เมธาวลัย ศรแดง
ที่สุดของร้านอาหารไทยในวันวาน
นี่คือร้านอาหารไทยที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 56 ปี ซึ่งอยู่
ในความทรงจำของใครหลายคน ร้ า นนี้ ก่ อ ตั้ ง ขึ้ น ตั้ ง แต่ ปี พ.ศ.2500 โดยเสิร์ฟอาหารไทยแท้ๆ และไทยประยุกต์ เพื่อให้ เข้ากับกลุ่มลูกค้าและยุคสมัย นอกจากอาหารไทยแล้วยังมี อาหารจี น และอาหารฝรั่ ง อี ก ด้ ว ย เมนู แ นะนำที่ ต้ อ งลอง “แกงเหลืองไหลบัวเนื้อปลา” แกงเหลืองจากส่วนผสมของ พริกแกงใต้ให้รสชาติถึงเครื่องแกงกับปลาเก๋าชิ้นโตเนื้อแน่น และไหลบัวสดกรอบ ทานคู่ข้าวสวยร้อนๆ เข้ากันได้เป็นอย่างดี ต่อมา “ยำตะไคร้” ที่รสชาติออกไปทางเมี่ยงคำ แต่ก็ให้รส สัมผัสเปรี้ยว เค็ม หวาน แบบครบรส อร่อยแถมได้สุขภาพอีก ต่างหาก อีกจานเป็นเมนูรสชาติไทยแท้อย่าง “ฉู่ฉี่กุ้งนาง” ที่ ได้ความสดเด้งของกุ้งนางแบบเต็มคำและรสชาติกลมกล่อม ของน้ำฉู่ฉี่ที่หอมเครื่องแกงอย่างเป็นเอกลักษณ์ ตบท้ายกัน ด้วยของหวานล้างปากที่เรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดีกับ “สาคูแคนตาลูป” รสชาติดีถ้วยนี้ ถ้าใครหลงรักบรรยากาศ เก่าๆ และอาหารไทยรสชาติดี หรืออยากพาคุณพ่อคุณแม่มา ย้อนระลึกความหลังครั้งวันวาน ร้านนี้ถือได้ว่าตอบโจทย์ความ สุขของคุณได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ Contact: เมธาวลัย ศรแดง 78/2 Anusawaree Building
Raddumnunkan Road, Bangkok 10200
100 foodstylist
Open: 11.30am - 01.00am (Mon-Sat) / 04.30pm - 01.00pm (Sun) Telephone: 08-1825-2799, 0-2664-0212
Luce’
ที่สุดของรสชาติแบบอิตาเลียน
หากใครกำลังมองหาอาหารอิตาเลียนรสชาติแบบต้นตำรับ
ชั้นดี คำตอบของคุณอยู่ที่ห้องอาหารลูเช่ ซึ่งนำเสนออาหาร
อิตาเลียนสมัยใหม่ แต่ไม่ทิ้งรสชาติต้นตำรับแบบอิตาเลียน ปรุงโดยเชฟชาวอิตาเลียนแท้ ที่บินตรงเพื่อนำเอารสชาติจาก บ้านเกิดมาให้ลิ้มลองถึงใจกลางกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าส่งตรงมา ตั้ ง แต่ แ บรนด์ ข องร้ า นจนถึ ง เชฟเลยที เ ดี ย ว เน้ น วั ต ถุ ดิ บ คุ ณ ภาพ สดใหม่ และไวน์ ชั้ น ดี ที่ ช นะการประกวดและมี ประวัติอันยาวนานกว่า 700 ชนิดจากแคว้นทัสคานี เมนู แ นะนำจานแรกคื อ “Mussel Pot” หอยแมลงภู่ นิวซีแลนด์ตัวโต นุ่มๆ กับซอสไวน์ขาว ต่อด้วย “หมูคุโรบุตะ” แก้มหมูนุ่มๆ ที่ผ่านการต้มในถุงสุญญากาศถึง 12 ชั่วโมง สำหรั บ ใครที่ ช อบกิ น เมนู เ ส้ น ต้ อ งลอง “ Spätzle ” เส้ น สปาเกตตี้ไข่แบบโฮมเมดผัดกับซอสมะเขือเทศ หรือหากชอบ
รีซอตโต้ แนะนำเป็น “รีซอตโต้ธัญพืช” ความกลมกล่อมที่ ลงตั ว กั น ระหว่ า งลู ก เดื อ ยและข้ า วบาร์ เ ลย์ ปิ ด ท้ า ยด้ ว ย
ของหวานยอดฮิตตลอดกาลอย่างช็อกโกแลต “ช็อกโกแลตมูส” เนื้อเข้มข้นทานคู่กับสตรอว์เบอร์รี่สด ชุ่มฉ่ำ เต็มคำมากๆ ขอ แนะนำว่าหากไปช่วงเย็นยังได้วิวสวยๆ ของสระว่ายน้ำและ พระอาทิตย์ตกอีกด้วย
104 foodstylist
Contact: Luce’ 33/1 South Sathorn Road, Yannawa,
Bangkok, Thailand
Daily open: 12.00pm - 02.30pm / 06.30pm - 10.30pm Telephone: 0-2210-8100
China House
ที่สุดแห่งตำนานอาหารจีน
Contact : China House 48 Oriental Avenue, Bangkok,
Thailand 10500
ไชน่า เฮ้าส์ อาหารจีนกวางตุ้งเก่าแก่ที่โรงแรมแมนดาริน
โอเรียนเต็ล เปิดมาตั้งแต่ ค.ศ.1990 โดยยังคงรักษาตัวตึก โบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ไว้ แต่ได้มีการปรับปรุงมาให้เป็น ห้ อ งอาหารจี น และตกแต่ ง ให้ ส วยงามขึ้ น ด้ ว ยไม้ ฉ ลุ ให้ บรรยากาศสไตล์จีนร่วมสมัย โดยความสวยงามของที่แห่งนี้ก็ ทำให้ ไ ด้ รั บ รางวั ล สถาปั ต ยกรรมดี เ ด่ น จากสมเด็ จ พระเทพ
รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในส่วนของอาหารดูแล โดยเชฟแอนดี้ เหลียง (Andy Leong) ผู้ได้รับรางวัล The Golden Elephant Gold Cup ปี 2010 ร้ า นอาหารจี น ระดั บ ตำนานแห่ ง นี้ น อกจากมี สุ ด ยอดติ่ ม ซำ หลากหลายรสชาติแล้ว ยังมีอาหารเมนูยอดนิยมมากมาย ไม่ ว่าจะเป็น “สลัดฟักทองกับหอยเชลล์” หอยเชลล์ชิ้นโตเต็มคำ รสชาติ เ ข้ า กั น ได้ ดี กั บ ฟั ก ทองบด ต่ อ ด้ ว ยเมนู เ ต็ ม คำคื อ “ล็อบสเตอร์ซอสไข่ขาว” โดดเด่นตั้งแต่หน้าตาอาหารไปจนถึง รสชาติ โดยเฉพาะซอสที่เคี่ยวถึง 8 ชั่วโมง และเมนูที่พลาดไม่ ได้เลยคือ “ข้าวผัดไข่และปู” ข้าวผัดไข่เข้มข้นหน้าเนื้อปูผัด ซอสไข่ปู รสชาติแน่นๆ ที่หากินที่ไหนไม่ได้ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม “Great Wall” ค็อกเทลที่รสชาติโดดเด่น หนักแน่น ดุดัน Open Tue-Sun: 11.30pm - 02.30pm, แข็งแกร่งราวกับกำแพงเมืองจีน ปิดท้ายด้วยของหวานเก๋ๆ เป็นสับปะรดฝานบางๆ ทานคู่กับซอร์เบตรสเปรี้ยว 06.00pm - 10.30pm Telephone: 0-2659-9000 ext. 7650-1
105 foodstylist
cooking & stylist 14 foodstylist
10 Great
Chefs
สุดยอดเชฟที่ควรไปชิมสักครั้งในชีวิต “ความอร่อย” ยังไม่มีมาตรวัดอย่างเป็นทางการ ไม่ต่างกับการวัดระดับความ รู้สึกต่างๆ ที่คนเรามี ชอบ หลงใหล สวย หล่อ ไพเราะ ดี หรือถูกใจ ล้วนชั่ง ด้วยความรู้สึกของแต่ละคน และสำหรับ “ความเป็นสุดยอด” ที่เรากำลังพาคุณไปสัมผัสจากทั้ง 10 เชฟนี้ ก็เป็นเช่นความรู้สึกต่างๆ ที่คงไม่อาจการันตีว่าตรงใจของคุณได้อย่างเต็มร้อย แต่จากการคัดสรรอย่างถ้วนถี่ จากประสบการณ์ที่ได้ลิ้มรสอาหารที่ผ่านการ ทำงานอย่ า งหนั ก ของเชฟเหล่ า นี้ ที ม งานนิ ต ยสาร foodstylist มั่ น ใจว่ า
พวกเขาคือ 10 Great Chefs ที่คุณควรไปเยือนเพื่อได้ชิมอาหารที่ถูกรังสรรค์ ด้วยจิตวิญญาณความยอดฝีมือ อาหารทั้ง 10 จาน สวยงาม รสชาติล้ำเลิศเกินจินตนาการ ผสานทั้งศาสตร์ และศิลป์ ล้วนเป็นรสชาติที่มีเรื่องราว มีเหตุและผล อารมณ์ความรู้สึกผสม อย่ า งลงตั ว เหนื อ สิ่ ง อื่ น ใด บทสั ม ภาษณ์ ข องเชฟทุ ก คนก็ เ ปี่ ย มไปด้ ว ย
แรงบันดาลใจ เปี่ยมไปด้วยมุมมองที่อาจเป็นจิ๊กซอเล็กๆ ที่เติมเต็มความฝัน ของใครหลายคน คุณอาจได้เห็นว่าความเป็นสุดยอดเริ่มต้นมาจากสิ่งเล็กๆ และก่อมาจาก ความธรรมดาที่ปรุงรสด้วยความพยายาม
15 foodstylist
Sous Vide Chu-Chee Salmon
19 foodstylist
10 great chefs words pattana s.
photographs w.ansirimongkol
Pongtawat Chalermkittichai The Prestige “รสชาติอาหารไทยอย่างฉู่ฉี่เข้ากับปลา แซลมอนที่เพอร์เฟกต์คุกกิ้ง จานนี้ผมมี เนื้อปลาที่ดี ซอสที่ดี มันคือความเรียบง่าย ที่พิเศษสุดแล้ว”
20 foodstylist
ในชั่วโมงนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพี่ใหญ่ไซส์กะทัดรัดในชุดขาวรองเท้าแดง เจ้า แห่ ง อาหารสุ ด ล้ ำ ในยุ ค นี้ ข องเมื อ งไทย อย่ า งเชฟเอี ย น-พงศ์ ธ วั ช
เฉลิมกิตติชัย ด้วยความสำเร็จในการเปิดร้านอาหารกว่า 11 แห่งทั่ว
ทุกมุมโลก แต่สำหรับร้านที่สร้างชื่อระดับโลกต้องยกให้ “กิตติชัย” ร้าน อาหารไทยในนิวยอร์ก วันนี้เขากลับมาบ้านเกิดแบบกึ่งถาวร พร้อมกับสละเวลาจากคิวงานอัน ยาวเยียดข้ามไปถึงปลายปีหน้า มานั่งพูดคุยถึงไอเดียในการสร้างสรรค์ อาหารไทยภายใต้คอนเซปต์ “Molecular Thai Cuisine”ne” หลายคนคงคุ้ น เคยและเคยเห็ น เชฟคนนี้ ใ นรายการเชฟกระทะเหล็ ก ประเทศไทย และรายการเชฟมือทองที่ออกอากาศไปทั่วโลก ซึ่งระดับ
