คู่มือการดำเนินงานวิทยานิพนธ์ 2556

Page 1



1

คู่มือการดําเนินงานวิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต พ.ศ. 2556 ปรับปรุงครั้งที่ 4

เรียบเรียงโดย จรัสพิมพ์ บุญญานันต์

โดยผ่ านความเห็นชอบจากคณะกรรมการประจําหลักสู ตรภูมสิ ถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการออกแบบสิ่ งแวดล้ อม มหาวิทยาลัยแม่ โจ้


2

คํานํา จากการดําเนินงานวิทยานิพนธ์ในรอบ 2 ปี ที่ผา่ นมา ระหว่างปี การศึกษา 2554-2555 โดยยึดถือ ระเบี ยบและแนวทางปฏิบตั ิตามคู่มือการดําเนิ นวิทยานิ พนธ์ ระดับปริ ญญาภูมิสถาปั ตยกรรมศาสตร บัณฑิต ปี การศึกษา 2554 พบว่ามีท้ งั ผลสัมฤทธิ์ที่น่าพึงพอใจ และปั ญหาอุปสรรคที่รอการแก้ไข ปั ญหา หลักๆ ที่ พบได้แก่ ขั้น ตอนการดําเนิ น งานวิทยานิ พนธ์ยืดยาวและมี หลายขั้นตอนมากเกิ นไป ทําให้ นักศึกษาบางส่ วนไม่สามารถดําเนินการให้แล้วเสร็ จภายในช่วงเวลาที่กาํ หนด เกณฑ์การให้คะแนนและ การรวมคะแนนที่ ละเอี ยดยิบย่อย ทําให้หลายครั้ งไม่ถูกนํามาปฏิ บตั ิและนํามาใช้ในการประเมินผล อย่างแท้จริ ง การอ้างอิงในรายงานวิทยานิ พนธ์ฉบับสมบูรณ์ไม่ถูกต้อง เป็ นต้น ซึ่ งทางคณะกรรมการ ประจําหลักสู ตรได้ร่วมประชุมหารื อถึงการปรับปรุ งพัฒนาระเบียบปฏิบตั ิในการทํางาน และสรุ ปเป็ น แนวทางเพื่อให้การดําเนินงานเป็ นไปด้วยความเรี ยบร้อยและประสบความสําเร็ จ การจัด ทําคู่ มื อ การดําเนิ น งานวิ ท ยานิ พ นธ์ ร ะดับ ปริ ญ ญาภู มิ ส ถาปั ต ยกรรมศาสตรบัณ ฑิ ต ฉบับปรับปรุ งครั้งที่ 4 ปี การศึกษา 2556 ฉบับนี้ ได้ทาํ การปรับปรุ งคู่มือการพิมพ์วิทยานิพนธ์ ฉบับล่าสุ ด คือฉบับปรับปรุ งครั้งที่ 3 ปี การศึกษา 25541 โดยทําการเรี ยบเรี ยงเนื้ อหาให้สอดคล้องกับการปรับปรุ ง ขั้น ตอนการดําเนิ น งานวิท ยานิ พ นธ์ ที่ เริ่ ม ดําเนิ น การมาตั้งแต่ ปี การศึ ก ษา 2555 มี เป้ าหมายเพื่ อ ให้ ช่ ว งเวลาในการดํ า เนิ นงานวิ ท ยานิ พนธ์ มี ค วามกระชั บ ไม่ เ ยิ่ น เย้อ ลดขั้ นตอนการสอบและ การรวมคะแนนตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ยัง เพิ่ ม รายละเอี ย ดเกี่ ย วกั บ การเขี ย นอ้ า งอิ ง ซึ่ งใช้รูปแบบเดียวกันกับการเขียนอ้างอิงของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวก แก่นกั ศึกษาและคณาจารย์ในการค้นคว้า ผูจ้ ดั ทําหวังเป็ นอย่างยิ่งว่าคู่มือนี้ จะเป็ นประโยชน์ต่อนักศึกษาและคณาจารย์ผมู ้ ีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกท่าน และถ้าหากมีขอ้ บกพร่ องประการใด ก็ตอ้ งขออภัยไว้ ณ ที่น้ ี จรัสพิมพ์ บุญญานันต์ ผูเ้ รี ยบเรี ยง

คู่มือการพิมพ์วิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ฉบับที่ 1 ถูกจัดทําขึ้นใน ปี การศึกษา 2544 และได้รับการปรับปรุ งมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกระหว่างปี การศึกษา 2544-2549 แต่ไม่ได้บนั ทึก ช่วงเวลาที่แน่นอนไว้ หลังจากนั้นได้ปรับปรุ งอีกในปี การศึกษา 2550 และ 2554 ตามลําดับ 1


3

สารบัญ หน้ า คํานํา สารบัญ

2 3

1. หลักวิธีปฏิบตั ิงาน และเกณฑ์การประเมินผลวิทยานิพนธ์ ระดับปริ ญญา ภูมิสถาปั ตยกรรมศาสตรบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่ งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พ.ศ. 2556

5

2. รายละเอียดขั้นตอนการนําเสนองานวิทยานิพนธ์

10

3. หลักการพิมพ์รายงานวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่ งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้

18

4. รายละเอียดการพิมพ์รายงานวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ 4.1 ส่ วนนําเรื่ องรายงานวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ 4.2 ส่ วนเนื้อหารายงานวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ 4.3 ส่ วนท้ายเรื่ องรายงานวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์

23 23 25 36

ภาคผนวก ภาคผนวก ภาคผนวก ภาคผนวก ภาคผนวก

39 43 49 59 69

ก ข ค ง จ

ภาคผนวก ฉ ภาคผนวก ช ภาคผนวก ซ บรรณานุกรม

ขั้นตอนการดําเนินงานวิทยานิพนธ์ แบบฟอร์มคําร้องเสนอหัวข้อวิทยานิพนธ์ แบบฟอร์มการพิมพ์โครงร่ างวิทยานิพนธ์ แบบฟอร์มการพิมพ์รายงานฉบับสมบูรณ์ แบบฟอร์มประเมินผลการนําเสนอวิทยานิพนธ์ระดับ ปริ ญญาภูมิสถาปั ตยกรรมศาสตรบัณฑิต แนวทางการประเมินผลขั้นสุ ดท้าย แบบฟอร์มคําร้องทัว่ ไป การอ้างอิง

77 81 87 117


4


5

1 หลักวิธีปฏิบตั งิ าน และเกณฑ์ การประเมินผลวิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ การออกแบบสิ่ งแวดล้ อม พ.ศ. 2556 เนื่องจากการทําวิทยานิพนธ์ เป็ นส่ วนหนึ่งของการศึกษา และเป็ นการประเมินผลตามหลักสู ตร ปริ ญ ญาภู มิ ส ถาปั ต ยกรรมศาสตรบัณ ฑิ ต ซึ่ งนัก ศึ ก ษาชั้น ปี ที่ 5 สาขาวิช าภู มิ ส ถาปั ต ยกรรมทุ ก คน จะต้องเรี ยน ดังนั้น เพื่อให้การดําเนิ นงานวิชาวิทยานิ พนธ์ เป็ นไปอย่างเรี ยบร้อย และมีประสิ ทธิ ภาพ จึงเห็นสมควรให้วางระเบียบการปฏิบตั ิงานวิทยานิพนธ์ดงั ต่อไปนี้ 1. คําจํากัดความและความหมาย ความหมายของคํา ต่ า งๆ ที่ ป รากฏในหลัก วิ ธี ป ฏิ บ ัติ ง าน และเกณฑ์ ก ารประเมิ น ผลงาน วิทยานิ พ นธ์ คณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์ และการออกแบบวางแผนสิ่ งแวดล้อม สําหรั บขั้น ปริ ญ ญา บัณฑิต พ.ศ. 2554 ต่อไปนี้ 1.1 “คณะกรรมการดําเนิ นงานวิทยานิ พนธ์” หมายถึ ง คณาจารย์ประจําคณะสถาปั ตยกรรม ศาสตร์ แ ละการออกแบบสิ่ งแวดล้อม ซึ่ งพิ จารณาเห็ น ชอบโดยประธานคณะกรรมการดําเนิ น งาน วิ ท ยานิ พ นธ์ ทํา หน้ า ที่ ก ํา หนดระเบี ย บวิ ธี ก ารดํา เนิ น งานวิ ท ยานิ พ นธ์ ตามหลัก สู ต รปริ ญญา ภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต 1.2 “ประธานคณะกรรมการดําเนิ น งานวิทยานิ พ นธ์” หมายถึ ง คณบดี คณะสถาปั ตยกรรม ศาสตร์ และการออกแบบสิ่ งแวดล้อม ทําหน้าที่ควบคุมการดําเนิ นงานวิทยานิ พนธ์ให้เป็ นไปตามหลัก วิธีปฏิบตั ิงานวิทยานิพนธ์ ซึ่งกําหนดขึ้นมาโดยคณะกรรมการดําเนินงานวิทยานิพนธ์ (1.1) 1.3 “เลขานุ ก ารคณะกรรมการดํา เนิ น งานวิ ท ยานิ พ นธ์ ” หมายถึ ง อาจารย์ป ระจํา คณะ สถาปั ตยกรรมศาสตร์ และการออกแบบสิ่ งแวดล้อม เป็ นผูท้ าํ หน้าที่ประสานงานให้การเรี ยนการสอน วิทยานิพนธ์เป็ นไปตามกําหนดการ ตามมติของคณะกรรมการดําเนินงานวิทยานิพนธ์ 1.4 “ประธานกรรมการที่ ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์” หมายถึง อาจารย์ประจําคณะสถาปั ตยกรรม ศาสตร์ แ ละการออกแบบสิ่ งแวดล้อ ม เป็ นผูท้ ี่ ใ ห้ ค าํ ปรึ ก ษา ตรวจพิ จ ารณางานค้น คว้าข้อ มู ล และ


6

งานขั้น ออกแบบวิ ท ยานิ พ นธ์ ข องนัก ศึ ก ษาผูท้ าํ วิท ยานิ พ นธ์ แ ต่ ล ะบุ ค คล ตลอดภาคการศึ ก ษาที่ มี การเรี ยนการสอนวิทยานิพนธ์ โดยที่ทางคณะกรรมการดําเนินงานวิทยานิพนธ์เป็ นผูจ้ ดั สรรให้ 1.5 “กรรมการที่ปรึ กษาพิเศษวิทยานิพนธ์” หมายถึง อาจารย์ หรื อ ผูท้ รงคุณวุฒิ ที่นกั ศึกษาและ ประธานที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์เห็นสมควรเชิญมาเป็ นอาจารย์ที่ปรึ กษาพิเศษร่ วมตรวจและพิจารณางาน วิทยานิ พนธ์ของนักศึกษาผูน้ ้ ัน ตามโอกาสและกําหนดการที่อาจารย์ที่ปรึ กษาเห็ นสมควร ทั้งนี้ การที่ นักศึกษาบุคคลใดจําเป็ นต้องมีอาจารย์ที่ปรึ กษาพิเศษหรื อไม่น้ นั ขึ้นอยูใ่ นดุลพินิจของประธานกรรมการ ที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์ 1.6 “คณะกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์” หมายถึง กลุ่มคณาจารย์ประกอบด้วย ประธานที่ ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์ในข้อ 1.4 และกรรมการที่ปรึ กษาพิเศษในข้อ 1.5 (ถ้ามี) และกรรมการ ที่ปรี กษา ท่านอื่นตามความเห็ นชอบของคณะกรรมการดําเนิ นงานวิทยานิ พนธ์ ทําหน้าที่ ร่วมกันในการตรวจ พิ จ ารณาและให้ ค าํ ปรึ ก ษางาน และตรวจประเมิ น วิ ท ยานิ พ นธ์ ข องนั ก ศึ ก ษาในที่ ป รึ ก ษา และให้ ข้อเสนอแนะตามขอบเขตที่คณะกรรมการดําเนินงานกําหนดขึ้น 2. คุณสมบัตขิ องผู้มีสิทธิ์ขออนุมัติทาํ วิทยานิพนธ์ 2.1 จะต้องเป็ นนักศึกษาภาคปกติที่กาํ ลังศึกษาในชั้นปี ที่ 4 ภาคการศึกษาที่ 2 หรื อมากกว่า เป็ น ผูท้ ี่มีเกรดเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ช้ นั ปี ที่ 1 จนถึงชั้นปี ที่ 4 ไม่ต่าํ กว่า 2.00 โดยที่วิชาเหล่านี้ เป็ นวิชาที่กาํ หนด ในหลักสูตรภูมิสถาปั ตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่ งแวดล้อม 2.2 ถ้านักศึกษาตามข้อ 2.1 เป็ นผูท้ ี่มีวิชาตกค้างในกลุ่มวิชาแกนและวิชาเอกที่ยงั ไม่ผา่ น จะต้อง ได้รับคําเห็นชอบเป็ นกรณี พิเศษจากคณะกรรมการดําเนินงานวิทยานิพนธ์ 2.3 นักศึกษาตามข้อ 2.2 เมื่อเรี ยนครบรายวิชาตามหลักสู ตรแล้ว แต่พบว่ามีเกรดเฉลี่ยตํ่ากว่า 2.00 แม้ว่าจะปฏิบตั ิวิชาวิทยานิ พนธ์แล้วก็ตาม จะต้องลงทะเบียนเรี ยนวิชาอื่นเพิ่มเพื่อยกระดับเกรด เฉลี่ย จนกว่าจะมีสภาพปกติ จึงจะสามารถสอบวิชาวิทยานิพนธ์ได้ 3. การขออนุมัติหัวข้ อและโครงร่ างวิทยานิพนธ์ 3.1 นักศึกษายื่นแบบเสนอวิทยานิ พนธ์ เสนอต่อเลขานุ การคณะกรรมการดําเนิ นงาน ภายใน วันที่ 31 เดือนพฤศจิกายน ภาคการศึกษาที่ 2 ปี การศึกษาที่ 4 3.2 นั ก ศึ ก ษาที่ ไ ด้รั บ อนุ ม ัติ หั ว ข้อ วิ ท ยานิ พ นธ์ แ ล้ว เลขานุ ก ารคณะกรรมการดําเนิ น งาน วิทยานิพนธ์จะพิจารณาจัดกลุ่มนักศึกษาโดยพิจารณาจากหัวข้อที่นกั ศึกษาเลือก


7

3.3 คณะกรรมการดํา เนิ น งานวิ ท ยานิ พ นธ์ ด ํา เนิ น การจัด กลุ่ ม คณะกรรมการที่ ป รึ ก ษา วิทยานิ พนธ์ โดยในแต่ละกลุ่มจะมีคณาจารย์จากหลากหลายสาขาวิชาร่ วมกัน เพื่อให้การตรวจงาน วิทยานิพนธ์มีประสิ ทธิภาพมากที่สุด การกําหนดว่าคณะกรรมการที่ปรึ กษากลุ่มใดจะตรวจวิทยานิ พนธ์ ของนักศึกษากลุ่มใด ให้ดูจากความเหมาะสมของหัวข้อวิทยานิ พนธ์และความชํานาญและความสนใจ ของคณาจารย์ 3.4 นัก ศึ ก ษาแต่ ล ะคนเลื อ กประธานกรรมการที่ ป รึ ก ษาวิ ท ยานิ พ นธ์จ ากคณะกรรมการที่ ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์ประจํากลุ่ม โดยอาจารย์ที่สามารถเป็ นประธานคณะกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์ สาขาภูมิสถาปั ตยกรรมได้จะต้องเป็ นอาจารย์ประจําหลักสูตรภูมิสถาปั ตยกรรมเท่านั้น 3.5 นักศึกษาเสนอโครงร่ างวิทยานิ พนธ์ต่อคณะกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์ เพื่อขออนุ มตั ิ โดยให้ดาํ เนินการให้แล้วเสร็ จก่อนวันลงทะเบียนเรี ยนล่วงหน้าภายในภาคเรี ยนที่ 2 ปี การศึกษาที่ 4 หรื อ ภาคเรี ยนปกติที่ 8 3.6 ในกรณี ที่ มี เหตุ จ ํา เป็ น ซึ่ งนั ก ศึ ก ษาไม่ ส ามารถเสนอโครงร่ า งวิ ท ยานิ พ นธ์ ไ ด้ก่ อ น การลงทะเบียนเรี ยนวิชาวิทยานิ พนธ์ ให้อยูใ่ นดุลพินิจของประธานกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์ ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบของคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบวางแผนสิ่ งแวดล้อม 3.7 เมื่ อ ได้รับ อนุ ม ัติ แ ล้ว จะต้องปฏิ บ ัติ งานวิท ยานิ พ นธ์ ให้ เสร็ จภายในเวลาที่ ก าํ หนดโดย คณะกรรมการดําเนินงาน 3.8 ถ้าหั วข้อและ/หรื อโครงร่ างวิท ยานิ พ นธ์ไม่ ผ่านการอนุ ม ัติ นัก ศึ ก ษาจะต้องเสนอใหม่ อีกครั้งหนึ่งภายใน 2 สัปดาห์ นับจากทราบผล 3.9 การเปลี่ ยนหัวข้อวิท ยานิ พ นธ์ใหม่ จะกระทําได้ก็ต่อเมื่ อ ได้ยื่น คําร้ องขอเปลี่ ยนหัวข้อ วิทยานิ พนธ์ พร้อมด้วยโครงร่ างวิทยานิ พนธ์ใหม่ ต่อประธานกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์ ประธาน หลักสู ตรภูมิสถาปัตยกรรม และได้รับความเห็นชอบแล้ว 3.10 ให้ประธานกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์แต่ละคน รับนักศึกษาเพื่อให้คาํ แนะนําปรึ กษา ได้ไม่เกิ นจํานวนนักศึ กษาของสาขาวิชาภูมิสถาปั ตยกรรม หารด้วย จํานวนอาจารย์ประจําหลักสู ตร ภูมิสถาปั ตยกรรม ซึ่งจํานวนผลลัพธ์เท่าไรแล้วอาจปรับเพิ่มหรื อลดได้อีกเป็ นจํานวนร้อยละ 40 โดยให้ ประธานหลักสู ตรภูมิสถาปัตยกรรมหรื อคณบดีเป็ นผูด้ าํ เนินการตรวจสอบ 4. หลักการปฏิบัตงิ านวิทยานิพนธ์ นักศึกษาจะต้ องปฏิบัติงานวิทยานิพนธ์ ตามกําหนดการของคณะ โดยมีข้นั ตอนดังต่ อไปนี้ 4.1 นักศึกษาชั้นปี ที่ 4 สาขาวิชาภูมิสถาปั ตยกรรม จะต้องจัดทําโครงร่ างวิทยานิ พนธ์ให้เสร็ จ สิ้ นก่อนการลงทะเบียนล่วงหน้าวิชาวิทยานิ พนธ์ในภาคเรี ยนที่ 2 เพื่อทําแบบร่ างรายงานวิทยานิ พนธ์ ต่อไป


8

4.2 นักศึกษาจะต้องทําแบบร่ างรายงานวิทยานิ พนธ์ให้ผ่านก่อน ไปพร้อมกับการทําแบบร่ าง การออกแบบโครงการ โดยจะต้องมาส่ งแบบร่ างในช่วงเวลาที่กาํ หนด โดยคณะกรรมการดําเนิ นงาน วิทยานิ พนธ์ จากนั้นประธานกรรมการปรึ กษาวิทยานิ พนธ์จะได้รายงานผลการทํางานต่อเลขานุ การ คณะกรรมการดําเนินงานฯ เพื่อขออนุมตั ิดาํ เนินงานในขั้นต่อไป 4.3 ระหว่ า งการจัด ทํา ร่ า งรายงานวิ ท ยานิ พ นธ์ และงานออกแบบโครงการขั้น แบบร่ า ง (โดยผ่านความเห็นชอบจากประธานกรรมการที่ปรึ กษา) นักศึกษาจะต้องนําเสนองานตามลําดับขั้นตอน ตั้ง แต่ ข้ ัน ตอนการเก็ บ ข้อ มู ล ขั้น ต้น การวิ เคราะห์ ข ้อ มู ล การสั ง เคราะห์ ข ้อ มู ล แนวความคิ ด ใน การออกแบบและขั้น การพัฒ นางานออกแบบ ต่ อ คณะกรรมการที่ ป รึ ก ษา เพื่ อ รั บ ฟั ง ข้อ ชี้ แนะ เมื่อคณะกรรมการเห็นว่าผลงานมีคุณภาพเหมาะสม มีการแก้ไขในเรื่ องรายละเอียดเล็กน้อย นักศึกษา จะต้องเข้าสอบวิทยานิพนธ์ในเวลาที่กาํ หนด 4.4 นักศึ กษาที่ ไม่ ผ่านเกณฑ์ในขั้น ตอนการพัฒ นาแบบร่ าง จะต้องมาเสนอผลงานอี ก ครั้ ง จนกว่าจะผ่าน จึงจะสามารถขอสอบวิทยานิพนธ์ได้ในเทอมถัดไป 4.5 นักศึกษาที่สอบวิทยานิ พนธ์ไม่ผ่านมีสิทธิ์ ยื่นคําร้องขอสอบได้อีกครั้งหนึ่ ง ภายในเวลา ไม่ต่าํ กว่า 30 วัน เพื่อให้เวลาไปปรับปรุ งรายงานและงานออกแบบโครงการวิทยานิพนธ์ 4.6 นักศึกษาที่สอบผ่านจะต้องแก้ไขรายงานวิทยานิ พนธ์ให้เรี ยบร้อยสมบูรณ์ ตามคําแนะนํา ของคณะกรรมการประเมินผลวิทยานิ พนธ์ และตามหลักเกณฑ์ที่กาํ หนดไว้ แล้วเสนอรายงาน ทั้งสิ้ น 2 ชุ ด พร้ อ มเอกสารดิ จิ ต อลไฟล์ใ นรู ป แบบ CD 1 ชุ ด ให้ ค ณะ ภายใน 3 สั ป ดาห์ นั บ จากวัน สอบ วิทยานิ พ นธ์ นอกจากนี้ ยังต้องอัป โหลดไฟล์ภ าพและเอกสารดิ จิตอลไฟล์ดังกล่าว เข้าสู่ ฐานข้อมู ล วิทยานิพนธ์ ที่เว็บไซท์วิทยานิพนธ์ของคณะให้เรี ยบร้อย 5. การให้ คะแนนและการประเมินผลวิทยานิพนธ์ รายละเอียดของการให้คะแนนวิทยานิ พนธ์ซ่ ึงมีคะแนนเต็มทั้งสิ้ น 100 คะแนน ตามแบบฟอร์ ม ของคณะ (ดู ภ าคผนวก จ) หลังจากการสอบเสร็ จสิ้ น แล้วคณะกรรมการประเมิ น ผลวิทยานิ พ นธ์จะ ประชุมกันเพื่อประมวลและสรุ ปผลการให้คะแนน จากนั้นประธานกรรมการที่ปรึ กษาจะเสนอผลการ ประเมินให้แก่เลขานุการดําเนินงานต่อไป 6. การกําหนดมาตรฐานการประเมินผลงานวิทยานิพนธ์ 6.1 นักศึกษาจะต้องดําเนิ นการวิทยานิ พนธ์ให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นตํ่า โดยมีคะแนนเฉลี่ย ไม่ต่าํ กว่า (C) 2.00


9

6.2 ถ้าคะแนนเฉลี่ยของวิทยานิ พนธ์ต่าํ กว่า 2.00 ถือว่าไม่ผา่ นเกณฑ์มาตรฐานขั้นตํ่า นักศึกษา จะได้รับสัญลักษณ์เกรด OP (On Progression) ต้องดําเนิ นการรักษาสภาพการศึกษา และจะต้องเสนอ ผลงานวิทยานิพนธ์ที่ได้รับการปรับปรุ งอีกครั้งในเทอมต่อไป 6.3 นักศึกษาที่ได้รับสัญลักษณ์ OP และนําเสนอผลงานวิทยานิ พนธ์เดิมอีกครั้งในเทอมต่อไป จะถูกหักคะแนน 1 ขั้นเกรด แต่ถา้ นักศึกษาผูน้ ้ นั เสนอโครงการใหม่ให้ได้รับคะแนนตามคุณภาพของ งานที่นาํ เสนอ 6.4 นักศึกษาที่ ผ่านการนําเสนองานขั้นการพัฒนางานออกแบบแล้ว (Design Development) แต่ไม่สามารถทํางานให้เสร็ จทันกําหนดสอบให้ได้รับสัญลักษณ์ OP เช่นเดียวกัน และอยูใ่ นความดูแล ของประธานที่ปรึ กษา โดยให้สอบแก้สญ ั ลักษณ์ OP ในเทอมต่อไป 7. การสอบวิทยานิพนธ์ ครั้งที่ 2 7.1 นักศึกษาที่ได้รับสัญลักษณ์ OP ในการทําวิทยานิ พนธ์ครั้งแรก มีสิทธิ์ ทํางานวิทยานิ พนธ์ ใหม่ตามระเบียบของมหาวิทยาลัย 7.2 นักศึกษาจะเสนอโครงการเดิมหรื อเปลี่ยนเป็ นโครงการใหม่ก็ได้ โดยปฏิบตั ิตามขั้นตอน ที่คณะกรรมการดําเนินงานกําหนดขึ้นในแต่ละภาคการศึกษา


10

2 รายละเอียดขั้นตอนการนําเสนองานวิทยานิพนธ์ 2 1. ส่ งหัวข้ อวิทยานิพนธ์ (Thesis Topic) ใช้โ ครงสร้ า งหั ว ข้อ แบบฟอร์ ม ขอเสนอหั ว ข้อ วิ ท ยานิ พ นธ์ สาขาวิ ช าภู มิ ส ถาปั ต ยกรรม (ดูภาคผนวก ข) นักศึกษาสามารถ Download แบบฟอร์ ม ได้ที่เว็บไซท์ฐานข้อมูลวิทยานิ พนธ์ของคณะ (http://www.faed.mju.ac.th/download/get_file.asp?ref=506 หรื อ http://sdrv.ms/17LLjHh ) 2. การนําเสนอข้ อมูลโครงการขั้น Site introduction and Analysis นําเสนอข้อมู ลโครงการขั้น Site Introduction and Analysis ต่ อคณะกรรมการประจํากลุ่ ม ใช้เวลาคนละ 20 นาที ส่ งงานรู ปแบบ Powerpoint เป็ นอิเลคทรอนิคไฟล์ ดังนี้ 2.1 SITE INTRODUCTION 1) ประวัติและความเป็ นมาของโครงการ 2) วัตถุประสงค์ของโครงการ 3) ข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่โครงการ - ที่ต้ งั โครงการ อาณาเขต และสภาพแวดล้อมโดยรอบ - การเข้าถึงพื้นที่โครงการ (แสดงการเข้าถึงจากแผนที่โดยแสดงสถานที่ ที่อา้ งอิงได้ เช่น ถนนสายหลัก สถานีขนส่ ง สถานีรถไฟ ตลาด ชุมชน ท่ารถ ท่าเรื อ ฯลฯ) - การเชื่อมโยงของพื้นที่โครงการกับพื้นที่สาํ คัญอื่น ๆ - สภาพทัว่ ไปของพื้นที่โครงการ

ปรับปรุ งจาก อุบลรัตน์ เอี่ยมโสภานนท์. 2548. “รายละเอียดการนําเสนองานวิทยานิพนธ์”. เชียงใหม่: ภาควิชาภูมิ ทัศน์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้. (เอกสารประกอบการสอน).

