ทดลองอ่าน - ม่านมรณา

Page 1


ม่านมรณา

ปองวุฒิ : เขียน ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๗๗๓๕-๗๒-๖ พิมพ์ครั้งที่ ๑ : ส�ำนักพิมพ์กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ตุลำคม พ.ศ.๒๕๕๙ สงวนลิขสิทธิ์ตำมพระรำชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๕๘ หมวดนวนิยำย ล�ำดับที่ ๗๒

จัดท�าโดย  ส�านักพิมพ์  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง ในเครือบริษัท  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง  จ�ากัด เลขที ่ ๒๙/๑๐๖ วิสต้ำ อเวนิว วัชรพล แขวงคลองถนน เขตสำยไหม กรุงเทพฯ ๑๐๒๒๐ โทรศัพท์ : ๐๘๕-๖๖๕-๕๔๒๒ โทรสำร : ๐-๒๑๕๓-๐๕๐๐ อีเมล : groove_publishing@hotmail.com เว็บไซต์ : www.groovebooks.com, http://www.facebook.com/groovepublishing บรรณาธิการที่ปรึกษา : นำยแพทย์พงศกร จินดำวัฒนะ บรรณาธิการส�านักพิมพ์  : อรรถรัตน์ จันทรวรินทร์ ประสานงานการผลิต : สุลวัณ จันทรวรินทร์ พิสูจน์อักษร : กฤษดำ ศิริกิจพำณิชย์กูล และ เนตรนภำ ณ ถลำง ออกแบบปก : กัญจน์สุภักค์ ยุกตำนนท์ ประสานงานการออกแบบปก : จำรุนันทน์ ศรีรัตนตรัย รูปเล่ม : พฤจิกำ ประสานงานการผลิตรูปเล่ม : Aim Graphic House โทรศัพท์ ๐๘๑-๖๒๖-๙๑๒๓ โทรสำร ๐-๒๘๘๓-๖๑๒๑

พิมพ์ที่ : บริษัท เอ.พี.  กราฟิคดีไซน์และการพิมพ์ ๑/๘ หมู่ที่ ๔ ต.บำงขนุน อ.บำงกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๙๗-๖๘๔๐-๓ โทรสำร ๐-๒๔๙๗-๖๘๔๔ จัดจ�ำหน่ำยโดย : บริษัท  อมรินทร์  บุ๊ค  เซ็นเตอร์  จ�ากัด ๑๐๘ หมูท่ ี่ ๒ ถ.บำงกรวย-จงถนอม ต.มหำสวัสดิ ์ อ.บำงกรวย จ.นนทบุร ี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๓-๙๙๙๙ โทรสำร ๐-๒๔๔๙-๙๒๒๒, ๐-๒๔๔๙-๙๕๐๐-๖ Homepage: http://www.naiin.com ราคา  ๓๗๐  บาท


ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ม่านมรณา  เป็นผลงานเรือ่ งทีส่ องทีป่ องวุฒแิ ละส�ำนักพิมพ์  กรูฟ๊ พับลิชชิ่ง  ท�ำงานร่วมกัน ม่านมรณาจะพาท่านผู้อ่านไปพบกับความลึกลับและความลวง ทีค่ ณ ุ อาจนึกไม่ถงึ   สิง่ ทีเ่ ห็นอาจไม่จริง  สิง่ ทีเ่ ป็นจริงอาจไม่ใช่สงิ่ ทีเ่ ห็น  หาก เราเผลอไผลไปกับภาพมายา  สุดท้ายชีวติ ก็อาจจะพบกับอันตรายร้ายแรง สิ่งเดียวที่จะเป็นที่ยึดเหนี่ยวได้ก็คือศีลธรรมและความมีสติ หากท่านได้เคยติดตามผลงานในเรื่องที่ผ่านๆ มาของปองวุฒิ เมื่ อ อ่ า นม่ า นมรณาจบลง  ท่ า นคงจะเห็ น พั ฒ นาการอี ก ขั้ น หนึ่ ง ของ นักเขียนหนุ่มไฟแรงคนนี้  เรื่องราวของปองวุฒิชวนให้เราพลิกอ่านหน้า ต่อไปและหน้าต่อๆ ไปอย่างลุ่มหลง  สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอกในเรื่อง  ที่จริง แล้วอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้แม้แต่ตัวเราเอง  และนั่นยิ่งเพิ่มความตื่นเต้น ในการอ่านให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ส�ำนักพิมพ์  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง  หวังว่าท่านจะสนุกไปกับการค้นหา ความลับที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังเลนส์กล้องถ่ายภาพ  อันเป็นที่มาของ การสืบค้นไปในอดีตอันมืดด�ำเพียงเพื่อจะพบว่าไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่า กิเลสและความทะยานอยากของมนุษย์อีกแล้ว ด้วยจิตคารวะ นายแพทย์พงศกร  จินดาวัฒนะ บรรณาธิการที่ปรึกษา ส�ำนักพิมพ์  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง ในเครือบริษัท  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง  จ�ำกัด



ค�ำน�ำนักเขียน สวัสดีทกุ ท่านทีก่ ำ� ลังหยิบนิยายเล่มนีข้ นึ้ มาอ่านครับ ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ส�ำหรับทักทายนักอ่านชาวกรู๊ฟไม่ว่าจะเป็นขา ประจ�ำหรือขาจร  เชื่อว่าอย่างหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือใจรักการอ่าน และความสนใจในนิยายระทึกขวัญ  หลังจากเราท�ำความรู้จักกันมาแล้ว กับวิฬาร์สเี ลือด  หนนีน้ กั เขียนอย่างปองวุฒกิ ลับมาอีกครัง้ กับม่านมรณา ซึ่งเป็นนิยายรักที่มีส่วนผสมของความลึกลับ  เต็มไปด้วยการหักมุมและ เนื้อเรื่องซับซ้อนเช่นเดิม  นักเขียนแบบผมก็ได้แต่หวังว่าทุกคนจะสนุก เพลิดเพลินใจกับหนังสือเล่มนีค้ รับ ในยุคทีเ่ ทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า  คนจ�ำนวนมากสามารถเป็นช่าง กล้องถ่ายรูปสวยงามมาเผยแพร่ให้ผคู้ นได้เห็นกันอีกต่ออย่างน่าตืน่ ตาตืน่ ใจ  กลุ่มตัวเอกของเรื่องก็เช่นกัน  พวกเขาต้องเผชิญกับเรื่องลึกลับเหนือ ธรรมชาติ  วิญญาณทีม่ คี วามแค้นฝังลึกติดมากับเลนส์มอื สองปริศนา  ซึง่ น�ำพาพวกเขาไปสูห่ มูบ่ า้ นบนเขาอันห่างไกลทีต่ ดั ขาดจากโลกภายนอก นอกเหนือจากเรื่องราวหลักที่ทุกท่านจะได้ออกผจญภัยไปพร้อม กันแล้ว  เชือ่ ว่าถ้าได้อา่ นจนจบน่าจะเก็บสัญญะ  ความหมายบางอย่างที ่ ซ่อนอยูใ่ นแก่นเรือ่ งทัง้ หมดไปขบคิดกันได้อกี ต่อครับ ห้วงเวลาที่ผู้คนใส่ใจกับการน�ำเสนอเพียงภาพอันสวยงาม  มอง เพียงเปลือกนอกผิวเผินแล้วรีบตัดสินว่าสิง่ ใดดีงามหรือเลวร้าย  หลายครัง้ เราอาจหลงลืมพิจารณาหลายสิง่ ให้ลกึ ซึง้   จนไม่อาจเข้าถึงความเป็นจริง ทีซ่ อ่ นเร้นอยูแ่ ละถูกหลอกลวงให้เชือ่ ตามภาพลวงตา  ด้วยหลายครัง้ หนึง่ ภาพอาจสามารถถ่ายทอดแง่มมุ ได้เพียงเสีย้ วเดียว  ให้ดแี ล้วเราควรเปิดใจ เปิดตาให้กว้างเพือ่ มองเห็นทัง้ หมด  จึงจะเกิดความเข้าใจ เราไปไขปริศนาด้วยกันนะครับ  และหวังว่าจะพบกันอีกกับผลงาน เล่มถัดไป ด้วยรักและนับถือ ปองวุฒิ



กลิน่ กาแฟกรุน่ ก�าจายต้องจมูกหญิงสาวร่างสูงเปรียว รวบ ผมหำงม้ำรัดตึง ปล่อยปลำยผมด�ำสนิทไหวตำมแรงขยับอย่ำงน่ำมอง เธอเชิดหน้ำน้อยๆ สูดดมกลิ่นหอม เวลำเดียวกับสำยตำมองเห็นผู้ที่ นัดมำพบพอดิบพอดี เธอยิ้มกว้ำง สืบเท้ำตรงไปยังคนที่นั่งจับจองโต๊ะริมกระจกอยู่ ก่อนแล้ว “รอน�้ำนำนไหมคะ พี่ปอนด์” คนถูกทักเงยหน้ำขึ้นมองพลำงส่งยิ้มให้ เขำเป็นชำยร่ำงสูง ผิวค่อนข้ำงคล�้ำแดด ผมยำวพอจะมัดรวบปลำยได้เล็กน้อย เครื่อง หน้ำชำยหนุ่มคมเข้มชัดเจนสมชำยชำตรี ทว่ำดวงตำมีแววอ่อนโยน ทั้งค�ำพูดค�ำจำก็สุภำพนุ่มนวลเป็นนิจ ท�ำให้น่ำมองและน่ำฟังไป พร้อมกัน “ไม่นำนหรอก พี่ก็เพิ่งมำ น�้ำนั่งก่อนสิ” เขำผำยมือไปยังเก้ำอี้ ฝั่งตรงข้ำม หญิงสำวที่ถูกเรียกว่ำ ‘น�้ำ’ ยิ้มรับ แล้วลงนั่งไขว่ห้ำง วำง ม่ำนมรณำ 7


กระเป๋าใบเขื่องของตนไว้บนโต๊ะ  โบกมือสะบัดแถวคอเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้าย แขนกุดสีครีม  แล้วบ่นว่า “อากาศข้างนอกร้อนจังเลยนะคะ  ออกแดดหน่อยเดียวหน้ามืด พานจะเป็นลมเอาได้ง่ายๆ” “บ่นอย่างนี ้ จะออกทริปไหวหรือเปล่าเนีย่ ”  ชายหนุม่ หยอกเย้า “แหม  ไหวสิคะ  น�ำ้ ก็บน่ ไปอย่างนัน้ แหละ  ไม่รทู้ ำ� ไมนะคะ  อยู ่ กรุงเทพเจออากาศร้อนทีไรรู้สึกเหมือนจะขาดใจ  แต่พอออกต่าง จังหวัด  ร้อนพอๆ กัน  บางครั้งก็ร้อนกว่าเสียอีก  แต่กลับทนได้ทนดี” “สปิริตของช่างกล้องหรือไงครับ” “พี่ปอนด์อย่าแซวน�้ำสิคะ  อย่างน�้ำน่ะเรียกว่ามือสมัครเล่น เท่านั้นเอง  ไม่เหมือนพี่ปอนด์หรือพี่ภัทรหรอก  มือชั้นเซียนกันทั้งคู่” “อย่าเปรียบพี่กับพี่ภัทรเลย  เดี๋ยวเจ้าตัวเขาจะเสียใจเปล่าๆ หาว่าถ่ายรูปมาเป็นสิบๆ ปี  ถูกมือใหม่วัดรอยเท้าเสียแล้ว” “น�้ำว่าฝีมือพี่ปอนด์ไม่เป็นรองใครเลยนะคะ  นี่ถ้าเปิดคอร์ส สอน  รับรองคนแย่งกันสมัครเพียบ” เธอละเว้นไม่พูดว่า...โดยเฉพาะสาวๆ  เพราะรู้ดีว่าคงถูกปราม จนหน้าม่อยเป็นแน่  เพราะคนตรงหน้าไม่ชอบให้พูดเล่นในท�ำนองนั้น พิณธารลอบสังเกตใบหน้าของชายหนุ่ม  ปภพเป็นคนหล่อ เหลา  ไม่ว่าเจ้าตัวจะรู้หรือไม่ก็ตาม  มีสาวๆ แวะเวียนมาตีสนิทไม่ได้ ขาด  บางคนถึงขนาดลงทุนซื้อกล้องทั้งที่ไม่มีความรู้ด้านถ่ายภาพเลย สั ก กระผี ก   และมาอ้ อ นให้ เ ขาช่ วยเป็ น ครู ส อนส่ว นตัว ให้   ซึ่ง ก็ถูก ปฏิเสธไปทุกราย ข้อนี้...ท�ำให้พิณธารอุ่นใจอยู่ลึกๆ เสมอมา ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มต้นอย่างพี่น้องในแวดวงคนรัก กล้องเหมือนกัน  เจอกันในกลุ่มทางอินเทอร์เน็ตที่ตั้งไว้ส�ำหรับคนใช้ 8  ปองวุฒิ


กล้องยี่ห้อเดียวกัน  บังเอิญเธอและเขาใช้งานกล้องรุ่นใกล้เคียงกัน ประกอบกับเธอเป็นมือใหม่ช่างสงสัย  จึงคอยลงภาพและตั้งค�ำถาม เพื่อเก็บประสบการณ์อยู่เป็นประจ�ำ  ซึ่งก็ได้ปภพนี่แหละคอยชี้แนะ อยู่บ่อยครั้ง  นานเข้าก็เกิดเป็นความสนิทสนม  ในที่สุดก็นัดเจอตัวกัน เป็นเรื่องเป็นราว  ออกทริปถ่ายภาพด้วยกันบ้าง  เรียกว่าจากคนรู้จัก ในโลกออนไลน์กลายมาเป็นเพื่อนในชีวิตจริง และบางครั้งเธอก็รู้สึกว่าทั้งสองเป็นมากกว่าเพื่อน... หญิงสาวสังเกตว่าปภพไม่ค่อยให้ความสนิทกับผู้หญิงคนไหน มากนัก  ยกเว้นแต่เธอ  กับคุณป้ารุ่นใหญ่ผู้รักการถ่ายภาพเหมือนกัน ไม่กี่คนเท่านั้น ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะคุยอะไรกันต่อ  ก็มีคนเข้ามาแทรกกลาง เสียก่อน  ซ�้ำคนแทรกยังไม่มีทีท่าเกรงใจเสียด้วย  เพราะวางกระเป๋า กล้องของตัวเองแหมะลงบนโต๊ะโดยไม่บอกกล่าว  ท�ำเอาคนที่นั่งอยู่ ก่อนถึงกับสะดุ้งโหยง “มากันนานหรือยังคะ  เจนรีบมาแทบแย่  กลัวจะไม่ทัน” “เพิ่งมาถึงครับ  น้องเจนไม่ต้องรีบนักก็ได้  เรานัดกันบ่ายสอง นี่เพิ่งบ่ายโมงครึ่ง”  ปภพมองนาฬิกาข้อมือ “กินข้าวมาหรือยังคะ  เจนว่าเราไปหาอะไรกินฆ่าเวลารอดีกว่า” เจนจิตชวน  พิณธารเกือบอ้าปากตอบไปแล้ว  หากคนถามพูดต่อเสีย ก่อนว่า  “ไปไหมคะพี่ปอนด์  ให้พี่น�้ำเฝ้าของให้ก็ได้” หญิงสาวเกือบอ้าปากค้าง  นึกในใจว่าดีที่เธอไม่ได้เผลอตอบ ออกไป  ค่าที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจชวนเธอแต่แรก  ค�ำชวนของเจนจิต มีให้กับปภพเพียงคนเดียวเช่นทุกครั้ง  เจอกันเป็นหมู่คณะทีไร  เจ้า หล่อนจะท�ำเหมือนมีแค่ตัวเองกับชายหนุ่มอยู่เรื่อย “พี่กินมาเรียบร้อยแล้วครับ”  ปภพตอบยิ้มๆ  “แต่ไม่ทราบว่า ม่านมรณา  9


