9.13 ฉบับที่ 2
App Store Search : AC Echo แอบอาน Echo บนไอแพดไอโฟนไดแลว !
SOLD
พื้นที่สำหรับผูสนับสนุน AC Echo ลงโฆษณาโปรดติดตอ ฝายหาทุน . Advertisement please contact Fund Raising Section
ปกหลัง I ปกหนาดานใน , หนาแรก I ปกหลังดานใน , หนาสุดทาย I กลาง-เลม
Magazine I Event I Fanpage I App I etc. 084 - 664 - 2266 , 089 - 200 - 9252 , assump.echo@gmail.com facebook.com/assumpjournal assumpjournal.com
SOLD
facebook.com/assumpjournal assumpjournal.com
วินัยและการลงโทษ(ตอนที่ ๑) รศ.ดร.ไชยันต ไชยพร อัสสัมชนิก 24706
6
สภานักเรียน ไม่ใ่ช่สภากาแฟ
42
มิสสุกัญญา พุกกะเวส
ตึก
10 เราต่างมีลูกโป่ งเป็นของตัวเอง
แมวโรงเรียน
15 ปั จจุ บันที่สดใส อดีตที่เศร้าหมอง 45
The One & Only
22 จอมมาร
46
โก๋หลังวัง
26 Attitude Adjustment
48
Wolverine
28 พอดีไม่มีอารมณ์จะทํา
51
ผม อยู ่ตรงไหน ?
31 รู ้ทัน Admission
เรื่องของเด็กที่เงยหนามองขึ้นไปยังดาดฟาของตึก
มีคนบอกวา ‘แคแมว’
นับตั้งแตจําความได ...
44
จะมีสักกี่คนที่ไมเคยเสียนํ้าตา
Men Rule Women Follow ?
ตอจาก ‘ผูกลา’ ฉบับที่ 1
Food Review
ชาวไทยยังมีทัศนคติเชิงลบตอเพื่อนบาน ...
Movie Review
ลอการเมือง
ตัดไปเถอะครับ จะไดไมโดนดา
52
แบบชัด ตรง เคลียร
สภานักเลียน
34 ภาษิตไทย
กําเนิดสภานักเรียนอัสสัมชัญ 2512 - now
เดินตามผูใหญหมาไมกัด
สงคําถาม แสดงความคิดเห็น วิจารณงานเขียน รวมทั้งรวมสงบทความไดตลอดเวลา ที่ assump.echo@gmail.com หรือ facebook.com/assumpjournal
56
พัดลม เป็นร้านรถเข็นเก่าๆ คนขายก็เก่า มันอยู่ตรงข้ามร้านการ์ดเกมที่มีเด็กอัสสัมไปเล่นอยู่แถวๆนั้น ตรงกำแพงของอัสสัมฯศึกษา ซอยนั้นหลังเลิกเรียนจะมีข้าว ขนม และน้ำ ออกมาดักขายเด็กๆ ทั้งกางเกงน้ำเงินและกระโปรงแดง ร้านนั้นเป็นร้านน้ำของตากับยายคู่หนึ่ง มีรถเข็นที่ไม่ได้เข็น แต่ตั้งไว้เกือบถาวรติดกันสองคัน คุณตาจะใช้เครื่องมอเตอร์ที่แคะออกมาจากมอเตอร์ไซค์ในการปั่นไฟเพื่อเปิดไฟหลอดและเครื่องปั่นน้ำ รถเข็นคันซ้ายขายน้ำปั่นและน้ำหวาน คุณตาจะขายอยู่ฝั่งนี้ ส่วนรถเข็นคันขวาขายน้ำอัดลมใส่ถุง มีคุณยายประจำการ ทั้งคู่ใส่ผ้ากันเปื้อนเก่าๆ มีเครื่องปั่นเก่า กล่องโกโก้เก่า เหมือนว่ามอเตอร์ตัวนั้นคงมาจากมอเตอร์ไซค์เก่าๆด้วย ขวดโค้กเก่าๆแกวางโชว์หน้าร้าน ของใหม่เอาไปซุกไว้ใต้รถเข็น ไม่ใช่แค่ร้านและของในร้าน ถึงจะรวมคนขายด้วย ก็ยังดูเข้าชุดกันและเก่าสม่ำเสมอกันดีมาก ใช้คำว่าตายายแล้วจะนึกถึงอะไรเอื่อยๆ แต่ไม่ ตายายคู่นี้กระฉับกระเฉงตลอดเวลา นั่งไม่โอย ลุกไม่โอย แข็งแรงและขยันจนน่าอิจฉา เหมือนเขาไม่รู้ตัวว่าเขาแก่ คงจะนานแล้วที่รถเข็นไม่เปลี่ยน คนขายไม่เปลี่ยน ตาไม่เปลี่ยนยาย ยายไม่เปลี่ยนตา รวมทั้งราคาก็ไม่เปลี่ยนด้วย โกโก้เย็นใส่ถุงยังสามารถขายในราคาสิบบาทอยู่เหมือนเดิม ตายังยิ้มรับลูกค้าทุกครั้ง ยิ้มส่งลูกค้าทุกครั้งเหมือนเดิม ตาจะใส่ใจลูกค้ามากกว่ายาย ส่วนยายจะใส่ใจตามากกว่าอะไร ดังนั้นบางครั้งยายก็ลืมว่ามีลูกค้าซื้อของอยู่ แต่ไม่เคยลืมระวังความลำบากของตา ในบริเวณนั้น ร้านนี้เป็นร้านที่มีลูกค้าน้อยที่สุด ไม่รู้ตากับยายเคยปรึกษากันไหม มันคงดูไม่สะอาด เก่า และน่าจะไม่อร่อย ซึ่งก็จริง แต่เราก็พยายามซื้ออยู่เรื่อยๆ เพราะน้ำถุงแบบนี้ี่เคยชอบกินเมื่อตอนเด็ก ขอแม่ซื้อบ่อยมาก บางทีให้บางทีไม่ให้ เวลาได้กินจะรู้สึกเหมือนได้รางวัลอะไรสักอย่าง แต่เวลาไม่ได้กินนี่เสียใจมาก เลยรู้สึกว่าน้ำถุงมันพิเศษสำหรับเรามากกว่าน้ำในแก้ว มีโอกาสเมื่อไหร่ก็ซื้อกิน จนแกจำได้ว่าทุกครั้งที่เรามาซื้อน้ำร้านแก จะต้องสั่งแบบนี้ ไม่ต้องพูดอะไร ตาก็จะยิ้มให้แบบกระชับๆ แล้วขานเลยทันทีเลยว่า ‘เข้มข้นนะหลาน’ บางวันก็ ‘หวานจัดนะ’ แกใส่ผงโกโก้เยอะขึ้นมากในราคาเท่าเดิม แกคงเป็นคนกินจืด ไม่งั้นคนยุคนั้นก็คงชอบกินรสประมาณนั้น มาตรฐานแกเลยออกมาแบบหวงผงโกโก้นิดหน่อย สำหรับเรา รสมาตรฐานของแก มันเหมือนกินน้ำเปล่าในแก้วที่เคยมีคราบโกโก้อยู่ในนั้น เราเลยต้องขอให้แกชงรสจัดให้ทุกครั้ง เพื่อให้มันพอดี ‘เครื่องปั่นน้ำ’ ยังสร้างความตื่นเต้น และความสุขในการทำงานให้คุณตาได้อยู่เสมอ คือแกจะชอบชงน้ำด้วยวิธีการเอาทุกอย่าเข้าไปรวมกันในเครื่องปั่นเก่าๆของแก ดึงไฟจากมอเตอร์ของมอเตอร์ไซค์ เวลาดึงทีก็จะมีเสียงเหมือนมอเตอร์ไซค์จะออก เสร็จแล้วแกค่อยรีบมากดสวิตช์ที่เครื่องปั่น ‘ได้แล้วครับ โกโก้เย็นไม่ปั่น เข้มข้นเลย’ แกกดปั่นนิดเดียวแทนการชง และก็จะภูมิใจมากๆกับกรรมวิธีนั้น ในขณะที่ยายก็จะเตรียมพร้อม ถือพัด หรือไม่ก็อุปกรณ์สนับสนุนอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพตา โดยไม่มียายอยู่ข้างๆ แม้ยายจะอยู่ข้างๆแบบนิ่งๆก็เถอะ เวลาเดินผ่านหน้าร้านนั้น เสียงแก่ๆที่เรียกเด็กๆให้มากินน้ำ จะประสานกันออกมาให้ได้ยินอย่างแข็งขันที่สุดเท่าที่คนแก่จะทำได้ แต่วันหนึ่งเสียงที่เคยประสานกันนั้นก็กลายเป็นเสียงเดียว ไม่ใช่เขาพูดพร้อมกันจนเสียงกลืนเป็นเสียงเดียว แต่เหลือยอยู่คนเดียว เกือบทุกเช้า เราเห็นตายายเข็นของด้วยรถลากขนาดเล็กมาทำงานจากแถวๆท่าเรือ BTS สะพานตากสิน เมื่อก่อนจะช่วยกันเข็นแบ่งกันขน แต่ช่วงนี้ไม่ช่วย ตาทั้งหิ้ว ยก ลาก และเข็นอยู่คนเดียว ไม่ใช่เพราะยายนิสัยเสีย แต่ไม่มียาย ข้าวของที่ตาต้องแบกมาก็เยอะเท่าเดิม แต่อาจจะหนักกว่าเดิมเพราะไม่มีใครมาผลัดมือ ทุกวันนี้ตาขายเองทั้งน้ำอัดลมและโกโก้ ร้านดูจะโล่งไป ใหญ่ไป แรกๆ เราเห็นว่าพัดมือยังวางอยู่ตรงเก้าอี้ที่ยายเคยนั่ง สักพักเก้าอี้ก็เหลือตัวเดียว พัดมือเปลี่ยนเป็นพัดลม มีคำถามในใจทุกครั้งที่นั่งรถผ่าน แล้วเห็นตาเข็นของอยู่คนเดียว เดินผ่านร้าน ก็เห็นตานั่งอยู่คนเดียว มีพัดลมเท่านั้นที่ขยับได้อยู่ข้างๆ ไม่กล้าถามถึงยายจริงๆ ...
บรรณาธิการ
(ตอนที่ 1)
1
รศ.ดร.ไชยันต ไชยพร อัสสัมชนิก 24706
ผมก็ต้องขอเริ่มอย่างนี้ครับว่า ในสมัยที่ผมเป็นนักเรียน ก่ อ นที ่ ผ มจะเข้ า เป็ น นั ก เรี ย นอั ส สั ม ฯ ผมได้ ย ิ น กิ ต ติ ศ ั พ ท์ เรื ่ อ งระเบี ย บวิ น ั ย และการทำโทษของโรงเรี ย นอั ส สั ม ชั ญ ไม่ว่าจะเป็นอัสสัมชัญที่บางรัก หรือที่ศรีราชา เพราะพี่ชาย ผมทั ้ ง สามคนเป็ น นั ก เรี ย นประจำที ่ อ ั ส สั ม ชั ญ ศรี ร าชา จำได้ ว ่ า วั น มอบตั ว ผมได้ ร ั บ หนั ง สื อ กฎระเบี ย บนั ก เรี ย น ข้ อ ความที ่ ส ะดุ ด ตาผมคื อ ระเบี ย บทรงผมที ่ เ ขี ย นไว้ ว ่ า ต้ อ ง “สั ้ น ค่ อ นข้ า งเกรี ย น” ตอนนั ้ น ผมยั ง เด็ ก ไม่ ไ ด้ ส นใจเรื ่ อ ง ผมสั้นผมยาว มันจึงไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับผมมากนัก นอกนั ้ น ก็ เ ป็ น ระเบี ย บเรื ่ อ งชุ ด นั ก เรี ย น โดยเฉพาะกางเกง จะต้ อ งใช้ ผ ้ า ที ่ โ รงเรี ย นกำหนด นั ่ น คื อ ผ้ า ที ่ ส มั ย นั ้ น เรี ย ก ว่า “ผ้าเสริทลายสอง” ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร 6
แต่ ห ลั ง จากที ่ แ ม่ ผ มพาไปตั ด กางเกงที ่ ร ้ า น (ซึ ่ ง สมั ย นั ้ น ยั ง นิ ย มตั ด เสื ้ อ กางเกงกั น อยู ่ และราคาไม่ แ พงนั ก ) ผมก็ รู้ว่าผ้าดังกล่าวมันเป็นอย่างไร มันคือผ้าที่หนาและทนทาน มาก ผมเข้ า ใจว่ า ทางโรงเรี ย นต้ อ งการให้ ใ ช้ ผ ้ า ที ่ ค งทน และใช้ ไ ด้ ต ่ อ ไปถึ ง น้ อ งๆญาติ ๆ และอี ก ประการหนึ ่ ง ที ่ ต ้ อ ง บั ง คั บ ให้ ใ ช้ ผ ้ า ชนิ ด นี ้ เ ท่ า นั ้ น ก็ เ พราะต้ อ งการให้ ม ี ค วาม เหมื อ นๆกั น ทุ ก คน ซึ ่ ง ในสมั ย นั ้ น จำได้ ว ่ า เมื ่ อ นั ก เรี ย น อั ส สั ม ฯเดิ น ไปไหน แม้ ว ่ า จะปะปนกั บ นั ก เรี ย นโรงเรี ย นอื ่ น ที ่ ใ ส่ ก างเกงน้ ำ เงิ น เหมื อ นกั น แต่ เ ราจะรู ้ แ ละแยกแยะ ได้ ท ั น ที ว ่ า คนไหนเป็ น นั ก เรี ย นอั ส สั ม ฯ โดยสั ง เกตจากสี และผ้ า ของกางเกง รวมทั ้ ง รองเท้ า ด้ ว ย และนอกจาก กางเกงและรองเท้ า ในสมั ย ผม เรื ่ อ งถุ ง เท้ า ก็ ถ ู ก วาง
กติกาไว้ด้วย ห้ามใส่ถุงเท้าที่ยาวมากขนาดขึ้นไปถึงครึ่ง แข้ง ซึ่งในสมัยนี้แม้ว่าทางโรงเรียนจะไม่ได้บังคับให้ใช้ผ้า ดั ง กล่ า ว แต่ ห ลั ง จากผมปรั บ ตั ว สั ก พั ก ผมก็ ย ั ง พอ แยกแยะ นั ก เรี ย นอั ส สั ม ฯ จากนั ก เรี ย นกางเกงน้ ำ เงิ น โรงเรียนอื่นได้อยู่ดี โดยสังเกตจากรองเท้า ! เรื่องระเบียบ ถ้าจะมองว่าจุกจิกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ก็ย่อมได้ แต่อีกแง่ หนึ่งก็คือการสร้างเอกลักษณ์ของความเป็นนักเรียนอัสสัมฯ ตอนที ่ ย ั ง เรี ย นอยู ่ อ าจจะไม่ ช อบ แต่ เ มื ่ อ ผ่ า นไป บางคน หรื อ อาจจะหลายคนก็ ร ู ้ ส ึ ก ภาคภู ม ิ ใ จกั บ การมี เ อกลั ก ษณ์ ร่วมกัน แต่ประเด็นเรื่องเครื่องแบบนักเรียนนี้ เราสามารถ มองในมุ ม ต่ อ ไปนี ้ ไ ด้ เ ช่ น กั น นั ่ น คื อ การมี “เครื ่ อ งแบบ นักเรียนนักศึกษา” ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ? ช่วยให้ไม่ ต้ อ งเสี ย เวลาคิ ด เลื อ กในแต่ ล ะวั น ว่ า จะใส่ เ สื ้ อ ผ้ า อะไรนั ้ น การไม่ ต ้ อ งมานั ่ ง คิ ด เสี ย เวลาเลื อ กเสื ้ อ ผ้ า ย่ อ มเป็ น เรื ่ อ งดี แต่ขณะเดียวกัน การมีเอกลักษณ์ของแต่ละสถาบัน แม้ ว ่ า จะเป็นเรื่องดีแต่มีข้อเสียด้วยหรือเปล่า ?
ขณะเดี ย วกั น ในกรณี ข องครอบครั ว ที ่ ย ากจนขนาดที ่ ไม่ ม ี เ งิ น พอที ่ จ ะซื ้ อ หา “เครื ่ อ งแบบ” ได้ การบั ง คั บ ให้ ใส่เครื่องแบบย่อมจะเป็นภาระอันหนักอึ้งหรือเป็นภาระที่ไม่ สามารถรั บ ได้ มิ พ ั ก ต้ อ งพู ด ถึ ง การเสี ย เงิ น อย่ า งฟุ ่ ม เฟื อ ย ในการจั บ จ่ า ยใช้ ส อยซื ้ อ เสื ้ อ ผ้ า ดั ง นั ้ น “เครื ่ อ งแบบ” จึงไม่ได้ช่วยให้เกิดความประหยัดอะไรเลยสำหรับนักเรียน ที ่ ย ากจน และหากโรงเรี ย นที ่ ม ี น ั ก เรี ย นที ่ ส ามารถมี เ งิ น ซื ้ อ “เครื่องแบบ” ได้ ส่วนคนที่ไม่มีหรือมีด้วยความยากลำบาก การมี “เครื่องแบบ” จะก่อให้เกิดความ “รู้สึก” เหลื่อมล้ำได้ เช่น บางคนต้องใส่เครื่องแบบเก่าๆขาดๆที่เป็นมรดกตกทอด กั น มาจากรุ ่ น พี ่ ห รื อ ญาติ พ ี ่ น ้ อ ง หรื อ ต้ อ งใส่ ซ ้ ำ เพราะมี เพี ย งชุ ด เดี ย วหรื อ สองชุ ด เมื ่ อ ต้ อ งใส่ ซ ้ ำ ก็ ต ้ อ งสวมใส่ อย่ า งระมั ด ระวั ง จะเล่ น กี ฬ าหรื อ ทำอะไรที ่ ท ำให้ ช ุ ด สกปรกตามอำเภอใจอย่ า งนั ก เรี ย นที ่ ม ี ห ลายชุ ด ไม่ ไ ด้
ประเด็นเรื่องประหยัดจะเป็นจริงในกรณีของครอบครัวคนมี สตางค์พอที่จะจับจ่ายซื้อหาเสื้อผ้าต่างๆนานามาปรุงแต่งเพื่อ ไปเรี ย นหนั ง สื อ การที ่ ส ถาบั น การศึ ก ษากำหนดกติ ก า ให้มีเครื่องแบบย่อมจะช่วยปิดทางการแต่งตัวเพื่อมาประกวด ประชันกัน และที่สำคัญคือ เครื่อ งแบบนักเรียนโดยทั่วไป มีราคาถูกกว่าเครื่องแต่งกายอื่นๆอยู่แล้ว อีกทั้งหากจะซื้อ กางเกงนักศึกษาที่มีคุณภาพดีก็ไม่ได้แพงเวอร์เหมือนกางเกง แฟชั ่ น ต่ า งๆ แต่ ท ั ้ ง นี ้ โรงเรี ย นไม่ ค วรบั ง คั บ ให้ น ั ก เรี ย น นั ก ศึ ก ษาของตนต้ อ งซื ้ อ ชุ ด นั ก เรี ย นนั ก ศึ ก ษาที ่ ส ถาบั น ฯ จั ดหามาให้ ที ่ ม ี ร าคาแพงกว่าท้อ งตลาด มิฉ ะนั้น เหตุ ผล ในการมีเครื่องแบบเพื่อความประหยัดก็จะไม่เป็นจริงทันที !
แต่ถ้าไม่มีเครื่องแบบเสียเลยจะเกิดอะไรขึ้น ? ตอบได้เลยว่า แน่นอนว่าสำหรับสถาบันฯที่นักเรียนส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะ ก็ จ ะเกิ ด การประกวดประชั น การแต่ ง ตั ว กั น ขึ ้ น ซึ ่ ง ในกรณี แบบนี้มีเครื่องแบบย่อมดีกว่าไม่มี แต่ถ้าสถาบันฯมีทั้งนักเรี ย นรวยและระดั บ กลาง การมี เ ครื ่ อ งแบบย่ อ มจะช่ ว ย ให้ น ั ก เรี ย นที ่ ม ี ฐ านะปานกลางไม่ ต ้ อ งเผชิ ญ กั บ ปั ญ หาการ เปรี ย บเที ย บ แต่ ถ ้ า สถาบั น ฯประกอบไปด้ ว ยนั ก เรี ย น รวย-กลางและจน การมี เ ครื ่ อ งแบบก็ ย ั ง เป็ น เรื ่ อ งดี แ ละ ประหยัดอยู่ดี เพียงแต่สถาบันฯควรจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ กั บ นั ก เรี ย นยากจนให้ ส ามารถมี เ ครื ่ อ งแบบนั ก เรี ย นได้ หากขั ด สน เพราะสถาบั น ฯที ่ ม ี น ั ก เรี ย นรวย-กลาง-จน
จะเห็นได้ว่าในกรณีหลังนี้ การมีเครื่ิองแบบก่อให้เกิดปัญหา !
7
ก็ ย ่ อ มต้ อ งเป็ น สถาบั น ฯที ่ ม ี ร ะดั บ มากกว่ า สถาบั น ฯที ่ ม ี แ ต่ นั ก เรี ย นจนเสี ย ส่ ว นใหญ่ ส่ ว นสถาบั น ฯที ่ ม ี แ ต่ น ั ก เรี ย น นักศึกษาที่ขัดสน ก็น่าจะยืดหยุ่นที่จะยอมให้นักเรียนของตน สวมใส่อะไรมาก็ได้ นั่นคือ ไม่มีเครื่องแบบเสียเลย ! เพราะ จากเงื่อ นไขที ่นักเรียนส่วนใหญ่ยากจน นักเรียนส่วนใหญ่ คงจะพอใจที่จะใส่เสื้อผ้าเท่าที่พอมีอยู่มากกว่าจะไปสรรหา ซื้อเสื้อผ้าตามกระแสแฟชั่นมาประกวดประชันกัน เพราะมัน จะถูกปฏิเสธหรือเขม่นโดยกระแสค่านิยมตามฐานะของคน ส่วนใหญ่ แต่โดยรวมๆแล้ว การมีเครื่องแบบย่อมจะช่วยให้ เกิด “การประหยัด” ได้มากกว่าจะปล่อยให้ใส่ตามใจ (ตาม ฐานะ) เครื ่ อ งแบบช่ ว ยลดความเหลื ่ อ มล้ ำ -ความไม่ เ สมอ ภาค อี ก ทั ้ ง ไม่ ต ้ อ งเสี ย เวลามานั ่ ง คิ ด เรื ่ อ งเสื ้ อ ผ้ า หน้ า ผม รองเท้ากระเป๋า พูดถึง “กระเป๋านักเรียน” ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่อง แบบ การออกระเบี ย บให้ ใ ช้ “กระเป๋ า นั ก เรี ย น” ตาม กติกาของโรงเรียนก็จะเป็นการช่วยประหยัด หาก “กระเป๋า ตามแบบ” นั ้ น มิ ไ ด้ ม ี ร าคาแพงและสามารถหาซื ้ อ ได้ ต าม ท้ อ งตลาดไม่ ต ่ า งจากชุ ด นั ก เรี ย น แต่ ห ากบางสถาบั น กำหนด “แบบของกระเป๋ า ” ที ่ เ ป็ น กระเป๋ า ราคาแพง 8
ก็ ถ ื อ ว่ า ผิ ด วั ต ถุ ป ระสงค์ ข องการมี “แบบ” ยกเว้ น ว่ า จะ เป็ น สถาบั น ฯที ่ เ น้ น รั บ คนร่ ำ รวยเท่ า นั ้ น (แต่ ก ็ ย ั ง ดี ท ี ่ ไ ม่ ปล่อยให้มีการประกวดประชันกระเป๋าหรือชุดกันอย่างเสรี) ต่ อ มาคื อ ประเด็ น เรื ่ อ ง “เอกลั ก ษณ์ ” การมี เ ครื ่ อ งแบบ ที่เป็นเอกลักษณ์ย่อมจะทำให้เกิดความภาคภูมิใจในสถาบันฯ พร้ อ มๆไปกั บ ความบ้ า คลั ่ ง สถาบั น และพร้ อ มๆไปกั บ ความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย เช่น เครื่องแบบนิสิตจุฬาฯ แม้ว่าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำภายในสถาบันฯเดียวกัน แต่ ก็สร้างความเหลือ่ มล้ำระหว่างสถาบันฯ แต่ขณะเดียวกัน ความ เหลื่อมล้ำนี้ก็มาพร้อมๆกับความภาคภูมิใจด้วยมิใช่หรือ ? และเป็นแรงจูงใจในการมุมานะเพื่อจะสอบเข้าเป็นนิสิตของ สถาบันฯ ยิ่งความเหลื่อมล้ำทางฐานะทางเศรษฐกิจสังคม เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้บุตรหลานสามารถทำคะแนน สอบเข้ า มหาวิ ท ยาลั ย ได้ ด ี ก ว่ า คนที ่ ม ี ฐ านะยากจนกว่ า ก็ ม ี เ ครื ่ อ งแบบก็ จ ะกลั บ ให้ ใ ห้ ผ ลในแง่ ล บต่ อ สั ง คมโดยรวม แต่ แ น่ น อนว่ า การมี เ ครื ่ อ งแบบย่ อ มจะเป็ น เรื ่ อ งดี ส ำหรั บ การใช้ ช ี ว ิ ต อยู ่ ร ่ ว มกั น ภายในมหาวิ ท ยาลั ย ขณะเดี ย วกั น การมี เ ครื ่ อ งแบบทำให้ น ั ก เรี ย นนั ก ศึ ก ษา (จำนวนไม่ น ้ อ ย) ต้องระมัดระวังในพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับ วัยและสถานะของการเป็นนักเรียนนักศึกษา มองในแง่ดีก็คือ
เครือ่ งแบบช่วยสร้างวินยั และสำนึกความรับผิดชอบต่อสถาบันฯ และต่ อ สถานะของตนเอง แต่ ม องในแง่ ร ้ า ยก็ ค ื อ เครื ่ อ งแบบเปรี ย บเสมื อ น “พั น ธนาการ-เครื ่ อ งมื อ ควบคุ ม ความ ประพฤติ ” อย่ า งรุ น แรง ไม่ ต ่ า งจากชุ ด ของนั ก โทษ หรื อ ไม่ ต ่ า งจากผู ้ ท ี ่ ถ ู ก มองว่ า มี ศ ั ก ยภาพที ่ จ ะทำอะไรไม่ ด ี ห รื อ ชั่วๆได้อยู่ตลอด และแน่นอนว่า ถ้ามองอย่างอุดมคติ เรา ย่ อ มคาดหวั ง ที ่ จ ะได้ น ั ก เรี ย นนั ก ศึ ก ษาที ่ ส ามารถควบคุ ม ตั ว เองโดยไม่ ต ้ อ งอาศั ย การควบคุ ม โดยเครื ่ อ งแบบที ่ ม ี ช ื ่ อ และเลขประจำตัวปักอยู่บนหน้าอกมิใช่หรือ ? ดั ง นั ้ น ปั ญ หาที ่ เ กิ ด ขึ ้ น ทั ้ ง สองแง่ น ี ้ เราควรจะมาร่ ว มกั น พิจารณาหาข้อเสนอใหม่ๆในการที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและ เป็ น ธรรมที ่ ส ุ ด ในสั ง คม ซึ ่ ง ผมก็ ย ั ง ไม่ ส ามารถตอบได้ ว ่ า ควรจะทำอย่างไร ? จากที่เคยมีประสบการณ์ทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ พบว่า สำหรับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่ในอเมริกา “ไม่มีเครื่องแบบ” และก็ไม่ได้มีปัญหา ในเรื ่ อ งความประพฤติ ห รื อ วิ น ั ย แม้ ว ่ า จะไม่ ม ี เ ครื ่ อ งแบบ แต่การแต่งกายอย่างเสรีและวัยก็ทำให้สังคมช่วยสอดส่องใน ระดับหนึ่งอยู่แล้ว เช่น การไม่ขายสินค้าบางอย่างให้กับคนที่ อายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด อันนี้ สังคมอเมริกันมีความ
เคร่งครัดมากกว่าบ้านเรามาก ขณะเดียวกัน ความเข้มข้น ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละชุมชนสังคมด้วย แต่โรงเรียนบางโรงเรียน ในอเมริ ก าก็ บ ั ง คั บ ให้ ใ ส่ “เครื ่ อ งแบบ” ซึ ่ ง ก็ ม ั ก จะเป็ น โรงเรี ย นเอกชนของชนชั ้ น สู ง แต่ ก ารมี เ ครื ่ อ งแบบของเขา ก็ ด ้ ว ยเหตุ ผ ลเรื ่ อ ง “เอกลั ก ษณ์ ความภาคภู ม ิ ใ จในเกี ย รติ ประวั ต ิ ” ของโรงเรี ย น อี ก ทั ้ ง แน่ น อนว่ า เป็ น เรื ่ อ งของ ระเบี ย บและความประหยั ด ในระดั บ หนึ ่ ง ส่ ว นในระดั บ มหาวิ ท ยาลั ย ในอเมริ ก านั ้ น เท่ า ที ่ ผ มมี ป ระสบการณ์ ไม่ พ บว่ า มี ม หาวิ ท ยาลั ย ไหนมี “เครื ่ อ งแบบ” เลย ถ้ า มี ก็ ม ี เ พี ย งเสื ้ อ ยื ด เสื ้ อ กั น หนาวที ่ ม ี ต รามหาวิ ท ยาลั ย ซึ ่ ง ปรากฏว่ า ในกรณี ข องมหาวิ ท ยาลั ย ชั ้ น นำ คนส่ ว นใหญ่ ที ่ ซ ื ้ อ กลั บ ไม่ ใ ช่ น ั ก ศึ ก ษาที ่ เ รี ย นอยู ่ ใ นสถาบั น ฯนั ้ น แต่ ม ั ก จะเป็ น คนที ่ ช ื ่ น ชมสถาบั น ฯ แต่ ไ ม่ ไ ด้ เ รี ย นในสถาบั น ฯนั ้ น ส่วนของอังกฤษนั้น พบว่า โรงเรียนของรัฐหรือของท้องถิ่น หลายโรงเรียนมี “เครื่องแบบ” และเกือบทั้งหมด ส่วนโรงเรียนเอกชนหรือที่คนอังกฤษเขาเรียกว่า “public school” (ทำให้คนทีไ่ ม่รู้ เข้าใจไปว่าเป็นโรงเรียนของรัฐ !) นัน้ ก็มเี ครือ่ งแบบ ส่ ว นระดั บ มหาวิ ท ยาลั ย ไม่ ม ี เ ครื ่ อ งแบบ แต่ ส ำหรั บ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ อาจจะมีระเบียบให้ “ใส่ชุด ครุย” ของ คณะ (colleges) ในตอนกินข้าวหรือโอกาสต่างๆ (โปรดติดตาม)
จบตอนที่ 1 เครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนท้องถิ่นที่ผมเคยอยู่ และไม่ได้เป็นถิ่นคนรวย 9
ตึก
เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า ได้ พ บเห็ น เด็ ก ชายผิ ว คล้ ำ รู ป ร่ า งเล็ ก ผอม แห้ ง เสื้อสีขาวมอมแมมที่ตอกย้ำซ้ำไปอีกว่ายังเป็นมนุษย์ที่ยังตก อยู่ในช่วงสถานะ วัยเรียน เนื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบสกปรก และรอยฉีกขาดที่เห็นได้ชัดเจนแม้จะไม่ได้สังเกตก็ตาม จึง ไม่ ย ากที ่ จ ะคาดเดาสภาวะทางการเงิ น ของเด็ ก ชายคนนี ้ เด็ ก ชายผู ้ ค วรจะต้ อ งเรี ย น ผู ้ ม ี ผ มดำขลิ บ มั น และยาว ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากในเวลาช่วงต้นเดือนของโรงเรียน ที่มี การตรวจเช็ ค สภาพหนั ง หั ว ของนั ก เรี ย น หรื อ บางที เ ด็ ก นักเรียนคนนี้มีความต้องการจะแสดงอุดมการณ์ต่อต้านการ บังคับทรงผมอันสุดแสนจะสมัยนิยม? หรือไม่เช่นนั้นเด็กชาย ผิวคล้ำผู้นี้จะมายืนมองตึกสูงตึกใหม่ที่พึ่งจะสร้างเสร็จทำไม? เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า “ไม่เคยมีใครบอกอะไรที่ฉันต้องการได้เลย มันจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่ฉันจะต้องบอกอะไรกับใคร” เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า อากาศจะดีขึ้นเมื่อเราได้ขึ้นไปอยู่บนสถานที่ที่สูงขึ้น ตั้งแต่เด็กจนโต ส่วนต่างของระดับความสูงเดียวที่เคยได้มี โอกาสสั ม ผั ส คื อ ‘สะพานลอย’ ซึ ่ ง ถ้ า นั บ กั น จริ ง ๆแล้ ว สะพานลอยก็สูงอยู่ ลอยเหนือขึ้นไปจากพื้นดินหลายช่วงตัว สะพานลอยต้องลอยตัวให้สูงกว่ายานยนต์ทุกประเภทที่ต้อง วิ ่ ง ลอดใต้ ต ั ว ของมั น ไป สะพานลอยเลยจำเป็ น ต้ อ งสู ง สะพานลอยบางแห่งจะมีเสาเหล็กตั้งกันไว้เผื่อคนที่ไม่ระวัง ตั ว เกิ ด เผลอตกลงมา บางแห่ ง ก็ ไ ม่ ม ี คิ ด ว่ า คงจะเจ็ บ น่ า ดู ถ้าเผลอตกลงมาจากสะพานลอย โดยไม่ระวัง ผมค่ อ นข้ า งกลั ว ที ่ จ ะตกลงมา ผมรู ้ ต ั ว ผมเองว่ า เป็นคนที่ไม่ค่อยจะระมัดระวังตัวอะไร ถ้าขั้นของบันไดสูงเกิน ไป แคบเกินไป ก้าวแล้วไม่สามารถเหยียบได้อย่างเต็มฝีเท้า ผมจะก้าวลงทันที ผมไม่ค่อยจะชอบพอสะพานลอยสักเท่าไหร่ ใช่ว่า สะพานลอยจะไม่ ส ู ง แต่ เ มื ่ อ ขึ ้ น ไปยื น บนสะพานลอย ผมรู ้ ส ึ ก ได้ ต ั ้ ง แต่ ค รั ้ ง แรกเลยว่ า สะพานลอยไม่ ส ามารถ ทำให้ ผ มรู ้ ส ึ ก ถึ ง ความแตกต่ า งอั น ใดที ่ ผ มพึ ง ปรารถนาได้ อากาศข้างบนมันยังไม่ดีพอ ไม่เหมือนที่เคยมีคนบอกเอาไว้ ท่าทางสะพานลอย จะยังสูงไม่พอ เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า เมื่อก่อน ตรงที่ตึกสูงตั้งอยู่เป็นที่ตั้งของตึกเก่าซึ่ง เป็นตึกที่ไม่ได้สูงเท่ากับตึกปัจจุบัน ตึกเก่าไม่มีชั้นดาดฟ้าให้ ยืน ชั้นบนสุดเป็นหลังคาทรงแหลมแทงเข้าไปสู่ท้องฟ้า
10
ผมไม่เคยเข้าใจเลย ถ้าไม่มีดาดฟ้า แล้วจะขึ้นไป รั บ ลมบนตึ ก ที ่ อ ุ ต ส่ า ห์ ส ร้ า งมาได้ อ ย่ า งไร ? คนออกแบบ ตึกเก่าคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ท่าทางจะไม่เคยมีคนบอกเขาเรื่อง จุ ด มุ ่ ง หมายของการสร้ า งตึ ก เป็ น แน่ เคยได้ยนิ ยามเฝ้าโรงเรียน บอกเอาไว้วา่ เด็ ก นั ก เรี ย นทุ ก คนที ่ ย ่ า งก้ า วเข้ า มาในโรงเรี ย นนี ้ ล้ วนต้ อ งเคยผ่ า นสายตาเขากันสักครั้งหนึ่ง เขาบอกอี กว่ า ตลอดระยะเวลาหลายสิ บ ปี ท ี ่ ท ำงานมา เขาจดจำใบ หน้ า ทุ ก คนที ่ เ คยเข้ า มาในโรงเรี ย นนี ้ ไ ด้ ท ั ้ ง หมด และ สามารถรู ้ ไ ด้ ใ นทั น ที เ ลยว่ า ใครเป็ น เด็ ก นั ก เรี ย นของที ่ น ี ่ เขาบอกกั บ ผมว่ า มั น เป็ น เอกลั ก ษณ์ ไม่ ว ่ า จะมี ห น้ า ตา อย่ า งไรมี ผ ิ ว สี อ ะไร ถื อ กระเป๋ า อะไร ใส่ ร องเท้ า ยี ่ ห ้ อ ไหน มั น ดู อ อกง่ า ยมาก ว่ า ใครเป็ น ผลผลิ ต ของโรงเรี ย นนี ้ แต่ ไ ม่ ว ่ า จะพยายามอ้ อ นวอนเขาเพี ย งใด เขาก็ ไ ม่ ย อม บอกผมว่านักเรียนโรงเรียนนี้มีเอกลักษณ์อย่างไร เขาบอก เพี ย งแค่ ว ่ า ตึ ก ใหม่ ทำเขาเหนื ่ อ ย เขาต้ อ งเดิ น ขึ ้ น เดิ น ลง เช็คห้องจำนวนมหาศาล และตรวจความเรียบร้อยของโรงเรียน เขาไม่ เ คยเหนื ่ อ ยมาก่ อ น มี เ มื ่ อ ยล้ า บ้ า งเป็ น บางครั ้ ง ตามแต่ ส ถานการณ์ จนกระทั ่ ง ตึ ก นี ้ ส ร้ า งเสร็ จ และยิ ่ ง เขาเหนื่อยเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งทำหน้าที่ของยามได้แย่ลงเท่านั้น ผมมารู้ ทีหลังว่า เขามักจะกรอกหูคนที่คุยด้วยอยู่เสมอๆว่า เขาอยากจะให้ ต ึ ก เก่ า กลั บ มา และเรื ่ อ งนี ้ ผ ู ้ ห ลั ก ผู ้ ใ หญ่ ก็ได้รับรู้จากปากของเขาเองแล้ว เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน ตึก มากชั้นนี่จะต้องถูกย้อนอดีตกลับไปเป็นตึกที่รักของเขา อย่าง แน่นอน เคยได้ยนิ นักการภารโรง บอกเอาไว้วา่ โรงเรียนเดี๋ยวนี้มันไม่ค่อยสะอาด สกปรก เลอะเทอะ เปรอะเปื้อน ต้นไม้ก็รกรุงรังเต็มโรงเรียนไปหมด สมัยก่อน ดี ก ว่ า นี ้ เ ยอะโดยเฉพาะไอ้ ผ นั ง สี ข าวเฮงซวยที ่ ม ี อ ยู ่ ท ั ่ ว ทุ ก ชั้นของตึกใหม่เฮงซวย แรกๆมาก็ยังสีขาวสะอาดตาดีอยู่หรอก แต่ไม่นานก็ ถูกสีจากพื้นรองเท้าละเลงทั่วตึกไปหมด ทั่วตึกนี่ คือ ทั่ว ตึก จริงๆ ทุกที่ที่มีสีขาว จะมีรองพื้นรองเท้าทับไปอีก ชั้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชั้นเรียน ม.ต้น ม.ปลาย แม้แต่เพดานที่ ว่าสูงเท่า 3 ตัวคนแล้ว ยังมีรอยพื้นรองเท้าละเลงอยู่เต็มไป หมดกว่าจะขัดออกก็โคตรเมื่อย ป้าเค้าบอกอีกว่า ตึกใหม่ นี่ไม่ได้เรื่องเลย สร้างมาทำไมเป็นสิบๆชั้น คิดถึงภารโรงบ้าง ทำงานกั น ทั ้ ง วั น ทั ้ ง คื น แล้ ว เอาจริ ง ตึ ก เก่ า ดี ก ว่ า มาก จำนวนชั้นไม่มาก ห้องก็ไม่ได้เยอะอะไร ทำงานประเดี๋ยวเดียว ก็ เ สร็ จ ทำงานเสร็ จ ภารโรงจะได้ พ ั ก บ้ า ง เขาเหนื ่ อ ย เขา ทำงานมาทั ้ ง วั น ไม่ เ คยอู ้ ไม่ เ คยหยุ ด
