ทดลองอ่าน - เพรงสนธยา - พงศกร

Page 1


ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ และแล้ วก็ถึงเวลาของการกลับมาของนวนิยายลึกลับเรื่ อง สนุก  เรื่ อง  ‘เพรงสนธยา’  จาก  ‘พงศกร’  แล้ วนะครับ ‘เพรงสนธยา’  นันเคยตี ้ พิมพ์เป็ นตอนๆ ในนิตยสารหญิงไทย และได้ รับการตีพิมพ์ รวมเล่มมาแล้ ว  ๒  ครั ง้   แต่เราเชื่ อว่าแฟน นักอ่านรุ่ นใหม่ของคุณหมอนักเขียน  น่าจะไม่ร้ ู จกั และไม่เคยอ่าน กันเยอะทีเดียว ส�ำนักพิมพ์  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง  จึงคิดว่า  ถึงเวลาที่จะน�ำ  ‘เพรง- สนธยา’  กลับมาอีกครัง้   เพือ่ ให้ นกั อ่านชาวกรู๊ฟทุกท่านได้ ประทับใจ ไปกับความรัก  ความลับ  ความแค้ น  และความตาย  ซึง่   ‘พงศกร’ น� ำเสนอเอาไว้ ได้ อย่างสนุกสนาน  เข้ มข้ น  และน่าประทับใจใน นวนิยายเรื่ องนี ้ครับ

อรรถรั ตน์   จันทรวรินทร์ บรรณาธิการที่ปรึกษา ส�ำนักพิมพ์  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง   ในเครื อบริ ษัท  กรู๊ฟ  พับลิชชิ่ง  จ�ำกัด


ค�ำน�ำนักเขียน เพรงสนธยา  เป็ นนวนิ ยายขนาดสัน้   เขี ยนลงในนิ ตยสาร หญิงไทยช่วงปี   พ.ศ.๒๕๔๙ เรื่ องราวของเพรงสนธยา  เล่าถึงบ้ านหลังหนึ่งที่มีวิญญาณ สิงสูอ่ ยู ่ อันว่าการสิงสู่ของวิญญาณในบ้ านเรื อนนัน้   เล่ากันว่าเป็ น เพราะดวงวิญญาณมีความผูกพัน  มีข้อขัดแย้ ง  หรื อมีความห่วง หาอันใดอันหนึ่ง  ท�ำให้ ไม่อาจละจากสถานที่แห่งนัน้ ไปยังภพภูมิ หลังความตายได้   ส�ำหรับวิญญาณในบ้ านหลังนี ้มีความพิเศษกว่า บ้ านหลังอื่นๆ  แต่จะเป็ นเพราะเหตุใดนัน ้ ต้ องให้ ทา่ นค้ นหาเอง แม้ จะเป็ นนวนิยายขนาดสัน  ้ แต่ผ้ ูเขียนก็ใช้ พลังไม่น้อยไป กว่านวนิยายเรื่ องอื่นๆ  ด้ วยเหตุการณ์ บางตอนในเรื่ องเกิดขึน้ ใน ช่วงระหว่างปี พุทธศักราช  ๒๔๘๐-๒๔๙๐  อันเป็ นช่วงเวลาของ สงครามมหาเอเชียบูรพา  หรื อสงครามโลกครัง้ ที่  ๒  ที่ประเทศไทย ได้ รับผลกระทบจากสงครามมากมาย  ผู้เขียนจึงต้ องค้ นคว้ าและ อ่า นเอกสารที่ เ กี่ ย วข้ อ งเป็ นจ� ำ นวนมาก  เพื่ อ ที่ น วนิ ย ายจะได้ มี ความสมจริ งมากที่สดุ ขอขอบคุณส�ำนักพิมพ์  กรู๊ ฟ  พับลิชชิ่ง  ที่น�ำนวนิยายเรื่ องนี ้ กลับมาพิมพ์ใหม่อีกครัง้   ขอขอบคุณท่านผู้อา่ นที่ตดิ ตามกันมาโดยตลอดครับ ‘พงศกร’ ธันวาคม  ๒๕๕๙



เมฆหนาฟ้ าหม่ น   และฝนก็ โ รยตั ว ลงมาไม่ ข าดสาย  อากาศเย็นจากภายนอกที่พดั ผ่านม่านผ้ าลูกไม้ สีงาช้ าง  หอบเอา กรุ่นหอมของดอกราตรี มาด้ วย อาหารเย็ น บนโต๊ ะ ที่ ห ญิ ง สาวจัด เอาไว้ เ ย็ น ชื ด จนต้ อ งเอา เข้ าไปเก็บในครัวก่อน  เก็บอาหารในตู้เรี ยบร้ อย  บุษมาลีก็มานัง่ รอ หลานสาวอยู่ในห้ องนั่งเล่น  และจ้ องมองดูประตูหน้ าบ้ านอยู่นั่น แล้ ว  จนป่ านนี ้ปวิตราก็ยงั ไม่กลับมาจากโรงเรี ยน แม้ จะต้ องสอบเข้ ามหาวิทยาลัยปลายปี การศึกษานี ้ หาก หลานของหล่อนเรี ยนหนังสือเก่งมากจนไม่จ�ำเป็ นต้ องเรี ยนพิเศษ อย่างเด็กคนอื่นๆ  ทุกวันปวิตราจะกลับถึงบ้ านตังแต่ ้ บ่ายสี่โมง  ช้ า ที่สดุ อย่างไรก็ไม่เกินห้ าโมงเย็น  แต่วนั นี ้จวนจะทุม่ อยูแ่ ล้ ว  บุษมาลี ก็ยงั ไม่เห็นวี่แววของหลานสาว ความกังวลของหญิ งสาวทวีมากขึน้ ทุกขณะที่เวลาผ่านไป ถึง แม้ ว่า ปวิ ต ราจะไม่ใ ช่เ ด็ก หญิ ง เล็ก ๆ แล้ ว ก็ ต าม  หากหล่อ นก็ อดจะห่วงไม่ได้   เพราะอย่างไรหลานของหล่อนก็เป็ นผู้หญิง  แถมยัง เพรงสนธยา  7


เป็ นสาวน้ อยที่หน้ าตาสะสวยเสียด้ วย  และกรุงเทพฯ ก็เป็ นมหานคร ใหญ่ที่มีอนั ตรายแฝงอยูร่ อบด้ าน กลับบ้ านช้ ากว่าปกติแบบนี ้  ยังไงหลานก็น่าจะโทรศัพท์มา บอกให้ ร้ ูสกั หน่อย ...น่ า ...คงไม่ มี อ ะไรหรอก  สัก ประเดี๋ ย วก็ ก ลับ ...บุษ มาลี พยายามปลอบใจตัว เอง  หล่อ นบอกตัว เองไม่ ใ ห้ กัง วลใจอะไร ไม่เข้ าเรื่ อง  ปวิตราอาจจะมีธรุ ะอะไรก็ได้   จึงกลับช้ ากว่าที่เคย พูดถึงหลานสาว  บุษมาลีอดยิม้ ขันไม่ได้ ทุกที  เพราะเวลา ที่หล่อนเล่าถึงหลานสาวที่เรี ยนอยู่  ม.๖  ใครต่อใครพากันเลิกคิ ้ว สงสัย  ว่าหล่อนอายุยงั ไม่ทนั ถึงสามสิบปี เลย  จะมีหลานอยู่ในวัย แรกสาวได้ อย่างไรกัน เป็ นเพราะคุณปู่ ของปวิตรา  ซึง่ ก็คือพ่อของหล่อนที่บงั เอิญมี ลูกสาวคนสุดท้ องเมื่ออายุหกสิบกว่าปี   เป็ นลูกหลงที่เกิดกับภรรยา สาววัยคราวลูกนัน่ เอง บุษมาลีคือลูกหลงคนนัน  ้ หล่อนเป็ นลูกสาวคนเดียว  พี่ชาย ทังสามของหล่ ้ อนเกิดจากคุณแม่ใหญ่  ดังนันหญิ ้ งสาวจึงเป็ นแก้ วตา ดวงใจ  เป็ นที่รักของทุกคนในบ้ าน  ตอนที่บษุ มาลีเกิดมานัน ้ บรรดา พี่ๆ เรี ยนจบ  แต่งงานมีครอบครัวไปกันหมดแล้ ว  เมื่อปวีณ-บิดา ของปวิตราแต่งงานและมีลกู สาวนัน ้ บุษมาลีอายุสบิ ปี พอดี  ปวิตรา กับคุณอาจึงมีอายุตา่ งกันเพียงแค่สบิ ปี เท่านัน้ คุณพ่อของหล่อนยังคงมีสขุ ภาพแข็งแรงทังที ้ ่อายุจวนจะเก้ า- สิบปี แล้ ว  คุณพ่อเบื่ออากาศร้ อนและความวุ่นวายของกรุ งเทพฯ จึงย้ ายไปปลูกบ้ านอยูท่ เี่ ชียงรายตังแต่ ้ บษุ มาลีเรียนจบใหม่ๆ  คุณแม่ ของหล่อนจึงติดตามไปคอยดูแลคุณพ่ออยู่ทางภาคเหนือ  ขณะที่ บุษมาลีท�ำงานที่กรุ งเทพฯ  โดยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเก่าแก่ที่คณ ุ พ่อ 8  ‘พงศกร’


ซื ้อไว้ ตงแต่ ั ้ สมัยสงครามโลกครัง้ ที ่ ๒  เพียงล�ำพัง  นานๆ จึงจะขึ ้นไป เยี่ยมบิดามารดาสักครัง้ พี่ๆ ของหล่อนไม่มีใครอยูก่ รุงเทพฯ เลยแม้ แต่คนเดียว  พี่ชาย สองคนโตย้ ายครอบครัวไปตังรกรากและท� ้ ำงานอยู่ที่อเมริ กา  ส่วน พีช่ ายคนเล็กซึง่ ก็คอื คุณพ่อของปวิตรานันเป็ ้ นผู้พพิ ากษา  ย้ ายจังหวัด ที่ท�ำงานบ่อยแทบจะทุกสองปี   ท�ำงานไม่เป็ นที่  ปวีณจึงตัดสินใจ ให้ บุตรสาวย้ ายมาเรี ยนหนังสือและพักอยู่กับคุณอาที่ กรุ งเทพฯ เมื่อหลายปี ก่อน บุษมาลีไม่ร้ ู สกึ ว่าหลานเป็ นภาระเลยแม้ สกั นิด  ตรงกันข้ าม ด้ วยวัยที่ไม่ได้ แตกต่างกันมากนัก  หล่อนและหลานจึงเหมือนกับ เป็ นเพื่อนกันมากกว่า สายลมกระโชกแรงจนละอองฝนกระเด็นเข้ ามาในห้ องนัง่ เล่น ที่หล่อนก� ำลังนั่งรอหลานสาว  บุษมาลีลุกขึน้ ไปปิ ดหน้ าต่างก่อน จะกลับมานัง่ ยังที่เดิม บ้ านที่หล่อนอยูเ่ ป็ นบ้ านเก่าปลูกขึ ้นปลายรัชกาลที่  ๖  สมัยที่ ที่ ดิ น แถวนี ย้ ัง เป็ นทุ่ง นาโล่ง ๆ  มี ล� ำ คลองน� ำ้ ใสไหลผ่าน  คุณ พ่อ ของบุษมาลีซื ้อต่อจากเจ้ าของเก่าหลังจากที่สงครามโลกครัง้ ที่  ๒ ด�ำเนินไปได้ สกั สองปี แล้ ว เวลานัน้ เครื่ องบินทิง้ ระเบิดกรุ งเทพฯ แทบไม่เว้ นแต่ละวัน แถมทังเมื ้ องยังมีทหารญี่ปนเดิ ุ่ นกันให้ ขวักไขว่  เจ้ าของจึงขายบ้ าน ทิ ้งในราคาถูก  แล้ วย้ ายไปอยู่นครศรี ธรรมราช  จนเมื่อสงครามเลิก แล้ วก็ไม่ได้ ย้ายกลับมากรุงเทพฯ  อีกเลย สมัยทีค่ ณ ุ พ่อซื ้อบ้ านหลังนี ้  ในบริเวณใกล้ เคียงกันมีบ้านเรือน ในลักษณะเดียวกันอยูห่ ลายหลัง  แต่มาบัดนี ้ที่ดินรายรอบบ้ านหลัง เพรงสนธยา  9


ใหญ่  ได้ กลายเป็ นตึกระฟ้าสูงเทียมเมฆไปเกือบหมด  บ้ านขนมปั งขิง ของหล่อนจึงกลายเป็ นของประหลาดไป ยังโชคดีที่ยงั มีบ้านรุ่นเดียวกันเหลืออีกสองสามหลัง  เจ้ าของ บ้ านยังอาศัยอยู่เอง  ไม่ได้ ขายเพื่อไปสร้ างเป็ นคอนโดมิเนียมอย่าง ที่คนส่วนใหญ่นิยม  หาไม่แล้ วบ้ านของหล่อนคงจะดูตลก  คล้ าย กับคนแคระที่ยืนอยู่เพียงล�ำพังคนเดียวท่ามกลางยักษ์ ปักหลัน่ รอบ ข้ าง บุษมาลีสงั เกตด้ วยความแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งว่า  คนรับใช้ ที่ท�ำงานอยู่ในบ้ านหลังนี ้ส่วนมากแล้ วมักจะอยู่ไม่ทน  ท�ำงานได้ ไม่ นานก็มกั จะลาออกไปด้ วยความหวาดกลัว ครัง้ หนึ่งหล่อนเคยได้ ยินพวกคนใช้ แอบกระซิบกันว่า  บ้ าน หลังนี ้มีวิญญาณสิงสูอ่ ยู่ ได้ ยินพวกสาวใช้ กระซิบกันแบบนันครั ้ ง้ ใด  บุษมาลีจะต้ อง หัวเสียทุกครัง้ ไป  หล่อนว่าพวกนันอุ ้ ปาทานไปเองมากกว่า  เพราะ อยูบ่ ้ านนี ้มาตังแต่ ้ เกิด  จนบัดนี ้อายุจวนจะสามสิบปี อยูแ่ ล้ ว  บุษมาลี ยังไม่เคยเห็นภูตผีสกั ครัง้ หญิงสาวสันนิษฐานว่าที่สาวใช้ หวาดกลัวผีจนถึงกับเก็บเอา ไปสร้ างภาพเอาเองนัน  ้ คงเป็ นเพราะบ้ านของหล่อนเป็ นบ้ านเก่า มีประวัติยาวนานสืบย้ อนกลับไปได้ ถงึ สมัยรัชกาลที่  ๖  มากกว่า แต่ถึงบ้ านจะเก่าแก่รูปลักษณ์กลับไม่น่ากลัวแม้ สกั นิด  ด้ วย ได้ รับการบ�ำรุงรักษาอย่างดีเยี่ยม  ห้ องน� ้ำทุกห้ องในอาคารหลังใหญ่ ติดตังเครื ้ ่ องท�ำน� ้ำอุ่น  หน้ าต่างห้ องนัง่ เล่นและห้ องนอนทุกห้ องแม้ จะเป็ นบานเกล็ดไม้ ยาวจรดพื ้น  หากก็ได้ รับการปรับปรุงติดกระจกใส อีกชันหนึ ้ ่ง  และติดเครื่ องปรับอากาศเพื่อความสะดวกสบาย  ห้ อง ครั วก็ พร้ อมพรั่ งไปด้ วยอุปกรณ์ ครั วที่ ทันสมัย  ดูแล้ วไม่เห็นจะมี 10  ‘พงศกร’


อะไรน่ากลัวอย่างที่พวกคนใช้ แอบนินทา ตอนที่หล่อนได้ ยินเสียงรถยนต์มาจอดอยู่ที่หน้ าบ้ านนัน  ้ ฝน หยุดสนิทแล้ ว  และบุษมาลีแลเห็นแสงไฟหน้ ารถส่องสว่างจับอยู่ที่ หน้ ารัว้ สัก พัก หญิ ง สาวก็ เ ห็ น ปวิ ต ราลงมาเปิ ดประตูใ ห้ กับ รถเต่า สีฟ้าอ่อนเย็นสบายตาแล่นเข้ ามา  คนขับรถเป็ นชายหนุ่มร่ างใหญ่ ไหล่กว้ าง  ใบหน้ าคร้ ามคม  สวมเสื ้อแขนยาวสีขาว  ผูกเนกไทสีเข้ ม กับกางเกงสแล็กส์สีด�ำ บุษ มาลี ไ ม่เ คยเห็ น ผู้ช ายคนนี ม้ าก่ อ น  และหล่อ นก็ แ น่ ใ จ ว่าไม่ใช่เพื่อนของปวิตราแน่  เพราะท่าทางของเขาดูมีอายุ  อย่าง น้ อยๆ ก็นา่ จะสามสิบต้ นๆ หลานของหล่อนสะพายเป้บรรจุหนังสือเรี ยนใบใหญ่เดินตัว เอียงมาทางตัวบ้ าน  เชื ้อเชิญให้ ชายหนุม่ คนนันเดิ ้ นตามมาด้ วย บุษมาลีลุกขึน้ จากเก้ าอีย้ าวที่นั่งอยู่กว่าชั่วโมง  แล้ วลุกขึน้ เปิ ดประตูให้ หลานสาวอย่างรวดเร็ ว  ในใจนึกสงสัยว่าผู้ชายท่าทาง ดูดีผ้ นู นเป็ ั ้ นใคร “สวัสดีค่ะอาบุษ  นี่อาจารย์สนั ต์ดสุ ิต  อาจารย์ของวิตาเอง ค่ะ”  หลานของหล่อนยกมือไหว้   แล้ วรี บแนะน�ำผู้ชายร่ างสูงที่ยืน อยู่ข้างหลังหล่อนอย่างรวดเร็ ว  เหมือนกับจะรู้ ว่าบุษมาลีก�ำลังเกิด ความสงสัย “สวัสดีค่ะอาจารย์ ”  บุษมาลีรีบยกมือไหว้ ชายหนุ่มร่ างสูง ก่อน  เพราะคาดว่าเขาคงจะมีอายุมากกว่าหล่อน “สวัสดีครับอาบุษ”  เขาเรี ยกหล่อนเหมือนที่หลานสาวเรี ยก “เมื่อตอนเย็นวิตาหกล้ มตกบันได  ข้ อเท้ าแพลง  ผมบังเอิญผ่านมา ทางนี ้พอดีเลยอาสามาส่ง...ฝนตก  รถติดน่ะครับ  เลยมาถึงช้ าไป เพรงสนธยา  11


