วารสารนิทานธรรม "เหตุไม่ถนอมบุญ"

Page 1

วารสารนิ ท านธรรม เหตุ ไ ม่ ถ นอมบุ ญ

���������������.indd 1

2017/4/20 15:19


วารสารนิทานธรรม_เหตุไม่ถนอมบุญ หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง

ISBN สงวนลิขสิทธิ์ตามพ.ร.บ.การพิมพ์ ปี 2537 版權所有

จัดพิมพ์เผยแพร่โดยส�ำนักพิมพ์เป่ยเฉิน 14 ซอยสวนผัก13 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 098-827-6319, 089-200-3909 E-mail: beichen.co.ltd@gmail.com สนใจติดต่อฝ่ายการตลาด โทรศัพท์ 098-827-6319 江曉琴 จารุเนตร เชียะคง กรรมการผู้จัดการ 琅華 หลังฮว๋า บรรณาธิการ 思斯 ซือซือ ที่ปรึกษา 幕易 มู่อี้ พิสูจน์อักษรภาษาจีน อีเต้า พิสูจน์อักษรภาษาไทย 依道 小草 เสี่ยวเฉ่า ฝ่ายศิลปกรรม 小儒 เสี่ยวหรู ฝ่ายการตลาด

���������������.indd 2

2017/4/20 15:19


กับเรื่องราวชีวิตที่ต้องประสบพบเจอ บ้างร�ำพันว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรือฟ้าเล่นตลก จะมีกี่คนที่เข้าใจ ทุกอย่างล้วนตนก่อไว้ ฟ้ามีเมตตาต่อมวลมนุษยชาติเสมอ มีแต่มนุษย์ที่ขาดเมตตาต่อตนเอง ท่านมิใช่ทาสของดวงชะตา แต่เป็นเจ้านายผู้คุมบังเหียนชีวิต ทุกคนมักจะฟังจนคุ้นหูว่า “ชะตาชีวิตถูกลิขิตไว้” แต่ทว่า มีผู้ที่สามารถควบคุมชะตาชีวิตจริงหรือ? ค�ำตอบคือ “มีแน่นอน........” ผู้นั้นคือ “ตัวเราเอง” มนุษย์คือเจ้านายผู้ควบคุมเกณฑ์ชะตาชีวิต แต่กลับถูกชะตาชีวิตล้อเล่นให้สับสนวุ่นวาย มีค�ำถามมากมาย อยู่ในใจใครหลายคน ชีวิตเกิดมา เป็นคนเหมือนกัน เหตุไฉน ชะตาถึงแตกต่างกัน หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 3

���������������.indd 3

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ประเทศจีน...มณฑลเสฉวน ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีสอง ครอบครัวอยูร่ วั้ บ้านติดกัน ครอบครัวคุณนายหวังมีฐานะร�ำ่ รวย ชาวบ้านต่างเรียกนางว่า เศรษฐินีหวัง ที่บ้านของเศรษฐินีหวัง มีความเคยชินกับการใช้จ่าย ฟุ่มเฟือย ถ้าถูกใจเสียเงินเท่าไหร่ ก็ยอมจ่าย แต่นางกลับไม่มี น�้ำใจ หรือคิดช่วยเหลือคนยากจนแต่อย่างใด ในชีวติ ประจ�ำวัน ครอบครัวของเศรษฐินหี วัง ใช้ชวี ติ อย่าง ฟุ่มเฟือย เสพสุขราวดั่งมีชีวิตอยู่บนทิพย์วิมาน กินแต่อาหาร เลิศรส เศรษฐินีหวัง สั่งก�ำชับแม่บ้านว่า ทุกวันต้องท�ำอาหาร ขึน้ โต๊ะหลายๆ อย่าง ของคาวหวานต้องจัดให้พร้อม แต่นางกิน เพียงแค่ค�ำสองค�ำเท่านั้น ถ้าไม่ถูกใจก็เททิ้ง เศรษฐินีหวัง แม้จะร�่ำรวย แต่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ชอบ เรื่องท�ำบุญบริจาคทาน ทั้งยังชอบดูหมิ่นคนยากจน แม้แต่คน รับใช้ก็เลียนแบบอย่างเจ้านาย ล�ำพองใจคิดว่าตนเองอยู่บ้าน เศรษฐี ไม่จำ� เป็นต้องประหยัดกินประหยัดใช้ พวกเขาได้ยนิ เจ้า นายพูดอยูเ่ สมอว่า นางมีทรัพย์สมบัตมิ ากมาย ใช้เท่าไหร่กไ็ ม่มี วันหมด มีเหลือกินเหลือใช้ 4

���������������.indd 4

2017/4/20 15:19


แต่คุณหลี่เพื่อนบ้านของคุณนายหวัง ซึ่งอยู่บ้านติดกัน เป็นคนประหยัดอดออมมาก หวังจวินสามีของนางเป็นคนมี คุณธรรม มีระเบียบวินัยในการด�ำรงชีวิตมาก เขาสอนนางและลูกๆ ไม่ให้ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เวลากิน อาหาร ไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง กับข้าวท�ำแค่พอดี กินเพื่ออิ่ม ท้องเท่านั้น เวลากินข้าว จะต้องกินให้หมดทุกเม็ด อาหารเหลือก็ให้ เก็บไว้ประยุกต์เพื่อทานมื้อต่อไป หาวิธีป้องกันไม่ให้อาหาร เน่าเสียเป็นอันขาด เพื่อถนอมบุญวาสนาให้ตนเอง และลูก หลานต่อไปในภายหน้า นอกจากนี้คุณหลี่ แม้ฐานะธรรมดา แต่ก็มีจิตใจเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ จนชาวบ้านซาบซึ้งใจ ต่างยกย่อง ชื่นชมเรียกนางว่า “แม่พระผู้อารีย์”

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 5

���������������.indd 5

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ย้อนกลับมาพูดถึงครอบครัวของเศรษฐินหี วัง แต่ละวันๆ ผ่านไป ใช้ชีวิตเสพสุขสบาย ไม่เห็นคุณค่าของเงินทอง ไม่รู้จัก การถนอมบุญ วันๆนางมักคุยโว้โอ้อวดว่าตนเองนั้นร�่ำรวย แถมยังดูหมิ่นคนที่ฐานะต้อยต�่ำกว่า เศรษฐินีหวังมีคนรับใช้มากมาย แต่ไม่เคยสอนให้พวก เขาประหยัดเลย มีแต่บอกว่าใครมีโอกาสท�ำงานรับใช้ตระกูล หวัง ตลอดชีวิตไม่มีวันอดอยาก กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด คนรับใช้ก็เลียนแบบ ถึงเวลาท�ำอาหาร ทุกวันตอนล้าง ข้าวสาร พวกนางไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ข้าวสารจ�ำนวนมากไหลไป ตามร่องระบายน�้ำ วันแล้ววันเล่าผ่านไปเช่นนี้ แม้แต่เศรษฐินีหวังเองก็ไม่ เคยสอนลูกหลานให้รจู้ กั ถนอมบุญ ไม่รวู้ า่ ผลกรรมของการไม่ ถนอมบุญเป็นอย่างไร ใครว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่เคยรับฟัง

6

���������������.indd 6

2017/4/20 15:19


คุณนายหลีเ่ ห็นข้าวสารจ�านวนมากไหลมาตามร่องระบาย น�้า ในใจรู้สึกเสียดาย จึงกรองขึ้นมา น�ามาคัดล้างจนสะอาด แล้วตากแดดให้แห้ง บางส่วนน�ามาท�าข้าวต้มทาน ที่เหลือก็ เก็บไว้ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ผ่านมาสิบกว่าปี คุณนายเก็บข้าวสารไว้ได้หลายกระสอบทีเดียว คุณนายหลี่รู้ดีว่าชาวนาล�าบากเพียงใด หากไม่มีชาวนา ผูค้ นก็ไม่มขี า้ วกิน นางส�านึกคุณเสมอ รูว้ า่ กว่าชาวนาจะได้ขา้ ว มาแต่ละเม็ดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ท่านเหล่านั้นต้องกร�าแดด กร�าลม กร�าฝน เพือ่ ไถหว่าน หากฟ้าฝนไม่เป็นใจ ผลเก็บเกีย่ ว ไม่ดี ก็จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ชาวบ้านบางคนฐานะยากจน ไม่มที ดี่ นิ ท�ากินของตัวเอง ก็จ�าเป็นต้องไปเช่าที่ดินของผู้อื่นเพื่อปลูกข้าวกิน

