รวมบทความการค้นคว้าอิสระ-วิทยานิพนธ์ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโครงการก่อสร้าง 60

Page 1

รวมบทความการค้นคว้าอิสระ – วิทยานิพนธ์ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโครงการก่อสร้าง ประจาปีการศึกษา 2560

ภาควิชาเทคนิคสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร



ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัด นครศรีธรรมราช บทคัดย่อ ดนุวัศ ปรีชา คาสาคัญ: ผู้รับเหมา, ปัจจัยในการตัดสินใจเลือก, ที่พักอาศัยของจังหวัดนครศรีธรรมราช อาจารย์ที่ปรึกษา: ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ทยากร จารุชัยมนตรี

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช และเพื่อเปรียบเทียบปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้ บริการผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัย จาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กลุ่มเป้าหมายของการศึกษา คือ ผู้ที่อาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือใน การเก็บรวบรวมข้อมูล ด้วย วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ จานวน 345 ราย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ เชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน จากการศึกษาพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างและยังมีความ สนใจที่จะใช้บริการผู้รับเหมาอยู่ มูลค่าของที่พักอาศัยที่กลุ่มตัวอย่างสนใจ คือ มูลค่าระหว่าง 1.5-3 ล้าน บาท ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยหลักที่ใช้ในการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัย 3 อันดับแรก คือ ปัจจัยด้านบุคลากร ปัจจัยด้านแรงงานและเครื่องมือ ปัจจัยด้านแผนงานและ กระบวนการ ทางาน ตามลาดับ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับตัวลูกค้าและงานก่อสร้างชิ้นนั้นๆ โดยตรง ยังพบอีกว่า กลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี ให้ความสาคัญกับปัจจัยที่เกี่ยวกับ ความน่าเชื่อถือของบริษัทและตัว บุคคลมากกว่ากลุ่มอายุมากกว่า 50 ปี อย่างมีนัยสาคัญ รวมถึงกลุ่มลูกค้า ที่มีสถานภาพสมรสหรือหย่าร้าง หรือกลุ่มที่เคยมีประสบการณ์ในการใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้างให้ ความสาคัญกับปัจจัยเรื่อง ไม่มีประวัติ การทิ้งงาน หนีงาน และฟ้องร้อง มากกว่ากลุ่มลูกค้าที่ยังเป็น โสดหรือกลุ่มที่ไม่เคยมีประสบการณ์อย่างมี นัยสาคัญ นอกจากนี้ในการศึกษายังได้นาข้อมูลข้างต้นมา ใช้ในการพัฒนาแนวทางการนาเสนอข้อมูลของ ผู้รับเหมาต่อลูกค้า เพื่อให้ได้ตามความต้องการของลูกค้าทั้งหมดและลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม

ดนุวัศ ปรีชา

3


ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช

OWNERS’ CRITERIA FOR SELECTING A HOUSE CONTRACTOR IN NAKHON SI THAMMARAT ABSTRACT DANUWAT PREECHA KEYWORD: CONTRACTOR, DECISION MAKING, NAKHON SI THAMMARAT ADVISOR: ASSISTANT PROFESSOR TAYAGORN CHARUCHAIMONTRI, PhD

The aim of this study is to determine not only the owners’ criteria for selecting a house contractor in Nakhon Si Thammarat province but also the relationship between selecting factors and personal characteristics. Target group of this study is people who live in Nakhon Si Thammarat province. The data were collected by questionnaires with accidental sampling. The questionnaires were analyzed by descriptive statistics and Inferential Statistics. Most of 345 questionnaire respondents not only have a relevant experience with the process of building construction but also are still interested in using the contractor services. The budget of the house is mostly between 1.5 - 3 million baht. The results show that three main owners’ criteria for selecting a house contractor in Nakhon Si Thammarat are human resource factor, labor and equipment factor, planning and working process factor, consequently which affect directly to owners and construction project outcomes. In addition, different personal characteristics result in different criteria for selecting a contractor. Owners who are less than 50 years old mostly pay attention to a reliability of company and personal performance. Owners who are married / widower or has an experience in the contractor services mostly pay attention to the contractor background, such as job abandonment and prosecution. The results of this study can be used to develop a contractor operations and contractor presentation for customer satisfaction by consideration on personal context.

4

ดนุวัศ ปรีชา


ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช

บทนา สมาคมไทยรับสร้างบ้านประเมินการรับสร้างบ้านในภาคใต้ไว้ว่า เป็นภูมิภาคที่น่าจับตามอง ซึ่ง ในปี 2557 พบว่า ความต้องการสร้างบ้าน หรือกาลังซื้อชะลอตัวลงจากปัจจัยที่มีผลกระทบ ได้แก่ ราคา พืชผลเกษตรตกต่า ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้บริโภคส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้นิยมใช้เงินออมสาหรับการสร้างบ้านหลัง ใหม่มากกว่าการกู้ยืม แต่ด้วยเพราะความไม่เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และรายได้ในอนาคต จึงทาให้ผู้บริโภค ชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน หรือที่อยู่อาศัยไว้ก่อน ดังนั้นในปี 2558 หากรัฐบาลปัจจุบัน หรือรัฐบาลใหม่ สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ก็เชื่อว่า ปริมาณ และมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านในภาคใต้ก็จะ ฟื้นตัวได้ เช่นกัน ด้วยเพราะหลายจังหวัดเป็ นเมื อ งท่ อ งเที่ ยว และเมืองการค้าที่สาคัญ (ประชาชาติ ออนไลน์, 2558) ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทพักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราชได้มีการชะลอตัว ในปี 2557 อันเนื่องมาจากหลายๆ ปัจจัย แต่ในปี 2559 การเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยกลับมา ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยยังคงเป็นสินค้าที่ยงมีความต้องการของ ผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความจาเป็นในการดารงชีวิตและยังเป็นถึงเอกลักษณ์ เฉพาะตัวของผู้อาศัยด้วย แต่เนื่องจากสินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าที่มีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับสิ นค้าที่จา เป็นประเภทอื่น จึงทาให้การตัดสินใจในการเลือกซื้อ หรือเลือกใช้บริการบริษัทรับเหมาก่อสร้างในการผลิต สินค้านั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง โดยในการตัดสินใจเลือกใช้บริษัทรับเหมาก่อสร้างในแต่ละครั้งนั้น จึงต้องมี เหตุผล หรือปัจจัยต่างๆ ที่เป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจเลือกบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาเพียง 1 บริษัท จาก หลายๆ บริษัทที่มีมาเสนอราคามาเพื่อก่อสร้าง จากการศึกษางานวิจัยพบว่า ลักษณะด้านประชากรศาสตร์มีผลต่อการเลือกใช้สินค้าและบริการ ต่างๆ กล่าวคือ เพศ อายุ สถานภาพ หรือลักษณะแต่ละบุคคลมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้สินค้าและ บริการที่ต่างกัน นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ปัจจัยในการเลือกใช้สินค้าและบริ การของกลุ่มประชากรในแต่ละ ภูมิภาคยังมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนั้นการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้า งเพื่อสร้างที่พักอาศัยใน จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงมีความจาเป็น โดยการใช้เครื่องมือทางสถิติมาแจกแจงและจัดลาดับความสาคัญ ของข้อมูล และสรุปผลเพื่อเป็นการกาหนดแนวทางขององค์กรของผู้รับเหมาให้ตรงกับความต้องการใน การตัดสินใจเลือกใช้บริการผู้รับเหมาของลูกค้าจนสามารถทาให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกได้ การศึ ก ษานี้ มี วั ต ถุ ป ระสงค์ เพื่ อ 1. ทราบถึ ง ปั จ จั ย ที่ มี อิ ท ธิ พ ลต่ อ การเลื อ กใช้ บ ริ ก าร ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช 2. เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการ เลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พั กอาศัย จาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3. ทราบถึงแนว ทางการพัฒนาองค์กรธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของจังหวัดนครศรีธรรมราช วิธีการศึกษา การศึกษา เรื่องปัจจัยที่มีที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้างที่พักอาศัย ใน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรวบรวมเฉพาะปัจจัยที่ใช้ในการเลือกผู้รบั เหมาก่อสร้างในช่วงต้นเท่านั้น ไม่ได้ รวมถึงปัจจัยช่วงก่อสร้างและช่วงหลังการก่อสร้างเข้ามาเกี่ยวข้อง จากเอกสารและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จานวน 27 ปัจจัย เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจานวน 345 ราย ส่วนมากเป็นเพศหญิง อายุ 41-50 ปี สถานะภาพ สมรส/อยู่ด้วยกัน การศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย รายได้เฉลี่ยส่วน บุคคลไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน กลุ่มตัวอย่ างส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างและยังมีความ สนใจที่จะใช้บริการผู้รับเหมาอยู่ มูลค่าของที่พักอาศัยที่กลุ่มตัวอย่างสนใจ คือ มูลค่าระหว่าง 1.5-3 ล้าน บาท โดยเจ้าของบ้านเป็นผู้ซื้อของเอง ให้ผู้รับเหมารับเหมาเฉพาะค่าแรงเท่านั้น

