เพชรบรี ั นา ุ ทศ การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์และสร้างสรรค์ในจังหวัดเพชรบุร ี โครงการศึกษาแผนแม่บทการจัดการเชิงพื้นที่ของการท่องเที่ยว เมืองเพชรบุร ี และเส้นทางเลียบชายทะเล
เพชรบุรีทัศนา
79
76
เพชรบุรีทัศนา
ฉบับร่าง
เพชรบรี ั นา ุ ทศ การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์และสร้างสรรค์ในจังหวัดเพชรบุร ี
โครงการศึกษาแผนแม่บทการจัดการเชิงพื้นที่ของการท่องเที่ยว เมืองเพชรบุร ี และเส้นทางเลียบชายทะเล
เพชรบุรีทัศนา
1
เพชรบุรีทัศนา: การทองเที่ยวเชิงประสบการณและสรางสรรคในจังหวัดเพชรบุรี โครงการศึกษาแผนแม่บทการจัดการเชิงพื้นที่ของการท่องเที่ยวเมืองเพชรบุร ี และเส้นทางเลียบชายทะเล
จัดทําโดย
สํานักงานการทองเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุรี สนามกีฬาดอนคาน ตําบลธงชัย อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000 คณะสถาปตยกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยศิลปากร 31 ถนนหนาพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
เรียบเรียง กองบรรณาธิการ ออกแบบปกและรูปเลม กราฟก ภาพถาย ภาพถายมุมสูง จํานวนพิมพ พิมพที่ พิมพครั้งแรก
2
ดร.เกรียงไกร เกิดศิริ - กิตติคุณ จันทรแยม - กุลพัชร เสนีวงศ ณ อยุธยา ลัคนา อนงคไชย - อภัสนันท ทองใบ ดร.เกรียงไกร เกิดศิริ - กุลพัชร เสนีวงศ ณ อยุธยา กุลพัชร เสนีวงศ ณ อยุธยา - ธนิก หมื่นคําวัง ดร.เกรียงไกร เกิดศิริ - อิสรชัย บูรณะอรรจน กุลพัชร เสนีวงศ ณ อยุธยา - วิษณุ หอมนาน อิสรชัย บูรณะอรรจน 300 เลม อี.ที.พับลิชชิ่ง ซ.ลาดพราว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะป กรุงเทพมหานคร, 10240 กรกฎาคม พ.ศ.2562
ขอมูลทางบรรณานุกรม คณะสถาปตยกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยศิลปากร. เพชรบุรีทัศนา: การทองเที่ยวเชิงประสบการณและสรางสรรค ในจังหวัดเพชรบุรี. 2562 1. เพชรบุรี 2. ทองเที่ยว ISBN XXX-XXX-XXX-XXX-X เพชรบุรีทัศนา
คํานํา
สํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุร ี
เพชรบุรีทัศนา
3
4
เพชรบุรีทัศนา
กลาวนํา
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โครงการศึกษาแผนแม่บทการจัดการเชิงพื้นที่ของการท่องเที่ยว เมืองเพชรบุร ี และเส้นทางเลียบชายทะเล
เพชรบุรีทัศนา
5
6
เพชรบุรีทัศนา
เพชรบุรีทัศนา
7
8
เพชรบุรีทัศนา
เพชรบุรีในมิติประวัติศาสตร (สังเขปประวัติศาสตร์)
เพชรบุรีทัศนา
9
เพชรบุรใี นมิติประวัติศาสตร์ “เมืองเพชรบุรี” เปนเมืองสําคัญที่มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของผูคนมาอยาง ยาวนาน นับตั้งแตสมัยกอนประวัติศาสตร จวบจนเขาสูสมัยประวัติศาสตร ซึ่งมีการ รับวัฒนธรรมอินเดียเขามาเปนสวนหนึ่งของวิถีชีวิตของผูคน ซึ่งรูจักกันในนามของ “สมัยทวารวดี” ดังหลักฐานเชิงประจักษของ “แหลงโบราณคดีเมืองทุงเศรษฐี” ซึ่ง ตั้งตรงที่ราบริมชายฝงทะเลเบื้องหนาเทือกเขาจอมปราสาทในเขตอําเภอชะอํา ตอมาในชวงที่เมืองพระนครอันเปนศูนยกลางของอาณาจักรเขมรโบราณ เรืองอํานาจในดินแดนลุมแมนํ้าโตนเลสาบ ในชวงเวลาดังกลาวนั้นเมืองเพชรบุรีก็ เปนอีกเมืองหนึ่งที่มีความสัมพันธทางการเมืองและวัฒนธรรมกับอาณาจักรเขมร โบราณดวย ดังปรากฏหลักฐานเชิงประจักษเปนโบราณวัตถุ-สถานแบบเขมรโบราณ อาทิ “โบราณสถานวัดกําแพงแลง” ซึ่งเปนกลุมปราสาทที่สรางดวยศิลาแลงเนื่องใน พุทธศาสนาแบบมหายาน ซึ่งกําหนดอายุไดในราวรัชสมัยของพระเจาชัยวรมันที่ 7 มีอายุอยูในราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 และสันนิษฐานวา คือ “เมืองศรีชัยวัชรปุระ” ที่พระเจาชัยวรมันที่ 7 ไดทรงประดิษฐานพระชัยพุทธมหานาถไว ซึ่งในที่นี้ คําวา “วัชร” ซึ่งหมายถึง “สายฟา” ก็สามารถเขียนดวยคําวา “พัชร” ซึ่งหมายถึง “เพชร” นั่นเอง ทั้งนี้ ในราวพุทธศตวรรษที่ 18 เมื่อมหาอาณาจักรใหญในเอเชียตะวันออก เฉียงใตทั้งหลายเสื่อมคลายอํานาจลง เปดโอกาสใหรัฐจารีตตางๆ ในดินแดนลุมแมนํ้า เจาพระยาและแมนํ้าสาขาเปดเผยตัวเองขึ้นมาแทนที่ในชองวางของขอบวงอํานาจที่ เดิมที่ลดบทบาทลง ดังการสถาปนาขึ้นของรัฐสุโขทัย รัฐลานนา และรัฐอโยธาศรี รามเทพนคร ในหลักฐานฝายสุโขทัยมีหลักฐานแสดงถึงการมีอยูข อง “เพชรบุร”ี ดังกลาวถึง ในศิลาจารึกสุโขทัย ๒ หลัก คือ ศิลาจารึกหลักที่ 1 และศิลาจารึกวัดเขากบ ในทั้งนี้ ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ใหขอมูลวา “…เบื้องหัวนอน รอดคนที พระบาง แพรก สุพรรณ ภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝงทะเลสมุทรเปนที่แลว…” ซึ่งใหขอมูลชื่อเมือง เพชรบุรีกับเมืองสําคัญแหงอื่นที่อยูรวมสมัยกัน ทั้งนี้ ในศิลาจารึกวัดเขากบไดให ขอมูลวา “…โสด ผสมสิบขาว ขามมาลุตะนาวศรี เพื่อเลือกเอาฝูงคนดี…. สิงหลทีป รอดพระพุทธศรีอารยไมตรี เพชรบุรี ราชบุรีน…ส อโยธยา ศรีรามเทพนคร…” ซึ่ง แสดงใหเห็นวาเพชรบุรีนั้นไดตั้งอยูบนเสนทางคมนาคมสําคัญที่เชื่อมตอไปยังอยุธยา
10
เพชรบุรีทัศนา
เมื อ งเพชรบุ รี ท วี ค วามสํ า คั ญ มากยิ่ ง ขึ้ น ในสมั ย ที่ ก รุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาเป น ราชธานี เนื่องจากอยุธยานั้นเติบโตและรุงโรจนขึ้นจากการคาเปนสําคัญ กลาวคือ อยุธยาไดทํา หนาที่เปนเมืองกํากับควบคุมดินแดนตอนในของลุมแมนํ้าเจาพระยาและแมนํ้าสาขาได ทําใหสินทรัพยนานา ไมวาจะเปนสินคาปา หรือผลิตภัณฑตางๆ ที่ผลิตขึ้นในชุมชนตางๆ ไดกลายเปนสินคาที่อยุธยาไดรวบรวมไวและสงขายตอไปยังเครือขายการคามหาสมุทร เหตุดังกลาวทําใหเมืองเพชรบุรียิ่งทวีความสําคัญเพราะชวยรักษาเสถียรภาพในการคา ทางทะเลของกรุงศรีอยุธยานั่นเอง จากการศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตรเกี่ยวกับเมืองเพชรบุรี พบวาไดถูกกลาว ถึงในบัญญัติหัวเมืองในกฎหมายตราสามดวงที่ตราขึ้นในรัชสมัยพระบรมไตรโลกนาถให ขอมูลเกี่ยวกับเพชรบุรีไววา “…ออกพระศรีสุริทฤาไชย เมืองเพชญบุรีย ขึ้นประแดงเสนฎ ขวา…” โดยมีฐานะเปนเมืองจัตวา และตอมาในชวงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เมืองเพชรบุรี จัดอยูในหัวเมืองฝายตะวันตก นอกจากนี้ ยังมีเอกสารตางชาติยังใหขอมูลเกี่ยวกับเพชรบุรีไว เชน “โตเม ปเรส (Tome Pires)” นักเดินทางชาวโปรตุเกสทีเ่ ดินทางเขามายังอินเดียและมะละกา ในปพ.ศ. 2054 ไดบันทึกขอมูลเมืองทาการคาสําคัญตางๆ ที่มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจใน ชวงเวลานั้นไดกลาวถึง “เพเพ-ริม (Peperim)” หรือ “เพโพรี (Pepory)” วาเปนเมืองทา สําคัญเมืองหนึง่ ในทางตะวันออกมีผปู กครองทีม่ สี ถานะเชนกษัตริย และมีการสงเรือสําเภา ไปคาขายยังที่ตางๆ ดวย เรืื่องเกี่ยวกับเพชรบุรียังปรากฏใน “จดหมายเหตุการเดินทางของพระสังฆราช แหงเบริธประมุขมิสซังสูอาณาจักรโคชินจีน” เปนจดหมายเหตุบันทึกการเดินทางมากรุง ศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช เมือ่ ป พ.ศ. 2205 กลาวถึงเมืองเพชรบุรี ความวา “จากเมืองปราณบุรี เรามาถึงเมืองเพชรบุรี (Pipili) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ใช เวลา เดินทาง 4 วัน เมืองนี้เปนเมืองใหญและมีกําแพงเมืองกออิฐ” ทวากําแพงเมืองดัง กลาวไมเห็นรองรอยแลวในปจจุบัน ตอมา นิโกลาส แชรแวส (Nicolas Gervaise) ชาวฝรั่งเศสซึ่งเดินทางมายัง กรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ มหาราช ในปพ.ศ.2224-2229 กลาวถึง เมืองเพชรบุรีใน “ประวัติศาสตรธรรมชาติและการเมืองแหงราชอาณาจักรสยาม (Histoire Naturelle et Politique du Royaume de Siam)” กลาวถึงวา “เมืองพิพลี (Piply) …อยูไกลจากปากนํ้าเพียง 10 หรือ 12 ลี้ เทานั้น เปนเมืองที่เกาแกมาก และ กลาวกันวาเคยเปนเมืองที่งดงาม…”
เพชรบุรีทัศนา
11