เซเลบริตี้เชฟ แน่นอนว่าการทำอาหารนั้นย่อมเต็มไปด้วยเทคนิคแปลก ใหม่ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เช่น เครื่องซูส์วิด (Sousvide) มาใช้กับอาหารไทย สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เชฟเอียน ได้ชื่อว่าเป็นเชฟ โมเลกุลาร์ สำหรับเมนูที่เขานำเสนอคือ “ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน” อาหารไทยแท้ๆ ทว่า ความพิเศษอยู่ที่ปลาแซลมอนปรุงสุกพอดี และการเลือกใช้พริกแกงฉู่ฉี่ซึ่ง รสชาติเข้ากับอาหารซีฟู้ดนั่นเอง “ผมใช้เทคนิคการซูส์วิดที่ 51 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที เป็นอุณหภูมิ และช่วงเวลาที่เพอร์เฟกต์แล้ว ซึ่งจะทำให้เนื้อปลาสูญเสียโปรตีนน้อยที่สุด เนื้อปลาสุกพอดีให้รสสัมผัสสดใหม่ เรียกว่าแทบจะละลายในปากเลย
พริกแกงฉู่ฉี่นั้น ผมใช้สมุนไพรถึง 9 ชนิด เช่น พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ ผิว มะกรูด และกะปิ โขลกแบบโบราณแทนการปั่น พริกแกงมันจะมีรสชาติที่ ดีและมีกลิ่นหอมมาก เมื่อถูกผัดรวมกับกะทิสด ผัดเคี่ยวเพื่อทำซอส จาก นั้ น ปรุ ง รสชาติ ต ำรั บ ดั้ ง เดิ ม ที่ ต้ อ งมี เ ค็ ม และหวาน ตามลำดั บ รสชาติ อาหารไทยอย่างฉู่ฉี่ดีเข้ากับปลาแซลมอนที่เพอร์เฟกต์คุกกิ้ง จานนี้ผมมี เนื้อปลาที่ดี ซอสที่ดี มันคือความเรียบง่ายที่พิเศษสุดแล้ว”
เราจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิและเวลาในการปรุงนั้นมีความสำคัญกับรสชาติ รวมถึงเนื้อสัมผัสของอาหารอย่างมาก การที่เชฟเอียนเลือกโฟกัสในจุด เล็กๆ น้อยๆ ในการปรุง ยิ่งทำให้อาหารไทยแบบโมเลกุลาร์ของเชฟเอียน มีเอกลักษณ์ ยิ่งใหญ่และน่าจดจำในรสสัมผัสเสมอที่ได้ลิ้มลอง คงต้องบอกแบบตรงไปตรงมาว่า หากคุณรักการชิมของอร่อย ควรหา โอกาสสักครั้งในชีวิตเพื่อชิมอาหารของเชฟเอียน แล้วคุณจะได้สัมผัสกับ ความมหัศจรรย์
ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน Sous Vide Chu-Chee Salmon
ส่วนผสม เครื่องแกงฉู่ฉี่ พริกแห้งเมล็ดใหญ่ แกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด / หอมแดงซอย 7 หัว / กระเทียม 10 กลีบ / ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนชา / ตะไคร้ซอย 1 ช้อน โต๊ะ / ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1/2 ช้อนชา / รากผักชีหั่นละเอียด 1 ช้อน ชา / เกลือป่น 1 ช้อนชา / กะปิ 1 ช้อนชา / น้ำปลาอย่าง 1 ช้อนโต๊ะ 1 / น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนชา / หัวและหางกะทิรวมกัน 1/4 ถ้วยตวง / เนื้อปลาแซลมอนหั่น 120 กรัม วิธีทำ 1. นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ครกหิน แล้วโขลกรวมกันให้ทุกอย่างแหลก ละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้พริกแกงแดง หรือพริกแกงฉู่ฉี่ 2. ตั้งกระทะผัดพริกแกงกับหัวกะทิให้สุกหอม (ไม่ให้แตกมันเพราะต้องนำ ไปทำซอส) นำไปกรอง แล้วจึงปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าว ชิม รสชาติให้ได้เค็มนำหวานตามลำดับ 3. นำเนื้อปลาแซลมันที่หันเตรียมไว้ ใส่ถุงสุญญากาศ แล้วนำเข้าเครื่อง Vacumn Machine จากนั้นนำไปซูส์วิดที่อุณหภูมิ 51 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที 4. นำซอสฉู่ฉี่ที่เตรียมไว้วาดเส้นลงบนจานตามจินตนาการ จัดวางปลา แซลมอนลงไป ตกแต่งโดยฟองโฟมจากหางกะทิ และดอกไม้ปลอดสารพิษ พร้อมเสิร์ฟ
Special Thanks: สถานที่ร้าน Smith ซอยสุขุมวิท 49 คลองเตย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โทร.0-2261-0515-6 21 foodstylist
10 great chefs words cheewanuan
photographs wannasak sirisab
Chumpol Jangprai The Original Tastes “ผมพบวาการทำอาหารนั้น ทำใหผมเปนตัวของตัวเอง และสำหรับผมแลวการศึกษา คนควาไมมีวันจบสิ้น และ บางทีสวนนี้เองที่เปน สวนหนึ่ง ที่ทำใหความฝน อันสูงสุดของเราไดบรรลุ”
40 foodstylist
