January2014

Page 1

ปีท่ี 12 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดือนมกราคม 2014

http://www.catholic.or.th/sarnbkk/

สาสน์อวยพรจากพระสังฆราชกิตติคุณ โอกาสพระคริสตสมภพและสวัสดีปีใหม่ 2014 “พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรง สร้าง โดยทางพระวจนาตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำ�หรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืดกลืนแสงสว่างไม่ได้ (ยน 1:3-5) แม้ว่า วันก่อนหน้านี้ ชีวิตมนุษย์จมอยู่ในความมืดมิดก็ตาม แต่วันนี้แสงสว่าง แห่งพระคริสตสมภพ ได้บงั เกิดขึน้ บนโลกนีแ้ ล้ว ฉะนัน้ จงมุง่ มัน่ ออกจากเงามืดนัน้ เถิด แม้ว่ามนุษย์จะเปลี่ยนแปลง “อดีต” ไม่ได้ก็ตาม แต่มนุษย์ยังสามารถปรับปรุงแก้ไขชีวิตปัจจุบัน ถ้ามนุษย์ เอาจริงเอากับการพัฒนาตัวเองในวันนี้ได้ จึงโอกาสพระคริสตสมภพและปีใหม่นี้ ขอแสงสว่างแห่งพระกุมารเจ้า และพระพรแห่งปีใหม่ 2014 จงสถิต และประทับอยู่กับทุกคนตลอดไปเทอญ สุขสันต์วันพระคริสตสมภพและสุขสวัสดีปีใหม่

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู

พระอัครสังฆราชกิตติคุณแห่งกรุงเทพฯ

คำ�อวยพรโอกาสพระคริสตสมภพ ปีคริสตศักราช 2013 ของ พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ค่ำ�คืนคริสตสมภพบรรจบอีกครั้ง ความเกลียดชังทั้งหลายมลายสิ้น ค่ำ�คืนคริสตสมภพระบือบิน หมู่ภุมรินยลดลพฤกษานานาพรรณบานสะพรั่ง ค่ำ�คืนคริสตสมภพอันสุขสงบ สยบหยุดยั้งสงครามทั้งหลายไว้ใต้พื้นปฐพี ค่ำ�คืนคริสตสมภพที่ผู้คนมีรักให้กันและกัน ก่อเกิดนวอารยธรรม์ในสังคมนั้น คราใดเราให้น้ำ�หนึ่งแก้วแก่ผู้กระหาย ครานั้นเรากลายเป็นผู้อยู่ร่วมกับพระคริสต์องค์ คราใดเราสวมเสื้อผ้าอาภรณ์แห่งรักเมตตาแก่ผู้เปลือยเปล่า คราวนั้นเราเข้าร่วมในพระคริสตสมภพ คราใดเราซับน้ำ�ตาผู้ร่ำ�ไห้ไร้ทางออก ครานั้นคริสตสมภพบอกให้ผู้คนเข้าใจความหมายชีวิต คราใดเรามอบความหวังไว้ในความคิดจิตใจของผู้คน ครานั้นเราคริสตชนดลบันดาลความสุขแก่ทุกคน คราใดเราจุมพิตเพื่อนพ้องด้วยบริสุทธิ์ใจไร้เล่ห์กล ครานั้นเรานำ�ผู้คนสู่พระคริสตธรรม์ คราใดเรากำ�จัดสิ้นซึ่งความเคียดแค้นรังเกียจเดียดฉันท์ ครานั้นเรานำ�ความสุขสันต์สู่สังคม คราใดเราขจัดสิ้นซึ่งการกีดกันแบ่งแยกชนชั้น ครานั้นเราเสริมสร้างความกลมเกลียวสมานฉันท์ คราใดจิตใจเราหล่อหลอมรวมกันในพระคริสต์องค์ผู้ทรงความรัก ครานั้นเราทั้งหลายก็พร้อมพรักก่อเกิดคริสตสมภพท่ามกลางเราทั้งหลาย (จากเค้าโครงบทเพลงคริสตสมภพของชาวอาหรับ)


