2557
อ่านผิดอ่านใหม่ ฝรั่งเศส เศษฝรั่ง
10 เรื่องจริงอัสสัมชัญ
"Encourage children to be risk-takers rather than always taking the safe road."
Wayne Dyer
่ ่ าง "จงสนับสนุนให้เด็กๆ เลือกทีจะเสี ยงบ้ ่ แทนคอยแต่ใช้เส้นทางทีปลอดภั ย"
ฝ่ ายการบริ ห ารจั ด การ : พี ร สิ ช ฌ์ แสงมณี ธ รรม , สรวิ ศ ศิ ริ ว ณิ ช , ปพาฬ หั ต ถ์ นํ า ทรั พ ย์ ฝ่ ายกองบรรณาธิ ก าร : จิ ร ภาส หลั ก พิ พั ฒ น์ , ณั ฐ นนท์ เริ� ม ยิ น ดี , ธนบดี บั ณ ฑิ ต สุ ว รรณ , อภิ ภู มิ วิ เ ทศวรกิ จ , ปสหนบ ล้ อเรื อ งสิ ง , ณั ฐ ชานนท์ มงคลรั ต นชาติ , ธนภู ชิ วั ฒ น์ อู่ สิ ริ ม ณี ชั ย , นภั ท ร เมธี ศุ ภ ภั ค , ศตวรรษ ฉั น ทนาเลิ ศ ฝ่ ายเรขศิ ล ป์ และการถ่ ายภาพ : ฐานพั ฒ น์ อิ ฐ วรากร , โกวิ ทั ต ถ์ ศรี ส ด , ธนภั ท ร ปฏิ เ วชวงศ์ , นคริ น ทร์ สุ เ ทพากุ ล , สุ วิ ท ย์ วรสิ ท ธิ� ชั ย , อิ น ทั ช คชานั น ท์ , ธี ธั ช บุ ญ เรื อ ง , พงศ์ พิ สุ ท ธิ� ศรี ป ระสม ,พนาวั ฒ น์ ณั ฐ เวช ,ภั ท รพล สุ ข วจี พ ร ,วริ ท ธิ� อนั น ต์ รั ต นโชติ , อุ ก ฤษฎ์ สุ รั ช ตชั ย พงศ์ ,พริ ษ ฐ์ พฤทธิ ส าริ ก ร , ฤทธิ ภู มิ วั ช ระชั ย สุ ร พล ครู ท� ี ปรึ ก ษา : มิ ส เนติ ม า กมลเลิ ศ , มิ ส นงลั ก ษณ์ สี นิ ล แท้ ออกแบบปก : สุ วิ ท ย์ วรสิ ท ธิ� ชั ย
Table of Contents : P.4 10 เรื่องจริงอัสสัมชัญ เรื ่ องบางเรื ่อง ก็ ไ ม่ ไ ด้ บ ั น ทึ ก ในหนั ง สื อ นะ...
อ่านผิด อ่านใหม่ ฝรั่งเศส เศษฝรั่ง
P.20
จะว่ า ไป เรื ่ อ งเข้ า ใจผิ ด กั บ โรงเรี ย นเรา ก็ ม ี อ ยู ่ ไ ม่ น ้ อ ย
P.6 กำเนิ ดสยาม กำเนิดอัสสัมชัญ
กับความสัมพันธ์ฝรั่งเศส
การก่อกำเนิดของโรงเรียนอัสสัมชัญภายใต้ช่วง เวลานั้น อาจมีความหมายมากขึ้นจากที่เรา เคยเข้าใจ
P.12 Cloudy Corner Different Story The Hunchback of Notre-Dame
P.13One Fine Day
Cafe
P.24
Cafe ในภาษาฝรั่งเศสนัน� ...
P.26 The One & Only P.28 Timeline
เพราะเหตุ ก ารณ์ สั ม พั น ธ์ ก ั น อยู ่
เราทุกคนต้องยอมรับในความสามารถ ของแต่ละคน ว่าเราเก่งไม่เท่ากัน
ทำไมชีวิตในเมืองถึงแสนวุ่นวายเช่นนี้นะ
P.14 College de l’ Assomption
นามแห่งผู้ทำลาย
P.32
P.16KIM AC123
หลักธรรมนำชีวิต
P.33
ไม่แปลกนักหากจะบอกว่า รอบๆโรงเรียนเรา มีสถานที่สําคัญมากมายที่เกี่ยวกับฝรัง่ เศส
บางคนมองว่าฝรั่งเศสไม่สำคัญ แต่คนเหล่านั้นมองข้ามอะไรบางอย่าง
ตอนนี ้ ผมคงได้ พ ั ก ซั ก ที
การสูญเสียเป� นสิ่งที่ต้องเสียสละ เพื่อการเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลง ไม่จําเป� นต้องมีการสูญเสียเสมอไป…
ติ ดตามเราได้ที� facebook.com/assumpjournal
วันหยุดในเดือนธันวาคมล่ะ SU MO TU WE TH
7 14 21 28
1 8 15 22 29
2 9 16 23 30
3 10 17 24 31
4 11 18 25
ศุกร์ท่ี 5
วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว HM the King's Birthday Anniversary
พุธที่ 10
วันพระราชทานรัฐธรรมนูญ Constitution Day
พฤหัสบดีท่ี 25
วันคริสต์มาส Christmas Day
ศุกร์ท่ี 26 - อังคารที่ 30
เทศกาลคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ Christmas and New Year Holiday
พุธที่ 31
วันสิ้นปี
FR
5 12 19 26
SA
6 13 20 27
New Year's Eve
มีแผนเทียวสิ้นปีกันรึยัง
ฝรั�งเศส แค่ได้ ยินคํานี � คนส่วนใหญ่มกั จะนึกถึง ดินแดนนํ �าหอมบ้ าง ขนมปั งบาแก็ตบ้ าง หรื อถ้ าเป็ นสัญลักษณ์ ก็เป็ น หอไอเฟลกัน แต่หากเราลองมองฝรั�งเศสให้ ลกึ ลงไปหน่อย เราจะพบว่า ฝรั�งเศสมีอะไรๆที�เชื�อมโยงกับชาวเรามานานมากแล้ ว รู้รึเปล่าว่าการพิมพ์ในประเทศไทย มีมาตังแต่ � รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแล้ ว และโรงพิมพ์แห่งแรกได้ ตังขึ � �นโดยบาทหลวงชาวฝรั�งเศสนามว่า หลุยส์ ลาโน โดยเพื�อพิมพ์คําสอนศาสนาคริ สต์ ไวยากรณ์ไทยและบาลี พจนานุกรมไทย และในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ได้ มีการปฏิรูปการบริ หารปกครองประเทศให้ ทนั สมัย ให้ เจริ ญก้ าวหน้ าทัดเทียมกับบรรดาประเทศตะวันตก พระสังฆราช ฌอง หลุยส์ เวย์(พระสังฆราชในสมัยนัน) � ก็ได้ มอบหมายให้ คุณพ่อกอลมเบต์สร้ างโรงเรี ยนขึ �นมาแห่งหนึง� นัน� ก็คืออัสสัมชัญเรานัน� เอง แต่ทําไมล่ะ? ในยุคนันคณะมิ � สชันนารี โปรเตสแตนต์ได้ เปิ ดโรงเรี ยน เพื�อที�จะสอนลูกหลานชาวต่างประเทศที�เข้ ามาอาศัยอยูใ่ นเมืองไทยที�มีจํานวนมากขึ �นเรื� อยๆ แต่ กลับกัน โรงเรี ยนมิสซังคาทอลิกที�ตงขึ ั � �น ส่วนใหญ่เป็ นโรงเรี ยนที�ตงขึ ั � �นตามโบสถ์ตา่ งๆของมิสซัง ที�ทําการสอนแก่ลกู หลานชาวบ้ าน ในแถบนัน� ซึง� ดูแล้ วนํ �าหนักระหว่างโปรเตสแตนต์และคาทอลิก มันต่างกันอย่างเห็นได้ ชดั พระสังฆราช ฌอง หลุยส์ เวย์ จึงได้ มีนโยบายจัดตังโรงเรี � ยนขึ �นเพื�อทําการสอนลูกหลานของชาวต่างชาติ และชาวสยามที�รํ�ารวย[1] แต่อีกประการหนึง� ก็เพื�อ ทําการแข่งขันกับโปรเตสแตนต์ เพราะท่านไม่อยากให้ โปรเตสแตนต์เข้ ามามีบทบาทในกรุงเทพมากนัก[2] และนี�ก็เป็ นหนึง� ในสาเหตุที�ทําให้ มีอสั สัมชัญเหมือนกัน แต่ไม่วา่ จะด้ วยเรื� องอะไรก็ตาม สิง� ที�เห็นได้ ชดั คือ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฝรั�งเศส กับประเทศไทย ที�มีมาตังแต่ � สมัยกรุงศรี อยุธยา ก็ไม่ใช่วา่ จะดีไปซะทุกครัง� นะ วิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ตอนนันเรามี � ปัญหากับฝรั�งเศสเรื� องดินแดน ช่วงปี ค.ศ.1940-1941 ไทยก็มีเรื� องดินแดนกับฝรั�งเศสอีกในสงครามอินโดจีน แต่ในที�สดุ ทังสองประเทศก็ � มาสมานฉันกันได้ เหนียวแน่น คือในปี ค.ศ.2000 ประเทศทังสองพร้ � อมใจที�จะให้ ความร่วมมือกัน ไม่วา่ จะเป็ นด้ านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และด้ านวิทยาศาสตร์ ประเทศๆหนึง� ที�มีเรื� องราวผูกพันกับเรามาตังแต่ � อดีต ผูกพันกับเราในเรื� องประเทศชาติ สถาบัน ถ้ าไทยกับฝรั�งเศส ไม่รู้จกั กัน อาจกล่าวได้ วา่ การที�พอ่ กอลมเบต์ได้ มาสร้ างอัสสัมชัญที�นี� บราเดอร์ ฮีแลร์ ได้ เขียนดรุณศึกษาให้ เด็กไทยอ่าน และ คณะเซนคาเบรี ยลก็จะไม่ได้ มารับช่วงงานต่อจนเกิดเป็ นโรงเรี ยนและมหาวิทยาลัยในเครื อมาจนถึงทุกวันนี � เห็นอะไรดีๆ ก็เลย อยากจะเสนอเรื� องราวต่างๆที�เกี�ยวกับฝรั�งเศสทังใกล้ � และไกลตัวให้ ได้ ร้ ูกนั เดือนกรกฎาคมที�ผา่ นมาก็พงึ� มีวนั ชาติฝรั�งเศสไป ก็นา่ จะมีนํ �าหนักพอที�จะเอามาลงละล่ะ [1] การเผยแพร่คริสต์ศาสนาในสมัยพระสังฆราช เรอเน มารี ยอแซฟ แปร์รอส พ.ศ.2452-2490 หน้า 63 : นายพุฒิพงศ์ พุฒตาลศรี [2] พึ่งอ้าง
