 การควบคุมทิศทางของเครื่องรอน การบินของเครื่องบินหรือแมแตเครื่องรอนที่เราทําขึ้นมานั้น เราตองการ ควบคุมใหบินในทิศทางอยางที่ตองการ ซึ่งตอนนี้เราคงรูแลววา จะควบคุมดวย อะไร อยางไร การควบคุมทิศทางนั้น เปรียบไดกับวาเครื่องบิน หมุนรอบแกน หลักอยู 3 แกน ดังในรูปที่ 2.17 และ รูปที่ 2.18 คือ 1) แนวแกนลําตัว (Longitudinal อานวา ลองจิจูดินอล) 2) แนวแกนตั้ง (Vertical อานวา เวอรติคอล) และ 3) แนวแกนขวางลําตัว (Lateral อานวา แลเทอรอล) ซึ่งทั้งสามแกนนี้ตัดกันที่จุด CG ของเครื่องบิน
รูปที่ 2.17 การหมุนรอบแกนหลักสามแกน ที่ตัดกันที่จุด CGดังในรูป
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
41
การหัน การหมุน หรือการเอียงของเครื่องรอน นั้นสามารถอธิบายได ดวยการใชอุปกรณสาธิต การหมุนของเครื่องบินรอบสามแกนหลัก ซึ่งจะพูดถึง รายละเอียด ในหนังสือสนุกกับอากาศยาน เลมตอไป คือเลม 2 และ เลม 3
รูปที่ 2.18 อุปกรณสาธิต การหมุนของเครื่องบินรอบแกนหลักสามแกน เครื่องรอน ที่กําลังบินไปดวยความเร็วคาหนึ่ง เรียกวาไปไดดวยแรงเฉื่อย และความเร็วจะคอยๆลดลงเนื่องจากแรงตานของอากาศ ในขณะที่กําลังบิน ดวยความเร็วคาหนึ่งอยูนั้น จะมีแรงกระทําตอเครื่องรอนอยู 3 แรง หลักๆ คือ 1. แรงยก เปนผลมากจากอากาศที่ไหลผานปก ชวยพยุงใหเครื่องบิน ลอยอยูไดในอากาศ มีทิศทางขึ้น (ตั้งฉากกับความเร็ว) 2. แรงตาน เปนแรงที่พยายามตานการเคลื่อนที่ของเครื่องบินเนื่องมา จากอากาศ มีทิศทางไปขางหลัง (อยูในแนวเดียวกับความเร็ว) 3. น้ําหนักของเครื่องบิน มีทิศทางลง (อยูในแนวดิ่งเสมอ)
42
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
รูปที่ 2.19 เครื่องรอนของเราในขณะกําลังรอนไปขางหนา มีแรงกระทําดังในรูป วัตถุทุกชนิด ไมวาจะเปนเครื่องบิน เครื่องรอน หรือรถยนต เมื่อเคลื่อนที่ ในอากาศยอมเกิดแรงตานเนื่องจากอากาศขึ้น พูดเต็มๆไดวา แรงตานที่กระทํา ตอรถเนื่องจากอากาศดังในรูปที่ 2.20 รถกําลังวิ่งดวยความเร็ว แรงตานกระทํา ตอรถยนตมีทิศทางไปขางหลัง ยิ่งวิ่งเร็วมากก็ยิ่งมีแรงตานมากตาม
รูปที่ 2.20 แรงตานที่กระทําตอรถยนต เนื่องจากอากาศ
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
43