2


11

SITE ANALYSIS 1) ข้อมูลทางธรรมชาติ (Natural Factors) - ลัก ษณะภู มิ ป ระเทศ ความลาดชัน และรู ป ทรงที่ ดิ น (แสดงให้ เข้าใจง่ าย บางโครงการอาจแสดงครอบคลุมพื้นที่ขา้ งเคียงด้วย หากมี ผลกระทบต่อ การออกแบบ ควรวิเคราะห์ในรู ปแบบของแผนผัง และถ้าพื้นที่โครงการมี ความลาดชันมากหรื อมีความซับซ้อนก็ควรแสดงภาพตัดด้วย) - ลักษณะของแหล่งนํ้า พื้นที่รับนํ้า การระบายนํ้า (สําคัญมาก บางโครงการ ต้องแสดงถึงแหล่งนํ้าภายนอกพื้นที่ ดว้ ยถ้าสําคัญ เช่ น แหล่งนํ้าใกล้เคียง ร่ องนํ้าใหญ่จากเขา แม่น้ าํ ลําคลอง หนอง บึง ทะเลสาบ ทะเล เป็ นต้น) - ลัก ษณะทางธรณี วิ ท ยา โครงสร้ า งดิ น (อ้า งอิ ง ชุ ด ดิ น การตรวจสอบ ภาคสนามสรุ ปออกมาให้เข้าใจง่าย เป็ นภาพและกราฟิ กประกอบ ) - ลัก ษณะทางพื ช พรรณ (แสดงสภาพเดิ ม รวมถึ งพื้ น ที่ ข า้ งเคี ย ง พรรณไม้ สําคัญของพื้นที่และท้องถิ่น รวมถึงภาพพืชพรรณ ตําแหน่ง บริ เวณ รายชื่อ ต้นไม้ (ทั้งชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์) ตามสมควรในแต่ละโครงการ - ลัก ษณะของสั ต ว์ป่ า สิ่ ง มี ชี วิ ต ระบบนิ เวศวิ ท ยา (ที่ สํ าคัญ และมี ผ ลต่ อ การพัฒนาโครงการ) - ลักษณะภูมิอากาศ ครอบคลุมเรื่ องฤดูกาล แสงแดด ลม อุณหภูมิ ความชื้ น ฯลฯ ควรใช้ข ้อ มู ล ปั จ จุ บ ัน ในรอบ 5-10 ปี เป็ นอย่ า งน้ อ ย (แสดงเป็ น กราฟแผนภูมิ และสรุ ปข้อมูล) 2) ข้อมูลทางวัฒนธรรม และสิ่ งที่มนุษย์สร้าง (Cultural & Man made Factors) - การใช้ประโยชน์ที่ดินเดิ ม ทั้งภายในและภายนอก (แสดงให้รับรู ้ ให้ได้ว่า เดิ มบริ เวณไหนเป็ นอย่างไร รวมถึงบริ เวณโดยรอบด้วย ในบางโครงการ อาจต้องอ้างถึ งมาตรฐานผังเมื องรวมประกอบ ว่ามี ความสอดคล้องหรื อ ขัดแย้งกันอย่างไร) - ระบบสัญ จร (แตกต่ างกัน ตามแต่ ละโครงการ บางโครงการแสดงระบบ สัญ จรเดิ มภายในพื้ น ที่ และการเชื่ อมโยงออกสู่ ภายนอก รวมถึ งสถานที่ สําคัญ บางโครงการแสดงเพี ยงการเชื่ อมโยงกับพื้น ที่ ภายนอก เนื่ องจาก สภาพเดิมภายในไม่มี พยายามแสดงเป็ นกราฟิ กและให้เห็นลําดับของระบบ


12

-

-

-

เช่ น ถนนหลัก รอง รวมทั้ง ทางบก ทางนํ้า รวมถึ ง การแสดงภาพถ่ า ย ประกอบ หรื อรู ปตัดประกอบ ) อาคารสิ่ งปลูกสร้างเดิม (วิเคราะห์สภาพอาคารเดิมแบบคร่ าวๆ เพื่อประเมิน คุณค่าอาคาร และศักยภาพในการพัฒนาต่อไปในอนาคต ควรมีแผนผังและ ภาพถ่ายประกอบ ถ้ามี ความซับซ้อนและสําคัญ อาจต้องมี ตารางประเมิ น ศักยภาพของการพัฒนาอาคาร) กิจกรรมเดิมในพื้นที่ กรณี โครงการมีการใช้สอยเดิม ระบบสาธารณู ป โภคและสาธารณู ป การ (สาธารณู ป โภค คื อ บริ ก าร สาธารณะที่ตอ้ งมีใช้ภายในโครงการ เช่ น ประปา ไฟฟ้ า โทรศัพท์ ระบบ ขนส่ ง (วิ่ ง ผ่ า น) สาธารณู ป การ คื อ บริ ก ารสาธารณะที่ ท างโครงการ ต้องเดินทางไปใช้ (แตกต่างไปในแต่ละโครงการ) ยกตัวอย่างเช่น โรงเรี ยน โรงพยาบาล ศาสนสถาน หน่ ว ยงานราชการ ตลาด ท่ ารถ ท่ าเรื อ สถานี รถไฟ โรงพัก ไปรษณี ย ์ ธนาคาร เป็ นต้น พยายามแสดงเป็ นกราฟฟิ ก บางโครงการอาจต้องเชื่อมโยงจากภายนอก แสดงเฉพาะในส่ วนที่เกี่ยวข้อง กับโครงการ ควรกําหนดเป็ นรัศมี ระยะห่ างจากโครงการเป็ นระยะต่างๆ เช่ น 1-5 กิ โ ลเมตร 5-10, 10-20, 20-30 หรื อ 30-60 กิ โ ลเมตร และอาจ กําหนดตามระยะเวลาการเดินทางร่ วมด้วยก็ได้ เช่น ในระยะเวลาเดินทาง ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล 5-10 นาที 10-15, 15-20, 30-45 หรื อประมาณ 60 นาที เป็ นต้น ) ข้อมูลชุมชน ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ประกอบด้วย * ข้อมูลประวัติศาสตร์ที่สาํ คัญ (ถ้ามี) * ข้อมูลประชากร ชุมชนในพื้นที่ (มีผลต่อการออกแบบอย่างไร) * ข้อ มู ล ด้า นเศรษฐกิ จ สั ง คม วัฒ นธรรมในพื้ น ที่ (แสดงเฉพาะ เนื้อหาหลักๆ ไม่ตอ้ งลงรายละเอียดลึก)

3) ข้อมูลด้านสุ นทรี ยภาพ (Aesthetic Factors) - ทัศนียภาพและมุมมอง - มลภาวะด้านต่าง ๆ - จินตภาพ (บางโครงการอาจมี เช่น โครงการออกแบบภูมิทศั น์เมือง )


13

4) ข้อมูลผูใ้ ช้โครงการ (User Factors) - ศึกษาถึงกลุ่มผูใ้ ช้สอย ว่ามีอยูเ่ ดิมหรื อต้องคาดการณ์ในอนาคต - ลักษณะผูใ้ ช้สอย พฤติกรรม และกิ จกรรมที่เกิ ดขึ้น (Users and Activities) การวิเคราะห์ รูปแบบการบริ ห ารโครงการและองค์กร แสดงเป็ นแผนภูมิ บริ ห ารหน่ วยงานภายใน อ้างอิ งจากโครงการที่ อยู่ใกล้เคียง เพื่อเป็ นที่ มา ของโปรแกรมการพัฒนา การวิเคราะห์และคาดการประเภทผูใ้ ช้โครงการ จํานวน รวมถึงกิจกรรม อาจอ้างอิงจากโครงการประเภทเดียวกันอื่นๆ ว่ามี กลุ่ ม ไหนบ้าง พฤติ ก รรมเป็ นอย่า งไร ปริ ม าณมากน้ อ ยเท่ าไร ชื่ น ชอบ กิ จ กรรมแบบใด มี ผ ลต่ อ การออกแบบอย่างไร หรื อ ศึ ก ษาโดยการสร้ าง แบบสอบถาม นอกจากนี้ยงั สามารถศึกษาจากสถิติการท่องเที่ยวของจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง 5) ข้อมูลเฉพาะด้านของแต่ละโครงการ - ข้อมูลกฎหมายที่มีผลต่อการออกแบบ - ข้อมูลนโยบายสําคัญของรัฐ (ถ้ามี แสดงเป็ นกราฟิ ก) - ลักษณะเฉพาะของโครงการ (ตามคําสําคัญต่างๆ ที่ได้กาํ หนดไว้) 

ส่ งร่ างโครงร่ างวิทยานิพนธ์ (เล่มหน้าปกสี เหลือง) เนื้อหาดูคู่มือโครงร่ างวิทยานิพนธ์

3. ส่ งโครงร่ างวิทยานิพนธ์ 3.1 ใช้โครงสร้างหัวข้อตามแบบฟอร์มการพิมพ์โครงร่ างวิทยานิพนธ์ (ดูภาคผนวก ค ) 3.2 นัก ศึ ก ษาสามารถ Download แบบฟอร์ ม ดังกล่ าว ได้ที่ เว็บ ไซท์วิ ท ยานิ พ นธ์ข องคณะ (http://sdrv.ms/11wIlwQ) 4. การนําเสนอข้ อมูลโครงการขั้น Site Analysis & Synthesis, Programming นํ า เสนอข้อ มู ล โครงการขั้น Site Analysis & Synthesis, Programming และข้อ มู ล แก้ไ ข เพิ่มเติมที่ได้รับการแนะนําต่อประธานที่ปรึ กษาวิทยนานิ พนธ์ ใช้เวลาคนละ 20 นาที ส่ งงานรู ปแบบ Plate โดยมีเนื้อหาดังนี้ 4.1 เนื้ อหาตามการนําเสนองานครั้งที่ 3 โดยทําการปรับปรุ งจากที่ได้รับคําแนะนํา และนํางาน จัดลงบนกระดาษขนาด A 0


14

4.2 เนื้อหาเพิ่มเติมประกอบด้วย 1) SITE SYNTHESIS - Site Characteristics And Development Potentials (การประมวลคุณลักษณะ ของพื้ น ที่ แ ละแสดงศัก ยภาพในการพัฒ นา ที่ อ าจเป็ นไปได้ต ามตามวัต ถุ ป ระสงค์ด้านต่ างๆ ของ โครงการ ที่ สามารถแสดงบทบาทหน้าที่ ขนาดพื้นที่ ที่ตอ้ งการ และลักษณะการให้บริ การ ตลอดจน เอกลักษณ์โดยรวมว่าเป็ น อย่างไร และการสรุ ปความต้องการพื้นที่ใช้สอย และกิจกรรมอย่างกว้างๆ 2) PROGRAMMING - Program Developments and Requirements (กําหนดโปรแกรมการพัฒ นา ประโยชน์ใช้สอย พื้นที่ และข้อพิจารณาในการออกแบบด้านต่างๆ เป็ นรายการหน่วยพื้นที่ของกิจกรรม หลัก รอง ย่อย ในแต่ละโปรแกรม แบบคํานวณนับ สรุ ปเนื้อที่เป็ นร้อยละ 4.3 SPECIAL DATA เนื้ อหาในหมวดนี้ มีมาก ให้คดั เลือกเฉพาะที่สาํ คัญและสามารถแสดงเป็ นภาพกราฟิ กได้ จัด ลง Plate ที่ จ ะนํ า เสนอ ส่ ว นข้อ มู ล ที่ สํ า คัญ รองลงมาให้ จ ัด พิ ม พ์ ใ ส่ ก ระดาษ A4 ถ่ า ยสํ า เนาแจก คณะกรรมการที่ปรึ กษา 1) ข้อมูลทางเทคนิคที่มีผลต่อการออกแบบ (โครงการที่มีรูปแบบเฉพาะ) 2) ข้อมูลกรณี ศึกษาที่สาํ คัญ (นําเสนอแบบสรุ ป เฉพาะที่จะนํามาใช้) 3) ข้อมูลการออกแบบเฉพาะด้าน (เช่น การออกแบบสนามแข่งรถ การออกแบบพื้นที่ เลี้ยงสัตว์ การออกแบบในนํ้า การออกแบบรี สอร์ ทในรู ปแบบต่างๆ ที่ แตกต่างกัน ในด้านการจัดการ และกลุ่ มเป้ าหมาย เช่ น ธรรมชาติ บ าํ บัด สมุ น ไพร โยคะ สปาแบบต่ างๆ มี ผลทําให้ ก ารออกแบบ แตกต่างกันอย่างไร) 4) การศึ ก ษาความเป็ นไปได้โ ครงการ (ในด้านเศรษฐศาสตร์ การตลาด การเงิ น การบริ หารและการจัดการ และด้านเทคนิค ให้สรุ ปโดยย่อๆ เท่านั้น) 4.4 MAIN CONCEPT แนวความคิ ด หลัก คื อ แนวความคิ ด ที่ ผ่านการคิ ด กลัน่ กรองเฉพาะ สําหรั บโครงการออกแบบนั้น ๆ เพื่อใช้เป็ นแนวทางในการออกแบบพื้นที่ โครงการ สามารถอ้างอิ ง แนวคิ ด ทฤษฎี ก ารออกแบบใดๆ นํา มาประยุ ก ต์ใ ช้ใ ห้ เหมาะสมกับ โครงการ หรื อ ประมวลจาก การสั ง เคราะห์ พ้ื น ที่ โ ครงการและความต้อ งการของเจ้า ของโครงการ หรื อ ของผู ้ใ ช้ พ้ื น ที่ ก็ ไ ด้ แนวความคิดหลักจะอธิ บายให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของโครงการที่จะเกิดขึ้น ทั้งในด้านวัตถุประสงค์ ภาพลักษณ์ กลุ่มเป้ าหมาย และแนวทางในการออกแบบ (แสดงเป็ นกราฟิ กได้จะดีมาก)


15

5. การนําเสนอข้ อมูลโครงการขั้น Conceptual & Preliminary Design นํ า เสนอแนวคิ ด เบื้ อ งต้ น โครงการ (Preview) พร้ อ มร่ างรู ป เล่ ม วิ ท ยานิ พ นธ์ ถึ ง บทที่ 5 ต่อคณะกรรมการประจํากลุ่ม ใช้เวลาคนละ 30 นาที นําเสนอในรู ปแบบ Plate มีเนื้อหาดังนี้ 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5

SITE INTRODUCTION SITE ANALYSIS SYNTHESIS AND PROGRAMMING SPECIAL DATA CONCEPTUAL DESIGN 1) Main Concept 2) Zoning Concept 3) แผนผังแสดงแนวความคิ ดอื่ น ๆ แสดงเฉพาะที่ เห็ น ว่าสําคัญ ต่อแต่ละโครงการ (แตกต่ า งกั น ในแต่ ล ะโครงการ) เช่ น Circulation Concept, Openspace Concept, Planting Concept เป็ นต้น 4) Functional Diagram ได้แก่ แผนผังแสดงความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ภายในโครงการ ให้แสดงเฉพาะเท่าที่นกั ศึกษาเห็นว่าสําคัญต่อการนําเสนอแนวความคิด มีหลายเทคนิค ในการนําเสนอ เช่น 4.1) Bubble Diagram 4.2) Site Related Functional Diagram 5) Conceptual Plan แสดงแนวความคิ ด ในการออกแบบทั้ง หมดในภาพรวม เป็ น ภาพกราฟิ กในลักษณะของแผนผังโครงการ 5.6 PRELIMINARY DESIGN การพัฒนาแผนผังให้เห็นเค้าโครงรู ปทรง (Form Composition Study and Design) ภาพรวมของพื้นที่ใช้สอย และการจัดวางกิจกรรมต่างๆ ที่สมั พันธ์ต่อกัน ระหว่าง ระบบการสัญจร การแบ่งเขตพื้นที่ใช้สอย (Zoning) ส่ วนพื้นที่ใช้สอยภายในแต่ละบริ เวณ และกิจกรรม ต่างๆ ตลอดจนการออกแบบบรรยากาศ และสภาพแวดล้อม


16

6. การนําเสนอข้ อมูลโครงการขั้น Design Development พัฒนาแนวความคิดในการออกแบบโครงการ และปรับปรุ งพัฒนางานออกแบบผังแม่บท ผัง พืชพรรณและงานออกแบบในรายละเอียด นําเสนอในรู ปแบบ Plate ต่อประธานที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์ ใช้เวลาคนละ 20 นาที 6.1 CONCEPTUAL DESIGN (ปรับปรุ ง) 6.2 DESIGN DEVELOPMENT ทําการพัฒ นาปรั บปรุ งงานออกแบบตามที่ ได้รับคําแนะนํา จากคณะกรรมการ ที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์จากครั้งที่ผ่านมา แสดงผังแม่บท ผังพืชพรรณ การออกแบบ ในรายละเอียด ในลักษณะของแบบร่ าง 7. ส่ งร่ างรายงานฉบับสมบูรณ์ ( Draft Final Thesis Report) นักศึกษาจะต้องส่ งร่ างรายงานฉบับสมบูรณ์ให้ประธานที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์พิจารณา ก่อนขึ้น สอบวิทยานิ พนธ์ข้ นั สุ ดท้าย (Final Jury)ใช้โครงสร้างตามเอกสาร “คู่มือการดําเนิ นงานวิทยานิ พนธ์ พ.ศ. 2556” และ นักศึกษาสามารถ Download เอกสาร ได้ที่เว็บไซท์ฐานข้อมูลวิทยานิ พนธ์ของคณะ (http://www.faed.mju.ac.th/download/get_file.asp?ref=206 หรื อhttps://docs.google.com/file/d/ 0 Bxr1 UD-WZ2 0 tZWYxNmZkMzQtNTBhNi0 0 OTIzLTk4 NjUtYmFkNGM1 Njc4 MjVl/edit?usp= sharing) 8. การนําเสนอข้ อมูลโครงการขั้น Final Design สอบวิทยานิพนธ์ (Jury) ต่อคณะกรรมการที่ปรึ กษาประจํากลุ่ม ในรู ปแบบ Plate ใช้เวลาคนละ 25 นาที 8.1 ในช่วงแรกให้กล่าวโดยสรุ ปย่อ (เนื่องจากผ่านการนําเสนอมาหลายครั้งแล้ว) ถึงข้อมูล ทัว่ ไปของพื้นที่โครงการ การวิเคราะห์ขอ้ มูล การสังเคราะห์ขอ้ มูลและโปรแกรมการออกแบบ 8.2 นําเสนอแนวความคิดในการออกแบบทั้งหมด 8.3 นําเสนอผลงานการออกแบบ แบบสมบูรณ์ (Final Design) 1) MASTER PLAN (ใส่ รายละเอียดต่างๆให้ดูรู้เรื่ อง) 2) SITE SECTION (ควรแสดงความชัน การออกแบบโครงสร้างต่างๆ และพืชพรรณ ในรู ปตัดด้วย) 3) DETAIL PLAN (แสดงรายละเอียดการออกแบบโครงการในส่ วนสําคัญ)


17

4) TYPICAL DETAILS AND MATERIALS (แสดงแบบแปลน ระยะ วัสดุให้ชดั เจน) สําหรับวัสดุควรแสดงให้เห็นการเลือกใช้วสั ดุ อาจจะหารู ปมาแสดง เขียนอธิบาย หรื อแสดงให้เข้าใจได้ ในแบบ และต้องมีทศั นียภาพประกอบการออกแบบ 5) PERSPECTIVE (แสดงส่ วนสําคัญ ในงานที่ คิ ด ว่าเป็ นจุ ด เด่ น ของโครงการ ให้ แสดงสไตล์, รู ปแบบเฉพาะตัว, บรรยากาศ การใช้พืชพรรณ แสดงมุมมองในแผนผัง ด้วย) 6) PLANTING จัดทําผังพืชพรรณหนึ่ งบริ เวณ (Planting Plan) พร้อมรายการต้นไม้ (Plant Lists) นําเสนอให้เหมือนพืชพรรณที่เลือกใช้ รวมทั้งระบุชื่อไทย ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ 7) MODEL (พยายามทําให้ถูกสัดส่ วนของความเป็ นจริ ง) 8) หัวข้ออื่นๆ ตามสมควรแตกต่างกันในแต่ละโครงการ 9) ส่ งร่ างรายงานวิทยานิ พนธ์ที่เกือบสมบูรณ์ ให้คณะกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์ ประจํากลุ่มพิจารณาในระหว่างการขึ้นสอบวิทยานิพนธ์ดว้ ย 9. การส่ งผลงานออกแบบทีผ่ ่ านการแก้ไขแล้วและรายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Design Editing and Thesis Report) หลังจากผ่านการสอบวิทยานิ พนธ์ข้ นั สุ ดท้าย นักศึกษาจะต้องแก้ไขงานออกแบบและรายงาน วิทยานิพนธ์ตามที่ได้รับคําแนะนําจากคณะกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์ และส่ งผลงานดังกล่าวดังนี้ 9.1 ส่ งรายงานฉบับสมบูรณ์ที่ได้รับการตรวจทานแก้ไขและเข้าเล่มเรี ยบร้อย ภายใน 2 อาทิตย์ หลังจากวันสอบวิทยานิพนธ์ข้นั สุ ดท้าย 9.2 รู ปเล่มสมบูรณ์ เข้าเล่มแล้ว 2 เล่ม เซ็นชื่ ออนุ มตั ิโดยคณะกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิ พนธ์ เรี ยบร้อย (สถานที่เข้าเล่มขอที่งานธุรการ จะได้มีรูปแบบเหมือนกัน) 9.3 ซี ดี ไฟล์ PDF จํานวน 1 ชุ ด (มีขอ้ มูลรู ปเล่มทั้งหมด แยกตามบท ใส่ กล่องยาว ปกสี เขียว รู ปแบบปกสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์คณะ) ส่ งงานพร้อมรายงานฉบับสมบูรณ์ 9.4 ไฟล์ภาพ JPEG (ความละเอียดประมาณ 600 DPI) จัดรู ปแบบสําหรับแสดงงาน ขนาด A0 จํานวน 2 Plate อย่างละ 1 ชุ ด รายละเอี ย ดต่ างๆ พอสมควรเน้น ที่ แ นวความคิ ด และงานออกแบบ รู ปแบบควรจะไปในแนวทางเดียวกันทั้งชั้นปี (สําหรับแสดงงานและจัดทําหนังสื อ) 9.5 ให้อพั โหลด (upload) งานทั้งหมดเก็บไว้บนเว็บไซท์วิทยานิพนธ์ของคณะ ตามที่อยู่ URL: http://www.faed.mju.ac.th/ thesis/index.php/en/


18

3 หลักการพิมพ์ รายงานวิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต 1. ส่ วนประกอบของรายงานวิทยานิพนธ์ ประกอบด้วยส่ วนต่างๆดังต่อไปนี้ 1.1 หน้าปกนอก -กระดาษเปล่า (รองปก) 1.2 หน้าปกด้านใน 1.3 หน้าใบรับรองวิทยานิพนธ์ 1.4 บทคัดย่อภาษาไทย 1.5 บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ส่ วนนําเรื่ อง 1.6 กิตติกรรมประกาศ 1.7 สารบัญ ประกอบด้วย - สารบัญเรื่ อง - สารบันตาราง - สารบัญภาพ - สารบัญแผนที่ - สารบัญกราฟและแผนภูมิ 1.8 บทที่ 1 บทนํา บทนํา 1.9 บทที่ 2 ที่ต้ งั และความสําคัญของโครงการ 1.10 บทที่ 3 การศึกษาความเป็ นไปได้ของโครงการ 1.11 บทที่ 4 กรณี ศึกษา 1.12 บทที่ 5 ข้อมูลและการวิเคราะห์ขอ้ มูลของโครงการ ตัวเรื่ อง ส่ วนเนื้อความ 1.13 บทที่ 6 แนวความคิดในการออกแบบ 1.14 บทที่ 7 รายละเอียดโครงการออกแบบ 1.15 บทที่ 8 ผลงานการออกแบบ 1.16 บทที่ 9 บทสรุ ปและข้อเสนอแนะ บทสรุ ป