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 7

���������������.indd 7

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ส่วนทางบ้าน...เศรษฐินีหวัง หารู้ไม่ว่าตนเองนั้นได้ทิ้ง บุญวาสนาไปมากมายเท่าไหร่ คุณหลีค่ ดิ ถึงเรือ่ งนีก้ ไ็ ด้แต่ทอด ถอนใจ ครั้นจะไปบอก หรือไปตักเตือน ก็เป็นที่รู้กันดีว่าไม่มี ประโยชน์อะไร เพราะคนทรนงอย่างเศรษฐินหี วัง มีหรือยอมรับ ฟังความคิดเห็นของใคร ดีไม่ดีอาจพาลไม่ชอบหน้าเอาด้วย แล้วปีหนึง่ เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึน้ ประเทศจีนเวลา นั้นประสบภัยแล้ง ข้าวยากหมากแพง ท�ำให้ครอบครัวของ เศรษฐินีหวังท�ำการค้าขาดดุล ไหนจะต้องดูแลบริวารจ�ำนวน มาก ทรัพย์สมบัติค่อยๆร่อยหรอไปทุกที เคราะห์ซ�้ำกรรมซัด สามีและลูกของเศรษฐินีหวังก็มา ป่วยตายด้วยโรคระบาด ทิง้ นางไว้เพียงล�ำพัง นางเองด้วยความ ที่ไม่เคยล�ำบาก ไม่เคยท�ำอะไรด้วยตัวเอง ทรัพย์สมบัติที่มี ค่อยๆ ลดน้อยลง ค่อยๆ ไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างให้ลูกน้อง ค่อยๆ เลิกจ้างๆ จนสุดท้าย ก็ไม่เหลืออะไร แม้แต่บ้านก็ต้องขายทิ้ง อนิจจา หรือฟ้าเล่นตลก จากเศรษฐี ใยกลับกลายเป็น ยาจก ในใจของนางมีแต่ปม โทษกล่าวฟ้า โทษกล่าวโชคชะตา กลับไม่ฉุกคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะตนเองแท้ๆ

8

���������������.indd 8

2017/4/20 15:19


เศรษฐีตกยาก ช่างน่าสงสารนัก ชีวติ พลันผกผัน ทุกอย่าง พังทลาย จากเศรษฐีตอ้ งกลายเป็นขอทาน ระเหเร่รอ่ น ค�ำ่ ทีไ่ หน นอนทีน่ นั่ เทีย่ วขอทานไปทัว่ ทุกแห่งหน เพือ่ ต่อลมหายใจของ ตัวเอง ด้วยไม่รวู้ า่ จะมีวธิ ไี หนทีด่ กี ว่านี้ เพราะตอนทีต่ นเองเป็น เศรษฐี ชีวติ ไม่เคยล�ำบาก ไม่เคยเรียนรูว้ ธิ หี ากิน ทุกอย่างสามี เป็นคนดูแลจัดการให้ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ วันหนึ่งขอทานหวัง เดินทางมาขอทานยังหมู่บ้านที่ตน อาศัยอยู่ ด้วยสภาพอิดโรย เสือ้ ผ้าปะๆขาดๆ ท้องก�ำลังหิวโหย นางเดินผ่านมาหยุดทีโ่ รงทานแห่งหนึง่ ซึง่ คุณนายหลีก่ ำ� ลังท�ำ อาหารเลี้ยงชาวบ้านยากจน คุณนายหลี่ เห็นขอทานหวังก็จ�ำได้ จึงเชิญเข้ามาข้างใน จัดแจงส�ำรับอาหารให้ทานจนอิ่มหน�ำส�ำราญ แล้วก็สั่งให้เด็ก ไปแบกข้าวสารออกมาเป็น ๑๐ กระสอบ มอบให้ขอทานหวัง ขอทานหวังทั้งดีใจทั้งแปลกใจ กล่าวขอบคุณเป็นการ ใหญ่ แล้วอดถามไม่ได้ว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนอดอยาก ไปทุกหย่อมหญ้า ท�ำไมคุณนายหลี่ถึงมีข้าวสารมากมายมอบ ให้ตนเอง ท�ำไมไม่เก็บไว้กินเองบ้าง หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 9

���������������.indd 9

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

คุณนายหลี่ตอบว่า... “ฉันคือเพื่อนบ้านของคุณไง คุณจ�ำฉันได้ไหม เมื่อก่อน บ้านของเราอยู่ติดกัน คุณไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก จริงๆแล้ว ข้าวสารเหล่านีไ้ ม่ใช่ของฉันหรอก แต่เป็นข้าวของคุณต่างหาก” แล้วคุณหลี่ก็เล่าให้ฟังว่า “หลายปีกอ่ น คุณเคยร�ำ่ รวยมาก เด็กรับใช้บา้ นของคุณ เวลาท�ำอาหาร ล้างข้าวสารไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ข้าวสารจ�ำนวน มากไหลลงร่องระบายน�้ำ ผ่านมาทางบ้านของฉันซึ่งมีร่องน�้ำ เชือ่ มต่อกับบ้านของคุณ ฉันรู้สึกเสียดาย ทุกวันจึงกรองขึ้นมา แล้วน�ำมาตากแดดเก็บไว้ กระทั่งผ่านไปหลายปี ฉันเก็บได้ หลายกระสอบ วันนีม้ โี อกาสจึงขอมอบคืนให้กบั คุณ คุณจะได้ อิ่มท้องไปหลายมื้อ ไม่ต้องล�ำบากอีก” ขอทานหวังเมื่อได้ยิน ก็น�้ำตาไหลอาบแก้ม หวนนึกถึง ภาพในอดีตที่ตนเองใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เพิ่งรู้ว่าแท้จริงตนได้ทิ้ง บุญวาสนาของตนเองไปหมดสิน้ ท�ำให้ชวี ติ ต้องตกอยูใ่ นสภาพ แบบนี้ น่าละอายใจยิ่งนัก

10

���������������.indd 10

2017/4/20 15:19


จากเรือ่ งราวชีวติ จริงของเศรษฐินหี วัง ให้แง่คดิ มากมาย ท�ำไมถึงได้หยิบยกเรือ่ งนีข้ นึ้ มา เพราะมนุษยชาติดำ� รงชีวติ อยู่ บนโลกมนุษย์ ฟ้าเบือ้ งบนประทานพืชพันธ์ธุ ญ ั ญาหารให้ มีนำ�้ มีอากาศ หล่อเลี้ยงชีวิตของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนเกิดมาในโลกนี้เพื่อพัฒนาโลก แต่มนุษย์ กลับลุ่มหลงเพลิดเพลินกับวัตถุ ติดยึดในรูปลักษณ์ ยึดติดใน ความสุขสบาย ขณะเดียวกันก็ทำ� ลายบุญวาสนาของตนเองทิง้ ไปจนแทบไม่รู้ตัว การทีม่ นุษย์ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ นัน่ หมายถึงมีบญ ุ กุศล อันถึงพร้อม ไม่ว่าจะเกิดมายากดีมีจน การได้เกิดเป็นมนุษย์ ถือว่า “มีบุญ” คนโบราณจึงสอนอยู่เสมอว่าให้เรามีจิตส�ำนึกคุณ ขอบพระคุณฟ้าดิน ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ขอบพระคุณ ทุกสิง่ ทุกอย่างในโลกนีซ้ งึ่ ฟ้าประทานให้ แม้แต่เรือ่ งราวทีป่ ระสบ พบเจอ ไม่วา่ เรือ่ งดีหรือเรือ่ งราวอันโหดร้าย ล้วนเป็นเพียงบท ทดสอบจิตใจเท่านั้น ฟ้ามีหรือจะไม่เมตตาต่อมวลมนุษยชาติ มีแต่มวลมนุษยชาติที่ขาดเมตตาต่อตนเอง... หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 11