ภารโรงสงสัย เมื่อไหร่ เขา จะทุบไอ้ตึกสูงๆนี่เสียที ได้ยินเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว ผมทนฟังต่อไม่ไหวผมไม่ชอบใจ ภารโรงคนนี้เสียเลย... เคยได้ยินพี่วินมอเตอร์ไซค์บอกเอาไว้ ตึกเนี้ยยิ่งสูงๆยิ่งดี มันช่วยอาชีพของเขาได้มากที เดียว ในตัวเมืองที่แออัดแบบนี้ หันไปทางไหนก็มีแต่ตึกสูง เท่าๆกันไปหมดเวลาลูกค้าจะตามหาโรงเรียนนี่เนี้ย ก็ต้องขับ วนซ้ายวนขวาวิ่งวนกันมั่วไปหมด ยิ่งสมัยตอนพึ่งขับใหม่ๆ ยิ่งแย่จำทางอะไรไม่ได้เลย กว่าที่พี่เขาจะตามหาโรงเรียนเจอ ก็ปาไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งๆที่ระยะทางที่ห่างกัน เดินไปยัง ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ พี่เขาบอกเลยว่า ตึกนี่แหละคือ เอกลักษณ์ของโรงเรียน เห็นง่ายดี ยังไม่ทันได้ถามพี่เขาเลยว่า เคยขึ้นไปไหม ก็มีเพื่อนเด็กนักเรียนเรียกพี่เขาไปส่งที่สยาม เสียก่อน เคยได้ยินเพื่อนนักเรียนที่ยังไม่ติดเข็มกลัดคนหนึ่งบอกเอาไว้ ตึกใหม่ดี มีแต่คนบอกว่าทันสมัย ห้องสมุดกว้าง ใหญ่ มีรุ่นพี่บอกว่ามีห้องคาราโอเกะด้วยถ้าไม่บอกว่าเป็น โรงเรี ย นคงนึ ก ว่ า เป็ น โรบิ น สั น แต่ เ รี ย กโรบิ น สั น ก็ เ รี ย ก ได้ไม่เต็มปาก สาขานี้พึ่งจะปิดไป ไฟไหม้ แม่บอกว่า มันวาง เพลิง จะเอาประกัน
2XX3
11
เพื่อนคนนี้เป็นนักเรียนที่น่าสนใจทีเดียว ถามเรื่อง ตึกไป พูดได้ไม่นานก็พูดเรื่องโรงอาหารทันที เพื่อนเขาไม่ ได้บอก ว่าชอบโรงอาหารนะแต่จากที่สังเกต เชื่อว่าเพื่อนเขา ต้ อ งมี ค วามหลงใหลในโรงอาหารแน่ น อน ก็ เ ห็ น ได้ จ ากที ่ เพื่อนเขาเข้าไปยังโรงอาหารของตึกใหม่ทุกวันเรียนธรรมดา ทุกพักกลางวันเลยด้วย ใครไม่ชอบจริง ทำแบบนี้ไม่ได้หรอก นะ เพื่อนนักเรียนคนนี้ไม่ได้สนใจ ตึกที่เราพูดเท่าไหร่ เพื่อน ชอบพู ด ถึ ง เรื ่ อ งสิ ่ ง ของในตึ ก เสี ย มากกว่ า เรามองเห็ น สายตาบางอย่ า งจากเพื ่ อ นเขา เหมื อ นเพื ่ อ นเขากำลั ง ต้องการจะอวดอ้างความเหนือกว่าที่มีแก่ผม ผมรู้สึกอึดอัด เพื่อนเขาเลิกที่จะมองหน้าผม เพื่อน เลือกที่จะเดินผ่านผม ไป ผมมองตาม . ผมเดินตาม . เคยได้ยินคุณครูผู้ได้รับการเชิดชูนามท่านหนึ่งบอกเอาไว้ ตึกเก่าที่ถูกทุบไปไม่ได้เป็นเพียงตึกที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อกันลม กันฝน หรือ บรรจุนักเรียนยุวชนทหาร แต่กลับ ถู ก คนในสมั ย นั ้ น เรี ย กมั น ว่ า บ้ า น ที ่ เ รี ย กว่ า บ้ า น บางที ก็ ไ ม่ ใ ช่ ก ารเปรี ย บเที ย บแต่ เ พี ย งอย่ า งใด เป็ น เพราะ ว่ า สภาวะและฐานะทางการเงินของนัก เรีย นในอดีต ไม่ ไ ด้ เที ย บเท่ า กั บ นั ก เรี ย นปั จ จุ บ ั น ไปเสี ย ทุ ก คน อั ต ราเงิ น บริ จ าคในสมั ย ตึ ก เก่ า กั บ สมั ย ตึ ก ใหม่ ก ็ เ ที ย บกั น ไม่ ต ิ ด ครู บ อกอี ก ว่ า ที ่ ต ้ อ งเรี ย กว่ า บ้ า น ที ่ แ ปลไทยเป็ น ไทยได้ ว ่ า ที ่ ซ ุ ก หั ว นอน ก็ เ พราะมี น ั ก เรี ย นบางคนซุ ก หั ว นอนอยู ่ ใ น โรงเรียนจริง บ้างก็นอนในห้องเรียน บ้างก็นอนตามชั้นบันได ข้ า งๆโรงเรี ย นก็ เ ป็ น โบสถ์ สามารถไปขอนอนได้ เ ช่ น กั น แต่ ป ั จ จุ บ ั น จะหาคนมานอนโรงเรี ย นก็ ย ากขึ ้ น ใครเล่ า จะ อยากนอนบนพื ้ น แข็ ง ๆ โต๊ ะ ไม้ ผ ุ ๆ หรื อ ไปนอนในโบสถ์ ที่ไม่ได้ดีไปกว่าสองอย่างแรกเลย ครูให้ข้อสังเกตว่า ตึกใหม่ คื อ สั ญ ลั ก ษณ์ ของการกี ด กั น นั ก เรี ย นที ่ ม ี ส ถานะยากจน หรือไม่มีเงินมากพอที่จะ บริจาค ออกไปจากโรงเรียน เพื่อทำนุบำรุงโรงเรียน ตึกสูง เพดานที่ลอยเหนือหัว ครูผู้สอนและนักเรียน พื้นที่โปร่งเหนือสมองที่ต้องถูกอบรม และต้องเรียนรู้ควบคู่กันไปตลอดเวลา ตึกใหม่สูง สำหรับ คนแก่ๆอย่างครูแล้ว ตึกที่สูงก็คือภาระ ตึกยิ่งสูง ภาระยิ่ง เพิ่มพูน ภาระที่จะต้องเสียเวลาในการเคลื่อนย้ายตัว เวลา จะไปไหนมาไหนในตึ ก พื้นที่กว้างใหญ่ขึ้น กว้างและใหม่ จนทำให้ผู้อาวุโสที่เคยจดจำทุกระเบียบนิ้วในโรงเรียน เป็น เสมอเด็กที่พึ่งจะเคยได้เข้าสวนน้ำครั้งแรก ครูไม่ได้บอกว่า ชอบหรื อ ไม่ ช อบตึ ก ใหม่ เ ลย แต่ ฟ ั ง ครู ต ั ้ ง นาน ก็ ไ ม่ เ ห็ น ครู จะพู ด เรื ่ อ งความดี ง ามของตึ ก ใหม่ บ ้ า ง อย่ า งที ่ ร ู ้ ๆ กั น มา คนอายุมากมักจะไม่ชอบสิ่งที่อยู่สูง อยู่เหนือความเคยชิน ของตน ดังนั้นผมจึงได้แต่คอยฟังครู และ คาดหวังว่า ครู 12
จะมีความนิยมในตึกใหม่บ้างสักนิดก็ยังดี ครู เ ขายั ง ไม่ เ คยขึ ้ น ไปจนถึ ง ชั ้ น บนสุ ด ของตึ ก เขา ไม่มีทางรู้หรอกว่าแท้จริงแล้ว ความรู้สึกข้างบนมันเป็นอย่างไร แต่ผมติดใจอยู่อย่างหนึ่ง ฐานะของเพื่อน เด็กโรงเรียน นี้ไม่มีคนจนบ้างเลยหรือ ? แต่ยังไม่ทันได้ ถามอะไรออกไป ครูเขาก็บอกให้ฟังอีกว่า ไม่นานมานี้ มีข่าวลือกันว่า มีเด็กคน หนึ่ง ที่วันๆไม่เห็นจะทำอะไร เอาแต่เงยหน้ามองตึกใหม่ของ โรงเรี ยนทุ กๆวั น เด็ กคนนี ้ ไม่ ไ ด้ มองเพื ่ อจะสำรวจตึ กหรือ โรงเรียนแต่อย่างใด มีคนบอกมาว่าเด็กคนนี้จะมองแต่ที่ยอด ของตึกเพียงอย่างเดียว ไม่ขยับสายตาไปไหนเลย แม้ว่าใคร จะเข้ า ไปพู ด ด้ ว ย ก็ เ งี ย บเฉยตลอด ครู เ ขากลั ว ว่ า จะเป็ น เด็กที่มีปัญหาทางจิตหรือสภาวะอารมณ์ไม่ปกติอะไรสักอย่าง ครูกลัวอีก ว่าเด็กนีอ่ าจจะเข้าไปทำร้ายนักเรียนทีผ่ า่ นไป ผ่านมา นั ก เรี ย นของโรงเรี ย นเราก็ ไ ม่ ส ามารถทำเป็ น ไม่ เ ห็ น อะไร แล้ ว เดิ น ผ่ า นตั ว เด็ ก คนนั ้ น ไปเฉยๆได้ แรกๆสิ ่ ง ที ่ เ กิ ด ขึ ้ น ก็ยังเป็นแค่การถามไถ่ตัวตนของเด็ก แต่ไม่ว่าจะถามอะไร สายตาของเด็กคนนั้นก็เอาแต่จ้องมองที่ปลายยอดตึกเพียง อย่ า งเดี ย ว พอนานๆเข้ า จากการถามทั ่ ว ๆไปก็ เ ริ ่ ม เปลี ่ ย น เป็นการล้อเลียน ดูแคลน หรือกลั่นแกล้ง นักเรียนบางคน เริ ่ ม ที ่ จ ะใช้ ม ื อ และ เท้ า ในการเรี ย กร้ อ งความสนใจจาก เด็ ก คนนั ้ น ซึ ่ ง ผลรั บ ที ่ ไ ด้ ต อบกลั บ มาก็ ย ั ง เป็ น เหมื อ นกั บ การถามไถ่ ใ นช่ ว งแรก เด็ ก นี ่ ย ั ง คงนิ ่ ง เฉย ทำเพี ย งแค่ มองไปที ่ ย อดตึ ก เพี ย งอย่ า งเดี ย ว เด็ ก คนนั ้ น กลายมาเป็ น ตัวตลกของโรงเรียนไปในช่วงเวลาหนึ่ง และ ณ ขณะเวลา หนึ่งนั้น เด็ก ก็หายไป และเหมือนจะหายไปพร้อม กันทุก ตัวตน ไม่ว่าจะเป็นเด็กแปลกหน้าหรือตัวตลก โรคจิตหน้า โรงเรี ย นก็ ต าม เด็ ก คนนี ้ เ ข้ า มาเป็ น ส่ ว นหนึ ่ ง และหายไป จากความทรงจำของโรงเรียนนี้อย่างรวดเร็ว ครู เ ขาอยากรู ้ ว ่ า เด็ กคนนั ้ น ต้ องการอะไรบนปลาย ยอดของตึ ก กั น แน่ ครู เ ป็ น คนบอกกั บ ผมว่ า ด้ ว ยเหตุ น ี ้ เขาจึงสั่งย้ายยามที่มีหน้าที่ตรวจตราตามสถานที่ต่างๆทั่ว โรงเรียนให้ไปเพิ่มจำนวนเฝ้าที่หน้าประตูแทน ผมก็ไม่ได้อยาก จะฟังเรื่องของเด็กที่วันๆเอาแต่มองปลายยอดตึกสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมาจากปากของผู้ที่มีคนเชิดชูนับถือมาก ก็เลยต้อง จำใจต้องฟังกันไป จริงๆมันก็แค่เรื่องของเด็กที่หลงใหลใน ความสูงของตึกมันจะน่าตื่นเต้นขนาดไหนกันเชียว? เคยได้ยินศิษย์เก่าที่ชอบเดินไปเดินมาในโรงเรียนบอกเอาไว้ว่า โรงเรียนเราไม่หลงเหลือหลักฐานใดที่จะสามารถบ่งชี้ ถึ ง ความเป็ น เอกลั ก ษณ์ ของโรงเรี ย นของเราได้ อ ี ก ต่ อ ไป สิ ่ ง เดี ย วที ่ เ หลื อ เพี ย งแค่ ต ึ ก สู ง ที ่ ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น อะไรที ่ ม ากไป กว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละวันที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
กดลิ ฟ ต์ ห นึ ่ ง ที มี เ งิ น ไหลตามไป 7 บาท ตึ ก ใหม่ ไม่ได้สร้างความเป็นโรงเรียนแต่อย่างใด และตึกใดของโรงเรียน ที่ไม่สามารถทำให้นักเรียนตระหนักในหน้าที่อันหนักอึ้งต่อ โรงเรียนได้ ก็ไม่ได้มีค่ามากไปกว่าอาคารจืดชืดอื่นๆในโลก ไม่ว่าจะนำสัญลักษณ์ประดิษฐ์มาวางไว้ตามจุดต่างๆในตึกอีก สักเท่าไหร่ตึกใหม่ก็ไม่สามารถแทนที่ตึกเก่าได้ อย่างน้อย ก็ ใ นหั ว ใจของศิ ษ ย์ เ ก่ า ทุ ก คน โรงเรี ย นนี ้ ต ้ อ งการตึ ก เก่ า โรงเรียนนี้ต้องการ ความหลัง ร่วมรณรงค์ทุบตึกใหม่ สร้าง ตึกเก่า เพือ่ ให้โรงเรียนฟูเฟือ่ งเช่นในอดีต ลุงศิษย์เก่าเขาได้บอกอะไรที่น่าสนใจอย่างหนึ่งแก่ผม บนยอดสุดของตึกสูงนั้น เขาบอกว่ามีรูปปั้นที่แสดงอำนาจ ของศาสนาวางไว้อยู่ด้านบนสุด เป็นรูปปั้นของสตรีผู้ยิ่งใหญ่ ในศาสนาท่ า นหนึ ่ ง ผมเชื ่ อ เลยว่ า เธอคงจะเป็ น ผู ้ ห ญิ ง ที ่ ม ี ค วามสุ ข ที ่ ส ุ ด ในโลกแน่ น อน ทำไมหรื อ ? ก็ เ พราะว่ า เธอได้มีโอกาสขึ้นไปรับอากาศดีบนชั้นที่สูงที่สุดของตึกใหม่ เธอสามารถขึ้นไปอยู่ ณ ที่ๆสูงที่สุดนี้ได้ โดยไม่จำเป็นจะต้อง ขึ้นผ่านชั้นล่างไปก่อน เธอ ผู้ถูกกำหนด ให้อยู่ในที่สูง ตั้งแต่ ก่อนทีจ่ ะเกิด ตราบจนเธอตาย ผมอิจฉาเธอเหลือเกิน เคยมีเด็กคนหนึง่ บอกเอาไว้วา่ ผมอยากเรียนทีน่ ่ี แต่พอ่ แม่ไม่อนุญาต ท่านจะจับผม ส่งเข้าโรงเรียนรัฐอย่างเดียว ผมไม่พอใจพ่อกับแม่ ผมหนี ออกจากบ้าน ผมชอบโรงเรียนนี้ ผมตั้งใจจะให้มันเป็นบ้าน ของผม เพื่อนนักเรียนนิสัยดีมาก พยายามเข้าหาผมตลอด แรกๆก็คุยกันธรรมดา แต่หลังๆรู้สึกเหมือนพวกเพื่อนนักเรียน จะเริ่มพูดอะไรที่ไม่ค่อยจะน่าฟังสักเท่าไหร่ บางทีผมก็รำคาญ ผมพยายามเข้าไปในเขตโรงเรียนหลายต่อหลายครั้ง ติดที่ยาม ที่ไม่เคยปล่อยให้เข้าไป ผมมีเป้าหมาย ผมมองไปที่มันทุกวัน ได้แต่เฝ้ามองมันอยู่ทุกวัน จนวันหนึ่งผมสังเกตเห็น เห็นสิ่ง ทีเ่ ป็นเสมือนเงือ่ นไขในการเป็นนักเรียน และเป็นบัตรผ่านประตู ของผม ผมเห็นเพื่อนนักเรียนที่ ดูท่าทางจะไม่ได้อยากเข้า ไปในโรงเรียนคนหนึ่งเดินออกมา ผมเห็นว่าเค้ามีบัตรผ่าน ที่ไม่ได้ต้องการจะใช้ ผมจึงเอามัน มาเป็นของผม ผมทำได้ ทุกอย่างครับ แค่ให้ผมเข้าไปได้กเ็ ป็นพอ ผมหลงใหลในตัวตึก ผมหลงใหลในความสูง โรงเรียนนีช้ ว่ ยตอบสนองผมได้ดเี หลือเกิน ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ ง ความสูง หรือในเรือ่ งของตัวตึกด้านในโรงเรียน โรงเรียนทีร่ กั ผมกำลังจะเข้าไป
2X
13
2003
ด้านในโรงเรียน เคยมีแมวตัวหนึง่ บอกเอาไว้วา่ เมีย๊ ว
ก๋วยเตีย๋ วเนือ้ ไม่งอกทีห่ นึง่
14
แมวโรงเรียน
สัตว์ทุกชนิด มักจะมีความ น่ารักในตัวมัน จริงมั๊ยครับ ไม่ว่าจะ หมา แมว นก ปลา ขอเพี ยงแค่เ รา ได้ลองเลี้ยงมัน ดูแลมัน เล่นกับมัน เราก็จะหลงเสน่ห์สัตว์เหล่านั้นอย่าง ไม่รู้ตัว ดังเช่นเจ้าแมวอ้วนสีขาวลาย ส้ ม ที ่ อ ยู ่ ณ โรงเรี ย นของเราไงครั บ ใช่แล้วครับ อาร์เทอร์ (Arthur) นั่น เอง (ช่วงหลังๆบางคนก็เรียกว่าเรยา แต่ชื่ออาร์เทอร์ถูกเรียกมาก่อนมีละคร แรงเงาครับ) หากนึกไม่ออกว่าตัวไหน ให้ ลองนึ กถึ ง เจ้ า แมวอ้ ว นที ่ เ คยชอบ นอนอยู่ในห้องธุรการตัวนั้นแหละครับ ความน่ารักของมันอยู่ตรงไหนน่ะเหรอ ..แน่นอนว่าเป็นแมวย่อมต้องน่ารักอยู่ แล้ว ยิ่งกับนิสัยขี้เล่นและเข้ากับคน ง่ า ยของมั น แล้ ว ทำให้ ม ั น มี ด าเมจ ความน่ารักมากขึ้นเป็นทวีคูณเลยที เดียว (ถึงช่วงหลังๆมานี้จะเริ่มหยิ่งๆ หน่อยก็เหอะ คงเพราะมันเห็นคนเล่น กับมันเยอะละมั้ง... =.=” ) และแน่ นอนว่าจะต้องมีคนเข้ามาเล่นมากอด มันเพราะความน่ารักอยู่เยอะ ทั้งเด็ก นักเรียนตั้งแต่ ม.ต้น ยันม.ปลาย ไม่ เว้นแม้แต่พวกครูเอง ว่าแต่เจ้าเหมียว นี่มันมีความเป็นมายังไงล่ะ !? ... ตกลงชื่ออะไร ? เริ ่ ม จาก ชื ่ อ ของมั น ก่ อ นเลย หลายคนคงคิ ด ว่ า เอ๊ ะ เห็ น บางคนเรี ย กมั น ว่ า ”เรยา” แต่ ท ำไมคนเขี ย นกลั บ เรี ย กว่ า “อาร์ เ ทอร์ ” ตกลง มั น ชื ่ อ อะไร ยั ง ไง งง ... เรื ่ อ งชื ่ อ นั ้ น จะเรี ย กว่ า “อาร์ เ ทอร์ ” หรื อ “เรยา” ก็ ไ ด้ น ะครั บ ถ้ า หาก เป็ น ชื ่ อ ”อาร์ เ ทอร์ ” ละก็ มั น เป็ น ชื ่ อ ที ่ ร ุ ่ น พี ่ โ อแมคท่ า น หนึ่งเคยตั้งไว้ให้ก่อนจะมีละครแรงเงา ส่วนชื่อ ”เรยา” นั้น เป็นชื่อที่พวก มิสๆ ทั้งหลายตั้งให้มันอีกที เพราะนิสัยของ มั น คื อ ชอบเล่ น แต่ ก ะพวก ผู ้ ช าย และตอนนั ้ น ละครเรื ่ อ ง แรงเงาก็ ก ำลั ง ฉายอยู ่ พ อดี จึ ง ได้ ช ื ่ อ เรยาไป และมั น ก็ ม ั ก จะหันมาหาเมื่อเรียกมันด้วยชื่อนี้ซะส่วนใหญ่
มาจากไหนเนี่ย ? อันนี้ข้อมูลก็ค่อนข้างคลุมเครืออีกหล่ะ เพราะบางคนก็ว่า มั น เป็ น แมวจรจั ด หลงเข้ า มาแล้ ว ติ ด ใจเลยอยู ่ ม าเรื ่ อ ยๆ บางคนก็บอกมันเป็นแมวของบราเดอร์เฟิร์น ( ภารดาทักษบุตร ไกรประสิทธิ์) ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วมันมาจากไหน มันชอบอยูที่ไหน ? นางไม่ค่อยอยู่เป็นสุขเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการ นั่งๆนอนๆอยู่บนเก้าอี้ในห้องธุรการ ว่างๆก็ออกมาเดินเล่นรับ ลมชิวๆแถวๆตึกฟ.ฮีแลร์ ถ้าเจอเด็กหรือครูที่คุ้นหน้าก็จะเดิน เข้าไปนัวเนียนิดหน่อย แล้วก็จะโดนอุ้มกลับมาห้องธุรการ 15
และออกไปเดินใหม่อีกรอบ =.=” ถ้าตอนเช้าๆวันไหนที่เบื่อๆ ก็อาจจะออกมาเดินเล่นทั้งๆที่เด็กเข้าแถวเคารพธงชาติกันอยู่ ซึ ่ ง ก็ ส ร้ า งสี ส ั น ในตอนเช้ า ไม่ น ้ อ ย บางครั ้ ง เกิ ด คึ ก ขึ ้ น มาก็ อาจจะขึ้นไปบนตึก ฟ. แล้วเดินร่อนไปตามห้องต่างๆ ให้เด็ก นั ก เรี ย นอุ ้ ม มาเล่ น ถ่ า ยรู ป เล่ น เป็ น ต้ น หรื อ วั น ดี ค ื น ดี ก็อาจโดนอุ้มไปขึ้นห้อง =w=” เอาเป็นว่า นางอยู่ได้ทุกๆที่ใน โรงเรียนนี้แหละฮะ มันเป็นแมวเส้น ตอนนี้มันดูไมไดเลยอยูในกรง มันเปนอะไรหรอ ? มันถูกรถชน T^T ไม่หรอก จริงๆแค่เกือบชนทำให้มันพยายามปีนหนีขึ้นไปตรงบริเวณทีวีจอใหญ่ แต่ก็พลัดตกลงมา... จากนั ้ น มั น ก็ ค ลานไปหน้ า ห้ อ งธุ ร การ และนอนอยู ่ ต รงนั ้ น วันต่อมามิสสุกัญญามาพบเข้าจึงพามันไปหาพี่สัตวแพทย์ ซึ ่ ง เป็ น ศิ ษ ย์ เ ก่ า ในตอนแรก อาเทอร์ ต ายแล้ ว รอบนึ ง แต่ ม ั น ดั น ฟื ้ น ขึ ้ น มาได้ อ ีก (เย้~) สงสัย เป็นโควต้าเก้าชี ว ิ ต หลังจากนั้นก็ค่อยๆพักฟื้นกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถ กลั บ มาโรงเรี ย นได้ (ยั ง ไม่ ไ ด้ เ ขี ย นใบลาเลย) แต่ อ าเทอร์ ก็ ย ั ง ต้ อ งเสี ย ขาหลั ง ไป ทำให้ ไ ม่ ส ามารถเดิ น ได้ คลาน ได้อย่างเดียว T^T
จับแมวคุย
คุยกับมิส
มิสนพวรรณ เปลี่ยนขำ (มิสเกียร) มิส : ก็เลยกลายเป็นว่า น้องเขาก็เลยมี 2 ขา มันเหมือนกับ กระดู ก สั น หลั ง มั น จะเรี ย งตั ว ใหม่ เลยมี ล ั ก ษณะที ่ ไ ม่ ค ่ อ ย สมบูรณ์นัก แต่ก็มีความสุขนะที่น้อง เร กลับมา 16
E : รักษามากี่เดือนแลวครับ คาใชจายเยอะมั้ย มิส : 2 เดือนจ๊ะ ซึ่งตอนไปที่คลินิกเขาก็สงสารมันน่ะ ถ้าอยู่ รวมค่าอาหารก็ 100 บาท ต่อวัน ก็ถือว่าไม่แพงเพราะโรง พยาบาลส่วนใหญ่ก็ราคานี้ ค่ายาประมาณ 3000 กว่าๆแล้ว แต่ช่วงแรกๆจะแพงหน่อย เพราะว่า ค่าการที่อยู่ห้อง ICU สายกระตุ้นอะไรอย่างนี้ ซึ่งตอนแรกน้องเขาเลือดออกตรง ปอดแต่โชคดีที่ซี่โครงไม่ทิ่มปอด เหมือนแค่มันไปโดนเฉยๆ ก็เลยไม่มีปัญหา แล้วก็เครื่องในเคลื่อนหมด เลยต้องอาศัย เวลาให้มันเข้าที่แต่ยังมีอาการเหมือนกับซึมๆ ก็จะต้องคอยดู เพราะเขาอยู่โรงบาลมานานละ E : แลวนี่ยังตองใสโครงอยูรึเปลาครับ มิส : ต้องใส่ เพราะว่าน้องเขายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได ความ
วันแรกที่แมวสีขาว ลายส้มตัวเมียกลับ จากโรงพยาบาล พร้อมอยู่ในกรง หลังพักฟื้น ถ่าย 10 ส.ค. 13
คล่องตัวได้ลดลงไปแล้ว เพราะฉะนั้นในการที่จะหลบหลีก อะไรก็น้อยลง E : มีใครชวยเหลือเรื่องเงินบางไหมครับ มิส : ก็จะมีนะแบบเป็นmainหลักเลยก็จะเป็น มิสสุกัญญา และก็จะมี มิสเอกอนงค์ มิสสุขจิตต์ อะไรประมาณนี้ จริงๆ เราจะขอบริจาคแต่มันมีคำพูดออกมาว่า แค่แมว ใช้คำว่า แค่แมว พวกเราก็เลยโอเคว่าไม่เป็นไร เราก็จะไม่ขอบริจาค ละ แต่ก็จะมีเด็กนักเรียนเอาเงินห้องที่เหลือมาให้ช่วยๆกัน มิสก็จะมีบัญชีรายรับรายจ่าย แล้วก็มี มิสนุกูล ที่ห้องธุรการก็ช่วยให้ ก็รวมๆกันมา ก็เรื่อยๆแหละ 100 200 บางที ก็เป็นเงินเหลือจากงานนู้น งานนี้ ก็เอามาสมทบ มิสก็จะ ทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละวัน มันมีปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้า
รับบริจาคเนี่ยจะมีบางคนบอกว่าอะไรวะแค่แมว มันไม่ใช่ไง ที่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเนี่ยไม่ใช่อะไร เพราะว่า ถ้ามีคนขอ อยากดูเราจะได้ให้ดูเลยว่าเอาเงินทุกบาททุกสตางค์ใช้ทำอะไร ก็รวมแล้วก็ 20,000 เลยมั้ง แต่ว่าเน๊อะ ทำเพื่อช่วยชีวิต มันก็...นิดหน่อยแหละ แต่นางก็ยังห่วงสวยอยู่นะจะบอกให้ เมื่อวานก็เพิ่งกัดหมอมาเอง ก็อย่างงี้แหละ เหวี่ยง และก็ตบหมา
17
คุยกับหมอ
ชือ่ ปรัชญ์ (สมัยเรียน อัสสัมชัญชือ่ ปรีชญา) เลิศสถิตย์พงษ์ เลขประจำตัว 32222 รุ่น 110 จบปีการศึกษา 2538 E : พี่อยูทันเห็นแมวมั้ยครับ หมอ : ไม่น่าจะใช่ เพราะว่า พี่จบมาก็ 56-38 ได้ 18 ปี เน๊อะ แมว อายุ 18 ปี ก็ต้องแก่หง่ำเหงือกมาก ส่วนเจ้าเรยานั้น จากการดูเรื่องอายุ นั้นไม่น่าเกิน 3 ปี E : พี่มารักษาเจาแมวนี่ไดยังไงครับ หมอ : เรื่องเริ่มตั้งแต่ เช้าวันหนึ่ง มิส โทรเข้ามาหาพี่ ตอน 6.30 ถ้ า จำไม่ ผ ิ ด บอกว่ า แมว โดนอะไรก็ ไ ม่ ร ู ้ เลื อ ดออก จากทางปาก ทำให้พี่นึกถึงเรื่องการถูกวางยาเบื่อก่อนเพราะ ว่า ความเป็นไปได้ว่าถูกวางยา มีมากกว่าโดนรถชน เลย 18
เตรียมเครื่องออกนอกสถานที่ ในแนวโดนวางยาเบื่อ แต่ไม่ ลืมคือยาห้ามเลือด ไปถึง รร. ดูจากอาการ แล้วค่อนข้างก้ำกึ่ง จึงสอบถามจนได้ความว่าโดนรถชน E : รักษายังไงบางพี่ หมอ : ก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องลึกในแนวทางโดนรถชน ตรวจสภาพต่างๆ ประเมิณคะแนนทางการรับรู้ของแมว ความ เสี่ยงในการเคลื่อนย้าย จากนั้นก็เอาเข้าไปที่ร้านของเพื่อน พี่ซึ่งสามารถทำการ admit ได้ พี่โทรแจ้งเพื่อนพี่ให้ stand by ไว้ อย่างน้อยก็จะเร็วขึ้น แม้แต่วินาทีเดียวก็ยังดี ไปถึง ก็เข้าน้ำเกลือทางเส้นเลือด ยากันช็อกไม่ต้องฉีดแล้ว เพราะ เพราะว่ า ได้ ม ามากกว่ า 100% จากนั ้ น ฉี ด ยาปฏิ ช ี ว นะ แล้วให้พักในห้องเงียบๆ ดูอาการว่า มีอะไรคืบหน้าบ้าง โดย เฉพาะเลือดออกในปอด แมวสามารถหายใจล้มเหลวได้ตลอด เวลา เพราะว่าเลือดทั่วปอดแทนอากาศ หลังจากดูอาการ
ออกไปขุดหลุมกลางค่ำกลางคืน เดีย่ วโดนหาว่าเล่นไสยศาสตร์ กับศพแมวอีก พรุ่งนี้ค่อยจัดการต่อละกัน เวลาก็ผ่านไปจนถึง 5.30 น. เพื่อนพี่ลงมาเข้าห้องน้ำ เลยเดินไปเขี่ยตัวเรยาดู เรยาดึงขากลับ เพื่อนพี่ตกใจเล็กน้อย เรื่องการที่เรยาสามารถ กลับขึ้นมาได้นั้น ทางตำราฉุกเฉินของคนแจ้งไว้ว่า การที่ สัญญาณชีพที่วัดด้วยเครื่องตรวจชีพจรนั้น ถ้าไม่พบสัญญาณ ชีพ 10 นาที ถือว่าตายแล้ว แต่ในร้านพีไ่ ม่มเี ครือ่ งวัดสัญญาณ ชีพ มีแต่มือที่จับชีพจร ซึ่งไวน้อยกว่าเครื่อง 1000 เท่า จึง ไม่สามารถจับได้ การที่ให้น้ำเกลือไหลไปเรื่อยๆ ในระดับ ที่เหมาะสม สามารถทำให้ระบบไหลเวียนโลหิต โดยเฉพาะ หั ว ใจ สามารถทำงานขึ ้ น มาได้ อ ี ก ครั ้ ง อธิ บ ายง่ า ยๆ คื อ restart เครื่อง
ถึ ง ช่ ว งบ่ า ยโมง พี ่ ป ิ ด ร้ า นตอน 20 น. แล้ ว ก็ ไ ปรั ก ษาตาม บ้านตามที่ได้นัดเอาไว้ เสร็จหลังสุดท้ายตอน 22 น. แล้ว จากนั้นก็ไปฟังสรุป ว่าในช่วง 12 ชั่วโมงที่ผ่านมาเกิดอะไร ขึ ้ น กั บ เรยาบ้ า ง ข้ อ สรุ ป คื อ ไม่ ส ามารถหยุ ด เลื อ ดที ่ ป อดได้ และแมวมี ค วามเครี ย ดค่ อ นข้ า งสู ง การที ่ จ ะนำไป x ray ที่ร้านอื่นมีความเป็นไปได้ต่ำมาก ร้านพี่กับเพื่อนพี่ไม่มีเครื่อง x ray สรุ ป ว่ า จะเพิ ่ ม ยาห้ า มเลื อ ด + ยากั น ระบบไหล เวียนโลหิตล้มเหลว จากนั้นเปลี่ยนขวดน้ำเกลือเตรียมให้ยา พอเอายาใส่เข้าไปในน้ำเกลือปุ๊ป เรยาก็เริ่มสงบ แล้วก็หลับ ไปเลย ชีพจรเต้นช้ามาก ตาย....... แมวตายแล้ววววววว E : แตมันฟนขึ้นมานิครับ ? หมอ : เวลาตอนนั้นคือ 23.30 น. แมวที่ครูที่โรงเรียนฝาก ฝังไว้มาก็กลายเป็นฝากให้มาฝัง 02.00 น. ของวันใหม่ เรยา ก็ยังอยู่ในท่าเดิม เพื่อนพี่ก็บอกว่า ปล่อยไว้งี้แหละ เดี่ยวถ้า
E : หลังรักษาฟนแลว มันทำตัวดีมั้ยครับพี่ หมอ : นางเริม่ แผลงฤทธิ์ ป้อนยาไม่กนิ เริม่ สู้ แต่ไม่สามารถสูเ้ พือ่ น พี่ได้ เพื่อนพี่ดุกว่า อาหารการกินอุดมสมบูรณ์แบบอันนี้ฉันไม่ ชอบ ฉันไม่กนิ ฉันคว่ำจาน โหดเหมือนในหนังญีป่ นุ่ เลย ยากูซา่ ไม่ชอบอาหารที่ภรรยาทำให้ คว่ำโต๊ะทิ้ง แกนางเร แกมากเกิน ไปแล้ ว เพื ่ อ นพี ่ เ ปลี ่ ย นอาหารจน ชี ถ ู ก ใจ แล้ ว ก็ ก ิ น ไม่ ย ั ้ ง แต่นางชอบกินกลางคืน แอบกินเงียบๆ ในร้านเพื่อนพี่จะมี หมาคอยเดินเฝ้าไปมา หมาตัวนี้ชื่อ ไอ้ด๊อง มันเป็นลูกไล่ ของแมวทุกตัว โดนเรยาตบได้สองสามที เพราะว่าจะไปแย่ง อาหารเรยาในกรง ขาของเรยาเริ่มมีแรงมากขึ้น แต่สิ่งที่คิด ไว้อีกอย่างก็เกิดขึ้น คือแผลกดทับจากปัสสาวะกัด ก็รักษา กันไป จากนั้นเริ่มทำการบริหารขา แล้วทำที่ห้อยโยคะ ให้ นางชิน วันแรกๆนางก็โอเคนะ แต่หลังๆไม่โอเค นางลอดตัว ออกมาได้ จึงต้องทำเข็มกลัด กลัดติดไว้เลย นางลอดออก มาไม่ได้ แต่นางใช้ขาหน้าโหนกรง ท่าดึงข้อได้ ไอ้แมวคอมมานโด อยู่มาตั้งนานทำไมยังไม่อึ เพราะว่าระบบประสาท ในการเบ่งอุจจาระไม่ทำงานไง แต่อาศัยว่าของใหม่ดันของเก่า อย่างเดียวพอป่าววะ หมอสองคนเริ่มปรึกษากัน แล้วมองหน้า เจ้าเรยา ให้สวนอึเจ้าเรยาเนี่ยนะ โหดจะตายชัก ไอ้แมวโหด หลังจากตกลงปลงใจแล้วว่าต้องสวนอึเจ้าเรยา ไม่งน้ั มันต้องป่วย อีกโรคเพิม่ แน่ๆ คือโรคท้องผูกดีไม่ดสี ามารถเหนีย่ วนำให้เกิดการ ติดเชื้อในกระแสเลือดตามมาได้ สวนแล้วเรยาร้องลั่นเหมือน แมวถูกเชือด...... หลังจากที่โล่งตูดแล้ว ชีก็ไม่ยอมมองหน้า พี่กับเพื่อนพี่ไป 3-4 วัน เอาอาหารมาให้ก็ไม่กิน แต่มีคนจะ แย่ ง ชี ต บ ทำนองให้ แ ล้ ว ให้ เ ลยกู ไ ม่ ก ิ น ไม่ ไ ด้ ห มายความ ว่าจะให้คนอื่น แล้วแอบไปกินเงียบๆ ช่วงกลางดึก ช่วงนี้เอง แหละเพื่อนพี่โดนงับพองับแล้ว แล้วเหมือนการปลดปล่อย ชีเริ่มทำตัวดีขึ้น หลังจากป้อนยามานานพอสมควร ทำการ กายบริหาร ชีก็เริ่มสบายตัวมากขึ้น ชีเปิดกรงเองได้ พอชี เปิดกรงได้ปั๊ป วิ่งแทดๆ หนีเลย ตามจับกันจ้าละหวั่น ไอ้ด๊ อ งหมายาม เห่ า เลย ทำนองว่ า หมอ หมอ มี แ มวหนี 19
มี แ มวหนี เลยตามจั บ ทั น หลั ง จากเหตุ ก ารณ์ น ั ้ น มี อ ี ก เหตุ ก ารณ์ ห นึ ่ ง คื อ ตอนตรวจตากั บ ป้ อ นยา เรยาวั น นั ้ น ชีไม่สบอารมณ์ ชีเหวี่ยง ใช้แขนเหวี่ยง เพื่อนพี่ซวยอีกแล้ว แขนเป็ น รอยเต็ ม แขน แต่ ซ วยกว่ า คื อ ตั ว เรยา ข่ ว นตา ตัวเองทั้งสองข้าง เฮ้อ แล้วเมื่อไรจะได้กลับโรงเรียนวะไอ้เรยา รักษาตาไป ป้อนยากันไป พยุงตัวกันไป ทุกอย่างก็เริ่ม ดีขึ้น จนกลับมาได้เหมือนที่น้องเห็น E : นาสงสารทั้งหมอทั้งแมวครับ ... แลวแบบนี้มันจะกลับมาเหมือนเดิมมั้ยครับ หมอ : เรยาจะกลั บ มาเป็ น เหมื อ นเดิ ม หรื อ ไม่ คำตอบ ณ ปัจจุบัน ตอบเลยว่ายากที่จะกลับมาได้ 100% แต่ดีกว่าแมว หลายๆตัวที่ไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ต้องตายลง แต่ต้องทำ ให้สดุ ความสามารถ อาการดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ขาจากที่ เคยแข็งเกร็ง ต้องใช้แรงพยุงตัวเรยามาก ก็ใช้แรงพยุงน้อยลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี และหลังจากนี้ไปพี่หวังว่ามันจะดีขึ้นอีก E : พี่อยากบอกอะไรกับนองๆมั้ยครับ หมอ : ทุ ก ชี ว ิ ต มี ค วามงดงามในตั ว ของมั น เอง จึ ง อยาก ที่จะให้น้องๆ เห็นคุณค่าของทุกๆชีวิต นะครับ
คุยกับพี่
E : เริ่มเจอแมวตั้งแตประมาณตอนไหนจำไดมั้ยครับ ตอนประมาณ 128 อยู ่ ม 1 ประมาณนั ้ น เจอครั ้ ง แรกก็ ไม่ ไ ด้ เ จอในห้ อ งธุ ร การนะ แต่ เ ห็ น มั น เดิ น ไปมาตอนเย็ น ๆ แถวๆลานแดง หน้าตึก ฟ.