เชฟชุมพล แจงไพร กลายเปนชื่อเชฟไทยชั้นนำที่ไดรับการยอมรับที่สุด คนหนึ่งในยุคสมัยนี้ ทั้งความเกงกาจและเขาใจลึกซึ้งในอาหารไทยมาก ที่สุดคนหนึ่ง การไดรับตำแหนงเปนเชฟกระทะเหล็กอาหารไทย ซึ่งความ สำเร็จไมไดเกิดขึ้นจากเพียงการทำงานที่มุงมั่นอยางตอเนื่องเปนเวลานาน เทานั้น หากแตเชฟคนนี้มีทั้งความรักและความหลงใหลในอาหารไทยอยาง เต็มหัวใจ สิ่งที่ทำใหประทับใจในตัวเชฟคนนี้อยางมากก็คือ ความผูกพันตออาหาร ไทยที่มีตั้งแตวัยเด็ก การริเริ่มเรียนรูมานานวัน โดยทำมันจนกระทั่งความ ตั้งใจไดสงผลใหเชื่อในหนทางที่ตนไดเริ่มกาวเดิน “จากการเริ่มตนที่ชวยงานที่บานตั้งแตเด็ก ก็ไดมีโอกาสเดินทางไปทำงาน ที่ตางประเทศตั้งแตอายุสิบเกา ทำใหผมพบวาการทำอาหารนั้นทำใหผม เปนตัวของตัวเอง และสำหรับผมแลวการศึกษาคนควาไมมีวันจบสิ้น และ บางทีสวนนี้เองที่เปนสวนหนึ่งที่ทำใหความฝนอันสูงสุดของเราไดบรรลุ” นอกเหนือจากการทำธุรกิจอาหารแลว ดวยความรักในอาหารไทยก็เปนจุด เริ่มในการสรางสิ่งดีๆ เพื่อวงการอาหารไทยนั่นก็คือ โรงเรียนสอนอาหาร ไทย ซึ่งเขาไดทำเพื่อเปนศูนยกลางในการประสานงานและเพื่อการเรียนรู ตำรับอาหารไทย โดยในเร็ววันนี้โรงเรียนแหงนี้ก็จะเปนรูปเปนรางขึ้นเติม เต็มอีกหนึ่งความฝนแกชีวิตของเชฟหนุมคนนี้ “ผมสรางใหคนรุนหลังของเราไดเรียนรูวิธีที่ถูกตองในการสืบทอดอาหาร ไทย โดยการเรี ย นรู ทุก อย า งจากพื้ น ฐานเป น สิ่ ง ที่ ส ำคั ญมากในการทำ อาหาร ผมมองวาการเรียนอาหารไทยตองเปดกวาง และตองเรียนรูอยาง ลึกซึ้งกวานี้ ไมวาจะเปนประวัติศาสตร วัฒนธรรม และจุดเดนของรสชาติ อาหารไทย มันตองมีการวิเคราะหและเปดโลกกวางใหกับกลุมเชฟรุนใหม มากขึ้น อาหารไทยตองมีโรงเรียนที่ดีและสอนอยางจริงจังเหมือนโรงเรียน ที่สอนอาหารฝรั่งเศส” จากการเทใจใหอาหารไทยจนหมด จึงไมนาแปลกใจเลยเมื่อถามถึงอาหาร จานเด็ดของเชฟ สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในทันทีก็คือ ดวงตาเปนประกายและ ตอบอยางไมลังเล “ผมชอบทำอาหารประเภทแกงตั้งแตฝกทำอาหารไทยใหมๆ โดยแกง แตละประเภทก็มีเอกลักษณและรสชาติเฉพาะตัว อยางแกงมัสมั่นที่มี ความเผ็ดรอน หวาน และเค็มลงตัว แกงคั่วที่ถึงเครื่องเทศแตไมจัดจานจน เกินไป สำหรับอาหารที่ผมเลือกมา คือแกงคั่วปูอลาสกาที่รสชาติครบรส ถึงเครื่อง” เชฟอธิบายถึงจานพิเศษนี้วา แกงคั่วเนื้อปูปกติก็เปนอาหารจานอรอยอยู แลว แตสำหรับสูตรนี้ไดใชเอกลักษณของเนื้อปูอลาสกาที่เต็มไปดวยเนื้อ แนนๆ คูกับแกงคั่วจากเครื่องแกงโขลกสดๆ กะทิแทๆ และความหอมของ ปลาเนื้อออนยางผัดใหหอมครบเครื่อง ไดรสเต็มปากเต็มคำ
“แกงคั่วตางๆ เปนแกงดั้งเดิมของชนชาติไทยที่มีเครื่องเทศหลักๆ อยาง ตะไคร ผิวมะกรูด รากผักชี พริกโขลก โดยสิ่งเหลานี้สะทอนความเปนไทย ที่หาไดงายในทุกครัวเรือน ปรุงดวยน้ำตาลปบ น้ำปลา ใบชะพลูที่ขึ้นตาม บาน รองสวน และยังเปนภูมิปญญาไทยแทๆ ซึ่งดีตอสุขภาพ และนับวา เปนยาระบายชนิดหนึ่งอีกดวย” เชฟชุมพลกลาวปดการสัมภาษณถึงอาชีพที่เขารัก และอาชีพที่ทำใหเขา เปนตัวของตัวเองไดอยางสมบูรณและประทับใจ ซึ่งเมื่อผนวกกับรสชาติ อาหารจานพิเศษแลว รสชาติกลอมกลอมงดงามเสียเหลือเกิน “ทุกครั้งที่ผมทำอาหาร ผมมีความสุขแลว ความรูสึกสุขใจที่เกิดขึ้นกับคนที่ ชิมอาหารของเรา ถือเปนสิ่งพิเศษเหนือกวารางวัลใดๆ ที่ไดรับมา ไมวาคน ที่มากินจะมาดวยเหตุผลใด ไมวาอยากจะลองหรือเพราะอาหารเปนสวน หนึ่งของไลฟสไตล ความเชื่อมั่นในตัวของผม หรือชอบสไตลอาหารไทย ของผม รูไหมครับ การที่ทำใหเขามากินนะงาย แตการใหเขากลับมากิน อีกครั้งนั้นเปนเรื่องยาก แตทำไดดวยความตั้งใจในทุกครั้งที่ทำอาหาร”
แกงคั่วปูอลาสกาใบชะพลู Thai Curry with Alaska King Crab and Wild Pepper Leaves