น�้ำหาอะไรรองท้องมาหรือยัง  ถ้าน้องเจนหิวลองถามพี่น�้ำสิครับ” พิณธารลอบยิ้ม  เขาแอบขยิบตาให้เป็นเชิงรู้กัน  เพราะแน่ใจ ว่าเจนจิตไม่มีวันชวนเธอไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสองหรอก  และ ก็เป็นจริงดังคาด  เพราะฝ่ายนั้นท�ำหน้าม่อย  เอ่ยว่า “เจนไม่หิวแล้วละค่ะ  นั่งรอกันอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน  ลุงภัทรนี่ น่าเบื่อจัง  นัดแล้วไม่เป็นนัด  มาช้าอยู่เรื่อย”  เจนจิตบ่นกระปอด- กระแปด สองหนุ่มสาวไม่ใส่ใจกับค�ำบ่นอย่างไม่เกรงใจ  หากปภพอด ลอบท�ำสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนักไม่ได้  เขาไม่ชอบที่หญิงสาวอ่อนวัย เอ่ยถึงผูใ้ หญ่ในเชิงลบ  โดยเฉพาะเมือ่ คนถูกเอ่ยถึงยังไม่ได้ทำ� อะไรผิด และไม่อยู่แก้ข้อกล่าวหาของตัวเอง  ทว่าเขากับเจนจิตไม่ได้สนิทกัน มากพอจะชี้แนะ  จึงเลือกเงียบเสีย รอกันอยู่อีกครู่ใหญ่  คนที่ทุกคนรอก็ปรากฏตัว  ป้องภัทรอายุ มากกว่าทุกคนในกลุ่ม  เจ้าตัวย่างเข้าวัยสี่สิบปีแล้ว  แต่ยังบอกว่า ตัวเอง  ‘มีไฟ’  ไม่ต่างจากรุ่นน้อง  บุคลิกลักษณะกระฉับกระเฉง  แต่ง กายลุยๆ  ก็ท�ำให้มองแล้วสมกับที่นิยามตัวเองเอาไว้ “อ้าว  มากันไวจริง  กลายเป็นเรามาช้าไปเลย”  ป้องภัทรเอ่ย ทักก่อน “ก็ ใ ช่ น ่ ะ สิ   ลุ ง ภั ท รเลตจนเจนจะชวนย้ า ยร้ า นอยู ่ แ ล้ ว เนี่ ย ” เจนจิตหน้าง�้ำ  พูดฉอดๆ ด้วยเสียงแหลมวี้ด  “มาครบก็ไปกันได้หรือ ยังคะ  เจนหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว  กินแต่กาแฟก็ไม่อิ่มท้อง” ไม่รอค�ำตอบ  เจนจิตคว้ากระเป๋าแล้วเดินปึงออกไปหน้าร้าน ก่อนใคร  ทิ้งให้ป้องภัทรยิ้มเจื่อนๆ  มองรุ่นน้องอย่างลุแก่โทษ “ขอโทษจริงๆ ว่ะ  ยายเจนนิสัยเอาแต่ใจไม่มีใครเกิน  พ่อแม่ก ็ ปรามไม่อยู่  ส่งมาท�ำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นก็ยังแก้ไม่หาย  เลยพลอย 10  ปองวุฒิ


ท�ำให้ทุกคนล�ำบากไปด้วย” “ไม่เป็นไรหรอกครับ”  ปภพเอ่ยอย่างเห็นใจรุ่นพี่ “นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวเพื่อนสนิท  พี่ไม่ยอมให้ออกทริปด้วย หรอก  ดีนะงานนี้ไม่มีนางแบบไปด้วย  ไม่อย่างนั้นเกิดไปทะเลาะจน นางแบบหนีกลับเข้า  ยุ่งยากตาย!” ทั้งสามอาจคุยกันนานกว่านี้  ถ้าหากไม่มีเสียงแผดของเจนจิต ดังเร่งมาจากหน้าร้าน  จนต้องรีบย้ายคณะออกมา  หากไม่วายโดน สายตาต�ำหนิจากลูกค้าในร้านอยู่ดี หลังจากรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว  ทั้งหมดก็  ออกมายืนอยู่ด้านนอกร้าน  โดยมีป้องภัทรเอ่ยว่า “เรื่ อ งออกทริปก็ต กลงกันตามนี้  พี่ฝ ากปอนด์จัดการความ เรียบร้อยด้วยนะ  งวดนี้คนกันเองทั้งนั้น  มากันแค่เจ็ดคน  คงดูแลกัน ทั่วถึง” “นอกจากชัยกับบิ๊กแล้วมีใครอีกหรือครับ”  เขาเลิกคิ้ว  เพราะ นับขาประจ�ำที่ไปด้วยกันตลอด  รวมเจนจิตอีกคนก็เพียงแค่หกคน เท่านั้น  “อ้าว  พี่ลืมบอกเหรอ  มีมาเพิ่มอีกคน  รุ่นน้องเพื่อนๆ  ที่รู้จัก กันนี่แหละ  เพิ่งเริ่มมาเป็นช่างภาพสต็อกได้ไม่นาน  ได้ยินว่าพี่ออก ทริปเลยขอตามมาด้วย  ไอ้เราก็ไม่อยากปฏิเสธเลยตกลงให้มาด้วย ชื่อเจ้าอ้น” ปภพพยักหน้ารับทราบ  เนื่องจากเขาไม่เคยเจอฝ่ายนั้นจึงไม่รู ้ จะออกความเห็นอย่างไร  เพียงจดจ�ำไว้ในใจว่ามีคนร่วมทริปอีกคน ซึ่งไม่จัดเป็นปัญหาแต่อย่างใด  เพราะจุดหมายของพวกเขานั้นเป็น บ้านพักเล็กๆ ในชนบท  เรียกอย่างหรูหราว่า  ‘โฮมสเตย์’  หากที่จริง ม่านมรณา  11


แล้วคือขอเจรจาเช่าบ้านหลังหนึ่งของชาวบ้านละแวกนั้นเพื่อมากิน อยู่หลับนอนในช่วงระหว่างเดินทาง  โดยพวกเขาจัดหาทั้งอาหารและ ของใช้ส่วนตัวไปเองทั้งหมด “ถ้าหากพี่ภัทรบอกเขาเรียบร้อยแล้วว่าเราเดินทางกันยังไงก็ ไม่มีปัญหาครับ” “บอกแล้ว  ยังว่าถ้ามันทนไม่ไหว  ก็หาทางกลับกรุงเทพเอาเอง แล้วกัน”  ป้องภัทรหัวเราะเบาๆ  “เออ  พี่ขอตัวก่อน  มีธุระต้องไปท�ำ ต่อว่ะ” “ได้ครับ  ถ้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวผมโทรไปคุยกับพี่อีกที” “ไป  ยายเจน  กลับบ้านได้แล้ว”  หนุ่มใหญ่หันไปกวักมือเรียก เด็กรุ่นหลาน “ไม่เอาละ  เจนยังไม่อยากกลับ  ลุงภัทรกลับไปก่อนเถอะ”  เจน- จิตบอกปัด “เฮ้ย  ไม่ได้  ลุงรับปากพ่อแกแล้วว่าจะส่งให้ถึงบ้าน  ท�ำงี้ลุงก็ เสียคนหมดสิ”  คนสูงวัยกว่าไม่ยอม  “ถ้าท�ำตัวมีปัญหาตั้งแต่ตอนนี ้ ลุงไม่ยอมให้ไปด้วยหรอกนะ” เจอขู่เข้าอย่างนี้  เจนจิตก็ได้แต่กระฟัดกระเฟียด  หน้าตาบอก บุญไม่รับ  กระแทกส้นเท้าเดินตามป้องภัทรไปอย่างเสียไม่ได้  หาก ไม่วายหันมองทางชายหนุ่ม  ก่อนตวัดสายตามองผ่านมาทางพิณธาร ราวจะกินเลือดกินเนื้อ  อย่างกับต้องการโทษว่าเธอเป็นคนผิดอย่าง นั้นละ พิณธารลอบถอนหายใจ  เธอเจอกับเจนจิตแค่ไม่กี่ครั้งนับแต่ ตกลงร่วมทริปด้วยกัน  ทว่าแต่ละครั้งไม่เคยลงเอยด้วยดีเลยแม้แต่ ครั้งเดียว  ถ้าอีกฝ่ายไม่ท�ำเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ  ก็มองอย่าง หงุดหงิดราวกับเธอเป็นตัวแมลงรบกวนก็ไม่ปาน  ทั้งที่นึกอย่างไรก็นึก 12  ปองวุฒิ


ไม่ออกว่าเคยท�ำอะไรให้ฝ่ายนั้นขุ่นเคือง เห็นจะมีอยู่เรื่องเดียว...คือเธอสนิทกับปภพมากกว่านั่นเอง พออยู่กันตามล�ำพัง  ปภพก็หันมาถามหญิงสาว “น�้ำจะไปไหนต่อหรือเปล่าครับ” “ตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นดูเลนส์มือหมุนสักหน่อยค่ะ  พี่ปอนด์ไป ด้วยกันไหมคะ”  เธอชวน “อยากไปเหมือนกัน  เสียดายติดธุระ  ไม่อย่างนั้นจะไปช่วย เลือก”  เขาว่า  “น�้ำอยากได้เลนส์แบบไหนครับ” “ยังไม่รู้เลยค่ะ  อาจจะลองหาเลนส์ไวด์มาติดกล้อง  เผื่อไว้ ถ่ายแลนด์สเคป” “ถ่ายภาพทิวทัศน์  ไม่จ�ำเป็นต้องใช้เลนส์กว้างเสมอไป  น�้ำรู้ ใช่ไหม”  ชายหนุ่มหรี่ตา  กลายสภาพเป็นอาจารย์สุดเฮี้ยบทันที “แหม  รู้ค่ะ  แต่ใจน�้ำชอบมุมกว้างๆ นี่คะ  เจอเลนส์ช่วงระยะ ดีๆ เมื่อไรเป็นอยากลองทุกที” “เอาเถอะ  เรื่องอย่างนี้ต้องตามใจคนหลังกล้องหลังเลนส์อยู่ แล้ว  พี่ว่ามันไม่มีผิดหรือถูกหรอก  แล้วแต่สไตล์และความชอบอย่าง ที่น�้ำว่านั่นแหละ” “หมายความว่าท่านอาจารย์อนุมตั แิ ล้วใช่ไหมคะ”  เธอยิม้ เย้า  “ตามใจสิครับ” “ไว้น�้ำได้เลนส์ใหม่มาจริงๆ  จะเชิญพี่ปอนด์มาช่วยเจิมนะคะ จะได้เป็นเกียรติเป็นศรี  ถ่ายภาพดีตลอดปี” ปภพหัวเราะเบาๆ  ใช้มือแตะศีรษะของหญิงสาวพลางโคลง อย่างเอ็นดู  ทว่าท�ำให้อีกฝ่ายหัวใจเต้นแรงไม่เป็นส�่ำ  หวั่นไหวกับ การกระท�ำของเขา “เอ่อ  น�้ำไปก่อนดีกว่าค่ะ  ไม่อยากช้าไปกว่านี้  เดี๋ยวกลับบ้าน ม่านมรณา  13


ค�่ำ”  เธอรีบพูด  “ไปก่อนนะคะ  พี่ปอนด์” “ครับ”  เขาโบกมือให้ พิณธารสาวเท้ารวดเร็วราวกับต้องการหนี  แต่คงไม่ใช่หนีเขา หรอก  เป็นการหนีใจตัวเองมากกว่า  กลัวว่าขืนอยู่นานกว่านี้จะเผลอ หน้าแดงมือเย็นให้เขาจับอาการได้เปล่าๆ เมื่อแน่ใจว่าหนีพ้นแล้ว  เธอก็หยุดยืนถอนหายใจกับความ ขลาดของตน  ปกติแล้วนิสัยของเธอเป็นคนไม่ยอมใครง่ายๆ  กล้า ลุยจนอาจเรียกได้ว่าบ้าบิ่น  กระทั่งมารดายังเคยบ่นอยู่บ่อยครั้งว่า มีลูกสาวแต่เหมือนมีลูกชายมากกว่า  ซึ่งเธอก็ยิ้มรับ  อธิบายแกม ประจบว่าได้เชื้อมาจากแม่ผู้จัดว่าเป็นหญิงแกร่ง  เลี้ยงเธอด้วยตัวคน เดียวมาตัง้ แต่ยงั สาว  นับแต่บดิ าเสียชีวติ ไปตอนเธอยังไม่คลอดด้วยซ�ำ้ อาจเพราะชีวิตมีเพียงสองแม่ลูก  พอย่างเข้าวัยเรียนก็อยู่ใน รั้วโรงเรียนสตรีมาตลอด  ท�ำให้พิณธารไม่คุ้นชินกับเพศตรงข้ามเท่า ที่ควร  ถึงไม่มีอาการประหม่า  แต่ก็วางตัวไม่ค่อยถูก  ยิ่งเมื่อเจอคนที่ แอบชอบก็ไปกันใหญ่  เธอจึงซ่อนอาการเหล่านั้นเอาไว้ในคราบสาว ห้าว  สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง  ทว่าพออยู่ใกล้ปภพทีไร  เธอก็เผลอ กลั บ เป็ น เด็ ก สาววั ย รุ ่ น อี ก ครั้ ง อยู ่ เ รื่ อ ย  ข้ อ นี้ ร บกวนจิ ต ใจพิ ณ ธาร ไม่น้อย ย้อนนึกถึงตอนเจอกับเจนจิตครั้งแรก  สาวรุ่นเพียงปรายตา มองเธอแวบเดียวแล้วก็ไม่ใส่ใจอีก  หากเมื่อทั้งสองเข้าห้องน�้ำด้วยกัน อีกฝ่ายก็โพล่งถามขึ้นมา ‘พี่น�้ำกับพี่ปอนด์เป็นแฟนกันหรือเปล่า’ ‘ถามอะไรอย่างนั้น’  เธอร้อง  ไม่รู้จะตอบอย่างไร ‘ก็ ต อบแค่ใ ช่หรือ ไม่ใ ช่  แค่นั้นง่ายจะตาย’  อีกฝ่ายยักไหล่ ตอบแกมร� ำ คาญ  เมื่ อ เห็ น ว่ า เธอไม่ ต อบ  เจนจิ ต จึ ง ตอบแทนเสี ย 14  ปองวุฒิ


เอง  ‘ไม่ใช่หรอกเนอะ  พี่ปอนด์เขาดูไม่ค่อยสนใจผู้หญิงเท่าไร  เป็น เกย์หรือเปล่าก็ไม่รู้’ ‘ไม่ใช่สักหน่อย’  เธอรีบแก้แทนให้เขา ‘ถ้าไม่ใช่ก็ดีแล้ว  ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน  คนนี้เจนขอก็แล้ว กัน’ ได้ฟังอีกฝ่ายพูดเองเออเองเอาดื้อๆ  พิณธารก็พูดอะไรไม่ออก นับแต่นั้นเจนจิตก็มุ่งมั่นเข้าหาปภพทุกครั้งที่เจอหน้า  ท�ำตัวออดอ้อน สนิทสนมตลอดเวลา  ยังดีที่ชายหนุ่มแสดงออกต่อสาวรุ่นน้องเพียง แค่รักษามารยาท  ไม่อย่างนั้นเธอคงแสลงใจทุกครั้งที่เห็นเช่นกัน หากทว่าในใจกลับมีตะกอนขุ่น  ทิ้งถ่วงค�ำถามอยู่ก้นบึ้งตลอด เวลาว่าเธอมัวแต่อมพะน�ำ  ไม่ยอมแสดงออกก้าวข้ามเขตความเป็น พี่น้องจนอาจท�ำให้ทุกอย่างสายเกินการณ์หรือเปล่า แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดีอยู่แล้ว  แม้ไม่มีใครเอ่ย ปาก  แต่การที่เขาคอยดูแลห่วงใย  ให้เธออยู่ในต�ำแหน่งหญิงสาว เพียงคนเดียวที่เขาให้ความสนิทสนมด้วย  นั่นไม่ได้หมายความว่า หัวใจของพวกเขาตรงกันหรืออย่างไร พิณธารอยากคิดเช่นนั้น แหล่งขายเลนส์กล้องมือสองที่พิณธารแวะมาเดินเตร่นั้น  ตั้งอยู่บริเวณย่านค้าขายอันพลุกพล่าน  เธอเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งร้อน  เนื่องจากหลังจากนี้ไม่มีธุระอะไร เธอไม่ค่อยได้แวะเวียนมาที่นี่นัก  แม้จะได้ยินกิตติศัพท์จาก บรรดาคนรักกล้องด้วยกันว่าสามารถซื้อหาเลนส์มือสองสภาพดีได้ จากแถวนี้ในราคาสมเหตุสมผล  หากเนื่องจากพิณธารยังจัดตัวเอง เป็นมือสมัครเล่น  มีเวลาว่างเมื่อไรถึงได้จับกล้องสักที  จึงยังไม่อยาก ม่านมรณา  15