ขอบคุณที�รอกันมานานครับ TvT บรรณาธิการเองครับ
03
เรื่อง : จิรภาส หลักพิพัฒน์
นั่งสังเกตอะไรในโรงเรียนมาพอสมควรทั้งที่ อยู่อัสสัมมานานแล้วแท้ๆแต่ก็มหี ลายเรื่องที่ รู้สึกสงสัยกับโรงเรียนนี ้ และเชื่อว่าบางคนก็คงจะสงสัยเช่นเดียวกัน อิฐที่เป็นสีแดงที่เรียงกันมัน ทำอะไรได้บ้างนอกจากให้เราเดินไปสะดุด? ชุดของภราดาตอนแรกเห็นเป็นสีดำ แต่ทำไมตอนนี้ เป็นสีขาวซะแล้ว? และอีกหลายเรื่องที่น่าสงสัยซะเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้ทางเราจึงไปหาคำตอบ ให้คำถามที่มีอยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นทางเราขอขอบคุณมาสเตอร์ กิติสิน จ่างตระกูล ที่ได้ช่วยตรวจสอบ ข้อมูลต่างๆให้ ถ้าสงสัยว่าทำไมถึงเป็นมาสเตอร์ล่ะ เพราะมาสเตอร์ท่านนี้เป็นศิษย์เก่าของ อัสสัมชัญเราเองครับ และแน่นอนว่าเรื่องที่เรายกมาทั้ง10เรื่องนี้ บางเรื่ องก็ไม่ได้บันทึกอยู่ใน หนังสือนะ…
04
I
II
III
IV
ในตอนแรกชุดของภราดาเป็นสีดำเช่นเดียวกับ ในยุโรปแต่เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อน จึงเปลี่ยนมาใช้สีขาว ที่ตึกกอลมเบต์มีห้องใต้หลังคาซึ่งเป็นที่สงบ และ โต๊ะทำงานของบราเดอร์ฮีแลร์ ใช้แต่งหนังสือ ดรุณศึกษา (ปัจจุบันห้องดังกล่าวถูกถอดบันได ทางขึ้นออกเพื่อไม่ให้เด็กขึ้นไปซน)
ศพของภราดาทุกคนของคณะเซนต์คาเบรียล ประเทศไทยถูกฝังอยู่ที่สุสานในโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา
VII
VIII
IX
ศพของคุณพ่อ กอลมเบต์ไ ม่ถ ูก ฝังอยู่ที ่ สุ สาน ในโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาเพราะท่านไม่ใช่ ภราดาของคณะเซนต์คาเบรียลแต่เป็นบาทหลวง ของคณะ MEP (คณะมิชชันนารีแห่งกรุงปารีส) แต่ถูกฝังไว้ที่สุสานใต้โบสถ์อัสสัมชัญ เพราะ ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาส
อิ ฐ แดงในลานแดงสามารถใช้ ข ั ด เข็ ม ขั ด ทอง เหลืองได้ นักเรียนอัสสัมชัญในสมัยก่อนชอบ ให้เข็มขัดและรองเท้าของตัวเองเงาจึงขัดทุกวัน ถ้าวันไหนลืมขัดมาจากที่บ้านจะใช้วิธีนำอิฐมา ขูดให้เป็นผงและนำไปถูกับเข็มขัด (สามารถขัด ได้เงาไม่แพ้ บรัสโซ) อัสสัมชัญเคยเดินแปรอักษรเป็นการเดินแปร ครั ้ งแรกและครั ้ ง เดี ย วของอั ส สั ม ชั ญ เป็ น การ เดินในพิธีเปิดสะพานพระราม 9 โดยมีการใช้ โค้ด วัน-วัน ชูไว้บนศีรษะ โค้ดหมวก ฯลฯ (ภาพหน้า 4) เด็ ก อั ส สั ม ชั ญ สมั ย ก่ อ นมี ร ้ า นที ่ เป็ น จุ ด นั ด พบ หลังเลิกเรียนอยู่ตรงซอยหลังโรงเรียน ก่อนโดน เวนคืนเป็นโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา มีชื่อซอย เรียกกันว่า ตรอกขี ้ หมา ในตรอกนี ้ จะมี ร ้ า นขา ประจำของเด็กอัสสัมชัญอยู่หลายร้านคือ -
V
VI
ไซต์งานของคณะเซนต์คาเบรียลที่ประสบความ สำเร็จที่สุดในโลกคือที่ประเทศไทย (มีการส่ง คณะภราดาไปหลายประเทศ) ปัจจุบันศูนย์กลาง คณะเซนต์คาเบรียลในทวีปเอเชียอยู่ที่อินเดีย
โรงเรียนอัสสัมชัญเป็นโรงเรียนเอกชนโรงเรียน ที่ 2 ในประเทศไทยที่มีการฉลองครบรอบ 100 ปี (โรงเรี ย นแรกคื อ โรงเรี ย นกรุ ง เทพคริ ส เตี ย น วิทยาลัย)
-
X
ร้านสีแสด (เพราะโต๊ะในร้านเป็นสีแสด) ขาย อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายปาน (เพราะเจ้าของร้านมี ปานที่หน้า) ทำอร่อยจนบางคน เรียกว่า “ก๋วยเตี๋ยวใส่กัญชา” ร้านน้ำปั่นข้างๆ ร้านสุวรรณเครื่องเทศศูนย์ รวมนักเรียนที่ออกจากโรงเรียนทางประตู ตึกกอลมเบต์ (ประตูหลังในสมัยนั้น) ข้าวมันไก่ไอ้อ้วน (คนขายอ้วนมากๆ ชอบคุย สนุกสนานกับลูกค้า) อยู่ติดกับร้านน้ำปั่นเป็น ข้าวมันไก่ที่อร่อยที่สุดในสามโลก ข้าวนุ่มๆ หอมๆ ไก่เนื้อนุ่มๆ แน่นๆ ไม่บี้เนื้อไก่ เนื้อจึง หนาสะใจทุกคำ น้ำจิ้มรสเข้มข้นกลมกล่อม เด็ดมาก
ความจริงแล้ว บราเดอร์ฮีแลร์ ไม่เคยเป็นอธิการ โรงเรียนอัสสัมชัญ
ภาพ : https://www.facebook.com/noomrattana2/photos/pb.549322891844775
05
06
07
08
09
10
11
ภาพ : https://www.etsy.com/listing/88585186/vintage-the-hunchback-of-notre-dame-book
สวั ส ดี ค รั บ วั น นี ผ� มจะเสนอหนั ง สื อ เรื� อง The Hunchback of Notre-Dame หรื อ คนค่อม แห่งนอทเทอร์ ดาม หลายคนอาจคุ้นหรื อรู้ จักเรื� องนี � มาบ้ างแล้ วจากอนิเมชัน� ของ Disney แต่ที�จะมาเสนอ ในวันนี �เป็ นต้ นฉบับของ Victor Hugo (วิคตอร์ อูโก) ที� Disney นําไปดัดแปลงเป็ นอนิเมชัน� วิ ค ตอร์ อู โ ก เป็ นนั ก ประพั น ธ์ นั ก กวี นักเขียนบทละคร ศิลปิ นรัฐบุรุษ และนักเคลื�อนไหว สิทธิ มนุษยชนชาวฝรั� งเศส เป็ นผู้มีบทบาทอย่างสูง สํ า หรั บ การเคลื� อ นไหวทางวัฒ นธรรมยุค โรแมนติ ก ในประเทศฝรั� ง เศสโดยเขาเป็ น ที� ร้ ู จัก จากนวนิ ย าย หลายเรื� องเช่น Les Misérables และ Notre-Dame de Paris (The Hunchback of Notre-Dame) 12
ต้ นฉบับคนค่อมแห่งนอทเทอร์ ดามนี ม� ี เนื �อเรื� องที�แตกต่างกับฉบับของ Disney อย่างมาก
เช่ น ฉากจบอย่ า งสวยงามเหมื อ นของ Disney ที� กวาซี โ มโด (Quasimodo) ได้ อยู่กับ แอสเมรั ล ดา (Esméralda) อย่างมี ความสุขแต่จบอย่างน่าเศร้ า โดยที�กวาซีโมโดไปช่วยแอสเมรั ลดาไม่ทันเธอจึงถูก แขวนคอตาย ด้ วยความเศร้ ากวาซี โ มโดจึ ง ไปยัง หลุมศพของแอสเมรัลดา นอนลงเคียงข้ างเธอและตาย ลงตรงนั �น ในเวลาต่อมามีการขุดศพของแอสเมรัลดา ขึ �นมาเพื�อทําพิธี จึงได้ พบว่าที�โครงกระดูกของ แอสเมรัลดานั �นมีกระดูกของกวาซี โ มโดกอดไว้ แ น่ น เมื� อ พยายามจะแยกออก กระดูกของทั �งสองก็แตกเป็ นผง และอยูด่ ้ วยกันชัว� นิรนั ดร์ ถึงจะเป็ นเรื� องเดียวกันแต่ เนื �อเรื� อง อารมณ์ ความรู้ สกึ ที�ให้ นั �นแตกต่างกัน อยากให้ ทกุ คนได้ ลอง สัมผัสความรู้ สึกใหม่ที�แตกต่างไปจากที�เคยรู้ จักครับ
:
หากเธอเป็น นั ก เรี ย นภาษาอย่ า งฉั น เราเป ็ น พวกเดี ย วกั น ฉั น ไม่ เ ข้ า ใจเสี ย จริ ง ว่ า ทำไมทุ ก คนต้ อ งมา จั บ ผิ ด การใช้ ภ าษาของฉั น ด้ ว ย ไม่ น านมานี ้ ฉั น ขั บ รถยนต์ย่ห้ี อ เรอโนลท์ (Renault) ออกไปห้าง กัลเลอรี ลาฟาแยต (Galerie Lafayette) เพื่อชอปปิ้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่จริงแล้วฉันควรจะขับเจ้า ซิโทรแอน (Citroën) ที่ใช้ยางของ มิเชอแล็ง (Michelin) ไปด้วยซ้ำเพราะเป็นคันที่คุณแม่ซื้อให้ หรือไม่ก็ต้องควบเจ้า เปอโย (Peugeot) คันเก่าของคุณปู่ไป แต่ฉนั เป็นคนช่างเลือกนี่ เข้ า ใจหน่ อ ยได้ ไ หม!