แบบฝกหัดบทที่ 2 2.1 จุดศูนยถวง (CG) ของไมบรรทัดอยูตรงไหน และจะวางไมบรรทัดลงบน นิ้วชี้ อยางไรใหไมบรรทัดไมตก 2.2 การที่เราผลักกลองสี่เหลี่ยมใหเอียง และลมลงแสดงวา แนวแรงที่กระทํา เนื่องจาก น้ําหนัก เปนอยางไร 2.3 การถวงน้ําหนักที่จมูกของเครื่องรอน เพื่ออะไร 2.4 เราใชเครื่องมือที่เรียกวาอะไร เพื่อหาตําแหนงจุด CG ของเครื่องรอน และเมื่อไดทดลองพุงเครื่องรอนเลนแลว จุดCG ควรอยูที่ระยะเทาไร จึง จะเหมาะสมเมื่อวัดจากขอบ ชายหนาของปกเครื่องรอน 2.5 จากการทดลองพุงเครื่องรอน ตองปรับสวนไหนเพื่อแกอาการตอไปนี้ ก.) เครื่องรอน กมหรือเงยมากไป ข.) เครื่องรอน เอียง ซาย-ขวา ค.) เครื่องรอน หัน(เลี้ยว) ซาย-ขวา 2.6 ทิศทางของแรงตานอยูในแนวเดียวกับอะไร เครื่องรอน อยูในแนวไหน
และทิศทางของน้ําหนัก
2.7 รถและเรือที่กําลังแลนอยู มีแรงตานหรือไมและแรงตานมีทิศทางอยางไร
44
บทที่ 2 เครื่องรอนพุงดวยมือ
2.8 ตามในรูปดานลาง ลูกศรที่กํากับดวย ตัวอักษร คืออะไร ก.) ความเร็วของเครื่องรอน ข.) …………………………………… ค.) …………………………………… ง.) ……………………………………
2.9 ถาตําแหนงของจุด CG ก.) อยูเยื้องไปขางหนามาก การรอนของเครื่องรอนเปนอยางไร ข.) อยูเยื้องไปขางหลังมาก การรอนของเครื่องรอนเปนอยางไร 2.10 ถาเราตองการใหเครื่องรอนหมุนรอบแนวแกนลําตัว ตองปรับ (ดัด) อะไร 2.11 ถาเราตองการใหเครื่องรอนหมุนรอบแนวแกนตั้ง ตองปรับ (ดัด) อะไร 2.12 ถาเราตองการใหเครื่องรอนหมุนรอบแนวแกนขวางลําตัว ตองปรับ (ดัด) อะไร
บทที่ 3 ใบพัดปน การไดทดลองเลนเครื่องรอนพุงดวยมือในบทที่ 2 ทําใหเราไดเห็นและ รู แลววา มีแรงยกเกิดขึ้นกับปกของเครื่องรอน จึงทําใหลอยอยูได ชั่วระยะเวลา หนึ่ง เมื่อเครื่องรอนชาลง (ดวยแรงตานของอากาศ) แรงยกก็ลดลงดวย
รูปที่ 3.1 เฮลิคอปเตอรขนาดเล็ก ชนิดโดยสารไดเพียงคนเดียว
46
บทที่ 3 ใบพัดปน
เครื่องรอนตองบินไปขางหนาดวยความเร็วคาหนึ่ง ถาอยูนิ่งๆ หรือมี ความเร็วนอยไปก็ลอยไมได จึงไดมีการคิดสรางอากาศยานที่แมอยูนิ่งๆก็ลอย ได ขึ้นลงในแนวดิ่งได แตอยางไรก็ตามการทําใหเกิดแรงยกตองทําใหมีอากาศ ไหลผานปก หรือแพนอากาศ (แพนอากาศก็คือสิ่งที่นํามาทําเปนปกเครื่องบิน นั่นเอง มีหลายลักษณะสวนมากเปนแผนแบนบางๆ) จึงตองทําใหปกหรือแพน อากาศหมุนดวย ความเร็วที่มากพอ จึงจะเกิดแรงยกที่มากพอทําใหเครื่องบิน