ให้ตัวเองเกิดกิเลส  ซื้อหาเลนส์กล้องมามากเกินความจ�ำเป็น  อย่างที่ เหล่านักเล่นกล้องมักเรียกขานกึ่งแซวตัวเองกันว่า  ‘งอกเลนส์’  เดินอยูเ่ ป็นนานก็ยงั ไม่มเี ลนส์ตวั ไหนต้องใจเป็นพิเศษ  หญิงสาว จึงตั้งใจว่าจะกลับ  เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีเป้าหมายแต่แรกอยู่แล้ว ว่าจะซื้อหาสิ่งใด  ไว้คราวหลังถ้าหากปภพมีเวลาว่างเธอค่อยขอค�ำ ปรึกษาจากเขาก่อน  เพื่อจะเลือกได้ตรงความต้องการ  ไม่เสียเงิน ทิ้งขว้างไปเปล่าๆ  และซุกเลนส์ราคาหลักพันเก็บไว้ในตู้ไม่เคยหยิบ มาใช้อย่างที่เคยได้ยินว่าหลายคนมักเป็นกัน ยามอยากได้ก็ขวนขวายหามาประดับกาย  หากพอได้มาแล้ว พบว่าไม่ถูกใจ  แม้ว่าสิ่งนั้นจะเคยมีค่าสักแค่ไหนก็กลายเป็นของไร้ค่า ในสายตาผู้ครอบครองไปได้ง่ายดาย ขณะก�ำลังจะเดินลงบันไดเลื่อนลงไปชั้นล่างเพื่อรอรถกลับ อยู่นั่นเอง  พิณธารก็รู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด... คราแรกหญิงสาวนึกว่าเป็นเพราะเครื่องปรับอากาศภายใน อาณาบริเวณร้านค้า  หากไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเร่งความเย็นขึ้นมา กะทันหัน  ซ�้ำยังรู้สึกเย็นแปลก  คล้ายวาบมาจากภายในร่างกาย มากกว่าเย็นผิวที่ภายนอก ครู่เดียวเธอก็รู้สึกหน้ามืดจนต้องหาที่พัก  หญิงสาวพิงหลังกับ ผนัง  หลับตาผ่อนลมหายใจเข้าออก  ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงแผ่วเบา ดังข้างหู “มา...ได้โปรด...มาเถอะ” เสียงนั้นอ่อนระโหยจนแทบไม่ได้ยิน  ทว่าน่าแปลกที่มันกลับ ดังชัดราวกับพูดอยู่ข้างหู  พิณธารหันมองรอบตัวเพื่อหาต้นเสียง  แต่ ไม่เห็นใครเลยสักคนเดียว หูฝาด...หรือว่าอะไรกัน 16  ปองวุฒิ


หญิงสาวรู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์  แทนที่จะก้าวออกจาก อาณาบริเวณนี้ดังตั้งใจไว้แต่แรก  กลับสืบเท้ามุ่งตรงไปยังร้านค้าขาย เลนส์มือสองที่อยู่ในหลืบเล็กแทน  รู้สึกตัวอีกทีเธอก็มายืนอยู่หน้าตู้ กระจกใสเสียแล้ว “สนใจตัวไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับน้อง”  ชายวัยกลางคนที่ น่าจะเป็นเจ้าของร้านเอ่ยทัก พิณธารกะพริบตาถี่อย่างงุนงง  ก่อนหน้าเธอไม่ได้เข้ามาใน ร้านนี้  คงเพราะมันตั้งอยู่ในซอกหลืบค่อนข้างทึม  จึงถูกมองข้ามเอา ได้ง่ายๆ เธอไม่รู้จะตอบอย่างไร  เลยก้มลงมองเข้าไปในตู้กระจก  และ เห็นว่าเจ้าของร้านวางเลนส์ตัวหนึ่งเอาไว้ด้านบน  ยังไม่ได้เก็บเข้าตู้ แปลกเหลือเกิน...กระบอกเลนส์สีด�ำสนิทนั่นกลับดึงดูดใจจน ไม่อาจละสายตาได้ “ตัวนี้พี่เพิ่งได้มาใหม่  สนใจไหม  ถ้าสนใจจะลดราคาให้เป็น พิเศษ” “เลนส์ระยะไหนหรือคะ”  เธอถามแบ่งรับแบ่งสู้  แม้จะสนใจ เลนส์ตัวนี้มากก็ตาม  เธอไม่ใช่นักเล่นกล้องจนมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบ ถ้วน  ถ้าหากจะซื้ออะไรมาเพิ่มก็ต้องคิดกันหน่อยว่าคุ้มค่าหรือเปล่า เลนส์มือหมุนนั้นไม่เหมือนกับเลนส์สมัยปัจจุบันซึ่งใช้ระบบ ดิจิทัลกันหมดแล้ว  เลนส์พวกนี้บางส่วนเป็นของเก่าที่เคยใช้กับกล้อง ฟิล์ม  หากบางส่วนก็ผลิตขึ้นใหม่เพื่อรองรับกลุ่มคนที่ชื่นชอบ  ชื่อของ มันก็บอกอยู่แล้วว่า  ‘มือหมุน’  ดังนั้นตัวเลนส์เมื่อสวมกับกล้องจึงใช้ ระบบแมนนวล  หรือปรับเองเท่านั้น  ไม่มีตัวช่วยอ�ำนวยความสะดวก จ�ำพวกโฟกัสภาพ  ต้องใช้มือของเรานี่ละหมุนหาจุดโฟกัสเอาเอง  ถ้า หากหมุนไม่เข้าเป้า  ภาพก็จะออกมาไม่ชัด ม่านมรณา  17


เลนส์ชนิดนี้หลายคนคงส่ายหน้า  เมินว่าไม่สะดวก  แต่ส�ำหรับ บางคนสิ่งเหล่านี้จัดเป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในยุคที่ทุกอย่างง่ายดาย สะดวกสบายไปเสียหมด เธอไม่ใช่คนจ�ำพวกไหนเลย  แต่เป็นกลุ่มคนอีกประเภทคือ ใช้งานได้  ถ้าหากราคาพอเหมาะ  และคุณภาพอยู่ในระดับที่รับได้ “Nikkor  S  35mm  F2.8  ครับ  ตัวนี้ระยะธรรมดา  ใช้ถ่ายได้ อเนกประสงค์”  เจ้าของร้านสาธยายคุณสมบัติ หญิงสาวก้มลงมองพิจารณาเลนส์นั้นอย่างละเอียด  โดยรวม แล้วสภาพของมันดีเยี่ยมอย่างที่เจ้าของบอกจริงๆ  จนไม่น่าเชื่อว่าจะ เป็นของมือสองที่ไม่รู้ว่าผ่านมากี่มือแล้วในความเป็นจริง “เลนส์ตัวนี้เก่าหรือยังคะ”  เธอถาม “มันเป็นเลนส์วนิ เทจครับน้อง  ผลิตครัง้ แรกประมาณปี  ๑๙๖๗ โน่นแน่ะ” เธอนึกทึ่ง  ไม่น่าเชื่อว่าเก่าขนาดนี้แต่ยังอยู่ในสภาพสวยงาม ได้ราวกับเป็นของใหม่แกะกล่อง  ทว่าเมื่อมองอีกรอบกลับเห็นรอย เปื้อนอยู่ตรงกระบอกเลนส์เป็นสีเข้ม  พิณธารขมวดคิ้ว  นึกสงสัยว่า มันคือรอยอะไร “มีรอยนิดหน่อย  แต่ไม่ใช่รอยถลอกหรอกครับ  เลนส์ยังเยี่ยม อยู่เหมือนเดิม  ไม่มีรอยขีดข่วนที่กระจกเลนส์เลย  โฟกัสกับรูรับแสง ก็ลื่น  ชิ้นส่วนภายในยังแน่น  สภาพเนี่ยพี่ว่าเก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์ เลยนะ  ติดแค่ไอ้รอยนี่แหละท�ำให้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์” “มันเหมือนคราบมากกว่ารอยนะคะ”  เธอว่า “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรกันแน่  พยายามท�ำความสะอาด แล้วแต่ไม่ยอมออก  เลยปล่อยขายทั้งอย่างนี้  เอาเข้าจริงมันก็แค่ ท�ำให้ตัวเลนส์ไม่สวยเนี้ยบเท่านั้นละ  ไม่มีผลต่อการถ่ายภาพเลยสัก 18  ปองวุฒิ


นิดเดียว  เพราะชิ้นเลนส์ยังนิ้ง  ไม่มีรอยแมวข่วน  ไม่มีรา  ไม่มีฝ้าขึ้น น้องหยิบมาดูได้เลย  จะได้เห็นว่าพี่พูดจริงหรือเปล่า” พิณธารหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ตา  แล้วก็เห็นว่าค�ำโฆษณาไม่เกิน จริงแต่อย่างใด  ติดแต่เพียงรอยคราบเปื้อนที่บอกไม่ถูกว่าคืออะไร นั่นเองที่ท�ำให้เลนส์ตัวนี้มีต�ำหนิ เสียงเรียกร้องในใจชักน�ำให้เธอซื้อมันมาครอบครอง  แรงกล้า เสียจนนึกกลัว “สวยนะคะ  แต่...”  เธอลังเลใจ  แม้จะอยากได้มากแค่ไหน แต่เธอไม่ได้ตั้งใจมาซื้อหาอะไรติดมือ  รวมถึงมีงบประมาณไม่มาก นักด้วย “คุยกันได้นะครับ  พี่ลดให้”  อีกฝ่ายรีบจูงใจ  ราวกับรู้ความคิด ของหญิงสาว “เท่าไรคะ” “ความจริงเลนส์สวยๆ  แถมหายากอย่างนี้  พี่จะขายอยู่ที่สี่- ห้าพัน  แต่ในเมื่อมันเป็นรอย  พี่ลดให้พิเศษเหลือพันห้าเลย”  เจ้าของ ร้านบอกอย่างใจป�้ำ พิณธารออกจะตกใจที่อีกฝ่ายลดราคาให้ค่อนข้างมาก  แต่ก ็ เหมาะสมกับงบประมาณของเธออยู่  ถ้าหากราคาสูงกว่านี้เธอคงต้อง ตัดใจ  แต่ในเมื่อเสนอมาในราคาที่รับได้  แถมยังเข้ากับอะแดปเตอร์ที่ เธอมีอยู่แล้วโดยไม่ต้องเปลืองเงินเพิ่มซื้อหามาเพื่อให้ใช้เลนส์ตัวนี้ได้ ก็ไม่เห็นเหตุว่าจะต้องปล่อยให้ข้อเสนอหลุดไป เพียงแค่ไม่นานหลังจากนั้น  พิณธารก็ออกมาจากร้าน  พร้อม กับเลนส์ตัวใหม่ที่มีรอยปริศนา

วันรุ่งขึ้น  เมื่อมีเวลาว่างในตอนช่วงเย็น  หญิงสาวจึงคว้า  ม่านมรณา  19


กล้องคู่ใจไปยังสวนสาธารณะใกล้ที่ท�ำงาน  หมายมั่นว่าจะลองเลนส์ ตัวใหม่ที่เพิ่งได้มา แดดร่มลมตก  ผู้คนพากันมาหย่อนใจในสวนกันไม่น้อย  พิณ- ธารเดินไปตามถนนเล็กๆ  ลัดเลาะริมพุ่มดอกเฟื่องฟ้าที่ก�ำลังชูช่อ สีสด  พลางยกกล้องขึ้นถ่ายทั้งดอกไม้และต้นไม้ไปเป็นระยะ  จากนั้น จึงกดดูรูปถ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าภาพไม่หลุดโฟกัส  เพราะไม่คุ้นเคยกับ เลนส์มือหมุนเท่าใดนัก ภาพที่ได้น่าพอใจ  คุ้มค่าเกินราคาเสียด้วยซ�้ำ  หญิงสาวยินดี ทีเ่ ลือกไม่ผดิ   นึกอยากอวดปภพขึน้ มาทันใด  ถ้าหากเขาเห็นอาจตาร้อน ขึ้นมาก็ได้ ความคิดที่ว่าชายหนุ่มผู้มีความนุ่มนวลสุภาพทุกกระเบียดนิ้ว แสดงความอิ จ ฉาออกมาท� ำ ให้ เ ธออดข� ำ ไม่ ไ ด้   แม้ รู ้ ว ่ า เป็ น เพี ย ง จินตนาการล้อเล่นของตัวเองก็ตาม  เขาคงไม่อิจฉาเธอหรอก  ปภพ เล่นกล้องมานานกว่าเธอมาก  เลนส์ดีๆ มีในครอบครองหลายตัวจน เธอเป็นฝ่ายอิจฉาต่างหาก เย็ น วั น นั้ น พิ ณ ธารกดชั ต เตอร์ ถ ่ า ยภาพไปจ� ำ นวนมากจน เจ้าตัวก็ไม่ได้นับ  พลางยิ้มกริ่มอย่างพอใจที่ได้ของคุณภาพดีมาใน ราคาย่อมเยา ทว่าเรื่องประหลาดมาเกิดเอาตอนค�่ำที่เธอลงภาพทั้งหมดใน คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพื่อตรวจเช็กภาพนั่นเอง เธอกวาดสายตาผ่านๆ  เพื่อดูภาพรวมทั้งหมด  ก่อนหันมาเปิด ดูจากกล้องอีกรอบ  เพื่อให้แน่ใจว่าลงภาพทั้งหมดครบถ้วนแล้ว  นั่น ท�ำให้เธอเกิดสะดุดตา ในจ�ำนวนภาพทั้งหมด  มีอยู่หนึ่งภาพที่แปลกกว่าใคร... มันเป็นภาพของป่าทึบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงลิบ  มองผ่านลอด 20  ปองวุฒิ


ออกไปเห็ น เทื อ กเขาเรียงหลั่นกันเป็นทิว  ภาพสีหม่นราวกับฟิล์ม ซีดจาง  ต่างจากภาพอื่นๆ ในเซตเดียวกันที่สีสันสดใส ซ�้ำร้ายกว่านั้น  ภาพทั้งหมดเธอถ่ายในสวนสาธารณะตอน เย็นย�่ำพระอาทิตย์คล้อยต�่ำจนเกิดแสงสีทองเรือง  แต่ภาพเจ้าปัญหา กลับกลายเป็นป่าไปได้อย่างไรกัน พิณธารขมวดคิ้วมุ่น  พยายามคิดหาสาเหตุว่าภาพปริศนานี้ โผล่ มาได้ ยั งไง  ทว่าภาพเจ้ากรรมอยู่ร ะหว่างกลางภาพจากสวน สาธารณะ  ท�ำให้ไม่อาจคิดเป็นไปได้ว่าเป็นรูปภาพที่เธอเคยถ่ายไว้ ก่อนแล้ว  แถมเมื่อค้นหาในคอมพิวเตอร์แล้วก็ไม่ปรากฏภาพนี้แต่ อย่างใด หญิงสาวกดขยายภาพ  เพ่งพินิจว่ามันคือภาพของสถานที่ที่ เคยรู้จักหรือไม่  ทว่ามองอย่างไรก็ไม่คุ้นตา  ทิวเขาสีเขียวเข้มดูเหมือน น่าจะอยู่ทางภาคเหนือหรือตะวันตก  แต่ที่ไหนนั้นเกินจะคาดเดา เธอพลิกกล้องในมือไปมา  เลนส์ตวั ใหม่ยงั คงติดกล้อง  สายตา เห็นรอยคราบสีคล�้ำแล้วชวนให้วิตกอย่างไรชอบกล  คราวแรกที่เห็นก็ ยังไม่เท่าไรหรอก  ทว่ายิ่งผ่านเวลาไป  แถมเจอเรื่องประหลาดเข้าเมื่อ ครู่  อะไรแปลกที่แปลกทางเข้าหน่อยก็พานให้คิดมากไปเสียหมด กะอีแค่รอยเปือ้ น...มันจะเป็นต้นเหตุให้ภาพทีไ่ ม่ได้ถา่ ยปรากฏ ขึ้นมาได้ยังไง หากแล้วเธอจะอธิบายภาพป่าและทิวเขาทีต่ วั เองไม่รจู้ กั อย่างไร เล่า... พิณธารสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน  กดปิดกล้องแล้ววาง มันเก็บไว้  ตั้งใจว่าจะลองปรึกษาปภพดู  ไม่แน่เขาอาจมีค�ำตอบก็ เป็นได้ ม่านมรณา  21