19

1.17 บรรณานุกรม 1.18 ภาคผนวก 1.19 ประวัตินกั ศึกษา หมายเหตุ ดูรายละเอียดในภาคผนวก ง

ส่ วนท้ายเรื่ อง

2. วัสดุทใี่ ช้ 2.1 กระดาษที่ใช้ตอ้ งเป็ นกระดาษสี ขาวขนาดกว้าง 8 1/2 นิ้ว ยาว 11 นิ้ว (ขนาด A4) เป็ นชนิ ด ไม่ต่าํ กว่า 80 แกรม ให้พิมพ์เพียงหน้าเดียว 2.2 ปกนอกใช้ปกแข็ง วิทยานิ พนธ์ระดับปริ ญญาตรี ใช้สีเขียว วิทยานิ พนธ์ระดับปริ ญญาโท ใช้สีแดงเลือดหมู ดุษฎีนิพนธ์ใช้สีดาํ และปัญหาพิเศษใช้สีกรมท่า 2.3 ใช้วสั ดุที่มีคุณภาพ มีความประณี ต สะอาด ชัดเจน 3. ตัวอักษร 3.1 การพิมพ์และการทําสําเนาให้ใช้สีดาํ โดยมีตวั อักษรแบบเดียวกันทั้งเล่ม ขนาดและลักษณะ ของตัวพิมพ์ให้อยูใ่ นเกณฑ์มาตรฐานโดยทัว่ ๆ ไป คือ มีความสู งของตัวอักษรประมาณ 2 มม. ขนาด 16 พอยท์ ตัวอักษรชนิด Angsana UPC 3.2 ปกและสันปกพิมพ์ดว้ ยตัวอักษรสี ทอง แบบ Angsana UPC ขนาดไม่ต่าํ กว่า 18 พอยท์ 3.3 หน้าปกในและใบรับรองวิทยานิ พนธ์ ให้พิมพ์ตามที่กาํ หนดไว้ในการพิมพ์หน้าปกในและ ใบรับรองวิทยานิพนธ์ 3.3 หัวข้อสําคัญ ให้พิมพ์ดว้ ยตัวอักษรชนิ ดตัวหนา (Bold) ได้ตามความเหมาะสมและความ จําเป็ น 3.4 หัวข้อบท ให้พิมพ์ดว้ ยตัวอักษรสี ดาํ แบบ Angsana UPC ขนาด 18 พอยท์ 3.5 คําศัพท์ภาษาอังกฤษ 1) คําศัพท์ในเนื้อหาใช้ตวั พิมพ์เล็ก ให้พิมพ์อกั ษรตัวแรกของคําด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ 2) คําศัพท์ในหน้าปกนอกและหน้าปกใน ให้ใช้ตวั พิมพ์ใหญ่ 4. การเรียงลําดับ 4.1 ให้พิมพ์เรี ยงลําดับตามส่ วนประกอบของโครงร่ างวิทยานิพนธ์ (ในข้อ ก.) 4.2 การพิมพ์สารบัญแบ่งออกเป็ น 5 ส่ วน ถ้าในส่ วนใดมีเกินกว่า 1 หน้าขึ้นไป ในหน้าที่ 2 เป็ น ต้นไป ให้พิมพ์คาํ ว่า (ต่อ) ต่อท้ายหัวข้อของสารบัญนั้นๆ ด้วย


20

5. การเว้ นขอบกระดาษและการเว้ นระยะพิมพ์ 5.1 ข้อความพิ มพ์ ต้องห่ างจากขอบกระดาษบน 1 1/2 นิ้ ว ขอบด้านข้างทางซ้าย 1 1/2 นิ้ ว ขอบด้านขวา 1 นิ้ว และขอบกระดาษล่าง 1 นิ้ว ตารางและภาพต่างๆ ต้องอยูใ่ นลักษณะดังกล่าวเช่นกัน 5.2 การพิมพ์ปรกติ ให้พิมพ์โดยไม่ตอ้ งเว้นระยะห่ างระหว่างบรรทัด (ยกเว้นหน้าปกและหน้า อนุมตั ิที่ให้เว้นระยะห่างระหว่างบรรทัดตามแบบฟอร์ม) 5.3 การเว้นวรรคตอนให้เว้น 1 ตัวอักษร เครื่ องหมายมหัพภาค (.) ที่ ใช้กบั คําย่อไม่ตอ้ งเว้น ระยะ 5.4 การย่อหน้า ให้ดูจากระยะเว้นจากขอบกระดาษของหัวข้อตัวเลขด้านบนของย่อหน้านั้นๆ แล้วให้เว้นเข้ามาจากระยะดังกล่าวอีก ½ นิ้ ว ควรเว้นระยะระหว่างบรรทัดเพิ่มขึ้นอีก 1 บรรทัดพิมพ์ ทุกครั้งที่ข้ ึนหัวข้อใหญ่ 5.5 การพิมพ์หัวข้อสารบัญต่างๆ ชื่ อโครงการ และเอกสารอ้างอิง ให้พิมพ์ไว้กลางกระดาษ หัวข้ออื่นๆ ให้พิมพ์ชิดขอบด้านซ้าย ส่ วนหัวข้อย่อยให้ยอ่ หน้าจากขอบกระดาษด้านซ้ายมา 1 Tab (1/2 นิ้ ว) แล้วจึงเริ่ มพิมพ์ ทุกครั้งที่พิมพ์หัวข้อใหญ่ ต้องเว้นบรรทัดไว้อย่างน้อย 1 บรรทัดทั้งก่อนและหลัง การพิมพ์ เพื่อให้เห็นหัวข้อได้ชดั เจน 6. การลําดับหน้ า 6.1 ส่ วนนําเรื่ องทั้งหมดให้เรี ยงลําดับด้วยตัวเลขอารบิคในเครื่ องหมายวงเล็บ เช่น (1) (2) (3) ตามลําดับ โดยเริ่ มนับตั้งแต่หน้าปกในเป็ นต้นไปจนครบทุกหน้าของส่ วนนําเรื่ อง 6.2 เลขนับ หน้า เริ่ ม จากหน้าปกใน หน้าอนุ ม ัติ บทคัด ย่อ กิ ต ติ ก รรมประกาศ คํานํา และ หน้าแรกของสารบัญ ให้นับหน้ารวมด้วยแต่ไม่ตอ้ งลงเลขหน้าเฉพาะหน้าแรกของแต่ละเรื่ อง ถ้าเรื่ อง นั้นมี 2 หน้าขึ้นไป ให้ลงเลขหน้าในหน้าที่ 2 เป็ นต้นไปจนครบ เมื่อขึ้นเรื่ องใหม่ ไม่ตอ้ งใส่ เลขนับหน้า แต่นบั หน้าด้วย 6.3 ส่ ว นเนื้ อ เรื่ อ งและส่ ว นท้ายเรื่ อ งของโครงร่ างวิท ยานิ พ นธ์ คื อ ตั้งแต่ ค วามเป็ นมาของ โครงการไปจนถึงหน้าสุ ดท้าย ให้ใช้เลขอารบิค 1,2 ,3… ตามลําดับจนจบเล่ม 6.4 หน้าแรกของแต่ละบท ของส่ วนอ้างอิง และหน้าแรกของภาคผนวกแต่ละภาคไม่ตอ้ งใส่ เลขหน้ากํากับ แต่ให้นบั จํานวนหน้ารวมไปด้วย 6.5 ตําแหน่งของการลงเลขนับหน้าทุกหน้า ให้ลงตรงที่มุมขวาบน ห่ างจากริ มกระดาษด้านบน 1 นิ้ว และด้านขวา 1 นิ้ว


21

7. การเรียงลําดับหัวข้ อในแต่ ละบท 7.1 แต่ละบทจะประกอบด้วยคําว่า บทที่…อยู่กลางหน้ากระดาษ แล้วพิมพ์ตามด้วยชื่ อของ บทนั้น เป็ นภาษาไทยในบรรทัดต่อมา จัดกลางหน้ากระดาษเช่ นเดี ยวกัน ถ้าชื่ อบทมี ความยาวเกิ น 1 บรรทัด ให้ บ รรทัด แรกอยู่ห่ างจากขอบกั้น ริ ม กระดาษด้านซ้ายและขวาไม่ ต่ าํ กว่ า 1 นิ้ ว และพิ ม พ์ จัด รู ป แบบชื่ อ บท โดยภาพรวมเป็ นรู ป หน้าจั่ว หัว กลับ จากนั้น จึ งเว้น 1 บรรทัด ขึ้ น หัว ข้อหลัก ชิ ด ขอบกั้นริ มกระดาษด้านซ้าย โดยเริ่ มต้นหัวข้อใหญ่ดว้ ยเลขนําของแต่ละบทเป็ นเลขอารบิค เช่น 1.1, 2.1 หรื อ 3.1 เป็ นต้น 7.2 หมายเลขกําหนดหัวข้อให้แตกย่อยได้ถึง 4 หลักเท่านั้น แล้วแต่ความมากน้อยของแต่ละ รายงาน (เช่ น 1.2.1.1, 1.2.1.2) จากนั้นจึงย่อย เป็ นหัวข้อรองตัวเลขคร่ อมวงเล็บ 1), 2), 3),… ตามด้วย 1.1), 1.2) แล้วจึงใช้หวั ข้อ ก., ข., ค.,… และย่อยเล็กลงจนถึงการใช้เครื่ องหมาย - ตามลําดับ 8. การเสนอ ตาราง ภาพ แผนที่ กราฟและแผนภูมิ 8.1 การจัดวางตาราง ภาพ แผนที่ กราฟและแผนภูมิ ควรจัดวางให้ต่อจากหรื ออยู่ใกล้เคียงกับ ข้อความที่กล่าวถึง 8.2 ตาราง ภาพ แผนที่ กราฟและแผนภู มิ ที่ ใ ช้ ไม่ ว่าจะเป็ นต้น ฉบับ หรื อ สําเนาจะต้อ งมี ความชัดเจน 8.3 ให้พิมพ์เลขหมายประจําตาราง ภาพ แผนที่ กราฟและแผนภูมิ เรี ยงตามลําดับหลังคําตาราง ภาพ แผนที่ กราฟและแผนภูมิ โดยจัดไว้ชิดกรอบหน้ากระดาษด้านซ้าย หากเป็ นภาพ แผนที่ กราฟและ แผนภู มิ ให้ วางชื่ อไว้ด้านล่ างของภาพและแผนที่ น้ ัน แต่ ถา้ เป็ นตารางควรวางชื่ อไว้ด้านบนตาราง ให้เรี ยงเลขเรี ยงลําดับ ต่ อกัน ไปทั้งเล่ม (แต่ แ ยกกัน นับลําดับ ระหว่าง ตาราง ภาพ แผนที่ กราฟและ แผนภูมิ ) 8.5 ให้พิมพ์ขอ้ ความบรรยายตาราง ภาพ แผนที่ กราฟและแผนภูมิ ต่อจากตัวเลขประจําภาพ หรื อแผนที่ โดยเว้น 2 ตัวอักษร 8.6 ในบทที่ 8 ให้พิมพ์ภาพประกอบขนาด 6 นิ้ ว X 8 นิ้ ว เป็ นอย่างน้อยเพื่อความชัดเจนใน การนําเสนอ 8.7 ให้พิมพ์ที่มาของตาราง ภาพ แผนที่ กราฟ และแผนภูมิ ไว้ดา้ นใต้ของสิ่ งนั้น โดยพิมพ์คาํ ว่า ที่มา: เว้นระยะ 2 ตัวอักษร แล้วระบุแหล่งที่มา


22

9. การพิมพ์อ้างอิงและบรรณานุกรม 9.1 ในการอ้างอิงเอกสารและการพิมพ์บรรณานุกรม ให้ถือปฏิบตั ิตามรู ปแบบที่กาํ หนดในคู่มือ การเขียนวิทยานิพนธ์ ระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (ดูภาคผนวก ซ) 9.2 บรรทัด แรกของรายการบรรณานุ ก รมแต่ ล ะรายการ ให้ พิ ม พ์ ชิ ด ขอบด้า นซ้ า ยของ หน้ากระดาษ บรรทัดต่อไปของรายการบรรณานุ กรมเดี ยวกัน ให้เว้นระยะห่ างจากขอบด้านซ้ายของ กระดาษ ½ นิ้ว 9.3 ให้ เรี ย งลําดับ บรรณานุ ก รมตามลําดับ ของพยัญ ชนะ และสระ โดยให้ ยึด ตามรู ป แบบ การเรี ยงลําดับคําในพจนานุกรมเป็ นหลัก 9.4 ให้เรี ยงบรรณานุกรมภาษาไทยขึ้นก่อนภาษาอังกฤษ


23

4 รายละเอียดการพิมพ์ รายงานวิทยานิพนธ์ ฉบับสมบูรณ์ 1. ส่ วนนําเรื่องรายงานวิทยานิพนธ์ ฉบับสมบูรณ์ 1.1 ลําดับหัวข้ อหลักของส่ วนนําเรื่อง 1) หน้าปกนอก - กระดาษเปล่า (รองปก) 2) หน้าปกด้านใน 3) หน้าใบรับรองวิทยานิพนธ์ 4) บทคัดย่อภาษาไทย 5) บทคัดย่อภาษาอังกฤษ 6) กิตติกรรมประกาศ 7) สารบัญ ประกอบด้วย - สารบัญเรื่ อง - สารบัญตาราง - สารบัญภาพ - สารบัญแผนที่ - สารบัญกราฟและแผนภูมิ

ส่ วนนําเรื่ อง

1.2 รายละเอียดในแต่ ละหัวข้ อของเนือ้ หาบทนําวิทยานิพนธ์ 1) หน้ าปกนอก ปกวิทยานิ พนธ์ระดับปริ ญญาตรี เป็ นปกแข็งสี เขียว ตัวพิมพ์สีทอง ขนาดปก 8 3/4 นิ้ ว X 11 1/2 นิ้ว นักศึกษาจะต้องส่ งรายงานวิทยานิ พนธ์ฉบับสมบูรณ์ที่เข้าปกเรี ยบร้อย แล้ ว ให้ กั บ คณ ะ จํ า น วน 2 เล่ ม พร้ อ มกั บ แผ่ น CD 1 แผ่ น บรรจุ ก ล่ อ งใส่ CD ขนาดให ญ่ ปกกระดาษสี เขียว ข้อความบนปกด้านหน้าประกอบด้วยส่ วนต่างๆ ตามลําดับดังนี้


24

- ชื่อเรื่ องภาษาไทย - ชื่ อเรื่ องภาษาอังกฤษ ใช้ตวั พิมพ์ใหญ่ แต่ถา้ หากมีชื่อวิทยาศาสตร์ ให้เขียน ชื่อวิทยาศาสตร์ตามหลักสากล - ชื่ อ สกุล ไม่ตอ้ งมีคาํ นําหน้าชื่ อ ยกเว้นบรรดาศักดิ์ ฐานันดรศักดิ์ ยศ สมณ ศักดิ์ และคํานําหน้าชื่อนักบวชในศาสนาอื่น - ปริ ญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม - มหาวิทยาลัยแม่โจ้ - พ.ศ. (ปี ที่สาํ เร็ จการศึกษา) สั นปก พิมพ์ชื่อโครงการ ชื่อเว้นวรรคนามสกุลของผูท้ าํ วิทยานิพนธ์ และเลข พ.ศ. เรี ยงไปตามความยาวของสันปก ตัวอักษรตั้งเมื่อหงายวิทยานิพนธ์ โดยจัดระยะและขนาดของตัวอักษร ให้เหมาะสม ถ้าข้อความมีความยาวมากให้จดั พิมพ์ 2 บรรทัด ปกด้ านหลัง ต้องไม่มีขอ้ ความใดๆ 2) กระดาษเปล่ า (สําหรับรองปก) เป็ นชนิดเดียวกันกับกระดาษที่ใช้พิมพ์วิทยานิพนธ์ (ขนาด A4) อยูถ่ ดั จากปกแข็งด้านหน้าและก่อนปกแข็งด้านหลัง ด้านละ 1 แผ่น 3) หน้ า ปกด้ า นใน ประกอบด้ว ย ชื่ อ เรื่ อ งและชื่ อ ผูเ้ ขี ย นวิ ท ยานิ พ นธ์ ใ นรู ป แบบ เดี ยวกับปกหน้า โดยส่ วนล่างให้พิมพ์ขอ้ ความว่า วิทยานิ พนธ์น้ ี เป็ นส่ วนหนึ่ งของความสมบูรณ์ ของ การศึ กษาตามหลักสู ตรปริ ญ ญาภู มิสถาปั ตยกรรมศาสตรบัณ ฑิ ต สาขาวิชาภู มิสถาปั ตยกรรม คณะ สถาปั ต ยกรรมศาสตร์ แ ละการออกแบบสิ่ ง แวดล้อ ม มหาวิ ท ยาลัย แม่ โ จ้ พ.ศ. 25.... ลิ ข สิ ท ธิ์ ของ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ใช้แบบฟอร์มตามตัวอย่างที่ 2 4) ใบรั บ รองวิ ท ยานิ พ นธ์ ให้ ใช้แ บบฟอร์ ม ตามตัว อย่างที่ 4 โดยให้ มี ชื่ อ เรื่ อ งทั้ง ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่ วนล่างจะแสดงข้อความให้ความเห็ นชอบโดยคณะกรรมการที่ปรึ กษา ประธานกรรมการประจําหลักสูตร และข้อความรับรองโดยคณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ สิ่ งแวดล้อม ลงนามโดยคณบดี 5) กิ ต ติ ก รรมประกาศ เป็ นส่ ว นที่ บ รรจุ ข ้อ ความแสดงความขอบคุ ณ ผู ้มี ส่ ว น สนับสนุนในการทําวิทยานิ พนธ์ฉบับนี้ ให้เขียนคําว่า กิตติกรรมประกาศ พิมพ์ขอ้ ความข้างล่าง จากนั้น พิมพ์ชื่อ-สกุล ของนักศึกษา ไว้ที่ทา้ ยข้อความ พิมพ์เดื อน และปี ที่สําเร็ จการศึกษาไว้ใต้ชื่อ-สกุล ของ ผูเ้ ขียน


25

6) บทคัดย่ อ ให้เขียนบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างละประมาณ 500 คํา หรื อไม่เกิน 2 หน้ากระดาษ โดยมีเนื้อหาสําคัญที่กล่าวโดยสรุ ปสั้นๆ ถึงเรื่ องต่อไปนี้ คือ - ประเด็นปัญหาและวัตถุประสงค์ของเรื่ องที่จะศึกษา - วิธีดาํ เนินการ - สรุ ปผลของการศึกษาและออกแบบโครงการ - ข้อเสนอแนะ (จะมีหรื อไม่มีกไ็ ด้) บทคัดย่อควรมีความสมบูรณ์ ไม่ควรเขียนคําย่อ เพื่อประโยชน์ในการนําไปใช้ใน การทําดรรชนี สาํ หรับการสื บค้น ควรมีความเฉพาะ ชัดเจน และกะทัดรัด ใช้ประโยคอดีตกาลเป็ นหลัก มีลกั ษณะของการรายงานผลที่ได้ และไม่มีคาํ วิจารณ์ 7) สารบั ญ เป็ นส่ วนที่ แ สดงหมายเลขหน้ า ของส่ วนต่ า งๆ ทั้ งหมดที่ มี อ ยู่ ใ น วิทยานิ พนธ์ นับจากสารบัญจนถึงหน้าสุ ดท้าย ให้แสดงหัวข้อใหญ่ หัวข้อรอง ในส่ วนเนื้ อเรื่ องด้วย แต่ส่วนหัวข้อย่อยจะใส่ หรื อไม่ใส่ กไ็ ด้ 8) สารบั ญ ตาราง เป็ นส่ วนที่ แจ้ ง หมายเลขหน้ า ของตารางทั้ งหมดที่ มี อ ยู่ ในวิทยานิพนธ์ ตามลําดับตาราง 9) สารบั ญ ภาพ เป็ นส่ ว นที่ แ จ้ง หมายเลขหน้ า ของภาพ รู ป ภาพ ทั้ง หมดที่ มี อ ยู่ ในวิทยานิพนธ์ ตามลําดับภาพ 10) สารบั ญ แผนที่ เป็ นส่ วนที่ แ จ้ ง หมายเลขหน้ า ของแผนที่ ท้ ั งหมดที่ มี อ ยู่ ในวิทยานิพนธ์ ตามลําดับแผนที่ 11) สารบัญกราฟและแผนภูมิ เป็ นส่ วนที่แจ้งหมายเลขหน้าของกราฟและแผนภูมิ ทั้งหมดที่มีอยูใ่ นวิทยานิพนธ์ ตามลําดับกราฟและแผนภูมิ 2. ส่ วนเนือ้ หารายงานวิทยานิพนธ์ ฉบับสมบูรณ์ 2.1 ลําดับหัวข้ อหลักของส่ วนเนือ้ หาวิทยานิพนธ์ บทที่ 1 บทที่ 2 บทที่ 3 บทที่ 4

บทนํา ที่ต้ งั และความสําคัญของโครงการ การศึกษาความเป็ นไปได้ของโครงการ กรณี ศึกษา


26

บทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 บทที่ 8 บทที่ 9

ข้อมูลและการวิเคราะห์ขอ้ มูลของโครงการ แนวความคิดในการออกแบบ รายละเอียดโครงการออกแบบ ผลงานการออกแบบ บทสรุ ปและข้อเสนอแนะ

ส่ วนการเพิ่มเติมหัวข้อที่คิดว่าสําคัญ และการแบ่งหัวข้อย่อยจะเป็ นอย่างไรนั้นขึ้นอยูก่ บั เทคนิค ในการเขียนของแต่ละบุคคล ขอให้ปรึ กษาอาจารย์ที่ปรึ กษาและเรี ยงลําดับให้เหมาะสมเท่านั้น 2.2 รายละเอียดในแต่ ละหัวข้ อของเนือ้ หาวิทยานิพนธ์ บทที่ 1 บทนํา มีความยาวประมาณ 4-5 หน้า ส่ วนใหญ่จะประกอบไปด้วย 1) ความเป็ นมาของโครงการและเจ้าของโครงการ: แสดงข้อมูลหลักฐานอย่างน้อย 4 ประการ ประกอบด้วย - แนะนําสภาพของโครงการที่ เป็ นประเด็ น ปั ญ หาในอดี ต ปั จ จุ บ ัน และ แนวโน้มในอนาคต - กล่าวถึงเรื่ องที่เป็ นจุดสนใจของการค้นคว้า หรื อข้อมูลจูงใจในการค้นคว้า หรื อมูลเหตุจูงใจในการค้นคว้า แนวคิด และ/หรื อทฤษฎี ที่เกี่ ยวข้อง ที่จะ นําไปสู่ การออกแบบ (โดยย่อ) - ผลการวิจยั ของผูอ้ ื่นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นในการศึกษา (ถ้ามี) - สถานที่ต้ งั ของโครงการ (โดยย่อ) หมายเหตุ จากข้อมูลทั้ง 4 ประการนั้น ควรสรุ ปประโยชน์ของการทําวิทยานิ พนธ์ที่ได้ ในตอนท้ายของบทนํา 2) เหตุ ผลในการเลื อกโครงการ: บอกความน่ าสนใจของพื้นที่ ความน่ าสนใจของ ประเด็นปัญหา ทําไมจึงเลือกทําวิทยานิพนธ์โครงการนี้ 3) วัตถุประสงค์: แบ่งเป็ น - วัตถุประสงค์ของโครงการ: โครงการนี้ มีประโยชน์ใช้สอยหลักอย่างไรบ้าง ตอบสนองต่อกลุ่มเป้ าหมายใด - วัตถุประสงค์ของการศึกษา: ต้องการศึกษาให้บรรลุวตั ถุประสงค์ใด


27

4) ขอบเขตของการศึกษา: เป็ นการขีดล้อมตัวปั ญหาให้แคบเข้ามา โดยการระบุให้ ชัดเจนว่าศึกษาเรื่ องใดบ้าง ข้อมูลต่างๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับโครงการที่จะต้องทําการศึกษามีอะไรบ้าง 5) ขั้นตอนและวิธีการดําเนิ นการศึกษา: กล่าวโดยย่อว่าจะทําอะไรบ้าง เป็ นขั้นตอน อย่างไร 6) ประโยชน์ที่จะได้รับ: เแบ่งเป็ น 6.1) ประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ 6.2) ประโยชน์ที่จะได้รับจากการศึกษา: มักจะกล่าวถึง - จะได้พบความรู ้อะไรใหม่ๆบ้างหรื อได้ขอ้ มูลสนับสนุนความรู ้เดิม อย่างไรบ้าง - จะนําไปใช้แก้ปัญหา หรื อเป็ นแนวทางในการแก้ปัญหาอะไรและ อย่างไรบ้าง - จะเป็ นตัวอย่างและเป็ นแนวทางในการค้นคว้าวิจยั ต่อไปอย่างไร จุดบกพร่ องทีม่ ักพบ ในการเขียนภูมิหลังหรื อบทนํา 1) ใช้วิธีตดั ต่อ โดยคัดลอกงานเขียนของบุคคลอื่นๆ มาวางเรี ยงต่อๆ กันไปตามลําดับ (พบทัว่ ไปในส่ วนต่างๆ ของรายงานด้วย) 2) เขียนบทนํากว้างเกินไป ไม่น่าสนใจ 3) ยกคํากล่าวหรื อผลวิจยั ที่เกี่ยวข้องที่ลา้ สมัย 4) อ้างอิงเรื่ องราวที่ไม่เป็ นที่ยอมรับหรื อคิดเอาเองมาเป็ นหลักฐาน 5) การอ้างสถานการณ์ของต่างประเทศมาใช้กบั สถานการณ์ของประเทศไทย 6) การใช้ภาษาไม่เหมาะสม บทที่ 2 ทีต่ ้งั และความสํ าคัญของโครงการ โดยทัว่ ไปจะประกอบด้วย 1) ที่ต้ งั ของโครงการ ควรมีขอ้ มูลต่อไปนี้ - การบอกขนาดของที่ต้ งั พร้อมรายละเอียด - อาณาเขตติดต่อ - การเข้าถึ งพื้นที่ รายละเอียดของถนนทางเข้า ระยะทาง และระยะเวลาใน การเดินทางโดยยานพาหนะต่างๆ - การเชื่อมโยงระหว่างที่ต้ งั ของโครงการกับสถานที่ที่สมั พันธ์กนั (Linkage)