“จดหมายเหตุมองซิเออรเซเบเรต” ซึ่งผูบันทึกเปนราชทูตฝรั่งเศสที่เดินทางเขา มาเจริญทางพระราชไมตรีในสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช ในป พ.ศ.2230 ไดบรรยาย เมืองเพชรบุรีขณะเดินทางไปยังมะริดเพื่อลงเรือวา “เมืองเพชรบุรีนี้เปนเมืองขนาดใหญ ในประเทศสยามและเดิมมาพระเจาแผนดินสยามก็เคยมาประทับอยูในเมืองนี้เสมอๆ เมืองนี้มีกาํ แพงกอดวยอิฐลอมรอบ และมีหอรบหลายแหง แตกําแพงนั้นชํารุดหักพังลง มากแลวยังเหลือดีอยูแถบเดียวเทานั้น บานเรือนในเมืองนี้ไมงดงามเลย เพราะเปนเรือน ปลูกดวยไมไผทั้งสิ้นสิ่งที่งามมีแตวัดวารามเทานั้น และวัดในเมือง นี้ก็มีเปนอันมาก…” ตอมาปพ.ศ.2233 เอ็งเงิลแบรท เค็มพเฟอร (Engellbert Kaempfer) ซึ่งเดิน ทางจากเมืองปตตาเวียในเกาะชวาจะไปประเทศญี่ปุนมีเปาหมายเพื่อทําสัญญาทางการ คากับประเทศญี่ปุนและไดแวะพํานักที่กรุงศรีอยุธยาเปนการชั่วคราว ไดบรรยายเสนทาง การเดินทางไวตอนหนึ่งวา “…ตอจากนั้นก็ถึงจาม (Czam) ถัดขึ้นไปคือเพชรบุรี (Putprib)” จากเอกสารตางชาติที่ยกมาขางตนนั้นแสดงถึง “เมืองเพชรบุรี” วามีบทบาทเปน เมืองชุมทางมาตัง้ แตครัง้ โบราณ ดวยสามารถเชือ่ มตอกับชายทะเลฝง อาวไทยไดโดยสะดวก ในขณะเดียวกันยังไดทําหนาที่เปนเสนทางเชื่อมตอขามคาบสมุทรไปยังฝงเมืองมะริดที่ตั้ง อยูริมอาวมะตะบัน และยิ่งรุงเรืองมากยิ่งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา หลังจากสงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาไปในป พ.ศ.2310 ซึ่งราชธานีอยุธยาได ปดฉากลมสลายลงไปดวยสงคราม ฟนไฟสงครามไดเผาทําลายบานเมือง ปราสาทราชวัง วัดวาอาราม และชุมชนลง และยิง่ มีการยายศูนยกลางการปกครองลงมาใกลทะเลมากขึน้ ยิ่งทําใหกรุงเกาอยุธยาลดบทบาทลงไปโดยสิ้นเชิง ทวาที่เมืองเพชรบุรีนั้นแมวาคงไดรับ ผลกระทบจากสงครามดวย แตกย็ งั คงรักษามรดกสถาปตยกรรมอยุธยาทีเ่ ปนโบสถ วิหาร การเปรียญ และเจดีย ไวจนมีีผูกลาวยกยองคุณคาของเมืองเพชรบุรีไววา “เมืองเพชรบุรี เปนอยุธยาที่ยังมีลมหายใจ” ดวยความที่เมืองเพชรบุรีไมเคยถูกทิ้งรางไป จวบจนกระทั่ตนกรุงรัตนโกสินทร เมืองเพชรบุรีก็ยังคงทําหนาที่เปนเมืองยุทธศาสตรสําคัญเชนเดียวกับอดีต กลาวคือใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 4 แหงกรุงรัตนโกสินทรไดทรง โปรดการเสด็จพระราชดําเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรมทีเ่ พชรบุรี จึงทรงพระกรุณา โปรดเกลาฯ ใหสรางพระราชฐานที่ประทับอยูบนยอดเขาสมนเพื่อเปนที่ประทับยามเสด็จ พระราชดําเนินมาเมืองเพชรบุรี เมือ่ สรางแลวเสร็จไดทรงพระราชทานนามแกพระราชฐาน ที่ประทับบนยอดเขานี้วา “พระนครคีรี” อันหมายถึง “เมืองบนภูเขา” และโปรดเกลาฯ
12
เพชรบุรีทัศนา
ใหสรางสาธารณูปโภค สาธารณูปการ อันยังประโยชนแกชาวเมืองเพชรบุรี เชน ถนน สะพาน อันทําใหเกิดกระบวนการกลายเปนเมืองในพื้นที่ถนนตัดผานดวย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 เมืองเพชรบุรี ก็ยิ่งไดรับการพัฒนามากยิ่งขึ้น เนื่องจากเปนพื้นที่เปาหมายที่จะมีการตัดเสนทางรถไฟ เพื่อเชื่อมตอลงไปยังปกษใต และยังทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหนายคาล ดอหริง ผูเปน นายชางและสถาปนิกชาวเยอรมันสรางที่ประทับแบบตะวันตกอยูบนที่ราบริมฝงแมนํ้า เพชรบุรีทางตอนใตของเมืองเกาเพชรบุรีลงไป สําหรับการแปรพระราชฐานมาประทับใน ชวงระหวางฤดูฝน แตการกอสรางไมแลวเสร็จในแผนดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา เจาอยูห วั มาสรางแลวเสร็จในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูห วั รัชกาลที่ 6 ในปพ.ศ. 2459 จึงโปรดเกลาฯ พระราชทานนามที่ประทับองคนี้วา “พระรามราชนิเวศน” ทั้งนี้ เมืองเพชรบุรีไดพัฒนาเจริญรุงเรืองมากขึ้นเมื่อเสนทางรถไฟสายใตตัดผาน เมือง และตอมาเมื่อเสนทางรถไฟสายใตตัดลงไปจนกระทั่งถึงเขตอําเภอชะอําที่มีชายหาด สวยงาม ในระหวางนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 ไดมีพระราช ประสงคจะสรางทีป่ ระทับสําหรับแปรพระราชฐานริมทะเล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ให นายแอรโกเล มันเฟรดี (Ercole Manfredi) สถาปนิกชาวอิตาเลียนเปนผูออกแบบ และ สรางขึ้นระหวางปพ.ศ.2466-2467 ดวยเปนการออกแบบที่เนนใหสามารถกอสรางได อยางรวดเร็วดวยระบบประสานพิกัดซึ่งมีการเตรียมวัสดุกอสรางอยางเปนระบบจึง กอสรางเพียง 1 ปก็แลวเสร็จ ตอมาในเมื่อมีการตัดถนนเพชรเกษมซึ่งเปนกระดูกสันหลังของคาบสมุทรภาคใต ลงมาถึงเมืองเพรชบุรี ยังความเจริญรุงเรืองใหแกตัวเมืองเพชรบุรีมากขึ้น ถนนเพชรเกษม สายเดิมตัดเขาสูตัวเมืองทําใหมีการขยายชุมชน ตลาด และมีการกอสรางอาคารพาณิช ยกรรมจํานวนมากกลายเปนภูมิทัศนเมืองประวัติศาสตรอันเปนเอกลักษณของเมือง เพชรบุรี นอกจากนี้ ยังทําใหเกิดชุมชนเมืองตามจุดตางๆ อันเปนทีต่ งั้ ของหนวยการปกครอง ในระดับอําเภอ เชน เขายอย ทายาง ชะอํา เปนตน ซึ่งมีการสรางอาคารเรือนแถวไมและ ตึกแถวคอนกรีตเสริมเหล็กสําหรับการอยูอาศัยและพาณิชยกรรม ซึ่งในปจจุบันไดกลาย เปนยานเกาในอําเภอตางๆ กลายเปนแหลงดึงดูดนักทองเที่ยวและผูมาเยือน นอกจากนี้ การตัดถนนเพชรเกษมลงไปยังภาคใตทําใหเมืองเพชรบุรีกลายเปนจุด แวะพักรับประทานอาหาร หรือพักคางคืน ทําใหภูมปิ ญญาดานอาหารอันไดแกขนมหวาน นานาชนิดของชาวเพชรบุรีไดรับการพัฒนาเปนอุตสาหกรรมของครัวเรือนกลายเปนของ ฝากเลื่องชื่อของชาวเมืองเพชรบุรีมาจนปจจุบัน
เพชรบุรีทัศนา
13
14
เพชรบุรีทัศนา
เสนทางการทองเทีย ่ ว และ
แหลงทองเทีย ่ วทีน ่ า สนใจ
เพชรบุรีทัศนา
15
16
เพชรบุรีทัศนา
เพชรบุรีทัศนา
17
18
เพชรบุรีทัศนา
เพชรบุรีทัศนา
19
20
เพชรบุรีทัศนา
เพชรบุรีทัศนา
21
22
เพชรบุรีทัศนา
เพชรบุรีทัศนา
23
24
เพชรบุรีทัศนา
เพชรบุรีทัศนา
25
26
เพชรบุรีทัศนา
เพชรบุรีทัศนา
27
28
เพชรบุรีทัศนา
แหลงทองเที่ยวเชิงประสบการณ และ การทองเที่ยวเชิงสรางสรรค ในจังหวัดเพชรบุรี
เพชรบุรีทัศนา
29
30
เพชรบุรีทัศนา
ทีป ่ ระทับแหงราชันย พระนครคีร ี
(อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีร)ี
พระรามราชนิเวศน์ (วังบ้านปืน)
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
เพชรบุรีทัศนา
31
นิมิตรมณเฑียรบนยอด เมืองเพชรบุรน ี าม เขามหาสมณะนคร สามยอดยามเยื้องสร้าง บรมกษัตริยต ์ รัสสั่งเจ้า ศรีสุรยิ วงศ์แม่กอง เพชรพิสัยอนุชานายงาน พระปลัดเคยเมื้อด้าว
สิงขร ก่อนอ้าง คิรรี าชะ ทานแฮ ต่างกัน ฯ พระยาทหารเอกเอย โก่นสร้าง นวะกิจ เกรียงแฮ บริเตียน ฯ
โคลงลิลิตมหามงกุฎราชคุณานุสรณ พระนิพนธของพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระนราธิปประพันธพงศ
32
วัดพระแก้วน้อยบนพระนครคีร ี มุมมองจากหอชัชวาลเวียงชัย เพชรบุรีทัศนา
พระนครคีร ี (เขาวัง)
“พระนครคีรี” เปนพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาล ที่ 4 โปรดเกลาฯ ใหสรางเปนพระราชวังสําหรับประทับในยามเสด็จประพาสเมืองเพชรบุรี บนยอดเขาสมนซึ่งเปนแนวภูเขาที่ทอดตัวในแนวเหนือใตตั้งตะหงานอยูทามกลางที่ราบ อันกวางขวางริมแมนํ้าเพชรบุรี จึงเปนจุดหมายตาสําคัญมาตั้งแตโบราณ ในการกอสราง สถาปตยกรรมและภูมทิ ศั นนนั้ สมเด็จเจาพระยาบรมมหาศรีสรุ ยิ วงศ (ชวง บุนนาค) ทํา หนาที่เปนแมกองควบคุมการกอสราง และพระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ (ทวม บุนนาค) เปน นายงานกอสราง สรางแลวเสร็จในปพ.ศ.๒๔๐๓ ปจจุบันพระนครคีรีไดทําหนาที่เปน “อุทยานประวัติศาสตร และพิพิธภัณฑสถาน แหงชาติพระนครคีรี” สังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
อุทยานประวัติศาสตรพระนครคีรี ที่อยู: เลขที่ 97 ถนนคีรีรัฐยา ตําบลคลองกระแชง อําเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี 76000 โทรศัพท: 032-401 006, 032-425 600 อีเมล: kaowang_petch@hotmail.com เปดใหเขาชมทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. ไมเวนวันหยุดราชการและวัดหยุดนักขัตฤกษ อัตราคาเขาชม ชาวไทย 20 บาท ชาวตางชาติ 150 บาท อัตราคาบริการ คารถรางไฟฟา แบบขึ้น-ลง: - ชาวไทย ผูใหญ 50 บาท เด็ก 15 บาท -ชาวตางชาติ ผูใหญ 50 บาท เด็ก 15 บาท แบบเที่ยวเดียว -ชาวไทย ผูใหญ 30 บาท เด็ก 10 บาท -ชาวตางชาติ ผูใหญ 50 บาท เด็ก 15 บาท เพชรบุรีทัศนา
33