���������������.indd 11

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

เซียนพุทธะกล่าวว่า... “แม้ชาตินี้มีชีวิตสุขสบาย อย่าได้พลั้งเผลอ จริงอยู่ที่ชาตินี้ แม้ไม่ได้ก่อกรรมหนัก ชาติก่อนใครเล่ารู้สร้างกรรมใดไว้” อยู่ในโลกมนุษย์ มนุษย์จ�ำเป็นต้อง ใช้เงิน บ้างมุ่งมั่น ท�ำงาน แลกด้วยชีวติ แลกด้วยหยาดเหงือ่ เพือ่ ให้มเี งินใช้ และ มีเงินสั่งสมเก็บไว้ในธนาคาร แต่นนั่ เป็นเพียงปัจจัยทีช่ ว่ ยประคองกายสังขารให้สามารถ ด�ำรงชีวติ อยูไ่ ด้ แต่เรือ่ งส�ำคัญซึง่ เราอาจลืมนึกถึง คือเรือ่ งชีวติ ชีวติ ปัญญาญาณ ติดอยูใ่ นวงเวียน เกิดๆตายๆ นีค่ อื เรือ่ งใหญ่ ที่สุด เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดยิ่งน่ากลัวกว่า ไม่ต้องคิดไป ไกลถึงชาติหน้าว่าจะเป็นอย่างไร แค่ให้คิดถึงว่าในชาตินี้รู้จัก ถนอมบุญของตนเองบ้างหรือไม่ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างไร เสพสุขสบาย อีกทั้งฟุ่มเฟือยใช่ หรือไม่ มีไหมจิตส�ำนึกพระคุณฟ้า ไม่ใช่ชีวิตผ่านไปวันๆอย่าง ไร้คุณค่า รู้ถนอมบุญ สั่งสมกุศล ไว้ยัง “ธนาคารฟ้า”

12

���������������.indd 12

2017/4/20 15:19


ข้างต้นเมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร ผู้เขียนย้อนนึกถึงคุณแม่ ท่านหนึ่ง ชาวไต้หวัน อายุประมาณ 70 กว่าปี ท่านเล่าให้ฟังว่า ในสมัยไต้หวันถูกญีป่ นุ่ ยึดครอง เวลานัน้ ชาวบ้านตาด�ำๆ ไม่มี ข้าวกิน ปลูกข้าวได้กถ็ กู รัฐบาลญีป่ นุ่ ยึดหมด ไม่ใช่คนรวยจริงๆ ไม่มขี า้ วกิน คนทีม่ ขี า้ วกิน ก็ไม่มกี บั ข้าว ชาวบ้านส่วนใหญ่ตอ้ ง กินหัวมันเทศ เพือ่ ประทังชีวติ สภาพเหตุการณ์แบบนัน้ ใครไม่ เจอก็สัมผัสไม่ได้ว่าทุกข์ทรมานแค่ไหน ผูเ้ ขียนนึกถึงตนเองทีบ่ อ่ ยครัง้ นิสยั ไม่ดี หากเป็นอาหาร ที่ไม่ชอบ ก็จะไม่กินเลย พี่ที่อยู่ด้วยกันเป็นคนไต้หวัน ถึงเวลา เดินทาง ไม่ว่านั่งรถไปไหน ถ้าเจอหัวมันย่าง ก็จะรีบซื้อทันที ในขณะที่ผู้เขียนก็ท�ำหน้าไม่ชอบ แล้ววันหนึง่ เมือ่ ได้ยนิ คุณแม่ทา่ นนีเ้ ล่าถึงชีวติ หลังสงคราม ทีต่ อ้ งกินมันเทศแทนข้าว ผูเ้ ขียนเลยลองชิมหัวมันย่างดู พอได้ กินค�ำหนึ่งก็ติดใจมาก

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 13

���������������.indd 13

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ต่อมาด้วยความที่มีโอกาสได้ศึกษาธรรมะ ถึงมีความ เข้าใจว่าท�ำไมคนสมัยก่อนถึงประหยัดมากๆ คุณยายของผู้เขียนพูดให้ฟังตลอดว่า “หลานอย่าว่าย่า ของหลานขี้งกเลย ที่ท�ำแบบนี้ ก็เพื่อรักษาบุญไว้ให้ลูกหลาน” ผู้เขียนจ�ำได้ว่าในวัยเด็ก คุณพ่อจะเรียกลูกๆทุกคนให้ มาทานอาหารพร้อมหน้ากัน ก่อนทานคุณย่าจะสอนลูกหลาน ให้ยกมือพนม ส�ำรวมจิตขอบคุณฟ้าดินที่ประทานพืชพันธุ์ ธัญญาหาร และขอบคุณ “พระแม่โพสพ” ท่านเล่าให้พวกเรา ฟังว่า...พระแม่โพสพเป็นเทวีแห่งรวงข้าว มีบุญคุณต่อมนุษย์ ช่วยรักษารวงข้าวให้มนุษย์ นอกจากนี้จะต้องขอบคุณชาวนา และขอบคุณบุพการีด้วย คุณย่าสอนว่า เวลารับประทานอาหาร เวลาตักข้าวใส่ จาน ควรระมัดระวังไม่ให้ข้าวร่วงตกพื้นหรือหล่นหายไปแม้ เพียงเม็ดเดียว แม้แต่ข้าวก้นหม้อจะต้องกวาดให้เกลี้ยง หาก ข้าวติดหม้อก็ขูดออกมา หรือเอาน�้ำใส่ให้นิ่ม แล้วเอามากิน ให้หมด ไม่ให้ท้ิงเป็นอันขาด แม้แต่ข้าวทุกเม็ดในจานก็เช่น เดียวกัน จะต้องกินให้หมดทุกเม็ด ต้องไม่เคีย้ วอาหารเสียงดัง

14

���������������.indd 14

2017/4/20 15:19


คุณย่าท่านอธิบายว่า... “การกินทิ้งกินขว้าง เป็นการท�าลายบุญวาสนา หากกิน ข้าวไม่หมดทุกเม็ด ไม่กนิ ให้เกลีย้ งจาน หรือท�าเม็ดข้าวร่วงตก หายไป เป็นการไม่เคารพฟ้าดิน ไม่เคารพพระแม่โพสพ อีกทั้ง ไม่มจี ติ ส�านึกคุณต่อความเหนือ่ ยยากของชาวนา เช่นนีแ้ ล้วจะ เป็นการท�าลายบุญวาสนาของตนเอง อีกทัง้ ไม่เหลือบุญวาสนา ให้ลูกหลานหรือชนรุ่นหลัง ชีวิตจะไม่เจริญก้าวหน้า” หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ยกมือพนมน้อม จิตส�านึกขอบคุณอีกครัง้ ด้วยความส�ารวม คุณย่าท่านเข้มงวด เรื่องนี้มาก

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 15

���������������.indd 15

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ในอาณาจักรธรรม ก็มีค�ำแสดงจิตส�ำนึกขอบคุณดังนี้ 感謝天恩師德,感謝天地君親師 謝謝灶君,謝謝廚師。

