ส�ำนักพิมพ์เป่ยเฉิน 北辰出版社
BEICHEN CO. LTD
ดาวเหนือฉายส่อง คุณธรรมสถิตคู่ฟ้าดิน 琅華 หลั ง ฮว๋ า _เขี ย นและแปลเรี ย บเรี ย ง
สารบัญ
หน้า
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ .................................................................................4 จื้อฮุ่ยจือซิวฉือเตอกั่นเหยียน...........................................................7 ต้นไม้หนึ่งต้น แม้แตกกิ่งก้านมากมาย แต่ก็มาจากรากเดียวกัน มนุษย์แม้เชื่้อชาติศาสนาต่างกัน แต่มาจากต้นก�ำเนิดเดียวกัน.............9 ผู้คนในโลกนี้มักสับสนระหว่าง “ความรู้กับปัญญา”..........................15 ตัวอย่าง พระโพธิธรรม จาริกสู่ประเทศจีน โปรดกษัตริย์เหลียงอู่ตี้และพระภิกษุเสินกวง หลักเหตุผลว่าด้วยการพิจารณา "ปัญญา" .......................................26 ข้อที่ 1 ปัญญาในการแยกแยะตัวจริงกับตัวปลอม ข้อที่ 2 การได้รับธรรมะ ช่วยให้เข้าถึงปัญญาธรรม ตัวอย่างจากเรื่องจริง "หมูกลับชาติมาเกิด".......................................33 พระนิพพาน. เทวโลก มนุษย์โลก พระพุทธองค์ทรงชี้ชัด "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต"...................45 (นิทานชาดก พระอรหันต์ปราบมาร) พระพุทธองค์ตรัสว่า "ตัวเราคือโลก โลกคือตัวเรา"...........................57
智慧之修持 บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
เหตุผล 2 ประการที่วิถีธรรมอุบัติสู่โลก............................................. 67
ประการที่ 1 โลกถึงกาลเสื่อม ประการที่ 2 จิตใจผู้คนเสื่อมทรามลง
ข้อมูลเสริม ว่าด้วยการสร้างบุญจริงกุศลแท้.......................................78 ความหมายของการสร้างบุญจริงกุศลแท้ ............................................80 ปฏิบตั อิ ย่างไร จึงเป็นบุญจริงกุศลแท้.................................................81
1 กระจ่างชัดสัจธรรม บ�ำเพ็ญจริง 2 ปฏิบัติโดยไม่หวังผล 3 ส�ำนึกขอขมาบาป 4 ไม่โทษกล่าวฟ้าดิน ไม่ต่อว่าผู้คน
บทสรุปว่าด้วยการสร้างบุญจริงกุศลแท้.............................................90 บทสรุปว่าด้วยการบ�ำเพ็ญสัมมาปัญญา..............................................91 พระโอวาทเซียนพุทธะ.......................................................................97 จุดประสงค์อนุตตรธรรม....................................................................98
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
3
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ พระมหากษัตริย์ไทยทุกราชวงศ์ ให้ความส�ำคัญเรื่องศาสนา แม้คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ก็ตาม กษัตริย์ไทยมีพระปรีชาญาณและพระทัยกว้าง ไม่ปิดกั้นการ เผยแผ่ศาสนาอื่นๆ ทรงตระหนักว่าทุกศาสนาล้วนมุ่งหวังให้คนเป็น คนดี กระท�ำความดี ยึดมั่นในคุณธรรม แต่ปัจจุบันสังคมโลกพัฒนา เปลีย่ นแปลงไม่หยุดยัง้ มีหลายลัทธิศาสตร์เกิดขึน้ ทัง้ ของจริงของปลอม คนที่นับถือศาสนาหลักใหญ่ๆ เช่นศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ศาสนาปราชญ์ ศาสนาเต๋า แต่หลายคนนับถือศาสนาตามบรรพบุรุษ นับถือตามพ่อแม่และครอบครัว น้อยคนนักที่เข้าใจแก่นค�ำสอนแท้จริง ทั้งยังติดยึดรูปลักษณ์ คิดว่าศาสนาที่ตนนับถือถูกต้องที่สุด คนบางกลุ่ม ยังกล่าวโจมตีศาสนาอื่น ลุกลามใหญ่โตจนเกิดสงครามศาสนาเกิดขึ้น สนพ.เป่ยเฉินจึงปรารถนาเป็นยิ่งนักว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็น ประโยชน์แด่ทุกท่าน ให้ได้พบแสวงสว่างแห่งปัญญา ส่องประกายชี้น�ำ ชีวติ หากเข้าใจในแก่นค�ำสอนแท้จริงของศาสนา ก็จะบังเกิดสัมมาปัญญา ไม่เดินหลงทาง อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ประเทศชาติ สังคมและครอบครัว สงบสุขอย่างแท้จริง ให้ผู้บ�ำเพ็ญธรรมทั้งหลายสามารถประคองจิต ศรัทธาบ�ำเพ็ญจนส�ำเร็จมรรถผล หลุดพ้นจากวังวนแห่งความทุกข์ทน ส�ำนักพิมพ์ยินดีค�ำชี้แนะเพื่อการพัฒนาแก้ไขต่อไปให้ดียิ่งขึ้น ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนหนังสือเล่มนี้
ด้วยจิตส�ำนึกคุณ
ส�ำนักพิมพ์เป่ยเฉิน 4 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
อารยธรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ล้วนตกผลึกจากปัญญาของ มนุษยชาติทงั้ สิน้ หากจิตใจคนเราไม่มคี วามวิสทุ ธิส์ งบ ไร้ความเสมอภาค ไม่มปี ญ ั ญาอันบังเกิดจากจิตเมตตาธรรมอันแท้จริง เทคโนโลยีทงั้ หลาย ก็จะกลับกลายเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง น�ำมาซึ่งการท�ำลายล้าง มนุษย์ชาติด้วยกันเอง อีกทั้งท�ำลายโลกใบนี้ คนทีม่ เี มตตาธรรม จะมัน่ คงด้วยปัญญาธรรม ไม่เป็นเพราะถูก เขาท�ำร้าย หรือคิดว่าคนๆนั้นคือศรัตรู จึงปฏิบัติต่อเขาอีกแบบ ผู้ที่มี คุณธรรม จะไม่เอาอารมณ์เป็นทีต่ งั้ ดังนัน้ อยูท่ ไี่ หนก็มแี ต่ความกลมกลืน โลกทีเ่ ราอาศัยอยูน่ ี้ เปลีย่ นแปลงตลอดเวลา ไม่วา่ คุณปรารถนา ในเรื่องใด ในหัวของคุณอาจครุ่นคิดอยู่เสมอว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร? แต่สิ่งที่เราทุกคนจ�ำเป็นต้องเผชิญ คือ "โลกแห่งความจริง" เคล็ดลับของชีวิตอันผาสุขนั้น อยู่ที่รู้ว่าตอนนี้ตนเองสมควรท�ำ อะไร จัดแจงเรือ่ งราวทีต่ นเองควรกระท�ำ ให้สมบูรณ์ ปฏิบตั ติ อ่ ผูค้ นด้วย ความอ่อนน้อม เคารพให้เกียรติผู้อื่น ไม่มัวเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องราว ในอดีต อย่าไปทุกข์กังวลเกี่ยวกับอนาคต อันมาไม่ถึง เพราะเราไม่อาจ ย้อนวันเวลากลับไปอดีตได้ ไม่อาจจะแก้ไขอะไรในสิ่งที่เกิดขึ้นในตอน นั้นได้ และไม่อาจคาดเดาได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่พวกเรา สามารถยึดกุมไว้ได้ คือ "ปัจจุบัน" เท่านั้น หากสามารถท�ำได้ถงึ ข้น้ ทีเ่ รียกว่า " ความชัว่ ร้ายทัง้ มวลไม่กระท�ำ ความดีงามทั้งมวล เร่งลงมือปฏิบัติ เช่นนี้ ก็จะสามารถด�ำรงชีวิตอย่างมี ความสุข เรียกว่าเป็นผู้ที่มีปัญญาในการด�ำเนินชีวิต 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
5
ทุกคนควรรู้จักใช้ปัญญาในการด�ำรงชีวิต เวลาเจอเรื่องราวใด ควร นิ่ง คิด พิจารณา ตรึกตรองด้วยเหตุผล ใช้หลักธรรมโน้มน�ำจิตใจ ชีวิตก็จะอยู่บนเส้นทางสว่าง ไม่สับสนหลงทาง อาศัยหลักธรรมค�ำสอน อาศัยหลักการปฏิบตั ขิ องพระพุทธองค์ พระอริยเจ้า ปราชญ์เมธีทงั้ หลาย รวมทัง้ อริยสงฆ์ผปู้ ฏิบตั ดิ ปี ฏิบตั ชิ อบ ฟืน้ ฟูจติ เดิมแท้ ฟืน้ ฟูปญ ั ญาธรรม อันสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้วในตัวเองให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนล้วนมีปัญญาด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดเลยที่จะมี คุณสมบัติเหยียดหยามดูหมิ่นผู้อื่น เพราะคนที่ท�ำเช่นนั้น คือผู้ที่ก�ำลัง เหยียดหยามดูหมิน่ ตัวเอง พงึ ตระหนักอยูเ่ สมอว่าควรเคารพให้เกียรติกนั อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เซียนพุทธะ โพธิสัตว์ไม่เคยดูหมิ่นเวไนย ด้วยทรง ตระหนักดีว่าเวไนยล้วนมีชีวิตปัญญาญาณอันสูงส่ง มีสภาวะจิตพุทธะ เช่นเดียวกันกับพระองค์ ดังนั้นจึงอาศัยค�ำสอน อาศัยประสบการณ์ของ พระองค์เพื่อชี้น�ำแสงสว่างแห่งปัญญาให้เวไนย เพื่อให้เวไนยตื่นแจ้ง
ด้วยความปรารถนาดี 琅華 หลังฮว๋า
6 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
智慧之修持的感言 นักปรัชญำตะวันตกกล่ำวว่ำ “ในชีวิตของคนเรำนั้นมี 3 เรื่อง ที่น่ำทอดถอนใจ คือ 1 ชีวิตมำจำกไหน? 2 ตำยแล้วไปไหน? 3 มีชีวิต อยู่เพื่ออะไร?” ผู้มีปัญญำจึงแสวงหำหนทำงแก้ไขปัญหำ อีกทั้งบอกทุก คนให้รวู้ ำ่ กำรบ�ำเพ็ญสัมมำปัญญำคือสิง่ ส�ำคัญ มีควำมจ�ำเป็นอย่ำงมำก พุทธธรรมกล่ำวว่ำ "ในศีล ขันติธรรม วิริยะบำรมี ฌำนบำรมี ดั่ง ควำม มืดบอด ปัญญำ คือ ดวงตำ" ปัญญำจะช่วยหนุนน�ำให้ธรรมข้ออื่นๆ สมบูรณ์ หำกไร้ซึ่งปัญญำ อำจท�ำให้เดินหลงทำง ผิดเพี้ยนได้ และควำม ยึดติดจะท�ำให้ชีวิตก้ำวผิด ศีล ขันติธรรม วิริยะบำรมี ฌำนบำรมี ต้องใช้ ปัญญำหนุนน�ำ คัมภีรไ์ ป่อวีจ้ งิ มีตวั อย่ำงคนผูห้ นึง่ วันหนึง่ เขำไปเป็นแขกทีบ่ ำ้ น เพื่อนของเขำ พบว่ำอำหำรที่บ้ำนเพื่อนอร่อยเป็นพิเศษ เลยถำมว่ำใส่ เครื่องปรุงอะไรบ้ำง? เพื่อนตอบว่ำ "แค่ใส่เกลือก็อร่อย" ชำยคนนี้ด้วย ควำมเขลำ เมื่อกลับมำบ้ำนก็กินเกลือเป็นถ้วยๆ ผลเป็นอย่ำงไรทุกคน ควรพิจำรณำดู นี่เรียกว่ำ "ควำมเขลำ" ไม่รู้จักคิดพิจำรณำ 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
7
คนเราควรหมั่นหาความรู้เพิ่มพูนปัญญาอยู่เสมอ พยายามตัด กิเลสความอยาก ตัดอารมณ์ 7 กามคุณ 6 ทิ้งไปให้หมดสิ้น เพราะว่า สิ่งเหล่านี้จะบดบังแสงสว่างแห่งธรรมญาณ ท�ำให้ชีวิตตกต�่ำ จิตญาณ แปดเปื้อนเปื้อนมัวหมอง ดังนั้นผู้บ�ำเพ็ญ จึงควรหมั่นส�ำนึกขอขมาบาป แก้ไขตัวเอง และส�ำรวจตนเองอยู่เสมอ ท่านสังฆปริณายกกล่าวว่า "แก้ไขความผิดบาป จะบังเกิดซึ่ง ปัญญา โอบอ้มุ ให้อภัยต่อความพลาดผิดหรือข้อบกพร่องตนเองอยูเ่ สมอ มิใช่เมธีปราชญ์" ส�ำคัญที่สุดคือควรศึกษาอย่างไม่เบื่อหน่าย มีความ ตั้งใจมุ่งมั่นเจริญรอยตามวิถีแห่งโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์นั้นศึกษารอบรู้ ทุกด้าน ปัญญาธรรมเพิ่มพูน ประสบความส�ำเร็จ อย่างไร้อุปสรรคใดๆ มีไหวพลิบรู้พลิกแพลง จึงสามารถน�ำธรรมกล่อมเกลาเวไนยทั้งหลาย ผู้น้อยขออวยพรด้วยใจจริง ให้ตนเองและทุกคนล้วนสามารถ บ�ำเพ็ญเข้าถึงสัมมาปัญญา หลุดพ้นความทุกข์ทงั้ มวล พบความสุขอย่าง แท้จริง พรใดอันประเสริฐ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลแด่ท่านทั้งหลาย
ด้วยความปรารถนาดี
8 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
思斯ซือซือ
“ต ้ นไม ้ หนึ่งต ้ น แม ้แตกกิ่งก ้ านมากมาย แต่ก็มาจากรากเดียวกัน” มนุษย ์ แม ้ ชาติศาสนาแตกต่างกัน แท ้ จริงล ้ วนมาจากต ้ นก�าเนิดเดียวกัน
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
9
ในชีวิตหนึ่งของคนเรา ในชาติภูมินี้ การมีโอกาสได้รับวิถีธรรม นับว่าเป็นบุญวาสนาอันสูงส่งทั้งต่อตนเองและบรรพชน อนุตตรธรรม หรือธรรมะที่ศึกษากันนั้น อาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคย ไม่เหมือนกับที่เราเคย ปฏิบัติกันมา ทั้งที่แท้จริงแล้ว หากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน ผู้เขียน ขอหยิบยกตัวอย่างของต้นไม้ เพือ่ ให้ทกุ ท่านพิจารณากัน “ต้นไม้หนึง่ ต้น แม้จะมีกิ่งก้านสาขาแตกออกไปมากมาย แต่ก็มาจากรากเดียวกัน” ศาสนาแม้ชอื่ เรียกต่างกัน แต่หลักธรรม คือหลักหนึง่ เดียวกัน เป็นมรรค เอกวิถอี นั ชีน้ ำ� แสงสว่างให้มวลมนุษย์หลุดพ้นจากทะเลทุกข์ หลุดพ้นจาก มวลกิเลสมาร ค้นพบความสุขที่แท้จริง มนุษย์ชาติแม้แตกต่างกันด้านเชื้อชาติศาสนา แต่แท้จริงล้วน มาจากรากเดียวกัน แม้จะเป็นคนเชื้อชาติไหน ผมด�ำ ผมสีฟ้า ดวงตา คนละสี ผิ ว พรรณคล�้ ำ ขาวแตกต่ า งกั น การด� ำ รงชี วิ ต ความเป็ น อยู ่ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างกัน แต่ความจริงก็คือคนล้วนมี จิตวิญญาณ มีจิตใจอันดีงามเป็นพุทธญาณเดิม ร่างกายของคนเรา กอปรด้วยธาตุทั้ง 4 ทุกคนต่างหนีไม่พ้นการเกิดแก่เจ็บตาย ต่างก็มี อารมณ์ ความรู้สึกยินดี โกรธ เศร้า สุข เหตุใดจึงยึดติดและแบ่งแยกกัน ทุกวันนี้นอกจากมีภัยทางธรรมชาติ ภัยจากน�้ำมือมนุษย์ ยังมี ภัยสงครามศาสนา ซึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจจริงในแก่นแท้ของค�ำสอน รู้แต่ปลาย ไม่รู้ถึงต้นรากเดิม เมื่อพูดถึงอนุตรธรรม ท่านอาจจะรู้สึกไม่ คุน้ เคย เพราะในยามปกติเคยชินกับการไปท�ำบุญตักบาตร เข้าวัดถือศีล พอถึงวันเข้าพรรษา ทุกคนก็ตั้งใจท�ำอะไรบางอย่าง เช่น ถือศีลอุโบสถ 10 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
แค่เพียงสัปดาห์ละครัง้ หรือแค่ในวันพระครัง้ หนึง่ บ้างก็อาจบ�ำเพ็ญกุศล นัง่ สมาธิฝกึ จิตให้สงบ เสร็จกิจธุระก็กลับบ้าน การไปวัดคือความสบายใจ คิดว่าตนเองได้ปลดปล่อยความทุกข์กงั วล ความโศกเศร้าหมองทุกอย่าง ไว้ที่วัด ส�ำหรับหลายๆคน ดูเหมือนการไปวัดท�ำให้รู้สึกโล่งใจ สบายใจ ได้ไม่น้อย แต่หากถามคุณว่าเมื่อกลับถึงบ้าน กลับมาสู่วังวนการใช้ชีวิต ยามปรกติ จิตใจยังสงบได้อีกไหม หรือยังว้าวุ่นเหมือนเดิม การได้รับวิถีธรรม ช่วยให้เข้าใจมากขึ้นว่าแท้จริงแล้วธรรมะนี้ ติดตัวอยู่กับเราตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ธรรมะนัน้ มิอาจละห่างได้แม้เพียงวินาที หากห่างไกลจากธรรมก็ไม่ใช่ ธรรมะ” ฉะนั้นจึงต้องบ�ำเพ็ญทุกขณะลมหายใจ น�ำธรรมะปฏิบัติในชีวิต ประจ�ำวัน บางครัง้ ท�ำไมเราถึงคิดว่าตนเองนัน้ บ�ำเพ็ญตลอดเวลา รูส้ กึ ยุง่ อยูต่ ลอดเวลา ทุม่ เทพากเพียรแบกรับงานธรรม ด้านหนึง่ ออกมาปฏิบตั ิ งานธรรม ช่วยเหลืองานของอาณาจักรธรรม ด้านหนึ่งประคับประคอง ชีวิตครอบครัว บ�ำเพ็ญทางธรรมทางโลกควบคู่กัน ขณะเดียวกันหากไม่ เข้าใจอย่างแท้จริงในหลักเหตุ-ผล ไม่เข้าใจในสิ่งที่ก�ำลังด�ำเนินปฏิบัติ ไม่เข้าใจธรรมะ ก็จะมีความรูส้ กึ ว่าสิง่ ทีก่ ำ� ลังท�ำอยูน่ ี้ ช่างยุง่ ยากเหลือเกิน คนที่ศึกษาเข้าใจก็สามารถสัมผัสได้ว่าธรรมะนี้ได้ช่วยชีวิตเรา จริงๆ ช่วยยกระดับจิตใจ ช่วยให้เราทั้งหลายไม่ร้อนรุ่ม ท�ำให้รู้จักตนเอง มากขึน้ รูว้ า่ ควรด�ำรงชีวติ ตนอย่างไร ไม่ผดิ ต่อครรลองอันดีงาม สามารถ ตัง้ มัน่ อยูใ่ นศีลธรรม รูแ้ ละเข้าใจหลักธรรมของความเป็นมนุษย์ สามารถ ปฏิบตั มิ นุษยธรรมสมบูรณ์ เป็นมนุษย์ทส่ี มบูรณ์ดว้ ยคุณธรรมจรรโลงใจ 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
11
วงการพุทธศาสนามีสอนหลัก มรรคมีองค์ 8 ดังต่อไปนี้ ( ปำเจิ้งเต้ำ 八正道 ) สัมมำทิฐิ ควำมเห็นชอบ (เจิ้งเจี้ยน) 正見
สัมมำสังกัปปะ ควำมด�ำริชอบ (เจิ้งซือ) 正思
สัมมำวำจำ
เจรจำชอบ
(เจิ้งอวี่) 正語
สัมมำกัมมันตะ กระท�ำชอบ
(เจิ้งเยี่ย) 正業
สัมมำอำชีวะ
เลี้ยงชีพชอบ
(เจิ้งมิ้ง) 正命
สัมมำวำยำมะ
พยำยำมชอบ
(เจิ้งจิ้น)
สัมมำสติ ระลึกชอบ
(เจิ้งเนี่ยน) 正念
สัมมำสมำธิ ตั้งจิตมั่นชอบ
(เจิ้งติ้ง)
12 智慧之修持