ความนาสนใจของการวางผัง “พระนครคีรี” หรือที่ชาวเพชรบุรีเรียกขานกันวา “เขา วัง” ประกอบไปดวยพื้นที่สวนสําคัญ 4 สวน คือ 1. วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร “วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร” สรางขึ้นตรงที่ลาดเชิงเขาทางดานตะวันออกอันเปน เสนทางขึ้นหลักของพระนครคีรี ซึ่งสันนิษฐานวาดวยทําเลที่ตั้งอันโดดเดนนั้นยอมตองเคยมีวัด โบราณตั้งอยูมากอนหนา สอดรับกับหลักฐานที่กลาวถึงในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ฉบับ เจาพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี ความวารัชกาลที่ 4 โปรดเกลาใหบูรณปฏิสังขรณวัดที่ เนินเขาอีกแหงหนึ่ง ใหชื่อวา “วัดมหาสมณาราม” ภายในวัดมีศิลปสถาปตยกรรมควรชม คือ “พระอุโบสถ” ซึ่งมีเสมาแบบพระราชนิยม รัชกาลที่ 4 บนหนาบันมีพระบรมราชสัญลักษณรัชกาลที่ 4 เปนพระมหาพิชัยมงกุฎ กระหนาบ ดวยฉัตรซึ่งดานลางเปนรูปพระอาทิตย และพระจันทร ซึ่งหมายถึงสายสกุลบุนนาค นอกจากนี้ ภายในพระอุโบสถยังเขียนจิตรกรรมฝาผนังสีฝุนฝมือ “ขรัวอินโขง” ที่แสดงถึงปูชนียสถานใน การแสวงบุญของพุทธศาสนิกชนซึ่งแฝงดวยภาพปริศนาธรรมวาดวย “สัจธรรม” ของชีวิตที่ เกี่ยวกับการเกิด แก เจ็บ และตาย ซึ่งสื่อสารเปนรูปเหตุอคั คีภัยซึ่งมีความนาสนใจยิ่งนัก 2. กลุมพระที่นั่งตางๆ ถัดจากวัดสมนารามขึ้นไปผานสุมทุมพุมไมที่เต็มไปดวยตนลีลาวดีดอกสีขาวพราวตน และทางเดินปูดว ยอิฐสีสม มีปอ มปราการ และทิมองครักษ อยูเ ปนระยะตามธรรมเนียมของการ กําหนดขอบเขตของพระราชฐานที่ประทับของพระมหากษัตริย บนยอดที่สูงที่สุดเปนที่ตั้งของ กลุมพระที่นั่งตางๆ ที่มีนามคลองจองกันและมีความหมายที่ลึกซึ้ง อาทิ “พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน” หมายความวา “แผนดินเมืองเพชรอันรุงเรือง” “พระที่นั่งปราโมทยมไหสวรรย” หมายความวา “ความปติยินดีบนเขามไหสวรรย” “พระที่นั่งเวชยันตวิเชียรปราสาท” “หมายความวา “วิมานเพชรแหงพระอินทร” “พระที่นั่งราชธรรมสภา” หมายความวา “สถานที่ทรงธรรมของพระราชา” “พระที่นั่งสันถาคารสถาน” หมายความวา “สถานที่สําหรับผูที่มีไมตรีระหวางกัน” “หอชัชวาลเวียงชัย” “ประภาคารที่สองแสงเพื่อเปนชัยของเมือง” การกอสรางกลุมพระที่นั่งตางๆ ไดรับอิทธิพลจากศิลปสถาปตยกรรมแบบตะวันตกที่ เริ่มเขามามีบทบาทในสยายมผานสื่อสิ่งพิมพตางๆ ทวาแฝงกลิ่นอายความเปนจีนอยูในที และ ดําเนินการกอสรางโดยชางไทย จึงนับเปนรูปแบบทางสถาปตยกรรมที่สําคัญยิ่ง เนื่องจากเปน ตัวแบบของอาคารในยุคตนกอนที่จะรับอิทธิพลจากตะวันตกอยางเขมขนในชวงเวลาตอๆ มา ในปจจุบันนี้กลุมอาคารพระที่นั่งหลังตางๆ ไดปรับเปลี่ยนหนาที่ใชสอยมาเปนหองจัดแสดงของ พิพธิ ภัณฑสถานแหงชาติพระนครคีรี
34
เพชรบุรีทัศนา
วัดพระแก้วน้อย
พระธาตุจอมเพชร
กลุ่มพระที่น่ังต่างๆ
วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร
3. พระธาตุจอมเพชร ถัดจากยอดเขาอันเปนที่ตั้งของกลุมอาคารพระที่นั่งตางๆ เดินลัดเลาะลงลาดเชิงเขาไปทางดานตะ วันออกเใตเฉียงใตผานสุมทุมของตนลีลาวดีตนเขื่อง แลวเดินไตระดับขึ้นยอดเขาอีกครั้งซึ่งบนยอดเขานี้เปน ที่ตั้งของ “พระธาตุจอมเพชร” ซึี่งเปนที่ตั้งของ “วัดอินทคีรี” ซึ่งโดยมีองคพระเจดียเกาแกมาแตเดิม ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 4 ไดโปรดเกลาฯ ใหบูรณปฏิสังขรณดวยการสรางพระ เจดียทรงระฆังครอบพระเจดียเกาเดิมที่ชํารุดทรุดโทรม บนลานประทักษิณขององคเจดียสามารถมองเห็น ทิวทัศนของทุงราบทางทิศใตของเมืองเพชรบุรีไปไดไกลสุดตา 4. เขตพุทธสถานวัดพระแกว (นอย) ถัดจากยอดเขาอันเปนที่ตั้งของพระธาตุจอมเพชรไปทางทิศตะวันออก มียอดเขาอันเปนที่ตั้งของ กลุมอาคารที่ประกอบกันขึ้นเปน “วัดพระแกว (นอย)” อันเปรียบเปนวัดประจําพระราชฐานเชนเดียวกับ วัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังที่กรุงเทพฯ นั่นเอง ประกอบดวยกลุม อาคารทีต่ งั้ อยูใ นแนวแกนเหนือ-ใต โดยอาคารทีอ่ ยูท างเหนือสุดของผัง คือ “พระ ปรางคแดง” ซึ่งมีลักษณะทางสถาปตยกรรมแบบพระปรางค ทวามีการลดทอนรายละเอียดองคประกอบ ตกแตงตางๆ ลงจนเรียบเกลี้ยงและทาดวยสีแดงชาด ทางดานทิศใตของผังบริเวณ ซึ่งมีฐานไพทีที่กอเสริม ขึ้นจากตัวยอดเขา เปนที่ตั้งของ “หอระฆัง” “พระวิหาร” และ “พระสุทธเสลเจดีย” ซึ่งหมายถึง “พระเจดีย ที่สรางจากหิน” ซึ่งเปนหินที่ชางชาวจีนนํามาจากเกาะสีชังจ.ชลบุรี มาประกอบสรางขึ้นเปนพระเจดีย
เพชรบุรีทัศนา
35
36
เพชรบุรีทัศนา
พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
พระที่นั่งราชธรรมสภา
พระที่นั่งปราโมย์มไหสวรรย์
พระที่นั่งสันถาคารสถาน
โรงสูทกรรม
หอพิมานเพชรมเหศวร์
วัดพระแก้วน้อย
พระที่นั่งเวชยันต์วเิ ชียรปราสาท
เรือนครัวหลวง
หอชัชวาลเวียงชัย
ศาลาด่านหลัง
พระปรางค์แดง
เพชรบุรีทัศนา
37
พระรามราชนิเวศน์ (วังบานปน)
“พระรามราชนิเวศน” หรือที่ชาวเพชรบุรีเรียกขานกันวา “วังบานปน” เปนพระ ราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกลาฯ ใหสรางขึ้น เพื่อสําหรับเปนที่ประทับเมื่อเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับยังจังหวัดเพชรบุรีในยาม ฤดูฝน โดยพระองคเสด็จพระราชดําเนินทรงวางศิลาฤกษ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2453 และทรงมอบหมายใหสมเด็จพระเจาบรมวงศเธอกรมพระยาดํารงราชานุภาพทรง ควบคุมการกอสรางทางสถาปตยกรรม และสมเด็จพระเจาบรมวงศเธอเจาฟาบริพัตร สุขุมพันธุ กรมพระนครสวรรควรพินิต ทรงควบคุมการกอสรางระบบไฟฟา สําหรับรูป แบบทางสถาปตยกรรมนั้นนายคารล ซีกฟรีด เดอหริง (Karl Siegfried Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมันเปนผูออกแบบ โดยมีลักษณะทางสถาปตยกรรมในรูปแบบ “จุงเกน สติล (Jugendstil)” โดยมีแรงบันดาลใจจากพระราชไกเซอรแหงเยอรมัน พระราชฐานองคนี้มิอาจสรางแลวเสร็จทันเปนที่ประทับในพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 โดยมาสําเร็จลุลวงในปพ.ศ.2461 ในรัชกาลพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้น พระองคไดพระราชทาน นามพระที่นั่งองคนี้วา “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” ทวาตอมาไดพระราชทานนามใหมเปน “พระรามราชนิเวศน” และยังทรงโปรดเกลาฯ ใหหลอเทวรูป “พระนารายณทรงปน” ซึ่ง หมายถึง “พระนารายณทรงคันศร” ซึ่งปจจุบันประดิษฐานอยูที่ชานชลาหนาพระที่นั่ง พุทไทสวรรย พิพิธภัณฑสถานแหงชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร
38
เพชรบุรีทัศนา
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน “พระราชนิเวศนมฤคทายวัน” เปนพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกลาฯ ใหสรางเพื่อเปนที่ประทับเมื่อเสด็จแปรพระราชฐาน ประทับพักผอนพระอริยาบถยามฤดูรอน และการรักษาพระองคจากอาการประชวรดวย โรครูมาติสซั่ม ซึ่งแพทยหลวงประจําพระองคไดกราบบังคมทูลใหเสด็จประทับยังสถานที่ ตากอากาศชายทะเล กอนหนาการกอสรางพระราชนนิเวศนมฤคทายวันนั้น ในปพ.ศ.2460 พระองค ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหสรางที่ประทับแบบเรียบงายดวยวัสดุในทองถิ่นริมชายทะเล ที่ตําบลบางทะลุ และทรงพระราขทานนามพื้นที่บริเวณดังกลาววา “หาดเจาสําราญ” และ ทรงเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับเพื่อทอดพระเนตรการฝกซอมรบของคณะเสือปา จังหวัดเพชรบุรี ทวาพื้นที่บริเวณดังกลาวมีความกันดารดวยขาดแหลงนํ้าจืด และอยูใกล กับหมูบานชาวประมงจึงมีแมลงวันหัวเขียวชุกชุม ตอมาหลังจากปพ.ศ.2566 พระองคก็ ไมทรงโปรดที่จะไปประทับอีก ตอมาเมื่อจึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหทางเมืองเพชรบุรีทําการสํารวจเพื่อหา สถานที่สําหรับสรางพระราชฐานแหงใหม พบพื้นที่ชายทะเลในทองที่หวยทรายเหนือมี ชัยภูมิที่เหมาะสม กลาวคือ มีแหลงนํ้าซับใตดิน โดยรอบมีปาชายหาด และมีหาดทรายที่ สวยงาม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหนายมาริโอ ตามัญโญ (Mario Tamagno) ชาว อิตาลีที่เขามารับราชการเปนสถาปนิกกรมโยธาเปนสถาปนิกออกแบบพระราชฐานแหง ใหมนี้ โดยเริ่มสรางในปพ.ศ.2466 และพระองคเสด็จพระราชดําเนินมาประทับในปพ.ศ. 2467 และพระราชทานนามวา “พระราชนิเวศนมฤคทายวัน” ดวยทรงมีพระราชประสงค จะรักษาภูมนิ ามเดิมของทองทีไ่ ว เนือ่ งจากในพืน้ ทีม่ สี ตั วปา จําพวกเนือ้ ทรายอาศัยอยูเ ปน จํานวนมาก ภูมินามบริเวณนี้จึงมีชื่อวา “หวยทราย” สําหรับรูปแบบทางสถาปตยกรรมนั้น นายตามัญโญ สถาปนิกผูออกแบบเลือกใช การออกแบบที่สอดคลองกับภูมิอากาศแบบมรสุมริมชายทะเล จึงออกแบบใหประกอบ ดวยอาคารหลักและอาคารรองที่เชื่อมโยงเขาหากันดวยสะพานทางเดินมีหลังคาคลุมที่ ยกพืน้ สูงเพือ่ รักษาความปลอดภัย ทวามีความโปรงโลงเพือ่ รับลมใหพดั ทัว่ ถึงทัง้ ผังบริเวณ ของกลุมอาคาร และไมตานลมหากมีลมพายุใหญพัดมาจากทะเล นอกจากนี้ ดวยเหตุที่ ตองมีการกอสรางอยางรวดเร็ว นายตามัญโญจึงออกแบบเปนอาคารโครงสรางไมในระบบ ประสานพิกัด (Modular System) เปนระบบเดียวกันทั้งโครงการเพื่อใหชางฝมือแปรรูป ไม และกอสรางไดอยางรวดเร็ว