บทความ...ผงศิลา

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ พ่อมีโอกาสได้ถวายมิสซาเวลา 11.00 น. ที่สักการสถาน หลังมิสซาพ่อได้พูดคุยกับสัตบุรุษที่มาร่วมมิสซาเป็นปกติ พ่อพบสุภาพสตรีทา่ นหนึง่ กำ�ลังยืนรอพ่ออยู่ พ่อสังเกตเห็นว่า ก่อนหน้านี้ สุภาพสตรีท่านนี้ได้สวดภาวนาอยู่ที่พระรูปของพ่อนิโคลาสเป็นเวลานาน เธอเล่าให้พอ่ ฟังว่า เมือ่ หกปีทแี่ ล้วประมาณปี พ.ศ.2550 เธอรูส้ กึ ปวดทีใ่ ต้เท้า นิว้ เท้าชาทัง้ สิบนิว้ เธอทนเจ็บปวดอยู่ อย่างนัน้ ถึง 1 ปีเต็ม เธอปวดมากขึน้ เป็นลำ�ดับจนทนไม่ไหว จึงตัดสินใจไปรักษาอาการปวดนีท้ โี่ รงพยาบาลเอกชนแห่งหนึง่ รักษาอยู่ถึงหกเดือน โดยที่คุณหมอไม่ทราบว่าสาเหตุของอาการปวดนี้คืออะไร ได้แต่ให้กินยา ฉีดยา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ตรงกันข้ามกลับยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ ในปี พ.ศ.2552 เพื่อนคนหนึ่งของเธอแนะนำ�ว่า มีหมอด้านกระดูกที่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงของรัฐบาล เป็น อาจารย์หมอและเก่งมาก น่าจะรักษาเธอให้ทุเลาหรือหายจากอาการปวดที่ใต้เท้าและที่นิ้วเท้าได้ เพราะเธอเริ่มเจ็บ และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งนั้น ใช้เวลารักษาที่นั่น 2 ปี โดยมีหมอที่ให้การรักษา 4 คน โดยเธอเล่าเรื่องการรักษาของเธอ ดังนี้ ในปีแรกพบหมอคนที่หนึ่ง เขาตรวจไม่พบสาเหตุ แต่ก็จ่ายยาให้ และนัดให้ไป รักษาอย่างสม่ำ�เสมอ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงไปพบหมอคนที่สองแต่ก็เหมือนเดิม คือ ไม่พบสาเหตุและอาการก็ยังไม่ ดีขึ้น ในปีที่สอง หมอคนที่สองจึงส่งเธอไปรักษากับหมอคนที่สาม ซึ่งเป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านข้อกระดูก แต่ก็ตรวจ ไม่พบสาเหตุอีกเช่นกัน จึงส่งไปหาหมอคนที่สี่ ซึ่งเป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทก็ไม่พบอะไรอีก หมอคนที่สี่จึง ตัดสินใจที่จะส่งเธอไปรับการรักษากับหมอคนที่ห้า ตอนปลายปี พ.ศ. 2554 เนื่องจากเกิดเหตุการณ์น้ำ�ท่วมกรุงเทพฯ โรงพยาบาลนั้นมีน้ำ�ท่วมสูง และสั่งปิดบริการ ชั่วคราว เธอจึงยังไม่ได้ไปหาหมอคนที่ห้า แต่เนื่องจากเธอเจ็บเท้ามากจนทนไม่ไหว จึงได้ไปพบหมอที่โรงพยาบาล เอกชนอีกแห่งหนึ่ง เมื่อคุณหมอได้ทราบประวัติการรักษาของเธอ คุณหมอบอกกับเธอว่า ขนาดหมอเก่งๆ สี่คนยังหา สาเหตุอาการป่วยของเธอไม่พบ แล้วเขาซึ่งเป็นหมอประจำ�โรงพยาบาลเล็กๆ ก็คงรักษาเธอไม่ได้เช่นกัน คำ�พูดของหมอ ทำ�ให้เธอรู้สึกท้อแท้และหมดหวังอย่างที่สุด เธอได้เล่าเรื่องความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยของเธอให้กับเพื่อนสนิท ของเธอฟัง เพือ่ นให้ค�ำ แนะนำ�แก่เธอว่า ให้สวดขอคุณพ่อนิโคลาส ซึง่ เป็นบุญราศีผศู้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ เพือ่ ท่านจะได้วอนขอพระเจ้า ให้เธอหายจากอาการเจ็บป่วยนี้ เธอเริ่มสวดวอนขอพระเจ้าผ่านทางคุณพ่อนิโคลาสตั้งแต่เวลานั้น เธอเชื่อและรับรู้ถึงพระเมตตาของพระเจ้าได้ว่า อาการของเธอเริ่มดีขึ้น ความเจ็บปวดที่เท้าเริ่มทุเลาลงเป็นลำ�ดับจนแทบจะไม่เจ็บเท้าเลย อย่างไรก็ดี เมื่อน้ำ�ลด หมอคนที่ห้าได้นัดเธอให้ไปพบ และคราวนี้หมอพบว่าเธอเจ็บเท้าเพราะอะไร เธอเจ็บเท้าเพราะมีหินปูนงอกที่เท้าและ ให้ยาเธอมาทาน แต่เธอบอกกับพ่อว่า “พระเจ้าทรงรักษาดิฉัน หลังจากการสวดวอนขอพระองค์ผ่านทางคุณพ่อ นิโคลาส อาการของดิฉันดีขึ้นมากแล้ว ปัจจุบันดิฉันเดินได้ดี และไม่ได้กินยาที่หมอคนที่ห้าให้มา ดิฉันหายแล้ว หายก่อนที่จะไปพบหมอคนที่ห้าเสียด้วย ขอบคุณพระองค์ ขอบคุณคุณพ่อนิโคลาสที่วิงวอนพระองค์เพื่อดิฉัน” พ่อกับเธอคุยกันอีกพักใหญ่ ด้วยรอยยิ้มและความยินดี เราทั้งสองมั่นใจในความศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อนิโคลาส และคำ�ภาวนาทีท่ า่ นวอนขอพระเจ้าเพือ่ เรา เราจากกันด้วยรอยยิม้ และสันติสขุ และตัง้ ใจจะแบ่งปันถึงความรักของพระเจ้า ผ่านทางคุณพ่อนิโคลาสจากประสบการณ์นี้ให้กับพี่น้องให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อพระเกียรติมงคลของพระเจ้า และเพื่อ คุณธรรมความดีและคำ�วอนขอของพ่อนิโคลาส จะได้เป็นกำ�ลังใจในการดำ�เนินชีวิตของพี่น้องทุกท่านครับ 2 สารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2014