หน่อย” “ตายจริ ง”  บุษมาลีอทุ าน  แต่พอจะสบายใจขึ ้นมาหน่อยว่า ท่าเดินของหลานสาวดูไม่มีความผิดปกติมากมาย  “เป็ นอะไรมาก หรื อเปล่าคะ” “ไม่ เ ป็ นไรมากค่ ะ อาบุ ษ ”  หลานสาวของหล่ อ นรี บ ตอบ “อาจารย์พาวิตาแวะหาหมอ  เอกซเรย์แล้ วไม่เป็ นไรมาก” “ขอบคุณนะคะ”  หญิงสาวยิ ้มให้ กบั ชายหนุ่ม  ความอึดอัด ที่เห็นเขามากับหลานสาวแต่แรก  ค่อยผ่อนคลายลงไปมาก  “เลย รบกวนอาจารย์ให้ ล�ำบาก” “ไม่เป็ นไรครับ”  เขายิ ้มกว้ าง  ท�ำให้ ดวงหน้ าแจ่มใสราวกับ เด็กหนุม่   “ผมเป็ นอาจารย์ทปี่ รึกษาของวิตาอยูแ่ ล้ ว  นักเรียนไม่สบาย แบบนี ้  ก็เป็ นหน้ าที่ของผมที่ต้องคอยดูแล” “วิตาก็เหลือเกิน”  หล่อนฟั งอาจารย์ของหลานอธิบายอย่าง นันแล้ ้ ว  ก็ยงั อดจะบ่นไม่ได้   “โทรบอกอาหน่อยก็ไม่ได้   เป็ นห่วงจะ แย่อยูแ่ ล้ ว” “มือถือวิตาแบตหมดนี่คะ”  เด็กสาวส่งเสียงใส  แล้ วเปลี่ยน เรื่ องถามคุณอาขึ ้นว่า  “นี่อาบุษอย่ามัวบ่นหน่อยเลย  มีอะไรให้ กิน มัง่ คะ  วิตาหิวจะแย่แล้ ว” “มีซปุ เยื่อไผ่  กับผัดปลากะพงพริ กไทยด�ำ”  บุษมาลีสาธยาย เมนูอาหารให้ หลานสาวฟั ง  “แต่ต้องรอไปก่ อน  เพราะอารอจน อาหารเย็นชืดหมดแล้ ว  เพิ่งเอาเข้ าไปเก็บในครัว...ประเดี๋ยวจะอุ่น ให้ ใหม่...” “อาจารย์อยู่ทานข้ าวเย็นด้ วยกันก่อนนะคะ”  ปวิตราหันไป ชวนอาจารย์หนุ่มอย่างรวดเร็ ว  ก่อนที่บษุ มาลีจะทันขยิบหูขยิบตา เป็ นท�ำนองห้ าม 12  ‘พงศกร’


หล่อนเห็นหน้ าชายหนุ่มท�ำท่าทางลังเลเหมือนเกรงใจ  ก็เลย จ�ำใจต้ องเอ่ยปากซ� ้ำ  ชวนให้ เขาอยู่ทานอาหารเย็นด้ วยกันตามที่ หลานสาวชวนเอาไว้   เพราะจะว่าไปแล้ วเขามีน�ำ้ ใจอุตส่าห์มาส่ง ปวิตราจนถึงบ้ าน “ไม่ต้องเกรงใจนะคะ  บุษท� ำอาหารเอาไว้ เยอะเลย  เชิ ญ อาจารย์อยู่ทานข้ าวกับเราก่อนดีกว่า  ทุ่มกว่าแล้ ว  ข้ างนอกรถคง ติดอีกนาน” “นะคะ  อาจารย์  นะคะ”  ปวิตราคะยันคะยอ ้ โดนสองอาหลานคะยันคะยอเช่ ้ นนัน ้ ชายหนุม่ จึงได้ แต่ยกมือ ขึ ้นลูบศีรษะด้ วยความเก้ อเขิน  รู้สกึ เกรงใจ  แต่ก็หิวไม่ใช่น้อย  ด้ วย เลยเวลาอาหารเย็นไปมากแล้ ว  สุดท้ ายเขาจึงพยักหน้ าตกลงใน ท้ ายที่สดุ ที่จริงแล้ วอาหารเย็นมือ้ นัน้ สุดแสนจะธรรมดา  กับข้ าว  ไม่ได้ มีอะไรพิเศษพิสดาร  หากบุษมาลีอดยอมรับไม่ได้ ว่า  การที่มี ชายหนุ่มหน้ าตาดี  ช่างพูดช่างคุยมานัง่ ร่ วมรับประทานอยู่ด้วยนัน ้ ท�ำให้ รสชาติของอาหารอร่อย  แตกต่างไปจากทุกวันที่มีเพียงหล่อน กับหลานสาวนัง่ ทานกันอยูล่ �ำพังแค่สองคน ยิ่ ง ปวิ ต รายิ่ งดูตื่น เต้ น ที่ อ าจารย์ ข องหล่อนอยู่รับประทาน อาหารเย็นด้ วย  หลานสาวของหล่อนช่างซักถามและหาเรื่ องชวน ชายหนุม่ คุยตลอดเวลา บุษมาลีเลยพลอยได้ ร้ ู ว่า  สันต์ ดุสิตเรี ยนจบมานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่อเมริ กา  แล้ วคุณแม่ของเขายื่นค�ำขาดให้ กลับมาท�ำงานที่เมืองไทย  แทนที่จะได้ ท�ำงานเป็ นนักมานุษยวิทยา ที่อเมริ กาตามที่เขาตังใจแต่ ้ แรก  หญิงสาวรู้ จากบทสนทนาว่าเขา เพรงสนธยา  13


เพิ่งเริ่ มมาสอนหนังสือเมื่อเปิ ดเทอมใหม่นี ้เอง “เรี ยนจบมานุษยวิทยามาท�ำงานเมืองไทย  จะเป็ นอะไรได้ นอกจากเป็ นอาจารย์ สอนหนังสือเท่านัน้ ”  สันต์ดุสิตยิม้ อย่างคน อารมณ์ดี “ยังดีนะคะทีอ่ าจารย์สอนทีโ่ รงเรียนยายวิตา”  บุษมาลีหวั เราะ เบาๆ  ขณะลุกขึ ้นไปหยิบผลไม้ ที่เตรี ยมเอาไว้   “โรงเรี ยนนานาชาติ เงินเดือนค่อยพอสมน�ำ้ สมเนือ้ หน่อย  หากท�ำงานเป็ นครู โรงเรี ยน รัฐบาล  เห็นทีจะไม่ไหว” “อาบุษท�ำงานบ้ านเองหรือครับ”  ชายหนุม่ ท�ำหน้ าตาแปลกใจ เพราะบ้ านของหล่อนใหญ่ โตจนไม่น่าเชื่ อว่าจะไม่มีแม่บ้านหรื อ สาวใช้ “ค่ะ”  หญิงสาวตอบ  “คนเก่าเพิ่งลาออกไป  ก�ำลังหาคนใหม่ อยู่...ยังไม่ได้ เลยค่ะ  ลูกจ้ างสมัยนี ห้ ายาก  ยิ่งที่สามารถไว้ ใจได้ แล้ วยิ่งหาล�ำบาก” “แม่บ้านคนเก่าเขากลัวผีค่ะ”  ปวิตราเล่าด้ วยน� ้ำเสียงติดจะ ขัน  “อยูไ่ ด้ ไม่ถงึ เดือนเผ่นแน่บหนีไปเลย” “วิตา”  บุษมาลีท�ำสายตาดุ  ค่าที่หลานสาวชักจะพูดมาก เกินไปแล้ ว “ผี”  สันต์ดสุ ติ เบิกตากว้ าง  “ที่นี่มีผีด้วยหรื อครับ” “ไม่มีหรอกค่ะ”  บุษมาลีคิดว่าเสียงของหล่อนออกจะฝาด เฝื่ อนเต็มทน  “ฉันว่าคงกลัวกันไปเองมากกว่า  เห็นบ้ านหลังใหญ่ โต  แถมเป็ นบ้ านเก่าอีกต่างหาก” “บ้ านขนมปั งขิงแบบนี ้  น่าจะปลูกขึ ้นตังแต่ ้ สมัยรัชกาลที่  ๖” ชายหนุ่มรี บเปลี่ยนเรื่ องคุย  เพราะสังเกตว่าบุษมาลีมีท่าทางอึดอัด เมื่อพูดถึงเรื่ องภูตผีปีศาจ 14  ‘พงศกร’


เขาเหลือบตาขึ ้นมองดูเพดานคอนกรี ตสีเหลืองไข่ไก่  ก่อนจะ กวาดตาไปมองดูหน้ าต่างห้ องนัง่ เล่นที่เป็ นบานเกล็ดไม้ ยาวจรดพื ้น “สวยสมบูรณ์มาก  แทบจะหาไม่ได้ แล้ วนะครับเดี๋ยวนี ้” “ค่ ะ ”  บุษ มาลี อ ดภูมิ ใ จในบ้ า นของหล่อ นไม่ ไ ด้   เมื่ อ เห็ น ชายหนุ่มตรงหน้ ามองดูด้วยสายตาชื่นชม  “คุณพ่อฉันซื ้อต่อมาอีก ที ต อนเกิ ด สงครามโลก  เจ้ า ของคนสุด ท้ า ยชื่ อ คุณ หลวงอะไรก็ ไม่ทราบ  ย้ ายครอบครัวหนีสงครามไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ วเลยขาย บ้ านทิ ้ง” “โชคดี จัง นะครั บ   บ้ า นสวยสมบูร ณ์ ม าก  ถ้ า อาบุษ ไม่ ว่ า อะไร  เอาไว้ วนั หลังผมต้ องขอมาชมบ้ านตอนกลางวันบ้ างแล้ วนะ ครับ”  สันต์ดสุ ิตจ้ องมองตรงมาด้ วยสายตาที่ท�ำให้ บษุ มาลีใบหน้ า ร้ อนวูบวาบ  “ผมชอบ...บ้ านเก่ายุครัชกาลที่  ๖  คลาสสิกนะครับ ลักษณะเด่นของสถาปั ตยกรรมตะวันออกมาพบกับตะวันตก  ผสม ผสานกันอย่างลงตัว  ยิ่งที่สภาพยังคงสมบูรณ์แบบบ้ านคุณอาบุษ เดี๋ยวนี ้หาดูได้ ยากแล้ ว” “เชิญสิคะ  อาจารย์ว่างเมื่อไหร่ ก็นดั มา  นัดผ่านยายวิตาก็ ได้ ”  บุษมาลีเอ่ยปากด้ วยความเต็มใจ  ทังที ้ ่ปกติแล้ วหล่อนไม่ชอบ ให้ ใครมาวุน่ วายในบ้ าน ก่อนหน้ านี ้  สมาคมสถาปนิกสยามเคยพยายามส่งจดหมาย ขอพาคณะเข้ า มาชมสถาปั ต ยกรรมภายในบ้ า น  หากบุษ มาลี ปฏิเสธไปแทบจะทันที  ด้ วยไม่อยากให้ คนที่ไม่ร้ ู จกั   ไม่ค้ นุ เคยกัน เข้ ามาเที่ยวเดินเพ่นพ่านในบ้ าน  แล้ วเที่ยวชีโ้ น่นชมนี่ เหมือนกับ บ้ านของหล่อนกลายไปเป็ นสวนสัตว์หรื อพิพิธภัณฑ์ อิ่มจากอาหาร  บุษมาลีเชิญให้ สนั ต์ดุสิตไปนั่งดื่มกาแฟใน ห้ องนัง่ เล่น  ห้ องที่หล่อนนัง่ รอหลานสาว  หล่อนเดินไปชงกาแฟให้ เพรงสนธยา  15


เขากับตัวเองคนละแก้ ว  ส่วนปวิตรานัน้ บุษมาลีไม่อนุญาตให้ ดื่ม กาแฟ  เด็กสาวจึงเลือกดื่มนมแทน หล่อนเลือกซีดีเพลงบรรเลง  Four  Seasons  ของ  Vivaldi เปิ ดเบาๆ  คลอบรรยากาศเย็นสบายยามหัวค�่ำ ฝนหยุดแล้ ว  และท้ องฟ้าเริ่ มปลอดโปร่ ง  ปราศจากหมู่เมฆ จากหน้ าต่างกระจกบานยาวทีห่ ้ องนัง่ เล่นนัน ้ มองขึ ้นไปเห็นดวงดาว พราวแสงระยับ  ท่ามกลางตึกสูงที่รายล้ อมอยูร่ อบด้ าน วันนี ้ดาวคงจะเต็มท้ องฟ้าทีเดียว  หาไม่แล้ วคงไม่ทอแสงสุก สกาวจนสามารถแลเห็นได้ จากบ้ านกลางกรุง หล่อ นอดข� ำ ไม่ไ ด้   เมื่ อ เห็น สัน ต์ ดุสิต ฟั ง   Four  Seasons ด้ วยความตัง้ อกตัง้ ใจ  ก่อนจะยกมื อขึน้ ท� ำท่ายอมแพ้   แล้ วถาม หล่อนว่า “เพลงอะไรครับอาบุษ  เพราะมาก...แล้ วคุ้นหูมากด้ วย” “Four  Seasons  ค่ะอาจารย์”  ปวิตราแย่งตอบ  “ของ  Vivaldi …อาจารย์ต้องคุ้นอยู่แล้ วละค่ะ  เมื่อไม่นานมานี ้โฆษณาชิ ้นหนึ่งก็ เพิ่งหยิบเอาไปใช้ ” “ผมจ�ำไม่ได้ สกั ที”  ชายหนุ่มหัวเราะจนเห็นฟั นขาวสะอาด เรี ยงกันเป็ นแนว  เขาเอนหลังและแผ่นไหล่กว้ างพิงพนักเก้ าอี ้ยาว ด้ วยท่าทางผ่อนคลาย  ใบหน้ าคร้ ามคมกับไรหนวดที่เขียวครึ ม้ มี เสน่ห์มากเสียจนบุษมาลีไม่สามารถละสายตาไปจากสันต์ดสุ ติ ได้ “ส�ำหรั บคนที่ ไม่ค่อยชอบโอเปร่ า  หรื อเพลงคลาสสิกแล้ ว ละก็  ออกจะฟั งยากสักหน่อย  ฟั งเพลงไหนก็เหมือนกันไปเสียหมด แถมฟั งนานๆ ไป  ก็จะเริ่ มง่วงนอนอีกต่างหาก”  บุษมาลีอมยิ ้ม  ไม่ อยากคุยอวดว่าหล่อนเติบโตมาท่ามกลางคุณพ่อ  และคุณพี่ผ้ ชู าย อีกสามคนที่ชอบฟั งเพลงคลาสสิกเป็ นชีวิตจิตใจ 16  ‘พงศกร’


“จริ งครับ”  ชายหนุ่มเห็นด้ วย  “จะโมสาร์ ท  โยฮันน์  สเตราส์ โชแปง...ผมฟั งแล้ วแยกไม่เคยออกเลย  เหมือนกันไปหมด  เพื่อน ผมที่เรี ยนมานุษยวิทยา  ชอบเพลงคลาสสิกแทบทุกคน  มีแต่ผมนี่ ละครับที่ไม่รักดี  ไปชอบเพลงร็ อก” “โหย  อาจารย์ขา”  ปวิตราท�ำตาโต  “ทันสมัยออกจะตายไป ไอ้ พวกผู้ชายที่ห้องหนูชอบกันทุกคน” “ไม่เห็นแปลกเลยค่ะ”  บุษมาลียิม้ อ่อนหวาน  “ความชอบ เป็ นเรื่ องเฉพาะของแต่ละคน  เพื่อนของฉันตังหลายคนก็ ้ ชอบเพลง ร็ อ ก...แต่ที่ จ ริ ง เพลงคลาสสิ ก ฟั ง ไม่ ย ากนะคะ  ท่ ว งท� ำ นองของ แต่ละคนก็แยกกันได้ ไม่ยาก  เพราะทุกคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ฉันว่าถ้ าอาจารย์สนใจจริ งๆ  ละก็  ไม่เกินความสามารถหรอก” “อาบุษชอบ  Vivaldi  หรื อครับ”  ชายหนุ่มถามอย่างจะชวน คุยมากกว่าอยากรู้ จริ งจัง  เขาชอบมองใบหน้ าสวยสง่าของหญิ ง สาวคนตรงหน้ า  รู้สกึ ติดใจขึ ้นมาอย่างบอกไม่ถกู   ยังจะเสียงดนตรี ไพเราะราวสายน� ้ำไหลนัน่ อีก “ฉันชอบ  Vivaldi  ค่ะ  แต่ถ้าถามว่าชอบใครที่สดุ แล้ วละก็… Beethoven  ค่ะ”  บุษมาลีหลับตานึกไปถึง  Emperor  Concerto …คอนแชร์ โตของจักรพรรดิที่สดุ แสนจะสง่างามอลังการ  ก่อนจะ เล่าถึงนักดนตรี คนโปรดว่า “Beethoven  หน้ าตาไม่หล่อเลย  เล่ากันว่าเตีย้ ล�่ำ  สูงแค่ ๕  ฟุต   ๔  นิ ว้   หัว โตผมยาว  ส� ำ เนี ย งพูด เป็ นบ้ า นนอก  ขี โ้ มโห แถมยังกะเปิ๊ บกะป๊ าบอีกต่างหากนะคะ  จับต้ องข้ าวของอะไรมักจะ ท�ำให้ แตกหักเสียหายเสมอ” “เหมือนหนูเลย”  ปวิตราหัวเราะคิกคัก  ขณะที่คุณอาของ หล่อนยังคงเล่าต่อไป เพรงสนธยา  17


“แต่ถึงอย่างนัน้   บทเพลงของเขากลับไพเราะจับใจ  เป็ น ตัวอย่างที่ดีที่สดุ ที่บอกให้ คนรู้ ว่า  บางครัง้ รู ปร่ างหน้ าตากับสิ่งที่ถกู ห่อหุ้มอยูภ่ ายใน  แตกต่างกันมาก...” “ค�ำพูดอาบุษท�ำให้ นกึ ถึงหนังสือเรื่ องเจ้ าชายน้ อย-The  Little Prince…เคยอ่านไหมครับ”  สันต์ดสุ ิตรู้ สึกว่าผู้หญิ งร่ างระหงตรง หน้ ามีความน่าสนใจอย่างที่เขาไม่เคยพบในผู้หญิงใดมาก่อน “ของอองตวน  เดอ  แซงเตก-ซูเปรี ”  ปวิตรารี บตอบตามเคย “วิตาชอบมาก” “ไม่เคยอ่านค่ะ”  บุษมาลีสา่ ยหน้ า “สุนัขจิง้ จอกในเรื่ องเจ้ าชายน้ อย  บอกว่า  จงมองดู ทุกสิ่ ง ด้วยหัวใจ  มิ ใช่ดวงตา...”  ชายหนุ่มอมยิ ้ม  ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้ วก้ มลงมองดูนาฬิกาข้ อมือ  “ถึงเวลาจะต้ องลาอาบุษกลับบ้ าน เสียที  จวนจะสามทุ่มเต็มทน  พรุ่ งนีผ้ มมีชั่วโมงสอนเช้ าเสียด้ วย ขอบคุณส�ำหรับอาหารและกาแฟนะครับ” “ขอบคุณที่ มาส่งยายวิตาค่ะ”  บุษมาลีส่งยิ ม้ ให้ ชายหนุ่ม แล้ วเดินตามไปส่งเขาที่รถเต่าสีฟ้าอ่อนพร้ อมกับปวิตรา กลิ่นดอกราตรี ยังคงหอมเย็น  เมื่ อเดินเคี ยงกันกับปวิตรา กลับเข้ ามาในบ้ านบุษมาลีร้ ู สึกว่าค�่ำคืนนี ช้ ่างผ่านไปรวดเร็ ว...นี่ กระมัง ที่ ค นเขาบอกกัน ว่ า  ช่ ว งเวลาแห่ง ความสุข มัก จะผ่ า นไป อย่างรวดเร็ วเสมอ ปวิตราตื่นนอนแต่ เช้ ามืดด้ วยความอ่ อนเพลีย  อากาศ  เย็นสบายเพราะฝนตกพร� ำลงมาทังคื ้ น ตอนที่ปวิตราลงมาในห้ องครัวนัน  ้ บุษมาลีก�ำลังวุ่นกับการ เตรี ยมอาหารเช้ าให้ ตนเองและหลานสาวอยู่พอดี  เมื่อหล่อนเงย 18  ‘พงศกร’