บ� า เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
正進
正定
นอกจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนี้ หัวใจส�ำคัญของการบ�ำเพ็ญ ตามหลักพุทธศาสนานัน้ ต้องฝึกฝนบ�ำเพ็ญตนให้มี "ศีล สมาธิ ปัญญา" เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้พูดถึงสัมมาปัญญา หากจะน�ำไปเทียบเคียงกับ ค�ำสอนทางพุทธศาสนา ดูเหมือนจะมีข้อแตกต่าง หรืออาจจะมีมุมมอง ที่น่าแปลกไปบ้าง แต่ก็มีความสอดคล้องกับอนุตตรธรรมหรือธรรมะ ที่เราก�ำลังศึกษาและบ�ำเพ็ญปฏิบัต ิ แท้จริงแล้วมนุษย์คือผู้มีปัญญา ซึ่งปัญญามีอยู่ถึง 2 ทาง ทางหนึ่งเรียกว่า มิจฉาปัญญา ทางหนึ่งเรียกว่า สัมมาปัญญา มิจฉาปัญญา คือ “ปัญญาในทางทีผ่ ดิ หรือคิดผิด” อย่างเช่นคน ทีเ่ ป็นโจร เวลาทีจ่ ะตัดช่องย่องเบา ก่อนจะท�ำการโจรกรรม พวกเขาต้องคิด ก่อนไหม แน่นอนว่าต้องมีการคิดวางแผนกันให้รอบคอบก่อน ว่าจะต้อง มีขนั้ ตอนวิธจี ดั การเพือ่ ให้บรรลุวตั ถุประสงค์อย่างไร ซึง่ นัน่ ก็เป็นปัญญา เหมือนกัน แต่เป็นปัญญาที่ผิด เพราะเป็นปัญญาที่ได้สิ่งประกอบและ องค์ประกอบที่ผิด คือ “หลงผิด” ท�ำให้ใจมีอารมณ์ มีกิเลสความอยาก เกิดขึ้น อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นของตน จึงใช้ปัญญาไปในทางที่ผิด คนเราถ้ามีอารมณ์อันเกิดขึ้นจากความโลภโกรธหลง จะส่งผล ไม่ดีต่อตนเอง เวลาที่คิดท�ำอะไรสักเรื่อง ก็อาจจะท�ำผิดไปโดยไม่รู้ตัว คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี อย่างเช่น เมื่อก่อนมีหลายคน ตอนที่ยังไม่ได้รับธรรมะ คิดว่าตนเองเป็นคนมีปญ ั ญา เวลาใครท�ำอะไรให้โกรธ ก็คดิ วางแผนทีจ่ ะ จัดการเขาให้ได้ ไม่รวู้ า่ การคิดวางแผนเพื่อจัดการคนอื่น มุ่งร้ายท�ำลาย ให้เขาเสื่อมเสีย ให้เขาได้รบั ความเสียหาย สิ่งที่คิดสิ่งที่ท�ำแม้ว่าจะเป็น 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
13
ปัญญาเหมือนกัน แต่เป็นปัญญาแห่งความหลงผิด ยิ่งสามารถวางแผน ได้แยบยลลึกซึ้งเท่าไหร่ ก็กระหยิม่ ยิม้ ย่อง รูส้ กึ ภาคภูมใิ จในตัวเองมาก คิดว่าตนฉลาด มีแผนเหนือชัน้ ทีส่ ามารถเอาชนะเขาได้ ไม่รวู้ า่ แท้จริงแล้ว ชัยขนะของคุณ ไม่สง่ ผลดีกบั ตัวคุณเลย กลับเป็นกรรมทีจ่ ะชักน�ำตนเอง ให้ต้องจมดิ่งสู่หนทางไปนรกภูมิ บางคนหลังจากมีโอกาสได้รับธรรมะ ได้มีโอกาสศึกษาธรรม และเริ่มเข้าใจในหลักธรรมมากขึ้น จึงบังเกิดปัญญา บางคนมีปณิธาน อยากเป็นสะพานเชื่อมของฟ้าเบื้องบน ฉุดช่วยผู้คนทั้งหลายให้พบเจอ หนทางพ้นทุกข์ ให้พวกเขาได้คน้ พบแสงสว่างส่องทางชีน้ ำ� ชีวติ เช่นเดียว กับตนเอง ด้วยความศรัทธา ในใจเกิดความปีติยินดี อยากไปศึกษา ปฏิบัติงานธรรม ปัญญานีบ้ งั เกิดจากจิตเมตตา ซึง่ เป็นปัญญาอันบริสทุ ธิ์ มีความ ตั้งใจอันดีงาม ปรารถนาฉุดช่วยเวไนย โดยไม่ต้องการชื่อเสียงลาภยศ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆทัง้ สิน้ แม้วา่ ในการท�ำความดีแต่ละครัง้ นัน้ ไม่ใช่ ราบรื่นเสมอไป อาจเจอบททดสอบ เคี่ยวกร�ำจิตใจ หลังจากที่ช่วยผู้อื่น เสร็จ นอกจากเขาจะไม่ขอบคุณแล้ว ยังด่าว่า หยามเหยียด ดูถูกสารพัด แต่คุณก็ไม่โกรธ ไม่เคยนึกน้อยเนื้อต�่ำใจ นี่ถึงจะเป็นปัญญาอันบริสุทธิ์ ดั่งที่พระพุทธองค์กล่าวว่าปัญญาอันบริสุทธิ์นี้ เรียกว่า “สัมมาปัญญา”
14 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ผู้คนในโลกนี้ มักจะสับสนระหว่างความรู้กับปัญญา
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
15
เมื่อจะศึกษำพิจำรณำเรื่อง "ควำมรู้กับปัญญำ" ก่อนอื่นผู้เขียน ขอบังอำจร่วมศึกษำ เพื่ออธิบำยถึงควำมหมำยของ “ปัญญำ” ให้เข้ำใจ เสียก่อน เพรำะผูค้ นในโลกนี้ มักจะเข้าใจสับสนระหว่างความรูก้ บั ปัญญา กำรทีค่ นเรำเรียนมำมำก อ่ำนหนังสือมำก สำมำรถท่องจ�ำต�ำรำ มำกมำย ท�ำให้เป็นผู้ที่รอบรู้ในเรื่องต่ำงๆมำก นี่เรียกว่ำเป็น "ควำมรู้" แม้แต่ผู้ที่สำมำรถขึ้นมำพูดธรรมะ ได้รับเชิญไปบรรยำยธรรม ตำมเวทีตำ่ งๆ เป็นวิทยำกรชือ่ ดัง ได้รบั กำรยอมรับนับถืออย่ำงกว้ำงขวำง จำกทุกสังคม แต่ว่ำเนื้อหำสำระที่เขำบรรยำย มำจำกกำรจดจ�ำข้อควำม หรือท่องจ�ำมำจำกต�ำรำ ทัง้ หมดเหล่ำนีเ้ รียกว่ำ “ควำมรู”้ ไม่ใช่ “ปัญญำ”
16 智慧之修持
บ� า เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
“คนที่พูดธรรมะเก่ง” ไม่ได้หมายความว่า “เขาจะเป็นผู้ปฏิบัติ บ�าเพ็ญธรรมะเก่ง” “เขามีความรู้ทางธรรมสูง” ไม่ได้หมายความว่า “เขาจะสามารถส�าเร็จธรรม” ดังนัน้ จำกทีก่ ล่ำวมำแล้วข้ำงต้น ทุกคนควรพิจำรณำและขบคิด ให้ละเอียดรอบคอบ มิฉะนั้นจะท�ำให้หลงผิด หรืออำจจะติดกับดักแห่ง มิจฉำปัญญำ อันเป็นปัญญำในทำงที่ผิดได้ อย่ำงเช่นกำรที่คุณสำมำรถ พูดธรรมะอย่ำงคล่องแคล่ว โวหำรดี ถ้อยส�ำนวนสละสลวย พูดเก่ง พูด ได้ทุกบท ผู้คนต่ำงก็ชื่นชม คิดว่ำคุณเป็นคนเก่ง แม้กระทั่งตัวคุณเองก็ อำจส�ำคัญตนเองผิด คิดว่ำตนเองเก่ง อย่ำงที่เขำพูด ไม่รู้ว่ำแท้จริงแล้ว ตนเองก�ำลังหลงไปสู่หนทำงซึ่งจะน�ำพำให้ตกสู่อบำยภูมิ ดังนั้นผู้ที่มี ปัญญำแท้จริง มักส�ำรวมพิจำรณำตนอยู่เสมอ ทุกขณะเวลำ
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
17
ผู้เขียนจะหยิบยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง เพื่อความกระจ่างชัดยึ่งขึ้น เป้นเรือ่ งราวของอริยสงฆ์พระองค์หนึง่ นามว่า“พระโพธิธรรม” หรือทีร่ จู้ กั ในนาม “พระบรรพจารย์ตั๊กม้อ” ผู้ซึ่งได้รับการถ่ายทอดอนุตตรธรรม ตัง้ แต่ครัง้ ทีพ ่ ระพุทธองค์ถา่ ยทอดให้กบั พระมหากัสสัปปะ จากนัน้ มีการ ถ่ายทอดต่อๆกันมาจากรุน่ สูร่ นุ่ หลายพันปีมาแล้ว ส่วนพระโพธิธรรมนัน้ เป็นพระธรรมจารย์องค์ที่ 28 แห่งชมพูทวีป (ประเทศอินเดีย) ในยุคสมัยหนึ่ง เมื่อครั้งที่พระโพธิธรรมจาริกไปยังแผ่นดินจีน ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่พระธรรมออกไปให้กว้างไกล ตอนที่ท่าน เดินทางถึงแผ่นดินจีน พลันเห็นแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่ว ท่านคิดในใจว่า แผ่นดินจีนนี้คงมีผู้ที่มีบุญบารมีและมีพุทธสัมพันธ์เป็นแน่ พระโพธิธรรมได้ยนิ ว่าฮ่องเต้เวลานัน้ ซึง่ ก็คอื “กษัตริยเ์ หลียงอูต่ ”ี้ เป็นกษัตริยท์ มี่ นี ำ�้ พระทัยใจกว้างใหญ่ เป็นผูอ้ ปุ ฐากพระสงฆ์ พระราชทาน ทรัพย์สว่ นพระองค์ สร้างสถานทีป่ ฏิบตั ธิ รรม สร้างวัดวาอารามมากมาย เป็นผู้ที่ใฝ่ศึกษาธรรม ช่วยเหลือหนุนส่ง ทะนุบ�ำรุงศาสนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพระโพธิธรรมจึงคิดโปรดฉุดช่วยกษัตริย์เหลียงอู่ตี้ แต่ด้วยความ ทีก่ ษัตริยเ์ หลียงอูต่ ผี้ นู้ ไี้ ม่ได้ทรงเข้าถึงแก่นธรรม ติดยึดในวัตถุภายนอก ติดยึดในบุญกุศล ติดยึดในคุณความดีทสี่ ร้างไว้ จึงท�ำให้พลาดผันโอกาส ไม่ได้รับการถ่ายทอดธรรมะอันเป็นวิถีแห่งจิต ชี้ตรงจิตญาณ นี่ก็คือ ตัวอย่างของผู้ที่“มีบุญ แต่ไร้วาสนา” แม้โชคดีได้พานพบพระอริยเจ้า มาโปรดอยู่เบื้องหน้า กลับพลาดผันโอกาสที่จะได้รับรู้หนทางหลุดพ้น
18 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
อีกตัวอย่างหนึ่ง ที่แผ่นดินจีนเวลานั้น ยังมีพระภิกษุรูปหนึ่ง คือ“พระภิกษุเสินกวง” ผูเ้ ทศนาธรรมเก่ง สามารถอรรถาธรรมจนกระทัง่ มีฐานบัวผุดขึ้นบนแผ่นดิน รุกขเทวา เทพยดา ผีสาง นางฟ้าทั้งหลาย ต่างก็มาร่วมฟังธรรมเทศนาจากท่าน ผู้คนต่างติดในรสพระธรรมที่ท่าน บรรยาย ต่างเคารพนับถือพระภิกษุเสินกวงยิ่งนัก พระภิกษุเสินกวงผู้นี้ จึงเข้าใจผิดว่าตนเองนั้นส�ำเร็จธรรมขั้นสูงสุดแล้ว “กษัตริย์เหลียงอู่ตี้” กับ “พระภิกษุเสินกวง” คนหนึ่งมีบุญ แต่ไร้วาสนา พระพุทธะอยู่ตรงหน้า กลับไม่ได้รับธรรม คนหนึ่งส�ำนึกผิดกลับใจ จิตใจเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นในการบ�ำเพ็ญ ปฏิบัติธรรม ในที่สุดจึงได้รับการถ่ายทอดหลักธรรมสูงสุด และสามารถ บ�ำเพ็ญบรรลุธรรมขั้นสูงสุดอย่างแท้จริง พระโพธิธรรมได้ยินว่าพระภิกษุเสินกวงเป็นผู้มีบุญญาบารมี เป็นพระนักเทศชื่อดัง ครั้นเมื่อมาเจอก็คิดว่าจะโปรดถ่ายทอดธรรมให้ กับพระภิกษุผู้นี้ จึงตรงเข้าไปหาเพื่อสนทนาธรรม เรียนถามหลักธรรม กับท่านเสินกวง ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ปรากฏว่าภิกษุเสินกวงตอบค�ำถามไม่ได้ รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก อีกทั้งคิดว่าตนเองก�ำลังถูกลองภูมิ เกิดความโมโห จึงเขวีย้ งลูกประค�ำใส่ อย่างแรง ลูกประค�ำกระเด็นไปโดนฟันของพระโพธิธรรมจนหลุดออกมา พระโพธิธรรมกลับยังคงนิ่งสงบ มิได้ถือโทษแต่อย่างใด อมเลือดไว้ แล้วก็เดินจากไป เพราะท่านมีเมตตาจิต รูว้ า่ ฟันและเลือดของอริยสงฆ์ หากเมือ่ ใดตกสูผ่ นื ดิน จะส่งผลท�ำให้ทนี่ น่ั เกิดภัยแล้งถึงสามปี สรรพชีวิต อาจถึงแก่ความตายได้ พระโพธิธรรมไม่อาจทนเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ได้ 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
19
จากเหตุการณ์นี้ท�ำให้เห็นได้ชัดว่า แม้คนที่มีประสบการณ์ มากมาย พูดธรรมะมาก มีความรู้มากนั้น ก็ยังคงขลาดเขลาไร้ปัญญา เพราะมิอาจแยกแยะประตูเกิด-ประตูตาย มิอาจแยกแยะนรกสวรรค์ แม้แต่อยู่ในกายของตัวเองก็แยกแยะไม่ออก ปัญญาธรรมคือสิ่งที่ส�ำคัญมาก แม้แต่พระภิกษุเสินกวงเองก็ เช่นเดียวกัน ยังขาดซึง่ ปัญญาทีว่ า่ นี้ ท่านมีแต่ความจ�ำทีเ่ ป็นเลิศ สามารถ จดจ�ำหลักธรรมค�ำสอนจากพระไตรปิฎกมากมาย สามารถพูดบรรยาย อรรถาได้อย่างลึกซึ้งแยบยล แต่ตัวท่านเองก็ไม่ได้ถ่องแท้ในแก่นธรรม แม้การคิดพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ก็คิดจากอารมณ์ ไม่ได้กลั่นกรอง บาง ครั้งออกมาจากความคิดอันเป็นกิเลสของตัวเอง แล้วจึงพาให้หลงผิด เพราะฉะนั้นพระภิกษุเสินกวงจึงไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของพระโพธิธรรม ต่อมาในวันหนึง่ พระภิกษุเสินกวงก็ได้รบั เชิญให้ขนึ้ อรรถาธรรม อีกครัง้ เมือ่ อรรถาเสร็จ หลังจากสาธุชนทัง้ หลายทยอยกลับกันหมดแล้ว ปรากฏว่าทันใดก็มียมทูตสองตน เดินตรงเข้าไปหา แล้วบอกท่านว่า “บัดนี้ถึงเวลาของท่านแล้ว เราทั้งสองได้รับบัญชาให้น�ำท่านไปสู่นรก โลกัณต์แล้ว” เสียงอันก้องกังวานน่าเกรงขามของยมทูตดังขึ้น ครัน้ ได้ยนิ ดังนัน้ พระภิกษุเสินกวงรูส้ กึ ตกใจมาก ถามยมทูตวิ ่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน อาตมาปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลานาน อรรถาธรรม นับครัง้ ไม่ถว้ น สาธุชนต่างซาบซึง้ ขนาดบนท้องฟ้ามีดอกไม้โปรยปราย ลงมา บนผืนดินยังมีดอกบัวผุดขึน้ มา เช่นนีแ้ ล้วยังต้องไปนรกอีกหรือ? 20 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ยมทูตตอบว่า “แน่นอน เพราะแม้ทา่ นจะมีความรูส้ งู ส่งเพียงไร แต่ตัวท่านนั้นยังไม่รู้ประตูเกิด-ประตูตาย จึงจ�ำเป็นต้องไปยังนรกภูมิ เหมือนกัน เพื่อรายงานตัวต่อท่านพยายม ” พระภิกษุเสินกวงถามอีกว่า "ใครสามารถชี้แนะหนทางล่วงพ้น วัฏฏะเกิดตาย เพื่อจะได้ให้ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพยายม ยมทูตตอบว่า "อริยสงฆ์เคลาใหญ่ ผิวด�ำ ซึ่งท่านปาลูกประค�ำใส่จนฟัน ร่วงหลุดไปสองซี่เมื่อครู่นี้ สามารถชี้แนะหนทางล่วงพ้นเกิดตายได้" พระภิกษุเสินกวงส�ำนึกผิด รู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ตนลุแก่โทสะ ละเมิดผิดท�ำร้ายพระอริยเจ้า เมื่อนึกได้จึงกล่าวกับยมทูตว่า “ช้าก่อน! ได้โปรดอนุญาตให้อาตมาไปพบกับพระโพธิธรรม เพื่อขอรับธรรมก่อน ได้หรือไม่?" ยมทูตเห็นว่าพระภิกษุเสินกวงจริงใจส�ำนึกผิด จึงอนุญาต ครัน้ เมือ่ ได้รบั อนุญาต จึงออกเดินทางเพือ่ ตามหาพระโพธิธรรม เป็นเวลาถึง 9 ปี จนกระทั่งเมื่อทราบข่าวว่าท่านบ�ำเพ็ญอยู่ที่ถ�้ำแห่งหนึ่ง จึงรีบรุดไปคุกเข่าอยูท่ หี่ น้าถ�ำ้ ซึง่ ท่านโพธิธรรมบ�ำเพ็ญฌานอยูข่ า้ งในนั้น พระภิกษุเสินกวงคุกเข่าท่ามกลางอากาศทีห่ นาวเหน็บ เป็นเวลา ถึง 7 วัน 7 คืน จนหิมะสูงท่วมตัว ท่านโพธิธรรมรู้ได้ด้วยญาณว่าพระภิกษุเสินกวงเดินทางมาหา ครั้งนี้ก็เพื่อขอรับการถ่ายทอดหนทางหลุดพ้น แต่ท่านต้องการทดสอบ ความศรัทธาจริงใจของภิกษุเสินกวงก่อน จึงรอจนกระทั่งถึงวันที่เจ็ด พระโพธิธรรมจึงเดินออกมาจากถ�้ำ แล้วถามว่ามาท�ำไม 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
21
พระภิกษุเสินกวงตอบว่า “อยากขอรับการถ่ายทอดหนทาง หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด เพื่อไม่ต้องไปสู่นรกภูมิ” พระโพธิธรรมกล่าวเป็นปริศนาธรรมว่า “หากต้องการรับธรรมะ จะต้องตัดด้านข้างทิ้งเสียบ้าง” พระภิก ษุเสินกวงไม่เข้าใจความหมาย คิดว่าพระโพธิธรรม ต้องการให้ตนพิสูจน์ความจริงใจ ตีความหมายค�ำว่า “ตัดข้างๆ ทิ้ง” ผิด นึกว่าให้ตดั แขนทิง้ จึงคว้ากระบีข่ นึ้ มาตัดแขนซ้ายของตนเองทิง้ ในทันที เลือดกระจาย อาบหิมะแดงฉาน พระโพธิธรรมรีบท�ำแผลห้ามเลือดให้ ความศรัทธาจริงใจและ ความเด็ดเดี่ยวของพระภิกษุเสินกวง ท�ำให้พระโพธิธรรมซาบซึ้งใจ จึงถ่ายทอดธรรมให้ แล้วเปลี่ยนฉายาธรรมใหม่ให้เป็นพระภิกษุฮุ่ยเคอ หมายถึง "ผู้ตื่นแจ้งด้วยปัญญา" ต่อมาพระภิกษุฮยุ่ เคอก็ได้รบั การส่งมอบคฑาธรรม เพือ่ สืบทอด บาตรและจีวร เป็นพระบรรพจารย์รุ่นที่สองแห่งชมพูทวีปของนิกายเซ็น ต่อจากพระโพธิธรรม นี่คือต�ำนานที่มาของการที่พระสงฆ์ต้องห่มจีวร เฉลียงไว้ดา้ นซ้าย เป็นปริศนาธรรมที่ทิ้งไว้ให้ชนรุ่นหลังขบคิดพิจารณา จากตัวอย่างเรื่องราวของพระภิกษุเสินกวง ท�ำให้รู้ว่าแม้คนที่มี ความรู้มากมาย บรรยายธรรมะเก่ง ก็ใช่ว่าจะสามารถเข้าถึงซึ่งปัญญา ท่านเสินกวงแค่ได้ยินว่าให้ตัดข้างๆ เท่านั้น ก็คว้ากระบี่แล้วตัดแขนทิ้ง ทันที เพราะยังขาดปัญญาในการแยกแยะพิจารณา เพราะฉะนัน้ "ปัญญา" จึงไม่ใช่เรือ่ งของการเรียนรู ้ ปญ ั ญา" กับ "ความรู"้ แท้จริงคือคนละเรือ่ งกัน 22 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ตั ว อย่ า งการบ� ำ เพ็ ญ ปฏิ บั ติ ข องอริ ย บุ ค คลที่ มี ชื่ อ เสี ย งใน ประวัติศาสตร์ ไม่ว่าพระภิกษุเสินกวง กษัตริย์เหลียงอู่ตี้ ปราชญ์ขงจื้อ พระพุทธองค์ พระโพธิสัตว์กวนอิม ล้วนชี้ชัดให้ทุกคนรู้ว่า การจะเข้าสู่ สัมมาปัญญา ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจิตใจ ความรู้สึกนึกคิดของคนเรานั้น มักมีทั้งด้านมืด-ด้านสว่าง ดั่งเป็นทางสองแพร่งอยู่เสมอ ความนึกคิดของคนเรา เวลาทีค่ ดิ อะไรขึน้ มา ก็ลว้ นมี 2 หนทาง ทางหนึ่งไปในทางมิจฉา อีกทางหนึ่งไปในทางดี แม้ว่าคนๆนั้นสามารถ นั่งสมาธิจนเกิดนิมติ ต่างๆ เหาะเหินเดินอากาศได้ หรือมีอทิ ธิฤทธิบ์ ญ ุ ญา เพียงใด ก็ยงั ไม่ใช่สมั มาปัญญา เป็นเพียงหนทางข้างเคียง ไม่ใช่หนทาง ที่จะน�ำพาจิตญาณให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ มีแต่จะท�ำให้ จิตลุม่ หลง เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว บางครัง้ อาจใช้ความรู้ ความสามารถของตน หรือใช้อทิ ธิฤทธิบ์ ญ ุ ญาไปในทางทีผ่ ดิ ได้ นอกจาก ถ่วงรั้งชีวิตของตนเอง ยังอาจถ่วงรั้งผู้อื่น ชักน�ำผู้อื่นไปในทางที่ผดิ ด้วย