ดนุวัศ ปรีชา

5


ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ผลการศึกษา จากการศึกษาและพิจารณา ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อสร้างที่ พักอาศัยที่ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกผู้รับเหมา จากคะแนนค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ ปัจจัยหลักด้าน บุคลากร ปัจจัยหลักด้านแรงงานและเครื่องมือ ปัจจัยหลักด้านแผนงานและกระบวนการ ปัจจัยหลัก ด้าน ผลิตภัณฑ์ ปัจจัยหลักด้านความน่าเชื่อถือของบริษัท ปัจจัยหลักด้านราคา ปัจจัยหลักด้านจานวนโครงการ ปัจจุบัน และปัจจัยหลักด้านการส่งเสริมการตลาด ซึ่งสามารถนาผลการศึกษาที่ได้รับมาพัฒนาองค์กรและ นาเสนอเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า จากการศึกษาและพิจารณา ปัจจัยย่อยที่มีอิทธิพลต่อการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อสร้างที่ พักอาศัย จานวน 27 ปัจจัย ที่ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกผู้รับเหมา จากคะแนนค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย 10 อันดับแรก คือ ปัจจัยย่อยด้านบุคลากรมีความรับผิดชอบตรงต่อเวลา อัธยาศัยดี ปัจจัยย่อยด้าน ประสบการณ์ในการทางานของทีมงาน ปัจจัยย่อยด้านไม่มีประวัติการทิ้งหรือหนีงาน และฟ้องร้อง ปัจจัย ย่อยด้านเครื่องมือเครื่องจักร เพียงพอต่อการใช้งาน ปัจจัยย่อยด้านมีมาตรการด้านความปลอดภัย ปัจจัย ย่อยด้านมีแผนการทางานที่ชัดเจนและเป็นไปได้ ปัจจัยย่อยด้านมีแผนการรายงานความคืบหน้างานต่อ เจ้าของบ้าน รายงานอย่างสม่าเสมอ ปัจจัยย่อยด้านไม่มีปัญหาขาดแคลนแรงงาน ปัจจัยย่อยด้านคุณภาพ งานของผลงานในอดีตที่ผ่านมา ปัจจัยย่อยด้านมีการรับประกันผลงาน มากกว่า 1 ปี ตามลาดับ เห็นได้ว่า ปัจจัยการเลือกของลูกค้าจะมุ่งเน้นปัจจัยที่มีผลกระทบกับตัวเองโดยตรง รวมถึงให้ความสาคัญถึงเรื่อง ความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านอุบัติเหตุ และด้านคุณภาพของงาน จากการศึกษาและพิจารณาเปรียบเทียบปัจจัยในการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้าง ที่พักอาศัย ของจังหวัดนครศรีธรรมราช จาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล สามารถสรุปและอภิปรายผลได้ดังนี้ เพศและอาชีพที่ ต่างกัน ให้ความสาคัญกับปัจจัยในการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาไม่แตกต่างกัน ส่วนอายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา รายได้ส่วนบุคคล และประสบการณ์ที่ต่างกันให้ความสาคัญกับปัจจัยในการ เลือกใช้บริการผู้รับเหมาแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 ความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติของแต่ละปัจจัย แสดงให้ทราบว่าผู้รับเหมาสามารถ เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ที่มีความแตกต่างตามปัจจัยส่วนบุคคลของแต่ละคนได้ ซึ่งมีปัจจัยบางปัจจัยมีผลกับการ ตัดสินใจเลือกของกลุ่มลูกค้ากลุ่มหนึ่ง แต่ ไม่มีผลกับกลุ่มลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งโดยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่ง ทาให้สามารถเพิ่มโอกาสของผู้รับเหมาก่อสร้างในการยกระดับการนาเสนอข้อมูลต่อลูกค้าได้ตรงจุด มากกว่าผู้รับเหมารายอื่นๆ โดยสามารถแยกปัจจัยได้จากตาราง 1 การอภิปรายผลและแนวทางการพัฒนาของผู้รับเหมาก่อสร้างในจังหวัดนครศรีธรรมราช จากการพิจารณาทั้งปัจจัยหลักและปัจจัยรองที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อ สร้างที่พักอาศัยของจังหวัดนครศรีธรรมราช ค่าคะแนนเฉลี่ยความต้องการที่จะเลือกผู้รับเหมาของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลากร แรงงานและเครื่องมือ รวมไปถึงเรื่องกระบวนการการทางาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ ส่งผลต่อความสาเร็จของผลงานชิ้นนั้นๆและตัวลูกค้าโดยตรงซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเรื่องการศึกษาแนว ทางการพัฒนาการดาเนินงานของผู้รับเหมาจากปัจจัยความพึงพอใจของลูกค้า (ชวิน ณ พัทลุง, 2559) ที่ พบว่าลูกค้าจะให้ความสาคัญมากในด้านของผลงาน ซึ่งเป็นเพราะการศึกษาครั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามส่วน ใหญ่ เ คยมี ป ระสบการณ์ ใ นการใช้ บ ริก ารผู้รั บเหมาก่อ สร้า งมาก่ อน ท าให้ ผ ลที่ แ สดงออกมามี การนา ประสบการณ์มาใช้ในการตอบของผู้ตอบแบบสอบถามด้วย ดังนั้นแนวทางการพัฒนาที่แสดงถึงลาดับ ความสาคัญของการพัฒนาขององค์กรและการนาเสนอผลงานเพื่อให้มีโอกาสถูกเลือกจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น ตามลาดับดังต่อไปนี้

6

ดนุวัศ ปรีชา


ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช

*

*

**

*

**

*

*

*

*

*

***

จำนวนเงินที่ขอเบิกก่อนล่วงหน้ำน้อยกว่ำผูร้ บั เหมำรำยอืน่ ๆ

กำรแบ่งจ่ำยงวดงำนที่เหมำะสม

เป็นบริษัทที่จดทะเบียน

มีเครดิตจำกสถำบันกำรเงินและร้ำนค้ำวัสดุก่อสร้ำง

ไม่มปี ระวัตกิ ำรทิ้งหรือหนีงำน และฟ้องร้อง

ตำแหน่งที่ตงั้ ของบริษัทสำมำรถเข้ำถึงง่ำยหรือ ใกล้แหล่งชุมชน

คุณวุฒิของเจ้ำของบริษัทและบุคลำกร

ประสบกำรณ์ในกำรทำงำนของทีมงำน

มีแผนกำรทำงำนที่ชัดเจนและเป็นไปได้

มีแผนกำรรำยงำนควำมคืบหน้ำงำนต่อเจ้ำของบ้ำนอย่ำง'สม่ำเสมอ

มีของแจก เช่น จัดสวนฟรี ให้เครือ่ งใช้ไฟฟ้ำ เป็นต้น

ตารางที่ 1 แสดงปัจจัยที่มีอิทธิพลในการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัย กับ ปัจจัย ส่วนบุคคลที่แสดงความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ

อายุ

ต่ำกว่ำ 30

--

31-40 41-50

สถานภาพ

มำกกว่ำ 51 สมรส / อยูด่ ว้ ยกัน โสด หย่ำร้ำง / แยกกันอยู่

การศึ กษา

ม.ปลำย/ ปวช. อนุ ปริญญำ/ ปวส.

--

ปริญญำตรี

รายได้เ ฉลี่ ยส่ วนบุค คล

สูงกว่ำ ปริญญำตรี ไม่เกิน 15,000 บำท 15,001 – 25,000 บำท 25,001 – 35,000 บำท

--

35,001 บำท ขึน้ ไป มีประสบกำรณ์

ประสบการณ์

และยังมีควำมสนใจ มีประสบกำรณ์ แต่ไม่มคี วำมสนใจแล้ว ไม่มปี ระสบกำรณ์ แต่มคี วำมสนใจ

วิธีอ่านตาราง โดยดูจาก แถบสีที่แสดงระหว่างปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง(แถบแนวตั้ง) กับปัจจัย ส่วนบุคคล(แถบแนวนอน) หากมีแถบสีแสดง จะแสดงให้เห็นว่า ปัจจัยส่วนบุคคลนั้นๆให้ความสาคัญกับ ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยข้อนั้นๆ ในระดับที่มากกว่าเมื่อเทียบกับปัจจัยส่วน

ดนุวัศ ปรีชา

7


ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช

บุคคลที่ไม่มีแถบสีแสดงอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ หากเป็นเครื่องหมาย แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ * หมายถึง ปัจจัยข้อนั้นมีระดับความเชื่อมั่นที่ 95% ** หมายถึง ปัจจัยข้อนั้นมีระดับความเชื่อมั่นที่ 90% *** หมายถึง ปัจจัยข้อนั้นมีระดับความเชื่อมั่นที่น้อยกว่า 90%

แสดงว่าให้ความสาคัญไม่

ปัจจัยในการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างด้านบุคลากร เห็นได้ว่าลูกค้ามุ่งเน้นในเรื่องประสบการณ์ ความรับผิดชอบและอุปนิสัยของบุคลากร ดังนั้น บริษัทควรมีการให้ความรู้เทคนิคใหม่ๆ ในการก่อสร้าง รวมถึงสอนการวางตัวและประพฤติตัวต่อลูกค้าแก่พนักงาน โดยการฝึกอบรมหรือสัมมนาต่างๆ เพื่อที่ สามารถนาเสนอความรู้ความสามารถของบุคลากรที่จะไปดูแลลูกค้าในการก่อสร้างครั้งนั้นแก่ลูกค้าได้ ปัจจัยในการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ด้านแรงงานและเครื่องมือ เห็ นได้ว่าเรื่องเครื่องมือและ แรงงาน ยังเป็นอันดับต้นๆในการเลือกของลูกค้า เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดว่าสามารถทางานให้เสร็จลุล่วงได้ ดังนั้น ควรมีการชี้แจงจานวนเครื่องมือ และแรงงานที่จะนามาใช้ในงานครั้งนี้ แก่ลูกค้าเพื่อที่สร้างความ มั่นใจ และได้เปรียบผู้รับเหมารายอื่นๆ ปัจจัยในการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ด้านแผนงานและกระบวนการทางาน เห็นได้ว่ามีการให้ ความสาคัญกับเรื่องความปลอดภัย รวมทั้งแผนงานเรื่องเวลา, คุณภาพและการรายงานความคืบหน้ากับ ลูกค้า ซึ่งทั้ง 3 อย่างจะเกิดขึ้นในขณะช่วงก่อสร้าง ดังนั้น การที่จะแสดงให้ลูกค้ าเห็นถึงความเป็นไปได้ ทางบริษัทต้องจัดทาแผนการทางาน ทั้งเรื่องเวลา, การตรวจสอบคุณภาพ, มาตรการการทางานเพื่อให้เกิด ความปลอดภัย ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และแสดงการรายงานความก้าวหน้าแบบรายวัน รายสั ป ดาห์ และรายเดื อ นแก่ ลู ก ค้ า ด้ ว ย โดยในปั จ จุ บั น ทุ ก คนมี โ ทรศั พ ท์ ส่ ว นตั ว ดั ง นั้ น การรายงาน ความก้ า วหน้ า แบบวัน สามารถใช้ ก ารสร้า งกลุ่มในแอปพลิเ คชั่ นของโทรศัพ ท์ มื อถื อ เพื่อ การรายงาน ความก้าวหน้าโดยรูปภาพได้ สะดวกและเข้าใจง่าย ปั จ จั ย ที่ มี อิ ท ธิ พ ลต่ อ การคั ด เลื อ กผู้ รั บ เหมาก่ อ สร้ า ง ด้ า นผลิ ต ภั ณ ฑ์ ท างบริ ษั ท ต้ อ งจั ด ท า รายละเอียด ของผลงานให้อดีตที่ผ่านมา นาเสนอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า และถ้าเป็นไปได้ควร ติดต่อกับเจ้าของที่พักอาศัยของผลงานที่บริษัทสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ลูกค้ารายใหม่สามารถเข้า ไปดูผลงานของบริษัทกับตาของตัวเองได้ และมีการถ่ายรูปเก็บข้อมูลช่วงก่อสร้างและก่อนส่งมอบไว้อย่าง ละเอียดเพื่อสามารถนามา นาเสนอผลงานที่ผ่านมาให้กับลูกค้าได้ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ด้านความน่าเชื่อถือของบริษัท เห็นได้ว่าการ ไม่มีประวัติทิ้งงานและการฟ้องร้อง เป็นเรื่องที่ลูกค้าให้ความสาคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะสามารถบอกได้ ถึงความรับผิดชอบในการทางานของบริษัท ดังนั้น บริษัทผู้รับเหมาต้องทางานให้ตรงตามแผนงานที่วางไว้ หากเห็นว่างานไม่เป็นไปตามแผนงานควรแจ้งสาเหตุและแนวทางแก้ไขแก่ลูกค้าโดยทันที เพื่อไม่ให้เกิด ความเข้าใจผิดและเกิดการฟ้องร้องขึ้นมาได้ เพื่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบริษัท ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างด้านราคา เห็นได้ว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ ให้ ความสาคัญเรื่องราคาเป็นอันดับรองลงมา ไม่จาเป็นต้องเสนอราคาที่ถูกที่สุด แต่จะให้ความสาคัญกับเรื่อง จากแบ่งจ่ายงวดงานมากกว่า ดังนั้น ก่อนการเสนอราคา หากโครงการนั้นไม่มีการกาหนดการจ่ายงวดงาน โดยผู้ควบคุมโครงการหรือเจ้าของบ้าน ทางผู้รับเหมาเองต้องสอบถามความต้องการของลูกค้าเรื่องการ แบ่งจ่ายงวดงาน เพื่อที่จะได้เสนอวิธีการจ่ายงวดงานที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสอดคล้อง กับการเงินของบริษัทของผู้รับเหมาเอง ปั จ จั ย ที่ มี อิ ท ธิ พ ลต่ อ การคั ด เลื อ กผู้รั บ เหมาก่ อ สร้ า งด้า นการส่งเสริ ม การตลาด หากบริ ษั ท สามารถมีข้อเสนอเรื่องการรับประกันผลงานให้มากกว่าผู้รับเหมารายอื่นๆ จะชิงความได้เปรียบจากการ ตัดสินใจของลูกค้า ดังนั้น ทางบริษัทควรศึกษาคู่แข่งเรื่องการรับประกันผลงานของผู้รับเหมารายอื่นๆที่ เสนอราคาในครั้งนั้นๆ และสามารถรับประกันผลงานได้มากกว่าจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นของ ลูกค้า