ภาพ : twonderland
พลันที่เสียงเธอสิ้นลงฉันแทบจะคุมสติไม่อยู่ เพราะแน่ใจล่ะ ว่าพนักงานหญิงคนนี้ คิดว่าฉันออกเสียงผิด!!! ฉันอยากจะเอามือ ไปทาบหน้าของเธอเสียจริง แต่ก็กลัวว่า นาฬิกา การ์ทิเยร์ (Cartier) ที่ใส่มาจะเป็นรอย ฉันหยุดสักครู่ และสวนเธอไปว่า “ที่นี่ ลาฟาแยต นะ ไม่ใช่ กักฟูร์ (Carrefour)” ฉันโมโหมาก เก็บบัตรเครดิตที่หมายจะรูดซื้อของลง ในกระเป๋า ลงชอง (Longchamp) ที่ซื้อมาตอนไปเที่ยว ช็อง เซลิเซ่ (Champs-Elysée) และเดิ น ไปหาผู ้ จ ั ด การห้ า ง จรดปากกา ของ มงต์ บ ล็ อ ง (Montblanc) เขี ย นใบร้ อ งเรี ย นทั น ที คุ ณ ผู ้ จ ั ด การรี บ เชิ ญ ฉั น ไปห้ อ งรั บ รองแล้ ว ยั ง กล้ า ถามฉั น ว่ า จะดื่มอะไร ระหว่ า ง มงต์ เ ฟลอร์ (Mont Fleur) เอวิ ย อง (Evian) หรื อ แปร์ริเย่ร์ (Perrier) ฉันส่ายหัวพร้อมยื่นข้อเสนอไป สั้นๆว่า “โมเอต์ เอ ชองดง (Moët & Chandon) เท่านั้น!” คุณผู้จัดการทำหน้าถอดสี บอกให้ฉันรอสักครู่จะเดินไปแจ้ง กรรมการผู้จัดการให้ ครู่เดียวคุณดนัยก็เดินมา เขาเป็น เพื่อนของแม่ฉันเอง นี่สินะคงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึง สำคัญถึง เพี ย งนี ้ คุ ณ ดนั ย ไม่ ม าเปล่ า เขาถื อ กระเป ๋ าผ้ า แคนวาส ประดับโลหะของ อีฟ แซงต์ โลค็องต์ (Yves Saint Laurent) มาให้ ฉ ั น 1 ใบ พร้ อ มบั ต รกำนั ล ของ คริ ส เตี ย ง ลู บ ู แ ต็ ง (Chirstian Louboutin) สำหรับใช้ในครั้งต่อไป ด้วย ครั้นจะ ไม่รับก็เห็นว่าจะเสียน้ำใจผู้ใหญ่ ฉันเลยรีบ รับและขอตัว กลับบ้านทันที!
กรุงเทพมหานครนี่ก็รถติดเสียจริง นี่ขนาดรถของ ฉันอยู่ห่างจากทางเข้าห้างเพียง 500 เมตร ยังขยับไปไม่ได้ เลย ด้านหน้าของห้างก็มีดิสเพลย์แบรนด์ตลาดอย่าง ลุยส์วิตตง (Louis Vuitton) แอร์แมส (Hèrmes) ดิออร์ (Dior) รวมทั้ง ชาแนล (Chanel) ที่พวกเพื่อนผู้ชายของฉันชอบซื้อ หัวเข็มขัด ไปใส่อวดกันอย่างน่าตลก พวกนั้นน่ะฉันไม่อยาก เรียกว่าใช้ ของเป็นหรอก เพราะมีเงินแต่ขาดรสนิยม กลับมาที่ ประเด็นหลัก หลังจากที่ฉันเข้าไปข้างในห้างเพื่อตามหา ครีมทามือของ แบรนด์หนึ่ง ซึ่งเดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เจอแต่แบรนด์ที่แม่ฉันชอบใช้ ทั ้ ง ล็ อ งโกม (Lancôme) อีฟ โคเช่ (Yves Rocher) คลีนี๊ก (Clinique) ลา แมร์ (La Mer ) รวมทั้งครีมเนื้อหยาบ อย่ า ง ลอเคอั ล (L’Oréal) ฉั น ก็ ตั ด สิ น ใจเดิ น ไปถามเจ้ า หน้ า ที ่ ประชาสั ม พั น ธ์ ว่ า “ล็ อ กซิ ต าน (L’Occitane) อยู ่ ต รงไหน? ”เธอทำ หน้ า งงและสวนกลั บ ฉั น ด้ ว ยความมั่นใจว่า “ไม่มีค่ะ ที่นี่มี ทำไมชีวิตในเมืองถึงแสนวุ่นวายเช่นนี้นะ แต่ ล็อกซิทาน!”
13
เรื่อง: XBest ภาพ : กานต์ นนทสิทธิชัย
Pere Colombet Memorial
Père Colombet Memorial (แปร์ กอลอมเบต์ เมมโมเรี ยล) หรื อ ตึกกอลมเบต์นนั� เอง.... เราคิดว่าคงมีหลายๆ คนที�ไม่ร้ ูวา่ Père เป็ นภาษาฝรั�งเศส เนื�องจาก บนตัว E หายไป ซึง� คําว่า Père มีความหมายเทียบเท่า father ในภาษา- อังกฤษ หรื อ "พ่อ" นัน� เอง อีกสิง� หนึง� ที�คน หลายๆคนสงสัย กันว่า ทําไม Colombet ถึงอ่านว่า "กอลอมเบต์" ไม่ใช่ "กอลมเบต" นั�นก็เพราะว่าในภาษา ฝรั� งเศส ไม่นิยมออกเสียงตัวสะกด ตัวสุดท้ ายของคํามากนักนัน� เอง
F. Hilaire Memmorial
หลายๆคนคิดว่า F. ตัวข้ างหน้ านันมาจาก � "François ที�เป็ นชื�อของบราเดอร์ ฮีแลร์ แต่แท้ จริ งแล้ ว F. ตัวนี �ย่อมาจาก Frère ในภาษาฝรั�งเศสที�แปลว่า Brother หรื อพี�ชาย/ น้ องชาย (ในทางศาสนาเทียบเท่ากับคําว่า 'เจษฎาจารย์' ) นัน� เอง
14
Rue de Brest
Rue de Brest (ครู เดอ แบรสต์) หรื อ ถนนแบรสต์ แต่ ถ้ าหากจะพูดให้ เขาใจง่ายๆก็คือซอยเจริ ญกรุง 36 นัน� เอง โดย สถานเอกอัค รราชทู ต ฝรั� ง เศสประจํ า ประเทศไทยได้ จัด พิ ธี เฉลิมฉลองไปเมื�อวันที� 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 ที�ผา่ นมานี�เอง ซึ� ง ถื อ ว่ า เป็ น อี ก ก้ าวของการกระชั บ ความสัม พัน ธ์ ร ะหว่ า ง ประเทศฝรั�งเศสและไทย โดยสาเหตุที�ตงชื ั � �อว่า "Rue de Brest" นัน� เพราะว่าในปี พ.ศ.2229 คณะราชทูตสยามนําโดย โกษาปาน เดินทางไปเข้ าเฝ้า พระเจ้ าหลุยส์ที� 14 (Louis XIV) ที�เมือง Versailles และขึ �นฝั�งที�เมือง Brest ของประเทศฝรั�งเศส
Ambassade de France เดินตรงเข้ ามาใน Rue de Brest นิดหน่อย เราก็จะพบ กับ Ambassade de France (อองบาสซาส เดอ ฟร้องซ์) หรื อ สถานเอกอัครราชทูตฝรั�งเศสประจําประเทศไทย ซึง� มี มาตังแต่ � พ.ศ. 2400 โดย ในตอนแรกนัน� เป็ นการเช่าพืน� ที�ก่อน ต่อมา ในปี พ.ศ. 2418 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั ได้ พระราชทานที�ดนิ ผืนนี �ให้ แก่รัฐบาล ฝรั�งเศส และได้ รับเอกสาร กรรมสิทธิ�ในปี พ.ศ. 2468 ปั จจุบนั ทางสถานฑูตฯมีการปิ ด ปรับปรุงซ่อมแซมและย้ ายที�ทําการไปที�ตกึ กสท โทรคมนาคม (CAT) ชัว� คราว
**รู้หรือไม่ **
นอกจากที�ประเทศไทยจะมี Rue de Brest หรื อ ถนนแบรสต์ แล้ วที�ประเทศฝรั�งเศสก็ยงั มี Rue de Siam (ครู เดอ ซิแอม) ด้ วยเหมือนกัน โดยตังอยู � ท่ ี�เมือง Brest ส่วนสาเหตุที�มี ชื�อว่า Rue de Siam นัน� เพราะว่า เมื�อตอนที� คณะราชทูต สยามไปเข้ าเฝ้าพระเจ้ าหลุยส์ที� 14 ได้ ใช้ ถนน La rue SaintPierre (ลา ครู แซงค์-ปิ แอร์ ) เป็ นทางผ่าน ทําให้ ประชาชน ฝรั�งเศสแถวนันติ � ดปากเรี ยกว่า Rue de Siam แทนชื�อเดิม จนเปลี�ยนชื�อจาก La rue Saint-Pierre เป็ น Rue de Siam อย่างเป็ นทางการเมื�อวันที� 15 กรกฎาคม พ.ศ.2354
15
The man
who speaks the most beautiful language สัมภาษณ์ : กิตติพงษ์ พงษ์พิทักษ์กุล ภาพ : พนาวัฒน์ ณัฐเวช
มี ค นหลายๆคำถามถู ก ตั ้ งขึ ้ นมาเกี ่ ยวกั บ การเรี ย น สายศิ ล ป ์ -ภาษาโดยเฉพาะภาษาฝรั ่ งเศสว่ า "เรี ย น ไปทำไมกั น ""เรี ย นแล้ ว ได้ ใ ช้ ห รอ".... เราได้ยินคำถามเหล่านี้มาอย่างหนาหู จนรู้สึกว่านี่คือคำถามที่ควร จะได้รบั คำตอบอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด เราทำการหา คำตอบมามากมายเพื่อที่จะมาตอบคำถามนี้ จนเราได้ พบกับ "พี่กิม พัธรพงศ์ เลิศปัญญาธรรม" อัสสัมชนิกรุน่ AC 123 ผูท้ ่กล้ ี าพูดอย่างเต็มปากว่า เขาเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสเพราะเขาชอบจริงๆ และเขาก็สามารถนำไปใช้ใน ชีวติ ได้จริงๆ