บทความ...ผงศิลา

พี่

น้องที่รัก เอกสารฟื้นฟูชุมชนศิษย์พระคริสต์สำ�หรับเดือนมกราคม เราจะร่วมกันไตร่ตรองเรื่อง “ยุติการค้ามนุษย์ อีกหนึง่ ภารกิจของคริสตชน” โดยมีเป้าหมายเพือ่ “คริสตชนตระหนักถึงบทบาทของตนในฐานะประกาศก รูท้ นั ใน ปัญหาสังคมปัจจุบนั และช่วยหาทางออกด้วยจิตตารมณ์ของพระวรสาร โดยเฉพาะยุตกิ ารค้ามนุษย์หรือการค้าทาสสมัยใหม่” เอกสารนี้เริ่มต้นด้วยการมองชีวิตปัจจุบัน (Look) กล่าวถึงการค้ามนุษย์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตู่เด็กชายที่น่ารัก ถูกล่วงละเมิดทางเพศ บังคับให้ออกขอทานและเดินขายดอกไม้ตามร้านอาหารจนถึงดึกทุกวัน เอก เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ถูกหลอกให้มอบเอกสารสำ�คัญและถูกบังคับให้ทำ�งานเป็นลูกเรือประมงโดยทำ�งานทั้งกลางวันและกลางคืน และไม่ได้รับ ค่าแรงเป็นเวลา 15 เดือน และจอยถูกหลอกให้ไปทำ�งานที่ประเทศญี่ปุ่นและถูกบังคับให้ค้าประเวณี ต่อจากนั้นเป็นคำ�ถามให้ เราไตร่ตรองว่า “ท่านเคยเห็นหรือได้ยนิ เรือ่ งการค้ามนุษย์ในรูปแบบอืน่ ๆ อีกบ้างไหม?” “การค้ามนุษย์เป็นภัยร้ายแรง ในสังคมไทยอย่างไร? ใครบ้างที่อาจเป็นผู้ค้ามนุษย์ ผู้ซื้อมนุษย์และผู้เป็นเสมือนสินค้า?” และ “การค้ามนุษย์เป็นการ ทำ�ให้มนุษย์เป็นทาส และทำ�ลายความเป็นมนุษย์อย่างไร?” พระวาจาของพระเจ้า (Listen) (ลก 4 : 16-21) กล่าวถึงคำ�ทำ�นายถึงพระเมสสิยาห์ “พระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศ ข่าวดีแก่คนจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผถู้ กู จองจำ� คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผูถ้ กู กดขีใ่ ห้เป็น อิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” เป็นจริงในองค์พระเยซูเจ้า พร้อมทัง้ คำ�ถามในการไตร่ตรองจากพระวาจา ทีไ่ ด้ฟงั ว่า “คำ� วลี หรือประโยคไหนในพระวรสารทีส่ ะกิดใจท่านมากทีส่ ดุ ?” และ “แบ่งปันสิง่ ทีพ ่ ระพูดในใจท่านผ่านทาง พระวาจาของวันนี้?” การดำ�เนินชีวติ ศิษย์พระเยซู (Love) เป็นการหาแนวทางปฏิบตั โิ ดยตอบคำ�ถามทีว่ า่ “ท่านจะแสดงบทบาทของประกาศก ได้อย่างไรบ้าง?ในเรือ่ งการยุตกิ ารค้ามนุษย์ในสังคมไทย” และ“คุณค่าอะไรบ้างทีค่ วรปลูกฝังให้เด็กเยาวชนคนในครอบครัว ในโรงเรียน ในชุมชน ในสังคม เพื่อช่วยกันยุติการค้ามนุษย์?” นอกจากนี้ ในเอกสารไตร่ตรองยังได้กล่าวถึงคำ�สอนของพระศาสนจักรเรือ่ งศักดิศ์ รีของมนุษย์และวิธกี ารยุตกิ ารค้ามนุษย์ พอสรุปได้ ดังนี้ 1. พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เสนอให้ทำ�งานช่วยกันเป็นเครือข่าย (เอกอัครราชทูตไทยเข้าเฝ้า 16 ธ.ค. 2007) 2. พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เตือนผู้ทำ�งานให้ช่วยกันรักษาศักดิ์ศรีมนุษย์และช่วยขจัดความยากจน (โอกาส พระสังฆราชไทยถวายรายงาน 16 พ.ค. 2008) 3. ช่วยยุติการค้ามนุษย์ด้วยคำ�ภาวนา พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงภาวนาในขณะนำ�การเฝ้าศีล โอกาสปีแห่งความเชื่อ สำ�หรับทุกคนทั่วทุกมุมโลกที่กำ�ลังทนทุกข์กับการถูกใช้แรงงานทาส การค้ามนุษย์ เหยื่อสงครามและการค้ายาเสพติด สำ�หรับ เด็กๆ และสตรีที่ทนทุกข์จากความรุนแรง (3 มิ.ย. 2013) 4. “มนุษย์ทุกคนถูกสร้างมาตามพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้า” (พระศาสนจักรในโลกสมัยใหม่ ข้อ 12) 5. “ถ้าแต่ละคนฟังเสียงของมโนธรรมและดำ�รงชีวิตจากภายใน มนุษย์ก็จะดำ�รงศักดิ์ศรีของตนไว้ได้” (พระศาสนจักรใน โลกสมัยนี้ ข้อ 16) 6. “สตรีตกเป็นเหยื่อของทัศนะคติแบบผิดๆ ก่อให้เกิดผลที่น่าขมขื่น การค้าทาส การกดขี่ผู้อ่อนแอ การตีพิมพ์หนังสือ และภาพลามก การค้าประเวณี ซึง่ เป็นการทำ�ลายชีวติ ” (สมณสารเรือ่ ง “ศักดิศ์ รีและกระแสเรียกของสตรี” ข้อ 7.5, 6.3) “มนุษย์ ทัง้ หญิงและชายถูกสร้างมาให้เป็นฉายาของพระตรีเอกภาพ ควรส่งเสริมซึง่ กันและกัน โดยเฉพาะในบทบาทของความเป็นพ่อ และความเป็นแม่ที่ให้ชีวิตเช่นเดียวกับพระเจ้า ผู้ให้ชีวิต” (สมณสารเรื่อง “ศักดิ์ศรีและกระแสเรียกของสตรี” ข้อ 8) สารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2014 3