เพชรบุรีทัศนา
39
การวางผังของพระราชนิเวศนมฤคทายวันมีความโดดเดนที่พัฒนาตอเนื่องมาจากการวาง ผังของพระราชวังสนามจันทรที่ใชการกอสรางสะพานทางเดินมีหลังคาคลุมเชื่อมระหวา่งอาคารซึ่ง ชวยในการรักษาความปลอดภัยและทําใหการจัดวางผังแบบจารีตทีต่ อ งจัดสรรพืน้ ทีใ่ นเขตพระราชฐาน เปนฝายหนาและฝายในนั้นไมจําเปนตองสรางกําแพงกั้นแบงเขตเชนการวางผังพระบรมมหาราชวัง เพราะการเชื่อมตอระหวางพื้นที่ฝายหนากับฝายในซึ่งเปนเขตหวงหาม สามารถดูแลไดงายเพราะ รักษาความปลอดภัยเฉพาะจุดเชื่อมบนระเบียงมีหลังคาคลุมเทานั้น นอกจากนี้ ตัวอาคารยังมีการ ออกแบบที่มีรายละเอียดอยางนาสนใจ เชน โคนเสา และผนังอาคารที่ตอลงยังพื้นถูกออกแบบใหมี รองสําหรับหลอนํ้าเพื่อปองกันมด และแมลงขึ้นไปยังตัวอาคารชั้นบน ทั้งนี้ หมูพระที่นั่งประกอบดวยพระที่นั่งสําคัญ คือ “หมูพระที่นั่งสมุทพิมาน” หมายถึง “หมูพ ระวิมานกลางทองทะเล” ซึง่ มีความหมายเปน “ทีป่ ระทับของพระนารายณกลางเกษียรสมุทร บนสวรรคชั้นไวกูรณ” นั่นเอง “หมูพระที่นั่งพิศาลสาคร” หมายถึง “หมูพระวิมานที่ประทับบน มหาสมุทรที่กวางขวาง” และ “หมูพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย” หมายถึง “ทองพระโรงสําหรับวา ราชการทามกลางเสนาอามาตย” ซึ่งใชเปนทองพระโรงประจําพระราชนิเวศน รวมทั้งยังใชในการ แสดงละครหนาพระที่นั่ง
5
3
6 1
40
เพชรบุรีทัศนา
1
หมู่พระที่น่ังสโมสรเสวกามาตย์
2 3 4 5 6 7
หมู่พระที่น่ังสมุทรพิมาน พระที่นั่งสมุทรพิมาน องค์ท่ี 1 พระที่นั่งสมุทรพิมาน องค์ท่ี 2 หอเสวยฝ่ายหน้า หอสรงฝ่ายหน้า เรือนพักเจ้าพระยารามราฆพ เรือนพักพระยาอนิรุทธเทวา
หมู่พระที่น่ังพิศาลสาคร 9 พระที่นั่งพิศาลสาคร 10 หอเสวยฝ่ายใน 11 หอสรงฝ่ายใน 12 เรือนพักคุณท้าววรคณานันท์ 13 เรือนพักข้าหลวงพระภูษา 14 เรือนพักพระสุจริตสุดา
11
14
9 10 12
2
13
7
4
พระราชนิเวศนมฤคทายวัน ที่อยู: 1281 (คายพระรามหก) ถนนเพชรเกษม ตําบลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี 76120 โทรศัพท: 032-508 443-5 / 081-941 2185 โทรสาร: 032-508 039 เว็บไซต: http://www.mrigadayavan.or.th/history.php อีเมล: mrigadayavanpalace@gmail.com วัน-เวลาทําการ: ทุกวันยกเวนวันพุธ | 08.30 - 16.00 น. อัตราคาเขาชม: 30 บาท เพชรบุรีทัศนา
41
ทธรูรปีทัศประธานในพระอุ โบสถวัดใหญ่สุวรรณาราม 42พระพุเพชรบุ นา
ลมหายใจแหงอยุธยา วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดมหาธาตุวรวิหาร วัดเกาะแก้วสุธาราม วัดสระบัว วัดเขาบันไดอิฐ วัดพระพุทธไสยาสน์ หรือ วัดพระนอน
เพชรบุรีทัศนา
43
วัดใหญ่สุวรรณาราม “วัดใหญสุวรรณาราม” ชาวเพชรบุรีมักเรียกกันสั้นๆ วา “วัดใหญ” เปนวัดที่มี นามเลื่องลือในแงของการเปนแหลงรวมศิลปสถาปตยกรรมสกุลชางเพชรบุรีที่มีความ งดงามยิ่งนัก ทั้งนี้ วัดใหญสุวรรณารามมีชื่อเดิมวา “วัดนอย” หรือ “วัดนอยปกษใต” อัน แสดงใหเห็นวาเมื่อกอนการบูรณปฏิสังขรณและการกอสรางเสนาสนะจนเปนวัดที่มีขนาด ใหญเชนในปจจุบันนั้น แตเมื่อดั้งเดิมคงเปนวัดที่มีขนาดเล็กของชุมชน ทั้งนี้ วัดใหญสุวรรณารามสรางขึ้นเมื่อใดนั้นไมปรากฏประวัติชัดแจง ทวาเมื่อ พิจารณาจากมรดกศิลปสถาปตยกรรมเปนที่ประจักษตราบเทาทุกวันนี้ จะเห็นไดวามีอายุ เกาแกยอนไปราวสมัยกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี ทั้งนี้มีประวัติเลาสืบตอกันมาวา วัดแหง นี้เคยเปนที่เลาเรียนและจําพรรษาสามเณรนามวา “ทอง” ซึ่งเพื่อนฝูงตางเรียกขานกันวา “แตงโม” อันเนื่องมาจากเรื่องราวในวัยเยาวดวยครอบครัวมีฐานะยากจนจึงไดเก็บเปลือก แตงโมที่ลอยนํ้ามาแทะกินเพื่อประทังความหิว สามเณรทองเปนผูมีสติปญญาเฉียบแหลม และเมื่อรํ่าเรียนศาสนาจนมีความรูแตกฉาน จึงไดเดินออกเดินทางตอไปยังกรุงศรีอยุธยา เพื่อศึกษาธรรมขั้นสูง จนในที่สุดไดรับการสถาปนาขึ้นเปนสังฆราชาแหงกรุงศรีอยุธยา เมื่อสมเด็จพระสังฆราชทองไดรับการสถาปนาเปนสมเด็จพระสังฆราชแหงกรุง ศรีอยุธยาจึงเกิดสํานึกกตัญูตอถิ่นฐาน จึงไดเดินทางกลับมาบูรณปฏิสังขรณวัดนอย ปกษใตจนกลายเปนวัดขนาดใหญ จึงสันนิษฐานวาชื่อ “วัดใหญสุวรรณาราม” ก็คงเกิดขึ้น ในครานี้เอง ดวยเปนคําคุณศัพทที่อธิบายขนาดอันใหญโตของวัดภายหลังไดรับการบูรณ ปฏิสงั ขรณ และคําวา “สุวรรณาราม” ก็สนั นิษฐานวามาจากความหมายทีว่ า เปน “อาราม อันเปนที่จําพรรษาของสังฆราชทอง” นั่นเอง วัดใหญสุวรรณารามเปนแหลงรวมศิลปสถาปตยกรรมสมัยอยุธยาที่ทรงคุณคา ซึ่งรอดพนจากภัยสงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยา และยังคงสภาพไดดีจนถึงปจจุบัน ดวย เหตุดังกลาววัดใหญสุวรรณารามจึงไดรับการขนานนามวาเปน “อยุุธยาที่ยังมีลมหายใจ”
พระปรางค์หน้า 44
เพชรบุรีทัศนา
พระอุโบสถ ล้อมรอบด้วยศาลาคต
เมื่อนักทองเที่ยวเดินทางมาที่วัดใหญสุวรรณารามแลว ไมควรพลาดชมสิ่งตางๆ คือ “พระอุโบสถ” ที่เปนแหลงรวมศิลปสถาปตยกรรมอันวิจิตร อาทิ หนาบันปูนปนลาย กานขดศิลปะสมัยอยุธยาทีง่ ามเลือ่ งลือ ผนังภายในของอาคารเขียน “ภาพจิตรกรรมรูปเทพ ชุมนุม” ซึ่งสันนิษฐานวามีอายุราวสมัยอยุธยาตอนปลาย ความนาสนใจของจิตรกรรมฝา ผนังรูปเทพชุมนุมแหงนี้ คือ ใบหนาของทวยเทพและอสูรนั้นเขียนเปนหนาบุคคล ไมได เขียนใบหนาเทวดาหรือยักษแบบหัวโขนซึ่งเปนการแสดงออกของจิตรกรรมฝาผนังในชั้น หลัง
ศาลาการเปรียญ
เพชรบุรีทัศนา
45
ศาลาการเปรียญ พระอุโบสถ
ศาลาคตด้านตะวันออก
ศาลาคต
พระเจดียค ์ ู่หน้า การนําชม และกิจกรรมการเรียนรูงานชางในวัดใหญสุวรรณาราม กลุมลูกหวาเมืองเพชร สถานที่ติดตอ: หอศิลปสุวรรณาราม ขางลานจอดรถนักทองเที่ยว สอบถามขอมูล: Fan Page กลุมลูกหวา เพชรบุรี
พระปรางค์หน้า
ภายในอาคารประดิษฐาน “พระพุทธรูปประธาน” หลอดวยสําริดสมัยอยุธยาที่ลงรักปดทองสุก ปลั่งประดิษฐานบนฐานชุกชีที่ปนปูนตกแตงอยางงดงามยิ่ง เบื้องหนาของพระประธานมีรูปหลอสําริดพระ สงฆซึ่งเลาสืบตอกันมาวาเปน “รูปหลอของสมเด็จพระสังฆราชทอง” เบื้องหลังพระประธานมีพระพุทธ รูปหลอดวยสําริดที่มีพระบาทนิ้วพระบาท 6 นิ้ว ซึ่งทางวัดไดสรางบันไดอํานวยความสะดวกใหขึ้นไปสัก การะ ทั้งนี้ แมวาพระอุโบสถของวัดใหญสุวรรณารามเปนศิลปสถาปตยกรรมอยุธยา ทวา “ศาลาคต” ที่ ทํ า หน า ที่ โ อบล อ มพื้ น ที่ ส ร า งให เ กิ ด พื้ น ที่ ป ด ล อ มอั น ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ต อนในนั้ น เป น สิ่ ง ก อ สร า งในสมั ย รัตนโกสินทร ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเมื่อครั้งที่พระองค เสด็จพระราชดําเนินมาเยือนวัดใหญสุวรรณาราม และพบศาลาคตเปนหลังๆ ทวาวางเรียงตัวประกอบ กันลอมพื้นที่ตอนในอันมีพระอุโบสถเปนประธาน แทนที่จะออกแบบเปนระเบียงคดที่สรางเนื่องกันเปน พืดเดียวเชนวัดอื่นๆ ความงดงามของจังหวะจะโคนของการกอสรางศาลาคตที่ประกอบกันออมลอมพื้นที่ ดังกลาวนี้งดงามจนเลากันวาเปนที่พึงพอพระราชหฤทัยเปนอันมากจนตรัสชม “ขุนศรีวังยศ” นายชางผู ออกแบบกอสราง
46
เพชรบุรีทัศนา
ภายในศาลาคตแตละหลังประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนัง่ ทวาในศาลาทิศทางดานตะวันออกซึง่ เปน ประตูทางเขาสูพ นื้ ทีต่ อนใน ภายในมีเจดียห ลอสําริดปดทองศิลปะรัตนโกสินทรทหี่ มายถึง “พระเจดียจุฬามณี” ซึ่งตามคัมภีรทางศาสนาใหขอมูลวาประดิษฐานพระเกศาธาตุของพุทธองคบนสวรรคชั้นดาวดึงสเปนที่สักการะ บูชาของพระอินทรและเหลาเทวดาบนสรวงสวรรค หนาบันของศาลาคตตกแตงดวยไมแกะสลักเปนรูปเลข ๕ เพื่อระลึกถึงการเสด็จพระราชดําเนินของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวมาที่วัดใหญสุวรรณาราม ทั้งนี้ พระองคเสด็จพระราชดําเนินมาวัด ใหญสุวรรณารามในปพ.ศ. 2452 นั้น ตอมาในปพ.ศ.2453 พระองคก็เสด็จสูสวรรคาลัยยังความโศกาอาดูร แกอาณาประชาราษฎร ขุนศรีวังยศจึงออกแบบ “หนาบันศาลาคตดานทิศเหนือเปนรูป ๕ กลับหลัง” อันแสดง นัยวา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวไดเสด็จสวรรคตจะมิไดกลับมายังวัดใหญสุวรรณารามอีก ทางหนาทางทิศตะวันออกของพระอุโบสถมี “พระปรางค” ซึ่งคงสรางพรอมกับศาลาคต ซึ่งจารีตใน วางผังแบบอยุธยาและรัตนโกสินทรตอนตนจะสรางพระปรางค หรือเจดียไ วดา นหลังพระวิหารหรือ อุโบสถ แต พระปรางคองคนี้กลับตั้งอยูดานหนาทางทิศตะวันออกของผังบริเวฯ สําหรับดานทิศใตของผังบริเวณมีสระนํ้า ขนาดใหญที่มีเตาปลาตัวใหญ กลางสระนํ้ามี “หอไตรทรงไทยสามเสา” ซึ่งไมมีที่ใดเหมือน ซึ่งในที่นี้ ตีความวา เสาสามตนที่รองรับอาคารนี้หมายถึง “พระไตรปฎ” นั่นเอง