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
23
ตัวอย่างในพุทธศาสนาก็มีให้เห็น อย่างเช่นพระเทวทัตผู้ซึ่ง มีอิ ท ธิ ฤ ทธิ์ สามารถเหาะเหิ น เดิ น อากาศ หายตั ว ได้ แปลงกายได้ สามารถจับงูมาพันตัวได้ มีอำ� นาจยิง่ ใหญ่ แต่สดุ ท้ายก็ตอ้ งตกสูน่ รกภูมิ ผู้บ�ำเพ็ญธรรมหากจิตใจเที่ยงตรงก็จะสามารถเข้ า ถึ ง สั ม มา ธรรม บังเกิดซึ่งปัญญาธรรมและบ�ำเพ็ญส�ำเร็จธรรมได้ แต่หากจิตใจ ไม่เที่ยงตรงก็จะบังเกิดมิจฉาปัญญา ดั้งนั้นคนบ�ำเพ็ญ หากไม่เข้าใจ ธรรมจริง สุดท้ายแม้ไม่ตกสู่อเวจีภูมิ ก็ส�ำเร็จเป็นมาร คนที่มาบ�ำเพ็ญธรรมะก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ศึกษาให้เข้าใจใน หลักเหตุผลอันแท้จริง กลับติดอยู่ในต�ำรา ติดอยู่ในค�ำพูด ติดอยู่ในคน ปฏิบัติ ไม่ยึดในหลักเหตุผล อันเป็นค�ำสอนแห่งพระอริยเจ้า ยึดติดใน ความสัมพันธ์ส่วนตัว โดยที่ใครจะรู้ว่าคนเหล่านั้นก็อาจจะหลงผิดได้ อีกทั้งชักน�ำเราให้หลงผิดได้ การบ�ำเพ็ญธรรมะ ควรศึกษาให้เข้าใจถึงแก่นธรรมอันแท้จริง ศึกษาให้เข้าใจในหลักเหตุผล อย่าได้บ�ำเพ็ญปฏิบัติอย่างหลับหูหลับตา ติดยึดอยู่ในรูปลักษณ์ ติดยึดในความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างบุคคล อาจเป็นการถ่วงรั้ง หรือท�ำให้เดินผิดทางได้ ก็จะเหมือนกับค�ำโบราณที่ กล่าวไว้ว่า “ดั่งตักน�้ำด้วยตะกร้าหวาย สุดท้ายบุญกุศลรั่วไหลหมด” ที่ทุ่มเททั้งหมดกลับต้องสูญเปล่า เช่นนี้น่าเสียดายมาก 24 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ผู้มีปัญญาอันสูงส่ง ใช้จิตเป็นนาย ตั้งอยู่ในสัมมาธรรม ผูด้ อ้ ยซึง่ ปัญญา อาศัยเพียงกายและอารมณ์อนั กอปร ด้วยกิเลสเป็นนาย ด�ำรงชีวิตอย่างไร้แก่นสาร ไม่อาจ หลุดพ้นจากบ่วงแห่งความทุกข์
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
25
หลักเหตุผลว่ำด้วยกำรพิจำรณำปัญญำ
ข้อที่ 1.ปัญญาในการแยกตัวจริงกับตัวปลอมให้ออกสัมมาปัญญาที่ ควรพิจารณากันนี้ อาจมีข้อแตกต่างจากที่เราเคยฟังในพุทธศาสนา เป็นสัมมาปัญญาตามหลักค�าสอนทางอนุตตรธรรม ซึ่งอ้างอิงจาก พุทธมหายาน และหลักค�าสอนของวิถีปราชญ์
26 智慧之修持
บ� า เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ข้อที่ 1.ปัญญาในการแยกตัวจริงกับตัวปลอมให้ออก ท�ำอย่างไรถึงจะเข้าถึงปัญญาในการแยกแยะตัวจริงกับตัวปลอม ให้ออก ตัวจริงของคนเราอยู่ที่ไหน อะไรเรียกว่า “ตัวจริง” อะไรเรียกว่า “ตัวปลอม” แท้จริงแล้วร่างกายของคนเรานี้ คือตัวจริงหรือตัวปลอม ตัวจริง นัน้ อยูท่ ไี่ หน? ระหว่างตัวจริงกับตัวปลอม คุณสามารถแยกแยะออกไหม? หากไม่ศึกษา น้อยคนนักที่จะเข้าใจและแยกแยะออก กายสังขารนี้ตกอยู่ในภาวะของอิทธิพลของโลก ตกอยู่ใน อิทธิพลของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น�้ำ ลม ไฟ ในร่ า งกายของคนเราก็ ก อปรด้ ว ยธาตุ ทั้ ง 4 นี้ เช่นเดียวกัน ร่างกายนีไ้ ม่ยงั่ ยืน เปรียบประดัง่ บ้านหลังหนึง่ ซึง่ เรามาอาศัยอยูช่ วั่ คราว เท่านั้น วันใดสิ้นลมหายใจ กายสังขารก็เสื่อมสลาย ต้องกลับคืนสู่ดินน�้ำ ลมไฟ ไม่แตกต่างอะไรกันเลยกับท่อนไม้ที่ผุพัง ตัวจริงของเรา ก็คือ “พุทธจิตธรรมญาณ” แม้กายสังขารจะดับสิน้ แต่จติ ญาณตัวจริงจะไม่ดบั สูญ จิตญาณ ของคนเรามีความใสสว่าง เป็นภาวะอันบริสุทธิ์ดีงาม ดั่งน�้ำใสบริสุทธิ์ เป็นพุทธภาวะดุจเดียวกันกับพุทธะภาวะเซียนพุทธะโพธิสัตว์ทั้งหลาย
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
27
บางครั้งเมื่อชีวิตอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ก็ขาดสติยั้งคิด ขาดปัญญาแยกแยะ เพราะจิตใจของคนเรา น้อยคนนักจะไม่หวาดหวั่น เมื่อโรคภัยหรือความเป็นความตายมาเยือนชีวิต คนที่ตั้งใจกินเจตลอดชีวิต แต่วันหนึ่งเมื่อร่างกายเกิดเจ็บป่วย ขึน้ มา บังเอิญมีคนเขาบอกว่า “เธอมาหาฉันสิ ฉันช่วยเธอได้ จะท่องคาถา 7 ค�ำ ช่วยเป่ามนต์ให้เธอ หากท�ำตามค�ำแนะน�ำของฉัน รับประกันว่าโรค ของเธอก็จะหาย ถ้าเธอหาย เธอก็มาเป็นลูกศิษย์ฉัน” เจอเหตุการณ์แบบนี้ หากคุณแยกตัวจริงกับตัวปลอมไม่ออก จิตใจก็จะวิตกกังวลกับอาการเจ็บป่วยมากจนเกินไป ไม่ยอมไปหาการ รักษาทีถ่ ูกวิธี ใครบอกกินอะไรดี บ�ำรุงด้วยอะไรดี ก็ทำ� ตามเขาโดยไม่คดิ หน้าคิดหลัง ที่หนักกว่านั้น คือเพียงแค่คนอื่นเขาพูดโน้มน้าวนิดหน่อย แทนที่จะพิจารณากอ่น กลับหลงเชื่อตามเขาไป เขาบอกให้ท�ำอะไรก็ท�ำ ตามทุกอย่าง ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของเขา นีแ่ สดงว่าตัวปลอมมีอทิ ธิพล เหนือตัวจริง ตัวปลอมก�ำลังควบคุมตัวจริงอยู่ เรื่องนี้ส�ำคัญมาก บางคน บ�ำเพ็ญมาดีตลอดทั้งชีวิต กลับมาพลาดพลั้งตอนใกล้สิ้นลมหายใจ บางครัง้ ความวิตกกังวลทีม่ ากเกินไป อาจท�ำให้คนเราขาดปัญญายัง้ คิด ดังนั้นจึงควรฝึกจิตตัวเองอยู่เสมอ เมื่อจิตสงบ ปัญญาก็บังเกิด
28 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ลองมาพิจารณากันว่า ในชีวิตของคนเราทุกวันนี้ ทุกอริยบถ ตั้งแต่เรื่องการดู การกิน การนอน การฟัง การคิด การท�ำเรื่องต่างๆ เราได้ใช้ตัวจริงหรือตัวปลอมเป็นนาย
หากตัวปลอมเป็นนาย ผลก็จะเป็นลักษณะหนึ่ง
หากตัวจริงเป็นนาย ผลก็จะออกมาอีกลักษณะหนึ่ง
อย่างเช่น “การดู” หากตัวปลอมดู ก็จะติดยึดในสิง่ ทีต่ ามองเห็น ปากก็จะบอกว่า “คนนี้หล่อ ฉันชอบ, อันนี้สวย ฉันชอบ, อันนี้ไม่สวย ฉันไม่ชอบ, คนนี้ไม่หล่อ ฉันไม่ชอบ” เกิดความรูส้ กึ สองด้าน คือปฏิเสธกับยอมรับ แบ่งแยก-โต้ตอบ กัน หรือไม่ก็รู้สึกอันขัดแย้งกันในตัว นี่คือ “กรณีใช้ตัวปลอมเป็นนาย” หากใช้ ตั ว จริ ง เป็ น นาย ก็ จ ะไม่ เ กิ ด ความรู ้ สึ ก ที่ เ กลี ย ดชั ง เพราะภาวะจิตเดิมบริสุทธิ์งดงาม มีดวงตาเห็นธรรม บังเกิดปัญญา เข้าใจในหลักเหตุผล แม้วา่ คนทีต่ นพบเห็น เลวร้ายต�ำ่ ทรามอย่างไร จิตใจ ของคุ ณ ก็ ยั ง โอบอุ ้ ม ให้ อ ภั ย เขาได้ เพราะรู ้ ว ่ า นี่ เ ป็ น เพี ย งรู ป ลั ก ษณ์ ภายนอกเท่านั้น จิตใจของเขาก็เป็นพุทธะเช่นเดียวกัน หากตัวจริงเป็นนาย ใจก็จะเกิดความเวทนาสาร มีความรัก เมตตาต่อคนผู้นั้น ไม่มีจิตแบ่งแยก ไม่มีจิตเปรียบเทียบ เพราะเห็นแค่ เพียงจากรูปลักษณ์ภายนอก จะไม่มานั่งคิด หรือถือสาหาความว่าเขา แย่กว่าเรา เขาเป็นอย่างนัน้ เขาเป็นอย่างนี้ นีค่ อื “กรณีตวั จริงเป็นนาย” 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
29
หากคนเราไม่อาจแยกแยะระหว่างตัวจริงกับตัวปลอมได้ กไ็ ม่อาจ เข้าถึงสัมมาปัญญาที่แท้จริง ไม่อาจบ�ำเพ็ญสภาวะจิตของตนให้อยู่ใน สภาวะที่เป็นปัญญาวิมุติ ซึ่งปํญญาวิมุตินี้เป็นปัญญาอันสูงสุดที่ช่วยให้ ตัดหนทางสูน่ รกภูมไิ ด้ อีกทัง้ ช่วยให้สามารถเอาชนะกิเลสมารทัง้ หลายได้ ผูท้ แี่ ยกแยะได้ ก็จะรูว้ า่ กายสังขารตัวปลอมนี้ ซึง่ กอปรด้วยดิน น�ำ้ ลม ไฟ กายสังขารนีเ้ ขาต้องการกิน ต้องการอยู่ ต้องการพักผ่อน ต้องรูจ้ กั ใช้ปญ ั ญาพิจารณาว่าควรท�ำอย่างไร ทีจ่ ะประคองชีวติ ไว้ในจุดทีเ่ หมาะสม เมือ่ ร่างกายต้องการกิน ก็กนิ ให้ถกู ต้อง กินในสิง่ ทีเ่ ป็นประโยชน์ ต่อสุขภาพ กินด้วยความเข้าใจ โดยทีไ่ ม่ตอ้ งไปสร้างหนีเ้ วรกรรมอีกต่อไป อย่างเช่นการกินเจ คือการปฏิบัติอันประเสริฐ เรียกว่ากินอย่างมีปัญญา เพื่อไม่ให้ท้องของเรากลายเป็นป่าช้าฝังชีวิตของเวไนย หากกินตามกิเลสความอยากของปาก ไม่ค�ำนึงถึงศีลธรรม และเมตตาธรรม ปากชอบกินเนือ้ สัตว์ เคยชินกับการกินชีวติ ผูอ้ นื่ ท�ำให้ เป็นการก่อกรรม ผูกกรรมกับเวไนย ถูกกายปลอมตัวนีบ้ งการให้ลมุ่ หลง ควรพิจารณาให้ลมุ่ ลึกว่าขนาดคนเรายังรักชีวติ สัตว์ไหนเลยจะไม่รกั ชีวติ คนธรรมดาทัว่ ไป เป็นเพราะไม่รจู้ กั ตัวจริง เมือ่ เห็นไก่กอ็ ยากกิน ไก่ เห็นหมู เห็นปลา เห็นเนื้อสัตว์ ก็อยากกิน เคยชินกับการกินเนื้อสัตว์
30 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
หากถามว่าตัวจริง ซึ่งหมายถึงจิตญาณของมนุษย์เรา ต้องการ กินเจหรือต้องการกินเนื้อสัตว์ คนที่เป็นญาติธรรมก็จะตอบว่า “กินเจ” แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนัน้ จิตญาณของทุกคน เป็นสภาวะ ทีสมบูรณ์พร้อมอยู่ในตัว ไม่มีความอยาก ไม่ต้องการทั้งกินเจหรือกิน เนือ้ สัตว์ ตัวจริงของคนเรานัน้ ไม่ต้องการทั้งสองอย่าง เพียงแต่ตัวจริง เมือ่ อยูใ่ นกายสังขาร ก็รวู้ า่ กายสังขารจ�ำเป็นต้องได้รบั อาหารหล่อเลีย้ ง จึงจะสามารถด�ำรงชีวิตอยู่ได้ ตัวจริงรู้ว่าควรกินเจ ไม่ควรผูกกรรม ตัวจริงมีสัจพลังศักดิ์สิทธิ์ แฝงเร้นอยู่ข้างใน วันหนึ่งเมื่อตื่นแจ้งเข้าใจ ก็สามารถตั้งมั่นในคุณธรรม มีอ�ำนาจอิทธิพลเหนือตัวปลอม ใช้ชีวิตโดยมีตัวจริงเป็นนาย แต่ทำ� ไมทุกวันนีผ้ คู้ นส่วนใหญ่นยิ มบริโภคเนือ้ สัตว์เป็นอาหาร ถ้าหากวิเคราะห์ตามเหตุผล ก็คือคนเราเวียนว่ายตายเกิดมานานมาก ท�ำให้จิตญาณเดิมถูกอาสวะกิเลสบดบัง จึงลุ่มหลง ตัวปลอมมีอ�ำนาจ เหนือตัวจริง
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
31
ในสังคมทุกวันนี้ เราเห็นได้ชัดว่ามีหลายคนกินผักน้อยมาก ส่วนคนทีไ่ ม่ยอมกินผักเลยก็มเี หมือนกัน บางคนแม้กนิ แต่ผกั เป็นอาหาร ก็ยังติดยึดในความอร่อยลิ้น ตัวปลอมบงการจิตว่า “กินเข้าไป ยิ่งกิน ยิ่งอร่อย ยิ่งกิน ยิ่งมีความสุข ด้วยเหตุนี้จึงก่อกรรมท�ำเข็ญโดยไม่รู้ตัว ทีก่ อ่ หนีบ้ าปนี้ ก่อให้กบั ใคร ก่อให้ตวั ปลอมหรือก่อให้ตวั จริง มี ใครที่ตื่นตัวรู้แจ้งบ้างว่าแท้จริงตัวปลอมก�ำลังก่อหนี้สินเวรกรรมให้กับ ตัวจริง ก�ำลังท�ำร้ายจิตญาณตัวจริงอยู่ ท�ำให้จิตญาณเมื่อละกายสังขาร ก็จะต้องสูต่ กนรกภูมิ และไปเกิดเพือ่ ชดใช้ผลกรรมทีต่ วั ปลอมสร้างไว้ให้
32 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ตัวอย่างจากเรื่องจริง ชาติก่อนมีกรรม เคยเกิดเป็นหมู ถูกเข่นฆ่า รวดร้าวเจ็บปวดทรมาน ชาตินี้ไม่กล้ากินเนื้อสัตว์ ฟ้าเมตตาให้ระลึกชาติได้ ความเจ็บปวดทุกอณูยังจดจ�ำได้ดี
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
33
อาจารย์หง ซึง่ เป็นอาจารย์บรรยายชือ่ ดัง ได้เล่าให้ผเู้ ขียนฟังว่าที่ จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อชาติที่แล้วเกิดเป็นหมู เขาบอกว่า เวลาถูกฆ่ามันเจ็บปวดทรมานมากๆ พอฆ่าเสร็จ เนื้อหมูซึ่งถูกช�ำแหละ วางอยู่ที่แผง วิญญาณของมันจะเฝ้าอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ด้ ว ยความอาฆาตแค้ น ใครมาซื้ อ เนื้ อ ของมั น ไปกิ โ ลหนึ่ ง วิญญาณหมูกจ็ ะตามไปถึงบ้าน เพือ่ ไปดูวา่ ใครกินเนือ้ ของมันบ้าง แล้วก็ กลับมาเฝ้าเนือ้ ของมันต่อ จนเนือ้ ขีดสุดท้าย มันก็ตามไปดู ดูจนเนือ้ หมด หนังหมูทแี่ ขวนอยู ่ วญ ิ ญาณของพวกมันยังติดอยูต่ รงนัน้ เวไนย ไม่วา่ มนุษย์หรือสัตว์ลว้ นยึดติดผูกพันกายสังขาร จึงต้องเจ็บปวดทรมาน ไม่ง่ายกว่าที่จะดิ้นหลุดออกมาได้ ต่อมาวิญญาณหมูก็ได้ไปเกิดเป็นผู้ชายคนนี้ ซึ่งอยู่ที่เชียงใหม่ ในชาตินี้เขาไม่กล้ากินหมู ไม่กล้ากินเนื้อสัตว์ เวลาเดินเข้าไปในตลาด ทุกครั้งเมื่อผ่านเขียงขายหมู เขาจะรู้สึกสยองพองเกล้า กลัว ตัวสั่นเทา ไม่กล้ากินเนื้อสัตว์ เพราะเขาระลึกถึงความเจ็บปวดที่ตนเองประสบ เมื่อชาติอดีตได้เป็นอย่างดี ผู้ชายคนนี้เขาระลึกชาติได้ เขาก็ให้ดูหลักฐาน ปลดกระดุมเสื้อ ให้ดู ปรากฏว่าทีห่ น้าอกของเขามีแผ่นหนังหมูตดิ อยูจ่ ริง ผิวหนังทีห่ น้าอก เหมือนแผ่นหนังหมูไม่ผดิ เพีย้ น และมีขนหมูตดิ อยูด่ ว้ ย เขาบอกว่านีด่ ซู ิ เนื้อแผ่นนี้ที่ไม่มีคนซื้อ เอามันมาด้วยชาตินี้
34 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
บางคนแย้งว่า “ฉันไม่ได้ฆ่าสักหน่อย คนอื่นเขาฆ่า ฉันไม่น่าจะ บาปนะ” อาจารย์หง ได้เล่าอีกหนึ่งตัวอย่างให้ผู้เขียนฟัง จึงขอหยิบยก มาน�ำเสนอเพื่อให้พิจารณา อาจารย์หงเล่าว่า ที่เยาวราชมีชายคนหนึ่ง เขาไม่ได้ฆ่าหมู แต่เป็นพ่อค้าขายหมูหัน ขายวันละ 200 ตัว มีก�ำไรดีมาก จนไม่นานเขาก็มีฐานะร�่ำรวยติดอันดับเเศรษฐี ชายคนนีข้ ายหมูหนั โดยวิธไี ปซือ้ ลูกหมูทเี่ ขาฆ่าเสร็จสรรพแล้ว น�ำมาเสียบไม้ แล้วก็ปิ้งขาย ท�ำอย่างนี้ทุกวันๆ อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เขาขับรถ โดยมีลูกชาย อายุ 18 ปี นั่งอยู่ ข้างหลัง ขณะที่เขาขับรถไปในตรอกถนน เมื่อขับไปถึงทางแยก บังเอิญ รถคันข้างหน้าเหยียบเบรกหยุดรถกะทันหัน ท�ำให้รถของเขาก็ต้องหยุด กะทันหันเหมือนกัน ในรถของเขาไม่มีกันชนด้วย แรงกระแทกท�ำให้ลูกชายของเขา หน้าคว�ำ่ มาทีเ่ บาะหน้า ตรงคอนโซลหน้า ก้นชีโ้ ด่งขึน้ ขณะเดียวกันข้างหลัง มีรถตามมาคันหนึ่ง รถคันนี้ก็ต้องเหยียบเบรกกระทันหันเหมือนกัน แต่เผอิญรถคันนีบ้ รรทุกเหล็กเส้นมาด้วย ท�ำให้มเี หล็กเส้นพุง่ มาอย่างเร็ว เสียบเข้าทวารหนัก ทะลุปากลูกชายของเขาพอดี ลกู ชายเขาร้องโหยหวน ดิ้นทรมานตายอยู่ตรงนั้น ต่อหน้าต่อตาของเขา พ่อค้าขายหมูหันคนนี้ไม่ได้ลงมือฆ่าหมูเอง แต่เหตุไฉนลูกชาย จึงต้องตายอย่างน่าอนาถ โดนเสียบเหมือนกับหมูหัน มันโหดร้ายเหลือ เกินส�ำหรับเขา บทเรียนราคาแพงครัง้ นีท้ ำ� ให้เถ้าแก่สำ� นึกเสียใจ เขารูส้ กึ ละอายในความผิดบาปของตนเอง จึงเลิกกิจการขายหมูทันที 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
35