สวนผสมเครื่องแกง (4-5 ที่) พริกแกงเขียวหวาน 110 กรัม / หอมแดง 50 กรัม / กระเทียม 40 กรัม / ขา 20 กรัม / กะป 10 กรัม / ตะไคร 35 กรัม / ขมิ้น 30 กรัม / ผิว มะกรูด 10 กรัม / พริกขี้หนูสวน 30 กรัม / รากผักชี 15 กรัม วิธีทำ ปนสวนผสมทั้งหมดในเครื่องปนจนละเอียดกลายเปนพริกแกงเนื้อเนียน โดยใสน้ำลงไปเล็กนอยเพื่อใหปนงายขึ้นหรือโขลกในครกจนละเอียด แกงคั่วปูใบชะพลู (1 ที่) สวนผสม พริกแกงคั่ว 100 กรัม / กามปูอลาสกา 150 กรัม / ปลาเนื้อออนปน 20 กรัม / ใบชะพลู 30 กรัม / ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ / น้ำตาลปบ 10 กรัม / หัวกะทิ 200 กรัม / หางกะทิ 100 กรัม / น้ำปลา 30 กรัม วิธีทำ 1. ตั้งหมอขนาดกลาง ตักหัวกะทิประมาณ 50 มิลลิลิตรลงไปในหมอ คน เรื่อยๆ ใหพอเดือด แตอยาใหแตกมัน จากนั้นตักพริกแกงลงไปผัดให ละลายไปกับกะทิ คนไปเรื่อยๆ จนกะทิเริ่มขนขึ้นและพริกแกงสงกลิ่นหอม 2. เทหัวกะทิที่เหลือลงไป ใสปลาเนื้อออนปน ปรุงรสดวยน้ำตาลปบ เกลือ และน้ำปลา จนไดรสที่ตองการ ตั้งไฟใหเดือด คนอยูเปนระยะๆ (หากแกง ขนไปใหเติมหางกะทิ) 3. เมื่อชิมรสพอไดที่แลว ใสกามปูอลาสกา ใบชะพลู และใบมะกรูดลงไป คนใหเขากันทั่ว
41 foodstylist
Thai Curry with Alaska King Crab and Wild Pepper Leaves
42 foodstylist
food project
words pairy styling pattana s. photographs wannasak sirisab
Marukome Miso
Marukome Miso
(เต้าเจี้ยวญี่ปุ่นตราเด็ก) สุดยอดผลิตภัณฑ์ที่ควรมีติดครัว
สูตรที่ 1
สูตรที่ 2
“Marukome Miso” หรือ เต้าเจี้ยวญี่ปุ่นตราเด็ก ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดผลิตภัณฑ์ ที่คุณแม่บ้านควรมีไว้ติดครัว เพราะมีรสชาติอร่อย สามารถปรุงเมนูได้หลากหลาย ไม่ว่าจะนำไปหมักกับเนื้อสัตว์ ทำเป็นซุป ปรุงเมนูผัด ทำเป็นซอสทานกับสลัดผัก หรือน้ำจิ้มเนื้อย่างหลากหลายสูตร ที่สำคัญเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นยังมีประโยชน์แบบสุดๆ เพราะอุดมด้วยสารอาหารที่สำคัญจากถั่วเหลืองแถมยังมีจุลินทรีย์ช่วยในระบบย่อย อาหารได้ เ ป็ น อย่ า งดี และสำหรั บ ฉบั บ นี้ เ พื่ อ เป็ น การการั น ตี ว่ า เต้ า เจี้ ย วญี่ ปุ่ น สามารถทำเมนูได้หลากหลายจริงๆ เราเลยขอจัดเต็มแจกสูตรซอสยากินิคุถึง 3 สูตร ชอบแบบไหนก็เลือกอร่อยกันได้เลยค่ะ
Marukome Miso Yakiniku Sauce
สูตรที่ 1 Marukome Miso 5 ช้อนโต๊ะ / สาเก 4 ช้อนโต๊ะ / มิริน 1 ช้อนโต๊ะ / ซอสถั่ว เหลือง 1 ช้อนโต๊ะ / ต้นหอมสับละเอียด ปริมาณเล็กน้อย / กระเทียมสับละเอียด 1 กลีบ วิธีทำ ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน สูตรที่ 2 Marukome Miso 2.5 ช้อนโต๊ะ / สาเก 1.5 กรัม / งา 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ / โคชูจัง 5 ช้อนชา / ต้นหอมซอยเล็กน้อย / กระเทียมขูด 1 กลีบ วิธีทำ ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน สูตรที่ 3 Marukome Miso 1 ช้อนโต๊ะ / มิริน 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำตาล 1 ช้อนชา / งา ปริมาณตามชอบ วิธีทำ ปั่นทุกอย่างรวมกัน
เนื้อสันนอกสไลซ์ 150 กรัม / ฟักทองหั่นแท่งไม่ต้องหนามาก วิธีทำ สูตรที่ 3
1. นำเนื้อไปพันกับฟักทอง 2. ใช้ไม้จิ้มฟันกลัด นำไปย่างในกระทะ พอสุกดึงไม้ออก 3. นำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มทั้ง 3 ชนิด (หรือใครจะเปลี่ยนเนื้อเปลี่ยน ผักเป็นชนิดอื่นก็ไม่ผิดกติกาใดๆ ค่ะ) สนับสนุนวัตถุดิบโดย :
46 foodstylist
www.foodproject.co.th
47 foodstylist
meet eat drink
recipe ik bun boriboon words iris veridian potographs nuttawat ratisuk
Sparkling Moment สปาร์กลิ้งไวน์ (sparkling wine) เป็นไวน์ประเภทมีก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์เจือผสม จึงทำให้ทุกครั้งที่เปิดขวด เกิ ด เสี ย งดั น ของก๊ า ซขึ้ น นิ ย มเรี ย กกั น ว่ า แชมเปญ (champaign) ซึ่งเป็นชื่อแคว้นที่เป็นต้นกำเนิดไวน์ฟองนี้ ในประเทศฝรั่งเศส ไวน์ชนิดนี้หมักจากองุ่นดำ (pinot noir) และองุ่นเขียว (chardonnay) เท่านั้น มีรสชาติ
ตั้ ง แต่ แ ทบจะไม่ ห วานไปถึ ง หวานมาก ควรเสิ ร์ ฟ แบบ