E : มีใครตั้งชื่อใหมันมั้ยครับ ตอนแรกๆเลยที ่ เ จอมั น ก็ ไ ด้ ย ิ น คนเรี ย กมั น ว่ า แมวยาม แมวห้องธุรการ แมวบราเดอร์เฟิร์น แต่ก็ไม่เคยได้ยินใครตั้ง ชื่อให้มันจริงๆจังๆนะ ผมก็เลยตั้งชื่อให้มันซะเลย Arthur
E : มันอัพเวลยังไงครับ กวาจะมีคนเลนดวย โหววว เท่ า ที ่ จ ำได้ ก็ เ ห็ น เด็ ก นั ก เรี ย นพยายามเล่ น กะมั น (แกล้ ง มั น ) ตั ้ ง แต่ แ รกที ่ เ จอมั น ละหละ พวกมิ ส มั ส เซ่ อ ร์ ก็เล่นกะมัน ตอนแรกๆเห็น ม. เดชา จะเอ็นดูมันเป็นพิเศษ อันนี้เล่าจากเท่าที่เคยเห็นนะ จริงๆอาจมีครูคนอื่นที่เอ็นดูมัน มากกว่า ม. เดชา ปี ต่อมา ตอน รุ่น 128 อยู่ ม. 2 มี ซ้อม เชียร์ ก็เห็นมีพวกผูป้ กครอง AC Band ทีม่ ารับ นักเรียนตอนค่ำๆ เริม่ เจอมัน และก็ซอ้ื อาหารมาให้มนั ฝากไว้ทป่ี อ้ มยาม (ทีป่ นี น้ั AC Band ต้ อ งซ้ อ มค่ ำ เพราะ จะต้ อ งไปเล่ น marching ที่งานจตุรมิตร)
E : ทำไมถึงชื่ออารเทอรหรอครับ แลวทำไมถึงมีคนคิดวามันเปนแมวบราเดอร ขอตอบเรื่องบราเดอร์ก่อนนะครับ ฮ่าๆๆ เพราะมีคนบอกว่า เคยเห็นบราเดอร์อุ้มมันไปมา เคยได้ยินเด็กบางคนบอกว่า บราเดอร์พามันขึ้นไปนอนในห้องบราเดอร์ด้วย เรื่องนี้จริง ไม่จริงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ อะ ทีนี้เรื่องชื่อ อาร์เทอร์คือช่วงนั้น ประมาณปี 2008-2009 มี ก าร์ ต ู น ญี ่ ป ุ ่ น เรื ่ อ งนึ ง กำลั ง ดั ง ผมก็ติดเรื่องนี้มาก "Code Geass" ในเรื่องมันมีแมวอยู่ตัวนึง เป็นแมวทีช่ อบเดินไปมาในโรงเรียนมัธยมทีต่ วั เอกของเรือ่ งเรียน อยู ่ แมวตั ว นั ้ น ชื ่ อ อาร์ เ ทอร์ ผมก็ เ ลยตั ้ ง ชื ่ อ แมวโรงเรี ย น เราตามแมวในการ์ตูนครับ
E : พอรูมั้ยวามันมาจากที่ไหน หมายถึ ง ก่ อ นที ่ ม ั น จะเดิ น ไปมาตอนค่ ำ มั น อยู ่ ท ี ่ ไ หนใช่ มะครับมันนอนในห้องธุรการนะ แต่พอค่ำหน่อย ยามเดิน มาปิดห้อง ยามก็จะไล่มันออกมาจากห้องอะ 20
E : ทำไมเลือกเอาแมวจากการตนู เรือ่ งนีม้ าตัง้ ชือ่ อะครับ จริงๆ ก็ชอบโดราเอมอนนะ ฮ่าๆๆ แต่พอดีเนื้อเรื่อง Code Geass มันโดนใจ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ เด็กมัธยม 2 คน
จริงๆ Marie Ann เป็นชื่อย่อ มาจาก "Marie Antoinette" E : ทำไมเปนชื่อแนวๆนี้หมดเลยอะพี่ ฮ่ า ๆๆ คื อ เคยไปสวนกุ ห ลาบ แล้ ว ไปเจอว่ า โรงเรี ย นเขาก็ มีแมวโรงเรียนเหมือนกัน มีหลายชื่อ แตชื่อนึงที่สะดุดหูมากๆ คือ "พระเจ้าวิสกัส ที่ 2" ฮ่าๆๆๆ (พระเจ้าวิสกัส ที่ 1 ก็มี แต่ ต ายไปแล้ ว ) เออ เลยคิ ด ว่ า เอ๊ ย งั ้ น เรายอมไม่ ไ ด้ เขามี พ ระเจ้ า วิ ส กั ส งั ้ น เราก็ ม ี Marie Antoinette ฮ่ า ๆๆ พอดีเราเป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งโดยฝรั่งเศสด้วย E : เคยมีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับมัน(ตัวเมีย)มั้ย ความทรงจำเกี่ยวกับมัน ... จริงๆก็มีนะ แต่ไม่ขอเล่า ขอเก็บ ไว้คนเดียวดีกว่า เคยมีความหลังกับแมว ฮ่าๆๆๆ E : มันเคยทำไรตลกๆมั้ย ก็ เห็นมันชอบนอนท่าน่ารักๆนะ นอนเอาเท้าหน้ามาปิดตา แล้วหลับแบบจริงจังมาก E : มันดุรึเปลา เท่ า ที ่ ส ั ง เกตุ ก็ ไ ม่ ด ุ แต่ ช อบเล่ น แรงๆ ซึ ่ ง ก็ เ หมาะกะเด็ ก โรงเรียนเราดี ชอบไปเล่นกะมันแรงๆก่อน ฮ่าๆๆ
กระทำการปฏิวัติโลก โค่นล้มอำนาจเบื้องบนที่เขาคิดว่ามัน กดทับเขาอยู่ หรือที่ทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่แฟร์สำหรับเขา E : ไดยินมีคนเรียกมันวาเรยาอยูดวยนะครับ ใช่ๆ เมื่อประมาณปี 2 ปีที่แล้ว มีคนเรียกมันว่า เรยา ก็โอเค นะ แต่ส่วนตัวไม่คิดว่าบุคลิกมันจะเหมือนตัวละคร "เรยา" สักเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ E : แมวตัวนั้นเปนตัวเมียไมใชหรอครับ ทำไมพี่ตั้งชื่อมันวา "อารเทอร" ซึ่งเปนชื่อผูชาย อ๋อ เรือ่ งนีเ้ ป็นอุดมการณ์สว่ นตัวนิดนึง ฮ่าๆๆ คือ มันน่าเบือ่ นะ ที่ต้องมาคอยแยกว่า สิ่งนี้เป็นของผู้หญิงสิ่งนั้นเป็นของผู้ชาย อันนี้ผู้หญิงทำได้ อันนี้ผู้ชายทำได้ ไอ้ กรอบกำหนดเรื่องเพศ เพศสภาพ อะไรเนี่ย อยากให้ก้าวพ้นๆกันไปซะที เลยจงใจ ตั ้ ง ชื ่ อ แมวตั ว เมี ย ด้ ว ยชื ่ อ ผู ้ ช าย เป็ น สั ญ ญะว่ า แมวตั ว นี้ได้ก้าวพ้นเรื่องประเภทนั้นไปได้แล้ว ฮ่าๆๆ เพ้อเจ้อส่วนตัว E : อีกตัวที่เปนตัวผูแลวสีเหมือนกันหละครับ มีครับ เห็นว่ามีอีกตัว สีเหลืองๆส้มๆเหมือนกัน แต่ตัวนั้น ผอมกว่านะ หางสั้น เป็นตัวผู้ ผมตั้งชื่อมันว่า Marie Ann
E : รูมั้ยวามันปวยอยู รู้ว่ามันป่วยครับ จริงๆข่าวที่ออกมาตอนแรก คือ มันตาย วันนั้นเป็นเช้าวันเสาร์ ประมาณเดือนกว่าๆเกือบ 2 เดือน ก่อน ตอนนั้นแบบ ตกใจ!! ยืนไว้อาลัยนิ่งไประมาณเกือบนาที เห็นจะได้ เค้าบอกว่า มันโดนรถกระบะที่มาส่งของแคนทีน ทับตอนเช้ามืด แต่ต่อมา มีคนบอกว่ามันกลับมาหายใจแล้ว แต่ก็เจ็บหนักมาก คงต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนาน ก็โล่งใจ ขึ้นนิดนึง E : มันนารำคาญใจบางมั้ยครับ ไม่รำคาญใจเลย จริงๆแล้ว วันที่ผมมาโรงเรียนแล้วได้เจอมัน รู้สึกดีกว่า วันที่ไม่ได้เจอนะ ฮ่าๆๆ E : มันเหมือนใครในโรงเรียน ให้เปรียบเทียบอาร์เธอร์กับใครในโรงเรียน ... อืมมม ไม่ตอบ!! ขอเก็ บ เอาไว้ ค นเดี ย วอี ก แล้ ว มั น เกี ่ ย วกั บ คำถามเรื ่ อ ง ความหลังกับแมวตัวนี้อะ ฮ่าๆๆ E : สุดทาย มีอะไรอยากบอกแมวครับ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆจริงๆ ='.'= เรื่อง : ดินสอสีคราม 21
,
22
EVITA PERON
1919-1952
สตรีหมายเลขหนึ่งผูอยูเบื้องหลังความสำเร็จของ จวน เปรอง อดีตประธานาธิบดีอารเจนตินา
“ที่ฉันตองการจะเรียกรองสิทธิใหกับผูหญิงก็เพราะฉันรูดี วาพวกผูหญิงตองอดทนกับอะไรบาง”. Evita Peron I demanded more rights for women because I know what women had to put up with. เอวิต้า เปรอง หรือ มาเรีย เอวา ดูอาร์เต้ เกิดเมื่อ 7 พฤษภาคม 1919 เธอเกิดในครอบครัวยากจน พ่อเสียชีวิตลงตั้งแต่เธออายุ 7 ขวบเธอจึงต้องทำงาน ช่วยแม่หาเลี้ยงชีพ แรกเริ่มเดิมทีเอวิต้า มี ความฝันอยากจะเป็นนักแสดงเธอจึงเดินทางเข้ามาที่บัวโนสไอเรส เพื่อเดินตามความฝันเมื่อปี 1934 โดยเธอได้ทำงานเป็น นักแสดง ละครเวที นักจัดรายการวิทยุ นางแบบโฆษณาและปกนิตยสารต่างๆ ต่อมาในปี 1944 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้น เหล่า ศิลปินรวมถึงเอวิต้าเองก็ได้รวมตัวกันจัดงานหาเงินช่วยเหลือผู้ ประสบภัย ซึ่งในครานั้นประธานาธิบดีเปรโดรามิเรซและพันโทจวน โดมิงโก้ เปรอง ( ณ ตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมแรงงาน) ได้มาร่วมงานด้วยซึ่งนั่นก็คือโอกาสครั้งแรกที่พันโทจวนกับเอวิต้า ได้พบกันซึ่งต่อมาทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาเอวิต้าจึง ค่อยๆช่วยพันโทเปรองในด้านแรงงานและสวัสดิการสังคมอยู่เรื่อย มา จนเธอต้องเลิกอาชีพนักแสดงของเธอในที่สุด ต่อมาในปี 1945 พันโทจวนถูกจับและคุมขังเนื่องจากนโบายด้านแรงงานและสวัสดิ การสังคมของ พันโทจวน เปรอง ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ของผู้ใช้แรงงานและคนยากจนทำให้เกิดความไม่พอใจแก่นาย ทหารบางกลุ่มซึ่งในตอนนั้นเอวิต้าเองก็ขอเข้าไปอยู่ในเรือนจำกับ พันโทจวนด้วยแต่ก็โดนปฏิเสธเธอจึงเดินทางไปตามโรงงานและ สหพันธ์แรงงานต่างๆเพื่อปลุกระดมคนงานให้ปกป้องและปลด ปล่อยพันโทเปรอง จนวันที่ 17 ตุลาคมของปีเดียวกันเหล่าสหพันธ์ แรงงานก็รวมตัวประชุมกันเรียกร้องให้ปลดปล่อยตัวพันโทจวน ซึ่ง รัฐบาลก็ต้องปล่อยตัวพันโทจวนให้เป็นอิสระ พันโทจวนเข้าพิธี สมรสกับเอวิต้าในวันที่ 22 ตุลาคมของปีนั้น ซึ่งจากผลงานต่างๆ ทีท่ ง้ั คูไ่ ด้ทำ พันโทจวนจึงเป็นตัวเก็งในการลงรับเลือกตัง้ ประธานา ธิบดี ซึ่งในปี 1946 พันโทจวนก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดี คนใหม่ของอาร์เจนตินา และเอวิตา้ ก็ได้ขน้ึ เป็นสตรีหมายเลข 1 ของ อาร์เจนติน่า ด้วยวัยเพียง 26 ปี เอวิต้าอุทิศตัวของเธอเพื่อปฏิรปู สังคมอย่างสันติ ตามแนวคิดของเธอรวมทัง้ ในเรือ่ งการศึกษาของ เยาวชน สวัสดิการสังคม การรักษาพยาบาล และสิทธสตรีอย่าง ไม่ ร ู ้ จ ั ก เกรงกลั ว และเหน็ด เหนื่อ ยใดทำให้เธอเป็นขวั ญ ใจของ ประชาชนในเวลาอันสั้น และการโหมงานทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็ทำให้ เธอล้มป่วยลงในที่สุด เมื่อประชาชนเรียกร้องให้เธอและพันโทจวน
ลงสมั ค รรั บ เลื อ กตั ้ ง ชิ ง ตำแหน่ ง ประธานาธิ บ ดี ส มั ย ที ่ ส อง โอกาสนั้นเอวิต้าเดินทางมาพบประชาชนผู้ชุมนุมกันอยู่ที่ จตุรัสมาโยด้วยสภาพที่อ่อนแอจากอาการป่วยถึงขนาดที่ไม่ สามารถยืนได้ด้วยตนเองเธอเรียกร้องให้พวกเขาสนับสนุน เปรองในการต่ อ สู ้ ต ามวิ ถ ี ท างของระบอบประชาธิ ป ไตย จนถึงเมื่อ ถึงวันเลือกตั้ง วันที่ 11 พฤศจิกายน 1951 เป็น ครั ้ ง แรกที ่ ส ตรี อ าร์ เ จนติ น ามี ส ิ ท ธิ ใ นการลงคะแนนเสี ย ง ตามนโยบายที่เอวิต้าเรียกร้อง ต่อมาในวันที่ 24 มกราคม 1952 รัฐสภามีมติให้ขนานนาม เอวิต้า เปรอง ว่าเป็น "ผู้นำ ทางจิตวิญญาณของประชาชาติ" หลังจากนามนัน้ ถูกขนาน ไว้เพียงสองวัน เวลาเช้ามืดของวันที่ 26 กรกฏาคม 1952 สำนักข่าวรายงานว่าอาการป่วย ของเอวิต้าเข้าสู่อาการโคม่า และตอนสายของวันเดียวกันนั้นสำนักข่าวรายงานว่า เอวิต้า เปรอง ได้จากประชาชนชาวอาร์เจนตินาของเธอไปชั่วนิรันดร์ ด้วยอาการมะเร็งปากมดลูก ศพของเธอถูกนำไปไว้ที่สหพันธ์ แรงงาน โดยได้รับการอารักขาอย่างเข้มแข็ง แต่เมื่อรัฐบาล ของประธานาธิบดีเปรองถูกปฏิวัติโดยคณะทหาร ศพของเธอ ก็ถูกเนรเทศไปอยู่ที่มิลาน ประเทศอิตาลี เป็นเวลานานเกือบ 20 ปี จนเกิดการปฎิวัติครั้งใหม่ และคณะปฏิวัติชุดนี้จึงมอบ ศพของเธอคืนให้เปรองซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศสเปน จนเมือ่ ปี 1974 ศพของเธอถูกเคลือ่ นย้ายกลับมาทีอ่ าร์เจนตินา ณ สุสาน La Corleta บ้านเกิดของเธอ 23
SIMPSON 1896-1986 หญิงมายชาวอเมริกัน ผูที่พระเจาเอ็ดเวิรดที่8 แหงสหราชอาณาจักร ยอมสละราชบัลลังคเพื่อมาอภิเษกสมรสดวย
“เพราะวาฉันไมมีอะไรชวนใหมองดังนั้นสิ่งเดียวที่ฉันจะทำได ก็คือ แตงตัวใหดูดีกวาคนอื่นๆ”. Wallis Simpson
I'm nothing to look at,so the only thing I can do is dress better than anyone else
วอลลิส ซิมป์สัน หรือ เบสซี วอลลิส วอร์ฟิลด์ เกิดเมื่อ 19 มิถุนายน 1896 ที่บลูริดจ์ซัมมิต เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา หลังจากเกิดมาได้ไม่นานพ่อของเธอก็เสียชีวิตเธอจึงได้รับ การอุปถัมภ์จากลุงของเธอที่เป็นมหาเศรษฐีในรัฐแมรี่แลนด์ เธอเติบโตมาในสังคมของชนชั้นสูงมาโดยตลอด จนเมื่ออายุ 20 ปี เธอได้พบรักกับ เอิร์ล วินฟิลด์ สเปนเซอร์ จูเนียร์ นักรบ ของกองทัพอากาศ สหรัฐอเมริกา ชีวิตรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้ ราบรื่น แม้จะอยู่กันได้นานพอสมควร แต่ก็ต้องหย่าขาด กันใน 10 ปี ต่อมา ผ่านมาไม่ถึงครี่งปี วอลลิสก็ได้พบรักกับ เออร์เนสต์ อัลดริช ซิมป์สัน เศรษฐีชาวอเมริกัน ทั้งคู่ย้าย มาอยู่ในลอนดอนทันทีที่แต่งงาน ด้วยความที่ทั้งคู่มีพื้นเพ มาจากชนชั้นสูง ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสพบปะเหล่าชนชั้นสูงของ อังกฤษอยู่บ่อยครั้ง จนวอลลิสได้มาพบกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุคแห่งวินเซอร์ (สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ) ซึ่งนั่นเอง ก็เป็นจุด เริ่มต้นให้ ทั้ง 2 ได้สานต่อความสัมพันธ์เป็นต้นมา 24
ไม่นานนัก วอลลิส ก็ต้องหย่าขาดกับเออร์เนสต์ ตั้งแต่นั้นวอลลิส และเจ้าชายเอดเวิร์ดได้ปรากฏพระวรกายต่อหน้าสาธารณชนร่วม กันตลอดมา ตลอดเวลาที่วอลลิสปรากฏตัว ทุกๆคนก็มักจะจับ ตามองแฟชัน่ การแต่งตัวของเธอ เพราะเธอมักจะสวมใส่เสือ้ ผ้าทีแ่ สน จะดูดีเรียบหรูสม่ำเสมอ จนเธอกลายเป็นหนึ่ง ในแฟชั่นไอคอน (ผู ้ น ำทางด้ า นแฟชั ่ น ) ของยุ ค 80 ทั น ที ซึ ่ ง ก็ ย ั ง มี อ ิ ท ธิ พ ล มาจนปัจจุบัน เมื่อธันวาคม ปี 1936 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดได้ขึ้น ครองราชย์และเลื่อนยศเป็นสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แต่ยังมิได้ ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษกก็ประกาศว่ามีประสงค์จะสละราชบัลลังค์ เพื่อจะได้สมรสกับวอลลิส ซึ่งแม้ว่าทางกฎหมายแล้ว พระองค์จะสามารถอภิเษกสมรสกับวอลลิสและยังคงเป็นกษัตริย์ อยู่ได้ แต่คณะรัฐมนตรีขอพระองค์กลับคัดค้าน การอภิเษกสมรส โดยโต้แย้งว่าประชาชนจะไม่ยอมรับวอลลิส แต่พระองค์ก็ทรงเลือก ที่จะอภิเษกสมรสกับวอลลิสแทนที่จะเลือกราชสมบัติ จนเป็นผลให้ สมเด็จพระเจ้าจอร์จ ที่ 6 ได้ขึ้นครองราชย์แทน ต่อมาในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงได้รับมอบหมายให้ประจำการในกองกำลังทหารอังกฤษ ในประเทศฝรั่งเศสทำให้วอลลิส ต้องย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสด้วย แต่ก็มีข้อกล่าวหาลับเกิดขึ้นว่าว่าเจ้า ชายเอ็ดเวิร์ดทรงเข้าข้างฝ่ายนาซีเยอรมันก็เลยถูกออกคำสั่งห้ามไม่ ให้กลับเข้าราชอาณาจักรอีกเลย จนทั้ง 2 คนต้องไปอยู่ที่ บัวเดอบูโลญ ปารีสประเทศฝรั่งเศส โดยวอลลิสก็ทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ในการ ดูแลสามีตลอดมาเธอไม่มีผู้ชายอื่นใดและยังคงรักแม้เจ้าชายจะหา ได้มีซึ่งยศหรือตำแหน่งอันยิ่งใหญ่เยี่ยงแต่ก่อนจนเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ทรงสวรรคตด้วยโรคมะเร็งหลอดลมในปี 1972 วอลลิสอยู่เคียงข้าง เจ้าชายจนวินาทีสุดท้ายหลังจากนั้นเธอก็ไม่มีสามีใหม่แต่อย่างใด และเธอก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ที่บัวเดอบูโลญ จนวันที่ 24 เมษายน ของปี 1986 ลมหายใจของวอลลิสก็หมดลง เหลือไว้แต่ ตำนานรักอันร้าวฉานและยิ่งใหญ่ ไว้ให้โลกใบนี้ได้ระลึกถึง
จากเรื่องราวของสตรีผู้ทรงอิทธิพล 2 คนในเบื้องต้น ผู้ที่เราทุกๆคน ไม่อาจลืมได้ มันก็คงจะเป็นข้อพิสูจน์อันแน่แท้แล้วว่า กฏเกณฑ์ที่ กล่าวว่า "Men Rule,Women Follow" คงจะไม่เป็นจริง เพราะถ้า หากกฏนี้เป็นจริง โลกใบนี้ก็คงจะไม่มีเอวิต้า เปรอง ผู้นำทางจิต วิญญาณของประชาชาติ ผู้แหวกช่องลืมตาอ้าปากให้สิทธิสตรี ผู้ อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ จวน เปรอง และคงจะไม่มีวอลลิส ซิมป์สันผู้พิสูจน์ให้เห็นความเลื่อมล้ำทางสังคม ว่าผู้ชายที่ผ่านการ แต่งงานแล้วมาพบรักใหม่เป็นเรื่องปกติ แต่พอเป็นผู้หญิง มันกลับ กลายเป็นความแพศยา กลายเป็นความผิด แม้เธอจะผ่านการแต่ง งานมาถึง 2 ครั้ง แต่เธอก็พิสูจน์ให้โลกเห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์ และยิ่งใหญ่ที่เธอมีให้แก่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด แม้ในยามที่พระองค์ ไม่ ได้มีมรดกกองระฟ้าเหลืออยู่ เธอเลือกที่จะรักคนที่หัวใจ ใจของเธอ และเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มิใช่เพียงจากยศฐาน บรรดา ศักดิ์อย่างที่ใครว่ากัน... ทั้งสองจึงเป็นตัวอย่างที่ได้พิสูจน์แล้ว ว่าสตรีเพศไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อตามหลังบุรุษเพศต้อยๆไปจนตาย หากแต่มีความคิด จิตใจ และจุดยืนที่สง่างามในแบบของตนเอง
25
ถ้ าพูดถึงบรรยากาศเก่าๆในสมัยก่อนนั้นคนจำพวก จิ๊กโก๋ จิ๊กกี๋คงจะเป็นที่รู้จักกันดีของผู้คนในสมัยนั้น โดยเฉพาะ
ตำนานขาโจ๋ “ โก๋ ห ลั ง วั ง ”ที ่ ใ ครได้ ย ิ น ก็ ค งต้ อ งร้ อ งอ๋ อ !รวมถึ ง คนในสมั ย นี ้ ก ็ ค งจะเคยได้ ย ิ น ผ่ า นหู ผ ่ า นตากั น มาบ้ า ง… หากจะเอ่ ย ถึ ง โก๋ ห ลั ง วั ง เชื ่ อ ว่ า หลายๆคนคงจะนึ ก ถึ ง ย่ า น วั ง บู ร พา(ภิ ร มย์ ) ดิ โ อสยาม ศาลาเฉลิ ม กรุ ง เป็ น แน่ แต่ ส ำหรั บ คนเฒ่ า คนแก่ หรื อ คนในย่ า นนั ้ น คงไม่ ม ี ใ ครไม่ ร ู ้ จ ั ก ร้ า น “ออน ล็ อ ก หยุ ่ น ” ซึ ่ ง เป็ น ร้ า นที ่ ร วมตั ว เก๋ า ไม่ ว ่ า จะเป็ น คนในวงการ ดารา คนเฒ่ า คนแก่ จิ ๊ ก โก๋ จิ ๊ ก กี ๋ สารพั ด สารเพที ่ ม านั ่ ง ตั ้ ง วงคุ ย กั น พร้ อ มทานอาหาร เครื ่ อ งดื ่ ม ชา กาแฟ กันไปพลางๆ ออน ล็อก หยุน่ (ON LOK YUN) ภาษาจีนกลางอ่านว่า “อาน เล่อ หยวน” ซึ ่ ง มี ค วามหมายว่ า สวนที ่ ม ี แ ต่ ค วามสุ ข ความปลอดภั ย ซึ ่ ง ในสมั ย นี ้ ร ้ า นกาแฟ นี ้ ก ็ ย ั ง คงมี ค วามหมายเฉกเช่นในวันวานเพราะเป็นร้านที ่ เ ปี ่ ยมไปด้ ว ยมนต์ เ สน่ ห ์ ของสภากาแฟในสมัยนั้นและก็ยังเป็นที่พูดถึงกันยาวนานกว่า 70 ปี โดยร้านนี้ยัง คงบรรยากาศในยุ ค ก่ อ นไม่ ว ่ า จะเป็ น โต๊ ะ เก้ า อี ้ ท รงกลมแบบโบราณ(มากๆ) ตู ้ ใส่ของที่ใส่พวกถ้วย ชาม ช้อน ซ้อม และเครื่องปรุงต่างๆที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ กระป๋ อ งไมโลแบบรุ ่ น โบราณเก๋ า กึ ๊ ก ที ่ ว างตกแต่ ง เรี ย งรายไว้ ใ นตู ้ โ ชว์ เ ก่ า ๆหน้ า ร้าน รวมถึงวางไว้ตามตู้ต่างๆเต็มไปหมด ... มันช่างดูสะดุดตาและมีเสน่ห์แตกต่างจากร้านกาแฟโบราณ อื่นๆที่เคยเห็นซะเหลือเกิน หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดคลาสสิคกันพอแล้ว Convince & Lively และรุ่นพี่ OMAC อีกคนก็เริ่มจะ หิ ว กั น ซะแล้ ว แหละครั บ พวกเราเลยจ้อ งมองไปบนเมนู อาหาร เครื ่ องดื ่ มต่ า งๆที ่ ติ ด ไว้ บ นผนั ง เหนื อ ตู ้ ว างของที ่ ส ู ง ซะเหลื อ เกิ น ชะเง้ อ หน้ า มองเมนู ก ั น ซั ก พั ก ก็ เ ลย ตั ด สิ น ใจถามลุ ง ซึ ่ ง น่ า จะเป็ น เจ้ า ของร้ า นว่ า “ลุ ง ครั บ อะไรอร่ อ ย?” ลุ ง เขาอมยิ ้ ม เล็กๆแล้วบอกว่า “อร่อยทุกอย่างแหละหนุ่ม แต่ถ้าจะให้ลุงแนะนำก็มี ไมโลเย็น ชุดอาหารเช้า ขนมปังสังขยา ขนมปังชุบไข่ทอดหน่ะ” พวกเราเลยตัดสินใจสัง่ หมดนีเ่ ลย 555 พอนัง่ รอไปซักพักก็เห็นคนเวียนเข้า-ออกกันตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน ไม่วา่ จะเป็นเก๋า รุ่นพ่อ หรือใหม่รุ่นลูก ทุกโต๊ะก็จะสั่งแบบนี้คล้ายๆกันหมด 26
ขนมปงชุบไข
หลังจากนั่งสังเกตการณ์ซักพักพวกเราก็สรุปเลยว่าเมนูเรคคอมเมนของทางร้านที่ทุกๆโต๊ะต้องสั่งนั่นก็คือไมโลเย็น ชุ ด อาหารเช้ า ขนมปั ง ปิ ้ ง ตามด้ ว ยขนมปั ง สั ง ขยานั ่ น เอง จนในที ่ ส ุ ด ลุ ง ก็ น ำอาหารที ่ ส ั ่ ง มาเสิ ร ฟ์ ล งบนโต๊ ะ กลมๆพวก เราถึงกับตกใจเล็กน้อยกับอาหารและเครื่องดื่มแต่ละอย่างที่ใส่จานกระเบื้องโบราณสีขาวเล็กๆ และจัดเรียงอาหารแบบ ง่ายๆ ช่างดูเรียบหรูซะจริง อาหารแต่ละอย่างหน้าตาดูธรรมด๊า ธรรมดา เหมือนอาหารทั่วๆไปที่เคยเห็น แต่พออ้าปากลองชิมเท่านั้น แหละถึงกับรู้เลยว่าทำไม? ร้านเล็กๆอย่าง ออน ล็อก หยุ่น ถึงเปิดมาได้ถึง 70 (กว่า) ปี อย่างชุดอาหารเช้าที่มีไข่ดาว ไส้กรอก หมูแฮม เบคอน กุนเชียงจานนี้ ไข่ดาวสุกกำลัง พอดี ไส้กรอกทอดก็นิ่มมากๆกำลังอร่อย เบคอนทอดก็ทอดได้กรอบมาก ทุกๆอย่าง ช่างลงตัวเพอร์เฟค ส่วนขนมปังสังขยา ตัวขนมปังก็นิ่มมากๆแถมขนมปังก็เป็นแบบ ไร้ขอบ ตัวสังขยาก็หอมมากและจุดเด่นของสังขยาจานนี้ก็คงเป็นการที่เขาได้ราดนม สดลงไปในตัวสังขยา หอม หวาน ละมุนมาก และไมโลเครื่องดื่มเรคคอมเมนแก้วนี้ ก็มีรสชาติหวานกลมกล่อมกำลังพอดี หอมนมข้นจืดอีกด้วย ดื่มแล้วหายเหนื่อยจาก การเดินทางเป็นปลิดทิ้งไปเลยทีเดียว… อีกทั้งอาหาร เครื่องดื่มทั้งหมดของทางร้านราคาถือว่าไม่แพงเลย • เครื่องดื่มร้อน-เย็น ราคาตั้งแต่ 20-30 บาท • ขนมปังปิ้ง2แผ่น(ราดนม/น้ำตาล/ไมโล) ราคาตั้งแต่ 20-35 บาท • ขนมปังสังขยา ราคา 26 บาท • ชุดอาหารเช้ามีตั้งแต่จานเล็กอยู่ท้อง จนถึงจานใหญ่แก้หิว ราคาตั้งแต่ 45-75 บาท สำหรับเพื่อนๆที่อยากจะลิ้มลองรสชาติที่เรียบหรู และอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศกรุ่นกลิ่นของวันวานในยุคขาโจ๋โก๋หลังวังเคล้ากับบรรยากาศรุน่ เก๋าสไตล์ สภา กาแฟทีจ่ ะได้เห็นถึงผูค้ นทีแ่ วะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายต้องมาทีร่ า้ น ออน ล็อก หยุน่ ทีเ่ ดียวเท่านัน้ !! ร้าน ออน ล็อก หยุ่น เปิดทุกวันเวลา 05.00 – 16.00 น. ร้านเป็นตึกแถวสองชั้นหนึ่งคูหา ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุงซอย 4 อยู่ข้างโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง มากันได้งา่ ยๆเลยจากถนนเจริญกรุง ตรงมาทางโรงภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมกรุง ร้านตั้งอยู่ด้านข้างโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง อยู่ตรง ข้ามร้านคาเมลลา แต่ถ้าใครนั่งรถเมล์มา ก็สามารถขึ้นสาย 1 และตรง ปรื้ด มาจอดที่ป้ายรถเมล์สามยอด แถวโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุงได้ เลย ส่วนคนไหนที่ขับรถมา ก็สามารถจอดรถ ได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้า ดิโอลด์สยามพลาซ่า แล้วเดินมาที่ร้านกันได้เลย … หรือ เพื่อความแน่ใจใน การเดินทาง หรือโทรสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อสายตรงถึงร้านได้ ที่เบอร์ 02-223-9621 ได้เลยครับ :) by Convince & Lively
27
ส วัสดีครับทานผูอาน กลับมาสูฉบับที่ 2 ของ AC Echo
อี ก ครั้ ง นะครั บ ครั้ ง นี้ เ ราก็ จ ะมารี วิ ว หนั ง เช น เคยนะครั บ กลั บ มากั บ เรื่ อ ง The Wolverine หนั ง ฟอร ม ยั ก ษ ข อง ซี รี ย ส X-men อี ก ครั้ ง ครั บ ที่ กํ า กั บ โดย เจทส แมนโกลด โดยคราวนี้ จ ะเจาะไปทางเนื้ อ เรื่ อ งของ "วู ฟ เวอรี น " หรื อ โลแกน โดยตรงครั บ
Mov Rev
โดย เดอะวู ฟ เวอรี น ภาคนี้ ผู ที่ ยั ง คงรั บ บทเป น วู ฟ เวอรี น หรื อ โลแกน ก็ คื อ ฮิ ว จ แจ ค แมน อี ก เช น เคย โดยเรื่ อ งนี้ จะมี ก ารถ า ยทํ า ที่ ญี่ ปุ น ครั บ เพื่ อ ถ า ยทอดเรื่ อ งราวในอดี ต ของโลแกน และเหตุ ก ารณ ใ นป จ จุ บั น ของเขา ในการดํ า เนิ น เรื่ อ งจะมี เ พี ย งบางฉากเท า นั้ น ที่ ช มแล ว จะ ดู อื ด อาด และล า ช า โดยรวมๆแล ว จั ด ว า ดํ า เนิ น เรื่ อ งได ดี และไม น า เบื่ อ เลยที เ ดี ย วครั บ เราคงทราบเกี่ ย วกั บ มนุ ษ ย ก ลายพั น ธุ ค นนี้ ดี เราได เ ห็ น เค า มาในหลายๆภาค ในภาพยนตร ซี รี ย ส X-men เขา คื อ บุ รุ ษ ผู มี ก ระดู ก เป น เหล็ ก อาดาแมนเที่ ย ม ซึ่ ง เป น เหล็ ก ที่ แ ทบจะไม ส ามารถทํ า ลายได เ ลยที่ เ ดี ย ว อี ก ทั้ ง เขายั ง มี พ ลั ง พิ เ ศษ คื อ การรั ก ษาตั ว เอง ทํ า ให เ ขาเป น อมตะ จากที่ เ ราได ดู ใ นหลายๆภาคแล ว ชี วิ ต ของเขา ได ผ า นอะไรมามากมาย เมื่ อ เราได พ บกั บ เขาในภาคนี้ เขาได ห ลบหนี ซ อ นตั ว จากสั ง คมในโลกป จ จุ บั น และไป อาศั ย ในภู เ ขาแทน เพราะเขาได เ นรเทศตั ว เอง จาก เหตุ ก ารณ ใ น X-men :The Last Stand ที่ เ ขาได ทํ า การ ปลิ ด ชี พ มิ ว แทนต สาวที่ เ ขารั ก เขาจึ ง ได ใ ช ชี วิ ต อยู ไ ปวั น ๆ
MOVIE REVIEW THE WOLVERINE 28
เมื่ อ ภาพยนตร ไ ด ดํ า เนิ น ก็ เ หมื อ นกั บ ตํ า นานชี ว ประวั ติ ของเขาได ก ลั บ มาตราตรึ ง ผู ช มอี ก ครั้ ง เมื่ อ ผู นํ า ตระกู ล ยาชิ ด ะ ใกล สิ้ น ชี พ เขาได ส ง คนมาตามหาโลแกนเพื่ อ ที่ จ ะไปตอบแทนบุ ญ คุ ณ ที่ เ คยช ว ยเขาไว ใ นสงครามโลก และนั่ น คื อ จุ ด เริ่ ม เรื่ อ งที่ แ ท จ ริ ง ครั บ เพราะถ า เรื่ อ งมั น แค ไปเคารพก อ นตาย มั น ก็ น า เบื่ อ จริ ง มั้ ย ครั บ และนั่ น คื อ จุ ด เริ่ ม ต น ของป ญ หาทั้ ง หมดครั บ ผม เมื่ อ มี ก ารตาย ก็ ย อ มมี ค วามโศกเศร า และเกิ ด การมอบ มรดกให แต ม รดกที่ จ ะมอบให ก ลั บ เป น ผู สื บ ทอดที่ เ ป น หลานสาวไม ใ ช ผู เ ป น พ อ เมื่ อ หั ว หน า ตระกู ล ยาชิ ด ะ ตายไป เขาได ม อบมรดกทั้ ง หมดให แ ก ห ลานสาว และ ส ง ผลให เ ธอกลายเป น ผู ที่ มี อํ า นาจมากที่ สุ ด ในซี ก โลก ตะวั น ออก ทั้ ง หมดนี้ เ ป น โครงเรื่ อ งจริ ง ๆของการดํ า เนิ น เรื่ อ งครั บ โดยตั้ ง แต ต น ที่ ก ล า วมา เรื่ อ งจะดํ า เนิ น ใน ญี่ ปุ น มี ก ารวางฉาก และมุ ม กล อ งไว ไ ด ดี เ ยี่ ย ม ในบางครั้ ง ก็ จ ะแฝงความฮาในฉากซี รี ย ส ไ ด ดี เ ลยที เ ดี ย วครั บ ทํ า ให เ ราไม ตึ ง เครี ย ดไปกั บ เนื้ อ เรื่ อ งจนมากเกิ น ไป ซึ่ ง ส ว นนี้ จ ะทํ า ให เ นื้ อ เรื่ อ งพลิ ก โฉมจากบทแข็ ง ๆกลาย เป น บทที่ มี ค วามลื่ น ไหลมากขึ้ น หลายๆคนคงได ยิ น เสี ย งวิ จ ารณ ใ นแง ล บต า งๆว า ฟอกซ บ า ไปแล ว รึ เ ปล า จั บ ลุ ง วู ฟ มาสู กั บ นิ น จาเอย เฮี ย แกไป ญี่ ปุ น บ า รึ เ ปล า หรื อ ในแง ห ลายๆแง ที่ ทํ า ให ห นั ง เรื่ อ งนี้ ไม น า ดู ผมขอให คุ ณ ยกเรื่ อ งที่ คุ ณ ได ยิ น ทั้ ง หมดออกจากหั ว ของคุ ณ ไปเลยครั บ เพราะที ม ผู ส ร า งได ถ า ยทอด ได ดี เ กิ น คํ า บรรยาย จนเหมื อ นกั บ ตบคํ า วิ พ ากษ วิ จ ารณ ในแง ล บกลั บ ไปหมดเลย เรื่ อ งราวสามารถลงตั ว กั บ ฉาก ในญี่ ปุ น ได ดี ม ากครั บ ทั้ ง การถ า ยทํ า และความแปลกใหม ด ว ยความที่ ไ ม ไ ด เ น น ความแปลกใหม ข องมิ ว แทนต ความอลั ง การงานสร า งแบบภาคก อ น แต ใ ช ค วามแปลก ของถิ่ น ฐาน ทํ า ให เ นื้ อ เรื่ อ งได ล งตั ว แบบเรี ย บๆ
บทของวู ฟ เวอรี น เมื่ อ ได ม าอยู ใ นญี่ ปุ น แน น อนเลยว า ต อ งเป น สภาพแวดล อ มใหม ข องโลแกน การมาเยื อ นใน สถานที่ ที่ ไ ม เ คยมาเหยี ย บยํ่ า ความแตกต า งทั้ ง ด า น วั ฒ นธรรม ขนบธรรมเนี ย ม และประเพณี ศั ต รู ใ หม ที่ ไม เ คยพบพานมาก อ น ย อ มสร า งความแปลกใหม ใ ห คนดู การได เ ห็ น ฮี โ ร ม ะกั น มาเยื อ นถึ ง แดนปลาดิ บ ย อ ม สร า งความน า สนใจเป น ธรรมดา เป น การผสมผสาน ความเป น ตะวั น ตกและตะวั น ออกที่ อ อกมาได อ ย า งลง ตั ว มาก และเมื่ อ เขาต อ งใช ชี วิ ต เอาตั ว รอดอย า งคนธรรมดา มั น ยิ่ ง ทํ า ให เ นื้ อ เรื่ อ งน า สนใจยิ่ ง ขึ้ น อี ก ครั บ ด ว ยการตี บ ทที่ แ ตกกระจายของฮิ ว จ แจ ค แมน ทํ า ให คนดู ไ ด เ ห็ น และรู จั ก ตั ว ละครของเขามากขึ้ น ได เ ห็ น โลก ด ว ยมุ ม มองของเขามากขึ้ น ได เ ห็ น ความเป น มนุ ษ ย มี ค วามรู สึ ก นึ ก คิ ด มี หั ว ใจแบบคนปกติ ทั่ ว ไป ไม ใ ช สั ต ว ร า ยหรื อ อะไรจากที่ เ ราเห็ น จากภาคก อ นๆ มี มิ ติ ขึ้ น หลั ง LDP. จากเป น แค ช ายท า ทางเถื่ อ นๆคนนึ ง 29
?