โดย...ทีมงานวิถชี มุ ชนวัดอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

ในโอกาสปิดปีความเชื่อของพระศาสนจักรในประเทศอินเดีย แผนกวิถีชุมชนวัดภายใต้สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่ง ประเทศอินเดีย ใช้โอกาสนี้จัดเป็นวันชุมนุมวิถีชุมชนวัด (SCCs) ทั่วประเทศอินเดีย ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายน ค.ศ.2013 ณ เมืองกัวเก่า คณะกรรมการจัดงานได้เชิญ พระสมณทูตวาติกันประจำ�ประเทศอินเดีย พร้อมกับพระคาร์ดินัล พระสังฆราชคาทอลิกทัง้ จารีตโรมันคาทอลิกและจารีตตะวันออก รวม 75 องค์ พระสงฆ์ ตัวแทนนักบวชชายหญิงและฆราวาส ผู้นำ�วิถีชุมชนวัดทั่วประเทศอินเดียประมาณ 2,000 คน ให้มาร่วมชุมนุมกับสัตบุรุษของอัครสังฆมณฑลกัวและสังฆมณฑล ใกล้เคียง มีผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ประมาณ 8,000 คน ทางผู้จัดซึ่งมีคุณพ่อ โทมัส วีเจย์ เลขาธิการและผู้สนับสนุนให้มีการชุมนุม ในครั้งนี้ ได้เชิญตัวแทนแผนกวิถีชุมชนวัดจากประเทศไทย คือ คุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์ คุณพ่อเชษฐา ไชยเดช ซิสเตอร์ สุวรรณี พันธ์วิไล และซิสเตอร์กัลยา ตรีโสภา รวมทั้งประเทศเยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ ศรีลังกา และเกาหลีใต้อีกจำ�นวนหนึ่ง ให้เข้าร่วมงานด้วย งานนีด้ เู ป็นงานใหญ่แต่เรียบง่ายสมเป็นพระศาสนจักรแห่งประเทศอินเดียซึง่ มีประชากรคริสตชนประมาณ 20 ล้านคน แบ่งการปกครองเป็น 166 สังฆมณฑล และมี 120 สังฆมณฑลส่งตัวแทนมาร่วมงานชุมนุมวิถีชุมชนวัดในครั้งนี้ เมืองกัวเก่าเป็นเมืองเก่าแก่มากเมืองหนึ่ง เป็นเมืองที่โปรตุเกสเข้ามาค้าขายในตอนต้นศตวรรษที่ 16 ในปัจจุบันเมือง กัวเก่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมืองแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการ เผยแพร่คริสต์ศาสนาของดินแดนตะวันออก และเป็นฐานแพร่ธรรมแห่งแรกในเอเชียของนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ ธรรมทูตผูย้ งิ่ ใหญ่ ของพระศาสนจักร ท่านเดินทางจากกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส มาถึงเมืองกัวในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ.1542 ก่อนที่ท่าน จะไปแพร่ธรรมที่อาณานิคมมะละกาของโปรตุเกส บริเวณแหลมมาลายู และที่ญี่ปุ่น ท่านปรารถนาจะไปประกาศข่าวดี ที่ประเทศจีน แต่ท่านป่วยเสียชีวิตที่เกาะสานเจี้ยนใกล้แผ่นดินใหญ่ประเทศจีน ศพของท่านถูกฝังไว้ที่นั่น หลังจากนั้นสอง เดือนเศษเขาได้ขดุ ศพของท่านขึน้ มาและพบว่าศพของท่านไม่เน่าเปือ่ ยและยังคงสภาพดี จึงได้เชิญศพของท่านไปไว้ทมี่ ะละกา และต่อมาได้นำ�กลับมาประดิษฐานไว้ทเี่ มืองกัว และทีส่ ดุ ได้นำ�พระธาตุรา่ งกายของท่านประดิษฐานไว้ในโลงกระจกทำ�ด้วยเงิน อย่างดี ที่ Basilica of Bom Jesus ณ เมืองกัวเก่าในปัจจุบัน การจัดงานชุมนุมวิถีชุมชนวัดระดับชาติครั้งแรกนี้ คณะผู้จัดได้วางวัตถุประสงค์ไว้ 4 ประการ คือ 1. เพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าวิถีชุมชนวัดเป็นการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและความร่วมมือกันในพระศาสนจักร 2. เพื่อเป็นที่ประจักษ์ว่าวิถีชุมชนวัดมีประสิทธิภาพช่วยคริสตชนให้ดำ�รงชีวิตความเชื่อและค่านิยมของพระวรสารในแบบที่ เห็นได้จริง 3. เพือ่ เปิดโอกาสให้ทกุ คนมีประสบการณ์ของวิถชี มุ ชนวัดว่าสามารถฟืน้ ฟูความเชือ่ ทัง้ ระดับส่วนตัวและระดับกลุม่ และ 4. เพื่อเป็นประจักษ์พยานว่าวิถีชุมชนวัดเป็นเครื่องมือในการประกาศพระวรสารในระหว่างเพื่อนบ้าน การจัดงานชุมนุมครั้งนี้ใช้บริเวณด้านหน้าของ Basilica of Bom Jesus ซึ่งมีบริเวณกว้างใหญ่ เขากางเต็นท์กันแดด คลุมเนื้อที่ทั้งหมด สร้างเวทีและวางเก้าอี้เป็นหมวดหมู่สวยงาม คณะกรรมการประกอบด้วย พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช ฆราวาส เยาวชน ส่วนใหญ่เป็นคริสตชนท้องถิ่นนั้น เพื่อทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบ เขาแบ่งงานกันทำ�อย่างละเอียดมาก มีคนเพียงพอทุกแผนก มีการประสานงานอย่างเป็นระบบ ไม่บกพร่องในการให้บริการทุกด้าน ทุกคนทำ�งานด้วยความเสียสละ เอาจริงเอาจังไม่เลือกงาน แม้แต่การล้างห้องน้ำ�และเก็บขยะ กลุ่มเยาวชนกลุ่มใหญ่ ทำ�หน้าที่ต้อนรับแขก ลงทะเบียน และจัดบัตรประจำ�ตัวให้ทุกคน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง ไม่รู้จักเหนื่อย