หน้ าขึ ้นมาก็ต้องขมวดคิ ้วด้ วยความประหลาดใจ  เพราะปกติแล้ ว หลานสาวไม่เคยตื่นเช้ าขนาดนี ้ “อ้ าว  วิตา  วันนีต้ ื่นเร็ วจังเลย  เพิ่งจะตีห้า  ไม่กลับไปนอน ต่อล่ะ” “วิตานอนไม่คอ่ ยหลับค่ะ  อาบุษ”  เด็กสาวบ่นพึมพ�ำ  พร้ อม กับอ้ าปากหาวหวอด  “เดี๋ยวก็ถึงเวลาตื่นนอนอยู่แล้ ว  วิตาเลยว่า ลุกดีกว่า  เพราะนอนต่อไปก็คงไม่หลับอยูด่ ี” “ไม่สบายหรื อเปล่า”  บุษมาลีขมวดคิ ้ว  มองดูขอบตาด�ำคล� ้ำ ของหลานสาวด้ วยความเป็ นห่วง  “ท�ำไมไม่ไปเคาะเรี ยกอาที่ห้อง ล่ะ” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  วิตาเพี ยงแต่...”  ท่าทางของเด็กสาว ลังเล  เหมือนไม่แน่ใจว่าจะเล่าให้ คณ ุ อาฟั งดีหรื อไม่ บุษมาลีวางจานแก้ วในมือลง  แล้ วหันมาทางหลานสาว  ตังใจ ้ ฟั งว่าปวิตราจะเล่าอะไร “อาบุษคะ...”  หลานสาวของหล่อนถอนหายใจยาว  ก่อนจะ เอ่ยถามว่า  “บ้ านข้ างหลังเรานี่เลี ้ยงสุนขั ใช่ไหมคะ” “ใช่”  บุษมาลียงั ไม่เข้ าใจว่าหลานถามท�ำไม  “รู้ สึกว่าบ้ าน คุณวันรบจะเลี ้ยงลาบราดอร์ ตวั หนึง่ ” หล่อนนึกไปถึงสุนขั ฝรั่งสีด�ำตัวโต  ที่เจ้ าของบ้ านขนมปั งขิง หลังทีอ่ ยูถ่ ดั เข้ าไปจากถนนใหญ่เลี ้ยงเอาไว้ ได้ ด ี ค่าทีม่ นั ฉลาดเฉลียว และแสนรู้ “ชื่ออะไรคะ”  หลานสาวของหล่อนถามต่อไป “เอ...อาก็จ�ำไม่ได้ แล้ วละ”  บุษมาลีจ�ำไม่ได้ จริ งๆ  ว่าลาบรา- ดอร์ ตวั นันชื ้ ่อว่าอะไร “ชือ่ บอย...จอย...หรือ  รอย...อะไรท�ำนองนี ้หรือเปล่า”  ท่าทาง เพรงสนธยา  19


ของปวิตราสนใจจริ งจัง “อานึกไม่ออกจริ งๆ  ว่าลาบราดอร์ ตวั นันชื ้ ่ออะไร  แต่เท่าที่ พอจะจ�ำได้   อาว่าไม่ได้ ชื่อบอยหรื อรอยแน่ๆ...มีอะไรหรื อวิตา”  บุษ- มาลีชะโงกหน้ าไปจนใกล้ หลานสาว  รู้ สกึ สัมผัสได้ ถึงความผิดปกติ ในน� ้ำเสียงนัน้ “ก็เมื่อคืน...ที่วิตานอนไม่หลับน่ะค่ะ  อาบุษ...”  ปวิตราเล่า ด้ วยน� ้ำเสียงง่วงงุน  หากเรื่ องราวที่หลานสาวเล่าออกมานัน  ้ ท�ำให้ บุษมาลีร้ ูสกึ เย็นยะเยือกไปทัว่ ทุกขุมขน “วิตาได้ ยินเสียงคนเรี ยกชื่อ...เรี ยกใครหรื อเรี ยกอะไรก็ไม่ร้ ูอยู่ ทางด้ านหลังบ้ านของเรา...ประมาณว่า...กลับบ้ านเถอะบอย  กลับ บ้ านเถอะจอย  หรื อกลับบ้ านเถอะรอย...ยังไงวิตาไม่คอ่ ยแน่ใจ  แต่ เป็ นเสียงเรี ยกอะไรท�ำนองนี ้อะค่ะ  เรี ยกจนวิตาต้ องตื่นขึ ้นมา  แล้ ว เลยนอนไม่หลับอีก  วิตาฟั งไม่ถนัดหรอกนะคะว่าคนที่เรี ยกน่ะเป็ น ผู้หญิ งหรื อผู้ชาย  แล้ วเรี ยกคนชื่อบอย...จอย...หรื อชื่อรอยก็ไม่ร้ ู วิตาเลยถามอาว่าลาบราดอร์ หลังบ้ านเราน่ะชื่ออะไร  เผื่อว่าเสียงที่ วิตาได้ ยิน  จะเป็ นเสียงของเจ้ าของออกมาเรี ยกหมาของเขาให้ กลับ บ้ าน”

20  ‘พงศกร’


ส่ ง ปวิ ต ราลงที่ ส ถานี ร ถไฟฟ้ าเพื่ อ ต่ อ รถไปโรงเรี ย น  เรี ยบร้ อย  หญิ งสาวก็ขบั รถไปท�ำงานอย่างเช่นทุกเช้ า  หากความ รู้สกึ ของบุษมาลีวนั นี ้กลับไม่ปลอดโปร่งเหมือนกับทุกวัน อาจจะเป็ นเพราะเรื่ องที่หลานสาวเล่าให้ ฟังเมื่อเช้ า  ยังคง คอยรบกวนจิตใจอยู่ก็เป็ นได้   บุษมาลีนึกขณะที่จอดรถในโรงจอด รถของที่ท�ำงาน สุนขั ลาบราดอร์ ที่วนั รบ  เจ้ าของบ้ านขนมปั งขิงหลังที่อยู่ถดั เข้ าไปจากถนนใหญ่  ด้ านหลังบ้ านของหล่อนนัน ้ ชือ่ ว่าแซมต่างหาก ...บุษมาลีเพิ่งมานึกได้ หลังจากที่หลานสาวลงจากรถไปแล้ ว...ไม่ใช่ รอย  หรือบอยนัน่ สักหน่อย  เพราะฉะนันเสี ้ ยงทีป่ วิตราได้ ยนิ คนเรียก เมื่อคืนนัน  ้ จึงไม่น่าใช่เสียงของวันรบเรี ยกหาสุนขั อย่างที่เด็กสาว สันนิษฐาน ...แล้ วเสียงนันเป็ ้ นเสียงของใคร  หรื ออะไรกันแน่... ...บอย  หรื อ  รอย  คือใคร...หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองกลับไป กลับมาด้ วยความกังวลใจ เพรงสนธยา  21


เห็นทีจะต้ องโทร.หาคุณปวีณ  บิดาของปวิตราให้ สง่ ใครสักคน มาเป็ นแม่บ้านที่บ้านของหล่อนโดยเร็ ว  อย่างน้ อยมีเพื่อนอีกสักคน สองคนในบ้ า นก็ น่ า จะดี   หากพี่ ช ายของหล่อ นหาคนไม่ไ ด้ จ ริ ง ๆ บุษมาลีอาจจ�ำเป็ นต้ องโทรศัพท์ไปหามารดาเพื่อขอยืมตัวป้าน้ อม หรื อน้ าจ๋อม...แม่บ้านที่บ้านเชียงรายมาชัว่ คราวก่อน แต่พอถึงที่ท�ำงานและเริ่ มท�ำงานไปได้ สกั พัก  บุษมาลีก็เลย ลืมเรื่ องที่กงั วลใจไปเสียสนิท  เพราะความที่หล่อนเป็ นเลขานุการ ของหัว หน้ า แผนก  ก็ เ ลยมี ปั ญ หายุ่ง เหยิ ง มากมายให้ ค อยแก้ ไ ข ตังแต่ ้ เช้ า ก่ อ นจะพัก เที่ ย ง  โทรศัพ ท์ ที่โ ต๊ ะ ท� ำ งานของหล่อนก็ ดัง ขึน้ และบุษมาลีเอื ้อมมือไปรับขณะที่สายตายังคงจ้ องมองดูเอกสารซึง่ ใส่อยูใ่ นแฟ้ม “สวัสดีคะ่   ส�ำนักอนุรักษ์ คะ่ ” “สวัสดีครับอาบุษ”  เสียงทุ้มๆ ที่ทกั ทายหล่อนมาตามสายนัน ้ ท�ำเอาหญิ งสาวถึงกับอ้ าปากค้ าง  ด้ วยจ�ำเสียงของเขาได้ แม่นย�ำ หากไม่คิดว่าคนที่โทร.มาจะเป็ นชายหนุม่ หน้ าตาคมสันผู้นนั ้ “อาจารย์สนั ต์ดสุ ติ ...” “เรี ยกผมดุสิตเฉยๆ  ดีกว่าครับ”  เขาหัวเราะแจ่มใส  “ผมไม่ ชอบให้ ใครเรี ยกอาจารย์เลย  ฟั งดูหา่ งเหินยังไงก็ไม่ร้ ู...” “ค่ะ...”  บุษมาลีรับค�ำงงๆ  “ถ้ างันคุ ้ ณก็ต้องไม่เรี ยกฉันว่าอา เหมือนกัน  ฉันไม่ใช่คณ ุ อาของคุณสักหน่อย...แล้ วนี่คณ ุ รู้ เบอร์ ฉัน ได้ ยงั ไงคะ” “ยายวิตาบอกน่ะครับ”  ชายหนุม่ อธิบาย  “แต่ไม่ยอมให้ เบอร์ มือถือผมนะ  ให้ แต่เบอร์ ที่ท�ำงาน  ผมเพิง่ รู้วา่ คุณบุษท�ำงานเกี่ยวกับ ทรัพยากรน� ้ำ  น่าสนใจจัง  ชื่อเต็มว่าส�ำนักอนุรักษ์ อะไรนะครับ” 22  ‘พงศกร’


“ส�ำนักอนุรักษ์และฟื น้ ฟูแหล่งน� ้ำ  กรมทรัพยากรน� ้ำ  กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้ อมค่ะ...”  หล่อนทวนชื่อหน่วยงาน ที่ท�ำงานอยูใ่ ห้ เขาฟั งช้ าๆ “ที่อเมริ กาและประเทศทางยุโรปตอนนี ้ตื่นตัวเรื่ องน� ้ำมากนะ ครับ”  น� ้ำเสียงของสันต์ดสุ ิตเปี่ ยมไปด้ วยความสนใจ  “อนาคตของ โลกเราในอีกไม่กี่สิบปี ข้ างหน้ านีจ้ ะเริ่ มขาดแคลนน�ำ้   เพราะโลก ของเราร้ อนมากขึ ้นทุกที...ดีนะครับที่วนั นี ้มีหน่วยงานของคุณบุษใน บ้ านของเรา” หล่อนไม่ได้ ฟังว่าเขาชวนคุยอะไรต่อ  เพราะยังงงๆ  ไม่เข้ าใจ ว่าเขาโทร.มาหาหล่อนเพราะมีธุระใด  หรื อปวิตราจะมีปัญหาอะไร เกิดขึ ้นที่โรงเรี ยนหรื อเปล่า  อาจารย์ที่ปรึ กษาของหล่อนถึงได้ โทร. มาเช่นนี ้ “ยายวิตาเป็ นอะไรไปหรื อเปล่าคะ” “เปล่าหรอกครับคุณบุษ”  ได้ ยินเช่นนันบุ ้ ษมาลีก็ค่อยสบาย ใจขึ ้น  แต่ประโยคต่อมาท�ำหล่อนชักไม่มนั่ ใจเสียแล้ วว่าชายหนุ่ม ต้ องการอะไรกันแน่  “ผมมีเรื่ อง...เอ้ อ...อยากขอความช่วยเหลือคุณ สักหน่อย” “มีเรื่ องอะไรหรื อคะ”  หล่อนถามเมื่อน�ำ้ เสียงของสันต์ดสุ ิต เหมือนลังเล “คุณบุษช่วยไปทานข้ าวเย็นกับผมที่บ้านได้ ไหม”  ชายหนุ่ม ถามออกมาตรงๆ  เล่นเอาหญิงสาวมึนจนตอบไม่ถกู “นะครับ...ช่วยผมหน่อย”  เขาถอนหายใจยาว  “คุณแม่ผมมี งานเลี ้ยงเล็กๆ ที่บ้านวันนี ้  บังคับให้ ผมพาเพื่อนผู้หญิงมาด้ วย” “ไม่ดีมงั คะ”  ฟั งเช่นนันบุ ้ ษมาลีเลยพลอยถอนใจยาวไปด้ วย อีกคน  “ฉันไม่ร้ ูจกั คุณแม่คณ ุ ดุสติ สักหน่อย  ไปก็ไม่ร้ ูจะคุยอะไร...” เพรงสนธยา  23


“ก็ คุยเรื่ องเพลงคลาสสิกที่ คุณชอบไง”  น� ำ้ เสียงชายหนุ่ม กระตือรื อร้ นขึน้ มาทันใด  “คุณแม่ชอบเล่นเปี ยโน  ชอบฟั งเพลง คลาสสิกอยูแ่ ล้ ว  คุณคงหาเรื่ องคุยกับท่านได้ ไม่ยาก” “ตายละ...”  บุษมาลีเผลอยกมือขึ ้นทาบอก สันต์ดสุ ิตบอกว่าคุณแม่ของเขาเล่นเปี ยโนและชอบฟั งเพลง คลาสสิก  เมื่อเช้ าตอนนัง่ รถมาด้ วยกันปวิตราเล่าให้ ฟังว่าอาจารย์ สันต์ดุสิตของหล่อนนามสกุลธนเทพ...อย่าบอกนะว่ามารดาของ เขาคือ... “คุณแม่ของคุณชื่อ  สาวิตรี   ธนเทพ  หรื อเปล่าคะ” “นั่นละครั บแม่ผม...”  ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ  “ที นีค้ ุณคง ไม่อึดอัดแล้ วนะ  เพราะอย่างน้ อยคุณคงรู้ จกั แล้ วว่าคุณแม่ของผม คือใคร” โอย...ฉันจะเป็ นลม... บุษมาลีร้ ูสกึ เวียนหัวขึ ้นมาในทันใด สันต์ ดุสิตช่างพูดออกมาได้ ว่าหล่อนคงไม่อึดอัดแล้ วที่ร้ ู ว่า มารดาของเขาก็คือ  สาวิตรี   ธนเทพ  นักเปี ยโนชื่อดังของเมืองไทย ใครบอกว่าหล่อนไม่อดึ อัดเล่า...ยิง่ รู้วา่ แม่เขาเป็ นคนดังขนาด นี ้  หล่อนยิ่งอึดอัดและเครี ยดหนักกว่าเก่า สาวิตรี เป็ นนักเปี ยโนที่มีฝีมือเก่งฉกาจ  มีผลงานเดี่ยวเปี ยโน เพลงคลาสสิกหลายสิบอัลบัม  กับมีคอนเสิร์ตนับครัง้ ไม่ถ้วน  เธอ เรี ยนจบด้ านการดนตรี จากมหาวิทยาลัยแห่งเวียนนา  แถมยังเล่น ดนตรี ม าตัง้ แต่อ ายุยัง น้ อ ย  แม้ ปั จ จุบัน จะมี อ ายุม ากแล้ ว ก็ ต าม หากมารดาของสันต์ดสุ ติ ก็ยงั มีงานคอนเสิร์ตปี ละหนึง่ ครัง้ หล่ อ นจ� ำ ได้ ว่ า สาวิ ต รี ห ย่ า ขาดกั บ สามี นัก ธุ ร กิ จ เจ้ าของ โรงแรมชื่อดังเมื่อหลายปี ก่อน  ตอนนันหล่ ้ อนยังเป็ นเด็กแต่จ�ำข่าว 24  ‘พงศกร’


ได้   เนื่องจากเป็ นข่าวดังที่คนพูดถึงกันทัว่ ทังเมื ้ อง  เพราะสมัยนัน้ เรื่ องการหย่าร้ างยังเป็ นเรื่ องน่าอับอาย  ไม่เหมือนกับเดี๋ยวนี ้  ที่ผ้ คู น หย่ากันเป็ นว่าเล่น ในข่าวพูดถึงแค่การหย่าร้ างระหว่างสาวิตรี และสามี  ไม่ได้ พาดพิงไปถึงทายาทของบุคคลทัง้ สอง  จึงไม่มีคนรู้ เรื่ องราวของ สันต์ดสุ ิตเลย  อันที่จริ งไม่มีใครรู้ ด้วยซ� ้ำว่า  สาวิตรี มีลกู กี่คน  และ ลูกของเธอคือใคร  ท�ำอะไรอยูท่ ี่ไหน ตอนแรกที่สนั ต์ดสุ ิตชวนไปทานอาหารเย็นที่บ้านแม่ของเขา นัน  ้ บุษมาลีสารภาพว่าต่อให้ เอาช้ างมาฉุด  หล่อนก็ไม่มีวนั จะไป แน่นอน  หากพอรู้วา่ แม่ของเขาคือใคร...ความตังใจแต่ ้ แรกก็เริ่ มสัน่ คลอน สาวิตรี   ธนเทพ  ไม่ใช่คนที่ใครก็จะพบได้ งา่ ยๆ  อีกอย่างบุษ- มาลีก็ชอบฟั งเพลงบรรเลงเปี ยโนของมารดาสันต์ดสุ ติ เสียด้ วย... “ตกลงนะคุณบุษ  งานเลีย้ งเริ่ มทุ่มตรง  ผมจะไปรั บคุณที่ บ้ านตอนหกโมงเย็น”  ชายหนุม่ รวบรัด “เดีย๋ วก่อนสิคะคุณดุสติ   ฉันยังไมได้ ตอบตกลงสักหน่อย  ท�ำไม ฉันต้ องตกลงกับคุณด้ วย”  บุษมาลีรีบร้ องห้ ามก่อนที่อีกฝ่ ายจะทัน วางสายไป “น่า...คุณบุษ”  น� ้ำเสียงนันมี ้ ความหนักใจแฝงอยู่  “ช่วยผม สักครัง้ ...คือ...ผมสารภาพก็ได้ ...คุณแม่ก�ำลังจะจับคู่ผมกับลูกสาว เพือ่ นน่ะครับ  ผมเลยโกหกไปว่าผมมีเพือ่ นสนิทแล้ ว  ท่านก็เลยบังคับ ให้ ผมพาเพื่อนสนิทที่วา่ นัน่ มากินข้ าวด้ วยเย็นนี ้...” “แล้ วคุณไม่มีเพื่อนที่ไหนแล้ วหรื อไงคะ  ถึงได้ โทรมาชวนฉัน แบบนี ้  ท�ำไมถึงไม่ชวนเพื่อนสนิทตัวจริ งไปล่ะคะ”  บุษมาลีถอนใจ  บอกไม่ถกู ว่าควรจะดีใจหรื อว่าโกรธเขากัน เพรงสนธยา  25