ě Ė
?
»ทุ ก ¦´ ครั ้งÊ ¸ทีÉÁ่เ ·ป Á °¤ Á¦µ¤´ ดเทอม เรามั ก ³¤¸ จะมีÁเ « µ¨´ ทศกาลสั ÇÁ « µ¨® ¹ ้นÊ ๆเทศกาลหนึ É ่ง Ťn ไม¦รo ¼ªูวµn าÄ ¦Á È ใครเป น ´ คนตั ¹ ้งÊ ขึ้นÊ ¤µ ®¦º มา หรื°อ°µ ³Á È อาจจะเป น ¦³Á¡ ¸ ประเพณี ท¸É ี่ต · ิด°¥¼ อยู n ก ´ ับ ´สั ง ¤Å ¥Á¦µ ´ คมไทยเราทั æ Á¦¸ ้งÊ โรงเรี¥ย Á° ¨³Ã¦ Á¦¸ นเอกชน และโรงเรี¥ย ¦´ นรั ฐ µ¨ บาล v§ ¼ “ฤดู ต¦ª ¤w รวจผม” Ťn ไม ท¦µ ªn ราบวµาÁ¦µ ª¦ ³ ¸ เราควรจะดีÄใ ®¦º จหรื°อŤn ไม ท¸É¤ี่ม¸§ีฤ ¼ดู กµ¨ ¸ าลนี้อÊ°¥¼ยูÁn เ ¸คี¥ย ง oขµา ´ งสั ง ¤Å ¥ ¨° ¦³¥³Áª¨µ®¨µ¥¦o คมไทยตลอดระยะเวลาหลายร°อ¥ ¸ ยป ´น ับ ´ตั  n ้งÊ แตส¤´มั¥ย ¦µ¤ สงครามè  n โลก แต ดÁ¼ ูเ®¤º หมื°อ Á¦µ ³¥´ นเราจะยั ง°¥¼ อยูÄn ใ ¤´ นสมั¥ย ¦µ¤Ã¨ Á¡¦µ³ » สงครามโลก เพราะทุ ก ¦´ ครั ้งÊ ¸ทีÉ ่ Á ·เป Á °¤Á¦µ ³Á®È ดเทอมเราจะเห็ น«¡ ´ ศพนั กÁ¦¸เรี¥ย ¸ นทีÉ ่น ´É ั่ง°¥¼ อยู n บ¦·ริÁเª ¨µ ¸ วณลานทีÉÄ่ใ oชÁเ oขµา ª แถว Á º ´ ั้นÊ พอบµา ¦ Ťn เนืÉ°่อ µ v ¦ ¤w Ťn งจาก “ทรงผม” ไม ผµn า ¤¸ น มีÅไ¤nมส ¡° o ง ทรงไม ถ ¼ ูก oบµา ¦ Ťn ง ทรงไม ¼ถู กÄ o ใจบµา ง ´สั Ê ้น n แคÅไ® ¹ หนถึ ง ³ ¼ จะถู ก oต°อ " ง? Ä ¦ ¸ ในกรณี ท¸É¥ี่ย ´ ัง Ūo คงไว ซ ¹É ึ่ง Á¦º กฎเรืÉ °่อ ¦ ¤°¥¼ งทรงผมอยู n ¹ถึ ง¤o แมªวµn า ¤ ³Å¤n ผมจะไม Á®È เห็ น oดªว¥ ´ ยกั บÁ¦ºเรืÉ °่อ ¸ งนี้ Ê Îสํµา®¦´ หรั บ ´ตัªว ¤Á° Ťn ผมเองไม¤ม¸ ีป´ ญ®µ ´ หากั บ µ¦ ´ การตั ด´สั ้นÊ Á¡¦µ³¤´ เพราะมั น Èก็ส µ¥®´ บายหัªว ¸ดี Áª¨µ¦³ ¤Á È เวลาสระผมเช็ ดÄ®o ใหÂแ®oห ง nงµา¥¤µ ยมาก  n แต¤ม ´ ัน Èก็Áเ Èป นÁ¡¸ เพี¥ย ¨¡¨°¥Å o งผลพลอยไดÁเ nทµา ´นั µ¦Á È ้นÊ การเช็ ด ¤ ผม Ä®o ใหÂแ®oห ง nงµา¥Å¤n ยไม°อµ Á È าจเป น »จุ ด ¦³ r ประสงค®ห¨´ลั ก ° ของ ¸ กฎทีÉÁ่เ ¸กีÉ¥่ยª ´ วกั บ µ¦«¹ การศึ ก¬µÅ o ษาไดÁเ¨¥  n ลย แตÁเ¤ºมืÉ°่อ °¥µ Ä®o กฎอยากใหÁเ¦µ ´ ราตั ด ¤´ ผมสั ¨o ้นÊ แลªว oต°อ ´ งสั ้นÊ Â n แคÅไ® ´ หนกั น ¹ถึ งÁ¦¸เรี¥ย ªn กวµา v ¼ “ถู ก oต°อ w ง” oถµาÄ ¦ ´ ใครทั น¤´ สมั¥ย nก°อ ® o นหนµา ¸นี้ Ê Å¤n ไม ก¸É ี่ป¸ ³¤¸ จะมี กµ¦ Î ารกํµา® Ä®o หนดให ขo µา ® o งหนµา ®oหµา¤Á · มเกิ น ¤ Å o 4 ซม. ไถดµา o นขµา Ä®o งให ขµªÇ าวๆ Ťn ´ o µ ®¨´ µ ¸ o µ ® o µ È ไมกันขางหลัง บางปขางหนาก็ตo °อ ง ¥µªÅ¤n ยาวไมÁเ ·กิ น · 2 นิ้วʪ¤ºมื°อ °´ (อั น ¸นี้แʨoลªว  n แต ดª º วง) ถื°อÁ Èเป น¸สีส ´ ัน ¨o แลªว n แต » คนคุ¤ม Ä Â n กฎในแต¨ล³ ¸ ะป ¸ทÉ®ี่ห¤»มุ นÁª¸เวี¥ย น ´กั นÅ ¨´ ไป ลั ก¬ ³«¸ ษณะศี¦ร¬³ °  n ษะของแต¨ล³ะ È คนก็Åไ¤nมÁเ®¤º หมื°อ ´ นกั น µ ´ บางคนตั ด¨o แลªว ¼ดู ด¸ ี  n แต บµ ¸ างที กÈ ็ก¨µ¥Á È ลายเป น ¨ o ตลก ต°อ ¨ » งลงทุ นÄn ใส Áº เสื้อÊ° ´กั น® µª ¸ หนาวทีɤ่ม¸®ีห¤ª ¨» มวกคลุ¤ม oดµา ®¨´ นหลั ง ¥°¤Á® º ยอมเหงืÉ°่อ ° ® o ตกตอนหนµา¦oร°อ ´ นกั นÁ¨¥ ¸ เลยทีÁเ ¸ดี¥ยª Á¡¦µ³ ªµ¤ ว เพราะความ
?
®¨µ ®¨µ¥Â ¸ หลากหลายแบบนี้ Ê ªµ¤ ¼ ความถู ก oต°อ ¦· งจริ งÇ Ä ¦³Á ¸ ๆ ในกฎระเบี¥ย ° บของ ¦ ¤ ¹ ทรงผมจึ ง ¹ขึ้นÊ °¥¼ อยู n ก ´ ับ ¼ผูo ค¤» ุม ¸ กฎทีÉÁ่เ Èป น¤ » มนุ¬ษ¥rยÁเ®¤º หมื°อ ´ นกั น ¹ซึ É ่ง¤¸มี¦ร · สนิ¥ย¤ม nสªว » นบุ ค ¨Â¨³Á°µÂ n คลและเอาแนÁเ°µ ° Ťn อานอนไมÅไ oดÁเ®¤º หมื°อ ´ นกั น ¹ กฎจึ งŤn ไม¤ม¸ ี ªµ¤ ¼ ความถู ก oต°อ ¸ งทีÉ ่ตµ¥ ´ ายตัªว Á¡¦µ³ ªµ¤Á¦¸ เพราะความเรี¥ย ¦o บร°อ¥Å¤n ยไม¤ม¸®ีห nนªว¥Ä ª´ ยใดวั ด Å o ไดªวµn าÁ¡¸ เพี¥ย ¡° ®¦º งพอ หรื°อ ªµ¤ ¼ ความถู ก oต°อ ° ¤´ งของมั นŤŠo ไมได°อ¥¼ยู n ท¸É ี่คªµ¤´ วามสั ้นÊ ¥µª ° ¦ ¤Â¨³ ªµ¤Á¦¸ ยาวของทรงผมและความเรี¥ย ¦o บร°อ¥ ° ´ ยของนั กÁ¦¸เรี¥ย ®µ  n น หากแตÁเ¡¸พี¥ย ง Å o ได¦รo ¼ªูวµn า ´นั กÁ¦¸เรี¥ย Á È นเป น ´นั กÁ¦¸เรี¥ย o นต°อ ´ งตั ด ¤ ´ ผม นั กÁ¦¸เรี¥ย o นต°อ ¥· งยิ น¥°¤ Î ยอมทํµา µ¤°¥n ตามอยµา ªn งวµา nงµา¥ Á n ย เทµา ¸นี้กÊ È ฎก็ บ¦¦¨» รรลุ จ » ุด ¦³ r ประสงค ข° ¤´ องมั นÁ¦¸เรี¥ย ¦o บร°อ¥ย ¨o แลªว ¹จึ งŤn ไม ตo °อ ¤¸ งมี¤มµ ¦ µ µ¥ ´ าตรฐานตายตัªว¤µª´ มาวั ด ªµ¤´ ความสั ¥µªÄ Ä ้นÊ ยาวใดใด ªµ¤Á¦¸ ความเรี¥ย ¦o บร°อ¥Á È ยเป นÁ¡¸ เพี¥ย ¨¡¨°¥Å o งผลพลอยได จµ µ¦ Î ากการทํµาÄ®o ให น ´ ักÁ¦¸เรี¥ย น Á º เชืÉ°่อ ¨³Å¤n งและไม ก¨oลµา ´ตั Î ้งÊ คํµา µ¤ n ถามต°อ¦´รั ฐÁ n เทµา ´นั ้นÊ ¤ ° ´ ผมของนั กÁ¦¸เรี¥ย ´ นนั ¹ ้นÊ จึ ง´สั  n ้นÊ แค v Î “ทํµา µ¤w ¹ ตาม” จึ ง ³ ¼ จะถู ก oต°อ ง ¦ ¤ ¸ ทรงผมทีÉ ่ก¨µ¥Á È ลายเป ¦³Á ¸ นกฎระเบี¥ย บ v Á r “กฎเกณฑw” ¸ทีɤ่ม¸ ีคªµ¤®¤µ¥ µ¤¦µ ´ วามหมายตามราชบั ณ ·ฑิ ต¥ µ ยสถาน ¡ « ªn พ.ศ. 2542 วµา v o “ข°อ Îกํµา® ¸ หนดทีɪ่วµ Ūo างไวÁเ Èป น ®¨´ หลั ก ®¨´ , หลั กÁ r เกณฑw” ¨³Á¤º และเมืÉ°่อ oค น nต°อ v®¨´ “หลั กÁ r เกณฑw” Èก็¤ม¸ ีคªµ¤®¤µ¥ªn วามหมายวµา v®¨´ “หลั ก ¸ทีÉ ่กεํา® Ūo หนดไวÁเ¡ºพืÉ°่อª·วิ น· ิจ ´ฉั¥ย ¨³ · และปฏิ บ ´ ัต · ิตµ¤w Î าม” คํµาªnวµา vª· “วิ น· ิจ ´ฉั¥ยw È ” ก็¤ม¸ ีคªµ¤®¤µ¥ªn วามหมายวµา vÅ ¦n “ไตร ¦° w ¹ ตรอง” ซึ É ่ง µ¤ ªµ¤Á o ตามความเขµาÄ ¤ ใจผม ºคื°อ Îคํµาªnวµา v Á r “กฎเกณฑw” oต°อ ง ¼ถู ก Îกํµา® ¹ หนดขึ้นÊ Ã ¥Ä®o โดยใหÃโ ¥· ดยสิ É ่ง ¸ทีÉ ่กεํา® ¹ หนดขึ้นÊ oต°อ ¤¸ งมีÁเ® » หตุ ¨ ¨³Å ¦n ผล และไตร ต¦° °¥n รองอยµา ง ¸ดี ท¸É ี่จ³ ¨ ¦n ะตกลงรªว¤ ´ มกั น µ¤ªn ถามวµาÁ¦ºเรืÉ °่อ ¦³Á ¸ งระเบี¥ย ¦ บทรง ¤ ¸ É º ° Á È Á r ผมนี่ถือเปนกฎเกณฑ®ห¦ºรื°อ Ťn ไม Á Èเป น ¦´ ครั บ Èก็ กεํา® ¨ Ūo หนดลงไว Ä ¼ ในคู¤n มº°ือ ´นั กÁ¦¸เรี¥ย ¤µÃ ¥ ¨°  n นมาโดยตลอด แต¤ม ´ ันÅ o ได ¼ถู กÅ ¦n ไตร ต¦° ¤µ°¥n รองมาอยµา ¸ งดีÂแ¨oลªวÄ Â n ในแงÄใ ด 31
?
? ?
อยูตรงไหน ªµ¤ · Á®È nª » ¨
³ Î จะกํµา® Ūo หนดไวÁเ¡ºพืÉ °่อ°³Å¦ " อะไร ? ¤Á o Ê ้งใจตอนแรกคงเอาไวÁ¡ºเพืÉ°่อ ปo ° ´ ผมเขµาÄ ªn ใจวµา ªµ¤ ´ ความตั Ä ° ¦ Á°µÅªo องกั น ´ป ญ®µÁ¦º หาเรืÉ °่อ Á®µ ®¦º งเหา หรื°อÁ ºเชืʰæ n ้อโรคตµา ÇÄ ¤´ งๆในสมั¥ย nก°อ  n น แต ต° ¸ อนนีʦ³ ้ระบบ µ µ¦ » ° Á¦µ v ¸ ¹ Ê w ªn µ Á¤º É ° n ° ¤µ ¤¸ µ¦ ¸ ª´ สาธารณสุขของเรา “ดีขึ้น” กวาเมื่อกอนมาก มีการฉีดวัค ¸ซี น ´นั ด ¦ª ¦n ตรวจรµา µ¥Á È งกายเป น¦³¥³°´ ระยะอั น ¸นีÊ ¤ ¹ ้ผมจึ ง ·คิ ดªnวµาŤnไม นµn าÁ ¸เกีÉ¥่ยª ว...
°¸  ª µ ® ¹ É È º°Á¦ºÉ ° ° Á¤º° Å ¥Á È Á¤º° ¦o ° Á¦µ o ° ´ อี ¤´ °´ Ê ¸ Ê n°่ง¥¦´ก็ค ือ¢´เรื Å o ® n°¥  n È°¸ ®¨nน³เมื ÎอµงรŤอน กแนวทางหนึ ่องของเมื องไทยเป oเราต ° Á Èอ งตั ¦ Á o ดผมสั้นµอั ´น นี®µ ¸ ้คอยรัÊ o ªบ¥ 6NLQ +HDG Ťn ฟงไดหนอย แตกÅ็อ oีก " Á¤º หละ °ทํ าไม Å ¥Å¤n n«µ µ¡» ³ ¦´ ¦ · Á± Ťn ¤µ¥ ตองเปÅน o ¤2¸Âทรงเจ าปญ หานี ้ดวย Skin Head ไมไดÅ o?®(เมื อง ªµ¤ªn µ ¤¸ ¦¦¡ » ¦ » ¬ ° Ä ¦Á¸ ¥ ¸ ª · Á¤°Å ¦° ¦ Î É µ ไทยไมไดมีแคศาสนาพุทธนะครับ ทรงสกินเฮดไมไดหมายŤn Å oความว "  nาÁ¨Èมี¤บÇ Ä®o ¥µª nยµชีÁ ¨¸ ¥ ŤnÅ o " ®¦º ° ³Åªo่า ไม¤ รรพบุ ร ¼ ุษ¸ Ťn ของใครเสี วิตเสมอไป) รองทรงตํ ¥µªÇ ´ ³Å¤n ¦º °ไÅ " ¦» ª ผมได ? แค เ à ® ´ ล็มๆ ใหดูดี ไม«¸¦ย¬³¤´ าวจนน าเกลีÅ oย®ดไม ด ? หรื อ¨o จะไว ªµ¤Á È ° ¦o ° ¸Éงµ¤µ¦ Á È o ´ไ ดห ´รื อ · ไง° Á ¸ É¥ª ´ว ยาวๆ กั นÁ¤º แดดโดนหนั ศีรษะมัน จะไม ? สรุปแล ¦ ¤ ¦· ®¦ºอ°งร " ¨³Á o µ ° ®´ªน ¼o ต³¦o ¦o° Ťn่ยวกั µ¤ บ ความเปน เมื อนนี่สามารถเป นบั°ญ ®¦º ญัต°ิขŤnองกฎเกี µ¦ ¡· µ¦ µ ´ ¦· าÇ ®¦º Ê ¤ ¹อ ไม · รªnอµนŤnไม µnสาทรงผมจริ งหรือ Á° Å o ? และเจ ของหั°ว " °´ ผูจะร อ ¸นหรื Á ¸มารถพิ É¥ª°¸ จารณากันเองไดจริงๆ หรือ ? อันนี้ผมจึงคิดวาไมนา เกี่ยวอีก ¤ · ªnµ o ° ¸ ÊÁ o µ nµ» ¨o ª º°Á¦ºÉ ° ªµ¤Á¦¸ ¥ ¦o °¥ º° µ¦ ¸É ¨´ผมคิ ª ´ ดÁ¦¸ว¥าข ³¥o É ° ªµ¤Á®¤µ³ อนี้เข°า¤¸ ทา สุ¤ o ดแลµว¡¼คื อ ¹เรื ่อÁ¦ºงความเรี ยบรอย ¤ ´ µ¨Á «³ ¤ È Á®È oอªมสี ¥ ¦´ผม ¤´ถา พูŤnดÁถึ oงµเรื ´่อ งความเหมาะ ¦¦¥µ µ« คือการที ่กลัวนักเรียนจะย µ¦Á¦¸ ¦¼o µ¦«¹ ¬µ  n ³¤¸บÄ ¦Åªo É ¤µ ¦· Ç สมกับ¥กาลเทศะ ผมก็เห็ น ¹ ด¤oวยครั มันไม เ¤Á È ขากั บ¢ ´ บรรยากาศ Èการเรี ŤnÅ o ยÁ Èนรู Á¦ºการศึ É ° Á¸ก¥ษา ®µ¥°¥¼ ¸ ¸É จ¦´ะมี ¤¥Î ¸ªนµn Á¦µÄ o ¤° งๆ แตถึง n แม ใครไวʵ°¸ผ มเป แฟชั่นมาจริ Á¦¸ก็¥ไม Ťn °µÅ Ä o É ´ส มอง ไดเÅป oนÄ oเรื ่อ¤Á¦¸ งเสี¥ย ³ ¦´ หายอยู ด Áª¨µ ¸ ีนี่ครับ ÉÁผมยํ ้าอีก ที ´ ว¢ ´ าเราใช 32
Áª¨µ ¸ ÉÁ°µÅ Ä o ´ µ¦ ¦ª ¤ ´ ¤ ¤´ È¡°Ç ´ º่น° ªµ¤¥» เรียนไม ไดใชผมเรี ยนนะครับ เวลาที ่เอาไปใช กับแฟชั กับ n ¥µ ª» ÉÁ È ก°»ับ การตรวจผมตั ¦¦ n° µ¦Á¦¸ด¥ผม Á®¤º น คือความยุงเวลาที n ªµ¥ ¸ ่เอาไปใช มัน°ก็ ´ พอๆกั ยากวุนวายที µ¦¥o่เป°น¤¸ µ µ «¹ ¬µ¤´ยนเหมื ŤnÁ®¤µ³°¥¼ อุปÁ oสรรคต อการเรี อนกัน Ân ¨o ª  n¡ ¼ ªnµ ¤´ Á¸¥®µ¥ ¹ ´ Á¸ ° È Å¤n Ä n นÁ¡¦µ³ ¤Á ¦¸ Á ¥พูดวา การย อÊ มสี¥เ ®¦º ขาสถานศึ กษามั ไมเหมาะอยู¥แ Ç È ลว แต ¡µ ® o µ Á¦ºÉ ง°ขั ´้นเสี ย®µ n ¤ ºอ ก็¤µÂ¨o Á¦¸ ¥ Á¨º มันเสียหายถึ คนหรื คงไมªใ ¨³®µ ¤ ¸ ช เพราะผมเกรีÉ ย ´ นๆก็ เคย° ¤µÁ° ´ Ê า 1 Áเรื¦¸ ¥่อ ¦o o ¦· วÇ ¦¼ ȵ¤µ¦ ° Á¦º µ¨ พาดหน Ťn งป°ญ¥ ¦´ หาขม ขืŤnนÅมาแล และหากผมที ่นักเรียÉ °นเลื อก Á «³Á È ¨ ¨³ Î Ä Áª¨µÅ¤n ่อµ มาเองนั ้น¦µ¥ » ไมเรีย บร อยจนรัµบÄ®o ไม ได ´ จÁ¦¸ริ¥ง Á o ๆ ครูµกÄ Å o ็สามารถสอนเรื งกาล ¦¼เทศะเป °µ ³ ° ªn µn Á ºาÉ°ให º°น ¤´ µÄ®oา ใจได ¤° Á¦µÅ¤n ¸Å oน าน Ȫµn นรายบุµค¤´คล Ťnและทํ ักเรี ย Îนเข ในเวลาไม Å Á¡¦µ³¤´ Ťn าµn มัÁ ºนÉ°ไม º°น¨³ Î ¸Å o ¦· Ç Â n ครูอาจจะบอกว าเชื่อถืµอÄ®oมั น ¤° Ťn ทําใหคนมองเราไม ดีไ ดo µก็¥ วา»ไป ¨oเพราะมั ª o µÁ µ°¥µ Á È È Ê า ใหo °ค ¨n °¥Á È ดีไÁ¦ºดÉ °จ ° Á µ Ä®o นไมนาเชื่อ ถื ´ อและทํ นมองไม ริงๆ แตทายÁ µÅ o o ª´ Á° Á¡¦µ³ ´ Á¦¸ ¥้น Á o ¤µÃ¦ Á¦¸ Á¦¸ ¥ ¦¼o µ¦ สุดแลÁ¦¸ว¥ถ ¦¼ าเขาอยากเป นแบบนั ก็ตอµงปล อยเป¥ Á¡º นเรื่อÉ°งของเขา ให «¹เขาได ¬µµ¤µ¦ Î µÄ®oเพราะนั Á µ¦¼oÅ o ªกµn เรี°³Å¦Á®¤µ³¤Å¤n ®¤µ³¤ Ťn Ä n เรียนรูตัวเอง ยนเขามาโรงเรียÁนเพื ่อเรียนรู การ ´ศึ ก ´ษาสามารถทํ °¥nµ Á ¸¥ª ¤ªn µÁ¦ºÉ °ไ ªµ¤Á¦¸ ¥ ¦o °¥°µ ³Á ¸ É¥ª o µ  n าใหเขารู ดวาอะไรเหมาะสมไม เหมาะสม ไมใช È Å¤n » า ¦³ r ®¨´ า ° µ¦ Î µ® Á r Á ¸É¥่ยª ´วบ า ¦ ¤ บังคับÄ nอย งเดียว ผมว เรื่องความเรี ยบรอยอาจจะเกี ง แตก็ ¹คงไม Ê ¤µ Á¡¦µ³Â¨ ¼ ³Á ¸ ° ¦ ·¥า¤¤µ Á · Š¨³¦ · ¤Å¤n ใชจุดประสงค หลัÉ¥กª oของการกํ หนดกฎเกณฑ เกี่ยวกับ¥ทรงผม Ä nขึ้นมา ·É ¸Éเพราะแลดู µ¤µ¦ ´ ´จ ะเกี ´ ่ย ¹วข ´อ Î Êงรสนิ µ¤µ Î µÁ È ¦³Á ¸ Å o ยมไมยมมากเกิ นไป¥และรสนิ ใชสิ่งที่สามารถบั ¦³Á È ง ´คั บ¤µ ¸ ° ³Á È µ¦ ¹ยบได ¦³Á ¸¥ กันถึÉงεขั ´้น นํ ºามาทํ าเปนระเบี ªµ¤Á ºÉ° ªµ¤ªn ¥ªnµ่ส µ¤ Ä®o ¢´ ´ Á Èนการฝ ®¨´ ก ´ระเบี  n Ê ยÁ Èบ Ç ประเด็นµถั nดµมาที ําคัญ คืÁ ºอÉ°คงจะเป µ¦¤¸ o° Î่อµง® °¥n Ê È¤า¸°ตาม ¸ ® nให ª¥ µ ® ¹ º° v ®µ¦w ¸ ความเชื ความวµา ¸ งายว เชื่อฟงกั É น ¸เปÉÄ oน หลั กตั้งแตเด็กÉ ๆ oการมี ° ¦´ ข¢´อ กํ ¨³ · · µ¤ Î É ° ¼ o ´ ´ ´่งที ่ใ µ°¥n µ Á ¦n ¦´ าหนดอย า ´ งนี ้ก็มีอµีก´หน วยงานหนึ ชคือ “ทหาร” ที่ ¹ต อ¤oงรัªบµn ฟ ³Å¤n Á È¤Ä Á¡¦µ³Ä £µª³ » ง และปฏิ บัติตามคําสั่งของผูบ ังÁ ·คั บ Ä ¥µ¤ ¦µ¤ บัญชาอยางเครงครัด Á Èถึง แม Á¦ºÉ °ว ° Î ª ¤µ o ° µ¦ ¼o กεเฉิ µ ¥» ª· ¸ o ° ¦nª¤¤º° าจะไมเต็มµใจ เพราะในสภาวะฉุ น ในยามสงคราม ´เป ¢´นเรื Î่อµงของคนจํ ´ ´ ´ า µ ¨³ Î µ Á ¸¥นª ´ําทางยุ °¥nµท ¤»ธวิ n ธ¤´ี É ต ¹อ งร ³¦° นวนมากµต°¥n องการผู วมมือ Á®¨n กันµฟ¡¨ ®µ¦ ¹ งคําบังคับ บัŤnญ¤ชา¸ ªµ¤ Î และทํµาÁ Èอย า ¨³Å¤n งเดียวกั¤น¸Áª¨µ ³ ´ อยางมุง Î มัÊ ่นµจึ µ¤®µ งจะรอด Îเหล µ °  n ´ Á¦¸ ¥งไม ¹ม É ีคÁ Èวามจํ ¼o า¸É เป o ° Á¦¸ ¥ ¦¼o o °ม °° Å ¡´ Ťn าพลทหารจึ น และไม ีเวลาจะตั้ง คํา µ¦´ ถามหา Ä nคําÅ ¦ ´ o °่ง Á¦¸  nฒµนารั ªµ¤ ตอบ แต Á¦¸น¥ัก ¹ เรีย นซึ เปน¥ผู ¦¼ทo ี่ต¸É อ³°¥¼ งเรีย n นรู ´ ªµ¤ · ตองออกไปพั ฐ ไม ´ µ¦ ´ Ê เรียµนจึ µ¤ ®µ Î ªµ¤ · ¦o µ ¦¦ r · าÁ Èง ความ ใชไ¥ปรบ นัก Î งตองเรีµย ° ¤¸ นรูที่จะอยู กับความคิ ดแตกต ´สงสั Á¦¸ ¥ย ´ ®µ¦ ¹ ¤¸Âหาคํ ª µ ¸ µ  n  nคิ ด³Á È การตั ้งคําถาม าตอบÉ °n มี o ความคิ ดสรµา Áªo งสรรค เปน v¥»นักª ®µ¦w ¦ ¤ ´ ¹ Ê ³¤Á® » ¤ ¨ าง เวนแตจะเปน เรียนกับทหารจึงมีแนวทางที ่คอนขางแตกต “ยุวชนทหาร” กฎทรงผมนั้นจึงจะสมเหตุสมผล
กฎเปนขอตกลงระหวาง 2 ฝาย แตเรื่องทรงผม ผมวาที่ ผานมาเราตกลงกันอยูฝายเดียวกันนะครับ ถาหากมันเปนขอบังคับจากทางกฎกระทรวงผมก็รับฟง แตเราก็คงตองพูดกันอีกยาว เนื่องจากภายใตรัฐธรรมนูญ เราก็มีเรื่องสิทธิเสรีภาพอยู ซึ่งผมวา การที่เรามาพูดคุยกัน ถก และตกลังกัน จะดีกวาปลอยปญหาทิ้งไว โดยอางกฎอยางเดียว กลัวเด็กไทยจะมีปญหาเนื่องจากไมมีกฎระเบียบ ? ผมวาอยางนี้เราคงตอง “ถอนรากถอนโคน” กันเลยหละ ครับ เรื่องของทรงผมเปนเรื่องเล็กนอยไปเลยหากเราเทียบกับปญหาที่เกิดขึ้นในปจจุบัน ไมวาจะเปนเรื่อง แซงคิว (ถือเปนเรื่องเลวรายมาก) การไมตรงตอเวลา การไมรูจักเวลาที่เหมาะสม ทิ้งขยะ ไมเปนที่ และอื่นๆ ถาผมจะแยงวาทรงผมไมมีสวนชวยเรื่องระเบียบก็คงเปนเรื่องพวกนี้หละครับ เกี่ยวกับระเบียบลวนๆ ยังไมมี ระเบียบ ถาเปนเรื่องที่สรางความเดือดรอนในสังคมไทยมาก ก็คือ การไมเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน คิดตางกันก็รับไมได อยูรวมโลก กันไมได ทุกวันนี้ถึงวุนวายขนาดนี้ ปญหาที่พูดมาทั้งหมดนี้ ก็ยัง เกิดขึ้นอยูแมจะมีการบังคับตัดผมตลอดมา แกปญหาใหถูกจุด ทรงผมอาจจะเคยแกปญหาบางอยางได แตเปนที่ชัด-
เจนวาไมอาจชวยแกปญหาในยุคนี้ครับ ไมไดเปนเอกลักษณ ของนักเรียนไทยแมแตนอย จะเปนก็คงเปนเอกลักษณที่นา อาย หากเราฝกเรื่องความเขาใจที่มีสวนชวยที่จะทําใหสังคม ใหราบรื่น มีหลายเรื่องที่เราตั้งคําถามและหาคําตอบได เชน ทําไมตองไมฝาไฟแดง ทําไมตองไมฆาคน สิ่งเหลานี้สามารถ ทําใหนักเรียนเขาใจไดซึ่งไมยากเกินไป ดีกวามายุงมาบังคับ กับเรื่องผม ผมวาทุกอยางเหลานี้หากแกได นอกจากจะไดผล มากกวาการที่มีกฎระเบียบเรื่องทรงผมแลว ยังสามารถทําให สังคมไทยพัฒนาไปถึงนิยามที่ประเทศไทยตองการกาวพนคือ “ประเทศกําลังพัฒนา” อีกดวย ประเทศที่พัฒนาแลว ไมไดขึ้น อยูกับความรู หรือวัตถุ แตอยูที่ความคิด การแยกแยะ และ การรูจักการอยูรวมกันได ตัดไปเถอะครับ จะไดไมโดนดา พัฒนาตัวเองใหทันสมัยเสมอ หากสังคมภายนอกเปนอยางไร มันก็เปนหนาที่ของ เราที่จะตองพัฒนาตามไป เพื่อใหเราสามารถกาวตามคนอื่น ทัน เรื่องนี้ก็เชนกัน เราควรที่จะตองเปดรับความคิดเห็นเรื่องนี้ พูดคุยกัน หาขอตกลง มิฉะนั้นปญหาเรื่องทรงผมก็คงอยู คูกับการศึกษาไทยไปเชนนี้โดยตลอด หลังเงา
33
" bodyslam มาเยือนทุกป เชนเดียวกับปนี้ มาเยือนเหมือนกัน "
จนบัดนี้คณะกรรมการก่อตั้ง สภานักเรียนอันได้แก่ตัวท่าน ทั้งหลาย ได้มีอายุการทำงาน ใกล้จะครบวาระอยู่รอมร่อแล้ว แต่ผลงานที่ปรากฏค่อนข้าง น้อยอยู่สักหน่อย หากไม่นับ การออกหนังสือ อภิปราย การสัมนา และการลงประชามติ สภานักเรียนแล้ว ก็ไม่มีกิจการ อะไรให้เห็นเด่นชัดอีก ในข้อนี้ ก็น่าเห็นใจท่านที่ถูกดึงมาทำ งานโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่ อย่างใด ยิ่งต้อง ประสบกับ ปัญหาความไม่เข้าใจของ บุคคลหลายฝ่ายในเรื่องของ ขอบเขต แห่งภาระหน้าที่ และ สิทธิของสภานักเรียนโดยที่บาง คนเห็นสภาฯเป็นเครื่องมือสำหรับต่อรองครู บางคน เห็น สภาฯเป็นตัวสร้างสถานการณ์ ไปในทางกระด้างกระเดื่อง ...
"จดหมายเปิดผนึก" นายหยัด อยูส่ โู้ ลก เขียนเมือ่ 28 พ.ค. 17 อัสสัมชัญสาส์น ฉบับที่ 41
34
2512
2515
2516
2517
2518
now
2512 - now
“เด็กอัสสัมใชทชิ ชูไ มเปน ไอตอนมี พวกเธอก็เอามาเลนกัน โรงเรียนเอาออกก็บน เธอตองเขาใจเขานะ” “มาสเตอรครับ หองนํ้าบางหองก็ไมมีประตู" “ก็ไอตอนที่มันมี พวกเธอก็ไปทําลายมันไง” “มันก็เลยตองไมมีตลอดไปหรอครับ” “ใช จนกวานักเรียนจะใชของเปน” “ก็มันไมมีทั้งสองอยาง แลวจะใชใหเปนยังไงครับ” “พวกเธอจะไมไดใชอะไร จนกวาจะสํานึก” “มาสเตอรครับ มีประตูกับทิชชูเตรียมไว สําหรับเด็กที่สํานึกแลวมั้ยครับ" "นั่นไมใชเรื่องของเธอ" "ครับ แลวคนที่สํานึกแลว หนาตาเขาจะเปนยังไงครับ” จะตองรอจนเมื่อไหรถึงจะพรอม ความพรอมจะเกิดขึ้นมาเองไดอยางไร ถาไมไดลองทํา ประชาธิปไตย ก็เชนเดียวกัน ...