16
รู้สึกว่าตัวเองชอบเรียนภาษาแล้ว ก็ไม่ชอบเรียนวิทย์ - คณิต เลยรู้ตั้งแต่ม.ต้นแล้วว่าเรียนไป ก็ไม่ได้ใช้ ก็เลยเรียนภาษา
: เรียนภาษาฝรั่งเศสยากไหม ? รู ้ ส ึ ก สนุ ก เพราะว่ า มิ ส เขามี ว ิ ธ ี ส อนในการอ่ า น ดูหนัง ฟังเพลง ให้ฟังนู่นฟังนี่ พาไปเที่ยว ทำอาหาร เลย รู้สึกสนุกที่เรียนภาษาฝรั่งเศสแล้วก็รู้สึกว่ามันมีตรรกะของ มันที่ไม่เหมือนภาษาอังกฤษ เช่น ภาษาอังกฤษ g o อ่านว่า โก t o อ่านว่า ทู ถามว่าทำไมอ่านว่าอย่างนี้ ก็ไม่รู้ แต่ ฝรั่งเศสเช่น g o ก็อ่านว่า โก t o ก็อา่ นว่า โต คือ มันจะมี ตรรกะของมันแล้วเรารูส้ กึ ว่าเราตาม มันได้งา่ ย แค่เรื่อง tense เรื่อง verb ที่ต้องหัด แต่จริงๆเรียนไม่ยาก
: ก่อนจะเข้ามารู้ไหมว่าอัสสัมเป็นโรงเรียนสัญชาติ ฝรั่งเศส ? ไม่รู้ รู้แค่ว่าเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีเงิน ต้องฉลาด และเก่ง ไม่รู้ว่าเป็นโรงเรียนฝรั่งเศส คือคนรู้น้อยมาก สอบติด ก็ให้พ่อจ่ายตังค์แล้วก็มาเรียน คื อ คิ ด แค่ ว ่ า รวย เรี ย นเก่ ง แล้วก็เป็นโรงเรียนดังไม่รู้ว่าเป็นฝรั่งเศสมาก่อน เพิ่งมารู้ท่หลั ี ง ก็เลย อ๋อ ว่าทำไมถึงต้องมีห้องฝรั่งเศส
: ตอนเข้าศิลป์ฝรั่งเศสตัดสินใจยังไงหรือเข้ามาแบบงงๆ ?
: บรรยากาศตอนเรียนเป็นยังไงบ้าง ?
ตัดสินใจเพราะว่ารู้สึกว่าตัวเองชอบเรียนภาษา แล้วก็ไม่ชอบเรียนวิทย์-คณิตเลย รู้ตั้งแต่ม.ต้นแล้วว่าเรียน ไปก็ไม่ได้ใช้ ก็เลยเรียนภาษา ตอนนั้นอัสสัมชัญยังมี ศิลป์ ภาษาอยูห่ อ้ งเดียว คือห้อง 10 แล้วก็สอนภาษาเดียวคือ ภาษาฝรั่งเศส ก็ เ ลยไม่ ม ี ต ั ว เลื อ กก็ เ ลยต้ อ งเข้ า ต้ อ งเรี ย นจริ ง ๆ ตอนแรก ไม่ ร ู ้ จ ั ก ภาษาฝรั ่ ง เศสเลย รู ้ แ ค่ ว ่ า ศิ ล ป์ ภ าษา เรี ย นภาษาอังกฤษอะไรอย่างนี้อะครับ ตอนสัมภาษณ์ก็ ถามว่า ศิ ล ป์ ภ าษาได้ เ รี ย นภาษาอั ง กฤษไหม เขาก็ บอกว่ า ที่นี่ไม่มีห้องอังกฤษ เพราะปกติเด็กอัสสัมเรียน ภาษาอังกฤษเยอะอยู ่ แ ล้ ว ก็ เ ลยมี ภ าษาที ่ 3 คื อ ภาษา ฝรั ่ งเศสเข้ า มา แล้วก็ตอนนั้น ไม่มี จีน ก็เป็นภาษาเดียว ห้องเดียวที่ได้เรียน ศิลป์ภาษา ไม่งั้นก็ต้องไปเรียนศิลป์คำนวณไปเลยซึ่งก็หนี เลขอยู่เลยต้อง เลือกฝรั่งเศส
อย่างที่บอกว่าตอนแรกรูส้ กึ ว่าเกร็ง อยู ่ อ ั ส สั ม ต้ อ ง เก่ ง ต้ อ งเป ๊ ะ อย่ า งน้ อ ยก็ ภ าษาอั ง กฤษแล้ ว และคนอื ่ น น่าจะมีพื้นฐานอะไรมาก่อนตอนม.ต้น ซึ่งทุกอย่างผิดหมด เพราะเด็ ก อั ส สั ม ห้ อ ง 10 มี เ ก่ ง แค่ ไ ม่ ก ี ่ คน เก่งในที่นี้คือ เป๊ะ เพราะว่ า ตอนนั ้ นเรี ย นกั น อยู ่ 3 คน มี พ ี ่ เพื ่ อนอี ก 2 คนที่ ตั้งใจเรียน นั่งหน้าห้อง ที ่ เหลื อ ก็ จ ะนั ก บอล 10 คน ไม่เรียน 20 คน เรียนบ้างไม่เรียนบ้างอีก 4-5 คน ซึ่ง บรรยากาศที่ห้องก็เป็นห้อง 10 ทั่วๆไปธรรมชาติไม่ต่าง ซึ ่ งมั น ผิ ด กั บ ที ่ เราคิ ด ไว้ แ ต่ แ รกคื อ อั ส สั ม ตั ้ งใจเรี ย น สุดท้ายเด็กใหม่ก็กลายเป็นที่พึ่งของห้องไปแทน โดยเฉพาะ วิชาภาษาฝรั่งเศส
: ชอบภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่ตอนไหน? เพราะอะไร? จริ ง ๆเป็ น คนชอบภาษาอยู ่ แ ล้ ว ชอบ ภาษาอังกฤษ ชอบมาตั้งแต่ประถม เคยไปแข่ง crossword อ่านหนังสือ ภาษาอังกฤษเอง แล้วก็รสู้ กึ ว่ามันสนุก ขึ้นม.ปลายเรียนภาษา ฝรั่งเศสก็ไม่ได้ยากอะไร ในระหว่างนั้น ก็ฝึกภาษาญี่ปุ่นแล้ว ก็ตาย ไม่รอด ก็เลยเก็บฝรั่งเศสไว้ พอจะเข้ามหาลัย ไม่มี ความต้องการจะเรียน นิตศิ าสตร์ รัฐศาสตร์ รูส้ กึ แค่วา่ ก็เรียน ภาษาฝรั่งเศสมาก็ไม่ได้แย่ ก็เลยเอาวะ อันนี้ก็ได้เพราะรู้สึก เสียดาย 3 ปีท่เรีี ยนมาเพราะเป็นคนรักภาษาไง อุตส่าห์ตั้งใจ เรียน จะปล่ อ ยไปก็ เ สี ย ดาย ก็เลยเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ถามว่ารักตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน เราอยู่กับ เพื่อนคนนี้มานานจนรักแต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน
: มีคู่แข่งในการสอบเยอะมั้ย ? พูดยากนะ.. คือถ้าจะเข้าไปเรียนภาษาฝรั่งเศส โดยตรงเชื่อว่าไม่เยอะ ถ้าไม่เน้นว่าจะต้องเรียนอักษรจุฬาฯ เท่านั้น เพราะมั น มี เ กื อ บทุ ก ที ่ ถ้าตั้งใจจะเข้าจริงๆ มันมี ที่อยู่แล้ว เพราะแต่ละปีไม่เคยได้ max หมายถึ ง ว่ า รั บ ได้ 40 คน เต็ ม ที ่ ก็ ไ ม่ เ กิ น 30 มี ท ี ่ เหลื อ สำหรั บ มั น แต่ อยู ่ ท ี ่ ว่ า จะผ่ า นเกณฑ์ เ ข้ า มาไหม เพราะฉะนั้นก็ต้องไป ศึกษาดูดีๆว่าเขาเอาเกณฑ์ อะไรบ้าง แล้วเราถึงหรือยัง
17
: คนที่ทำงานในแวดวงฝรั่งเศสในประเทศไทยเยอะไหม? มันมีอยู่ 2 ประเภทคือ ทำงานในบริษัทฝรั่งเศส แต่พูดฝรั่งเศสไม่ได้กบั ทำงานต้องพูดฝรั่งเศส แบบแรกมีเยอะ อยู่แล้วภาษาฝรั่ ง เศสจริ ง ๆมี อ ยู ่ ท ุ ก ที่ แต่ ว ่ า คนที ่ พู ด ภาษา ฝรั่งเศสพี่ว่ามีไม่มากซักเท่าไหร่ถ้าเทียบกับจีน ญี่ป่นุ อังกฤษ อาจจะรองๆหน่ อ ยเพราะว่ า เหมื อ นกั บ สุ ด ท้ า ยแล้ ว คุ ณ พู ด ฝรั่งเศสไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ยังใช้ได้ แต่บางทีจีน ญี่ปุ่น พูดอังกฤษไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดกัน ก็เลยเหมือนกับว่าฝรั่งเศส เป็นแค่ทางเลือก ถ้ า พู ด ฝรั ่ ง เศสได้ ก ็ ด ี แต่ ถ ้ า พู ด ไม่ ไ ด้ ก ็ พ ู ด อั ง กฤษแล้ ว กั น แต่จริงๆแล้วมันก็มีพื้นที่ให้คนที่ยังเรียน : อาชีพที่ใฝ่ฝันตอนเรียน ? อยู่หรือต้องการใช้ ภาษาฝรั ่ ง เศส เพราะมั น ก็ ม ี อยู ่ ท ี ่ ว่ า หลายอย่าง (หัวเราะ) อยากเป็นนักแปล อยาก จะใช้ ร ึ เ ปล่ า แต่ คนฝรั่งเศสก็ชอบใจเวลาเห็นคนไทยใช้ เป็นครู อยากเป็ น สจ๊ ว ต อยากเป็ น ทู ต เป็ น อะไรก็ ไ ด้ ท ี ่ ภาษาฝรั่งเศส ใช้ ภ าษา แต่พอเริ่มได้เข้าใกล้อาชีพนั้นจริงๆก็ค่อยๆตัดตัว เลือกออกไปอย่างเช่น ไกด์ อยากเป็น แต่พอไปเที่ยววัด