หรืออากาศยานลอยขึ้นได อากาศยานชนิดนี้เปนที่รูจักกันดี คือ เฮลิคอปเตอร ดังใน รูปที่ 3.1 นักเรียนคงเคยเห็นกันมาแลว ใบพัดปนทีจ่ ะทําเลนในบทนี้ ก็มลี ักษณะเชนเดียวกันกับ เฮลิคอปเตอร ที่ลอยขึ้นในแนวดิ่งดวยแรงยกของใบพัดที่กําลังหมุน ติดตั้งอยูดานบน เรียกวา “โรเตอร” (Rotor เปนการเรียกทับศัพท) หรือ ปกหมุน ในภาษาไทย ดังนั้น เครื่องบิน หรือเครื่องรอนที่เราทําเลนกันมาแลว บางครัง้ จึงเรียกวา อากาศยาน แบบ ปกตรึง (ภาษา อังกฤษคือ Fixed-wing แปลวา ปกติดอยูนิ่ง)
รูปที่ 3.2 เมื่อมีกระแสอากาศ หรือลมไหลผานกลีบใบพัดปน จะมีแรงยกชวย พยุงใหลอยอยูไดในอากาศ
บทที่ 3 ใบพัดปน
47
ใบพัดปน ของเลนสําหรับเด็กๆ ที่ปนใหหมุนแลวลอยได ดวยกลีบใบของ ใบพัดปน เปรียบไดกับปกของเครื่องรอน ถาทําใหอากาศไหลผานจะมีแรงยก เกิดขึ้น ดังในรูปที่ 3.2 การหมุนใบพัดปนคือการทําใหมอี ากาศไหลผานกลีบใบ ดังนั้นจึงมีแรงยกเกิดขึ้นทําใหลอยขึ้นไปได ยิ่งหมุนเร็ว ความเร็วของอากาศ ไหลผานกลีบใบมีมาก แรงยกก็ยิ่งมีมากตาม จึงลอยขึ้นไดเร็วกวา และสูงกวา
รูปที่ 3.3 การประกอบเขาดวยกัน ของชิ้นสวนใบพัดปน เนื่องจากวา ใบพัดปน เปนของเลนสําหรับเด็กๆ ที่นิยมกันมานานแลว จึงมีขายอยูทั่วไป ในกิจกรรมนี้จึงขึ้นอยูกับ การตัดสินใจของคุณครูผูควบคุม
48
บทที่ 3 ใบพัดปน
จะเลือกใหนักเรียน ใชใบพัดปนสําเร็จรูป ที่มีขายหรือแถมมากับขนมอยูทั่วไป ก็สามารถนํามาเลน เพื่อใหนักเรียนไดสนุกกับการแขงขัน แตถานักเรียก ตองการที่จะทําขึ้นมาเลนเองได ดวยความชวยเหลือของคุณครู ในการสราง ชิ้นสวนบางสวนเพื่อนํามาประกอบดังในรูปที่ 3.3 วัสดุที่นํามาใช นาจะเปน โฟมบาง หรือกระดาษแข็ง และไมบัลซา หรือไมชนิดอื่นเทาที่จะหาได กระบวนการในการสรางชิ้นสวน ถือไดวาเปนการพัฒนาความคิด และ การประยุกต ใชสิ่งที่มีอยูเพื่อนํามาใช นั่นคือ เราตองทดลอง ตองคิด ตอง สํารวจ และเมื่อทําสําเร็จ ยอมเปนความภูมใิ จ ในความพยายาม ถือไดวาเปน ประสบการอยางหนึ่งที่ชวยขยายความคิด ไมเพียงแตเปนการทํากิจกรรม ของ ใบพัดปนแตเพียงอยางเดียว แตยังเปนการฝกนิสัยของความอดทน ขยัน ขันแข็ง และตองมีความคิดริเริ่มสรางสรรค ความสําเร็จในการทําขึ้นมาจากการ ประยุกตหรือดัดแปลงขึ้นมาเองนี้ ควรไดรับการชมเชย