28

- แผนที่โครงการระดับภูมิภาคและระดับพื้นที่ แสดงที่ต้ งั ของโครงการและ สภาพแวดล้อมของโครงการ - ภาพถ่ายสภาพพื้นที่โดยทัว่ ไปของโครงการ - ความสําคัญของโครงการในด้านต่างๆ รวมถึงความสําคัญของการจัดทํา โครงการออกแบบปรับปรุ งภูมิสถาปั ตยกรรม จุดบกพร่ องทีม่ ักพบ ในการเขียนที่ต้ งั และความสําคัญของโครงการ 1) การเรี ยบเรี ยงข้อมูลสับสนขาดการต่อเนื่อง 2) บอกรายละเอียดน้อย ไม่ครบถ้วน เช่น ขาดการแสดงสภาพแวดล้อม โดยรอบ และ อาณาเขตติดต่อ ขาดบทบาทและความสําคัญของโครงการ ขาดการแสดงความเชื่อมโยงของโครงการ และสถานที่สาํ คัญที่สมั พันธ์กนั เป็ นต้น 3) แผนที่ไม่ชดั เจน อาณาเขตที่ต้ งั ไม่ชดั เจน บทที่ 3 การศึกษาความเป็ นไปได้ ของโครงการ โดยทัว่ ไปจะประกอบด้วย 1) การศึกษาความเป็ นไปได้ของโครงการทางด้านเศรษฐศาสตร์ จะทําการศึกษาว่า ประโยชน์ในด้านต่างๆ ที่จะได้รับจากโครงการนั้นคุม้ ค่าในการจัดทําโครงการหรื อไม่ เมื่อเปรี ยบเทียบ จากทรัพยากรที่ตอ้ งใช้ไป ทั้งที่มีอยูเ่ ดิมและต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อนําไปใช้ในการดําเนิ นโครงการให้ เกิดประโยชน์สูงสุ ด มีรายละเอียดประกอบด้วย - ความสําคัญของโครงการต่อเศรษฐกิจส่ วนรวม ทั้งในด้านยุทธศาสตร์ และ ความเร่ งด่วนต่อภาคเศรษฐกิจส่ วนรวม - การประเมินผลได้ผลเสี ยเชิ งเศรษฐศาสตร์ อาจเป็ นมูลค่าทางด้านการเงิน เงินหรื อในรู ปแบบอื่นๆ 2) การศึกษาความเป็ นไปได้ของโครงการด้านการตลาด จะทําการศึกษากลุ่มลูกค้า หรื อผูใ้ ช้ที่เป็ นเป้ าหมายหลักของโครงการว่าคือใคร รู ปแบบการพัฒนาโครงการของเราจะสอดคล้อง กับความต้องการของกลุ่มผูใ้ ช้เป้ าหมายอย่างไร 3) การศึกษาความเป็ นไปได้ทางด้านการเงิน: กล่าวถึงจํานวนงบประมาณที่ตอ้ งใช้ใน การลงทุน แหล่งที่มาของเงินทุน ความคุม้ ของการลงทุน 4) การศึกษาความเป็ นไปได้ดา้ นการบริ หารและการจัดการ: กล่าวถึงหลักสําคัญของ การบริ หารงานโครงการโดยย่อ ที่มาของบุคลากรในด้านต่างๆของโครงการ


29

5) การศึกษาความเป็ นไปได้ทางด้านเทคนิ ค: กล่าวโดยย่อถึงความเป็ นไปได้ในด้าน การก่อสร้างโครงการ ความพร้อมทางด้านทรัพยากร และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ แล้วอาจมีการศึกษาถึงความเป็ นไปได้ในด้านอื่นๆ อีกตามความจําเป็ นของ แต่ละโครงการ หมายเหตุ โดยทัว่ ไปแล้ว การเขียนหัวข้อการศึกษาความเป็ นไปได้ในแต่ละหัวข้อจะมีลกั ษณะ กะทัดรัด มีขอ้ สนับสนุนพอสมควร ทั้งนี้ การศึกษาความเป็ นไปได้อย่างจริ งจัง จะเป็ นงานใหญ่ที่ใช้ ระยะเวลา ข้อมูล และการศึกษาเป็ นเวลานาน ซึ่งไม่อยูใ่ นระเบียบความต้องการของการทําวิทยานิพนธ์ ระดับปริ ญญาตรี น้ ี จุดบกพร่ องทีม่ ักพบ ในการเขียนการศึกษาความเป็ นไปได้ของโครงการ 1) เนื้ อหาเป็ นการบอกข้อมูลที่มีอยูเ่ ฉยๆ แต่ไม่ได้บอกว่ามีผลต่อความ เป็ นไปได้ของ โครงการอย่างไร 2) เขียนสั้นเกินไป ขาดเหตุผลสนับสนุนที่สมควร ขาดความน่าเชื่อถือ 3) แบ่งหัวข้อซํ้าซ้อน แม้จะใช้ชื่อหัวข้อต่างกันแต่เนื้อหาซํ้ากัน 4) ไม่ได้แยกประเด็นในการศึกษากล่าวโดยรวมไปเลย ทําให้ผอู ้ ่านสับสน 5) นําเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องมาใส่ เช่น คัดลอกข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด มาใส่ เป็ นเนื้ อหาของการศึ กษาความเป็ นไปได้ในด้านการท่ องเที่ ยว ซึ่ งเป็ นข้อมู ลที่ ไม่ ได้วิเคราะห์ กลัน่ กรอง และสรุ ปประเด็น นอกจากนี้ ยังผิดจริ ยธรรมจากการที่ไปคัดลอกมาโดยไม่อา้ งอิงอีกด้วย บทที่ 4 กรณีศึกษา แต่ละโครงการจะยกกรณี ศึกษา 3 กรณี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยทัว่ ไปจะประกอบด้วย 1) ชื่อกรณี ศึกษา 2) ข้อมู ลพื้น ฐานของโครงการกรณี ศึกษา เช่ น ที่ ต้ งั ขนาดของพื้น ที่ วัตถุประสงค์ ของโครงการ เจ้าของโครงการ ผูอ้ อกแบบ แนวความคิดในการออกแบบ เป็ นต้น ควรมีแผนผังและ รู ปภาพประกอบ 3) การวิเคราะห์ โครงการกรณี ศึก ษา เช่ น การแบ่ งพื้ น ที่ ก ารใช้ที่ ดิ น ประเภทต่ างๆ (Landuse Zoning) ระบบการสัญ จรภายในพื้น ที่ โครงการ พืชพรรณ สถาปั ตยกรรม รายละเอี ยดงาน ภูมิทศั น์ เป็ นต้น ควรมีแผนผังและรู ปภาพประกอบ


30

4) การสรุ ปข้อดีและข้อเสี ยของโครงการกรณี ศึกษา 5) ความสัมพันธ์ของกรณี ศึกษากับโครงการออกแบบ ในด้านต่างๆ ที่ได้วิเคราะห์มา และจะนําไปใช้ประโยชน์ในงานออกแบบโครงการของนักศึกษาอย่างไร จุดบกพร่ องทีม่ ักพบ ในการเขียนกรณี ศึกษา 1) การเลื อ กกรณี ศึ ก ษาที่ อ ยู่ ใ กล้เคี ย งกั น มี ล ัก ษณะที่ เหมื อ นกั น ขาดตัว อย่ า ง ที่หลากหลาย 2) 3) 4) 5)

ขาดแผนผังของโครงการ ยากแก่การเข้าใจภาพรวมของโครงการ กรณี ศึกษาขาดความสัมพันธ์กบั โครงการออกแบบ ขาดการวิเคราะห์ขอ้ ดี-ข้อเสี ย เขียนไม่กระชับ ไม่ชดั เจน ขาดรายละเอียดที่สาํ คัญ อ้างอิงไม่ได้

บทที่ 5 ข้ อมูลและการวิเคราะห์ ข้อมูลของโครงการ (มีท้ งั บรรยาย ตาราง กราฟ และแผนภูมิ) ให้นาํ เอาเนื้อหาที่เคยนําเสนอต่อคณะกรรมการที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์ไปแล้ว มาเรี ยบเรี ยง โดยทัว่ ไปจะ ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ปัจจัยทางธรรมชาติของพื้นที่โครงการ ( Natural Factor Analysis) - ลักษณะภูมิประเทศ - ลักษณะการระบายนํ้า - ลักษณะของแหล่งนํ้า พื้นที่รับนํ้า - ลักษณะทางธรณี วิทยา - พืชพรรณ - ลักษณะของสัตว์ป่า สิ่ งมีชีวิต ระบบนิเวศวิทยา - ลักษณะภูมิอากาศในระดับพื้นที่ 2) การวิเคราะห์ ขอ้ มูลทางวัฒนธรรม และสิ่ งที่มนุ ษย์สร้าง (Cultural and Manmade Factor Analysis) เช่น - การใช้ประโยชน์ที่ดินเดิม ทั้งภายในโครงการและพื้นที่โดยรอบ) - ระบบสัญจร แสดงลักษณะทางสัญจรเดิมภายในพื้นที่ และการเชื่อมโยงกับ ระบบทางสัญจรภายนอก แสดงแผนผังและรู ปภาพประกอบ - อาคารสิ่ งปลูกสร้างเดิม


31

- กิจกรรมเดิมในพื้นที่ - ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ - ข้อมูลชุ มชน ทางเศรษฐกิ จ สังคม และวัฒนธรรม (สรุ ปย่อเฉพาะสาระที่ สํ า คั ญ และมี ผ ลต่ อ การออกแบบโครงการ ยกตั ว อย่ า ง เช่ น ข้ อ มู ล ประวัติ ศ าสตร์ ที่ สํ า คัญ ข้อ มู ล ประชากร ชุ ม ชนในพื้ น ที่ และข้อ มู ล ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมในพื้นที่ เป็ นต้น 3) การวิเคราะห์ขอ้ มูลด้านสุ นทรี ยภาพ (Aesthetic Factor Analysis) - ทัศนียภาพและมุมมอง - มลภาวะด้านต่างๆ - จินตภาพ (เฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับชุมชนเมือง ) 4) การวิเคราะห์ขอ้ มูลผูใ้ ช้โครงการ (User Factor Analysis) - กลุ่มผูใ้ ช้สอยคือใคร มีอยูเ่ ดิมหรื อต้องคาดการณ์ในอนาคต - ลัก ษณะผู ้ใ ช้ ส อย พฤติ ก รรม และความต้อ งการกิ จ กรรม (Users and Activities) 5) การวิ เ คราะห์ ข ้ อ มู ล เฉพาะด้ า นของแต่ ล ะโครงการ (Special Data Analysis) ยกตัวอย่าง เช่น - ข้อมูลกฎหมายที่ มีผลต่อการออกแบบ หรื อ ข้อมูลนโยบายสําคัญของรั ฐ (แสดงเป็ นภาพกราฟฟิ ก) - ข้อมูลพิเศษตามลักษณะเฉพาะของแต่ละโครงการ เช่ น ข้อมูลทางเทคนิ ค ต่างๆ 6) การสังเคราะห์พ้ืนที่ และการจัดทํารายละเอียดโครงการออกแบบ (Site Synthesis and Programming) โดยทัว่ ไปประกอบด้วย - Site Characteristics and Development Potential (การประมวลคุ ณ ลัก ษณะ ของพื้ น ที่ แ ละแสดงศัก ยภาพในการพัฒ นา ที่ อ าจเป็ นไปได้ ต ามตาม วัตถุประสงค์ดา้ นต่าง ๆ ของโครงการ อย่างกว้างๆ) - Program Development And Requirements (อธิ บ ายการแบ่ ง พื้ น ที่ ใ ช้ส อย กิจกรรมที่มี ขนาดพื้นที่เป็ นตารางเมตร และลักษณะของผูใ้ ช้ในแต่ละส่ วน) จุดบกพร่ องทีม่ ักพบ ในการเขียนข้อมูลและการวิเคราะห์ขอ้ มูลของโครงการ


32

1) การแยกหัวข้อไม่เหมาะสม เช่น สับสน ซํ้าซ้อน ไม่ชดั เจน ไม่ละเอียดพอหรื อบ้างก็ น้อยเกินไป 2) ขาดการใช้ภาพกราฟฟิ ก แผนภูมิ หรื อกราฟ ช่วยในการวิเคราะห์ ทําให้ยากต่อการ ทําความเข้าใจ 3) การเรี ยบเรี ยงสับสน ขาดความต่อเนื่ องระหว่างข้อมูล การวิเคราะห์ ขอ้ มูล และ การนําไปใช้ในการออกแบบ 4) การคัด ลอกข้อ มู ล มา ไม่ ไ ด้เรี ย บเรี ย งด้ว ยตัว เอง ทําให้ ข าดความต่ อ เนื่ อ ง และ ยังผิดจรรยาบรรณอีกด้วย 5) ใช้ขอ้ มูลที่ขาดความน่าเชื่อถือ บทที่ 6 แนวความคิดในการออกแบบ โดยมากจะประกอบไปด้วย 1) แนวความคิ ดในการออกแบบโดยรวม (Main Concept) จะกล่ าวถึ งทฤษฎี หรื อ ปรัชญา หรื อแนวคิด ที่มีอิทธิพลต่อแนวทางในการออกแบบโดยรวมของโครงการ จากนั้นจึงกล่าวแยก ย่อยออกเป็ นแนวความคิดย่อยๆต่อไป เช่น 2) แนวคิดในการจัดกิจกรรมต่างๆในพื้นที่ และช่วงเวลาที่ใช้ 3) แนวความคิดในการแบ่งเขตพื้นที่ใช้สอย (Zoning Concept) 4) แนวคิดในการวางระบบทางสัญจรภายในพื้นที่โครงการ (Circulation Concept) 5) การแสดงความสัมพันธ์ของพื้นที่ใช้สอยโดยใช้แผนภูมิฟองสบู่ (Bubble Diagram) หรื อแผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ของพื้นที่ใช้สอยกับพื้นที่โครงการ (Site Related Functional Diagram) 6) การออกแบบตามแนวคิดในการจัดพื้นที่ใช้สอย (Conceptual Design) 7) แนวความคิดในการออกแบบวางผังพืชพรรณ (Planting Concept) 8) ฯลฯ ที่กล่าวมานั้นเป็ นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ในแต่ละโครงการจะมีเทคนิ คในการเขียนที่แตกต่างกัน ไป แล้วแต่ผูอ้ อกแบบจะเห็ นสมควรว่าอะไรสําคัญ สําหรับโครงการของตน แต่ ขอ้ สําคัญคือจะต้อง อธิบายให้เป็ นระบบ ให้เห็นภาพรวมก่อนแล้วจึงอธิบายในรายละเอียดแต่ละประเด็น จุดบกพร่ องทีม่ ักพบ ในการเขียนแนวความคิดในการออกแบบ 1) ไม่ เขี ย นแนวความคิ ด โดยรวม เขี ย นแนวความคิ ด แตกย่อ ยเป็ นส่ ว นๆ ไม่ เห็ น ภาพรวม


33

2) เขียนแนวความคิดไม่เป็ นระบบ การลําดับหัวข้อไม่เป็ นระบบระเบียบ แล้วแต่จะ นึกอะไรออก แก้ปัญหาเป็ นจุดๆ ไป 3) แบ่งแยกหัวข้อซํ้าซ้อน แม้วา่ จะใช้ชื่อไม่เหมือนกัน แต่เนื้อหาเหมือนกัน 4) ขาดการแสดงแนวคิดในการปรับปรุ งแก้ไขสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่มีอยู่เดิม ในโครงการที่ได้วิเคราะห์มา บทที่ 7 รายละเอี ย ดโครงการออกแบบ มี ท้ ัง แผนผัง รู ป ภาพ และตารางสถิ ติ ประกอบ การอธิบาย โดยทัว่ ไปประกอบด้วย 1) รายละเอียดของการออกแบบและจัดระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ เช่น ถนน ประปา ไฟฟ้ า ระบายนํ้า แสงสว่าง เป็ นต้น 2) รายละเอียดประเภทและลักษณะของอาคารในโครงการ 3) รายละเอียดของเทคนิคในการก่อสร้างพิเศษ (ถ้ามี) ในโครงการ 4) รายละเอียดของการปลูกต้นไม้ในโครงการ จุดบกพร่ องทีม่ ักพบ ในการเขียนรายละเอียดโครงการออกแบบ 1) เลือกเขียนรายละเอียดที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้อง และไม่มีความสําคัญต่อโครงการ 2) มักจะลอกต่อๆ กันมา ไม่ให้ความสําคัญกับบทนี้ 3) มักไม่ เขี ยนรายละเอี ยดเกี่ ยวกับระบบสาธารณู ป โภค และเทคนิ คพิ เศษต่ างๆ ที่ เกี่ยวข้อง 4) ควรเขียนสรุ ปไว้ตอนท้ายของแต่ละหัวข้อด้วย (หรื อจะเขียนรวมไว้ทา้ ยสุ ดก็ได้) บทที่ 8 ผลงานการออกแบบ โดยทั่ว ไปจะนําเสนอในกระดาษ A0 หรื อ แผ่น ต่ อ ของ A0 จํานวนประมาณ 12-15 แผ่น มักจะมีส่วนประกอบและการเรี ยงลําดับดังนี้ 1) INTRODUCTION - ความเป็ นมาของโครงการ - วัตถุประสงค์ของโครงการ - ข้อมูลโดยสังเขปของโครงการ - ที่ต้ งั ของโครงการและอาณาเขตติดต่อ - การเข้าถึงพื้นที่โครงการ - การเชื่อมโยงของพื้นที่โครงการกับพื้นที่สาํ คัญอื่นๆ (Linkage) - ทัศนียภาพโดยทัว่ ไปของโครงการ


34

2) SITE ANALYSIS - การวิ เคราะห์ ปั จ จัย ทางธรรมชาติ ของพื้ น ที่ โ ครงการ (Natural Factor Analysis) - การวิ เคราะห์ ข ้อ มู ล ทางวัฒ นธรรม และสิ่ ง ที่ ม นุ ษ ย์ส ร้ า ง (Cultural and Manmade Factor Analysis) - การวิเคราะห์ขอ้ มูลด้านสุ นทรี ยภาพ (Aesthetic Factor Analysis) - การวิเคราะห์ขอ้ มูลผูใ้ ช้โครงการ (User Factor Analysis) - การวิเคราะห์ขอ้ มูลเฉพาะด้านของแต่ละโครงการ (Special Data Analysis) 3) SITE SYNTHESIS AND PROGRAMMING - Site Characteristics and Development Potential - Program Development and Requirements 4) DESIGN CONCEPT - Main Concept - Zoning Concept - แผนผังแสดงแนวความคิดอื่ นๆ แสดงเฉพาะที่ นักศึ กษาเห็ น ว่าสําคัญ ต่ อ โครงการ (แตกต่ า งกั น ในแต่ ล ะโครงการ) เช่ น Circulation Concept, Openspace Concept, Planting Concept, เป็ นต้น - Functional Diagram แสดงเฉพาะเท่าที่นกั ศึกษาเห็นว่ามีความสําคัญต่อการ นําเสนอแนวความคิด มีหลายเทคนิ คในการนําเสนอ เช่น Bubble Diagram และ/หรื อ Site Related Functional Diagram - Conceptual Plan แสดงแนวความคิดในการออกแบบทั้งหมดในภาพรวม เป็ นภาพกราฟิ กในลักษณะของแผนผังโครงการ 5) MASTER PLAN 6) DETAIL DESIGN แสดงอย่างน้อย 4 บริ เวณ ในแต่ละบริ เวณประกอบด้วย - Site Plan หรื อ Detail plan - Sections - Perspectives - Typical Details - Key Plan - ฯลฯ


35

จุดบกพร่ องทีม่ ักพบ ในการนําเสนอผลงานออกแบบ 1) การวิเคราะห์ขอ้ มูล - การวิเคราะห์ขอ้ มูลไม่ครบถ้วน - แผนผังแสดงการวิเคราะห์มีขนาดเล็กเกินไป มองไม่เห็นรายละเอียด - การจัดลําดับสับสน - ขาดการวิเคราะห์ขอ้ มูลผูใ้ ช้และกิจกรรม 2) การสังเคราะห์ขอ้ มูล - ไม่นาํ ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลมาใช้ในการสังเคราะห์ขอ้ มูล - แผนผัง ที่ ใ ช้ ใ นการแสดงการสั ง เคราะห์ พ้ื น ที่ น้ ั น ไม่ แ สดงลัก ษณะ ทางกายภาพพื้นฐาน เช่น ไม่แสดงเส้นระดับชั้นความสู ง ไม่แสดงถนนและ แหล่งนํ้าเดิมและลักษณะพืชพรรณเดิมในพื้นที่ เพียงแสดงแต่ขอบเขตพื้นที่ เท่านั้น ทําให้ไม่สามารถสื่ อความหมายได้ - ส่ วนมากจะแสดงข้อมู ลเป็ นตารางและตัวอักษรจํานวนมาก ไม่ สามารถ สื่ อความหมายได้ดีในการนําเสนอ ควรแสดงในลักษณะกราฟิ กให้มากขึ้น หากมี ขอ้ มูลเป็ นตัวอักษรมาก เช่ น ตารางต่างๆ สามารถถ่ายสําเนาขนาด กระดาษ A4 แจกให้คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์แทนได้ 3) ผลงานออกแบบขั้นสุ ดท้าย - ขาดความสมบูรณ์ของงาน เช่น  ไม่มี Keyplans ในส่ วน Detail Design  ขาดการระบุชนิ ดของพืชพรรณให้ชด ั เจนทั้งชื่อสามัญและ ชื่อวิทยาศาสตร์  ขาด Typical Detail เขียน Dimension ไม่ครบถ้วน เป็ นต้น - ปั ญหาในการนําเสนองาน (Graphic Presentation) เช่น  การหันทิศของแผนผังในส่ วนต่างๆ ของงานไม่ตรงกัน  การนําเสนอภาพพืชพรรณต่างๆ ทั้งในแผนผัง ภาพตัดและ ทัศนียภาพ ที่ไม่สื่อถึงชนิดของพรรณไม้น้ นั ๆ  การละเมิดลิขสิ ทธิ์ โดยการคัดลอกงานกราฟิ กของผูอ้ ื่นมาใช้ - งานออกแบบ  การออกแบบมากเกินไป หรื อน้อยเกินไป (Over or Under Design)  การออกแบบไม่ตอบสนองกับแนวความคิด


36

ไม่นาํ เอาผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลมาใช้ในการออกแบบ  ไม่เอาใจใส่ ต่อการออกแบบวางผังพืชพรรณ  การออกแบบ Detail Plans ไม่ละเอียดเหมือนเอา Master Plan มาขยายเฉยๆ 

บทที่ 9 บทสรุปและข้ อเสนอแนะ กล่าวโดยสรุ ปย่อมากถึง 1) ของพื้นที่โครงการ 2) 3) 4) 5) 6)

เกริ่ นนําโดยเริ่ มจากที่มาของโครงการ เจ้าของโครงการ ที่ต้ งั โครงการ และลักษณะ วัตถุประสงค์ของโครงการ การเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ขอ้ มูล แนวความคิดหลักของการออกแบบ และการออกแบบโครงการ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ข้อเสนอแนะต่อผูท้ ี่สนใจจะทําโครงการที่มีลกั ษณะใกล้เคียงกัน

จุดบกพร่ อง ที่มกั พบในการเขียนบทสรุ ปและข้อเสนอแนะ 1) บทสรุ ปไม่สะท้อนถึงวัตถุประสงค์ของการศึกษาอย่างชัดเจน 2) เขียนเยิน่ เย้อ ในส่ วนที่ไม่น่าสนใจและไม่สาํ คัญ ใช้ขอ้ ความที่ซ้ าํ กันมากเกินไปโดย ไม่จาํ เป็ น 3) เขียนไม่ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด อ่านไม่รู้เรื่ อง 3. สรุปโครงสร้ างส่ วนท้ ายเรื่องของรายงานวิทยานิพนธ์ 3.1 ลําดับหัวข้ อหลักของส่ วนท้ ายเรื่อง 1) บรรณานุกรม 2) ภาคผนวก 3) ประวัตินกั ศึกษา 3.2 รายละเอียดในแต่ ละหัวข้ อของส่ วนท้ ายเรื่องวิทยานิพนธ์ 1) การเขียนเอกสารอ้ างอิงและบรรณานุ กรม มีแบบแผนและหลักเกณฑ์ต่างกันไป ขึ้น อยู่กับประเภทของเอกสาร เช่ น หนังสื อ บทความในหนังสื อ วารสาร หนังสื อพิ มพ์ สารานุ กรม วิทยานิ พนธ์ จุลสาร เอกสารสําเนา การสัมภาษณ์ ฯลฯ ผูเ้ ขียนจําเป็ นต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม และใช้