8

ดนุวัศ ปรีชา


ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช

จากตารางที่ 1 แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของกลุ่มประชากรของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ เกี่ยวข้องกับปัจจัยการตัดสินใจเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเรื่องเพศและอาชีพ ไม่มีความแตกต่าง กันอย่างมีนัยสาคัญในการเลือก อาจอันเนื่องมาจากในการที่ต้องตัดสินใจเลือกผู้รับเหมามาสร้างที่พัก อาศัยจาเป็นต้องมีการปรึกษากับครอบครัว ไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้เลยซึ่งสอดคล้องกับคาถามใน แบบสอบถามของงานวิจัยครั้งนี้ ได้มีการสอบถามถึงความสามารถในการตัดสินใจ พบว่า ร้อยละ 90 ต้อง มีการปรึกษาครอบครัวในการตัดสินใจ จึงไม่สามารถชี้วัดความแตกต่างได้ ด้านอายุเห็นได้ว่ากลุ่มอายุ น้อยกว่า 50 ปี จะเป็นช่วงวัยทางาน โดยที่ให้ความสาคัญกับปัจจัยมากกว่ากลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปอย่า ง ชัดเจน เป็นเพราะกลุ่มอายุมากกว่า 50 ปีด้วยประสบการณ์ที่ทาให้เข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้น ด้านสถานภาพ เป็นการสะท้อนความมั่ นคงในชีวิต ซึ่งส่งผลมายังปัจจัยข้อไม่ มีประวัติก ารทิ้ งงานหรื อฟ้ อ งร้อ ง ด้าน การศึกษา ยิ่งมีระดับการศึกษาเยอะจะให้ความสาคัญด้านเครดิตเป็นพิเศษ อั นเนื่องจากความเข้าใจถึง หากมีเครดิตยิ่งเยอะ ยิ่งสามารถทางานให้ประสบความสาเร็จเยอะขึ้นตามไปด้วย ด้านรายได้จะเห็นได้ว่า กลุ่มรายได้เยอะจะมีมาตรฐานที่สูงกว่ากลุ่มอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย แผนงานที่ ทาให้การทางานสาเร็จลุล่วง และภาพลักษณ์ของบริ ษัท กลุ่มประชากรที่เคยมีประสบการณ์ในการใช้ บริการผู้รับเหมา จะให้ความสาคัญกับเรื่อง งวดงานและเงื่อนไขงานเพิ่มลด เนื่องจากเคยผ่านการสร้าง หรือต่อเติมทาให้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และยังให้ความสาคัญกับเรื่องการทิ้งงานและฟ้องร้องอีกด้วย ซึ่ง ที่ได้กล่าวมาสอดคล้อ งกับแนวความคิดของลักษณะด้านประชากรศาสตร์ที่มีความแตกต่างกัน จะให้ ความสาคัญกับปัจจัยที่ต่างกัน จากที่ ก ล่ า วมาข้ า งต้ น ผู้ รั บ เหมาในจั ง หวั ด นครศรี ธ รรมราช ควรมี ก ารพั ฒ นาทั้ งทางด้ า น ความสามารถ และความเข้าใจในการนาเสนอต่อลูกค้าแต่ละกลุ่ม ควบคู่กันไปเพื่อให้มีโอกาสในการถูก เลือกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงวัดศักยภาพขององค์กรในแต่ละด้าน เพื่อจัดลาดับแนวทางการพัฒนาขององค์กร ต่อไป เปรียบเทียบปัจจัยในการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้าง ตารางที่ 2 แสดงปัจจัยที่มีอิทธิพลในการเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้าง 5 อันดับแรก ของจังหวัด นครศรีธรรมราช เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร และ เขตเทศบาลกลาง เชียงใหม่ ปัจจัยในการเลือกใช้บริการ ผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อสร้างที่พกั อาศัย ในจังหวัดนครศรีธรรมราช 1. ประสบการณ์ในการทางานของ ทีมงาน 2. บุคลากรมีความรับผิดชอบตรงต่อ เวลา อัธยาศัยดี 3. ไม่มีประวัติการทิ้งหรือหนีงาน และฟ้องร้อง 4. เครื่องมือ,เครื่องจักร เพียงพอต่อ การใช้ 5. มีมาตรการด้านความปลอดภัย

ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือก ผู้รับเหมาก่อสร้างของผู้บริโภค ในเขต ทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร รัชติยา รัตนวร (2547) 1. อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน 2. มีการรับประกันผลงานการ ก่อสร้าง 3. การให้ข้อเสนอเกีย่ วกับการ ให้บริการหลังการขายที่ดีกบั ลูกค้า 4. ความสามารถและความชานาญ ของผู้รับเหมา 5. การป้องกันอุบัติเหตุจากการ ก่อสร้าง

ปัจจัยที่มอี ิทธิพลต่อการเลือก ผู้รับเหมาก่อสร้างของผู้บริโภคในเขต เทศบาลกลาง จังหวัดเชียงใหม่ พิภพ กิติกาศ (2556) 1. ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของ ผู้รับเหมา 2. ความสามารถและความชานาญ ของผู้รับเหมา 3. การก่อสร้างรวดเร็วแล้วเสร็จ ตามเวลา 4. ราคาถูกกว่าผู้รับเหมารายอื่น 5. ผลงานในอดีตที่ผ่านมาของ ผู้รับเหมา

6. มีแผนการทางานที่ชัดเจนและ เป็นไปได้ (แผนการบริหาร งบประมาณ,เวลาและการควบคุม)

ดนุวัศ ปรีชา

9


ปัจจัยในการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อสร้างที่พักอาศัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช

จากตารางที่ 2 เห็นได้ว่าปัจจัย 3 อันดับแรกของจังหวัดนครศรีธรรมราช คล้ายคลึงกับปัจจัย 2 อันดับแรกของเขตเทศบาลกลาง จังหวัดเชียงใหม่ คือให้ความสาคัญกับบุคลากรและความน่าเชื่อถือของ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ส่วนของเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานครมีปัจจัย 2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานของ อุ ป กรณ์ มาตรฐานของการดู แ ลหลั ง การขายและมาตรฐานเรื่ อ งการป้ อ งกั น อุ บั ติ เ หตุ กล่ า วคื อ กรุ ง เทพมหานครจะให้ ค วามส าคั ญ กั บ มาตรฐานด้ า นต่ า งๆ เป็ น อย่ า งมาก ซึ่ ง ต่ า งจากจั ง หวั ด นครศรีธรรมราชและจังหวัดเชียงใหม่ที่ให้ความสาคัญกับบุคคลและความเชื่อถือ ส่วนในปัจจัยด้านอื่นๆ จะมีความคล้ายคลึงกัน ข้อเสนอแนะ 1) การศึกษาในครั้งนี้เมื่อทาการคัดกรองแบบสอบถามแล้วเหลือแบบสอบถามที่สามารถใช้ได้จานวน 345 ชุด จากที่ได้รับกลับมา 402 ชุด เมื่อทาการวิเคราะห์ข้อมูลในบทที่ 4 พบว่า มีผลทาให้ระดับ ความเชื่อมั่นลดลงจาก 95% เหลือ 90% .ในบางปัจจัย ดังนั้นควรมีการเก็บข้อมูลและทาการคัดกรอง พร้อมกันในเวลาเดียวกันเพื่อให้จานวนกลุ่มตัวอย่างครบตามจานวนที่ระดับความเชื่อมั่นที่ 95% หาก ผู้ใดจะนาข้อมูลการศึกษาครั้งไปใช้ควรมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมในปัจจัยข้อที่ระดับความเชื่อมั่นไมถึง 95% 2) ควรมีการศึกษาความพึงพอใจของลูกค้าในการให้บริการของผู้รับเหมาก่อสร้างหลังจากที่ได้รับการ บริการแล้ว โดยเปรียบเทียบกับการตัดสินใจเลือก 3) การศึกษาครั้งนี้คัดเลือกปัจจัยมาเฉพาะปัจจัยที่เกี่ยวกับการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างมาเพื่อก่อสร้าง อย่างเดียว กล่าวคือ เหมาะสาหรับรูปแบบผู้รับเหมาที่รับก่อสร้างอย่างเดียวไม่รวมถึงการออกแบบ จึงควรมีการศึกษาการเลือกใช้บริการ บริษัทที่มีบริการออกแบบพร้อมก่อสร้าง รายการอ้างอิง ชวิน ณ พัทลุง. (2559). การศึกษาแนวทางการพัฒนาการดาเนินงานของผู้รับเหมาจากปัจจัยความพึง พอใจของลูกค้า. (การค้นคว้าอิสระ ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยศิลปากร. ประชาชาติ ออนไลน์. (2558). THBA ชี้ปี 57 ธุรกิจรับสร้างบ้านขยายตัวเพียง 2-3% แนวโน้มปี 58 ฝาก ความหวังไว้กับตลาดต่างจังหวัด. Retrieved from http://www.realist.co.th/blog/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2% E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8 %B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87% E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B8%B5/

10

ดนุวัศ ปรีชา


คุณลักษณะด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง : กรณีศึกษา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย

คุณลักษณะด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง : กรณีศึกษา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย บทคัดย่อ มีชัย น้อยพิทักษ์ คาสาคัญ: ผูค้ วบคุมงาน, คุณลักษณะ, แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์, การบริหารโครงการก่อสร้าง, บริษัท รับเหมาก่อสร้างสัญชาติ ญี่ปุ่น อาจารย์ที่ปรึกษา: ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ทยากร จารุชัยมนตรี