พระแก้วแล้วร้อน ไม่ เ ป็ น ละ อยากเป็ น ครู ลองสอนพิ เ ศษ : คิดว่าเสน่ห์ของภาษาฝรั่งเศสคืออะไร ? เด็ ก พู ด ไป 5 รอบ เด็กไม่เข้าใจ ไม่เป็นละ ก็ค่อยๆตัด โห.. เอาแบบโลกสวยนะ ภาษามันสวยงาม ภาษา ตัวเลือกไป รู้สึกว่า อยากเป็นนักแปล อยากเป็นล่าม แฟชั่น แบบเมื อ งน ้ ำหอม เรี ย นแล้ ว สามารถออกเสี ย ง รู้สึกว่าเป็นงานที่น่าจะไปกับเราได้ง่าย แล้วมันจะ freestyle แบรนด์ได้ถู กต้ อง แต่ อี กอั นนึ ง คื อมั น สามารถใช้ง านได้ สมมติว่าเรา มี paper อยู่งานนึงเอาไปแปลที่ไหนก็ได้ ข้อเสีย จริ ง ๆ แล้ ว ก็ อย่ า งน้ อ ยคุ ณ รู ้ 3 ภาษา มั น เป็ น ภาษาที ่ มี ของเด็กเรียนภาษาคือไม่รู้จะไปไหนตอนจบ อย่างเรียนวิศวะ ระบบระเบียบของมัน ถ้าศึกษาดีๆจะรู้ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้น ก็ไปเป็นวิศวะ เรียนหมอก็ไปเป็นหมอ แต่เด็กเรียนภาษา ของ หลายๆอย่างบนโลก ทั้งรากภาษา ทั้งวรรณคดี ทั้งคำ มันจะยากเพราะ ภาพมั น จะไม่ ช ั ด เป็ น เลขาก็ ไ ด้ เพื่ อนพี ่ บางคำ ที ่ คนไทยเอามาใช้ อ ะไรอย่ า งเงี ้ ย เรี ย นไว้ ใ ช่ ว ่ า บางคนเป็ น แอร์ ฯ ทำงานวีซ่า ก็ต้องค้นหาว่าอยากเป็นอะไร เป็นการเพิ่มมิติทางภาษาให้ตัวเอง
: ในคณะมีคนเรียนภาษาฝรั่งเศสประมาณ? 30 คน จริงๆระบบของธรรมศาสตร์ เขาเรียกว่า เอกรวม หมายถึงว่าเข้าไปแล้วยังไม่เลือ ก major ปี 1 ยั ง ไม่ เ ลื อ ก แต่มาเลือกปี 2 ทีนี้ปัญหาที่มันเกิดขึ้นคือ คน ส่วนใหญ่เข้ามา คะแนนสูงๆจะเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาญีป่ ่นุ ตรงนี้จะเป็น การแย่งที่เรียนภาษาฝรั่งเศส สมมติปี 1 มา 900 คน ก็จะมาฝรั่งเศส 30 คนเพราะคนส่วนใหญ่ที่คะแนนสูงก็จะเอา อังกฤษ จีน ญี่ปุ่นกัน ก็เป็นอย่างนี้ทุกปี บางปีอย่างดีก็ 35 แล้วก็ออกไป 5 เปลี่ยนเอกกันเพราะรู้สึกว่าไม่อยากเรียน
18
: ภาษาฝรั่งเศสมีความสำคัญไหม ? สำคั ญ สิ บ างคนมองว่ า ภาษาฝรั ่ ง เศสไม่ ส ำคั ญ แต่คนเหล่านั้นมองข้ามอะไรบางอย่าง สุดท้ายแล้ว ไม่วา่ จะเรียน ภาษาอะไรก็ตาม ภาษาคือการสื่อสาร เมื่อไหร่ก็ตามที่โลก ของเรายั ง ต้ อ งสื ่ อสารอยู ่ เมื ่ อนั ้ นภาษาก็ ย ั ง มี ค ุ ณ ค่ า อยู ่ สำหรับพี่ พี่มองว่าฝรั่งเศสเป็นภาษาที่อย่างน้อยทำให้เรามีมติ ิ ของภาษามากขึ ้ น เรารู ้ ส ึ ก ว่ า คนที ่ พู ด แบบนี ้ คือคนที่พูด ไม่คิด แล้วก็พูดไปเพราะว่าตัวเองคิดว่าจริงๆแล้ว ภาษาไม่ สำคัญ แล้วก็พดู ไปในขณะที่ตัวเองไม่เก่งภาษาเท่าไหร่ แต่พูด ไปเพื่อให้ตัวเองรู้สึกคิดถูกที่ไม่เอาภาษา : รู้สึกอย่างไรที่ภาษาฝรั่งเศสถูกลดทอน ความสำคัญ ในโรงเรียน ? รูส้ กึ เสียดาย แล้วก็รสู้ กึ เสียใจ เพราะจริงๆโรงเรียนเรา ทำได้ แ ต่ ไ ม่ ท ำ ข้ อ อ้ า งก็ จ ะบอกว่ า อ๋ อ มั น ไม่ ส ำคั ญ ภาษาฝรั่งเศสมันไม่ค่อยได้ใช้ แต่พี่มองว่า คนที ่ คิ ด แบบนี ้ เป็ น คนที ่ไม่ เ ห็ น ความสำคัญของภาษา เรารู้สึกว่าฝรั่งเศส ยังเป็นภาษาที่คนยังใช้อยู่ มีบริษัทอยู่ ยังมีความสำคัญอยู่ คือเพิ่มความสามารถในการสื่อสาร
: ฝากถึงผู้อ่าน..... อยากจะฝากถึ ง น้ อ งๆว่ า พี่เป็นคนหนึ่งที่รู้ตัวเอง ค่ อ นข้ า งช้ า ว่ า อยากเป็ น อะไร รู ้ ว ่ า ชอบภาษาแต่ ไ ม่ ร ู ้ จะเป็นอะไร แล้วรู้สึกว่ามีน้องหลายๆคนที่รู้แต่ไม่กล้าที่จะ ทดลอง ก็ เ ลยอยากจะบอกว่ า บางครั ้ ง...เราไม่ ไ ด้ ล องทำ เราก็ไม่รหู้ รอก อยากให้ลอง เพราะโรงเรียนเป็นสถานที่แห่งการ ทดลอง ลองผิดลองถูก ไปห้องสมุดบ้าง ไปอ่านหนังสือ ลองหยิบ หนังสือฝรั่งเศสมาอ่านเอง ส่วนคนที่เรียนอยู่แล้วก็ลองอ่านดู ว่ า ต่ อ ไปจะเจออะไรบ้ า ง เพราะว่ า พอจบตรงนี ้ ไป มั น ไม่ สามารถแล้ ว มหาวิ ท ยาลั ย เป็ น จุ ด เริ ่ ม ต้ น ของอนาคตใน การทำงาน ถ้าเลือกผิดก็ตอ้ งซิ่ว แต่ถา้ เลือกผิดแล้วไม่กล้าซิ่ว เพราะแม่ไม่ให้กต็ อ้ งทนไปกี่ปี แล้วก็ไม่ได้ทำงานในสายที่จบมา เราก็รสู้ กึ ว่ามันน่าเสียดาย เพราะฉะนั้นโรงเรียนเปรียบเหมือน สนามเด็ ก เล่ น ลองผิ ด ลองถู ก เอา ว่ า ชอบแบบไหน แล้วก็ จะได้ต่อยอดตรงนั้น
19
เรื� อง : นิ �วกลาง
สุขสันต์วนั ชาติฝรั�งเศส! อย่าเพิ�งเข้ าใจผิดว่าผมหลงใหลคลัง� ไคล้ ในความเป็ นฝรั�งเศส มากกว่าความเป็ นไทยหรื อ ความเป็ น อื� น ๆ แต่ที� ทัก ทายกัน แบบนี � เพราะ โรงเรี ยนอัสสัมชัญของเรานัน� ถูกก่อตังโดยบาท� หลวงชาวฝรั�งเศส และ AC Echo ฉบับนี � ซึ�งตอนแรกตังใจไว้ � ว่าจะตีพิมพ์เดือนกรกฎาคม เดือนที� คนฝรั�งเศสเฉลิมฉลองวันชาติของเขา ผมเลยอยาก ชวนให้ นึกถึงรากเริ� มของโรงเรี ยนเราเท่านันเอง � จะว่าไป เรื� องเข้ าใจผิดเกี�ยวกับโรงเรี ยนเราก็มีอยูไ่ ม่น้อย การที�เรามีผ้ กู ่อตังเป็ � นชาวฝรั�งเศส มี ชื� อ โรงเรี ย นเป็ น ภาษาฝรั� ง เศส มี ห นัง สื อ และ เอกสารเก่าของโรงเรี ยน เขียนเป็ นภาษาฝรั�งเศส มากมาย อาจทําให้ ใครหลายคนคิดไปว่า ในยุคแรกเริ� มของโรงเรี ยน ต้ องเต็มไปด้ วย การสอน ภาษาฝรั�งเศส และนักเรี ยนส่วนใหญ่ต้องมีความรู้ ภาษาฝรั�งเศสอย่างชํานาญ แต่หากเราใส่ใจเรื� อง ของโรงเรี ยนจริ งๆ จนไปค้ นคว้ าข้ อมูลดูสกั หน่อย เราจะพบว่า ตังแต่ � โรงเรี ยนเริ� มเปิ ดกิจการ ก็ไม่ได้ มีการสอนภาษาฝรั�งเศส เป็ นภาษาต่างประเทศ เพียงภาษาเดียว แต่มีทงภาษาฝรั ั� �งเศสและภาษา อังกฤษให้ นกั เรี ยนเลือก และที�สําคัญ นักเรี ยนชุดแรกก็เป็ นนักเรี ยนสายภาษาอังกฤษ มากกว่าสาย ภาษาฝรั�งเศสด้ วย คือภาษาอังกฤษ 26 คน และ ภาษาฝรั�งเศสเพียง 7 คน1 ความเข้ าใจผิดอีกอย่างซึง� ผมคิดว่ามีมมุ ที�น่าขําขันอยู่พอสมควรคือ เรามักได้ ยินรุ่ นพี�เล่า ต่อๆ กันมาว่า บราเดอร์ ฮีแลร์ รักความเป็ นไทย โดยรุ่ นพี�ทงหลายมั ั� กยกเอาบทความชื�อ “ฝรั�งเศษ 2 เศษฝรั�ง” ที�บราเดอร์ ได้ เขียนไว้ ในหนังสืออุโฆษสมัย มาเป็ นหลักฐานอธิบายว่า บราเดอร์ เข้ าใกล้ ชิดความเป็ นไทย และผละตัวเองออกจากความเป็ นฝรั�งเศส แต่หากเราพิจารณาให้ ดี การยกเอา บทความ “ฝรั�งเศษ เศษฝรั�ง” มาอธิบายความรัก
20
21
23
:
24
ภาพ : https://www.facebook.com/TheJamFactoryBangkok/photos
25