37

เขียนอ้างอิงตามรู ปแบบการเขียนรายงานทัว่ ไป สําหรับการเขียนเอกสารอ้างอิงและบรรณานุ กรมของ รายงานวิทยานิ พนธ์น้ ี ให้ยดึ หลักเช่นเดียวกับหลักเกณฑ์การเขียนเอกสารอ้างอิงและบรรณานุ กรมของ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีรายละเอียดดังที่ปรากฏในภาคผนวก ซ. 2) ภาคผนวก ให้ ข้ ึ นหั ว ข้อ ภาคผนวกอยู่ก ลางหน้ า กระดาษ ในกรณี ที่ มี ห ลาย ภาคผนวก ให้แบ่งเป็ น ภาคผนวก ก ข และ ค ตามลําดับ โดยขึ้นหน้าใหม่ในแต่ละภาคผนวก บรรทัด ต่อมาถัดจากหัวข้อให้พิมพ์ชื่อภาคผนวก แล้วจึงเว้นบรรทัดและย่อหน้าเพื่อพิมพ์หวั ข้อย่อยหรื อเนื้ อหา ต่อไป 3) ประวัติ นั กศึ ก ษา ประวัตินัก ศึ ก ษาจะอยู่ลาํ ดับ ถัด ไปจากภาคผนวก โดยหัวข้อ ประวัตินกั ศึกษาอยูก่ ลางหน้ากระดาษ เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงย่อหน้าขึ้นเนื้ อหาของประวัตินกั ศึกษาโดย ย่อ กล่าวถึงชื่อ ภูมิลาํ เนา ประวัติการศึกษา ที่อยูป่ ั จจุบนั ที่ติดต่อได้ เป็ นต้น มีความยาวไม่เกินหนึ่ งหน้า ให้นบั หน้ารวมด้วย แต่ไม่ตอ้ งลงเลขนับหน้าแต่อย่างใด

วิทยานิพนธ์ ทดี่ ไี ม่ ได้ อยู่ทคี่ วามหนาของรายงาน หรือจํานวนแผ่ นของงานออกแบบ แต่ อยู่ทเี่ นือ้ หาทีด่ ี และความถูกต้ องของวิทยานิพนธ์ น้ัน


38


39

ภาคผนวก ก ขั้นตอนการดาเนินงานวิทยานิพนธ์


40


41

ตารางการดาเนินงานวิทยานิพนธ์สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม สัปดาห์ที่ 1 เดือนที่ 1 เดือนที่ 2 เดือนที่ 3

เดือนที่ 5

สัปดาห์ที่ 3

ครั้งที่ 1

หาข้อมูลโครงการ

ยื่นเสนอหัวข้อ ครั้งที่ 2 นาเสนอ Intro

จัดทาโครงร่างวิทยานิพนธ์โครงการ

ครั้งที่ 3 ส่งโครงร่าง

ดาเนินการจัดทาวิทยานิพนธ์

ทีผ่ ่านการอนุมัติแล้ว ครั้งที่ 4

ดาเนินการจัดทาวิทยานิพนธ์

SiteAnalysis&Synthesis

เดือนที่ 6

หยุดเทศกาลสงกรานต์

เดือนที่ 7

ดาเนินการจัดทาวิทยานิพนธ์

เดือนที่ 8 เดือนที่ 9 เดือนที่ 10 เดือนที่ 11 เดือนที่ 12

สัปดาห์ที่ 4

ค้นคว้าข้อมูลเพือ่ เตรียมเสนอหัวข้อวิทยานิพนธ์

duction&Analysis&โครงร่าง

เดือนที่ 4

สัปดาห์ที่ 2

ครั้งที่ 5 นาเสนอ

ดาเนินการจัดทาวิทยานิพนธ์

Concept&Preliminary ครั้งที่ 6 นาเสนอ

ดาเนินการจัดทาวิทยานิพนธ์

Design Development ครั้งที่ 7 ส่ง Draft Final Report ครั้งที่ 8 นาเสนอ FinalDesign

ทารูปเล่มวิทยานิพนธ์

ส่งเล่มวิทยานิพนธ์

ครั้งที่ 9

เวียนให้คณะกรรมการ

ส่งงานแก้ไข+Report

จัดทาหนังสือรวมเล่มวิทยานิพนธ์ และจัดแสดงผลงานวิทยานิพนธ์ของชั้นปี


36

42

ขั้นตอนการดาเนินงานวิทยานิพนธ์

นักศึกษานาเสนอต่อคณะกรรมการประจา หลักสูตร นักศึกษานาเสนอต่อคณะกรรมการที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์ นักศึกษานาเสนอต่อประธานที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์


43

ภาคผนวก ข แบบฟอร์มคาร้องเสนอหัวข้อวิทยานิพนธ์


44


45

คาร้องเสนอหัวข้อวิทยานิพนธ์ปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ข้าพเจ้า นาย/นางสาว......................................................................รหัส............................................... นักศึกษาชั้นปีท.ี่ ..............สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม ศึกษามาแล้ว จานวน.................ภาคการศึกษา จานวนหนววยกิตสะสม.............หนววยกิต คะแนนสะสมเฉลี่ย จนถึงขณะนี้ได้เทวากับ......................... มีความประสงค์จะขอทาวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต โดยมีรายละเอียด ดังตวอไปนี้ 1. หัวข้อเรื่อง (ภาษาไทย)....................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... 2. หัวข้อเรื่อง (ภาษาอังกฤษ).................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................... 3. ความเป็นมาของโครงการและเหตุผลในการเลือกโครงการ ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................................


46

4. วัตถุประสงค์ 4.1 วัตถุประสงค์ของโครงการ .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... 4.2 วัตถุประสงค์หรือประเด็นปัญหาของการศึกษา .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... 5. สถานที่ตั้ งของโครงการและเหตุผ ลในการเลือ กที่ตั้ งโครงการ (แสดงแผนผั ง ที่ตั้ง โครงการ โดยสังเขปข้างลวางนี้ พร้อมแนบแผนผังโครงการที่ชัดเจนและ/หรือภาพถวายทางอากาศไว้ตอนท้ายของคาร้อง)


47

...................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................... 6. ขอบเขตของพื้นที่ศึกษา ...................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... โดยข้ า พเจ้ า ยิ น ดี ที่ จ ะปฏิ บั ติ ต ามห ลั ก และวิ ธี ด าเนิ น งานวิ ท ยานิ พ นธ์ ของ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแมวโจ้ทุกประการ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอนุมัติ (ลงชื่อ)………………………………….. (………………………………………..) ……….../………./………..


48

ความเห็นของคณะกรรมการประจาหลักสูตร 1. (ความเห็น)…………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)………………………………….. (………………………………………..) 2. (ความเห็น)………………………………………………………………………………………………….... (ลงชื่อ)………………………………….. (………………………………………..) 3. (ความเห็น)…………………………………………………………………………………………………... (ลงชื่อ)………………………………….. (………………………………………..) 4. (ความเห็น) …………………………………………………………………………………………………...

(ลงชื่อ)………………………………….. (………………………………………..) ความเห็นของประธานกรรมการประจาหลักสูตร อนุมัติให้ดาเนินงานวิทยานิพนธ์ตามหัวข้อที่เสนอมาได้ (ลงชื่อ)………………………………….. (………………………………………..) ……….../………./………..


ภาคผนวก ค แบบฟอร์มการพิมพ์โครงร่างวิทยานิพนธ์



โครงร่างวิทยานิพนธ์ เรื่อง

โครงการออกแบบวางผังภูมิสถาปัตยกรรมสวนสาธารณะ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ. เชียงใหม่ LANDSCAPE ARCHITECTURAL DESIGN AND PLANNING PROJECT OF MAEJO UNIVERSITY PARK, CHIANGMAI

โดย ขยัน รักการเรียน รหัส 50100011

คณะกรรมการที่ปรึกษา รองศาสตราจารย์ ดร. .......................... อาจารย์................................................. ผู้ช่วยศาตราจารย์................................. อาจารย์................................................. อาจารย์..................................................

ประธานกรรมการที่ปรึกษา กรรมการที่ปรึกษาพิเศษ (ถ้ามี) กรรมการที่ปรึกษา กรรมการที่ปรึกษา กรรมการที่ปรึกษา

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้


โครงการออกแบบวางผังภูมิสถาปัตยกรรมสวนสาธารณะ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ. เชียงใหม่ LANDSCAPE ARCHITECTURAL DESIGN AND PLANNING PROJECT OF MAEJO UNIVERSITY PARK, CHIANGMAI

โดย ขยัน รักการเรียน รหัส 50100011

โครงร่างวิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของความสมบูรณ์ของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พ.ศ. 25.. ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้


ใบอนุมัติโครงร่างวิทยานิพนธ์ เรื่อง โครงการออกแบบวางผังภูมิสถาปัตยกรรมสวนสาธารณะ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ. เชียงใหม่ LANDSCAPE ARCHITECTURAL DESIGN AND PLANNING PROJECT OF MAEJO UNIVERSITY PARK, CHIANGMAI ผู้จัดทา: เสนอต่อ:

ภาคการศึกษา: ได้รับอนุมัติโดย:

ขยัน รักการเรียน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม เพื่อขออนุมัติจัดทาวิทยานิพนธ์ ปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม 1/25….

คณะกรรมการที่ปรึกษา ประธานกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร. ............................. กรรมการพิเศษ (ถ้ามี) อาจารย์.................................................... กรรมการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์.................................. กรรมการ อาจารย์.................................................... กรรมการ อาจารย์...................................................

ลายเซ็น วัน/เดือน/ปี .............................. ...../....../.... .............................. ...../....../.... .............................. ...../....../.... .............................. ...../....../.... .............................. ...../....../....

………………………………………. (…………………………….) ประธานกรรมการประจาหลักสูตร สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม ……./………./……..


สารบัญเรื่อง หน้า สารบัญเรื่อง สารบัญแผนที่ สารบัญภาพ 1. ความเป็นมาของโครงการและเหตุผลในการเลือกโครงการ 2. สถานที่ตั้งของโครงการและเหตุผลในการเลือกที่ตั้งโครงการ 3. วัตถุประสงค์ 3.1 วัตถุประสงค์ของโครงการ 3.2 วัตถุประสงค์หรือประเด็นปัญหาของการศึกษา 4. ขอบเขตของการศึกษา 4.1 ขอบเขตของพื้นที่ศึกษา 4.2 ขอบเขตของเนื้อหาที่จะศึกษา 5. ขั้นตอนและวิธีการดาเนินการศึกษา 6. ประโยชน์ที่จะได้รับจากการศึกษา 7. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่ตั้งโครงการ 7.1 การเข้าถึงพื้นที่โครงการ 7.2 สภาพพื้นที่โดยรอบโครงการ 7.3 สภาพการใช้ที่ดินในปัจจุบันภายในพื้นที่โครงการ บรรณานุกรม


สารบัญแผนที่ (ภาพ) แผนที่ (ภาพที่) 1 2 3

……(ชื่อแผนที่/ภาพ)………………… …………………………………. ………………………………….

(หมายเหตุ สารบัญแผนที่และภาพ ให้จัดแยกคนละหน้า)

หน้า


56

โครงร่ างวิทยานิพนธ์

เรื่อง โครงการออกแบบวางผังภูมสิ ถาปัตยกรรมสวนสาธารณะ มหาวิทยาลัยแม่ โจ้ จ. เชียงใหม่ 1. ความเป็ นมาของโครงการและเหตุผลในการเลือกโครงการ ………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………… …................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................... 2. สถานทีต่ ้งั ของโครงการและเหตุผลในการเลือกทีต่ ้งั โครงการ ………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 3. วัตถุประสงค์ 3.1 วัตถุประสงค์ของโครงการ ………………………………………………………………………………………… .…………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 3.2 วัตถุประสงค์หรื อประเด็นปั ญหาของการศึกษา ……………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………


57

4. ขอบเขตของการศึกษา 4.1 ขอบเขตของพื้นที่ศึกษา ………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….... 4.2 ขอบเขตของเนื้อหาที่จะศึกษา ……………………………………………………………………………………........ ..........................………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………….………………………………………………………………………………….. 5. ขั้นตอนและวิธีการดําเนินการศึกษา ………………………………………………………………………………………………….. .….……………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….... 6. ประโยชน์ ทจี่ ะได้ รับจากการศึกษา ………………………………………………………………………………………………….. .…………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….... …………………………………………………………………………………………………………....


58

7. ข้ อมูลเพิม่ เติมเกีย่ วกับทีต่ ้งั โครงการ 7.1 การเข้าถึงพื้นที่โครงการ ………………………………………………………………………………………… .………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………... 7.2 สภาพพื้นที่โดยรอบโครงการ ………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….... 7.3 สภาพการใช้ที่ดินในปั จจุบนั ภายในพื้นที่โครงการ ………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………

บรรณานุกรม ผูแ้ ต่ง.//ปี ที่พิมพ์.//ชื่อเรื่ อง.//ครั้งที่พิมพ์ (ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สํานักพิมพ์. ปิ่ นแก้ว เหลืองอร่ ามศรี . 2539. ภูมิปัญญานิเวศวิทยาชนพืน้ เมือง: ศึกษากรณีชุมชนกะเหรี่ยง ในป่ าทุ่งใหญ่ นเรศวร. กรุ งเทพฯ: โครงการฟื้ นฟูชีวิตและธรรมชาติ. Cohen, P. S. 1975. Modern Social Theory. London: Heinemann. หมายเหตุ

- เครื่ องหมาย / ในรู ปแบบหมายถึงเว้นระยะ 1 ตัวอักษร - ให้ดูรูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมที่ถูกต้องเพิ่มเติมได้ที่ ภาคผนวก ซ


ภาคผนวก ง แบบฟอร์มการพิมพ์รายงานฉบับสมบูรณ์


38







64

สารบัญ หน้ า สารบัญ สารบัญตาราง สารบัญภาพ สารบัญแผนที่ สารบัญกราฟและแผนภูมิ บทที่ 1. บทนํา 1.1 ……………………………….... 1.2 ………………………………… 2. ที่ต้ งั และความสําคัญของโครงการ 2.1 ……………………………….... 2.2 ………………………………… 3. การศึกษาความเป็ นไปได้ของโครงการ 3.1 ……………………………..…. 3.2 …………………………….….. 4 กรณี ศึกษา 4.1 ……………………………..…. 4.2 ………………………………… 5..ข้อมูลและการวิเคราะห์ขอ้ มูลของโครงการ 5.1 …………………………..……. 5.2 ………………………………… 6. แนวความคิดในการออกแบบ 6.1 ………………………………… 6.2 …………………………….….. 7. การศึกษารายละเอียดโครงการออกแบบ 7.1 ………………………………… 7.2 ……………………………..….


65

สารบัญเรื่อง (ต่ อ) บทที่

หน้ า 8. ผลงานการออกแบบ 9. บทสรุ ปและข้อเสนอแนะ

บรรณานุกรม ภาคผนวก ประวัติผเู ้ ขียน


66

สารบัญตาราง ตารางที่

หน้ า 1 ……(ชื่อตาราง)………………… 2 …………………………………. 3 ………………………………….

หมายเหตุ การจัดหน้ากระดาษสารบัญตาราง สารบัญภาพ สารบัญแผนที่ สารบัญกราฟและแผนภูมิ ให้ใช้แบบฟอร์มเดียวกัน


ภาคผนวก จ แบบฟอรมประเมินผลการนําเสนอวิทยานิพนธ


38







38


77

ภาคผนวก ฉ แนวทางการประเมินผลขั้นสุดท้าย


78


79

แนวทางประเมินผลขั้นสุดท้ายในรายวิชาวิทยานิพนธ์ แนวคิดหลัก 1. การประเมินให้มีการประเมินรวมกันครั้งเดียว 2 ภาคการศึกษา สาหรับหัวข้อที่ใช้ในการการประเมิน ให้เป็นไปตามลาดับขั้นตอนการนาเสนอวิทยานิพนธ์ดังแสดงในตารางข้างล่าง 2. ขั้นตอนการประเมินตัดเกรดปลายภาคมีดังนี้ (สอดคล้องกับขั้นตอนการประเมินย่อยในแต่ละครั้ง) 2.1 กาหนดค่าน้าหนักความสาคัญของแต่ละขั้นตอนที่จะนามาประเมินเกรด 2.2 นาคะแนนการประเมินสรุปในขั้นสุดท้ายของแต่ ละขั้นตอน (ค่า 0-5) มาคูณกับค่าน้าหนัก ของแต่ละขั้นตอนที่กาหนดไว้ 2.3 นาผลรวมที่ได้จากข้อ 2.2 ของแต่ละขั้นตอนมาบวกกัน เมื่อได้ผลลัพธ์เท่าไหร่ ให้หารด้วย ผลรวมของค่าน้าหนักทั้งหมด จะได้ค่าคะแนนประเมินอยู่ระหว่าง 1-5 ตามเดิม 2.4 สรุปผลการประเมิน โดยใช้ช่วงชั้นคะแนนเช่นเดียวกับที่ใช้ประเมินในแต่ละขั้นตอนย่อยๆ ดังนี้ A=4.00-5.0 B+=3.50-3.99 B=3.00-3.49 C+=2.50-2.99 C=2.00-2.49 D+=1.50-1.99 D=1.00-1.49 F=0-0.99 3. ให้ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ในแต่ละกลุ่มร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะปรับเกรด ขั้นสุดท้ายโดยอิงกลุ่มหรือไม่ (ใช้ในกรณีที่ผลคะแนนดูผิดปรกติ) เพื่อให้มีช่วงคะแนนที่เหมาะสม ผู้ที่ ได้รับผลคะแนนต่ากว่า C ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่า จะต้องดาเนินการปรับปรุงแก้ไขตาม คาแนะนาของคณะกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และยื่นเรื่องขอขึ้นสอบใหม่ภายใน 1 ภาคการศึกษา 4. ส่งผลคะแนนทั้งหมดให้คณะกรรมการประจาหลักสูตรพิจารณาในภาพรวมอีกครั้งหนึ่ง หมายเหตุ ดูตารางแสดงการคานวณในหน้าถัดไป


80

ตารางแสดงการคานวณเพื่อประเมินผลขั้นสุดท้ายรายวิชาวิทยานิพนธ์ น้าหนัก

0-5

4

0-20

0-5

4

0-20

(ข)

รวม (ก)X(ข)

sum

1. นาเสนอข้อมูลโครงการวิทยานิพนธ์ ขั้น Site Introduction and Analysis 2. นาเสนอโครงการวิทยานิพนธ์ขั้น Conceptual & Preliminary Design 3. นาเสนอการพัฒนาการออกแบบโครงการวิทยานิพนธ์ (Design Development ) 4. รายงานวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ (Thesis Report) 5. การสอบวิทยานิพนธ์ขั้นสุดท้าย (Final Jury) รวม คะแนนสรุป = คะแนนรวมทั้งหมด / ค่าน้าหนักรวม (จ/ฉ)

คะแนน ประเมินย่อย (ก)

sum

ขั้นตอนการนาเสนอวิทยานิพนธ์

0-5

2

0-10

0-5 0-5

2 8 20 (จ)

0-10 0-40 0-100(ฉ) 0-5

A=4.00-5.0 B+=3.50-3.99 B=3.00-3.49 C+=2.50-2.99 C=2.00-2.49 D+=1.50-1.99 D=1.00-1.49 F=0-0.99

หมายเหตุ หลังจากคานวณจนได้เกรดแล้ว ให้ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาในกลุ่มร่วมกันพิจารณา อีกครั้ง ว่าจะปรับเกรดขั้นสุดท้ายโดยอิงกลุ่มหรือไม่ (ใช้ในกรณีที่ผลคะแนนดูผิดปรกติ)


ภาคผนวก ช

แบบฟอร์ มคําร้ องทัว่ ไป



สถอ-01

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม วันที่................เดือน.....................................พ.ศ....................... เรียน หัวหน้าสานักงานคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ ข้าพเจ้า (นาย/นางสาว) ..............................................................รหัส.......................................ชั้นปีท.ี่ ............ สาขาวิชา........................................................................หมายเลขโทรศัพท์ (ที่ตดิ ต่อได้).................................................. ได้รับมอบหมายให้จัดทาโครงการ.................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ภท/ภส/สถ..........................ชื่อวิชา.......................................................................................... ซึ่งมีค วามจ าเป็น ต้องท าการสารวจและค้นคว้าข้อ มูลจากหน่วยงานภายนอก จึง ขอความกรุ ณาให้ ออกหนังสื อ ขอความอนุเคราะห์ข้อมูลถึงบุคคลและหน่วยงาน ตามรายชื่อต่อไปนี้ 1. เรียน (ชื่อและตาแหน่ง)................................................................................................................................. ที่อยู่และหมายเลขติดต่อ....................................................................................................................................................... 2. รายละเอียดข้อมูลทีข่ อความอนุเคราะห์ (ระบุ) 2.1................................................................................................................................................ 2.2................................................................................................................................................ 2.3................................................................................................................................................ 2.4................................................................................................................................................ 2.5................................................................................................................................................ 1. วันเวลาที่จะเข้าไปศึกษาและเก็บข้อมูล วันที่.............................................เวลา........................................ 2. การดาเนินการจัดส่งเอกสาร 4.1 □ ทางโทรสาร (ระบุหมายเลขโทรสาร).......................................................................................... 4.2 □ จดหมาย 4.3 □ นักศึกษาดาเนินการเอง 4.4 □ อื่นๆ (ระบุ)................................................................................................................................... จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดาเนินการ (ลงชื่อ)...............................................................ผู้ขออนุมัติ (...............................................................) ความเห็นของอาจารย์ผู้มอบหมายงาน

ความเห็นของหัวหน้าสานักงานคณบดี

......................................................................

......................................................................

(ลงนาม)....................................................... (...............................................) อาจารย์ผู้มอบหมายงาน .............../......................./.................

(ลงนาม)....................................................... (...............................................) หัวหน้าสานักงานคณบดี .............../......................./...............


คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คาร้องขอเปลี่ยนแปลงหัวข้อวิทยานิพนธ์ วันที่...............เดือน.................................พ.ศ. ..................... ข้าพเจ้า นาย/นาง/นางสาว.................................................................................................................................. รหัสนักศึกษา.................................สาขาวิชา........................................คณะ...................................................................... มีความประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงหัวข้อวิทยานิพนธ์จากเดิม........................................................................................... เปลี่ยนเป็น.......................................................................................................................................................................... เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง............................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ทั้งนี้ได้รบั การยินยอมจากคณะกรรมการที่ปรึกษาแล้ว ดังมีรายนามดังนี้ ชื่อ-สกุล อาจารย์ พร้อมตาแหน่งวิชาการ

วัน/เดือน/ปี

ลงนาม

คณะกรรมการที่ปรึกษา ประธานกรรมการที่ปรึกษา ............................................................ ........................... .............................. กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... .............................. กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... .............................. กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... .............................. กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... .............................. ความเห็นประธานกรรมการทีป่ รึกษา ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................................

ความเห็นประธานกรรมการประจาหลักสูตร ( ) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ( ) ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจาก..................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)................................................... .............../ ................./ ..................


คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คาร้องขอเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ วันที่...............เดือน..................................พ.ศ. .................... ข้าพเจ้า นาย/นาง/นางสาว..................................รหัสนักศึกษา..........................สาขาวิชา................................. คณะ.................................................................เข้าศึกษาตั้งแต่ภาคการศึกษาที่...............ปีการศึกษา................................ ความประสงค์ [ ] ขอแต่งตั้ง [ ] ขอเปลี่ยนแปลง คณะกรรมการที่ปรึกษา ทั้งนี้ได้รับการยินยอมจากคณะกรรมการ ที่ปรึกษาแล้ว ดังมีรายนามดังนี้ ชื่อ-สกุล อาจารย์ พร้อมตาแหน่งวิชาการ

วัน/เดือน/ปี

ลงนาม

1. คณะกรรมการที่ปรึกษาชุดใหม่ ประธานกรรมการที่ปรึกษา ................................................................ กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ กรรมการที่ปรึกษา ................................................................

........................... ........................... ........................... ........................... ...........................

.............................. .............................. .............................. .............................. ..............................

2. คณะกรรมการที่ปรึกษา ชุดเดิม ประธานกรรมการที่ปรึกษา ................................................................ กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ กรรมการที่ปรึกษา ................................................................

........................... ........................... ........................... ........................... ...........................

.............................. .............................. .............................. .............................. ..............................

เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง.............................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................................... ความเห็นประธานกรรมการที่ปรึกษา................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................... ความเห็นประธานกรรมการประจาหลักสูตร ( ) สามารถแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาได้ ( ) ไม่สามารถแต่งตั้งเป็นทีป่ รึกษาได้ เนื่องจาก........................................................................... .......................................................................................... (ลงชื่อ)................................................... .............../ ................./ ..................

ความเห็นคณบดี ( ) อนุมัติ ( ) ไม่อนุมัติ เนื่องจาก........................................................................... .......................................................................................... (ลงชื่อ)......................................................... ................./ ................./ ..................


คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คาร้องขอสอบวิทยานิพนธ์ วันที่.................เดือน................................พ.ศ. .................... ข้าพเจ้า นาย/นาง/นางสาว.................................................................................................................................. รหัสนักศึกษา.................................สาขาวิชา........................................คณะ...................................................................... มีความประสงค์จะขอสอบวิทยานิพนธ์ ในขั้นตอน.......................................................................................................... ชื่อโครงการ........................................................................................................................................................................ ในวันที่.............เดือน.................................พ.ศ..............................ระหว่างเวลา..........................ถึงเวลา.......................... เหตุผลที่ต้องขอสอบในวันและเวลาดังกล่าว..................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ทั้งนี้ได้รบั การยินยอมจากคณะกรรมการที่ปรึกษาแล้ว ดังมีรายนามดังนี้ ชื่อ-สกุล อาจารย์ พร้อมตาแหน่งวิชาการ

วัน/เดือน/ปี

ลงนาม

คณะกรรมการที่ปรึกษา ประธานกรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... ............................... กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... ............................... กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... ............................... กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... ............................... กรรมการที่ปรึกษา ................................................................ ........................... ............................... ความเห็นประธานกรรมการทีป่ รึกษา ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ความเห็นประธานกรรมการประจาหลักสูตร ( ) เห็นควรให้สอบได้ตามวันและเวลาดังกล่าว ( ) ไม่ควรขึ้นสอบตามวันและเวลาดังกล่าง เนื่องจาก............................................................................................................................................................................ (ลงชื่อ)................................................... .............../ ................./ ..................