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วน บุคคลกับระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้านต่างๆ ของผู้ควบคุมงานก่อสร้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติ ญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยเก็บข้อมูลจานวน 373 คน ด้วยวิธีแจกแบบสอบถาม โดยแบ่งเป็น แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 7 ด้าน จาแนกเป็นคาถามทั้งหมดจานวน 17 ข้อ และ ความคิดเห็นที่มีต่อองค์กรอีก 4 ข้อ พบว่าผู้ควบคุมงานก่อสร้างส่วนใหญ่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้านรับผิดชอบต่อตนเอง, ด้านต้องการทราบ ผลการตัดสินใจของตนเอง, ด้านขยันขันแข็ง, ด้านมีทักษะในการจัดการระบบงาน, ด้าน มีความกล้าเสี่ยง, ด้านมีการคาดการณ์ล่วงหน้า และด้านชอบการแข่งขันตามลาดับ โดยพบว่ามีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 3 อันดับ แรกมีความจาเป็นสาหรับผู้ควบคุมงานก่อสร้างทั่วไป และพบว่าบริษัท รับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่นที่ ทาการศึกษานี้สนับสนุนและส่งเสริมให้บุคลากรในองค์กรมีความรู้ ความสามารถในการทางานสอดคล้อง กับวัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ควบคุมงานก่อสร้างเพศชายมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงกว่า เพศหญิงเกือบทุกด้าน ส่วนผู้ควบคุมงานก่อสร้างกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้านมีการ คาดการณ์ล่วงหน้าสูงกว่าทุกช่วงอายุ ผู้ควบคุมงานก่อสร้างกลุ่ มสถานภาพสมรสแล้วมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ด้านมีการคาดการณ์ล่วงหน้าสูงกว่ากลุ่มสถานภาพโสด ผู้ควบคุมงานก่อสร้างกลุ่มที่มีประสบการณ์การ ทางานสูงมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้านมีการคาดการณ์ล่วงหน้า ด้านรับผิดชอบต่อตนเอง และด้านมีทักษะใน การจัดการระบบงานสูง และผู้ควบคุมงานก่อสร้างผู้มีรายได้มากกว่า 20,000 บาท มี แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ด้านมีความกล้าเสี่ยง และด้านมีทักษะในการจัดการระบบงานสูง

มีชัย น้อยพิทักษ์

11


คุณลักษณะด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง : กรณีศึกษา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย

ACHIEVEMENT MOTIVATION CHARACTERISTICS IN CONSTRUCTION’S SUPERVISORS: A CASE STUDY OF JAPANESE CONSTRUCTION COMPANY IN THAILAND ABSTRACT MEECHAI NOIPITAK KEYWORD: SUPERVISOR, CHARACTERISTICS, ACHIEVEMENT MOTIVATION, CONSTRUCTION MANAGEMENT, JAPANESE CONSTRUCTION COMPANY ADVISOR: ASSISTANT PROFESSOR TAYAGORN CHARUCHAIMONTRI, PhD

This research aims to determine not only the level of achievement motivation, but also the relationship between personal factors and level of achievement motivation of construction’s supervisors in Japanese construction company in Thailand. It was conducted by collecting 373 questionnaires, divided into 17 questions from 7 topics about the achievement motivation and 4 questions about the organization. It is found that most construction supervisors have achievement motivation characteristics in individual responsibility, knowledge of result of decision, energetic, organizational skills, risk-taking, anticipation of future possibilities and competition, respectively. The top 3 achievement motivations are necessary for general construction supervisors and the Japanese construction company encourages and educates knowledge for staffs in the organization following Japanese culture. Moreover, it is found that male supervisors have higher achievement motivation than female ones in almost all the aspects. Over 60 years old supervisors have higher achievement motivation in anticipation of future possibilities than others. Marital supervisors have higher achievement motivation in anticipation of future possibilities than single ones. The more experience supervisors have, the higher achievement motivation in anticipation of future possibilities have. The supervisors who have salary more than 20,000 baht have more achievement motivation in risk-taking and organizational skills.

12

มีชัย น้อยพิทักษ์


คุณลักษณะด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง : กรณีศึกษา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย

บทนา ปัจจุบันอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศไทยได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่มี มากที่ สุ ด ในประเทศไทยคื อ อุ ต สาหกรรมก่ อ สร้ า งอาคาร โดยในปี 2557 สู ง ถึ ง ร้ อ ยละ 53.4% ของ อุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งหมด (สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 2553) ในการดาเนินงาน อุตสาหกรรมก่อสร้างให้สาเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้นั้นก็ประกอบไปด้วยบุคคลากรต่างๆ มากมาย ซึ่งคอยทาหน้าที่ต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ผู้ที่จะกาหนดและควบคุมให้งานก่อสร้างนั้นสาเร็จ และ ตรงตามเป้าหมายที่กาหนดทั้งด้านคุณภาพ งบประมาณ และระยะเวลาที่กาหนดไว้ได้นั้นคงไม่พ้นหน้าที่ ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง แรงจูงใจเป็นแรงขับเคลื่อนหรือแรงกระตุ้นที่สาคัญต่อพฤติกรรมของมนุษย์ ในการทางานก็ เช่นกัน หากมนุษย์มีแรงจูงใจในการทางานสูง ก็จะทาให้เกิดความกระตือรือร้น ขยัน และอดทนต่องาน ซึ่ง สามารถทาให้งานนั้นประสบความสาเร็จได้ ซึ่งเป็นผลดีต่อองค์กรนั้นๆ แรงจูงใจ หรือ Motivation คือการ ที่บุคคลเต็มใจที่จะใช้พลังเพื่อให้ประสบความสาเร็จในเป้าประสงค์ การจูงใจเป็น สิ่งที่จาเป็นสาหรับการ ทางานร่วมกัน เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้บุคคลไปถึงซึ่งเป้าประสงค์ที่ต้องการ กล่าวคือการจูงใจเป็นวิธีการที่ จะกระตุ้นให้ผู้ร่วมงานมีกาลังใจในการทางาน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร (Beach, 1957) เป็น ความต้ อ งการ หรื อ ความกดดั น ที่ ก ระตุ้ น ให้ บุ ค คลปฏิ บั ติ (Kotler, 2002) ทฤษฎี เ กี่ ย วกั บ แรงจู ง ใจมี มากมาย และทฤษฎีเรื่องแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ก็เ ป็นทฤษฎีที่ได้รับความ นิยมสูงมาก และถูกน ามาใช้หรือ พั ฒ นาในงานบริ ห ารโครงการอย่ า งมากมาย รวมถึ ง ในโครงการ ก่ อ สร้ า งก็ เ ช่ น กั น โดย David C. McClellan (1961) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้กล่าวว่างานที่เหมาะสมกับผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์สูงนั้น คือ งานที่จะต้องมีความรับผิดชอบสูง มีอิสระในการแก้ปัญหาและตัดสินใจ รวมทั้งมี ความ ต่อเนื่องของงาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติมี โอกาสสร้างผลงาน และสามารถติดตามผลงานของตนเองได้ ซึ่งจาก ลักษณะงานดังกล่าวนี้เป็นลักษณะของงานที่สอดคล้องกับการทางานของผู้ควบคุมงานในโครงการก่อสร้าง ในประเทศไทยบริษัทที่ทางานเกี่ยวกับการก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมีทั้ง ที่เป็นบริษัทสัญชาติไทย อเมริกาและญี่ปุ่น บริษัทจะประสบความสาเร็จได้ย่อมต้องมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ นอกจากสมรรถนะ ส่วนบุคคลแล้ว วัฒนธรรมองค์กรก็สามารถกระตุ้นให้บุคลากรทางานบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรได้ เช่นกัน จากผลการวิจัยบริษัทญี่ปุ่นจะมีการจ้างตลอดชีวิต คือมีระยะเวลาการจ้างที่นาน ซึ่งแตกต่างกับ บริษัทอเมริกาที่มีการจ้างในระยะเวลาที่สั้น ผู้ทาการวิจัยสนใจประเด็นเรื่องของแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ ควบคุมงานก่อสร้างที่ประสบความสาเร็จในองค์กรนั้นๆ ซึ่งงานก่อสร้างนั้นจะต้องใช้เวลาในการทางาน เป็นเวลานาน ดังนั้นการศึกษาระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการทางานของผู้ควบคุมงานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง สัญชาติญี่ปุ่น มีความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้านต่างๆ จึงมีความจาเป็น เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะของผู้ควบคุมงานในองค์กรก่อสร้างต่อไป การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วน บุคคลกับระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้านต่างๆ ของผู้ควบคุมงานก่อสร้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติ ญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในประเทศไทย วิธีการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือแบบสอบถามจานวน 373 ชุด โดยแบ่งเป็นแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 7 ด้าน จาแนกเป็นคาถามทั้งหมดจานวน 17 ข้อ และ ความคิดเห็นที่มีต่อองค์กรอีก 4 ข้อ และการ สัมภาษณ์

มีชัย น้อยพิทักษ์

13


คุณลักษณะด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง : กรณีศึกษา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย

ผลการศึกษา ผลการศึกษาแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่นที่ ได้ทาการศึกษา กับตัวแปรข้อมูลลักษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง สามารถแบ่งได้ เป็น 8 หัวข้อ ตามข้อมูลลักษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ดังนี้ 1. เพศต่างกัน มีผลต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ โดยเพศชายมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงกว่าเพศหญิงทุก ด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ยกเว้นด้านมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และด้าน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่มีต่อองค์กร ที่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ 0.05 2. อายุ ต่ า งกั น มี ผ ลต่ อ แรงจู งใจใฝ่สัมฤทธิ์ ด้า นมี การคาดการณ์ล่วงหน้ า โดยผู้ ควบคุมงาน ก่อสร้าง บริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่ที่ได้ทาการศึกษา อายุมากกว่า 60 ปี มักจะคาดการณ์ล่วงหน้า ถึงปัญหา และหาแนวทางในการแก้ไขก่อนเริ่มทางานอยู่เสมอ มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงกว่าผู้ควบคุมงาน ก่อสร้างทุกช่วงอายุ แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.10 ซึ่ ง บุ ค ลากรที่ มี อ ายุ ต่ ากว่ า 30 ปี จ ะมี แ รงจู ง ใจใฝ่ สั ม ฤทธิ์ ที่ น้ อ ยกว่ า กลุ่ ม อื่ น เนื่ อ งจากกลุ่ ม อายุ นี้ มี ประสบการณ์การทางานในองค์กรส่วนใหญ่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 ปี ดังแสดงตามตารางที่ 4.20 แม้ว่า องค์กรจะให้ความสาคัญกับบุคลกรกลุ่มอายุนี้ในการอบรมอยู่เสมอ แต่ยังไม่สามารถทาให้แรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ของพนักงานกลุ่มอายุนี้มากขึ้นเท่ากับกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตามความเห็นของทุกกลุ่มอายุที่มีต่อ องค์กรก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ เนื่องจากองค์กรให้ความสาคัญกับทุกกลุ่มอายุอย่างเท่า เทียมกัน 3. สถานภาพสมรสต่างกัน มีผลต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้ านมี การคาดการณ์ล่ว งหน้ า โดยผู้ ควบคุมงานก่อสร้าง บริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่ที่ได้ทาการศึกษา สถานภาพสมรสแล้ว มักจะ คาดการณ์ล่วงหน้าถึงปัญหา และหาแนวทางในการแก้ไขก่อนเริ่มทางานอยู่เสมอ มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ใน หัวข้อนี้สูงกว่าผู้ควบคุมงานก่อสร้างที่ยังโสดอยู่ แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 4. ประสบการณ์การทางานต่างกัน มีผลต่อแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ด้านรับผิดชอบต่อตนเอง และ ด้านมีทักษะในการจัดระบบงาน โดยผู้ควบคุมงานก่อสร้าง บริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้ ทาการศึกษาประสบการณ์การทางานต่ากว่า 1 ปี เมื่อรู้ว่าทางานผิดพลาดจะรีบหาทางแก้ไขด้วยตนเอง ก่อนที่จะให้ผู้อื่นมารับผิดชอบ และเรื่องการเป็นผู้วางแผนจัดระบบงาน และเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นอยู่เสมอ มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ต่ากว่าผู้ควบคุมงานก่อสร้างทุกช่วงอายุประสบการณ์การทางาน แตกต่างกันอย่างมี นัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 5. ประสบการณ์การทางานต่างกัน มีผลต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้านมีการคาดการณ์ล่วงหน้า โดย ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง บริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่ที่ได้ทาการศึกษา ประสบการณ์การทางานสูงกว่า 10 ปี มักจะคาดการณ์ล่วงหน้าถึงปัญหา และหาแนวทางในการแก้ไขก่อนเริ่มทางานอยู่เสมอ อีกทั้งยังนา แนวทางจากการคาดการณ์ล่วงหน้ามาปฏิบัติ และแนะนาแก่เพื่ อนร่วมงานเพื่อให้สามารถดาเนินงานได้ อย่ า งราบรื่น มี แ รงจู งใจใฝ่สั มฤทธิ์ สูงกว่ าผู้ค วบคุม งานก่อ สร้ างทุ กช่ ว งอายุ ประสบการณ์ก ารทางาน แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 6. รายได้ต่อเดือนต่างกัน มีผลต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ด้านมีทักษะในการจัดการระบบงาน โดยผู้ ควบคุมงานก่อสร้าง บริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่ นที่ได้ทาการศึกษา รายได้ต่ากว่าหรือเทียบเท่า 20,000 บาท ชอบเป็นผู้วางแผนจัดระบบงาน และเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นอยู่เสมอ มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่ต่า กว่าทุกช่วงรายได้ต่อเดือน แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 การอภิปรายผลการศึกษา เมื่อได้ระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติ ญี่ปุ่นที่ ท าการศึ ก ษาแล้ ว จึ งน ามาเปรี ยบเที ยบกั บ ระดับ แรงจู งใจใฝ่สัม ฤทธิ์ ด้ านต่า งๆ ของผลการวิ จัยเรื่อง 14