4 สารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2014


คณะของเราได้มีประสบการณ์อยู่ในครอบครัวที่มีความเชื่อศรัทธามาก เราร่วมทำ� กิจศรัทธาประจำ�วันกับเขาทุกอย่าง ทำ�ให้ได้สัมผัสกับจิตตารมณ์ของวิถีชุมชนวัดที่เห็น จริงว่า “ครอบครัวคริสตชนเป็นบ้านทีป่ ลูกฝังความเชือ่ และโรงเรียนแห่งการภาวนา” โปรแกรมของการชุมนุมครั้งนี้แบ่งเป็นสามวัน วันแรกเป็นการเปิดงานด้วยพิธี บูชามิสซาขอบพระคุณอย่างสง่า จัดเตรียมอย่างดีและมีความหมาย ประธานในพิธี คือ ฯพณฯ เอกอัครสมณทูตวาติกันประจำ�ประเทศอินเดีย พระอัครสังฆราช ซัลวาตอเร เพนนัคคีโอ ร่วมกับพระสังฆราชและพระสงฆ์ทั้งหมด มีตัวแทนจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าร่วมงานหลายคน หลังมิสซาเป็นพิธีการเปิดการชุมนุมวิถีชุมชนวัดด้วยขบวนแห่ พระคัมภีร์ 20 ภาษานำ�มาประดิษฐานไว้ในที่ตั้งที่จัดอย่างสวยงามหน้าเวที มีการเต้นรำ� อวยพรจากซิสเตอร์คณะต่างๆ ซึ่งกำ�ลังศึกษาที่ศูนย์คำ�สอนมาแตร์เดอี ต่อจากนั้น เป็นการแบ่งปันจากพระสังฆราชและฆราวาสคนละ 20 นาที รวมถึงทอล์คโชว์เกี่ยวกับ วิถีชุมชนวัดจากตัวแทนพระสงฆ์นักบวชและฆราวาสที่มีประสบการณ์ทำ�งานนานใน แวดวงของวิถีชุมชนวัดทั่วประเทศอินเดีย ระหว่างพักเที่ยงเป็นการแสดงของชุมชนวัด กลุ่มต่างๆ บนเวที ภาคบ่ายเป็นการแบ่งปันจากฆราวาส ทุกกิจกรรมเน้นการมีส่วนร่วม วันที่สอง เปิดโอกาสให้ผู้แทนที่มาจากส่วนต่างๆ ของประเทศ และพักกับครอบครัวสัตบุรุษตามวัด ได้สัมผัสชีวิตของ ชุมชนคริสตชนย่อย ที่วัดนั้นให้ลึกขึ้น โดยภาคเช้าเริ่มด้วยพิธีบูชาขอบพระคุณและรับการอบรมเพิ่มเติมพร้อมกันในเรื่อง ความหมายของวิถีชุมชนวัด โดยพระสงฆ์หรือฆราวาสผู้นำ�ของวัดนั้นให้การอบรม มีการไตร่ตรองแบ่งปันเป็นกลุ่มย่อย และวางแผนงานตามกลุ่มของตน อาหารเที่ยงจัดให้ที่วัดเป็นอีกโอกาสให้พบปะ ทำ�ความรู้จักกัน ภาคบ่าย ออกเยี่ยมเยียน เข้าแบ่งปันพระวาจากับชุมชนคริสตชนย่อยในเขตวัดนั้น และจบด้วยการรับประทานอาหารและสังสรรค์ร่วมกัน ส่วนวันทีส่ ามเป็นการแบ่งปันประสบการณ์การสัมผัสชีวติ เมือ่ วานจากวัดต่างๆ มีการแบ่งปันเพิม่ เติมจากพระสังฆราช และฟังคำ�ปราศรัยและให้ข้อสังเกตของผู้จัดงานแผนกต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ผู้มาชุมนุมได้ร่วมพิธีปิดปี ความเชื่อและการชุมนุมวิถีชุมชนวัดด้วยพิธีบูชาขอบพระคุณโดยประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศอินเดีย พระคาร์ดินัล Oswald Gracias พระอัครสังฆราชแห่งบอมเบย์ ที่สุดเป็นการปิดการชุมนุมวิถีชุมชนวัดระดับชาติครั้งที่ 1 ด้วย คำ�ปราศรัยของประธานจัดงาน พระสังฆราช Thomas Dabre มีข้อคิดดีๆ จากพระสังฆราชหลายองค์และฆราวาสที่ออกไปแบ่งปัน ทำ�ให้ที่ประชุมได้กำ�ลังใจและเข้าใจความหมาย ของวิถีชุมชนวัดมากขึ้น เช่น พระอัครสังฆราช Filipe Neri Ferrao แห่งอัครสังฆมณฑลกัว กล่าวว่า “วิถีชุมชนวัด (SCC s) เป็นบ้านและโรงเรียนแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อที่ทุกคนจะมีประสบการณ์จากพระเจ้า ยังเป็นเครื่องมือที่มี ประสิทธิภาพในการช่วยให้เกิดมิตรภาพซึ่งกันและกันในพระศาสนจักรและในสังคมที่เต็มไปด้วยการขัดแย้ง วัตถุนิยม และ ปัจเจกนิยม” และ พระอัครสังฆราชกิตติคุณ Bosco Penha แห่งบอมเบย์ กล่าวว่า “วิถีชุมชนวัด เป็นยาขนานแท้รักษาโรค ปัจเจกนิยม การแข่งขันกัน และบริโภคนิยม ความรักซึ่งกันและกัน จะผูกพันทุกคนเข้าด้วยกัน ชุมชนคริสตชนที่ดำ�รงชีวิตอยู่ ท่ามกลางคนต่างศาสนา สามารถดำ�รงชีวติ เป็นประจักษ์พยาน และความเชือ่ จะถ่ายทอดกันแบบไม่ตอ้ งพูด ถ้าชุมชนคริสตชน ดำ�รงชีวิตดีๆ คนรอบด้านจะดำ�รงชีวิตในลักษณะเดียวกัน วิถีชุมชนวัดจะปรับเปลี่ยนสังคมให้เป็นชุมชนมนุษยชน ที่ซึ่งคน ทุกความเชือ่ จะเรียนรูท้ จี่ ะแบ่งปันและเอาใจใส่กนั และกัน ฉะนัน้ ทุกคนต้องออกจากตัวเองไปหาเพือ่ นบ้านในทุกสถานการณ์ และทุกสภาพการณ์ โดยเฉพาะยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ ให้เราช่วยปรับเปลี่ยนโลกแห่งวัตถุนิยมด้วยความศรัทธา ในพระเจ้า บริโภคนิยมด้วยการแบ่งปัน และปัจเจกนิยมด้วยความรักซึ่งกันและกัน” คณะของเราได้เดินทางกลับมาพร้อมด้วยความประทับใจ และชื่นชมยินดีที่มีโอกาสไปร่วมงานชุมนุมของผู้มีความเชื่อ เดียวกันทีม่ คี วามแตกต่างมากมายทัง้ วัฒนธรรม ภาษา เชือ้ ชาติ แต่ยงั รักกันและเป็นหนึง่ เดียวกันได้ ขอบคุณพระเจ้าสำ�หรับ โอกาสอันดียิ่งนี้ และประสบการณ์ดีๆ ตลอดจนพระพรของพระเจ้าที่พวกเราได้รับตลอดการชุมนุมครั้งนี้

สารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2014 5


บอกข่าวเล่าสาร

แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ

ฉลองศาสนนามฟรังซิสเซเวียร์

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2013 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ร่วมใจฉลองศาสนนามฟรังซิสเซเวียร์ แด่พระอัครสังฆราชเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พระอัครสังฆราชอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ณ หอประชุมเซนต์ไมเกิ้ล บ้านผู้หว่าน มิสซา เวลา 16.00 น. พระอัครสังฆราชเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช เป็นประธาน ร่วมกับพระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู พระสังฆราชยอแซฟสังวาลย์ ศุระศรางค์ คุณพ่อที่มีนามนักบุญ ฟรังซิสเซเวียร์ คุณพ่อเดชา อาภรณ์รตั น์ และคุณพ่ออภิเดช สุภาจักร์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์อคั รสังฆมณฑลกรุงเทพฯ บรรดาคณะนักบวชต่างๆ ทั้งชายและหญิง และบรรดาพี่น้องสภาภิบาลอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯร่วมใจมาฉลองในวันนี้เป็นจำ�นวนมาก

คำ�นับพระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2013 เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่สภาพระสังฆราช และเจ้าหน้าที่อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ร่วมคำ�นับ พระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช และคุณพ่อวุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราช โดยมีคุณพ่อ และซิสเตอร์ที่ทำ�งานใน หน่วยงานต่างๆ โอกาสพระคริสตสมภพและปีใหม่ ณ ห้องใต้ดิน สำ�นักมิสซัง

พิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาส วัดพระมหาไถ่ ซอยร่วมฤดี วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2013 คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช เจ้าอาวาสวัดพระมหาไถ่ ได้จัดให้มีพิธีเปิด ไฟต้นคริสต์มาส โดยได้เรียนเชิญ พระสังฆราช ซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี ประมุขแห่งสังฆมณฑลจันทบุรี เป็นประธาน เวลา 17.30 น. พิธีบูชาขอบพระคุณภาษาอังกฤษ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระ คริสตเจ้า หลังจากบทภาวนาหลังรับศีล ตัวแทนนิสิต ได้กล่าวขอบคุณพระคุณเจ้า สิริพงษ์ หลังพิธีบูชา ขอบพระคุณ คุณพ่อไพบูลย์ ได้เรียนเชิญ พระคุณเจ้า สิริพงษ์ เปิดไฟต้นคริสต์มาส และแห่ออกไปนอกวัด งานวั น บุ ค ลากรอั ค รสั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ เมือ่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2013 อัคร สังฆมณฑลกรุงเทพฯ นำ�โดยคุณพ่อ วุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราชอัคร สั ง ฆมณฑลกรุ ง เทพฯ จั ด กิ จ กรรม งานวั น บุ ค ลากรอั ค รสั ง ฆมณฑล กรุงเทพฯ ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำ�งาน ในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ซึง่ ประกอบด้วยฝ่ายการเงินและทรัพย์สนิ ฝ่ายงานอภิบาล ฝ่ายงานธรรมทูต สำ�นักเลขาฯ ฝ่ายการศึกษา ฝ่ายสังคม และฝ่ายบุคลาภิบาล โรงพิมพ์อัสสัมชัญ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากชมรมนักธุรกิจคาทอลิก กว่า 200 คน ณ ห้องประชุม โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ 6 สารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2014


สมโภชพระคริสตสมภพอาสนวิหารอัสสัมชัญ

วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2013 เวลา 24.00 น. พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พระอัครสังฆราชอัครสังฆมณฑล กรุงเทพฯ เป็นประธานในพิธีมิสซาสมโภช พระคริสตสมภพ ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ ร่วมกับ คุณพ่อสานิจ สถะวีระวงส์ คุณพ่อสมเกียรติ บุญอนันตบุตร และคุณพ่อพรชัย แก้วแหวน พร้อมด้วยสัตบุรุษทั้งไทยและต่างชาติมาร่วม พิธีในวันนี้จำ�นวนมาก ทั้งในวัดและบริเวณ ด้านหน้าอาสนวิหารอีกเป็นจำ�นวนมาก

ครูคำ�สอนแสวงบุญอาสนวิหารอัครเทวดาราฟาแอล สุราษฎร์ธานี 2013

ศูนย์คริสตศาสนธรรมกรุงเทพฯ นำ�โดย คุณพ่อเอกรัตน์ หอมประทุม ผูจ้ ดั การแผนก จัดโครงการแสวงบุญให้กับบรรดาครูคำ�สอน ซึ่งในปีนี้เป็นพิเศษ จัดแสวงบุญที่อาสนวิหาร อัครเทวดาราฟาแอล จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโบสถ์แม่พระอุปถัมภ์ และอารามแม่พระ แห่งปวงเทวา (ชีลับคณะภคินีกลาริส กาปูชิน) ตั้งแต่วันที่ 13–15 ธันวาคม โดยมีครู คำ�สอนเข้าร่วมโครงการแสวงบุญในครัง้ นีเ้ ป็น จำ�นวนมาก ถึง 50 ท่าน

ร้องเพลงส่งความสุขโอกาสวันพระคริสตสมภพและสวัสดีปีใหม่ 2014 วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2013 เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายงานอภิบาลและฝ่ายงานธรรมทูต อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และชมรมนักธุรกิจ คาทอลิก จำ�นวนกว่า 30 คน พร้อมใจร่วมในวจนพิธีกรรมเปิดเสกถ้ำ�พระกุมาร บริเวณห้องโถงอาคารคาทอลิกแพร่ธรรมโดยมีคุณพ่อสมเกียรติ บุญอนันตบุตร ผู้อำ�นวยการฝ่ายงานธรรมทูตฯ เป็นประธาน จากนั้นแล้วร่วมร้องเพลงส่งความสุขโอกาสพระคริสตสมภพและสวัสดีปีใหม่ให้กับเจ้า หน้าทีส่ �ำ นักมิสซัง แผนกบริการ, โรงพิมพ์อสั สัมชัญ, บ้านพักพระสงฆ์ และโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา โดยมีคณ ุ พ่อ ซิสเตอร์ และเจ้าหน้าทีใ่ ห้การต้อนรับ

ปฏิทินกิจกรรม เดือนมกราคม 2014

เสียงภาวนา (The Voice of Youth Catholic Bkk) วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2013 แผนกเยาวชนอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ นำ�โดยคุณพ่อสราวุธ อมรดิษฐ์ ผู้จัดการแผนก จัดกิจกรรมเสียงภาวนา หรือ The Voice of Youth Catholic Bkk ซึ่งวันนี้เป็นการประกวดรอบ Final และ มีการตัดสิน ชนะเลิศแล้ว โดยน้องเยาวชนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง คือ น้องเหมย (วัดธรรมมาสน์นักบุญเปโตร) รองชนะเลิศ อันดับหนึ่ง น้อง เอลิซาเบธ (วัดราชินีแห่งสันติสุข) และรองชนะเลิศ อันดับสองน้องแคท (วัดนักบุญอันนา ท่าจีน) ซึ่งทางแผนกเยาวชนได้เชิญคุณพ่ออนุสรณ์ แก้วขจร และบราเดอร์ 1 ท่าน มาเป็นกรรมการในการคัดเลือกน้องๆ ทั้ง 3 ในครั้งนี้ โดย น้องทีไ่ ด้รบั รางวัลชนะเลิศจะได้เป็นผูข้ บั ร้องบทเพลง โลกสวยด้วยเรา...เยาวชน และยังได้จัดอีกโครงการหนึ่งควบคู่ไปด้วยคือ โครงการ Youth Come Home น้องๆ ที่มาเป็นกองเชียร์ มาเข้าร่วมโครงการนี้ โดยโดยได้เชิญคุณพ่อบัญชา พระสงฆ์คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์มาเป็นผู้ให้การอบรม