แน่  นึกเข้ าใจความรู้ สกึ ของชายหนุ่มดี  เพราะหมดสมัยคลุมถุงชน ไปนานแล้ ว “ผมไม่มีเพื่อนมากนักหรอก”  ชายหนุ่มอธิบาย  “เมื่อวานคุย กัน  คุณก็ร้ ู ว่าผมเรี ยนหนังสือที่อเมริ กามาตลอด  เพิ่งกลับมาไทย ได้ ยงั ไม่ถงึ ปี   ยังไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนเลย” พอเห็นว่าบุษมาลีชกั จะใจอ่อน  เขาก็รีบเร่งเร้ าต่อไป “นะครับคุณบุษ  ช่วยผมหน่อยนะ...” “หกโมงเย็นใช่ไหมคะ”  บุษมาลีโคลงศีรษะ  ไม่ร้ ู ว่าตัวเอง ใจอ่อนไปได้ อย่างไร “ครั บ...หกโมงเย็น”  น�ำ้ เสียงของเขาแจ่มใสขึน้ มาทันควัน “แล้ วเจอกันนะครับ” “ค่ะ...แล้ วเจอกัน”  บุษมาลีตอบรับชายหนุ่ม  พร้ อมกันนันก็ ้ กลับกลายมาเป็ นฝ่ ายที่ต้องหนักใจแทน... หล่ อนกลับบ้ านเร็ วกว่ าทุกวัน  เพราะอยากเตรี ยมตัว  ให้ พร้ อมส�ำหรับอาหารค�่ำที่บ้านของคุณสาวิตรี มารดาของสันต์ดุสิตเป็ นคนดังในวงสังคม  ถึงชายหนุ่มจะ ย� ้ำกับหล่อนว่าอาหารค�่ำวันนี ้เป็ นอะไรที่ง่ายๆ  ไม่มีพิธีรีตอง  หาก บุษมาลีก็ยังอยากให้ ตัวเองแลดูดีไม่อยากให้ ทุกคนในงานเลีย้ ง อาหารค�่ำวันนี ้มองว่าหล่อนเป็ นเด็กกะโปโล “รู้ ไหมคะว่าพวกผู้หญิ งที่โรงเรี ยนวิตากรี๊ ดอาจารย์ดุสิตทุก คนเลย  วิตาว่าอาจารย์ต้องแอบชอบอาบุษแน่ๆ เลย  ไม่งนั ้ คงไม่ ชวนอาบุษไปด้ วยกันคืนนี ้หรอก”  ปวิตราฟั นธง  เมื่อฟั งคุณอาเล่า ให้ ฟังว่าท�ำไมต้ องบรรจงเลือกเสื ้อผ้ าและเครื่ องแต่งกายถึงเพียงนี ้ “ไม่ใช่อย่างที่วิตาคิดหรอก”  หญิ งสาวส่ายหน้ า  “คุณดุสิต 26  ‘พงศกร’


แค่ไม่มีเพื่อนเท่านันเอง  ้ อีกอย่าง...คงเห็นอาชอบฟั งเพลงคลาสสิก ก็เลยชวนให้ ไปคุยกับคุณแม่ของเขา” “เอาละ...วิตาจะพยายามท�ำใจให้ เชื่ออย่างนันนะคะ” ้ ปวิตราหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นอาสาวบรรจงเลือกเสื ้อตัวนัน้ ตัวนี ้ในตู้  หากไม่มีชดุ ไหนถูกใจสักชุดเดียว  บุษมาลีหยิบเสื ้อตัวนัน ้ ออกมาแล้ วก็เอาเข้ าไปเก็บ  จากนันก็ ้ หยิบตัวใหม่ออกมาแล้ วก็เอา เข้ าไปเก็บ  ท�ำอย่างนี ้จนหลานสาวปวดหัว สุดท้ ายก่อนห้ าโมงครึ่ งเล็กน้ อย  หล่อนก็ตดั สินใจเลือกเสื ้อ ราตรี สัน้   ตัดด้ วยก� ำมะหยี่ สีเลือดนก  ของวาเลนติโน  ดี ไซเนอร์ ชื่อดังที่หล่อนซื ้อมาตอนลดราคาแล้ วไม่เคยได้ ใส่ไปงานที่ไหนเลย สีแดงเข้ มของก� ำมะหยี่ ขับให้ ผิวขาวผ่องของบุษมาลีแลดู ผุดผาดท่ามกลางแสงจากโคมไฟ  ปวิตราช่วยคุณอาตลบผมแล้ ว เกล้ าด้ วยริ บบิ ้นสีแดงเข้ มเป็ นมวยอยู่ที่ท้ายทอย  ล�ำคอระหงของ หล่อนมีริบบิ ้นสีเดียวกันร้ อยจี ้ทับทิมล้ อมด้ วยไข่มกุ สีขาวบริ สทุ ธิ์ บุษ มาลี ตัด สิน ใจไม่ส วมเครื่ อ งเพชร  เพราะต่อ ให้ ส วมไป อย่างไรก็คงจะสู้มารดาของสันต์ดสุ ิตไม่ได้ แน่  อีกอย่าง...อาจารย์ ของปวิตราย� ้ำนักย� ้ำหนาว่าไม่ต้องแต่งตัวมากนัก  ด้ วยอาหารมื ้อนี ้ มีแต่คนกันเอง เมื่อแต่งเสร็ จเรี ยบร้ อย  ปวิตราจึงได้ แต่จ้องมองคุณอาของ เธอด้ วยสายตาตื่นเต้ น  เพราะคืนนี ้บุษมาลีสวยสง่า “วิตาว่า  คืนนี ้อาบุษสวยที่สดุ ...รับรองอาจารย์สนั ต์ดสุ ิตมา เห็นจะต้ องตะลึงแน่” บุษ มาลีไ ด้ แ ต่ยิม้ ด้ วยหัว ใจพองฟู  หากไม่ตอบหลานสาว เพราะมัวแต่จ้องมองเงาร่างระหงของตนเองในกระจก ขณะนั่งรอสันต์ ดุสิตอยู่ด้วยกันที่ห้องรั บแขกนัน้   ปวิตรามี เพรงสนธยา  27


ท่าทางกระวนกระวายเหมือนมีอะไรอยูใ่ นใจ  สุดท้ ายเด็กสาวร่างสูง ก็ตดั สินใจบอกกับคุณอาด้ วยเสียงอ่อนอ่อยว่า “อาบุษคะ...” “หืม...”  บุษมาลีเงยหน้ าจากนิตยสารในมือ  น� ้ำเสียงเช่นนี ้ ปวิตรามักจะใช้ เสมอยามที่ออดอ้ อนขออะไร  หล่อนจึงถามหลาน สาวว่า  “มีอะไรจ๊ ะวิตา” “วิตา...เอ่อ...”  เด็กสาวลังเลอยู่นิดเดียว  แล้ วรี บเอ่ยออกมา เหมือนกลัวว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจ  “วิตาไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว เลย  วิตายังกังวลเรื่ องเสียงเรี ยกเมื่อคืนนี ้ รู้ สึกกลัวๆ ยังไงไม่ร้ ู ค่ะ อาบุษ...ขอวิตาโทรศัพท์ไปชวนดมมาอยูเ่ ป็ นเพื่อนได้ ไหมคะ” “ดม...สิโรดมน่ะหรื อ”  บุษมาลีขมวดคิ ้ว  นึกไปถึงเด็กหนุ่ม ผิวขาวสะอาดสะอ้ าน  หน้ าตาดี  ผู้มีเรื อนร่างสูงล�ำ่ สัน  ท่าทางปราด เปรี ยวคนนัน้ “ค่ะ...”  ปวิตราเสียงอ่อน  รู้ดีวา่ คุณอาไม่คอ่ ยชอบเพื่อนชาย ของตัวเองสักเท่าไหร่ ที่จริ งบุษมาลีไม่ใช่ไม่ชอบสิโรดม  เพียงแต่ไม่ชอบให้ หลาน สาวริ มีแฟนในวัยเรี ยน...ก็เท่านัน้ สิโรดมเป็ นเพื่ อนเรี ยนห้ องเดี ยวกันกับปวิตรา  หล่อนเห็น เด็กหนุม่ คนนี ้คอยตามหลานสาวราวกับเป็ นเงามานานหลายปี   บุษ- มาลีไม่ยอมรับสิโรดมเป็ นแฟนปวิตรา  แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ว่า หลานสาวหล่อนสนิทสนมกับเด็กหนุ่มคนนีม้ ากกว่าเพื่อนชายคน ไหน หล่อนอาจจะถูกเลี ้ยงดูมาอย่างคนรุ่ นเก่า  จึงเห็นว่าหน้ าที่ ของเด็กในวัยเรี ยนก็คือตังใจเรี ้ ยนอย่างเดียว  เรื่ องแฟนนันเป็ ้ นเรื่ อง ที่ควรจะเก็บเอาไว้ คิดเมื่อเรี ยนจบแล้ ว  เพราะอย่างนีล้ ะมัง...จน 28  ‘พงศกร’


ป่ านนี ้หล่อนจึงไม่เคยคบใครเป็ นแฟน ผิดกับเด็กสมัยนี ้ ที่โลกหมุนไปเร็ วจนตามไม่ทัน  บุษมาลี เคยตกใจที่เห็นเด็กนักเรี ยนชายหญิ งชัน้ ประถม  ๕  เดินควงแขน และโอบกอดกันในห้ างสรรพสินค้ าตอนเลิกเรี ยน  ท�ำท่าทางราวกับ เป็ นสามีภรรยากันยังไงยังงัน้ เคยบ่ น เรื่ อ งนี ใ้ ห้ แ ม่ ฟั ง ตอนที่ ขึ น้ ไปเชี ย งรายเมื่ อ หลายปี ก่อน  แม่ของหล่อนหัวเราะหึๆ  แล้ วบอกว่าความรักความเอื ้ออาทร ในสถาบันครอบครั วเท่านัน้ ที่ จะเป็ นเกราะป้องกันลูกหลานจาก ภยันตรายในสังคมปั จจุบนั เพราะค�ำของมารดา...หล่อนจึงมัน่ ใจได้ อยูอ่ ย่างว่าหลานสาว ของหล่อนเป็ นเด็กที่มาจากครอบครัวอันอบอุน่   รู้คิดเกินกว่าเด็กใน วัยเดียวกัน  ถึงสิโรดมและปวิตราจะคบหาเป็ นแฟนกันจริ ง  บุษมาลี ก็ มั่นใจว่าปวิตราจะดูแลตัวเองได้ เป็ นอย่างดี  ไม่ปล่อยให้ เพื่ อน ชายล่วงเกินหรื อชักจูงไปในทางที่ไม่ดี  ตรงกันข้ ามหญิงสาวยอมรับ ว่า  สามปี ที่ผ่านมาเด็กทังสองช่ ้ วยกันเรี ยนจนสอบได้ คะแนนอยู่ใน ระดับดีมาก “ก็ชวนมาสิ”  หล่อนจึงเอ่ยปากอนุญาตหลานสาวไปในที่สดุ บุษมาลีแอบเห็นปวิตราถอนหายใจยาวด้ วยความโล่งอก  ก่อน จะหยิบโทรศัพท์มือถือมากดหาเพื่อนแล้ วชวนให้ เขามาอ่านหนังสือ เป็ นเพื่อน  ระหว่างที่บษุ มาลีไปรับประทานอาหารเย็นกับสันต์ดสุ ติ ชายหนุ่ มขับรถเต่ ามารั บหล่ อนตอนหกโมง  ตรงเวลา  ตามนัด  ไม่ขาดไม่เกินไปแม้ แต่นาทีเดียว  หญิงสาววางหนังสือใน มือลงบนโต๊ ะ  แล้ วชวนหลานสาวเดินออกไปหาเขาที่ประตู  ไม่รอ ให้ ชายหนุ่มเป็ นฝ่ ายเดินเข้ ามาหาในบ้ าน  ด้ วยหล่อนไม่ใช่คนเรื่ อง เพรงสนธยา  29


มาก  และไม่ต้องการให้ เสียเวลาเดินทาง สันต์ดสุ ติ ท�ำตาโต  แทบไม่เชือ่ สายตาตัวเองว่าบุษมาลีจะสวย สง่าได้ ถึงเพียงนี ้  คุณอาของปวิตราอยู่ในชุดราตรี สนสี ั ้ แดงเลือดนก มองดูดีมีรสนิยม  จี ้ทับทิมบนล�ำคอระหงของหญิงสาวเปล่งประกาย วาววับเมื่อต้ องแสงจากโคมไฟริ มรัว้ ลูกศิษย์ของเขาท�ำท่าทางหัวเราะคิกคัก  เมื่อเห็นเขายื่นแขน ออกไปให้ คณ ุ อาของหล่อนควง  เหมือนกับในเทพนิยายเวลาทีเ่ จ้ าชาย มารับเจ้ าหญิงไปงานเลี ้ยงในพระราชวัง “ดูแลอาบุษให้ ดีนะคะอาจารย์  ห้ ามบุบสลาย  ห้ ามเถลไถล ไปไหนเด็ดขาด  ทานข้ าวเสร็ จแล้ วต้ องรี บกลับบ้ านทันที”  ปวิตรา ยังไม่หยุดยิ ้ม  “เข้ าใจไหมคะ” “ครับผม”  สันต์ดสุ ิตหัวเราะบ้ าง  เขาสังเกตเห็นรอยคล� ้ำใต้ ดวงตาของลูกศิษย์มาตังแต่ ้ เช้ าแล้ ว  หากไม่มีริว้ รอยนัน้ ดวงหน้ า ของเด็กสาวคงจะแจ่มกระจ่างมากยิ่งกว่านี ้ “แก่นจริ งๆ เลยยายวิตา  ตกลงนี่ใครเป็ นครู   ใครเป็ นลูกศิษย์ กันแน่นะ”  บุษมาลีสา่ ยหน้ า  “อยูบ่ ้ านดีๆ ล่ะ  อาไปไม่นานหรอก” ขณะนัง่ รถไปกับชายหนุ่ม  หล่อนพยายามสลัดความกังวล ทิ ้งไป  แม้ จะยิ ้มและพูดคุยกับสันต์ดสุ ิตไปตลอดทาง  หากลึกลงไป แล้ วบุษมาลีอดห่วงหลานสาวไม่ได้   แม้ ไม่อยากให้ ปวิตราคบกับ สิโรดม  หากหญิงสาวกลับนึกภาวนาขอให้ เด็กหนุม่ คนนันมาถึ ้ งบ้ าน หล่อนเร็ วๆ  จะได้ อยูเ่ ป็ นเพื่อนกัน สันต์ดสุ ติ ขับรถเต่าเลี ้ยวซ้ ายขวาผ่านการจราจรที่คอ่ นข้ างจะ แน่นขนัดด้ วยความช�ำนาญ  ก่อนจะมาหยุดลงที่บ้านหลังใหญ่หลัง หนึง่ ที่ใจกลางกรุงเทพฯ บุษมาลีก้าวลงจากรถแล้ วจ้ องมองบ้ านของมารดาชายหนุม่ 30  ‘พงศกร’


ด้ วยความตื่นตาตื่นใจ  เพราะบ้ านของสาวิตรี นนเป็ ั ้ นบ้ านขนมปั งขิง ลัก ษณะคล้ า ยกัน กับ บ้ า นของหล่อ นไม่มี ผิ ด   ต่า งกัน แต่ข นาดที่ ใหญ่กว่า  และสีของบ้ านที่ทาด้ วยสีเขียวอ่อน เป็ นเวลาจวนทุ่มตรงและดวงจันทร์ เริ่ มจับขอบฟ้า  ทอแสง สว่างนวลมาต้ องหลังคาบ้ านทีม่ งุ ด้ วยกระเบื ้องว่าวแผ่นเล็ก  สายลม เย็นโชยมาเอื่อยอ่อน  บุษมาลีได้ กลิ่นดอกไม้ หอมหวานเจือมากับ สายลมนัน้ “โอ้ โฮ...บ้ านสวยจังนะคะ”  หญิ งสาวอดเอ่ยปากชมไม่ได้ ใจหนึ่งอดนึกโมโหชายหนุ่มไม่ได้   ที่ไม่ยอมเอ่ยปากบอกให้ ร้ ู เลยว่า มารดาของเขาก็มีบ้านขนมปั งขิง  อันเป็ นรู ปแบบสถาปั ตยกรรมสิ่ง ปลูกสร้ างในสมัยรัชกาลที่  ๖  เช่นกัน “ปลูกสมัยเดียวกับบ้ านของคุณนัน่ ละครับ”  ชายหนุม่ หัวเราะ เสียงแผ่วเบาในล�ำคอ  “แม่ผมเพิ่งซื ้อจากเจ้ าของเก่ามาเหมือนกัน แต่เพิ่งซื ้อได้ ไม่นาน  ไม่ถึงสิบปี เลยครับ  ซื ้อมาแล้ วก็ต้องเสียเวลา อนุรักษ์ ซอ่ มแซมอีกเกือบสองปี กว่าจะย้ ายเข้ ามาอยูไ่ ด้ ” “แต่ชา่ งก็ซอ่ มเก่งมากนะคะ  ฝี มือดีทีเดียว”  บุษมาลีพดู จาก ความรู้ สึกที่แท้ จริ ง  “คนจะใจเย็นท�ำได้ แบบนีไ้ ม่มากนักหรอกค่ะ ถ้ าคุณแม่คณ ุ มีอะไรเกี่ยวกับบ้ านละก็  บอกฉันได้ นะคะ...ฉันมีช่าง ประจ� ำอยู่คนหนึ่ง  รั บซ่อมบ้ านเก่าอย่างเดียว...ช� ำนาญมากค่ะ เพราะแกเรี ยนจบสถาปั ตยกรรมมา...ราคาค่าจ้ างออกจะสูงสัก หน่อย  แต่ก็ค้ มุ กับฝี มือและความละเอียด” “อ้ าว...ดุสิต  มาแล้ วหรื อลูก”  เสียงหวานๆ ของสตรี ผ้ ูหนึ่ง ดังทักทายมาจากในตัวบ้ าน  ก่อนที่ร่างผอมสูงของสาวิตรี จะเดิน นวยนาดออกมา  ด้ วยท่วงท่าสง่างามราวกับนางพญา บุษมาลียกมือไหว้ สตรี สงู วัยผู้นน  ั ้ ก่อนจะเงยหน้ ามองสาวิตรี เพรงสนธยา  31


