Issue 77

Page 1


chic dessert

words & recipe chef non (instagram: nonshiro) photographs wannasak sirisab

Beignets: The French Doughnut Beignets

ส่วนผสม นมสด 3/4 ถ้วย / บัตเตอร์มิลค์ 1 1/2 ถ้วย / ยีสต์แห้ง 1 1/2 ช้อนชา / น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ / แป้งขนมปัง 4 ถ้วย / เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา / เกลือ 1/4 ช้อนชา / น้ำมันพืช สำหรับทอด / นำตาลไอซิ่ง สำหรับโรยหน้า

52 foodstylist

วิธีทำ นำนมสดและบัตเตอร์มิลค์ มาต้มให้พออุ่น จากนั้นนำน้ำตาลทราย ยีสต์ ใส่ลงไป คนให้เข้ากันและ ยีสต์ละลาย ทิ้งไว้สักพักจนสังเกตว่าเริ่มมีฟองปุดขึ้นมาแสดงว่ายีสต์เริ่มทำงาน จากนั้นเทใส่โถตี แล้วใส่ของแห้งลงไป ได้แก่ แป้งขนมปัง เบกกิ้งโซดา และเกลือลงไป ใช้หัวตะขอทำการผสมแป้ง โดยใช้ความเร็วปานกลาง ผสมจนส่วนผสมเข้ากันดี ใช้พายยางปาดขอบโถและก้นโถเพื่อไม่ให้เหลือ เม็ดแป้ง และของเหลวกับของแห้งเข้ากันทั้งหมด นำชามผสมอีกใบมาทาน้ำมันให้ทั่ว แล้วถ่ายส่วน ผสมลงในชามผสมที่เตรียมไว้ คลุมด้วยผ้าขาวบางแล้วนำไปวางบริเวณที่ชื้นและมืด ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้ส่วนผสมทำปฏิกิริยากับยีสต์จนพองตัวขึ้น ปริมาตรเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากนั้น

เทส่วนผสมลงบนโต๊ะที่โรยแป้งไว้เพื่อกันติด ส่วนผสมจะเหลวและเหนียวไม่ต้องตกใจครับ ให้โรย แป้งไปบริเวณที่ยังเหนียวและติดอยู่จะช่วยได้ ใช้ไม้รีดแป้งรีดส่วนผสมให้หนาประมาณ 1/4 นิ้ว หลังจากนั้นใช้มีดตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมประมาณ 1.5 x 1.5 นิ้ว นำลงทอดในน้ำมันพืชที่อุณหภูมิ 180190 องศาเซลเซียส จะสังเกตได้จากเวลาเราหย่อน Beignets ลงไปในน้ำมัน แล้วตัวแป้งจะลอย ขึ้นมาบนผิวน้ำมันทันทีพร้อมฟองอากาศเล็กๆ มากมาย ทอดจน Beignets พองและมีสีเหลืองทอง จึงตักออกแล้วนำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน Beignets จะเสิร์ฟพร้อมกับการโรยไอซิ่งเยอะๆ บนตัวเขาครับ ทานคู่กับกาแฟเป็นอาหาร เช้า ถือเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่แสนวิเศษทีเดียวเชียว


Beignets (เบน-เย่ส์) ชื่อนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไรนัก แต่ จริงๆ แล้ววิธีการทำก็จะคล้ายๆ กับการทำปาท่องโก๋นั่นเองครับ เรา จะเรียกว่าเป็น “ปาท่องโก๋ฝรั่งเศส” ก็คงจะไม่ผิดครับ เพราะเจ้าขนม ชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่นั่น Beignets ได้รับความนิยมมากที่เมือง นิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะที่ร้าน Café Du Monde ซึ่งจะ เสิร์ฟเป็นทรงสี่เหลี่ยมจานละ 3 ชิ้น โรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งเยอะๆ

ทานคู่ กั บ กาแฟเป็ น อาหารเช้ า โอ๊ ย ๆ ไม่ ต้ อ งบรรยายกั น ให้ ม าก

บอกคำเดียวสุดยอดครับ

Beignets

53 foodstylist


coffee break

words koiisan photographs dhamma

April Store

Handcrafted Coffee (กาแฟแบบทำมือ)

คาเฟ่เล็กๆ สไตล์ Zakka มีชื่อน่ารักว่า April Store ตั้งตามเดือนเปิดร้าน โดยมีคอนเซปต์เก๋ๆ ที่ต้องการให้ร้านเป็นที่รวมของชอบไว้ด้วยกัน ในร้านจึงไม่ได้มีแค่มุมขนมและเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ ยั ง มี ง านดี ไ ซน์ แ ละของกระจุ ก กระจิ๊ ก ไว้ ใ ห้ เลือกช้อปกันเพลินๆ ด้วยจุดเด่นของร้านคือใช้ เครื่อง Aeropress ในการทำกาแฟเป็นเครื่อง ชงกาแฟระบบแรงดันอากาศ ดันกลิ่นและรส กาแฟออกมา กาแฟจึงมีความหอม กลมกล่อม และรสชาติ ดี โดยแต่ ล ะอาทิ ต ย์ ก็ จ ะมี เ มล็ ด 114 foodstylist

กาแฟจากต่างประเทศมาให้ชิมสลับกัน ซึ่ ง วั น นี้ เ ราได้ ล อง special coffee (single origin) จากเอธิโอเปีย กาแฟดำหอมๆ ได้กลิ่น เครื่ อ งเทศเบาๆ รสออกเปรี้ ย วเล็ ก น้ อ ย แต่ อร่อยกลมกล่อม เสิร์ฟคู่กับคุกกี้ข้าวโอ๊ต เข้ากัน ได้ลงตัว ส่ ว นขนมของร้ า นจะนำมาจากหลายที่ ค วาม อร่ อ ย อย่ า งครั ว ซองต์ กรอบนอกนุ่ ม ใน

หอมอบอวลถึงกลิ่นเนย ที่ใครๆ ก็ติดใจ จาก Amatissimo Caffe และบราวนี่ช็อกโกแลต รสเข้มข้นจากเชียงใหม่ กินคู่กับสตรอว์เบอร์รี่ โซดา อร่อยและสดชื่น...มาลองเติมความสุขกับ กาแฟแบบทำมือกันดู แล้วคุณจะติดใจ

Contact: April Store The U Center Chula Soi 42, Rama 4 Rd., Bangkok, Thailand Open: 07.45am – 08.30pm (Mon-Fri) / 08.30am – 08.30pm (Sat-Sun) Tel: 08-6797-4427


Rose Café ความอร่อยที่มีเสน่ห์

คาเฟ่เล็กๆ ที่เกิดขึ้นจากความชอบส่วนตัวที่รัก ในการทำอาหาร ร้านตกแต่งสไตล์มินิมัล เรียบ สะอาด และอบอุ่น ให้อารมณ์แบบญี่ปุ่น ด้วย เฟอร์นิเจอร์ไม้ พร้อมเคาน์เตอร์บาร์ให้นั่งชิลล์ ริมกระจกด้านข้าง เน้นธรรมชาติสบายๆ แต่ แอบมีกลิ่ นอายแห่งความสนุกกับการประดับ ตกแต่งที่น่ารักกุ๊กกิ๊ก แถมทางร้านยังครีเอท เมนูใหม่ๆ ออกมาเป็นประจำ

ใครที่ เ ลิ ฟ ช็ อ กโกแลตพลาดไม่ กั บ 2 เมนู นี้ chocolate milk shake ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ปั่ น ผสมกั บ นมและช็ อ กโกแลต เข้ ม ข้ น ถึ ง รส ช็อกโกแลต และ dark chocolate choux cream แป้งชูครีมกรอบสอดไส้ช็อกโกแลตมูส รสเข้ม ต่อด้วย lemon curd cheesecake รส เปรี้ยวของเลมอนตัดกับรสหวานของครีมชีส 2 รสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว ปิดท้ายกับ honey toast ที่มีน่าตาไม่เหมือนใคร ตัวขนมปังหั่นเป็น ชิ้นเล็ก แล้วนำมาทอดบนกระทะทุกชิ้น เพื่อให้

ผิวนอกขนมปังมีส่วนกรอบแต่ภายในยังคงนุ่มอยู่ เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ วิปครีม และน้ำ ผึ้ง จานนี้แนะนำเลยค่ะ Contact: Rose Café

Room 94/2, Pam Bldg., Chulalongkorn Soi 48, Rama 4 Rd., Bangkok, Thailand Open daily: 07.45am – 08.30pm Tel. 08-5145-3181, 08-0453-8475


Mink’s

มีโอกาสผ่านมาแถวเอกมัยเมื่อไหร่ก็อย่าลืมแวะ มาทักทาย ณ ที่แห่งนี้ และหากใครสนใจอยาก เข้าร่วมเวิร์กช็อปด้วยกันกับ Mink’s ก็สามารถติดตามข่าวสารกันได้ทาง www.facebook.com/Minkislove.นะคะ

all i made is LOVE หากคุณหลงใหลในงานแฮนด์เมดสไตล์ไม้แล้ว ละก็ รับรองว่าคุณจะตกหลุมรักที่นี่ตั้งแต่วินาที แรกที่เห็นร้าน จากร้านขายของในเฟสบุ๊ค วันนี้กลายมาเป็น ร้านที่สัมผัสได้สไตล์มินิมัล เน้นโล่ง โปร่ง มีผนัง กำแพงอิฐสีขาว สะอาดตา พร้อมกับผลิตภัณฑ์ แฮนด์เมดมากมาย เน้นใช้วัสดุไม้เป็นส่วนใหญ่ แต่ แ ฝงความน่ า รั ก ไว้ ใ นงานดี ไ ซน์ อั น เป็ น เอกลั ก ษณ์ เ ฉพาะตั ว ของมิ ง ค์ ภายในร้ า นยั ง 116 foodstylist

แอบพกความอร่อยไว้ค่อยบริการคุณลูกค้า ด้วย มุมคาเฟ่เล็กๆ กับขนมโฮมเมดที่เน้นใช้วัตถุดิบ ออร์ แ กนิ ก ในการทำอย่ า ง macadamia brownie บราวนี่เนื้อนิ่มผสมถั่วแมคคาเดเมีย รสหวานนุ่ม หอมกลิ่นนม เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม วานิ ล ลาและวิ ป ครี ม ทานคู่ กั บ เครื่ อ งดื่ ม ปั่ น coffee caramel frappe หรื อ green tea frappe รสชาติหวานอ่อนๆ หอมกลิ่นชาเขียว ได้ความรู้สึกคลีน และสดชื่น

Contact: Mink’s Ekamai Soi 10, Bangkok, Thailand Open daily: 11.00am – 09.00pm (Close on Monday) Tel: 0-2714-2047, 09-0981-0147


Cafe de Flore คาเฟ่ เดอ ฟลอเร่

คาเฟ่สวยๆ เกิดจากการรวมตัวของเพื่อน 4 คน ที่อยากทำร้านเล็กๆ ที่ขายอาหารและขาย กาแฟที่มีคุณภาพดี โดยมีคอนเซปต์เหมือนได้ อยู่ บ้ า น นั่ ง จิ บ กาแฟอยู่ ใ นสวน ที่ ม าของชื่ อ Cafe de Flore จึงแสดงออกให้รู้สึกถึงความ ใกล้ชิดป่าและต้นไม้ เมื่อมาที่นี่ไม่ว่าจะนั่งมุม ไหนคุณก็จะได้สัมผัสกลิ่นไอจากธรรมชาติอย่าง แน่นอน อาหารและเครื่องดื่มเน้นเพื่อสุขภาพ แม้กระทั้ง

เมล็ดกาแฟที่ใช้ก็เป็นแบบออร์แกนิก ซึ่งทาง ร้านแนะนำ café mocha สำหรับคนที่ชอบทั้ง กาแฟและช็อกโกแลต กาแฟมอคค่าคือคำตอบ ของคุณ กลิ่นหอม รสนุ่ม ได้รสชาติความหวาน ของกาแฟจริ ง ๆ หรื อ จะลอง strawberry yoghurt smoothie เครื่ อ งดื่ ม เพื่ อ สุ ข ภาพ หวานกำลั ง ดี รสชาติ นุ่ ม เนี ย น chocolate orange เค้กนุ่ม เนื้อเบา โดดเด่นที่รสตัดกัน ของช็ อ กโกแลตกั บ ส้ ม และกลิ่ น ส้ ม ที่ ห อม อบอวลอยู่ในปากเมื่อสัมผัส อร่อยแบบนี้ จึง

ถู ก ใจทั้ ง เด็ ก และผู้ ใ หญ่ ปิ ด ท้ า ยกั บ ซิ ก เนเจอร์ ร้าน berry mousse มูสเบอร์รี่ สอดไส้สตรอว์ เบอร์รี่ อร่อยเกินห้ามใจ มีความพอดีในรสชาติ เปรี้ยวและหวานของมูส ไม่เลี่ยน ให้ความรู้สึก เบา และสดชื่น ที่สำคัญเน้นสุขภาพคุณสาวๆ จึง กินได้อย่างสบายใจ...ใครก็ตามที่ได้แวะมา เชื่อ แน่ว่ายากจะลืมเลือนทั้งบรรยากาศและรสชาติ Contact: Cafe de Flore 345/1 Nakorm in Rd,

Nonthaburi, Thailand Open daily: 09.00am – 09.00pm Tel: 08-8133 6778


Rajpruek Delish ความสุขที่คลาสิก

ราชพฤกษ์ เ ดลิ ช อยู่ ภ ายในสปอร์ ต คลั บ เฮาส์ บรรยากาศเรี ย บหรู ดู ดี ได้ รั บ การออกแบบ ตกแต่ ง ให้ มี ส ไตล์ ที่ เ น้ น ความเป็ น ธรรมชาติ