หน้าบันเลข ๕ กลับหลัง
พระเจดียจ์ ฬ ุ ามณี
รูปหล่อสมเด็จเจ้าแตงโม เพชรบุรีทัศนา
47
ดานหลังของผังบริเวณดานทิศตะวันตกของผังบริเวณของพระอุโบสถเปนที่ตั้งของ “ศาลาการเปรียญ” ซึ่งเปนอาคารไมเกาแกตั้งแตสมัยอยุธยา “หนาบันดานทิศตะวันตก” มี รูปแบบทางสถาปตยกรรมแบบ “มุขประเจิด” อันเปนเอกลักษณสําคัญของศิลปสถาปตยกรรม สมัยอยุธยา นอกจากนี้ ในอาคารมีสิ่งควรชมหลายอยาง เชน “บานประตูจําหลักไมลายกานขด” “ฝาผนังภายในเขียนจิตรกรรมสีฝุน” “เสารวมในอาคารลงรักปดทอง” ที่ลวดลายบนเสาแตละคู นั้นแตกตางกันไปแสดงถึงพลังสรางสรรคของนายชางสมัยอยุธยา ภายใน อาคารยังมี “ธรรมมาสนทรงบุษบก” 2 องค ซึ่งธรรมมาสนองคหนึ่งเคยใชใน การพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นอกจากนี้ ยังเคยมี “ธรรมมาสนสังเค็จ” ซึ่งปจจุบันไดถูก นําไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ พระนคร
รูปด้านข้างศาลาการเปรียญ
รูปด้านหน้าทางทิศตะวันตก แสดงหน้าบันแบบมุขประเจิด
48
เพชรบุรีทัศนา
รูปตัดอาคารแสดงภาพจําลอง แสดงการตั้งธรรมมาสน์สังเค็ต
ภาพจําลองแสดงภายในศาลาการเปรียญในยามที่มีธรรมมาสน์สังเค็ดตั้งอยู่ เพชรบุรีทัศนา
49
วัดมหาธาตุวรวิหาร “วัดมหาธาตุวรวิหาร” ถือเปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เปนหลักของเมืองเพชรบุรี ตาม คติของการสราง “พระมหาธาตุ” หรือ “พระปรางค” ไวใจกลางของเมือง เพื่อเปน ศู น ย ก ลางทางจิ ต วิ ญ ญาณของเมื อ งตามธรรมเนี ย มจะบรรจุ พ ระบรมสารี ริ ก ธาตุ พระบรมศาสดาไวภายใน ซึ่งแนวความคิดดังกลาวมีบทบาทอยางมากในวัฒนธรรม อยุธยา สําหรับการวางผังของวัดมหาธาตุมีลักษณะเชนเดียวกับการวางผังวัดใน สมัยอยุธยา คือ ดานตะวันออกซึ่งเปนดานหนาจะมี “พระวิหารหลวง” อยูหนา “พระ มหาธาตุทรงปรางค” อันเปนศูนยกลางของผังบริเวณ มีการสรางระเบียงคตลอมรอบ องคพระมหาธาตุเพื่อกําหนดใหพื้นที่ภายในวงลอมของระเบียงคตเปนดั่งพื้นที่อัน ศักดิ์สิทธิ์ โดยวงลอมของระเบียงคตจะวกมาบรรจบมุขดานทายของพระวิหารหลวง ทําใหในอดีตนั้นหากจะเขาไปยังพื้นที่ตอนใน ตองผานเขาไปจากพระวิหารหลวง อัน เปนการกําหนดลําดับของการเขาถึงพื้นที่ตอนในโดยกํากับผานธรรมเนียมพิธีกรรมที่ ปฏิบัติ กลาวคือ พุทธศาสนิชนชนจะนมัสการพระพุทธรูปประธานในพระวิหารหลวง ซึ่งก็ถือเปนพระพุทธรูปประธานของวัดดวยนั่นเอง จากนั้นจึงเดินตอไปยังพื้นที่ตอนใน เพื่อสักการะพระมหาธาตุ สําหรับรูปแบบทางสถาปตยกรรมขององคพระมหาธาตุมี ลักษณะเปนพระปรางคหา ยอดซึง่ ไดรบั การบูรณะขึน้ ในปพ.ศ.2479 หลังจากเรือนยอด ไดพังลงมา นอกจากนี้ ภายในวัดมหาธาตุยังมีสิ่งควรชมที่นักทองเที่ยวไมควรพลาด คือ ประติมากรรมปูนปนสกุลชางเมืองเพชรบุรีที่ประดับตกแตงหนาบันและเครื่องบน หลังคาอาคารและรวมทั้งบริเวณฐานชุกชีภายในวิหารหลวงซึ่งประติมากรผูปนได ประยุกตนําเอาดวยชามเบญจรงคมาตกแตงรวมกับงานปูนปนดวย รวมทั้งอุโบสถที่ยัง เหลือใบเสมาสลักจากหินทรายสีแดงที่มีรูปแบบทางศิลปะสมัยอยุธยา และจิตรกรรม ฝาผนังฝมือครูชางคนสําคัญของเมืองเพชรบุรี คือ “ครูหวล ตาลวันนา” และ “ครูพิณ อินฟาแสง” เขียนประชันกัน ดวยพระมหาธาตุทําหนาที่เปนศูนยกลางทางจิตวิญญาณและเปนที่ยึดเหนี่ยว จิตใจของชาวเพชรบุรี จึงเห็นชาวเมืองเพชรบุรมี าสักการะกันไมขาดสาย และดานหนา วัดมีศาลาที่มีคณะละครชาตรีคอยรําแกบนถวายพระมหาธาตุดวย
50
เพชรบุรีทัศนา
ผังบริเวณวัดมหาธาตุวรวิหาร พระมหาธาตุทรงปรางค์ห้ายอด
พระอุโบสถ
ระเบียงคต พระวิหารหลวง ปูนปั้นสกุลช่างเมืองเพชรบุร ี บนหน้าบันวิหารหลวง
เพชรบุรีทัศนา
51
วัดเกาะแก้วสุทธาราม “วัดเกาะแกวสุทธาราม” ตั้งอยูริมแมนํ้าเพชรบุรีทางฟากตะวันออกอยูคอน ไปทางใตของเมืองเกาเพชรบุรี ชาวเพชรบุรเี รียกกันวา “วัดเกาะ” เนือ่ งจากเดิมพืน้ ที่ แหงนี้มีสภาพเปนเกาะมีแมนํ้าและคลองลอมทวาในปจจุบันสิ้นสภาพไปแลวคงเหลือ แตมีแมนํ้าเพชรบุรีอยูทางตะวันตกของผังบริเวณวัด สิ่งควรชมในวัดเกาะสําหรับนักทองเที่ยว คือ “พระอุโบสถ” สมัยอยุธยา ตอนปลายภายในเขียนจิตรกรรมฝาผนังและมีจารึกระบุ ปพ.ศ.2277 เทียบไดตรงกับ รัชกาลสมเด็จพระเจาอยูหัวบรมโกศ สําหรับจิตรกรรมฝาผนังเขียนดวยสีฝุนแบงออก ไดเปน 4 สวน คือ ผนังดานตรงขามพระประธานเขียนภาพ “จักรวาล” อันมีเขา พระสุเมรุเปนประธาน ผนังดานหลังพระประธานเขียนภาพ “เหตุการณตอนชนะมาร” และผนังทางซายและขวาเขียนภาพ “พุทธประวัติ” และ “สัตตมหาสถาน” อันหมาย ถึงสถานที่สําคัญ 7 แหงที่สัมพันธกับเหตุการณสําคัญในพุทธประวัติ นอกจากพระอุโบสถสมัยอยุธยาตอนปลายที่งดงามดวยจิตรกรรมฝาผนังทรง คุณคา วัดเกาะยังมีมรดกทางสถาปตยกรรมสําคัญที่ควรชมอื่นๆ อาทิ “หมูกุฏิแบบ เพชรบุรี” ซึ่งเปนกุฏิสําหรับจําพรรษาของพระสงฆอันประกอบขึ้นจากเรือนไทยหลาย หลังประกอบเขารวมกันเปนผังขนาดใหญ โดยมีหอสวดมนต และหอฉันทอยูตรงกลาง ลอมรอบดวยกุฏิสําหรับพระสงฆจําพรรษา “ศาลาการเปรียญ” เปนอาคารไมยกใตถุน สูง ภายในศาลาการเปรียญมี “ธรรมมาสนวัดเกาะ” ที่มีชื่อเสียง และมี “จิตรกรรมสี ฝุนบนแผงไมคอสอง” ที่สอดแทรกภาพแสดงวิถีชีวิตชาวเพชรบุรีอยางนาสนใจ โดย เฉพาะวิถีของกลุมชนชาติพันธุตางๆ ที่ตั้งถิ่นฐานรวมกันในเมืองเพชรบุรี ตัวอยางเชน ภาพกลุมไทดํา เปนตน ที่ริมแมนํ้าเพชรบุรีมี “ศาลาทานํ้า” ที่มีทรวดทรงงดงาม เปน ที่นั่งพักผอนชมแมนํ้าเพชรบุรี นอกจากนี้ วัดเกาะยังเปนแหลงรวมชางฝมือประเภท ตางๆ โดยเฉพาะชางไมกอสราง “เมรุลอยเมืองเพชรบุรีสกุลชางวัดเกาะ” ซึ่งถือเปน สถาปตยกรรมเฉพาะกิจในประเพณีเนื่องในการวายชนมอันเปนเอกลักษณของเมือง เพชรบุรีดวย ทั้งนี้ เสนาสนะและมรดกสถาปตยกรรมทรงคุณคาทั้งหลายนั้นไมไดเปดใหนัก ทองเที่ยวชมตลอดเวลา ทวาสามารถติดตอประสานงานกับพระสงฆที่ทําหนาที่ดูแล ไดที่หมูกุฏิเรือนไทยเพื่อขอเขาชมในอาคารตางๆ ได ทวาดวยวัดมีความจําเปนตอง ดูและเสนาสนะตางๆ จากโจรภัยจึงตองเลี้ยงสุนัขไว ฉะนั้นผูมาเยือนจึงงตองมีความ ระมัดระวังดวย
52
เพชรบุรีทัศนา
จิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยูห ่ ัวบรมโกศ ดังมีศักราช 2277 กํากับอยู่
เพชรบุรีทัศนา
53
วัดสระบัว “วัดสระบัว เปนวัดขนาดเล็กที่ตั้งอยูเชิงเขาวังทางดานทิศตะวันออก หาก ดูจากภายนอกอาจไมรูวาวัดแหงนี้มีความพิเศษซอนอยูภายใตความเล็กนอยที่รอ คอยใหนักทองเที่ยวเขาไปเยือน เนื่องจากวัดสระบัวนั้นโดดเดนดวยมี “พระอุโบสถ” ขนาดยอม ทวาเปนศิลปสถาปตยกรรมแบบอยุธยาตอนปลาย และเปนที่เลื่องลือใน แงของการเปนแหลงปูนปนอันวิเศษของเมืองเพชรบุรี นับตั้งแตซุมประตูทางเขาพระอุโบสถซึ่งเปน “ซุมประตูแบบมณฑป” ที่มีรูป ทรงงดงามและตกแตงดวยลวดลายปูนปน สําหรับ “หนาบันพระอุโบสถ” ที่บางวา เปนรูปพระนารายณทรงสุบรรณ หรือพระยาครุฑ บางก็วาเปนเทวดาทรงกุมภัณฑ ปนลอยตัวขึ้นมาเหนือลวดลายกานขดชองหางโตที่โบกสะบัดราวกับมีชีวิต และสิ่งที่ โดดเดนเลื่องลือ คือ “แทนเสมา” ที่ประดับดวยงานปูนปนรูปครุฑและยักษแบก เลา กันวาครูชางปูนปนเมืองเพชรผูเรืองนามทั้งหลายตางก็มาเรียนรูจากผลงานปูนปน เกาแกเหลานี้ไปเปนครูในการฝกปรือฝมือทั้งสิ้น
โบสถสมัยอยุธยา ณ วัดสระบัว 54 พระอุ เพชรบุรีทัศนา