มีชัย น้อยพิทักษ์


คุณลักษณะด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง : กรณีศึกษา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย

คุณลักษณะของผู้ควบคุมงานด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในงานก่อสร้าง (ศศธร บริสุทธิ์นฤดม, 2557) ซึ่งเป็น กลุ่มตัวอย่างแบบทั่วไป ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 แสดงสรุปเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างการมีนัย สาคัญทางสถิติ และระดับแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ด้านต่างๆ กับผลการวิจัยเรื่องคุณลักษณะของผู้ควบคุมงานด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในงาน ก่อสร้าง ในกลุ่มตัวอย่างแบบทั่วไป ปัจจัย

คุณลักษณะด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ของผู้ ควบคุมงานก่อสร้าง : กรณีศึกษา บริษทั รับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่น การมีนัยสาคัญ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ทางสถิติ มี ด้านมีความกล้าเสี่ยง, ด้าน ขยันขันแข็ง, ด้านมีการ คาดการณ์ล่วงหน้า, ด้านมี ทักษะในการจัดการ ระบบงาน, ด้านชอบการ แข่งขัน มี ด้านมีการคาดการณ์ (ข้อมูลไม่ ล่วงหน้า เพียงพอ) มี ด้านมีการคาดการณ์ ล่วงหน้า ไม่มี -

คุณลักษณะของผู้ควบคุมงานด้านแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ในงานก่อสร้าง (ศศธร บริสุทธิ์นฤดม, 2557) การมีนัยสาคัญ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ทางสถิติ -

ประสบการณ์การ ทางาน

มี

มี

ประสบการณ์การ ทางานในตาแหน่งผู้ ควบคุมงานในบริษัท ปัจจุบัน ตาแหน่งหน้าที่ใน หน่วยงาน รายได้ / เดือน

-

ด้านรับผิดชอบต่อตนเอง, ด้านมีการคาดการณ์ ล่วงหน้า, ด้านมีทกั ษะใน การจัดการระบบงาน -

ไม่มี

-

ไม่มี

-

-

-

มี

-

มีใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพวิศวกรรม ควบคุม หรือ สถาปัตยกรรม

มี

ด้านมีความกล้าเสี่ยง, ด้าน มีทักษะในการจัดการ ระบบงาน มี

เพศ

อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษาสูงสุด

ไม่มี

-

-

-

มี

ความกล้าเสี่ยง, การมี ทักษะในการจัดการระบบ ความกล้าเสี่ยง, ความขยัน ขันแข็ง

ความชอบการแข่งขัน

จากตารางที่ 1 สามารถสรุปแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่ขึ้นกับลักษณะประชากรศาสตร์เฉพาะประเด็น ที่ชัดเจนได้ดังนี้ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ขององค์กรบริษัทรับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่นที่ทาการศึกษา แปรผัน ตรงกับอายุการทางาน แตกต่างจากการศึกษาเรื่องคุณลักษณะของผู้ควบคุมงานด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ใน งานก่อสร้าง (ศศธร บริสุทธิ์นฤดม, 2557) ซึ่งสรุปว่าอายุไม่มีผลต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์อย่างมีนัยสาคัญทาง สถิติ เนื่องจากวัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่นจะดูแลพนักงานเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการจ้าง มีชัย น้อยพิทักษ์

15


คุณลักษณะด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้ควบคุมงานก่อสร้าง : กรณีศึกษา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย

แบบระยะยาว ซึ่งจะแตกต่างจากวัฒนธรรมองค์กรแบบไทย หรืออเมริกา ที่จะไม่ได้ผูกพันและทางานอยู่ ในองค์กรเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ เป็นแรงจูงใจที่ต้องใช้ระยะเวลานานในการ สร้าง สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่นที่ค่อยๆ เติบโต และอยู่ในองค์กรเป็นเวลานาน จึงแสดงให้เห็น ว่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบญี่ปุ่นจะมีแรงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิ์แปรผันตรงกับอายุการทางาน ส่วนประสบการณ์การทางานไม่ มีผลต่อแรงจูงใจด้านการคาดการณ์ล่วงหน้า อาจจะมาจาก เหตุผลที่ว่าวัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่น พนักงานที่มีประสบการณ์การทางานมากกว่า 10 ปีขึ้นไปนั้นจะทางาน อยู่ในองค์กรนั้นๆ เป็นเวลานาน เนื่องวัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่นจะมีความผูกพันธ์ต่อพนักงาน มีการจ้าง ตลอดชีวิตงาน (ธีรกิติ นวรัตน์ ณ อยุธยา, 2549) ส่งผลให้ผู้ควบคุมงานก่อสร้างที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีขึ้นไปที่อยู่ในองค์กรเป็นเวลานาน จะมีความเชี่ยวชาญในงานที่ปฏิบัติ จึงส่งผลให้มีแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ในด้านการคาดการณ์ล่วงหน้า ทาให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าถึงปัญหา และหาแนวทางในการ แก้ไขก่อนเริ่มทางานอยู่เสมอ อีกทั้งยังนาแนวทางจากการคาดการณ์ล่วงหน้ามาปฏิบัติ และแนะนาแก่ เพื่อนร่วมงานเพื่อให้สามารถดาเนินงานได้อย่างราบรื่น ข้อเสนอแนะและข้อจากัด 1) การเก็บข้อมูลครั้งนี้ต้องการเก็บข้อมูลของประชากรทั้งหมดคือ 600 คน แต่เนื่องจากมีข้อจากัดใน การเข้าถึงกลุ่มข้อมูลทั้งหมด โดยต้องส่งแบบสอบถามผ่านฝ่ายบุคคลของบริษัท ซึ่งเป็นการประเมิน ตนเอง และบริษัทที่ได้ทาการศึกษามีเพียงบริษัทเดียว จึงอาจจะทาให้ข้อมูลเกิดความคลาดเคลื่อนได้ โดยสามารถเก็บข้อมูลได้จานวน 373 คนจากทั้งหมด 600 คน ซึ่งหากสามารถเก็บข้อมูลได้จาก ประชากรทั้งหมด ก็จอาจจะะทาให้ได้ผลการศึกษาที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงยิ่งขึ้น 2) ควรเพิ่มการศึกษาเรื่องแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในวัฒนธรรมองค์กรสัญชาติอื่น หรือองค์กรที่มีวัฒนธรรม บางอย่างที่ชัดเจนแตกต่างจากวัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่น รายการอ้างอิง ธีรกิติ นวรัตน์ ณ อยุธยา. (2549). การตลาดบริการ: แนวคิดและกลยุทธ์ (Service Marketing: Concepts and Strategies). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: แอคทีฟพริ้น. ศศธร บริ สุ ท ธิ์ น ฤดม. (2557). คุ ณ ลั ก ษณะของผู้ ค วบคุ ม งานด้า นแรงจู งใจใฝ่ สัมฤทธิ์ ใ นงานก่ อ สร้าง. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโครงการก่อสร้าง มหาวิทยาลัยศิลปากร. สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. (2553). คู่มือการกาหนดความรู้ความสามารถ ทักษะ และ สมรรถนะสาหรับตาแหน่ง. Beach, D. S. (1957). Personnel: The Management of People at Work. 3rd ed. New York: Macmillan. Kotler, P. (2002). Principles of Marketing. 3rd ed. Harlow, England; New York: Prentice Hall. McClelland, D. C. (1961). The achieving society. Princeton, N.J.: D. Van Nostrand.

16

มีชัย น้อยพิทักษ์


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษา โครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ บทคัดย่อ วัลภา เชยรส คาสาคัญ: ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ, คุณภาพ, โครงการก่อสร้าง, โครงการบ้านเอื้ออาทร อาจารย์ที่ปรึกษา: ศาสตราจารย์ จรัญพัฒน์ ภูวนันท์

การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษานโยบายและภาพรวมการบริหารโครงการก่อสร้าง บ้านเอื้อ อาทร (การเคหะแห่ งชาติ ) ศึ ก ษาปั ญ หาคุ ณ ภาพบ้ า นเอื้ อ อาทร จั งหวั ด กาญจนบุ รี (แก่ งเสี้ ย น) และ วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพ มีวิธีศึกษาโดยทบทวนเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สัมภาษณ์ตัวบุคคล และสารวจพื้นที่โครงการ ผลการการศึก ษาพบว่ า ปัจ จั ย ส าคัญที่ ส่งผลกระทบต่ อคุ ณภาพการก่อ สร้า ง คื อ 1) วิ ธี ก าร ปฏิบัติงาน สืบเนื่ องจากใช้สัญญาจ้างแบบการร่วมดาเนิน การกับภาคเอกชน (Turn Key) โดยวิธีวาง หลักประกัน (Bid Bond) ซึ่งมีระยะเวลาการก่อสร้างที่จากัด แต่ผู้ประกอบการใช้ระบบการก่อสร้างแบบ ทั่วไป (Conventional Construction System) 2) ปัจจัยด้านสถานที่ เพราะมีหินใต้ดิน จานวนมากใน โครงการ (ตั้งอยู่เชิงเขา) ต้องใช้เวลา และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3) ปัจจัยด้านการเงินของผู้ประกอบการเดิมที่ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และ 4) ปัจจัยด้านวิธีการปฏิบัติงาน ในช่วงเริ่มงานของผู้รับจ้างรายใหม่ที่ไม่มี การตรวจสอบ แก้ไข และควบคุมวัสดุ หรืองานที่ไม่ได้มาตรฐานของผู้ประกอบการเดิมให้ละเอียดครบถ้วน ก่อนที่จะดาเนินการต่อ จึงมีความเสียหายและข้อร้องเรียนจากผู้อยู่อาศัยในภายหลัง

วัลภา เชยรส

17


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ

THE IMPACT FACTORS OF QUALITY IN HOUSING CONSTRUCTION PROJECTS: A CASE STUDY OF BAAN AUR-ARTHORN IN THE WESTERN REGION ABSTRACT WANLAPHA CHEYROS KEYWORD: IMPACT FACTORS, QUALITY, CONSTRUCTION PROJECT, BAAN AUR-ARTHORN HOUSING PROJECT ADVISOR: PROFESSOR CHARUNPAT PUVANANT

The objectives of this study were to investigate the policy and overall construction project management of Baan Aur Arthorn (National Housing Authority), to study Baan Aur Arthorn quality problem in Kanchanaburi (Kaeng Sian), and to analyze factors affecting project quality. The method was conducted by reviewing related research, personal interview, and site observation. The results of this study indicated that factors affecting construction quality were 1) operation method factor. This project was a turn-key project under the cooperation of private sector with bid bond and limited construction period. However, the entrepreneur used a conventional construction system, 2) location factor. There were a lot of stones under the ground in this project (located on foothill) and it took a long time and higher cost, 3) financial factors of the former entrepreneur who lacked financial liquidity and 4) operation method factor of the new contractor who lacked careful inspection and proper correction of abandoned work before starting his new construction. The former entrepreneur delivered poor standard materials and construction works, leading to damage subsequent complaints from the residents.