มี แ สงของโคมไฟช่ ว ยเพิ่ ม ชี วิ ต ชี ว าให้ ดู อ บอุ่ น ราชพฤกษ์ เ ดลิ ช พร้ อ มบริ ก ารเสิ ร์ ฟ อาหาร นานาชาติที่หลากหลาย ไม่เว้นแม้แต่กาแฟและ เบเกอรี่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งส่วนอันขึ้นชื่อของที่นี่ เริ่ ม ต้ น ความอร่ อ ยด้ ว ยกาแฟสู ต รเฉพาะของ ราชพฤกษ์คลับ คาปูชิโน่เย็น กาแฟสดๆ ปั่น 118 foodstylist

จากเมล็ดกาแฟอราบิก้า 100% มีกาเฟอีนน้อย รสนุ่ม หอมกลิ่นเฮเซลนัต สดชื่นเวลาดื่ม และ น้ำแตงโมผสมลิ้นจี่ เป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้เพื่อ สุ ข ภาพที่ ไ ด้ รั บ ความนิ ย มมาก เพราะช่ ว ยลด ความร้อนและเรียกความสดชื่นขึ้นมาได้อย่างดี ต่ อ กั น ด้ ว ยความอร่ อ ยหอมหวานกั บ เบเกอรี่ สไตล์ ญี่ ปุ่ น แคลอรี ต่ ำ เหมาะสำหรั บ คนรั ก สุ ข ภาพ สู ต รเฉพาะที่ โ ดดเด่ น ทั้ ง หน้ า ตาและ รสชาติ อย่างสตรอว์เบอร์รี่โคโคมูส เนื้อเค้กนุ่ม เนียน ความเปรี้ยวของมูสสตรอว์เบอร์รี่ สลับ

ชั้นด้วยมูสช็อกโกแลตรสเข้ม อร่อยล้ำลงตัว และที่ห้ามพลาดเด็ดขาด บานอฟฟี่ รสชาติใน แบบออร์จินัลญี่ปุ่น แคลอรีน้อยแต่อร่อยมาก เนื้อครีมฟูนุ่มเข้าคู่กันดีกับกล้วยและช็อกโกแลต Contact: Rajpruek Delish 100 Moo 3, Vibhavadi-Rangsit Road, Tungsonghong, Laksi, Bangkok, 10210 Open daily: 07.00am – 10.00pm Tel: 02-955-0055, 0-2955-0096


cover story

12 foodstylist

words sweet mustache


สุดขีดเมนูทอด สุดยอดเมนูสยอง ะ

Freaky Fried

ยอดต้ น สนกำลั ง หวาดไหวไปตามแรงลมร้ อ ง ส่งเสียงหวิดยาว แสงไฟในตะเกียงโยกโยนทำให้ความ มื ด เจื อ จาง ในเพลงของพายุ ที่ ดั ง อยู่ ภ ายนอก เรือนไม้ชั้นเดียวกลางป่ายังมีเสียงความเคลื่อนไหว เล็ดลอดจากในครัว ด้วยความสว่างฉายเงาของเขา ชั ด ขึ้ น ชายหนุ่ ม กำลั ง ยกมี ด เล่ ม โตขึ้ น เหนือศีรษะ สับลงบนเขียงซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาหยิบชิ้นส่วนที่กลาย เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นคลุกเคล้ากับบางสิ่งในโถขนาด ใหญ่จนกระทั่งพึงพอใจ จากนั้นกระทะถูกโยนขึ้น บนเตา เขาเทบางอย่างลงตามไป เสียงฉ่าดังสลั่นป่า… กลิ่นแป้งที่สุกด้วยความร้อนสูงกับเครื่องปรุงโชยไป จนทั่วในความมืด แม้จะชวนขนลุกในบรรยากาศวัน ปล่อยผี แต่กลิ่นอาหารที่ปรุงจากกระทะใบนั้นก็ชวน ให้เคลิบเคลิ้ม และนี่ คื อ การเปิ ด ฉากที่ แ สนระทึ ก ใจสุ ด จิ น ตนาการ ของ Freaky Fried สุ ด ขี ด ไอเดี ย อาหารทอด กับบรรยากาศสนุกๆ ของฮัลโลวีน

Food

13 foodstylist


เมื่อพูดถึงความเชื่อในเรื่องของความสยองขวัญ ในต่างประเทศ คงไม่มีใครไม่รู้จักเรื่องราวของ ศุกร์ 13 หรือ Friday the 13th ที่ว่ากันว่าเต็ม ไปด้ ว ยอาถรรพ์ อั น มื ด ดำ และคำสาป แต่ ! สำหรับเราชาวฟู้ดสไตลิสท์ ทีมงานนักสร้างสรรค์ อาหารจอมสงสัย เกิดคำถามว่าเหตุใดศุกร์ 13 ต้องสยองเพียงอย่างเดียว และทำไมฮัลโลวีน จึงต้องพูดแต่เรื่องผี เอาอย่างนี้ดีกว่า เราเอา ทั้ ง บรรยากาศสยองแบบสนุ ก ๆ ในฮั ล โลวี น แล้วจับเอาคำว่า Friday the 13th มาล้อกับ Fried ในการทำอาหาร ซึ่ง อาหารทอดนี่คือสุด ยอดมนตรา สุดยอดแห่งความเย้ายวน ทั้งที่ อาจถูกมองลบในแง่ของสุขภาพ แต่! สำหรับ อาหารแล้ ว เมนู ท อดแบบที่ คุ ณ โปรดสั ก จาน แล้วต้องนั่งมองวันที่คุณไดเอต ทั้งความกรุบ กรอบ รสของมั น ที่ ถู ก ความร้ อ นของน้ ำ มั น ตกแต่งอย่างสวยงาม หอมเหลือเกิน นี่มันเรื่อง สยองขวัญชัดๆ

14 foodstylist

เอาล้อมวงมาฟังเรื่องสยองๆ กันเลย

ขึ้นชื่อเรื่องการ “ทอด” หรือ frying ก็ต้อง เกี่ยวข้องการทำอาหารให้สุกโดยใช้น้ำมัน โดย วัตถุดิบน้ำๆ พุ่งตัวลงไปกระทะ หม้อ หรือหม้อ ทอดไฟฟ้า (deep fryer) แล้วแยกเผ่าพันธุ์การ ทอด (ที่ไม่ใช่การผัด หรือ stir fried) ออกเป็น 2 ก๊กใหญ่ การทอดโดยใช้น้ำมันน้อยๆ (pan fried) ไม่ ได้เน้นให้อาหารกรุบกรอบนัก น้ำมันที่ใช้นั้นก็ เหตุ ผ ลเพี ย งแค่ ท ำให้ อ าหารไม่ ติ ด กระทะ อาหารสุกจนทั่วชิ้น ส่งกลิ่นเฉพาะตัวของมัน ออกมา โดยความร้อนที่ใช้นั้นจะไม่สูงและไม่ต่ำ มาก เพราะเมื่อร้อนเกินไปอาหารก็จะไหม้ และ หากใช้ความร้อนต่ำเกินไปก็จะทำให้อาหารอม น้ำมันไปเลย การทอดแบบนี้จะใช้กระทะก้นตื้น อาหารที่ นิ ย มปรุ ง สุ ก ในแบบนี้ ก็ คื อ ไข่ ด าว

ไส้กรอก ปลาแซลมอน ฯลฯ

ก่อนจะไปสยองกับความเย้ายวนของเมนูทอดๆ เราแวะมาพูดถึงเรื่องราวของวันฮาโลวีนก็สักนิด วันฮาโลวีนนั้นเริ่มจากความเชื่อของชาวเคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ว่ากันว่ามิติคนตายและคนเป็นจะเชื่อมถึงกัน แต่ เ วลาผ่ า นไปเทศกาลฮาโลวี น ก็ ก ลายเป็ น ความสนุกสนานของคนทั่วโลกมากกว่าความ สยอง การตกแต่งบ้าน แต่งตัวเป็นผีต่างๆ รวม ถึงการทำอาหารปาร์ตี้กัน อาท ขนมแคนดี้คอร์น เครื่องดื่มแฮปเปิ้ลไซเดอร์ พายฟักทอง ฯลฯ

Thank God It’s Fried Day

เคยได้ยินเมนูระดับฮ่องเต้แบบนี้ไหม ปลากะพง เจี๋ยนเต้าเจี้ยว ปลาเก๋าเจี๋ยนน้ำแดง คำว่า “เจี๋ ย น” ในตำรั บ อาหารจี น ก็ คื อ pan-fried นั่นเองครับ เจี๋ยนก็คือการทอดที่ใช้น้ำมันน้อย (ไม่ท่วมอาหาร) ที่สำคัญไฟที่ใช้ทอดนั้นจะแค่ เพียงไฟกลาง หรือไฟอ่อนๆ อาหารที่ทอดก็จะ กรอบนอกนุ่มในนั่นเอง


การทอดโดยใช้ น้ ำ มั น มาก (deep-fried) การทอด ประเภทนี้ต้องใช้กระทะก้นลึก หรือหม้อ เนื่องจากอาหาร ต้องดำดิ่งในน้ำมัน ด้วยความร้อนระอุกว่า 170 องศา เซลเซียส นั่นจึงทำให้น้ำมันที่เหมาะกับการดีพฟรายด์นั้น ต้องเป็นน้ำมันที่ทนความร้อนได้สูง มิฉะนั้นแล้วน้ำมันจะ ไหม้ทำให้อาหารเสียทั้งรสและกลิ่นไป สำหรับน้ำมันที่ เหมาะที่สุด อึดที่สุด คงหาที่เปรียบไม่ได้กับน้ำมันปาล์ม โอเลอี น หรื อ น้ำ มั นมะพร้ า ว ส่ ว นที่ ไ ม่ เ หมาะเลยก็คื อ น้ ำ มั น พื ช น้ ำ มั น ถั่ ว เหลื อ ง น้ ำ มั น มะกอก น้ ำ มั น ดอก ทานตะวัน ซึ่งเหมาะกับการทอดแบบที่ใช้น้ำมันน้อย หรือ ผัดมากกว่า การทอดสามารถควบคุมให้อาหารออกมาได้หลากหลาย แบบ กรอบสนั่นจนทั่วคำ เหลืองกรอบนุ่มกำลังดี โดย รวมแล้วการทอดนอกจากเป็นพื้นฐานจากทำให้อาหารให้ สุก ลดความชื้นในอาหาร การจะให้เมนูทอดๆ ออกมา แจ่มๆ ขึ้นอยู่กับสองสิ่งที่สำคัญคือ น้ำมัน กับ อุณหภูมิ

15 foodstylist


Thank God its Fried day

เทฟล่อน (Teflon) คือสารอะไร ทำหน้าที่อะไร คำตอบก็คือ เทฟล่อน ก็เหมือน แฟ้บ มาม่า หรือแม๊ก ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นชื่อของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมายาวนานจน คนจดจำเป็นชื่อประเภทสิ่งของนั้นๆ Teflon นั้นเป็นชื่อแบรนด์ต้นตำรับของสาร เคลือบแบบนอนสติ๊กที่ถูกจดทะเบียนโดยผู้ที่คิดค้นขึ้น นั่นก็คือบริษัทดูปองต์ สารนี้มีชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริงว่า polytetrafluoroethylene หรือ PTFE อัน เป็นสารที่เคลือบบนกระทะมากมายในปัจจุบัน และว่ากันว่าเป็นสารที่ลื่นที่สุด ทนความร้อนได้สูงมากที่สุดประเภทหนึ่งทีเดียว 16 foodstylist


จอมทัพมีกระบี่ ส่วนจอมทอดต้องมีกระทะ

ฟังจากหัวข้อแล้ว...แหม่ โอเวอร์เสียจริง แต่ถึงอย่างไรมันก็คือความ จริงแท้แน่นอน เพราะหากคุณจะเป็นสุดยอดนักทอดแล้ว อาวุธที่คุณ ต้องมีความเข้าใจและเลือกใช้ให้ดีก็คือ กระทะ เริ่มจากการพิจารณา จากวัสดุที่นำมาใช้ทำกระทะ เดิมทีกระทะส่วนใหญ่เป็นกระทะเหล็ก แต่ด้วยเหล็กนั้นมีราคาสูงและผู้บริโภคต้องการกระทะที่การันตีความ ปลอดภัยสุขภาพ และสะดวกต่อการทำอาหารมากขึ้น จึงเริ่มมีกระทะ แบบอื่นๆ เข้ามานั่นคือ

น้ำมันอันลึกล้ำเหลือกำหนด

เมื่อจบเรื่องกระทะ อีกองค์ประกอบสำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ น้ำมัน (cooking oil) ซึ่งสิ่งที่บอกความเหมาะสมก็คือจุดเกิดควัน (smoke point) เกิดควันง่าย ไหม้ง่ายก็ไม่เหมาะกับการทอดซึ่งใช้ความร้อน สูงนัก แต่หากน้ำมันชนิดที่มีจุดเกิดควันต่ำควรนำไปใช้ผัด หรือทอด ในกรณีที่ใช้ความร้อนต่ำๆ ลองมาดูตัวอย่างกันให้ชัดครับ บอกใบ้ว่า หากตัวเลข อุณหภูมิยิ่งสูงน้ำมันประเภทนั้นก็ยิ่งเหมาะกับเมนูอะไร ที่ต้องน้ำมันแบบคลุ้มคลั่งร้อนระอุ ลองไปตรวจสอบกันดูเลยครับ

จุดเกิดควัน (smoke point) เนย น้ำมันหมู น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด น้ำมันโคโนลา น้ำมันเนย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันดอกคำฝอย

177 190 165-190 200-230 242 230-245 230-245 230-245 254 271 265

กระทะอะลูมิเนียม (aluminum) ซึ่งมีน้ำหนักเบาขึ้นมาก และไม่เป็นสนิม กระทะที่เป็นอะลูมิเนียมฮาร์ดอะโนไดซ์ (anodized aluminum) ใช้ไฟ แรงได้ชิลล์ร้อนแรงเกินห้ามใจกระจายความร้อนได้เร็ว ทนและปลอดภัย กระทะทองแดง (copper) แสนอึด กระจายความร้อนได้ดีและทนความร้อนสูง กระทะสแตนแลตสตีล (stainless steel) นำความร้อนช้า แต่ใช้งาน

ทนนาน และถือเป็นกระทะยอดนิยมในยุคโพสโมเดิร์น กระทะเทฟล่อน หรือนอนสติ๊ก (non-stick pan) ใช้นำมันน้อย ลื่นปรี๊ด เหมาะกับการทอดได้หลากหลาย

องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส

17 foodstylist


อุณหภูมิที่ดีที่สุดการทอดกรอบ 160-200 องศาเซลเซียส

ต่ำกว่า 160 องศาเซลเซียส อมน้ำมัน, ไม่กรอบ, สีสันไม่สวย

วิทยาศาสตร์การทอด

เราขยับแว่นสายตามาดเด็กเรียนแล้วมาพูดกันจริงๆ จังๆ กันต่อครับ มีนัก วิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า อัลเบิร์ต ไอน์ไตน์ เคนตักกี้ กล่าวถึงการทอดว่า “อุณหภูมิของน้ำมัน สำคัญกว่าความไม่รู้” และนักวิทยาศาสตร์ที่อุปโลก ในจินตนาการของผมนั้นพูดถูกที่สุดแล้วครับ ปัจจัยแรกที่ควรจดจำคือ

อุณภูมิของน้ำมันสำคัญกว่าความไม่รู้

เพราะงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์อาหารได้พบว่า อุณหภูมินั้นเกี่ยวข้องกับ ปัจจัยที่ให้อาหารดูเย้ายวน และรสชาติดี ไม่ว่าสีสัน กลิ่น และความกรอบ โดยอุณหูภูมิที่เหมาะที่สุดในการทอดคือ 160-200 องศาเซลเซียส และ หากต่ำกว่านั้น สีและกลิ่นที่ควรจะเสริมให้อาหารจานนี้มีเสน่ห์ดั่งแม่สาวใน ชุดเสือก็จะลดลง กลายเป็นอาหารที่สีไม่สวย กลิ่นไม่หอม และที่สำคัญ น้ำมันที่ก็จะเข้าไปสิงสู่ในตัวอาหารมากขึ้น ทำให้อาหารเมนูทอดจานนี้มี น้ำมันเยิ้มเสียรสชาติไป และเมื่อมองไปที่จุดเริ่มต้นก่อนที่จะกลายเป็นอาหารทอด โดยพื้นฐานของ วัตถุดิบที่เราจะทอดนั้นก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยเลยที่จะทำให้อาหารนั้นอม น้ำมันหรือไม่

18 foodstylist

ความชื้นมาก อมน้ำมันมาก

อาหารที่มีความชื้นมาก เมื่อทอดแล้วอาหารจานนั้นก็จะดูดซึมน้ำมันไว้ได้ มาก พูดง่ายๆ ให้เห็นภาพก็คือ น้ำที่แทรกตัวอยู่ในอณูอาหารจะระเหยจน กลายเป็นโพรงหรือช่องว่างขณะทอด จากนั้นน้ำมันก็เข้าไปยึดครองแทนที่

จงลวกอาหารก่อนนำไปทอดโดยพลัน

อีกหนึ่งเคล็ดลับในการกำจัดความชื้นให้หมดไป และเสกให้อาหารทอดมี ความกรอบได้ ง่ า ยก็ คื อ การนำอาหารไปลวก หรื อ ซั บ ให้ แ ห้ ง เพื่ อ ลด ความชื้นเสียก่อน เมื่อทอดแล้วอาหารสุกเร็วขึ้นที่สำคัญกรอบขึ้นอีกด้วย

สังเกตคลื่นน้ำมัน

นอกจากทอดสอบโดยการนำอาหารลองหย่อนลงไปทดสอบว่าน้ำมันร้อน ได้ที่หรือยัง วิธีการสังเกตง่ายๆ ก็คือ หากน้ำมันยังร้อนไม่ได้ที่ ผิวหน้าของ น้ำมันจะมีลักษณะเป็นลอนคลื่นเล็กๆ แต่หากได้ที่และมีความร้อนคงที่แล้ว ผิวหน้าของน้ำมันจะนิ่งสงบ

สะเด็ดและซับน้ำมันโดยทันที

เมื่อทราบว่าต้องทอดขอให้เตรียมตัวได้เลยว่าหลังจากอาหารสุขแล้ว คุณ ต้องสะเด็ดน้ำมันออกไปให้มากที่สุด และจากนั้นก็พักไว้ที่กระดาษสำหรับ ซับมัน


เมนูทอดกับกูรูด้านอาหาร

เมื่อทราบเรื่องน้ำมันและอุปกรณ์การทอดแล้ว คราวนี้ลองมาดูทัศนะของกูรูด้านอาหารเกี่ยวกับเมนูทอดๆ กันครับ

การทอดในอาหารญี่ปุ่น

เชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ อาหารทอดจากแดนอาทิตย์ที่เรารู้จักกันดีก็คือ เทมปุระ อาหารชุบแป้งทอดกรอบสีเหลืองทอง เมนูสุดฮิต ได้แก่ กุ้งเทมปุระหรือ ebi tempura หรือพวกผักต่างๆ โดยหลักการทั่วไปของการ ทอดชุปแป้งทอดแบบญี่ปุ่นต้องผสมแป้งด้วยน้ำ เย็น ผสมอย่างเบามือ สำหรับกระทะที่ใช้ทอด ควรเป็นกระทะทองเหลืองที่หนาสามารถรักษา ความร้อนได้ทนนาน เมื่อถึงเวลาทอดนั้นจะต้อง ใช้น้ำมันมากพอจนท่วมอาหาร เพื่อให้อาหาร นั้นจมและร้อนจนทั่วถึงทั้งชิ้น เคล็ดลับส่วนตัว จะใช้ อุ ณ หภู มิ ส ำหรั บ การทอดแตกต่ า งกั น ไป เมื่อน้ำมันมีอุณหภูมิไม่สูงมากจะเริ่มทอดผักใบ เขี ย ว และเมื่ อ อุ ณ หู ภู มิ สู ง ขึ้ น (180 องศา เซลเซียส) ก็จึงทอดเนื้อสัตว์กุ้งหอยปูปลาได้

ทอดแบบตะวันตก

เชฟประชัน วงศ์อุทัยพันธุ์ เทคนิคสำหรับการทำอาหารทอดตระกูลอาหาร ตะวันตกนั้น น้ำมันจะต้องท่วมอาหาร และโดย มากจะใช้ไฟอ่อนๆ ปล่อยให้อาหารค่อยๆ สุก ซึ่ ง ลั ก ษณ์ ก ารทอดแบบนี้ น อกจากจะสุ ก กำลั ง ดีแล้ว ยังให้อาหารที่มีสีสวยด้วย เมื่อมองไปที่ ประเภทนั้ น เฟรนช์ ฟ รายด์ ห รื อ ไก่ ก็ ล้ ว นแต่ ใ ช้ น้ำมันปาล์ม หรือถั่วเหลือง ส่วนน้ำมันมะกอก หรื อ น้ ำ มั น งาที่ เ รามั ก จะเห็ น การใช้ ใ นอาหาร ตะวันตกนั้น มักใช้ในการผัด หรือ stir fried เพราะจุดเกิดควันต่ำมากอาจทำให้อาหารเสีย รสชาติที่ดีไป ทั้งนี้ประเภทการทอดของอาหาร ตะวั น ตกยั ง แบ่ ง ออกเป็ น 4 ประเภท ก็ คื อ deep fried, pan fried, stir fried และ saute’ แต่ ล ะประเภทก็ ใ ช้ น้ ำ มั น และปริ ม าณน้ ำ มั น

ต่างกัน

ทอดอย่างไทย

อาจารย์วันดี ณ ระนอง สำหรั บ กรรมวิ ธี ก ารปรุ ง อาหารไทยที่ เ ป็ น ลักษณะของอาหารคาวตระกูลทอดนั้น มีเคล็ดลับ สำคัญอยู่ที่อุณหภูมิของน้ำมัน อาหารจะกรอบ จะอมน้ ำ มั น สี จ ะสสวยหรื อ ไม่ ต้ อ งระวั ง เป็ น พิเศษ จดจำง่ายๆ ว่าน้ำมันต้องร้อน ไฟกลาง ร้อนค่อนข้างอ่อน หมั่นกลับด้าน (หากทอดปลา จะกลั บ มี ด้ า นละครั้ ง เท่ า นั้ น ) ก็ จ ะได้ อ าหารที่ กรอบ ไม่อมน้ำมัน และปัจจุบันนี้น้ำมันที่เหมาะ กับการทอดที่สุดก็คือน้ำมันปาล์มเพราะคุณสมบัติ

เหมาะสมที่สุด

19 foodstylist



หากมองภาพรวมแบบโลกชุบแป้งทอด หลายๆ ชาติก็มีอาหารทอด ในสไตล์ ข องตนเอง แต่ ก ระนั้ น อาหารทอดก็ บุ ก แลกเปลี่ ย น วัฒนธรรมด้านอาหารกับชาติต่างๆ จนคล้ายว่าเมนูทอดนั้นเป็น เมนูสากลไปแล้ว เราลองมาดูว่าเมนูไหนที่อยู่ 10 อันดับความนิยม ของคนทั้งโลกครับ 10 อันดับเมนูทอดยอดนิยม (จากการจัดลำดับ ของเว็บ www.ranker.com) 1. ไก่ทอด (chicken fried) อันดับหนึ่งคงจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้ เลยนอกจากไก่ทอด และกระแสความนิยมทั่วโลกที่มีก็เป็นเครื่องชี้ วัดได้เลยว่าไก่ทอดนั้นยอดนิยมที่สุด เพราะจากการสำรวจกลุ่ม ธุรกิจที่มีสาขาทั่วโลกนั้น ไก่ทอดแบรนด์ฮิตที่เรารู้จักกันดีนั้นมี สาขาทั่วโลกถึงกว่า 13,000 สาขา ในมากกว่า 80 ประเทศ และ หากรวมธุรกิจฟาสต์ฟู้ดกลุ่มอื่นๆ ก็ยังมีเมนูที่ไก่ทอดแทรกตัวอยู่ เสมอ ไก่ทอดจึงครองโลกชุบแป้งทอดได้อย่างไม่ยาก 2. มันฝรั่งทอด (french fries) เมนูฮิตที่กินกันมันๆ เบรกแตก อย่างเฟรนช์ฟรายด์ เป็นทั้งอาหารทานเล่น และทานกันหนักเอา อ้วน นิยมไปทั่วยุโรป อเมริกัน และเอเชีย 3. มอสซาเรลล่าชีส (mozzarella sticks) ชื่อนี้คนไทยอาจไม่ คุ้นนัก แต่ถ้าบอกว่าปอเปี๊ยะห่อชีสก็คงคุ้นกันมากขึ้น เมนูนี้นำ ความหอมมันเค็มของชีสมาติดที่อันดับสาม 4. หอมทอด (onion ring) ของทานเล่นที่เรียบง่ายทำทานได้ไม่ ยาก แค่เพียงใช้หอมใหญ่ ฝีมือการฝานหอมใหญ่ให้ได้ขนาด และก็ สูตรแป้งชุบทอดที่โดนใจคุณ 5. ฟันเนลเค้ก (funnel cake) เมนูขนมเค้กอินดี้ที่สุกได้ไม่พึ่งเตา อบ แต่อร่อยได้ด้วยการทอด เจ้าเค้กชนิดนี้นิยมมากในประเทศ แทบอเมริกาเหนือ 6. ไก่ป๊อป (popcorn chicken) ความกรอบกรุบบวกรสชาติของ ไก่และแป้ง อร่อยแบบคำเล็กๆ ได้ทุกเพศทุกวัยเลย 7. โดนัท (doughnuts) เราเชกความฮอตได้ง่ายๆ เลย แค่เพียง นักนับว่าแบรนด์โดนัทที่คุณรู้จักมีกี่แบรนด์ และแค่เพียงในอเมริกา การบริโภคต่อปีนั้นอยู่ที่ 10 พันล้านชิ้นทีเดียวเชียวนะ 8. ปีกไก่ทอด (buffalo wings) เจ้าเมนูปีไก่ทอดที่มีต้นกำเนิด จากเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ที่มีรสชาติจัดจ้านดิปกับบลูชีสได้ ฟีลล์แบบสุดๆ