ชายหนุ่มผมยาวมาก่อนเวลาอย่างเคย  เขาโบกมือพลาง  ยิ้มน้อยๆ ให้เมื่อเห็นคู่นัดก�ำลังมุ่งตรงมาทางตัวเอง  ยังไม่ทันที่พิณ- ธารจะนั่งลงตรงข้าม  เขาก็เอ่ยทัก “น�้ำจะดื่มอะไรดี” “ยังหรอกค่ะ  เดี๋ยวคิดออกแล้วน�้ำไปซื้อเองดีกว่ า  พี่ปอนด์ ตามสบายเลยค่ะ”  เธอตอบ เขาปลีกตัวไปสั่งเครื่องดื่มที่หน้าเคาน์เตอร์  ครู่เดียวก็กลับมา นั่งที่เดิม “เป็นอะไรไป  ท�ำหน้ายุ่งเชียว” “เมือ่ วันก่อนน�ำ้ ไปได้เลนส์ใหม่มาค่ะ  เลยอยากปรึกษาพีป่ อนด์” “ปรึ ก ษา  หรื อ อยากอวดกั น แน่ ”   เขาเย้ า เล่ น   หากพอเห็ น สีหน้าของหญิงสาวไม่ร่าเริงเท่าที่ควร  เขาจึงถามเสียงจริงจัง  “ท�ำไม เหรอ  หรือว่าโดนโกง  บอกพี่ได้นะ” “เปล่าค่ะ  เลนส์ดีสมราคา  ที่จริงแล้วดีเกินราคาด้วยซ�้ำ  แต่ ว่า...”  เธอชะงัก  ไม่รู้จะบอกเขาดีหรือเปล่า  กลัวว่าปภพจะหาว่า 22  ปองวุฒิ


งมงาย  “น�้ำรู้สึกว่ามันแปลกๆ น่ะค่ะ” “ยังไงเหรอ” “อธิบายยากจัง  เอาอย่างนี้พี่ปอนด์ลองดูเลนส์ก่อนดีไหมคะ เผื่อจะเข้าใจที่น�้ำจะเล่าต่อไป”  เธอหยิบเฉพาะตัวเลนส์ที่ถอดเปลี่ยน เรียบร้อยแล้วออกจากกระเป๋า  ยื่นส่งให้เขา ปภพรับไปพิจารณาอย่างละเอียด  ก่อนวางไว้บนโต๊ะ  แล้วเอ่ยว่า “เลนส์ก็ปกตินี่ครับ  กระจกเลนส์ใส  ไม่มีรอยข่วน” “น�้ำทราบค่ะ”  เธอตอบ  ก่อนชี้ให้เขาดูรอยเปื้อน  “พี่ปอนด์ เห็นรอยนี่ไหมคะ” “ไหน”  เขายื่นหน้ามองตรงจุดที่เธอชี้  “จริงด้วย  รอยอะไรกัน เนี่ย  เลยท�ำให้ของดูมีต�ำหนิ” “เจ้าของร้านเขาถึงลดราคาให้นำ�้ ไงคะ  เมือ่ เทียบกับสภาพแล้ว ถือว่าน�้ำได้ราคามาถูกเลยละ”  เธอถอนหายใจ  “แต่ปัญหามันอยู่ตรง นี้สิคะ...” เธอเล่าให้เขาฟังถึงรูปถ่ายปริศนาที่ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่มี ที่มา  ทั้งยังบอกว่าได้ลองพยายามค้นหาภาพที่คล้ายกันในเว็บไซต์ เสิร์ชเอนจินยอดนิยมก็ไม่พบภาพสถานที่คล้ายกันขึ้นมาเลย “น่าสนใจนะ  น�้ำบอกว่าไม่ได้ถ่ายภาพนี้มาใช่ไหม” “ค่ะ  ป่านั่นอยู่ที่ไหนน�้ำยังไม่รู้เลยด้วยซ�้ำ” “แล้วมันมาโผล่ในกล้องของน�้ำได้ยังไง  น�้ำลองลงภาพในคอม ดูหรือยัง  เผื่อว่าส่งอีเมลมาให้พี่ช่วยดูก็ได้” “ตรงนี้แหละค่ะที่แปลกขึ้นไปอีก”  เธอเอ่ยด้วยน�้ำเสียงเคร่ง เครียด  คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน  “ในโน้ตบุ๊กไม่มีภาพนี้ค่ะ!”  “หมายความว่ายังไงครับ  พี่ไม่เข้าใจ” “น�้ำพยายามย้ายภาพลงโฟลเดอร์หลายรอบเลยค่ะ  แต่ไม่ว่า ม่านมรณา  23


ท�ำยังไงมันก็ไม่ยอมไป  เหมือนกับ...ภาพนีป้ รากฏอยูแ่ ต่เฉพาะในกล้อง เท่านั้น  มองที่อื่นจะไม่เห็นอย่างนั้นละ” คราวนี้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายคิ้วขมวดตึงขึ้นมาบ้าง  ดวงตามีแวว ครุ่นคิด  ก่อนเอ่ยออกมาว่า “พี่ว่าฟังดูไม่ค่อยน่าเป็นไปได้นะ”  “น�้ ำ อยากให้ มี ค� ำ อธิ บ ายนะคะ  เหมื อ นตอนที่ ค นลื อ กั น ว่ า ภาพถ่ายติดดวงวิญญาณ  แท้ที่จริงแล้วเป็นฝุ่นติดหน้าเลนส์สะท้อน แสงแฟลชเท่านั้นเอง  หรือพวกภาพน่ากลัวอย่างคนหัวขาดที่เกิดจาก ชัตเตอร์สปีดไม่เร็วพอจะจับภาพตอนก�ำลังเคลื่อนไหวได้  แต่กรณีน ี้ จนปัญญาจริงๆ ค่ะ” “พี่อยากเห็นภาพนั้น  น�้ำยังเก็บไว้หรือเปล่า” “มีค่ะ  น�้ำยังไม่ได้ลบทิ้ง”  เธอจัดแจงหยิบกล้องตัวเก่งออก จากกระเป๋าส่งให้เขา ปภพเปิดกล้อง  เลื่อนหาภาพเจ้าปัญหามาเพ่งพินิจ  มันคือ ภาพวิวทิวทัศน์ธรรมดานี่เอง  ถ้าหากไม่มองต้นสายปลายเหตุก็คง ไม่คิดว่ามีอะไรผิดแปลก เขาไม่คิดว่าพิณธารจะโกหก  ทั้งสองรู้จักกันมานานจนเห็น นิสัยใจคอดี  ไม่มีทางที่หญิงสาวจะปดเรื่องพรรค์นี้เพื่อแกล้งหลอก เขาเล่น แต่จะให้คิดว่ามีภาพปริศนาปรากฏขึ้นโดยไม่ได้ถ่ายมา...จะ เป็นไปได้อย่างไร  หาค�ำอธิบายไม่ได้  นอกจากต้องว่าเป็นปรากฏการณ์ พิศวงเท่านั้น “ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ  พี่ปอนด์”  พิณธารยังคงเล่าต่อ  ถึงตอนนี ้ หญิ ง สาวหน้ า นิ่ ว   ยกมื อ ขึ้ น กอดอกหลวมๆ  มื อ ลู บ ต้ น แขนตั ว เอง อย่างหวั่นๆ  “บางภาพที่น�้ำถ่ายสวนสาธารณะ  ก็เหมือนจะมีเงาด�ำๆ 24  ปองวุฒิ


มาขวางหน้ากล้องไว้ด้วย” “มันอาจเป็นเงาจริงๆ ก็ได้”  เขาตอบแบ่งรับแบ่งสู้  ด้วยความ ไม่ใช่คนเชื่อเรื่องผีสางและเห็นว่าปรากฏการณ์ลึกลับหลายอย่างล้วน แล้วแต่หาค�ำอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ทั้งสิ้น  ถ้าหากคนเราไม่ ปิดตาปิดใจ  ลองมองหาค�ำอธิบายเสียอย่าง ยกเว้น...ภาพถ่ายอันไม่รู้ที่มาที่ไปของพิณธาร “แหม  พีป่ อนด์คะ  แต่นำ�้ แน่ใจนะคะว่าตอนถ่ายเล็งดีแล้ว  ไม่ม ี เงาอะไรมาพาดแน่” ปภพไม่โต้เถียง  เขารู้ดีว่าหญิงสาวก�ำลังหวั่นวิตก  จึงเลือก หันเหความสนใจไปเรื่องอื่นแทน “พี่สั่งกาแฟให้น�้ำดีกว่า  เอาอะไรดี  เอสเพรสโซดีไหม” “ไม่เอาหรอกค่ะ  น�้ำยังไม่อยากนอนตาค้างทั้งคืน”  เธอส่าย หน้า  “ขอแค่ลาเต้ก็พอค่ะ” “เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”  เขาลุกเดินไปที่เคาน์เตอร์อีกรอบ  ทิ้งให้ พิณธารอยู่ตามล�ำพัง เธอก้มลงมองกล้องบนโต๊ะ  ก่อนหยิบมันขึ้นมา  กดเมนูภาพ แล้วเลื่อนดูไปเรื่อยๆ จนถึงภาพที่เพิ่งบอกกับปภพไปว่าเห็นเงาด�ำ พาดผ่านหน้า  เธอไม่เชื่อเลยสักนิดว่าเกิดจากความผิดพลาดตอน ถ่าย  แถวนั้นเป็นที่โล่ง  ไม่น่ามีกิ่งไม้หรืออะไรปลิวผ่านมาโดยไม่เห็น ได้  ที่ส�ำคัญตอนถ่ายภาพนี้เธอจ�ำได้แม่นว่าลมก�ำลังสงบ เมื่อลองมองให้ดี  จะเห็นว่าเงาด�ำนั้นมีลักษณะคล้ายช่วงไหล่ ของมนุษย์... หญิงสาวมองมันอยู่นานราวกับตกในภวังค์  ต้องการค้นหา ค�ำตอบให้ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่  แล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกวูบไหว  ลม เย็นตีรื้นขึ้นมาคล้ายจะเป็นลม  ได้ยินเสียงแว่วดังข้างหู ม่านมรณา  25


“มา...มาเถอะ” ที่ไหน  เธอร้องถามในใจ  เสียงกระซิบอยากให้เธอไปที่ไหนกัน เธอก้มลงมองรูปภาพอีกรอบ  และเห็นว่าเงาด�ำขยับได้  มัน เคลื่อนอย่างรวดเร็วพุ่งตรงมาข้างหน้าราวกับจะลอดผ่านกระจกหน้า จอเข้ามาหา “ว้าย!”  เธออุทานอย่างตกใจจนเกือบท�ำกล้องหลุดมือ  โชคดี ที่ปภพกลับมาพอดี  เขาจึงดึงกล้องออกไปได้ทัน “เป็นอะไรไปครับน�้ำ” หญิงสาวหอบลมหายใจ  อกกระเพื่อมไหวถี่รัว  ดวงตาเบิก กว้างมองกล้องคู่ใจราวกับมันเป็นสัตว์ร้ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งตัวได้ เธอกะพริบตา  ก่อนยิ้มแหย “น�้ำไม่เป็นไรค่ะ  เมื่อกี้แค่รู้สึกเหมือนเห็นอะไรสักอย่างเลย ตกใจ” “อะไรครับ  เล่าให้พี่ฟังได้ไหม”  เขาถามเสียงอ่อน “น�้ำกลัวพี่ปอนด์หาว่าฟุ้งซ่าน...” “ไม่หรอกน่า  พี่สัญญา  บอกมาเถอะ” พิณธารลังเล  แต่ก็ยอมเล่าให้เขาฟังว่าเงาด�ำในภาพเคลื่อนที ่ อย่างไร  ปภพรับฟังอย่างเคร่งขรึมไม่ขัดแย้ง เขาไม่อาจบอกได้เต็มปากว่าเชื่อ  แต่เห็นสีหน้าของหญิงสาว อ่อนวัยกว่าตอนที่ก�ำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ  ตอนนั้นเธอหน้าเผือดสี กะทันหัน  ท่าทางอย่างกับ...เห็นผี  ท�ำให้เขาไม่สามารถคิดได้แม้สกั นิด เลยว่าเธอก�ำลังสร้างเรื่องลวงเขาอยู่  เธอเชื่อว่าตัวเอง  ‘เห็น’  อะไร บางอย่างจริงๆ “น�้ำรู้นะคะว่าพูดออกมาแล้วเหมือนคนบ้า  แต่น�้ำยืนยันเลยค่ะ ว่าไม่ได้ตาฝาด” 26  ปองวุฒิ


“ภาพนิ่งพวกนี้เคลื่อนไหวไม่ได้  บางทีน�้ำอาจเพ่งมันมากเกิน ไป  เลยดูเหมือนจะขยับก็ได้นะครับ”  เขาพยายามยกเหตุผลมาปลอบ ไม่ให้อีกฝ่ายขวัญเสียไปมากกว่านี้  “บางครั้งสายตาก็เล่นตลกกับเรา ท�ำให้เราเห็นอะไรที่ไม่มีอยู่จริง” “แต่น�้ำคิดว่าอาจเป็นผีมากกว่า”  เธอท�ำหน้าแขยง “ตกลงนี่ฟันธงแล้วเหรอว่าเจอผี”  เขาขยิบตา  แกล้งล้อเล่น “น�้ำคิดว่าผีติดมากับเลนส์หรือครับ” “ก็เรื่องแปลกๆ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ซื้อเลนส์นี้มานี่คะ”  เธอตอบ เสียงอ่อย  “ปกติน�้ำก็ไม่ใช่คนงมงายหรอก  แต่คราวนี้รู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล  จะเรียกว่าลางสังหรณ์ได้ไหมคะ” “ไม่รู้สิ  พี่ไม่เคยเป็นสักที”  เขาว่า  “แต่ถ้าน�้ำกลัวว่าตัวเองจะ เจอผี  เราไปวัดท�ำบุญท�ำทานสักวันก็ได้นะ” ยังไม่ทนั ทีเ่ ธอจะตอบว่าเป็นความคิดทีด่  ี ใครบางคนก็พดู แทรก “ใครเจอผีหรือครับ” “ว้าย!”  หญิงสาวอุทานอีกรอบ  หัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม หันไปมองเห็นคนพูดคือชายหนุ่มผิวขาวหยวก  ผมสีน�้ำตาล สว่าง  ใบหน้าชนิดมองปราดเดียวก็รู้ว่า  ‘หล่อ’  เจ้าตัวยิ้มเผล่อย่าง คนขี้เล่น  ดวงตาแพรวพราวรับกับริมฝีปากหยักโค้งเหมือนก�ำลังยิ้ม มุมปากตลอดเวลา “อ้าว  แล้วกัน  ไม่ข�ำหรอกเหรอครับเนี่ย  ตั้งใจแกล้งเล่นเฉยๆ เท่านั้นเอง”  ฝ่ายนั้นพูดเก้อๆ “การเล่นควรมีขีดจ�ำกัดนะครับ  โดยเฉพาะกับคนไม่รู้จักกัน” ปภพเอ่ยเสียงขรึม  เขม้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนัก “แต่ผมรู้จักนะครับ  พี่ปอนด์”  พอเห็นว่าคนมาใหม่เรียกชื่อ ได้ถูกต้อง  แถมยังใช้สรรพนามราวกับสนิทสนมกัน  ปภพก็ขมวดคิ้ว ม่านมรณา  27


เข้าหากัน  หนุ่มผิวขาวจึงขยายความ  “ผมอ้นครับ  ที่พี่ภัทรนัดให้มา หาพวกคุณวันนี้” ปภพพยักหน้ารับ  พวกเขามาเจอกันเพื่อพบปะกับสมาชิกร่วม ทริปถ่ายภาพคนใหม่ซึ่งไม่เคยมีใครเห็นหน้ามาก่อน  ป้องภัทรจึงเป็น ธุระจัดการหาวันว่างตรงกัน  ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อให้เขาตรวจสอบว่า ฝ่ายนั้นจะไม่เป็น  ‘ตัวปัญหา’  นั่นเอง  ถ้าเห็นอะไรไม่เข้าท่า  รุ่นพี่ มอบอ�ำนาจให้เขาจัดการได้เต็มที่ว่าจะคัดคนเข้าหรือออก เพียงแค่เห็นหน้า  เขาก็ไม่ค่อยถูกชะตากับเพื่อนร่วมทริปเข้า แล้ว... ‘อ้นมันชื่อจริงว่า...อะไรน้า  พี่ก็จ�ำไม่ค่อยได้ว่ะ  ชื่อยาวๆ  อ้อ สิรดนัย  หน้าตามันหล่อเชียวละ  สาวๆ ติดตรึม  ไม่ค่อยชอบหน้ามัน เลยให้ตาย  แต่ฝมี อื ดีอยูอ่ นั นีต้ อ้ งยอมรับ  มันอยากรูว้ า่ เพือ่ นออกทริป ด้วยกันมีใครบ้าง  พี่เลยให้ดูรูปแก  มันรบเร้าขอเจอตัวจริง  พี่เลยต้อง มานัดให้  ถือว่าช่วยกันกรองคนก็แล้วกันนะปอนด์  ถ้าเห็นไม่เข้าท่าก็ ไม่ต้องเกรงใจ  พี่กับไอ้อ้นก็ใช่ว่าสนิทกัน’  ป้องภัทรสาธยายไว้อย่าง นั้นตอนโทรศัพท์มานัดเขา พอเขาถามถึงรูปหน้าตาของสิรดนัย  รุ่นพี่ตอบแกมหัวเราะ ทีเล่นทีจริงว่า ‘ไม่มีหรอก  หมั่นไส้มัน  เห็นขวางหูขวางตา  เสือกหล่อกว่า นี่หว่า  เลยไม่อยากเสียชัตเตอร์ถ่ายมันมาให้เปลืองเมมกล้อง’ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เคยเห็นหน้าคนนัดมาก่อน  แต่อีกฝ่ายกลับ เห็นหน้าค่าตาเขาเรียบร้อยแล้ว “สวัสดีครับ  คุณสิรดนัย”  เขาเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยเสียงเคร่งขรึม ไม่เปลี่ยน  เพราะยังไม่นึกอยากหายโกรธที่เล่นไม่เข้าท่า “ไม่ต้องเรียกทางการอย่างนั้นหรอกครับ  เรียกอ้นเฉยๆ ก็ได้” 28  ปองวุฒิ


