Study of the Appropriate and Inappropriate Methods of Visual Arts Education in the Primary Schools According to the Types of Multiple Intelligences
การศึกษารูปแบบการสอนรายวิชาทัศนศิลป์ที่ เหมาะสมและไม่เหมาะในระดับประถมศึกษา โดยอ้างอิงมาจากการเรียนรู้ที่หลากหลาย Atena Salehi Baladehi1, Aliasghar Shirazi2
การเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ได้ชื่อว่าเป็นยุคของความรู้ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา พวกเขา ได้ตั้งคาถามกันว่า : ควรจะสอนนักเรียนอย่างไรเพือ่ ให้เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาได้ในอนาคต? เนื่องจากว่าวิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพเพียงวิธีใดวิธีหนึง่ ไม่สามารถใช้ได้ กับเด็กทุกคน ผู้สอนจึงมีปัญหาในด้านของการดึงศักยภาพของนักเรียน ทางด้านทัศนศิลป์ออกมา ดังนั้นผู้วิจัยจึงมุ่งศึกษารูปแบบการสอนที่ หลากหลายเพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป
วัตถุประสงค์ 1. การศึกษารูปแบบการสอนรายวิชาทัศนศิลป์ทเี่ หมาะสมและไม่เหมาะ ในระดับประถมศึกษา
การศึกษาศิลปะที่เหมาะสม วิธีการสอนที่เหมาะสมมีทั้งหมด 8 วิธี ได้แก่ 1.การสังเกต การศึกษาศิลปะสิ่งทีส่ าคัญที่สุดก็คือการสังเกต และการใช้ ประสาทสัมผัสดังนั้นวิธีนจี้ ะมีประสิทธิภาพมาก ในทางศิลปะไม่ได้ใช้เพียง แค่การมองเห็นและการสัมผัส แต่ยังใช้ประสาทสัมผัสอื่นๆอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อการสัมผัสกับงานศิลปะได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึน้ 2. การแสดงผลหรือการทาให้ดู เมื่อครูทาให้ดูแล้วหลังจากที่นักเรียนได้ สัมผัสด้วยตนเอง พวกเขาจะได้รับความรู้และเข้าใจได้อย่างรวดเร็วซึง่ มาก ถึงร้อยละ 60
การศึกษาศิลปะที่เหมาะสม(ต่อ) 3.ทัศนศึกษา ในการทัศนศึกษานักเรียนจะได้เรียนรู้โดยผ่านการ สังเกตการณ์ เพื่อจัดการกับแนวคิดและหัวข้อต่างๆดังนั้นการเรียนการ สอนก็จะง่ายและชัดเจนขึน้ 4.การฝึกฝนทาซ้าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการแก้ปัญหาการลืมเนื้อหา บางส่วนถือเป็นการทบทวนได้อย่างดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการฝึกฝนด้วยวิธีนี้จะ เป็นการจากัดความคิดสร้างสรรค์ของตัวนักเรียนเอง 5. รูปแบบของซีนเนคติค เป็นวิธีสร้างแรงจูงใจและพยายามให้นักเรียน พัฒนาความคิด โดยการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อยกระดับความคิดสร้างสรรค์
การศึกษาศิลปะที่เหมาะสม(ต่อ) 6. การสอนเชิงปฏิบัติการคือหนึ่งในวิธีการสอนและการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพมากที่สุด 7. การแบ่งกลุ่มเล่นเกม นักจิตวิทยาที่ดีเชื่อว่าเกมสามารถกระตุ้น ความรู้สึกและความคิดของนักเรียนได้เนื่องจากเกมมอบความสนุกให้กับ พวกเขา 8. การค้นพบข้อเท็จจริงจากการแก้ปัญหา โดยการที่ครูผู้สอนแปลงเป็น กระบวนการเชิงกลยุทธ์ให้แก้ปัญหาในลักษณะทีค่ ล้ายคลึงกับวิธีการของ ศิลปิน
สรุป สิ่งที่สาคัญที่สุดของสังคมคือการฝึกฝนให้เด็กที่มีสุขภาพทีด่ ีด้วยการคิดเชิง สร้างสรรค์ การฝึกฝนเด็กเหล่านี้จาเป็นจะต้องมีความเข้าใจในตัวเด็กและ มองความสามารถที่แท้จริงของพวกเขา ขณะที่ Gardner มองว่าความ แตกต่างระหว่างนักเรียนเป็นเรือ่ งสาคัญมาก ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีและ ความรู้ที่หลากหลายช่วยกระตุ้นให้ครูหาวิธีการต่างๆมาใช้เพือ่ ให้เหมาะสม กับนักเรียนทุกคนในชั้นเรียน ครูต้องตระหนักว่านักเรียนทุกคนมีความ ฉลาดเฉพาะตัว ในความเป็นจริงทฤษฎีและความรู้ที่หลากหลายช่วยให้ การเรียนรู้มีประสิทธิภาพในการเรียนและการคิดสร้างสรรค์เพิม่ ยิ่งขึ้น
ดังนั้นแทนที่จะบังคับให้เด็กเลียนแบบการสร้างสรรค์ และความรู้สึกด้าน สุนทรียศาสตร์ของเด็ก การศึกษาที่เหมาะสมที่สุดสาหรับทัศนศิลป์คือการสร้าง ความสุขจากภายในและกิจกรรมศิลปะจะต้องลดความเครียดและผ่อนคลาย สุขภาพจิตของเด็กอีกด้วย การศึกษาควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับความรู้ความเข้าใจอารมณ์และ ลักษณะทางกลไกของเด็ก ๆ จนทาให้เด็ก ๆ มีแนวโน้มที่จะสร้างสรรค์งานศิลปะที่ สร้างสรรค์มากขึ้น พฤติกรรมของครูผู้สอนวิธีการสอนและเนื้อหาในการศึกษา และ เครื่องมือทางการศึกษาจะต้องได้รับการออกแบบและเลือกตามความต้องการ สภาวะ และลักษณะของเด็ก ความงามและศิลปะอยู่ในความต้องการของมนุษย์ ดังนั้นการศึกษาศิลปะ และสุนทรียศาสตร์เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ความรู้ที่หลากหลายมีความสาคัญอย่างยิ่ง ต่อการศึกษาและสุขภาพจิตของเด็ก