วัดพระพุทธไสยาสน์ หรือ วัดพระนอน “วัดพระพุทธไสยาสน” หรือที่ชาวเพชรบุรีเรียกกันวา “วัดพระนอน” ตั้งอยู ทางตะวันออกเฉียงใตของเขาวัง สันนิษฐานวาพระพุทธไสยาสนขนาดใหญที่ประทับ อยูตรงฐานไพทียกสูงตรงเชิงเขาวังซึ่งแตเดิมนั้นเปนเชิงเขาธรรมชาติและมีการปรับ สภาพภูมิลักษณใหเหมาะสมแลวจึงกอสรางพระพุทธไสยาสนขนาดใหญที่มีขนาดยาว 21 วา 1 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว หรือราว 43 เมตร ทัง้ นี้ มีขอ สันนิษฐานวาแตเดิมนัน้ อาจเปนพระพุทธไสยาสนทปี่ ระทับกลางแจง ทวาหากเปรียบเทียบกับธรรมเนียมการสรางพระพุทธไสยาสนสําคัญในสมัยอยุธยาจะ พบวาลวนแลวแตมกี ารสรางวิหารประดิษฐานทัง้ สิน้ ในทีน่ ี้ จึงสันนิษฐานวามีการสราง วิหารประดิษฐานแตอาคารคงไดพังทลายลงจนหมดสิ้น จนกระทั่งเมื่อพระบาทสมเด็จ พระจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกลาฯ ใหสรางพระนครคีรีขึ้นบนยอด เขามไหสวรรย ซึ่งในชวงเวลาดังกลาวนั้นพระองคทรงอุปถัมภการบูรณปฏิสังขรณวัด ในละแวดเขาวังหลายวัด ในการนั้นจึงทรงโปรดเกลาฯ ใหสรางหลังคาเพื่อกันแดดกัน ฝนใหกับองคพระพุทธไสยาสน จนกระทั่งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจา อยูหัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงมีพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหสรางวิหารประดิษฐานคลุมดังที่ เห็นในปจจุบัน ภายในวัดพระพุทธไสยาสนยังมีสิ่งควรชมอยางอื่น อาทิ วิหารพระพุทธฉาย อันเปนจารีตเนือ่ งตอมาจากสมัยอยุธยาจนรัตนโกสินทรทวี่ ดั วาอารามตางๆ นิยมสราง วิหารพระฉาย และวิหารพระพุทธบาท เพื่ออํานวยความสะดวกแกพุทธศาสนิกชนที่ ตองการไปนมัสการพระพุทธบาทและพระพุทธฉาย ทวามีความจํากัดดานกําลังทรัพย และกําลังกาย นอกจากนี้ บริเวณเขตสังฆาวาสหมูกุฏิทรงไทยยังมีหอไตรยกพื้นสูงมี หลังคาทรงจั่ว และมีมุขประเจิดอยางงดงามอีกหลังหนึ่งดวย
เพชรบุรีทัศนา
55
วัดเขาบันไดอิฐ “วัดเขาบันไดอิฐ” ตั้งอยูบนแนวภูเขาลูกโดดที่วางตัวในแนวเหนือ-ใตในที่ราบ ผืนกวาง คลายคลึงกับเขามไหสวรรยอันเปนที่ตั้งของพระนครคีรี ซึ่งเมื่อพิจารณาใน เชิงความหมายของภูมิลักษณแลว จะเห็นไดวาภูเขาทั้งสองนั้นยอมมีสถานะเปนภูเขา ศักดิ์สิทธิิ์ของเมืองเพชรบุรีมาตั้งแตโบราณ ทวาเขาบันไดอิฐนั้นตั้งลึกจากฝงแมนํ้า เพชรบุรีเขามาในแผนดินมากกวาเขามไหสวรรย และตั้งหางออกมาจากชุมชนเมือง เพชรบุรี ในแงนี้จคงจะเห็นไดวาเขาบันไดอิฐจึงมีสถานะเปนอรัญญวาสีของเมืองดวย เชนกัน จากแม นํ้ า เพชรบุ รี ใ นเขตชุ ม ชนเมื อ งเก า เพชรบุ รี อั น มี พ ระมหาธาตุ เ ป น ศูนยกลางทางกายภาพและศูนยยกลางทางจิตวิญญาน หากพิจารณาในระดับเมืองจะ เห็นวาแนวที่ตั้งของวัดเขาบันไดอิฐนั้นเปนแกนที่ตรงมาจากวัดมหาธาตุกลางเมือง ซึ่ง ในอดีตนั้นเคยมีเสนทางสัญจรปูดวยอิฐจากในเมืองมายังเขาบันไดอิฐดวย นอกจากนี้ มีประวัติศาสตรบอกเลาวา เมื่อครั้งสมัยอยุธยาที่วัดเขาบันไดอิฐ มีพระภิกษุผูมีชื่อเสียงดานวิปสนาธุระนามวา “พระอาจารยแสง” ซึ่งเปนพระอาจารย ของสมเด็จพระเจาเสือแหงกรุงศรีอยุธยาดวย ซึง่ พระอาจารยแสงคงไดใชพนื้ ทีใ่ นถํ้าบน เขาบันไดอิฐเปนที่บําเพ็ญวิปสนาซึ่งปจจุบันเรียกวา “ถํ้าประทุน” เนื่องจากเปนที่เก็บ รักษาประทุนเรือโบราณซึ่งเชื่อกันวาเปนประทุนเรือที่สมเด็จพระเจาเสือไดถวายใหแก พระอาจารยแสงซึ่งเปนพระอาจารยของพระองค สิ่งควรชมที่วัดเขาบันไดอิฐ คือ เขตพุทธาวาสที่เปนที่ตั้งของ “พระอุโบสถ” และ “พระวิหาร” และ “เจดียป ระธาน” อยูบ นไหลเขาดานใตของเขาบันไดอิฐ ซึง่ มีบนั ได เชื่อมตอลงไปยังเชิงเขาดานลางที่เคยมีศาลาที่พักมาแตโบราณ นามวา “ศาลาแตงแง” ซึ่งปรากฏกลาวถึงในวรรณกรรมเรื่องขุนชางขุนแผนในคราที่มาซื้อหามาสีหมอกคูใจ สิ่งควรชมที่จะพลาดไมได คือ “งานปูนปนสมัยอยุธยาบนหนาบันพระอุโบสถ” ซึ่งมี ความงดงามเปนเลิศอีกแหงหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี สําหรับวัดเขาบันไดอิฐในปจจุบันยังมีชื่อเสียงเนื่องจากเปนวัดของ “หลวงพอ แดง” ซึ่งเปนพระเกจิอาจารยที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี และใกลๆกับพื้นที่สวน พัฒนาของวัดเพื่อเปนพื้นที่จอดรถสําหรับบริการผูมาเยือน มีอาคารเกาแกที่เชื่อกันวา เปน “กุฏิพระอาจารยแสง” ทวาไมไดเปดใหเขาชมทั่วไป ตองประสานงานเจาหนาที่ ของวัด ซึ่งภายในมีซุมประตูทรงมณฑปศิลปะอยุธยาที่งดงาม
56
เพชรบุรีทัศนา
ปูนปั้นตกแต่งหน้าบันศิลปะสมัยอยุธยา พระอุโบสถ วัดเขาบันไดอิฐ
พระอุโบสถ พระเจดีย์
พระวิหาร
เพชรบุรีทัศนา
57
58
ภาพถ่ ายมุมสูงย่านมหาธาตุ-พลับพลาชัย เพชรบุรีทัศนา
ภูมท ิ ศ ั นเมืองเกาเพชรบุรี ย่านวัดมหาธาตุ - วัดพลับพลาชัย และ ย่านตลาดสดเพชรบุร ี
เพชรบุรีทัศนา
59
ภูมิทัศน์เมืองเก่าเพชรบุร ี “เมืองเกาเพชรบุรี” มีที่ตั้งที่สัมพันธกับแมนํ้าเพชรบุรี ดวยทําเลทีต่ งั้ ซึง่ อยูไมไกลจากกรุงเทพมหานครจึงทําใหกษัตริยแหงราชวงศจักรีทรงสนพระทัย ในเมืองเพชรบุรี นับตั้งแตพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกลาฯ ใหสรางพระราชฐานและพุทธสถานบนยอดเขามไหสวรรย และ พระราชทานนามวา “พระนครคีรี” ตอมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๕ เมืองเพชรบุรีก็ยังดํารงบทบาทสําคัญ โดยพระองคไดเสด็จพระราชดําเนินมายัง เมืองเพชรบุรีหลายครา และทรงโปรดเกลาฯ ใหสรางที่ประทับแบบตะวันตกขึ้น ที่ริมแมนํ้าเพชรบุรี เพื่อใชเปนที่ประทับในยามเสด็จพระราชดําเนินมายังเมือง เพชรบุรี ทวาสรางแลวเสร็จในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งไดพระราชทานนามพระที่นั่งวา “พระรามราชนิเวศน” หรือที่ เรียกกันโดยสามัญวา “วังบานปน” ตอมาในปพ.ศ.2437 เมืองเพชรบุรถี กู รวมกับมณฑลเทศาภิบาลราชบุรี และเมื่อมีการตัดเสนทางรถไฟเพื่อเชื่อมคาบสมุทรภาคใตเขากับกรุงเทพฯ ผาน ถึงเมืองเพชรบุรีในปพ.ศ.2446 ซึ่งไดสรางความรุงเรืองแกเมืองเพชรบุรี และ เกิดการชยายตัวของชุมชนการคาและตลาดขนาดใหญในเมืองแหงนี้ ตอมาในแผนดินพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 มีประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งจังหวัดเพชรบุรีขึ้น และในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ซึ่งเปน ชวงเวลาที่บานเมืองพัฒนและเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว อันทําใหเมืองเพชรบุรี เติบโตขึ้นเปนศูนยกลางทางเศรษฐกิจสําคัญของภาคกลางตอนลาง และยิ่งเมื่อ มีการตัดถนนเพชรเกษมจากกรุงเทพฯ ผานเมืองเพชรบุรีไปยังภาคใต ยิ่งเปน ปจจัยสงเสริมใหเกิดยานพาณิชยกรรมบริเวณตลาดสดริมแมนํ้าในเขตเมืองเกา ดั ง มี ป ระจั ก ษณ ห ลั ก ฐานอาคารพาณิ ช ย แ บบสมั ย ใหม ร ะยะต น ที่ มี รู ป แบบ สถาปตยกรรมอยางหลากหลาย ในขณะที่พื้นที่ฝงตรงขามในละแวกวัดมหาธาตุ และวัดพลับพลาชัยนั้นมีเรือนแถวไมที่ทรงคุณคาอยูเปนจํานวนมาก ทวาในเวลาตอเมื่อพื้นที่ในยานเมืองเกามีความคับคั่งจึงมีการตัดถนน เพชรเกษมสายเลี่ยงเมืองใหมผานทางตะวันตกของพระนครคีรี เพื่อเปนการลด ภาระความคับคั่งของการจราจรในเมืองลง ทําใหเมืองเกาเพชรบุรีสามารถรักษา คุณคาของเมืองเกาเปนอยางดี และสามารถดํารงบทบาทการเปนเมืองศูนยกลาง ทางศิลปวัฒนธรรมตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน 60
เพชรบุรีทัศนา
“ภูมิทัศนเมืองประวัติศาสตรเมืองเกายานวัดมหาธาตุ-วัดพลับพลาชัย” และพื้นที่ฝง ตรงกันขามแมนํ้าเพชรบุรี คือ “ตลาดสดเมืองเพชรบุรี” มีกิจกรรมทางสังคม เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรมทีน่ า สนใจ โดยเฉพาะการทองเที่ยวชิมอาหารของทองถิ่นเมืองเพชรบุรี จากวัดมหาธาตุวรวิหาร เมื่อเขาไปสักการะพระประธานในพระวิหารหลวง และพระ มหาธาตุแลว อยาลืมแวะชม “ละครชาตรี” แกบนที่อยูในปะรําดานหนาวิหารหลวง เนื่องจาก พระมหาธาตุเปนจุดยึดเหนีย่ วจิตใจของผูค น ละครชาตรีเปนการแสดงพืน้ เมืองของชาวเพชรบุรี ซึ่งนับวันจะหาดูไดยาก มักเลนกันตอนกลางวันมักใชบทละครและนิทานพื้นเมืองตางๆ เชน สังขทอง นางสิบสอง พระรถ-เมรี พระอภัยมณี มารองเลนกันในจังหวะทํานองซัดชาตรี และ บทสนทนาดวยนํ้าเสียงเหนออันเปนเอกลักษณชาวเพชรบุรี หนาวัดมหาธาตุเปนสามแยกที่ “ถนนดําเนินเกษม” ซึง่ ตัดผานหนาวัดมี “ถนนพระทรง” ที่ตัดมาจากฝงตรงกันขามของแมนํ้าเพชรบุรีมาบรรจบ ซึ่งฝงตรงกันขามนั้นเปนยานศูนยกลาง ทางเศรษฐกิจเปน “ตลาดสด” และ “อาคารพาณิชยกรรม” จากวัดมหาธาตุหากเดินเลี้ยวไปซายตามถนนดําเนินเกษมจะผานรานอาหารทองถิ่นที่ มืชื่อเสียงหลายราน อาทิ “รานกวยเตี๊ยวเนื้อเจกอา” และ “รานเจนกกวยเตี๊่ยวเนื้อ-หมู” ซึ่ง