สิรดนัยตอบอย่างผ่อนคลาย  ก่อนหันมาจ้องมองหญิงสาวอย่างเปิด เผย  “แล้วนี่คงเป็นคุณน�้ำ  เอ...หรือว่าคุณเจนครับ” “น�้ำค่ะ”  เธอตอบเบาๆ  ใบหน้ายังซีดเซียวไม่หาย  แม้จะคลาย ตกใจแล้วก็ตาม “คุณน�้ำหน้าตาสวยอย่างนี้  น่าจะเป็นนางแบบมากกว่าคน หลังกล้องนะครับเนี่ย”  อีกฝ่ายเอ่ยอย่างถือสนิท  พิณธารวางหน้าไม่ถูก  เธอไม่เคยถูกชมตรงๆ  ซึ่งหน้ามาก่อน เลยได้แต่ยิ้มบางๆ  พึมพ�ำว่า “ขอบคุณค่ะ” “เมือ่ กีพ้ ดู เรือ่ งอะไรกันอยูห่ รือครับ  ได้ยนิ ว่าผี...ผี  อะไรนีแ่ หละ” สิรดนัยเซ้าซี้ถามอีกรอบ อาจเพราะก�ำลังตกใจแกมหาพวกนิดๆ  เธอจึงเล่าให้เขาฟัง ด้วยอีกคน  พอฟังจบแล้ว  ปฏิกิริยาตอบสนองของหนุ่มผิวขาวต่าง จากปภพเป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว  เขาผิวปากหวือ  ร้องว่า “โอ้โห  น่าสนใจจังเลยครับ” “คุณอ้นไม่คิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลหรือคะ”  เธอเลิกคิ้ว “คือ...ผมก็ไม่เคยเจอของจริงหรอกนะครับ  แต่เรื่องพรรค์นี้เขา ว่าไม่เชือ่ อย่าลบหลู ่ ไม่แน่อาจมีสงิ่ เหนือธรรมชาติคอยมองเราอยูก่ ไ็ ด้” “มองแล้วยังไงครับ”  ปภพแทรกขึ้นบ้าง พิณธารมองชายหนุ่มอย่างประหลาดใจเล็กน้อย  ปกติเขาไม่ ค่อยพูดอะไรมากสักเท่าไรนัก  ยิ่งประโยคเมื่อครู่ฟังแล้วยังก�ำกวมว่า ถามจริง  หรือตั้งใจเหน็บแนมอีกฝ่ายกันแน่  ทว่าบอกได้ยากเพราะ คนถามท�ำหน้านิ่ง  ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาให้เห็นเลย “อาจจะออกมาหักคอพวกปากดีชอบลองของมั้งครับ  เคยได้ ยินบ่อยๆ”  สิรดนัยยักไหล่  เห็นเป็นเรื่องสนุก  ไม่สะท้านหรือระแคะ- ม่านมรณา  29


ระคายกับเจตนาของคนย้อนถามเลยแม้แต่น้อย  “น�้ำครับ  อ้อ  ผมขอ เรียกว่าน�้ำเฉยๆ นะครับ  จะได้สนิทกันหน่อย  ยังไงก็รู้จักกันเรียบร้อย แล้ว  อีกหน่อยก็ต้องเจอกันบ่อยๆ ตามประสาคนเล่นกล้องเหมือนกัน น�้ำก็เรียกผมว่าอ้น  ไม่ต้องมีคุณเคินให้เป็นพิธีรีตองเปล่าๆ หรอกครับ ฟังแล้วห่างเหินชอบกล” ชายหนุ่มรูปหล่อพูดเองเออเองเสร็จสรรพ  แถมยังหันมองจน เธอรู้สึกกดดัน  ต้องตอบรับ “ค่ะ” “ผมอยากเห็นรูปที่ว่านั่นจังเลยครับ” หญิงสาวจ�ำต้องให้เขาดูรูปจากกล้อง  สิรดนัยรับไปพิจารณา อยู่ครู่ใหญ่  ก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้  ชี้มือไปยังหมู่ทิวเขาในภาพ  แล้ว ว่า “ผมว่ายอดเขาตรงนี้มีลักษณะแปลกๆ นะครับ  โค้งมนมอง ไกลๆ เหมือนเจดีย์เลย” “จริงด้วยค่ะ”  เธอมองแล้วเห็นตามนั้น “ถ้าหากเราลองหาข้อมูลดู  อาจจะรู้ก็ได้ว่าเทือกเขาพวกนี้อยู่ ในจังหวัดอะไร”  ปภพเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ผมรู้สึกคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ”  สิรดนัยว่า  ก่อนดีดนิ้ว  “นึกออก แล้ว  เคยได้ยินจากพี่ภัทรไงครับ  ก็เจ้าหมู่บ้านที่เราจะออกทริปกันนั่น แหละ” ปภพกับพิณธารมองหน้ากัน  มันช่างบังเอิญเหลือเกินที่เธอ เจอภาพประหลาดซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางในอนาคตพอดิบพอดี “แน่ใจหรือครับ”  ปภพถาม “ผมจ�ำได้ว่าพี่ภัทรเคยเล่าให้ฟังว่าหมู่บ้านบนภูแถวพะเยาที่ไป มามองเห็นวิวสวยมาก  หนึ่งในนั้นมีภูเขาหน้าตาแปลกชนิดเห็นครั้ง 30  ปองวุฒิ


เดียวก็จ�ำได้อยู่ลูกหนึ่ง  ยอดปลายของมันมีลักษณะโค้งมนเป็นทรง ระฆังคว�่ำ  แถมยังมียอดแหลมขึ้นมาเหมือนเจดีย์  จะว่าไปก็เหมือน ในภาพนี่เลยครับ” หนุ่มผมยาวขมวดคิ้ว  เขาแทบไม่เคยถามรายละเอียดจาก รุ่นพี่มากมายนัก  รู้เพียงว่าเหตุผลที่ฝ่ายนั้นต้องการออกทริปไปยัง หมู่บ้านเล็กๆ กลางเขาในภาคเหนือเพราะเจ้าตัวเคยไปมาก่อน  และ ได้ยินว่ามีหมู่บ้านลึกเข้าไปในเขาที่ยังคงธรรมชาติเอาไว้  แม้จะต้อง บุกป่าฝ่าดงเข้าไปด้วยเท้า  แต่ก็น่าจะคุ้มค่าที่ได้เห็นกับตา  ส�ำหรับ เขาแล้ ว แค่ ได้ สัม ผัส ธรรมชาติที่ยัง หลงเหลือ อยู่ในประเทศก็เ พียง พอ  ไม่ว่าที่ไหนยังมีผืนป่า  ในสายตาเขาย่อมสวยงามทั้งนั้น  โดย ไม่จ�ำเป็นต้องปรุงแต่งอะไรเลย เพราะเหตุ นี้ ก ระมั ง   ทั้ ง เขาและป้ อ งภั ท รยั ง ไปมาหาสู ่   ทั้ ง เดินทางด้วยกันบ่อยครั้ง  เพราะต่างมีความเชื่ออย่างเดียวกัน  คือการ มองด้วยตา  ประทับไว้ในความทรงจ�ำของตัวเอง  โดยไม่จ�ำเป็นต้อง เก็บสิ่งใดติดไม้ติดมือมา  นอกเหนือไปจากภาพถ่าย “ถ้าหากว่าใช่จริงๆ  ก็น่าสนใจนะครับ”  ปภพเอ่ย “ผมเห็นด้วย  ไม่แน่ที่นั่นอาจมีอาถรรพณ์อะไรบางอย่างก็ได้ หรือไม่ก็มันรอคอยให้น�้ำไปพบเจอ  ถึงได้ส่งรูปถ่ายมาก่อนล่วงหน้า อย่างนี้” ได้ยนิ สิรดนัยพูด  หญิงสาวก็ชกั ขนลุกชัน  เย็นวาบโดยไม่ทราบ สาเหตุ  พานให้ไม่อยากไปเอาดื้อๆ  หากเพราะไม่อยากแสดงออก จะสร้างปัญหากับกลุ่มเปล่าๆ  เธอเลยเงียบเสีย ทว่าปภพเห็นปฏิกิริยาก็พอเข้าใจว่าพิณธารคงไม่สบายใจกับ ค�ำพูดของสิรดนัยนัก  จึงปลอบใจ “น�้ำอย่าคิดมาก  มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้  ภูเขาแบบนี้ ม่านมรณา  31


ก็ใช่ว่าจะมีอยู่ที่เดียวในโลกสักหน่อย  พี่ว่าน่าจะเป็นที่ที่คล้ายกันมาก กว่า” “แต่ผมว่าไม่ใช่”  สิรดนัยค้านขึ้นทันที  “ต้องเป็นอาถรรพณ์ แน่ๆ เลย”   “คุณอ้น  อย่าพูดอะไรที่ยังพิสูจน์ไม่ได้  คุณก�ำลังท�ำให้น�้ำ กลัว”  ปภพปราม “อ้าว  น�้ำขวัญอ่อนจังครับ”  หนุ่มผิวขาวยักไหล่  หากสีหน้า เจื่อนไปเล็กน้อย  “ผมยังว่าอยากชวนพวกคุณไปถ่ายรูปด้วยกันแถว พวกบ้ า นร้ า งหรื อ ตึ ก ร้ า ง  ได้ บ รรยากาศดี น ะครั บ   ถื อ ว่ า เก็ บ ภาพ แปลกๆ ไว้เป็นพอร์ต๑” “น�้ำคงไม่ไหวหรอกค่ะ”  เธอรีบตอบส่ายศีรษะ  ไม่ใช่เพราะ หวั่นเกรงจนขวัญหนีอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ  เธอไม่ใช่คนขวัญอ่อน เอะอะก็กลัวสิ่งที่อธิบายไม่ได้ไปเสียหมด  ทว่าสิ่งนี้แตกต่างออกไป เธอรู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีนักจนไม่อยากข้องเกี่ยว “แล้วพี่ปอนด์ล่ะครับ  ไปด้วยกันไหม  จ้างนางแบบสักคน  แต่ง หน้าแต่งตัวแนวโกธิค  ผมว่าเข้ากัน”  สิรดนัยหันมาชวนช่างภาพหนุ่ม แทน “ผมไม่ชอบบุกรุก”  ปภพตอบเสียงเข้ม  “มีที่สาธารณะเปิดให้ ถ่ายภาพตั้งมากมาย  ไม่มีเหตุผลเลยที่เราจะไป” “คิดมากไปหรือเปล่าครับ  ตึกร้างทั้งนั้นใครจะมาคอยห้ามอยู่ ถ้าหวงก็ไม่ควรปล่อยให้ร้างแต่แรก” “เจ้าของอาจมีความจ�ำเป็นท�ำให้ตอ้ งทิง้ ร้าง  แต่ไม่ได้หมายความ ๑ พอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) คือแฟ้มที่รวบรวมข้อมูลพื้นฐานส่วนตัว และเก็บ สะสมผลงานเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ ความสามารถในการท�ำงาน และ ความส�ำเร็จของเจ้าของแฟ้ม 32  ปองวุฒิ


ว่าเขาเต็มใจให้คนแปลกหน้าเข้าไปยุ่มย่ามนี่ครับ”  เขาอธิบาย  “ดู อย่างตึกร้างริมแม่น�้ำเจ้าพระยาที่หลายคนชอบแอบปีนเข้าไปถ่ายรูป นั่นไง  คนเข้าไปจนเกิดเรื่องราวใหญ่โต  สุดท้ายเจ้าของก็ต้องออกมา ติดประกาศห้ามเข้า  แต่ก็ยังมีคนฝ่าฝืนอยู่เรื่อย” “ไอ้การสรรหาสถานที่ถ่ายรูปแปลกตากว่าคนอื่นเป็นสัญชาต- ญาณของช่างภาพนะครับ”  สิรดนัยตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน พิณธารได้ยินความคิดของอีกฝ่ายแล้วก็ขยับตัวอย่างอึดอัด เธอเห็นด้วยกับปภพเต็มที่  ไม่ควรมีใครอ้างตัวว่าเป็นช่างภาพแล้วคิด ว่าตัวเองสามารถบุกรุกไปที่ไหนเพื่อถ่ายรูปก็ได้  เพียงแค่มีกล้องสัก ตัว  ไม่ได้หมายความว่าจะมีอภิสิทธิ์เหนือใคร ทว่า...ยังมีบางคนเข้าใจผิด  และหยิบยกมาเป็นข้ออ้างเข้าข้าง ตัวเองอยู่เสมอ  เวลาได้ยินเช่นนี้ทีไร  ท�ำให้เธอรู้สึกละเหี่ยใจได้ทุกที บรรยากาศชักเริ่มไม่ค่อยดีนัก  สองหนุ่มสาวต่างลอบมองหน้า กันด้วยความกังวล  นึกสงสัยว่าจะร่วมเดินทางไกลกับคนที่มีแนวคิด ต่างจากตนเองคนละทางอย่างสิรดนัยได้หรือไม่   หรือควรปฏิเสธ ตั้งแต่ต้น  เพื่อไม่ให้ล�ำบากใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ยังไม่ทันได้ตัดสินใจอย่างไร  โทรศัพท์มือถือของปภพก็ดังขึ้น “พี่ภัทรโทรมา”  เขาหันมาบอกหญิงสาว “รับเลยครับ”  สิรดนัยเป็นคนตอบเสียอย่างนั้น  “อย่าลืมถาม ด้วยนะครับว่าภูเขาเจดีย์ในภาพของน�้ำใช่ที่เดียวกับที่พี่ภัทรเคยติดใจ หรือเปล่า” ปภพลุกเดินแยกไปอีกทาง  โดยไม่ตอบรับว่าจะถามหรือไม่ เหลือพิณธารอยู่กับสิรดนัยแค่สองคน  เธอรู้สึกอึดอัด  ไม่อยาก คุยกับเขา  จึงหาข้ออ้างไปซื้อกาแฟแก้วใหม่  เพื่อจะได้ลุกจากโต๊ะ ด้วยอีกคน ม่านมรณา  33


หนุ่มหล่อผิวขาวนั่งเอนหลัง  ผิวปากเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ โดยไม่รับรู้ถึงอาการไม่ต้อนรับแต่อย่างใด  เขาเป็นเช่นนี้มาแต่ไหน แต่ไร  สนใจเฉพาะเรื่องของตัวเองเท่านั้น  และที่ผ่านมาชายหนุ่ม ไม่เคยเจอคนรังเกียจรังงอน  ไม่อยากอยู่ใกล้มาก่อน  ตรงกันข้าม ไม่ว่าเขาจะดีร้ายแค่ไหน  ก็พร้อมมีคนอยากเข้าหาอยู่เสมอ  ด้วย ติดใจในรูปร่างหน้าตาและฐานะของเขา ดั ง นั้ น ความคิ ด ว่ า หญิ ง สาวหน้ า ตาสะสวยที่ เ พิ่ ง เจอกั น จะ เหม็นหน้าจนไม่อยากอยู่ตามล�ำพังกับเขา  จึงนอกเหนือการคาด หมายโดยสิ้นเชิง   นั่งอยู่อีกครู่  สิรดนัยก็ชักเบื่อ  สายตาเหลือบมองเห็นกล้อง ของพิณธารวางอยู่บนโต๊ะ  ใจประหวัดนึกถึงภาพปริศนาแล้วก็เกิดนึก สนุกขึ้นมา แค่ คิ ด ว่ า พวกเขาก� ำ ลั ง จะได้ เ ดิ น ทางไปยั ง สถานที่ นั้ น ก็ เ ริ่ ม ตื่นเต้นจนอยากกระโจนไปเดี๋ยวนี้เลย... ชายหนุ่มไม่ใช่คนงมงาย  เขายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับเรื่องเล่า ของหญิ ง สาว  หากแต่ด ้วยนิสัยรักผจญภัย  ชอบหาสิ่งเร้าให้ชีวิต มีสีสันตลอดเวลา  ท�ำให้สิรดนัยนึกอยากเห็นของจริงกับตาสักที  เข้า ท�ำนอง  ‘ไม่เชื่อต้องลบหลู่’  ให้รู้แจ้งเห็นจริงกันไปเลยว่ามีอยู่หรือ หลอกลวงกันแน่ เขาถือวิสาสะหยิบกล้องขึ้นมาเปิดดู  พิจารณาภาพนั้นอย่าง ละเอียดอีกรอบ  มองอย่างไรก็เป็นภาพแสนธรรมดา  ถ้าหากไม่มี เรื่องเล่าลึกลับประกอบแล้ว  เขาว่าองค์ประกอบของภาพจัดว่าขาดๆ เกินๆ ด้วยซ�้ำไป  เพราะวัตถุในภาพหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง  ไม่สมดุล กันทั้งสองข้างตามหลักพื้นฐานของการถ่ายรูปเบื้องต้น  เหมือนจัด วางทั้งต้นไม้และสัดส่วนทิวเขาอย่างสะเปะสะปะ  แถมแสงยังซีดจาง 34  ปองวุฒิ