35
ส
คื อ ท า นภราดาวิ ริ ย ะ ฉั น ทวโรดม หรื อ ที่ เ ราเรี ย กกั น ว า บราเดอร ห ลุ ย ส เมื่ อ ป 2512 แต ก ารเรี ย กร อ งยั ง ไม มี นํ้ า หนั ก พอ ทั้ ง บราเดอร และคุ ณ ครู ใ นยุ ค นั้ น จึ ง ยั ง ไม ได อ นุ มั ติ ใ ห มี ส ภานั ก เรี ย นในทั น ที จากข อ มู ล เท า ที่ มี ในขณะช ว งป ที่ ป รากฏว า มี การเรี ย กร อ งให มี ส ภานั ก เรี ย น ช ว งนั้ น เองเป น ช ว งที่ กระแสประชาธิ ป ไตยในประเทศไทยกํ า ลั ง เบ ง บานและสั บ สน ความคิ ด เห็ น แตกออกหลายฝ า ย อิ ท ธิ พ ลของสื่ อ มวลชน ทํ า ให สั ง คมให ค วามสนใจและติ ด ตามการเมื อ งการปกครอง นั่ น ก็ ร วมถึ ง ศิ ษ ย เ ก า ครู ผู ป กครอง แนนอน นักเรียนดวย ทําใหการเรียกรองใหมีประชาธิปไตยในโรงเรียน กั บ เขาบ า ง ไม ใ ช เ รื่ อ งแปลกนั ก ยิ่ ง วั ย รุ น ก็ จ ะตื่ น ตั ว เป น พิ เ ศษ อย า งที่ เ ห็ น ว า มี หั ว หอกเป น กลุ ม นั ก เรี ย นระดั บ ม.ศ.5 ซึ่ ง ก็ กํ า ลั ง จะเข า สู ร้ั ว มหาวิ ท ยาลั ย การเรียกรองนั้นเกิดขึ้นตอเนื่องยาวนานกวา 4 ป ตั้ ง แต ป 2512 จนถึ ง ปลายป 2516 ย อ นไปเมื่ อ ประมาณ
ป 2515 กอนที่ บ.หลุยสจะเดินทางไปศึกษาตอตางประเทศ ก็ ไ ด ย อมรั บ หลั ก การของการเรี ย กร อ งให มี ส ภานั ก เรี ย น แล ว ให ทํ า การร า งธรรมนู ญ สภานั ก เรี ย นขึ้ น มาฉบั บ หนึ่ ง ในช ว งป 2516 ภราดาวิ จ ารณ ทรงเสี่ ย งชั ย เข า มารั บ หน า ที่ เ ป น อธิ ก ารแทน ธรรมนู ญ สภานั ก เรี ย นก็ ไ ด ร า ง เสร็ จ เรี ย กว า “ธรรมนู ญ สภานั ก เรี ย น ฉบั บ ม.ศ.5” แล ว ได มี ก ารอนุ มั ติ ใ ห จั ด ตั้ ง คณะกรรมการก อ ตั้ ง สภานั ก เรี ย น ขึ้ น ทํ า หน า ที่ อ ย า งสภานั ก เรี ย น รวมทั้ ง มี สิ ท ธิ ใ นการ พิ จ ารณาความมี อ ยู ข องสภานั ก เรี ย นในป ถั ด ๆไปได โดยในคณะกรรมการนี้ มี นั ก เรี ย นเพี ย ง 8 คนเท า นั้ น คณะกรรมการดั ง กล า วได จั ด ประชุ ม แก นั ก เรี ย นทั่ ว ทั้ ง โรงเรี ย นเพื่ อ ให ร ว มกั น วิ เ คราะห ก ารแก ไ ขธรรมนู ญ สภานั ก เรี ย น จากนั้ น จึ ง สรุ ป และร า งขึ้ น ใหม จ นแล ว เสร็ จ เอาก อ นจะเป ด เทอมในป ก ารศึ ก ษา 2517 และในเนื้อหา ก็ แ ทบจะเหมื อ น “ธรรมนู ญ สภานั ก เรี ย น ฉบั บ ม.ศ.5” ทุ ก ประการ แต ต ลอดระยะเวลาการทํ า งาน 1 ป กลั บ ไม ส ามารถสร า งผลงาน และความเข า ใจทํ า ได ม ากเท า ที่ ค วร
36
เกิ ด ความสั บ สนเกี่ ย วบทบาท หน า ที่ และขอบเขตแท จริ ง ของสภานั ก เรี ย นจนมี ก ารเขี ย นจดหมายถึ ง คณะ กรรมการก อ ตั้ ง สภานั ก เรี ย นลงอั ส สั ม ชั ญ สาส น ฉบั บ ที่ 41 เดื อ นพฤษภาคม 2517 โดยนายหยั ด อยู สู โ ลก นั ก เรี ย นคนหนึ่ ง ของโรงเรี ย น วิ จ ารณ ก ารทํ า งานตลอด 1 ป ที่ ไ ม ไ ด ส ร า งผลงานอะไรมากพอจะให แ นวคิ ด สภานั ก เรี ย นน า สนั บ สนุ น อย า งที่ โ ฆษณาไว
พฤหั ส บดี ที่ 15 มิ ถุ น ายน 2517 มี ผู ม าสมั ค รรั บ เลื อ กตั้ ง เปนประธานนักเรียนเพียง 4 คน การหาเสียงหลังจากนั้น ก็ ไ ร ซ่ึ ง บรรยากาศ เพราะถ า ว า กั น ตรงๆก็ ด ว ยเหตุ ข องการ บริ ห ารงานจากคณะกรรมการก อ ตั้ ง ฯที่ ไ ม ไ ด ส ร า งผลงาน หรื อ ความประทั บ ใจอะไรแก เ พื่ อ นนั ก เรี ย น ทํ า ให ก ระแสที่ เคยถูกเรียกรองดับลงไป และสภานักเรียนก็ไมไดมีบทบาท ทั้งในความเปนจริง และในสายตาของบรรดาเพื่อนนักเรียน
ในช ว งต น ป ก ารศึ ก ษา 2517 คณะกรรมการก อ ตั้ ง เองก็ กํ า ลั ง จะหมดวาระลงไปแต ก ลั บ ไม ไ ด มี ก าร เตรี ย มการจั ด การเลื อ กตั้ ง หรื อ การจั ด ตั้ ง สภานั ก เรี ย น
เมื่ อ วั น ที่ 24 มิ ถุ น ายน 2517 ได มี ก ารจั ด การ เลือกตั้งขึ้น และประกาศผลพรอมจัดตั้งอยางเปนทางการ ในวั น เดี ย วกั น ผลปรากฏคื อ ผู ส มั ค รจากหมายเลข 3 คื อ นายธั ช ชั ย ศุ ภ ผลศิ ริ ก็ ช นะการเลื อ กตั้ ง ไปด ว ยคะแนน 391 คะแนน ขึ้ นเป น ประธานนั กเรี ยนคนแรกของโรงเรียน อั ส สั ม ชั ญ แล ว ในป ถั ด ๆมาก็ มี ส ภานั ก เรี ย นตามปกติ มาจนถึ ง ทุ ก วั น นี้
ไดประกาศรับสมัครรับเลือกตั้งประธานนักเรียน ในวั น จั น ทร ที่ 12 มิ ถุ น ายน 2517 ประกอบกั บ จั ด ให มี ก ารเลื อ กตั้ ง ประธานเชี ย ร และเหรั ญ ญิ ก เกิ ด ขึ้ น เป น ครั้ ง แรกอี ก ด ว ย
ครั้ ง ต อ ไปเกิ ด ขึ้ น เพราะยั ง เป น ที่ ถ กเถี ย งกั น ในหมู ค ณะ กรรมการผู ก อ ตั้ ง ถึ ง ความเหมาะสมที่ จ ะมี ส ภานั ก เรี ย น ต อ ไป เกิ ด ความไม ไ ว ใ จกั น ระหว า งกลุ ม นั ก เรี ย นผู ก อ ตั้ ง กั บ กลุ ม นั ก เรี ย นที่ เ รี ย กร อ งให มี ก ารจั ด การเลื อ กตั้ ง เพราะขณะนั้ น นั ก เรี ย นกลุ ม ก อ ตั้ ง ทํ า งานเป น สภานั ก เรี ย นแต ไ ม ไ ด ม าจากการเลื อ กตั้ ง อย า งแท จ ริ ง จึ ง เกิ ด ข อ สรุ ป ให มี ก ารจั ด การเลื อ กตั้ ง สภานั ก เรี ย นขึ้ น ในขณะ นั้ น เอง คณะก อ ตั้ ง ก็ เ ริ่ ม สลายตั ว ไป และไม ไ ด ใ ห ค วาม สํ า คั ญ กั บ ง า น นี้ แ ล ว จึ ง จั ด ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ค ว บ คุ ม การเลื อ กตั้ ง ขึ้ น มา ซึ่ ง ก็ ยั ง คงเป น คณะนั ก เรี ย นทั้ ง หมด รวมทั้งไดประกาศรับสมัครรับเลือกตั้งประธานนักเรียนใน วั น จั น ทร ที่ 12 มิ ถุ น ายน 2517 ประกอบกั บ จั ด ให มี ก าร เลื อ กตั้ ง ประธานเชี ย ร และเหรั ญ ญิ ก เกิ ด ขึ้ น เป น ครั้ ง แรก อี ก ด ว ย กระแสสั ง คมในขณะนั้ น หรื อ ความสั บ สั น ใน โรงเรี ย นเอง เอาแน เ อานอนไม ไ ด ทํ า ให นั ก เรี ย นส ว นใหญ ไม ก ล า ที่ จ ะมาลงสมั ค ร จนกระทั่ ง วั น ป ด รั บ สมั ค รวั น
1
st
ประธาน : ผมคงต อ งขอตอบย อ ๆ ในแต ล ะข อ ที่ ต้ั ง คํ า ถามมา เพราะเวลาผ า นมาเนิ่ น นานมากแล ว เกื อ บ 40 ป หลายสิ่ ง หลายอย า งจึ ง เลื อ นไปจากความทรงจํ า แล ว นั ก เรี ย น : สมั ย ที่ อ. สมั ค รประธานนั ก เรี ย น หาเสี ย ง ยั ง ไง และมี น โยบายแบบไหนบ า งครั บ ประธาน : เท า ที่ จํ า ได ไม ไ ด เ ป น การหาเสี ย งในเวที ต า งๆ อย า งการหาเสี ย งอื่ น ๆ ในป จ จุ บั น นี้ แต มี ก ารประชุ ม นั ก เรี ย นในหอประชุ ม ใหญ สั ก ครั้ ง สองครั้ ง แล ว จึ ง ให ผู ส มั ค รแนะนํ า ตั ว และแถลงนโยบาย แต ใ นส ว นของ นโยบายนั้ น ผมจํ า ไม ไ ด แ ล ว
37
นักเรียน : เมื่อตอนที่ อ. ไดเขามาเปนประธานสภาฯแลว อ. ได ว างแผนงานยั ง ไงบ า งครั บ ประธาน : ต อ งขออภั ย ที่ จํ า ไม ไ ด แ ล ว นั ก เรี ย น : มี ก ารเขี ย นลงอั ส สั ม ชั ญ สาสน โ ดยครู ท า นนึ ง เกี่ ย วกั บ สภานั ก เรี ย นว่ า "เป น เพี ย งเครื่ อ งมื อ ที่ ห นั ก ไปทาง ผนึกกําลังตามความพอใจของเขาเทานั้น" อ. มีความคิดเห็น อยางไรบางครับ ประธาน : ในส ว นความเห็นของครูทานหนึ่งที่อ างถึงนั้น เป น ธรรมดาที่ ต อ งเกิ ด ขึ้ น เพราะเป น ปรากฏการณ ใ หม ที่ ไมเคยทํามากอน ผูที่เกี่ยวของยอมมีความคิดเห็นไดหลาก หลายขึ้นอยูกับขอมูลที่ไดรับหรือทัศนคติที่มีมาแตเดิม อยาง ไรก็ดีผมไมไดประสบปญหาหรือการตอตานใดๆ จากครูทั้ง หลาย ประกอบกับตามความเปนจริง สภานักเรียนก็ไมไดมี การเรียกรองอะไรจากโรงเรียนหรือมีพฤติกรรมกาวราวใดๆ นักเรียน : อยากทราบถึงปญหาการทํางานระหวางครูและ นั ก เรี ย นในป ที่ อ. เป น สภานร. (ถ า มี ) ประธาน : ในชวงเวลาที่ผม เปนประธานนักเรียน ไมได ประสบปญหาการทํางานระหวางครูและนักเรียน เทาที่จําได สภานักเรียน ไมไดเรียกรองอะไรจากโรงเรียนหรือเปนปฏิปกษ กับโรงเรียนเลย ในทางตรงกันขาม สภานักเรียนในชวงนั้น ก็ทํางานรวม หรือเสริมกับโรงเรียนในสวนที่เกี่ยวกับกิจกรรม ของนั ก เรี ย น ไม ไ ด “ลํ้ า เส น ” ไปก า วก า ยการจั ด การของ โรงเรี ย น
รู ถึ ง ประโยชน ต ลอดจนป ญ หาและอุ ป สรรคที่ เ กิ ด ขึ้ น ของ การทํางานเปนทีม ทั้งยังไดเขาใจถึงการวิเคราะหขอดีขอเสี ย จุ ด อ อ นจุ ด แข็ ง ของประเด็ น ที่ ต อ งตั ด สิ น ใจต า งๆ ซึ่ ง เป น สิ่ ง ที่ ย อ มจะต อ งพบในการดํ า เนิ น ชี วิ ต ต อ ไป และเป น คุ ณ สมบั ติ ข องการเป น ผู นํ า ในสวนของนักเรียนอัสสัมชัญนั้น ในอดีตนักเรียนอัสสัมชัญ มีชื่อเสียงในดานความซื่อสัตย คุณธรรมและการทํางานหนัก ก็ ยั ง อยากให รั ก ษาคุ ณ สมบั ติ ข อ นี้ ไ ว ส ว นที่ เ ห็ น ว า น า จะมี (ซึ่งอาจจะมีอยูแลว) คือการเขาใจสภาพแวดลอมภายนอก ใหมากขึ้นและเขาใจความจริงของสังคม ซึ่งกระทําไดผาน กิ จกรรมต า งๆ ไม ว า จะเป น กิ จกรรมที่ โ รงเรี ยนจั ดขึ้ น หรื อ สภานักเรียนจัดขึ้น หรือไปแสวงหาเอาเอง การพรอมดวย ความรู ความคิ ด และคุ ณ ธรรมนี้ หากได สั่ ง สมมาแต เ ป น นั ก เรี ย น น า จะทํ า ให นั ก เรี ย นอั ส สั ม ชั ญ ได มี โ อกาสสร า ง ประโยชน ใ ห กั บ สั ง คมได ม ากขึ้ น ไม ว า จะอยู ใ นแวดวงใดๆ อี ก ประการหนึ่ ง ที่ สํ า คั ญ สํ า หรั บ อนาคตของประเทศชาติ คื อ การยึ ด มั่ น ในความถู ก ต อ งและประโยชน ข องส ว นรวม เป น สํ า คั ญ ข อ นี้ ผู ค นในป จ จุ บั น เริ่ ม จะละความสํ า คั ญ ไป เพราะยึ ด ประโยชน ส ว นตนและประโยชน เ ฉพาะหน า เป น สํ า คั ญ ควรฝ ก ใจและยึ ด คุ ณ ธรรมข อ นี้ ใ ห ม าก. อ.ธั ช ชั ย ศุ ภ ผลศิ ริ AC 2515 อสช 22501
ปัจจุบัน ทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ตำแหน่งรองผู้จัดการอาวุโส (Senior Vice President) ฝ่ายกฎหมาย ในอดีตเป็นอาจารย์ประจำที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ พ.ศ. 2522 – 2544 และยังคงเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยดังกล่าว ประวัติการศึกษา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, Law School at Harvard University, U.S.A.
นักเรียน : ธรรมนูญสภานักเรียนมีรายละเอียดอยางไรบาง ครับ เนือ่ งดวยในปจจุบนั นัน้ ธรรมนูญสภานัน้ สาบสูญไปแลว ประธาน : ต อ งขออภั ย ที่ จํ า ไม ไ ด แ ล ว นักเรียน : อ.อยากจะฝากอะไรถึงสภานักเรียนรุนปจจุบัน และนั ก เรี ย นอั ส สั ม ชั ญ ในป จ จุ บั น บ า ง ประธาน : สภานั ก เรี ย นเป น เวที ที่ ดี ที่ นั ก เรี ย นที่ มี ค วามรู และความคิ ด จะได ม าทํ า งานร ว มกั น เพื่ อ ส ว นรวม ผู ที่ ม า ทํางานรวมกันนี้หากมีความตั้งใจที่ดี ก็จะไดมีโอกาสที่เรียน
38
คณะสภานักเรียนในชวงป 2516 – 2517 หลายๆ ฝ า ยเข า ใจว า การมี ส ภานั ก เรี ย นจะเป น ตั ว แทนมาสนอง ความตองการของนักเรียนตอทางโรงเรียน ถึงขนาดเรียกร อ งในเรื่ อ งของกฎระเบี ย บของโรงเรี ย น ซึ่ ง ก็ แ น น อนว า จะสรางความไมพอใจแกคณะครู ถึงขั้นมีการเขียนถึงสภาฯ นั ก เรี ย นลงอั ส สั ม ชั ญ สาส น ฉบั บ ที่ 46 เดื อ นพฤศจิ ก ายน 2517 โดยใชนามปากกาวา “อาจารยใหญ” ซึ่งผูเขียนคาด ว า น า จะเป น ปลายปากกาของ ม.บรรณา ชโนดม ผู ดํ า รง
เรียกร้อง จัดตัง้ สภา นักเรียน
2512
ไม่สาํ เร็จ ให้มสี ภาและ ตัง้ กรรมการ เลือกตัง้
2515
เรียกร้อง ครัง้ ที่ 2 บ.หลุยส์ รับหลักการ
คณะกรรมการ ปี 17 สลายตัว
ร่างธรรมนูญ ฉบับ มศ.5
X X X
รับสมัคร ประธานสภา
เกิดความไม่พอใจ กรรมการฯ ปี 17
2516
2517
ธรรมนูญ ม.ศ.5 เสร็จ มีคณะกรรมการจัดตัง้ สภาฯ (เป็นนักเรียน)
มีผูส้ มัคร 4 คน หาเสียงเงียบๆ ธรรมนูญสภาฯ ฉบับจริงเสร็จ
นักเรียน สับสน
ไม่มผี ลงาน ไม่นา่ พอใจ
ประกาศผล มีสภาครัง้ แรก 2518
X X X
มีการเรียกรองเรื่องตางๆ ยาวนานถึง 6 ป เริ่มตั้งแตป 2512 ป 2516 ใหมีคณะกรรมการจัดตั้งสภานักเรียน มีเพียง 8 คน ทําหนาที่เสมือนสภานักเรียน ธรรมนูญสภาฯ มีการรางถึง 2 ครั้ง แตเนื้อหาเหมือนเดิม มีขอโตแยงและกระแสวิพากษเกี่ยวกับสภานักเรียน ตั้งแตป 2516 วาสภาฯ เปนเครื่องมือของนักเรียน สภานักเรียนหรือคณะจัดตั้ง มีความลมเหลวในการบริหารตั้งแตป 2516 เปนตนมา ในวันเลือกตั้งประธานนักเรียนครั้งแรก มีการเลือกตั้งประธานเชียร และเหรัญญิกเปนครั้งแรกพรอมๆกันดวย
AC ECHO
เรียบเรียงจาก อัสสัมชั ญสาส์น ปี ท่ี 6 ฉบับที่ 24 l มิถุนายน 2517 อัสสัมชั ญสาส์น ฉบับที่ 41 - 50 l มีนาคม 2517 - 2518 จากบทความของ : หยัด อยู ่สู้โลก , ไพศาล วงศ์วรสิทธิ์ , พัฒนศักดิ์ เลิศประดิษฐ์ , อาจารณ์ใหญ่
now X X X
39
ตําแหนงอาจารยใหญในขณะนั้น มีการแสดงความคิดเห็น ส ว นตั ว ของอาจารย ใ หญ ที่ มี ต อ สภานั ก เรี ย นเกี่ ย วกั บ การ ไมเห็นดวยกับบทบาทสภานักเรียนที่เปนไปในทางการเรียกรองเสียมากกวาการสรางผลงาน ขอความของ “อาจารยใหญ” ในหลายๆ ทอนไดสะทอนทรรศนะของครูที่มีตอสภานักเรียน เชน “ทางโรงเรียนขอสงเสริม และสนับสนุนใหมีสภานักเรียน แต ใ ห เ ป น ไปในทางตั้ ง ขึ้ น เพื่ อ ผนึ ก กํ า ลั ง กั น ช ว ยเหลื อ โรงเรี ย น ช ว ยเหลื อ เพื่ อ นนั ก เรี ย นด ว ยกั น ทํ า ความดี ” หรื อ คํ า กล า วที่ ต อบโต ถึ ง บทบาทการเรี ย กร อ งนั้ น ว า “ถ า จะ ตั้ ง สภานั ก เรี ย นตามความเห อ ทํ า ตามเขาเท า นั้ น โดยไม เขาใจเสียดวยซํ้าวาควรตั้งเพื่ออะไร ตั้งขึ้นมาเพื่อเรียกรอง เพื่ อ ปกครองโรงเรี ย น ปกครองครู เพื่ อ บั ง คั บ ครู ให ค รู ทํ า ตามใจตนในทางผิดๆ บางทีเอาการเมืองเขามาแทรก บาง แห ง เป น เครื่ อ งมื อ ของนั ก การเมื อ ง โดยตนเองรู เ ท า ไม ถึ ง การณ ฯลฯ เมื่อเปนดังนี้ สภานักเรียนจะ ไมใหคุณประการใด แต จ ะกลั บ เป น โทษอย า งมหั น ต เ สี ย ด ว ย” ทําใหเห็นวามีคนจํานวนไมนอย ที่เขาใจวาเมื่อมี สภานั ก เรี ย น และมี ธ รรมนู ญ สภานั ก เรี ย นแล ว ครู แ ละ ฝายบริหารของโรงเรียนก็ควรอยูภายใตธรรมนูญเดียวกัน เปรี ย บเหมื อ นเมื่ อ มี รั ฐ บาลและรัฐธรรมนูญของประชาชน แล ว ทุ ก คนก็ ต อ งลงมาอยู ภ ายใต ก ฎหมายธรรมนู ญ เดี ย ว กั น ที่ เ ด็ ก ๆเขี ย น และรั บ ไม ไ ด ที่ มั น จะเป น แบบนั้ น ทั้ ง ที่ ความเป น จริ ง แล ว โรงเรี ย น ก็ จ ะต อ งมี ก ฏที่ ใ ช ดู แ ลนั ก เรี ย นอยู ต อ หนึ่ ง อยู แ ล ว หรื อ ต อ งมี คู มื อ นั ก เรี ย น ที่ จ ะใช ในการเป น ข อ ตกลงระหว า งโรงเรี ย น กั บ นั ก เรี ย น ที่ ไ ม สามารถแก ไ ขโดยตั ว 'ผู เ รี ย น' อยู แ ล ว ความตระหนกจน เกิ น ไปเกี่ ย วกั บ สภานั ก เรี ย นในข อ นี้ จึ ง ทํ า ให เ กิ ด ความสั บ สนหนั ก เข า ไปยิ่ ง กว า เดิ ม เพราะบั ญ ญั ติ ที่ ดู แ ล ว มี ส ว นทั บ ซ อ น เช น เดี ย วกั บ บทบาทหนาที่ที่ก็ยังคลุม เครือ ที่ สุ ด แล ว ก็ มี ค วามเป น จริ ง อยู ข อ หนึ่ ง คื อ โรงเรี ย นอั ส สั ม ชั ญ เป น โรงเรี ย นเอกชน ก็ เ หมื อ นบริ ษั ท บริ ษั ท หนึ่ ง เมื่ อ พนั ก งานมี สิ ท ธิ ใ นบริ ษั ท ก็ ไ ม ไ ด ห มาย ความว า ผู บ ริ ห ารหรื อ เจ า ของกิ จ การจะต อ งมาอยู ใ นฐานะ ที่ จ ะต อ งเอาความพอใจของพนั ก งานเป น หลั ก และแม จ ะ เปนลูกคาก็ตาม ก็ทําไดแคเรียกรองสิทธิขั้นพื้นฐานอยาง ผู บ ริ โ ภค ใม ใ ช เ จ า ของ เพราะโรงเรี ย นอั ส สั ม ชั ญ ไม ใ ช สมบั ติ ข องรั ฐ ไม ใ ช ส วั ส ดิ ก ารรั ฐ แต เ ป น เอกชน การเรี ย ก รองของนักเรียนจึงเปนไดเพียงการนําเสนอนโยบาย ไมใช การทวงสิ ท ธิ ห รื อ การทวงถามหาสิ่ ง ที่ ต นสมควรจะได รั บ
40
อย า งไรก็ ต าม การยิ น ยอมให มี ส ภานั ก เรี ย น เกิ ด ขึ้ น ในโรงเรี ย นอั ส สั ม ชั ญ โดยไม ต อ งรอคํ า สั่ ง บั ง คั บ จากหลั ก สู ต รแกนกลาง ถื อ เป น วิ สั ย ทั ศ น ข องอั ส สั ม ชั ญ ในอดี ต ที่ ก ว า งไกลและน า ชื่ น ชม เพราะจะไม ย อมให มี ก็ ย อ มได แต ท างโรงเรี ย นเลื อ กรั บ ฟ ง เสี ย งเรี ย กร อ งของ นั ก เรี ย น และกล า ปล อ ยให นั ก เรี ย นได ล ม ลุ ก คลุ ก คลาน เรี ย นรู ด ว ยตนเองกั บ สภานั ก เรี ย น ทั้ ง ในช ว งแรกและ ตลอดมา จนสภาฯไดผลิตกําลังสําคัญของชาติมาแลวมาก หากไมเริ่มตอนนั้น ก็ไมรูวาจะเริ่มตอนไหน แมจะไมราบรื่นนัก แตการบุกเบิกทุกอยางตองมีอุปสรรคเปนธรรมดา การบริหาร งานของสภานั กเรี ยนในหลายๆสมั ยตลอด 40 ปที่ผานมา ก็ ไ ม ไ ด แ หวกแตกต า งกั น ไปมาก แต ไ ม มี ก ารสื บ ทอดแบบ รุ น พี่ ส อนรุ น น อ งเช น กิ จ กรรมอื่ น ๆ สภาฯจึ ง ไม ก า วหน า ไป จากเดิ ม นอกจากจะเป น เพี ย งสี สั น ประดั บ โรงเรี ย น หรื อ เป น เพี ย งตุ ก ตาที่ ไ ปตั้ ง ตามงานพิ ธี แ ละกิ จ กรรมเท า นั้ น ถ า ว า กั น ตรงไปตรงมาคื อ จนบั ด นี้ แ ล ว ความไม เ ข า ใจ ก็ ยั ง ไม ถู ก แก ไ ข ธรรมนู ญ สภานั ก เรี ย นที่ ค วรหยิ บ ยกกลั บ มา กลับไมมีแมแตคนรูจัก มีเพียงการหาเสี ย งเลื่ อ นลอย ในแต ล ะป "บอดี้ ส แลม" "เอกลั ก ษณ อั ส สั ม ชั ญ " แล ว ก็ ไ ม ได มี อ ะไรต อ จากนั้ น หากทางโรงเรี ย นไม ไ ด ส นใจที่ จ ะแก ไข ไม ว างระบบ ไม ร า งธรรมนู ญ และยั ง ไม จ ริ ง จั ง มากพอ สภานั ก เรี ย นเองจะไมเขาใจในบทบาทของตนเองตอไป ไมตางจากในอดีต
E : พี่คิดวาอะไรที่ทําใหนักเรียนกาเบอรนั้นๆลงไปครับ พี่ : ก็สวนใหญจะเปนประธานไปหลอกรุนนอง ม.ตน โดย การไปขายของหรื อ ไปแพร ม ๆ ให น อ งมั น จํ า หน า ได ก็ ไ ด คะแนนไปครึ่งโรงเรียนละ รองลงมาก็จะเปนเด็กเชียร สวน รองลงมาอี ก คื อ พวกโปรโมทตั ว เองแบบส น ตี น ๆ แนวๆ เชน เอาโปสเตอรไปแปะตรงพื้นหองสวม E : แตสุดทายแลวสิ่งที่จะทําใหเด็กเลือกคือ ... พี่ : ก็ คื อ คน ม.ต น จะเลื อ กแบบ พู ด เก ง ๆ หลอกเด็ ก เก ง ๆ พู ด เหมื อ นพวกขายกระเป า มายากล ป พี่ มี ไ ปพู ด แล ว ทํ า กระเป า พลาสติ ก พั บ ขายเด็ ก ใบละ 20 หาทุ น ไปในตั ว เด็ ก ๆ เค า ก็ ช อบ E : ประธานนักเรียนแตละปทํางานกันหนักมั้ยครับ
E : สภานักเรียนเขาใกล "ประชาธิปไตย" มากแคไหน
พี่ : ส ว นใหญ ป ระธานไม ค อ ยทํ า อะไร เลขาจะทํ า ให ห มด ถาตามหนาที่ก็คงเปนแคคนคิด
พี่ : มั น ไม เ ป น ประชาธิ ป ไตยตั้ ง แต ห ลอกเด็ ก ม.ต น แล ว โอเค ถ า มองว า หลอกเด็ ก เป น ประชาธิ ป ไตยอย า งหนึ่ ง ก็ ต อ งกลั บ มาถามครู ว า อะไรคื อ ทฤษฎี ใ นการเลื อ กคน เข า มาอยู ใ นแต ล ะฝ า ย คื อ มั น งงๆ ตรงที่ ว า มั น เหมื อ นจะ มีอิสระ แตสุดทายก็จบที่ กูวามึงทําไมไดหรอก กูโตกวามึง แตคือพี่เขาใจวาบางทีเด็กเรามันก็ดูงี่เงาเกินไปจริงๆแหละ ส ว นใหญ คํ า ตอบสุ ด ท า ย คื อ มติ คุ ณ ครู และผู ป กครอง มากกวามติสภานักเรียน
E : คิ ด ยั ง ไงกั บ สภานั ก เรี ย นที่ มี ผูปกครองมีบทบาทมาก พี่ : อั น นี้ พ่ี จ ะบอกว า ผู ป กครองส ว นใหญ น ะ จะชอบมอง วาเด็กๆมันโคตรเด็ก อันนี้ขออธิบายดวย ที่ผูปกครองชอบ มองว า เด็ ก เราโคตรเด็ ก อาจจะเพราะหน า ตา ผิ ว พรรณ ขนาดตัว ก็จะแบบไมคอยไวใจ อันนี้ตองพิจารณาเปนคนๆ ไป แต โ ดยธรรมชาติ แมก็ม องวาลูก เด็ก อยูแลว E : ทํ า งานกั บ ผู ใ หญ มี ป ญ หาบ า งไหมครั บ พี่ : มีบาง แตหนักเวลาเขาที่ประชุม ปญหาระหวางคุณครู ผู ป กครอง และเด็ ก คื อ ความไม ไ ว ใ จกั น คื อ ผู ป กครองก็ คิ ด ว า เด็ ก ทํ า ไม ไ ด ครู บ างท า นก็ แ บบ ระแวงเด็ ก ระแวง ผู ป กครอง เด็ ก ก็ รํ า คาญครู บางครั้ ง ก็ ต อ งพู ด แบบ ประนีประนอมจนไมไดส่ิงที่พึงอยากจะทําในที่สุด แตก็นะ สวนหนึ่งในการทํางาน เราไมสามารถไวใจใครไดเลยจริงๆ E : แล ว มี ท ะเลาะกันเองมั้ย พี่ : มี ดิ ส ว นใหญ เ ราทุก คนในสภานี่จะชอบประณามพวก ดี แ ต ป ากแค นั้ น ขี้ เ กี ย จไม เ ป น ไรมาก แต ป ากดี นี่ รั บ ไม ไ ด พวกปากดี เ ค า มี ส กิ ล ในการอิ ม โพรไวส สู ง มาก ต อ งใช วิ จ ารณญาณประกอบสู ง
E : แลวงี้ เราจะมีสภานักเรียนกันไปทําไม พี่ : ถ า ตอบแบบคั น ทรี ห น อ ย ก็ แ บบว า เป น สี สั น อั น หนึ่ ง ของโรงเรี ย น การมี ส ภานี้ สิ่ ง ที่ เ ค า ให นํ้ า หนั ก จริ ง ๆ คื อ กระบวนการเกี่ยวกับความรับผิดชอบเปนพื้นฐานมากกวา เคาจะมุงหวังผลพลอยไดมากกวานะ E : พี่คาดหวังอะไรกับสภานักเรียนรุนถัดๆไปครับ พี่ : ไม ค อยหวั ง อะไรมาก เพราะปกติ ก็ทํา งานโรงเรี ย นมา ตลอดอยู แ ล ว ก็ คิดว า พวกนั้ นก็ คงทํ า งานกุ ยๆ เหมื อนเดิม ที่ เ คยทํ า แต ส ว นตั ว จะหวั ง ออกเป น แนวปฏิ วั ติ ม ากกว า แบบ อยากเปดชมรมอิสระ อยากสรางนูนนี่นั่นเต็มไปหมด แต ยั ง ไง สุ ด ท า ยก็ จ ะจบลงด ว ยระบบที่ คุ ณ ครู เ ค า มองเรา เป น “เครื่ อ งมื อ เกรดเอ” ชนิ ด หนึ่ ง ถ า การทํ า งานก็ ไ ม ไ ด หวั ง อะไรเลย เพราะเขาก็ แ ก ป ญ หาโดยการแถ หั ว เราะ ทํ า หน า ยิ้ ม อยู ดี
41
2512
2515
2516
วิ ธี ห าเสี ย งถู ก มองดู แ ละซึ ม ซั บ กั น เรื่ อ ยมา จากรุ น สู รุ น บอกแต น โยบายที่ ดู แ ล ว น า จะ "ขายได " กั บ เพื่อนๆ กับ นองๆ แตไมเคยตอบไดวาจะทํายังไง เริ่มตรงไหน เสร็จเมื่อไหร รูแตทําไดแนๆ ถาแมมีเงิน ชวงหลังนี้สภานักเรียนกลายเปนงานของ ม.6 อยางเดียว จึ ง ไม เ กิ ด เครื อ ข า ยอั น แนบแน น กั น ขึ้ น ระหว า งรุ น พอ ทํ า งานเสร็ จ แล ว ก็ แ ยกย า ยกั น ไปเลย ไม มี พี่ ก ลั บ มา สอนนอง ปที่แลวไมไดทิ้งอะไรไวใหปนี้ ปนี้ก็ไมไดทิ้ง อะไรให ป ต อ ไป ทํ า ให ส ภานั ก เรี ย น ต อ งเริ่ ม จากศู น ย ทุ ก ๆป และเอาแน เ อานอนไม ไ ด ป ไ หนโชคดี ก็ ดี ไ ป ป ไ หนไม มี อ ะไร ก็ ไ ม มี อ ะไรเลย เพราะไม มี ร ะบบมา บั ง คั บ และปกป อ ง ให ค นไม ทํ า งานทํ า งาน และให ค น ทํางานทํางานไดสะดวก พอสภาฯชุดใหมเขามาก็เควง กว า จะเข า ใจระบบของโรงเรี ย น และจั ด สรรกั น เองลง ตัวจนดําเนินงานไดก็ปาเขาไปกวาหนึ่งเทอมแลว หรือ เพราะภาพลั ก ษณ ข องสภานั ก เรี ย นไม จ ริ ง จั ง ผู ส มั ค ร เลยไม จ ริ ง จั ง ไปด ว ย นโยบายก็ เ หมื อ นจะคิ ด ไว แ ต ชื่ อ
2517
2518
now