กั่น เซี่ย เทียน เอิน ซือ เต๋อ, กั่น เซี่ยน เทียน ตี้ จวิน ชิน ซือ เซี่ย เซี่ย เจ้า จวิน, เซี่ย เซี่ย ฉู ซือ หมายถึง... ขอส�ำนึกขอบพระคุณในพระมหากรุณาธิคณ ุ ฟ้าเบือ้ งบน บารมีคุณอาจารย์, ขอบพระคุณฟ้าดิน ขอบพระคุณบุพการี ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ขอบพระคุณเทพเจ้าเตาไฟ และ ขอบพระคุณพ่อครัวแม่ครัว ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ไม่ใช่เป็นเพียงค�ำสอนของคุณย่า ผู้เขียน หรือค�ำสอนในอาณาจักรธรรมเท่านั้น แต่นี่คือค�ำสอน ของเซียนพุทธะ ค�ำสอนของคนโบราณ ค�ำสอนของบรรพบุรุษ มนุษย์ทสี่ บื ทอดต่อกันมายาวนาน เราทุกคนควรยึดถือปฏิบตั ิ สืบสานไว้ให้คงอยู่ตลอดไป

16

���������������.indd 16

2017/4/20 15:19


คนสมัยปัจจุบันมีความเชื่อแบบแปลกๆ ที่ผู้เขียนกล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการดูถูก เพียงแต่ขอ อนุญาตหยิบยกเหตุผลเพื่อทุกท่านโปรดพิจารณาเท่านั้น ที่ว่าคนสมัยนี้มีความเชื่อแปลก เพราะจากการบรรยาย ธรรม เวลาถามญาติธรรมใหม่ หรือเวลาไปทานอาหารข้างนอก ผู้เขียนมักได้ยินเสมอว่า... “เวลารับประทานอาหาร ห้ามกินจนเกลี้ยงจานเป็นอัน ขาด จะต้องเหลือไว้สักค�ำสองค�ำ” ผู้เขียนเลยถามว่าเพราะเหตุผลอะไร... พวกเขามักจะอธิบายด้วยค�ำพูดใกล้เคียงกันว่า... “การกินข้าวจนเกลี้ยงจาน จะถูกหาว่าเป็นคนขี้เหนียว ตายอดตายอยากมาจากไหน ต้องเหลืออาหารติดจานไว้สักสองสามค�ำ ต่อไปชีวิตจะ ได้มีของเหลือกินเหลือใช้”

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 17

���������������.indd 17

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

คนจีนบางคนบอกว่า กินข้าวเหลือไม่เป็นไร แต่กับข้าว ต้องกินให้หมด กับหายากกว่าข้าว คนไทยสมัยนี้ บอกว่า กับข้าวกินเหลือก็น�ำไปเททิ้งได้ ไม่เป็นไร แต่ข้าวต้องกินให้หมด เพราะข้าวหายากกว่ากับ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น คนปัจจุบันนี้เข้าใจค�ำสอนของ คนโบราณคลาดเคลื่อน และสอนแบบผิดๆต่อๆกันไป ท่านรู้หรือไม่ว่าการกินทิ้งกินขว้าง ไม่ว่า “ข้าว” หรือ “กับข้าว” เป็นการทิ้งบุญวาสนา ล้วนส่งผลไม่ดีต่อชะตาชีวิต เพราะพฤติกรรมที่ฟุ่มเฟือย ไม่ถนอมบุญ คือการไม่ เคารพฟ้าดิน ไม่เคารพสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ไม่เคารพต่อพระแม่โพสพ ไม่เคารพต่อเทพเจ้าเตาไฟ ไม่เคารพพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เป็นการตัดทอนบุญวาสนาของตัวท่านเอง ควรหรือไม่ทเี่ ราทุก คนจะร่วมกันปรับปรุงแก้ไข และเป็นแบบอย่างที่ดี สืบสานค�ำ สอนที่ถูกต้องดีงามของพระอริยเจ้าและบรรพบุรุษแต่โบราณ

18

���������������.indd 18

2017/4/20 15:19


灶君慈悲矚語

โอวาทเทพเจ้ า เตาไฟ ว่ า ด้ ว ยการถนอมบุ ญ

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 19

���������������.indd 19

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

การถือศีลกินเจคือ “การถนอมบุญ” เราไม่ได้ชี้น�ำว่าทุกคนจะต้องกินเจ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่อง การตัดสินใจส่วนตัวของแต่ละคน เราเพียงแต่หยิบยกเหตุผล เพื่อท่านทั้งหลายพิจารณา “การถือศีลกินเจ จิตรักเมตตาต่อสรรพชีวติ ล้วนเป็นการ สร้างบุญวาสนาให้ตนเอง ท�ำให้ตนเองสุขภาพแข็งแรง ชีวิตมี ความสุขราบรื่น เป็นการตัดกรรม และเพิ่มอายุขัยให้ตนเอง ดังค�ำกล่าวว่า “อายุมั่นขวัญยืน”ทุกคนต่างก็ปรารถนา ทุกคนเกิดมาในโลกนี้ ล้วนได้รับพระมหาการุณาธิคุณ จากฟ้าเบื้องบน หรือจากพระเจ้าผู้สร้างโลกใบนี้ อีกทั้งเป็นผู้ ให้ก�ำเนิดจิตญาณของสรรพสัตว์

20

���������������.indd 20

2017/4/20 15:19


ผู้ให้ก�ำเนิดจิตญาณของมนุษย์ แท้จริงมีเพียงหนึ่งเดียว เพียงแต่ละศาสนามีความเชื่อ และเรียกพระนามของพระองค์ แตกต่างกัน เช่นในวงการอนุตตรธรรม เรียกนามพระองค์ว่า “พระอนุตตรธรรมเจ้า” หมายถึง ผู้ประทานหนทางล่วงพ้น โปรดให้มีการถ่ายทอดวิถีแห่งจิต เพื่อให้มนุษยชาติได้มีโอกาสค้นพบหนทางล่วงพ้นจากวัฏฏะ เกิดตาย เช่นเดียวกับเซียน พุทธะ โพธิสัตว์ทั้งหลาย นอกจากนีม้ นุษย์ทกุ คนยังได้รบั ความคุม้ ครองจากมวล พระพุทธะ โพธิสัตว์ อีกทั้งเทพเซียนทั้งหลาย ชีวิตของมนุษย์ จึงโชคดีกว่าสัตว์เดรัจฉานที่ต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มีพื้นฐานคุณธรรมอันดีงาม ติดตัวมาแต่ก่อนก�ำเนิด ดังนั้นเมื่อตนเองได้รับหนทางสว่าง จึงควรละบาปบ�ำเพ็ญบุญ ช่วยเหลือตนเองแล้ว ก็ควรช่วยเหลือ ผู้อื่นด้วย ช่วยให้ผู้อื่นได้ค้นพบชีวิตแห่งปัญญาญาณ และ รอดพ้นจากทะเลทุกข์อย่างแท้จริง

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 21

���������������.indd 21

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ผู้ที่มีจิตใจดีงาม มีความเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักใช้ ชีวิตอย่างมีคุณค่า ถนอมคุณค่าทุกสิ่งที่ฟ้าเบื้องบนประทาน ไว้ให้มนุษย์ บุคคลผู้นั้นได้สั่งสมบุญให้ตนเองและลูกหลาน ชะตาชีวิตของมนุษย์มีทั้งดีและร้าย ทุกเรื่องราว ทุก เหตุการณ์ที่ประสบพบเจอ ล้วนเกิดจากตนเองสร้างไว้ทั้งนั้น ไม่ใช่ฟ้าเบื้องบนหรือเทพผีวิญญาณจะช่วยดลบันดาลให้ได้ ทุกอย่างล้วนมีเหตุต้นผลกรรม ดังมีค�ำกล่าวว่า “สร้างกรรมดีย่อมได้รับผลดีตอบสนอง สร้างกรรมชั่ว ย่อมได้รับกรรมชั่วตอบสนอง” เหตุผลนี้ ไม่ผิดแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น ท่านอยู่ในโลกมนุษย์ บางทีเวลาที่ท่าน ขายสินค้า อาจคิดเงินผิด แต่กค็ ดิ ใหม่ได้ หรือคืนของให้เขาไป ชดใช้หนีค้ นื ได้ แต่ “เหตุตน้ ผลกรรม” ทุกอย่างก�ำหนดแม่นย�ำ ไม่มกี ารคิดค�ำนวนผิดพลาดแน่ ไม่มอี ะไรรอดพ้นตาข่ายฟ้าได้