ไม่มีความคมชัดเท่าที่ควร  สีสันใบไม้ใบหญ้าแทนที่จะสดใสกลับจาง จนเหมือนวัดแสงผิด สิรดนัยวิจารณ์ภาพนั้นอยู่ในใจอย่างติดลม  รู้ตัวอีกทีเขาก็โดน ลมตีเข้าที่หน้า  ตามด้วยช่วงล�ำตัวอย่างรุนแรง...ราวกับมีพายุลูกย่อม ก่อตัวใต้โต๊ะ  ส่งแรงผลักจากด้านล่างกระแทกปลายคาง  สะบัดจน เขาหงายหลังตกเก้าอี้  จากนั้นกระเด็นกระดอนต่อไปอีกหลายเมตร จนกระแทกผนัง! “คุณอ้น!  เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”  พิณธารเดินกลับมาที่โต๊ะ ทันเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี  เธอรีบวิ่งไปประคองเขา ชายหนุ่มผิวขาวหน้าซีดเผือด  เบิกตามองโต๊ะกาแฟที่พวกเขา นั่งกันราวกับเห็นผี  อ้าปากค้างแต่ไม่มีค�ำพูดเล็ดลอดออกมาสักค�ำ เดียว ปภพวิ่งตามมาทีหลัง  ถามหญิงสาวทันที “เกิดอะไรขึ้นครับ  น�้ำ” “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ  น�ำ้ เห็นว่าอยูด่ ๆี   คุณอ้นก็ลม้ หงายหลัง แล้วกลิ้งมาจนถึงนี่” ค� ำ ว่ า  ‘กลิ้ ง ’  อาจไม่ ต รงความจริ ง นั ก   สิ่ ง ที่ เ ธอเห็ น คื อ เขา เหมือนถูกผลักอย่างแรงซ�้ำแล้วซ�้ำเล่าออกมามากกว่า  ทว่าไม่รู้จะ อธิ บ ายได้ อ ย่ า งไร  เพราะมั น ช่ า งเหลื อ เชื่ อ   ใครที่ ไ หนจะล้ ม แล้ ว กระเด็นต่อในลักษณะนั้นได้กันเล่า “คุณอ้น  ลุกไหวไหมครับ”  ปภพหันไปถามคนล้ม  ทว่าไม่มี เสียงตอบ  คล้ายกับสิรดนัยแข็งทื่อกลายเป็นหุ่นไปเสียแล้ว  เขาจึงหัน ไปพูดกับพิณธาร  “ช่วยกันพยุงกลับโต๊ะก่อนดีกว่าน�้ำ  เขาคงก�ำลัง ตกใจ” ทัง้ สองประคองสิรดนัยกลับอย่างทุลกั ทุเล  มีชายหนุม่ โต๊ะข้างๆ ม่านมรณา  35


อาสาช่วยจึงค่อยผ่อนแรงหญิงสาวลงไปได้มาก  เพราะสิรดนัยนั้นมี รูปร่างล�่ำสันไม่น้อย เธอยื่นกาแฟร้อนให้เขาดื่ม  คราวนี้คนตกใจยอมรับแต่โดยดี พอจิบไปได้สักอึก  สติก็กลับคืน  ชายหนุ่มกะพริบตาถี่ๆ  หันมองอีก สองคนด้วยใบหน้ายังซีดเซียว “เมื่อกี้มีใครเห็นบ้างไหมครับ”  สิรดนัยถาม “เห็นอะไรครับ”  ปภพย้อนถาม  ขมวดคิ้วมุ่น “มีอะไรไม่รู้ผลักผมจนล้มกลิ้งไปถึงตรงโน้น  แรงมันเยอะมาก เชียวละ” “น�้ำเห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวนะคะ  ไม่มีใครมาแถวโต๊ะเราเลย” พิณธารแย้ง “ผมก็มองไม่เห็นเหมือนกันว่าอะไรผลักผม  แต่ผมโดนผลักแน่ ไม่ได้ซุ่มซ่ามตกเก้าอี้ไปเฉยๆ หรอกครับ” ปภพลอบถอนหายใจ  คิดว่าคงไม่สามารถร่วมทางกับอีกฝ่าย ได้แน่แล้ว  ไม่เพียงนิสัยไปกันคนละทาง  ซ�้ำยังยึดมั่นยืนกรานความ คิดของตัวเองเป็นใหญ่  คนแบบนี้ข้องเกี่ยวด้วยเมื่อไรมีแต่หนักใจ เท่านั้น  เลี่ยงได้เป็นดีที่สุด  เขาเห็นจะต้องแจ้งกับป้องภัทรไปเช่นนี ้ เสียแล้ว “อาจขยับตัวผิดท่า  เก้าอี้เลยเอียงจนท�ำให้ล้มก็ได้ครับ”  เขา บอกอีกฝ่ายไปอย่างนั้น “ไม่ใช่  ผมถูกผลัก”  สิรดนัยยังคงยืนกราน  “พี่ปอนด์หาว่าผม พูดจาเลื่อนเปื้อนหรือไง” “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอก  แต่ไม่มีคนเห็นเป็นอย่าง อื่นเลยนี่ครับ”  เขาถอนหายใจ “ผีแน่ๆ”  อยู่ดีๆ  หนุ่มผิวขาวก็โพล่งออกมา  “ตอนเกิดเรื่อง 36  ปองวุฒิ


ผมก�ำลังมองรูปภาพของน�้ำอยู่  แล้วก็โดนผลัก  มันต้องเกี่ยวข้องกัน แน่เลย” “คุ ณ อ้ น   พอเถอะ  ผมว่ า ชั ก ไปกั น ใหญ่ แ ล้ ว ”  น�้ ำ เสี ย งของ ปภพยามนี้ดุดัน  จนแม้กระทั่งคนเอาแต่ใจอย่างสิรดนัยยังต้องยอม ลง  หากไม่วายพ่นลมหายใจ  บ่นพึมพ�ำ “ไม่เชื่อก็แล้วไป  ให้ตาย!  เฮี้ยนขนาดนี้เลยเหรอ  น�้ำครับ  ทิ้ง ไอ้เลนส์นี่ไปเถอะ  อย่าพกติดตัวเลย  เดี๋ยวจะพานซวยเปล่าๆ” “ผมกับน�้ำจะกลับกันแล้ว  ถ้าหากคุณไม่กลับก็ตามใจ  ลานะ ครับ  คุณอ้น”  ปภพเป็นฝ่ายหมดความอดทน  เขาจัดแจงเก็บกล้อง และข้าวของต่างๆ ของทั้งตัวเองและพิณธารลงกระเป๋าเสร็จสรรพ จากนั้นก็แตะข้อศอกหญิงสาวเบาๆ  พยักพเยิดให้ออกไปด้วยกัน โดยไม่หันมามองคนที่ยังอยู่ในร้านเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองเดินกันต่ออีกครู่ใหญ่  แน่ใจว่าสิรดนัยไม่คิดจะ  ติดตามมาแน่แล้ว  ปภพก็ชวนหยุด  แล้วถามหญิงสาวว่า “น�้ำคิดจะท�ำยังไงกับเลนส์นี้ต่อ  โยนทิ้งอย่างที่นายอ้นนั่นบอก หรือเปล่า” พิณธารนิ่งคิด  ก่อนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ไม่รู้เลยค่ะ  เอาเข้าจริงน�้ำก็ไม่สามารถปักใจเชื่อได้เต็มร้อยว่า ปัญหาอยู่ที่เลนส์ตัวนี้จริงๆ”  เธอร�ำพึง  “มันเหลือเชื่อเกินไป” “พี่เห็นด้วย”  เขาผงกศีรษะ  “น�้ำคงรู้ว่าพี่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้แต่ แรกอยู่แล้ว  แต่ถ้าหากน�้ำไม่สบายใจ  ขายต่อไปเสียก็เป็นทางเลือก ที่ดี” หญิงสาวคิดถึงเหตุการณ์ประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นนับแต่เธอ ได้เลนส์เก่าตัวนี้มา  ทั้งรูปถ่ายปริศนาไร้ที่มา  เงาด�ำในภาพที่เหมือน ม่านมรณา  37


จะขยั บ ได้   ไหนจะสิ ร ดนั ย ยื น ยั น ว่ า ตั ว เองถู ก สิ่ ง ที่ ม องไม่ เ ห็ น ผลั ก เอาจนกระเด็นกระดอน  ทั้งหมดชวนให้คิดว่ามันเกิดเพราะสิ่งเหนือ ธรรมชาติไม่อาจอธิบายได้จริง  หรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญผสานกับจิต หลอกกายกันแน่ “น�้ำไม่แน่ใจว่าจะท�ำยังไงดีค่ะ  บอกตรงๆ ว่าเสียดาย  อุตส่าห์ ได้เลนส์ถูกใจ  แถมยังใช้แค่ครั้งเดียว  ไม่รู้ด้วยซ�้ำว่ามันมีปัญหาจริง หรือเปล่า” ปภพเข้าใจหญิงสาว  ความที่ไม่หวั่นเกรงเรื่องราวไร้ค�ำอธิบาย จ�ำพวกนี้อยู่ก่อนแล้ว  ท�ำให้เขาไม่เร่งรัดให้เธอตัดสินใจ  พิณธารเป็น เจ้าของเลนส์  เธอมีสิทธิ์ตัดสินใจตามเห็นควร  ไม่มีใครไปชี้น�ำได้ เงียบกันไปอีกครู่  ในที่สุดเธอก็เชิดหน้าน้อยๆ  มองตรงไปข้าง หน้า  บ่งบอกว่าตัดสินใจได้แล้ว “น�้ำไม่อยากเป็นคนงมงาย  แต่ถ้าหากเลนส์นี้ชักน�ำให้น�้ำถ่าย ภาพอนาคตที่เราก�ำลังจะไปได้  ก็อยากลองให้เห็นข้อพิสูจน์มากกว่า นี้ก่อนค่ะ  แล้วจะท�ำยังไงต่อค่อยว่ากันอีกที” “พี่เข้าใจ”  “แต่ถา้ น�ำ้ โดนผีหลอก  พีป่ อนด์ตอ้ งรีบมาช่วยน�ำ้ เลยนะคะ”  เธอ ไม่วายพูดเล่น  ก่อนจะม่อยหน้าเมือ่ โดนชายหนุม่ มองด้วยสายตาต�ำหนิ “อย่าพูดเล่นสิครับ”  เขาดุ “ไม่พดู แล้วค่ะ  พีป่ อนด์ทำ� เหมือนน�ำ้ เป็นเด็กเล็กๆ ไปได้  ทัง้ ทีน่ ำ�้ น่ะ...”  หยุดพูดไปเสียเฉยๆ  ก่อนเผลอออกปากมาว่าเป็นอะไรกับเขา เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร  และไม่กล้าจับเข่าตกลงกันอย่างเป็น เรื่องเป็นราวเสียด้วย! ปภพไม่เห็นความผิดปกติ  หรือไม่ส�ำหรับเขา...ความสัมพันธ์ ของทั้งสองอาจชัดแจ้งอยู่แล้วก็เป็นได้ 38  ปองวุฒิ


เสียงกริ่งประตูรั้วดังค่อนข้างถี่  หญิงวัยกลางคนเจ้าของ  บ้านถึงกับขมวดคิ้ว  ทั้งสงสัยแกมวิตกว่าใครมาเยือนกันแน่หนอ  ถึง ได้กดกริ่งรัวราวกับมีเรื่องเร่งร้อน “น�้ำ  ออกไปดูหน่อยสิลูกว่าใครมา”  นางตะโกนเรียกบุตรสาว ครู่เดียวคนถูกเรียกก็รีบกระวีกระวาดมาจากห้องนอน  ร้อง ตอบ “จะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ” พิณธารกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้ารั้ว  ก่อนขมวดคิ้วตามมารดา ด้วยอีกคนเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่คือสุภาพ  เพื่อนบ้านถัดออกไปอีก สองหลังนั่นเอง สุภาพเป็นชายวัยกลางคน  ท่าทางและหน้าตาค่อนไปทาง สุภาพเหมือนชื่อ  มักแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีเรียบกับกางเกงสแล็กส์รีด เรียบกริบ  เธอได้ข่าวว่าเขาท�ำงานธนาคาร  ซึ่งก็สมกับภาพลักษณ์ดี หนุ่มใหญ่จัดว่ามีน�้ำใจทีเดียว  ยามไปไหนมาไหนก็มักมีของ ฝากติดไม้ติดมืออยู่เรื่อย  แม้เธอกับมารดาจะคอยพร�่ำบอกว่าไม่ ม่านมรณา  39


จ�ำเป็นก็ตาม  คราต่อมาเขาก็จะปรากฏตัวหน้าบ้านพร้อมกับขนม นมเนยถุงใหญ่อยู่เช่นเดิม “คุณสุภาพ  มีธรุ ะด่วนอะไรหรือเปล่าคะ”  เธอร้องถาม  ขณะสาว เท้าเดินไปหา “สวัสดีครับ  น้องน�้ำ”  อีกฝ่ายยิ้มกริ่ม  ทักทายด้วยเสียงนุ่ม นวลสุภาพดังเคย  “กดกริ่งตั้งนานไม่มีใครตอบ  นึกว่าไม่มีคนอยู่บ้าน เสียอีก” ขนาดคิดว่าไม่มีคนอยู่ยังกดกริ่งถี่รัวขนาดนี้  ถ้ารู้ก่อนว่ามีคน อยู่แต่ยังไม่ออกมารับ  จะกดจนกริ่งสึกเลยหรือเปล่า  เธอค่อนในใจ “อยู่ค่ะ  แต่ทั้งน�้ำกับแม่ติดธุระกันอยู่  เลยวิ่งออกมาไม่รวดเร็ว นั ก ”  เธอตอบกึ่ ง ประชด  พยายามรั ก ษาน�้ ำ เสี ย งให้ ไ ม่ เ จื อ ความ หงุดหงิดลงไป  ท่องไว้ว่าถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนบ้านเกื้อกูล กันดี “พี่ซื้อทุเรียนหมอนทองมาฝากครับ”  เขาชูถุงให้ดู  “เผอิญแวะ ไปตลาด  เดินหาโน่นหานี่ติดไม้ติดมือ  เห็นทุเรียนแล้วนึกถึงคุณน้า นุช  เลยคิดว่าซื้อมาดีกว่า” “ขอบคุณมากนะคะ  คุณสุภาพ  แต่คราวหลังไม่ต้องก็ได้ค่ะ น�้ำเกรงใจ”  เธอยกมือไหว้เขา “โอ๊ย!  เกรงใจอะไรกันครับ  เพื่อนบ้านกันแท้ๆ  น้องน�้ำพูด อย่างนี้พี่เสียก�ำลังใจแย่” พิณธารได้แต่ยิ้มแหย  แล้วรับของฝากเป็นการตัดบท  เพราะ ไม่อยากสนทนามากไปกว่านี้  เธอกับสุภาพไม่สนิทสนมกัน  พูดคุย นับครั้งได้ก็ตอนที่เขาน�ำข้าวของมาฝากนี่ละ “น�้ำอยู่กับแม่แค่สองคน  อาหารขนมอะไรพวกนี้ไม่ค่อยได้กิน กันสักเท่าไรหรอกค่ะ  คุณสุภาพซื้อมามากๆ  กลัวจะเสียของ  แต่ยังไง 40  ปองวุฒิ