ตัวอย่างเรือ่ งพ่อค้าขายหมู เป็นตัวอย่างทีท่ ำ� ให้เห็นภาพชัดเจน เพราะฉะนั้นไม่ควรกล่าวอ้างเหตุผลว่า “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าสักหน่อย ฉันไม่มคี วามผิดบาป” นีเ่ ป็นเหตุผลที่ไร้น�้ำหนัก ไม่อาจหักลบกรรมได้ ควรรูว้ า่ แค่เรากินเนือ้ เขา วิญญาณเขาก็แค้น เราสนับสนุนให้ คนอื่นกิน วิญญาณสัตว์ก็ยิ่งแค้น ทั้งคนกินและคนสนับสนุนก็ผิดบาป เพราะฉะนัน้ ถ้าเราขาดปัญญาในการแยกแยะระหว่างตัวปลอม กับตัวจริง วันนีท้ เี่ ราได้รบั ธรรมะ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เรายังผูกพันอยู่ กับตัวปลอม ยังมีความเข้าใจแบบผิดๆ คิดว่าตัวปลอมนีค้ อื ตัวตนของเรา จึงติดยึดในอัตตาตัวตน เกิดภาวะที่เย่อหยิ่ง จองหอง อวดดี ยะโส โอหัง ดูเหมือนความเคยชินทีไ่ ม่ดี อันเป็นภาวะทีเ่ ต็มด้วยกิเลส ทุกอย่างช่างมี ครบถ้วน เพราะตัวปลอมมีความยึดติดในรูปลักษณ์
36 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
จิตญาณตัวจริงนัน้ เป็นภาวะอันบริสทุ ธิง์ ดงาม ไม่ยดึ มัน่ ถือมัน่ ตัวจริงของทุกคน เป็นพุทธะภาวะเท่าเทียมกัน เพราะฉะนัน้ คนทีแ่ ยกแยะ ออกในเรื่องของตัวจริงกับตัวปลอม เขาจึงสามารถเป็นผู้ปฏิบัติธรรมได้ วันนีพ้ ระพุทธจีก้ ง พระโพธิสตั ว์จนั ทรปัญญา พระวิสทุ ธิอาจารย์ แห่งสามภพ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพวกเรา ได้ใช้กุญแจทองเปิดประตู จุดญาณทวารให้แล้ว ศิษย์จงึ สามารถเดินเข้าไปพบตัวจริงของตนเองได้ แต่ปรากฏว่าพวกเรากลับติดอยู่แค่หน้าประตู ไม่ยอมเดินเข้าไปข้างใน เพื่อพบพระพุทธะแท้จริง ฉะนั้นทุกๆวันจึงเห็นแต่ตัวปลอมของตนเอง เห็นแต่ตัวปลอมของคนอื่น ลืมตัวจริงของตัวเองไปหมดสิ้น เมื่อตัวปลอมครอบง�ำ เวลาเจอใครที่เขาปฏิบัติไม่ดีกับตัวเอง ก็เกิดความรูส้ กึ โทษกล่าวว่า “อะไรกัน ธรรมะดีอย่างนี้ ท�ำไมคนนัน้ ไม่ดี ท�ำไมเป็นอย่างนั้น ท�ำไมเป็นอย่างนี้ ท�ำไมวุ่นวายเหลือเกิน” ความคิดอันมืดลบสั่งสมทุกวัน สุดท้ายสอบตัวเองเลิกบ�ำเพ็ญ ตีตัวออกห่างจากอาณาจักรธรรม อย่างนี้เรียกว่าจิตติดอยู่แค่ตัวปลอม ผู้ที่มีปัญญาอันแท้จริง จะไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เขาจะรู้จัก แยกแยะด้วยหลักเหตุผล รูว้ า่ เส้นทางเดินชีวติ ของตนเอง วิถกี ารบ�ำเพ็ญ สายนี้ คือเส้นทางที่ควรเลือกเดินด้วยตนเอง ต่อไปไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะขึ้นหรือลงอยู่ที่ตัวเองทั้งสิ้น หากติดยึดอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอก ปล่อยให้ตวั ปลอมชักน�ำจิต ยากทีจ่ ะบังเกิดปัญญา ถ่วงรัง้ ความก้าวหน้า อีกทั้งสุ่มเสี่ยงต่อการสอบตัวเองให้ตกไป 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
37
สัมมาปัญญาข้อที่ 1 เน้นหัวใจส�ำคัญ คือสอนให้ทกุ คนรูว้ า่ ควร แยกตัวปลอมกับตัวจริงให้ออก ให้เรารูว้ า่ ตัวจริงนัน้ แท้ทจี่ ริง ไม่ตอ้ งการ อาหารทางโลกเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับต้องการอาหารทางธรรม ท่านทัง้ หลายเวลานีล้ ว้ นแต่รบั อาหารของตัวจริงทัง้ สิน้ ได้ศกึ ษา หลักสัจธรรม ได้รับความซาบซึ้งในรสพระธรรม บังเกิดปัญญาธรรม เมื่อเราได้ศกึ ษาเรียนรู้ ก็แปรความรูใ้ ห้เป็นปัญญา เช่นนีเ้ รียกว่าเป็นการ ก่อให้เกิดสภาวะของธรรมะขึ้นในจิตของเรา นี่ก็คือการบ�ำเพ็ญ
38 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
หลักเหตุผลว่าด้วยการพิจารณาปัญญา ข้อที่ 2 การได้รับธรรมะ ช่วยให้เข้าถึงซึ่งปัญญาธรรม ผู้ที่เข้าถึงปัญญาธรรม จะสามารถเข้าถึงพระนิพพาน
พระพุทธองค์ตรัสว่า “ผู้ที่จะค้นหานิพพานนั้น ให้ค้นหานิพพานในตัวเองก่อน นิพพานค้นพบได้ในใจตน ไม่ต้องไปค้นหาจากที่อื่นไกล
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
39
พระนิพพาน
40 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ข้อที่ 2 การได้รับธรรมะ ช่วยให้เข้าถึงซึ่งปัญญาธรรม ท�ำให้รู้ว่าในยุคท้ายปลายกัป ฟ้าเบื้องบน องค์ธรรมมารดา เมตตาให้มีการปกโปรดสามภพ ชั้นเทวภูมิ ปกโปรดเทพเทวา นรกภูมิ ปกโปรดเหล่าวิญญาณ มนุษย์ภูมิปกโปรดมนุษย์ จิตญาณเดิมของมนุษย์ชาติล้วนมาจากอนุตตรภูมิ อนุตตรภูมิ คือแดนนิพพาน เป็นบ้านเดิมของจิตญาณ พระพุทธองค์ตรัสว่า “ผูท้ จี่ ะค้นหานิพพานนัน้ ให้คน้ หานิพพาน ในตัวเองก่อน ผูท้ คี่ น้ พบนิพพานในตนเองแล้ว ไม่ตอ้ งไปค้นหานิพพาน จากที่อื่นไกล” นิพพานไม่มนี อกตัว คนทีอ่ ยากจะไปนิพพาน คนนัน้ จะไม่ได้ไป นิพพาน คนทีป่ ฏิบตั ดิ ปี ฏิบตั ยิ อม จิตใจไม่ยดึ ติดว่าจะต้องไปนิพพาน คน นั้นจะได้ไปนิพพาน คนที่จิตใจติดยึดรูปลักษณ์ อยากไปนิพพาน มุ่งค้นหานิพพาน ทีอ่ ยูภ่ ายนอกตัว เทีย่ วแสวงหาเกจิอาจารย์เก่งๆ เพือ่ ให้ชว่ ยชีแ้ นะหนทาง คนเหล่านี้แม้ว่าจะเวียนว่ายมากี่อสงไขย ก็ไม่อาจค้นพบพระนิพพาน เพราะนิพพานแท้จริงอยู่ในตัวของเขาเอง ไม่ใช่ค้นหาเจอจากที่อื่นไกล มีเพียงพระวิสทุ ธิอาจารย์เท่านัน้ ทีส่ ามารถชีแ้ นะหนทางกลับคืน สู่พระนิพพานได้ ซึ่งพระองค์ธรรมมารดามีบรรพชาให้พระพุทธจี้กงและ พระโพธิสตั ว์จนั ทรปัญญา สนองรับโองการสวรรค์เป็นพระวิสทุ ธิอาจารย์ แห่งธรรมกาลยุคขาว สนองเกณฑ์วาระฟ้าฉุดช่วยเไวนยทั้งสามภพ 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
41
พระอาจารย์ได้ชห้ี นทางตรงให้รแู้ ล้วว่าหนทางนิพพานอยูต่ รงนี้ แต่เราเคยเดินเข้าไปสัมผัสนิพพานหรือไม่ จุดทีพ ่ ระอาจารย์ไขกุญแจให้ ก็คือ “ทวารวิเศษ” หรือเรียกว่า “ประตูเข้าสู่นิพพาน” ผูใ้ ดทีต่ อ้ งการพบนิพพาน ต้องเดินเข้าไปในประตู จึงจะสามารถ ค้นพบนิพพานของตัวเอง เส้นทางสายนีค้ ณ ุ ต้องก้าวเดินเข้าไปด้วยตัวเอง เพื่อไปสัมผัสสภาผวะนิพพานในตัวเอง คนที่สามารถสัมผัสสภาวะนิพพานในตัวเองได้ จะสามารถ เข้าถึงและรู้แจ้งในอนุตตรภูมิ แต่เขาก็ไม่บอกใครได้ว่า “ตอนนี้ฉันพบ นิพพานแล้ว” ใครกล้าพูดอย่างนี้ แสดงว่าเขาก�ำลังโกหก เพราะความจริง คือสภาวะนิพพานนั้น จะต้องอาศัยการบ�ำเพ็ญปฏิบัติและสัมผัสเข้าถึง ด้วยจิตของตนเอง ไม่อาจใช้ตัวอักษร ไม่อาจใช้ค�ำพูดใดๆ มาอธิบาย หรือมาบอกกล่าวกันได้ พระพุทธจี้กงกล่าวว่า “อาจารย์คือผู้ชี้หนทางสว่างให้ แต่ศิษย์ ทัง้ หลายจะต้องเดินเข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง ตืน่ แจ้งด้วยตนเอง การจะ ส�ำเร็จธรรมได้หรือได้นั้น ขึ้นอยู่ที่ฝีมือการบ�ำเพ็ญของศิษย์เอง หากรู้ แต่ไม่ปฏิบัติ ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด” ค�ำว่า “พระนิพพาน” ไม่อาจที่จะใช้ภาษาใดๆ ในโลกมนุษย์นี้ มาอธิบายหรือมาเปรียบเทียบได้เลย การเข้าถึงสภาวะแห่งพระนิพพาน จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัว ดังที่ภาษาพระบอกว่า “ปัจจัตตังเว” หมายถึ ง “รู ้ ไ ด้ เฉพาะตัว” ไม่มีใครบอกใครได้ 42 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ใครก็ตามทีก่ ล่าวอวดอ้างว่าตนเองนัน้ เข้าถึงนิพพานแล้ว ตนเอง ส�ำเร็จธรรมขัน้ สูงสุดแล้ว พฤติกรรมแบบนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นการ อวดอุตริมนุษยธรรม แต่กม็ อี กี ค�ำพูดหนึง่ คือ“อรหันต์ยอ่ มรูซ้ งึ่ อรหันต์” ค�ำพูดนีห้ มายความอย่างไร หลายคนอาจรูส้ กึ ขัดแย้งกัน ผูเ้ ขียน ขออนุญาตอธิบายให้เข้าใจ ความหมายค�ำว่า “อรหันต์ยอ่ มรูซ้ งึ่ อรหันต์” หมายถึง คนที่สัมผัสถึงและรู้ถึงภาวะนิพพานนั้น ท่านเหล่านั้นสามารถ สื่อถึงสภาวะความรู้สึกเดียวกันได้ด้วยจิต จึงไม่จ�ำเป็นต้องพูดบอกกัน ต่างคนต่างรู้ ต่างคนปฏิบัติบ�ำเพ็ญเป็น ต่างคนต่างสามารถเข้าถึง ต่างคนล้วนมีสภาวะนั้น ไม่แบ่งแยกสูงต�่ำ ไม่มีการเปรียบเทียบกัน ส่วนใครก็ตามที่อวดอ้างว่าตนเองบ�ำเพ็ญส�ำเร็จธรรม ตนเอง สามารถบ�ำเพ็ญถึงขั้นบรรลุพระนิพพานแล้ว บุคคลเหล่านี้ล้วนแต่เป็น ผู้อวดอุตริมนุษยธรรมทั้งสิ้น อวดอ้างตนเอง ไม่รู้แก่นสัจธรรมแท้จริง ตรงตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ชัดเจนที่สุด
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
43
ประเทศไทย ไม่แปลกเลยคุณทีอ่ าจได้ยนิ เสมอๆ ถึงค�ำกล่าวอ้าง ต่างๆ เช่น “ดิฉันถอดจิตไปพบพระพุทธเจ้ามา ดิฉันไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้น นี้มา ฉันสามารถเหาะได้ ฉันสามารถท่องสวรรค์ ท่องนรกได้” เมื่อได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้ ทุกคนควรใช้ปัญญาของตัวเองคิด พิจารณา ใช้สัมมาปัญญาพิจารณาแยกแยะถูกผิด การบ�ำเพ็ญปฏิบัติ ธรรม ส�ำคัญที่สุดคือการสร้างบุญจริงกุศลแท้ บ่มเพาะคุณธรรมบารมี ฉุดช่วยเวไนย ตัง้ มัน่ ในเมตตาธรรม มโนธรรม ทุม่ เทหยัดยืนอยูบ่ นความ เป็นจริง ไม่ใช่แค่รู้ ไม่ใช่แค่เล่าเรียน หรือหมกมุ่นจมอยู่กับต�ำราเท่านั้น หากคุณไม่บำ� เพ็ญจริงปฏิบตั แิ ท้ ไม่มบี ญ ุ จริงกุศลแท้ ต่อให้คณ ุ เป็นพระภาคอาวตารของพระพุทธองค์ พระโพธิสตั ว์กวนอิม เซียนพุทธะ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระองค์ไหนก็ตาม ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสุดท้ายแล้ว ตนเองก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรม หนีไม่พ้นต้องเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นการได้พบเจอกับเซียนพุทธะหรือโพธิสัตว์ ได้มีโอกาส กอดชายผ้าเหลืองพระ ติดตามผู้บ�ำเพ็ญปฏิบัติที่มีคุณธรรมบารมีสูงส่ง จะเกิดผลดีได้อย่างไร หากตนเองไม่ลงแรงไปทุ่มเทบ�ำเพ็ญปฏิบัติจริง ไม่มีบุญกุศลใดที่ลงมือสร้างด้วยตัวเอง เช่นนี้แล้วต่อให้เป็นพระพุทธะ หรือโพธิสัตว์พระองค์ใดก็ช่วยเหลือคุณไม่ได้
44 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
พระพุทธองค์ ทรงชี้ชัด "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต"
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
45
ตัวอย่างนิทานชาดก พระอรหันต์ ปราบมาร
46 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
มีตวั อย่างชาดกในพระคัมภีร์ กล่าวถึงว่า “หลังจากพระพุทธเจ้า เข้าสู่ปรินิพาน มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งบ�ำเพ็ญอยู่กลางทะเล จนส�ำเร็จเป็น พระอรหันต์ และในกาลนั้น ก็มีพระราชาเมืองหนึ่ง ทรงเป็นพระราชาที่มีชื่อ เสียงเกริกไกร บุญบารมียงิ่ ใหญ่มาก เป็นทีแ่ ซ่ซอ้ งสรรเสริญของปวงประชา วันหนึ่งพระราชามีราชประสงค์จะท�ำบุญใหญ่ จึงมีรับสั่งให้ นิมนต์พระภิกษุที่อยู่ในเมืองออกมารับถวายเครื่องอุปฐาก ครั้นพญามารรู้เข้า ก็เกิดความริษยาขึ้นมาทันที เข้ามาก่อกวน กลั่นแกล้ง ท�ำทุกอย่างเพื่อที่จะขัดขวางการสร้างกุศลใหญ่ของพระราชา เวลานั้นมีพระองค์หนึ่งไม่อาจทนดูเหตุการณ์เช่นนี้ จึงเดินทาง ไปนิมนต์พระอรหันต์ผู้ซึ่งบ�ำเพ็ญอยู่ ณ เกาะกลางทะเล เพื่อให้มาปราบ พญามารผู้โอหัง เมื่อเดินทางมาถึง พระภิกษุผู้เป็นอาคันตุกะก็กล่าวด้วยความ นอบน้อมเคารพว่า “ท่านอรหันต์ผู้เจริญ ทราบข่าวว่าท่านนั้นบ�ำเพ็ญ ตะบะบารมีแก่กล้า ท่านอยู่ที่เกาะกลางทะเแห่งนี้ บ�ำเพ็ญในศาสนาของ พระผู้มีพระภาคเจ้ามาเป็นเวลาอันยาวนาน ยังไม่ได้ท�ำคุณประโยชน์ อันใดให้กับพุทธศาสนาเลย เวลานี้ได้มีพญามารตนหนึ่งเข้ามาก่อกวน การสร้างกุศลใหญ่ของพระราชา ท�ำความเดือดร้อนให้ประชาชน ไม่มใี คร ปราบได้ อาตมาได้ยินชื่อเสียงของท่าน จึงเดินทางมาทีีนี่ ถือโอกาส ในครัง้ นี้ เรียนเชิญท่านสร้างคุณประโยชน์เพือ่ ปกป้องพุทธศาสนา ขอให้ ท่านนั้นไปช่วยปราบมารร้าย เพื่อน�ำความสงบมาสู่บ้านเมืองด้วยเถิด” 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
47
พระอรหันต์ผู้บ�ำเพ็ญตบะแก่กล้า จึงมาแสดงฤทธิ์ แล้วก็จับ มารร้ายผูกไว้กับภูเขา โดยสาปไว้ว่า “ให้เวลาล่วงไปเจ็ดวัน เจ็ดคืน เจ็ดเดือน เจ็ดปี ถึงจะหลุดออกจากการถูกมัดนี้ได้” พอถูกมัด พญามารก็ยิ่งดิ้น แต่ดิ้นเท่าไหร่ ก็ไม่อาจต่อกรกับ อิทธิฤทธิ์ของพระอรหันต์ได้ ยิ่งดิ้น ยิ่งถูกรัดแน่น พญามารโมโหสุดขีด เปล่งอุทานออกมาว่า คอยดูนะ ข้าจะต้องส�ำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้ พระอรหันต์เมื่อได้ยินดังนี้ ก็กล่าวว่า “โอ..บัดนี้เจ้าคือผู้เจริญ อาตมาขออนุโมทนาบุญกับเจ้า เวลานี้จิตของเจ้าได้เข้าสู่สภาวะของ พระพุทธะแล้ว เอาล่ะ...เราจะปล่อยเจ้า เพราะเจ้าบังเกิดจิตส�ำนึกดี แต่เจ้าจงนิมิตดูซิว่า พระพุทธเจ้าในกาลกัปป์ที่เจ้าจะไปเป็นนั้น รูปร่าง หน้าตาและลักษณะท่าทีเป็นอย่างไร” พญามารบอกว่า เอาล่ะ...เราจะนิมิตก็ได้ แต่ขอสัญญากับท่าน ข้อหนึ่งก่อน เวลาเห็นเราเป็นพระพุทธเจ้า ห้ามกราบเราเป็นอันขาด เพราะเราคือพญามาร พระอรหันต์ก็เอ่ยปากรับค�ำ ครั้นแล้วพญามารก็ จ�ำแลงกายเป็นพระพุทธเจ้าในกัปป์ที่เขาจะไปเกิด พระอรหันต์เมื่อเห็นดังนี้ จึงก้มลงกราบทันที พญามารตกใจ จึงคืนร่างเดิมทันที แล้วถามพระอรหันต์วา ่ “ท่านสัญญาแล้วไม่ใช่หรือว่า จะไม่กม้ กราบเรา” พระอรหันต์ตอบว่า “อาตมาไม่ได้กม้ กราบพญามาร แต่กราบพระพุทธเจ้า ไม่ได้ผิดค�ำพูดแต่อย่างใด”
48 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
เรื่องพระอรหันต์ปราบมาร ให้ข้อคิดเป็นอย่างดีว่าใครก็ตามที่ บอกว่าเขาไปพบพระพุทธเจ้า หรือชวนคุณไปพบพระพุทธเจ้าด้วยการ นั่งสมาธิ ถอดจิต ก็ขอให้ฟังเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ ไม่มใี ครสามารถไปพบกับพระพุทธองค์ในแดนนิพพานได้ทงั้ ที่ ยังมีกายเนื้อนี้อยู่ หรือรวมทั้งการนั่งสมาธิถอดจิต นอกจากบ�ำเพ็ญจริง ปฏิบัติแท้จนสามารถละกายสังขารส�ำเร็จธรรม ไม่ใช่ถอดจิตซึ่งยังเต็ม ไปด้วยอาสวกิเลสต่างๆมากมาย แล้วไปพบพระพุทธองค์ นี่คือเรื่องที่ ไม่อาจเป็นไปได้ พระพุทธองค์ตรัสไว้ชัดเจนว่า “ผู้ใดดวงตาเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต” จิตเดิมแท้ของทุกคน มีพทุ ธภาวะเฉกเช่นเดียวกับพระพุทธองค์ ฉะนั้นเมื่อดวงตาเราเห็นธรรม ก็สามารถค้นพบจิตเดิมแท้ หมายถึงเห็น ธรรมในตนเอง นั่นก็คือคุณได้พบพระพุทธองค์แล้ว พระอรหันต์ผนู้ กี้ ราบไหว้พระพุทธองค์ ก็คอื กราบไหว้จติ พุทธะ ของเขา เพราะจิตธรรมญาณเดิมของเวไนยล้วนคือพุทธะ เพราะฉะนั้นการเรียนรู้เรื่องของอนุตรภูมิ หรือแดนนิพพานนั้น ควรใช้ปัญญาแยกแยะ
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
49
เทวโลก