22

���������������.indd 22

2017/4/20 15:19


ดังนั้นเมธีทั้งหลาย ควรคิดพิจารณาให้ชัดเจนถ้วนถี่ว่า ควรใช้ชีวิตของตนอย่างไร ด�ำรงชีวิตอย่างไร ให้คุ้มค่าที่เราได้ เกิดมาเป็นคนในชาตินี้ ควรเตือนตนเองเสมอว่า ท�ำเรื่องใดก็แล้วแต่ จะต้องไม่ ผิดต่อมโนธรรมส�ำนึกเป็นอันขาด อย่าให้จิตเดิมลุ่มหลงไป อย่าให้พุทธธรรมญาณต้องแปดเปื้อนมัวหมอง มิฉะนั้นน่า เสียดายยิ่งนัก พูดถึงว่าจะถนอมบุญของตนอย่างไร วิธีไหนเรียกว่า ถนอมบุญ จะขอชีแ้ จงพอสังเขป เพือ่ ให้เกิดความเข้าใจชัดเจน ประการแรก คือ ผูบ้ ำ� เพ็ญจริงปฏิบตั แิ ท้ จะไม่พดู ถึงเรือ่ ง อิทธิฤทธิบ์ ญ ุ ญา อภินหิ าร แต่จะต้องเริม่ ต้นปฏิบตั จิ ากพืน้ ฐาน คือ มีความภักดีซอื่ สัตย์ ยึดมัน่ เกียรติศกั ดิศ์ รี ยึดมัน่ มโนธรรม และคุณธรรม

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 23

���������������.indd 23

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ประการต่อมา...

“การไม่กินเนื้อเวไนย” คือการถนอมบุญ เมื่อพูดถึงเรื่องถือศีลกินเจ หัวใจส�ำคัญที่สุดคืออะไร? ทุกวันนี้ที่กินอาหารต่างๆ ลงไปคือ “ปาก”นี้ เวลาพูดอะไรออกไปก็ “ปากนี้” ดังมีค�ำกล่าวว่า... “โรคภัยเข้าทางปาก เคราะห์ภัยก็ออกทางปาก” ทุกคนล้วนปรารถนามีสุขภาพแข็งแรง อยากอายุยืน อยากมีชวี ติ อิสระเสรี ดังนัน้ ก็อย่าตามใจตนเองจนเกินไป อย่า ได้กินตามความอยากของปาก แต่ต้องกินอาหารด้วยปัญญา ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องของการดื่ม การกิน ก็เพื่อ ประทังชีวิตเท่านั้น หากจิตโลภ กินดื่มตามกิเลสความอยาก ของปาก สิ่งที่กินเข้าไป จะกลับกลายเป็นภาระให้ร่างกายต้อง แบกรับหนัก ซึ่งนั่นหมายถึง “ได้ไม่คุ้มเสีย”

24

���������������.indd 24

2017/4/20 15:19


การส�ำรวมวาจา...

พูดในสิ่งที่สอดคล้องครรลองธรรม คือ...การถนอมบุญวาสนา ปากของคนเรา นอกจากกินดื่มแล้ว เวลาปากพูดอะไร ออกไป ก็เพื่อแสดงความคิดเห็นระหว่างกัน พูดเพื่อสื่อสาร ท�ำความเข้าใจต่อกัน หากปากของคนเราชอบพูดเรือ่ งไร้สาระ ไปยุง่ วุน่ วายกับ ชีวติ คนอืน่ มากไป อีกทัง้ ชอบนินทาวิจารณ์เรือ่ งราวถูกผิดของ คนอืน่ พูดในเรือ่ งทีไ่ ม่ควรพูด นีค่ อื “การท�ำบาป” และเท่ากับ เป็นการท�ำลายบุญของตนเอง ดังนั้น “ได้ไม่คุ้มเสีย”

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 25

���������������.indd 25

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

พูดถึงการส�ำเร็จเซียนพุทธะ

การส�ำเร็จเป็นเซียนพุทธะได้นนั้ ไม่ได้หมายความว่าต้อง สิ้นใจตายไปก่อน จึงสามารถเป็นเซียนพุทธะได้ พระพุทธะกล่าวว่าขอเพียงทุกคนมีจิตเมตตา มีน�้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ท�ำอะไรคิดถึงผู้อื่น เอื้อเฟื้อการุณย์ คลีค่ ลายความทุกข์รอ้ นให้ผคู้ น เวลาทีพ่ วกเขารูส้ กึ เคว้งคว้าง หาทางออกไม่เจอ ก็ช่วยกันน�ำพา เพื่อให้เขาได้มีโอกาสก้าว เดินสู่เส้นทางสว่าง เช่นนี้แล้วผู้คนทั้งหลายก็จะซาบซึ้งใจใน ตัวท่าน รู้สึกขอบคุณท่าน มีจิตเมตตาต่อสรรพสัตว์...ยกตัวอย่างเช่น...เวลาท่าน เห็นแมว เห็นสุนัขตกน�้ำ ท่านทนเห็นพวกมันส่งเสียงร้องได้ หรือ? ทนเห็นพวกมันจมน�้ำตายได้หรือ? ดังนั้นเมื่อท่านช่วย ชีวติ พวกมันขึน้ มาจากน�ำ้ พวกมันก็จะรูส้ กึ ซาบซึง้ ใจในตัวท่าน รู้สึกขอบคุณท่านมาก

26

���������������.indd 26

2017/4/20 15:19


มนุษย์มีจิตมโนธรรมส�ำนึกอันดีงามเป็นพื้นฐานเดิม สัตว์ทั้งหลายแม้จะพูดไม่ได้ แต่ก็มีจิตส�ำนึกคุณ การไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็เป็นการถนอมบุญเช่นกัน เราขอกล่าวกับท่านทั้งหลาย อย่าได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตต่อ ไปอีกเลย อย่าได้ฆ่าไก่ ฆ่าเป็ด ฆ่าปลา ฆ่าหมู ฯลฯ ...การไม่ฆ่า คือการตัดกรรม... ท่านจงปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอดเถิด อย่าไปเข่นฆ่า ท�ำร้ายพวกมันเลย ลดละความอยาก เลิกกินเนือ้ ของสรรพสัตว์ จึงไม่ผิดศีลห้า ว่าด้วยเรื่องของการ “ฆ่า” การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมย ลุ่มหลงในกาม เพ้อฝัน ดื่ม สุรา”ล้วนอยู่ในศีลห้า ผู้ที่ยึดมั่นในศีลห้า เคร่งครัด รักษาปฏิบัติไม่ขาดตก บกพร่อง คนผู้นั้นจะมีบุญวาสนา อีกทั้งปัญญาเพิ่มพูน มนุษย์หากรักษาศีลห้าเคร่งครัดสมบูรณ์ ก็สามารถล่วง พ้นจากความเป็นปุถุชน ส�ำเร็จสู่สภาวะแห่งเซียนพุทธะได้ หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 27

���������������.indd 27

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

จิตเมตตา คือ “การถนอมบุญ”