ก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  ไว้วันหลังถ้าหากน�้ำไปไหนจะซื้อมาตอบแทน คุณสุภาพบ้าง” หญิงสาวเปิดประตูเล็ก  เอื้อมมือไปรับถุงพลาสติกจากอีกฝ่าย ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือจงใจ  ปลายนิ้วของสุภาพแตะหลังมือของ เธอเข้า  และไม่มีทีท่าจะเลื่อนหลบแต่อย่างใด  ซ�้ำยังลูบไล้ไปมาอีก ด้วย เธอรีบปล่อยมือโดยไว  มองอีกฝ่ายหัวเราะกลบเกลื่อน  แล้ว รีบผงกศีรษะเป็นเชิงขอบคุณอีกหน  ก่อนปิดประตูสาวเท้ากลับเข้าตัว บ้านโดยไม่หันไปมอง “ใครมาเหรอน�้ำ”  มารดาถามเมื่อเห็นบุตรสาวหน้านิ่วกลับเข้า มาในบ้าน “คุณสุภาพค่ะ”  เธอตอบ  “เขาเอาหมอนทองมาให้” “ซื้ออะไรมาให้ทุกวี่ทุกวัน  เมื่อวันก่อนก็เพิ่งเอาล�ำไยมาฝาก” คุณนุชขมวดคิ้ว “เขาคงเพิ่งนึกได้ว่ากินล�ำไยแล้วน่าจะกินทุเรียนด้วยมั้งคะ” เธอตอบพลางหัวเราะทั้งที่ไม่นึกข�ำ  หวนนึกถึงเมื่อครู่  ไม่ว่าฝ่ายนั้น จะจงใจหรือไม่ก็ตาม  เธอก็ไม่นึกอยากเข้าใกล้นายสุภาพคนนี้เลย สักนิด อาจเพราะภายใต้หน้าตาท่าทางสุภาพ  เธอรู้สึกถึงอะไรบาง อย่างไม่ชอบมาพากลในตัวผู้ชายคนนั้นกระมัง  ถึงได้ไม่รู้สึกชมชอบ ความเป็นมิตรของเขาเลย “เกรงใจเขานะ  วันหลังคงต้องซื้ออะไรตอบแทนไปบ้าง” “น�ำ้ ว่าไม่ตอ้ งก็ได้คะ่   เขาให้เราเองแท้ๆ  ยังท�ำให้เราต้องล�ำบาก หาของฝากกลับไปให้อีก  ถามสักค�ำว่าเราอยากได้หรือไม่ก็เปล่า” “คิดอย่างนัน้ ไม่ได้ส ิ เพือ่ นบ้านกัน  เดีย๋ วจะกินแหนงกันเปล่าๆ” ม่านมรณา  41


มารดาดุ  “คราวหน้าคราวหลังน�้ำออกต่างจังหวัดเมื่อไรก็ซื้อติดมือมา ด้วยนะลูก  ไม่อยากให้เขามองว่าเราไม่มีน�้ำใจกลับ” “ค่า”  เธอตอบอย่างเบื่อหน่าย  แค่นึกว่าต้องเลือกซื้อของให้ เพื่อนบ้านคนนี้ก็ไม่อยากท�ำแล้ว “เออ  อีกสองวันแม่จะไปนั่งสมาธิที่วัดกับป้ากุ่ยนะ  น�้ำอยาก ได้อะไรหรือเปล่า” “แหม  แม่ไปวัด  น�้ำจะขอของฝากอะไรได้ล่ะคะ”  เธอย่นจมูก “เอาเป็นว่าแม่ไปกับป้ากุ่ยได้ไม่ต้องห่วงบ้านแล้วกันค่ะ  น�้ำจะดูแล อย่างดี” “มีอะไรก็ฝากฝังเพื่อนบ้านบ้างก็ได้นะ  คงพอช่วยเหลือกันได้ ละ”  มารดาก�ำชับ พิณธารคร้านจะบอกท่านว่าต่อให้หาใครไม่ได้  เธอยอมอยู่เฝ้า บ้านทัง้ วันทัง้ คืนดีกว่าขอความช่วยเหลือให้เพือ่ นบ้านอย่างนายสุภาพ ดูแลบ้านให้  ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อาจไว้วางใจเขาได้เต็มที่เลยสักนิด เดียว สองวั น ต่ อ มา  พิ ณ ธารนั ด กั บ ปภพ  ตั้ ง ใจว่ า จะไปสวน  สาธารณะชานเมืองซึง่ ก�ำลังเป็นทีน่ ยิ มส�ำหรับผูร้ กั ธรรมชาติ  ชายหนุม่ แวะมารับเธอที่บริษัท  ก่อนนั่งรถไปด้วยกัน “อากาศดีจัง นะคะ  ไม่น่าเชื่อ ว่าใกล้เมืองแค่นี้แต่ยังมีสวน ร่มรื่นอากาศบริสุทธิ์ไว้ให้คนมาพักผ่อนด้วย”  เธอเอ่ย  พลางสูดลม หายใจลึก “ถ้าน�้ำชอบ  เรามากันบ่อยๆ  ก็ได้” หญิงสาวลอบมองหน้าคนชวน  ปภพไม่มีสีหน้าผิดปกติแต่ อย่างใด  ราวกับค�ำชวนของเขาเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ 42  ปองวุฒิ


ความจริงเธอกับเขาไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ  แต่ส่วนใหญ่ แล้วก็ไม่พ้นเกี่ยวกับการถ่ายภาพ  ไม่มีหรอกไปดูหนังฟังเพลงหรือ ทานข้าวด้วยกันอย่างคู่เดต  ท�ำให้เธอไม่เคยแน่ใจว่าทั้งสองก้าวข้าม ขั้นไปคบหากันฉันคู่รัก  หรือเธอแอบคิดหวังไปคนเดียวกันแน่ คงจะดี...ถ้าหากเขาแสดงออกสักหน่อย “รบกวนพี่ปอนด์บ่อยๆ  น�้ำก็เกรงใจแย่สิคะ”  เธอแสร้งพูดไป อีกทาง “นัดกันเวลาว่างอยู่แล้ว  จะเรียกว่ารบกวนได้ยังไง”  เขาท�ำ หน้าฉงน พิณธารนึกฉุนเล็กน้อยกับความไม่รู้อะไรเลยของชายหนุ่ม  ถ้า เขาไม่แกล้ง...ก็ต้องความรู้สึกช้าเกินกว่าคนปกติ “เดินหามุมถ่ายรูปกันดีกว่าค่ะ”  เธอเปลี่ยนเรื่อง หญิงสาวเดินจ�้ำอ้าวเร็วกว่าที่ควรจะเป็น  แว่วได้ยินเสียงร้อง เรียกของปภพตามมาจากทางด้านหลัง  ทว่าเธอเลือกไม่ใส่ใจ  กลับ เร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม  ไม่ทันมองเห็นรอยเผยอของพื้นไม้จึงเดินสะดุด เข้าเกือบหน้าคะม�ำ  ถ้าหากไม่ได้ชายหนุ่มช่วยดึงไว้ทัน ร่างบางกว่าเอนถอยหลังพิงแผงอกอุ่นแข็งแรง  ท�ำให้หัวใจเกิด เต้นแรงขึ้นมาโดยไม่ยอมฟังเสียงห้ามของเจ้าของ  พิณธารหลุบตา มองพื้น  ก่อนพึมพ�ำ “ขอบคุณค่ะ” ปภพช่วยพยุงจนเธอยืนมั่นคง  เขม้นมองอย่างผู้ใหญ่ต�ำหนิ เด็กน้อย “น�้ำไม่น่ารีบเดินขนาดนั้น  เกิดล้มขึ้นมาเจ็บตัวเปล่าๆ” “ก็น�้ำไม่นึกว่าพื้นมันจะไม่เรียบนี่คะ”  เธอแก้ตัวเสียงอ่อย  “ดีที่ พี่ปอนด์ช่วยไว้ทัน  ไม่อย่างนั้นทั้งน�้ำทั้งกล้องคงกระแทกพื้นแน่เลย” ม่านมรณา  43


“แค่น�้ำไม่บาดเจ็บก็ดีแล้ว”  เขายิ้มอ่อน  แตะไหล่เบาๆ  “เดิน ดีๆ ล่ะ  หรือจะให้จูงมือพาเดิน” “น�้ำไม่ใช่เด็กนะคะ  พี่ปอนด์  เดินเองได้หรอกน่า”  เธอแกล้ง ค้อนเขา  หากในใจคิดว่า...ถ้าหากเขาท�ำอย่างทีพ่ ดู จริงๆ ก็คงดีเหมือน กัน “งั้นเดินไปพร้อมกันนี่แหละ”  เขาว่า  แล้วออกเดินเคียงข้าง ทั้งสองพูดคุย  และถ่ายรูปด้วยกัน  ปภพเห็นว่าหญิงสาวยังคง ใช้เลนส์ตัวเดิมอยู่  จึงเอ่ยถาม “ตกลงว่าน�้ำยังเก็บเลนส์ตัวนี้ไว้  แล้วก็เอาออกมาใช้ด้วยเหรอ” “ค่ะ”  เธอผงกศีรษะ  “น�ำ้ มาคิดว่ากลัวไปก็เท่านัน้   อีกอย่างเก็บ ไว้ตั้งหลายวันแล้ว  ถ้าหากเลนส์มีผีสิงจริงๆ  ป่านนี้คงออกมาหักคอ น�้ำเรียบร้อยแล้วละค่ะ” “พูดอย่างนี้พี่ไม่ชอบเลย”  เขาย่นหัวคิ้ว “ก็มันจริงนี่คะ  แม่ก็บอกว่าถ้าหากเราท�ำดีเสียอย่าง  สิ่งร้ายๆ ที่ไหนก็ท�ำอันตรายเราไม่ได้หรอก” “น�ำ้ บอกน้านุชด้วยเหรอ”  เขากับมารดาของหญิงสาวรูจ้ กั คุน้ เคย กันดี  เนื่องจากเคยมารับเธอที่บ้านหลายครั้ง  ท�ำให้คุณนุชนารถรู้จัก ปภพในฐานะเพื่อนของบุตรสาว  “เปล่าค่ะ  ไม่กล้าบอกหรอก  เดี๋ยวแม่ตกใจ  นี่ก็ปล่อยให้ไปนั่ง สมาธิที่ต่างจังหวัด  เผื่อกลับมาจะหอบบุญมาฝากลูกสาวบ้าง” “ตอนนีน้ า้ นุชไม่อยูบ่ า้ นเหรอ”  ปภพขมวดคิว้ หนักกว่าเดิม  “น�ำ้ อยู่บ้านคนเดียวพี่ไม่ค่อยไว้ใจเลย” “ไม่ต้องห่วงค่ะ  แถวบ้านน�้ำปลอดภัย  เพื่อนบ้านช่วยสอดส่อง ดูแลกันอยู่แล้ว”  ถึงจะพูดเช่นนั้น  หากเมื่อนึกถึงหน้าเพื่อนบ้านผู ้ แสนดีเกินไปอย่างนายสุภาพ  ก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกันว่าชวนอุ่นใจ 44  ปองวุฒิ


จริงอย่างที่บอกเขาหรือเปล่า “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  ไม่มีใครคอยดูเราได้ตลอดเวลาหรอก  เอา อย่างนี้  เย็นนี้พี่ไปส่งที่บ้าน”  เขาเสนอตัว “แต่บ้านน�้ำกับพี่ปอนด์อยู่คนละทางเลยนะคะ  ถ้าพี่ไปส่งก็ กลับบ้านค�่ำสิคะ” “ไม่เห็นเป็นไรเลย  จะให้พี่ปล่อยน�้ำกลับบ้านคนเดียว  คืนนี้ จะนอนหลับได้ยังไงกัน  ห้ามเถียง  ยังไงพี่ก็จะไปส่ง”  เขายืนกราน ท�ำให้พิณธารหมดข้อโต้แย้ง “ขอบคุณมากค่ะ  น�้ำกวนพี่อยู่เรื่อย” “คิ ด มากไปได้   เรารู ้ จั ก กั น มาตั้ ง นานแล้ ว นะ  เรื่ อ งแค่ นี้ เ อง ท�ำไมต้องคิดให้หนักด้วยล่ะ”  เขาหัวเราะในล�ำคอ  “ไปตรงนั้นดีกว่า พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว  น่าจะถ่ายออกมาได้แสงสวย” ปภพเดินน�ำหน้าดิ่งไปยังทิศทางที่เขาชี้มือ  โดยมีพิณธารเดิน ตามหลัง  พร้อมกับอดครุ่นคิดในค�ำพูดของเขาเมื่อครู่ไม่ได้  อยาก ถามเหลือเกินว่าสิ่งดีๆ ที่เขาท�ำให้  เพียงเพราะทั้งสองเป็น  ‘คนรู้จัก’ เท่านั้น  หรือมีอะไรมากกว่านั้นซุกซ่อนอยู่ หญิงสาวยกกล้องเล็งสายตาทางช่องวิวไฟน์เดอร์  ปรับ  เล็งหาจุดโฟกัสตามเป้าหมาย  ก่อนกดลั่นชัตเตอร์หลายภาพติดต่อ กัน  จากนั้นก็ตรวจภาพที่เพิ่งถ่ายผ่านทางหน้าจอ  ยิ้มอย่างพอใจเมื่อ เห็นว่าได้ภาพตามต้องการไม่ผิดเพี้ยน “แสงสวยจังเลยนะคะ  โชคดีที่มาวันนี้  ฟ้าปลอดโปร่งมาก” เธอว่า “ไหนดูสิ”  ปภพยื่นหน้ามาใกล้  ขอดูรูปภาพที่เพิ่งถ่ายไป  ก่อน ยิ้ม  “เดี๋ยวนี้น�้ำถ่ายภาพสวย  อาจจะเก่งกว่าพี่แล้วนะเนี่ย” ม่านมรณา  45


“ถ้าน�้ำเก่งได้สักครึ่งของพี่ปอนด์  น�้ำว่าจะรับงานถ่ายแล้ว นะคะเนี่ย  หาเงินเข้ากระเป๋าวันหยุดดีกว่า” “พี่ว่าฝีมือน�้ำก็พัฒนาขึ้นมากจนพอจะรับงานได้แล้วนะ” “อย่าแจกยาหอมเลยค่ะ  น�้ำรู้ตัวว่าต้องฝึกอีกมาก  ไม่อย่าง นั้นคงไม่กล้ารับเงินใคร  สงสารลูกค้า  อยากได้งานดีๆ ระดับมืออาชีพ แต่ดันเป็นที่ทดลองงานของมือสมัครเล่นแทน” “น�้ำดูถูกตัวเองเกินไปหน่อย”  เขาว่า  “แต่ถ้าน�้ำมีใจรัก  ไม่ได้ อยากท�ำเป็นอาชีพอะไรพี่ก็ไม่ว่าหรอก  ยังดีกว่าพวกฝีมือยังไม่ให้  แต่ รีบก้าวกระโดดอยากรับงานรับเงิน  สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องเป็นราว ต้องมาร้องเรียนกัน  สุดท้ายคนเสียก็คือคนจ้างนั่นเอง” “นั่ น สิ ค ะ  ยิ่ ง งานส� ำ คั ญ อย่ า งงานแต่ ง งานหรื อ รั บ ปริ ญ ญา เจอรูปถ่ายออกมาเละเทะไม่เป็นท่าคงลมแทบจับ  เสียเงินยังไม่เท่า เสียใจ  จะให้จัดงานใหม่เชิญแขกเหรื่อมาอีกรอบก็ใช่ที่  กลายเป็น ต้องทนรับสภาพทั้งที่ไม่ควรเลย” “คนพวกนี้ท�ำให้ช่างภาพดีๆ มีฝีมือและความรับผิดชอบเสีย หายไปด้วย” “อย่าพูดเรื่องเครียดเลยค่ะ  รีบถ่ายรูปก่อนแสงหมดดีกว่า” เธอเปลี่ยนเรื่อง  ยิ้มกว้าง  พร้อมกับชี้มือไปทางพุ่มไม้ดอกที่ก�ำลังชูช่อ สล้างอวดสีสันสดใส  “น�้ำไปยืนตรงนั้นสิ  เดี๋ยวพี่ถ่ายให้”  ชายหนุ่มอาสา “งั้นถ่ายกล้องน�้ำด้วยนะคะ  อยากได้ภาพฝีมือช่างภาพคนเก่ง มาเจิมเลนส์ใหม่สักหน่อย” ปภพหัวเราะในล�ำคอ  โคลงศีรษะกับความขี้เล่นของหญิงสาว หากก็ยอมรับกล้องมาแต่โดยดี  ครั้งแรกเขาใช้กล้องคู่ใจถ่ายภาพ พิณธารจนได้รูปน่าพอใจก่อน  จากนั้นก็ให้เธอยืนค้างท่าไว้  และ 46  ปองวุฒิ