หมายเหตุ ใบค าร้ อ งขอสอบวิ ท ยานิ พ นธ์ ใช้ ใ นกรณี ยื่ น เรื่ อ งขอสอบสอบวิ ท ยานิ พ นธ์ อ ย่ า งเป็ น ทางการกั บ คณะกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์อย่างน้อย 3 ท่าน


87

ภาคผนวก ซ การอ้างอิง

1

1

ภาคผนวก ซ การอ้างอิง นี้ผู้เรียบเรียงได้สาเนามาจากแหล่งที่มา: โครงการบัณฑิตวิทยาลัย. 2556. คู่มือการเขียนวิทยานิพนธ์

มหาวิทยาลัยแม่โจ้. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยแม่โจ้. ซึ่งเป็นเนื้อหาในบทที่ 7 หน้า 33-56


88


89

(สาเนา)

การอ้างอิง การอ้ า งอิ ง หรื อ การท าหลั ก ฐานอ้ า งอิ ง ในวิ ท ยานิ พ นธ์ เป็ น การบ่ ง บอกถึ ง แหล่ ง ที่ ม าของ สารสนเทศหรือข้อมูลที่นามาใช้ เป็นจรรยาบรรณที่ผู้เขียนจะต้องยึดถือและปฏิบัติ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ ที่ เป็นเจ้าของสารสนเทศ การบอกแหล่งที่มาของสารสนเทศแสดงถึงความน่าเชื่อถือของสารสนเทศหรือ ข้ อมู ล นั้ นๆ ช่ วยอานวยความสะดวกแก่ ผู้ อ่า นที่ ส นใจจะศึ ก ษาค้ นคว้า เพิ่ มเติ ม และท าให้ส ามารถ ตรวจสอบความถูกต้องของสารสนเทศที่ผู้เขียนนามาใช้ได้อีกด้วย การอ้างอิงในวิทยานิพนธ์มีปรากฏอยู่ 2 แห่ง คือ ในเนื้อหาใช้ระบบนามปี และบรรณานุกรม ในส่วนท้ายเล่มเอกสาร สารสนเทศใดที่ได้ถูกอ้างอิงในเนื้อหาแล้ว จะต้องมีรายการตรงต้องกันกับ บรรณานุกรมท้ายวิทยานิพนธ์ด้วย ระบบนาม-ปี การอ้างอิงระบบนาม-ปี (Name-year system) เป็นการอ้างอิงสารสนเทศที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ประกอบด้วยชื่อผู้แต่ง ปีที่พิมพ์เผยแพร่ และเลขหน้า2 รูปแบบการอ้างอิง ก. รูปแบบการอ้างอิงสารสนเทศบางส่วนของเอกสาร ผู้แต่ง (ปีพิมพ์: เลขหน้า) ...................................... หรือ ....................................... ผู้แต่ง (ปีพิมพ์: เลขหน้า) ข. การอ้างอิงสารสนเทศที่นามาใช้โดยสรุปรวมทั้งเอกสารหรือนาสารสนเทศทั้งหมดมาใช้ ผู้แต่ง (ปีพิมพ์) ................................................. หรือ ................................................. (ผู้แต่ง, ปีพิมพ์) 2

การอ้างอิงในวิทยานิพนธ์สายวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กาหนดให้ไม่ต้องระบุเลขหน้า


90

หลักเกณฑ์ในการอ้างอิง 1. หลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับผู้แต่ง ผู้แต่งเป็นบุคคล 1.1 ให้ระบุชื่อผู้แต่งตามที่ปรากฏในสารสนเทศหรือสิ่งพิมพ์ แม้ว่าในปัจจุบันอาจมี การเปลี่ยนแปลงชื่อหรือนามสกุลไปเป็นอย่างอื่นแล้ว 1.2 เอกสารภาษาไทย วิทยานิพนธ์สายสังคมศาสตร์ ให้ระบุชื่อตัวและนามสกุลของ ผู้แต่ง ส่วนวิทยานิพนธ์สายวิทยาศาสตร์ให้ระบุชื่อตัว ไม่ต้องระบุนามสกุล 1.3 เอกสารภาษาต่างประเทศให้ระบุเฉพาะนามสกุลของผู้แต่ง 1.4 ถ้าผู้แต่งมีฐานันดรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ สมณศักดิ์ ให้ระบุตามที่ปรากฏในสิ่งพิมพ์ หรือสารสนเทศนั้นๆ แม้ว่าในปัจจุบันอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ตาม 1.5 ไม่ต้องระบุชั้นยศทางทหาร ตารวจ ตาแหน่งทางวิชาการ หรือคาเรียกทางวิชาชีพ 1.6 ผู้แต่งที่ใช้นามปากกาหรือนามแฝง ให้ระบุตามที่ปรากฏ แม้จะทราบชื่อจริงของ ผู้แต่งแล้วก็ตาม 1.7 เอกสารที่ มี ผู้แต่ง 2 คน ให้ใ ช้คาว่า และ (ส าหรับเอกสารภาษาไทย) หรือ and (สาหรับเอกสารภาษาต่างประเทศ) คั่นกลางระหว่างผู้แต่งคนแรกและคนที่ 2 1.8 เอกสารที่ มี ผู้แต่ง มากกว่า 2 คน ให้ระบุผู้แต่งคนแรก ตามด้วยคาว่า และคณะ (สาหรับเอกสารภาษาไทย) หรือคาว่า et al. (สาหรับเอกสารภาษาต่างประเทศ) เช่น ผู้แต่งคือ Collins, Black, Williamson, Shandlers and Jones อ้างอิงดังนี้ Collins et al. 1.9 ถ้ามีเอกสารมากกว่า 1 ฉบับ ที่การอ้างอิงตามหลักดังกล่าวแล้วทาให้ดูเหมือนเป็น เอกสารเดียวกัน ให้ระบุผู้แต่งคนต่อๆไปจนกว่าจะดูแตกต่างกัน ดังนี้ สายสังคมศาสตร์ ผู้แต่งคือ Collins, Black, Williamson, Shandlers and Jones (1999: 45) อ้างอิงดังนี้ Collins, Black et al. (1999: 45) ผู้แต่งคือ Collins, White, McDonald, Freeman and Foresters (1999: 125) อ้างอิงดังนี้ Collins, White et al. (1999: 125) สายวิทยาศาสตร์ ผู้แต่งคือ Collins, Black, Williamson, Shandlers and Jones (1999) อ้างอิงดังนี้ Collins, Black et al. (1999)


91

ผู้แต่งคือ Collins, White, McDonald, Freeman and Foresters (1999) อ้างอิงดังนี้ Collins, White et al. (1999) ผู้แต่งเป็นหน่วยงาน องค์กร นิติบุคคล 1.10 ให้ระบุชื่อผู้แต่งตามที่ปรากฏในสารสนเทศ หรือสิ่งพิมพ์นั้นๆ แม้ว่าในปัจจุบันมี การเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นแล้ว เช่น เอกสารที่มีชื่อผู้แต่งคือ กรมตารวจ ซึ่งในปัจจุบันปรับเปลี่ยน ไปเป็น สานักงานตารวจแห่งชาติ ให้ระบุชื่อผู้แต่งว่า กรมตารวจ เป็นต้น 1.11 ถ้าเป็นหน่วยงานราชการ ควรระบุชื่อหน่วยงานระดับกรมเป็นหลัก ถ้าจาเป็นต้อง ระบุชื่อหน่วยงานหลายระดับ ให้ระบุชื่อหน่วยงานตามลาดับจากหน่วยงานเล็กไปหาหน่วยงานใหญ่ เช่น ผู้แต่งคือ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ้างอิงดังนี้ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้แต่งคือ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ้างอิงดังนี้ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หากชื่อหน่วยงานนั้นเป็นชื่อที่เฉพาะเจาะจงอยู่แล้ว และการนาชื่อดังกล่าวมาอ้างอิง แล้วเป็นที่รู้จักและไม่ก่อให้เกิดความสับสน ก็สามารถอ้างอิงด้วยชื่อหน่วยงานนั้นได้โดยไม่จาเป็นต้อง ระบุสังกัดระดับกรม เช่น ผู้แต่งคือ สถานี วิ จั ย ดอยปุ ย สถาบั น วิ จั ย และพั ฒ นาแห่ ง มหาวิ ท ยาลั ย เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อ้างอิงดังนี้ สถานีวิจัยดอยปุย ผู้แต่งคือ ศูนย์บริการข้อมูลอุตสาหกรรมชนบท กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อ้างอิงดังนี้ ศูนย์บริการข้อมูลอุตสาหกรรมชนบท 1.12 ชื่อผู้แต่งที่เป็นหน่วยงานในภาษาอังกฤษ ให้พิมพ์ทุกคาขึ้น ต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ ยกเว้น คาบุรพบท คาสันธาน และชื่อย่อ เช่น The War Veterans Organization of Thailand Food and Agriculture Organization of the United Nations 1.13 ถ้าต้องการอ้างอิงเอกสารหลายครั้งและต้องการใช้ชื่อย่อของหน่วยงาน (ถ้ามีชื่อ ย่อเป็นทางการ) ในการอ้างอิงครั้งแรกให้ระบุชื่อย่อไว้ในเครื่องหมายวงเล็บเหลี่ยมต่อจากชื่อหน่ว ยงาน เต็ม ส่วนการอ้างอิงในครั้งต่อๆไป สามารถอ้างอิงด้วยชื่อย่อได้ เช่น


92

สายสังคมศาสตร์ การอ้างอิงครั้งแรก

(สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยา เสพติด [ป.ป.ส.], 2544: 93-95) การอ้างอิงครั้งต่อๆ ไป (ป.ป.ส., 2544: 98) การอ้างอิงครั้งแรก Food and Agriculture Organization of the United Nations [FAO] (1998: 224-226) การอ้างอิงครั้งต่อๆ ไป FAO (1998: 230) สายวิทยาศาสตร์ การอ้างอิงครั้งแรก

(สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด [ป.ป.ส.], 2544) การอ้างอิงครั้งต่อๆ ไป (ป.ป.ส., 2544) การอ้างอิงครั้งแรก

Food and Agriculture Organization of the United Nations [FAO] (1998) การอ้างอิงครั้งต่อๆ ไป FAO (1998) เอกสารที่ไม่ปรากฏผู้แต่ง 1.14 เอกสารที่ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง ให้ใช้ชื่อเรื่องหรือชื่อบทความ (แล้วแต่ กรณี ทั้งนี้ต้องให้สอดคล้องสัมพันธ์กับบรรณานุกรมท้ายเล่ม ) แทนชื่อผู้แต่ง และหากเป็นชื่อบทความ ให้ระบุชื่อบทความโดยไม่ต้องใช้เครื่องหมายอัญประกาศ (“ ”) กากับ 2. หลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับปีพิมพ์ 2.1 ปีพิมพ์ หมายถึง ปีที่พิมพ์เผยแพร่เอกสาร หรือปีที่เผยแพร่สื่อสารสนเทศนั้นๆ 2.2 ถ้าเป็นเอกสารที่ไม่ปรากฏปีพิมพ์ ให้ระบุว่า ม.ป.ป. หรือ no date เช่น สายสังคมศาสตร์ ระพี สาคริก (ม.ป.ป.: 113-116) ……….. หรือ ............... (ระพี สาคริก, ม.ป.ป.: 113-116)


93

สายวิทยาศาสตร์ ระพี (ม.ป.ป.) ……….. หรือ ............... (ระพี, ม.ป.ป.) 2.3 เอกสารหลายฉบับที่แต่งโดยผู้แต่งคนเดียวกันหรือคณะเดียวกัน พิมพ์ปีเดียวกัน ให้ใช้ตัวอักษร ก ข ค หรือ a b c กากับไว้หลังปีพิมพ์ ทั้งนี้ ต้องสอดคล้องกับบรรณานุกรมท้ายเล่มด้วย เช่น สายสังคมศาสตร์ สานักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (2535ก: 26) ........................ หรือ สานักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (2535ข: 32) ........................ สายวิทยาศาสตร์ สานักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (2535ก) .............................. หรือ สานักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (2535ข) .............................. 3. หลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับเลขหน้า 3.1 ระบุเลขหน้าของเอกสารเฉพาะส่วนที่ได้นาสารสนเทศมาใช้ โดยไม่ต้องใช้คาว่า หน้า น. Page pages p. หรือ pp. ซึ่งเลขหน้าที่ระบุอาจเป็นหน้าเดียวหรือหลายหน้าก็ได้ 3.2 หากได้นาสารสนเทศโดยสรุปเนื้อหาของเอกสารมาใช้ ไม่จาเป็นต้องระบุเลขหน้า 3.3 หากแหล่ ง สารสนเทศที่ น ามาใช้ ไ ม่ ใ ช่ เ อกสาร ให้ ร ะบุ ป ระเภทของสื่ อ เช่ น สัมภาษณ์ ซีดี-รอม ระบบออนไลน์ จดหมายอิเลคทรอนิกส์ แทนเลขหน้า 4. การอ้างอิงสารสนเทศจากหลายแหล่งในเนื้อหาเดียวกัน 4.1 ให้อ้างอิงไว้ท้ายข้อความ 4.2 เรียงลาดับเอกสารตามปีพิมพ์จากน้อยไปหามาก 4.3 ใช้เครือ่ งหมายอัฒภาคคั่นระหว่างรายการอ้างอิงแต่ละรายการ เช่น สายสังคมศาสตร์ ....................... (สมบัติ ศรีชูวงศ์ และ นิตยา สุวรรณรัตน์, 2527: 108; Donahue, et al, 1990: 339; สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2544: 77)


94

สายวิทยาศาสตร์ ....................... (สมบัติ และ นิตยา, 2527; Donahue, et al, 1990; สานักงาน เศรษฐกิจการเกษตร, 2544) 4.4 เอกสารหลายรายการแต่งโดยผู้แต่งคนเดียวกันหรือคณะเดียวกัน สายสังคมศาสตร์ ……………… (สานักงานสถิติแห่งชาติ, 2541: 53; 2542: 41; 2543: 56; 2544: 45) สายวิทยาศาสตร์ ……………… (สานักงานสถิติแห่งชาติ, 2541; 2542; 2543; 2544) 5. การอ้างอิงสองทอด หมายถึง สารสนเทศที่นามาใช้นั้นเป็นสารสนเทศที่นามาจากการอ้างอิงในเอกสารอื่น มิได้นามาจากแหล่งของสารสนเทศนั้นโดยตรง ให้อ้างอิงดังนี้ สายสังคมศาสตร์ Schumacher (1973 อ้างใน อานันท์ กาญจนพันธ์, 2544: 78) ............... หรือ ............... (Schumacher, 1973 อ้างใน อานันท์ กาญจนพันธ์, 2544: 78) Ruthenberg (1971: 3-4 sited in Salzer, 1991: 21) หรือ ............... (Ruthenberg, 1971: 3-4 sited in Salzer, 1991: 21) สายวิทยาศาสตร์ Garrod (1982 อ้างโดย สมเกียรติ, 2544) ................. หรือ ................. (Garrod, 1982 อ้างโดย สมเกียรติ, 2544) Cliff and Ord (1969 cited by Thomus and Huggett, 1980) ………… หรือ ................. (Cliff and Ord, 1969 cited by Thomus and Huggett, 1980)


95

6. หนังสือหลายเล่มจบ วิทยานิพนธ์สายสังคมศาสตร์ ให้ระบุเลขเล่มที่นามาใช้หลังปีพิมพ์ โดยใช้เครื่องหมาย จุดคู่ ( : ) คั่น เช่น ประเทือง (2533: 2: 209) ส่วนวิทยานิพนธ์สายวิทยาศาสตร์ไม่ต้องระบุเลขเล่มที่ ในการอ้างอิงระบบนาม-ปี แต่ให้ระบุไว้ในบรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิงท้ายเล่ม บรรณานุกรมและเอกสารอ้างอิง “บรรณานุกรม” (Bibliography) หมายถึง รายการเอกสารหรือทรัพยากรสารสนเทศที่ได้ใช้ใน การศึกษาค้นคว้าทั้งหมด ส่วน “เอกสารอ้างอิง” (Work cited หรือ References cited) หมายถึง รายการ เอกสารหรือทรัพยากรสารสนเทศที่ได้ใช้ในการศึกษาค้นคว้าและได้อ้างอิงไว้ในเนื้อหา แต่ไม่ว่าจะเป็น บรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิงก็ตาม การทารายการเอกสารของบรรณานุกรมและเอกสารอ้างอิงก็ใช้ วิธีการเดียวกัน การทารายการอ้างอิงที่นิยมใช้โดยทั่วไปมีหลากหลายรู ปแบบ ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานศึกษาจะ กาหนดหรือผู้เขยี นวิทยานิพนธ์จะเลือกใช้ แต่เมื่อเลือกใช้หลักเกณฑ์ใดหลักเกณฑ์หนึ่งแล้ว จะต้องใช้ หลักเกณฑ์นั้นๆ ตลอดทั้งเล่ม การทารายการบรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิงนั้น ส่วนใหญ่จะมีรูปแบบสาหรับทรัพยากร สารสนเทศประเภทต่างๆ ได้แก่ 1. หนังสือ 2. หนังสือแปล 3. พจนานุกรม 4. สารานุกรม 5. รายงานการประชุม สัมมนา ปาฐกถา รายงานประจาปี 6. บทความในหนังสือรวมเรื่อง 7. สิทธิบัตร 8. เอกสารมาตรฐาน 9. จุลสาร แผ่นพับ พิมพ์ดีด เอกสารอัดสาเนา 10. วิทยานิพนธ์ 11. เอกสารที่ผู้อื่นอ้างไว้ หรือการอ้างอิงสองทอด 12. บทความในวารสาร 13. บทความในหนังสือพิมพ์ 14 สัมภาษณ์


96

15. 16. 17. 18. 19.

โสตทัศนวัสดุ ซีด-ี รอม สารสนเทศระบบออนไลน์ บทความและบทคัดย่อในวารสารระบบออนไลน์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์

หลักเกณฑ์การจัดเรียงบรรณานุกรมและเอกสารอ้างอิง 1. รวมบรรณานุกรมของสารสนเทศทุกประเภทไว้ด้วยกัน ไม่ต้องแยกประเภท 2. เรียงบรรณานุกรมภาษาไทยขึ้นก่อนบรรณานุกรมภาษาอังกฤษ 3. เรียงบรรณานุกรมตามลาดับอักษร ตามแบบพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน โดยไม่ ต้องใส่เลขลาดับไว้ที่หน้าบรรณานุกรม 3.1 บรรณานุก รมภาษาไทย เรียงตามลาดับ ก-ฮ ถ้าคาขึ้นต้นด้วยตัวอัก ษรเดียวกั น ให้เรียงตามรูปสระ 3.2 บรรณานุ ก รมภาษาอั ง กฤษ เรี ย งตามล าดั บ อั ก ษรตามแบบพจนานุ ก รมโดย ไม่ต้องคานึงถึงคานาหน้านาม a an the 3.3 บรรณานุกรมที่มีชื่อผู้แต่งเหมือนกัน 3.3.1 เรียงตามลาดับตามปีพิมพ์ จากน้อยไปหามาก 3.3.2 ระบุชื่อผู้แต่งในบรรณานุกรมแรก ส่วนบรรณานุกรมถัดไป ไม่ต้องระบุ ชื่อผู้แต่ง แต่ให้ใช้เครื่องหมายขีดเส้ นใต้ยาวประมาณ 1 นิ้ว และเครื่องหมายมหัพภาคแทนการระบุชื่อ รายละเอียดส่วนอื่นๆ ของบรรณานุกรมนั้น ให้ลงรายการตามปรกติ เช่น อุทุมพร จามรมาน. 2537. ทฤษฏีการวัดทางจิตวิทยา. กรุงเทพฯ: ฟันนี่พับบลิชชิ่ง. ______________. 2538. เทคนิคการศึกษาอย่างมีประสิทธิผล. กรุงเทพฯ: ฟันนี่พับบลิชชิ่ง. 3.3.3 บรรณานุ ก รมที่ มี ชื่ อ ผู้ แ ต่ ง เหมื อ นกั น และพิ ม พ์ ปี เ ดี ย วกั น ให้ เ รี ย ง ตามลาดับ อักษรของรายละเอียดส่วนถัดไปจากปีพิมพ์ พร้อมใส่อักษร ก ข ค สาหรับบรรณานุกรม ภาษาไทยหรือ a b c สาหรับบรรณานุกรมภาษาอังกฤษกากับท้ายปีพิมพ์ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร. 2537ก. คู่มือการสอนเรื่องการปลูกขนุน. กรุงเทพฯ: กรมส่งเสริมการเกษตร. 26 น.


97

__________________. 2537ข. สถิติการปลูกไม้ผล-ไม้ยืนต้น ปี 2535. กรุงเทพฯ: กรมส่งเสริมการเกษตร. 414 น. การใช้อักษรย่อในบรรณานุกรมและเอกสารอ้างอิง คาเต็ม/ความหมาย

อักษรย่อ ภาษาไทย ไม่ปรากฏปีพิมพ์ (no date) ม.ป.ป. ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ (no place) ม.ป.ท. ไม่ปรากฏสานักพิมพ์ (no publisher) ม.ป.พ. หน้า (page) น. หลายหน้า (pages) น. บรรณาธิการ (editor) บรรณาธิการหลายคน (editors) และคณะ (et alli) ผู้รวบรวม (compiler) ผู้รวบรวมหลายคน (compilers) ผู้แปล (translator-translators) จานวนเล่ม หรือ เล่มที่ (volume) จานวนหลายเล่ม (volumes) การใช้เครื่องหมายวรรคตอนในบรรณานุกรมและเอกสารอ้างอิง 1. ไม่ต้องเว้นระยะหน้าเครื่องหมายวรรคตอน 2. เว้นระยะ 1 ช่วงตัวอักษรหลังเครื่องหมายต่อไปนี้ เครื่องหมายจุลภาค ( , ) เครื่องหมายอัฒภาค ( ; ) เครื่องหมายอัญประกาศ ( “ ” ) เครื่องหมายจุดคู่ ( : ) 3. เว้นระยะ 2 ช่วงตัวอักษร หลังเครื่องหมายมหัพภาค ( . ) 4. เครื่องหมายมหัพภาคที่ใช้กับคาย่อไม่ต้องเว้นระยะ

ภาษาอังกฤษ no date N.P. n.p. p. pp. ed. eds. et al. Comp. Comps. Tr. Vol. Vols.


98

การเรียงลาดับอักษร ก-ฮ แถวที่ 1 แถวที่ 2 แถวที่ 3 แถวที่ 4 แถวที่ 5

ก ซ ต ฟ ษ

ข ฌ ถ ภ ส

ฃ ญ ท ม ห

ค ฎ ธ ย ฬ

ฅ ฏ น ร อ

ฆ ฐ บ ฤ ฮ

ง ฑ ป ฤา

จ ฒ ผ ล

ฉ ณ ฝ ว

การเรียงลาดับสระตามแบบพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน แถวที่ 1 แถวที่ 2 แถวที่ 3

อะ อั อัะ อา อา อิ อี อึ อื อุ อู เอ เอะ เอา เอาะ เอิ เอี เอีะ เอื เอืะ แอ แอะ โอ โอะ ใอ ไอ

ช ด พ ศ


99

รูปแบบบรรณานุกรมและเอกสารอ้างอิง 1. หนังสือ (เครื่องหมาย / ในรูปแบบ หมายถึง เว้นระยะ 1 ตัวอักษร) หนังสือที่มีผู้แต่งคนเดียว สายสังคมศาสตร์ ผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// รูปแบบ สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.

สายวิทยาศาสตร์ ผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//จานวนหน้า.

ตัวอย่าง ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี. 2539. ภูมิปัญญานิเวศวิทยา ณรรฐพล วัลลีย์ลักษณ์. 2528. ตัวอ่อนของแมลง. เล่มที่ 2. กรุงเทพฯ: ภาควิชากีฏวิทยา ชนพื้นเมือง: ศึกษากรณีชมุ ชนกะเหรี่ยงในป่าทุ่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 240 น. ใหญ่นเรศวร. กรุงเทพฯ: โครงการฟื้นฟูชีวิต และธรรมชาติ. ศิริ อัคคะอัคระ. 2543. การควบคุมไฟป่าสาหรับ ประเทศไทย. กรุงเทพฯ: กรมป่าไม้. 229 น. มาฆะสิริ เชาวกุล. 2541. เศรษฐศาสตร์ตลาดสินค้า เกษตร. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์มหาวิทยาลัย Hopkins, W.G. 1995. Introduction to Plant เกษตรศาสตร์. Physiology. New York: John Wiley & Sons. 464 p. สัญญา สัญญาวิวัฒน์. 2543. ทฤษฎีสังคมวิทยา: เนื้อหาแนวการใช้ประโยชน์เบื้องต้น. พิมพ์ครั้ง Boonpragob, K. 1997. Thailand’s National ที่ 8. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ Greenhouse Gas Inventory 1990. มหาวิทยาลัย. Bangkok: Thailand Environment Institute. 130 p. สุพร อิศรเสนา, ม.ล. 2538. คู่มือการบังคับคดี. กรุงเทพฯ: นิติบรรณการ. . 2538. เทคนิคการศึกษาอย่างมีประสิทธิผล. กรุงเทพฯ: ฟันนี่พับบลิชชิ่ง. เอกวิทย์ ณ ถลาง. 2544. ภูมิปัญญาล้านนา: ภูมิปัญญา ชาวบ้านกับกระบวนการเรียนรู้และการปรับตัว ของชาวบ้านไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พบั บลิชชิ่ง. Cohen, P.s. 1975. Modern Social Theory. London; Heinemann.