เพราะตองอาศัยความ ขยัน ทุมเทดวยใจรัก สําหรับทําใบพัดปนใหนักเรียน นําเอาชิ้นสวนที่ไดมา ประกอบเขาดวย กัน ตามคําแนะนําของคุณครู ดังในรูปที่ 3.3 ไมจําเปนที่ตองเหมือนกับในรูป เพราะในรูปเปนเพียงแนวทางในการทําเทานั้น เปาหมายคือ เมื่อทําเสร็จแลว หมุนหรือปนใหหมุน แลวลอยขึ้นไปได สวนการจัดแขง นาจะพิจารณาที่ความสูงของใบพัดปน นักเรียนแตละ คน ที่ลอยขึ้นไปได แตถามี ขั้นตอนใหเด็กนักเรียน ตองทําขึ้นเองหรือประกอบ บางสวน ควรนําเอาผลงานจากกระบวนการนี้ มาพิจารณาใหคะแนนในการ ตัดสินดวย เชน มีการนําเอาความคิดใหมมาใชอยางไดผล ทั้งนี้ขึ้นอยูกับ คุณครูผูควบคุม สามารถที่จะกําหนดเงื่อนไขอื่นๆขึ้นมาไดอีก ตามความ เหมาะสม
บทที่ 3 ใบพัดปน
49
รูปที่ 3.4 เมื่อหมุนใบพัดปน ทําใหอากาศไหลผานกลีบใบทําใหเกิดแรงยกพยุง ใหลอยขึ้นได
50
บทที่ 3 ใบพัดปน
ดูในรูปที่ 3.4 จะเห็นวาแรงยกรวม อยูตรงกึ่งกลางมีทิศทางอยูในแนว เดียวกับแกนหมุน นั่นคือเราสามารถควบคุมทิศทางในการปลอยใบพัดปนของ เราได คือ จะใหลอยขึ้นไปในแนวดิ่งหรือ ลอยไปขางหนา โดยการหันตัวเราไป ในทิศทางที่ตองการ หรือปรับแนวแกนหมุน แตถาเราลองปลอยใหใบพัดปน ของเรา ตกลงมาจะเห็นวาใบพัดปน จะหมุนเนื่องจากมีอากาศไหลผาน เหมือน กับวา เปนกังหันลม คือเมื่อมีลมไหลผานจะหมุนดวยแรงลม
รูปที่ 3.4 ชื่อแตละสวนของ เฮลิคอปเตอร ดวยวาใบพัดปน มีการลอยในลักษณะเดียวกับเฮลิคอปเตอร คือลอยได ดวยแรงยกของใบพัดที่กําลังหมุน เฮลิคอปเตอร ก็เชนเดียวกัน เปนอากาศยาน ชนิดหนึ่งที่ลอยอยูนิ่งในอากาศได ในธรรมชาติก็มีใหเห็น เชน แมลงที่ลอยนิ่ง อยูในอากาศได แตตอ งกระพือปก เพื่อใหเกิดแรงยก นักเรียนควรไดทําความ รูจักกับชื่อแตละสวนของเฮลิคอปเตอร ดังในรูปที่ 3.5 โรเตอรหางมีหนาทีใน การควบคุมการหันซาย-ขวา ซึ่งเปรียบไดกับ รัดเดอร ของเครื่องบินที่ใชควบคุม การหันซาย-ขวา ของเครื่องบิน
บทที่ 3 ใบพัดปน
51
รูปที่ 3.5 เฮลิคอปเตอรในขณะกําลังลอยตัวนิ่ง เรียกวา โฮฟเวอร (Hover) เครื่องบินเฮลิคอปเตอร มีประโยชนมาก สามารถลอยตัวนิ่งๆอยูใน อากาศได เรียกวา “โฮฟเวอร” จึงทําภารกิจไดหลายอยาง บินขึ้นและลงไดใน แนวดิ่ง ไมจําเปน ตองใชทางวิ่งขึ้นเหมือนอยางเครื่องบินปกตรึง จึงเปน ประโยชนในการทําภารกิจบางอยางที่เครื่องบินปกติทําไมได เชน การ ชวยเหลือประชาชน ซึ่งอยู ในที่ซึ่งไมมีทางวิง่ ขึ้น-ลง สําหรับเครื่องบินปกติ แต การบินเดินทางนั้นไปไดชากวาเครื่องบินปกตรึง และประหยัดน้ํามันนอยกวา ถาตองการบินเดินทางไปไกลๆ และมีทางวิ่งขึ้นลง ที่เรียกวา รันเวย เครื่องบิน ปกตรึงจะเหมาะกวา