พูดถึงความเมตตา จะต้องเมตตาด้วยความเสมอภาค เท่าเทียม มิใช่มีจิตใจเมตตาต่อสัตว์เท่านั้น แต่จะต้องมีจิตใจ เมตตาต่อทุกคน รวมทัง้ คนในครอบครัวก็เช่นเดียวกัน จะต้อง มีจิตเมตตาต่อเขา ไม่ใช่พอเห็นผู้ปฏิบัติธรรม เห็นพระ หรือ เห็นนักธรรมอาวุโส ก็รีบโค้งกาย ทักทายท�ำความเคารพทันที แต่พอเจอหน้าบุพการีของตน กลับท�ำสีหน้าบูดบึ้งใส่ ต่อพี่น้อง ควรปรองดองรักใคร่กัน ต่อลูกหลานของตน ก็อย่าเอาแต่ดดุ า่ ทุบตีเขาทุกคนล้วนมีเหตุแห่งบุญปัจจัยสัมพันธ์ จึงมาเกิดเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เกิดเป็นพีน่ อ้ ง เป็นบุตร หลานของท่าน จึงควรมีจติ ใจเมตตาต่อเขา สอนเขาด้วยเหตุผล อันว่าจิตแห่งความเมตตาทีก่ ล่าวมานี้ หมายถึงทุกขณะ เวลาพึงส�ำแดงออกมาให้ปรากฏเสมอ ไม่ใช่มจี ติ เมตตาเฉพาะ อยูท่ สี่ ถานธรรม อยูว่ ดั วาอารามหรือสถานทีป่ ฏิบตั ธิ รรมเท่านัน้

28

���������������.indd 28

2017/4/20 15:19


รักเมตตาต่อเวไนย คือ “การถนอมบุญ”

พูดถึงเวไนยนั้นมีหลากหลาย มีทั้งคนผมด�ำ คนผมขาว บางคนผิวด�ำ บางคนผิวขาว แม้ลักษณะภายนอกแตกต่างกัน แต่ควรเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน เวไนยทัง้ หลาย นอกจากมนุษย์แล้ว ยังรวมถึงสรรพสัตว์ ทุกประเภทด้วย เหตุทมี่ วลเวไนยมีลกั ษณะแตกต่างกันออกไป นัน่ เพราะ แต่ละคนมีเหตุต้นผลกรรมซึ่งสร้างมาไม่เหมือนกัน บ้างก็ได้ เกิดกายมาเป็นมนุษย์ บางก็เกิดกายเป็นเดรัจฉาน ทั้งหมด ล้วนมีเหตุปัจจัยที่ตนเองนั้นสร้างไว้

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 29

���������������.indd 29

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

เกิดเป็นสัตว์ พวกเขาก็ทุกข์พออยู่แล้ว

ที่เขาต้องเกิดเป็นสัตว์ ก็เพราะในอดีตกระท�ำความผิด ต่อครรลองฟ้า ผิดต่อครรลองศีลธรรมจรรยา จิตญาณจึงต้อง ตกสู่เดรัจฉานภูมิ หากท่านไปฆ่าเขา กินเนือ้ ของเขา นัน่ หมายถึงท่านก�ำลัง สร้างกรรม เกีย่ วกรรมกับเขาไว้ ต่อไปในภายหน้า จิตญาณของ ท่านก็จะต้องตกสูส่ ภาวะเดียวกันกับเขา ได้รบั ความทุกข์ทรมาน จากผลกรรมสนองที่ตัวท่านเองสร้างไวั มวลเวไนย จิตญาณเดิมล้วนมาจากรากฐานต้นก�ำเนิด เดียวกัน แม้รา่ งกายของสัตว์ทงั้ หลายอาจแตกต่างกับพวกเรา ภาษาของพวกมัน เราล้วนฟังไม่เข้าใจ แต่จติ ญาณนีเ้ หมือนกัน เมื่อท่านกินเนื้อของเขา นั่นก็เท่ากับไปผูกกรรมกับเขา ดั้งนั้นชีวิตแต่ละคนจึงเกิดมาแตกต่างกัน ในชาติถัดไปเมื่อถึง เวลาต้องชดใช้หนี้กรรม ท่านเองก็อาจจะต้องกลายเป็นผู้ที่ถูก เขากินเนื้อเช่นเดียวกัน

30

���������������.indd 30

2017/4/20 15:19


เวลาที่เหตุต้นผลกรรมตอบสนอง

เมื่อชีวิตต้องประสบพบเจอเรื่องต่างๆ ที่ใจไม่ปรารถนา ขอท่านอย่าได้คับแค้นโทษกล่าว ทุกสิ่งทุกอย่างตนสร้างเอง ก็ต้องแบกรับเอง คนที่ได้รับแต่ผลสนองของกรรมดี ก็อย่าได้ล�ำพองตน จะต้องส�ำรวมระมัดระวัง เมือ่ ชีวติ ตนเองมีบญ ุ วาสนา ยิง่ ควรรูจ้ กั ถนอมบุญวาสนา ของตนให้มากขึ้น สร้างบุญวาสนาให้มากยิ่งขึ้น รักษารากบุญ ของตนเองอย่าให้ขาดสะบัน้ ลง ทุกขณะเวลาส�ำรวมตน ส�ำรวม กายวาจาใจ ด�ำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท อย่ามัวหลงเพลิดเพลิน เสพสุขไปวันๆ จนบุญวาสนา หมดสิ้นไป มิฉะนั้นต่อไปภายหน้า เมื่อจิตญาณต้องเพนจร เวียนว่ายตายเกิด ท่านจะน่าสงสารมาก

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 31

���������������.indd 31

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ผู้บ�ำเพ็ญปฏิบัติธรรม ควรศึกษาเรียนรู้และเจริญรอย ตามแบบอย่างอันดีงามของเซียนพุทธะ โพธิสัตว์ ประการส�ำคัญอันดับแรก คือ จะต้องตัดกรรมกับเวไนย หากท่านไม่กินเนื้อของเขา ก็ไม่ต้องเกี่ยวกรรมกับเขา ไม่มีอกุศลกรรมข้อนี้ เมือ่ ท่านทัง้ หลายไม่ฆา่ สัตว์ตดั ชีวติ ฟ้าเบือ้ งบนก็จะคอย คุ้มครองท่านอยู่เสมอ กระแสพลังแห่งความเมตตาจิตจะ คุ้มครองตัวท่าน หากท่านมีนิสัยโหดร้าย เห็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยก็บี้บีบ เขาให้ตาย ฆ่าเขาให้ตาย กระแสแห่งความชั่วร้ายปกคลุมกาย แม้เซียนพุทธะก็มอิ าจคุม้ ครองได้ คนทีเ่ ป็นแบบนีต้ อ่ ไปจะถูก โรคภัยรุมเร้า อีกทั้งอาจต้องเผชิญกับภัยพิบัติมากมาย ดังนั้น ทุกคนควรระมัดระวังให้มากขึน้ เช่นเวลาเห็นมด เห็นแมลงสาบ ยุง ฯลฯ จะต้องปล่อยเขาไป เหลือหนทางให้เขาได้มีชีวิตรอด แก้ไขปัญหา โดยจัดระเบียบสภาพแวดล้อมให้ดี ทุกขณะ จิตมีแต่ความคิดดีงาม ความคิดของคนเราดัง่ กระแสคลืน่ เสียง ไฟฟ้า สัมผัสได้ถงึ สิง่ เหล่านี้ ขอเพียงทุกขณะจิตมีความเมตตา มีจิตใจอันดีงาม สัตว์ทั้งหลายก็ไม่กล้ามารบกวนท่าน

32

���������������.indd 32

2017/4/20 15:19


ทุกขณะย้อนมองส่องตน คิดพิจารณาให้ดี จัดแจงท�ำความ สะอาดสภาพแวดล้อมให้ดี จัดแจงปฏิรปู สภาวะจิตใจของตนเอง ให้ดี อย่าได้มีจิตใจที่คิดว่า “ถ้าเขาไม่มา ฉันก็ไม่ฆ่าเขา ถ้าเขา ไม่กัดฉัน ฉันก็ไม่ตบเขา ถ้าเขาไม่มาเดินเพ่นพ่านในบริเวณ บ้านของฉัน ฉันก็ไม่โยนก้อนหินใส่เขา” ต่อให้พวกเขาจู่โจมท�ำผิดต่อท่าน แต่ท่านก็ควรเปิดใจ ให้กว้างหน่อย พยายามเหลือเส้นทางให้พวกเขาได้มชี ีวติ รอด การทีท่ า่ นมอบเส้นทางรอดให้พวกเขา ก็เท่ากับท่านหลงเหลือ เส้นทางรอดให้กับตัวท่านเอง คนที่ปฏิบัติดีต่อผู้อ่ืน ปฏิบัติดีต่อเวไนย ฟ้าเบื้องบนก็ จะเมตตากับผู้นั้น เวลาเจอภัยพิบัติ ฟ้าจะหนุนส่งแปรร้ายให้ กลายเป็นดี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตนเองด้วย ในยามปกติจะต้อง ทุม่ เทฝีมอื ในการบ�ำเพ็ญปฏิบตั บิ ม่ เพาะคุณธรรมบารมีตนเอง ทุกคนต่างฟังหลักธรรมมามากมาย แต่การปฏิบัติยัง เข้าไม่ถึงแก่น ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก โดยเฉพาะคนที่บำ� เพ็ญ ธรรมมานานหลายปี ควรระวังส�ำรวมตนทั้งกายวาจาใจ หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 33

