ในหลวง "อัจฉริยภาพ คีตกวี" ฟังความคิดพลเอก ประยุทธ์ จับตาสือ่ นอก บทบาทอเมริกา
¨จØุ´ด»ปÃรÐะ¡กÒาÂย¤คÇวÒาÁม¤คÔิ´ด ÊสÙู ‹ÊสØุ¹น·ท∙ÃรÕีÂยÐะáแËห ‹§งÁม¹นØุÉษÂย
ภาพโดย สราวุธ อิสรานุวรรธน์
วาทะที่ทำให้หลายคนคงจะเข้าใจวิธีคิด พลเอก ประยุทธ์ ในฐานะ "ผู้นำฝ่าวิกฤต" ประเทศตอนนี้
"
"ยิง่ มีอำนาจมาก ยิง่ ต้องทำตัวให้เล็กลง อย่าคิดว่าตัวเองมีอำนาจ แล้วจะทำได้ทกุ อย่าง ผมไม่เคยคิดอย่างนัน้ "
การใช้อำนาจจึงจำเป็นอย่างยิง่ ทีต่ อ้ งมอง อย่างรอบคอบ ระมัดระวัง ความขัดแย้งทัง้ ระบบความคิด ระบบความเชือ่ และการ กระทำจากฝ่ายต่อต้านนัน้ ทัง้ จากในและนอก ประเทศนัน้ กำลังโหมกระพือเหมือนไฟป่า
"
ทหารในช่วงเคอร์ฟิว ที่ระยอง ขอขอบคุณภาพที่ให้อารมณ์ของทหารที่ทำงานเพื่อชาติในค่ำคืนที่ประชาชนหลับใหล
หากสิง่ หนึง่ ทีจ่ ะเป็นข้อพิสจู น์ได้ นัน่ ก็คอื นี่ ไม่ใช่การรัฐประหารเหมือนสมัยสงครามเย็น (cold war coup) ดังทีน่ กั วิชาการไทยที่ มีชอื่ ดร. ฐิตนิ นั ท์ พงษ์สทุ ธิรกั ษ์ (ผูอ้ ำนวย การผูอ้ ำนวยการสถาบันศึกษาความมัน่ คง และนานาชาติ หรือ ISIS จากจุฬาฯ) ให้ สัมภาษณ์สอื่ Bloomberg (23.05.57) ทีเ่ รียกว่า "shallow dialectical" วิธคี ดิ ทีด่ ู เหมือนขัดแย้งกันเอง เพือ่ สร้างเหตุผลอันชอบ ธรรม เป็นวิธคี ดิ แบบ เฮเกล (Hegalian) หาก นำมาใช้ในแบบทีต่ นื้ และสามารถเห็นได้ชดั ว่า คิดเช่นไร โดยการพูดถึงการกดขีข่ องการ รัฐประหาร ทำให้ประชานไม่สามารถ แสดงออกได้ (เป็นวิถที ขี่ ดั หลักการประชา ธิปไตยแต่ไม่มหี ลักฐานว่าแบบสงครามเย็น เช่นไร) ในขณะเดียวกันอ้างว่า บรรยากาศใน ช่วงนัน้ ดูสบายๆ แต่ให้ความรูส้ กึ น่ากลัว (relaxed but eerie) อย่างไรก็ตาม ประเด็น ทีส่ ำคัญในฐานะนักวิชาการไทย จำต้องมอง ในแบบลึก และกว้าง ผูฟ้ งั ไม่จำเป็นต้องเห็น ด้วยกับการยึดอำนาจของทหาร แต่นา่ จะได้ รับข้อมูลในเชิงลึก และทีส่ ำคัญ การโจมตี ที่ มองว่าการรัฐประหารนีเ้ หมือนในช่วงสงคราม เย็น เป็นประเด็นทีม่ องเกินความเป็นจริงอย่าง มาก โดยที่ไม่สามารถให้ขอ้ มูลไปมากกว่า การกล่าวหา หรือความคิดเห็น ที่ไม่สมดุลย์ ทัง้ ๆ ทีผ่ สู้ มั ภาษณ์ยำ้ ในการใช้คำเช่นนีว้ า่ ใช่ ไหม เวลาจะเป็นเครือ่ งพิสจู น์วา่ การกล่าวหาเช่นนี้ มีมลู เหตุหรือไม่ และการเป็นนักวิชาการนัน้ จะ มีคนศรัทธามากเพียงใด การวิเคราะห์เช่นนี้ ถูกต้อง สมจริง ตามหลักฐาน หรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ มายาคติ??