ด้ วยความชื่นชม  แม้ ปีนีอ้ ายุจะเลยหกสิบไปแล้ ว  หากความงาม ของมารดาสันต์ดสุ ิตราวกับถูกหยุดเอาไว้ ตงแต่ ั ้ ต้นสี่สิบ  ด้ วยดวง หน้ าสวยหวานนันปราศจากริ ้ ว้ รอยแห่งเวลา  ผิวอ่อนใสราวกับผิว ของหญิงสาวที่อ่อนเยาว์  ดวงตาที่จ้องมองหล่อนนันเปล่ ้ งประกาย ฉงน “นี่หรื อจ๊ ะ  เพื่อนของลูก...ชื่ออะไรล่ะเธอ” ประโยคนัน ้ สาวิตรี เจาะจงถามหล่อนโดยเฉพาะ “บุษมาลีคะ่ ” “บุษมาลี...อืม...ชื่อเพราะดีนี่จ๊ะ”  สาวิตรี ส่งยิ ้มละมุนให้ กบั เพื่อนสาวของลูกชาย  สายตาของสตรี สงู วัยดูจะพึงพอใจเมื่อไล่ขึ ้น ลงบนชุดหรูเรี ยบของหญิงสาว บุษมาลีแอบผ่อนลมหายใจ  เพราะก�ำลังเกร็ งอยู่ว่ามารดา ของชายหนุ่ม จะวิ จ ารณ์ ว่า อย่า งไรบ้ า ง  ค� ำ ชมและสายตาพึง ใจ ของสาวิตรี ท�ำให้ บุษมาลีร้ ู สึกเหมือนสอบผ่านด่านแรกไปได้ อย่าง สบายๆ  หากประโยคต่อมาท�ำเอาหญิงสาวถึงกับหนาวๆ ร้ อนๆ “แล้ วคบหากันมานานแค่ไหนแล้ วล่ะจ๊ ะ” ตายละ...หล่อนนึก...จะท�ำยังไงดีนะ  ไม่ได้ เตี๊ยมกันเสียด้ วย “สองเดือนค่ะ”  บุษมาลีจงึ ตอบไปโดยสัญชาตญาณ  ขณะที่ ชายหนุม่ ตอบขึ ้นมาพร้ อมๆ กันว่า “สองปี แล้ วครับแม่”

32  ‘พงศกร’


“เอ้ า...ตกลงเป็ นแฟนกันแน่ หรื อเปล่ า  แค่ ถามว่ าคบกัน  นานแค่ไหนยังตอบไม่ตรงกัน  คราวหน้ าคราวหลังละก็  วางแผน หลอกแม่ให้ ดีกว่านี ้หน่อยนะจ๊ ะดุสติ ” มารดาของสันต์ดสุ ิตขมวดคิ ้ว  เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออก ว่าลูกชายอุปโลกน์ หญิ งสาวร่ างระหงผู้นีข้ ึน้ มาเป็ นแฟน  เพื่ อไม่ ให้ ถกู ผู้เป็ นมารดาจับคูใ่ ห้ กบั บรรดาสาวๆ ที่มาในงาน  แต่ก็อดยอม รั บ ไม่ไ ด้ ว่า ตัว เธอเองก็ พึง พอใจแม่ส าวน้ อ ยที่ ลูก ชายพามาด้ ว ย ไม่น้อย  ไม่วา่ จะรูปร่างหน้ าตา  กิริยามารยาทก็ล้วนแต่ดเู ข้ าที สาวิตรี หัวเราะเบาๆ  พร้ อมกับส่ายหน้ าด้ วยความอ่อนใจ เลี ้ยงลูกมากับมือท�ำไมจะไม่ร้ ูวา่ สันต์ดสุ ิตคิดอย่างไร  เลี ้ยงลูกเลี ้ยง ได้ แต่ตวั   พอเป็ นผู้ใหญ่เขาย่อมมีความคิดเป็ นของตัวเอง  หล่อ นไม่อ ยากให้ ลูก ชายกับ เพื่ อ นที่ มาด้ ว ยกัน รู้ สึก อึดอัด ใจเลยขอตัวไปรับแขกคนอื่น  ปล่อยให้ หนุ่มสาวทังสองอยู ้ ่กนั ตาม ล�ำพัง  คิดเอาไว้ วา่ ต้ องหาทางท�ำความรู้จกั ผู้หญิงที่ชื่อบุษมาลีคนนี ้ ให้ มากขึ ้นในวันข้ างหน้ า  เพรงสนธยา  33


“ตามสบายนะหนู  ดุสติ พาเพือ่ นเดินดูบ้านก่อนก็ได้   แม่ขอตัว ไปทางโน้ นก่อน  แขกแม่ทยอยมากันแล้ ว” งานเลี ้ยงอาหารเย็นวันนัน  ้ ไม่ใช่งานเล็กๆ อย่างที่ชายหนุ่ม บอกแต่แรก  มารดาของสันต์ดสุ ิตเชิญเพื่อนฝูงและแขกเหรื่ อที่เป็ น คนในวงการดนตรี มาร่ วมสิบคน  หลายคนเป็ นนักร้ องดังที่บษุ มาลี รู้จกั ดีและไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ พบตัวจริ ง โชคดีที่ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่มีใครสนใจหล่อน  จุดสนใจ ของทุกคนอยูท่ ี่สาวิตรี ที่ยงั คงดูสวยเหมือนกับเมื่อหลายสิบปี ก่อน มารดาของสันต์ดสุ ิตส่งเสียงหัวเราะสนุกสนาน  ทักทายคน โน้ นคนนีด้ ้ วยท่าทางมีความสุขและแจ่มใส  แม้ ในวันนีส้ าวิตรี จะ ดูท้วมสักหน่อย  หากเรื อนร่ างมารดาของชายหนุ่มยังระเหิดระหง ดวงหน้ า ตกแต่ง ด้ ว ยช่ า งแต่ง หน้ า ฝี มื อ เยี่ ย มจนมองแทบไม่เ ห็ น ริ ว้ รอยแห่งวัย ตกลงที่เขาบอกว่าชวนหล่อนมาเพราะจะได้ คุยเรื่ องดนตรี คลาสสิกกับคุณแม่ของเขา  ปรากฏว่าเอาเข้ าจริ ง  สาวิตรี ก็มวั แต่ พูดคุยอยูก่ บั เพือ่ นฝูงของตน  ไม่ได้ มาวุน่ วายอะไรกับบุษมาลีมากมาย อย่างที่คิดเอาไว้ แต่ต้น  ขณะที่ก�ำลังละล้ าละลัง  ไม่ร้ ู ว่าจะวางตัว อย่างไร  หรื อว่าพาตัวไปอยู่ตรงไหนดี  สันต์ดสุ ิตก็แตะข้ อศอกของ หญิงสาว  เหมือนจะอ่านความรู้สกึ อึดอัดภายในใจของหล่อนได้ “เดินไปดูหินทางด้ านโน้ นไหมครับ  คุณแม่ผมสะสมหินเอา ไว้ มากทีเดียว” “คะ...อะไรนะคะ  สะสมหินหรื อ”  บุษมาลีท�ำตาโต  เพราะ ไม่เคยได้ ยินว่าใครสะสมอะไรประหลาดแบบนี ้มาก่อน  โดยเฉพาะ เมื่อคนนันเป็ ้ นนักเปี ยโนอย่างสาวิตรี “หินสีน่ะครับ...คุณบุษเชื่อไหมว่าหินมีพลังงานอยู่ในตัว  แต่ 34  ‘พงศกร’


ละชนิ ดมี พลังงานแตกต่างไปคนละอย่าง  คุณแม่ของผมเชื่ อถื อ โชคลาง  และพลังของหินสี  ก็เลยเก็บสะสมเอาไว้ ไม่น้อย” สัน ต์ ดุสิต ยิ ม้ จนเห็ น รอยบุ๋ม ที่ ส องข้ า งแก้ ม   หญิ ง สาวเพิ่ ง สังเกตเห็นวันนี เ้ องว่าเวลาที่ ยิม้   เขาดูมีเสน่ห์จนยากที่ หญิ งสาว คนใดจะถอนสายตาไปจากดวงหน้ าคมสันนันได้ ้ บุษ มาลี เ ดิ น ตามเขาเข้ า ไปในห้ อ งรั บ แขกที่ อ ยู่ใ นตัว บ้ า น หล่อนยิ ้มให้ กบั หญิงสูงวัยสองสามคนที่มองมาด้ วยความสงสัย มารดาของสันต์ ดุสิตมี ต้ ูกระจกขนาดใหญ่ ติดผนังห้ องทัง้ สี่ ด้ า น  เหนื อ ตู้ก ระจกนัน้ มี ไ ฟสปอตไลต์ ด วงเล็ ก ๆ ส่ อ งลงมาที่ ก้ อนหินหลากสีหลายขนาดซึง่ วางโชว์อยูภ่ ายใน หญิงสาวเบิกตากว้ าง  เพราะไม่นกึ ว่าการสะสมหินสี  อันเป็ น งานอดิเรกของสาวิตรี จะเป็ นเรื่ องเป็ นราวถึงขนาดนี ้  บุษมาลีหนั ไปรอบๆ ห้ องก็แลเห็นหินบางก้ อนส่องแสงเป็ น ประกายวาววับ  ประมาณดูด้วยสายตาแล้ วทัง้ ห้ องมีหินไม่น่าจะ ต�่ำกว่าสองหรื อสามร้ อยก้ อน “ไม่ร้ ู จะเริ่ มตรงไหนดีใช่ไหมครั บ”  ชายหนุ่มมองดูอาการ ตื่ นเต้ นของหญิ งสาวแล้ วเลยหัวเราะออกมาเบาๆ  “งัน้ มาตรงนี ้ ดีกว่า...” เขาแตะข้ อศอกของหล่อนด้ วยท่าทางสุภาพ  แล้ วชักชวนให้ บุษมาลีเดินตามเขาไปยังตู้ใบแรกที่อยู่ทางด้ านขวามือ  สันต์ดสุ ิต ชี ้ก้ อนหินขนาดใหญ่เท่าลูกเทนนิสที่มีสีม่วง  หากเนื ้อใสกระจ่างจน หล่อนแลเห็นลวดลายที่อยูใ่ นใจกลาง “สีม่วงนี่...แอเมทิสต์ครับ”  ชายหนุ่มรี บบอกเมื่อเห็นหล่อน เริ่ มท�ำหน้ าสงสัย  “เป็ นอัญมณีประจ�ำตัวของคุณแม่...แม่เกิดเดือน กุมภาพันธ์นะ่ ครับ” เพรงสนธยา  35


“ตายจริ ง  เดือนเดียวกับฉันเลย  ดีจงั   ฉันจะได้ จ�ำไว้ ว่าแอ- เมทิสต์ เป็ นอัญมณี ประจ�ำตัว”  พอพูดถึงเรื่ องราศีเกิด  และโหรา ศาสตร์ บษุ มาลีจงึ เริ่ มจะสนใจขึ ้นมา  ทังที ้ ่ก่อนหน้ านี ้ไม่มีความรู้สกึ สนใจมาก่อน “สารภาพนะคะว่าฉันเรี ยนสายวิทย์  จบสิ่งแวดล้ อมมา  เลย มีความเป็ นนักวิทยาศาสตร์ มากไปหน่อย  ไม่เคยสนใจเรื่ องพวกนี ้ มาก่อนเลย...เห็นหิน  เห็นเพชรพลอย  ก็คิดว่าเป็ นแค่สารธรรมดา ไม่เคยคิดว่ามีจิตวิญญาณ” “แปลกดี น ะครั บ ”  เขายิ ม้ อ่ อ นโยน  “เพื่ อ นผมที่ เ รี ย นสิ่ ง - แวดล้ อมกลับคิดต่างจากคุณบุษ  เวลาพูดถึงสิ่งแวดล้ อม  เธอจะ อธิบายด้ วยเพลงเพลงหนึ่ง  เคยได้ ยินเพลง  Colors  of  the  Wind ไหมครับ” “เคยค่ะ  ฉันชอบเพลงนี ้”  บุษมาลีวา่ ชายหนุ่มยิ ้มและฮัมเพลงนัน้ ด้ วยเสียงทุ้มนุ่มลึกให้ บุษมาลี ฟั ง “You think you own whatever land you land on. The Earth is just a dead thing you can claim. But I know every rock and tree and creature. Has a life, has a spirit, has a name…”๑ “เพลงบอกเราว่าก้ อนหินทุกก้ อน  ต้ นไม้ ทกุ ต้ นมีจิตวิญญาณ มันเป็ นไปได้ หรื อคะ”  บุษมาลีมองชายหนุ่มแล้ วเลิกคิว้ ถามด้ วย ความสนใจ ๑  เพลง  Colors  of  the  Wind  แต่งเนือ้ โดย  Stephen  Schwartz  ท�ำนอง โดย  Alan  Menken  เป็ นเพลงประกอบภาพยนตร์ การ์ ตนู เรื่ อง  โพคาฮอนทัส (Pocahontas)

36  ‘พงศกร’


“ถ้ าคุณบุษเชื่อว่ามี...ก็มี”  เขาตอบสบายๆ  หากหญิ งสาว กลับถามสันต์ดสุ ติ ต่อไปว่า “แล้ วคุณเชื่อไหมคะว่าก้ อนหิน  ต้ นไม้   มีจิตวิญญาณจริ ง” แทนที่ จะตอบค� ำถามของหล่อน  เขากลับถามหล่อนด้ วย ค� ำถามใหม่  “คุณบุษเคยได้ ยินเรื่ องกล้ องเกอร์ เลียนไหมครั บ... กล้ องที่ถ่ายจับแสงสีที่มีความไวได้ นะ่ ครับ” เมือ่ เห็นบุษมาลีพยักหน้ าเป็ นเชิงว่ารู้จกั   เขาก็เลยเล่าต่อไปว่า “มีนกั วิทยาศาสตร์ เคยถ่ายภาพต้ นไม้ ด้วยกล้ องเกอร์ เลียน พบมีแสงสีเขียวสดใส  แต่พอต้ นไม้ นนถู ั ้ กตัดกิ่งก้ านใบไปแล้ วถ่าย ด้ วยกล้ องเกอร์ เลียนอีกครัง้   แสงสีที่พบกลับกลายเป็ นสีเทาหม่น... เหมือนกับต้ นไม้ ก�ำลังรู้สกึ เศร้ าหรื อเจ็บปวดน่ะครับ” “ฉันควรจะเชื่อดีไหมนะ  บางคนบอกว่ากล้ องเกอร์ เลียนเป็ น แค่การเล่นกลเท่านัน” ้ บุษมาลียิ ้มอย่างไม่ได้ จริ งจังอะไรนัก  ได้ พูดคุยกับเขาด้ วย เรื่ องราวที่น่าสนใจ  ในค�่ำคืนสบายๆ  เช่นนี ้  หญิงสาวรู้ สกึ ว่าสันต์- ดุสิตมีเรื่ องราวมากมายที่หล่อนยังไม่ร้ ู จกั   ราวกับหนังสือลึกลับที่ ชวนให้ เปิ ดหน้ าถัดไปขึ ้นมาอ่าน “นักวิทยาศาสตร์ มกั พูดเช่นนี ้เสมอ”  เขาว่า  “แต่ถ้าลองเปิ ด ใจให้ ก ว้ า ง  คุณ บุษ จะพบว่ า โลกเรายัง มี สิ่ ง ที่ อ ธิ บ ายไม่ ไ ด้ ด้ ว ย วิทยาศาสตร์ อีกมากมาย...” ยัง ไม่ทัน จะพูด อะไรต่อ ไป  บุษ มาลี ไ ด้ ยิ น เสี ย งสตรี ผ้ ูห นึ่ง กรี ดร้ องเสียงดังอยูท่ างห้ องอาหาร  ก่อนจะตามมาด้ วยเสียงเหมือน เก้ าอี ้ล้ ม สันต์ดสุ ิตมีสีหน้ าตกใจ  เขาหันกลับไปทางห้ องที่บรรดาแขก ของคุณสาวิตรี ยืนคุยกันอยู่  ก่อนจะก้ าวเท้ ายาวๆ ตรงไปทางนัน้ เพรงสนธยา  37


อย่างรวดเร็ ว  โดยมีบษุ มาลีวิ่งตามหลังไปติดๆ พอไปถึงบริ เวณที่เกิดเหตุ  บุษมาลีเห็นที่โต๊ ะยาวซึ่งจัดวาง อาหารเอาไว้ หลายชนิ ดนัน้ มี สตรี ผ้ ูหนึ่งยื นท� ำตาขวางอยู่  โดยมี มารดาของสันต์ดสุ ิตยืนหน้ าซีดอยู่ทางด้ านข้ าง  พื ้นห้ องมีเศษจาน แก้ วแตกกระจัดกระจาย  มองดูนา่ กลัวว่าจะบาดใครเข้ าให้ แม้ บษุ มาลีไม่เคยเห็นหน้ าสตรี วยั กลางคนผู้นนมาก่ ั้ อน  หาก หน้ า ตาท่า ทางกับ เครื่ อ งแต่ง กายของเจ้ า หล่อ นเคยคุ้น อย่า งน่ า ประหลาด ผมที่ยาวสลวยของเธอโพกผ้ าแพรสีน� ้ำตาลเข้ ม  เข้ ากันดีกบั เสื ้อกระโปรงยาวเหมือนชุดมูม ู่ ลวดลายบนกระโปรงนันเป็ ้ นเส้ นสาย แบบวินเทจที่ก�ำลังเป็ นที่นิยม  ใบหน้ าของสตรี ผ้ ูนัน้ สวยสมวัย  มี เพียงดวงตาที่ขนุ่ ขึ ้งเท่านัน ้ ที่มองกวาดไปรอบๆ ด้ วยท่าทางเหมือน ไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้ าท�ำเสียงอึกทึกครึ กโครม  น่าร� ำคาญเสียจริ ง”  จู่ๆ หญิ งสาวคนนัน้ ก็ ตวาดอย่างเกรี ย้ วกราดจนบุษมาลีถึงกับสะดุ้ง พร้ อมกันนันก็ ้ เคลื่อนกายไปแอบหลังร่ างสูงใหญ่ของสันต์ดสุ ิตโดย ไม่ทนั รู้ตวั “ใครกันคะคุณดุสติ ”  บุษมาลีกระซิบถามเสียงสัน่ “น้ าสมฤทัย...เพื่อนคุณแม่...”  ชายหนุ่มอธิ บายเสียงแผ่ว “ปกติเป็ นหมอดูพลังจิ ตชื่ อดัง...ผมก็ ไม่ร้ ู ว่าวันนี เ้ ธอเป็ นอะไรไป ท่าทางดูแปลกๆ” “ฤทัย”  หล่อนเห็นสาวิตรี เอื ้อมมือไปแตะแขนเพื่อนพร้ อมกับ เรี ยกชื่อ “ฉันไม่ใช่ฤทัย”  หญิ งสาวคนนัน้ สะบัดแขนโดยแรง  เปล่ง เสียงแหบพร่าออกมาโดยที่ริมฝี ปากไม่ได้ ขยับเขยื ้อน 38  ‘พงศกร’