เปลี่ยนมาใช้กล้องอีกตัวบ้าง หากขณะก�ำลังเล็งผ่านช่องมองภาพนั่นเอง  เขาก็เห็นเงาอะไร บางอย่างพุ่งพรวดเข้ามาขวางหน้านางแบบจ�ำเป็นเอาไว้ ทว่านั่นไม่น่าหวาดหวั่นเท่ากับตอนที่เขาเห็นชัดเจนในวินาที ต่อมาว่าเงาด�ำนั้นคืออะไร... ‘มัน’  คือร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง  ผมของหล่อนยาวรุงรังปรก หน้า  ซ�้ำเนื้อตัวยังสกปรกเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบของเหลวสีเข้มจัด หล่อนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองกล้อง  ท�ำให้เห็นว่าใบหน้าของหญิงสาว ปริศนาโชกไปด้วยเลือด! ปภพผงะถอย  ละสายตาจากกล้องทันควัน  พอมองตรงหน้า ในความเป็นจริงก็เห็นว่าไม่มีผู้หญิงท่าทางน่ากลัวคนนั้น  ราวกับว่า หล่อนปรากฏตัวแค่ผ่านกล้องเท่านั้น “พี่ปอนด์  มีอะไรหรือเปล่าคะ”  พิณธารร้องถามอย่างฉงนเมื่อ เห็นท่าทางผิดปกติของชายหนุ่ม ชายหนุ่มกะพริบตาถี่  ก่อนสะบัดศีรษะ  ตอบว่า “ไม่มีอะไร  แมลงบินผ่านหน้าน่ะ” “เหรอคะ  พี่ปอนด์ท�ำท่าอย่างกับเห็นผีแน่ะ  น�้ำนึกว่าเจอดีเข้า แล้ว” ตอนแรกชายหนุ่มคิดจะโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดเรื่องเลนส์ผีสิง ขึ้นมาอีก  ทว่าเมื่อทบทวนดีแล้วก็เปลี่ยนใจ  ถ้าหากมีบางสิ่งอยู่ใน เลนส์จริงๆ  เจ้าของอย่างพิณธารสมควรได้รับรู้  การอมพะน�ำเอาไว้รัง แต่จะเป็นผลเสียมากกว่า “น�้ำ  พี่ว่าเราต้องคุยกันแล้วละ” ปภพเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นให้เธอฟัง  หญิงสาวเบิกตากว้างอย่าง ตกตะลึง  ก่อนพูดตะกุกตะกัก ม่านมรณา  47


“พี่ปอนด์...เห็นผู้หญิงเปื้อนเลือดหรือคะ” “ตอนแรกพี่ก็ไม่คิดว่าเป็นเลือดหรอก  เพราะย้อนแสงเลยเห็น ไม่ค่อยชัดนัก  แต่พอผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาถึงได้รู้ว่าเป็นเลือด” “แล้วพี่เห็นหน้าเธอไหมคะ”  พิณธารรีบถามด้วยความอยากรู้ “ไม่เห็นเลย  ทั้งหน้าโชกไปด้วยเลือดจนมองไม่ออกว่าเป็นใคร หรือมีลักษณะใบหน้าเป็นอย่างไร”  เขาส่ายศีรษะ พิณธารครางอย่างเสียดาย  ถ้าหากเห็นหน้าค่าตายังพอเก็บ เป็นเบาะแสให้สืบหาว่าเจ้าหล่อนเป็นใครได้บ้าง  แต่ในเมื่อมองไม่ เห็นก็เท่ากับมืดแปดด้านเหมือนเดิม “น�้ำไม่อยากเชื่อเลยว่าเลนส์ตัวนี้จะมีวิญญาณสิงสู่อยู่จริงๆ ด้วย”  เธอร�ำพึงกับตัวเองมากกว่าพูดคุยกับคู่สนทนา “แล้วจะท�ำยังไงกันต่อดี  ทิ้ง...หรือว่าเอาไปให้พระที่วัดดู” ปภพเองไม่ค่อยอยากเชื่อนักว่ามีผีสางอยู่จริง  แต่ในเมื่อเห็น เข้ากับตาจึงพอเชื่ออยู่บ้าง  แม้อีกใจจะยังคิดว่าอาจตาฝาดไปก็ได้ หญิงสาวมองหน้าเขา  ก่อนเอ่ยช้าๆ ว่า “พี่ปอนด์จะว่าน�้ำบ้าไหมคะ  ถ้าหากน�้ำจะบอกว่าอยากเก็บ เลนส์ตัวนี้ไว้” “ท�ำไมล่ะ” “ไม่ รู ้ สิ ค ะ  น�้ ำ มี ค วามรู ้ สึ ก แปลกๆ”  เธอพยายามคิ ด หาค� ำ บรรยายได้อย่างยากเย็น  “เหมือนกับว่า...น�้ำควรรู้ให้ได้ว่าผีตนนี้คือ ใคร  และมีจุดประสงค์อะไรกันแน่” “ไม่กลัวเหรอ” “แหม  กลัวสิคะ  แต่ในความกลัว...น�้ำรู้สึกอยากช่วยให้เธอ หลุดพ้น  ไปผุดไปเกิดด้วย” “ไม่ยักรู้ว่าน�้ำเป็นพวกคนปราบผี”  เขายังมีแก่ใจล้อเล่น 48  ปองวุฒิ


“ปราบที่ไหนกันคะ  ช่วยต่างหาก”  เธอพูดแก้อย่างงอนนิดๆ ส่งค้อนวงใหญ่ให้เขา  “เมื่อกี้พี่ปอนด์ได้กดชัตเตอร์หรือเปล่าคะ” “กดแล้ว  แต่ไม่รู้ว่าจะถ่ายติดหรือเปล่านะ  เพราะพี่กดจังหวะ เดียวกับที่ขยับตัวพอดี  ภาพอาจจะเบลอจนดูไม่ได้เลยก็เป็นได้” พิณธารรับกล้องมาเปิดหาภาพที่ชายหนุ่มเพิ่งถ่าย  ก่อนขมวด คิ้วมุ่นจนแทบชิดเป็นเส้นเดียวเมื่อเห็นทิวทัศน์แปลกตา  ไม่เหมือนกับ ที่อยู่รอบตัวเลยสักนิด “พี่ปอนด์  ดูนี่สิคะ  มีภาพสถานที่อื่นขึ้นมาอีกแล้ว!”  เธอร้อง กวักมือเรียกเขา ปภพยื่นหน้ามาดู  แล้วก็ต้องขมวดคิ้วตามด้วยอีกคน... ภาพที่ทั้งหมดเห็น  ไม่ใช่ภาพพื้นสั่นตามแรงขยับตัวของคน ถ่าย  หรือแม้กระทั่งภาพของพิณธารยืนท่ามกลางพุ่มไม้ดอก  ทว่า กลับกลายเป็นภาพกระท่อมไม้ไผ่หลังเล็ก  มองคล้ายกับกระท่อม ตามชนบท  ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่ได้ตั้งอยู่ในสวนแห่งนี้อย่างแน่นอน แล้วเขาถ่ายติดภาพนี้มาได้อย่างไรกัน ชายหนุ่มเพิ่งตระหนักถึงเรื่องที่พิณธารเล่าให้เขาฟังก่อนหน้า เดี๋ยวนี้เอง  มันทั้งประหลาดมหัศจรรย์และชวนประหวั่นไปพร้อมกัน มีสิ่งลึกลับใดอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่หาค�ำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้กันแน่ ค�่ำวันนั้น  ปภพมาส่งพิณธารที่บ้านตามลั่นวาจาเอาไว้  เขาจอดรถไว้หน้าบ้าน  และเดินลงไปส่งที่หน้าประตูรั้ว  ทั้งสองคุยกัน ถึงเรื่องภาพประหลาดอีกครั้ง “พี่จะลองหาดูว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า” เขาว่า  “แต่คงยากเต็มที  เพราะมันแปลกเหลือเกิน” ม่านมรณา  49


“ถึงตอนนี้น�้ำก็ยังตัดสินใจไม่ถูกเลยค่ะว่าจะกลัวหรือตื่นเต้นดี” หญิงสาวยิ้มจางๆ  ไม่เชิงขัน  แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าหวาดกลัวอย่างที่เจ้าตัว ว่าไว้ “ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยนะครับ  อย่าประมาทดีกว่า”  ปภพไม่ วายเตือน “ขอบคุณนะคะ  พี่ปอนด์ดีกับน�้ำเสมอเลย  แถมยังรอบคอบ กว่าด้วย” ยังไม่ทนั ทีท่ งั้ สองจะคุยกันมากกว่านี ้ สุภาพก็โผล่มาจากมุมมืด เข้ามาแทรกกลางเสียก่อน “น้องน�้ำกลับมาแล้วเหรอครับ  แหม...หายไปไหนกลับมาเสีย ดึกดื่นเลย  คุณน้านุชคงเป็นห่วงลูกสาวแย่” “แค่สองทุ่มเท่านั้น  คงไม่ถึงกับดึกหรอกค่ะ  คุณสุภาพ”  เธอ ตอบตามมารยาท  หากนึกไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายทักแฝงนัยเชิงต�ำหนิ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวพันเป็นญาติสักหน่อย “แต่เป็นผูห้ ญิงกลับมาฟ้ามืดอย่างนีไ้ ม่ปลอดภัยนะครับ”  สุภาพ ไม่วายพูดต่อ  เมินไปว่ามีคนมาส่งเธออยู่ทั้งคน “น�้ำไม่กลับมาคนเดียวนี่คะ  มีเพื่อนมาส่ง  ไม่มีอันตรายหรอก ค่ะ”  เธอบอกอย่างอดทน “ไม่แน่นะครับ  ไอ้คนที่เราหลงนึกไว้ใจนั่นแหละอาจร้ายที่สุด” อีกฝ่ายเอ่ยลอยๆ  หากแน่ชัดว่าจงใจว่ากระทบชายหนุ่มอีกคน “คุณสุภาพคะ”  ความอดทนของพิณธารใกล้หมดลงเต็มทน “น�้ำขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ  แต่คงต้องขอตัวก่อน  และวันหลังคงไม่ ต้องรบกวนให้คุณสุภาพคอยสอดส่องความเป็นไปของน�้ำหรอกค่ะ น�้ำดูแลตัวเองได้”  เพื่อนบ้านวัยกลางคนอ้าปากค้าง  ขณะหญิงสาวถือโอกาสหัน 50  ปองวุฒิ


ไปผงกศีรษะให้ปภพ  เอ่ยเบาๆ ว่า “น�้ำเข้าบ้านก่อนนะคะ  พี่ปอนด์  ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” “ราตรีสวัสดิ์นะครับ  เข้าบ้านแล้วอย่าลืมตรวจตราให้ทั่วก่อน ถ้ามีอะไรตะโกนเรียกเลยนะ  พี่จะยืนรออยู่ตรงนี้จนแน่ใจว่าข้างใน ไม่มีปัญหาอะไร”  เขาบอก พิณธารอมยิ้ม  เธอชอบชายหนุ่มตรงนี้เอง  เขาอาจไม่ใช่คน พูดมาก  ทว่าความห่วงใยและอ่อนโยนของปภพเป็นของจริง  เขา ใส่ใจเสมอ  ไม่ว่ากับใครก็ตาม เธอเดินกลับเข้าบ้าน  เพิกเฉยต่อสุภาพที่ยังคงยืนคุมเชิงอยู ่ ไม่ยอมไปไหน  แถมยังหันมองตาขวางมาทางปภพอีกต่างหาก  แต่ ไม่กล้าผลีผลามท�ำอะไร  เพราะรูปร่างเสียเปรียบกว่ามาก  เรียกว่า กระดูกคนละเบอร์เลยก็ว่าได้ พอเห็นว่าหญิงสาวไม่ทักทายตัวเองเลยสักนิด  ในที่สุดสุภาพ ก็เดินหน้าตึงกลับบ้านตัวเองไป  เหลือแต่ปภพที่ยังคงยืนอยู่ตามที่ได้ เอ่ยปากเอาไว้ เพียงครูต่ อ่ มา  ไฟในห้องนอนชัน้ สองก็เปิด  พิณธารแง้มผ้าม่าน มองลงมาชั้นล่าง  และท�ำนิ้วชี้กับนิ้วโป้งโค้งประกบกันเป็นวงกลม บอกเขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี  นั่นละชายหนุ่มถึงค่อยกลับขึ้นรถ แล้วขับออกไปในเวลาต่อมา พิณธารหย่อนตัวลงนั่งปลายเตียง  สายตามองกระเป๋ากล้อง ถ่ายรูปคู่กาย  พลางอดนึกไม่ได้ว่าเลนส์เจ้าปัญหานั้นมีอะไรแฝงอยู่ กันแน่  ถึงได้ท�ำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดได้ไม่เว้นแต่ละครั้งที่น�ำมา ใช้งาน  ไม่เพียงแต่เธอที่พบเจอเข้ากับตัว  ทั้งสิรดนัยและปภพที่ต่าง จับกล้องก็กลายเป็นประจักษ์พยานทั้งสิ้น “เธอเป็นใครกันแน่”  เธอครางแผ่วเบา  เอ่ยถามเลนส์กล้อง ม่านมรณา  51


ลึกลับ  ทว่าไม่มีค�ำตอบใดๆ กลับมา หญิงสาวลุกจากเตียง  เดินออกจากห้องเพื่อไปอาบน�้ำเปลี่ยน เสื้อผ้าเตรียมตัวเข้านอน  โดยไม่รู้เลยว่าคล้อยหลังไปแล้ว  จะปรากฏ กลุ่มควันสีขาวจางขึ้นกลางห้อง สุภาพแยกกลับบ้านตัวเองด้วยความหงุดหงิด  เขาทิ้งตัว  ลงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่สบอารมณ์สักนิดเมื่อเห็นว่าสาว ทีต่ นหมายตากลับมีชายหนุม่ หน้าตาดีมาส่งถึงบ้าน  แถมเธอยังเย็นชา ใส่เขาอีกต่างหาก ตอนตีสนิทเข้าไปคุยกับยายแก่เจ้าของบ้าน  ไหนบอกว่าลูกสาว ยังไม่มีคนรัก  แล้วท�ำไมถึงมีเป็นตัวเป็นตนในเวลาไม่ทันผ่านเดือน อุตส่าห์เทียวไปเทียวมา  ซื้อขนมนมเนยไปฝากหมดเงินไปหลายบาท นอกจากไม่ได้จับมือแล้ว  ยังหอบแห้วกลับมาเป็นไร่  เสียเงินเสียเวลา เปล่าจริงๆ เขาเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุก๊   เข้าเว็บไซต์สมาคมเพลย์บอยทีเ่ ล่น อยู่เป็นประจ�ำ  พิมพ์ข้อความเข้ากล่องสนทนา  ระบายความหงุดหงิด ของตัวเองลงไป BoyPlay  says  :  เบื่อชะมัด  วันนี้กินแห้ว  จีบมาตั้งนาน  ดัน มีแฟนอยู่แล้ว หล่อลากดิน  says  :  อย่างนี้เขาเรียก  ‘นก’  ฮ่าๆๆๆ BoyPlay  says  :  ขอร้องอย่ากวน  ยิ่งเซ็งอยู่ หล่อลากดิน  says  :  โห  แซวแค่นี้ท�ำเป็นโกรธ  จริงจังไปนะ คุณน่ะ BoyPlay  says  :  ไม่มีค�ำแนะน�ำดีๆ  ไม่ต้องตอบ  ขอคนจริง เบื่อพวกเล่นๆ 52  ปองวุฒิ


Jitsungguy  says  :  อย่าเพิง่ ทะเลาะกันฮะ  บอร์ดนีม้ แี ต่เพือ่ น ร่วมอุดมการณ์  กัดกันเองไม่มันหรอก BoyPlay  says  :  จีบสาวข้างบ้านต้องท�ำไง  แนะน�ำหน่อย Jitsungguy  says  :  วิธีก็เหมือนจีบสาวทั่วไป  เธอชอบอะไรก็ หาทางตีสนิทด้วยสิ่งนั้น  รับรองไม่นานจีบติด สุภาพครุ่นคิด  พอคุ้นว่ายายแก่ข้างบ้านเคยเล่าว่าลูกสาวชอบ ถ่ายรูป  ไอ้เขาก็ไม่สันทัดทางนี้เสียด้วย  จะหาอะไรมาคุยกันรู้เรื่องเล่า หลังคิดอยูน่ าน  ในทีส่ ดุ เขาก็นกึ ออก  ในเมือ่ ไม่รอู้ ะไรเลย  ก็ทำ� เป็นขอให้ช่วยสอนก็ได้นี่นา  พอตีสนิทเข้าไปได้เมื่อไร  จากนั้นก็ง่าย รอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าอวบอูม  ทว่าไม่ได้น่าดูเลยแม้แต่น้อย เพราะเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้าย

ม่านมรณา  53


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.