18

วัลภา เชยรส


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ

บทนา เนื่องจากที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่จาเป็นต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งทางหน่วยงาน ของภาครัฐเห็นถึงความสาคัญถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนภายในประเทศ จึงมีการสนับสนุน ให้มกี ารพัฒนาที่อยู่อาศัย และโครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสาหรับผู้มีรายได้นอ้ ย ของการเคหะแห่งชาติที่สาคัญโครงการหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับประชาชนที่มีรายได้ปานกลางถึง รายได้ น้อ ย ให้ ส ามารถเป็ นเจ้า ของที่ อ ยู่ อาศั ยได้ และได้ รับ ความสนใจจากประชาชนเป็ นอย่างมาก เนื่องจากประชาชนสามารถซื้อหน่วยอาศัยในราคาที่ต่ากว่าท้องตลาด เพราะรัฐบาลอุดหนุนเงินค่าก่อสร้าง หน่วยอาศัยสูงถึง 80,000 บาทต่อหน่วย จึงทาให้ประชาชนลดภาระค่าซื้อหน่วยอาศัยในราคาที่ถูกลงจาก วงเงินอุดหนุนของรัฐบาลดังกล่าว แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา โครงการบ้านเอื้ออาทรประสบปัญหาต่างๆ อาทิ ความล่าช้าในการส่ง มอบโครงการให้กับประชาชนที่มีการดาเนินการจองหน่วยอาศัยของโครงการที่สนใจ การดาเนินโครงการ ก่อสร้างไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์ ความไม่ได้มาตรฐานของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ความเสียหายของ หน่วยอาศัย ส่งผลให้เกิดขอร้องเรียนจากผู้อยู่อาศัยภายในโครงการเป็นระยะๆ รวมทั้งเกิดกรณีข่าวทุจริต (เสนาะ สุขเจริญ, 2560) ที่เกิด ขึ้นกับการดาเนิ นโครงการบ้า นเอื้ อ อาทรของการเคหะแห่งชาติ และ กระทรวงการพั ฒ นาสั ง คมและความมั่ น คงของมนุ ษ ย์ พบปั ญ หาการน านโยบายไปปฏิ บั ติ จ ากการ ดาเนินการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ในแนวทางจัดทาโครงการรูปแบบที่ถูกกาหนด โดยเฉพาะอย่าง ยิ่ง แนวทางจัดทาโครงการรูปแบบร่วมดาเนินกับภาคเอกชน (Turn Key) ได้แก่ ปัญหาประโยชน์ทับซ้อน จากผู้ดารงตาแหน่งหรือผู้มีอานาจทางการเมืองในขณะนั้น โดยให้เครือญาติเป็นคู่สัญญารับเหมาโครงการ บ้านเอื้ออาทรหลายโครงการ ซึ่งอาจจะไม่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการตามขั้นตอนที่ ถูกต้อง ปัญหาการเรียกรับสินบนจากผู้ประกอบการ ภาคเอกชนที่ได้รับโควต้าการก่อสร้างโครงการกับการ เคหะแห่งชาติ ปัญหาการจัดซื้อที่ดิน โดยการเคหะแห่งชาติรับซื้อที่ดินจากผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ ได้รับโควต้าการก่อสร้างโครงการในราคาที่สูงเกินจริง และมีการแบ่งผลประโยชน์ของราคาที่ดินส่วนต่างนี้ จากผู้ ที่ มี ส่ ว นเกี่ ย วข้ อ งกั บ การด าเนิ น การจั ด ซื้ อ ที่ ดิ น โครงการ ปั ญ หาการเบิ ก เงิ น ล่ ว งหน้ า ของ ผู้ประกอบการภาคเอกชน ในกรณีของผู้ประกอบการภาคเอกชน บางรายที่ได้รับโควต้า หรือเป็นคู่สัญญา กับการเคหะแห่งชาติที่ได้รับอนุมัติหน่วยการก่อสร้างที่สูงเกินกว่าคุณสมบัติของผู้ประกอบการภาคเอกชน บางราย ทาให้ขาดศักยภาพในการดาเนินการก่อสร้างโครงการให้ แล้วเสร็จได้ และเกิดการทิ้งงานของ ผู้ประกอบการภาคเอกชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารการเงินของการเคหะแห่งชาติ และความ เสียหายต่อรัฐบาลเป็นวงกว้างในระดับประเทศ ด้วยปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของการดาเนินโครงการที่เรียกได้ว่า เป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับประเทศ ผู้เกี่ ยวข้องและผู้รับผิดชอบในด้านต่างๆ ที่ดาเนินการ ผลักดันโครงการจนถึงมือประชาชนผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด กับโครงการเสริมสร้างความมั่นคงในการ ดาเนินชีวิตของประชาชนในประเทศโดยตรง การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพบ้านเอื้ออาทร จึง มีความจาเป็น และเป็นการถอดบทเรียนการพัฒนาที่อยู่อาศัย สาหรับผู้มีรายได้น้อยจากหน่วยงานของ ภาครัฐ โดยนาข้อมูลที่ได้จากการศึกษานี้ ไปใช้ประกอบการพิจารณาต่อการดาเนินโครงการที่มีรูปแบบ ใกล้เคียงกันได้อย่างเหมาะสมในอนาคตต่อไป วัตถุประสงค์ของการศึกษามีดังนี้ 1) เพื่อศึกษานโยบาย และภาพรวมของการบริหารจัดการ โครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร โครงการพัฒนาที่ อยู่อาศัยสาหรับผู้มีรายได้น้อยของการเคหะแห่งชาติ 2) เพื่อศึกษาปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) 3) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัย ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการบ้านเอื้ออาทร วิธีการศึกษา สัมภาษณ์บุคคล ที่มีความเกี่ยวข้องกับการดาเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร และสารวจโครงการ บ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) ที่ใช้เป็นกรณีศึกษาด้านคุณภาพของอาคารที่พักอาศัยของ วัลภา เชยรส

19


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ

โครงการ โดยมีการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และสรุปผลที่ได้จากการศึกษา แนวทางการดาเนินโครงการ ก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ โครงการบ้านเอื้ออาทรในเขตพื้นที่ตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) โครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) มีแนวทางการจัดทาโครงการ การร่วม ด าเนิ น การกั บ ภาคเอกชน (Turn Key) โดยวิ ธี ว างหลั ก ประกั น (Bid Bond) หน่ ว ยในการด าเนิ น การ ก่อสร้าง รวม 1,144 หน่วย แบ่งออกเป็น โครงการในระยะที่ 1 จานวน 492 หน่วย และโครงการในระยะ ที่ 2 จานวน 652 หน่วย ซึ่งประเด็นที่พบจากขั้นตอนการดาเนินโครงการแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ได้แก่ 1. ช่วงก่อนการก่อสร้างโครงการ แนวทางการดาเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) อยู่ภายใต้แผนงาน โครงการเอื้ออาทรระยะที่ 5 เป็นโครงการที่มีการดาเนินการในรูปแบบการร่วมดาเนินการกับภาคเอกชน (Turn Key) โดยวิธีวางหลักประกัน (Bid Bond) โดยการเคหะแห่งชาติ รับซื้อโครงการจากผู้ประกอบการ ภาคเอกชน ห้างหุ้นส่วนจากัด เอ็น.เค.เค ก่อสร้าง ที่เสนอขายอาคารที่พักอาศัย บ้านแฝด 2 ชั้น ขนาด 21 ตารางวา ในราคาหน่ ว ยละ 420,000 บาท จ านวน 1,144 หน่ ว ย รวมมู ล ค่ า โครงการทั้ ง สิ้ น 480,640,000.00 บาท แบ่งเป็น 2 ระยะในการดาเนินการก่อสร้าง คือ ระยะที่ 1 จานวน 492 หน่วย มู ล ค่ า โครงการ 206,640,000.00 บาท และ ระยะที่ 2 จ านวน 602 หน่ ว ย มู ล ค่ า โครงการ 273,840,000.00 บาท (*มูลค่า โครงการ = ราคาที่ดิน + ราคาค่าก่อสร้าง) ซึ่งการดาเนินโครงการรูปแบบดังกล่าว มีเงื่อนไขการดาเนินการสอดคล้องกับขั้นตอนการดาเนิน โครงการหลักๆ คือ เอกสารเสนอโครงการแบบโควต้า ผู้ประกอบการที่ยื่นขอเข้าร่วมดาเนินการ จะต้อง วางหลักประกันการเสนอโครงการ 5% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งเงื่อนไขนี้ใช้เป็นข้อพิจารณาของการเคหะ แห่งชาติ ในการคัดเลือกผู้ประกอบการภาคเอกชน เข้ามาดาเนินการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรใน พื้นที่ต่างๆ รวมถึงโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) ซึ่งการพิจารณาเงื่อนไขของการ เคหะแห่ งชาติ ใ นลั กษณะดั งกล่ าว เป็ น การพิ จารณาคัด กรองผู้ป ระกอบการเงื่ อ นไขแรก ภายใต้การ ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการคัดเลือกที่เน้นการคัดหาผู้ประกอบการเพื่อรองรับ จานวนหน่วยการก่อสร้างใน ระยะที่ 5 ที่ต้องดาเนินการก่อสร้างโครงการที่เหลือเป็น จานวนมาก สอดคล้องกับจานวนหน่วยก่อสร้าง จากนโยบายที่กาหนด ซึ่งอาจไม่ใช้เงื่อนไขเดียวในการพิจารณาคัดกรองผู้ป ระกอบการภาคเอกชนที่มี ประสิทธิภาพในเข้าร่วมดาเนินโครงการเท่าที่ควร อาจต้องพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมา หรือชื่อเสียงที่ เป็นยอมรับ ควบคู่กับการพิจารณาผู้ประกอบการเบื้องต้น หลังจากพิจารณารายโครงการ หรือทาสัญญาร่วมดาเนินโครงการระหว่างภาคเอกชน การเคหะ แห่ ง ชาติ จ ะจ่ า ยเงิ น ล่ ว งหน้ า ร้ อ ยละ 15 ของมู ล ค่ า โครงการที่ ก ารเคหะแห่ ง ชาติ รั บ ซื้ อ ในกรณี ที่ ผู้ประกอบการมีแผนการก่อสร้างโครงการ และผู้ประกอบการต้องจัดทา Pre-sale ที่ต้องมียอดจองเป็น 2 เท่าของหน่วยดาเนินการก่อสร้าง ขั้ น ตอนการโอนที่ ดิ น การเคหะแห่ ง ชาติ จ ะมี ก ารจ่ า ยค่ า ที่ ดิ น เต็ ม จ านวน (100%) ให้ กั บ ผู้ประกอบการทันทีที่โอนกรรมสิทธิ์ให้การเคหะแห่งชาติ ซึ่งโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) มีการโอนกรรมสิทธิ์ในวันที่ 25 สิงหาคม 2551 จานวน 106 ไร่ 0 งาน 70 ตารางวา ในราคา ไร่ละ 600,000 บาท มูลค่าที่ดินรวม 63,705,000 บาท แบ่งเป็น ระยะที่ 1 จานวนที่ดิน 52 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา มูลค่าที่ดิน 31,512,000.000 บาท และระยะที่ 2 จานวนที่ดิน 53 ไร่ 2 งาน 62 ตารางวา มูลค่า ที่ดิน 32,193,000.000 บาท มูลค่าการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) ประกอบด้วย ระยะที่ 1 มูลค่าการก่อสร้าง 175,128,000.00 บาท และ ระยะที่ 2 มูลค่าการก่อสร้าง 246,647,000.00 บาท รวม มูลค่าการก่อสร้างโครงการ 416,775,000.00 บาท