“ไม่ใช่ฤทัย...แล้ วเธอคือใคร”  หลังจากที่เริ่ มควบคุมอาการ หวัน่ หวาดของตนเองได้ แล้ ว  สาวิตรี จงึ ถามด้ วยน� ้ำเสียงหนักแน่น “ฉันคือนารี...ลูกสาวคุณพระโยธา...”  สมฤทัยตอบด้ วยน� ้ำเสียง แหบพร่าดุจเดิม “คุณพระโยธานเรศ...เจ้ าของบ้ านหลังนี ้น่ะหรื อ”  มารดาของ สันต์ดสุ ิตเบิกตากว้ าง  ท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อ  ขณะที่แขกเหรื่ อ ซึง่ มาร่ วมงานเลี ้ยงอาหารค�่ำส่งเสียงฮือฮา  พร้ อมกับมุงแน่นเข้ าหา ด้ วยความสนใจ “ใช่  คุณพระโยธานเรศที่หล่อนก�ำลังพูดถึงนัน่ น่ะ  คือคุณพ่อ ของฉัน...”  สตรี ร่างผอมเงยหน้ าขึ ้นหัวเราะ  ก่อนจะหันกลับมาจ้ อง มองสาวิตรีแล้ วพูดต่อไปว่า  “และถ้ าฉันไม่ดว่ นตายไปเสียก่อน  บ้ าน หลังนี ้ก็จะเป็ นบ้ านของฉัน” “เกิดอะไรขึ ้นกับคุณ...นารี ”  สาวิตรี ถามโดยปราศจากความ รู้สกึ หวัน่ กลัว  เธอไปไหนมาไหนกับสมฤทัยบ่อย  จนชินเสียแล้ วกับ เรื่ องท�ำนองนี ้ บ่อยครัง้ ที่  ‘ใคร’  บางคนเข้ าร่ างของสมฤทัย  เพื่อ พูดจาสื่อสารกับคนอื่นๆ “ฉันอยู่บ้านพอดี...ระเบิด...สงครามโลกครัง้ ที่  ๒  เสียงหวอ มา  ฉันพยายามจะวิ่งหนี...แต่ไม่ทนั ”  สมฤทัยซบหน้ าลงกับฝ่ ามือ ของตนเอง  แล้ วสะอื ้นไห้ จนตัวโยน บุษ มาลีร้ ู สึกหัวใจเต้ นรั วเร็ วด้ วยความกลัว  หล่อนไม่เคย พบกับ สถานการณ์ แ บบนี ม้ าก่ อ น  ดูเ หมื อ นกับ ว่า สมฤทัย ก� ำ ลัง ถูกวิญญาณของผู้หญิ งคนหนึ่งที่ อ้างว่าชื่ อนารี   เป็ นลูกสาวของ เจ้ าของบ้ านหลังที่หล่อนก�ำลังยืนอยูเ่ ข้ าสิง หล่อนเอื อ้ มมื อไปจับมื อแข็งแกร่ งของสันต์ ดุสิตราวจะยึด เป็ นก�ำลังใจ  ชายหนุม่ บีบมือหญิงสาวตอบกลับมาเบาๆ  แล้ วกระซิบ เพรงสนธยา  39


เล่าว่า “บ้ านหลังนี เ้ คยเป็ นของคุณพระโยธานเรศจริ งอย่างที่คุณ ฤทัยแกว่า  ช่วงสงครามโลกระเบิดลงจนเสียหายบางส่วน  คุณพระ ย้ ายไปอยู่ทางใต้ แล้ วเลยปล่อยบ้ านทิ ้งร้ างไว้ หลายสิบปี   จนกระทัง่ คุณแม่เพิ่งซื ้อต่อจากทายาทแล้ วน�ำมาซ่อมแซม” “ตายจริ ง”  บุษมาลีอทุ านเสียงแผ่ว  “อย่างนันที ้ ่ผ้ หู ญิงคนนี ้ พูดมาก็จริ งสิคะ” “ไม่ร้ ู สิ”  ชายหนุ่มส่ายหน้ า  “ผมรู้ เรื่ องแค่นนั ้ เอง  ไม่เคยได้ ยินว่าคุณพระมีลกู สาวหรื อเปล่า  แล้ วที่บ้านโดนระเบิด...มีใครเสีย ชีวิตไปบ้ างก็ไม่ร้ ู” “แม่นารี มาแบบนี ้ แม่นารี ต้องการอะไร”  ก่อนที่บุษมาลีจะ ทันซักถามชายหนุ่มอย่างไรต่อไป  สาวิตรี ก็ชิงถาม  ‘ใคร’  บางคนที่ อยูใ่ นร่างของสมฤทัยขึ ้นเสียก่อน  “บอกมาสิ...หรือว่าจะให้ ฉนั ท�ำบุญ ไปให้ ” “ฉันไม่ต้องการส่วนบุญจากพวกหล่อน”  น� ้ำเสียงของสมฤทัย ยังคงเกรี ย้ วกราด  “ฉันต้ องการอยูอ่ ย่างสงบสุข  พวกหล่อนท�ำเสียง ดังอึกทึกครึกโครม...น่าร� ำคาญ” “เราแค่ สัง สรรค์ กัน เท่ า นัน้ เอง...ฉัน ...”  สาวิ ต รี พ ยายาม อธิบาย  หากไม่ทนั มีโอกาสได้ พดู จบประโยค  สมฤทัยก็หนั ไปจ้ อง หน้ าหญิงสูงวัย  พร้ อมกับเอื ้อมมือไปบีบแขนมารดาของสันต์ดสุ ิต จนแน่น “ไม่มีข้อแม้   ฉันหนวกหู...เข้ าใจไหม...”  สมฤทัยตะคอกด้ วย เสียงแหบห้ าว  “คราวนี ้ฉันมาเตือน  ถ้ ายังสร้ างความร� ำคาญแบบนี ้ อีก  พวกเจ้ าทังหมดจะต้ ้ องเสียใจ  จ�ำเอาไว้ ให้ ดี” สิ ้นค�ำพูดประโยคสุดท้ าย  ร่ างของสมฤทัยก็สนั่ อย่างรุ นแรง 40  ‘พงศกร’


ราวกับคนจับไข้   ก่อนที่จะทรุดฮวบลงไปกองกับพื ้น “ว้ าย...ฤทัย...”  สาวิตรี ร้อง  ขณะที่สนั ต์ดสุ ติ รี บวิง่ ไปประคอง ร่างเพื่อนมารดาไม่ให้ ล้มฟาดลงไปกับพื ้น บุษมาลีค้นยาดมในกระเป๋ าใบเล็กที่หิว้ ติดมือมาด้ วย  พอ พบก็ ยื่ น ไปรอใต้ จ มูก ของสมฤทัย   สัก พัก เดี ย วสตรี ผ้ ูนัน้ ก็ ลื ม ตา ได้ สติ “โอย...ปวดหัวจัง”  สมฤทัยพึมพ�ำ  หล่อนมองไปรอบๆ กาย พอเห็นมีผ้ ูคนมากมายมุงดูอยู่ก็ต้องถามด้ วยความรู้ สึกสงสัย  “นี่ อะไรกันคะ...มามุงดูอะไรกัน” บุษมาลีหนั ไปหาสันต์ดสุ ติ พร้ อมกับอ้ าปากค้ าง  เพราะกังวาน เสี ย งของสมฤทัย นัน้ เหมื อ นกับ เป็ นคนละคนกัน   ด้ ว ยเสี ย งของ หล่อนในตอนนีอ้ ่อนหวาน  ผิดกันกับเมื่อสักครู่ นีช้ นิดหน้ ามือเป็ น หลังมือ “เธอเป็ นลมไปน่ะ”  สาวิตรี อธิบายเรี ยบๆ  พลางกวาดสายตา มองไปรอบๆ  เป็ นท�ำนองห้ ามไม่ให้ แขกคนอื่นพูดอะไรออกมา “นัน่ สิ...ไม่ร้ ู สึกตัวเลย”  สมฤทัยพึมพ�ำ  “ก�ำลังดื่มน�ำ้ อยู่ดีๆ เหมือนมีเงาอะไรด�ำๆ พุง่ เข้ าใส่...จากนันฉั ้ นก็ไม่ร้ ูสกึ ตัวอีก...” “ช่างเถิด...อย่าสนใจเลยนะฤทัย  ไม่มีอะไรหรอก”  มารดา ของสันต์ดสุ ิตพยายามฝื นยิ ้ม  หันไปบอกกับแขกทุกคนว่า  “เราไป นัง่ คุยกันต่อเถอะ...เชิญค่ะทุกๆ คน” งานเลีย้ งอาหารค�่ำที่มารดาของสันต์ ดุสิตจัดในคืนนัน้   จบลงอย่ า งรวดเร็ ว   หลัง จากเกิ ด เรื่ อ งขึน้ กับ สมฤทัย   แขกเหรื่ อ ทุก คนที่ คุย กัน อย่า งสนุก สนานมาตัง้ แต่แ รก  ดูเ หมื อ นจะมี เ รื่ อ ง หวั่นหวาดในใจ  แม้ เจ้ าภาพจะพยายามบอกทุกคนว่าไม่มีอะไร เพรงสนธยา  41


หากบรรยากาศของงานกลับมีแต่ความเงียบงัน  เพราะต่างคนต่าง ก้ มหน้ าก้ มตารี บรับประทานอาหารให้ เสร็ จโดยเร็ ว  ก่อนจะขอตัว แยกย้ ายกลับบ้ าน ตอนที่ไปลามารดาของสันต์ดสุ ิตนัน  ้ บุษมาลีนกึ ดีใจ  เพราะ คิดว่าได้ ท�ำหน้ าที่ของตนเองเสร็ จเรี ยบร้ อยเสียที  จากนี ้ไปคงยาก ที่จะได้ พบกับสาวิตรี อีก  หากนั่นเป็ นความคิดที่ผิดถนัด  ด้ วยนัก เปี ยโนชื่อดังจับมือหล่อนเอาไว้ แน่นแล้ วบอกว่า “ดุสิ ต บอกฉัน ว่ า  เธอมี บ้ า นสมัย รั ช กาลที่   ๖  เหมื อ นกัน ใช่ไหม  เห็นว่าบ้ านของเธอสวยสมบูรณ์ มากทีเดียว  ต่างกับของ ฉัน ที่ ต อนซื อ้ มา  พบว่า โดนระเบิ ด เสี ย หายไปบางจุด   ไม่ร้ ู ว่า จะ เกี่ ยวข้ องอะไรกับสิ่งที่ สมฤทัยพูดจาแปลกๆ  ถึงผู้หญิ งที่ ชื่อนารี หรื อเปล่า  ยังไงดุสติ ลองไปหาข้ อมูลให้ แม่หน่อยสิ”  จากนัน้ หญิ ง สูง วัย ก็ หัน มาพูด กับ บุษมาลีโดยตรง  “ถ้ าไม่ รังเกียจ  ฉันขอไปเยี่ยมชมบ้ านของเธอบ้ างได้ ไหมจ๊ ะ  บุษมาลี”  บุษมาลีอ้าปากค้ าง  หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอมยิม้ อยู่ไม่ ห่า ง  ไม่ ร้ ู ว่า สัน ต์ ดุสิ ต แอบไปเล่า เรื่ อ งบ้ า นโบราณของหล่อ นให้ มารดาของเขาฟั งตังแต่ ้ เมื่อใด “เอ้ อ ...ค่ะ ”  หล่อ นไม่ คิ ด ว่า จะถูก จู่โ จมแบบนี  ้ เลยได้ แ ต่ อ� ้ำอึ ้งไปชัว่ ขณะ  ก่อนจะตอบตกลงในที่สดุ   “เชิญสิคะ...” “คุณ คงไม่ อึด อัด นะครั บ   คุณ บุษ ”  สัน ต์ ดุสิ ต กระซิ บ ถาม หล่อน  ขณะเดินเคียงกันออกมาจากบ้ าน “ถึงอึดอัดแล้ วจะท�ำอะไรได้ คะ”  หญิงสาวแกล้ งท�ำเสียงพึมพ�ำ “ยังไงคุณแม่คณ ุ ก็ต้องไปชมบ้ านฉันให้ ได้ อยู่แล้ ว...คุณเองก็เถอะ แอบไปเล่าเรื่ องอะไรของฉันให้ ท่านฟั งบ้ างก็ไม่ร้ ู   เล่าแล้ วไม่ยอม บอกฉันก่อน  เดี๋ยวพอคุณแม่คณ ุ ถาม  ฉันตอบไม่ตรงกับที่คณ ุ เล่า 42  ‘พงศกร’


...ก็จะโดนดุวา่ ไม่ยอมเตี๊ยมกันให้ ดีอีกหรอก” สัน ต์ ดุสิ ต ฟั ง เสี ย งของบุ ษ มาลี ก็ ร้ ู ว่ า หล่ อ นไม่ ไ ด้ ง อนเขา จริ ง จัง อะไร  ก็ เ ลยหัว เราะออกมาเบาๆ  ขณะที่ ไ ขกุญ แจรถเปิ ด ประตูให้ หล่อนขึ ้นไปนัง่ ชายหนุ่มขับรถโฟล์กสวาเกนสีฟ้าอ่อนของเขามาส่งหล่อน ที่บ้าน  การจราจรช่วงดึกไม่คบั คัง่ มากเหมือนอย่างหัวค�่ำ  ใช้ เวลา เดินทางเพียงไม่ถงึ ครึ่งชัว่ โมงก็มาถึงบ้ านของบุษมาลี หญิงสาวลืมเรื่ องที่คณ ุ สาวิตรี นดั ว่าจะแวะมาเยี่ยมชมบ้ าน ขนมปั งขิงเสียสนิท  เพราะมัวแต่ถกเถียงเรื่ องสมฤทัยกับชายหนุ่ม มาตลอดทาง  หล่อนไม่เชื่อว่าวิญญาณของนารี สิงร่ างของสมฤทัย บุษ มาลี คิ ด ว่า หญิ ง สาวคนนัน้ เล่น ละครตบตาผู้คนมากกว่ า  ใน ขณะที่ สัน ต์ ดุ สิ ต ค่ อ นข้ า งจะเชื่ อ ว่ า สมฤทัย ไม่ ไ ด้ แ กล้ ง   หากมี พลังงานบางอย่างแฝงอยูใ่ นร่างของหล่อนจริ งๆ “จะว่าเล่นละครหลอกคนอย่างที่คุณบุษว่า  คุณสมฤทัยก็ ไม่น่าจะรู้ เรื่ องระเบิดและคุณนารี นี่ครั บ”  สันต์ ดุสิตพยายามคิด หาเหตุผลมาหักล้ างทฤษฎีของหญิ งสาว  “เราทุกคนรู้ แค่ว่าบ้ าน ของคุณแม่ผม  เจ้ าของเก่าคือคุณพระโยธานเรศเท่านัน...” ้ “ถ้ าคุณสมฤทัยแต่งเรื่ องขึ ้นมาเอง  พวกเราก็ไม่มีทางรู้หรอก ว่าเป็ นเรื่ องโกหก...ใครจะรู้ ล่ะคะว่าคุณพระโยธานเรศมีลกู สาวชื่อ คุณนารี จริ งหรื อเปล่า”  บุษมาลีพดู ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ที่ทกุ สิง่ จะต้ องพิสจู น์ได้ “เอาไว้ ผมจะลองสอบถามญาติๆ  ของคุณพระดู”  สันต์ดสุ ิต ต้ องการจะพิสจู น์ ความเชื่อของเขาเช่นกัน  “ทายาทคุณพระคนที่ ขายบ้ านให้ คุณแม่จะต้ องรู้ แน่ว่าลูกสาวคุณพระ  ชื่อนารี จริ งหรื อ เปล่า” เพรงสนธยา  43


“เป็ นไปได้ ไหมว่าคุณแม่คณ ุ อาจจะรู้”  บุษมาลีลองสมมติ  “แล้ว คุณแม่คณ ุ เคยเล่าให้ คณ ุ สมฤทัยฟั งมาก่อนหน้ านี ้แล้ ว” “ผมคิดว่าไม่น่าเป็ นแบบนัน”  ้ สันต์ดสุ ิตส่ายหน้ า  “จ�ำไม่ได้ หรื อว่าตอนที่เราไปลากลับบ้ านคุณแม่ยงั บอกให้ ผมช่วยสืบดูเลย ว่าตอนที่ระเบิดลงบ้ านหลังนัน ้ มีใครตายบ้ างหรื อเปล่า...ถ้ าคุณแม่ รู้ เรื่ องนี อ้ ยู่แล้ ว  จะให้ ผมช่วยสืบอี กท� ำไม  ผมว่าแม่เองก็ อยากรู้ เหมือนกันว่าคุณสมฤทัยแกล้ งหลอกเอาหรื อเปล่า...อีกอย่าง...” บุษมาลีจ้องมองดูดวงหน้ าคร้ ามคม  กับดวงตาทีเ่ ปล่งประกาย วิบวาวในความมืดของชายหนุม่ ด้ วยความสนอกสนใจ “ผมมองไม่ เ ห็ น เลยว่า คุณ สมฤทัย จะแกล้ ง ท� ำ ผี เ ข้ า ท� ำ ไม ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด” “อาจจะมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดก็ได้ นะคะ”  แม้ จะคล้ อย ตามเหตุผลของสันต์ดสุ ิต  หากหล่อนอดแย้ งไม่ได้   “คุณว่าคุณสม- ฤทัยแกเป็ นหมอดูพลังจิตไม่ใช่หรื อคะ  การแสดงว่าตัวเองสามารถ เป็ นสื่อกลางติดต่อกับวิญญาณคนตายได้ แบบนี ้  อาจจะท�ำให้ เธอ น่าเชื่อถือมากกว่าเก่าก็ได้ ” “อืมมม  ผมจะลอบสืบเรื่ องนีด้ ”ู   สันต์ดสุ ิตหมายมัน่ ปั น้ มือ “จะได้ ร้ ูกนั ว่าคุณสมฤทัยแกเล่นละครอย่างที่คณ ุ สงสัยหรื อเปล่า” “นี่ก็ดึกแล้ ว...ฉันขอตัวก่อนนะคะ”  บุษมาลีเอื ้อมมือไปเปิ ด ประตูรถเต่า  สายตามองแลเลยเข้ าไปในตัวบ้ านด้ วยนึกห่วงที่ทิ ้ง หลานสาวเอาไว้ กบั เพื่อนชายเพียงล�ำพัง ก่อนที่ร่างระหงจะทันก้ าวลงไปจากรถ  สันต์ดสุ ติ คว้ ามือของ บุษมาลีเอาไว้ พร้ อมกับบีบจนแน่นแล้ วบอกด้ วยเสียงทุ้มนุม่ ว่า “ฝั นดีนะครับคุณบุษ...แล้ วพบกันใหม่” 44  ‘พงศกร’


เสียงดังเหมือนคนเดินลากเท้ าอยู่บริเวณปลายเตียงนัน้   กวนใจจนหญิ งสาวที่นอนขดอยู่ภายใต้ ผ้าห่มอบอุ่นต้ องตื่นขึน้ ใน ที่สดุ บุษ มาลี ย กมื อ ขยี ต้ าด้ ว ยความรู้ สึก เหมื อ นยัง ตื่ น ไม่เ ต็ม ที่ รอบกายมืดสนิท  ขณะที่หล่อนพยายามจะลืมตาขึน้ มองดูว่าใคร ก�ำลังเดินกลับไปกลับมาอยูภ่ ายในห้ อง นอกจากเสียงเดินลากเท้ าดังแกรกกรากแล้ ว  ยังจะเสียง เรี ยกชื่อนัน่ อีก “กลับบ้ านเราเถิด” “ใครน่ะ”  บุษมาลีร้องถามเสียงแห้ ง  ยังรู้สกึ ง่วงงุนนัน่ เอง “...กลับ...บ้ าน...”  เสียงนัน้ แผ่วลงจนจางหายไปในที่ สุด พร้ อมกับเสียงเดินลากเท้ าแกรกกรากก็หายไปด้ วย ห้ องนอนของหล่อนดัดแปลงให้ มีห้องน� ้ำอยู่ภายในตัว  รอบ กายของหญิงสาวบัดนี ้ยังคงสลัวราง  มีเพียงแสงสีเหลืองนวลจาก หลอดไฟแรงเที ย นต�่ ำ ซึ่ง อยู่ห น้ า ห้ อ งน� ำ้ เท่ า นัน้   พอกะพริ บ ตาถี่ เพรงสนธยา  45