9. มันฝรั่งทอด (potato chips) อันดับแปดนี้คงไม่มีข้อสงสัย ใดๆ เพราะนิยมไปทั่วโลก และมีมันฝรั่งทอดรสต่างๆ มากมาย มหาศาล และหลายชาติก็นิยมแตกต่างกันไป เช่น อียิปต์มีรส เคบับ อินเดียมีรสมินต์ ญี่ปุ่นมีรสมายองเนส หรือรสประหลาดๆ อย่างช็อกโกแลตกับพริก 10. ปอเปี๊ยะทอด (eggroll) แผ่นแป้งผสมไข่ห่อห่มไส้ไว้ให้ลุ้น พอได้กัดพบ ความกรอบและความอร่อย ถือเป็นอีกหนึ่งความกรอบแบบไซนิส สไตล์ที่ฮิตทั่วโลก แถมอีกหนึ่งอันดับโดย foodstylist เรายกให้เมนูตระกูลเทมปุระ (tempura) เมนูอาหารชุบแป้งทอดลูกครึ่งญี่ปุ่น-โปรตุเกส ซึ่งหาก ใครได้เข้าร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วเป็นต้องสั่งมาชิม อย่างที่ได้บอก แล้ ว ว่ า เทมปุ ร ะแท้ จ ริ ง เป็ น อาหารลู ก ผสมที่ เ กิ ด ขึ้ น ในสมั ย ที่ โปรตุเกสเข้ามา โดยชาวดินแดนฝอยทองนิยมรับประทาน friday fish fry เป็นการนำปลามาชุบแป้งทอด ในภายหลังคนญี่ปุ่นก็ ปรับสูตรจนกลายเป็นเมนูชุบแป้งทอดที่ทานคู่กับน้ำจิ้มต่างๆ ปัจจุบันนี้อาหารทอดนั้นยังคงถูกมองว่าเป็นหนทางไปสู่การมี ร่างตุ้ยนุ้ย หลายคนก็มองว่าเมนูทอดๆ นั้นไม่ค่อยเป็นมิตรต่อ สุขภาพนัก อย่างไรก็ดีความกรุบกรอบของอาหารทอดก็ยังคง สะเทือนเลือนลั่นไปได้ทั้งโลก ไม่ว่าจะห้ามตัวเองอย่างไรก็อดที่ จะหยิบมากินไม่ได้ นี่แหละหนาโลกของอาหาร จะสยองขวัญ แค่ไหน ใครจะบอกว่าอ้วนอย่างไร อร่อยก็ยังคงเรียกว่าอร่อย วันยันค่ำ และสำหรับฉบับนี้ foodstylist เรามีเมนูอาหารที่หยิบเอา ความสยองขวัญในเทศกาลฮาโลวีนมาบวกกับอาหารทอดสุด อร่อยที่เติมความสร้างสรรค์ ให้มีบรรยากาศสนุกสุขสยอง แต่ น่ารับประทานเหมือนทุกๆ เล่ม เชื่อว่าแฟนๆ ที่ถือเล่มนี้อยู่คง ได้ไอเดียเริ่ดๆ เพื่อเติมความสุขให้กับคุณเป็นแน่

21 foodstylist


dining out

words snow queen photographs wannasak sirisab

เมนูทอดสุดฮิป ในบรรยกาศปาร์ตี้ฮัลโลวีน

dining out ฉบับนี้ พวกเรารวบรวมเมนูอาหารทอดของร้านต่างๆ มาให้ทานกันแบบเต็มอิ่ม พร้อมพาไปตระเวนหาร้านอาหารที่จะให้คุณ ได้ไปฉลองปาร์ตี้ฮัลโลวีนกันอย่างสุดเหวี่ยง ชอบแบบไหนก็เลือกชิมเลือกเที่ยวกันให้หนำใจได้เลยค่ะ

Soupé อาหารอร่อย ราคาโดนใจ

ร้านเล็กๆ ที่ดูเรียบง่ายและแสนอบอุ่นแห่งนี้ ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของตึกอมรินทร์พลาซ่า ถึงแม้ที่นี่จะมีทีเด็ดในเรื่องของเมนู

ซุ ป ที่ คั ด สรรวั ต ถุ ดิ บ ชั้ น ดี แ ละเคี่ ย วน้ ำ สต๊ อ กจนใสและ กลมกล่อมเพื่อมาปรุงเป็นเมนูซุปในแบบต่างๆ แต่เมนูอื่นๆ ก็มี ดีไม่แพ้กันโดยเฉพาะเมนูจานทอดที่เราจะแนะนำดังต่อไปนี้ เริ่มที่ ‘platter’ ของว่างรวม 3 ชนิด ทั้งคารามารี่เสิร์ฟพร้อม ซอสอะโวคาโดมะขามรสชาติเปรี้ยวเผ็ด ชิกเก้นวิงก์ เสิร์ฟ พร้อมซาวครีมพริกป่น และปอเปี๊ยะ เสิร์ฟพร้อมฟรุตชัตนี่ จานต่ อ มา ‘pan fried chicken steak’ อกไก่ ห มั ก ด้ ว ย

โยเกิร์ตแล้วนำไปทอดราดด้วยซอสส้ม (รสเปรี้ยว) ผักย่าง และมันผัดข้างๆ กันนั้นคือ ‘chicken kebabs’ สเต๊ะไก่เนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดกระเทียม ซอสมิโสะ และผักย่าง อีกจาน เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ ‘pan fried fillet of salmon’ แซลมอน ทอดในน้ำมันน้อยๆ จนสุกนุ่มกำลังดี เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่ง ผักย่าง ขิงดอง และซอสมิโสะสูตรพิเศษของทางร้านใกล้ๆ กันนั้นเป็น ของหวานรสชาติดี อย่าง ‘chocolate mousse caramelized bananas’ และเครื่องดื่มรสชาติแปลกใหม่อย่าง ‘ice lychee mint tea’ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสลัดบาร์ เซ็ตเมนูรสชาติเลิศ และเมนูอร่อยๆ ให้เลือกทานอีกเพียบ ที่สำคัญราคาสบาย กระเป๋ า อิ่ ม แบบคุ้ ม ค่ า คุ้ ม ราคาทุ ก เมนู เ ลยละ ถ้ า ใครชอบ อาหารรสชาติแปลกใหม่ไม่จำเจ ร้านนี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่า ลองค่ะ 98 foodstylist

Contact: Soupé 4 floor of Amarin Building

Open daily: 11.30am - 09.00pm Telephone: 0-2652-0604


Garage Burger & Grill อร่อยตำรับอเมริกันดั้งเดิม

Contact: Garage Burger & Grill 2 floor of All Season Place

Open: 11.00am - 10.00pm (Sun- Fri) / 12.00pm – 10.00pm (Sat) Telephone: 0-2685-3626

ร้ า นเบอร์ เ กอร์ ส ไตล์ อ เมริ กั น ดั้ ง เดิ ม ที่ พิ ถี พิ ถั น ในทุ ก

รายละเอียด พร้อมเมนูมากมายที่คัดสรรตามแบบฉบับอเมริกัน ขนานแท้ ความอร่อยของร้านนี้ถือกำเนิดขึ้นโดยคุณสหจักร บุญธนกิจ ด้วยความคุ้นชินที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กนานหลายปี อีกทั้งความหลงใหลในสไตล์อเมริกันดั้งเดิม จึงถ่ายทอดความ ชอบออกมาเป็นอาหารและของตกแต่งภายในร้านได้อย่างเท่ เก๋ และลงตั ว เริ่ ม ต้ น มื้ อ อร่ อ ยกั น ด้ ว ย ‘calamari’ ปลาหมึ ก

ชุบเกล็ดขนมปังทอด กรอบนอกนุ่มใน เนื้อปลาหมึกสุกกำลังดี ไม่เหนียวจนเกินไป ทานคู่ทาร์ทาร์ซอสรสชาติเข้มข้น จานต่อมา ‘fish & chips’ เนื้อปลาดอลลี่ชุบแป้งทอดพร้อมมันฝรั่งสดๆ ชิ้นโตๆ ทอดพร้อมเปลือก แล้วโรยด้วยเกลือ พริกไทย และ ปาปริก้า และยิ่งได้จิ้มทาร์ทาร์ซอสสูตรเด็ดของทางร้านแล้ว ก็ยิ่งทำให้ฟิชแอนด์ชิปจานนี้เพอร์เฟกต์ขึ้นอีกเป็นกอง อีกจาน ก็อร่อยไม่แพ้กัน ‘buffalo wings’ น่องและปีกบนหมักด้วย ฮอตซอสสู ต รลั บ ของทางร้ า น แล้ ว นำไปทอดจนได้ ไ ก่ ท อด

ที่หอมนุ่มถึงเนื้อในทานคู่ซอสบลูชีส วิเศษสุดๆ ไปเลย และ ทั้งหมดนี้ต้องทานคู่ ‘รูตเบียร์ โฟล์ต’ แบบว่าอร่อยได้อารมณ์ เข้ากันสุดๆ ไปเลยขอบอก

99 foodstylist


Al Majlis Tea Room

จิบชาชิมของทอดสไตล์โมร็อกโค

อีกหนึ่งร้านแฮงเอาต์ในบรรยากาสุดชิคที่จะทำให้ค่ำคืนของ คุณมีความสุขแบบสุดโต่ง ด้วยการตกแต่งเสน่ห์สไตล์โมร็อกกัน ผสมอั ง กฤษและตะวั น ออกกลาง โดดเด่ น ด้ ว ยอาหารและ

ชาโมร็อกกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นธีมของร้าน ได้อย่างกลมกลืนและลงตัว เริ่มเปิดประสบการณ์อร่อยสไตล์ โมร็อกกันด้วย ‘Briouats 3 filling’ ของทอดสไตล์โมร็อกกัน ที่หน้าตาละม้ายคล้ายซาโมซ่า มีด้วยกัน 3 ไส้ คือ ไส้ไก่ ผัก โขม และแกะ ทานคู่สไปซี่ซอสรสจัดแก้เลี่ยนได้เป็นอย่างดี อี ก จานเสิ ร์ ฟ มาเก๋ ๆ ในกระทะอย่ า ง ‘fried calamari’ ปลาหมึกสดหั่นเส้นชุบเกล็ดขนมปังทอดเสิร์ฟพร้อมทาร์ทาร์ ซอส ต่อมา ‘tuna brik’ แป้งปอเปี๊ยะชิ้นโตยัดไส้ทูน่าและไข่ จานนี้ขอบอกว่าตื่นเต้นตรงที่พอใช้ส้อมหั่นแป้งปอเปี๊ยะ ไข่แดง ก็พลันทะลักออกมา รสชาติอร่อยกลมกล่อม รสชาติตัวแป้ง กรอบกำลังดี อีกจานคือ ‘fish & chips’ ปลาดอลลี่ชุบแป้งทอด ทานคู่ มั น ฝรั่ ง ทอดชิ้ น โต และตบท้ า ยกั น ด้ ว ย ‘moroccan mint tea’ ล้างปากกันสักแก้วนอกจากเมนูทอดๆ ที่เราแนะนำ เมื่อสักครู่ ที่นี่ยังโดดเด่นเรื่องเมนูที่ใช้กรรมวิธีการตุ๋นในแบบ โมร็อกกัน และยังมีอาฟเตอร์นูนทีในตอนกลางวันให้สาวๆ มา นั่งสวยเมาท์จิบชาทานขนมกันอีกด้วย

100 foodstylist

Contact: Al Majlis Tea Room Sukhumvit 21, Khlong Toei Nuae,

Watthana, Bangkok 10110

Open: 11.30am - 01.00am (Mon-Sat) / 04.30pm - 01.00pm (Sun) Telephone: 08-1825-2799, 0-2664-0212


Cafe de Flore

ทานอาหารท่ามกลางสวนสวย

Contact: Cafe de Flore 345/1 Moo 3 Nakronin Road,

Bang Khun Kong, Nontaburi 11130

Open daily: 09.00am - 09.00pm Telephone: 08-8133-6778, 08-1444-9848

ร้านอาหารสไตล์คาเฟ่ที่ไม่ได้มีเพียงแค่อาหาร ขนมหวาน และ กาแฟคุณภาพดี แต่ยังมีต้นไม้ไว้ให้คุณได้สูดอากาศบริสุทธิ์

กันแบบเต็มปอด และยิ่งถ้าคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาด้านการ จัดสวน ที่นี่อาจมีคำตอบดีๆ เกี่ยวกับต้นไม้ให้คุณก็เป็นได้ มา ถึงคิวของอาหารกันบ้าง ที่นี่เสิร์ฟอาหารสไตล์ฟิวชั่น ที่ดึง

ส่ ว นผสมหลั ก ของอาหารมาผสมผสานกั น จนได้ ร สชาติ

ที่บาลานซ์ เริ่มต้นกันด้วย ‘ผักรวม ปูนิ่ม ไข่กุ้ง น้ำสลัดงา’

ปูนิ่มทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมผักรวม และน้ำสลัดงารสเปรี้ยวนิดๆ หอมงา ท็อปด้วยไข่กุ้งเพิ่มสีสันและรสชาติ ต่อมา ‘สปาเกตตี้ ไส้กรอกอิตาเลียน’ ไส้กรอกอิตาเลียน หอมกลิ่นเครื่องเทศที่ ทอดไร้น้ำมัน ออกมาจนเกรียม ผัดพร้อมสปาเกตตี้ ได้รสชาติ เข้มข้น อีกจาน ‘ยำหมูย่าง’ น้ำยำที่ไม่รสจัดจนเกินไป อร่อย สไตล์ โบราณพร้อมด้วยกลิ่นหอมของพริกเผาเข้ากันได้ดีกับ หมูย่าง เพิ่มความกรอบนิดๆ ด้วยมะเขือ และฟินกันต่อด้วย ‘พีชกีวี่สมูตี้’ ที่ได้ความหวานจากธรรมชาติ ทานแล้วสุขภาพดี แบบไม่ต้องสงสัย แถมดื่มแล้วชื่นใจเป็นที่สุด ถ้าคุณกำลัง

มองหาร้านอาหารบรรยากาศดี อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน อีกทั้ง ยังได้สูดอากาสบริสุทธิ์จากต้นไม้น้อยใหญ่จนชุ่มปอด แถม เสิร์ฟของอร่อยคุณภาพดี มาร้านนี้รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