20

วัลภา เชยรส


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ

2. ช่วงระหว่างการก่อสร้างโครงการ ผู้ประกอบการภาคเอกชนเดิมคือ ห้างหุ้นส่วนจากัด เอ็น.เค.เค ก่อสร้าง เริ่มดาเนินการก่อสร้าง โครงการ 26 สิ งหาคม 2551 ถึ ง 4 มี น าคม 2555 รวมระยะเวลาการก่อ สร้า งโครงการ 1,266 วั น มี ความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้าง ร้อยละ 74.37 ของการดาเนินโครงการในระยะที่ 1 และมีการก่อสร้าง ในระยะที่ 2 บางส่วนควบคู่กัน และต่อมามีก ารทบทวนการปรับลดหน่วยดาเนินการโครงการบ้านเอื้อ อาทร เหลือ 281,556 หน่วย ตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2552 โดยโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) เป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกปรับหน่วยระหว่างการดาเนินการก่อสร้างโครงการที่อยู่ในสัญญา จากเดิมที่มีหน่วยก่อสร้าง ในระยะที่ 1 จานวน 492 หน่วย และระยะที่ 2 จานวน 602 หน่วย ถูกปรับลด หน่วยเหลือ เพียงให้ก่อสร้างในระยะที่ 1 จานวน 492 หน่วยเท่านั้น แต่ตามข้อมูลรายงานสถานะการ ดาเนินการก่อสร้างโครงการในปี 2553-2554 ยังคงมีการดาเนินการก่อสร้างโครงการในระยะที่ 2 บางส่วน ต่อ โดยมีความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้าง ร้อยละ 33.67 จึงทาให้เกิดเป็น Sunk Cost กับการเคหะ แห่งชาติ ที่ยังไม่มีนโยบายในการดาเนินโครงการต่อในปัจจุบัน ซึ่ง ทาให้เกิดพื้นที่รกร้างภายในโครงการ และทัศนียภาพที่ไม่สวยงามและความปลอดภัยต่อผู้อาศัยในโครงการ ประเด็นที่พบจากการดาเนินการก่ อสร้า งคือ การปรับขยายเวลาของผู้ประกอบการในการ ดาเนินการก่อสร้างโครงการนานถึง 1,266 วัน ซึ่งระยะเวลาที่กาหนดในสัญญามีการดาเนินการก่อสร้าง โครงการ 14 เดือน หรือ 420 วัน ซึ่งการขยายเวลาของผู้ประกอบการ มีระยะการดาเนินการสูงเป็น 3 เท่า ของระยะเวลาที่กาหนดไว้ในสัญญา และยังไม่สามารถดาเนินการให้แล้วเสร็จได้ และโดยส่วนใหญ่ในการ ขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างหรือการต่อสัญญาหลังสิ้นสุดระยะเวลาตามสัญญา โดยเฉลี่ยจะต่อสัญญา ประมาณ 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ ทาให้การเคหะแห่งชาติทาการระงับการก่อสร้างโครงการ และยกเลิกสัญญา ในวันที่ 1 เมษายน 2556 เนื่องจากมีการขยายเวลาการดาเนินโครงการที่นานเกินไป และในปี 2558 การเคหะแห่งชาติทาการจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่ ห้างหุ้นส่วนจากัด ซี.เค. คอน สตรั ก ชั่ น (2007) เพื่ อ ด าเนิ น การก่ อ สร้ า งโครงการต่ อ ในระยะที่ 1 (ส่ ว นที่ เ หลื อ ) ให้ แ ล้ ว เสร็ จ โดยมี ระยะเวลาในการดาเนินการก่อสร้างตามสัญญาในวันที่ 21 มีนาคม 2558 ถึง 15 เมษายน 2559 รวม ระยะเวลาในการก่อสร้าง 390 วัน มูลค่าโครงการ 93,545,629.80 บาท และมีการขอขยายเวลาหลัง สิ้นสุดระยะเวลาในสัญญาประมาณ 5 เดือน จึงดาเนินการแล้วเสร็จ โดยระหว่างการก่อสร้าง การเคหะ แห่งชาติจะควบคุมและกากับดูแลการก่อสร้างโครงการ จัดทารายงานความคืบหน้า ตรวจรับงาน และเบิก จ่ายเงินจนสิ้นสุดการดาเนินการก่อสร้าง และผู้ประกอบการส่งมอบโครงการให้กับการเคหะแห่งชาติ รวมทั้งผู้ประกอบการจะต้องประกันผลงานหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 ปี 3. ช่วงหลังการก่อสร้างโครงการ การเคหะแห่งชาติ ทาการคัดเลือกผู้อยู่อาศัยหรือลูก ค้าเข้าโครงการ จากการจอง Pre-sale ในช่วงก่อนการก่อสร้างโครงการ มาทาสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและชาระค่ามัดจา จานวน 6,000 บาท หรือ ชาระเงินมัดจาในรูปแบบผ่อนดาวน์ เพื่อแสดงความประสงค์ที่จะซื้อบ้าน โดยโครงการมีการเรียกเก็บ ค่ามัดจาหน่วยโครงการช่วงปี 2553 ซึ่งโครงการมีการดาเนินการก่อสร้างก้าวหน้าถึง 53.59% หลังจาก ชาระค่ามัดจาทั้งหมดในวันทาสัญญา จานวน 6,000 บาท การเคหะแห่งชาติจะประสานงานดาเนินการ จัดส่งเอกสารเพื่อยื่นขอสินเชื่อรายย่อยต่อไป เนื่องจากโครงการมีการขยายเวลาการดาเนินการก่อสร้าง และเปลี่ยนผู้ประกอบการใหม่ ทาให้ โครงการมีการดาเนินการไม่แล้วเสร็จ เกิดความล่าช้า มี การส่งมอบบ้านให้ผู้ซื้อวันที่ 12 มิถุนายน 2559 และมีการปรับราคาจากเงื่อนไขเดิม ราคาซื้ออยู่ที่ 370,000 บาทต่อหน่วย ถูกปรับสูงถึง 650,000 บาทต่อ หน่วย ราคา ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2558 จากการศึกษาและวิเคราะห์ภาพรวมโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสาหรับผู้ มีรายได้น้อยนั้น พบว่า กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ประกอบไปด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่ รัฐบาล กับการกาหนดนโยบายโครงการบ้านเอื้ออาทร การเคหะแห่งชาติ ในฐานะเจ้าของโครงการ ผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ร่วมดาเนินการ และผู้อยู่อาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยผู้ศึกษาจะทาการ วัลภา เชยรส

21


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ

ค้นหาคาตอบ ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพของโครงการบ้านเอื้ออาทร จากแนวทางและขั้นตอนการดาเนิน โครงการของบุคคล 3 กลุ่ม คือ การเคหะแห่งชาติ และผู้ประกอบการภาคเอกชน ในการจัด ทาโครงการ บ้านเอื้ออาทร และประเมินหรือวัดคุณภาพการก่อสร้า งโครงการบ้านเอื้ออาทร จากกรณีศึกษาโครงการ บ้านเอื้ออาทรในเขตพื้นที่ตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) ผ่านกลุ่มผู้อยู่อาศัย ว่ามีความสอดคล้อง ต่อนโยบายของรัฐบาล และเป้าหมายของโครงการที่วางไว้หรือไม่ ผลการศึกษา “โครงการบ้านเอื้ออาทร” เกิดขึ้นตามแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย และ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในยุคนั้น (นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร) โดยตั้งเป้าหมายให้ ผลิตที่อยู่อาศัย จานวน 601,727 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี (ปี พ.ศ. 2546-2550) ซึ่งมีปริมาณมาก ที่สุดเท่าที่การเคหะแห่งชาติเคยดาเนินการมา มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัย ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย โดยการจัดสร้างที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน ชุมชนมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อม ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่จาเป็น ในระดับราคาที่ผู้อยู่อาศัยสามารถรับภาระเช่าซื้อที่เป็น ของตนเองได้ สนับสนุนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน นาไปสู่ความเป็นชุมชนน่าอยู่ ส่งเสริมให้เกิด กิ จ กรรมทางเศรษฐกิ จ เป็ น การสร้ า งโอกาสให้ กั บ ผู้อ ยู่ อ าศั ย ให้ ชุม ชนมี ร ายได้ เ พิ่ ม ขึ้ น โดยการให้มี องค์ประกอบของชุมชน รองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จากการศึกษาคานิยาม แนวคิด และทฤษฎี ของคุณภาพงานก่อสร้าง และความสาเร็จของ โครงการนั้น พบว่าจะมีความหมายที่แตกต่างกันตามสถานภาพ และมุมมองของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ เกี่ยวข้องในโครงการบ้านเอื้ออาทร สามารถแบ่งได้เป็น 4 มิติมุมมอง ได้แก่ มิติที่ 1 รัฐบาล กับการ กาหนดนโยบายและเป้าหมายโครงการ มิติที่ 2 การเคหะแห่งชาติ ในฐานะเจ้าของโครงการกับ การ ดาเนินการและบริหารโครงการให้เป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์ มิติที่ 3 ผู้ประกอบการภาคเอกชน กับการจัดหาที่ดิน ดาเนินการก่อสร้าง ควบคุมงานให้เป็นไปตามรูปแบบรายการ หรือมาตรฐานที่กาหนด และส่งมอบงานคุณภาพให้กับผู้ว่าจ้างตามสัญญา และมิติที่ 4 ผู้อยู่อาศัย กับความพึงพอใจในคุณภาพที่อยู่ อาศัยหรือโครงการก่อสร้างที่ตนได้รับมอบ ผลจากการทบทวนเอกสาร และศึกษาผลงานวิจัยที่เกี่ยวกับคุณภาพการก่อสร้าง พบว่า ปัจจัยที่ ส่ งผลกระทบต่อ คุ ณภาพการก่ อ สร้ า ง ได้ แ ก่ ปั จ จั ย ด้ า นบุ ค คล ปั จ จั ย ด้ า นการเงิ น ปั จ จั ย ด้ า นวิ ธี การ ปฏิบัติงาน ปัจจัยด้านเอกสาร ปัจจัยด้านวัสดุ ปัจจัยด้านสถานที่ ปัจจัยด้านเวลา และปัจจัยด้านการ สื่อสาร โดยปัจจัยด้านบุคคลเป็นปัจจัยที่มีลาดับความสาคัญต่อคุณภาพการก่อสร้างเป็นลาดับแรก ผลที่ได้จากการสัมภาษณ์กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) ได้แก่ บุคลากรของการเคหะแห่งชาติ ผู้ประกอบการภาคเอกชน และผู้อยู่อาศัย ตามแนวทาง และขั้นตอนการดาเนินโครงการของการเคหะแห่งชาติ โดยแบ่งเป็นช่วงก่ อนการก่อสร้าง ระหว่างการ ก่อสร้าง และหลังการก่อสร้าง พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างในช่วงก่อน การก่อสร้าง คือ ปัจจัยด้านวิธีการปฏิบัติงาน สืบเนื่องจากการคัดเลือกผู้ประกอบการภาคเอกชน ตาม หลักเกณฑ์ของการเคหะแห่งชาติ ที่ในช่วงแรกเลือกใช้การจัดจ้างและบริหารโครงการในรูปแบบการร่วม ดาเนินการกับภาคเอกชน (Turn Key) โดยวิธีวางหลักประกัน (Bid Bond) ซึ่งมีปัญหาและต้องบอกเลิก สัญญากัน และต่อมาต้องจัดการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction) เพื่อให้ได้ผู้รับ จ้าง ทาการก่อสร้างส่วนที่เหลือ ให้แล้วเสร็จ (ช่วงที่ 2) ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพและโครงการก่อสร้าง โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผู้ประกอบการ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างในช่วง ระหว่างการก่อสร้าง คือ 1) ปัจจัยด้านสถานที่ตั้งโครงการ ซึ่งเป็นที่ราบเชิงเขา มีหินขนาดใหญ่เป็น จานวนมากซ่อนอยู่ใต้ดิน การแก้ปัญหาต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่าย ส่งผลให้โครงการล่าช้ามาก และต้อง ปรับขยายเวลาการก่อสร้างให้กับผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย 2) ปัจจัยด้านการเงินของผู้ประกอบการราย แรกที่มีปัญหาทางการเงิน ขาดสภาพคล่อง และไม่สามารถบริหารและจัดหาวัสดุในการก่อสร้างได้ และ 3) ปัจจัยด้านวิธีการปฏิบัติงาน ที่ผู้ประกอบการใช้แรงงานไร้ฝีมือและเลือกใช้ระบบการก่อสร้างแบบทั่วไป (Conventional Construction System) ทาให้เสียเวลาในการก่อสร้าง ควบคุมงาน และตรวจรับผลงาน 22