50 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ต่อมาจะพูดถึง “เทวโลก” แท้จริงเทวโลกนั้นมีสภาวะเป็น อย่างไร ผู้เขียนจะขอหยิบยกตัวอย่างมาเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน สภาวะเทวโลก เช่น การที่ทุกคนกลับมาสถานธรรม ได้มีโอกาสนั่งฟัง หลักธรรมด้วยจิตใจอันนิ่งสงบ นี่ก็เปรียบดั่งคุณก�ำลังนั่งอยู่ในเทวโลก การทีส่ ภาวะจิตรูส้ กึ ดี รูส้ กึ สงบ รูส้ กึ มีความสุข การไม่ตอ้ งเกีย่ ว พันกับภายนอก จิตใจรูส้ กึ เบิกบานไหม ไม่อจิ ฉา ไม่รษิ ยา ไม่โกรธใคร ไม่ วุ่นวาย สภาวะเช่นนี้ เฉกดั่งสภาวะเทวโลก สภาวะที่เป็นเทวโลก ยังรวมถึงการที่เรารู้สึกอยากท�ำความดี อยากทีจ่ ะฉุดช่วยผูค้ น มีจติ ใจเมตตาต่อคนทัง้ หลาย อยากช่วยเหลือเขา รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขา สงสารเขา สภาวะเช่นนี้ เป็นสภาวะของเทวโลก
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
51
สภาวะจิตใจทีเ่ คลือ่ นขยับ สัจจพลังทีเ่ ปล่งแสดงออกจากจิตเดิม แท้ หรือจากจิตธรรมญาณ คิดแต่ในทางทีด่ ี อยากสร้างคุณงามความดีให้ ปรากฎไว้ในโลกนี้ นี่ก็คือสภาวะเทวโลก มีค�ำกล่าวว่า การเข้าสู่นิพพานนั้นไม่ต้องเอาอะไรติดตัวไปเลย คนที่ยังพกพาเอาสิ่งต่างๆ เอากิเลสตัดหาและบ่วงพันธการทั้งหลาย ติดตัวไปด้วย ย่อมไม่อาจไปถึงซึ่งนิพพาน มนุษย์ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลก เป็นคนดี ชอบท�ำบุญบริจาค ทาน สร้างวัดอาราม ช่วยเหลือผู้คน สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ จิตมุง่ มัน่ ใฝ่ความดีงาม แต่ไม่ได้รบั การถ่ายทอดธรรมะ ไม่ได้รบั รูห้ นทาง หลุดพ้น เมื่อละกายสังขารก็จะได้เสวยผลบุญชั้นเทวโลก อาจจะ 500 ปี 1,000 ปี หรือมากกว่านั้น แต่เมื่อบุญกุศลหมด ก็จ�ำเป็นต้องกลับชาติ มาเกิดใหม่ ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยูใ่ นภูมวิ ถิ 6ี หากกระท�ำความผิด บาป จิตญาณก็จะต้องตกสูน่ รกภูมิ ดังค�ำกล่าวทีว่ า่ สร้างบุญดียอ่ มได้รบั ผล แห่งกรรมดี หากกระท�ำความผิดบาป ย่อมได้รบั ผลแห่งกรรมชัว่ ไม่วา่ ช้า หรือเร็ว ไม่มีที่รอดหลุดสายตาฟ้า ไม่มีใครรอดหลุดกฏแห่งกรรมไปได้ ผู้คนสมััยนี้มักกล่าวว่า “ท�ำดีไม่ได้ดี ท�ำชั่วกลับได้ดีมีถมไป” นี่เป็นเพียงค�ำพูดที่ไม่รู้จริง คนคิดค�ำนวณ หรือจะสู้ฟ้าค�ำนวณ เมื่อถึง เวลาจะได้เสวยบุญ ก็จะเสวยผลบุญ ถึงเวลาชดใช้กรรม แม้แต่พทุ ธองค์ก็ มิอาจรอดหลุด พระพุทธองค์ บรมมหาศาสดาผูย้ งิ่ ใหญ่แห่งสามโลก ก็ยงั ต้องเวียนว่ายตามเกิดหลายภพชาติ แต่ดว้ ยความพากเพียร วิรยิ บ�ำเพ็ญ สั่งสมบุญบารมี จึงสามารถส�ำเร็จเป็นมหาบรมศาสดาแห่งสามโลก 52 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
มนุษย์ภูมิ
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
53
ต่อมาพูดถึง “มนุษย์ภูมิ” ควรรู้จักและท�ำความเข้าใจค�ำว่า มนุษย์โลก คนที่มีสัมมาปัญญา รู้อนุตตรภูมิ รู้เทวภูมิ และรู้มนุษย์ภูมิ คือ รู้จักตัวเอง มีปัญญาสามารถรู้แยกแยะเรื่องราวต่างๆได้ รู้จักตัวเอง ชัดเจนในตัวเอง มนุษย์ล้วนมีสองสภาวะในตัวเอง คือมีทั้งสภาวะดี สภาวะเลว อยู่ในตัวเองทั้งสิ้น นี่เป็นสภาวะที่คนจีนเรียกกันว่าสภาวะ อิน-หยาง ซึ่งหมายถึง สภาวะมืด-สว่าง ที่อยู่ในตัวเอง หรือเรียกกันว่า “ทวิภาวะ” ในตัวปลอม หรือกายสังขารตัวนี้ถูกห่อหุ้มด้วยสภาวะอิน-หยาง มีมืด จึงมีสว่าง นี่ก็คือ “มนุษย์” หากคนเรารูจ้ กั ตนเอง มีความชัดเจนในตัวเอง เข้าใจและชัดเจน ในหลักเหตุผลต่างๆ ก็สามารถแก้ปัญหาหลายๆอย่างได้ เพราะการมี ชีวติ อยูใ่ นโลกนี้ ดูเหมือนว่ามีปญ ั หาไม่มากก็นอ้ ยทีค่ นเราต่างต้องเผชิญ
54 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
บางครัง้ จิตของคนเรา รูส้ กึ ชอบคนนัน้ รสู้ กึ ไม่ชอบคนนี้ บางคน แค่เห็นหน้า ก็รู้สึกถูกชะตา มีบุญสัมพันธ์อันดีต่อกัน บางคนพอเห็นหน้าก็รู้สึกไม่อยากมิตร บางครั้งก็รู้สึกเหมือน เป็นศรัตรูกันหลายชาติ การทีเ่ ราชอบหรือไม่ชอบใครไม่ได้หมาายความว่าคนนัน้ ดี หรือ ไม่ด ี แต่เป็นเพราะจิตของคนมีแบ่งแยก มีเปรียบเทียบ คนนีท้ ำ� แล้วถูกใจ เรา คนนัน้ ท�ำยังไงก็ไม่ถกู ใจ นีค่ อื สภาวะของมนุษย์โลก มีดมี ชี วั่ อยูใ่ นตัว เอง ต้องการให้คนอืน่ ท�ำให้ถกู ใจเรา คือ “ท�ำให้ถกู ในสิง่ ทีเ่ ราชอบ” ถ้าท�ำ อย่างทีเ่ ราชอบ เราก็จะถูกใจ แต่ถา้ ท�ำในสิง่ ทีเ่ ราไม่ชอบ เราก็ไม่ถกู ใจเขา แท้จริงแล้วความชอบ กับไม่ชอบ อยู่ที่ไหน ก็คืออยู่ในตัวเรา นี่เอง เพราะคนเรามีสภาวะอิน-หยาง จึงมีดีกับชั่วอยู่ในตัวเอง เวลาที่ เห็นคนอื่นเขาท�ำอะไรก็แล้วแต่ มักจะมองแล้วเอามาเปรียบเทียบดี-ชั่ว กัน ยกตัวอย่าง เช่นเวลาฟังอาจารย์บรรยายธรรม ความรู้สึกส่วนหนึ่ง ของเรา อาจจะเป็นเพราะเคยฟังเทป หรือเคยได้ยินท่านผู้อาวุโสพูดถึง ทางทีด่ ขี องอาจารย์บรรยายท่านนัน้ เลยท�ำให้เรารูส้ กึ ว่าอยากมาฟังท่าน บรรยาย เมือ่ ฟังแล้วรูส้ กึ ถูกใจ จึงเกิดศรัทธาอยากออกมาปฏิบตั บิ ำ� เพ็ญ ทัง้ นีอ้ าจเป็นเพราะสภาวะจิตของเรา ณ ขณะนัน้ คิดในด้านดีดว้ ย เลยเป็น เหตุผลจูงใจท�ำให้ออกมาบ�ำเพ็ญปฏิบัติ
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
55
แต่ถา้ เกิดวันนัน้ มีใครบางคนไปปล่อยพิษร้ายไว้ บอกว่าอาจารย์ บรรยายท่านนี้ใช้ไม่ได้ เป็นคนที่แย่มากๆ พูดอย่างท�ำอย่าง ไม่ปฏิบัติ ตนเป็นแบบอย่างที่ดี พิษร้ายที่คนอื่นเขาพ่นไว้ เกาะติดอยู่ในจิตของเรา พอเจออาจารย์บรรยาย ท่านนั้น ก็รู้สึกไม่ดี มองท่านในแง่ลบ อาจนึกค่อนขอด ต�ำหนิว่า “อย่างนี้นะหรือจะมาพูดธรรมะ ตัวเองยัง บ�ำเพ็ญไม่ดีเลย….ต่างๆ เป็นต้น” นี่มันเกิดอะไรขึ้น แท้ที่จริง ความไม่ดีเกิดขึ้นจากตัวเราเอง คน เราจะดีจะชั่ว ล้วนขึ้นอยู่ที่ตัวเองทั้งสิ้น คนอื่นไม่เกี่ยวด้วยเลย เปรียบการมองดูคน เหมือนกับการใส่แว่นตา ถ้าคุณใส่แว่น เลนสีชา คุณก็มองคนอื่นเป็นสีชาไปหมด ถ้าใส่แว่นตาเลนเขียว ก็มอง เป็นสีเขียว ใส่แว่นเลนสีแดง ก็มองเป็นสีแดง นี่ก็คือคน สภาวะของคน ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อเรารู้จักแล้วว่าสภาวะของคนเป็นอย่างนี้ จึงควรใช้ตัวจริง เป็นนาย ทุกคนต่างมีปัญญา ใช้ปัญญาตัดความคิดในด้านที่ไม่ดีงาม ความคิดในแง่ลบทั้งหลายทิ้งไปให้หมดิสิ้น คิดพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ด้วยจิตเมตตา จิตเมตตาคือพืน้ ฐานจิตพุทธะ เป็นพืน้ ฐานจิตเดิมแท้ของ มนุษย์ ผู้ที่มีเมตตาธรรมนั้น เขาจะไม่ยึดติดอัตตา ไม่เกลียดชังคนอื่น ไม่เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แม้วา่ คนๆนัน้ จะเห็นเราเป็นศรัตรูของเขาก็ตาม
56 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
พระพุทธองค์ตรัสว่า ตัวเราคือโลก โลกคือตัวเรา
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
57
การรู้จักมนุษย์โลก ก็คือรู้จักตัวเอง พระพุทธองค์ตรัสว่า “ตัวเราคือโลก โลกคือตัวเรา” ทั้งหมด ในธรรมจักรวาล อยู่ในตัวเรา ดังนั้นการศึกษาธรรมะ จึงไม่ได้ศึกษาจาก ธรรมะนอกตัว ธรรมะแท้จริง หรือหลักสัจธรรมอันเทีย่ งแท้นอี้ ยูใ่ นตัวเอง ทุกคนต่างมีคมั ภีรอ์ นั ศักดิส์ ทิ ธิซ์ อ่ นแฝงอยูต่ วั เอง นรก-สวรรค์ ดี-ชั่วก็ล้วนอยู่ตรงนี้ อยู่ในตัวของเรา เมื่อศึกษาให้เข้าใจจิตของตนเอง ก็จะเป็นผลดี ช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักคนอื่นมากขึ้น หากแม้แต่ตนเองก็ไม่รจู้ กั แล้วกล่าวอ้างว่ารูจ้ กั คนอืน่ จะเป็นไป ได้อย่างไร ไม่มีใครที่ชอบให้คนอื่นไปตัดสินเขาด้วยสายตา ทุกคนต่างก็คิดว่า “มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่รู้จักตนเองดีที่สุด” ดังนั้นก่อนจะรู้จักคนอื่น ควรท�ำความรู้จักตนเอง ท�ำความเข้าใจตัวเอง ชัดเจนในตัวเอง เช่นนี้จึงสามารถเข้าใจผู้อื่น แล้วสามารถฉุดช่วยเขาได้ หากแม้แต่ตนเองก็ไม่รู้จัก ก็เปรียบดั่ง “พระโพธิสัตว์ที่ถูกปั้นดินเหนียว ก้าวผ่านล�ำธาร ไม่อาจรับประกันแม้แต่ความปลอดภัยของตัวเอง” คนส่วนใหญ่ท�ำไมถึงไม่รู้จักตนเอง นั่นก็เพราะเขามัวแต่ไป เรียนรู้คนอื่น มัวแต่ดูคนอื่น ไม่ได้ย้อนส�ำรวจตนเอง จับผิดแต่คนอื่น คอยสังเกตคนอื่น “คนนั้นถูกใจ คนนั้นไม่ถูกใจ คนนั้นดี คนนั้นไม่ดี” ตลอดเวลาดูแต่คนอื่น มองไม่เห็นตัวเอง มัวแต่จับผิดคนอื่น ดูคนอื่น ผิดไปหมด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักคนอื่นอย่างแท้จริง
58 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
มีความจริงอยู่ข้อหนึ่ง คือทุกคนควรค�ำนึงพิจารณาอยู่เสมอว่า ภาพที่คุณเห็น อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป ความจริงเขาอาจจะไม่ เป็นอย่างที่คุณเห็น ทุกอย่างอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ คุณมองผูอ้ นื่ แบบไหน ผูอ้ นื่ ก็มองคุณแบบนัน้ หากคุณมองผูอ้ นื่ ด้วยจิตพุทธะ จิตของคุณก็เป็น“จิตพระพุทธะ”เช่นเดียวกัน หากมองผูอ้ นื่ เป็นมารร้าย ตัวเราเองก็ไม่ได้แตกต่างกับมารร้ายเลย เป็นความจริงอย่างแน่นอนว่าความชั่ว-ความดีของแต่ละคน ชะตาชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับกฏแห่งกรรม แต่ละคนสร้างสมกรรมดี-กรรมชั่วมาไม่เหมือนกัน จากเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้นนี้มนุษย์ในโลกนี้จึงแตกต่างกัน ด้วยสองกรณี คือ หนึง่ “อยูใ่ นเวลาเดียวกัน เกิดกันคนละที”่ สอง “อยูใ่ นที่ เดียวกัน แต่เกิดกันคนละเวลา” ปัจจัย 2 ประการท�ำให้มนุษย์ไม่เหมือนกัน เด็กทีเ่ กิด 9 โมงเช้า เวลาตรงกัน แต่เกิดกันคนละเตียง กาลเวลา หมุนเวียนเปลี่ยนไป โลกก็ไม่เคยหยุดหมุน สภาวะองศาที่สิ่งแวดล้อม มากระทบเขาก็ไม่เหมือนกัน แม้จะเกิดวันเวลาเดียวกัน แต่แตกต่างกัน ในสภาวะจิต ชะตาชีวิตแตกต่างกัน ด้วยบาปเวรกรรมที่สร้างมาต่างกัน เพราะฉะนัน้ คนทีไ่ ม่ยอมศึกษาตัวเอง เขาจึงไม่ใช่ผศู้ กึ ษาโลกนี้ เขามัวแต่ไปศึกษาคนอื่น ติดยึดในอัตตาตัวตน ที่ไม่สมควรก็คือเอา มาตรฐานของตัวเอง ไปวัดมาตรฐานของคนอื่น นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ ท�ำให้สังคมโลกไม่สงบสุข การที่มัวศึกษาแต่คนอื่น จึงท�ำให้มองไม่เห็น ตัวเอง สัมมาปัญญาอันแท้จริงจึงไม่บังเกิด 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
59
วันนีเ้ ราได้ชอื่ ว่าเป็นศิษย์อนุตตรธรรม ได้รบั การถ่ายทอดธรรม ชี้แนะแสงสว่างแห่งปัญญาจากพระวิสุทธิอาจารย์ จึงควรศึกษาให้เข้าใจ เกี่ยวกับหลักเหตุผลอันเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันระหว่างเทวภูมิ มนุษย์ภูมิ และนรกภูมิ ศึกษาท�ำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ท�ำความรู้จักองค์ธรรม มารดา แม่ผู้ซึ่งให้ก�ำเนิดจิตญาณของมนุษย์เรา ร่างกายของคนเรานี้ ที่มีเนื้อหนังมังสา มารดาคือผู้ให้ก�ำเนิด ส่วนกายสังขารตัวนี้เปลี่ยนมาแล้วเท่าไหร่ ทุกคนเวียนเกิดเวียนตายใน โลกนี้มานาน เปลี่ยนร่างมากี่ร่าง เปลี่ยนแม่มากี่คนแล้วก็ไม่อาจรู้ บางครั้งก็เกิดสลับกัน ชาตินี้เกิดเป็นลูกเขา ชาติหน้าเกิดเป็น พ่อแม่เขา ชาตินเี้ กิดเป็นสามีเขา ชาติหน้าเป็นภรรยาเขาหรือเกิดเป็นลูก ของเขา เวียนว่ายมานาน ในวัฏสงสาร ทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง ไปตามกฏแห่งกรรม จิตญาณของเราหลงลืมโฉมหน้าเดิมแท้ ลืมบ้านเดิม ลืมหนทางคืนกลับ เพราะจากมานาน ถูกความหลงล่อหลอก จึงไม่รู้จัก องค์ธรรมมารดา จดจ�ำพระองค์ไม่ได้ ท�ำอย่างไรถึงจึงสามารถจดจ�ำองค์ธรรมมารดาได้ พวกเราอยูใ่ น โลกมนุษย์ พ่อแม่ท่านคิดถึง เป็นห่วงและรักลูกมาก แต่เราสัมผัสรับรู้ ไหมว่าท่านรักพวกเราเพียงใด บางคนอาจคิดว่ารู ้ แต่ทวี่ า่ รูน้ นั้ รูจ้ ริงหรือ ผู้เขียนบอกได้เลยว่ารู้เศษหนึ่งส่วนแสน เศษหนึ่งส่วนล้าน รู้เพียงแค่ เปลือกกระพีเ้ ท่านัน้ เมือ่ ไหร่ทเี่ ราสามารถสัมผัสรับรูถ้ งึ ความรักทีย่ งิ่ ใหญ่ ของพ่อแม่อย่างแท้จริง รู้ว่าท่านนั้นรักพวกเรามากเท่าไหร่ เสียสละเพื่อ พวกเรามากเท่าไหร่ ชาตินี้ก็ไม่อาจทดแทนบุญคุณได้หมดสิ้น 60 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
หลายคนกว่าจะรูว้ า่ พ่อแม่รกั ตนมากเพียงใด ก็เมือ่ ตอนทีต่ นเอง แต่งงานมีลกู แล้ว ได้สมั ผัสลิม้ ลองบทบาทความเป็นพ่อแม่ จึงรูว้ า่ แท้จริง ความรักของพ่อแม่เป็นอย่างไร เพราะได้แสดงบทบาทเดียวกับพ่อแม่ พ่อแม่ทุกคนห่วงใยลึกซึ้งต่อลูกๆ ไม่ว่าลูกจะดีหรือเลวอย่างไร ก็เป็น แก้วตาดวงใจของพ่อแม่ เป็นเลือดเนือ้ เชือ้ ไขของท่าน ความรักของพ่อแม่ ยิง่ ใหญ่มนั่ คงดัง่ ขุนเขากว้างขางลึกล�ำ้ ดัง่ มหานที นีค่ อื "แม่ในมนุษย์ภมู "ิ องค์ธรรมมารดาคือแม่ทใี่ ห้กำ� เนิดจิตญาณ พระองค์กร็ กั ห่วงใย พุทธบุตรทุกคน ท�ำไมเราถึงไม่รู้จักความรักเมตตาที่พระองค์มีต่อเรา พวกเราต่างไม่รู้เลยว่าพระองค์เป็นห่วง เจ็บปวดรวดร้าวคิดถึงพวกเรา เพียงใด พระองค์ปรารถนาให้ลูกทุกคนคืนกลับเบื้องบน หลุดพ้นความ ทุกข์ทรมานจากการเวียนว่ายตายเกิด การทีเ่ ราวาดหวังปรารถนาฉุดช่วยทุกคนให้คนื กลับคืนเบือ้ งบน ด้วยจิตจริงใจ ไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน เห็นทุกคนเหมือน ลูกของตนเอง อยากช่วยให้เขากลับไปพบแม่ สภาวะความรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับความรู้สึกขององค์ธรรมมารดาที่ห่วงกังวลถึงพวกเรา มีใครเคยห่วงใยญาติธรรมชนิดที่กินไม่ได้นอนไม่หลับบ้าง เป็นห่วงว่าท�ำไมเขาถึงไม่กลับมาสถานธรรม ไม่เห็นออกมาคึกษาปฏิบตั ิ ในใจคิดถึงเขาตลอด เป็นห่วงว่าเขาอาจก�ำลังเดินหลงทาง รับธรรมะแล้ว อาจยังไม่เข้าใจ มีใครที่ทุ่มเทใจเต็มที่ คิดหาทุกวิธีที่จะช่วยเหลือเขา น�ำพาเขากลับมาสถานธรรม ให้เขาได้ก้าวย่างสู่เส้นทางการบ�ำเพ็ญ ปฏิบัติอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนสามารถส�ำเร็จธรรมในที่สุด 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
61
มีบางเข้าใจผิดว่าตนเองพาญาติธรรมมารับธรรมะ ได้เป็น อาจารย์แนะน�ำ-รับรอง ก็มีคะแนนบุญแล้ว คิดว่าแค่นี้ก็จบแล้ว จากนั้น ญาติธรรมจะไปทางไหนก็ชา่ งเขา เป็นเรือ่ งของเขา ไม่เกีย่ วกับตนเองแล้ว ในใจคิดว่า “อุตส่าห์ทุ่มเทพาเธอมารับธรรมะ แต่เธอไม่ใส่ใจศึกษาเอง ก็ชว่ ยไม่ได้ แสดงว่ารากบุญของเธอไม่ดพ ี อ” นีค่ อื ความรูส้ กึ ของมนุษย์ หลายคนที่รับธรรมะแล้ว ต่างก็อยากเจอกับพระอาจารย์จี้กง เช่นทุกครั้งเวลาที่มีการจัดงานประชุมธรรม ทุกคนมากันอุ่นหนาฝาคั่ง เพือ่ ต้องการพบพระอาจารย์ ดูวา่ เมือ่ ไรพระอาจารย์เสด็จมาประทับญาณ จะประทานผลไม้ทิพย์ให้ตนไหม จะเรียกชื่อตนเองไหม มีอะไรชี้แนะ พิเศษเป็นการส่วนตัวไหม จะเดินมาทักทายตนเองไหม ที่กล่าวมา คือความยึดติดในรูปลักษณ์ ไม่เข้าใจในแก่นธรรม ค�ำสอนอันว่าด้วยหลักเหตุผล ดังนั้นแสดงว่าไม่รู้จักพระพุทธะจี้กงจริง