"ผมคิดว่าคนไทยคิดเหมือนผม เราไม่มีความสุขมา 9 ปีแล้ว แต่วันนี้เริ่ม ดีขึ้น คสช.ไม่ต้องการผลประโยชน์อะไรเลย หากทหาร ตำรวจ ข้าราชการไม่ทำอะไรเลย ใครจะแก้ปัญหาให้ประชาชน ขอให้เชื่อมั่นใน ข้าราชการตำรวจทหาร และให้ความร่วมมือ ขอเวลาให้เราได้ปรับ เปลี่ยนทัศนคติของต่างชาติที่กำลังมองดูเราอยู่ หากทุกคนร่วมมือกันจะ นำพาประเทศเข้าสู่ความสงบสุขโดยเร็ว...เราเข้าใจว่าทุกคนต้องเลือก ประเทศก่อน ประชาธิปไตยที่จะต้องเตรียมการแก้ไขปรับปรุงนั้นจะมาถึง ในระยะเวลาไม่นานนัก มีเรื่องอื่นมากมายที่เราต้องช่วยกันทำ ช่วยกัน คิด และคงไม่สำเร็จหากมีการประท้วง ขอเวลาให้เราแก้ไขจากนั้นทหาร จะกลับไปทำภารกิจ และจะคอยเฝ้าระวังประเทศชาติ พร้อมกับน้อมรับ แนวทางการปฏิบัติด้วยความสุขแบบยั่งยืน ตามแนวทางของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักยิ่งของชาวไทยทุกคน” วิวาทะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.
ความโกรธทำให้เกิดปัญหามากมายในโลก กระนั้น ไม่สามารถแก้ไปัญหาได้เลย
กวี นักเขียน นักต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของชาวผิวดำ ผู้กำกับ ชาวอเมริกัน (1928-2014)
Post Rock ดนตรี แห่ง ความงาม ความโดดเดี่ยว แปลกแยก เนิบ โปร่ง เบา สะท้อนอารมณ์ ของมนุษย์ในยุคนี้
"
No Surprises จากอัลบั้ม OK Computer (1997) ลิงค์ .com/watch?v=u5CVsCnxyXg
"
"Take Me Somwhere Nice" จากอัลบั้ม Rock Action (2001) เพลงที่ งดงามทางอารมณ์ ภาพวาด มาจาก Ken Wong ที่ให้อารมณ์ได้ดี ลิงค์ http://www.youtube.com/watch?v=luM6oeCM7Yw
"
"Silence Is Everywhere (2008) ลิงค์ http://www.youtube.com/watch?v=u72aqP2_hxQ "Ekki múkk " (moving art) และชมหนังที่งดงามไปด้วย ลิงค์ http://www.youtube.com/watch?v=INWZy3-Vw80
ไม่ว่าจะเป็น Radiohead จาก อังกฤษ โดยการนำ ของ Thom Yorke ใน เพลง "No Surprises" ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ไม่มี อะไร ที่จะทำให้มีความ สุขได้ หรือ เพลงของ Mogwai (จากสก็อต แลนด์ "Take Me Somwhere Nice" ให้ อารมณ์ของความ แปลกแยก เบา งดงาม ภาพของ Ken Wong สื่อสารได้อย่าง ดี หรือวงจากญี่ปุ่น Euphoria "Silence Is Everywhere" ที่ให้ ภาพของความโหยหา นิ่ง อารมณ์หลาก หลายที่สะท้อน ให้เห็น ความเป็นมนุษย์ และที่อาจจะเป็นความ หวังให้กับเรา ก็คือ วง จาก ไอซ์แลนด์ Sigur Ros ที่มีนักร้องนำ Jónsi Birgisson's falsetto (เสียงที่สูง) ในเพลง "Ekki múkk" (moving art) ดนตรีที่ สะท้อนยุคของผู้คนทั้ง ในแง่บวก และแง่ลบ ที่ยังค้นหาความหมาย
ถ้าเธอ เป็นลูก เป็นหลาน เป็นน้องคุณ จะรู้สึกเช่นไร