เย็นเฉียบเพื่อสัมผัสให้ลึกซึ้งถึงรสไวน์ สำหรับส่วนผสมที่เรียก มอลโตเด็กตริน (maltodextrin) เป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทโพลีแซกคาไรด์ ผลิตจากพืชที่ มีแป้งสูง เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด ลักษณะเป็นผงสี ขาว ย่อยง่าย นิยมใช้ในวงการอาหาร ทั้งสำหรับอาหาร เพื่ อ สุ ข ภาพ สารให้ ค วามหวาน ห่ อ หุ้ ม สารให้ ก ลิ่ น รส เป็นต้น มอลโตเด็กตรินดูดความชื้นได้ดีจึงทำให้เมื่อผสม กับช็อกโกแลตแล้ว ช็อกโกแลตจึงกลายเป็นผง
Melt in Your Mouth: Nutella Powder, Fresh Strawberry, Pistachio and Lychee Foam ik bun boriboon
Melt in Your Mouth เมื่อเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อว่ายูนีค หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะแล้ว ย่อมต้อง มี ค วามพิ เ ศษไม่ เ หมื อ นใคร หรื อ เป็ น จานที่ ไ ม่ เ คยพบเจอมาก่ อ น พร้อมทั้งเป็นสัมผัสของรสชาติที่ไม่เคยลิ้มลอง “Melt in Your Mouth” เป็นของหวานจานพิเศษที่ทำขึ้นมาแบบเฉพาะตัว ผงไวท์ ช็อกโกแลตห่อหุ้มด้วยแป้งบางใสแปลกตาแบบละลายทั้งคำในปาก ทานคู่กับสตรอว์เบอร์รี่สดตามด้วยโฟมนุ่มรสลิ้นจี่ และเครื่องดื่ม เบาๆ อย่างสปาร์กลิ้งไวน์ ช่างเป็นของหวานตบท้ายที่มาพร้อมความ สดชื่นแบบไม่มีใครเหมือน 50 foodstylist
ส่วนผสม ฟิล์มบริโภคได้ (edible film) 1 แผ่น / โฟมลิ้นจี่ 1 ช้อนโต๊ะ / สตรอว์เบอร์รี่สด 1/2 ลูก / ถั่วพิตาชิโอสับ 1/2 ช้อนชา ส่วนผสมช็อกโกแลตขาวป่น มอลโตเด็กตริน (maltodextrin) 80 กรัม / ช็อกโกแลตขาวหรือช็อกโกแลตนูเทลล่า 120 กรัม วิธีทำ 1. ผสมช็อกโกแลตที่ละลายแล้วกับมอลโตเด็กตริน คนผสมด้วยความเร็ว ซึ่งมอลโตเด็กตรินจะดูดความชื้นออกจากช็อกโกแลตจนกลายเป็นผง ยิ่งใส่ มอลโตเด็กตรินมากก็จะป่นมากขึ้น 2. นำผงช็อกโกแลตใส่ฟิล์มแล้วปิดฟิล์มด้วยเครื่องทำความร้อน 3. จัดเสิร์ฟในจานคู่กับสตรอว์เบอร์รี่สด เติมโฟมลิ้นจี่ลงในจานโรยหน้า ด้วยถั่วพิตาชิโอบด
Squid Ink Risotto
51 foodstylist
chic dessert
word & recipe chef non (Instagram : nonshiro) photographs w. ansirimongkol
Choux à la Rose จำได้ว่าผมเคยนำเสนอขนมประเภท choux มาแล้วเมื่อหลาย เล่มก่อน ตอนนี้รู้สึกคิดถึงเลยขอนำกลับมาให้คุณผู้อ่านได้ชม กันอีกนะครับ แต่คราวนี้จะมีส่วนประกอบเป็น sable หรือ cookie crust ด้านบน ซึ่งหลายคนคงเคยเห็นตามบูติกขนม หรูๆ หลายแห่งนะครับ นอกจากนี้ก็ยังมี rose cream กลิ่น หอมมาฝากให้ลองทำกันอีกด้วย
ส่วนผสม Sable น้ำตาลทรายแดง 150 กรัม / เนยนิ่ม 150 กรัม / แป้งอเนกประสงค์ 175 กรัม วิ ธีทำ วิผสมทุ ธีทำ ก อย่ า งเข้ า ด้ ว ยกั น โดยเครื่ อ งผสมหั ว ใบไม้ ใส่ สี ผ สมอาหารตาม ผสมทุ ก อย่นำเข้ า งเข้าาตูด้้เย็วนยกัสักนพัโดยเครื ่ อ งผสมหั ใส่ สี ผ สมอาหารตาม ต้องการ กแล้วนำมารี ดให้วหใบไม้ นาประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ต้จากนั องการ นำเข้ า ตู ้ เ ย็ น สั ก พั ก แล้ ว นำมารี ด ให้ ห นาประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ้นแล้วตัดเป็นรูปวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร จากนั้นแล้วตัดเป็นรูปวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร ส่วนผสม Choux Pastry นม 125 กรัม / น้ำ 125 กรัม / เนยจืด 100 กรัม / เกลือ 4 กรัม / น้ำตาลทราย 4 กรัม / แป้งอเนกประสงค์ 150 กรัม / ไข่ 4-5 ฟอง วิธีทำ ใส่นม น้ำ และเนยจืดลงในหม้อและต้มให้เดือด คนเบาๆ ให้เนื้อเข้ากัน (ของเหลวต้องร้อนจัดนะครับ ไม่อย่างนั้น choux จะไม่พองสวย) หลังจาก เดือดแล้ว ยกออกจากเตา เติมแป้ง เกลือ และน้ำตาล ลงไปทีเดียวเลย ครับ แล้วใช้พายยางคนส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเร็ว ส่วนผสมจะเริ่มจับตัว เป็นก้อนและไม่ติดข้างหม้อ นำกลับขึ้นตั้งไฟอ่อนและใช้พายยางผสมต่อไป จนส่วนผสมเริ่มแห้งและทิ้งคราบแป้งบางๆ บริเวณก้นและข้างหม้อ นำมา เปลี่ ย นใส่ อ่ า งผสมอี ก ใบ ค่ อ ยๆ ใส่ ไ ข่ ล งไปที ล ะฟองและคนให้ เ ข้ า กั น ปริมาณของไข่จะไม่ตายตัวนะครับ ให้สังเกตดูที่เนื้อของส่วนผสม จะต้อง เนียนและเงา เวลาใช้พายตักขึ้นมาและปล่อยให้ส่วนผสมไหลกลับลงไป 54 foodstylist