วัลภา เชยรส


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ

ซึ่งมีผลต่อคุณภาพ และความล่าช้าของโครงการ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการ ก่อสร้างในช่วงหลังการก่อสร้าง คือ ปัจจัยด้านวิธีการปฏิบัติงาน เพื่อแก้ไขซ่อมแซมความเสียหายที่ เกิดขึ้น หรือตรวจพบในช่วงของการส่งมอบและภายหลังการเข้าอยู่อาศัย เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยภายในโครงการ ยอมรับและเกิดความพึงพอใจในการบริการ ผลที่ได้จากการเข้าสารวจโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน) และวิเคราะห์ คุณภาพการก่อสร้างหน่วยอาศัย (บ้านแฝด 2 ชั้น) จากลักษณะความเสียหายส่วนใหญ่ที่พบในโครงการ ทั้งการสารวจในช่วงระหว่างการก่อสร้าง และหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ คุณภาพการก่อสร้าง ได้แก่ ปัจจัยด้านวิธีการปฏิบัติงาน ที่สืบเนื่องจากการใช้วัสดุ และการติดตั้งของ ผู้ประกอบการรายเดิมที่ไม่ได้มาตรฐาน และความเสียหายจากงานก่อสร้างที่หยุดชะงักทิ้งช่วงไว้นาน ผู้ประกอบการรายใหม่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพการก่อสร้างได้ตั้งแต่แรก และไม่สามารถตรวจสอบการ ก่อสร้างตามหมวดงานต่างๆ ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยเฉพาะในหมวดงานระบบไฟฟ้า และประปา และ สุขาภิบาล ซึ่งขาดการดูแลและบารุงรักษา อนึ่ง ผลจากการสัมภาษณ์ผู้อยู่อาศัย ในการตัดสินใจซื้อหน่วยอาศัย พบว่า ผู้อยู่อาศัยตัดสินใจ ซื้อเพราะสถานที่ตั้งโครงการมีศักยภาพดี เหมาะสมกับการอยู่อาศัย เป็นลาดับแรก มีความคุ้มค่าด้านราคา ของหน่วยอยู่อาศัย รวมทั้งมีความเชื่อมั่นต่อเอกสารและหลักฐานที่ได้รับจากทางราชการ และการเคหะ แห่งชาติอย่างครบถ้วน ในด้านความสะดวกสบายที่ได้รับจากการอยู่อาศัยภายในโครงการฯ ผู้อยู่อาศัยมี ความกังวลด้านความปลอดภัย เนื่องจากรั้วรอบโครงการ และรั้วหน่วยอาศัยมีความสูงไม่เพียงพอ และมี พื้นที่ร้างในโครงการที่ยังดาเนินการก่อสร้างไม่เสร็จ ในด้านระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ พบว่า ระบบไฟฟ้าแสงสว่างในโครงการไม่เพียงพอ การสัญจรภายในโครงการในเวลากลางคืนไม่สะดวก รวมทั้ง พื้นที่สวนสาธารณะภายในโครงการไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่ได้รับการดูแล รักษาให้เรียบร้อยเท่าที่ควร จึงประเมินผลได้ว่า เป็นโครงการที่ผู้ อยู่อาศัยต้องการเนื่องจากทาเลที่ตั้งอยู่ ใกล้ตัวเมือง มีการคมนาคมสะดวก และมีรถบริการสาธารณะผ่านโครงการ มีสภาพแวดล้อมที่ดี และมี ความคุ้มค่า ด้านราคาขาย เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการใกล้เคียงของภาคเอกชน ถึงแม้ว่าโครงการนี้การ เคหะแห่งชาติได้ ปรับราคาขายสูงขึ้นในช่วงหลัง และพบปัญหาด้านคุณภาพ หรือข้อร้องเรียนหลังการ ก่อสร้างจากผู้อยู่อาศัยบ้างก็ตาม และหากการก่อสร้างโครงการในระยะที่ 2 เสร็จสมบูรณ์ ผู้อยู่อาศัยจะ สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่สาธารณะของโครงการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อภิปรายผลการศึกษา โดยสรุป โครงการบ้านเอื้ออาทรฯ บรรลุผลสาเร็จในเชิงนโยบายได้ในระดับหนึ่ง เพราะเป็น นโยบายจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ช่วยให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ปลอดภัย และมี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเมืองของรัฐบาล แต่ในทางปฏิบัติไม่บรรลุ วัตถุประสงค์ตามจานวนเป้าหมาย และกรอบระยะเวลาที่กาหนดไว้ในช่วงเริ่มโครงการ เนื่องจากมีปริมาณ การผลิตที่สูงมากเกินกว่าศักยภาพของหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ ประกอบกับใช้รูปแบบการร่วม ด าเนิ น การกับ ภาคเอกชน (Turn Key) โดยวิ ธี ว างหลัก ประกัน (Bid Bond) (การเคหะแห่ งชาติรับซื้อ โครงการจากผู้ประกอบการแบบเบ็ดเสร็จ โดยผู้ประกอบการดาเนินการจัดหาที่ดิน แหล่งเงินทุน ทาการ ก่อสร้าง และบริหารโครงการให้ครอบคลุมวงเงินที่รับซื้อหน่วยอาศัยจากผู้ประกอบการไม่เกิน 420,000 บาทต่ อ หน่ ว ย ในเงื่ อ นไขระยะเวลาการก่ อ สร้ า งที่ จ ากั ด เฉลี่ ย ประมาณ 14-18 เดื อ น) โดยมี เ งื่ อ นไข รายละเอียด หลักเกณฑ์ และขั้นตอนในการคัดเลือกผู้ประกอบการตามที่การเคหะแห่งชาติกาหนดไว้ แต่ ในทางปฏิบัติ โครงการไม่บรรลุผล ต้องเปลี่ยนผู้ประกอบการฯ รูปแบบการจัดจ้างและการบริหารโครงการ นับเป็นปัจจัยสาคัญที่ส่งผลกระทบต่อความล่าช้าของโครงการและคุณภาพการก่อสร้าง โดยเฉพาะในช่วง ที่การก่อสร้างหยุดชะงักเป็นเวลานาน และช่วงเปลี่ยนผ่านให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้า ดาเนินการต่อใน ส่วนที่เหลือ ซึ่งจาเป็นต้องมีการตรวจสอบแก้ไข และควบคุมงานก่อสร้างของผู้ประกอบการรายเดิมที่ทิ้ง ค้างไว้ให้ได้มาตรฐานหรือมีคุณภาพครบถ้วน ก่อนที่จะดาเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป วัลภา เชยรส

23


ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย : กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเขตพื้นที่ตะวันตก การเคหะแห่งชาติ

ข้อจากัดในการศึกษา การศึกษาเป็นเพียงการค้นคว้าอิสระและสารนิพนธ์ที่มีข้อจากัดด้านเวลา และวิธีการศึกษาที่ เลือกใช้ โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลและการสัมภาษณ์บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ทา ได้ค่อนข้างจากัด เนื่องจากเป็นข้อมูลทางราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีความกับผู้ประกอบการภาคเอกชน และข้ อ มู ล กลุ่ ม ผู้อ ยู่ อ าศั ย ที่ ใ ช้ ก ารสุ่ม ตัว อย่ า งในการสั มภาษณ์ มี จานวนจ ากั ด ผลสรุ ป ที่ ไ ด้จึ งอาจไม่ ครอบคลุมหรือเป็นตัวแทนประชากรได้ทั้งหมด รายการอ้างอิง การเคหะแห่งชาติ. "เอกสารภายใน : โครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน)." 2549. การเคหะแห่งชาติ. "เอกสารภายใน : แผนงบประมาณ และแผนดาเนินการก่อสร้างโครงการบ้านเอือ้ อาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่งเสี้ยน)." 2549. การเคหะแห่งชาติ. "เอกสารภายใน : แผนงานการก่อสร้างโครงการบ้านเอือ้ อาทร จังหวัดกาญจนบุรี (แก่ง เสี้ยน) ส่วนทีเ่ หลือ." 2558. เสนาะ สุ ข เจริ ญ . (2560). “ฉากหลั ง คดี บ้ า นเอื้ อ อาทร ผลประโยชน์ ทั บ ซ้ อ น-หั ว คิ ด หลั ง ละหมื่ น .” Retrieved 15 มิ ถุ น า ย น 2560, from https://www.isranews.org/isranews-article/57153home00.html.

24

วัลภา เชยรส


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.