101 foodstylist


dining out

words fay (Instagram: vvfayvv) photographs wannasak sirisab, dharma polsen

EAT ME Restaurant

การันตีความอร่อย Top 20 ของเอเชีย

“EAT ME” การันตีด้วยอันดับสุดยอดร้านอาหารอันดับ 19 ของเอเชี ย และเป็ น อั น ดั บ ที่ 4 ของประเทศไทย กั บ บรรยากาศร้านสไตล์ออสเตรเลีย แนวเรียบหรูแต่เป็นกันเอง เปิดมายาวนานกว่า 15 ปี จุดเด่นของร้านนี้คืองานศิลปะที่มี ให้เสพกันอีกด้วย โดย Art gallery ของที่นี่มีการจัดแสดง ภาพวาดของศิลปินที่จะเปลี่ยนทุกๆ 2 เดือน และสามารถ ประมูลซื้อภาพกลับไปเชยชมได้อีกด้วย เรียกได้ว่าอร่อยทาง ปากแล้วยังอร่อยสายตาอีกด้วย ว่าแล้วก็ไม่รอช้าขอเริ่มต้นด้วย ‘grilled tiger prown’ กุ้ง ลายเสือย่างกับน้ำมันมะกอกและเครื่องต้มยำให้มิติที่แปลก ใหม่ของต้มยำ ต่อด้วย ‘duck confit’ เป็ดทอดแบบฝรั่งเศส หนั ง กรอบแต่ เ นื้ อ นุ่ ม กั บ ซอสบี ต รู ท สำหรั บ คนรั ก เนื้ อ ขอ แนะนำ ‘สเต๊กเนื้อวากิว’ เนื้อชั้นดีย่างบาซัลมิกเคียงด้วยเห็ด และโรสแมรี จานถัดไป ’roasted marrow bone’ เนื้อติด กระดู ก ชิ้ น โตย่ า ง และปิ ด ท้ า ยด้ ว ยของหวานอย่ า ง ‘dark chocolate cake’ แบบเข้มข้นมาก แต่หากใครชอบแนวผลไม้ ก็ ยั ง มี ข องหวานท้ อ งถิ่ น จากนิ ว ซี แ ลนด์ ‘Pavlova’ เป็ น เมอแรงก์เสิร์ฟคู่กับครีมสดและผลไม้ตามฤดูกาล สำหรับเมนู เครื่องดื่มเป็น ‘toblerone martini’ ช็อกโกแลต วอดก้า รส ชาติเบาๆ แต่ยังคงกลิ่นหอมของวอดก้าไว้

102 foodstylist

Contact: EAT ME Restaurant 20 metres off Convent Road in

Soi Pipat 2, Silom, Bangkok, Thailand

Open Daily: 03.00pm - 01.00am Telephone: 0-2238-0931 www.eatmerestaurant.com


celeb pick คุณมด-ดวงกมล ถิระวัตน์

ภูริตัน

อร่อยในบรรยากาศคลาสสิก

Contact: Puritan Soi Ari 5, Phahonyothin Road,

Samsen Nai Subdistrict,

Phayathai, Bangkok, Thailand Open Daily: 12.00pm – 11.00pm Telephone: 0-2357-1099

ร้านสไตล์คลาสสิก-ฝรั่งเศส ให้กลิ่นอายความขลังด้วยของ สะสมโบราณส่งตรงมาจากทั้งฝรั่งเศสและอิตาลี เรียกได้ว่า เพียงก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว เจ้าของร้านบอก กับเราว่า เดิมทีตั้งใจเปิดเป็นเบเกอรี่อย่างเดียว แต่ด้วยความ ชอบส่วนตัวที่มีให้กับการทำอาหาร จึงได้เพิ่มเมนูของคาวที่ เจ้าตัวลงมือปรุงเอง รวมถึงตกแต่งร้าน ทำอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่มด้วยตัวเอง อาหารของที่นี่เกิดจากการครีเอตอาหารสไตล์โฮมเมด แต่ รสชาติมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างจานแรกที่เป็น เมนูสุดฮิต ‘ทาร์โก้ปู’ ไส้ที่โดดเด่นอย่างเนื้อปูชิ้นโตๆ ผัดกับ

บรอกโคลีและพริกไทย จากนั้นเมนูเส้น ‘เฟตตูชินี่เพสโต้ซอส’ ผัดกับกุ้งสับ หรือจานนี้เลย ‘สลัดไก่ซอสส้ม’ กลิ่นหอมของไก่ หมักเนยทานคู่กับผักสลัดและซอสส้ม รสชาติเข้ากันได้ดี ต่อ ด้วยอีกจานเป็น ‘ฟิชโรลล์เกี๊ยวซ่าทอด’ เกี๊ยวซ่าเนื้อนุ่มห่อ ด้วยห่อหมกและแป้งทอดกรอบ และเครื่องดื่มสูตรพิเศษอย่าง ‘ราสป์ เ บอร์ รี่ เ ลมอนเนด’ น้ ำ ผลไม้ ห อมหวานชื่ น ใจปนรส เปรี้ยวเบาๆ เรียกได้ว่าได้ทั้งอาหารอร่อยและงานศิลปะที่หา ชมได้ยากในหนึ่งเดียว และด้วยบรรยากาศของตกแต่งน่าจะ เหมาะกับใครกำลังหาที่ปาร์ตี้ฮัลโลวีนอยู่นะคะ

103 foodstylist


dining out

words fay (Instagram: vvfayvv) photographs wannasak sirisab, dharma polsen

Beer Vault

อาณาจักรแห่งเบียร์

สำหรับคนที่มองหาที่แฮงเอาต์หลังเลิกงาน จุดเด่นที่อาหาร อร่อยมีเบียร์ให้จิบเพลินๆ ในบรรยากาศแบบบาร์คลาสสิก สไตล์ฝรั่งแล้วละก็ ร้านนี้มีครบ ด้วยสารพัดเบียร์ในราคาที่

จับต้องได้และโปรโมชั่นประจำเดือนที่เน้นความหลากหลาย ป๊อปคอร์นสดใหม่ฟรีทั้งคืน นอกจากนี้หากคุณมาตั้งแต่หัวค่ำ

ที่นี่ยังมีซุ้มอาหารเบาๆ ไว้บริการฟรีอีกด้วย มาว่ากันถึงเรื่องของอาหาร ขอเริ่มที่จานเด็ด ‘Chimichangas’ แป้งทอดกรอบสอดไส้ด้วยไก่สับหมักกับเครื่องเทศแกงกะหรี่ ทานได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ หรือจะเป็น ‘mini pie’ พายจิ๋วไส้ ต่างๆ ให้คุณได้สนุกกับการทายรสชาติ ถัดมาด้วยเมนูขายดี อย่าง ‘bangers & mashes’ ไส้กรอกชิ้นโตกับมันบดและ

เกรวี่ซอส ข้างๆ กันนั้นคือ ‘salmon grissini’ แซลมอน

รมควันพันขนมปังกรอบกินเล่นเพลินๆ ตบท้ายด้วยของหวาน แสนเก๋อย่าง ‘มูสข้าวเหนียวดำ’ ทานคู่กับมะม่วงสุกให้รสชาติ อีกมุมของข้าวเหนียวมะม่วง สำหรับเครื่องดื่มคงไม่พ้นเบียร์ แต่มาด้วยโปรโมชั่นพิเศษสำหรับเดือนตุลาคมกับ October Festival เริ่ ม ตั้ ง แต่ วั น ที่ 21 กั น ยายน กั บ เบี ย ร์ สั ญ ชาติ เยอรมันซื้อ 1 แถม 1 พลาดไม่ได้เลยนะคะ

104 foodstylist

Contact: Beer Vault Sukhumvit Soi 15, Klongtoey-Nua, Wattana, Bangkok, Thailand 10110

Open Daily: 03.00pm- 12.00am Telephone: 0-2309-3124


ANNA’S Wine Bistro จิบไวน์เคล้าเสียงเพลง

ร้านน้องใหม่ย่านอารีย์ บรรยากาศอบอุ่นหรูหรามีระดับ มี เสียงเปียโนเล่นคลอเคล้าให้เป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม และสำหรับ ไวน์เลิฟเวอร์ ร้านนี้นำเข้าไวน์ชั้นดีจากแคลิฟอร์เนียและอิตาลี ประกบกั บ อาหารในคอนเซปต์ ข อง “east meet west”

ผสมผสานกันระหว่างความเป็นตะวันและตะวันออกได้อย่างลงตัว บวกกับการการันตีความอร่อยของอาหารโดย เชฟเคณฑ์-

อาณณฑ์ มะซังหลง Master Chef Thailand มาร่วมกันรังสรรค์ ศิ ล ปะบนจานอาหาร ว่ า แล้ ว ก็ ข อเริ่ ม ต้ น ความอร่ อ ยด้ ว ย อาหารดีไซน์อย่าง ‘คางปลากะพงทอด’ ทอดแบบ deep fried ราดด้วยซอสน้ำผึ้งและขิง อีกจานคือ ‘หอยเชลล์เซียร์ซอส ไวน์ขาว’ นำหอยเชลล์มาเซียร์ก่อนแล้วผัดกับไวน์ขาว แต่ง กลิ่นด้วยพริกไทยและขิง โชว์การผสมผสานระหว่างตะวันตก และตะวันออกได้ดี หรือถ้าใครชอบทานสลัดต้องลอง ‘สลัด แซลมอนรมควัน’ ใช้แซลมอนตามธรรมชาติและรมควันเอง ได้ความนุ่มฉ่ำเต็มคำ ส่วนเมนูหนักท้องก็มีเช่นกันกับ ‘สเต๊ก เนื้อแกะราดซอสไวน์แดง’ ซอสที่เคี่ยวจนข้นเข้ากันกับเนื้อ นุ่มๆ สำหรับเครื่องดื่มแนะนำคือ ‘Blue Hawaii’ เครื่องดื่ม อร่อยๆ เจือกลิ่นของมะพร้าวจางๆ Contact: ANNA’S Wine Bistro 133 Pholyothin Soi 5 Rama 6 Road, Samsennai, Phayathai, Bangkok 10400

Open Daily: 6.00pm - 12.00am Telephone: 0-2270-1515

105 foodstylist


Opposite Mess Hall หรูหราแบบเป็นกันเอง

ร้านสไตล์ลอฟต์เน้นพื้นที่โล่งกว้างให้ลูกค้าได้มาสังสรรค์กัน อย่างเต็มที่ เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นแกลเลอรีมาก่อน จึงยังคง โครงสร้างแบบดิบๆ ไว้ พร้อมครัวแบบเปิดโล่งให้ได้สัมผัสฝีมือ การทำอาหารของเชฟอย่างใกล้ชิด ส่วนคุณภาพอาหารระดับ ไฟน์ไดนิ่งแต่ตกแต่งเรียบง่ายสวยงาม อีกหนึ่งความพิเศษของ ร้านนี้ก็คือเมนูประจำวันที่เปลี่ยนไปตามแต่วัตถุดิบที่เชฟจะ เลือกสรรมา เริ่มลิ้มลองความอร่อยที่จานซิกเนเจอร์ของเชฟ ‘ซุปหอยแครง’ กับซอสมะเขือเทศสูตรพิเศษ จากนั้นไปต่อกันด้วย ‘potatas bravas’ เฟรนช์ ฟ รายด์ ต ำรั บ จากสเปน ใช้ มั น ฝรั่ ง สดหั่ น

เป็นชิ้นพอคำเสิร์ฟพร้อมกับมายองเนสและซอสสูตรเฉพาะ แล้วมาเอาใจคนรักสุขภาพกับ ‘best green salad’ โดดเด่น แตกต่างจากสลัดที่อื่นๆ รสชาติน้ำสลัดแบบใสๆ แต่ก็ไม่ได้ กลบกลิ่นของผักสด แต่ที่แปลกที่สุดและไม่เคยกินที่ไหนเห็นจะเป็น ‘black pudding’เ ห็นจานนี้ครั้งแรกเดาอยู่นานว่ามันคืออะไร จนกระทั่งเชฟเฉลยว่ามันคือพุดดิ้งเลือดสีดำ อาหารท้องถิ่น จากเมืองผู้ดีอังกฤษเคล้ากับสมุนไพรต่างๆ แล้วมาดื่มปิดท้ายกับ ‘Very Verde’ ค็อกเทลหอมกลิ่นพริกสูตรร้อนแรงเผ็ดร้อน ด้ ว ยไซรั ป สู ต รพิ เ ศษหมั ก เองกั บ พริ ก ที่ ไ ด้ แ รงบั น ดาลใจ

มาจากปารีส

106 foodstylist

Contact: Opposite Mess Hall 27/1 Sukhumvit 51, Bangkok

Open: 07.00pm – 01.00am (Tue-Sun) Telephone: 0-2662-6330


wordsiris viridian photographs nuttawat ratisuk

dining out

ที่ Café de’ Fore แห่งนี้ตกแต่งสไตล์ลอฟต์

ปูนเปลือยให้แบบอารมณ์ดิบๆ เสริมด้วยสไตล์

แบบวิกตอเรียเพิ่มความใหม่แบบแปลกตาให้กับ คาเฟ่แห่งนี้ไปอีกแบบ

Me Kin

เต็มอารมณ์เมนูทอด

Contact: Me Kin Restaurant & Café de’ Fore 222 Moo 1 Nakorn Inn Road, Bangkruai, Nonthaburi 11130

Open daily: 05.00pm-12.00am Telephone: 08-1992-9465

หากใครที่เคยผ่านถนนนครอินทร์เป็นต้องสะดุดตากับหน้าร้าน อันใหญ่โตของร้าน Me Kin เป็นแน่ ร้านอาหารแบบไทยๆ

ตกแต่งสไตล์ลอฟต์ที่เสิร์ฟอาหารรสเด็ดขึ้นชื่ออย่าง ‘ยำมีกิน’ รสแซ่บ ‘ต้มยำไข่ฟู’ ที่มีไข่เจียวซ่อนอยู่ในชาม โรยหน้าด้วย เนื้ อ ปู ‘ส้ ม ตำปู นิ่ ม ’ ‘น้ ำ ตกแซลมอน’ ‘เนื้ อ ปลากะพง