ส่วนผสมจะค่อยๆ ไหลลงไปในอ่าง เหลือติดที่พายยืดออกเป็นปลายแหลม คล้ายสามเหลี่ยมก็แสดงว่าใช้ได้แล้วครับ นำมาใส่ถุงบีบหัวบีบเบอร์ 12 บีบเป็นลูกกลมๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร นำแผ่น cookie crust มาวางไว้ด้านบน แล้วนำเข้าอบที่ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาที ถ้ายังไม่ใช้ในทันทีแนะนำให้ใส่กล่องพลาสติกแล้วแช่แข็ง ส่วนผสม Rose Cream นม 380 มิลลิลิตร / น้ำตาลทราย 60 กรัม / ไข่แดง 1 ฟอง / ไข่ทั้งฟอง 1 ฟอง / แป้งข้าวโพด 50 กรัม / น้ำเชื่อมกลิ่นกุหลาบ 50 กรัม วิธีทำ ต้มนม ตีไข่ ไข่แดง และน้ำตาล เข้าด้วยกัน แล้วเติมแป้งข้าวโพดผสมให้ เข้ากัน พอนมเดือดค่อยๆ เทนมลงในส่วนผสมไข่พร้อมกับใช้ตะกร้อมือตี ตลอดเวลา นำกลับขึ้นตั้งเตาไฟอ่อน ใช้ตะกร้อตีต่อจนส่วนผสมข้นขึ้น เติมน้ำเชื่อมกลิ่นกุหลาบผสมจนเข้ากัน เทลงบนถาด ปิดด้วยพลาสติก ฟิล์มสัมผัสกับผิว นำเข้าแช่เย็น ก่อนใช้นำออกมาตีให้เนียน แล้วตักใส่ถุง บีบ Assembly นำ choux มาเจาะรูด้านล่างเล็กๆ พอให้หัวบีบหัวเล็กจะสอดเข้าไปได้ บีบ rose cream เข้าไปโดยใช้ถุงบีบผ่านรูที่เจาะไว้ ระวังอย่าให้ครีมมากจน ทำให้ choux แตกนะครับ แล้วตกแต่งด้วยผลราสป์เบอร์รี่
55 foodstylist
การคิดนอกกรอบเป็นพื้นฐานสำคัญ ของการสร้างสิ่งใหม่ เมื่อคุณเริ่มสะบัด ตัวออกจากกฎเดิมๆ ก็เท่ากับคุณได้ เริ่มต้นเดินบนทางสายใหม่แล้ว “อาชีพคนทำเบเกอรี่เหมือนหมอเฉพาะทางนะ การจะทำอะไรสักอย่างทุกอย่างต้อง เป๊ะ ต้องชั่งตวง ขั้นตอนอย่างไรต้องเป็นไปตามลำดับ หนึ่งกรัม สองกรัม ต้องชั่ง ตวงหมด อาหารคาวหลายๆ อย่างขาดตรงไหนเติมได้ ปรุงเพิ่มได้ สำหรับเบเกอรี่ จะเที่ยงตรงในสูตรมาก หากคลาดเคลื่อนไปก็เท่ากับว่ารสชาติผิดเพี้ยนแล้ว” เชฟเดช แสงศรีจันทร์ นายกสมาคมเบเกอรี่แห่งประเทศไทย หากคุณเลือกตัดราคาต่ำอย่างเดียวอาจจะดูเวิร์ก แต่ก็แค่ช่วงเดียวลองคิดนะคะจะ เกิดอะไรขึ้น ถ้าทุกคนตัดสินใจแบบเดียวกันกับคุณ ทำในแบบเดียวกันจนกระทั่งต่ำ จนเท่าทุนหรือขาดทุน สุดท้ายสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือสงครามราคา (Price war) และ บทสรุปในตอนท้ายก็คงจะ “ตายหมู่” ค่ะ Seasoning Marketing “ใครๆ ก็บอกว่าอยากทำเหมือนกันแต่ก็ไม่มีใครทำ ฉะนั้นการลงมือทำเป็นสิ่งสำคัญ มากกว่าไอเดีย” ยอด ชินสุภัคกุล ซีอีโอ บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด
chef club
words rina photographs wannasak sirisab
เชฟจำนงค์ นิรังสรรค์ นายกสมาคมเชฟประเทศไทย เชื่อว่าสำหรับฟู้ดดี้ นักชิม และคนในวงการเชฟคงคุ้นเคยชื่อของ “เชฟ จำนงค์ นิรังสรรค์” นายกสมาคมฯ และชื่อของ “สมาคมเชฟประเทศไทย” หรือในชื่อเดิมคือ สมาคมพ่อครัวไทย กันเป็นอย่างดี วันนี้ฟู้ดสไตลิสท์แวะ มาเยี่ยมเยียนพูดคุยกับนายกสมาคมคนเก่งของเราถึงทิศทางการทำงาน มุมมองวงการอาหาร และเป้าหมายที่กำลังก้าวไปในยุคความหวังใหม่ที่ชื่อ ว่า AEC พร้อมกับให้เชฟได้โชว์ฝีมือการทำอาหารเมนูเด็ด งานนี้หากใคร ยังไม่เคยเห็นฝีมือของเชฟจำนงค์ต้องมาติดตามกัน
วงการเชฟไทย