ของนโยบายเท า นั้ น ธรรมนู ญ สภานั ก เรี ย นคื อ อะไร ไม มี ใ ครรู จั ก แต ล ะป จึ ง อาจมี ค นที่ ถื อ โอกาสเข า มา เอาตํ า แหน ง สํ า คั ญ ไปนั่ ง เล น เปล า ๆ ทํ า ให เ สี ย โอกาส ที่ โ รงเรี ย นจะได มี อ ะไรสร า งสรรค ไ ปอี ก ป ห นึ่ ง เพราะ คํ า ว า ประธานสภานั ก เรี ย นมั น ขายได ใ นตลาดมหา'ลั ย แมจะไมไดสรางผลงานอะไรก็ตาม ตั ว อย า งนักการเมืองในยุคปจจุบัน ที่แสดงให เห็นวาพูดแลวไมทํา ไมเปนไร ไมมีใครเอาผิด ทําให สภานั ก เรี ย นพลอยหน า หนาตามนั ก การเมื อ งไปด ว ย เพราะเขาใจวาไมมีใครสนใจ ไมใชเรื่องผิดแปลกอะไร จึงขาดทั้งแรงบันดาลใจและแรงกดดันใหทําตามสัญญา ที่ตัวเองไดใหเอาไว หากสภานักเรียนไมสามารถหลุด จากกรอบการทํ า งานตามแบบอยางการเมืองระดับประเทศอย า งที่ เ ป น มาทุ ก ยุ ค สมั ย และไม ส ร า งจุ ด ยื น ของ ตนเอง ก็ ค งจะวนเวี ย นอยู กั บ ชื่ อ 'สภานั ก เลี ย น' แบบนี้ ตลอดไป ปลิดปม 'เบอร 4' : เขียน สัมภาษณ และเรียบเรียง
42
สภานักเรียนอัสสัมชัญ ไมใชสภากาแฟ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า เมื่อมีตัวแทนนักเรียนมาเสวนากันจึง ทราบวัตถุประสงค์การสนทนากันแบบดิบ ๆ คือ ขอให้ครูเขียนบทความ ในหัวข้อเรื่องของสภานักเรียนในมุมมองใดก็ได้ ดูหัวข้อแล้วน่าสนใจ ตามที่นักเรียนนำเสนอมาให้ครูเขียน แต่ขอในระยะเวลาจำกัดจึงไม่รับ คำให้เต็มร้อยเพราะเกรงว่าจะเสียงานนักเรียน ด้วยเป็นงานของลูกศิษย์ ยังไงต้องแบ่งเวลาให้ พอตื่นมาตอนอรุณรุ่งหัวสมองกำลังแล่น เลยวาง กรอบแล้วเขียนมาให้ก่อนที่ความยุ่ง ๆ จะมาถึงในวันเปิดเรียน สำหรับครูมองคำว่าสภานักเรียนไม่ใช่สภากาแฟ เพราะสภานักเรียนเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งต่อการวางรากฐานของการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยของทั่วโลก ดังนั้นประเทศที่ปกครองด้วยระบบนี้ จึงพึงสำนึกว่าการวางรากฐานการศึกษาที่ดี ต้องร่วมด้วยช่วยกันสร้าง พื้นฐานความเป็นพลเมืองดี เกิดความเข้าใจปฏิบัติได้อย่างดี ต้องเปิด โอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้ความเป็นประชาธิปไตยเสียแต่เยาว์วัย เพราะ หลักการประชาธิปไตยมิได้เป็นเรื่องการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่เป็นวิถี ชีวิตของคนในประเทศเลยทีเดียว รัฐจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาความเป็นประชาธิปไตยในสังคมการศึกษา เพื่อสร้างความเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ ทั้งในระบบหลักสูตรในห้องเรียนและนอกห้องเรียน เพื่อให้สังคมการ ศึกษาได้หล่อหลอมผู้เรียน ให้เกิดการเรียนรู้ความเป็นประชาธิปไตย ได้ครบทุกมิติ อีกทั้งให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงคุณค่า แล้วนำไป ปฏิบัติตามวิถีของประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง โรงเรียนเป็นสถาบันสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนให้มีหัวใจ เป็ น ประชาธิ ป ไตย โดยไม่ ไ ด้ ม ุ ่ ง ให้ ห ลั ก การเรี ย นรู ้ แ บบท่ อ งจำ แต่ ร ู ้ ได้ถึงระบบระเบียบแบบแผนของความเป็นประชาธิปไตย ทั้งหลักการและการนำไปปฏิ บ ั ต ิ ต นให้ เ ป็ น พลเมื อ งดี ข องสั ง คมได้ และต้ อ ง มิใช่การสอบวัดประเมินผลเพื่อผ่านเชิงคุณวุฒิ แต่เป็นการสร้างพลัง ศรัทธากติกาของประชาธิปไตยให้เต็มใบ ดังนั้นแนวทางการเรียนรู้ ประชาธิปไตยที่ผ่านการกล่อมเกลานอกห้องเรียน อาทิเช่นสภานักเรียน จึ ง เป็ น หนทางสร้ า งพลเมื อ งที ่ ด ี ใ ห้ ผ ู ้ เ รี ย นได้ เ รี ย นรู ้ ล งมื อ ปฏิ บ ั ต ิ จ ริ ง ถึงกระบวนการเป็นประชาธิปไตยที่เป็นจริง ก่อนที่พวกเขาจะออกไปสู่ สังคมในอนาคต โรงเรียนอัสสัมชัญ มีการวางรากฐานตามวิถีประชาธิปไตย ให้แก่นักเรียนระดับหนึ่ง ทั้งได้เปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมจัดตั้งสภา นักเรียนขึ้นในรั้วโรงเรียนเหมือนสังคมทั่วไป โดยไม่ต้องแลกกับคะแนน มีเป้าหมายคือฝึกปฏิบัติตามครรลองของประชาธิปไตย รู้จักการอยู่ ร่วมกันมีเหตุผล เคารพสิทธิของผู้อื่นเป็นได้อย่างเหมาะสม ครูคิดและ มองอย่างนี้นะ อย่างไรก็ตามสภานักเรียนต้องมีความสำคัญมากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งเป้าหมาย วัตถุประสงค์กับกรอบขอบเขตการดำเนินงานของสภา นักเรียนนักเรียนต้องร่วมกันศึกษาอย่างกระตือรือร้น เพื่อมองให้ทะลุ ไปถึงพื้นฐานของจารีตขนบธรรมเนียมประเพณี กฎระเบียบของโรงเรียน นำมาผสมผสานให้เกิดความเป็นอัตลักษณ์ของสภานักเรียน สามารถ กำหนดเป็ น ธรรมนู ญ ของสภานั ก เรี ย นได้ อ ย่ า งสร้ า งสรรค์ เกิ ด เป็ น หลักบรรทัดฐานที่ดี สมดังคำที่ว่าไม่มีใครลบเกียรติชาวอัสสัมชัญได้ ผลที่ได้รับคือนักเรียนจะยอมรับและปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนได้ อย่างรู้คุณค่าเพราะเข้าใจในอำนาจบทบาทของตนเองอย่างแท้จริง และเมื่อสภานักเรียนในโรงเรียนมีพื้นฐานของการปกครอง ของระบอบประชาธิปไตยแล้ว โรงเรียนหรือผู้มีบทบาทหน้าที่ ต้องส่ง เสริมให้นักเรียนเชื่อมั่นกับยึดมั่นในระบบนิติบัญญัติขั้นพื้นฐาน นักเรียน
I มิสสุกญ ั ญา พุกกะเวส ต้องร่วมกันศึกษาอย่างกระตือรือร้น เพื่อมองให้ทะลุไปถึงพื้นฐานของ จารี ต ขนบธรรมเนี ย มประเพณี กฎระเบี ย บของโรงเรี ย น นำมาผสม ผสานให้เกิดความเป็นอัตลักษณ์ของสภานักเรียน สามารถกำหนด เป็นธรรมนูญของสภานักเรียนได้อย่างสร้างสรรค์ เกิดเป็นหลักบรรทัดฐานที่ดี สมดังคำที่ว่าไม่มีใครลบเกียรติชาวอัสสัมชัญได้ ผลที่ได้รับคือ นักเรียนจะยอมรับและปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนได้อย่างรู้คุณค่าเพราะเข้าใจในอำนาจบทบาทของตนเองอย่างแท้จริง และเมื่อสภานักเรียนในโรงเรียนมีพื้นฐานของการปกครองของ ระบอบประชาธิปไตยแล้ว โรงเรียนหรือผู้มีบทบาทหน้าที่ ต้องส่งเสริม ให้นักเรียนเชื่อมั่นกับยึดมั่นในระบบนิติบัญญัติขั้นพื้นฐาน ทั้งปลูกฝัง ให้นักเรียนมีความตระหนักในคุณค่าของระบบบริหารที่ดี ด้วยการอบรม สั่งสอนให้นักเรียนนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ให้เป็นควบคู่ไปสภานักเรียน ลำดับต่อไปการสร้างสภานักเรียนที่ดีได้ ต้องให้ความสำคัญ กับแนวคิด อุดมการณ จนสามารถเชื่อมต่อและรวมกลุ่มกันในรูปแบบ พรรคการเมื อ งจำลองได้ มี ค วามเป็ น เอกลั ก ษณ์ ข องพรรคและแนว นโยบายที่ดี นำเสนอต่อสาธารณะชนในโรงเรียนได้ ในการเลือกตั้งสภานั ก เรี ย น ต้ อ งมี ก ลุ ่ มแกนนำพรรคการเมื อ งที ่ ด มี ใ จเสี ย สละอุ ทิ ศตน เพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ทำให้เกิดระบบสภานักเรียนที่เข้มแข็ง เพราะการเลือกตั้งสภานักเรียนนั้นถ้าฝ่ายใดได้รับการยอมรับเป็นเสียง ส่วนมาก มีหน้าที่ต้องเข้าไปบริหารนโยบายตามที่ประกาศไว และฝ่าย ที่เสียงข้างน้อยจะสร้างระบบคานอำนาจ ตรวจสอบการทำงานของคณะ กรรมสภานักเรียนย่อมทำได้ ย่อมเป็นผลให้สภานักเรียนที่ดีเกิดขึ้นแสดง ว่าโรงเรียนสามารถสร้างพลเมืองที่ดี มีคุณภาพโรงเรียนเป็นต้นแบบของ ประชาธิปไตยจำลองได้สำเร็จ โดยใช้สภานักเรียนเป็นฐานอย่างหนึ่ง แต่สภานักเรียนจะมีคุณภาพและเป็นสภาที่ดีได้ ต้องมีกลไก ในการขับเคลื่อน เช่น มีคณะครูที่ปรึกษา ร่วมช่วยกันส่งเสริมความเป็น ประชาธิ ป ไตยให้ แ ก่ ส ภานั ก เรี ย น ได้ ร ู ้ ถ ึ ง หลั ก การ และเคารพในกฎ กติกาของประชาธิปไตย ปฏิบัติตามธรรมนูญของสภานักเรียนได้อย่าง มี บ รรทั ด ฐาน เพราะประสบการณ์ น ั ก เรี ย นที ่ ไ ม่ ม ากพออาจมี ค วาม ผิดพลาดได้ในบางอย่าง ดังนั้นครูที่ปรึกษาย่อมมีความสำคัญคอยช่วย แนะนำแนวทางที่ถูกต้อง จะช่วยให้สภานักเรียนสร้างประชาธิปไตย อย่างเป็นระบบและเกิดประสิทธิภาพ ตามหลักคิดทีว่ า่ “ผูม้ ปี ระสบการณ์ ย่อมช่วยใช้ดุลพินิจส่องนำทางให้แก่ผู้อ่อนประสบการณ์ นำไปช่วย ตัดสินใจเพือ่ ให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยทีส่ ดุ ” จริงหรือไม่ลองไปพิจารณากันดู สำหรับปัจจุบัน แม้ว่าเส้นทางของประชาธิไตยในโรงเรียน อัสสัมชัญมีรากฐานอยู่แล้ว แต่มีบางส่วนที่ยังต้องปรับปรุงให้เข้มข้นขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักเรียนที่สนใจต้องมานั่งคิดเสวนากัน เพื่อหา วิธกี ารสร้างระบบสภานักเรียนให้ดงี ามยิง่ ขึน้ คงไว้ซง่ึ ความเป็นประชาธิปไตยที่มีทั้งอุดมการณ์ ระบบกับศักยภาพของตนเอง โดยใช้ความคิด สร้างสรรค์และคิดแบบผูน้ ำ ร่วมกันระดมสมองทำงานเป็นทีมงาน เชือ่ ว่า การทำดีย่อมส่งผลถึงเกียรติภูมิของสภานักเรียนอัสสัมชัญอย่างแน่นอน ท้ายนี้ครูให้ข้อคิดว่าสภานักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ มิใช่เรื่อง ที่เสวนาแล้วจบในวงนั่งดื่มกาแฟแล้วทิ้งมันไว้ ณ ที่แห่งนั้น แล้วทุกคน จากไปเหลือไว้แค่ซากความคิดที่กองอยู่ตรงนั้น หากเราเริ่มต้นที่สภากาแฟแล้วติดหัวสมองพวกเราเอาไปคิดเริ่มลงมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ มีพื้นฐานของระบบนิติบัญญัติกับบริหารของสภานักเรียน สภานักเรียน คือ ความหวังทั้งวินัยและแบบอย่างการรับผิดชอบต่อโรงเรียน แล้วยัง สร้างสรรค์พลเมืองดีให้แก่สังคมทั้งปัจจุบันและอนาคต 43
ลูกโปงเปนของตัวเอง
เราตางมี
´ µ ª¥ ¸ÉÁ · ¹ Ê ¤µÄ ªµ¤¦¼o ¹ ¹ ·  n¨³ª´ ´ ´ °¥µ Á¦¸ ¥ £µ¬µÁ¡ºÉ° o µ ´ °¥µ Á¦¸ ¥ «·¨ ³ ´ °¥µ ®´ นลอยได นั่นเอง จึงไมªต¥ ªµ¤ ¸ างอะไรกัÉ บªµ¤ ´ ความฝ นฉาบฉวยที ´เพราะมั ¦ ¨³°¸ nµ Ç µ µ o Á®¨n µ ¸ Ê » ¹ Ê ่ เกิดขึ้นµมาในความรู คิดแตละวันµฉั ¦ª Á¦È นฝนอยากเรี ¤µ°¥n ¦ª Á¦È ª ¤´ ส Èึก¤นึ ´ ก ³®µ¥Å °¥n ªÁ n ´ย นภาษา ¤o Á¦µ เพื่อÁ ¨° Î นบานµ®¨» ฝน อยากเรี ปะ ฝนอยากหั ขับรถ¨°¥°¥n และอีµก Ťn ¤º°  n¤ย ´ นศิ È ล³µ¤µ¦ ¡¥» ´ªดÁ° Ä®o ตางๆ นานา°¥nµด ¤µ È วยความที วามฝ É นnเหล านี้ผุดขึ้นมาอยางรวดª¥ µ¤Å o  nÁ่ค«¬® ¹ ª µ¤ ° ¦³¥³Áª¨µÄ เร็ว É ª´มั นก็มักจะหายไปอยางรวดเร็วเชนกัน แมเราไมเผลอทํา ® ¹ แตªมµn ¨¼ัน ก็à n จะสามารถพยุ างสวยงาม หลุดมือ Ťn ¸ÉÁ · ¹ Ê Ä ¸งตัªว· เองให ´ ®¦ºล°อยอย ¸ª· Á ° ³¤¸ ¸É ไดอยาµงมากก็ เศษหนึ นสามของระยะเวลาในหนึ ¤µ°¥n Ŧ ¤¸แ ·É คÄ Á È ´ ่ง ´ส¥ว ¦³ ° ¦o µ o µ ³ ¸Å่ง¤nวั นo °¥ ®µ Á¦µÅ¤n ¼ µ¥ ¨n°¥Ä®o ¨ ¼ à n Á®¨nµ ´ o Ê ° ¢¸ Á®¸É¥ª ®¦º ° ไม°ว£µ¡Á¡¸ าลูกโปง¥ที  n ่เกิดÁขึ«¬¥µ ¸ ้นในชีวิตÉÅฉั¦o น µn หรื อชีªว¥ Î ิตเธอ  ŠÁ®¨º ³ o ʵ¤º°จะมี ° ที่ างไร° °º มีสÉ ิ่ง Èใดเป นปจจัยประกอบสร คงจะดี ไม ´มาอย ªÁ° ®¦º µ¤ Á¦µ°µ ³®¥» · า´งบ ¡´า งªnµ ¨¼ à n Ä นอย หากเราไม ยให ล¸ªูก· โป เหล Ê ®¦º านั้น°ตÁ¨ºอ°งฟ Å® ¤ ª¦ ³ Î µÄ®oด¤ูด ายปล ´ ¨´ อ¤µ¤¸ °¸ ง ¦´ ¸บÉ เหี³ ่ยว หรือแตกไป อสภาพเพี ยงแค ศษยางที รคา จะด วยนํ้ามือ ¨³ · Ê Á°µÅªo เหลื ª´É ¦µª Á È Á°µÅªo Á n เµÄ®¤n Á¤ºÉ°่ไ¥µ¤¤¸ Á¦¸É ¥ªÂ¦  n คนอืª่นÁ¦µÁ¨º ก็ตาม ดสักพั ก Èว า ³ ลูก oของตั µª´ ว ´เองหรื ¤µ ¹ Ê อ ¨o ° ¸เราอาจจะหยุ É ³Å¤n®¥· ¤´ ด ¹คิÊ ¤µ°¸ โปง ใบไหนสมควรจะทํ าใหมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หรือเลือก Ťn · °³Å¦ ´ ที่จะละทิ้งเอาไวชั่วคราว เก็บเอาไวเปาใหมเมื่อยามมีเรี่ยวแรง แตถาวันนั้นมาถึง แลวเราเลือกที่จะไมหยิบมันขึ้นมาอีก ก็คง จะไมผิดอะไรนัก
´ ´  n Ê Îµ ªµ¤Å o Á · à Á È ª´¥¦»n ® »¤n µª ´ Ťn Á ¥ ´ Á¨¥ªnµÅ o ¨n°¥Ä®o ¨ ¼ à n ®¨» ¨°¥®µ¥Å µ ¸ª· ¸ÉÄ Â¨o ª นับตั ้งª´แต จนเติ นวัย รุà nนหนุ มสาว ฉั¸ÉÁน¦µไม Ä ª´ ¥ ¸จÉ¥ํา ´ ความได Á È Á¡¸¥ Á È ´บªโตเป Á¨È Ç ¨¼ Ä Ä® n เคยนั บเลยวาไดปÁล¨nอ ยให กู โป ง µ ´ หลุดลอยหายไปจากชี วติ กีใ่ บแล Å o ¦° ¦° Å o °¥nµล » ¨o Ê ª ¤µ µ µ¦®¥· ¥ºÉ ว Ä®o ° ¸Éà ªnµ Ťnªµn ³Á È ¡n°Â¤n µ ·¡¸É o° Á ºÉ° µ Á¦µ¥´ ในวันวัยÉ ที³Á n ่ยังเป งเด็กตัว เล็ µ ´ กๆ ลู Å o งใบใหญ ที่เรา Ťn¤¸Â¦ ¤µ ¡° ¸ µ¨¼น เพี à nย Ä Ä® n Ê กโป  n Ä nªµn Á¦µÅ¤n ไดครอบครอง ไดµ¨¼เล นà nอย Á° างสนุกสนานนั้น ลวนมาจากการหยิบยื่น Á ¥¡¥µ¥µ¤Á n า ไมÉ วา³µ¤µ¦ Á n จะเปนพอแม พี่นองÁเนื ง ใหของคนที ¦´่โ ตกว Ê Ã ¡° ¸ µ¨¼ ญาติ à n Á° Å o nµ่อ ´งจากเรายั ®¨³ Ê รงมากพอที ่จะเปาลูÄก®oโป ขนาดนั ้นได Á¦µ o แตใช°ว °µ«´ าเราไม ¨¼ไม มà nีแ Î µ ª ¤µ ¤µ¥¤¸ Á®Èง ใบใหญ °¥¼ n ¦ ® o µ µ ¨¼ ¥ าลูกµโป เอง ɤ¸°¥¼ n °° ¦ Á n µÄ®o ¨ ¼ à n n°¥Ç Ä® n ´เคยพยายามเป Î Ê µ¨´ ° ¨³ Î ¨´ งÄ ¸ ¹ Ê ¸¨³ o °¥Á ¦¸ ¥ Á¤º° ´ ªµ¤ ´ ¸É ¦³ ° ¦o µ o ª¥ ªµ¤ ครั Ä Á¡º ะสามารถเป าลูกโป ¦¼ง เองได ้นแหละ ¤» n ¤´ É Â¨³ ´ Ê้นโตพอที É° ¸É ่จ³Ä®o ´ ´ n Ê °¥Ç Á È Á È ¦nเµท ¹านัÊ ¤µ อยูตรงหน กเราต งอาศัย ลูกโปงจํานวนมากมายมี ´ ¸ Ê Ê ´ ´ Ê ¨¼ Ê Ã nให Îเห็µน ª Ťn o°¥ Èา Á ·บางลู ¹ Ê °¥n µ nµอ¥ µ¥ าลั°งµ«´ ใจที¥่ม ¨oีอยูµ¤Á º ออกแรงเป โปÉงค » อ ºยๆ ใหญ oทัª้งกํ¥ ¸าลัÉ ง´Ë ¤ปอดและกํ ¨¤ Á¡¸¥  n Ê°¤º° ®¦ºา°ให ¸É ลµn ูก¥ ¸ ° µ¦ ทีละนµอ pยเปรี นที่ประกอบสร วยความ¡¹ขึ้น É ¡µÁ o µ ±¸Áย¨¸บเสมื É¥¤ Ä®oอ¨นกั ¼ à nบความฝ ¦¦¤ µÇ ¤¸ » ¤ ´ างด ¡· ·Á«¬ ¹ Ê ¤µ มุงมั่นและตั ้งใจเพื ่อ ´É ทีÁ° ¹ ่จะให Ťn ฝน นัµn ้น °³Å¦ ´ คอยๆ เป นรูปเปนรางขึ้นมา Á¡¦µ³¤´ ¨°¥Å o ªµ¤ ทั้งนี้ทั้งนั้นลูกโปงจํานวนไมนอยก็เกิดขึ้นอยางงายดาย ดวยที่ปมลม เพียงแคอาศัยกลามเนื้อมือ หรือที่งายที่สุดคือการ พึ่งพาเจากาซฮีเลี่ยม ใหลูกโปงธรรมดาๆ มีคุณสมบัติพิเศษขึ้นมา
.
44
.
.
.
.
.
.
.
.
เรื่อง : ปณณาห
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ปจจุบนั ทีส่ ดใส อดีตทีเ่ ศราหมอง kru128 เขียน
คนทีอ่ ยูใ่ นสังคมออนไลน์ มักจะเคยเห็นข้อคิดหรือคำคม ทีต่ นเอง ไปกด Like เพจนัน้ ๆ หรือทีเ่ พือ่ นๆแชร์มา (ผูเ้ ขียนก็ชอบ แชร์เหมือนกัน) แต่มขี อ้ คิดหนึง่ ทีผ่ เู้ ขียนชอบมาก คือ “ คนทีเ่ ราพบ เจอ เรารูเ้ พียงปัจจุบนั เราไม่สามารถรูถ้ งึ อดีตทีเ่ ขาผ่านมาได้ ” ถ้าผู้ อ่านได้เห็นเบือ้ งหน้าทีส่ ดใสของใครก็ตาม ก็คงจะไม่รไู้ ด้เช่นกันว่า เขาผ่านอดีตทีข่ น่ื ขมมามากเพียงใด ส่วนใหญ่แล้วคนเหล่านีม้ กั จะ ผ่านเรื่องราวอันน่าเศร้ามากมาย จนกระทั่งประสบความสำเร็จ ผูเ้ ขียนจึงอยากจะนำเสนอเรือ่ งราวเบือ้ งหลัง ตำนานอันแสนเศร้า ของดอกไม้ทม่ี รี ปู ลักษณ์สวยงามและชือ่ เสียงไพเราะ เพือ่ สนับสนุน ข้อคิดดังกล่าว ตำนานของดอกฟอร์เก็ตมีนอ็ ตมีความว่า ประเทศฝรัง่ เศสในยุคอัศวิน มีทหารหนุ่มคบกับหญิงสาวคนหนึ่ง ในขณะที่ทั้งสองเดินชม แสงจันทร์ในยามค่ำคืน พอไปถึงริมตลิง่ หญิงสาวพบดอกไม้สนี ำ้ เงิน หล่นอยูใ่ กล้ๆ แม่นำ้ เธอรูส้ กึ โปรดปรานดอกนีม้ าก จึงให้ทหารหนุม่ ไปเก็บให้ ปรากฏว่าพอทหารหนุม่ เอือ้ มมือไปเก็บ เขากลับลืน่ ตกน้ำ กระแสน้ำที่เชี่ยวกราด กับแรงของหญิงสาวที่จะฉุดทหารหนุ่มไว้ ย่อมทานกันไม่ไหว ทหารหนุม่ ไม่สามารถว่ายน้ำขึน้ มาได้ เพราะ หนักชุดเกราะ แต่ก่อนที่เขาจะถูกซัดและจม เขาโยนดอกไม้ดอก นั้นขึ้นไปให้คู่รักของเขา พร้อมตะโกนว่า “Ne m'oubliez pas” ภาษาฝรัง่ เศส แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Forget me not จึงเป็นที่ มาของชือ่ และเครือ่ งหมายแสดงความรักของทหารหนุม่ กับหญิง สาวคนนั้น ทำให้ดอกไม้ชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ เคียงคูก่ บั ดอกกุหลาบด้วย
จากอันตรายมาได้ทุกครั้ง เทพวีนัสนั้นเจ้าชู้ แม้ใน เทวโลกหรือ โลกมนุษย์ นางก็มีสามีไว้มากมาย และในที่ สุดเทพแอรีสหนึ่ง ในชู้ของวีนัส รู้สึกไม่พอใจที่วีนัสดูแลเอาใจใส่นายพรานอาโดนิส คนนี้เป็นพิเศษ จึงวางแผนที่จะกำจัด โดยการเสกหมูป่าตัวใหญ่ แล้วให้วง่ิ เข้าป่าไป หมาล่าเนือ้ ของ อาโดนิสได้กลิน่ ทำให้อาโดนิส วิง่ ตาม เทพีวนี สั ก็เฝ้ามองอยูห่ า่ งๆ จังหวะนัน้ เทพแอรีสเข้าไปชวน นางคุยด้วย ทำให้นางคลาดสายตาจากอาโดนิสชัว่ คราว อาโดนิส ดวงตกจึงพลาดท่าถูกหมูปา่ ขวิดตาย กว่าทีเ่ ทพีวนี สั จะรูว้ า่ นีค่ อื กลลวงก็สายไปเสียแล้ว นางได้แต่ร้องไห้เสียใจ เลือดสีแดงสด ของอาโดนิสไหลลงกับพืน้ ทำให้บงั เกิดเป็นดอกกุหลาบสีแดงผุด ขึ้นมาวีนัสเก็บดอกกุหลาบ เหล่านั้นไปปลูกบนวิหารของนาง นางถือว่าดอกกุหลาบเหล่านัน้ คือตัวแทนของอาโดนิส คนรักของ นางทีจ่ ากไปอย่างน่าเศร้าใจ ต่อมาเป็นตำนานดอกไฮยาซินธ์ เรื่องมีอยู่ว่า เทพอะพอลโล หรือเทพดวงอาทิตย์ กับมนุษย์ที่ชื่อ ไฮยาซินทัส เป็นเพื่อนที่ สนิทกันมาก แต่กอ่ นหน้านัน้ ไฮยาซินทัสเองก็เป็นเพือ่ นกับเซฟไฟรัส หรือเทพลมอยู่แล้ว ทำให้เซฟไฟรัสไม่พอใจที่ไฮยาซินทัสไปสนิท กับอะพอลโลมากกว่าตน ในขณะทีเ่ ทพอะพอลโลกำลังเล่นขว้าง ห่วงเหล็กกับไฮยาซินทัสอยู่ เทพเซฟไฟรัสก็แอบเป่าลมไปทีห่ ว่ งเหล็ก ทำให้ห่วงเหล็กที่เทพอะพอลโลขว้างมาให้ กระแทกเข้ากับใบหน้าของไฮยาซินทัสอย่างจัง ไฮยาซินทัสทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทำให้สิ้นใจในที่สุด เทพอะพอลโลเข้าใจว่าตนขว้างห่วงเหล็กแรง เกินไป ทำให้ไฮยาซินทัสต้องตาย เลยร้องไห้เสียใจ แล้วบันดาล ให้กองเลือดของไฮยาซินทัสกลายเป็นดอกไฮยาซินธ์ในที่สุด
จะเห็นได้ว่าดอกไม้ที่กล่าวมา แม้เราจะดูว่าสวยงาม แต่ที่มา ตามตำนานของมันกลับกลายเป็นเพียงอนุสรณ์ให้ระลึกถึงโศกนาฏกรรมในอดีตเท่านั้น ซึ่งไม่ต่างจากชีวิตของคนเรา ที่เห็นใคร มีภาพสวยงาม ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงอยู่จนทุกวันนี้ ภาพที่สวยงาม นามที่ถูกขานในปัจจุบัน ก็เป็นอนุสรณ์ให้ระลึก ถึงความยากลำบาก ความเศร้าและความขื่นขมในอดีตที่เคย เกิดขึ้นกับชีวิต จะมีสักกี่คนที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับความเศร้า หมองและความรันทดของชีวิตมาก่อน ความงามที่ได้เห็นใน ตำนานดอกกุหลาบในฉบับตะวันตก มีความว่า เทพีวนี สั นางได้ ปัจจุบนั จึงเป็นสิง่ ทีบ่ ง่ บอกว่าเรือ่ งร้ายๆนัน้ ได้ผา่ นไปแล้ว หรือถ้ายัง รักกับพรานป่าผู้หนึ่งมีชื่อว่า อาโดนิส ซึ่งมีใบหน้างดงาม ทำให้ ไม่ผา่ นไป มันก็จะผ่านไปในทีส่ ดุ และเป็นบทเรียนอันมีคา่ ของเรานัน่ เอง นาง หลงรั ก อย่ า งจั บ ใจ เทพี ว ี น ั ส จึ ง เริ ่ ม เข้ า ไปมี ส ั ม พั น ธ์ ก ั บ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . พราน หนุ่มคนดังกล่าวและเป็นคู่รักกันในที่สุด พรานหนุ่มนั้น ชอบล่ า หมู ป ่ า ทำให้ ต ้ อ งเสี ่ ย งกั บ อั น ตรายตลอดเวลา นาง เองก็คอยปกป้องคนรักของนางอยู่ห่างๆ ทำให้ชายหนุ่มรอดพ้น
45
(1)
เรื ่ อ ง : หยาดน้ ำ ค า งสี ด ำ ... ตอจาก ‘ผูกลา’ ฉบับที่ 1 ภาพ : นรภั ท ร นิ ต รมร
01
มีหลายคนเคยบอกเอาไววา "หากมีทุกสิ่งที่ปรารถนาอยู ในมือ ชีวิต นี้คงจะมีแตความสุข" ไมวายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเพียงใด วาทะ ของคนเหลานี้ก็ยังคงมีอยู และเชื่อเถอะไมวาใครก็ตางมี สิ่งเดียวกันนี้ 'ความโลภ' หนึ่งในบาปทั้งเจ็ดที่ไมอาจหลีกหนีได พวกเราทุกคนมีมัน ไมมากก็นอย ทุกคนตางสรรหาสิ่งตางๆสารพัด มาเติมเต็มมัน ไมวาจะดวยวิธีการใดก็ตาม แลวกับคนที่ไมตองการมันละ? ไมสิจะเรียก "คน" หรือ "มนุษย" ไปก็ไมถูก ตองเรียกวา "สิ� ง มี ชี วิ ต " อยางพวกเราอาจไมเชื่อวา จะมีพวกมนุษยหนาไหนที่พูดแบบนั้นออกมา นั่นเพราะพวกเขาไม เคยรับรูถึงสภาวะที่เปนที่ใฝฝนของพวกเขา ไมรูเลยวาการที่ไดเปน ในสิ่งที่พวกเขาคิดวาดีที่สุดแลวรูสึกยังไง พวกเขาจึงดิ้นรนขวนขวาย หาป จ จั ย มาบํ า เรอความโลภของตั ว เองกั น อย า งไม ห ยุ ด หย อ น เพื่อหวังจะไปอยูในจุดที่พวกเขาไมมีวันหาเจอและไปถึง แตฉันรูดี เพราะฉันคือผูที่อยูในจุดนั้น จุดที่ฉันรูสึกรังเกียจและอยากหนีไปจาก มัน จุดทีฉ่ นั ตัดสินใจแลววาไมวา จะผานไปนานเทาไรก็จะไมกลับไปอีก
02
พวกเราคือ 'ไมนอส' ผูที่สืบเชื้อสายมาจาก 'มิโนทอร' ปศาจที่แข็งแกรงที่สุด ปศาจที่มีพละกําลังและความสามารถมาก จนเปนที่นาเกรงขาในบรรดาเหลาปศาจ พวกเราเกิดในตระกูลโซลัสเตีย ซึ่งเปนตระกูลสายตรงของไมนอสทําใหเปนที่เคารพใน หมู ไ มนอสด ว ยกั น เองเรี ย กได ว า เป น ราชาในหมู ร าชาเลยที เ ดี ย ว แตดวยความที่พอของขา 'อลอกัว' หรือที่พวกเจารูจักกันในนาม 'จอมมาร' เปนผูท่ีรักสงบ ทานจึงเลือกที่จะใหเหลาปศาจตาง แยกยายกันไปหลบซอนและใชชีวิตอยาง 'มนุษย' โดยหามไมให ใครทํารายมนุษยอีก พอของขาเลือกที่จะมาเปนคนตัดฟนที่เมือง ชั้นนอกสุด ใชชีวิตเยี่ยงคนธรรมดา เมื่อคํ่าจึงกลับไปยังถํ้าที่ซึ่ง เปนที่พักของภรรยาทั้งสี่และพี่นองขา พวกเราอยูกันอยางมีความสุข พี่ๆของขาทุกคนตางเกิดมาจากแมคนละคนกัน ทุกคนจะเกิดมาเปน คูชายหญิง ยกเวนแมขาที่มีขาเพียงคนเดียว จึงรวมเปน 7 คนขาคือนองสาวคนเล็กสุดมีนามวา 'อลิส' นั่นเปนชื่อที่แมขาตั้งให ออ อีกอยางหนึ่ง ขาลืมบอกไปวาขาเปน 'ครึ่งพันธุ' นะ แมของ ขาเปนมนุษยที่ถูกหาวาเปนแมมด จากที่แมเลาใหขาฟง พอขาไป ชวยแมจากการถูกเผาทั้งเปน ถึงจะมาชวยในรางที่ไมหลอนัก แตแมขาก็ปลื้มในตัวพอขาอยางมาก ทานจึงตกลงปลงใจอยูดวย กันตั้งแตนั้นจนเกิดขาขึ้นมา ในบรรดาแมๆของพวกขา มีแมที่เปน 46
มนุษยอยู 2 คน คือแมขา กับแมของพวกพีร่ นุ 2 เลยทําใหพสี่ าวคนที่ 2 ของขาเปนเพียงคนเดียวในครอบครัวทีไ่ มมพี ลังปศาจ แตพชี่ ายคนที่ 2 กลับมีพลังปศาจที่แข็งแกรงที่สุดในหมูพวกเรา จนคนอื่นมอง วาเขาคือมิโนทอรที่มาจุติใหมในยุคนี้ สวนขานั้นมีส่ิงที่เรียกวา ’พลังแฝง’ ในตัว ขาเองก็ไมรูวามัน แปลวาอะไรและใชยังไง แต เห็นพอขาบอกมาอยางนั้น เราอยูกันอยางสงบสุขปกติไมตางจาก ครอบครัวไมนอสอื่นๆ แตในเวลาตอมาก็เกิดปญหาขึ้น ปศาจ กลุม หนึง่ ถูกพวกมนุษย เจอตัวเขาและถูกฆาจนตาย เหลาปศาจจึงเริม่ โจมตีกลับหลังจากนั้นไมนานก็เกิดสงครามขึ้น พอขาที่มีตําแหนง เปนเจาบานของตระกูลสายหลักจึงถูกเรียกตัวไปเปนผูนําทัพอย างเลี่ยงไมได ในวันที่พอของขาออกไปสูรบนั้นทานพูดกับพวกเราวา “จะรีบกลับมานะ ถึงจะปางตายยังไงก็จะกลับมาบาน ใหจงได สัญญาเลย” หลังพูดจบทานก็ยิ้มใหเล็กนอยแลวทาน ก็เดินออกไป แผนหลังอันยิ่งใหญกับเสียงอันอบอุนนั้นยังคงอยูใน ความทรงจําของขา
03