���������������.indd 33

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

บางคนมีขัอโต้แย้ง ถามว่า หาก ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วจะ ให้กินอะไร? ฟ้าเบือ้ งบนประทานพืชพันธุธ์ ญ ั ญาหารให้มนุษย์มากมาย ในโลกนี้มีคนมากมายที่ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่สามารถด�ำรงชีวิต อยู่ได้ บางคนอายุร้อยกว่าปี สุขภาพก็ยังแข็งแรง ผิวพรรณ ผ่องใส พวกผักสดผลไม้ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง มีพลังชีวิต กระชุ่มกระชวย เกี่ยวกับเรื่องนี้มีข้อมูลให้ท่านศึกษามากมาย ผักสดผลไม้ควรกินอย่างไร? ตรงนี้ เราจะขอเสนอความเห็นกับทุกคน “พวกเรากิน ผักสัก ๑ ส่วน กิลผลไม้สัก ๑ ส่วน” เวลานีม้ นุษย์มอี าหารกินอุดมสมบูรณ์ กินผลไม้แทนข้าว การกินเยอะ ไม่แน่ว่าจะถูกต้อง หรือเป็นผลดีเสมอไป อย่างเช่นกินแตงโม กินเนื้อแดงๆหมดแล้ว เนื้อส่วนสี ขาวอีกชั้นกินให้เยอะหน่อย สีเขียวใกล้เปลือกผิวไม่ต้องกิน อย่างเช่นเวลากินส้ม เปลือกผิวให้ปอกทิ้ง เนื้อชั้นกลาง สีขาวมีประโยชน์มาก อย่าทิ้งไป

34

���������������.indd 34

2017/4/20 15:19


พูดถึงเรื่องกินอาหาร ยามปกติทุกคนต่างก็อยากกินของดีๆ เวลาอยากกิน อะไรก็ตาม ควรใช้ปัญญาธรรม พิจารณาดูว่าต่อไปนี้อะไรไม่ ควรกิน อะไรที่ไม่ควรไปแตะต้องอีก อะไรควรกิน อะไรไม่ควรกิน อย่าเป็นเพราะต้องการรักษา สุขภาพของตัวเอง ถึงกับปล่อยให้ความโลภอยาก ครอบง�ำ จิตใจ จึงต้องส�ำรวมระวังอยู่เสมอ ความโลภโกรธหลง คือ “พิษร้ายแรง ๓ ชนิด “ความโลภ” คือหนึ่งในพิษร้าย หากกินอะไรตามความโลภอยากของปาก เท่ากับกินพิษ ร้ายเข้าไปในร่างกาย สุขภาพจะแข็งแรงได้อย่างไร

หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 35

���������������.indd 35

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

เวลาจะกินอะไร ควรนึกถึงผูอ้ นื่ ด้วยว่าเขามีอะไรกินไหม อย่าคิดถึงแต่ความอิ่มท้องของตนเอง เพียงท่านมีจิตใจอันเปี่ยมด้วยความรักเมตตา แม้กิน ของเพียงแค่เล็กน้อย ก็ท�ำให้ท่านสุขภาพแข็งแรงได้ หากท่านไม่มจี ติ ใจทีร่ กั เมตตา กลับมีแต่ความโลภอยาก สิ่งทีท่ า่ นนัน้ กินเข้าไปนัน้ แม้จะมีแต่ของดีๆ ไม่แน่วา่ จะ ช่วยให้ท่านนั้นแข็งแรงได้ หลักเหตุผลต่างๆ ควรคิดพิจารณาให้ชัดเจน ใช้ปัญญา แยกแยะ จากนั้นไปลงมือปฏิบัติให้ปรากฏเป็นจริง พระอริยเจ้ากล่าวว่า... “รู้แต่ไม่ปฏิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อันใด” ดังนั้นควร ศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจ แล้วไปลงมือปฏิบัติให้ปรากฏเป็นจริง องค์ประกอบให้สขุ ภาพแข็งแรง นอกจากอาหารทีก่ นิ ลง ไปแล้ว ยังรวมถึงสภาพแวดล้อม สภาวะอารมณ์ สภาวะจิตใจ ด้วย ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งนั้น จึงต้องหาวิธีปรับให้ สมดุล จึงจะมีสุขภาพแข็งแรงอย่างแท้จริง

36

���������������.indd 36

2017/4/20 15:19


รับประทานอาหารด้วยจิตส�ำนึกคุณ คือการ “ถนอมบุญ”

ในโลกนี้มีหลายคน มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข แต่ในอีกซีก โลกหนึ่งไม่มีแม้แต่ข้าวเปล่ารับประทาน จะดื่มน�้ำสักหยดยัง ยากเลย มีชีวิตดั่งตกนรกทั้งเป็น คนเราจึงควรมีจิตส�ำนึกคุณอยู่เสมอ เวลาที่รับประทาน อาหาร ควรรับประทานด้วยจิตส�ำนึกคุณ จิตส�ำรวม อย่ากิน ด้วยใบหน้าบูดบึง้ ควรคิดว่ามีอาหารกินก็ดแี ล้ว มีให้กนิ ก็ควร ขอบพระคุณฟ้าแล้ว ท่านอย่ากินไปบ่นไป ติไป นี่ไม่ถูกปาก นั่นไม่ถูกปาก นี่ฉันไม่ชอบ นั่นฉันก็ไม่ชอบ ควรคิดถึงว่าโลกนี้มีคนมากมายเท่าไหร่ที่ไม่มีโอกาส กินดีอย่างพวกเรา แต่พวกเราน่ะหรือ พออาหารไม่ถกู ใจหน่อย ก็ไม่กิน บ้างก็กินทิ้งกินขว้าง ท�ำไมเทพเจ้าเตาไฟถึงได้ตักเตือนชี้แนะเรื่องการกิน เพราะนี่เป็นเรื่องส�ำคัญของการถนอมบุญวาสนาเช่นเดียวกัน หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 37

���������������.indd 37

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

ผู้ที่ตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะกินเจตลอดชีวิต ควรตระหนัก อยู่เสมอว่า สัตย์ปฏิญาณที่ตั้งไปนั้น ไม่มีใครบังคับ แต่เกิด จากจิตศรัทธาของตนเอง แต่ต้องรู้ว่าหัวใจส�ำคัญ ไม่ใช่เพียง แค่เรื่องกินเจเท่านั้น ภาษาจีน ค�ำว่า 清口 (ชิงโข่ว) อักษรค�ำว่า 『清』(ชิง) หมายถึง “สะอาด บริสุทธิ์” จิตใจต้องใสสะอาด มีความวิสุทธิ์สงบ อักษรค�ำว่า『口』(โข่ว) หมายถึง “ปาก” ปากของเรา จะต้องไม่สร้าง “วจีกรรม ดังนั้น การชิงโข่ว “ตั้งสัตย์ปฏิญาณทานเจ” นั่นหมายถึง กายวาจาใจจะต้องให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วย และมีความวิสทุ ธิส์ งบด้วย เรือ่ งทีไ่ ม่ดอี ย่าไปท�ำ ความคิดอ่าน ที่ไม่ดีอย่าให้บังเกิด คนทีช่ อบต่อว่าผูค้ น พูดจาไร้สาระ นินทาวิพากษ์วจิ ารณ์ ผู้อื่น ท�ำลายความสุขสงบของผู้อื่น ท�ำให้ผู้คนเข้าใจผิดกัน โกรธแค้นกัน บุคคลประเภทนี้ฟ้าเบื้องบนชิงชังที่สุด ผู้คนทั้ง หลายก็รังเกียจคนแบบนี้