พริกไทยดำ’ สำหรับเมนูของทอดก็น่าลิ้มลองไม่แพ้กัน ทั้ง ‘ยำ ผักหวานทอดกรอบ’ ‘ปลาหมึกแดดเดียว’ ‘ไก่ทอดซอสแซ่บ’ ‘ขนมจีบกุ้งทอด’ อร่อยแบบกรุบกรอบ สำหรับคอไวน์ต้อง ติดใจกับบุฟเฟต์ไวน์ที่เสิร์ฟกันแบบไม่อั้น (เริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็น ถึ ง สี่ ทุ่ ม โดยจำกั ด เวลาสำหรั บ บุ ฟ เฟต์ ไ วน์ ที่ 2 ชั่ ว โมง) นอกจากอาหารรสแซ่บที่มีกินแล้วยังมี Café de’ Fore คาเฟ่ นั่งชิลล์ๆ ชิมเค้กอย่าง ‘บลูเบอร์รี่ครีมชีส’ รสเปรี้ยวอมหวาน ราดด้วยซอสบลูเบอร์รี่และเครื่องดื่มจี๊ดๆ ‘sex and the city’ ที่ ร วมเบอร์ รี่ 4 ชนิ ด ทั้ ง สตรอว์ เ บอร์ รี่ ราสป์ เ บอร์ รี่

แครนเบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่ ปั่นผสมกันทั้งหวานทั้งเปรี้ยวใน แก้วเดียว

107 foodstylist


แนะนำความอร่อยโดย

พันโคม

โดนใจกับรสชาติไทยร่วมสมัย

หลังจากประสบความสำเร็จจากร้าน “พันโคม” สาขาแรกที่ เซ็นทรัลเวิลล์ ตอนนี้พันโคมได้ขยายสาขาเสิร์ฟความอร่อย มายังเซ็นทรัลพระราม 9 เรียกได้ว่าขายดิบขายดีจนขยาย กิจการซะขนาดนี้ คงไม่ต้องบรรยายมากหรอกนะคะว่าอาหาร ของที่นี่จะเด็ดแค่ไหน พันโคม ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่มาพร้อมกับรสชาติไทยแท้ๆ แบบถึงรสถึงเครื่อง ผสานบรรยากาศสบายๆ ที่ทำให้รู้สึก

ผ่อนคลายเราเริ่มพิสูจน์กันด้วย ‘ออเดิร์ฟพันโคม’ หลากหลาย ของทานเล่น รสชาติไทยแท้ที่จะทำให้คุณอร่อยจนลืมไม่ลง ใกล้ๆ กันนั้นเป็นเมนูจานเด็ดที่ใครๆ ก็ต้องหลงรักอย่าง ‘ปลา ทับทิมอโยธยา’ ปลาทับทิมเลาะเนื้อหั่นเต๋า นำไปทอดให้กรอบ นอกนุ่มใน แล้วคลุกซอสมะขามและสมุนไพรไทยทอดกรอบ ต่อมา ‘บะหมี่ซี่โครงหมูพันโคม’ เส้นหมี่สีเหลืองเหนียวนุ่ม ท็อปด้วยซี่โครงหมูตุ๋น ราดด้วยซอสสูตรลับของทางร้าน ทาน คู่ไข่ต้มผักและอาจาด และสุดท้ายเป็นเมนูกระทะร้อนอย่าง ‘ออส่วนทะเลกรอบ’ ที่ยกขบวนกุ้ง หอย และปลาหมึกชิ้นโต อีกทั้งตัวแป้งยังกรอบนอกนุ่มใน มีความเหนียวของแป้งแบบ พอดีๆ เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับถั่วงอกและซอสพริก ทานได้ เพลินๆ ไม่เลี่ยนแต่อย่างใดค่ะ ถ้าใครมาเดินเล่นที่เซ็นทรัล พระราม 9 และกำลั ง มองหาร้ า นอาหารไทยรสชาติ โ ดนๆ

มาร้านนี้รับรองไม่ผิดหวังชัวร์

108 foodstylist

Open daily: 10.00am - 10.00pm Contact: พันโคม 7 floor of Central Plaza Grand Rama 9 Telephone: 0-2160-2499


food design words chef prachan vong-uthaiphan photographs

chef prachan vong-uthaiphan

wannasak sirisab

Croquette in Halloween Wood ท่ามกลางป่าฮัลโลวีน

70 foodstylist


เห็นชื่อตอนของฉบับนี้คงอาจเกิด

ความงงเล็กน้อย ไม่ต้องงงนะครับ เพราะฉบับนี้ผมจะทำของทอดให้ สอดคล้องกับเทศกาลหนึ่ง นั่นก็คือ เทศกาลฮัลโลวีน ผมจึงอยากสื่อ อาหารทอดของผมให้เกี่ยวเนื่องกับ เทศกาลนี้นั่นเองครับ

เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่า ฮัลโลวีนเกี่ยวข้องกับ เรื่ อ งของผี ความสยองความขวั ญ ความ สนุกสนาน และฟักทอง ซึ่งผลสีทองนี้เป็นพืชใน ตระกูลแตงหรือเมลอน ผมจึงเลือกพืชชนิดนี้มา ทำอาหาร และเมนูที่ผมทำนี้ก็ทำมาจากฟักทอง บดนำมาปั้นเป็นลูกกลมเพื่อจะทำเป็น โครเก็ต (croquette) ใน 3 รู ป แบบคื อ ฟั ก ทอง โครเก็ตงาขาว ฟักทองโครเก็ตงาดำ และฟักทอง โครเก็ตธัญพืช โดยมีเนื้อสัตว์เป็นไก่ยัดไส้ผัก โขมและนำไปทอด เสิร์ฟพร้อมผักโขมผัด และ ซอสบาร์บีคิว แต่งด้วยแตงโมกับเมลอนหมักใน น้ำมันมะกอก ให้บรรยากาศคล้ายดงฟักทองป่า โดยโครเก็ตทั้ง 3 แบบจะนำไปทอดจนเหลือง ทองทานคู่กับฟักทองบด การออกแบบจานในฉบับนี้ ผมเลือกใช้จานกลม ซึ่งมีหลุมตรงกลางตามแบบสมัยนิยม งานนี้ผม

ใช้วิธีการออกแบบแบบถ่ายเทน้ำหนักจากทาง ซ้ายไปหาขวา เริ่มจากหนักมาหาเบาโดยใส่ตัว โปรตีนไว้ตรงกลางเพื่อให้เกิดความสมดุลและ เป็นจุดรวมน้ำหนัก เติมซอสบาร์บีคิวไว้กลาง จานตามด้วยผัดผักโขมเป็นฐาน ส่วนตัวเนื้อไก่ ทอดด้านบนนั้นแต่งด้วยใบตำลึงทอด ทางด้านซ้ายผมเริ่มลงฟักทองบดมาปาดเป็น ทางยาว จึงวางโครเก็ตทอดทั้ง 3 ตัว เรียง ลำดับกันตกแต่งด้วยผักหั่นฝอยทั้ง 3 สี คือ แค รอต ฟั ก ทอง และบี ต รู ท โดยเว้ น ช่ อ งไฟ สวยงาม ผมนำยอดตำลึงมาสร้างบรรยากาศ คล้ายดงฟักทองแห่งวันฮัลโลวีน เติมด้วยพืชใน ตระกูลแตง คือแตงโมและเมลอนหมักในน้ำมัน มะกอก น้ำผึ้ง น้ำมะนาว และสะระแหน่ ให้เกิด สี สั น สวยงามและทานแก้ เ ลี่ ย น ครบสมบู ร ณ์ ของการดีไซน์อาหารจานนี้ครับ

71 foodstylist


meet eat drink

recipe ik bun boriboon words iris veridian potographs nuttawat ratisuk

Chill Out with Stout สำหรับคนที่ชื่นชอบรสขมแบบเบียร์ ขอแนะนำ Stout ซึ่ ง ผลิ ต จาก

มอลลต์ แ ละบาร์ เ ลย์ ที่ อ บจนเกื อ บ ไหม้ เมื่อนำมาหมักก็จะมีกลิ่นและ รสเฉพาะ ขมเข้ ม เจื อ หวาน ฝาด เแบบพอดีๆ บางชื่นชอบเพราะให้ ความหวานที่ ชั ด เจนกว่ า ลาร์ เ กอร์ เบี ย ร์ บ้ า งก็ ช อบที่ เ จ้ า เบี ย ร์ ด ำนี้

รสเข้มโดนใจ

ริซอตโตหมึกดำ

ik bun boriboon

Dark Halloween Squid Ink Risotto พอถึงวันฮัลโลวีนทีไรเป็นต้องอยากทำอาหารที่เข้ากับบรรยากาศ และคงไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าอาหารสีดำที่ให้ความรู้สึกลึกลับ พิศวง อย่างข้าวริซอตโตหมึกดำทอดที่เยิ้มทั้งชีสและชิ้นหมึกที่อัด แน่ น อยู่ ภ ายใน ท็ อ ปปิ้ ง เพิ่ ม ด้ ว ยหนวดหมึ ก ทอดกรอบ ทำให้ อาหารจานนี้เสิร์ฟในค่ำคืนแห่งความหลอนได้อย่างลงตัว และยิ่ง เพิ่มอรรถรสขึ้นอีกหากได้ทานคู่กับเครื่องดื่มอย่างเบียร์ดำ 48 foodstylist

ส่วนผสม น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ / หัวหอม 1/2 ลูก / ข้าวอาร์โบริโอ 1/2 ถ้วย / ไวน์ขาว 1/3 ถ้วย / น้ำสต๊อกไก่ 3 ถ้วย / น้ำหมึกดำ 1/2 ช้อนโต๊ะ / ปลาหมึกขนาดกลาง 1/2 ตัว / พาร์เมซานชีส 1 ช้อนโต๊ะ / ใบพาสลีย์สับ 1 ช้อนโต๊ะ / พริกแดง 1 เม็ด / เกลือและพริกไทยดำ ปริมาณตามชอบ วิธีทำ 1. ผัดหัวหอมสับพร้อมกับเนยพอสุก จากนั้นต้มข้าวอาร์โบริโอทั้งหมดด้วย น้ำสต๊อกไก่ปริมาณพอท่วม เมื่อคนจนข้าวแห้งให้ใส่น้ำสต๊อกไปเรื่อยๆ จนกว่าข้าวจะสุกทั่ว ประมาณ15-20 นาที 2. เติมไวน์ขาวลงไปทั้งหมดเพื่อเพิ่มรสชาติ 3. หั่นปลาหมึกเป็นลูกเต๋านำไปผัดพอสุก ใส่ในข้าวอาร์โบริโอ 4. เมื่อใกล้สุกให้ใส่พาร์เมซานชีสและน้ำหมึกดำ คนให้ทั่ว ชิมรสเติมเกลือ กับพริกไทย จะได้ริซอตโตสีดำ ทิ้งไว้จนเย็น 5. นำหนวดปลาหมึกที่เหลือไปชุบแป้งและทอดจนกรอบเพื่อทำเป็นท็อปปิ้ง 6. ปั้นข้าวริซอตโตที่เย็นลงแล้วชุบไข่และแป้ง นำไปทอดจนกรอบ แล้ว

ผ่าครึ่งท็อปปิ้งด้วยหนวดหมึกทอด โรยด้วยพาสลีย์ เสิร์ฟคู่กับมะเขือเทศ ลูกเล็ก


Squid Ink Risotto

49 foodstylist


minimal food

words pairy styling pattana s. photographs wannasak sirisab

Little Burger

50 foodstylist


Tip: ความร้อนนั้นมีผลต่อหน้าตาของไข่ดาวที่เราทอด ถ้าใส่น้ำมันเยอะและน้ำมันร้อนจัดๆ เทไข่ลงไปสูงๆ เพื่อให้ไข่ขาวกระจายเล็กน้อย เราก็จะได้ไข่ดาว แบบไทยที่ ไ ข่ ข าวจะฟู ก รอบ ส่ ว นไข่ แ ดงสุ ก มาก น้อยอยู่ที่ทอดนานแค่ไหน หรือถ้าอยากได้ไข่ขาว ผิวเรียบไข่แดงไม่สุกแบบฝรั่ง ก็ใช้กระทะเทฟล่อน ใช้น้ำมันแค่พอเคลือบผิวกระทะ เมื่อกระทะร้อนก็ ให้ลดไฟ ตอกไข่ลงไปช้าๆ รอเพียงครู่เดียวก็ได้ไข่ ดาวสวยๆ มาทานกันแล้ว

เบอร์เกอร์กุ๊กกิ๊ก ให้ ป าร์ ตี้ ฮั ล โลวี น ปี นี้ ข องคุ ณ เก๋ ยิ่ ง ขึ้ น ด้ ว ย

เบอร์เกอร์ไซส์เล็กที่จัดเต็มความอร่อยมาแบบ พอดิบพอดี แถมขนาดของมันยังกิ๊บเก๋ไม่หยอก ในเมนูมินิเบอร์เกอร์หมูทอดบุลโกกิกับไข่ดาว มี เมนูนี้ปาร์ตี้คุณสนุกมีสีสันแน่นอน