หลังจากนัน้ 2 อาทิตย เราก็ไดขา วจากปศาจทีเ่ ปนลูกนอง ของพอวาเราชนะสงครามที่หัวเมืองชั้นนอกแลว จากนั้นพวกเรา ก็ไปอาศัยอยูที่บานในเมืองนั้น ถึงพี่สาวและพี่ชายคนที่ 3 ของขา อั ง กั ส กับ เอจิส จะคัดคานการยายไปอยางเอาเปนเอาตาย แตสุดทายแมของพวกเขาก็กลอมจนยอมยายมาได บานที่เราไป อาศัยอยูคอนขางจะเล็กเมื่อเทียบกับถํ้าเดิม พวกเราจึงใชชีวิตอยู ในบานอยางสนุกสนาน ในตอนนั้นขารูสึกสนิทกับพวกพี่ๆมากขึ้น เพราะตอนอยูในถํ้ามันคอนขางใหญ แตละครอบครัว ก็แยกกันไป อยูตามโพรงอื่นนอกจากเวลาอาหารเย็นเทานั้นที่ พวกเราจะมา นั่งกินดวยกัน
04
“นี่..ตาอลิสเดินแลวนะเหมออะไรอยูหนะ” พี่สาวคนที่ 2ของฉันทักฉันที่เหมอลอยไปสักพักใหญ “ออ..คะ” ฉันหยิบตัวหมากบนกระดานเดินตอ พี่สาวคนที่ 2 ของ ฉัน 'โนดัม' เปนผูนําในหมูพวกเราพี่นอง เธอจะจัดการทุกอยางไมวาจะ เปนเรื่องที่พวกเราทะเลาะกัน ปลุกตอน เชาหรือเรื่องไมเปนเรื่อง เธอคอนขางซือ่ ตรงตออารมณตน เอง เวลามีอะไรก็จะพูดออกมาหมด
ถึงเธอจะดูบาๆไปหนอย แตเวลาอยูดวยก็สนุกดี เธอชอบชวน ฉันเลนหมากรุก เสมอเวลาวาง เหตุผลก็คงเพราะฉันเลนเกงที่สุด ในบรรดา พี่นองถาไมรวมพี่โนดัมละนะ ระหวางที่พวกเรากําลังเลน กันอยูต รงทีน่ ง่ั มุมหอง เอจิส กับ อังกัส ก็กาํ ลังเลนตุก ตายัดนุน กันอยู “พีใ่ จรายแกลงนองกระตายหนูทาํ ไม” อังกัสทําทาจะรองไห “ก็เธอมาแกลงนองอิงฉันกอนนินา” เอจิสตอบกลับ “ลิงตางหากไมใชอิง” อังกัสแกคําผิดพรอมกลับมาหัวเราะ แทน พวกเขาทั้งสองถึงจะเปนพี่สาวพี่ชายฉัน แตนิสัยยังคงเหมือน เด็กอยู หรือ ฉันจะทําตัวเปนผูใหญเกินไปนะ “เงียบกันหนอยไดไหม ฉันอานหนังสือไมรเู รือ่ งแลว” พี่สาวคนโตตะคอกใสพวกพี่ 3 จากบนเตียง เธอชื่อ 'โซเฟย' เธอ มีนิสัยคอนขางกาวราว ขี้หงุดหงิดชอบอานหนังสือเวทมนตยากๆ อยูคนเดียว แตเวลาอยูตอหนาคนอื่นก็จะแสดงนิสัยที่ดูเรียบรอย นารักออกมาแทน “ไมเอานาโซเฟย พวกเขาแคเลนกันเอง” พี่ชายคนโตมา ไกลเกลี่ย “พี่ก็ดวยนั่นแหละเลิกทําตัวออนแอซะทีพี่เปนพี่โตสุดใน บานนะ จะมาทําตัวเหยาะแหยะแบบนี้ไดไง” เธอตะคอกกลับ พี่ โตสุด 'เซฟรอส' เปนคนที่ใจเย็นและรักสงบที่สุดในหมูพวกเรา คงเพราะอยูกับพอมาตั้งแตเกิดจนติดนิสัยพอมาแหละนะ สวนคน สุดทายที่ไมไดกลาวถึงในหมูพวกเราคือคนที่นั่งอยูริมหนาตาง ชื่อ ของเขาคือ 'ซัลดีน' เปนพีช่ ายคนที่ 2 ของฉัน เปนคนเงียบๆชอบอยู คนเดียว ไมคอยพูดมากนักจนนับคําพูดตอวันไดเลย “เช็คเมท” พี่โนดัมพูดขึ้นทําใหฉันไดสติ “อะ ไมนะ โถ..” ฉันพูดขึ้นพรอมกับเสียใจนิดๆ
“ไวครั้งหนาคอยแกมือละกันนะ" “อือ” ฉันปาดนํ้าตาที่ออกมาเล็กนอย “ลงมากินขาวไดแลวเด็กๆ พอกลับมาแลว” เสียงพอตะโกนขึ้นมาทางบันได พวกเราจึงรีบวิ่งกันลงไปเพื่อไป กอดพอ ถึงจะไมใชพวกเราทุกคนก็ตาม วันคืนอันแสนสงบนั้นฉันนึกวาฉันจะไดอยูอยางนั้น ตอไปเรื่อยๆ แตมันกลับกลายเปนเพียงชวงเวลาอันเเสนสุข เพียงหนึ่งเดียวของพวกเรา
05
เวลาผานไปไมนาน ไมนอสก็ตีเมืองจนสามารถชนะ เหล า มนุ ษ ย ไ ด ทั้ ง หมดพวกเราจึ ง ย า ยมาอยู ใ นเมื อ งหลวงใช ชีวติ อยูใ นวังกันอยางมีความสุข อยากไดอะไรก็ได มีแตคนเคารพ แตความสงบสุขที่วาก็ถูกทําลายลง ดวยคําพูดของพอขาที่ใจ ออนตอมนุษยจนเกินไป “เราควรปกครองเมืองรวมกับพวกมนุษยนะ” เขาพูดขึน้ ในที่หองโถงใหญกลางราชวัง พวกเราพี่นองก็อยูที่น่ันดวย ในตอนนั้นก็มีทั้งกลุมที่ไมเห็นดวยและเห็นดวย “เย รวมกับ มนุษยๆ” พวกพี่ 3 หัวเราะดีใจพรอมเตนไปทั่วภายใตสภาวะ ตึงเครียดพอยิ้มออกมาเล็กนอย นั่นกลายเปนเรื่องที่ทําใหความ สงบพังทลายลงเปนเรื่องที่ตลกดีนะวาไหม 'ความสงบสุข' ที่ ทําให 'ความสงบสุข'พังทลาย ฉันรูความ จริงแลววา 'ความ สงบสุข' หนะมันก็แคของจอมปลอมเทานั้นแหละ To Be Continued ... 47
เมื่ อ ตอนยั ง เด็ ก ไปเที่ ย วอยุ ธ ยา มองดู วั ด และวั ง ที่ เ หลื อ เพี ย งซากปรั ก หั ก พั ง แต ก็ ยั ง แสดงให เ ห็ น ถึ ง ความ รุ ง โรจน ข องกรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาในอดี ต ในใจก็ คิ ด ว า เหตุ ใ ดวั ด และวั ง ที่ เ คยงดงามในอดี ต จึ ง กลายมามี ส ภาพเป น เช น นี้ ด ว ยประวั ติ ศ าสตร ช าติ นิ ย มที่ เ คยเรี ย นมา ชวนให รํ า ลึ ก ถึ ง เหตุ ก ารณ พ ม า เผาเมื อ งในสงครามเสี ย กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยา ครั้ ง ที่ 2 เกิ ด คํ า ถามขึ้ น ในใจว า ทํ า ไมชาวพม า จึ ง โหดร า ยถึ ง เพี ย งนี้ ด ว ยความเป น เด็ ก ตอนนั้ น ก็ มี ค วามรู สึ ก ทั้ ง เคี ย ด แค น และ หวาดกลั ว ชาวพม า พอโตขึ้ น ก็ เ ลยรู ว า การกระทํ า ของพม า ที่ รู สึ ก เคี ย ดแค น ในตอนเด็ ก นั้ น เป น เรื่ อ งปกติ ของสงคราม แม แ ต ช าวไทยเองก็ เ คยกระทํ า แบบนี้ กั บ เขมร และลาว ประวั ติ ศ าสตร ช าติ นิ ย มถู ก นํ า มาปลู ก ฝ ง ตั้ ง แต เ ด็ ก สื่ อ ออกมาในรู ป แบบต า งๆ เช น แบบเรี ย นประวั ติ ศ าสตร ภาพยนตร หรือสื่อตางๆ ทําใหชาวไทยนั้นมองประวัติศาสตร ในด า นเดี ย วและมองแบบมี อ คติ เป น ความจริ ง ที่ ป ฏิ เ สธ ไม ไ ด ว า ประวั ติ ศ าสตร ช าติ นิ ย มทํ า ให ช าวไทยมองเพื่ อ น บ า นในแง ล บ ดู ถู ก เพื่ อ นบ า นด ว ยทั ศ นคติ เ ชิ ง ลบ
อยุ ธ ยาในปั จจุ บั น
48
สิ่ ง ที่ เ ป น ที่ พู ด ถึ ง มากในสั ง คมไทยป จ จุ บั น คื อ การเข า สู ป ระชาคมอาเซี ย นในป 2558 การจะรวม เป น ประชาคมจะต อ งมี อั ต ลั ก ษณ ร ว มกั น ต อ งมี ค วาม รู สึ ก เป น ว า พวกเดี ย วกั น ต อ งยอมรั บ ในความแตก ต า งและทํ า ความเข า ใจกั น ลื ม ความขั ด แย ง ใน ประวั ติ ศาสตร แต ด ว ยชาวไทยถู ก ปลู ก ฝ ง มาด ว ยประวั ติ ศ าสตร ชาติ นิ ย ม ภู มิ ใ จในความยิ่ ง ใหญ ข องชาติ ตนเอง และ ดู ถู ก ดู แ คลนเพื่ อ นบ า น ไม ว า จะเป น ลาว กั ม พู ช า และพม า ซึ่ ง อาจจะก อ ให เ กิ ด ผลเสี ย ต อ ทั้ ง ประเทศไทยเอง และ ประชาคมอาเซี ย นด ว ย คนไทยจึ ง ควรที่ จ ะ ระมั ด ระวั ง ในการแสดงออกในสิ่ ง ที่ เ ป น ข อ ขั ด แย ง ทางประวั ติ ศาสตร ไม ค วรจะรื้ อ ฟ น ขึ้ น มา กล า วถึ ง และที่ สํ า คั ญ คื อ ลดความเป น ชาติ นิ ย มในบทเรี ย น ประวั ติ ศ าสตร ซึ่ ง ทุ ก ประเทศนั้ น ควรที่ จ ะต อ งร ว มมื อ กั น เราจะเข า ประชาคมอาเซี ย นอย า งเต็ ม ภาคภู มิ ไ ด อย า งไร ในเมื่ อ ชาวไทยยั ง มี ทั ศ นคติ เ ชิ ง ลบต อ เพื่ อ นบ า น ชาว ไทยจึ ง ควรที่ จ ะทํ า ความเข า ใจเสี ย ใหม กั บ เรื่ อ ง ราวใน ประวั ติ ศาสตร ที่ เ ราเรี ย นรู ม าอย า งชาติ นิ ย ม ประเทศพม่ าในสมั ย โบราณมี ก ารทํ า ศึ ก สงคราม แย ง ชิ ง ความเป น ใหญ ใ นดิ น แดนสุ ว รรณภู มิ กั บ ไทย เกิ ด สงครามขึ้ น มากมายหลายครั้ ง สงครามที่ ทํ า ให ้ ชาวไทยเคี ย ดแค น มากที่ สุ ด คงหนี ไ ม พ น การเสี ย กรุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า ค รั้ ง ที่ 2 ซึ่ ง เ ป น ก า ร สู ญ เ สี ย ค รั้ ง ยิ่ ง ใ ห ญ ในประวั ติ ศ าสตร ไ ทย ในสงครามเสี ย กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาครั้ ง ที่ 2 ต า งจากครั้ ง ที่ 1 ตรงที่ พ ม า ไม มี น โยบาย ที่ จ ะเก็ บ กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาไว เ ป น เสี้ ย นหนามอี ก จึ ง สั่ ง ให เ ผาทํ า ลาย บ า นเรื อ นจนหมดสิ้ น นํ า ทรั พ ย สิ น และเชลยกลั บ ไป ยั ง ดิ น แดนของตนเพื่ อ ไม ใ ห ฟ น ฟู บ า นเมื อ งได อี ก ซึ่ ง ถื อ เป น เรื่ อ งปกติ ข องสงครามที่ จ ะทํ า ให ไ ด รั บ ชั ย ชนะ
อย า งสมบู ร ณ ต อ งทํ า ลายศั ต รู ใ ห ย อ ยยั บ ไม ส ามารถ ฟ น ฟู สภาพบ า นเมื อ งได และจั บ เชลยกลั บ ไปยั ง บ า น เมื อ งตน เพื่ อ ไม ใ ห ซ อ งสุ ม กํ า ลั ง พลได อี ก เช น เดี ย วกั บ ใ น อ ดี ต ที่ ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า ไ ด ย ก ทั พ ไ ป เ ผ า ทํ า ล า ย เ มื อ ง พระนครของอาณาจั ก รขอมจนราบคาบ กวาดต อ นชาว ขอม มาไว ใ นกรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยา และในสมั ย กรุ ง รั ต นโกสิ น ทร ก็ ไ ด เ ผาทํ า ลายเมื อ งเวี ย งจั น ทน จ นย อ ยยั บ และกวาด ต อ นชาวลาวในเวี ย งจั น ทน ใ ห ม าอาศั ย อยู ต ามหั ว เมื อ ง ต า งๆของไทย ฝ า ยผู ถู ก กระทํ า ไม ว า จะเป น ขอมหรื อ ลาว นั้ น ก็ ย อ มมี ค วามโกรธแค น ไม ต า งอะไรกั บ ที่ ไ ทยโกรธ แค น พม า ในป จ จุ บั น แบบเรี ย นประวั ติ ศ าสตร นํ า เสนอ แต บ ทเรี ย นที่ ป ลู ก ฝ ง ความเป น ชาติ นิ ย ม ชี้ ใ ห เ ห็ น ถึ ง ความโหดร า ยของชาวพม า แต มิ ไ ด ก ล า วถึ ง สิ่ ง ที่ ไ ทย เคยกระทํ า ไว กั บ ชาติ อื่ น เลย สงครามระหว า งไทย กั บ พม า ได ถู ก นํ า มาใช เ ป น เครื่ อ งมื อ ปลุ ก เร า สํ า นึ ก ความ เป น ชาติ แ ละความรู สึ ก ชาติ นิ ย ม ทํ า ให ช าว ไทยใน ป จ จุ บั น มองเพื่ อ นบ า นในแง ล บ ย อ นกลั บ ไป ในป พ.ศ.2498 รั ฐ บาลไทยได เ ชิ ญ ฯพณฯ อู นุ นายกรั ฐ มนตรี พ ม า มาเยื อ น ประเทศไทยและได ม าเยื อ นอยุ ธ ยาเป น กรณี พิ เ ศษ ท า น ได ก ล า วขอขมาต อ การที่ ก องทั พ พม า ที่ ไ ด ก ระทํ า ต อ กรุ ง ศรี อยุ ธ ยา นอกจากนี้ ยั ง ได ม อบเงิ น จํ า นวน 200,000 บาท เ พื่ อ ส ม ท บ ทุ น ส ร า ง ห ลั ง ค า วิ ห า ร พ ร ะ ม ง ค ล บ พิ ต ร ในครั้ ง นั้ น มี ม็ อ บกลุ ม เล็ ก ๆของชาวบ า นไทยไปด า ประนาม แ ต อู นุ ไ ด ต อ บ ค น ก ลุ ม นั้ น แ ล ะ พู ด กั บ รั ฐ บ า ล ไ ท ย ว า ถ า จะให ย อ นกลั บ ไปถึ ง ตอนที่ ก องทั พ พม า มารุ ก รานไทย เ ข า ก็ ค ง ไ ม ส า ม า ร ถ จ ะ ทํ า อ ะ ไ ร ไ ด สิ่ ง ที่ อู นุ ทํ า ไ ด ้ ก็ คื อ ขอโทษและบริ จ าคเงิ น ให ไ ทย จากข อ ความที่ ก ล า วมา เห็ น ได ว า ชาวพม า นั้ น ก็ สํ า นึ ก ผิ ด ในสิ่ ง ที่ เ คยกระทํ า ต อ ไทย ค น ไ ท ย จึ ง ค ว ร ที่ จ ะ ใ ห อ ภั ย แ ก พ ม า ลื ม ค ว า ม ห ลั ง และอคติ ต อ เพื่ อ นบ า น เพราะในป จ จุ บั น ประเทศพม า นั้ น มี ค วามไว ว างใจต อ ประเทศไทยอย า งมาก เนื่ อ งจาก พม า มี อ คติ กั บ ชาติ ต ะวั น ตก ประเทศเพื่ อ นบ า นในแถบ อาเซี ย นจึ ง เป น ที่ พึ่ ง ให กั บ พม า ได ชาวไทยจึ ง ไม ค วรมอง เพื่ อ นบ า นอย า งมี อ คติ ปรั บ ทั ศ นคติ ทางประวั ติ ศ าสตร เพื่ อ ประชาคมอาเซี ย นในอนาคต
พระแก้ ว มรกต
ประเทศลาว หรื อ ในอดี ต คื อ ดิ น แดนของอาณาจั ก รล า นช า ง สยามได เ ข า ไปรุ ก รานและครอบครอง ราชอาณาจั ก รล า นช า ง ทั้ ง 3แห ง อั น ประกอบไปด ว ย หลวงพระบาง จํ า ปาศั ก ดิ์ และเวี ย งจั น ทร ตั้ ง แต ส มั ย สมเด็ จ พระเจ า ตากสิ น มหาราช สื บ ต อ มาจนกระทั่ ง ส มั ย รั ต น โ ก สิ น ท ร จ น ถึ ง ใ น ส มั ย พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พระนั่ ง เกล า เจ า อยู หั ว รั ช กาลที่ 3 กษั ต ริ ย แ ห ง ราชอาณาจั ก รล า นช า ง เวี ย งจั น ทน พ ระองค ห นึ่ ง ทรงพระนาม ว า เจ า อนุ ว งศ ไ ด ก อ การกบฏต อ ราชสํ า นั ก ไทย แท จ ริ ง แล ว เป น เรื่ อ งของประเทศราชที่ ต อ งการจะปลดปล อ ย ตั ว เองให เ ป น อิ ส ระ ไม ต า งจากการที่ สมเด็ จ พระนเรศวร ประกาศเอกราชต อ กรุ ง หงสาวดี เพี ย งแต เ จ า อนุ ว งศ นั้นกระทําการไมสําเร็จ ในสายตา ของสยามนั้นจึงเปนการ กบฏ แต ช าวลาวในป จ จุ บั น นั้ น ยกย อ งให พ ระองค เ ป น วี ร บุ รุ ษ หากศึ ก ษา อย า งจริ ง จั ง จะพบว า ด ว ยสงครามครั้ ง นั้ น เอง เวี ย งจั น ทน ต อ งถู ก เผาเมื อ ง กลายเป น เมื อ งร า งต อ มาอี ก หลาย สิ บ ป ไ ม ต า งอะไรจากที่ อ ยุ ธ ยาถู ก พม า เผาทําลาย เมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 เรื่องราวเหลานี้เปนประเด็ น ที่ ล ะเอี ย ดอ อ น ควรทํ า ความเข า ใจกั บ ประวั ติ ศ าสตร ให ลึ ก ซึ้ ง มากว า การท อ งจํ า เพี ย งเรื่ อ งราวที่ เ ล า ผ า น กั น มาในมุ ม มองแบบชาติ นิ ย ม ที่ ชั ก จู ง ให เ รามองคนอื่ น ด อ ยกว า อี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ที่ เ ป น ประเด็ น สํ า คั ญ คื อ พระแก ว มรกต ซึ่ ง ชาวไทยและลาวมองเรื่ อ งนี้ ใ นมุ ม มองที่ แ ตกต า งกั น เพราะฉะนั้ น ทางออกที่ ดี ที่ สุ ด คื อ ชาวไทยควรจะ ระมั ด ระวั ง ในการออกความคิ ด เห็ น ไม ค วรที่ จ ะนํ า มา เป น ประเด็ น สนทนากั บ ชาวลาวและกลั บ กั น ชาวลาวก็ ควรที่ จ ะระมั ด ระวั ง ในการออกความคิ ด เห็ น ด ว ยเช น กั น
รู ป ภาพจํ าลองเหตุ ก ารณ์ ก ารเสี ย กรุ ง ครั� ง ที � 2 49
ป ร ะ เ ท ศ กั ม พู ช า ประวั ติ ศ าสตร ข องกั ม พู ช า นั้ น มี ค วามสั ม พั น ธ กั บ ไทยมายาวนานกว า หลายร อ ยป ในสมั ย กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาตอนต น นั้ น อาณาจั ก รอยุ ธ ยาได โ จ มตี อ าณาจั ก รขอม และยกทั พ ไปเผาทํ า ลายเมื อ งพระนคร เมื อ งหลวงของอาณาจั ก รขอมจนราบคาบ แม ต อ มา จ ะ มี ก า ร ส ถ า ป น า อ า ณ า จั ก ร เ ข ม ร ขึ้ น แ ต ก็ ยั ง ถู ก กรุ ง ศรี อยุ ธ ย ารุ ก ร าน เ ช น เ ดิ ม อ า ณ า จั ก ร เ ขม ร จึ ง ตก เ ป น ป ร ะ เ ท ศ ร า ช ข อ ง ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า ต อ ง ส ง เ ค รื่ อ ง บ ร ร ณ า ก า ร ม า ส ว า มิ ภั ก ดิ์ ต อ ก ษั ต ริ ย ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า อย า งต อ เนื่ อ ง ในบางครั้ ง อยุ ธ ยามี ศึ ก ติ ด พั น กั บ พม า เขมรก็ จ ะยกทั พ มากวาดต อ นผู ค นบริ เ วณเมื อ งชายแดน กลั บ ไปจํ า นวนมาก แต ห ลั ง จากอยุ ธ ยาเสร็ จ สิ้ น สงคราม กั บ พม า ก็ จ ะยกทั พ ไปโจมตี อ าณาจั ก เขมร เขมรก็ จ ะยอมแพ ้ และกวาดต อ นผู ค นกลั บ คื น มายั ง ฝ ง ไทย เหตุ ก ารณ เ ป น เช น นี้ ทุ ก ครั้ ง เมื่ อ อยุ ธ ยามี ศึ ก ติ ด พั น กั บ พม า จนถึ ง ในสมั ย สมเด็ จ พระนเรศวร ก อ นที่ พ ระองค จ ะไปตี เ มื อ งพม า นั้ น จํ า เป น ต อ งปราบปรามเขมรเพื่ อ จะได ไ ม มี อั น ตรายทาง ด า นหลั ง สมเด็ จ พระนเรศวรยกกองทั พ เข า ตี เ มื อ งละแวก เมื อ งหลวงของอาณาจั ก รเขมร แต ก็ มิ ไ ด มี น โยบาย ที่ จ ะรวมกั ม พู ช าไว ใ นอาณาจั ก ร เพี ย งแต ต อ งการตั ด กํ า ลั ง ที่ ไ ว ใ จไม ไ ด ก อ นไปตี เ มื อ งพม า เท า นั้ น และได ป ระหารชี วิ ต ตั ด หั ว พระยาละแวก กษั ต ริ ย เ ขมร หลั ง จากนั้ น อยุ ธ ยา ก็ ยั ง ทํ า สงคราม กั บ เขมรอี ก หลายครั้ ง เพื่ อ รั ก ษาสภาพการ เป น เมื อ งประเทศราชและแทรกแซงทางการเมื อ งในเขมร จ น ก ร ะ ทั่ ง เ สี ย ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า ค รั้ ง ที่ 2 ต อ ม า ใ น ส มั ย กรุ ง ธนบุ รี มี ค วามพยายามที่ จ ะให เ ขมรกลั บ มา สวามิ ภั ก ดิ์ ตามเดิ ม แต ก็ ไ ม สํ า เร็ จ ต อ มาอี ก ในสมั ย กรุ ง รั ต นโกสิ น ทร ์ ไ ท ย จึ ง มี อํ า น า จ เ ห นื อ เ ข ม ร ต า ม เ ดิ ม แ ต ก็ ยั ง มี ก า ร ทํ า สงครามกั บ ญวณเพื่ อ แย ง ชิ ง ความเป น ใหญ ใ นเขมร เกิ ด สงครามที่ ชื่ อ ว า อานามสยามยุ ท ธ ในสมั ย รั ช กาลที่ 3 ผลของสงครามนั้ น ทั้ ง สองฝ า ย ไม ส ามารถรบชนะอี ก ฝ า ย ไ ด เ ด็ ด ข า ด จึ ง ทํ า ส น ธิ สั ญ ญ า ส ง บ ศึ ก กั น ไ ท ย ยั ง ค ง ไว ซึ่ ง สิ ท ธิ ใ นการสถาปนากษั ต ริ ย เ ขมร แต เ ขมรก็ ยั ง ต อ ง ส ง เครื่ อ งบรรณาการแก ญ วนทุ ก ๆ 3 ป เป น อย า งนี้ เ รื่ อ ย มาจนกระทั่งเขมรตกเปนเมืองขึ้นของ ฝรั่งเศสในสมัยรัชกาล ที่ 4 จากเรื่ อ งที่ ก ล า วมาข า งต น นั้ น ทํ า ให เ ห็ น ถึ ง ความ อั ป ยศของเขมรที่ ต อ งถู ก สยาม รุ ก รานอยู ต ลอดเวลา บ า นเมื อ งตกอยู ใ นภาวะระสํ่ า ระสาย ไม แ ปลกเลยที่ ช าว กั ม พู ช าในป จ จุ บั น นั้ น จะเกลี ย ดชั ง ชาวไทย จนถึ ง ขั้ น มี “วั น แห ง การเกลี ย ดชั ง ไทย” ชาวกั ม พู ช าที่ คลั่ ง ชาติ น้ั น จะเกลี ย ดชาวไทยเป น อย า งมาก พอๆกั บ ชาวไทยเกลี ย ด พม า ทั้ ง นี้ ก็ เ ป น เพราะบทเรี ย นชาติ นิ ย มที่ รั ฐ บาลปลุ ก ป น 50
อี ก ทั้ ง ยั ง มี เ รื่ อ ง ปราสาทเขาพระวิ ห ารที่ ม าจุ ด ประเด็ น ให ป ระชาชนทั้ ง สองประเทศมี อ คติ ต อ กั น มากยิ่ ง ขึ้ น ไปอี ก ทางออกที่ ดี ที่ สุ ด นั้ น คื อ การที่ รั ฐ บาลของทั้ ง สองประเทศ หยุ ด การปลุ ก ลั ท ธิ ช าติ นิ ย มขึ้ น มาเพื่ อ หวั ง ผลทางการเมื อ ง (ยอมรั บ และสร า งประวั ติ ศ าสตร ร ว มเสี ย ) ประชาชน ทั้ ง สองประเทศก็ ไ ม ค วรจะนํ า เรื่ อ งในประวั ติ ศ าสตร ม า เป น ประเด็ น อี ก เพื่ อ ลดข อ ขั ด แย ง ในภู มิ ภ าคอาเซี ย น
เขาพระวิ หาร
ประวั ติ ศ าสตร์ แ ท จ ริ ง แล ว ไม ไ ด เ รี ย นเพื่ อ เคี ย ดแ ค น เ ห ตุ ก า ร ณ ใ น อ ดี ต เ พื่ อ ที่ จ ะ แ ก แ ค น ใ น อ น า ค ต แ ต เ รี ย น รู เ พื่ อ มิ ใ ห ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร นั้ น เ กิ ด ซํ้ า ร อ ย ทุ ก ประเทศนั้ น ต อ งให ค วามสํ า คั ญ ต อ การปรั บ ทั ศ นคติ ท า ง ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร แ ล ะ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย นั้ น จํ า เ ป น ที่ จะต อ งปรั บ เป น อย า งยิ่ ง เพราะชาวไทยยั ง มี ทั ศ นคติ ใ น แง ล บ ต อ ประเทศเพื่ อ นบ า น ก อ นที่ ป ระเทศไทยและ ประเทศ เพื่ อ นบ า น จะหลอมรวมเป น อั น หนึ่ ง อั น เดี ย ว กั น ในนาม “ประชาคมอาเซี ย น” ชาวไทยควรจะเรี ย นรู ว า ทํ า ไม ประเทศไทยถึ ง มองประเทศเพื่ อ นบ า นในแง ล บ และ ทํ า ไม ประเทศเพื่ อ นบ า นถึ ง มองประเทศไทยในแง ลบ เรี ย นรู กั น และกั น ชํ า ระล า งประวั ติ ศ าสตร ใ ห เ ป น ประวั ติ ศ าสตร ร ว มเพื่ อ นํ า ไปสู ก ารพุ ด คุ ย กั น เพื่ อ หา ทางออกของป ญ หา by Siamese
(แซวการเมือง)
by Sansmith คำพู ด ถื อ เป็ น ศิ ล ปะอย่ า งหนึ ่ ง เพราะเป็ น สิ ่ ง ที ่ มี พ ลั ง ในตั ว เอง สามารถทำให้ ค นเรารั ก หรื อ เกลี ย ดชั ง ได้ มีสุภาษิตจีนเคยกล่าวไว้ว่า “คำพูดดี มีค่าดั่งหยก” เพราะ คำพูดบางคำสามารถเปลี่ยนโลกได้ ด้วยการพูดเพียงไม่กี่ พยางค์ ในขณะเดี ย วกั น คำพู ด เป็ น พั น ๆประโยคก็ ไ ม่ อ าจ เรี ย กความศรั ท ธาลงได้ ยิ ่ ง ถ้ า เกี ่ ย วข้ อ งกั บ ผู ้ น ำแล้ ว ละก็ ศิ ล ปะในการพู ด ถื อ เป็ น เรื ่ อ งสำคั ญ ในการดำรงชี ว ิ ต อย่ า ง หนึ่งของผู้นำ เพราะถ้าพูดไม่ดีก็จะดำรงชีวิตได้ไม่นาน แต่พูด ดีก็จะดำรงชีวิตได้นานกว่า ในวันนี้จะขอยกตัวอย่าง ท่าน ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ คนปัจจุบัน น้อยคนนัก ทีจ่ ะไม่รจู้ กั เขา ยิง่ ถ้านักเรียน กรุงเทพคริสเตียน ไม่รจู้ กั ก็ยง่ิ แย่ ใหญ่ เพราะเขาคือ รองนายกฯ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคน ปัจจุบนั และศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียน รุน่ 110 เพือ่ นจตุรมิตร เราเอง ถึงแม้ข่าวนี้จะผ่านมานานพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังคง มีผลกระทบต่อท่านปลอด มาจนถึงปัจจุบนั นัน่ คือ “คำพูดของ ท่านปลอดประสพที่เชียงใหม่” ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นเรื่อง อัปมงคลสำหรับเขาไปแล้ว อาจทำให้ไปเทีย่ วภูเก็ตไม่ได้เหมือน เมื่อก่อน ด้วยเหตุจากการปราศรัยที่เชียงใหม่ ที่พอสรุปได้ว่า “ศูนย์ประชุมทีภ่ เู ก็ตยังไม่สร้าง ไม่มอี ารมณ์จะทำ จนกว่าคน
ภู เ ก็ ต จะเลื อ กเพื ่ อ ไทย !!!” , โอ้ โ ห! มี อ ย่ า งนี ้ ด ้ ว ยเหรอ?? คำพูดทีอ่ อกมาจากนักการเมืองอาวุโสทีอ่ ายุเริม่ ย่างเข้า 70 แล้ว แต่คำพูดนั้นได้แสดงถึง ความลำเอียงและแบ่งพรรคแบ่งพวก อย่างชัดเจน เพราะท่านปลอดประสพก็ถือเป็นผู้ที่มีการศึกษา พอสมควร จบถึงปริญญาเอก ดีกรีปริญญาโทที่ ม.โอเรกอน ,สหรั ฐ ฯ รวมถึ ง โรงเรี ย นมั ธ ยมเดิ ม ด้ ว ย แต่ ด ้ ว ยเหตุ ใ ดกั น ข่าวของท่านปลอดประสพ จึงเริม่ มาโด่งดังในช่วงบัน้ ปลายชีวติ ของเขา กับข่าวที่ดูไม่สู้ดีนัก ไหนจะพญาเม็งราย ไหนจะเรื่อง ประชุมน้ำทีไ่ ทยเป็นเจ้าภาพ ไหนจะเรือ่ งคำพูดทีก่ ล่าวในทีน่ อ่ี กี โอโห! ท่านปลอดประสพ กินขาดหมด. การพูดของท่านปลอดประสพในตอนนั้น คือ การพูด เพือ่ เอาใจคนฝัง่ หนึง่ แต่ไม่รกั ษาน้ำใจของคนอีกฝัง่ หนึง่ ซึง่ นอก ภาพ : facebook.com/plodprasop จากแสดงถึงความลำเอียงแล้ว ยังแสดงถึงการไร้ซึ่งความเป็น ผู้นำอีกด้วย ถ้าท่านปลอดประสพรู้จักการใช้วาทศิลป์ ท่าน ปลอดประสพก็จะมีมิตรมากขึ้น แต่ถ้าตราบใดท่านปลอดประสพยังคงใช้คำพูดเดิมๆอยู่ ท่านปลอดประสพ ก็จะมีศัตรู ทันที เมื่อพูดถึงหลักรัฐศาสตร์ ในวิถีทางประชาธิปไตยคือ การยอมรับบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย คือ เสียงข้างมากและเสียงข้าง น้ อ ย ท่ า นปลอดประสพกำลั ง พู ด ถึ ง เสี ย งข้ า งมาก ว่ า ต้ อ ง เป็นเพียงกลุม่ นีถ้ งึ จะได้ ถ้ากลุม่ อืน่ ซึง่ เป็นเสียงข้างน้อยหมดสิทธิ์ สำหรับผม ผมเห็นว่า ถ้าหากเขาเป็นคนดี คิดดีต่อชาติ ก็ต้อง มุง่ หา ประโยชน์ให้คนทัง้ ประเทศได้รบั ไม่จำเป็นหรอกทีต่ อ้ งยึด ติ ด กั บ พรรค อยู ่ พ รรคไหนๆก็ ไ ด้ ขอให้ ค ิ ด ดี เ พื ่ อ ผู ้ อ ื ่ น บ้ า ง สิง่ ดีๆเหล่านัน้ ทีท่ ำไว้กจ็ ะเข้าตัวสูต่ วั เอง โดยปริยาย. อ้างอิงคำพูด http://www.matichon.co.th/news_detail.php? newsid=1370594363&grpid=03&catid=03 http://www.thairath.co.th/content/pol/349550 51
รูทัน Admission แบบชัด ตรง เคลียร