38

���������������.indd 38

2017/4/20 15:19


คนที่ชอบพูดจาคุยโวโอ้อวด ชอบพูดประจบสอพลอ พูดจาไม่เป็นจริง พลิกด�ำเป็นขาว พลิกขาวเป็นด�ำ เดิมทีไม่มี อะไร ก็พูดจนเกิดเรื่อง บุคคลประเภทนี้แม้แต่เทพเทวาหรือ วิญญาณผีก็รังเกียจเดียดฉันท์ “หนึ่งวจีอันดีงาม เปรียบดั่ง ปทุมชาติงดงาม” ทุกค�ำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมา ดั่งดอกบัวสวยงามพรั่งพรู ออกมา ไม่ใช่ว่าพูดจาดั่ง “คมมีดที่กรีดเฉือนผู้อื่นอยู่เสมอ” ผู้ที่ส�ำรวมวาจา ขจัดวจีกรรมทั้งหลายทิ้งไปหมดสิ้น ไม่พูดจาชั่วร้าย ลิ้นสองแฉก ประจบสอพลอ ไม่พูดจาเพ้อพก แต่ละค�ำพูดล้วนซื่อๆตรงๆ พูดแต่สิ่งดีๆ พูดด้วยน�้ำใสใจจริง คนประเภทนีจ้ ะได้รบั บุญวาสนามาก ฟ้าเบือ้ งบนจะโปรดปราน และประทานบุญวาสนาให้กับเขา คนที่นิสัยชอบจุกจิก จู้จี้ขี้บ่น ไม่แน่ว่าจะเป็นที่ถูกใจ ของผู้อื่น ไม่แน่ว่าผู้อื่นอยากจะฟังค�ำพูดของเขา ดังนั้นเวลา พูดอะไร ควรส�ำรวม ค่อยๆพูด อย่าร้อนรน น�้ำเสียงให้มีความ นุ่มนวล ไพเราะ มีจรรยา เหมาะสมกับกาละเทศะ เช่นนี้ผู้คน ฟังแล้วจึงเกิดความซาบซึ้งใจ ดังนั้นเรื่องการพูด เมธีทั้งหลาย ควรส�ำรวมระวัง นี่คือการถนอมบุญอีกประการหนึ่ง หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 39

���������������.indd 39

2017/4/20 15:19


เหุ ต ไม่ ถ นอมบุ ญ

คนที่เป็นผู้น�ำ ค�ำพูดยิ่งต้องส�ำรวม อย่าพูดจาใส่ร้าย ท�ำลายผู้อื่น พูดอะไรต้องมีน�้ำใสใจจริง เวลามีความคิดเห็น อะไรที่ต้องการน�ำเสนอหรือชี้แนะผู้อื่น ก็ควรนอบน้อมตน ค่อยๆสื่อสารท�ำความเข้าใจต่อกัน จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ผู้ที่ปฏิบัติบ�ำเพ็ญ หากพูดจาท�ำลายผู้อื่น ท�ำให้ผู้อื่น เกิดความเข้าใจผิดกัน ความผิดบาปร้ายแรงนัก เท่ากับเป็นการ “ท�ำลายให้เกิดความแตกแยกในหมู่สงฆ์” ความผิดบาปนี้ แม้แต่ฟ้าก็ยากให้อภัย คนเราควรหมัน่ ส�ำรวจพิจารณาตนเองอยูเ่ สมอ อย่าพูดจา พลิกผิดเป็นถูก พลิกถูกเป็นผิด โกหกหลอกลวงผู้คน ท�ำลาย ผู้คน ส่งเสริมผู้คน พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อผู้อื่น อยู่ในสังคมใดก็แล้วแต่ ไม่ควรสร้างความแตกแยก ผู้ที่ สร้างความแตกแยก คือ ผูท้ ำ� ลายบุญของตนเอง เรือ่ งวาจาของ คนเรา ความไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักแยกแยะ อาจเป็นดั่งเพลิงที่เผา ไหม้ท�ำลายตนเองและท�ำลายผู้อื่น ดังนั้นวาจาจะต้องส�ำรวม ส�ำรวมกายวาจาใจสมบูรณ์พร้อมคุณธรรม จึงหมายถึง การชิงโข่วที่แท้จริง เป็นการถือศีลกินเจที่แท้จริง

40

���������������.indd 40

2017/4/20 15:19


ส�ำรวมกาย วาจาใจ คือ “การถนอมบุญ” ถนอมพืชพันธ์ธัญญาหาร คือ “การถนอมบุญ” ถือศีลห้า ไม่เบียดเบียนชีวิตเวไนย คือ “การถนอมบุญ” ส�ำรวมตน มีจิตเมตตา คือ “การถนอมบุญ” การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า คือ “การถนอมบุญ” ละความชั่วร้าย ใฝ่ท�ำความดี คือ “การถนอมบุญ” จิตใจกว้าง โอบอุ้ม เห็นใจผู้อื่น คือ “การถนอมบุญ” ไม่สร้างความแตกแยก ในหมู่สงฆ์ คือ “การถนอมบุญ” ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่กินอาหารทิ้งขว้าง คือ “การถนอมบุญ จิตส�ำนึกคุณอยู่เสมอ คือ “การถนอมบุญ” ไม่คับแค้นใจโทษกล่าวฟ้า ต่อว่าผู้คน คือ “การถนอมบุญ” ด�ำรงตนตั้งมั่นในศีลธรรมจรรยา คือ “การถนอมบุญ” ปฏิบัติบ�ำเพ็ญธรรม เคร่งครัดศีลวินัย คือ “การถนอมบุญ” เจริญรอยตามแบบอย่างอริยเมธี ความชัว่ ทัง้ มวลไม่ไปท�ำ ความ ดีทั้งมวลเร่งด�ำเนิน คือ “การถนอมบุญ” ทุกวันรู้ส�ำนึกขอขมาบาป แก้ไขปรับตนเป็นคนใหม่อยู่เสมอ คือ “การถนอมบุญ” หลั ง ฮว๋ า เรี ย บเรี ย ง 41

���������������.indd 41

2017/4/20 15:19


ต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จ�ำนวนมากในราคาพิเศษ กรุณาติดต่อ ผจก.ฝ่ายการตลาด หจ.สนพ.เป่ยเฉิน โทรศัพท์ 098-827-6319, 089-200-3909

1.บัญชีโอนเงิน ร่วมสบทบทุนจัดพิมพ์ ชื่อบัญชี หจ. เป่ยเฉิน ธ. กรุงเทพฯ (สาขาเดอะมอล์ท่าพระ) เลขที่บัญชี 2450-663-832 2.ชื่อบัญชี จารุเนตร เชียะคง ธ.กสิกรไทย (สาขาตากสิน-ท่าพระ) เลขที่บัญชี 707-2-40005-9

ตัวแทนจ�ำหน่ายเขตกรุงเทพฯ คุณ ไพบูลย์ สุริยะยานนท์ โทรศัพท์ 081-833-8737 ข้อผิดพลาดขาดตกบกพร่องประการใดในการเรียบเรียงจัด ท�ำหนังสือเล่มนี้ ส�ำนักพิมพ์ยนิ ดีนอ้ มรับค�ำชีแ้ นะและปรับปรุง แก้ไข พร้อมพัฒนาไม่หยุดยัง้ เพือ่ ประโยชน์ทางปัญญาทุกคน

���������������.indd 42

2017/4/20 15:19


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.