62 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
พระอาจารย์พูดเสมอว่า อาจารย์คือ 濟公 (จี้ กง) สงฆ์จี้กง สงฆ์วิปลาส นามจี้กง แห่งหุบเขาหนันผิง 「濟」 “จี้” หมายถึง อนุเคราะห์,ฉุดช่วย 「公」 “กง” หมายถึง “ยุติธรรมเสมอภาค”
ไม่วา่ อยูท่ ไี่ หนก็จะอนุเคราะห์ฉดุ ช่วยโลก ฉุดช่วยผูค้ นด้วยจิตใจ ยุติธรรมเสมอภาค ที่ใดขาดความยุติธรรม ที่นั่นพระอาจารย์จะเข้าไป” ศิษย์ที่รู้ใจ ศิษย์ที่เข้าใจพระอาจารย์จริง จะด�ำเนินปฏิบัติตาม แบบอย่างของพระองค์ พระอาจารย์เคยกล่าวว่า "อาจารย์อยู่ในใจของ ศิษย์ทุกคน อยู่เคียงข้างศิษย์เสมอ ชาติหนึ่งมีบุญสัมพันธ์เป็นศิษย์ อาจารย์กนั ความผูกพันนีด้ งั่ พ่อลูก มัน่ คงตลอดกาล” ไม่ใช่ให้เราติดยึด การประทับญาณ ติดยึดในรูปลักษณ์ พระอาจารย์จี้กงห่วงใยลูกศิษย์ทุกคน ในใจศิษย์มีพระอาจารย์ หรือไม่ แต่พระอาจารย์กอ็ ยูเ่ คียงข้างศิษย์เสมอ ไม่วา่ ศิษย์จะเป็นอย่างไร พระอาจารย์ไม่เคยคิดทอดทิ้งลูกศิษย์แม้แต่คนเดียว เมื่อใดที่ทุกคนรู้จักห่วงใยกัน เอาใจใส่ญาติธรรมดุจดั่งพี่น้อง ร่วมสายเลือด ระลึกเสมอว่าเขาก็เป็นพุทธบุตรขององค์ธรรมมารดา อยากให้เขาหลุดพ้นความทุกข์ ได้รับแสงสว่าง ต้องการฉุดช่วยให้เขา กลับคืนกลับอนุตตรภูมิ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าองค์ธรรมมารดา จิตใจที่เป็น เช่นนี้ จะท�ำให้ทกุ คนสามารถสัมผัสได้ถงึ ความรักอันยิง่ ใหญ่ของพระองค์ 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
63
กล่าวถึง “สัมมาปัญญา” ในฐานะที่ทุกคนได้รับการถ่ายทอด วิถีธรรมแล้ว ต่างก็เป็นศิษย์อนุตตรธรรม ทุกคนจึงควรศึกษาให้เข้าใจ ถ่องแท้ว่าอะไรคือ “สัมมาปัญญา” อะไรคือ “มิจฉา” ในใจของพวกเรา ควรส�ำนึกระลึกถึงอยู่เสมอว่าองค์ธรรมมารดาคิดถึงพุทธบุตรอย่างไร พระองค์รักพวกเราอย่างไร จะถ่ายทอดความรู้สึก ความรักอาทร อีกทั้ง พระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ไปสู่มวลเวไนยอย่างไร พระองค์ธรรมมารดาให้ก�ำเนิดฟ้าดิน ให้ก�ำเนิดชีวิตธรรมญาณ เวไนยทั้งหลายในโลกนี้ ไม่ว่าชนชาติศาสนาใด ล้วนเป็นพุทธบุตรของ พระองค์ การแสดงความจริงใจ ตั้งปณิธานใหญ่ที่จะน�ำพาฉุดช่วยเวไนย ทุกคนให้สำ� เร็จธรรม คิดว่าเขาล้วนเป็นพีน่ อ้ งของเรา เช่นนีจ้ งึ เรียกว่าเป็น ผูท้ รี่ จู้ กั องค์ธรรมมารดาอย่างแท้จริง เป็นผูท้ มี่ สี มั มาปัญญาอย่างแท้จริง อีกข้อหนึ่ง คือเราควรศึกษาให้เข้าใจถึงสาเหตที่อนุตตรธรรม อุบัติลงสู่โลกนี้ เพราะชาวโลกล้วนมีปัญญาในการเสาะหาความสุขให้ กับตัวเอง ตอบแทนทุกอย่างให้กับตัวเอง อย่างนี้เรียกว่ามีปัญญาใน ทางโลก พอมาศึกษาธรรมะ ต่างพยายามสร้างบุญกุศลให้ตัวเอง ติดยึด ในบุญกุศล สร้างวัดก็ต้องสลักชื่อของตนเองไว้ให้คนรู้ ท�ำอะไรก็จะต้อง มีชื่อแขวนติดไว้ นี่ก็เรียกว่า “ปัญญาทางโลก”
64 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
มีหลายคนสงสัยว่าท�ำไมคนธรรมดาอย่างตนเองถึงจ�ำเป็น ต้องมารับธรรมะด้วย ท�ำไมถึงมีอนุตตรวิถลี งมาปกโปรด อนุตตรธรรมนี้ สามารถน�ำพาให้พ้นเวียนว่ายตายเกิดได้จริงหรือ ความสงสัยอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเพราะความไม่เข้าใจ อีกทั้งยังคงยึดติดอยู่ ตนเองเป็นแค่ปุถุชน มีหลายสิ่งที่ใจปล่อยวาง ยังไม่ลง คิดว่าการบ�ำเพ็ญปฏิบตั ธิ รรมให้สำ� เร็จได้นั้น คงเป็นเรื่องที่แล้ว ห่างไกลเหลือเกิน คงจะต้องไปออกบวชเป็นพระภิกษุ เป็นพระภิกษุณี บวชเป็นแม่ชี ถือศีล นัง่ สมาธิ ต้องอาศัยอยูใ่ นวัด ตัดขาดกับทางโลกให้ได้ จึงสามารถส�ำเร็จธรรมได้ ทุกคนเคยชินกับการไปวัด เคยชินรูปแบบและประเพณีนิยม เดิมที่ท�ำตามๆกันมา พอมาปฏิบัติอนุตตรธรรม ซึ่งเป็นการปฏิบัติใน รูปแบบฆราวาส ใจก็อดคลางแคลงสงสัยไม่ได้ว่าตนเองยังมีครอบครัว แล้วจะส�ำเร็จธรรมได้อย่างไร ผู้ที่จะบ�ำเพ็ญส�ำเร็จได้ จะต้องไม่มีครอบครัว ต้องไปอยู่ในป่า ถือศีลให้ได้ 227 ข้อ ต้องสามารถตัดขาดทางทางโลกให้หมด การบ�ำเพ็ญ อนุตตรธรรมในรูปแบบวิธีนี้จะส�ำเร็จได้อย่างไร บางคนมาสถานธรรมด้วยความจ�ำใจ คิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว ท�ำเรือ่ งเฉพาะหน้าให้ผา่ นๆไปก่อน อย่างอืน่ ค่อยว่ากันทีหลัง แต่บางครัง้ ก็คิดว่าครั้นจะไม่มาสถานธรรม ก็รู้สึกเสียดาย ในใจเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
65
บางคนก็คิดว่า “ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว มาสักหน่อยก็แล้วกัน เกรงใจคนชวน เดีย๋ วเขาจะเสียใจ ลองดูกแ็ ล้วกัน เผือ่ ว่าจะส�ำเร็จธรรมจริงๆ บางทีอาจดีก็ได้” ถูกภาวะจ�ำยอมบังคับ จึงมาแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากไม่เปิดใจศึกษาให้ถอ่ งแท้ ก็จะไม่รสู้ าเหตุจริงๆทีฟ่ า้ ประทานวิถธี รรม ลงมาปกโปรดในครั้งนี้ หลายคนมองว่าอนุตตรธรรมดูแตกแยก แม้อิงค�ำสอนของ ศาสนา แต่ประดัง่ ว่าเป็นลัทธิเถือ่ น เป็นธรรมะทีแ่ ปลกประหลาด เมือ่ ฟัง มากเข้า บวกกับตนเองจิตใจไม่มั่นคง แค่คนอื่นมาพูดเป่าหูนิดหน่อย ก็สูญเสียความมั่นใจ ทั้งที่ต้องการธรรมะ พยายามวิ่งหาธรรมะมาตลอด แต่กลับไม่เชื่อว่าธรรมะนี้สามารถช่วยให้ส�ำเร็จธรรมได้ หลายคนพูดอย่างเต็มปากว่าเป็นสานุศิษย์ของพระพุทธองค์ เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ แต่กลับไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วพระพุทธองค์ อวตารสู่โลกเพื่ออะไร เหตุใดท่านจึงส�ำเร็จเป็นบรมศาสดาเอกของโลก ผู้ทศี่ ึกษาจริงมีหรือจะไม่ร้วู า่ พระพุทธองค์ บรมมหาศาสดาเอก ของโลก ไม่ใช่นงั่ เข้าฌาน หลับตาท�ำสมาธิ หรือบ�ำเพ็ญดีเฉพาะตนเท่านัน้ แต่พระองค์จาริกไปทุกหนแห่งเพือ่ แสดงธรรม ปกโปรดเวไนย ช่วยเหลือ ชี้แนะหนทางสว่างให้กับผู้หลุ่มหลง อีกทั้งปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทุกค�ำพูด ทุกการกระท�ำ ทุกวจนะค�ำสอนของพระพุทธองค์ ล้วนกลั่นกรองจากการลงมือปฏิบ้ติจริง จึงได้ชื่อเป็นผู้สมบูรณ์พร้อม ด้วยวาสนาและปัญญา จากบันทึกในพุทธคัมภีร์ พระองค์ได้ตรัสเตือน ไว้วา่ การบ�ำเพ็ญดีเฉพาะตน ไม่อาจหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ 66 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
เหตุผล 2 ประการ ที่วิถีอนุตตธรรมโปรดอุบัติในโลกนี้ ประการที่ 1) โลกนี้ถึงกาลเสื่อม ประการที่ 2) จิตใจของผู้คนเสื่อมทรามลง
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
67
สาเหตุประการที่ 1 “โลกนี้ถึงกาลเสื่อม” มีค�ำกล่าวว่าเมื่อโลกนี้เข้าสู่ยุคที่เจริญถึงขีดสุด โลกก็จะเข้าสู่ สภาวะทีเ่ สือ่ มถึงขีดสุดเช่นกัน เรือ่ งนี้ ไม่วา่ จะเป็นบันทึกในพุทธท�ำนาย หรือศาสนาต่างๆก็ล้วนมีบันทึกที่กล่าวถึงกาลสุดท้ายของโลก ซึ่งก็คือ ยุคท้ายปลายกัปป์ กาลเวลาก�ำลังโคจรมาถึงยุคสุดท้าย ทุกอย่างก�ำลัง เสือ่ มลง พร้อมภัยพิบตั ทิ เี่ กิดขึน้ มากมาย ทุกวันนีแ้ ม้แต่ฤดูกาลก็เปลีย่ น ไป หน้าหนาวร้อน หน้าร้อนหนาว ประเทศทีไ่ ม่เคยมีหมิ ะตก ก็มหี มิ ะตก สายน�้ำ ทิศทางลมก�ำลังเปลี่ยนทิศ จิตใจผู้คนก็เปลี่ยนไปจากสมัยก่อน มาก ต้องการรูถ้ งึ ความเปลีย่ นแปลงของโลก ไม่ยากเลย ทุกวันนีโ้ ลกเกิด อะไรขึน้ บ้าง สังเกตจากเหตุการณ์รอบตัว หน้าหนังสือพิมพ์ หรือติดตาม ข่าวสารต่างๆ คุณก็จะรู้ว่าเวลานี้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง เราควรมีชวี ติ อย่างไรในโลกทีก่ ำ� ลังเปลีย่ นไป จะใช้ชวี ติ ผ่านไปวันๆ ตายไปดั่งต้นไม้ใบหญ้า หรือใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าความหมาย จากโลกนี้ ไปด้วยความบริสุทธิ์ จิตญาณคืนสู่ความเป็นพุทธะดั้งเดิม พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า“ในปลายสัทธธรรม สาธุชนที่ได้ร่วม สร้างบุญกุศลด้วยกันกับพระพุทธองค์ ผูน้ นั้ มีโอกาสจะได้รบั สัทธธรรม” ค�ำกล่าวนี้หมายถึง บุคคลผู้นั้นเคยร่วมสร้างบุญกุศลมากมายสุดคณา ร่วมกันมากับพระพุทธองค์ ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่ได้สั่งสมมานี้ จะส่งผล ให้เขาบังเกิดปัญญาธรรม สามารถแยกแยะถูกผิด ไม่สับสนต้นปลาย
68 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
มีเวไนยมากมายเท่าไหร่ ซึง่ กล่าวอ้างว่าตนเป็นศิษย์พทุ ธศาสนา ได้รบั ฟังค�ำสอนมาโดยตลอด หากเจอค�ำถามว่า “รูไ้ หมตนเองมากจากไหน จิตญาณมาจากไหน?” สามารถตอบค�ำถามได้ไหม? ตอบได้เลยว่าไม่รู้ เมือ่ ไม่รวู้ า่ จิตญาณมาจากไหน ก็ไม่รวู้ า่ เมือ่ จากกายสังขารนีไ้ ป จะไปทีไ่ หน หลายคนเคยชินกับค�ำพูดบางอย่าง เช่น เวลาคนตาย เมือ่ ตนเอง เห็นว่าเขาเป็นคนดี ก็บอกว่า “เขาจะได้ขนึ้ สวรรค์ “ ส่วนตนเองท�ำความ ดีนิดหน่อยก็ส�ำคัญผิดว่าจะได้ขึ้นสรรค์ เมื่อตนคิดว่าใครไม่ดี ก็บอกว่า “คนนีต้ ายไป ต้องตกนรกแน่นอน” ทัง้ ทีต่ วั เองก็ยงั ไม่รดู้ ว้ ยซ�ำ้ ว่าแท้จริง จิตญาณของตนเองมาจากไหน มาจากนรกภูมิ มาจากสวรรค์ภมู ิ หรือมา จากแดนนิพพาน บางคนบอกว่ามาจากบ้านเก่า ตายไปก็กลับบ้านเก่า บางคนก็พดู เสมอว่า “สวรรค์อยูใ่ นอก นรกอยูใ่ นใจ” พูดไปโดย ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงเลยด้วยซ�้ำ บางคนไม่เชื่อกฏแห่งกรรม ไม่เชื่อว่าผีมีจริง แต่ที่น่าแปลกคือ บางคนทั้งที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ แต่กลับกลัวผี คนประเภทนี้ก็มีอยู่จริง นีก่ ค็ อื จิตสับสน เพราะไม่รตู้ น้ ไม่รปู้ ลาย พอจะมีพนื้ ฐานความรู้ อยู่บ้าง แค่รู้ว่าเมื่อเกิดใหม่อีกชาติ ก็คือเวียนว่ายในสงสารวัฏ เวียนเกิด เวียนตาย ตายๆแล้วเกิด เกิดๆตาย ซึ่งนี่เป็นแค่ความรู้พื้นฐานเท่านั้น
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
69
สาเหตุประการที่ 2 จิตใจผู้คนเสื่อมทรามลง ในยุคท้ายปลายกัปป์ จิตใจคนไม่ดีงามเหมือนเมื่อครั้งกาลเก่า ศีลธรรมจรรยาเสื่อมถอยลง จนไม่เหลือร่องรอยวัฒนธรรมอันดีงาม มีตัวอย่างลงหนังสือพิมพ์มากมาย บางคนที่มีการศึกษาสูง หน้าที่การงานสูง เป็นถึงนายเพทย์ กลับสามารถฆ่าคนอย่างเลือดเย็น บางคนก็จ้างคนอื่นฆ่า บางคนฆ่าภรรยาของตัวเอง แล้วก็ให้ลูกที่อายุ เพียง 2 ขวบอยู่กับศพของแม่ตัวเอง ท�ำให้ลูกหวาดผวาไปตลอดชีวิต สมัยก่อนการที่ผู้ชายกับผู้หญิงจะตกลงคบหากัน จ�ำเป็นต้อง ผ่านแม่สื่อแนะน�ำ คบหากันโดยต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ไปไหนท�ำ อะไรด้วยกันก็ต้องรายงานพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ก่อน ไม่มีการอยู่ก่อนแต่ง หรือมีความสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานเป็นอันขาด เมื่อแต่งงานกันแล้ว ผูช้ ายจะไม่ยงุ่ กับลูกเมียของผูอ้ นื่ ผูห้ ญิงก็จะไม่ยงุ่ กับสามีคนอืน่ ทุกอย่าง เป็นไปตามประเพณีอันดีงาม คนสมัยก่อน แม้การศึกษาไม่สูง แต่จิตใจงดงาม ท�ำอะไรอยู่ใน ศีลธรรมจรรยา แต่ผู้คนในยุคสมัยนี้ มีการศึกษาสูง กลับไม่อายฟ้าดิน แต่งงานกันแล้ว ไม่ถูกใจก็หย่า หาคนใหม่ แต่งแล้วก็เลิก เลิกแล้วก็แต่ง ใหม่ บางคนแต่งงานหลายครั้ง บางคนก็ท้องก่อนแต่ง วัยรุ่นสมัยนี้นิยม อยู่ก่อนแต่ง มีความสัมพันธ์ต่อกันง่ายๆ ไม่แคร์สายตาใคร
70 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ในสังคมสมัยนี้ ยังมีความนิยมเรื่องการแลกคู่นอนสวิงกิ้งกัน ผู้ชายกับผู้หญิง ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่นัดมานอนด้วยกัน บางครั้ง โชคร้ายท�ำให้ตัวเองต้องติดโรค ผูห้ ญิงบางคนไม่รจู้ กั ป้องกัน รูเ้ ท่าไม่ถงึ การณ์ รักสนุกจนตัง้ ท้อง ทัง้ ๆ ทีต่ นยังไม่พร้อมด้วยซ�ำ้ ท�ำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา จากการส�ำรวจ ของทุกปี นับวันมีเด็กจ�ำนวนมากที่เกิดมาโดยไม่รู้จักพ่อแม่ของตนเอง บางคนก็เลือกที่จะคลอดลูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาท แต่ที่น่าเศร้า สลดใจมาก คือมีพอ่ แม่บางคนจิตใจอ�ำมหิต พอคลอดลูกมา ก็เอาลูกไป ฝังทัง้ เป็น ฝังทัง้ ทีเ่ ด็กยังเป็นๆ มีลมหายใจอยู่ บางคนก็ยกเด็กให้เป็นลูก ของคนอื่น เพราะตนเองไม่มีปัญญาเลี้ยงดูฯลฯ คนสมัยนี้ ทัง้ ผูช้ ายผูห้ ญิงจิตใจแย่ถงึ ขนาดมีเพศสัมพันธ์กบั ลูก ของตนเอง โดยไม่ละอายต่อมโนธรรมแม้แต่นอ้ ย เรือ่ งราวอันน่าเศร้าใจ มีให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน ในยุคสมัยก่อน ไม่มีเรื่องผู้หญิงขายตัว ไม่มีเรื่องแม่เล้าแมงดา ไม่มีเรื่องการฆ่าข่มขืน ไม่มีเรื่องผู้ชายแต่งกับผู้ชาย ผู้หญิงแต่กับผู้หญิง ไม่มีเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างพี่น้องสายเลือดเดียวกัน
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
71
ผูค้ นในสมัยก่อนเห็นความส�ำคัญของบุพการีมาเป็นอันดับหนึ่ง กตัญญูรู้คุณ ไม่ว่าชีวิตของตนจะเป็นอย่างไร ต่างมุ่งมั่นทดแทนบุญคุณ ของบุพการี ไม่กล้าที่จะท�ำให้ท่านน้อยเนื้อต�่ำใจ ไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง พี่นอ้ งเวลาทะเลาะเบาะเว้งกัน แค่พอ่ แม่มองด้วยสายตาต�ำหนิ ก็ไม่กล้าทะเลาะกันอีก แต่พี่น้องสมัยนี้ต่างกันเหลือเกิน นอกจากไม่ ปรองดองกันแล้ว ยังแก่งแย่งแข่งขัน มีขา่ วนับครัง้ ไม่ถว้ นทีพ ่ นี่ อ้ งต้องมา เข่นฆ่ากันตาย เพราะแย่งผู้หญิงคนเดียวกัน แย่งชิงมรดกกัน คดโกงกัน ในสังคมปัจจุบัน ระหว่างเพื่อนกับเพื่อนไม่มีสัจจะจริงใจต่อกัน ผู้ใหญ่กับผู้น้อยไม่เคารพให้เกียรติกัน ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด สามีภรรยาไม่โอนอ่อนผ่อนปรนให้กนั ต่างคนก็อยากจะเป็นช้างเท้าหน้า หากจะยกตัวอย่างของความไม่ดีงามที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ก็ไม่อาจพรรณาหมดสิ้น ผู้คนในสมัยอดีต ไม่มีการห�้ำหั่นฆ่าฟันกัน คนสมัยนี้กลับประดิษฐ์คิดค้นอาวุธสารพัดชนิด เพื่อประหัตประหารกัน จิตใจของมนุษย์เลวร้ายลงทุกที ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติมากมาย ดังนั้นองค์ธรรมมารดาจึงเจ็บปวดรวดร้าวใจมาก หย่อนสายทองลงมา ให้อนุตตรธรรมลงมาเพือ่ กอบกูโ้ ลก ฉุดช่วยจิตญาณมวลไวไนยผูล้ มุ่ หลง ทุกคนควรศึกษาธรรมะให้เข้าใจ อย่าห่างสถานธรรม อย่าหลีกห่าง นักธรรมอาวุโส อย่าห่างพระสูตรคัมภีร์ของพระอริยเจ้า ใช้สัมมาปัญญา แยกแยะถูกผิดดีชวั่ ฉุดช่วยให้คนทัง้ หลายได้รบั ธรรมะ ศึกษาจุดประสงค์ ของวิถีอนุตตรธรรมให้เข้าใจถ่องแท้ แล้วไปด�ำเนินปฏิบัติตาม 72 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