6-10 ม.ค. เข้าเงียบฟืน้ ฟูจติ ใจพระสงฆ์ประจำ�ปี 2014 ณ บ้านผูห้ ว่าน 11 ม.ค. ฉลองภายในสักการสถานบุญราศี นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำ�รุง (พิธีศีลเจิมคนไข้และผู้สูงอายุ) เวลา 19.00 น. พระคาร์ดนิ ลั ไมเกิล้ มีชยั กิจบุญชู ประธาน 12 ม.ค. ศูนย์คริสตศาสนธรรมอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จัดงาน ผูส้ มัครเรียนคำ�สอนผูใ้ หญ่และศิษย์เก่าพบปะ สังสรรค์ และร่วมฉลองโอกาสคริสต์มาสและปีใหม่ 2014 12 ม.ค. ฉลองสักการสถานบุญราศี นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำ�รุง เวลา 10.00 น. พระอัครสังฆราช เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประธาน 19 ม.ค. เสกสุสานศานติคาม เวลา 10.00 น. ณ หอประชุม บุญราศี พระสันตะปาปายอห์นปอล ที่ 2 พระคาร์ดนิ ลั ไมเกิล้ มีชยั กิจบุญชู ประธาน (มีมสิ ซารอบเดียว) 24 ม.ค. - 22 ก.พ. SCC THEOLOGY COURSE บ้านผูห้ ว่าน สารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2014 7


เกร็ดความรู้คำ�สอน...คุณพ่อเอกรัตน์ หอมประทุม

สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ สวัสดีปีใหม่พี่น้องที่รัก เริ่ ม ต้ น ปี ใ ห ม่ ด้ ว ย จิ ต ใจ แจ่ ม ใ ส ฝากชีวิตอนาคตความหวังไว้กับพระเจ้า เราปรารถนาให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตเรา เราหวั ง ให้ พ ระเจ้ า อวยพรเราในอี ก มุมหนึ่ง เราต่างก็ต้องมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ กันและกันด้วย พระเจ้าอาจจะให้เราเป็น ผู้ ส่ ง ผ่ า นพระพรของพระองค์ สู่ ค นที่ อยู่รอบข้างซึ่งกำ�ลังวอนขอสิ่งดีๆ จาก พระองค์เช่นกัน พ่ อ ได้ รั บ บทความที่ มี ค วามหมายดี ส่งต่อให้พี่น้องในโอกาสปีใหม่นี้ด้วย ทุกคนต้องการของขวัญ และความรัก ขอให้ทุกคน ให้และได้รับของขวัญนั้น ให้ผู้ที่เป็นศัตรู คือ การให้อภัย ให้ผู้ที่เห็นต่าง คือ ความอดกลั้น ให้บุพการี คือ ความกตัญญู ให้บุตรหลาน คือ การเป็นแบบอย่างที่ดี ให้มิตร สหาย คือ ความจริงใจ ให้ลูกค้า คือ ความซื่อสัตย์ ให้ลูกหนี้ คือ ความเมตตา ให้เจ้าหนี้ คือ ความรับผิดชอบ แด่กษัตริย์ คือ ความจงรักภักดี สำ�หรับประเทศชาติ คือ ความสงบสุข ให้พระเป็นเจ้า คือ ความเชื่อ ศรัทธา วางใจ ใช่ เ หนื อ อื่ น ใดเรารั ก และวางใจใน พระองค์เสมอ ทุกคนต้องการของขวัญ ความรัก จงให้ของขวัญแด่ทุกๆ คน ขอพระเจ้ า อวยพรพี่ น้ อ งทุ ก ท่ า น เสมอ