มินิเบอร์เกอร์หมูทอดบุลโกกิกับไข่ดาว

ส่วนผสม ขนมปังเบอร์เกอร์ก้อนเล็ก 5 ก้อน / สันคอหมูคุโรบุตะ หั่นชิ้นขนาดพอเหมาะกับเบอร์เกอร์ 5 ชิ้น / ผักกรีนโอ๊ก วอเตอร์เครส มะเขือเทศเชอร์รี่หั่นแว่นหนาๆ สำหรับตกแต่ง / ซอสสปาเกตตี้สำเร็จรูป 1 ถ้วยตวง / เนย 10 กรัม / ซอสบุลโกกิ 4 ช้อนโต๊ะ / หอมใหญ่สับ 1 ช้อนโต๊ะ / กระเทียมสับ 1 ช้อนชา / มะเขือเทศเชอร์รี่ผ่าครึ่ง 6 ลูก / พริกไทยดำ เบคอน ไข่นกกระทา และมายองเนส ปริมาณตามชอบ วิธีทำ 1. หมักหมูด้วยซอสบุลโกกิ 2 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 15-30 นาที แล้วนำไปทอด 2. นำเบคอนไปทอดแล้วพักไว้ 3. ทอดไข่นกกระทาให้เป็นไข่ดาว สุกมากสุกน้อยตามชอบ 4. ทำซอสโดยการตั้งกระทะใส่เนยนำกระเทียมและหอมลงผัด เติมมะเขือเทศผัดสักครู่ 5. เติมซอสสปาเกตตี้และซอสบุลโกกิที่เหลือลงไป คนให้เข้ากัน เคี่ยวสักครู่เพื่อให้ข้น เติมพริกไทย และเนย ปิดไฟ 6. ผ่าครึ่งขนมปัง ทาเนยแล้วนำไปย่างในกระทะให้เนยละลาย นำผักต่างๆ วางลงไป ราดมายองเนส เล็กน้อย 7. จัดหมูทอดลงบนเบอร์เกอร์แล้วราดซอสที่ทำไว้ปริมาณตามชอบ ตามด้วยเบคอนและไข่ดาว แล้ว วางขนมปังอีกแผ่นประกบเสียบไม้พร้อมเสิร์ฟ 51 foodstylist


cooking & stylist


ประสบการณ์ในด้านอาหาร

ผสานกับความเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ ด้านการสไตลิ่ง ทุกจานจึงมี

ส่วนผสมของอาหารและแฟชั่น

อย่างลงตัว เมนูนี้เสมือนอยู่ในนิทานที่เล่าเรื่องราวที่อบอุ่น บ้านไม้กลางป่า บนโต๊ะอาหารมี อาหารที่รังสรรค์จากเหล่าภูตจิ๋ว อาหารจานนี้รวมความอร่อยแบบทอด มันฝรั่ง ทอดกรอบออกมาจากเตาใหม่ๆ ใส่ลงไปเคล้ากับน้ำสลัดชุ่มฉ่ำ ได้ทั้งความกรอบ กรุบเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารจานต่อไปได้อย่างดี

Deep Fried Baby Potato Salad – signature dishes

มันฝรั่ง ฟักทอง และชีสกรูแยต์ ห่อด้วยปอเปี๊ยะทอดจนกรอบ รสชาติหวาน มัน เค็ม และกลมกล่อม จากส่วนผสมที่ใช้ กัดคำแรกได้ความกรอบผสมความนุ่มอยู่ ด้านใน

Deep-fried Potato and Pumpkin with Gruyere Cheese -

styling dishes

23 foodstylist


features & lifestyle


ส่วนผสมของการทำงาน

ด้านอาหาร นอกจากการฝึกฝน เรียนรู้ และลงมือทำ สิ่งที่สำคัญ

ไม่น้อยเลยก็คือ แรงบันดาลใจ

พลังใจ และความหลงใหลในงาน “ผมมีความหลงใหลในอาหารมาโดยตลอด แต่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อาหารไม่ได้เป็น เพียงอาชีพอีกต่อไป มันกลายเป็นแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ในการดำเนินชีวิตของผม”

Chef Jess Barns - chef we love

ในมุมมองของผมการแข่งทำอาหารเป็นเหมือนอีกบทเรียนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาความ สามารถของตัวเอง และเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นในระดับมืออาชีพ ได้เรียนรู้ ทั้งระบบงาน ความคิด และอาหารจากผู้ร่วมทีมและผู้แข่งขันทีมอื่น ซึ่งไม่มีในบท เรียนแน่นอนครับ

เชฟปิง - สุรกิจ เข็มแก้ว - a chef ‘s life


tasting


ความประณีตและพิถีพิถันสามารถ สื่อได้ทางรสชาติและการตกแต่ง

แม้จะไม่ได้เห็นขั้นตอนการปรุงเลย แต่เมื่อใดที่ได้ลิ้มลองอาหารที่ทำ

มาอย่างใส่ใจ นั่นคือสวรรค์ที่อยู่ เพียงปลายช้อนอย่างแท้จริง เนื้อปลาดอลลี่ชุบแป้งทอดพร้อมมันฝรั่งสดๆ ชิ้นโตๆ ทอดพร้อมเปลือก แล้วโรย ด้วยเกลือ พริกไทย และปาปริก้า และยิ่งได้จิ้มทาร์ทาร์ซอสสูตรเด็ดของทางร้าน แล้ว ก็ยิ่งทำให้ฟิชแอนด์ชิปจานนี้เพอร์เฟกต์ขึ้นอีกเป็นกอง

Garage Burger & Grill - dining out

macadamia brownie บราวนี่เนื้อนิ่มผสมถั่วแมคคาเดเมีย รสหวานนุ่ม หอมกลิ่น นม เสิ ร์ ฟ พร้ อ มไอศกรี ม วานิ ล ลาและวิ ป ครี ม ทานคู่ กั บ เครื่ อ งดื่ ม ปั่ น coffee caramel frappe หรือ green tea frappe รสชาติหวานอ่อนๆ หอมกลิ่นชาเขียว ได้ความรู้สึกคลีน และสดชื่น

Mink’s – coffee break

95 foodstylist


styling dish

recipe & styling pattana S. photographs wannasak sirisab

Styling tips: ตะกร้า ตะแกรงเหล็ก กล่องไม้ดิบๆ วางรองด้วย กระดาษไข หรือ pepper bake ใส่ของทอดลงไป เพี ย งแค่ นี้ ท ำให้ อ าหารดู น่ า รั บ ประทาน แถมยั ง

โดดเด่นและมีสไตล์ที่น่าสนใจ

Deep Fried Savoury The Dramatic Black Tone of Deep Fried Collection นี่เป็นอาหารอีกหนึ่งคอลเลกชั่นของผม สำหรับ ฉบับนี้ซึ่งเป็นคิวของอาหารทอด หรือ deep fried ทั้งหมดได้ถูกจัดตกแต่งและวางในบรรยากาศโทน สีดำ ไม้ดิบๆ เท่ๆ ตามสไตล์ผม ซึ่งผมคิดว่ามันน่า จะให้อารมณ์และความรู้สึกที่น่าค้นหาและอยากที่ จะรับประทานไปพร้อมๆ กัน อาหารทุ ก จานที่ ผ มสร้ า งสรรค์ ขึ้ น นั้ น เกิ ด จาก

ไอเดี ย ง่ า ยๆ ใช้ วั ต ถุ ดิ บ ที่ ไ ม่ ย าก ปรุ ง แบบไม่

ซับซ้อน เข้าใจง่าย ซึ่งแน่นอนว่ามีสูตรและวิธีการ ทำบอกไว้โดยละเอียด รับรองว่าใครทำก็ออกมา อร่อยและดูดีอย่างแน่นอน

34 foodstylist

Deep-fried Potato and Pumpkin with Gruyere Cheese

ส่วนผสม (สำหรับ 3 ที่) มั น ฝรั่ ง หั่ น แผ่ น บางสี่ เ หลี่ ย มผื น ผ้ า 6-8 แผ่ น / ฟั ก ทองหั่ น แผ่ น บางสี่ เ หลี่ ย มผื น ผ้ า 6-8 แผ่ น /

กรูเยต์ชีสหั่นแผ่นบาง สี่เหลี่ยมผืนผ้า 6-8 แผ่น / แผ่นปอเปี๊ยะ ตัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า 8 แผ่น / ไข่ไก่ 1 ฟอง / น้ำมันปาล์ม สำหรับทอด 1 ลิตร / เกลือทะเล และพริกไทยสีชมพู ปริมาณตามชอบ / ยอดอ่อน

ผักสลัด วิธีทำ 1. นำแผ่นมันฝรั่ง ฟักทอง และกรูเยต์ชีส วางทับ ซ้อนกัน จากนั้นพันด้วยแผ่นปอเปี๊ยะและทาด้วยไข่ไก่ ให้ทั่ว 2. หาหม้อขนาดพอเหมาะใส่น้ำมันปาล์มลงไป รอให้ ร้อน จากนั้นนำส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงทอดให้สุกสี เหลืองทอง 3. จัดใส่จานโรยด้วยเกลือทะเล พริกไทยเม็ดสีชมพู และยอดอ่อนผักสลัด เสิร์ฟพร้อมเกรวี่เข้มข้น


Deep-fried Potato and Pumpkin with Gruyere Cheese

มันฝรั่ง ฟักทอง และชีสกรูแยต์ ห่อด้วยปอเปี๊ยะ ทอดจนกรอบ รสชาติ ห วาน มั น เค็ ม และ กลมกล่ อ ม จากส่ ว นผสมที่ ใ ช้ กั ด คำแรก

ได้ความกรอบผสมความนุ่มอยู่ด้านใน กินเล่นๆ หรือกินกับซอสก็มีรสชาติดีไม่แพ้กัน ส่วนกรูเยต์ ชีส หลายคนอาจจะไม่รู้จัก เจ้าชีสนี้คือชีสกึ่ง แข็งกึ่งนุ่ม ทำจากนมล้วนๆ มีความหอมมัน ครีม มี่นิดๆ กินสดหรือผ่านความร้อนก็จะให้รสชาติที่ ดี ถึงขั้นถูกจับอันดับให้อยู่ใน 1 ใน 5 ของชีสที่ อร่อยที่สุดในโลกกันเลยทีเดียว ซึ่งสามารถหา ซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ แต่ขอแนะนำว่า ต้องเมดอินสวิสเซอร์แลนด์นะครับจะอร่อยที่สุด

35 foodstylist


Styling tips: นำของตกแต่ ง บ้ า นในสไตล์ ที่ คุ ณ ชอบอย่ า ง กรอบรูปที่ไม่ใช้แล้ว มาดัดแปลง ทำสีที่ชอบ และหาแผ่ น ไม้ บ างๆ ปิ ด ด้ า นหลั ง ก็ จ ะได้ ถ าด เสิร์ฟอาหารเท่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร

Deep-fried Five-spice Pork with Pumpkin (Butter Squash) Puree

ส่วนผสม (สำหรับ 3-4 ที่) ฟักทองหรือบัตเตอร์สควอช ปอกเปลือก หั่นชิ้นและ นำไปต้มจนสุก 500 กรัม / น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ / ผงอบเชย 1 ช้อนชา / เกลือและพริกไทยดำป่น ปริมาณตามชอบ / เนื้อหมูสามชั้น 1 กิโลกรัม / เกลือ พริกไทยดำป่น และผงไฟว์สไปซ์ของจีนรวมกัน 1 ช้อนโต๊ะ / ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนโต๊ะ / รากผักชี และกระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำมันปาล์ม สำหรับ ทอด 2-3 ลิตร side dish มะเขือเทศสับ 1 ถ้วย / กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ / ใบโหระพาและใบสะระแหน่สับ 2 ช้อนโต๊ะ / พริกป่น 1 ช้อนชา / หอมแดง 2 ช้อนชา / น้ำปลา 2 ช้อนชา / น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนชา / น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ / พริกทอด ปริมาณ ตามชอบ

36 foodstylist

วิธีทำ 1. หมั ก หมู ส ามชั้ น ด้ ว ยเกลื อ พริ ก ไทยดำ ผง ไฟว์ ส ไปซ์ ผงอบเชย ซี อิ๊ ว ดำหวาน รากผั ก ชี กระเทียมสับ และน้ำมันมะกอก คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 20 นาที 2. ทอดหมูสามชั้นในน้ำมันร้อนๆ และท่วม ประมาณ 45-60 นาที จนกระทั่งสุกกรอบตามต้องการ จากนั้น ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้ 3. นำบัตเตอร์สควอชที่ต้มสุกแล้วมาบด หรือปั่นให้ เนื้อเนียน ตักใส่จานพักไว้ เตรียมส่วนของไซด์ดิช เริ่มจากนำส่วนผสมทุกอย่างใส่ในชามผสม คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติ เปรี้ยว หวาน เผ็ด ตามชอบ 4. ตั ก บั ต เตอร์ ส ควอชใส่ จ าน หั่ น หมู ส ามชั้ น ทอด กรอบวางลงไป ตักไซด์ดิชราดให้ทั่ว เป็นอันเสร็จ พร้อมเสิร์ฟ


Deep-fried Five-spice Pork with Pumpkin (Butter Squash) Puree

จานนี้ต้องบอกว่าคริสปี้และครันชี่สุดๆ เพราะ ผมใช้เนื้อหมูสามชั้นมาทอดให้หนังกรอบหมัก กับเครื่องเทศของจีน อย่าง five-spice ซึ่งมี ส่วนผสมหลักๆ อย่างอบเชย กานพลู โป๊ยกั๊ก พริกไทยเฉฉวน และเมล็ดเฟนเนล มีกลิ่นหอม เป็นเอกลักษณ์นิยมใส่ในอาหารประเภท ต้ม ผัด แกง และตุ๋น รวมถึงการนำไปหมักเนื้อ สัตว์เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาตินั่นเอง สำหรั บ หมู ก รอบของผมนั้ น ผมดี ไ ซน์ ไ ว้ ว่ า จะ เสิร์ฟมาพร้อมๆ กับฟักทองที่ปรุงเพียงเกลือ และพริกไทยแล้วปั่นจนเนียน ฟักทองมีรสชาติ ที่ ดี อ ยู่ แ ล้ ว เมื่ อ ทานคู่ กั บ หมู ก รอบที่ ร าดซอส มะเขือเทศรสเปรี้ยวๆ หวานๆ สูตรของผม บอกตามตรงชอบมาก 37 foodstylist