จุดประสงค์ที่ฟ้าประทานวิถีธรรมนี้ปกโปรดสู่โลกมนุษย์ ก็เพื่อ ฉุดช่วยเวไนยคืนบ้านเดิม ให้รหู้ นทางกลับบ้านแดนนิพพาน ให้พุทธบุตร กลับไปหาองค์ธรรมมารดา รอดพ้นภัยพิบัติ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ศาสนากับธรรมะต่างกันอย่างไร สามารถแยกออกได้ชัดเจน หรือไม่ ศาสนาคืออะไร ธรรมะคืออะไร จุดสิ้นสุดของธรรมะเป็นอย่างไร คนที่มีปัญญา มีสัมมาปัญญา จะสมารถแยกประเด็นเหล่านี้ได้ และเกิดความเข้าใจลึกซึง้ เมือ่ เกิดความเข้าใจ เวลาพูดอะไรก็จะไม่สบั สน แล้วจะไม่ก่อให้คนเข้าใจผิดในธรรมะ หลายคนเวลาพูดธรรมะ มีความเชือ่ มัน่ ในตัวเองสูง ตัวเองไม่ได้ ศึกษาจนเข้าใจจริง พอพูดธรรมะ กลับโจมตีศาสนา เชิดชูยกย่องธรรมะ แต่กลับดูถูกศาสนาซึ่งเป็นศูนย์รวมใจของผู้อื่น ดูแคลนคนบ�ำเพ็ญใน ศาสนาต่างๆ พฤติกรรมเช่นนี้ คือพฤติกรรมของผู้ที่ไม่เข้าใจจริง ระหว่างธรรมะกับศาสนา แตกต่างกันอย่างไร ถ้าสรุปกันสั้นๆ คือ ศาสนานั้นมีรูปลักษณ์” “มีรูปลักษณ์จึงเป็นศาสนา แต่ในนั้นรูป ลักษณ์นั้นมีธรรมะแก่น”ก่อนที่จะมีพระพุทธศาสนา ก็มีศาสนาอื่นๆ มากมาย สว่ นธรรมะทีอ่ ยูใ่ นตัวเรา ไม่มรี ปู ลักษณ์ เรียกว่าเป็นอสังคหตัง จึงไม่มกี ารเปลีย่ นแปลงใดๆ ทัง้ สิน้ เมือ่ ไม่มรี ปู ลักษณ์ จึงไม่เปลีย่ นแปลง ศาสนามีความเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น และก็เสื่อมถอยลงได้ เพราะศาสนาเป็นรูปลักษณ์ แต่แก่นสัจธรรมอันค�ำสอน คือแก่นหัวใจของ ศาสนานัน้ ไม่ได้เสือ่ มลง มีแต่คนเราทีป่ ฏิบตั ไิ ม่เข้าถึงแก่น จึงเป็นเหตุให้ ศาสนาถึงกาลเสื่อม รูปลักษณ์มีเสื่อม สัจธรรมไม่เคยเสื่อม 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
73
ศาสนาเป็นสรณะของมนุษย์ ส่งเสริมหล่อเลี้ยงจิตใจให้เข้าสู่ ธรรมะ คนที่ไม่มีศาสนา ไม่มีพื้นฐานค�ำสอน โอกาสที่จะได้รับธรรมะก็ เป็นเรื่องยาก เพราะไม่เข้าใจ จึงไม่บังเกิดความศรัทธา “ธรรมะ” ต้องอาศัยความเชื่อศรัทธา คนที่ไม่มีศาสนา จิตใจก็ จะไร้ซึ่งความเชื่อ เมื่อไม่มีความเชื่อ ก็ไม่มีความศรัทธา พวกเขาเลือกที่ จะเชื่อแต่ตนเองเท่านั้น ดังนั้นธรรมะถ้าไม่มีศาสนา ก็ไม่สามารถที่จะ กล่อมเกลาหล่อเลี้ยงจิตใจของผู้คนให้เข้าสู่ธรรมะได้ “ศาสนา” หากไม่มีธรรมะ ศาสนาก็จะเสื่อมไปตามวิถีของการ เกิดขึน้ ตัง้ อยู่ ดับไป เพราะศาสนายังมีรปู ลักษณ์ ในโลกนีส้ รรพสิง่ ซึง่ เป็น รูปลักษณ์ ในโลกนี้ทุกสิ่งทุกรูปลักษณ์ย่อมเสื่อมตามกาลเวลา หากธรรมะไม่มีศาสนา ธรรมะก็ไม่อาจเผยแผ่ออกไปกว้างไกล หากจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน เปรียบธรรมะกับศาสนาดัง่ “นิว้ กับมือ” เปรียบศาสนาดั่งเป็นนิ้วมือ เปรียบธรรมะเป็นดั่งมือ ถ้านิ้วมือ ขาดไปนิ้วหนึ่ง มือก็พิการ ถ้ามือขาดไป นิ้วก็ใช้การไม่ได้ ธรรมะเปรียบเสมือนรากแก่น ศาสนาคือกิง่ ก้านสาขาของต้นไม้ ธรรมะจ�ำเป็นต้องมีศาสนา จึงเจริญรุ่งเรือง แต่เช่นเดียวกัน ศาสนาหาก ไร้ซึ่งธรรมะ ก็ดุจดั่งต้นไม้ขาดราก ไม่อาจหยั่งรากลึกมั่นคง
74 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ศาสดาทั้งหลาย น�ำธรรมะนั้นไปสอน กล่อมเกลาผู้คน คนจึง เห็นในรูป จึงมากราบไหว้ แล้วจึงสร้างบุญกุศล แล้วจึงก่อให้เกิดบารมี ของตัวเองขึน้ มา และกลายเป็นบุญกุศลทีท่ ำ� ให้ตวั เองได้มารับธรรมะใน ทีส่ ดุ เพราะฉะนัน้ เราควรพิจารณาแยกแยะให้เข้าใจเรือ่ งธรรมะกับศาสนา ไตรรัตน์ที่ได้รับ ทุกคนควรศึกษาให้เข้าใจ ไตรรัตน์ข้อที่หนึ่ง คือให้รู้ที่สถิตของจิตญาณ รู้ประตูเข้าออกของจิตญาณ หากบ�ำเพ็ญจริง ปฏิบัติแท้ จิตญาณก็สามารถออกจากประตูทวาร อันเป็นหนทางตรงสู่ แดนนิพพาน หลุดพ้นเวียนว่ายตายเกิด การบ�ำเพ็ญ คือบ�ำเพ็ญจิตส�ำรวมไว้ ณ จุดญาณทวาร ย้อนมอง จิตพุทธะในตัวตน ด�ำรงตนเจริญรอยตามพระพุทธะ โพธิสัตว์ ปฏิบัติ บ�ำเพ็ญตนแก้ไขนิสัยอารมณ์ความเคยชินทั้งหลายที่ไม่ดี ท�ำจิตให้ บริสทุ ธิผ์ อ่ งแผ้ว ขจัดอาสวะกิเลสให้หมดสิน้ ถอนรากถอนโคน เพือ่ ฟืน้ ฟู จิตพุทธะเดิมแท้ ใช้จิตพุทธะเป็นนาย ไม่ใช้จิตปุถุชนเป็นนาย ไตรรัตน์ขอ้ ทีส่ อง คือให้ทกุ คนได้เข้าใจ รูจ้ กั ดินแดนอนุตตรภูมิ รูจ้ กั ทีม่ าทีไ่ ปของจิตญาณเดิม มุง่ มัน่ ฟืน้ ฟู จรรโลงคุณธรรมอันสูงส่งเพือ่ คืนกลับสู่แดนอนุตตรภูมิ ทั้งยังสื่อให้รู้ถึงทวิภาวะ ให้เข้าใจว่า ทวิภาวะ คือสภาวะอินหยาง หรือหมายถึง “เทวภูมิ”
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
75
ชาวโลก ตอนมีชีวิตอยู่ หากสร้างคุณงามความดี สร้างบุญกุศล ไว้มากมาย แต่ไม่ได้รับวิถีธรรม เมื่อละกายสังขาร จิตญาณของพวกเขา ก็จะได้เสวยผลบุญ ณ ชัน้ เทวภูมิ จนกระทัง่ เมือ่ ผลบุญหมด จิตญาณของ พวกเขาก็ยังคงต้องลงมาเวียนว่ายตายเกิดต่อไป ไตรรัตน์ขอ้ ทีส่ อง ชีใ้ ห้เวไนยรูว้ า่ ทุกคนล้วนมีจติ ญาณเดิม ซึง่ มี พุทธภาวะเฉกเช่นเดียวกับพระพุทธองค์และพระพุทธะโพธิสตั ว์ทงั้ หลาย ขอเพียงบ�ำเพ็ญจริงปฏิบัติแท้ และมีบุญกุศลถึงพร้อม ก็มีโอกาสได้รับ การถ่ายทอดหนึ่งจุดชี้จากพระวิสุทธิอาจารย์ สามารถฟื้นฟูจิตพุทธะซึ่ง เป็นหน้าตาดั้งเดิมของตนเอง และสามารถกลับคืนอนุตตรภูมิได้ ความหมายของไตรรัตน์ข้อที่สอง ยังให้เวไนยได้เข้าใจและรู้ว่า ผู้ที่สืบสานการปกครองธรรมกาลต่อจากพระพุทธองค์ คือพระศรีอาลย์ ขอเพียงทุกคนตั้งมั่นส�ำรวมตน ยึดมั่นคุณธรรม มีเมตตาธรรม จิตใจกว้าง รู้โอบอุ้มให้อภัย เจริญรอยตามแบบอย่างจริยวัตรอันดีงาม ของพระศรีอาลย์ จิตญาณทุกคนก็จะไม่สับสนหลงทาง ผู ้ ที่ ป ฏิ บั ติ บ� ำ เพ็ ญ จริ ง จะสามารถกลั บ คื น แดนนิ พ พานได้ สามารถหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้ นี่คือค�ำมั่นของพระศรีอาลย์ ที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ โต่วไซว่จิง
76 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ไตรรัตน์ข้อที่สาม คือให้เวไนยเข้าใจกาลวาระปกโปรดสามยุค ซึ่งมีดังนี้ คือ ธรรมกาลยุคเขียว ธรรมกาลยุคแดง ธรรมกาลยุคขาว
“ธรรมกาลยุคเขียว มีพระทีปังกรพุทธเจ้าเป็นบรมศาสดา” “ธรรมกาลยุคแดง มีพระพุทธองค์เป็นบรมศาสดา” “ธรรมกาลยุคขาว มีพระศรีอาลย์ เป็นบรมศาสดา” การกราบไหว้ในแต่ละยุคแตกต่างกัน รหัสคาถาทีถ่ า่ ยทอดใน แต่ละยุคก็แตกต่างกัน ทุกอย่างล้วนมิใช่มนุษย์ก�ำหนดเอง
ไตรรัตน์วิเศษที่ได้รับนี้จะศักดิ์สิทธิ์สูงส่งหรือไม่ ขึ้นอยู่ท่ีการ ปฏิบัติของแต่ละคน การได้รับธรรมะ ไม่ใช่ให้ทุกคนยึดติดในรูปลักษณ์ แต่ให้ทกุ คนบ�ำเพ็ญสร้างบุญกุศลทีแ่ ท้จริง ฉุดช่วยตนเอง ฉุดช่วยเวไนย ฉุดช่วยบรรพชน อีกทั้งให้ทุกคนได้มีโอกาสปฏิบัติมหากตัญญูอีกด้วย ผู้ที่มีธรรมะ จิตใจจะไม่ไหวเอน ไม่มีมารร้ายใดที่จะก่อกวนได้ ส�ำเร็จ ธรรมะนี้จึงเป็นธรรมะที่อยู่ในโลก ไม่ใช่ทิ้งโลก ไม่ใช่ทิ้งคน เป็น หลักธรรมอ้นเที่ยงแท้ ซึ่งอยู่กับคน อยู่กับโลก อาศัยโลกใบนี้มาบ�ำเพ็ญ ให้เที่ยงตรงตามหลักเกณฑ์ที่เบื้องบนก�ำหนด ตรงตามหลักเกณฑ์ของ สัจธรรม ดังนั้นการจะเข้าถึงซึ่งสัมมาปัญญาได้นั้น จ�ำเป็นต้องศึกษาให้ เข้าใจถ่องแท้ในเรื่องของสติ-ปัญญา เซี ย นพุ ท ธะกล่ า วว่ า “สติ สั ม ปั ญ ญาอั น เป็ น สั ม มาธรรมนี้ สามารถน�ำพาให้มวลเวไนยหลุดพ้นวัฏฏะแห่งความทุกข์ได้”
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
77
ข้อมูลเสริม ว่าด้วยการสร้างบุญจริงกุศลแท้
78 智慧之修持
บ� า เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ผู้บ�ำเพ็ญธรรมจริง จะไม่หลงผิด เมื่อรู้ว่าธรรมะที่ได้รับมีความ วิเศษสูงส่ง เขาจะประคองรักษาไว้ทกุ ขณะจิต และน�ำไปด�ำเนินปฏิบตั จิ ริง สร้างบุญจริงกุศลแท้ สร้างคุณงามความดี โบราณมีค�ำกล่าวว่า“ความดีงาม” คือสิ่งประเสริฐที่สุดในโลก ปราชญ์เมิง่ จือ่ กล่าวว่า “แรกเริม่ เดิมทีจติ ใจผูค้ นล้วนบริสทุ ธิง์ ดงามมาก” แต่คนสมัยปัจจุบัน กลับไม่เกรงกลัวในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ท�ำความผิดกันเป็นเรื่องปกติ จนมีทัศนคติที่ผิดๆว่าสามารถอาศัยวัตถุ มาไถ่ถอนความผิดได้ ชาวโลกยังไม่เข้าใจในเรือ่ งการบุญจริงกุศลแท้ ซึง่ เป็นเรื่องที่ส�ำคัญมากในการบ�ำเพ็ญส�ำเร็จธรรม มีค�ำกล่าวว่า “ไม่มีอริยะใดในโลก ที่ไม่ภักดีไม่กตัญญู ไม่มีเทพ เทวาใดบนสรวงสวรรค์ ที่ไร้กุศลและไร้คุณธรรม” ดังนั้นการจะบ�ำเพ็ญ ส�ำเร็จได้นั้นจ�ำเป็นต้องมีบุญจริงกุศลแท้ ซึ่งมาจากการลงมือปฏิบัติจริง
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
79
ความหมายของบุญจริงกุศลแท้
80 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
โบราณมีคำ� กล่าวว่า “ใจธรรม”คือ “บุญจริงกุศลแท้” จากบทบันทึกในคัมภีร์ลิ่วจู่ถันจิง ท่านสังฆปริณายกรุ่นที่ 6 ซึ่งก็คอื “ท่านเว่ยหล่าง” ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนมาก เกีย่ วกับหลักธรรม ว่าด้วยความหมายของ“บุญจริงกุศลแท้” ดังต่อไปนี้ โพธิจิตเดิมทีนั้นวิสุทธิ์สะอาด เพียงใช้จิตนี้ ก็สามารถส�ำเร็จเป็นพุทธะได้โดยตรง กระจ่างจิตแจ้งธรรมญาณคือ “บุญจริงกุศลแท้” กระจ่างจิตแจ้งธรรมญาณ นั่นคือ “บุญ” ปฏิบัติต่อมวลเวไนยด้วยจิตเสมอภาคนั่นคือ “กุศล” บุญกุศลจะเกิดขึ้นได้ต้องกระจ่างจิตแจ้งธรรมญาณ ไม่ใช่ได้มาจากการให้ทานหรือการอุปัฏฐาก ความอ่อนน้อมถ่อมตน คือ “บุญจริงกุศลแท้” จิตมีความอ่อนน้อมถ่อมตน นั่นคือ “บุญ” ความประพฤติสอดคล้องกับจริยะ นั่นคือ “กุศล” ไร้การหมายมั่นเจาะจงคือ “บุญจริงกุศลแท้”
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
81
คัมภีร์วัชรสูตรกล่าวว่า “หากพระโพธิสัตว์ท�ำได้ถึงการให้ทานโดยไม่ยึดติด อานิสงส์ที่ได้รับนั้นมากมายจนมิอาจประมาณได้” คัมภีร์ลิ่วจู่ถันจิงกล่าวว่า ทุกความคิดไร้การยึดติด ส�ำแดงศักยภาพของจิตอยู่เสมอ นี่เรียกว่า “บุญกุศล” ย้อนพิจารณาตนเอง ปรับปรุงไขนิสัยอารมณ์ความเคยชินที่ไม่ดี ละบาปบ�ำเพ็ญบุญ ยังประโยชน์แก่เวไนย คือ “บุญจริงกุศลแท้” คัมภีร์เซิ่งหมันจิงกล่าวว่า ความชั่วหมดสิ้นเรียกว่า “บุญ” ความดีเต็มเปี่ยมเรียกว่า “กุศล” ความหมายก็คือ หากสามารถชะล้างอุปนิสัยที่ไม่ดีให้สะอาด
82 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
หมดจด คือ “บุญ” ปฏิบัติความดีพร้อมสมบูรณ์ เรียกว่า “กุศล” คัมภีร์เต้าเต๋อจิงกล่าวว่า “การบ�ำเพ็ญธรรม คือการขจัดอารมณ์ความอยาก และความคิดฟุ้งซ่าน” คัมภีร์ลิ่วจู่ถันจิง กล่าวว่า การส�ำแดงสรรพธรรมจากจิตนั่นคือ “บุญ” จิตใจที่ห่างจากความคิดฟุ้งซ่านนั่นคือ “กุศล” ทุกขณะความคิดไม่ห่างจากจิตนั่น คือ “บุญ” เมื่อจิตส�ำแดงศักยภาพโดยไร้การยึดติด ไม่ถูกแปดเปื้อนด้วยอาสาวะ นั่นคือ “กุศล” อนุเคราะห์ชาวโลก ฉุดช่วยผู้คน ก็คือ บุญกุศล การบ�ำเพ็ญธรรม คือ “การควบคุมก�ำราบจิตตนและรักผู้คน” การสร้างสามทาน มีความศรัทธาจริงใจ คือ “บุญจริงกุศลแท้” มีค�ำกล่าวว่า “ผู้มีความศรัทธาจริงใจ ฟ้าย่อมตอบสนอง”
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
83
ทุ่มเทสุดใจคือบุญจริงกุศลแท้ ใจไร้ขีดจ�ำกัดทุ่มเทโดยไร้ขีดจ�ำกัด วาจาและการกระท�ำเป็นหนึ่งเดียวกันคือ “บุญจริงกุศลแท้” วาจาคือเสียงสะท้อนของจิต การกระท�ำดั่งเป็นเงาจากจิต การที่เราท�ำอะไรด้วยความจริงใจ อิงจากจิตเดิม ด�ำเนินออกมา จึงเป็น “บุญจริงกุศลแท้” ส�ำรวมระมัดระวังความคิด วาจาและการกระท�ำ ดั่งใน คัมภีรล์ ิ่วจู่ถันจิง กล่าวว่า “ทุกขณะจิตนั้นไม่ห่างจากธรรม นั่นคือ “บุญ” จิตสงบความประพฤติเที่ยงตรงก็คือ “กุศล” บ�ำเพ็ญจิตบ่มเพาะธรรมญาณนั่นคือบุญ ส�ำรวมวาจาและการกระท�ำนั่นคือกุศล”
84 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ความส�ำคัญของบุญจริงกุศลแท้ คือ สร้างสมบุญกุศล และบ่มเพาะคุณธรรมครบพร้อมสมบูรณ์ การสร้างบุญจริงกุศลแท้ ไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่อยู่ที่จิต จิตเดิมฟื้นฟูก็คือ “บุญจริงกุศลแท้” หากรั่วไหล คือ จิตติดยึด สิ่งที่สร้างก็เป็นเพียง “บุญวาสนา” การสร้างบุญจริงกุศลแท้ ช่วยให้ผบู้ ำ� เพ็ญธรรม ล่วงพ้นเกิดตาย แต่การจะล่วงพ้นการเกิดตายได้ จะต้องรู้ต้นก�ำเนิดอันเป็นรากฐานเดิม ของตนเองเสียก่อน “เพือ่ ฟืน้ ฟูจติ เดิม” อีกทัง้ บ�ำเพ็ญตนให้ตนื่ แจ้งและ ฉุดช่วยเวไนยให้ตื่นแจ้งเช่นเดียวกันกับตน การสร้างบุญจริงกุศลแท้ คือ “สิ่งที่จะก�ำหนดชะตาจิตญาณ ของทุกคนว่าจะขึน้ หรือลง” ทุกคนจึงควรศึกษาให้เข้าใจชัดเจนว่าในการ บ�ำเพ็ญธรรมนั้น ควรใช้ปัญญาธรรมพิจารณาเหตุผลของเรื่องราวต่างๆ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ของตนเองเป็นที่ตั้ง อิงความรู้สึกพึงพอใจของตนตัดสิน เรื่องราวต่างๆ รวมทั้งใช้มาตรฐานของตนเองไปตัดสินผู้อื่น จับผิดผู้อื่น หากเป็นเช่นนี้ แม้คณ ุ ท่มุ เทใจมากเพียงใด สุดท้ายกลายเป็นก่อกรรมให้ กับจิตญาณ ท�ำให้จิตญาณมีแต่จะตกต�่ำ อริยเจ้าทั้งหลายล้วนบ�ำเพ็ญส�ำเร็จธรรมจากตอนที่เป็นคน พระพุทธองค์กก็ ล่าวไว้ชดั เจนว่า “มวลเวไนยล้วนสามารถบ�ำเพ็ญส�ำเร็จ ธรรมได้เช่นเดียวกับเราตถาคต” ทุกอย่างขึน้ อยูท่ จี่ ติ ใจดวงนีเ้ ท่านัน้ เอง
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
85
การบ�ำเพ็ญคุณธรรมภายในและเสริมสร้างบุญกุศลภายนอก จะส่งผลให้บุญจริงกุศลแท้ครบพร้อมสมบูรณ์ พระอริยเจ้ากล่าวว่า “มีบุญ แต่ไร้คุณธรรม นั่นคือเป็นมาร” มีคุณธรรม แต่ไร้บุญกุศล ยากส�ำเร็จธรรม” พระธรรมจาริณีกล่าวว่า “หนึ่งความคิดพลาดพลั้งตกสู่นรก” “หนึ่งความคิดสัมมาขึ้นสู่สวรรค์” “วาสนา” มีสิ้นสุด ไม่อาจลบล้างหนี้สินเวรกรรมได้ แต่บุญจริงกุศลแท้ มีอานิสงฆ์ไร้ประมาณ สามารถขุดรากเหง้าแห่งหนี้สินเวรกรรมได้