สายตาเริ่ มชินกับความมืด  บุษมาลีก็เห็นร่ างผอมสูงยืนตะคุ่มอยู ่ ตรงปลายเตียง “วิตา...”  บุษมาลีถอนใจยาว  เข้ าใจว่าคนที่เดินลากเท้ าจน เกิดเสียงดังนัน  ้ ที่แท้ ก็คือหลานสาวของตัวเอง  จะนึกแปลกใจอยู ่ นิดเดียวตรงที่หล่อนแน่ใจว่าลงกลอนประตูห้องนอนแน่นหนา  แล้ ว ปวิตราเข้ ามาได้ อย่างไร... “มีอะไรหรื อเปล่าจ๊ ะ” แทนค�ำตอบของค�ำถามนัน  ้ เด็กสาวกลับสะอื ้นไห้ เสียงแผ่ว เบา “วิตา...”  บุษมาลีผุดลุกขึน้ จากเตียง  ขมวดคิว้ ด้ วยความ ตกใจด้ วยเสียงสะอื ้นนันโศกสลด  ้ รันทดจนหล่อนใจหาย แต่ก่อนที่หล่อนจะทันเอื ้อมมือไปแตะร่ างที่ก�ำลังสัน่ เทานัน ้ เด็กสาวก็เงยหน้ าขึ ้นอย่างรวดเร็ ว แรงสะบัดหน้ าของเด็กสาวท�ำให้ ผมของหล่อนกระจาย  เผย ให้ เห็นดวงหน้ าซีดขาวราวกับซากศพ  รอยคล� ้ำรอบดวงตากลมโต นันแลดู ้ น่าหวาดกลัว  ริ มฝี ปากเรี ยวเขียวคล� ้ำและมีรอยเลือดแห้ ง เกรอะกรัง “กรี๊ ดดดดด...” บุษมาลีชะงักมือที่ก�ำลังยื่นไปแตะไหล่หลานสาว  พร้ อมกับ กรี ดร้ องด้ วยความตระหนก  เมื่อตระหนักว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรง หน้ านันสวมชุ ้ ดนอนของปวิตราก็จริ ง  แต่เป็ นใครก็ไม่ร้ ู ทัน ที ที่ ห ญิ ง สาวส่ง เสี ย งร้ องดัง ลั่น   ร่ า งของเด็ ก สาวที่ ยื น เผชิญต่อหน้ านัน้ ก็เลือนหายไปเหมือนกับสายหมอกยามต้ องแรง ลม  แล้ วบุษมาลีก็ลืมตาตื่นขึ ้นมาอีกครัง้ ... หล่อนหอบหายใจแรงอยู่บนเตียง  เหงื่อท่วมตัวและหัวใจ 46  ‘พงศกร’


เต้ นรั วเร็ วเหมือนกับวิ่งมาเป็ นระยะทางไกล  แสงแดดที่ส่องลอด ผ่านม่านลูกไม้ สีนวลเข้ ามานัน  ้ บอกให้ ร้ ู วา่ สิ่งที่เกิดขึ ้นเป็ นเพียงแค่ ฝั นร้ าย ฝั นร้ ายที่สมจริ งเสียจนบุษมาลีหวาดกลัว พอตังสติ ้ ได้   หญิงสาวก็ยกมือขึ ้นลูบหน้ า  พร้ อมกับหลับตา ลงด้ วยความเหนื่อยอ่อน...นี่หล่อนคงมัวแต่คิดถึงเรื่ องที่ปวิตราเล่า จนเก็บเอาไปฝั น... เสียงนาฬิกาหัวเตียงปลุกหล่อนขึน้ มาจากภวังค์และความ หวาดหวัน่   บุษมาลีฝืนลุกขึ ้นจากเตียงทังที ้ ่มีอาการมึนศีรษะ  มัว นอนไถลอยู่ไม่ได้   ด้ วยอีกไม่กี่ชวั่ โมงก็จะถึงเวลาที่จะต้ องออกจาก บ้ านไปท�ำงานแล้ ว  อยูก่ รุงเทพฯ ขืนออกจากบ้ านสายไปสักห้ านาที แต่อาจจะท�ำให้ หล่อนไปถึงที่ท�ำงานสายได้ ถงึ หนึง่ ชัว่ โมง... ตลอดทังสั ้ ปดาห์นนั ้ หญิ งสาววุ่นวายอยู่กับงานที่เข้ ามาจน ไม่มีเวลาได้ คิดถึงเรื่ องฝั นร้ ายที่เกิดขึน้ กับตนเองอีก  ประกอบกับ ช่วงนี ้ฝนตกหนัก  รถติดทุกวัน  พอกลับถึงบ้ านทังหล่ ้ อนและหลาน สาวจึงเหนื่อยจนไม่มีเวลาคิดเรื่ องอื่น ทุกวันพอปวิตราท�ำการบ้ านเสร็จก็รีบเข้ าห้ องนอน  ส่วนหล่อน นัง่ ดูข่าวประจ�ำวันทางโทรทัศน์จนจบก็รีบเข้ านอนเช่นกัน  หัวแตะ ถึงหมอนก็หลับสนิทรวดเดียวจนถึงเช้ า จะมาวุ่นวายกันอีกครัง้ ก็คือในวันศุกร์ ที่คณ ุ สาวิตรี   มารดา ของสันต์ดสุ ติ นัดหมายว่าจะมารับประทานอาหารค�่ำด้ วยที่บ้าน บุษมาลียอมรับว่าหนักใจมาก... ความหนักใจของหล่อนไม่ได้ เกิดจากการที่จู่ๆ คุณสาวิตรี ก็ อยากจะมาเที่ยวดูบ้านหลังเก่าแก่หรอก  หากหญิงสาวคิดว่ามารดา ของสันต์ดสุ ติ อยากมาดูตวั และครอบครัวของหล่อนมากกว่า เพรงสนธยา  47


หล่อนจึงโทรศัพท์ไปสอบถามชายหนุ่มหลายครัง้   เพื่อเก็บ รายละเอียดว่ามารดาของเขาชอบสีอะไร  ชอบรั บประทานอะไร ไม่ชอบอะไร สัน ต์ ดุสิ ต สงสัย ว่ า ท� ำ ไมบุษ มาลี ต้ อ งเกร็ ง ขนาดนัน้   ถาม อย่า งไรหญิ ง สาวก็ ไ ม่ย อมบอก  หากพอชายหนุ่ม ซัก ไซ้ ม ากเข้ า บุษมาลีก็เลยเผลอสารภาพออกไปว่า  หล่อนคิดว่าแม่ของเขาก�ำลัง จะมาดูตวั   มาท�ำความรู้จกั หล่อนให้ มากยิ่งขึ ้น “คุณบุษคิดมาก”  ชายหนุม่ ออกความเห็น “ไม่ร้ ูส”ิ   บุษมาลีพมึ พ�ำ  “ฉันอาจจะคิดมากเกินไป  แต่ยงั ไงก็ ไม่อยากให้ คณ ุ แม่คณ ุ คิดแบบนี ้เลย  คุณกับฉัน...เราไม่ได้ เป็ นอะไร กันสักหน่อย”  หญิงสาวพูดไม่ตรงกับที่ใจคิด “ยังไงก็ต้องขอบคุณครับที่คณ ุ บุษอุตส่าห์ไปเป็ นเพื่อน  เรื่ อง คุณแม่คงไม่มีอะไรหรอกครับ  คุณแม่คงสนใจบ้ านคุณจริ งๆ  ก็เลย อยากมาเที่ยวชม  อย่าคิดมากเลยครับ” สันต์ดสุ ติ ย� ้ำพร้ อมกับหัวเราะเบาๆ  เพื่อปลอบใจให้ หญิงสาว คลายกังวล  แต่ในใจนัน้ เริ่ มคิดขึน้ มาเหมื อนกันว่ามารดาอาจมี จุดมุ่งหมายอย่างที่หญิงสาวสันนิษฐานจริ งๆ ก็ได้   เพราะที่ผ่านมา แม่ของเขาไม่เคยสนใจอยากไปบ้ านเพื่อนคนไหนของเขามากมาย เหมือนอย่างครัง้ นี ้ “ฉันจะพยายามไม่คิดก็แล้ วกันนะคุณดุสิต...แต่ไหนๆ คุณ แม่คุณก็จะมาแล้ ว  ยังไงคุณก็ต้องช่วยฉันคิดว่าจะท�ำไงดี  อยาก ให้ ท่านประทับใจน่ะค่ะ”  หล่อนถอนใจยาว  ที่จริ งถ้ าท�ำได้   หล่อน ก็อยากจะเลิกล้ มแผนการทังหมด  ้ ด้ วยการขอร้ องให้ สนั ต์ดสุ ิตไป บอกมารดาของเขาว่าหล่อนไม่พร้ อม  ไม่สบาย  หรื ออะไรก็ได้ แต่ถ้าท�ำแบบนันก็ ้ เหมือนกับว่าหล่อนเป็ นคนเหลวไหล  ไม่มี 48  ‘พงศกร’


ความรับผิดชอบ  เมือ่ รับปากผู้ใหญ่แล้ ว  จะมาเปลีย่ นแปลงกะทันหัน แบบนี ้คงไม่เหมาะสม  และอีกอย่าง  หล่อนก็เกิดความรู้สกึ ว่าอยาก ท�ำอะไรให้ แม่ของสันต์ดสุ ติ พอใจในตัวหล่อนเช่นกัน สุดท้ ายพอบุษมาลีเซ้ าซีม้ ากเข้ า  ชายหนุ่มเลยจ�ำเป็ นต้ อง ช่วยเหลือหล่อน  นึกว่าแม่ของเขาชอบหรื อไม่ชอบอะไร  ก่อนจะนัด หมายว่าเขาจะมาถึงบ้ านของหญิงสาวตังแต่ ้ บา่ ย  เพื่อช่วยบุษมาลี และปวิตราจัดโต๊ ะเก้ าอี ้  กับเป็ นลูกมือคอยหยิบจับช่วยงานในครัว บุษ มาลี ตัด สิน ใจลางานวัน นัน้ ทัง้ วัน   เพราะไม่เ ช่น นัน้ จะ ไม่มีเวลาเตรี ยมการเรื่ องอาหาร  ปกติแล้ วหล่อนและหลานสาวกิน อาหารง่ายๆ  ประเภทไข่เจียวหรื อแกงจืด  พอมีแขกมาบ้ าน  แถม เป็ นแขกผู้ใหญ่อย่างสาวิตรี   หล่อนเลยต้ องท�ำอะไรที่พิเศษไปจาก ทุกวัน พอกลับมาจากจ่ายกับข้ าวที่ห้างสรรพสินค้ าใหญ่แถวบ้ าน บุษมาลีก็ต้องประหลาดใจที่เห็นปวิตราก�ำลังท�ำความสะอาดง่วน อยู่ในห้ องรับแขกแล้ ว  แถมตอนที่โผล่เข้ าไปนัน้ หล่อนยังเห็นหลัง สิโรดมเดินไวๆ อยูภ่ ายในห้ องอาหาร “วิตา”  หล่อนเรี ยกหลานสาวเสียงเข้ ม  นึกสงสัยว่าเหตุใด ปวิตราจึงกลับบ้ านเร็ วกว่าปกติ  “วันนี ้เลิกเรี ยนแล้ วหรื อ” “ค่ะ”  หลานสาวเงยหน้ าขึ ้นส่งยิ ้มสดใส  ที่บุษมาลีคิดไว้ ว่า จะดุปวิตราเสียหน่อยก็เลยดุไม่ลง  “วันนี ้ช่วงบ่ายอาจารย์มีประชุม เลยเลิกเรี ยนครึ่ งวัน  วิตากลัวอาบุษจะวุ่นวายเลยชวนดมมาช่วย กันท�ำความสะอาดบ้ านน่ะค่ะ” “อ้ าว...อาบุษกลับมาแล้ ว...หวัดดีครับ”  สิโรดมขนนิตยสาร ที่บษุ มาลีจ�ำได้ ว่ากองอยู่บนโต๊ ะอาหารออกมาพอดี  พอเห็นหล่อน เข้ าก็รีบวางหนังสือลงกับพื ้น  แล้ วยกมือไหว้ ท�ำความเคารพ เพรงสนธยา  49


เห็นสิโรดมยิ ้มแจ่มใส  ยกมือสวัสดีแบบที่เด็กหนุม่ ยุคปั จจุบนั แทบไม่ท�ำกันแล้ ว  บุษมาลีก็เริ่ มรู้ สกึ ดีกบั เด็กหนุ่มมากขึ ้น  หากยัง คงท�ำสีหน้ าเรี ยบเฉย  เพราะกลัวว่าปวิตราจะได้ ใจ “ผมตามวิตามาช่วยท�ำความสะอาดบ้ าน  ประเดี๋ยวก็จะกลับ แล้ วครับอาบุษ” เด็กหนุ่มรี บบอก  เมื่ อเห็นหล่อนท� ำหน้ าเรี ยบเฉย  ขณะที่ ปวิตราหน้ าเสีย  กลัวว่าอาจะดุที่หล่อนชวนเพื่อนชายมาบ้ านโดย ไม่ขออนุญาตเสียก่อน “ขอบใจนะจ๊ ะ”  บุษมาลีถอนใจยาว  หลังจากนิง่ คิดใคร่ครวญ อยู่ชั่วขณะ  หล่อนส่งยิม้ ให้ เพื่อนของปวิตราแล้ วบอกเขาว่า  “ท�ำ ความสะอาดเสร็จแล้ วสิโรดมยังไม่ต้องรี บกลับหรอก  อยูท่ านอาหาร เย็นด้ วยกันก่อน” ปวิตราถอนใจยาวด้ วยความโล่งอก  แล้ วหันไปยิ ้มให้ เพือ่ นชาย ก่อนที่ทงสองคนจะช่ ั้ วยกันท�ำความสะอาดบ้ านต่อ บุษมาลีปล่อยเด็กหนุ่มสาวทังสองท� ้ ำงานอยู่หน้ าบ้ าน  ส่วน ตัวเองหอบเอาอาหารสดทังหลายเข้ ้ าไปในครัว  แล้ วลงมือเตรี ยม ความพร้ อมส�ำหรับอาหารมื ้อเย็น เมื่อวานนี ้  หล่อนช่วยกันคิดกับหลานสาว  เลือกเอาเมนูที่ท�ำ ไม่ยากจนเกินไป  หากทว่ามีความเก๋และเป็ นอาหารสุขภาพอย่างที่ คนก�ำลังนิยมกัน อาหารกินเล่น  ปวิตราซึง่ ชอบอ่านหนังสือคูม่ ือท�ำอาหารต่าง ประเทศเสนอเมนูน่าสนใจ  น�ำอะโวคาโดมาหัน่ เป็ นแท่งยาว  แล้ ว ห่อรวมกับปูอดั ด้ วยแผ่นแป้งเปาะเปี๊ ยะ  กลายเป็ นเปาะเปี๊ ยะอะโว- คาโดไส้ ปอู ดั   อร่อยแถมยังมีประโยชน์ตอ่ สุขภาพ  เพราะอะโวคาโด เป็ นผลไม้ ที่มีวิตามินซีสงู 50  ‘พงศกร’


อาหารหลัก  บุษมาลีให้ สนั ต์ดสุ ิตช่วยเลือก  ชายหนุ่มเสนอ ว่าอาหารมื ้อค�่ำไม่ควรรับประทานอะไรที่หนักท้ อง  เพราะทานอิ่ม ไม่กี่ชวั่ โมงก็ถึงเวลานอนแล้ ว  ชายหนุ่มจึงเลือกย�ำผลไม้ รวม  กับ ซุปผักจากโครงการหลวงดอยค�ำ  โดยมีจานหลักเป็ นปลากะพงนึ่ง ราดด้ วยซอสญี่ปนุ่ ส่วนเครื่ องดื่มนัน  ้ สันต์ดสุ ิตระบุมาเลยว่ามารดาของเขาดื่ม แต่น�ำ้ แร่ เท่านัน้   จึงไม่ใช่เรื่ องยากส�ำหรับบุษมาลีที่จะซื ้อน�ำ้ แร่ มา แช่ต้ เู ย็นเอาไว้ เตรี ยมต้ อนรับ เมนูอาหารมีไม่มาก  หากส�ำหรับคนที่ไม่ได้ จดั งานเลี ้ยงเป็ น ประจ�ำอย่างหล่อนนัน ้ กลับกลายเป็ นความวุน่ วายอย่างไม่นา่ เชื่อ สันต์ดสุ ิตโผล่มาเอาเมื่อเกือบห้ าโมงเย็น  สิโรดมเป็ นคนวิ่ง ไปเปิ ดประตูบ้านให้ อาจารย์ หนุ่ม  เพราะบุษมาลีก�ำลังหงุดหงิด ด้ วยอาหารยังเตรียมไม่เสร็จ  นอกจากอาหารยังไม่พร้ อมแล้ ว  หล่อน ยังกังวลว่าจะเอาเวลาที่ไหนไปแต่งตัว ชายหนุ่มยืนอมยิม้ เอียงศีรษะ  มองหญิ งสาวสัง่ ปวิตรากับ สิโรดมให้ หยิบโน่นนี่ด้วยความขบขัน  ดูท่าทางของทุกคนโกลาหล อลหม่านเหมือนกับบุคคลส�ำคัญก�ำลังจะมาเยี่ยมก็ไม่ปาน “คุณบุษกับวิตาไปแต่งตัวเถอะครับ  ปล่อยเรื่ องในครัวให้ ผม เองดีกว่า”  สันต์ดสุ ติ ส่งเสียงบอกจากหน้ าประตูครัว “เสื ้อผ้ าคุณดุสิตจะเลอะหมดนะคะ”  บุษมาลีขมวดคิ ้ว  จ้ อง มองเรื อนร่างสูงผึง่ ผายในเสื ้อโปโลสีน� ้ำเงินเข้ ม “ไม่เห็นเป็ นไรเลย  วันนี ้ผมมาช่วยนะครับ  ไม่ได้ มาเป็ นแขก” ชายหนุ่มยิ ้มเห็นฟั นขาวสะอาด  พอเห็นหญิงสาวท�ำท่าทางละล้ า- ละลัง  ก็ดึงแขนของหล่อนให้ เดินออกห่างจากเตาไฟฟ้าที่ก�ำลังใช้ นึง่ ปลาอยู ่ แล้ วบอกด้ วยน� ้ำเสียงแกมบังคับว่า  “ไปเถอะครับ  ไม่ต้อง เพรงสนธยา  51