“จากประสบการณ์และการเดินทางที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าจุดอ่อนและ ความอดทนของเราสูง เราจะคิดแค่ว่าทำงานนี้ให้สำเร็จก็พอแล้ว การ ทำงานเบื้องหลังที่ได้เก็บเป็นความภูมิใจไว้ แต่เบื้องหน้าเราถูกต่างชาติเอา ไปหมด ซึ่งถ้าเราไม่มีสมาคมหรือเราไม่ร่วมมือกัน การที่เราจะต่อสู่หรือ ผลักดันให้กับเชฟในวงการนี้ก็จะค่อนข้างยาก ดังนั้นเราจึงต้องมีการยก ระดับมาตรฐานฝีมือคนไทยในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แลกเปลี่ยน ความรู้ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการ ทำกิจกรรม”
เครือข่ายสมาคมเชฟไทย
“ตอนนี้ทางสมาคมฯ ได้พยามสร้างเครือข่ายให้ทุกจังหวัดเท่าเทียมกัน
โดยเฉพาะจังหวัดการท่องเที่ยว อย่างเชียงใหม่ ขอนแก่น หัวหิน ชะอำ พัทยา ภูเก็ต สมุย เป็นต้น และได้เปลี่ยนชื่อจากสมาคมพ่อครัวไทย เป็น 62 foodstylist
‘สมาคมเชฟประเทศไทย’ สาเหตุที่เปลี่ยนเพราะเราตั้งใจจะให้เป็นสมาคม เชฟแห่งประเทศไทย เพื่อที่ต่อไปเมื่อเชฟทุกคนได้ใช้ชื่อนี้ ก็จะได้ภูมิใจว่า เราเป็นเชฟของประเทศไทย ถึงไปอยู่สาขาไหนก็แล้วแต่ ก็ยังคงเป็นเชฟ ของประเทศไทย เพราะเราไม่อยากให้แบ่งเชฟภูเก็ต เชฟชะอำ เชฟพัทยา เชฟหัวหิน เป็นต้น แต่ในแง่กฎหมาย คำว่าแห่งประเทศไทยเรายังใช้ไม่ได้ เพราะว่าเรายังไม่มีกิจกรรมร่วมกันอย่างชัดเจน การจะจดทะเบียนกับกรม การปกครองว่าเราเป็น ‘แห่งประเทศไทย’ ได้เราจะต้องเป็นสมาคมที่
ทั่วโลกหรือทั่วประเทศนั้นให้การยอมรับ หมายความว่าทั่วประเทศที่เราพูด ถึงเราจะต้องมีกิจกรรมร่วมกัน ต้องมีการประชุมและมีนโยบายร่วมกัน เราถึงอาจจะจดทะเบียนเป็นแห่งประเทศไทยได้ ซึ่งอันนี้เป็นอนาคต แต่จุด ประสงค์หลักที่ผมอยากจะให้ทุกสมาคมมีมาตรฐานเดียวกันนั่นคืออัตรา
ค่าจ้างที่ต้องสมน้ำสมเนื้อ ระหว่างเชฟไทยกับเชฟต่างชาติ ทั้งนี้ทั้งนั้น
ก็ต้องสร้างให้เชฟไทยเข้มแข็ง และเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ยิ่งตอนนี้ กำลังจะเปิด AEC ถ้าเรายังไม่เป็นหนึ่งใน AEC เราก็จะไปทั่วโลกลำบาก ดังนั้นจึงขอฝากน้องๆ ในอาชีพให้ระมัดระวัง มีอะไรเราต้องช่วยเหลือ
ซึ่งกันและกัน ช่วยกันพัฒนา และเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกอย่างอยู่ที่การเป็น ผู้นำ ต้องกล้าออกมาจากหลังครัว” ปิดท้ายกับเมนูง่ายๆ ที่เชฟฝากให้ไปลองทำ หอยเชลล์ย่างกับซอสปูผง กะหรี่ เป็นเมนูซึ่งเชฟพรีเซนต์ออกมาให้เห็นว่า ไม่ว่าเมนูนี้จะมีมานานแค่ ไหนแล้วก็ตาม แต่ถ้าเรารู้จักการปรับเปลี่ยนวิธีการทำและเพิ่มสีสันการ
นำเสนอใหม่ให้ทันตามแฟชั่นในปัจจุบัน อาหารจานนี้ก็ดูทันสมัยขึ้นได้ไม่ยาก
หอยเชลล์ย่างกับซอสปูผงกะหรี่ Grilled Scallop with Crabmeat Curry Powder Sauce
ส่วนประกอบ หอยเชลล์ 200 กรัม / เนื้อปู 50 กรัม / กระเทียมสับ 50 กรัม / หัวหอมสับ 100 กรัม / ขึ้นฉ่าย 50 กรัม / พริกหวานแดง 50 กรัม / พริกหวานเขียว 50 กรัม / พริกหวานเหลือง 50 กรัม / ไข่แดง (ไข่เค็ม) 1/2 ฟอง / สลัดออยล์ 1 ช้อนโต๊ะ / เกลือ 1/2 ช้อนชา / พริกไทย 1/2 ช้อนชา / ไข่ไก่ 1 ฟอง / น้ำสต๊อกไก่ 1 ถ้วยตวง / ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา วิธีทำ 1. นำหอยเชลล์ย่างบนกระทะร้อนให้ผิวเหลืองสวย พอสุก 2. ตั้งกระทะพอร้อน ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย พอน้ำมันเริ่มร้อนให้ ใส่กระเทียม และหอมสับ ผัดให้หอม
3. ใส่ผงกะหรี่ ผัดให้ทั่ว ใส่ขึ้นฉ่ายพร้อมกับพริก 3 สี ผัดพอเข้ากัน 4. เติมน้ำสต๊อกไก่ลงไป ตามด้วยไข่แดงเค็มยี (ยีไข่แดงให้ ละเอียด) ต้มให้เดือด นำเนื้อปูลงไปผัดให้เนื้อปูแตกกระจาย แล้วหรี่ไฟ ปรุงรสด้วยเกลือ และพริกไทย 5. นำไข่ไก่ใส่ชาม ตีให้ไข่ขาวและไข่แดงเข้ากัน แล้วเปิดไฟแรง ให้น้ำซอสกะหรี่เดือด 6. จากนั้นนำไข่ไก่ที่ตีไว้ราดบนซอสกะหรี่ และคนให้เข้ากันพอ ไข่สุก 7. จัดจานให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ Tip: ให้ใส่เนื้อปูหลังจากทำน้ำซอสเสร็จ เพื่อไม่ให้ เนื้อปูแห้งจนเกินไป
63 foodstylist