86 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ปฏิบัติอย่างไรจึงจะเป็นบุญจริงกุศลแท้ ประการที่ 1 กระจ่างชัดสัจธรรมบ�ำเพ็ญจริง ประการที่ 2 ปฏิบัติโดยไม่หวังผล ประการที่ 3 ส�ำนึกขอขมาบาป ประการที่ 4 ไม่โทษกล่าวฟ้า-ไม่ต่อว่าผู้คน
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
87
ประการที่ 1 ต้องกระจ่างชัดสัจธรรมบ�ำเพ็ญจริง ท่านเหล่าเฉียนเหยินกล่าวว่า “ข้เอทดสอบในการบ�ำเพ็ญปฏิบัติ ล้วนเกิดจากความไม่กระจ่างในหลักธรรม” พระธรรมจารย์กล่าวว่า “ธรรมะไม่ใช่แค่วางไว้อยู่ที่สูง แต่หลักธรรมต้องกระจ่าง หากแม้นไม่กระจ่างธรรมแล้ว จะบ�ำเพ็ญได้อย่างไร?” ประการที่ 2 การปฏิบัติโดยไม่หวังผล อาศัยจิตที่เป็นพรหมวิหาร 4 อีกทัง้ จิตส�ำนึกคุณ จิตวิสทุ ธิม์ าปฏิบตั ติ อ่ เวไนยด้วยความจริงใจ พระธรรมจารย์กล่าวว่า “บ�ำเพ็ญปฏิบัติธรรม คือควรกระท�ำโดยไม่หวังผลตอบแทน เห็นเวไนยเสมือนผูม้ พี ระคุณ จิตหนึง่ ดวงนีถ้ วายแด่ฟา ้ ลืมซึง่ อัตตาตัวตน แม้ตนเองมีผลส�ำเร็จ ใจก็ไม่ยดึ ติด ไม่กล้าบังอาจคิดว่าเป็นความดีความ ชอบของตนเอง ความส�ำเร็จทั้งหมด น้อมทูลถวายแด่ฟ้าและมวลพุทธะ โพธิสตั ว์ทวั่ ทศทิศ” ขอเพียงเวไนยได้ขนึ้ ฝัง่ ธรรม ก็มคี วามยินดีเป็นทีส่ ดุ
88 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ประการที่ 3 ส�ำนึกขอขมาบาป ส�ำนึกขอขมาคือส�ำรวจแก้ไขตนเอง ช�ำระจิตใจให้ผ่องแผ้ว ฟื้นฟูธรรมชาติแห่งจิตญาณ ขจัดความยึดติดใน 4 ลักษณะ 1 ในอาตมะลักษณะ 2 บุคคละลักษณะ 3 สัตวะลักษณะ 4 ชีวะลักษณะ คัมภีร์ลิ่วจู่ถันจิงกล่าวว่า “ผู้ใดเป็นผู้บ�ำเพ็ญจริง เข้าใจการสร้างบุญกุศลแท้จริง เขาจะ ไม่มจี ติ ใจทีด่ หู มิน่ ดูแคลนผูใ้ ด มีแต่ให้เกียรติทกุ คน ให้เกียรติมวลเวไนย หากจิตใจมักดูแคลนผู้อื่น ไม่ละอัตตาตัวตน “ย่อมไม่มีบุญ” หากในจิตใจฟุ้งซ่านสับสน ไม่มีความจริงใจ “ย่อมไม่มีกุศล” นี่เป็นเพราะไม่ได้ละอัตตาตัวตน หยิ่งยะโสอวดดี จึงมักดูถูก ดูแคลนผู้อื่น ดูแคลนทุกสิ่งทุกอย่าง” พระพุทธะกล่าวว่า “ผู้ที่ดูแคลนผู้อื่น คือผู้ที่ก�ำลังดูแคลนตนเอง บันทึกในคัมภีร์วัชรสูตร พระพุทธองค์ตรัสกับท่านสุภูติ “สุภูติ! หากโพธิสัตว์ยึดติดว่าตนคือผู้ฉุดช่วยเวไนย จิตใจ ยังมีความยึดติดในลักษณะทั้งสี่ นั่นคือ “ผู้ยังมีกิเลส มิใช่พระโพธิสัตว์” ประการที่4 ไม่โทษกล่าวฟ้า ต่อว่าผู้คน มีความเสียสละ ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่คิดหวังผลตอบแทนใดๆ เมื่อพบเจออุปสรรค เจอข้อทดสอบต่างๆ ก็ยังคงนิ่งสุขุม และตรึกตรอง พิจารณา ไม่เกิดจิตใจโทษกล่าว นั่นคือ “ผู้มีบุญจริงกุศลแท้” 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
89
บทสรุปว่าด้วยการสร้างบุญจริงกุศลแท้ คัมภีร์ฮว๋าเอี๋ยนกล่าวว่า “โพธิจิตสูญเสียไป แม้บ�ำเพ็ญกุศล ธรรมทั้งปวง นั่นเรียกว่ากิจแห่งมาร” คัมภีรล์ วิ่ จูถ่ นั จิงกล่าวว่า “ผูล้ มุ่ หลง จะบ�ำเพ็ญแต่บญ ุ วาสนา ไม่ บ�ำเพ็ญธรรม” คนตืน่ แจ้งจะบ�ำเพ็ญควบคูท่ งั้ บุญวาสนาและปัญญาบารมี บ�ำเพ็ญภายนอกคือบุญจริง บ�ำเพ็ญภายในคือกุศลแท้ รักษา คุณธรรมว่าด้วยหลักสามไม่เสือ่ ม-สร้างกุศล สร้างคุณธรรม สร้างวาจาชอบ วันนี้ทุกท่านได้รับธรรมะ บ�ำเพ็ญปฏิบัติจริงตามหลักสัจธรรม เสริมสร้างคุณธรรม ก่อเกิดเป็นบุญจริงกุศลแท้ สามารถล่วงพ้นเกิดตายได้
90 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
บทสรุปว่าด้วยการบ�ำเพ็ญสัมมาปัญญา
การเปลีย่ นแปลง ตัวของเรา จะเป็นการเริม่ ต้นในการจุดไฟแห่ง ปัญญาขึ้นให้ความสว่างแก่ตัวของเราเอง เป็นการเริ่มต้นของเราที่จะอยู่ ในโลกใหม่ มีชีวิตใหม่ และได้รับการยกย่องจาก ผู้ที่อยู่รอบข้างของเรา คนที่เคยดูถูกเรา เขากลับมาชมเชยเรา วันนี้ทุกคนเป็นศิษย์อนุตตรธรรม ได้รับพระคุณฟ้าอันยิ่งใหญ่ ได้รับการถ่ายทอดชี้แนะหนทางเที่ยงตรง เพื่อกลับคืนสู่เบื้องบน ดังนั้น จึงไม่ควรใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เพื่อการเลี้ยงชีพไปวันๆ สุดท้ายก็ต้องจาก โลกนี้ไปอย่างไร้คุณค่า ไม่ต่างกับต้นไม้ใบหญ้า ควรบ�ำเพ็ญปฏิบัติจริง แก้ไขตนเอง เจริญรอยตามเซียนพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ น�ำพาตนเองและ น�ำพาเวไนยกลับคืนฝั่งนิรวาณ ควรหมั่นศึกษาพระโอวาทเซียนพุทธะ อยู่เสมอ สร้างบุญจริงกุศลแท้ ไม่หลงเตลิดไปกับกระแสสังคมทางโลก เมือ่ เราได้ขนึ้ นาวาธรรมแล้ว ดัง่ เรือทีใ่ กล้ถงึ ฟากฝัง่ แล้ว อย่าได้ กระโดดจากเรือกลางคัน ทุกคนต่างมีปัญญาธรรมสว่างไสวในตนเอง ทุกคนต่างมีพทุ ธภาวะเป็นพระพุทธะ เป็นผูร้ ู้ ผูต้ นื่ ผูเ้ บิกบาน เราทุกคนต่าง เคยลุ่มหลงด้วยอวิชาและอาสวะกิเลสทีม่ าบดบังจิต บัดนีเ้ ราได้การชีน้ ำ� แสงสว่าง ได้คน้ พ้นความสว่างแห่งจิตญาณเดิม จึงควรตืน่ แจ้ง ด�ำรงชีวติ ในท่ามกลางโลกีย แต่ไม่แปดเปื้อนโลกีย อยู่ท่ามกลางผู้คนทั้งหลาย แต่ไม่คล้อยตามสิง่ ไม่ดงี าม ควรเตือนสติตนเองให้เป็นดัง่ บัวพ้นโคลนตม ปฏิบตั ขิ ดั เกลาตนเอง และโน้มน�ำผูค้ นทัง้ หลายให้ได้คน้ พบหนทางสว่าง กลับคืนบ้านเดิม หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ล่วงพ้นทะเลทุกข์ 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
91
ในท่ามกลางการบ�ำเพ็ญปฏิบัติ ถนนใช่ว่าจะราบรื่นเสมอ ธรรมะแท้ย่อมมีการทดสอบจริง พึงระลึกนึกถึงอยู่เสมอว่าชีวิตของเรา คนหนึง่ เกีย่ วพันกับเวไนยมากมายสุดคณานับ อีกทัง้ ยังมีความเกีย่ วพัน กับบรรพชน 7 ชั้น ลูกหลาน 9 ชั่วคน ยามทีเ่ รามุง่ มัน่ ตัง้ ใจบ�ำเพ็ญปฏิบตั ิ ดวงวิญญาณเหล่านั้นก็ดีใจ ได้รับบุญกุศลถ้วนหน้า แม้แต่ครอบครัวของเรา พ่อแม่พี่น้องของเราที่ ยังมีลมหายใจอยู่ คนเหล่านั้นก็ได้รับการคุ้มครองดูแลจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากเราคนหนึ่งตกต�่ำถดถอย เลิกลากลางคัน ยังความผิดหวัง แก่บรรพชนและลูกหลานของเรา อีกทั้งวิญญาณของเจ้ากรรมนายเวร ทั้ ง หลายที่รอบุญกุศลจากพวกเรา เขาเหล่านั้นต้องผิดหวังและทุกข์ ทรมาน ยุคนี้การปกโปรดสามภพแต่โบราณไม่เคยมีมาก่อน พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ดอกไม้พันปีออกดอกยังมีโอกาสเห็น แต่การปรกโปรดสามภพ หากพลาดโอกาสนี้ไป ก็ไม่มีอีกแล้ว” พระสังฆปริณายกรุ่นที่ 6 ท่านฮุ่ยเหนิงกล่าวว่า “เมื่อจุดประกายไฟให้ชีวิต จึงไล่ความมืดมนออกไปได้ เมื่อปัญญาเกิด ความโง่งมทั้งหลายจึงหมดไป ”
92 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
เราบ�ำเพ็ญธรรม จะไม่โทษกล่าว โจมตีศาสนาอื่น จะต้องเคารพให้เกียรติทุกคนด้วยจิตอันเมตตาธรรม มีความยุติธรรมเสมอภาคต่อทุกคน ไม่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง หลักธรรมทั้งหลายเมื่อรู้แล้ว พึงไปด�ำเนินปฏิบัติ หากรู้แล้ว ไม่ด�ำเนินปฏิบัติ ก็ไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใด ทุกวันให้เรารูจ้ กั สังเกตุพจิ ารณา ติดตามข่าวสารของสังคมโลก ว่าปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ภัยพิบัติทั้งหลายท�ำไมเกิดขึ้นมากมาย อย่าคิด ว่าไม่เป็นไร ภัยเหล่านั้นยังอยู่ห่างไกลตัวเรา เราทั้งหลายอย่าได้ชะล่าใจ อย่าได้นิ่งนอนใจ ใช้ชีวิตไปวันๆ สนใจแต่ตัวเอง ไม่ต้องรอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบอก แค่ติดตามเหตุการณ์ ทีเ่ กิดขึน้ ในแต่ละวัน แล้วใช้ปญ ั ญาตรึกตรองพิจารณา ท่านก็จะรูว้ า่ บัดนี้ ภัยพิบตั ทิ งั้ หลาย ดัง่ ไฟทีเ่ ผาไหม้จนถึงคิว้ ของพวกเราแล้ว ดังนัน้ ถึงเวลา ที่ควรตื่นแจ้งได้แล้ว การบ�ำเพ็ญธรรม ไม่ใช่การกลัวตาย ไม่ใช่เพือ่ ต้องการให้ตนเอง รอดพ้นภัย แต่เป็นการบ่มเพาะคุณธรรมบารมี แก้ไขความผิดพลาด ฟื้นฟูจิตพุทธะเดิมแท้ของตนเอง ไม่ต้องการให้จิตญาณลุ่มหลงต่อไป
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
93
ทิศทำงเป้ำหมำยในกำรบ�ำเพ็ญ ควรไปทิศทำงใด ค�ำตอบคือ ควรศึกษำเจริญรอยตำมเซียนพุทธะ โพธิสัตว์ หมั่นศึกษำพระโอวำทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วน�ำไปด�ำเนินปฏิบัติ รักษาสามไม่ห่าง 1 ไม่ห่ำงสถำนธรรม 2.ไม่ห่ำงนักธรรมอำวุโส 3.ไม่ห่ำงพระคัมภีร์” ยึดปฏิบัติตำมวัตถุประสงค์ของอนุตรธรรม เช่นนี้จะได้ไม่สับสนหลงทำง น�ำจุดประสงค์แห่งธรรม มำเป็นเป้ำหมำยในกำรบ�ำเพ็ญ
94 智慧之修持
บ� า เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
ผู้บ�าเพ็ญควรศึกษา ใช้ไตรรัตน์ให้ถูกต้อง ไตรรัตน์ข้อที่หนึ่ง สอนให้ส�ำรวมจิต ส�ำรวจพิจำรณำตนเอง ไม่กระท�ำในสิ่งที่ผิดต่อมโนธรรมส�ำนึก ด�ำรงจิตพุทธะ ไตรรัตน์ของที่สอง เจริญรอยตำมแบบอย่ำงของพระศรีอำลย์ “ท้องใหญ่ ใจกว้ำง จิตเมตตำ โอบอุ้มให้อภัย มุ่งมั่นสรรสร้ำงโลกนี้ให้เป็นดอกบัวบำน” ไตรรัตน์ข้อที่สาม ฟื้นฟูจิตบริสุทธิ์ไร้เดียงสำดั่งจิตทำรกน้อย ซึ่งหมำยถึง “ฟื้นฟูจิตพุทธะซึ่งเป็นโฉมหน้ำเดิมแท้ของตน”
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
95
仙佛慈訓:
เซียนฝอเซิ่งซวิ่น (โอวาทเซียนพุทธะเมตตา) 有參與,才會感到修辦的真意。
โหย่ว ชัน อวี่,ฉาย ฮุ่ย กั่น เต้า ซิว ปั้น เตอะ เจิน อี้ ร่วมศึกษาด�ำเนินงาน ก็จะสัมผัสถึงความหมายแท้จริงของการ บ�ำเพ็ญปฏิบัติธรรมได้ 有理想,才會開拓生命的奇蹟。
โหย่ว หลี่ เสี่ยง,ฉาย ฮุ่ย ไค คั่ว เซิง มิ่ง เตอะ ฉี จี มีอุดมการณ์ จึงสามารถสรรสร้างร่องรอยประวัติศาสตร์ชีวิต ให้ยิ่งใหญ่กว้างไกล 有學習,才會增加內涵的豐裕。
โหย่ว เสวีย สี, ฉาย ฮุ่ย เจิง เจีย เน่ย หัน เตอะ เฟิง อวี้ มีศึกษาเรียนรู้ จึงจะได้รับความรู้ ได้รับผลเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์ 有努力,才會開創美好的佳績。
โหย่ว หนู่ ลี่, ฉาย ฮุ่ย ไค ช่วง เหม่ย ห่าว เตอะ เจีย จี มีมานะพยายาม จึงสามารถบุกเบิกสรรสร้างเส้นทางงดงามสมบูรณ์
96 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
有修道,才會提昇心境的造詣。
โหย่ว ซิว เต้า, ฉาย ฮุ่ย ถี เซิง ซิน จิ้ง เตอะ เจ้า อี้ มีบำ� เพ็ญปฏับตั ธิ รรมจึงสามารถยกระดับจิตประสบความส�ำเร็จ 有諒解,才會維繫彼此的情意。
โหย่ว เลี่ยง เจี่ย, ฉาย ฮุ่ย เหวย ซี่ ปี๋ ฉื่อ เตอะ ฉิง อี้ มีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ จึงสามารถรักษาน�้ำใจและเยื่อใยผูกพันระหว่างกันไว้ได้ 有溝通,才會解開心中的難題。
โหย่ว โกว ทง, ฉาย ฮุ่ย เจี่ย ไค ซิน จง เตอะ หนัน ถี มีการสื่อสารปรับความเข้าใจกัน จึงสามารถคลี่คลายแก้ปมปัญหาในจิตใจได้ 有衝勁,才會達到最終的鵠的。
โหย่ว ชง จิ้น, ฉาย ฮุ่ย ต๋า เต้า จุ้ย จง เตอะ กู่ ตี้ มีความมุ่งมั่นกระตือรือร้นจึงสามารถไปถึงเป้าหมายสูงสุดได้ 有感恩,才會充滿無限的法喜。
โหย่ว กั่น เอิน, ฉาย ฮุ่ย ชง หมั่น อู๋ เซี่ยน เตอะ ฝ่า สี่ มีจิตส�ำนึกคุณจึงเปี่ยมล้มด้วยความปีติยินดีในรสพระธรรม 有犧牲,才會散發聖潔的光煜。
โหย่ว ซี เซิง, ฉาย ฮุ่ย ซั่น ฟา เซิ่ง เจี๋ย เตอ กวง อวี้ มีการเสียสละอุทิศ จึงสามารถฉายส่องแสงสว่างพิสุทธิ์แห่งอริยเจ้า 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
97
道之宗旨 จุดประสงค์ของอนุตตรธรรม 敬天地 , 禮神明 , 愛國忠事敦品崇禮 , 孝父母 , 重師尊 , 信朋友 , 和鄉鄰 , 改 惡向善,講明五倫八德,闡發五教聖人 之奧旨,恪遵四維綱常之古禮,洗心滌 慮 , 借假修真 , 恢復本性之自然 , 啟發 良知良能之至善,己立立人,己達達 人 , 挽世界為清平 , 化人心為良善 , 冀 世界為大同。
98 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
เคารพฟ้าดิน บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รักชาติซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ประพฤติดีงามเชิดชูจริยธรรม กตัญญูพ่อแม่ ถือความสัตย์ต่อเพื่อน กลมเกลียวกับเพื่อนบ้าน ละบาปบ�ำเพ็ญบุญ รู้ปฏิบัติในคุณสัมพันธ์ทั้งห้าและคุณธรรมแปด ปฏิบัติตามหลักการปกครองและจตุธรรมอันเป็นจารีตโบราณ เผยแผ่คุณวิเศษในพระธรรมของศาสดาทั้งห้า ช�ำระจิตใจให้ผ่องแผ้ว อาศัยสิ่งสมมติบ�ำเพ็ญจิตเดิม ฟื้นฟูความเป็นธรรมชาติแห่งจิตญาณ โน้มน�ำให้ถึงความดีงามสูงสุดในปรีชาญาณและสัญชาตญาณ ด�ำรงตนให้เป็นคนที่สมบูรณ์อีกทั้งช่วยผู้อื่น ช่วยตนให้กระจ่างแจ้งอีกทั้งช่วยผู้อื่น กอบกู้โลกให้สันติสุข กล่อมเกลาจิตใจผู้คนให้ดีงาม มุ่งหวังให้โลกบังเกิดสันติภาพ
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
99
หวั ง หลุ ด พ้ น เวี ย นว่ า ยในวั ฏ ฏะ รู ้ ตั ด ละกิ เ ลสตนให้ ห มดสิ้ น รู ้ ขั ด เกลาจิ ต เป็ น อาจิ ณ รู ้ ชี วิ น เพี ย งชั่ ว คราวรุ ด บ� ำ เพ็ ญ เพื่ อ วั น นี้ มี โ อกาสได้ บ� ำ เพ็ ญ ขอจงเห็ น ความส� ำ คั ญ รุ ด ก้ า วหน้ า เมื่ อ ยั ง มี ล มหายใจในโลกา รู ้ น� ำ พาตนก้ า วพ้ น ห้ ว งแห่ ง กรรม
100 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
提生自己的智慧 ถี เซิง จื้อ จี่ เตอะ จื้อ ฮุ่ย ยกระดับปัญญาของตนเองให้สูงขึ้น
才能解脫人生的痛苦! ฉาย เหนิง เจี่ย ทัว เหยิน เซิง เตอะ ท่ง ขู่ จึงสามารถหลุดพ้นจากชีวิตที่ทุกข์ทน
琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
101
ข้อมูลทางบรรณานุกรมส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ ISBN 978-616-7994-02-4 พิมพ์ครั้งที่ 1 ปี 2559 จ�ำนวน 3,000 เล่ม
จัดพิมพ์โดยส�ำนักพิมพ์เป่ยเฉิน 14 ซอยสวนผัก 13 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02-882-0398 098-827-6319 เจ้าของลิขสิทธิ์ 陳曉琴 จารุเนตร เชียะคง กรรมการผู้จัดการ 陳曉琴 จารุเนตร เชียะคง บรรณาธิการ 琅華 หลังฮว๋า ที่ปรึกษา 思斯 ซือซือ พิสูจน์อักษรภาษาจีน 慕易 มู่อี้ พิสูจน์อักษรภาษาไทย 依道 อีเต้า ฝ่ายศิลปกรรม 小草 เสี่ยวเฉ่า ฝ่ายการตลาด 小儒 ธีรนาถ 102 智慧之修持
บ� ำ เพ็ ญ สั ม มาปั ญ ญา
จัดจ�ำหน่ายโดย หจ. เป่ยเฉิน BENCHEN 14 ซอยสวนผัก 13 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 098-827-6319 line:beichen.book beichen.co.ltd@gmail.com ราคา 100 บาท ต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จ�ำนวนมากในราคาพิเศษ กรุณาติดต่อ ผจก.ฝ่ายการตลาด หจ.สนพ.เป่ยเฉิน โทรศัพท์ 098-827-6319, 089-200-3909
พิมพ์ที่ บริษัท ศิลป์สยามบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ จ�ำกัด ถ. เลียบคลองภาษีเจริญ ฝั่งเหนือ แขวง/เขตหนองแขม กรุงเทพฯ 10160 โทรศัพท์ 02-444-3351-9 โทรสาร 02-444-0078
e-mail : silpasiamprintng@hotmail.com 琅華
หลังฮว๋า แปลและเรียบเรียง
103