ห่วงทางนี ้  เดี๋ยวผมจัดการเอง” บุษมาลีหนั ไปมองหลานสาวเป็ นท�ำนองขอความเห็น  ปวิตรา เองนึกอยากไปอาบน�ำ้ แต่งตัวเต็มที่แล้ ว  ก็เลยพยักหน้ าเห็นด้ วย จากนัน้ ก็รีบจูงแขนคุณอาออกไปจากห้ องครั ว  ก่อนที่บุษมาลีจะ เปลี่ยนใจ จวนจะหนึ่งทุ่มตรง  อันเป็ นเวลาที่มารดาของสันต์ ดุสิต  นัดหมายว่าจะมาถึง  หล่อนจึงไม่มีเวลาพิถีพิถนั แต่งตัวมากมายนัก อาบน� ้ำสระผมเสร็ จบุษมาลีก็รีบเป่ าผมให้ แห้ งก่อนจะเกล้ าเป็ นมวย สูง  แล้ วเลือกหยิบชุดแส็กเรี ยบง่ายที่ตดั ขึ ้นมาจากผ้ าลูกไม้ สีอ่อน มาสวม  แล้ วลงมือแต่งหน้ าอ่อนๆ พอทุกอย่างเสร็ จเรี ยบร้ อย  บุษมาลีมองดูเงาของตัวเองใน กระจก  แลเห็นล�ำคอโปร่งระหงดูโล่งๆ  เลยเลือกสร้ อยไข่มกุ ทีค่ ณ ุ พ่อ มอบให้ ในวันที่เรี ยนจบมาสวม  หมุนตัวสองสามรอบจนรู้ สกึ มัน่ ใจ ในตัวเองขึ ้นกว่าเก่า  ก็เอื ้อมมือไปดับไฟแล้ วก้ าวออกจากห้ อง หล่อนออกมาพบกับปวิตราที่หน้ าห้ อง  หลานของหล่อนเพิ่ง แต่งตัวเสร็ จเหมือนกัน  วันนีป้ วิตราสวยสดใส  ใบหน้ าอ่อนหวาน ปราศจากเครื่ องส�ำอาง  เสื ้อยืดสีชมพูออ่ นขับผิวขาวผ่องของปวิตรา ให้ นวลงาม  เด็กสาวสวมกางเกงยีนส์รัดรู ปอวดทรวดทรงองค์เอว อย่างที่เด็กวัยรุ่นก�ำลังนิยมกัน บุษมาลีก�ำลังจะเอ่ยปากบอกให้ หลานสาวไปเปลี่ยนกางเกง เป็ นตัวใหม่ที่ดูเรี ยบร้ อยกว่านี  ้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ ว  เพราะได้ ยิน เสียงรถยนต์คนั หนึง่ แล่นเข้ ามาจอดในบ้ าน มารดาของสัน ต์ ดุสิ ต นั่น เอง  วัน นี ค้ ุณ สาวิ ต รี ส ร้ างความ ประหลาดใจให้ กบั ทุกคนด้ วยการขับรถมาเอง  โดยมีสมฤทัยเพื่อน 52  ‘พงศกร’


หมอดูพลังจิตของเธอนัง่ มาเป็ นเพื่อนด้ วยอีก บุษมาลีขมวดคิ ้วนิดหนึง่ ที่เห็นผู้หญิงคนนันมากั ้ บคุณสาวิตรี นึกแปลกใจว่าใครเชิญให้ สมฤทัยมาด้ วย  เพราะหล่อนไม่ได้ เป็ นคน เชิญ  หรื อจะเป็ นสันต์ดสุ ติ ...หญิงสาวได้ แต่สงสัย หล่อนรี บเดินไปต้ อนรับ  ตังใจจะพามารดาของชายหนุ ้ ่มเดิน ชมรอบๆ บ้ าน  จึงบอกปวิตราให้ ลว่ งหน้ าเข้ าไปดูความเรียบร้ อยภาย ในห้ องอาหาร  ที่มีสองหนุม่ ช่วยกันจัดโต๊ ะอยูเ่ พียงล�ำพัง “สวัสดีจ้ะหนูบุษมาลี  นี่คณ ุ สมฤทัยเพื่อนของฉัน  คงจะจ�ำ ได้ ใช่ไหม  พอดีไปธุระด้ วยกัน  เลยชวนคุณสมฤทัยมาทานข้ าวด้ วย ขออภัยที่ไม่ได้ แจ้ งล่วงหน้ า  คงไม่ว่าอะไรนะจ๊ ะ”  มารดาของสันต์- ดุสติ เอ่ยทักทายและแนะน�ำเพื่อนอีกครัง้   ก่อนจะกล่าวต่อ  “อ้ าว  นี่ รถตาดุสิตนี่  แล้ วเจ้ าตัวไปอยู่เสียที่ไหน”  สาวิตรี ถามเมื่อมองเห็น รถของบุตรชาย “เอ้ อ...”  บุษมาลีอึกอัก  ไม่กล้ าตอบว่าชายหนุ่มก�ำลังตระ เตรี ยมความเรี ยบร้ อยอยู่กบั สิโรดมในบ้ าน  เพราะสาวิตรี จะว่าเอา ได้ ว่าหล่อนใช้ งานลูกชายของเธอ  ก็พอดีกบั ที่ร่างสูงใหญ่โผล่ออก มาได้ จงั หวะ สันต์ดสุ ิตตรงเข้ าไปกอดทักทายมารดาเหมือนกับที่เด็กฝรั่ง ชอบท� ำกัน  ก่อนจะหันไปยกมื อไหว้ สวัสดีเพื่ อนของมารดา  เขา บอกกับคุณสาวิตรี วา่ “แม่เดินชมบ้ านกับคุณบุษก่อนนะครับ”  เขายิ ้มกว้ างให้ มารดา ก่อนจะหันมายักคิว้ ให้ กับบุษมาลีที่ก�ำลังท�ำหน้ างง  “ผมขอเวลา จัดการอาหารนิดหนึง่ ...วันนี ้มาช่วยคุณบุษเขาท�ำอาหารเลี ้ยงแม่นะ่ ครับ” “ก็ ดี”  มารดาของชายหนุ่มยักไหล่ด้วยท่าทางง่ายๆ  ไม่มี เพรงสนธยา  53


พิธีรีตอง  “แม่ออกจะกินอะไรยากสักหน่อย  ดุสิตช่วยดูเรื่ องอาหาร ให้ ก็ดี  จะได้ ถูกปาก  เอ้ า  เราไปกันเถอะหนู  มีอะไรอยากอวดให้ ฉันดูบ้าง”  ประโยคสุดท้ ายนักเปี ยโนชื่อดังหันมาบอกกับบุษมาลี  หล่อนอยู่บ้านนี ม้ าแต่เล็กแต่น้อย  รู้ จักทุกซอกทุกมุมของ บ้ านเป็ นอย่างดี  จึงพามารดาของสันต์ดสุ ิตกับเพื่อนหมอดูพลังจิต ของเธอเดินชมได้ โดยไม่ขัดเขิน  ระหว่างที่เดินไปรอบๆ  บุษมาลี แอบสังเกตเห็นท่าทางของคุณสาวิตรี สนอกสนใจบ้ านของหล่อน มาก “หนูว่าคุณพ่อของหนูซือ้ ต่อมาหรื อจ๊ ะ”  มารดาของสันต์ - ดุสิตถาม  ขณะที่สายตามัวจับจ้ องมองเถาองุ่นปูนปั น้ ที่พนั อยู่รอบ หน้ าต่างบานยาวจรดพื ้นด้ วยความสนใจ “ค่ ะ ”  บุ ษ มาลี พ ยัก หน้ า รั บ หล่ อ น  ไม่ แ น่ ใ จว่ า ควรจะใช้ สรรพนามเรี ยกอีกฝ่ ายว่าอย่างไรจึงจะเหมาะสม จะเรี ยกว่า  ‘คุณแม่’  ก็ดูเหมือนจะตีสนิทมากไปสักหน่อย หล่อนเพิ่งรู้ จักกับคุณสาวิตรี ได้ เพียงไม่กี่วันเท่านัน้   ครั น้ จะเรี ยก ว่า  ‘คุณ’  เฉยๆ  ก็ฟังห่างเหินเกินไป  สุดท้ ายหญิงสาวเลยตัดสินใจ ที่จะไม่เอ่ยสรรพนามอะไรออกมา  นอกจากส่งรอยยิม้ อ่อนหวาน แทนค�ำตอบรับ ช่วงฤดูมรสุมแบบนี ้  แรกทีเดียวบุษมาลีเกรงว่าฝนอาจจะตก แล้ วทีค่ ณ ุ สาวิตรีตงใจจะมาเดิ ั้ นชมบ้ านของเธอนันอาจจะต้ ้ องผิดหวัง หากเหมือนฟ้าดินจะเป็ นใจ  เพราะบนท้ องฟ้าปราศจากหมู่เมฆ  มี เพียงแสงจันทร์ สอ่ งกระจ่างกับหมูม่ วลดาราเปล่งประกายระยับ บุษมาลีปลูกดอกไม้ ไทยเอาไว้ จนเต็มสวนหน้ าบ้ าน  ยามเย็น เช่นนี ้กลิ่นหอมรุ นแรงของบุหงาส่าหรี   กรุ่ นผสมผสานกับกลิ่นหอม เย็นของแก้ วและราตรี   จนมารดาของสันต์ ดุสิตต้ องหยุดเดินเพื่อ 54  ‘พงศกร’


ชื่นชมกลิน่ หอมรวยริ น ท่าทางของคุณสาวิตรี ดูผ่อนคลายและเป็ นกันเองมากกว่า ครัง้ ที่แล้ วที่ได้ พบกัน  นัน่ ช่วยให้ บษุ มาลีคอ่ ยสบายใจและหายเกร็ ง ขึ ้นมาบ้ าง คนที่ดูแปลกประหลาดในความรู้ สึกของหญิ งสาวกลับเป็ น สมฤทัย  แทนที่จะผ่อนคลายเป็ นกันเอง  หมอดูพลังจิตผู้นนหั ั ้ นหน้ า หันหลัง  ท่าทางล่อกแล่กดูเหมือนกับมีอะไรในใจ เดินไปได้ สกั หน่อย  ความหวั่นใจของบุษมาลีก็มีเค้ าว่าจะ เป็ นจริ ง  เมื่อลมเริ่ มกระโชกแรง  พัดพาเอาหมู่เมฆทะมึนมาอย่าง รวดเร็ ว สายฟ้าแลบแปลบปลาบ  บอกให้ ร้ ูวา่ ฝนคงจะกระหน�่ำลงมา ในไม่ช้านี ้ ปวิตราโผล่หน้ าออกมาส่งสัญญาณให้ หล่อนรู้พอดี  ว่าสันต์- ดุสิตกับสิโรดมช่วยกันจัดการทุกอย่างเรี ยบร้ อย  อาหารเย็นพร้ อม จะเสิร์ฟแล้ ว  บุษมาลีจึงรี บเชิญให้ คณ ุ สาวิตรี และสมฤทัยเข้ าไปใน บ้ าน  ก่อนที่สายฝนจะเริ่ มโปรยปรายลงมา เดินตามหลังคุณสาวิตรีเข้ าไปในห้ องอาหารด้ วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่ร้ ู ว่าปล่อยให้ พวกผู้ชายสองคนนัน้ กับหลานสาวของหล่อนช่วย กันจัดการเรื่ องอาหารเย็น  จะได้ เรื่ องแค่ไหนกัน  บุษมาลีขออย่าง เดียวแค่ไม่ให้ ขายหน้ าก็พอ พอไปถึงโต๊ ะอาหาร  หญิ งสาวก็ต้องอ้ าปากค้ างด้ วยความ ตะลึง  นอกจากไม่ท�ำให้ หล่อนขายหน้ าแล้ ว  สันต์ ดุสิตกับเพื่ อน ชายของปวิตรากลับท�ำได้ ดีเกินคาด  หากเป็ นครูให้ คะแนนนักเรี ยน บุษมาลีก็คงจะให้ เต็มสิบ อาหารจัดอย่างสวยงาม  ส่งกลิ่นหอมกรุ่ นชวนเรี ยกน� ้ำย่อย เพรงสนธยา  55


จานชามและช้ อนส้ อม  ถูกจัดวางเอาไว้ อย่างถูกต้ องตามมารยาท สากล  กลางโต๊ ะอาหารมีแจกันปั กดอกรักเร่ สวยงาม  แค่เห็นก็ร้ ู ว่า ต้ องเป็ นฝี มือของปวิตราแน่  เพราะหลานสาวของหล่อนชอบงาน ศิลปะประเภทนี ้อยูแ่ ล้ ว “ตายจริ ง  เมนูปลาของโปรดฉันเสียด้ วย”  เมื่อมารดาของ สันต์ดสุ ิตชะโงกหน้ ามองดูอาหารบนโต๊ ะ  ก็ส่งเสียงร้ องด้ วยความ พออกพอใจ  “ดูสวยดีนะ...แต่จะอร่ อยหรื อเปล่าต้ องขอลองดูก่อน” หล่อนพูดยิ ้มๆ สาวิตรีดอู ารมณ์ ดกี ว่ าที่บษุ มาลีคดิ  มารดาของสันต์ ดสุ ติ   รับประทานอาหารด้ วยความเอร็ ดอร่ อย  แถมยังชวนคนโน้ นคนนี ้ คุยไม่หยุดปาก หล่อนแนะน�ำเพื่อนให้ ปวิตราและสิโรดมรู้ จัก  บุษมาลีเห็น หน้ าปวิตราก็ร้ ูวา่ หลานสาวตื่นเต้ นเพียงใดที่ได้ พบกับหมอดูพลังจิต ชื่อดัง  ผู้หญิงกับหมอดูมกั จะเป็ นเรื่ องที่ค่กู นั จนแยกไม่ออก  หลาน บ่นกับหล่อนหลายวันแล้ วว่าอยากไปดูดวง  ปวิตราก�ำลังกังวลเรื่ องสอบเข้ ามหาวิทยาลัย  บุษมาลีเดาว่า พอทานอาหารเสร็ จ ปวิ ต ราคงจะรบเร้ าให้ ส มฤทัย ช่ ว ยดูด วงให้ เป็ นแน่ พอมองเลยไปทางเพื่อนชายของหลานสาว  บุษมาลีเกื อบ หัวเราะออกมา  เมื่อเห็นสิโรดมท�ำหน้ าไม่เชื่อถือ  นอกจากเป็ นเด็ก ที่ตงใจเรี ั ้ ยนหนังสือเหมือนกันแล้ ว  อย่างอื่นๆ ดูเด็กทังสองคนนี ้ ้มี อะไรตรงกันข้ ามไปแทบทุกอย่าง แต่ที่ปวิตรากับเพื่อนชายของหล่อนตื่นเต้ นเหมือนๆ กันกลับ เป็ นคุณสาวิตรี   เด็กสองคนนี ้รู้ จกั มารดาของสันต์ดสุ ิตจากผลงาน 56  ‘พงศกร’


ของเธอมาก่อนแล้ ว  ใครจะเชื่อว่า  วันหนึ่งจะมีโอกาสได้ ร่วมโต๊ ะ อาหารกับนักดนตรี ชื่อดังเช่นนี ้ ทุกคนจึงคุยเรื่ องโน้ นเรื่ องนีก้ ันอย่างสนุกสนาน  มีสมฤทัย เพี ย งคนเดี ย วที่ ไ ม่ ค่ อ ยพูด ค่ อ ยจา  และยัง คงมี ท่ า ทางกระสับ - กระส่ายดุจเดิม พอทานอาหารคาวเสร็ จ  สายฝนที่ตงเค้ ั ้ ามานานก็กระหน�่ำ หนักราวกับฟ้ารั่ว  ปวิตรากับสิโรดมถือโอกาสลุกขึ ้นไปเตรี ยมของ หวานให้ กบั ทุกคน หลานสาวของหล่อนกับเด็กหนุ่มคล้ อยหลังไปได้ ไม่ทันไร สายฟ้าก็สว่างวาบก่อนจะผ่าเปรี ย้ งลงมาที่เสาไฟริ มถนนหน้ าบ้ าน ส่งผลให้ ไฟฟ้าทังบ้ ้ านดับวูบลงไปเหลือเพียงความมืดมิดที่คลี่เข้ า ปกคลุม “ว้ าย”  บุษมาลีได้ ยินเสียงปวิตราร้ องลัน่   พร้ อมกับเสียงแก้ ว แตก ไฟดับมืดแบบนี ้  หลานสาวคงมองเห็นไม่ชดั   ก็เลยท�ำอะไร ตกแตกสักอย่าง “วิตาเป็ นอะไรหรื อเปล่าจ๊ ะ”  บุษมาลีตะโกนถามด้ วยความ เป็ นห่วง “แก้ วแตก  แต่วิตาไม่เป็ นไรครับ  แค่ตกใจนิดหน่อย”  เสียง ของสิโรดมตะโกนตอบกลับมา  “พวกคุณอานั่งรออยู่ที่โต๊ ะดีกว่า ครับ  อย่าเดินเข้ ามาในครัว...ไฟดับมองไม่เห็นว่ามีเศษแก้ วอยู่ตรง ไหนบ้ าง  เดี๋ยวจะโดนบาดเอา” รออยู่นานจนสายตาปรับชินกับความมืด  และบุษมาลีเริ่ ม มองเห็นดวงหน้ าของทุกคนได้ เลือนราง  สองหนุ่มสาวก็เดินตามกัน ออกมาจากห้ องครัว  โดยมีหลานสาวของหล่อนถือเชิงเทียนเงินปั ก เพรงสนธยา  57


เทียนไขที่จดุ ให้ ความสว่างมาด้ วย สิโรดมเป็ นเด็กผู้ชาย  เลยอาสาเป็ นคนถือถาดของหวานซึง่ หนักกว่า  เมนูอาหารหวานจานนี ้หลานสาวของหล่อนขออนุญาต เป็ นคนแสดงฝี มือเอง ปวิตรานั่งเปิ ดดูเมนูอาหารจากหนังสือหลายเล่ม  สุดท้ าย เธอตัดสินใจเลือกสตรอว์เบอร์ รีสดจากโครงการเกษตรดอยค�ำมา ลอยแก้ วในน� ำ้ เชื่ อมสีสวย  บุษมาลีนัน้ ลอบถอนหายใจยาวด้ วย ความโล่ ง อก  เพราะอาหารค�่ ำ มื อ้ ส� ำ คัญ ที่ ห ล่ อ นรู้ สึก เกร็ ง และ เครี ยดกับการเตรี ยมการมาตลอดทังสั ้ ปดาห์ก�ำลังจะจบลงด้ วยดี หากสิ่งที่บุษมาลีคิดกลับไม่เป็ นไปตามนัน้ เสียแล้ ว  เพราะ จู่ๆ  สมฤทัย ที่ ก� ำ ลัง คุย กับ คุณ สาวิ ต รี ด้ ว ยเรื่ อ งสัพ เพเหระอยู่ดี ๆ ก็เกิดชะงักไป  พร้ อมกับดวงตาที่จ้องตรงไปข้ างหน้ าก็กลับเหลือก ลานขึ ้นมองเพดานห้ อง  ก่อนที่ร่างผอมบางจะสัน่ เทิ ้มไปทังตั ้ ว ท่ามกลางความตกใจของผู้ที่ร่วมอยู่บนโต๊ ะอาหาร  กับสอง หนุม่ สาวที่ก�ำลังช่วยกันเสิร์ฟสตรอว์เบอร์ รีลอยแก้ ว  สมฤทัยก็สง่ เสียงกรี ดร้ องดังลัน่   น� ้ำเสียงนันแหบโหยราวกั ้ บ ไม่ใช่เสียงของตนเอง...และที่น่าหวัน่ หวาดเหนืออื่นใด  ก็คือเสียง นันเปี ้ ่ ยมไปด้ วยความตื่นตระหนก  ระคนเจ็บปวดรวดร้ าวจนทุกคน ที่ได้ ยินอดขนลุกไม่ได้ “ออกไป...ออกไป๊ ...ออกไป...อย่ายิง  หนูบอกว่าอย่ายิง...”

58  ‘พงศกร’


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.