เปดขายตอนกลางวัน และ “รานขนมหวานนกนอย” ซึ่งเปดขายตอนชวงเย็นถึงหัวคํ่า ถัดไปจะ พบ “วัดพลับพลาชัย” ที่มีชื่อเสียงเรื่อง “หนังใหญ” ซึ่งในปจจุบันทางวัดรวมกับชุมชนไดปรับ อาคารวิหารเกาใหเปน “พิพิธภัณฑหนังใหญวัดพลับพลาชัย” ซึ่งหากสนใจเยี่ยมชมสามารถ ติดตอไดที่หมูกุฏิเจาอาวาสซึ่งอยูอีกฟากของถนน นอกจากนี้ ในผังเขตพุทธาวาสของวัดพลับพลาชัยยังมีอาคารทีน่ า สนใจหลายหลัง อาทิ “พระวิหาร” ซึ่งปจจุบันไดทําหนาที่เปนพิพิธภัณฑหนังใหญ และ “พระอุโบสถ” วัดพลับพลาชัย ซึ่งทําเลที่ตั้งนั้นเปนพระอุโบสถที่เกาแกทวาไดรับการบูรณปฏิสังขรณใหมเนื่องไดรับผลกระทบ จากเหตุการไฟไหมใหญในยานชุมชนริมคลองกระแชง ดานหนาทางทิศตะวันออกของพระอุโบสถ มีศาลาโถงแบบจีนอันแสดงใหเห็นถึงปฏิสัมพันธทางวัฒนธรรมระหวางกันในอดีตที่ผานมา นอกจากนี้ ยังมี “พระปรางคคู” ซึ่งเปนเครื่องยืนยันวาตรงทําเลที่ตั้งตรงนี้เคยเปนพระอุโบสถ มาแลวตั้งแตสมัยอยุธยา ออกนอกผังบริเวณเขตพุทธาวาสของวัดพลับพลาชัยจะเปนที่วางริมแมนํ้าเพชรบุรี ซึ่ง มีแมนํ้าเพชรบุรีที่ผานยานเกาเมืองเพชรบุรีนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อวา “คลองกระแชง” ทําเลที่ตั้งจุด นี้เปนทานํ้าสําคัญของยาน ซึ่งเมื่อมีผูคนเดินทางมาจะมายังยานวัดมหาธาตุ-วัดพลับพลาชัยก็ จะตองมาขึ้นเรือที่ทานํ้าแหงนี้ รวมทั้ง “สุนทรภู” กวีเอกศรีรัตนโกสินทร จึงมีการกําหนดพื้นที่ ตรงนี้เปน “ลานสุนทรภู” เพื่อเปนเกียรติ และระลึกถึงเมื่อครั้งที่ทานเดินทางมายังเพชรบุรีและ ไดแตงวรรณคดีนิราศเมืองเพชรบุรี
เพชรบุรีทัศนา
61
ความนาสนใจและมีสีสันสําหรับการทองเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการทองเที่ยวเชิง ประสบการณ คือ บานเรือนของชาวชุมชนเปดบานของตนเพื่อเชื้อเชิญใหผูสนใจเขาเยี่ยมชม อาทิ “บานมนัส จรรยงค” ซึง่ รวบรวมอัตถชีวประวัตั ขิ องมนัส จรรยงค ราชาเรือ่ งสัน้ นามอุโฆษ ซึง่ มีนิวาสสถานอยูที่ชุมชนริมคลองกระแชงแหงนี้ “พิพิธภัณฑสมบัติแมนํ้าเพชรบุรี” ที่มีทานํ้า ที่ยามนํ้าลดลงขอดคลองจะเห็นเศษภาชนะดินเผา ภาชนะเคลือบ หลากยุคหลากสมัยคราครํ่า อยูเต็มทองนํา้ อันแสดงใหเห็นความรุง เรืองของยานประวัตศิ าสตรแหงนีไ้ ดเปนอยางดี ถัดไปไม ไกลมีอาคารยกพื้นที่มีลักษณะคลายศาลาการเปรียญ เรียก “ศาลาคามวาสี” บางครั้งเรียกวา “ศาลากลางบาน” เปนตัวอยางของพืน้ ทีส่ าธารณะสวนกลางของชุมชนไทยภาคกลางแบบโบราณ ซึ่งเปนตัวอยางที่หลงเหลืออยูนอยมาก ถัดมา คือ “บานรวมผลงานมิตรชัยบัญชา” รวบรวม ผลงานของมิตรชัย บัญชา พระเอกหนังใหญชาวทายางเมืองเพชรบุรี หากเดินทางตามถนนริมคลองกระะแชงมุง ขึน้ ไปทางเหนือไปยัง “ถนนพงษสรุ ยิ า” แลว เลี้ยวซายจะพบกับ “สะพานจอมเกลา” ซึ่งเปนสะพานสําคัญของเมืองเพชรบุรี สะพานดั้งเดิม นั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัวโปรดเกลาฯ ใหสรางขึ้น เพื่ออํานวยความสะดวกแก ขาวเมืองเพชรบุรีใหสัญจรไปมาระหวางสองฟากฝงแมนํ้าไดโดยสะดวกโดยสรางเปนสะพานกอ อิฐ แตเดิมเรียกกันวา “สะพานชาง” ตอมาสะพานเดิมไดชํารุดลงและไดซอมเปลี่ยนเปนสะพาน คอนกรีตมาอยางนอยอีก 2 ครั้งแลว ตรงเชิงสะสะพานจอมเกลามีบานไมเกาแกมุงหลังคาดวย กระเบื้องวาวรูจักกันในนามของ “รานระเบียงริมนํ้า” ซึ่งเปนที่พักแบบเกสเฮาส และรานอาหาร และเคยเปนทําเลถายภาพยนตรักเมื่อราวทศวรรษที่ผานมา ฝงตรงกันขามเปนยานธุรกิจการคา ดวยเปนที่ตั้งของ “ตลาดสด” และ “ตึกแถวเพื่อ การพาณิชยกรรม” มีรานคามากมาย อาทิ รานขายสินคาผลิตภัณฑจากการประมงซึ่งจะอยูใน ตลาดสด รานขายของฝากขนมหวานเมืองเพชรบุรี ซึ่งกอนหนาที่รานคาขนมหวานเมืองเพชร จะขยับขยายออกไปสรางรานคาขนาดใหญริมถนนเพชรเกษม ลวนแตเคยมีหนารานอยูในยาน นี้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังเปนแหลงรวมของ “รานขาวแช” ซึ่งเปนอาหารโบราณอันเปนเอกลักษณ สําคัญของชาวเมืองเพชรไดในยานนี้ ไมวาจะเปน “รานปาเอื้อน” “รานเจแอด” “รานแมสาย บัว” “รานแมอร” “รานปาออน” เปนตน ยามลัดเลาะเยี่ยมชมตลาดอยาลืมมองผลงาน “ศิลปะ กับเมือง” ที่ศิลปนสรางสรรคไวตามจุดตางๆ ในชุมชนริมคลองกระแชง และในตลาดสดดวย นอกจากนี้ ยามมาเมืองเพชรบุรีลองมองหา “รานขนมจีนทอดมัน” ลองชิมลิ้มลอง เพราะชาวเมืองเพชรบุรีจะรับประทานขนมจีนกับทอดมัน โดยราดนํ้าอาจาดรสเปรี้ยวอมหวาน และมีรสชาติเผ็ดเล็กนอยจากพริกแดงตํา รวมทั้ง “กวยเตี๊ยวหมูนํ้าแดง” ซึ่งเปนกวยเตี๋ยวหมู ตุนที่ใชเครื่องเทศในการปรุงเชนเดียวกับกวยเตี๊ยวเนื้อ ซึ่งชาวเมืองเพชรบุรีเวลาปรุงกวยเตี๊ยว หมูนํ้าแดง และกวยเตี๋ยวเนื้อสิ่งที่ขาดไมไดที่ตองเติมลงไปคือ “ซอสพริก” ความสนุกของการทองเที่ยววัฒนธรรม และการทองเที่ยวเชิงประสบการณ คือ การ ไดเรียนรูวิถีวัฒนธรรมของชุมชนทองถิ่น อันเปนสิ่งสําคัญของการทําความเพื่อเขาใจและความ เคารพในความหลากหลายของวิถีวัฒนธรรมของผูคน นอกเหนือไปจากการไดชอมูลของแหลง ทองเที่ยวตางๆ 62
เพชรบุรีทัศนา
พิพิธภัณฑหนังใหญวัดพลับพลาชัย ที่อยู:
วัดพลับพลาชัย 106 ถ.ดําเนินเกษม ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี โทรศัพท: 032-410 076 อัตราคาเขาชม: ไมเสียคาธรรมเนียม หมายเหตุ: หากประสงคจะเยี่ยมชมกรุณาติดตอ สํานักงานเจาอาวาสวัดพลับพลาชัย
กลุมทองเที่ยวชุมชนยานเมืองเการิมแมนํ้าเพชรบุรี ที่อยู: อีเมล:
ชุมชนคลองกระแชง ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี Petchburicommunity@gmail.com เพชรบุรีทัศนา
63
เส้นทางศึ กษาธรรมชาติป่าชายเลนแหลมผักเบี้ย เพชรบุรีทัศนา
64
ทองเทีย ่ วเรียนรูน เิ วศน โครงการศึกษาวิจยั และพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดําริ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรน ิ ธร อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
เพชรบุรีทัศนา
65
โครงการศึกษาวิจยั และพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดําริ
“โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดลอมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจาก พระราชดําริ” ตั้งอยูที่แหลมผักเบี้ยซึ่งมีลักษณะทางกายภาพเปนแหลมที่กอตัวขึ้น จากการสะสมของดินตะกอนทีพ่ ดั พามากับแมนาํ้ เพชรบุรี แมนาํ้ บางตะบูน และแมนาํ้ อื่นๆ ของเพชรบุรี เปนหาดโคลนคอยๆ ลาดเทลงสูทะเล ซึ่งปลายสุดของพื้นที่แหลม ผักเบี้ยนั้นคือ “แหลมหลวง” ซึ่งเปนตัวแบงเขตภูมิลักษณของชายฝงออกเปนสองรูป แบบ คือ ระบบนิเวศนหาดเลน และระบบนิเวศนหาดทราย กลาวคือ พื้นที่ทางดาน เหนือของแหลมหลวงเปนระบบนิเวศนหาดเลนอันอุดมบสมบูรณอันเกิดจากการตก ตะกอนของดินอันอุดม ในขณะทีด่ า นใตของแหลมหลวงเปนหาดทรายทีม่ คี วามงดงาม เหมาะสมกับการทองเที่ยว ดวยการเปนพื้นที่ที่มีระบบนิเวศนปาชายเลนอันอุดมสมบูรณและโดดเดนที่ เกิดจากการสะสมตะกอนดินจากแมนาํ้ สายตางๆ ทีไ่ หลจากดินแดนตอนในมาออกทะเล ในขณะเดียวกันเมื่อพื้นที่ตอนในพัฒนาเปนพื้นที่เมืองทําใหพื้นที่บริเวณแหลมผักเบี้ย กลายเปนพื้นที่รองรับนํ้าเสียจากเมืองไปโดยปริยาย จากมู ล เหตุ ดั ง กล า วพระบาทสมเด็ จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ลอดุ ล ยเดช รัชกาลที่ 9 จึงทรงมีพระราชดําริ “ปญหาสําคัญ คือ เรื่องสิ่งแวดลอม เรื่องนํ้าเสียกับ ขยะ ไดศึกษามาแลวเหมือนกัน ทําไมยากนัก ในทางเทคโนโลยีทําได ในเมืองไทยเอง ก็ทําได หาเทคโนโลยีจากตางประเทศมาแลวในเมืองไทยเองก็ทําไดหรือจะจาง บริษัท ตางประเทศมาก็ทําได นี่แหละปญหาเดียวกัน เดี๋ยวนี้กําลังคิดจะทํา แตติดอยูที่ที่จะ ทํา” แหลมผักเบีย้ จึงทําหนาทีเ่ ปนพืน้ ทีท่ ดลองการกําจัดขยะและการบําบัดนํา้ เสีย ที่เคยสรางมลภาะวตอสิ่งแวดลอมมาในอดีต เพื่อใหเปนแหลงคนควาวิจัย และเรียนรู ตลอดจนเปนแหลงถายทอดเทคโนโลยีดานการบริหารจัดการขยะและการบําบัดนํ้า เสียจากเมืองกอนปลอยลงสูสภาพแวดลอม “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดลอมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจาก พระราชดําริ” จึงเปนพื้นที่กรณีศึกษาที่นาสนใจที่ตอบคําถามการทองเที่ยวในบริบท รวมสมัยที่ผูไปเยือนเมื่อกลับมาจะตองไดองคความรู และเปนสวนหนึ่งของกลไกที่ ขับเคลื่อนใหเกิดความเปนอยูที่ดีและมีความมั่นคงตามเปาหมายของการพัฒนาที่ ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) ตามแนวทาง “ศาสตรของพระ ราชา” สืบไป