100

หนังสือที่มีผู้แต่งคนเดียว (ต่อ) สายสังคมศาสตร์ Kornblum, W. 1991. Sociology in a Changing World. 2nd ed. Forth Worth: Harcourt Brace Jovanovich.

สายวิทยาศาสตร์

Robinson, J. W. 1975. Introduction to Labour. Engiewood Cliffs: Prentice-Hall. Talcott, p. 1991. Social System. 2nd ed. N.P.: Bryan s Turner.

หนังสือที่มีผู้แต่ง 2 คน รูปแบบ

สายสังคมศาสตร์ ผู้แต่งคนที่ 1/และ/ผู้แต่งคนที่ 2.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.// ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.

สายวิทยาศาสตร์ ผู้แต่งคนที่ 1/และ/ผู้แต่งคนที่ 2.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.// ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.// จานวนหน้า.

กุศล ทองงาม และ นิวัติ เชาว์ศิลป์. 2542. ธุรกิจการ ตัวอย่าง กุศล ทองงาม และ นิวัติ เชาว์ศิลป์. 2542. ธุรกิจการ ผลิตผักปลอดภัยจากสารเคมีในจังหวัดเชียงใหม่. ผลิตผักปลอดภัยจากสารเคมีในจังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: ศูนย์วิจัยเพื่อเพิม่ ผลผลิตทางเกษตร เชียงใหม่: ศูนย์วิจัยเพื่อเพิม่ ผลผลิตทางเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 43 น. สมบัติ ศรีชูวงศ์ และ นิตยา สุวรรณรัตน์. 2527. มุกดา ศรียนต์ และวิจิตพาณี เจริญขวัญ. 2530. แนว โรคของพืชเศรษฐกิจบนทีส่ ูง. เชียงใหม่: ความคิดทางจิตวิทยา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 110 น. มหาวิทยาลัยรามคาแหง. Hunt, E.F. and D.C. Colander. 1993. Social Science: An Introduction to the Study of Society. 8th ed. New York: Macmillan.

Cranc, E. and P. Walker. 1983. Impact of pest Management on Bees and Pollination. London: Tropical Development and Research Institute. 129 p.


101

หนังสือที่มีผู้แต่งมากกว่า 2 คน สายสังคมศาสตร์ รูปแบบ ผู้แต่งคนที่ 1/และ/ผู้แต่งคนที่ 2/และ/ผู้แต่งคนสุท้าย.// ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่ พิมพ์:/สานักพิมพ์. ตัวอย่าง

สายวิทยาศาสตร์ ผู้แต่งคนที่ 1/และ/ผู้แต่งคนที่ 2/และ/ผู้แต่งคนสุดท้าย.// ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่ พิมพ์:/ สานักพิมพ์.//จานวนหน้า.

ประกอบ คุณารักษ์, สุรพล พะยอมแย้ม, สมทรัพย์ สุข ดิเรก ทองอร่าม, วิทยา ตั้งก่อสกุล, นาวี จิระชีวี และ อนันต์, วิสาข์ จัติวัตร์ และ ธัชพร มูรพันธุ์. 2543. อิทธิสุนทร นันทกิจ. ม.ป.ป. การออกแบบและ รายงานผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์ สภาพความ เทคโนโลยีการให้น้าแก่พืช. กรุงเทพฯ: มิตรเกษตร พร้อมของหน่วยงานทางการศึกษาต่อการปฏิรูป การตลาดและโฆษณา. 428 น. การศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ. นครปฐม: ประยงค์ ระดมยศ, อัญชลี ตั้งตรงจิตร, ศรชัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. หลูอารีย์สุวรรณ และ แทน จงศุชัยสิทธิ์. 2535. Atlas of Medical Parasitology. กรุงเทพฯ: พัชนี เชยจรรยา, เมตตา วิวัฒนานุกูล และ ถิรนันท์ มหาวิทยาลัยมหิดล. 307 น. อนวัชศิริวงศ์. 2541. แนวคิดหลักนิเทศศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง. Donahue, R.L., R.H. Follett and R.W. Tulloch. 1990. Our Soils and Their Management. 6th ed. สาเนาว์ ขจรศิลป์, บุญเรืยง ขจรศิลป์, สมประสงค์ น่วม บุญลือ, สุริยา เสถียรกิจอาไพ และ บุญสม Danvillle: Interstate Publishers. 594 p. ชีรวณิชย์กูล. 2541. รายงานการวิจัยเรื่อง การ Whyte, R.O.,T.R.G. Moir and J.P. Cooper. 1975. พัฒนารูปแบบค่ายอาสาพัฒนาของนักศึกษา. Grasses in Agriculture. Rome: Food and กรุงเทพฯ: สานักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัย. Agriculture Organization of the United Nations. 416 p.

หนังสือที่มีผู้รับผิดชอบในหน้าที่รวบรวม ผู้เรียบเรียง หรือ บรรณาธิการ สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

รูปแบบ ชื่อผู้รับผิดชอบ/(หน้าที่ที่รบั ผิดชอบ).//ปีที่พิมพ์.// ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/ สานักพิมพ์.

ชื่อผู้รับผิดชอบ.//(หน้าทีท่ ี่รับผิดชอบ).//ปีที่พิมพ์.// ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/ สานักพิมพ์.//จานวนหน้า.

ตัวอย่าง เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ และ กัญจนา ดีวิเศษ (บรรณาธิการ). 2542. สมุนไพรกับวัฒนธรรม ตอนที่ 2 ไม้ริมรั้ว. กรุงเทพฯ: สถาบันการแพทย์ แผนไทย กรมการแพทย์.

Jones, J. B., J. P. Jones, R. E., Stall and T. A. Zitter. (eds.). 1993. Compendium of Tomato Diseases. St. Paul: APS Press. 73 p.


102

หนังสือที่มีผู้รับผิดชอบในหน้าที่รวบรวม ผู้เรียบเรียง หรือบรรณาธิการ (ต่อ) สายสังคมศาสตร์ Matthews, R. B., M.J. Kropff, D. Bachelet and H. H. Van Laar (eds.). 1995. Modeling the Impact of Climate Chanhe on Rice Production in Asia. Wallingford: CAB International.

สายวิทยาศาสตร์ Martin, A. M. (ed.). 1994. Fisheries Processing: Biotechnological Applications. London: Chapman & hall. 494 p.

หนังสือที่มีผู้แต่งเป็นหน่วยงาน สถาบัน องค์กร หรือนิติบุคคล สายสังคมศาสตร์ รูปแบบ

ชื่อสถาบัน.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.

สายวิทยาศาสตร์ ชื่อสถาบัน.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//จานวนหน้า.

ตัวอย่าง กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์. 2544. สถิติการค้าและเครือ่ ง กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์. 2544. สถิติการค้าและเครือ่ ง ชี้ภาวะเศรษฐกิจของไทย ปี 2543. กรุงเทพฯ: ชีภ้ าวะเศรษฐกิจของไทย ปี 2543. กรุงเทพฯ: กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์. กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์. 455 น. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2542. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาเพื่อจัดทาแผนยุทธศาสตร์การ พัฒนาภาคเหนือตอนบนระยะ 10 ปี (พ.ศ. 25422551). เล่มที่ 1. กรุงเทพฯ: สานักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษบกิจและสังคม แห่งชาติ. สานักนโยบายและแผนอุดมศึกษา ส่วนวิเคราะห์ งบประมาณ. 2543. ต้นแบบระบบงบประมาณ พัสดุการเงินและบัญชีกองทุน โดยเกณฑ์พงึ รับพึง จ่ายลักษณะ3 มิติ สาหรับผูป้ ฏิบัติในมหาวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: สานักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัย. National Commission on Women’s Affair. Thailand’s Report on the status of Woman and Platform for Action 1994. Bangkok: Amarin Printing and Publishing.

สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร. 2544. สถิติการค้าสินค้า เกษตรกรรมไทยกับต่างประเทศปี 2543. กรุงเทพฯ: สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร. 307 น. องค์การสวนพฤกษศาสตร์. 2538. การอบรมปฏิบัตกิ าร นักพฤกษศาสตร์ท้องถิน่ . เชียงใหม่: องค์การ สวนพฤกษศาสตร์. 97 น. International Institute of Tropical Agriculture. 1986. IITA Annual Reprot and Research Highlights 1985. Ibadan, Nigeria: International Institute of Tropical Agriculture. 144 p. International Rice Research Institute. 1995. Program Report for 1994. Laguna: International Rice Research Institute. 311 p.


103

หมายเหตุ ถ้ามีชื่อหน่วยงานใหญ่และหน่วยงานย่อย ให้เรียงลาดับหน่วยงานใหญ่ขนึ้ ก่อน ตามด้วยหน่วยงานย่อย เขช่น มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณะผลิตกรรมการเกษตร ภาควิชาพืชสวน. เป็นต้น

หนังสือที่ไม่มีผู้แต่ง สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

รูปแบบ

ชื่อเรื่อง.//ปีที่พิมพ์.// ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/ สานักพิมพ์.

ชื่อเรื่อง.//ปีที่พิมพ์.// ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/ สานักพิมพ์.//จานวนหน้า.

ตัวอย่าง

รายงานสถานการณ์คณ ุ ภาพสิง่ แวดล้อม พ.ศ. 2542. 2543. กรุงเทพฯ: สานักนโยบายและแผน สิ่งแวดล้อม.

คู่มือการจัดการสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมแป้งมัน สาปะหลัง แป้งมันดัดแปลง และแป้งมันแปรรูป. 2540. กรุงเทพฯ: สานักเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม โรงงานกรมโรงงานอุตสาหกรรม. 98 น.

วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และ ภูมิปัญญา จังหวัดแพร่. 2542. กรุงเทพฯ: กระทรวง รายงานสถานการณ์คณ ุ ภาพสิง่ แวดล้อม พ.ศ. 2542. มหาดไทย, กระทรวงศึกษาธิการ และกรมศิลปากร. 2543. กรุงเทพฯ: สานักนโยบายและแผน สิ่งแวดล้อม. 326 น.

2. หนังสือแปล สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

2.1 มีชื่อผู้แต่ง ผู้แปล และชื่อเรื่องต้นฉบับเดิม ชื่อผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่องที่แปลแล้ว.//แปลจาก// รูปแบบ ชื่อผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่องที่แปลแล้ว/แปลจาก/ ชื่อเรื่องต้นฉบับ/โดย/ชื่อผู้แปล.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// ชื่อเรื่องต้นฉบับ/โดย/ชื่อผู้แปล.//ครั้งที่พิมพ์ สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์. (ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//จานวนหน้า.

2.2 มีชื่อผู้แต่ง ผู้แปล แต่ไม่มีชื่อเรื่องต้นฉบับเดิม รูปแบบ ชื่อผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่องที่แปลแล้ว/แปลโดย/ ชื่อผู้แปล.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/ สานักพิมพ์.

ชื่อผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่องที่แปลแล้ว.//แปลโดย/ ชื่อผู้แปล.//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/ สานักพิมพ์.//จานวนหน้า.


104

2.3 มีชื่อผู้แปล แต่ไม่มีชื่อผู้แต่ง รูปแบบ

ชื่อผู้แปล,ผู้แปล.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่องที่แปลแล้ว/ แปลจาก/ชื่อเรื่อง ต้นฉบับ(ถ้ามี).//ครั้งที่พิมพ์ (ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.

ตัวอย่าง ทรงวิทย์ เขมเศรษฐ์. 2542. กลไกสร้างผู้นา แปลจาก The Leadership Engine. กรุงเทพฯ: เออาร์ บิซิเนสเพรส. บอร์เก็นวัวล์ม, แมทท์, ฮาคาน จารส์ด็อก, บาบาร่า เมอ เรย์และเซซิเลีย พาลเมอร์. 2543. ขั้นพื้นฐาน การ พัฒนาธุรกิจด้วยตัวเอง แปลจาก Impruve Your Business: Basics โดย ไมตรี วสันติวงศ์. เจนีวา: สานักงานองค์การแรงงานระหว่างประเทศ. Reichheld, F. F. 2539. การบริหารฐานภักดี: กลยุทธ์ สร้างความมั่งคั่งแบบถาวร แปลจาก The Loyalty Effect โดย ศิระโอกาสพงษ์. กรุงเทพฯ: คู่แข่ง.

ชื่อผู้แปล,ผู้แปล.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่องที่แปลแล้ว/ แปลจาก/ชื่อเรื่องต้นฉบับ(ถ้ามี).//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.// จานวนหน้า. Hammer, M. and S.A. Station. 2539. การปฏิวัติการ รีเอ็นจิเนียริ่ง แปลจาก The Reengineering Revolution: a Handbook โดย วิฑูรย์ สิมะโชคดี. กรุงเทพฯ: คู่แข่ง. 447 น. Tapscott, D. 2539. เศรษฐกิจดิจติ อล แปลจาก The Digital Economy: Promise and peril in the Age of Networked Intelligence โดย สงกรานต์ จิตสุทธิภากร. กรุงเทพฯ: แมคกรอ-ฮิล อินเตอร์ เนชั่นแนล เอ็นเตอร์ ไพรส์ อิงค์. 429 น.

3. พจนานุกรม (Dictionary) สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

3.1 มีชื่อผู้จัดทา รูปแบบ

ชื่อผู้จัดทา.//ปีที่พิมพ์.//”คาที่ค้น”.//ชื่อพจนานุกรม.// ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//น./ เลขหน้า.

ชื่อผู้จัดทา.//ปีที่พิมพ์.//”คาที่ค้น”.//ชื่อพจนานุกรม.// ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//น./ เลขหน้า.


105

3.2 ไม่มีชื่อผู้จัดทา รูปแบบ ”คาที่คน้ ”.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อพจนานุกรม.//ครั้งที่พิมพ์ (ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//น./เลขหน้า.

”คาที่คน้ ”.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อพจนานุกรม.//ครั้งที่พิมพ์ (ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//น./เลขหน้า.

ตัวอย่าง วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. 2539. “Outdoor foreman”. A New English-thai Dictionary (ฉบับรวมศาสตร์). กรุงเทพฯ: รวมสาสน์. น. 1176.

“บางบ่อ”. 2526. อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ไทย ฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน. เล่ม 3. พิมพ์ครั้งที3่ . กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. น. 747.

สุภางค์ จันทวานิช (บรรณาธิการ). 2542. “การตั้งถิ่น “ผักอี่ฮึม”. 2539. พจนานุกรมภาษาถิ่นภาคเหนือ. ฐานแบบประกอบอาชีพได้”. ประมวลคาศัพท์ว่า เขียงใหม่: สถาบันราชภัฏเชียงใหม่. น. 497. ด้วยผู้ลี้ภัยและการย้ายถิ่น. กรุงเทพฯ: ศูนย์วิจัยการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชา ย้ายถิ่นแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์ ภาษาศาสตร์. 2530. “สาหร่าย”. ศัพทานุกรม มหาวิทยาลัย. น. 63. ไทย-คาเมือง-ม้งข้าว-กะเหรี่ยงสะกอ-มูเซอดา “Blind valley”. 2523. พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์. สาหรับแพทย์ ทันตแพทย์ และสัตวเพทย์ เพื่อการ เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. พัฒนาคุณภาพชีวติ ของชาวชนบท. กรุงเทพฯ: น. 95-96. สานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. น. 92.

4. สารานุกรม (Encyclopedia) สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

4.1 มีชื่อผู้เขียนบทความ รูปแบบ

ชื่อผู้เขียนบทความ.//ปีที่พิมพ์.//”ชื่อบทความ”.// ชื่อสารานุกรม.//เล่มที่(ถ้ามี).//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//น./เลขหน้า.

ชื่อผู้เขียนบทความ.//ปีที่พิมพ์.//”ชื่อบทความ”.// ชื่อสารานุกรม.//เล่มที่(ถ้ามี).//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).// สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.//น./เลขหน้า.

4.2 ไม่มีชื่อผู้เขียนบทความ รูปแบบ “ชื่อบทความ”.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อสารานุกรม.//เล่มที่ (ถ้ามี).//ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/ สานักพิมพ์.//น./ เลขหน้า.

“ชื่อบทความ”.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อสารานุกรม.//เล่มที่ (ถ้ามี).// ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/ สานักพิมพ์.//น./ เลขหน้า.


106

4.2 ไม่มีชื่อผู้เขียนบทความ (ต่อ) รูปแบบ มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. ตัวอย่าง 2543. “เรียกขวันเข้า”. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ. เล่ม 11. กรุงเทพฯ: สยามเพรสแมนเนจ เม้นท์. น. 5736- 5737.

มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. 2543. “เยียะนา”. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ. เล่ม 11. กรุงเทพฯ: สยามเพรสแมน เนจเม้นท์. น. 5541-5563.

5.รายงานการประชุมทางวิชาการ รายงานการสัมมนา ปาฐกถา และรายงานประจาปี สายสังคมศาสตร์ รูปแบบ

ตัวอย่าง

สายวิทยาศาสตร์

ชื่อผู้จัดทา.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//รายละเอียดของการ ประชุม(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.

ชื่อผู้จัดทา.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//รายละเอียดของการ ประชุม(ถ้ามี).//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.

Racke,K.D.and A.R. Leslie(eds.) Pesticides in Urban Environments, Fate and Significance. 203 National Meeting of the American Chemical Society, San Francisco, California, 5-10 April 1992, Washington, D.C.: American Chemical Society.

International Rice Research Institute and United Nations Development Programme. 1988. Rice Seed Health. Proceeding of the International workshop on Rice Seed Health 16-20 March 1987. Manila: International Rice Research Institute. LaGrega,M.D. and D.A.Long. (eds). 1984. Toxic and Hazardous Wastes. Proceedings of the Sixteenth Mid-Atlantic Industrial Waste Conference. Lancaster: Technomic.

6. บทความในหนังสือรวมเรื่อง รายงานการประชุมวิชาการ รายงานการสัมมนา รายงานประจาปี รายงานผลวิจัย สายสังคมศาสตร์ รูปแบบ

สายวิทยาศาสตร์

ชื่อผู้จัดทา.//ปีที่พิมพ์.// “ชื่อบทความ”.//น./เลขหน้าที่ ชื่อผู้จัดทา.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อบทความ.//น./เลขหน้าที่ ปรากฏเรื่อง.//ใน/ชื่อผู้รับผิดชอบ.//ชื่อเรื่อง.// ปรากฏเรื่อง.//ใน/ชื่อผู้รับผิดชอบ.//ชื่อเรื่อง.// รายละเอียดอื่นๆ(ถ้ามี).//รั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่ รายละเอียดอื่นๆ(ถ้ามี).//รั้งที่พิมพ์(ถ้ามี).//สถานที่ พิมพ์:/สานักพิมพ์. พิมพ์:/สานักพิมพ์.


107

6. บทความในหนังสือรวมเรื่อง รายงานการประชุมวิชาการ รายงานการสัมมนา รายงานประจาปี รายงานผลวิจัย (ต่อ) ตัวอย่าง

คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขานิติศาสตร์. 2544. คนิต รัตนวัฒน์กุล. 2545. การศึกษาการปักชากล้าไม้ “สรุปผลการประชุมกลุ่มกฎหมาย สัก. น. 62-77. ใน รายงานวนวัฒน์วิจัยประจาปี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องปัญหา พ.ศ. 2544. กรุงเทพฯ: ส่วนวนวัฒน์วิจัย สานัก การบังคับใช้กฎหมายทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและ วิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้. แนวทางแก้ปัญหา”. น. 94-98. ใน การประชุม สถิต สวินทร. 2529. การปลูกสร้างสนป่าหวาย. น. 73นิติศาสตร์แห่งชาติ. 14-15 กันยายน 2543 ณ 98. ใน การสัมมนาเรื่องหวาย. กรุงเทพฯ: คณะ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ. กรุงเทพฯ: วนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สานักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ. Keokamnerd,M. 1999. Ecology of Thai orchids. pp. ทิพาวดี เมฆสวรรค์. 2542. “องค์กรมหาชน: ผลิตผล 95-100. In Biological Diversity. Proceedings of ของบูรณาการระบบการจัดการี่ด”ี . น. 29-40. ใน the 11 Asian Agricultural Symposium 1999. องค์กรมหาชน: มิติใหม่ของหน่วยงานภาครัฐ. Kyushu Tokai University. กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการปฏิรูประบบ ราชการ สานักงาน ก.พ. Khush, G.S. 1989. Mulitple disease and insect resistance for increased yield stability in rice. ธเนศวร์ เจริญเมือง. 2544. “การอนุรักษ์มรดกท้อถิ่น pp. 79-92. In Progress in Irrigated Rice กับการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง” น. 110-126. ใน Research. Manila: International Rice Research ดวงจันทร์ อาภาวัชรุตม์ เจริญเมือง Institute. (บรรณาธิการ). สตรีกับการจัดการด้านชุมชนและ วัฒนธรรมท้องถิ่น. เชียงใหม่: ศูนย์ศึกษาปัญหา Racke, K. D.,R.N. Lubinski, D.D. Fontaine,J.R. เมืองเชียงใหม่. Miller, P.J. McCall and G.R. Oliver. 1993. Comparative fate of chloropyrifos insecticide in วราพร ศรีสุพรรณ. 2544. “คุณภาพประชากรกับการ urban and agricultural environments. pp. 70-85. รักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน” น. 47-75. ใน In Pesticides in Urban Environments: Fate รายงานการสัมมนาเรื่อง คุณภาพประชากรใน and Significance. Washington, D.C.: American ทศวรรษหน้า. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยประชากร Chemical Society. และสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. Stephenson, A.G. 1992. The regulation of maternal investment in plants. pp. 151-171. In Fruit and Seed Production. Cambridge: Cambridge University Press.


108

7. สิทธิบัตร (Patent) สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

รูปแบบ

ชื่อจดสิทธิบัตร.// “ชื่อสิทธิบัตร”.//ประเทศและ ชื่อจดสิทธิบัตร.//ชื่อสิทธิบัตร.//ประเทศและหมายเลข หมายเลขสิทธิบตั รหรือเลขที่คาขอ.//วันที่/เดือน/ปี สิทธิบัตรหรือเลขที่คาขอ.//วันที่/เดือน/ปี ทีจ่ ด ที่จดสิทธิบัตรหรือยื่นคาขอ. สิทธิบัตรหรือยืน่ คาขอ.

ตัวอย่าง

ชอค เคียน เยก. “อุปกรณ์สาหรับดักจับแมลง” สิทธิบัตรไทยเลขทีค่ าขอ 028585. 9 เมษายน 2544.

คูปอนท์ เดอ เนมูรส์ แอนต์ คัมปะนี. การเพิ่มการ แสดงออกของทรานส์จีนในประชากรเซลล์ของ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว. สิทธิบัตรไทย เลขที่คาขอ 60/028,165. 17 ตุลาคม 2539.

ภูมิพอดุลยเดช, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว. “การใช้ น้ามันปาล์มบริสุทธ์เป็นน้ามันเชือ้ เพลิงเครื่องยนต์ Tan, K.S. Herb Product. Japan Patent 11-137232. ดีเซล”. สิทธิบัตรไทยเลขที่ 10764. 26 กรกฎาคม 25 May 1999. 2544. Water, G.V.M.P. Zieff, J.B. Stone and L.A. Yomamoto, K.M. Hiroaki, M. Hiramitsu and Y. Gainsboro. Bird Feeder. United States Patent Yoshiaki. “Food material containing antioxidant 5,682,835. 4 November 1997. ingredient derived from citrus fruit”. United States Patent 6,350,477. 26 February 2002.

8. เอกสารมาตรฐาน (Standard) สายสังคมศาสตร์ รูปแบบ

ตัวอย่าง

สายวิทยาศาสตร์

ผู้รับผิดชอบหรือหน่วยงานกาหนดมาตรฐาน.//ปี.//“ชื่อ ผลิตภัณฑ์”.//เลขมาตรฐาน.

ผู้รับผิดชอบหรือหน่วยงานกาหนดมาตรฐาน.//ปี.//ชื่อ ผลิตภัณฑ์.//เลขมาตรฐาน.

สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม. 2520. “วัสดุจาพวกปูนไลม์เพื่อการเกษตร”. มอก. 2232520.

สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม. 2521. กาก เนื้อมะพร้าวแห้งที่ใช้เป็นอาหาสัตว์. มอก. 5222527.

_________. 2531. “ผ้ามุ้ง”. มอก. 769-251

_________. 2527. กาแฟคั่ว. มอก. 522-2527


109

9. จุลสาร (Pamphlet) แผ่นพับ (Brochure) พิมพ์ดีด (Typescript) และเอกสารอัดสาเนา (Mimeograph) สายสังคมศาสตร์ รูปแบบ

ตัวอย่าง

สายวิทยาศาสตร์

ชื่อผู้จัดทา(ถ้ามี).//ปีที่พิมพ์(ถ้ามี).// “ชื่อเรื่อง”..//สถานที่ ชื่อผู้จัดทา(ถ้ามี).//ปีที่พิมพ์(ถ้ามี).//ชื่อเรื่อง.//สถานที่ พิมพ์:/สานักพิมพ์(ถ้ามี).//(ลักษณะของเอกสาร). พิมพ์:/สานักพิมพ์(ถ้ามี).//จานวนหน้า(ถ้ามี).// (ลักษณะของเอกสาร). “การจัดการกองทุนส่วนบุคคล”. 2544. กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์. (จุลสาร).

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ. ม.ป.ป. กรุงเทพฯ: มอนซานโต้ ไทยแลนด์. 6 น. (จุลสาร).