Á ¨°Â Á ¸¥ª Áª¨µ È nµ Å ³ Á °¤Â¨oª ³ ¦´ 宦´ Á¡º°É Ç ¤ e ¸Ê ³¥· É ¦¼o ¹ ªnµÁª¨µ¥· É nµ Å Á¦Èª ªnµ » Ç e Á®¨º°°¸  n Á º° Á nµ ´Ê 宦´ µ¦° µ¤Ä® n ´ · ³ µ ¦´Ê ¦ ° ¸ª· ¡¼ ¹ $GPLVVLRQ ´ Á¦¸¥ ¤ ¨µ¥ ¡°Å o¥ · ε ¸ÂÊ ¨oª È ¥µ ®¦º° ª ®´ª »¤ ¤´ Å µ¤Ç ´ à ¥Á ¡µ³ ´ Á¦¸¥ ¤ ¨³Â¤o n » ¦¼ µ nµ ¹ ³ ¸Ê ¥´ ŤnÁ oµÄ ´ ¸Éªnµ ¤´ º°°³Å¦" εŤ¤´ ¹ Å oÁ¥°³Â¥³ ª» n ªµ¥ ´ Å ®¤ " ª´ ¸Ê Á¦µ ³¤µÁ ¨¸¥¦r ´ Ä®o ´ Á°µÄ®o®µ¥ ´¥Å Á¨¥ ¦´ $GPLVVLRQ È®¤µ¥ ¹ ¦³ µ¦¦´ Á oµ«¹ ¬µ n°Ä ¦³ ´ °» ¤«¹ ¬µ ®¦º°Ä ¦³ ´ ¤®µª· ¥µ¨´¥ ´ É Â®¨³ ¦´ Á } µ¦¦´ ¦ª¤ ¦³ ¨µ ´Ê ¦³Á « ° µ ¸Ê¥´ ¤¸¦° ¦´ ¦ Â¥ °° ¤µ µ ¦³ $GPLVVLRQ °¸ ³ ¦´
รับตรง » Á n ¸ÁÉ ®È Å o ´ ¸É » ° ¦´ ¦ nª Ä® n È °º ¦´ n° ¤¸ ¸ÉÁ¦¸¥ n° ´É Á° ¦´ n° ¸É ³Å ¢µ ¢{ ´ nµ $GPLVVLRQ  n ° µ¤Â¦ Ç ° ´ Á¦¸¥ ´Ê ¤ È º° ¦´ ¦  n¦´ ¦ °µ ³Å¤nÅ oÁ } µ¤Â¦ Á¤°Å Á¡¦µ³¥´ ¤¸¦° ¦´ ¦ ®¨´ $GPLV VLRQ °¸  n¤¸Á ¡µ³ µ ³ µ µ µª· µÁ nµ ´Ê ³ ¦´ ¦´ ¦  n¨³ ³  n¨³¤®µª· ¥µ¨´¥ ³ ε® » ¤ ´ · Á° ´ Ê ®¤ ªnµ o° ° °³Å¦ oµ Á ¦ Á nµÅ¦ ¦´ Á È ¤ °¥nµ Á ¸¥ª ®¦º° ³¦´ Á È ·Éª oª¥ ²¨² ¦´ ¦ o° · µ¤ nµª Á° ³ ¦´
52
¥ÎµÊ ªnµ o° · µ¤Á° ³ ¦´ °¥µ ³Á oµ ³ ¸ Ê Â n°µo ª Á oµ¦´ ¦ ´ Š¨oª®¦° nµª ÈÁ o Å µ¤ $GPLVVLRQ Á¨¥ ³ ¦´ ¨oª ³° °³Å¦¥´ Å ¨³ ¸É®¨³ { ®µ ¤´ ° Á¥°³Â¥³ Å ®¤  n n° ³¦¼oªnµ° °³Å¦ oµ È o° ¼ » ¤ ´ · °  n¨³ ³ n° ¦´ ªnµÄ o ³Â °³Å¦Á¡º°É ªµ¤Á oµÄ nµ¥Ç ³ °  n Á } ¦³Á£ ¨³ ´ ³ ¦´ ¦³Á£ ¦ È º° o°° ¨µ Á } o ° ° ¸É Ä o ¦ n ª ¤ ´ ®¨µ¥ ³ ®¦º ° ®¨µ¥ µ ´ ®¨´ Ç È º ° ª· µµ¤´ &8 7(3 78 *(7 ²¨² ¨³ o°° ¸É n¨³ ³ ´ ° Á° ®¦º°Ä oÁ ¡µ³ ³ Á n 60$57 µ¦° ª· µÁ ¡µ³ ¸É ³ ´ ° Á° &8 7$' &8 6&,(1&( &8 $76 ²¨² ε µ¤Îµ ´ n°¤µ È º° &OHDULQJ +RXVH º°°³Å¦ &OHDULQJ +RXVH Á } ¦³ ¸É ³Ä®oÁ¦µÁ¨º° ³ µ µª· µ ¸ÉÁ¦µ ° · ®¨µ¥Çà ¦ µ¦Ä®oÁ¨º° Á®¨º°Ã ¦ µ¦Á ¸¥ª®¦º° ³ ¨³· ·Í ÈÅ o ¨oªÅ ¦° $GPLVVLRQ ¸É¤¸¦³ ¸Ê ¹Ê ¤µ ÈÁ¡ºÉ° ´ { ®µ ° · ®¨µ¥Ã ¦ µ¦ ¦µ¥ µ ´ª » à ¦ µ¦ Å ´ ¸ É °º É ÎµÄ®o ¦¼oªnµ¤¸ ¸Éªnµ Á®¨º°Îµ®¦´ ¦° $GPLVVLRQ °¸ Á nµÅ¦Á¡·É¤Ã° µÄ®o Á¡ºÉ° Ǧnª¤¦»n Å o¤¸ ¸ÉÁ¦¸¥ ´ ¤µ ¹Ê ª· µµ¤´ Á } o°° ¦´ ¦ µ¤ ¨µ ¹Ê ºÉ°ªnµ ª· µµ¤´ ®¨µ¥ ³ ¹ ¹ ° ®¤° ŤnÄ n n®¤° ³ ¦´ ¸ÄÉ o ®¨µ¥°¸ ®¨µ¥ ³Á¨¥ ¸ÉÄ o ®¨´ ÇÁ¨¥ ¸ÉÄ o È º° ¦´ ¦  · ° »¯µ² ¨³ e ¸Ê o° Ä®¤n Á¸É ¡· É Ä o Âe ¦ È °º Á ¬ ¦² ¦´ ¨³ ¥´ ¤¸Ã ¦ µ¦°º É Ç ° ¤®µª· ¥µ¨´¥°º É Ç°¸ ° Á nµ ¸ÄÉ o Ťn µÎ Á } o° ° » ª· µ ¤¸ ª· µ oª¥ ´ Å o n Á¨ Å ¥ ´ ¤ °´ §¬ ¢d· r Á ¤¸ ¸ª³ ª· µ¨³ ³Â ¤¸ o°¥r  ªÇ ¸ÉÁ nµ ¦µ ³ ¦´ Á¨ nµ¥ ªnµ 3$7 ´ o° o°¥ ªnµ Å ¥Å¤nÁ o ®¨´ £µ¬µ ¡°¢µ ³Â Å o nª ´ ¤ o° o°¥ ³Â e¨nµ» È o°¥ µ¤ o°¥ nµ Ä °° o°° ¦° ´ ¦ ªµ¨¤µ °´ §¬ ¥µ ¸É » Ä ¦³ ¼¨ µ¦° ´ Ê ®¨µ¥ ´ SDVVDJH ¥µªÁ } ® oµÇ ¹ É nª Ä® n ³Á ¸¥É ª ´ µ¦Â¡ ¥r «´¡ r Á¸É ¦µÅ¤nÁ ¥Á®È LGLRP ¸Éà ¨n¤µ µ ¦ »¤Å® ÈŤn¦¼o e¨nµ» LGLRP Á¡¨µÇ ¨ ³ ¦´ ¨³¥´ ¤¸Á¦¸¥ ¦³Ã¥  *$7 µ¤¤µ®¨° ®¨° °¸ ¸Éε ´ °¸ °¥nµ È º°Áª¨µ ¦´ » ª· µ¤¸Áª¨µ° ´ÉªÃ¤ ¦¹É Á¨ Á ¨¸É¥Ç ¼Â¨oª Áª¨µ ε ´ ¤µ o°¨³ µ ¸Á nµ ´Ê nª °´ §¬ o° ´ ¸ª³ o° ¥· É °µ µ¦® ´ ´ ε ª o° ¸ÁÉ ¥°³¤µ Ç o° ¦·®µ¦Áª¨µÄ®o ¸ ³ ¦´
สรุปรับตรง
«¹ ¬µ o°¤¼¨ Á¦µ o° ¼¦³Á ¸¥ µ¦ °  n¨³ ³  n¨³ µ ´ ¸ÉÁ¦µÁ¨È ÇŪoÄ®o®¤ n° ªnµ ε® » ¤ ´ ·°³Å¦ o° ° °³Å¦ oµ Á¡¦µ³Â n¨³ ¸É ε® ŤnÁ®¤º° ´ ³¨»¥ ¤´ ¦ ¨»¥° µ¤ ¸ÂÉ ¸ É Á nµÅ¦ µ¤Ä Á¨¥ oµ¦´ ¦ à ¦ µ¦Å® Ä®o¤´ ¦ n° ° Ȥ´ ¦Á¨¥Â¨oªÁ ¦¸¥¤ ´ªÄ®o ¡¦o°¤ ° nª à ¦ µ¦Å® ° Ä®o° n° ÈÅ ° nª Ä® n ³ Á } ° nª ¨µ ¨oª n°¥¤´ ¦¥ºÉ ³Â Á oµÅ ¥º ¥´ · ·Í o° ¤µ ¼ n° ªnµ  n¨³¤®µª· ¥µ¨´¥ ¸ÉÁ¦µ¤´ ¦Åªo Á oµ¦nª¤ &OHDULQJ +RXVH ®¦º°Á ¨nµ nª Ä® n ³Á } °¥nµ ¸Ê ³ ¦´ ¦  n¨³Ã ¦ µ¦ ¸ÉÁ¦µ° · Ťnªnµ ³µ¤ ¸É ¸É µ ¤®µ ª· ¥µ¨´¥ ¸ÉÁ oµ¦nª¤¦³ ¸Ê È ¹Ê Á } OLVW Ä®oÁ¦µ¥º ¥´ · ·ÍÁ¨º° Á¡¸¥ ³Á ¸¥ªÁ nµ ´Ê Á ¨¸É¥ Å o ¦´Ê ³ oµ¥º ¥´ ¨oª ³ ¤´ ¦ µ¤ $GPLVVLRQ Ä® nŤŠo ®¦º° ³¨³· · Í ÅÈ oªn à ¦ µ¦¡·Á«¬ ®¦º°¤®µª· ¥µ¨´¥Å® ¸ÉŤnÁ oµ¦nª¤ &OHDULQJ +RXVH Á¦µ È o° Å ¥º ¥´ · ·Í ®¦º°¨³· ·Í ¸É¤®µª· ¥µ¨´¥Á°
Admission ของแท ¤µ ¹ µ¤ ¸Ê ÈÁ¦¸¥ Å oªnµ Á º° ³Á } µ¤» oµ¥ ¦· Ç Â¨oª ¦´ Á } µ¤ ¨µ ¸ÉÄ® n¤µ º° ´Éª ¦³Á « ´É Á° ¡ª ° ¦ · ¨oª È ° ¸¡» °¥¼n oµ °¥nµ µ¥Ä nª Á È $GPLVVLRQ È o° ´É ´ ª´ ¦° °¥°¥nµ ¦¤µ ´ n°Å ¹É µ ° ¸É ¦³ »¤° · µ¦ ¸Â®n ¦³Á «Å ¥ Ä e ¸Ê nµ ÈÅ oÄ®oÁª¨µ Á¦µ¦° °¥ ´ °¥nµ ® 뵀 Á¡·É¤Á } ° Á nµ µ e ¸É¨oª È º° Á º° Á º° ®¦º°Á ¸¥ Å o ´ Á °¤ ´ µ ° *$7 3$7 ¦´Ê » oµ¥Á¦È $GPLVVLRQ o ° Ä o ° ³Å¦ o µ n ° °ºÉ Á¨¥Ä®o Á ¦µ«¹ ¬µ ° r ¦³ ° ´ nª ³Â n° Á¨¥ªnµ ¨»n¤ ³ ¸ÉÁ¦µ ³¥ºÉ Á oµ Ä o ³Â °³Å¦ oµ » ³Ä ¦° $GPLVVLRQ ¨µ ³¤¸´ nª
¦ Á®¤º° ´ º° *3$; ¨³ 2 1(7 °¸ ³Á } *$7 ¨³ 3$7 °´ Å® Ä o¤µ Ä o o°¥ ȨoªÂ n ¨»n¤ ³ ¸É ε® Áª¨µ¥ºÉ o° ¤¸ ³Â ¦ » ´ª oµ¤¸Å¤n ¦ n°¥ ¦´ ¤´ ¦Å¤nÅ oÁ¨¥ ³ ¤µÁ µ³¨ ¨¹  n¨³° r ¦³ ° ´ °¥nµ ¦ Á¨¥ È º° *3$; È º°Á ¦ ¸Éæ Á¦¸¥ Á °¤  Á°µ ³Â 2 1(7 ¤µ nª nµ Îʵ® ´ oª¥ ° ¸Ê oµ ³Å Á¦µ ³Å oÁ ¦ ´ª º° Á ¦ Á¡¸¥ªÇ µ æ Á¦¸¥ ´ Á ¦ °¸ ´ª º° Á ¦ ¸ÉÁ°µ 2 1(7 ¤µ nª ´ Á ¦ Á¡¸¥ªÇ ¸Éæ Á¦¸¥ Ä °´ ¦µnª
°¥nµ ¸É È º° 2 1(7 Á } µ¦° ¸É ´ ´ °  nÁ¦µ ³Å¤n¤µ° ÈÅ o  n È ª¦¤µ°¥nµ ¥·É Á¡¦µ³° Å o ¦´Ê Á ¸¥ª Ä ¸ª· ¡¨µ ¨oª¡¨µ Á¨¥ ¡ª ¸ÉŤn° 2 1(7 Ȥ´ Á } ¡ª ¸É ° · n° ¨oª®¦º°®´ªÁ È ¸ µ ¥´ Å È ³Á oµÁ°  n ³¤¸ { ®µ ° ¸É · ³ ·Éª¤µÁ oµ¤®µª· ¥µ¨´¥¦´ ¸É o° Ä o 2 1(7  n ° ªnµ Ťn¤¸ 2 1(7 $GPLVVLRQ ŤnÅ o  ¤ oµÃ ¦oµ¥ ¦´ ¦ ε® ªnµ Ťn¦´ Á È ·Éª°¸ ª¥¤µ Á¨¥ ³ ¦´ ° Á¨¥ O-NET º° µ¦° ´Ê ¡ºÊ µ ¸É ´ ´ ° æ Á¦¸¥ ³¤´ ¦° Ä®o  nÁ¦µÅ¤n¤µ° ÈÅ o Á°p³¥´ Å " ° ¸Å o ¦³ Ã¥ r n° n°Â¦ º° ´ Á¦¸¥ Å o ε ³Â Å Ä o¥ºÉ $GPLVVLRQ n° ¸É° Á } µ¦ª´ ¦³ ´ » £µ¡Ã¦ Á¦¸¥ Å oª¥ ¸Éε ´ º°° Å o ¦´Ê Á ¸¥ªÄ ¸ª· Á nµ ´Ê ¡¨µ ¨oª¡¨µ Á¨¥ °Â ³ ε°¥nµ ¥·É ¥ª ªnµ ¤µ° Á °³ ¦´ µ · ¨oª ¥´ Å µ · ¸Ê È ³Å¤n $GPLV VLRQ °¸ Å Á° Å °· Á °¦r ¸ ªnµ  n ³Á È ® ´ ¸®¨´ ° · ³ ·ÉªÁ oµ£µ Å ¥ ¤®µª· ¥µ¨´¥¦´  n ° ªnµ ³ $GPLVVLRQ È o° ¤¸ 2 1(7 Ťn¤¸ ³Â Å ¥ºÉ ÈÁ · ¦´ ¦³ µ ®oªÅ oÁ¨¥ ¦´ ¡° ³¤´ ¦¦´ ¦ µ ³ ´ ŤnÁ d ¦´ Á È ·Éª n°¥ ´ ¸ ° µ 2 1(7 Á } Á ºÊ°®µÄ µ¦³ µ¦Á¦¸¥ ¦¼o¡ºÊ µ ¤¸°¥¼n ª· µ ¤¸ o°¥r ª· µ¨³ ³Â  nÁª¨µ · ³Â ³ ¼  n °° Á } ¨»n¤  n¨³ ¨»n¤¤¸ Îʵ® ´ Å o n Å ¥ ´ ¤ ª· ¥r °´ §¬ Á¨ ¨³ª· µµ¤Ä Á µ®§®¦¦¬r » «¹ ¬µ ¡¨³ «·¨ ³ µ¦ µ ¹É ºÉ°Á¸¥ ° ª· µµ¤Ä Á µ ¸Ê ´ µ Å® Á } ¦³Á È ¦o° ¤µ Ä®o Á ¸¥ ´ » e Ťnªnµ ³Á } oµ ¼Ã p³ Á ³ °¨ ®¦º° ε o GAT º° o°° ª· µ ªµ¤ ´ ´ÉªÅ Á } µ¦° ¸É Ťn ´ ´ ° o° ¤´ ¦Á°  n » ¸É ³ $GPLVVLRQ ³ o° ° Á¡¦µ³Á } ° r ¦³ ° ¡ºÊ µ ¸É » ³ o° ¤¸ o°° *$7 Á¦¸¥ Å oªnµÁ } o°° ¸É nµ¦´ ¸É» Ä ¦³ ¼¨ $GPLVVLRQ ¤¸ o°¥r ³  Á Ȥ ³Â ¦³ ° oª¥ nª oª¥ ´ nª ¦ º° *$7 nª ªµ¤ · Á ºÉ°¤Ã¥ ®¦º° ¸ÉÁ¦µÁ¦¸¥ Ç ´ ªnµ *$7 Á ºÉ°¤Ã¥ Ä®oÁª¨µ ´ÉªÃ¤ ¦¹É ³Â Á Ȥ ³Â
53
¨´ ¬ ³ o°° È º° ³¤¸ ªµ¤¤µÄ®o ªµ¤ ªµ¤¨³ ³Â Ä Â n¨³ ªµ¤ ³¤¸ ε ®¦º° .H\ZRUG ¸ÉÁ o ´ª® µÅªo ¨³Ä®o®µ ªµ¤Á ºÉ°¤Ã¥ °  n¨³ .H\ZRUG ° ¼ Å o ³Â ° · · ¨ ³ ¦´ Á } o°° ¸ÉŤn¥µ Á · ªµ¤µ¤µ¦ ¤µ Ä oÁª¨µÁ ¦¸¥¤ ´ªÅ¤n µ Å oÁ Ȥ ´ Á¥°³Â¥³  n o° ¦¼o 7ULFN Ä µ¦ ε ¨³ ´ ®¨´ ¤´ Ä®oÅ o ¤¸ª· ¸Á ¡µ³ ° ¤´  ³ µ¥ ´ª ¹ ³ ¼ nµ¥Ç  n È Îµ ¤oµ µ¥Å oÁ®¤º° ´ ³Â *$7 Á ºÉ°¤Ã¥ ¡»n ³ nª¥Å » *$7 °´ §¬ Ä®o ³Â ¦ª¤¡»n ¹Ê Ä ¦¦¼o ´ªªnµ°´ §¬Å¤nÅ®ªÂ¨oª ª¦ ³Á ¦¸¥¤nª ¸ÊÄ®o ¸¤µ ÇÁ¨¥ ³ ¦´ nª ¸É° º° *$7 £µ¬µ°´ §¬ Ä®oÁª¨µ ´ÉªÃ¤ ¦¹É Á } o°° £µ¬µ°´ §¬ ¸É nµ¦´ ¸É» nµ¥ ¸É» Ä ¦³ ¼¨ $GPLV VLRQ  n ¸É¦¼oÇ ´ °¥¼nªnµ £µ¬µ°´ §¬Á } ª· µ ¸É°µ«´¥ µ¦³¤ · » Á nµ¤µ ŤnÄ nÁ ¦¸¥¤ ´ª ´  Á ¸¥ª Ä ¦¤¸¡ºÊ ¸ È ¨»¥ ³ ¦´  nÄ ¦ ¸É¡ºÊ Ťn ¸ È o° ¥´ ´ ® n°¥ Á o n° «´¡ r » ª´ °nµ  ¦¤¤µ¦r n°¥Ç ¨´ ¬ ³ o°° *$7 £µ¬µ°´ §¬ Á¦·É¤Á ¨¸É¥ °¸ ¦´Ê ´Ê  n *$7 Á º° »¨µ ¤ à ¥Á ¨¸É¥ Á } *UDPPDU 9RFDEXODU\ 5HDGLQJ ¨³ &RQYHUVDWLRQ Á nµÇ ´ °¥nµ ¨³ o° ¦ª¤ o° ¨³ ´ ¡µ¦r &DUWRRQ 0HDQLQJ LQ &RQWH[W Á ·¤ ε ε¨ Ä ¦³Ã¥ ¨´ ¬ ³ ¨oµ¥ 6$7 6HQWHQFH &RPSOHWLRQ Á ·¤ ¦³Ã¥ Ä®o¤ ¼¦ r ¨ ε ª o° 5HDGLQJ &RQYHUVDWLRQ ¨ Á¡·É¤ o°°  ªÄ®¤n º° 6\QRQ\P ®µ ε ¸É¤¸ ªµ¤®¤µ¥Á®¤º° ´ ¸Éà ¥r ¸ Áo Ä o Á¡·É¤ o°° (UURU ,GHQWLILFDWLRQ ®µ » · Ä ¦³Ã¥ µ o° Á } o° 宦´ à ¦ ¦oµ o°° *$7  Į¤n ¤¸ ´ ¸Ê ¦´ ³Â Á Ȥ ³Â o° o°¨³ ³Â &RQYHUVDWLRQ o° ¦³ ° oª¥ ´Ê µ´Ê ¨³¥µª 9RFDEXODU\ o° ¦³ ° oª¥ 6\QRQ\P ®µ ε ¸É¤¸ ªµ¤ ®¤µ¥Á®¤º° ´ ¸Éà ¥r ¸ Áo Ä o o° ¨³ 0HDQLQJ 5HFRJQL WLRQ à ¥r ³ ¸ ε ¸Éµ¤µ¦  ¨Å o®¨µ¥ ªµ¤®¤µ¥Ä ¦³Ã¥ Ä®o ¼ µ ¦·  ¨ ¨³®µ ε ¸É ¸ Áo Ä oÄ o°¥r ¸É¤¸ ªµ¤®¤µ¥ ¦ ´ à ¥r o° 5HDGLQJ o° ¦³ ° oª¥ 6KRUW 5HDGLQJ 6SHHG 5HDGLQJ Á n µ¦°nµ jµ¥ °nµ à ¬ µ °nµ ¦³ µ«¤´ ¦ µ ¨³ 3DVVDJH 3DVVDJH ´Ê ´Ê ¨³¥µª *UDPPDU ®¦º° Á¦¸¥ ªnµ 6WUXFWXUH DQG :ULWLQJ o° ¦³ ° oª¥ o°° (UURU ,GHQWLILFDWLRQ ®µ » · Ä ¦³Ã¥ o° ¨³ 6HQWHQFH 5HDUUDQJHPHQW µ¦Á¦¸¥ ¦³Ã¥ Ä®¤n ¦³Ã¥ µ ´ªÁ¨º° ¦³Ã¥ µ¤¨Îµ ´ n° ®¨´ o° PAT º° o°° ªµ¤ ´ µ ª· µ ¸¡ ¨³ª· µ µ¦ ¤¸ o°¥r ³Â Á Ȥ ³Â Ä®oÁª¨µ ´ÉªÃ¤ ¦³ ° oª¥
54
ª· µ®¨´ 3$7 ªµ¤ ´ µ · «µ ¦r 3$7 ¸Énª Ä® n ³ ° ´ ¤µ °° » µ  ³ ε 3$7 Á } ¡·Á«¬ ³ ¦´ ¤o 3$7 ³¤¸ ªµ¤¥µ ¦³ ´ ® ¹É ¡´ ¦³Ã®¨ Å ªo Á } o°° ¸ÉÁ } ¥µ ¤ Á } ¦³ ¼ ªµ ° ·Ê Ä® n ¤µ Á oµ¤®µª· ¥µ¨´¥Å Á º° » ³ ÈŤnÅ oÄ o°³Å¦Á¥°³ µ ´Ê  nÁ º° » ³ ¨´ Á¨º° Ä o 3$7 Á } ° r ¦³ ° 3$7 ¹ Á } 3$7 ¥° ·¥¤ ¸É ¤´ ¦° ¤µ ¸É» ¤¸ ´Ê o°° o°¥r ¨³ o°Á ¸¥ o° °¥nµ ¨³ ¦¹É o°¥r o°¨³ ³Â o°Á ¸¥ o°¨³ ³Â Ä®oÁª¨µ ´ÉªÃ¤ ¨° ®µ¦ ¼ o°¨³ µ ¸ ªnµ  n ° ¦´ ¥° ¤ »¬¥rÁ nµ ´Ê ¸É ε ´ ¹É ¤´ Ȥ¸ ¸ÉÁ®¨º° È ÎµÅ¤n ´ Á¡¦µ³® ¹É εŤn ´ ¦· Ç ´ ° ° =]]==]]= ¸É¤´ °° Á¥°³ Ȥ´ ³Á } · · ´ ¨Îµ ´ ° » ¦¤ ´Ê  ¦¦¤ µ ¨³° ´ r µ eà ¨n¤µ ¹ o°  nnª Ä® n ³ ¤µ¦¼   ¨ Ç Â ¸ÉÁ¦µÅ¤n n°¥Á®È ´ÉªÇÅ ´ ³ ¦´ ¸ÉÁ®¨º° È º° 3$7 ªµ¤ ´ µ ª· ¥µ«µ ¦r 3$7 ªµ¤ ´ µ ª·«ª ¦¦¤«µ ¦r 3$7 ªµ¤ ´ µ µ { ¥ ¦¦¤ 3$7 ªµ¤ ´ µ ª· µ ¸¡ ¦¼ 3$7 ªµ¤ ´ µ «·¨ ¦¦¤ ¨³ 3$7 ªµ¤ ´ µ £µ¬µ ¸Éµ¤ ·¥¤Á oµÅ ¤´Éª Á ºÉ°¤´ÉªÁ n ¢¨»p ³Â ¸ ³Å oÁ°µÅ ¥ºÉ Å o ¢¨»p · Ȥ¸¤µÂ¨oª ³ ¦´ · · »¯µ² ¥ºÉ 3$7 e ¹ Á oµÅ o oª¥ ³Â Ťn ¹ ®¤ºÉ µ Á Ȥµ¤®¤ºÉ » £µ¬µ° ¡¦o°¤ ´ Á¡¦µ³ ³ ´Ê Á¨º° ° Å o£µ¬µÁ ¸¥ª ¦³ ° oª¥ ª· µ £µ¬µ Å o n 3$7 ¦´É Á« 3$7 Á¥°¦¤´ 3$7 ¸É »i 3$7 ¸ 3$7 °µ®¦´ ¨³3$7 µ¨¸  n°¥µ ³Á º° ´ ® n°¥ªnµÄ®o«¹ ¬µ¦³Á ¸¥ µ¦ n° ³ ¦´ ªnµ ³ ¸É ³Á oµ ¥ºÉ 3$7 £µ¬µÅ® Å o oµ ŤnÄ n¥ºÉ Å o » £µ¬µ ³ ¦´ Á n Á¨º° ° µ¨¸Å ³¥ºÉ · · »¯µ² È¥ºÉ ŤnÅ o Á¡¦µ³Á d ¦´  n £µ¬µ º° ¸ ¸É »i Á¥°¦¤´ ¦´É Á« Á ºÉ ° µ Ä e ³¤¸ µ¦Á d ¦³ µ ¤°µÁ ¸ ¥ ¤®µª· ¥µ¨´ ¥ ´É ª ¦³Á « ¹ Á¨ºÉ ° Á d Á °¤¡¦o ° ¤ ´ Î µ Ä®o · · $GPLVVLRQ Ä e ¸Ê Á ¨ºÉ ° µ¤Å o ª ¥ ¹É o ° ¤¸ Ê´ o ° ¸  ¨³ o ° Á¸ ¥ o ° ¸ È º ° ¤¸ Á ª¨µÁ ¦¸ ¥ ¤ ´ ª ° Á¥°³ ¹Ê Á º ° n ª o ° Á¸ ¥ º ° °¥n µ ¦ º ° Áª¨µÁ¨ºÉ ° Á¡·É ¤ ªµ¤ ³¨n µ Ä ¹ Áª¨µ ¦· ÇÅ¢¨ o o ° Á® ºÉ ° ¥® ´ °¥n µ ¸É ° o ° ° ¤µ¦µ ° ¦´Ê Ä® n · ´ Á º ° ¨³°¥n µ ¸É µ¤ Î µ ® µ¦ &OHDULQJ +RXVH ¨³ $GPLVVLRQ Á¨ºÉ ° Î µ Ä®o Á ª¨µÄ µ¦¦° °¥Á¡·É ¤ ¹Ê ยังไมหมด !! พบกับฉบับเต็ม ลงกัน ลึกๆ เคลียรกันเนนๆ พรอมเจาะลึก และเทคนิกเตรียมตัวสอบ แตละสนาม เขาใจงาย ดวยรูปแบบ Mind Map ไดที่ bit.ly/admissionac
® µ¦ Πεµ® µ¦
ª´ª´ ¸ ¸É É
¤´ ¦° GAT/PAT ¦° GAT/PAT ¦´ ¦´Ê Ê ¸ ¸É 1/2557 É 1/2557 ¦´¦´ ¤´ ¤´ ¦° 7 ª· ¦° 7 ª· µµ¤´ µµ¤´ ¦´¦´ ¤´ ® µ¦° GAT/PAT ¦´ ¦´Ê Ê ¸ ¸É 1/2557 É 1/2557 Πεµ® µ¦° GAT/PAT
1-27 1-27 1-24 ¡ ¥ 56 1-24 ¡ ¥ 56 7-10 56 7-10 56
® µ¦° 7 ª· µµ¤´ µµ¤´ Πεµ® µ¦° 7 ª·
4-5 ¤ 57 4-5 ¤ 57
¤´ ¦° GAT/PAT ¦° GAT/PAT ¦´ ¦´Ê Ê ¸ ¸É 2/2557 É 2/2557 ¦´¦´ ¤´ ¦³Á · n nµµ¤´ ¤´ ¦° GAT/PAT ¦° GAT/PAT ¦´ ¦´Ê Ê ¸ ¸É 2/2557 É 2/2557 ¦´¦´ Π嵦³Á · ¦³ µ« ¨° GAT/PAT ¦´ ¦´Ê Ê ¸ ¸É 1/2557 É 1/2557 ¦³ µ« ¨° GAT/PAT ¦³ µ« ¨° ª· µµ¤´ µµ¤´ ¦³ µ« ¨° ª· ® µ¦° O-NET e e µ¦«¹ µ¦«¹ ¬µ 2556 ¬µ 2556 Πεµ® µ¦° O-NET ® µ¦° GAT/PAT ¦´ ¦´Ê Ê ¸ ¸É 2/2557 É 2/2557 Πεµ® µ¦° GAT/PAT
15-26 ¤ 57 15-26 ¤ 57 15-28 ¤ 57 15-28 ¤ 57 19 ¤ 57 19 ¤ 57 11 ¡ 57 11 ¡ 57 15-16 ¡ 57 15-16 ¡ 57 8-11 ¤¸ 57 57 8-11 ¤¸
¤®µª· ¥µ¨´ ¥µ¨´¥¥ µ ´ µ ´ ¨» ¨»n¤n¤ µ ´ µ ´ ¸ ¸ÉÁ oÉÁ oµµ¦n¦nªª¤Ä ¦³ Á ¨¸ ¤Ä ¦³ Á ¨¸¥¥¦·¦·É É Á±µr Á±µr n n ¦µ¥ º ¦µ¥ ºÉ°É° ¼ ¼o o nµnµ µ¦ µ¦ ¤®µª· ° ¦ Å ¥´ ° ´ ° ´ Πεµ o o°°¤¼¤¼¨¨Îεµ®¦´®¦´ ¦³ µ«Ä®o ¦³ µ«Ä®o ´ ´ Á¦¸Á¦¸¥¥ ¥º ¥º ¥´¥´ ·· · ·Í Í ´ ´ Á¨ºÁ¨º°° ° ¦ Å ¥´
23 ¡ 57 23 ¡ 57
ปฏิทิน ¦³ µ« ¨° 2 1(7 e µ¦«¹ µ¦«¹ ¬µ ¬µ Á¤ ¥ ¦³ µ« ¨° 2 1(7 e o o Á ºÁ º°° Á¤ ¥ ¦³ µ« ¨° GAT/PAT ¦´ ¦´Ê Ê ¸ ¸É 2/2557 É 2/2557 Admission 57 27 Á¤ ¥ 57 27 Á¤ ¥ 57 ¦³ µ« ¨° GAT/PAT ¸ÉÉ° ¦ · ° ¦ · ¥º
¥º ¥´¥´ ·· · ·Í Clearing Í ClearingHouse HouseÁ oÁ oµµ«¹«¹ ¬µÄ ¤®µª· ¬µÄ ¤®µª· ¥µ¨´ ¥µ¨´¥¥ µ ´ µ ´ 19 ¡ - 2 ¤· 19 ¡ - 2 ¤· ¥ 57 ¥ 57 ´ ´ Á¦¸Á¦¸¥¥ ¸ ¨»n¤n¤ µ ´ µ ´ ¸ ¸É É Å o Å o¦¦´ ´ µ¦ ´ µ¦ ´ Á¨ºÁ¨º°° ¨» °  o ¦µ¥ º ¦µ¥ ºÉ°É° ¼ ¼o o ¸É¥¸É¥º º ¥´¥´ ·· · ·Í ° ¦ Å ¥´ Í ° ¦ Å ¥´ ¤®µª· ¤®µª· ¥µ¨´ ¥µ¨´¥¥ µ ´ µ ´ ¨» ¨»n¤n¤ µ ´ µ ´ ¨³ ¨³ °  o ¦³ µ«¦µ¥ ºÉ°É° ¼ ¼o¥o¥º º ¥´¥´ ·· · ·ÍÁ oÍÁ oµµ«¹«¹ ¬µÄ ¦³ ¦´ ¬µÄ ¦³ ¦´ ¦ ° ¤®µª· ¦ ° ¤®µª· ¥µ¨´ ¥µ¨´¥¥ µ ´ µ ´ ¨» ¨»n¤n¤ ¦³ µ«¦µ¥ º µ ´ ¸ ¸É¦É¦nªnª¤Ä ¦³ Á ¨¸ ¤Ä ¦³ Á ¨¸¥¥¦·¦·É É Á±µr Á±µr ¨³ ´ ¨³ ´ ·· · ·Í Í µ¦¤´ µ¦¤´ ¦Ä ¦³ ° ¤· ¦Ä ¦³ ° ¤· ´ ´É É ¨µ ¨µ µ ´
5 ¤· ¥ 57 ¥ 57 5 ¤·
® nµµ¥¦³Á ¸ ¥¦³Á ¸¥¥ µ¦ ´ µ¦ ´ Á¨ºÁ¨º°° ² Ä ¦³ ¨µ Admissions) ² Ä ¦³ ¨µ Admissions) ¦³ Î ¦³ εµ e e µ¦«¹ µ¦«¹ ¬µ 2557 ¬µ 2557 Πεµ® n
5-15 ¤· ¥ 57 ¥ 57 5-15 ¤·
¤´ ¦ Admissions ¦ Admissions ¦´¦´ ¤´ ¦³Á · n nµµ¤´ ¤´ ¦ Admissions ¦ Admissions Π嵦³Á · ¦ ¦ª ° ³Â ¸ÉÄÉÄ o oÄÄ µ¦ ´ µ¦ ´ Á¨ºÁ¨º°° ² ² ¼ ¼oo¤´¤´ ¦ ¦ª ° ³Â ¸ ¦³ µ« ¼o¤o¤¸¸· · · ·ÍÍ° ´ ° ´¤¤£µ¬ r £µ¬ r¨³ ¦ª ¦n ¨³ ¦ª ¦nµµ µ¥ µ¥ ¦³ µ« ¼ ° ´¤¤£µ¬ r £µ¬ r¨³ ¦ª ¦n ¨³ ¦ª ¦nµµ µ¥ µ¥ ° ´ ¦³ µ« ¼o¤o¤¸¸· · · ·ÍÁ oÍÁ oµµ«¹«¹ ¬µÄ µ ´ ¬µÄ µ ´ °»°» ¤«¹ ¤«¹ ¬µ ¬µ ¦³ µ« ¼
8-15 ¤· ¥ 57 ¥ 57 8-15 ¤· 8-17 ¤· ¥ 57 ¥ 57 8-17 ¤· 20-21 ¤· ¥ 57 ¥ 57 20-21 ¤· 28 ¤· ¥ 57 ¥ 57 28 ¤· 7-9 57 7-9 57 15 57 15 57
ªn µ ª o ° o µ ¨¤ ¹ ³ ¹Ê ¼ ¨µ o ° ªn µ ¥ ª ÎÊ µ ¹ ³Å o Á ®¥ºÉ ° °¥µ ¹Ê ¸É ¼ È o ° Ä o Á ¸ ¥ ¦r ÎÉ µ ³Â ¼ ®µ °¥µ Å o ¥n ° ¤ o ° Ä o ªµ¤Á¡¸ ¥ ¦ ¥µ¤ ·Ê µ¦Á¦¸ ¥ ·Ê ¤µ Á } e ¡°¥µ¤ ³Á¦·É ¤ o Á¦¸ ¥ ¨ » °n µ ® ´ º ° Á¡¸ ¥ ´ µ®r ³ Á®È ¨ ´ µÅ o °¥n µ Ŧ ¥°¤Á® ºÉ ° ¥ ¥°¤° ¥°¤  n Á º ° e ¨ ´ ´Ê ¸ ª· µ¦ Î µ µ ¥´ Á °³ Á¡ºÉ ° ¡n ° ¤n Á¡ºÉ ° ¸É Á ¦µ¦´ ¨³ ¸É Î µ ´ Á¡ºÉ° ´ ª Á° คุ ณ ครู ส มศรี ธรรมสารโสภณ
Á¦ºÉ° Â É ¸ÊÁ° ¶Å¤ ³ ¶Å¤ÉÅ Ê Ä É¤´Ê¥ ¦´ BABO :P
55
ภาษิตไทย
เดินตามผูใ หญหมาไมกดั The Endlessdream
สุภาษิต สำนวน และคำพังเพย เป็นวาทกรรมร่วม สมัย ที่ถูกผลิตขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อ เป็นคำพูดเตือนสติ หรื อ สั ่ ง สอน โดยสุ ภ าษิ ต จะไม่ ม ี ก ารเสี ย ดสี ห รื อ ติ ช ม จึ ง ถูกยกให้เป็นหลักความจริงที่ยอมรับกันทั่วไป วั น หนึ ่ ง ในเวลาบ่ า ย ผมกำลั ง นั ่ ง อยู ่ ใ นห้ อ งสี ่ เหลี่ยมห้องเดิม ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของเพื่อนๆ มี ส ุ ภ าษิ ต สุ ภ าษิ ต หนึ ่ ง ลอยเข้ า มากระแทกหู ผ มอย่ า งจั ง มั น เป็ น สุ ภ าษิ ต อมตะที ่ ค ุ ณ ครู หรื อ ผู ้ ใ หญ่ ห ลายๆท่ า น ใช้สั่งสอนเด็กตั้งแต่ผมจำความได้ และการมาถึงของมัน ในครั้งนี้ ก็ทำให้ ผมได้ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “เดิ น ตามผู ้ ใ หญ่ ห มาไม่ ก ั ด ” เป็ น สำนวนที ่ ม ี จ ุ ด ประสงค์ เพื ่ อ ให้ เ ด็ ก ทำตามหรือ ประพฤติต าม ผู้ใ หญ่ เ พื ่ อ ความปลอดภัยและไม่ผิดพลาดของตัวเด็กเอง การที่ผมเดินตามผู้ใหญ่มาตลอดเป็นเวลามากกว่า ครึ ่ ง ชี ว ิ ต ที ่ ผ ่ า นมา ทำให้ ผ มสงสั ย อะไรบางอย่ า ง อะไรคื อ เหตุผลที่พวกเราไม่ค่อยตั้งคำถามกับตัวเองและสิ่งรอบข้าง หรืออาจเป็นเพราะเราถูกสอนให้เชื่อโดยไม่ต้องใช้ความคิด สังคมไทยมักจะนิยมชมชอบเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟัง ผู ้ ใ หญ่ แต่ ก ลั บ รั ง เกี ย จเด็ ก ที ่ ช อบโต้ เ ถี ย ง กลั บ กลายเป็ น เด็กไม่ดี แม้การโต้เถียงนั้นจะมีน้ำหนักก็ตามที ใครสามารถ ท่ อ งจำได้ เ ก่ ง กว่ า ก็ จ ะได้ ค ะแนนดี ข้ อ สอบสอนให้ จ ำมาก กว่าวิเคราะห์ด้วยตัวเอง แม้แต่วิชาที่ได้รับการยกย่องว่าใช้ ความคิดอย่างคณิตศาสตร์ หรือฟิสิกข์ ก็ตามที ไม่ต้องพูดถึงภาพรวมขนาดใหญ่อย่างสังคมไทย แค่ ใ นโรงเรี ย นอั ส สั ม ชั ญ ระบบการศึ ก ษาต่ า งๆ ถู ก วาง ระบบให้ ใ ช้ ก ารจำมากกว่ า ความเข้ า ใจ เด็ ก แทบจะไม่ ม ี โอกาสในการตั ้ ง คำถามกั บ สิ ่ ง ที ่ เ รี ย น แต่ ก ็ ด ู เ หมื อ นว่ า จะ ไม่มีเด็กคนไหนสนใจที่จะตั้งคำถามกับสิ่งที่ถูกยัดเข้ามาในหัว บ่ อ ยครั ้ ง ที ่ ผ มมั ก จะให้ ค วามสนใจกั บ การเข้ า ใจสิ ่ ง ที ่ เ รี ย น และเมื ่ อ ผมพยายามหาคำตอบ บทสรุ ป กลั บ กลายเป็ น ว่ า ผมกำลังทำในสิ่งที่ผิด หรือ อวดเก่ง ไม่นานมานี้ ขณะที่ครูกำลังสอนบนกระดานถึงสูตร วิ ท ยาศาสตร์ ผมสงสั ย ถึ ง ความเป็ น ไปของสู ต ร แม้ ว ่ า ผม จะเข้าใจวิธีการใช้งานของสูตรก็ตามที ทันทีที่ผมเริ่มพิสูจน์ 6
กลับกลายเป็นว่า ผมถูกเพื่อนข้างๆ ต่อว่า ว่าทำไมถึงต้อง สงสั ย ในสิ ่ ง ที “ไร้ ส าระ” ด้ ว ย และเรี ย กคนอื ่ น มาเย้ ย หยั น สิง่ ทีผ่ มกำลังทำ แท้จริงแล้ว สิ่งที่ผมได้รับคืออะไร มันคือการเรียนรู้ อั น น่ า อั ศ จรรย์ หรื อ แค่ ก ารหลั บ ตาเดิ น ไปตามทางเดิ น ที ่ ผูใ้ หญ่ตกี รอบให้ให้โดยไม่ตอ้ งใช้ความคิด แล้วเมือ่ ถึงปลายทาง ก็ภูมิใจกับการเดินทางอันว่างเปล่าของตน ฟิสิกข์ที่เราเข้าใจ แท้ที่จริงมันอาจเป็นวิชาท่องจำ เรารู้ว่าต้องแทนค่าอย่างไร เพื่อหาตัวแปรที่หายไป จับอันนั้นคูณอันนี้ แต่เราเข้าใจจริงๆ หรือว่าตรรกศาสตร์ หมายความว่าอะไร มีอาจารย์ธรรมศาสตร์ คนหนึ่งได้กล่าวว่า “จงเรียนรู้เพื่อการศึกษา (education) ไม่ ใ ช่ เ รี ย นตามใบบอกทาง (instruction) การศึ ก ษา ไม่ใช่คมู่ อื เครือ่ งใช้ไฟฟ้า แต่ตอ้ งเรียนให้คดิ เป็น” ในสั ง คมจำลองประชาธิ ป ไตยเช่ น อั ส สั ม ชั ญ การ เคารพในสิทธิของการตั้งคำถามถือเป็นเรื่องสำคัญ การถก เถียงด้วยเหตุผลและรับฟังความคิดเห็นมักจะนำไปสู่บทสรุป ที่ถูกต้อง สังคมที่ไม่ยอมรับการโต้เถียงหรือวิจารณ์ คือสังคม เผด็จการ การคิดแบบวิพากษ์วิจารณ์ไม่ใช่การด่า มันเป็น การยอมรั บว่ า ปั ญ หานั ้ นมี อยู ่ จ ริ ง และพร้ อมที ่ จะแก้ ไ ขมัน มันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแน่หรือ หากเรามัวแต่กลัวหมา จนไม่ เ ป็ น อั น ทำอะไร กลั ว หมาจนไม่ ก ล้ า ตั ้ ง คำถามกั บ วิ ธ ี การเดินของผูใ้ หญ่ กลัวหมาจนไม่กล้าออกจากกรอบ ความคิด ของผูใ้ หญ่มายืนในเส้นทางของตนเอง ท้ายที่สุดนี้อยากให้คนที่กลัวหมาลองกล้าออกไป เผชิญหน้ากับปัญหาดูสักครั้ง หมาอาจจะตัวเล็กกว่าที่เราคิด หรือไม่แน่หมา ตัวทีเ่ รากลัวมาตลอดอาจจะไม่มอี ยูจ่ ริงก็ได้ แต่คงจะไม่มีใครสนใจเรื่องเหล่านี้ ขอแค่ให้เด็กนักเรี ย นยื น ตรงเข้ า แถว เป็ น ระเบี ย บเรี ย บร้ อ ย มี ค วามเป็ น สุภาพบุรษุ (ตามแบบฉบับอัสสัมชัญ) แต่งกายให้ถกู ระเบียบ และ ใช้อุปกรณ์สื่อสารให้ถูกกาลเทศะ เท่านั้นก็น่าจะเพียงพอ แล้ว ถึงแม้วา่ เหล่าสุภาพบุรษุ ตัวน้อยจะคิดอะไรเองไม่เป็นก็ตามที
ขอบคุณเป็นพิเศษ ภราดา ดร. เดชาชัย ศรีพิจารณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ ภราดา วิริยะ ฉันทวโรดม อธิการโรงเรียนอัสสัมชัญ มิสสุภาวดี เหลี่ยวเจริญ ,มิสรัตนา จันทราวิรุธ ,มิสนงลักษณ์ สีนิลแท้ ,มิสละออ พลอยโพลงสุข ,มิสศศิธร นวลจันทร์ ,มิสศิริพร อ่อนกล่ำ , มิสนพวรรณ เปลี่ยนขำ ,มิสชลันดา ฉายบานใหม ,มิสสุกัญญา พุกกะเวส ,มาสเตอร์คมณัษฐ์ แซ่เฮ้ง ,มาสเตอร์วิริยะ เกตุแก้ว , งานประชาสัมพันธ์ และฝ่ายบริหารทั่วไปของทางโรงเรียน อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ อสช 14291 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ อ.ธัชชัย ศุภผลศิริ อสช 22501 ประธานสภานักเรียนอัสสัมชัญคนแรก รศ.ดร. ไชยันต์ ไชยพร อสช 24706 กรุณาเขียนบทความ 'วินัยและการทำโทษ' พี่ปณต อุดม AC100 อนุเคราะห์ให้ค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารเก่าของทางโรงเรียน ผศ.ดร. เชษฐ์ ติงสัญชลี AC109 ผู้เสวนา 'ตึกเก่าเล่าเรื่อง' และเขียนบทความ 'ตึกเก่า สถาปัตยกรรมแบบนีโอพาลาเดียน' พี่ปรัชญ์ เลิศสถิตย์พงษ์ AC110 สัตวแพทย์ผู้ให้สัมภาษณ์ในคอลัมน์ แมวโรงเรียน พี่ทศพล นพสุวรรณชัย AC113 พี่พัธรพงศ์ เสิศปัญญาธรรม AC123 พี่สุรวงศ์ สัตยาพันธุ์ AC123 พี่โสภณัฐ อาภาพรนพรัตน์ AC127 YenZtudio Inc. www.yenztudio.com และ กมลวิชย์ สิริธนนนท์สกุล AC 129 ช่วยพัฒนา App AC Echo ให้อ่านได้ใน Iphone Ipad ลงใน App Store โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด อุโฆษสารฉบับปี 1975 อัสสัมชัญสาส์น ช่วงปี 2517 - 2518 ฉบับที่ 41 – 50 ขอบคุณภาพประกอบ : chomthai.com ,enn.co.th ,news.mthai.com veteranstoday.com ,hdwpapers.com ,ign.com นรภัทร นิตรมร ภาพประกอบ เรื่อง 'จอมมาร' ศุภดิตถ์ พลังเทพินทร์ 'รู้ทัน Admission แบบ ชัด ตรง เคลียร์' fanpage : Assumption College • โรงเรียนอัสสัมชัญ,อัสสัมชัญ บางรัก,กู้อัสสัมชัญ,AC 127,AC 128,AC 129 Group : OMAC - Old Man Assumption College และผู้ที่ให้ความช่วยเหลือทุกๆท่าน ที่ไม่ได้เอ่ยนาม ณ ที่นี้ทั้งหมดด้วย ขอบพระคุณมากๆครับ
7