Cooking tips: การทอดอาหารไม่ให้อมน้ำมันนั้นมีหลาก หลายเทคนิ ค ฉบั บ นี้ ผ มขอนำเสนอ เทคนิคง่ายๆ เพียงตักน้ำส้มสายชูใส่ลง ไปในน้ ำ มั น ประมาณ 1-2 ช้ อ นโต๊ ะ (น้ำ มั นไม่ ร้ อ น) นะครั บ จะช่ ว ยให้เ นื้อ สัตว์ที่เมื่อทอดสุกไม่อบน้ำมัน ซึ่งเป็นวิธี โบราณของชาวอิตาเลียนเขา ลองไปทำ ดูกันนะครับ Styling tips: ไก่ ท อดใส่ จ านเสิ ร์ ฟ ดู ยั ง ไงก็ ธ รรมดาเรี ย ก ราคาไม่ ไ ด้ เพราะฉะนั้ น ผมมี ไ อเดี ย ง่ า ยๆ โดยนำไก่ทอดสูตรพิเศษนี้ มาแต่งตัวใหม่ใส่ สไตล์โดยการเสิร์ฟในกระทะเหล็กเนื้อดี แค่ นี้ ก็ ไ ม่ ธ รรมดาแล้ ว แถมยั ง เพิ่ ม ราคาได้ สบายๆ แต่ต้องยอมจ่ายค่ากระทะเพิ่มนิด หน่ อ ยนะครั บ เพราะราคาค่ อ นข้ า งสู งอยู่ เมื่อแถมกับราคาจานเกรดซี แต่รับรองว่า อยู่อายุการใช้งานนานจนลืมเลยครับ

Deep-fried Hell Chicken with Honey Blood BBQ

ส่วนผสม (สำหรับ 3 ที่) น่องไก่ติดสะโพก 3-4 ชิ้น / ใบเสจ 1 ช่อ / ผิวมะนาวขูด 1 ช้อนโต๊ะ / ผงหมัก เนื้อสัตว์ 2 ช้อนโต๊ะ / น้ำมันรำข้าว 2 ลิตร / กระเทียมโทน 13 ลูก / ใบเบย์ แห้ง 2 ใบ / เม็ดพริกไทยดำ 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมบาร์บีคิวซอส ซอสมะเขือเทศ 300 กรัม / ไวน์แดง 1/4 ถ้วยตวง / น้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ / วูสเตอร์ซอส 1 ช้อนชา / ใบพาสลีย์อบแห้ง 5 กรัม / ผงกระเทียม 1 ช้อนชา / ผงยี่หร่า 1 ช้อนชา / ไคยีนเปปเปอร์ 1

ช้อนชา / พริกชี้ฟ้าแห้งทอด 5 เม็ด / เกลือทะเล ปริมาณเล็กน้อย วิธีทำ 1. หมักเนื้อน่องไก่ติดสะโพก ด้วยผงหมักเนื้อสัตว์ ใบเสจ ผิวมะนาวขูด ใบเบย์ แห้ง เม็ดพริกไทยดำ และน้ำมันรำข้าวเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากันทิ้งไว้ 20 นาที จนส่วนผสมเข้าเนื้อ 2. เตรียมเนื้อไก่ที่หมักได้ที่ไปทอดในน้ำมันร้อนและท่วมให้สุกทั่วทั้งชิ้น ตักขึ้น สะเด็ ด น้ ำ มั น ใช้ ก ระทะใบเดิ ม ที่ น้ ำ มั น กำลั ง เดื อ ดทอดกระเที ย มโทนให้ สุ ก สี เหลืองทอง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันเช่นกัน 3. ทำซอสบาร์บีคิว โดยนำหม้อขนาดพอเหมาะตั้งไฟใส่ส่วนผสมทั้งหมดของ บาบีคิวซอสลงไป เคี่ยวไฟอ่อนๆ จนซอสเริ่มเดือดและข้น เป็นอันใช้ได้ 4. เสิร์ฟไก่ทอดพร้อมกระเทียมโทนทอดและน้ำจิ้มฮันนี่บัดบาร์บีคิว 38 foodstylist


Deep-fried Hell Chicken with Honey Blood BBQ

ไก่ทอดเป็นอีกหนึ่งพระเอกในบรรดาของทอดทั้งหลาย สำหรับจานนี้ผมนำเนื้อไก่ที่ผมเลือกใช้เฉพาะส่วนน่อง ติดสะโพกเพราะชิ้นมันโตกำลังดี แถมยังมีเนื้อที่เหนียว นุ่ม ผมนำมาหมักรวมกับสมุนไพรต่างๆ อาทิ ใบเสจ ผิวมะนาว ผงหมัก ซึ่งรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึงอร่อยใน ตัวอยู่แล้ว ผมทอดแบบไม่ชุบแป้งเพราะไม่เน้นให้มัน ฟองฟู กินแบบหนังกรอบเนื้อนุ่มกระดูกล่อนให้รสชาติ ความเป็ น ไก่ ท อดมากกว่ า กิ น ได้ ส องแบบสองความ อร่อย ไม่ว่าจะเป็นกินแบบเพียวๆ หรือกินคู่กับซอส บาร์ บี คิ ว สไตล์ อ เมริ กั น ที่ ผ มผสมน้ ำ ผึ้ ง และพริ ก แห้ ง เข้าไปด้วยได้ทั้งนั้น แต่ขอเตือนว่ารสชาติไก่ทอดของ ผมนั้นเผ็ดร้อนถึงใจมากนะครับ...ระวังไว้ให้ดี

39 foodstylist


Styling tips: ไม้แหลม แท่งเหล็ก ไม้ไอศกรีม เป็นอีกหนึ่ง วัสดุสุดฮิปที่จะนำมาทำเป็นด้ามจับ หรือเสียบ เพื่ อ ใช้ ยึ ด ตั ว อาหารเวลาทอดให้ เ ป็ น รู ป ทรง ง่ายต่อหยิบจับ เป็นอีกหนึ่งไอเดียสนุกๆ มันๆ ที่จะทำให้อาหารดูมีดีไซน์ และน่าตื่นเต้นขึ้น มากว่ า เพี ย งแค่ ผั ด แล้ ว เสิ ร์ ฟ ในจานอย่ า งที่ ผ่านมา

ส่ ว นตั ว ผมเป็ น คนที่ ช อบกิ น สปาเกตตี้ มี ท

บอลล์มากๆ คือทำเยอะแล้วมันเหลือจะทิ้งก็ เสียดาย จึงนำมันไปแช่เย็นผ่านไปหลายวันก็ นึกได้ แต่จะทิ้งก็เสียของอีก เลยหาวิธีที่จะทำ ยังไงกับมันดี ไอเดียง่ายๆ ที่ผมคิดออกคือเอา มันไปทอดและราดซอส ผลออกมากก็ไม่ทำให้ สปาเกตตี้ เ ลิ ฟ เวอร์ อ ย่ า งผมผิ ด หวั ง กรอบ มากๆ ครับ ไม่คิดว่าสปาเกตตี้ทอดจะอร่อยไม่ แพ้แบบผัดเลย ถ้าไม่เชื่อสปาเกตตี้เลิฟเวอร์ทั้ง หลายลองไปทำรั บ ประทานกั น นะ แต่ ร ะวั ง น้ำมันกระเด็นด้วยเพราะเส้นมีความชื้นอยู่

Deep-fried Spaghetti and Meatballs on a Stick

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) สปาเกตตี้เบอร์ 2 ต้มสุก 300 กรัม / เนื้อมะเขือเทศกระป๋อง 2 กระป๋อง / แครกเกอร์บด 100 กรัม / พาร์เมซานชีสขูด 50 กรัม / กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ / หอมหัวใหญ่สับ 1 ช้อน โต๊ะ / น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ / เนื้อบดติดมัน 200 กรัม / มัสตาร์ด 2 ช้อนชา / โรสแมรี่ สดสับ 1 ช้อนโต๊ะ / เกลือ และพริกไทยดำป่น นิดหน่อย / ขนมปังตัดขอบ 6-8 ชิ้น / ใบ โหระพาสดสับ 1 กำมือ / พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแว่น 2 เม็ด / ไม้ไอศกรีม 6-8 อัน / น้ำมันปาล์ม สำหรับทอด 2 ลิตร วิธีทำ 1. หาชามขนาดพอเหมาะใส่เนื้อบดติดมันลงไป ตามด้วยแครกเกอร์บด มัสตาร์ด โรสแมรี่สด สับ เกลือ และพริกไทย จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดพอคำ 2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย ใช้ไฟปานกลาง พอกระทะเริ่มร้อนให้ใส่ก้อนเนื้อที่ ปั้นเป็นก้อนกลมลงไปทอดให้สุก ด้านนอกเป็นสีน้ำตาลเข้ม เป็นอันใช้ได้ 3. ใช้กระทะใบเดิมผัดหอมหัวใหญ่ กระเทียม พริกชี้ฟ้าหั่นและใบโหระพาสับ ให้สุกส่งกลิ่นหอม จากนั้นเติมมะเขือเทศกระป๋องลงไฟ พอซอสเริ่มเดือดให้นำเส้นสปาเกตตี้ต้มสุก และเนื้อทอด ก้อนกลมใส่ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ และพริกไทยตามชอบ ตักใส่จานรอไว้ให้เย็น 4. เตรียมเส้นสปาเกตตี้มีทบอลล์ที่ปรุงสุกแล้วมาผันรอบแผ่นขนมปังที่ทาด้วยเนยจนทั่ว นำไป เสียบไม้ทำอย่างนี้จนครบ ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอดลงไปรอให้ร้อน นำเส้นสปาเกตตี้ที่พัน ขนมปังลงทอดให้สุกกรอบ 5. จัดเสิร์ฟในจานโดยก่อนเสิร์ฟราดด้วยซอสมะเขือเทศที่ปรุงไว้ โรยด้วยพาร์เมซานชีสขูด ตามด้วยเส้นสปาเกตตี้ที่พันรอบขนมปัง พร้อมเสิร์ฟ

40 foodstylist


Deep-fried Spaghetti and Meatballs on a Stick

41 foodstylist


Styling tips: กรวยแก้วกระดาษ ถุงกระดาษสีสวยๆ ตามความ ชอบ เป็นอีกหนึ่งไอเดียดีๆ ที่จะใช้เป็นภาชนะในการ ใส่ และเสิร์ฟอาหารทอดนี้ ภาชนะหรือพร็อพที่ผมนำ มาใช้ นั้ น เหมาะที่ จ ะใช้ ใ นงานปาร์ ตี้ เ พราะมี ค วาม สะดวก ถือง่าย ชิ้นเล็ก ไม่ใหญ่เทอะทะ ใช้เสร็จ สามารถทิ้งได้เลย และอีกฟังก์ชั่นหนึ่งคือผมคิดว่าน่า จะเหมาะกับร้านขายอาหารและขนมแบบ cafe take away เสิร์ฟไม่กี่ชิ้น กินเป็นของว่างหรือของหวานได้ ทั้งนั้นครับ อาหารจานนี้ดีไซน์เอาไว้เพื่อให้กินเป็นขนมหรือของว่าง ผมใช้กล้วยหอมสุกห่าม ผสมกับส่วนผสมอื่นๆ อย่าง ขนมปัง พีนัทบัตเตอร์ เกล็ดขนมปัง และแผ่นฟิโล ซึ่ ง เป็ น แผ่ น แป้ ง บางเฉี ย บขนาดใหญ่ จ ะใช้ ต้ อ งตั ด นิ ย มนำมาห่ อ อาหารหลายๆ ชั้ น คล้ า ยแป้ ง พั ฟ ฟ์ นิยมนำไปอบหรือทอด เมื่อสุกจะมีความกรอบ สีสวย และน่ารับประทาน หาซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ทั่วไป ส่วนรสชาติกล้วยทอดของผมนั้น จะมีความ กรอบนอก มี ร สหวานหอม เจื อ ความมั น ที่ ไ ด้ จ าก

พีนัทบัตเตอร์ อร่อยสุดยอด...ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบ กล้วยทอดและของหวานอาหารจานนี้คงไม่ทำให้คุณ ผิดหวัง

42 foodstylist

Deep-fried Banana and Peanut Butter Bread

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) กล้วยหอมสุกห่ามผ่าครึ่ง 4 ลูก / ขนมปังแผ่นขาวมีขอบ 610 แผ่น / พีนัทบัตเตอร์ 1 กระป๋อง / เกล็ดขนมปังป่น 1 ถ้วย / แผ่นฟิโล 6-8 แผ่น / ไข่ไก่ 1 ฟอง / เนยจืด สำหรับ ทาขนมปัง / น้ำตาลไอซิ่ง สำหรับโรยหน้าเล็กน้อย / น้ำมัน สำหรับทอด 1 ลิตร วิธีทำ 1. ทาเนยจื ด บนแผ่ น ขนมปั ง ให้ ทั่ ว ทั้ ง สองด้ า น ตามด้ ว ย

พีนัทบัตเตอร์ทาให้ทั่วเช่นกัน (มากน้อยแล้วแต่ความชอบ) จากนั้นนำกล้วยหอมที่ผ่าเตรียมไว้วางลงไปให้เต็ม แล้วจึง ปิดทับด้วยแผ่นขนมปังอีกชิ้น ลักษณะคล้ายแซนด์วิช 2. นำขนมปังที่ใส่ไส้เตรียมไว้ห่อด้วยแป้งฟิโลชนิดบาง 1-2 ชั้น แล้วทาด้วยไข่ให้ทั่ว ต่อมานำไปคลุกเกล็ดขนมปัง และ ทอดในน้ำมันร้อนให้สุกรอบทั่วทั้งชิ้น 3. เตรียมขนมปังที่ทอดสุกตัดเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน โรย ด้วยน้ำตาลไอซิ่ง พร้อมเสิร์ฟ


Deep-fried Banana and Pea

nut Butter Bread

43 foodstylist


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.