จุดเริ่มต้นของการเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ฝรั่งเศสเมื่อสมัย ค.ศ. 1789 พลเมืองฝรั่งเศสแบ่งเป็น 3 ฐานั น ดร คื อ พระ ฐานั น ดรที ่ 1, ขุ น นาง ฐานั น ดรที ่ 2 และ สามัญชน ฐานันดรที่ 3 โดยในสมัยนั้นฝรั่งเศสต้องสูญเสียเงิน จำนวนมหาศาล ไปกับการทำสงครามนอกประเทศ อาทิเช่น สงคราม 7 ปีกับอังกฤษ และการส่งทหารช่วยเหลืออาณานิคม อเมริกาในสงครามประกาศอิสรภาพ เสนาบดีคลังจึงมีการเสนอ ให้เก็บภาษีที่ดินซึ่งจะจัดเก็บ จากประชาชนทุกคน แต่ก็ถูกคัดค้านจากฐานันดรที่ 1 และ 2 เนื่องจากไม่เคยจ่ายภาษีมาก่อน
26
ต้องเรียกประชุมสภาฐานันดรเพื่อเรียกเก็บภาษีเพิ่มโดยเรียก ประชุมเฉพาะฐานันดรที่ 1 และ 2 ทำให้ฐานันดรที่ 3 เกิดความ ไม่พอใจวิธีการประชุมแบบแยกฐานันดร จึงรวมตัวกันจัดตั้ง สมัชชาแห่งชาติ National Assembly ขึ้นในวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1789 โดยจัดประชุมขึ้นบริเวณพระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles)
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 (Louis XVI de France) มีรับสั่งให้ ทหารมาประจำการรอบกรุงปารีสและพระราชวังแวร์ซายส์ พร้อมทั้ง มีคำสั่งปลดเสนาบดีคลังออกจากตำแหน่งประกอบกับเกิดข่าวลือ ว่าพระองค์จะใช้กำลังทหารสลายการประชุมของสมัชชาแห่งชาติ ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นโดยเฉพาะกับกลุ่มชาวปารีสหัวรุนแรง เหตุการณ์บานปลายจนกระทั่งวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 ชาวปารีสยกขบวนเดินทางไปทำลายคุกบัสตีย์ (Bastille) ซึ่งเป็นสถานที่กักขังนักโทษทางการเมืองและถือเป็นสัญลักษณ์ แห่งการกดขี่ของระบบการปกครองเก่า และเหตุการณ์นี้เองที่ถือเป็น วันเริ่มต้นของการปฏิวัติฝรั่งเศส
หลังจากวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 ได้ผ่าน พ้นไป ก็เริ่มเกิดข่าวลือว่ารัฐบาลจะส่งกำลังมาปราบปราม ตามชนบท ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีการรวมตัวกันบุกทำลาย ทรัพย์สินต่าง ๆ ของขุนนางและได้มีการเรียกร้องให้ยกเลิก อภิสิทธิ์ต่าง ๆ ของชนชั้นสูง และในที่สุดรัฐบาลก็ต้องยอม จำนนและประกาศยกเลิ ก อภิ ส ิ ท ธิ์ ของชนชั ้ นสู ง รวมถึ ง ได้ ม ี การประกาศสิทธิแห่งมนุษยชนและพลเมือง เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1789 หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นชนชั้นสูง ก็เริ่มอพยพออกนอกประเทศ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก็เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ทรงถูกจับและนำเสด็จกลับไปกรุง ปารีสเมื่อยามพระองค์เสด็จไปถึงเมืองวาแรน (Varennes) วันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1792ได้มีประชาชนและ กองกำลังป้องกันชาติแห่งกรุงปารีสจำนวนหนึ่งได้พากันไปที่ พระราชวังตุยเลอรี (Palais des Tuileries) ซึ่งเป็นพระราชวัง ที่ขังพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เอาไว้ และได้มีการยิงตอบโต้กัน ระหว่างเหล่าประชาชนกับทหารที ่ค่อยคุ้มกันพระเจ้าหลุยส์ ที่ 16 แต่ถึงกระนั้นเองพระเจ้าหลุยส์ทรงไม่อยากสูญเสีย ประชาชนของพระองค์จงึ สัง่ ให้ทหารหยุดยิง ส่งผลให้ฝ่ายทหาร ถูกสังหารไปถึง 600 คน ส่วนฝ่ายประชาชนก็ได้สูญเสียแกนนำ ไปถึง 300 คนเช่นกัน เหตุการณ์นี้นับได้วา่ เป็นเหตุการณ์จลาจล ที่นองเลือดที่สุดในการปฏิวัติครั้งนี้ 21 กันยายน ค.ศ. 1792 ได้มีการประกาศล้มเลิก ระบอบกษัตริย์ ฝรั่งเศสจึงเริ่มเข้าสู่สมัยสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที ่ 1 โดยมี ผ ู ้ น ำในการบริ ห ารประเทศคื อ โรแบสปิ แ ยร์ (Maximilien François Marie Isidore de Robespierre) สุดท้ายเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1793 พระเจ้า หลุยส์ที่ 16 ก็ถูกลงโทษประหารด้วยกิโยติน เนื่องจากได้มี การพิจารณาว่าพระองค์จะต้องรับผิดชอบต่อชาวฝรั่งเศสที่ เสียชีวิตในเหตุการณ์พระราชวังตุยเลอรี ภาพ : http://2.bp.blogspot.com/_dMpI2XX8YYY/TDxKzKa3YCI/AAAAAAAAFAM/DQxLZv_nk80/s1600/frenchrevolution.jpg
27
สัมภาษณ์ : XBest ภาพ : พริษฐ์ พฤทธิสาริกร
28
ในฐานะที่เป็นหนึ่ง ในหลาย ๆ คนที่โตมากับโทรทัศน์ คงจะปฏิเสธไม่ได้วา่ บุคคลในจอแก้วนั้นถูกคาดหวังจากผูช้ มไว้อย่าง มากล้น ด้วยความคิดที่อิงตามหลัก “ความสมบูรณ์แบบ” ทั้งภาพลักษณ์ กริยา ภาษา หรือแม้แต่รูปลักษณ์ภายนอกอย่าง หน้าตา และส่วนสูง ด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ค่อนข้างนิยม ความสมบูรณ์แบบ (Perfectionism) แต่ไม่ได้สุดโต่ง เลยรู้สึกยินดี ชมชอบทุกครั้งที่เห็น บุคคลที่ไม่ว่าจะเป็นในจอแก้ว, จอเงิน หรือ บุคคลธรรมดาที่เป็นไป ตามคติด้านบน
ด้วยภาพพจน์ท่สุี ภาพ กริยาที่ดูแล้วรู้เลยว่าคงต้องถูกบ่มเพาะ มาเป็นอย่างดี บวกกับหน้าตารูปร่างที่ดูสะอาดสะอ้านและการ แต่งตัวที่มีสไตล์ ทำให้เราเกิดสนใจที่จะสัมภาษณ์ผู้ประกาศข่าว คนนี้อย่างมากถึงเรื่องราวของเขาหลังจากที่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม และหน้าตาของเขาผ่านจอแก้วมาอย่างยาวนาน ซึ่งผู้ประกาศข่าว คนนี้ คงจะเป็นใครไม่ได้เลย นอกเสียจาก “วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ” หรือ “ป๊อป ดิออร์”
วันนั้นเป็นค่ำของวันที่แสนว่างปราศจากการบ้านในเดือน พฤศจิกายน 2556 เลยเสิร์ชดูรายการย้อนหลังต่าง ๆ ในเว็บไซต์ youtube.com ฆ่าเวลา... จำได้ว่า ตอนนั้นเพิ่งดูรายการ ๆ หน่ึง เสร็จแล้ว เหลือบไปเห็นอีกรายการนึงในแถบแนะนำด้านข้างที่เป็น การสั ม ภาษณ์ ผ ู ้ ป ระกาศข่ า วช่ อ งน้ อ ยสี ค นหนึ ่ งที ่ เราคุ ้ น ชื ่ อ คุ้นหน้า เลยกดเข้าไปดู ไม่รวู้ า่ เพราะโชคหรืออย่างไร พิธีกรได้ถาม ผู้ประกาศ ข่าวคนนั้นถึงการศึกษา ที่เราก็พึ่งมารูใ้ นตอนนั้นเองว่า ผูป้ ระกาศข่าว คนนี้ ครั้งหนึ่ง เคยศึกษาในเบ้าหลอมเดียวกับเรา
XBest : พี่ป๊อปจบจากรุ่นอะไร? Pop Dior : รุ่น 105 ครับ XB : ทราบว่าตอนสมัยที่พี่ป๊อปเรียนยังมีห้องฝรั่งเศสด้วยใช่ม้ยั ครับ?