66
เพชรบุรีทัศนา
โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดลอมแหลมผักเบี้ย ที่อยู: ต.แหลมผักเบี้ย อ.บานแหลม จ.เพชรบุรี โทรศัพท: 032-706 264 วัน-เวลาทําการ: ทุกวัน 06.00-18.00 น. อัตราคาเขาชม: ไมเสียคาธรรมเนียม การเที่ยวชม: มีรถรางพรอมการบรรยาย หรือเชา รถจักรยานปนดวยตนเอง อัตราคา บริการ คันละ 20 บาท
เพชรบุรีทัศนา
67
อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรน ิ ธร “อุทยานสิ่งแวดลอมนานาชาติสิรินธร” ตั้งอยูที่คายพระรามหก อําเภอชะอํา ดวยสมเด็จพระกนิษฐาธิราช เจากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ไดพระราชทาน พระราชดําริเรื่องการจัดหาพื้นที่เพื่อทดลองปลูกและฟนฟูสภาพปาชายเลน เพื่อคืน ระบบนิเวศปาชายเลนกลับสูธรรมชาติ และพระองคไดเสด็จพระราชดําเนินทรงปลูก พันธุไมชายเลนตางๆ ที่คลองบางตราใหญ และคลองบางตรานอย อันเปนจุดเริ่มตน ของการจัดการพืน้ ทีเ่ พือ่ สงเสริมการอนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม ซึง่ ได จัดตั้ง “อุทยานสิ่งแวดลอมนานาชาติ” ซึ่งตอมาพระองคไดทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ พระราชทาน พระราชานุญาตใหอัญเชิญพระนามาภิไธยเปนนามอุทยานวา “อุทยาน สิ่งแวดลอมนานาชาติสิรินธร” อุทยานสิ่งแวดลอมนานาชาติสิรินธรมีแหลงเรียนรูตางๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการ สงเสริมการอนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม มีหอ งนิทรรศการภายในอาคาร และแหลงเรียนรูกลางแจง ดังตอไปนี้ “ศูนยพลังงานเพื่อสิ่งแวดลอม” “พลังงานแสง อาทิตย” “พลังงานลม” “ศูนยการเรียนรูพ ลังงานชุมชนเพือื่ สิง่ แวดลอม” “สวนปาชาย เลนทูลกระหมอม” “การปองกันการกัดเซาะชายฝง” และ “ระบบบําบัดนํ้าเสียแบบ ควบรวมบึงประดิษฐ” ซึง่ ตอนรับผูม าเยือนเพือ่ การทองเทีย่ วเรียนรู และการฝกอบรม เปนหมูคณะ เสร็จจากการเยี่ยมชมแหลงเรียนรูของอุทยานสิ่งแวดลอมนานาชาติสิรินธร ยังสามารถรวมกิจกรรมการทองเที่ยวแบบผจญภัยที่ดําเนินการโดยคายพระรามหก อาทิ การกระโดดจากหอสูง การเรียนรูเ รือ่ งการโดดรม เปนตน นอกจากนี้ ยังสามารถ ไปทองเที่ยวเรียนรูที่ “พระราชนิเวศนมฤคทายวัน” ตออีกดวย
อุทยานสิ่งแวดลอมนานาชาติสิรินธร ที่อยู: เลขที่ 1281 คายพระรามหก ตําบลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี 76120 โทรศัพท: 032-508-352, 099-474-0800, 065-218-0561 โทรสาร: 032-508-396 อีเมล: siep@sirindhornpark.or.th
68
เพชรบุรีทัศนา
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน “อุทยานแหงชาติแกงกระจาน” อยูท างฟากตะวันตกของจังหวัดเพชรบุรี เปน อุทยานแหงชาติที่มีเนื้อที่กวางขวางที่สุดของไทย เปนผืนปาตนนํ้าแหลงกําเนิดแมนํ้า เพชรบุรีที่หลอเลี้่ยงเมืองเพชรบุรีตั้งแตตนนํ้า กลางนํ้าบริเวณพื้นที่ราบอันกวางขวาง และปลายนํ้าแถบบานแหลม-บางตะบูน ลักษณะทางกายภาพเปนเทือกเขาสลับซับซอนของเทือกเขาตะนาวศรีที่ ทอดตัวลงมาในแนวเหนือ-ใต ปกคลุมดวยปาดิบชื้นในสวนของผืนปาตนนํ้า และมี ปาดงดิบแลง ปาเบญจพรรณ แ่ละปาเต็งรังผสมอยูดวย ผืนปาแกงกระจานจึงมีความ หลากหลายทางชีวภาพของชนิดพันธุพืชและสัตว นอกจากนี้ ผืนปาแกงกระจานยังมี ระเบียงปาที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ปาอนุรักษอื่นๆ รวมทั้งเชื่อมตอกับผืนปาในฝงเมียนมา ทําใหมคี วามสําคัญตอการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพไดเปนอยางดี จากคุณคา ดังกลาวนั้นจึงนําไปสูกระบวนการเสนอชื่อผืนปาแกงกระจานเปนแหลงมรดกโลกทาง ธรรมชาติ สําหรับแหลงทองเที่ยวในเขตอุทยานแหงชาติแกงกระจานที่นาสนใจมีหลาย แหลง อาทิ “นํ้าตกปาละอู” “นํ้าตกทอทิพย” ซึ่งตางก็เปนนํ้าตกที่มีความงดงาม และ เปนแหลงตนนํ้าสําคัญ สําหรับ “บานกราง” “เขาพะเนินทุง” เปนแหลงดูนกที่สําคัญ เปนที่รูจักกันในระดับนานาชาติ “โปงลึก-บางกลอย” เปนแหลงศึกษาเรียนรูวิถีกลุม ชาติพันธุปกาเกอะญอ และ “จุดชมทิวทัศนทะเลหมอก” ตรงกิโลเมตรที่ 36 บนเสน ทางไปนํ้าตกทอทิพย ซึ่งสามารถชมทะเลหมอกไดตลอดทั้งป นอกจากนี้ ที่บริเวณ ที่ทําการอุทยานแหงชาติแกงกระจานที่อยูบนสันเขื่อนแกงกระจานก็เปนพื้นที่ที่มี ทิวทัศนงดงาม และมีสิ่งอํานวยความสะดวกแกนักทองเที่ยวอยางครบถวน ทั้งเรือน พัก จุดกางเตนท หองสุขาและหองอาบนํ้า และรานอาหารสวัสดิการอุทยาน จึงเปน จุดที่มีนักทองเที่ยวนิยมมาพักคางแรมเปนจํานวนมาก อุทยานแหงชาติแกงกระจาน ที่อยู: ต.แกงกระจาน อ.แกงกระจาน จ.เพชรบุรี 76170 โทรศัพท: ศูนยบริการนักทองเที่ยว 091-050 4461, 032-772 311 ที่ทําการอุทยานฯ 032-772 312 อีเมล: k.krachan_np@hotmail.com อัตราคาธรรมเนียม ชาวไทย: ผูใหญ 100 บาท เด็ก 40 บาท ชาวตางชาติ: ผูใหญ 300 บาท เด็ก 200 บาท
เพชรบุรีทัศนา
69
70
หาดปึ กเตียน เพชรบุรีทัศนา
ชายทะเลเมืองเพชร หาดเจ้าสําราญ หาดปึกเตียน หาดชะอํา
เพชรบุรีทัศนา
71
หาดเจ้าสําราญ หาดปึกเตียน และหาดชะอํา “หาดเจาสําราญ” เปนชายหาดที่เปนที่รูจักกันมาตั้งแตอดีต ทั้งนี้ ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูห วั รัชกาลที่ 6 ไดโปรดเกลาฯ ใหสรางทีป่ ระทับ บริเวณหาดเจาสําราญ ทวาในชวงเวลาดังกลาวนั้นทองที่แถบหาดเจาสําราญนั้นยัง ทุรกันดารยากลําบากเรื่องการเดินทาง และขาดแหลงนํ้าจืด ในการนั้นจึงโปรดเกลาฯ ใหหาสถานที่สําหรับสรางพระราชฐานแหงใหม อันเปนที่มาของการกอสรางพระราช นิเวศนมฤคทายวัน ทวาในปจจุบันทองที่แถบหาดเจาสําราญไดกลายเปนที่พักผอน หยอนใจของนักทองเทีย่ วจากทัว่ สารทิศ ในลักษณะมาเชาเย็นกลับมาเลนนํา้ ทะล และ รับประทานอาหารทะเล สําหรับการเดินทางนั้น หากเริ่มตนจากตัวเมืองเพชรบุรีใช เสนทางหลวงหมายเลข 3177 ลงมาตามถนนจนสุดสายก็จะบรรจบกับถนนเลียบ ชายทะเล “หาดปกเตียน” อยูถัดจากหาดเจาสําราญลงมาทางใตตามถนนที่เลาะเลียบ ชายทะเลลงมาจนถึ ง ทางเข า หาดป ก เตี ย นซึ่ ง เป น ชายหาดที่ มี นั ก ท อ งเที่ ย วไม พลุกพลานนักจึงเหมาะแกการพาครอบครัวมาพักผอน มีรานอาหารทะเลตั้งเรียงราย กันตลอดแนวหาด จุดที่นาสนใจของหาดปกเตียน คือ “ประติมากรรมรูปนางผีเสื้อ สมุทรกําลังแสดงความอาลัยตอพระอภัยมณี” ซึ่งประติมากรไดถอดบทบาทลักษณะ จากวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีซึ่งประพันธโดยสุนทรภูกวีเอกแหงกรุงรัตนโกสินทร ปจจุบันประติมากรรมนี้ไดกลายเปนจุดหมายตาและสัญลักษณของหาดปกเตียนที่ ใครๆ ก็ตองมาบันทึกภาพดวย “หาดชะอํา” ตั้งอยูในเขตอําเภอชะอําซึ่งเปนอําเภอใตสุดของจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจะเชื่อมตอกับอําเภอหัวหินของจังหวัดประจวบคีรีขันธ การเขาถึงชายหาดชะอํา นั้นสามารถมาตามเสนทางเลียบชายทะเลที่ตอเนื่องมาจากทางหาดปกเตียนได หรือ อีกเสนทางที่สะดวก คือ มาตามถนนเพชรเกษมจนมาถึงตัวอําเภอชะอําจะมีถนนที่ ตัดลงมายังถนนเลียบชายหาด ที่บริเวณชายหาดมีรานอาหารทะเล มีเกาอี้ชายหาด ใหเชาบริการ และเปนแหลงเลนนํ้าทะเล ทั้ง 3 ชายหาดของเมืองเพชรบุรี คือ “หาดเจาสําราญ” “หาดปกเตียน” และ “หาดชะอํา” เปนชายหาดที่อยูฝงอาวไทยจึงอาจจะไมไดเปนแหลงทองเที่ยวเลื่องชื่อ เชนทะเลฝงอันดามัน ทวาเปนชายทะเลที่ตอบโจทยกับการทองเที่ยวแบบครอบครัว สามารถเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครไดในวันหยุดสุดสัปดาห ทั้งมาโดยรถยนต สวนบุคคล และการโดยสารรถไฟ จึงไมแปลกที่สังคมไทยแทบทุกคนตางรูจักชายหาด ทั้งสามแหงนี้ในฐานะของแหลงทองเที่ยวเมื่อครั้งเยาววัยที่เดินทางมาพรอมหนา พรอมตากันของคนในครอบครัว
72
เพชรบุรีทัศนา
ภูมท ิ ศ ั นวฒ ั นธรรมชุมชนประมง บ้านแหลม บางขุนไทร
เพชรบุรีทัศนา
73
76
เพชรบุรีทัศนา
ความหลากหลายของ ชุมชนวิถช ี าติพน ั ธุ ชุมชนไทดํา เขาย้อย ชุมชนปะกาเกอะญอ
เพชรบุรีทัศนา
75
76
เพชรบุรีทัศนา
ภูมท ิ ศ ั นวฒ ั นธรรม ชุมชนเกษตร
เพชรบุรีทัศนา
77
โครงการศึกษาแผนแม่บทการจัดการเชิงพื้นที่ของการท่องเที่ยว เมืองเพชรบุร ี และเส้นทางเลียบชายทะเล 78
เพชรบุรีทัศนา
76
เพชรบุรีทัศนา
80
เพชรบุรีทัศนา