ชัยรัตน์ นิลนนท์, ธีระพงศ์ จันทรนิยม, ประกิจ ทองคา “ข้อแนะนาการใช้แรงงานหญิง”. 2539. กรุงเทพฯ: และธีระ เอกสมทราเมษฐ์. 2544. การใช้ปุ๋ย กองแรงงานหญิงและเด็ก กรมสวัสดิการและ สาหรับปาล์มน้ามัน. สงขลา: โครงการจัดตั้ง คุ้มครองแรงงาน. (แผ่นพับ). ศูนย์วิจัยและพัฒนาการผลิตผลน้ามันปาล์ม คณะ ทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. มหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2540. “ประกาศมหาวิทยาลัยแม่โจ้ 8 น. (จุลสาร). ที่ 36/2540 เรื่อง ตั้งชื่อพันธ์ถั่วเหลือง”. (พิมพ์ดีด). “ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2540. ประกาศมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่ 36/2540 เรื่อง ตั้งชื่อพันธ์ถั่วเหลือง. (พิมพ์ดีด). พ.ศ. 2544”. 2544. กรุงเทพฯ: ศูนย์ผลิตเอกสาร เผยแผ่ สานักพัฒนาประชาสัมพันธ์. (จุลสาร)

แมลงยาสูบและการป้องกันกาจัดแมลงในไร่ยาสูบ. 2539. เชียงใหม่: กองโรควิทยา สถานีทดลอง สมคิด เลิศไพฑูรย์, วรเจตน์ ภาคีรัตน์, สกนธ์ วรัญญู ยาสูบแม่โจ้ฝ่ายใบยา โรงงานยาสูบ วัฒนา, วุฒิสาร ตันไชย และ อุดม รัฐอมฤต. 2544. กระทรวงการคลัง. (แผ่นพับ). “วิเคราะห์เศรษฐกิจและการเมืองไทย”. ศูนย์ส่งเสริมเครือข่ายพ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กและเยาวชน กรุงเทพฯ: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย เพื่อการปฏิรูปการศึกษา. 2544. การใช้เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (จุลสาร). เพื่อการส่งเสริมความเข้มแข็งทาการศึกษาของ สานักคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาด ครอบครัวและชุมชน. กรุงเทพฯ: สานักงาน หลักทรัพย์ สานักงานนโยบายและแผนตลาดทุน คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. 7 น. (จุลสาร). 2544. “สารองเลี้ยงชีพเพื่ออนาคต”. กรุงเทพฯ: Chomchalow, N. 1998. Amazing Thai Yetiver. RAP สานักงานนโยบายและแผนตลาดทุน สานักงาน Publication 1998/40. N.P.: The Royal คณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาด Development Project Board and the FAO หลักทรัพย์. (จุลสาร). Regional Office for Asia and the Pacific. 28 p. (Pamphlet).


110

9. จุลสาร (Pamphlet) แผ่นพับ (Brochure) พิมพ์ดีด (Typescript) และเอกสารอัดสาเนา (Mimeograph) (ต่อ) สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

_______. 2544ข. “เส้นทางสู่กองทุนเลี้ยงชีพ”. กรุงเทพฯ: สานักงานนโยบายและแผนตลาดทุน สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์. (จุลสาร). “สิทธิและหน้าที่นายจ้างและลูกจ้างตามกฎหมาย คุ้มครองแรงงาน”. กรุงเทพฯ: กองคุ้มครอง แรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (แผ่นพับ).

10. วิทยานิพนธ์ (Thesis, Dissertation) สายสังคมศาสตร์ รูปแบบ

ตัวอย่าง

สายวิทยาศาสตร์

ผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อวิทยานิพนธ์.//ระดับของ วิทยานิพนธ์.//ชื่อสถาบันการศึกษา.

ผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อวิทยานิพนธ์.//ระดับของ วิทยานิพนธ์.//ชื่อสถาบันการศึกษา.//จานวนหน้า.

เจริญ งอยจันทร์ศรี. 2536. รูปแบบการส่งเสริม การเกษตรแผนใหม่. กรุงเทพฯ: ภาคนิพนธ์ ปริญญาโท, สถาบันบัณฑิตบริหารศาสตร์.

กิตติมา จิตมนัส. 2540. การศึกษาคุณภาพของเมล็ด พันธุถ์ ั่วเหลือง 37 สายพันธุ์. วิทยานิพนธ์ปริญญา โท, มหาวิทยาลัยแม่โจ้.

เสกสรร สุวรรณมาโจ. 2539. ข่าวสารและแหล่งข่าวใน กระบวนการตัดสินใจยอมรับเทคโนโลยีการปลูก ข้าวบาสมาติกของเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, สถาบัน เทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้.

นิรมิต กิจรุ่งเรือง. 2531. การศึกษาลักษณะลูกผสมชั่วที่ 1 ของแตงไทย (Cucumis melo L.). วิทยานิพนธ์ ปริญญาโท, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 141 น.

Pedersen, A.B. 1995 The Reproductive Phenology and Pollination Biology of Four Calamus McKenna, J.C. 1999. Sustainable Ethnic Tourism in (Arecacae) Species in Thailand. Doctoral Northern Thailand. Edmonton: Master’s thesis, dissertation. University of Aarhus. 86 p. University of Alberta. Phetpradap, L. 1992. Seed Production in China Aster (Callistephus chinensis (L.) Nees.). Doctoral dissertation. Massey University. 280 p.


111

11. เอกสารที่ผู้อื่นอ้างไว้ หรือการอ้างอิงสองทอด สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

รูปแบบ

ผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อเรื่อง.//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์.// ผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อเรื่อง.//สถานที่พิมพ์(ถ้ามี):/ สานักพิมพ์(ถ้ามี).//อ้างโดย//ผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.// อ้างอิงถึงใน//ผู้แต่ง.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อเรื่อง.//สถานที่ ชื่อเรื่อง.//สถานที่พิมพ์:/สานักพิมพ์. พิมพ์:/สานักพิมพ์.

ตัวอย่าง

Littiejohn, S.W. 1983. Theories of Human Communication. 2 ed. Belmont: Wadsworth. อ้างถึงใน พัชนี เชยจรรยา, เมตตา วิวัฒนานุกูล และ กิรนันท์ อนวัชศิริวงศ์. 2541. แนวคิดหลัก นิเทศศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง.

Anderson, W.P. 1983. Weed Science: Principles. อ้าง โดย รังสิต สุวรรณเขตนิคม. ม.ป.ป. สารกาจัด วัชพืชกับผลทางสรีรวิทยาของพืชเล่ม 1 พื้นฐาน การเลือกทาลาย. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์.

Schumacher, E.F. 1973. Small is Beautiful, Economic

Garrod, J.F. 1982. The discovery and development of

as if People Mattered. New York: Harper &

plant growth regulator. อ้างโดย สมเกียรติ กลั่น

Row. อ้างถึงใน อานนท์ กาญจนพันธุ์. 2544. วิธี

กลิ่น. 2544. ผลของสาร Thiourea ต่อการเกิดตา

คิดเชิงซ้อในการพัฒนา. กรุงเทพฯ: สานางาน

ยอดและการเกิดรากของยอดสักปักชาในระยะกล้า

กองทุนสนับสนุนกรวิจัย.

สักพักตัว. น. 89-99. ใน รายงานวนวัฒน์วิจัย

Simmon, D.M. 1972. Linear Programming for Operations Research. California: Holden-Day. อ้างถึงใน ปิยะนุช เงินคล้าย. 2530. เทคนิคเชิง

ประจาปี 2544. กรุงเทฯ: ส่วนวนวัฒน์วิจัย สานัก วิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้. Sinclair, W.A. H.M. Giffiths and R.E. Davis. 1996.

ประมาณในงานบริหารรัฐกิจ. กรุงเทพฯ:

Ash yellow and lilac Witches’ Broom:

สานักพิมพ์วิทยาลัยรามคาแหง.

phytoplasmal diseases of concern in forestry and

Hamilton, C. and J. Whalley. 1988. Coalitions in the Uruguay Round: the extent, pros and cons of developing country participation. Cambridge: National Bureau of Economic Research. Cited in P.M. Ungphakom. 1995. Three Dimenstion of the Uruguay Round. Bangkok: Kobfai’s Publishing.

horticulture, p. 468. Cited by P. Cernic-Zagrac and C. Hiruki. 1996. comparative moleclar studies on aster yellow pytoplasmas. Acta Horticulturae (432): 266-276.


112

12. บทความในวารสาร สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

12.1 มีชื่อผู้เขียนบทความ รูปแบบ

ผู้เขียนบทความ.//ปีที่พมิ พ์.//“ชื่อบทความ”.//ชื่อวารสาร ผู้เขียนบทความ.//ปีที่พิมพ์.//”ชื่อบทความ”.//ชื่อวารสาร/ เลขปีที่,เลขฉบับที(่ วันที่/เดือน):/เลขทีห่ น้า. เลขปีที่,(เลขฉบับที)่ :/เลขทีห่ น้า.

12.2 ไม่มีชื่อผู้เขียนบทความ รูปแบบ

“ชื่อบทความ”.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อวารสาร/เลขปีที่/เลขฉบับ ที่/ (วันที่/เดือน):/เลขทีห่ น้า.

ตัวอย่าง

“การอนุรักษ์และพัฒนาป่าไม้ใต้เบื้องพระยุคลบาท”. 2543. วนสาร 57. ฉบับพเศษ : 4-14. ปวิณ ปุณศรี. 2519. “โครงการหลวงพัฒนาชาวเขา”. วารสารพัฒนาที่ดิน 13 (มิถุนายน): 1-4. ระพี สาคริก. 2528. “การส่งเสริมการเกษตรที่ยังเข้าไม่ ถึงเกษตรกร”.ชาวเกษตร 4, 46 (มีนาคม): 6-9.

ชื่อบทความ.//ปีที่พิมพ์.//ชื่อวารสาร/เลขปีที่(เลขฉบับที)่ / เลขที่หน้า. ไพโรจน์ กลิ่นพิทักษ์. 2525. การหาปริมาณกรด แอสคอร์(วิตามินซี) ในผักสดโดยวิธีโฟโตเมทรี. ศูนย์บางพระ 20: 41-47. เรืองศักดิ์ จะทียะนิจ. 2539. นกกระจอกเทศและนกอีมู สัตว์ปีกเศรษฐกิจสากล. สัตว์เศรษฐกิจ 13(288): 55-57

อรรถจักร สัตยานุรักษ์. 2539. “เชียงใหม่ 700 ปี”. สารคดี 12,135 (พฤษภาคม): 109-124.

สรสิทธิ์ วัชโรทยาน. 2521. การผสมปุ๋ยใช้เองสาหรับ กล้วยไม้. พืชสวน 3(4):23-30.

Golob. P. and P. S. Tyler. 1994. “Extension and training in post-harvest practices for farmers, with particular reference to Africa”. FAO Plant Protection Bulletin 42,3: 117-128.

Herrera, C. R. and P. Jordano. 1981. Prunus mahaleb and birds: the high-efficiency seed dispersal system of temperate fruiting. Ecological Monographs 51(2):203-218.

Rutherford, A. S. 1999. “meat and milk self” sufficiency in Asia: forecast trends and implications”. Agricultural Economics 21,1 (August): 21-40.

Rowell, T., D. G. Mortley, P. A. Location, C. K. Bonsi and W.A. Hill. 1999. Continuous daily light period and temperature influence peanut yield in nutrient film technique. Crop Science 39(4): 1111-1114.


113

13. บทความในหนังสือพิมพ์ สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

13.1 มีชื่อผู้เขียนบทความ รูปแบบ

ผู้เขียนบทความ.//ปีที่พิมพ์.// “ชื่อคอลัมน์(ถ้ามี):/ชื่อ บทความ”.//ชื่อหนังสือพิมพ์/วันที่/เดือน:/ เลขหน้า.

ผู้เขียนบทความ.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อคอลัมน์(ถ้ามี):/ชื่อ บทความ.//ชื่อหนังสือพิมพ์/วันที่/เดือน:/เลขหน้า.

13.2 ไม่มีชื่อผู้เขียนบทความ รูปแบบ

ตัวอย่าง

“ชื่อคอลัมน์(ถ้ามี):/ชื่อบทความ”.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อหนังสือพิมพ์/วันที่/เดือน:/เลขหน้า. ทองแถม นาถจานง. 2545. “ราชดาเนินกลาง: ความรู้ เกี่ยวกับจีนศึกษา”. สยามรัฐ 8 มีนาคม : 2. ศศิมา ดารงสุกิจ. 2545. “เที่ยวสวนชมไร่; นั่งหลังช้าง เที่ยวชมอยุธยา เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากมูลช้าง”. เดลินิวส์ 10 มีนาคม: 27. Sukhavasit na Ayudhy, S. 2002. “H. R. in practice: negotiation skill #2”. The Nation 7 March; 6.

“ชื่อคอลัมน์(ถ้ามี): ชื่อบทความ”.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อหนังสือพิมพ์/วันที่/เดือน:/เลขหน้า. ใช้รูปวินิจฉัยไมเกรนเด็ก. 2545. คม ชัด ลึก 7 มีนาคม: 9 ทีมข่าวเฉพาะกิจ. 2545. ระวังภัยใกล้ตัว: ระวัง สารพิษซ่อนตัวในผัก-ผลไม้. เดลินิวส์ 27 กุมภาพันธ์: 2, Parnsoonthorn, K. and N. Polkuandee. 2002. Billions Wasters buying inappropriate systems. Bangkok Post Business 7 March: 3.

14. สัมภาษณ์ สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

14.1 ผู้ให้สัมภาษณ์มีตาแหน่ง รูปแบบ ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์.//ตาแหน่ง.// ปีที่ให้สัมภาษณ์.//

สัมภาษณ์.//วันที่/เดือน.

ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์.//ตาแหน่ง.// ปีที่ให้สัมภาษณ์.// สัมภาษณ์.//วันที่/เดือน.

14.2 ผู้ให้สัมภาษณ์ไม่มีตาแหน่ง รูปแบบ

ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์.// ปีที่ให้สัมภาษณ์.//สัมภาษณ์.//วันที่/ เดือน.

ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์.// ปีที่ให้สัมภาษณ์.//สัมภาษณ์.// วันที่/ เดือน.


114

14.3 ไม่มีชื่อผู้รับผิดชอบ รูปแบบ ตัวอย่าง

ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์.// ปีที่ให้สัมภาษณ์.//สัมภาษณ์.//วันที่/ เดือน.

ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์.// ปีที่ให้สัมภาษณ์.//สัมภาษณ์.//วันที่/ เดือน.

เนื่อง นิลรัตน์, ม.ล. 2545. สัมภาษณ์. 15 เมษายน. เพ็ญศรี ก๊วยสุวรรณ. ประธารชมรมบรรณารักษ์ และ นักเอกสารสนเทศนานาชาติ. 2544. สัมภาษณ์ 15 มีนาคม.

บุญทิพา สิมะสกุล. อธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์. 2545. สัมภาษณ์. 27 มีนาคม.

15. โสตทัศนวัสดุ สายสังคมศาสตร์

สายวิทยาศาสตร์

15.1 มีชื่อผู้รับผิดชอบ รูปแบบ ผู้จัดทาหรือผู้รับผิดชอบ.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อเรื่อง.//[ประเภท ผู้จัดทาหรือผู้รับผิดชอบ.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อเรื่อง.//[ประเภท

ของวัสดุ].//สถานที่ผลิต:/ผู้ผลิตหรือเผยแพร่.

ของวัสดุ].//สถานที่ผลิต:/ผู้ผลิตหรือเผยแพร่.

15.2 ไม่มีชื่อผู้รับผิดชอบ รูปแบบ ชื่อเรื่อง.//ปีที่พิมพ์.//[ประเภทของวัสดุ].//สถานที่ผลิต:/

ผู้ผลิตหรือเผยแพร่. ตัวอย่าง Developing Field Experiments in Rice. No date. [Slides]. Los Banos: International Rice Research Institute.

ชื่อเรื่อง.//ปีที่พิมพ์.//[ประเภทของวัสดุ].//สถานที่ผลิต:/ ผู้ผลิตหรือเผยแพร่. ประเสริฐ โศภณ. ม.ป.ป. เซลล์: หน่วยเล็กที่สุดของ ร่างกาย. [สไลต์]. กรุงเทพฯ: ไทยทัศน์ศึกษา. Mew, T. no date. Bacterial Blight nd Bacterial Leaf Streak Rice in Tropical Asia. [Slides]. Los Banos: International Rice Research Institute. Post-production System. No date. [Slides]. Manila: International Rice Research Institute. Rain Forest. 1983. [Videocassette]. N.P.: National Geographic Society.


115

16. ซีดี-รอม (CD-ROM )

รูปแบบ

ตัวอย่าง

สายสังคมศาสตร์ ผู้แต่งหรือผู้รับผิดชอบ.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อเรื่อง.// [ซีดี-รอม].// สถานที่ผลิต:/ผู้ผลิต.

สายวิทยาศาสตร์ ผู้แต่งหรือผู้รับผิดชอบ.//ปีที่พิมพ์.// ชื่อเรื่อง./ [ประเภทของวัสดุ].//สถานที่ผลิต:/ผู้ผลิต.

สื่อโลกถึงไทย สื่อใจถึงคุณ. ม.ป.ป. [ซีดี-รอม]. กรุงเทพฯ: การสื่อสารแห่งประเทศไทย. Gloria Incorporated. 1994. Gloria Prehistoria: a Multimedia Who’s Who of Prehistoric Life. [CD-ROM]. N.P.: Gloria Electronic Publishing.

Dobermann, A. and T, Fairhurst. 2001. Rice: Nutrient Disorder & Nutrient Management. [CD-ROM]. Manila: International Rice Research Institute, Eneyclopia of Birds. 1997. [CD-ROM]. N.P.: Autosoft.

17. สารสนเทศระบบออนไลน์ ( Online information)

รูปแบบ

ตัวอย่าง

สายสังคมศาสตร์ สายวิทยาศาสตร์ ผู้แต่งหรือผู้รับผิดชอบ.//ปีทบี่ ันทึกข้อมูล.// “ชื่อเรื่อง”.// ผู้แต่งหรือผู้รับผิดชอบ.//ปีทบี่ ันทึกข้อมูล.// ชื่อเรื่อง.// [ระบบออนไลน์].//แหล่งที่มา/ระบุแหล่งการ [ระบบออนไลน์].//แหล่งที่มา/ระบุแหล่งการ ติดต่อเครือข่ายหรือการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล ชื่อ ติดต่อเครือข่ายหรือการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล ชื่อ แฟ้มข้อมูล/(วันที่/เดือน/ปี ที่ค้นข้อมูล). แฟ้มข้อมูล/(วันที่/เดือน/ปี ที่ค้นข้อมูล). สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร. ม.ป.ป. “โครงการจัดทา ยงยุทธ ยุทธวงศ์. 2545. การตัดต่อยีน...สาคัญไฉน ทะเบียนและบัตรประจาตัวเกษตรกร”. [ระบบ [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www. ออนไลน์ ]” แหล่งที่มา Learning.th (4 มีนาคม 2545). http://farmer.reg.oac.go.th ( 4 มีนาคม 2545). Swine Business is Now Monsanto Choice Genetics. Market Prices Date Center. 2002. “Shrimp”. [ระบบ 2002. [Online]. Available http://www. ออนไลน์]. แหล่งที่มา http://foodexchange.com Monsanto.com/monsanto/media/02/02feb28_ (4 มีนาคม 2545). gl 425.htm (5 March 2002). Schaller, D. T. no date. “indigenous ecotourism and Sustainable development: the case of Rio Blanco, Ecuador”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://eduweb.com/schaller/Section2Rio Blannco.html (4 มีนาคม 2545).


116

18. บทความและบทคัดย่อจากในวารสารระบบออนไลน์ รูปแบบ

ตัวอย่าง

สายสังคมศาสตร์ สายวิทยาศาสตร์ ผู้เขียนบทความ.//ปี.//“ชื่อบทความ”.//ชื่อวารสาร ผู้เขียนบทความ.//ปี.//ชื่อบทความ.//ชื่อวารสาร[ประเภท [ประเภทของสื่อ]//เลขปีที่./เลขฉบับที่/(วันที่/ ของสื่อ]//เลขปีที่./เลขฉบับที่/(วันที่/เดือน):/ เดือน):/เลขหน้า(ถ้ามี).//แหล่งที่มา/ระบุแหล่ง เลขหน้า(ถ้ามี).//แหล่งที่มา/ระบุแหล่งการติดต่อ การติดต่อ เครือข่ายหรือการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล เครือข่ายหรือการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล หรือผู้ผลิต หรือผู้ผลิตหรือชื่อฐานข้อมูล หมายเลขข้อมูล(ถ้า หรือชื่อฐานข้อมูล หมายเลขข้อมูล(ถ้ามี) ที่เก็บ มี) ที่เก็บแฟ้มข้อมูล ชื่อแฟ้มข้อมูล/(วันที่/เดือน/ แฟ้มข้อมูล ชื่อแฟ้มข้อมูล/(วันที่/เดือน/ปี ที่ค้น ปี ที่คน้ ข้อมูล). ข้อมูล). Anderson, J. D. and J. N. Trapp. 2000. “The Thornley, J. H. M. and M. G. R. Cannell,2002. dynaiics Of feeder cattle market response to Managing forests for wood yield and carbon corn price change”. Agricultural & Applied Storage; a theoretical study. Tree Physiology [Online] 20: 477-484. Available Economies [Online] 32,2 (December). http://heronpublishing.com.com/tree/files/ Available domain/date/contents/freetext/thornley.html http://www.agccon.uga.edu/~jaae/jaae.htm (5 March 2002). (6 March 2002). Zhu, B. C. R., G. Henderson, F. Chen, H. Fei and R. A. Baily, K. V. 2002. “the role of extension in Lain. 2001. Evaluation of vetiver oil and seven controversial studies: the case of Interstate Insect-active essential oil against the Formosan Dairy Compacts”. Journal of Extension Subterranean termite. Journal of Chemical [Online] 40, 1 (February). Available Ecology [Online] 27 , 8: 16717-1625 (August). http://www.joe.org/Joe/2002february/a1.html (5 Available http://www.KluweronLine.com March 2002). /issn/0098-033 (5 March 2002).

19. จดหมายอิเล็กทรอนิคส์ รูปแบบ

ตัวอย่าง

สายสังคมศาสตร์ ผู้ส่งจดหมาย/(ที่อยูข่ องผู้ส่งจอหมาย).//ปี.//“ชื่อเรื่อง จดหมาย”.//จดหมายอิเล็กทรอนิกส์/ถึง/ชื่อผู้รับ จดหมาย/(ที่อยู่ของผู้รับจดหมาย).//วันที่/เดือน. ศรีอนงค์ ใคร้มา (srianong@mju.ac.th). 2545. “โปรแกรมภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา”. จดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ ถึง สุพัตรา ทองไทย (supatra@mju.ac.th). 15 มีนาคม.

สายวิทยาศาสตร์ ผู้ส่งจดหมาย/(ที่อยูข่ องผู้ส่งจอหมาย).//ปี.//ชื่อเรื่อง จดหมาย.//จดหมายอิเล็กทรอนิกส์/ถึง/ชื่อ ผู้รับจดหมาย/(ที่อยู่ของผูร้ ับจดหมาย).// วันที่/เดือน. ศิรินภา ทิพาพงษ์ (sirinapa@hotmail.com). 2544. วิธีทาความสะอาดเอกสารโดยไม่ใช้ สารเคมี. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (anupom@mju.ac.th). 29 ตุลาคม


117

บรรณานุกรม จรัสพิมพ์ บุญญานันต์. 2554. คู่มือการดาเนินงานวิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาภูมิสถาปัตยกรรม ศาสตรบัณฑิต. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยแม่โจ้. บัณฑิตวิทยาลัย. 2546. คู่มือการพิมพ์วิทยานิพนธ์. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยแม่โจ้. อุบลรัตน์ เอี่ยมโสภานนท์. 2548. “รายละเอียดการนาเสนองานวิทยานิพนธ์”. เชียงใหม่: ภาควิชา ภูมิทัศน์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้. (เอกสาร ประกอบการสอน).


118

ประวัติความเป็นมาของหลักสูตรภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ หลักสูตรภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต เปิดการเรียนการสอนใน ปี พ.ศ. 2538 ซึ่งในขณะนั้น สังกัดอยู่ภายในภาควิชาภูมิทัศน์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คณะผลิตกรรมการเกษตร ต่อมาเมื่อภาควิชา ภู มิ ทั ศ น์ ฯ ได้ ย กฐานะเป็ น หน่ ว ยงานระดั บ คณะ โดยมติ ก รรมการสภามหาวิ ท ยาลั ย เมื่ อ วั น ที่ 5 พฤศจิกายน 2549 ทางหลักสูตรจึงได้เปลี่ยนมาสังกัดคณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ สิ่งแวดล้อมนับแต่นั้นเป็นต้นมา ทางหลักสูตรเปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตร 5 ปี สาขาวิชา ภูมิสถาปัตยกรรม (Landscape Architecture) รุ่นแรก จานวน 21 คน จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ได้ดาเนินการ เปิดการเรียนการสอนเป็นเวลากว่า 17 ปี ผลิตบัณฑิตออกสู่วงการวิชาชีพไปแล้วกว่า 240 คน หลั ก สู ต รภู มิ ส ถาปั ต ยกรรมศาสตรบั ณ ฑิ ต คณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์ แ ละการออกแบบ สิ่งแวดล้อมตั้งอยู่ที่อาคารภูมิทัศน์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เลขที่ 63 หมู่ 4 ตาบลหนองหาร อาเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 50290 เว็บไซต์ www.arch-envi.mju.ac.th โทร: 053-873360, 873363




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.