จอห์น ดอนน์ เป็นนักประพันธ์ชอ่ื ดังชาวอังกฤษในศตวรรษ ที่ 17 นิยายเรื่องหนึ่งของเขาเป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่ออกตามหาพระเจ้า วันหนึ่ง พระเอกของเรื่องเกิดความคิดว่าพระเจ้าจะต้องประทับอยู่บนยอดเขาสูงที่อยู่สุดปลาย แผ่นดินโลก เขาจึงออกเดินทางตามหาภูเขาลูกนัน้ เพือ่ ปีนขึน้ ไป หลังจากเดินทางอย่าง ยากลำ�บากและอันตราย ผ่านป่ากว้างและรกทึบ ชายคนนีก้ ม็ าถึงภูเขาลูกนี้ ขณะทีเ่ ขา ยืนมองภูเขา เขาก็เห็นว่าภูเขานีท้ ง้ั สูงทัง้ ชันกว่าทีเ่ ขาคิด แต่เพราะเขาต้องการพบพระเจ้า มากกว่าสิง่ อืน่ ใด เขาจึงไม่ทอ้ ใจ ก่อนจะเริม่ ต้นปีนเขา เขาสำ�รวจภูเขาลูกนีอ้ ย่างละเอียด ถีถ่ ว้ นจากทัง้ สีด่ า้ น และสรุปว่าเส้นทางทีด่ ที ส่ี ดุ คือต้องปีนขึน้ ด้านตะวันออก เช้าวันรุง่ ขึน้ ชายคนนีเ้ ริม่ ต้นปีนเขาตัง้ แต่เช้าตรู่ โดยปีนขึน้ ทางด้านตะวันออก แต่ในเวลาทีช่ ายคนนี้ เริม่ ต้นปีนเขา พระเจ้าผูป้ ระทับอยูบ่ นยอดเขานัน้ จริงๆ ทรงเริม่ คิดว่า “เรารักมนุษย์มาก เราจะทำ�อย่างไรเพือ่ แสดงให้มนุษย์เห็นความรักยิง่ ใหญ่ของเรา” แล้วพระเจ้าก็เกิดความ คิดและตัดสินใจจะเสด็จลงไปจากภูเขา และประทับอยูท่ า่ มกลางประชากรของพระองค์ เสมือนเป็นมนุษย์คนหนึง่ ดังนัน้ พระเจ้าจึงสำ�รวจภูเขาทัง้ สีด่ า้ น และสรุปว่าเส้นทางที่ น่าจะใช้เสด็จลงมาก็คอื ด้านตะวันตก เช้าวันรุง่ ขึน้ พระเจ้าก็เริม่ เสด็จลงมา ดังนัน้ ขณะทีช่ ายคนนีก้ �ำ ลังปีนขึน้ ภูเขาด้านตะวันออก พระเจ้าก็กำ�ลังเสด็จลงมาทาง ด้านตะวันตก ทัง้ สองฝ่ายสวนทางกันในด้านตรงกันข้ามกันของภูเขา เมือ่ ชายคนนีข้ น้ึ ไป ถึงยอดเขา เขาพบว่าทีน่ น่ั ว่างเปล่า เขาผิดหวัง และคิดว่า “พระเจ้าไม่ได้อยูท่ น่ี เ่ี ลย” เขา ถึงกับคิดว่า “บางทีพระเจ้าอาจไม่มีจริง ถ้าพระองค์ไม่อยู่บนยอดเขาแล้วพระองค์อยู่ ทีไ่ หน” ชายคนนีซ้ บหน้าลงกับพืน้ ดิน และเริม่ ร้องไห้ หลังจากร้องไห้จนสะใจแล้ว เขาก็ ลุกขึน้ นัง่ และถามตนเองว่า “ฉันจะลงจากเขาไปทำ�ไม ฉันจะเดินทางทีท่ ง้ั ยาวนาน และ อันตรายกลับไปหมูบ่ า้ นเดิมของฉันทำ�ไม ไม่มอี ะไรอยูท่ น่ี น่ั นอกจากชาวบ้านทีย่ ากจน และไร้การศึกษา ถ้าฉันอยูบ่ นยอดเขานีต้ ามลำ�พังต่อไปจะดีกว่ากลับไปทีน่ น่ั ” เรื่องนี้จบลงที่จุดนี้ จอห์น ดอนน์ จบเรื่องนี้โดยไม่ได้บอกเราว่าชายคนนี้ตัดสินใจ ทำ�อะไร ดอนน์ ตัง้ ใจเล่าเรือ่ งนีใ้ ห้เป็นเรือ่ งอุปมาสำ�หรับประชาชนในยุคของเขา หลายคน กำ�ลังแสวงหาพระเจ้า พวกเขาตามหาพระองค์บนยอดเขา ในทะเลทราย และทีส่ ดุ ปลาย แผ่นดินโลก แต่เขาไม่เคยพบพระเจ้า และเมือ่ เขาไม่พบพระเจ้า เขาก็หมดกำ�ลังใจ เหมือน กับชายในนิยายของดอนน์ หลายคนถึงกับสรุปว่าพระเจ้าไม่มจี ริง ดอนน์ก�ำ ลังบอกชาย หญิงเหล่านีว้ า่ พระเจ้าไม่ได้ประทับอยูบ่ นยอดเขา หรือกลางทะเลทราย หรือทีส่ ดุ ปลาย แผ่นดินโลก แต่พระองค์ทรงพำ�นักอยูท่ า่ มกลางประชากรของพระองค์ พระองค์ประทับ อยูใ่ นเมืองใหญ่เล็กทัง้ หลายบนโลกนี้ เรื่องนี้ช่วยให้เราเข้าใจวันฉลองพระคริสตเจ้าแสดงองค์ ซึ่งเราฉลองกันในเดือนนี้ เราฉลองการมาเยือนของโหราจารย์จากดินแดนตะวันออกเพื่อมานมัสการพระเยซูเจ้า โหราจารย์เหล่านี้เป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์เปอร์เซีย และเป็นผู้มีความรู้มากที่สุดในยุค ของเขา วิชาความรู้ของเขาบอกเขาว่ากษัตริย์ผู้ย่ิงใหญ่พระองค์หนึ่งกำ�ลังจะประสูติ มาบนโลกนี้ ดังนัน้ คืนวันหนึง่ เมือ่ เขาเห็นดวงดาวทีแ่ ปลกประหลาดทีเ่ คลือ่ นตัวแปลกๆ เขาจึงออกเดินทางติดตามดาวดวงนัน้ การแสวงหาของเขาไม่ได้น�ำ เขาไปสูย่ อดเขา หรือ กลางทะเลทราย แต่น�ำ ไปยังหมูบ่ า้ นเล็กๆ แห่งหนึง่ ซึง่ เป็นทีอ่ ยูข่ องประชาชนทีย่ ากจน และไร้การศึกษา ดวงดาวนำ�เขาไปยังถ้�ำ แห่งหนึง่ ข้างเนินเขา นี่คือสาระสำ�คัญสำ�หรับเทศกาลพระคริสตสมภพ พระเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ และมาพำ�นักอยูท่ า่ มกลางประชากรของพระองค์ เราจะพบพระองค์ได้ทน่ี น่ั เราต้อง แสวงหาพระองค์ทน่ี น่ั จากหนังสือ “พระวาจากับชีวติ ปี A” หน้า 92 จัดพิมพ์โดย แผนกคริสตศาสนธรรมฯ กรุงเทพฯ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมและข่าวต่างๆ ในระดับวัด เขตและสังฆมณฑล ให้กับสัตบุรุษและบุคลากรในหน่วยงานต่างๆ ของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ 2. เพื่อช่วยฟื้นฟูบทบาทการเป็นผู้มีส่วนร่วมในงานอภิบาลและธรรมทูตในชีวิตของสัตบุรุษ และบุคลากรในหน่วยงานต่างๆ ของอัครสังฆมณฑล 3. เพื่อนำ�เสนอเครื่องมือ และแนวปฏิบัติในงานอภิบาลและธรรมทูตให้กับสัตบุรุษและบุคลากรในหน่วยงานต่างๆ ของอัครสังฆมณฑล สารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ผู้รับผิดชอบ : ฝ่ายงานอภิบาลของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่ปรึกษา : คุณพ่อพงศ์เทพ ประมวลพร้อม, คุณพ่อเอกรัตน์ หอมประทุม บรรณาธิการ : คุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์ กองบรรณาธิการ : นาทลดา จิตรอำ�ไพ, พฤกษา กิจเจริญ, มัลลิกา กิจบำ�รุง, เพชรี ชาวแพรกน้อย พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์อัสสัมชัญ บางรัก กรุงเทพฯ โทร. 0 2233 0523 โทรสาร. 0 2235 1405 สำ�นักงาน : อาคารคาทอลิกแพร่ธรรม 57 ซอยเจริญกรุง 40 เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 โทร. 0 2237 7315 โทรสาร. 0 2233 8159 E-mail : webmaster@catholic.or.th


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.