PD : โอ้โห รู้ละเอียดจังเลย ใช่แล้วครับ ตอนสมัยที่พี่ยังเรียนอยู่ท่ี อัสสัมชัญ ตอน ป.4 ทางโรงเรียนก็มีนโยบายให้เด็กที่ได้คะแนน ถึงเกณฑ์ในแต่ละห้อง ได้รับสิทธิท่จะไปสอบเข้ ี าห้อง King ซึ่ง เรียกกันง่าย ๆ ว่า ห้องฝรั่งเศส (ที่ไม่เกี่ยวกับศิลป์ภาษาตอนมัธยมปลาย) โดยเด็กที่ผ่านการคัดเลือก ก็จะได้เรียนภาษาฝรั่งเศสเป็น ภาษาเพิ่มเติม ตั้งแต่ชั้น ป.5 ถึง ม.3 โดยนักเรียนในห้องฝรั่งเศส จะได้รับสิทธิท่ไม่ ี ต้องย้ายห้อง เมื่อต้องขึ้นชั้นเรียนใหม่ แต่น่าเสียดาย ที่พอพี่จบ ม.2 ก็ล้มเลิกระบบห้องฝรั่งเศสไปครับ XB : แล้วเรียนอยูช่ ้นม.ปลาย ั พี่เรียนสายอะไร? PD : พี่ไม่ ่ ได้จบมัธยมปลายที่อัสสัมชัญเพราะพี่ลาออกตอนจบม.3 โดยคุณพ่อท่านอยากให้เข้า ABAC ก็เลยให้ออกมาเตรียมความ พร้อมก่อนที่ ACC (โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ) แต่เชื่อมั้ย ตอนนั้นพี่ได้รับให้ต่อสายวิทย์คณิตได้โดยไม่ต้องสอบเลย จำได้ว่า คะแนนที่จะพิจารณาให้เข้าศึกษาต่อในแต่ละสาย เขาจะดูที่ เกรดเฉลี่ย จาก 6 วิชาหลัก และใน 100 คะแนน ของแต่ละวิชา เขา จะวัดจากคะแนนดิบแค่ 70 คะแนน ที่เกิดจากการสอบในห้อง สอบเท่านั้น และจะไม่นับ 30 คะแนน ที่เหลือ ที่เกิดจากการสอบ ในห้องเรียน รวมไปถึงคะแนนเก็บและคะแนนจิตพิสัย สมัยนั้น โหดมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้ เป็นยังไงกันบ้างแล้ว XB : สมัยนั้นการยอมรับในโรงเรียนที่ไม่ใช่สายสามัญไม่เหมือน สมัยนี้? PD : พี่ไม่ทราบว่าตอนนี้ เป็นยังไง แต่ตอนนั้น ACC เป็นอะไรที่โก้ มากเลยนะ แต่อย่างที่บอกไว้ว่า พี่ไม่ได้ไปเพื่อความโก้เก๋ แต่ไป
เพราะต้องการเตรียมความพร้อมก่อนจะเข้า ABAC ซึ่งพี่ก็ถือว่า ACC สอนอะไรพี่เยอะมาก ๆ แต่ถ้าให้มองย้อนกลับไป พี่ว่าเรื่อง สถาบันอาจไม่สำคัญเท่ากับการที่เราจะสามารถเรียนรู้ และตักตวง วิชาความรู้ รวมไปถึงประสบการณ์ต่างๆ จากสถาบันนั้นๆ เพื่อนำไปประกอบสัมมาชีพในอนาคตได้ และที่สุดแล้ว ไม่ว่าโรงเรียนไหน สถาบันอะไร หรือจะเรียนสายอะไร สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ การเป็นคนดีของสถาบันและสังคมนะ XB : เคยมีความรู้สึกว่าทำไมเพื่อนๆ ได้ไปเที่ยวกันแต่ต้องอ่าน หนังสืออะไรอย่างนี้ไหม? PD : คือ พี่ไม่เคยรู้สึกแบบนั้น อาจเป็นเพราะตอนสมัยเรียน พี่อยู่ ห้องฝรั่งเศส ดังนั้น ทุกคนในห้องจึงก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือ อย่างเดียว (หัวเราะ) เราจึงไม่รู้สึกแปลกแยก แต่ถ้าพูดจริง ๆแล้ว ชีวิตพี่ ไม่เคยมองใคร เพราะพี่ชอบแข่งขันกับมาตรฐานที่ตัวเอง ตั้งไว้มากกว่าที่จะไปแข่งขันกับคนอื่น ถ้าเราพึงพอใจแล้ว นั่นก็ เพียงพอสำหรับพี่แล้วล่ะครับ XB : สมัยเรียน อยากเป็นอะไรในอนาคต? PD : ถ้าฝันจริง ๆ คงเป็นช่วยกิจการในบ้าน เลยเลือกเรียน ABAC แต่พอถึงเวลาจริง ๆ แล้วมันก็ยาก เพราะพอมาลองทำธุรกิจที่บ้าน แล้วมันก็ไม่ใช่ตัวของเราเลย แต่ก็ยังมีฝันอีกอย่าง นั่นก็คือการ เป็นผู้ประกาศข่าว ซึ่งตอนนี้ ฝันนั้น ก็เป็นจริงแล้ว (อมยิ้ม) XB : ความเป็นเด็กเรียนของพี่ป๊อป สามารถเอามาใช้กับชีวิตหลัง จากจบมาแล้วยังไงบ้าง.. 29
XB : แบ่งเวลาในแต่ละวันยังไง? PD : ตอนนี้ เหมือนกลับไปเป็นเด็กนักเรียนอีกครั้งหนึ่ง ที่ต้องมีการ จัดตารางสอนในแต่ละวัน โดยทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ พี่ก็จะตื่นตอน ประมาณ 7.00 เพื่อมาเขียนข่าวของโต๊ะข่าวบันเทิงต่างประเทศ ก่อน เพราะมีกำหนดส่งให้ทางช่องตัดต่อภาพก่อน 8 โมงเช้า หลัง จากนั้น ช่วง 8 โมง ถึง 9 โมง พี่ก็จะท่องสคริปท์รายการ The List และ The Poll พอ 9 โมง ก็ไปอาบน้ำแต่งตัวกินข้าว แล้วมาทำงาน ที่ Dior ตอน 10 โมง จนถึงเวลา 11.45 พี่ก็จะออกจาก Dior เพื่อ เข้าช่อง 3 ไปดูเขาตัดเทป แต่งหน้าทำผม ขึ้นอ่านข่าว เสร็จประมาณบ่ายโมงนิด ๆ ก็จะรีบวิ่งกลับเข้าไปที่ Dior กินข้าวไปพร้อม ๆ กับทำงาน จนเลิกงาน ส่วนใหญ่พ่จะกลั ี บบ้านไปทานข้าว แต่ก็มี ่ทีต้องไปดินเนอร์กับลูกค้า หรือพี่ ๆ สื่อมวลชน หรือไม่ก็ต้องไป ออกงานสังคมบ้างครับ ส่วนวันเสาร์ ก็จะเป็นวันท่องสคริปท์ท้งวั ั น ่ ่ และเป็นวันทีพีจะ อัด รายการ The List และ The Poll ส่วนวันอาทิตย์ ก็เป็นวันพักผ่อน ไม่รบั งานหรือรับนัดโดยไม่จำเป็น ครับ PD : การเป็นเด็กเรียนหรือไม่ใช่เด็กเรียนมันไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ ที่สุด แต่พี่ป๊อปว่า ประสบการณ์ในการเรียน การใช้ชีวิตในโรงเรียน กั บ เพื ่ อน กั บ คุ ณ ครู หรื อ แม้ แ ต่ ค ุ ณ ลุ ง ภารโรง รวมไปถึ ง ประสบการณ์ชีวิตของคนเรา เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ทุกวันนี้พี่ก็ไม่ได้ ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาซักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่พี่ใช้ในชีวิตทุกวันนี้ ก็คือ ความรับผิดชอบ ความมีวินัย ความขยันขันแข็ง ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความกตัญญรู ู้คุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่ได้เรียนรู้ท้งั จากการอบรมจากที่บ้าน และจากโรงเรียน ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ครับ XB : ที่ได้เรียนฝรั่งเศส มีส่วนที่ได้เอามาใช้ในชีวิตประจำวันไหม? PD : มีครับ คือแม้จะเรียนมาแค่ 4 ปี คือช่วง ป.5 ถึง ม. 2 แต่ ต้องเรียกว่า โรงเรียนอัสสัมชัญสอนแน่นจริงๆ (หัวเราะ) ถึงตอนนี้ จะลืมไปเยอะแล้ว แต่ถ้าสมมติส่ง text ฝรั่งเศส ที่ไม่ยากมาก พี่ก็ยังพอเดาได้ และที่สำคัญ ภาษาฝรั่งเศสที่เรียนมา ก็ช่วยเหลือ พี่ในการทำงานงานที่ Dior ได้เป็นอย่างดีเลยครับ XB : มาทำ Dior ได้ยังไง PD : พี่ลาออกจากที่บ้าน แล้ว Dior รู้เข้า เรียกว่าเชิญก็คงจะ มากไป (หัวเราะ) ใช้คำว่าจีบแล้วกัน แต่ก็ต้อง สอบสัมภาษณ์ หลายรอบเหมือนกัน เพราะเขาเป็นบริษัทจากฝรั่งเศสที่มาเปิดที่ เมืองไทย พอเขาไว้วางใจให้เรามาทำงาน เราก็พยายามทำอย่าง เต็มที่ จนถึงวันนี้ ก็ครบ 9 ปีแล้วครับ เริ่มจากตำแหน่งผู้จัดการฝ่าย ประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร มาเป็นผู้อำนวย การฝ่ายการตลาด และประชาสัมพันธ์ ส่วนที่ช่อง 3 เริ่มทำมาตั้ง แต่ 1 มกราคม 2010