เรื่องบิลลี่ เป็นปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง เรื่องความขัดแย้งชุมชนในป่าอนุรักษ์ ที่เริ่มจากการประกาศพื้นที่อนุรักษ์ทับพื้นที่ชุมชน ดั้งเดิม ที่แก้ไขปัญหาไม่ได้คาราคาซังมาหลายสิบปี!! ง่ายๆ คือ ชุมชนทำไร่ข้าวผสมผสานหมุนเวียนอยู่มาก่อนประกาศป่าสงวน และ อุทยานที่มาทับอีกทีจริงครับ แต่เป็นส่วนเดียว สมัยปู่อยู่มาก่อน แต่ลูกหลานก็เพิ่มปริมาณขยายที่ไปไกล และทางการก็ไม่ยอมรับไร่ หมุนเวียน ไม่วัดที่สำรวจที่ทางให้ หาว่าเป็นไร่เลื่อนลอย ต่อมา ข้าวโพดก็เข้าไป คนนอกเข้าไปแจม กระบวนการอนุญาตให้อยู่ตาม มติ ครม. 30 มิย. 41 ก็ไม่สมบูรณ์ ไม่มีการพิสูจน์สิทธิ ล่าช้ามาถึงปัจจุบัน ไปทำใหม่วันนี้ คงมีคนเกินค่อนหมู่บ้าน เกินแนวภาพถ่าย ทางอากาศไปเยอะและก็ไม่รู้ให้เขาไปอยู่ที่ไหน ก็คงต้องอยู่แบบนั้นตามเดิม แต่ไม่สามารถให้สิทธิ นี่เป็นปัญหาที่มีอยู่กับหมู่บ้านเป็นพันแห่ง คนเป็นแสนๆ คน ในป่า ที่กำลังมีปัญหากับกรมอุทยานทุกวันนี้
"
แนวทางที่ผมเสนอคือ ต้องรีบใช้มติครม. ที่ว่า อ้างในการให้ชุมชนอยู่ แต่ควบคุมขอบเขตตามปัจจุบันโดยการมีส่วนร่วม ไม่ให้กว้าง ออกไปเกินจริง รักษาป่าที่เหลือไว้ ส่วนคนนอกที่เข้ามาหาประโยชน์ ชุมชนดั้งเดิม ก็มีกฏกติการักษาป่าร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ พื้นที่อุทยานก็ต้องปรับขบวนการทำงานกับคนให้ยืดหยุ่น แต่ มีอำนาจตามกฏหมายอยู่แล้วที่จะควบคุมมิให้รุกป่าต่อไป ผมว่าไม่น่า จะมีวิธีอื่น
"
หัวหน้าชัยวัฒน์ (หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เอาตัวไปสอบ และอ้างว่าปล่อยมาแล้ว) เองคิดว่าโครงการที่มีในมือแก้ไข ปัญหาได้ทั้งหมดอาจจะไม่ครอบคลุม เรื่องวิถีวัฒนธรรม ที่ชุมชน พยายามต่อสู้ ก็ควรหาทางออกที่เป็นไปได้สองฝ่ายร่วมกัน แต่หาก ขยายที่ปลูกข้าวโพดเป็นพืชเชิงเดี่ยวทำลายป่าเพิ่มมากขึ้น ชุมชนก็ควรต้องรับฟัง และหาทางออกร่วมกัน หัวหน้าชัยวัฒน์ ต้องพิสูจน์ ข้อกล่าวหา เป็นเรื่องส่วนตัว ก็ว่ากันไปกรมอุทยานต้องออกมายืนยันว่า จะตรวจสอบ ถูกผิด ว่ากันตรงๆ ไม่ปกป้อง
"
ส่วนเรื่องแก้ไขปัญหาชุมชนในป่า กรมก็ต้องใช้กรณีนี้หาทางแก้ไขให้เร็ววัน ไม่ให้ป่าถูกทำลายเรื่อยๆ แต่ต้องเคารพสิทธิ และความ เป็นจริงที่ไม่มีทางเอาป่าคืนมาได้ทั้งหมด ก็คงต้องมีแนวทางที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติได้ ไม่รบรากับชาวบ้านมากนัก กระทรวงก็ต้องรับรู้ว่ามีปัญหานี้ และหาทางแก้ไขในระดับนโยบายบนกรอบคิดที่รักษาป่าวันนี้ให้มากที่สุด แต่ยอมรับชุมชนที่อยู่มา ก่อน สร้างเครื่องมือใหม่ๆ ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติให้ได้
"
สังคมต้องรับรู้ว่ามีปัญหานี้อยู่ คอยช่วยกันดูว่าฝ่ายราชการเขามาแก้ไขปัญหาหรือไม่อย่างไร ควบคุมให้พอดี ไม่ใช่เอะอะก็จับชาว บ้าน แต่กับนายทุนปล่อยปละละเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าชาวบ้านถูกเสมอ ก็ต้องว่ากันตามข้อมูลความเป็นจริง และทางการเมืองก็ต้องคิด ให้ดีว่า เวลาประกาศให้ที่ดิน ก็เสียป่ามหาศาลเรื่อยไป ทุจริต หาประโยชน์ ทั้งข้าราชการและคนทั่วไป ชุมชนก็ถางป่าเพิ่มต่อ
"
ทางที่ดีต้องมีการจัดการร่วมกันสองฝ่าย ทั่งชุมชน และกรมอุทยาน ส่วนหนึ่งจาก เว็บไซต์ มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร (23 เมษาฯ57)