52
บทที่ 3 ใบพัดปน
แบบฝกหัดบทที่ 3 3.1 เครื่องบินปกหมุน มีขอดีอยางไร เมื่อเทียบกับเครื่องบินปกตรึง 3.2 สวนของ เฮลิคอปเตอร ที่ใชทําหนาที่ อยางเดียวกับ รัดเดอร ของ เครื่องบินปกตรึง คืออะไร 3.3 ถาตองการเดินทางไกลๆ ไปใหเร็วและประหยัดน้ํามัน ควรใชเครื่องบิน แบบไหน ปกหมุน หรือปกตรึง 3.4 ถาเราปลอยใหใบพัดปน ตกลงมาในแนวดิ่ง ตัวใบพัดปน จะเปนอยางไร
ผนวก วิธีการเขียนแบบ ดุมใบพัดปน เขียนรูปดุมใบพัดดังในรูป ใชวงเวียน ไมบรรทัด ดินสอ ฯ ลงบนกระดาษ แลวนําไปแปะลงบนไม หนาประมาณ 5 mm. สิ่งสําคัญคือรูที่เจาะสําหรับ เสียบแกนหมุน ตองอยูในแนวตั้งฉาก ไมแกนมือหมุน ใชไมไผกลม (สําหรับ เสียบลูกชิ้น หรืออาหาร) อยางไรก็ตามการสราง ตองมีทักษะทางชางดวย
รูป ผนวก 1 การเขียนและทําดุมใบพัดปน
54
ผนวก
อุปกรณที่ใชประกอบการสอน ถายจากของจริง
หลักคูใชหาตําแหนงจุด CG ของเครื่องรอนพุงดวยมือ
อุปกรณสาธิตการหมุนของเครื่องบิน รอบแกนหลัก 3 แกน
ผนวก
เครื่องรอนเมื่อวางบน หลักคูถายจากดานบน
อุปกรณชวยในการสอน ทั้งสามอยาง
55
56
ผนวก
ตัวอยาง แนวทางในการเขียนแบบประกอบเครื่องรอนพุงดวยมือ สําหรับนักเรียน
ผนวก
57
ในกรณีที่ตองการใหเด็กนักเรียนที่เขาแขงขันสง แบบ(Drawing) ของ เครื่องบินที่สราง ตามแบบแนวทางการเขียนที่ใหไว นั้นใชเปนแนวทางเทานั้น ทั้งนี้ขึ้นอยูกับคณะกรรมการ ที่ควรกําหนดเปนมาตรฐานเดียวกัน ขึ้นอยูกับ หลายปจจัย เชน พื้นฐานความรูข องเด็กนักเรียน ในเรื่องการเขียนแบบ ความ พรอมของอุปกรณ ตางๆ และการใหขอมูลคุณสมบัติของ เครื่องรอน ไม จําเปนตองใหมาครบตามในตัวอยางก็ได
ดูรูปดานบน พื้นที่ปกหมายถึง พื้นที่ฉาย (Projected Area) เปรียบไดกับปก หรือ เครื่องรอนของเรา อยูกลางแดด ในเวลาเที่ยงวัน เงาของปกที่ปรากฏบนพื้นปูน เรียบ ดังนั้นพื้นที่ฉาย จึงเทากับ ความยาวกางปก คูณดวย ความกวางของปก
58
บรรณานุกรม ปราโมทย์ แตงหอม อากาศยานและอากาศพลศาสตร์ พนื ้ ฐาน