30
XB : โรงเรียนให้อะไรกับพี่บ้าง? PD : พี่ว่า โรงเรียนอัสสัมชัญให้อะไรพี่หลาย ๆ อย่าง ตั้งแต่ ป.1 ที่ พี่ได้เรียนหนังสือที่นี่ ต้องยอมรับว่าโรงเรียนอัสสัมชัญเด่นและ เข้มมากในเรื่องของวิชาการ แต่ไม่เท่านั้นนะ เพราะอัสสัมชัญ ยัง สอนให้พ่มีี วินัย มีความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญ ที่ทำให้ พี่เป็น ป๊อป-วราวุธ ได้อย่างในทุกวันนี้ ซึ่งพี่รู้สึกภูมิใจที่เคยเป็น ศิษย์เก่าของโรงเรียนนี้ แม้ไม่เคยกลับเข้าไปโรงเรียนเลย (หัวเราะ) แต่ผ่านโรงเรียนตลอดเพราะมีธุระต้องมาทำแถวโรงเรียนบ่อยๆ ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านโรงเรียน พี่ก็จะยกมือขึ้นไหว้ท้งบราเดอร์ ั ฟ.ฮีแลร์ ์ คุณพ่อกอลอมเบต์และคุณครูผู้ประสิทธิประสาทความรู้ให้กับเรา ทุกท่าน และที่ไหว้ เพราะพี่รู้สึกว่าอัสสัมชัญมีพระคุณต่อชีวิต ของพี่จริงๆ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่พี่รู้สึกภูมิใจ ก็คือการเขียนตัวหนังสือ ภาษาอังกฤษ ด้วยปากกาคอแร้ง และปากกาหัวตัด ซึ่งพี่ไม่แน่ใจ ว่ารุ่นน้องนี้ ยังมีเขียนอยู่รึเปล่าครับ (หัวเราะ) XB : ฝากอะไรถึงผู้อ่าน? PD : ขอบคุ ณ นะครั บ ที ่ ติ ด ตามเรื ่องราวของพี ่ ในนิ ต ยสาร AC ECHO พี่ก็หวังว่าเรื่องราวของพี่ แม้จะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ก็หวังว่า มันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจดี ๆ ให้กับน้อง ๆ ที่มีความฝัน และ อยากทำความฝันให้เป็นจริงได้ ไม่มากก็นอ้ ยครับ
นอกจากนี้ ก็ขอขอบคุณน้อง ๆ ที่ติดตามนิตยสาร AC Echo เพราะ พี่ว่าเป็นนิตยสารที่ดีมาก ๆ เลย พี่เห็นในอินเตอร์เน็ต ตอนที่ทีมงานส่งมาแล้ว รู้สึกได้เลยว่าทีมงานเขาตั้งใจมาก ๆ ก็ต้องขอขอบ คุณทาง AC Echo ที่ให้เกียรติมาสัมภาษณ์พี่ในครั้งนี้ด้วยครับ XB : มีรายการหรืออะไรอยากจะฝากให้น้องๆตามไปดูมั้ย? PD : (หัวเราะ) พี่ไม่อยากให้น้องโดดเรียนครับ เอาเป็นว่า ถ้าไม่มี อะไรทำในช่วงวันหยุดปิดเทอม!! ก็สามารถติดตามรายการของพี่ ได้ทางช่อง 3 ดังนี้ จันทร์ - พุธ 09.30 - 09.35 รายการ The Poll เข้าใจความต่าง... อย่างมีสไตล์ จันทร์ - พุธ 10.05 - 10.10 รายการ The List อัศจรรย์ความรู้ จันทร์ - ศุกร์ 13.00 รายการ โต๊ะข่าวบันเทิง ช่วงโต๊ะข่าวบันเทิงต่าง ประเทศ และฟังสกู๊ปสนุก ๆ ของพี่ได้ในรายการวิทยุ Call Me Coolista by Pop Varavut คลื่น Cool Celcius (FM 91.5) ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลาประมาณ 8.25, 13.25, 15.25, 17.25 และ 22.25 สกู๊ปละประมาณ 45 วินาที เท่านั้นเองครับ ส่วนใครที่อยากจะคุยกับพี่ ก็สามารถติดต่อพี่ได้ที่ popdior@gmail.com นะครับ
31
เรื่อง : หยอย
32
ภาพ : http://www.desktopwallpaperhd.net/cod-wallpaper-designs-world-war-32694.html
ในฉบั บ นี ้ จะขอพู ด ถึ ง ประเทศหนึ่งในยุโรปซึ่งเป็นจุดหมายของนั ก ท่ อ งเที ่ ยวหลายๆคนนั ่ น ก็ ค ื อ “ประเทศฝรั ่ ง เศส” โดยจากภาพลักษณ์ภายนอกนั้น ฝรั่งเศสเรียกได้ว่าเป็น “ประเทศ ที่หรูหรา” และ “สังคมของเหล่าไฮโซทั้งหลาย” ซึ่งลักษณะเหล่านี้ ได้ถูกแสดงออก มาผ่านทางสื่อต่างๆ สู่สังคมโลกอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะในด้านแฟชั่นซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก หรือแม้แต่ในด้านแหล่ง ท่องเที่ยวที่มี หอไอเฟล เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้เป็นอย่างดี แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้จักประเทศนี้ในอีกมุมมองหนึ่งนั่นคือมุมมอง ในด้าน “ศาสนา” ฝรั่งเศสเรียกได้ว่าเป็นประเทศหนึ่ ง ที่มีความขมขื่น ในเรื่ องศาสนาอยู่เหมือนกันจะเห็นได้จากเหตุการณ์ “สงคราม ศาสนาของฝรั่งเศส” ซึ่งมีสาเหตุมาจากความขัดแย้ง ระหว่าง ศาสนาคริสต์สองนิกาย คือนิกายคาทอลิกนำโดยตระกูลกีส กับ นิกายโปรเตสแตนต์นำโดยตระกูลบูร์บง และสงครามก็ได้เริ่มขยาย ตัวไปทั่วทุกประเทศในยุโรป และส่งผลกระทบต่อประชากรในทวีป เป็นอย่างมาก จนในที่สุดก็ได้มีการเจรจาสงบศึกของทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้ สงครามยุติลง แต่ก็ได้สร้างความสูญเสียเป็นอย่างมาก แต่ในปัจจุบันทุกสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไป ฝรัง่ เศสมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบกึ่งประธานาธิบดีในด้านการนับถือ ศาสนานั้นมีการเปิดกว้างมากขึ้น ปัจจุบันนี้มีผู้นับถือทั้งศาสนา คริสต์ อิสลาม พุทธนอกจากนั้น นับถือศาสนาอื่นๆ และไม่ ไ ด้ นั บ ถื อ ศาสนา โดยทั้งหมดอยู่ร่วมกันได้ในสังคมเดียวกัน สำหรับศาสนาพุทธนั้น ได้มีการเผยแผ่เข้าไปในประเทศ ฝรั ่ ง เศสตั ้ ง แต่ ป ระมาณป ี พ .ศ.2369และได้ ด ำเนิ น เรื ่ อยมา โดยในระยะแรกยังไม่ค่อยได้รับการยอมรับแต่ก็เริ่มได้รับความ นิยมมากขึ้นจนถึงปัจจุบันจนมีผู้นับถือศาสนาพุทธมากขึ้นทั้งนี้ เนื่องมาจากนโยบายการรับคนนอกประเทศมาตั้งถิ่นฐาน
ภาพ : http://toda.diaryclub.com/images/20081206_IMG_8256.jpg
33
อาจารย์
"Risk comes from not knowing what you are doing."
Warren Buffett
่ ่ รู้ว่า "ความเสียงเกิ ดจากการทีไม่ คุณกําลังทําอะไรอยู "่