DESIGN By SUMET DAUNGKAEW 5314101383 CA 222
in This issue
1.
17.
19.
16.
10.
contents..
4.
18.
12.
สเต็กหมู พริกไทยดำ 1 ข้าวโอ๊ตนมสด 3 ไข่เจียวห่อข้าว 5 วิตามินใกล้ตัว 7 หุ่นดีด้วยวิถีธรรมชาติ 8 น้ำผึ่งกับความงาม 9 น้ำเสาวรสช่วยรักษาอาการนอน ไม่หลับ 10 แครอทลดมะเร็งปอด 11 ทำไมดื่มกาแฟแล้วถึงไม่ง่วง 12 เตือนภัยภาชนะใส่อาหาร 13 มากินไข่ไก่ เพื่อสุขภาพที่ดี 14 ทานบะหมี่อย่างฉลาด 15 กินขนมขบเคี้ยวเยอะไตทำงานเยอะ 16 10 ความจริงเกี่ยวกับตัวเราที่ คุณอาจไม่รู้ 17
สเต็กหมู พริกไทยดำ เมนูอาหารที่เอาใจสมาชิกภายในบ้าน รวมทั้งคุ ณแม่บ้านซึ่งเป็นอาหารที่ทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ และไม่ยุ่งยาก
ส่วนผสม สเต็กหมู พริกไทยดำ เนื้อหมูสันคอ ซอสปรุงรส ซอสไก่งวง ซีอิ๊วขาว ซอสหมัก พริกไทยดำ
2 ชิ้น (400 กรัม) 2 ช้อนโต๊ะ• 3 ช้อนโต๊ะ 1 ช้อนชา 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ 1 ช้อนชา
วิธีการทำ สเต็กหมู พริกไทยดำ 1. นำเนื้อหมูสันคอ ซอสปรุงรส ซอสไก่งวง
ซีอิ๊วขาว ซอสหมัก พริกไทยดำ คลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 15-20 นาที 2. นำเนื้อหมูวางเรียงในหม้อทอด (Airfryer) อุณหภูมิ 180 องศาเซสเซียส 20 นาทีหรือตาม ระดับความสุขของอาหาร
ข้าวโอ๊ตนั้น เป็นอาหารที่คนอังกฤษนิยมชอบ
รับประทาน ข้าวโอ๊ต มีโปรตีนและไขมันสูงและยังมีี จมู ก ข้ า วที่ จ ะช่ ว ยให้ ร่ า งกายได้ รั บ ประโยชน์ อ ย่ า ง เต็ ม ที่ อี ก ด้ ว ยแต่ ข้ า วโอ๊ ต เมื่ อ เก็ บ ไว้ น านก็ มั ก จะ เกิดกลิ่นเหม็นหืนได้ง่าย ดังนั้นก่อนบรรจุกล่องขายจึง ต้องนึ่งก่อนเวลาซื้อข้าวโอ๊ตมาปรุงจึงสุกได้ง่าย ข้าวโอ๊ตยังมีใยอาหารสูง ที่ช่วยลดโคเลสเตอรอล ในเลือดได้เมื่อนำมาปรุงกับนม กับผลไม้แห้งต่างๆจึง ได้อาหารเช้าปรุงง่าย ที่มีคุณค่าทางอาหารอยู่เต็ม เปี่ยม
ส่วนผสม ข้าวโอ๊ต 3/4 ถ้วย นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ• น้ำตาลทราย (ถ้าชอบหวาน) 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือเล็กน้อย ผลไม้แห้ง เช่น ลูกพรุน ลูกเกด ตามชอบ
วิธีทำ 1. ผสมข้าวโอ๊ตกับนมในหม้อ ใส่ผลไม้แห้งหั่นเป็น ชิ้นเล็กๆ เหยาะเกลือเล็กน้อย 2. นำหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อน เขย่าเบาๆ พอข้นยกลง ตัก ใส่ชามเสิร์ฟ โรยงาขาวให้ทั่ว
ส
ารอาหารที่ ร่ า งกายของเราต้ อ งการในปริ ม าณน้ อ ยเกิ น ไป ร่างกานไม่สามารถขาดได้ ถ้าขาดจะทำให้ระบบร่างกายของเราผิดปกติ ต่างๆได้ จึงต้องอาศัยพวกวิตามินเข้ามาช่วย และวิตามินจำพวกที่หาได้ง่ายรอบๆตัวเรา
คือ
สารสกัดจากผลส้มแขก (HCA) มีสารไฮดรอกซี่ ซิตริค แอซิด หรือ HCA ช่วยป้องกันการเปลี่ยน แป้งและน้ำตาลเป็นไขมัน ทำให้ร่างกายสามารถใช้พลังงานจากแป้งและน้ำตาลได้อย่างเต็มที่ โดยไม่เกิดไขมัน สะสม นอกจากนี้ยังช่วยลดความอยากอาหาร และช่วยเผาผลาญพลังงานอีกด้วย สารสกัดจากพริก (Chilli Extract) สารแคปไซซินจากพริกช่วยให้ระบบ การย่อยอาหาร และการเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความ อยากอาหาร และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย วิตามินบี 1 (Vitamin B1) วิตามิน บี1 มีความสำคัญต่อเมตาบอลิซึ่ม ของพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมตาบอลิซึ่มของคาร์โบไฮเดรต นำเอา พลังงานออกมาจากคาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีความจำเป็นต่อสภาพของกล้าม เนื้อ โดยทำหน้าที่เป็น co-enzyme ใน oxidative decarboxylation ในกระบวนการสลายน้ำตาลกลูโคส [glycolysis], Krebs cycle และ Pentose phosphate pathway ดังนั้น ยิ่งใช้พลังงานมาก ก็ยิ่งมีความต้องการวิตามิน บี 1 มากขึ้น ค่า RDA ของวิตามิน บี 1 ประมาณ 0.5 มก./1000 กิโลแคลลอรี่ วิตามินบี 1 มีความจำเป็นต่อสภ าพของกล้ามเนื้อ ช่วยรักษาเนื้อเยื่อประสาทเพื่อการเติบโตทั่วไปเป็นไปตาม ปกติพบวิตามินบี1 มากในเนื้อหมู เนื้อแกะ ตับ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว รำข้าว ข้าวซ้อมมือ ธัญพืช วิตามินบี 2 (Vitamin B2) ช่วยให้ร่างกายขับพลังงานที่เก็บไว้ออกมา และยังมีส่วนในการเผาผลาญอาหารจำพวกโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน มีความจำเป็นต่อการหายใจของเซลล์ ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ปกป้อง ผิวหนัง และสายตา ให้เป็นปกติ แหล่งที่ให้วิตามิน บี 2 มาก ได้แก่ ไข่ นม ปลา ตับ เนื้อสัตว์ ธัญพืช ชีสและผักใบเขียว
VITTAMIN..ใกล้ตัว
หุ น่ ดีดว้ ยวิถี ธรรมชาติ
เส้นใยไฟเบอร์
เป็นส่วนของอาหารที่ได้จากพืช ซึ่งไม่ถูกย่อยโดยย่อยอาหารของคเรา โดยนัยนี้สารที่ประกอบเป็นเส้นใย ได้แก่ เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิน เส้นใยประเภทนี้ไม่ละลายน้ำเส้นใย อีพวกละลายน้ำได้ ตัวอย่างเช่น เส้นใยที่ได้จากถั่ว จากเมล็ดธัญพืช และสารพวกเพคติน ในบทความนี้จะใช้คำว่า “เส้นใยไฟเบอร์” และ “กากอาหาร” คละกันไป แล้วแต่ความเหมาะสม แต่ขอให้เข้าใจว่าหมายถึงสิ่งอันเดียวกัน เนื่องจากเราย่อยมันไม่ได้ พูดง่าย ๆ เอามันไปใช้ไม่ได้เรื่องของเส้นใยจึงถูกละเลยกันมานาน กระทั่งวารสารตำรา การแพทย์และโภชนาการเมื่อประมาณ 10 กว่าปีมานี้ ก็มิได้มีการกล่าวถึงบทบาทของเส้นใย มนุษย์ปัจจุบันหลงลื มหรือไม่รู้ความสำคัญของมัน มองแต่ในแง่ว่ามันเป็นตัวรำคาญ ต้องกำจัดเสียให้พ้นๆ ไป ในการสีข้าวจึงต้องเอา ให้ขาวที่สุด หุงออกมานิ่มนวล นิยมว่าอร่อย นั่นคือพยายามขัดเอารำซึ่งเป็นส่วนเส้นใยที่สำคัญ ออกไปนั่นเอง ในการทำแป้งก็เช่นกัน กรองแล้วกรองเล่า เพื่อให้ได้แป้งที่ขาวที่สุด มีเนื้อแป้งมากที่สุด เป็นที่รู้กันมา ตั้ง 400 ปี แล้วว่า ขนมปังสีน้ำตาลที่ทำจากข้าว (สำลี) ซ้อมมือ กินแล้วอยู่ท้อง แก้ท้อง ผูก และช่วยให้คนกินมีหุ่นสะโอดสะอง ในขณะที่ขนมปังขาวกินแล้วอ้วน
น้ำผึ้ง..
อาหาร และความงาม คุณค่าจากธรรมชาติที่ถูกใ ช้เป็นอาหาร และเสริมความงาม มาแต่โบราณ
2. ใช้นวดให้ทั่วศีรษะ และทิ้งไว้ 30 นาที ก่อนสระผม หรือใช้ซะลมทั่วทั้งศรีษะแทนครีมนวดผมแล้วล้างออก
[ มาร์คน้ำผึ้งและกล้วยหอม ]
[ ครีมขัดหน้า ] เป็นครีมขัดหน้าเนื้อนุ่ม เหมาะสำหรับผิวหน้าแห้งและ ผิวหยาบกร้าน
เป็นมาร์คบำรุงผิว เหมาะกับผิวแห้งและผิวธรรมดา
ส่วนผสม
ส่วนผสม
น้ำผึ้งไทยลานนา อัลมอนด์บดละเอียด น้ำมะนาว น้ำเปล่า
1/2 2 2 50
ช้อนโต๊ะ ช้อนชา ช้อนโต๊ะ กรัม
น้ำผึ้งไทยลานนา กล้วยหอมสุก ครีม อัลมอนบดละเอียด
1 250 2 2
ช้อนชา กรัม ช้อนชา ช้อนชา
วิธีทำ
วิธีทำ
1.ผสมน้ำผึ้งไทยลานนา อัลมอนด์บดละเอียด และน้ำมะนาวให้เข้ากัน 2.ขัดถูอย่างนุ่มนวลให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 2-3 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นรรจุใส่ขวด เก็บไว้ในตู้เย็น ใช้เป็น ไนท์ครีมทาก่อนนอนเป็นประจำ
1.บดกล้ ว ยหอมกั บ น้ ำ ผึ้ ง ไทยลานนาให้ ล ะเอี ย ด แล้วเติมครีม และอัลมอนด์คนให้เข้ากัน 2. ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำอุ่น ซับหน้าให้แห้ง 3.เช็ดด้วยน้ำหรือโทนเนอร์เบา ๆ เพื่อเปิดรูขุมขนแล้ว ทาด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์บาง ๆ
[ มาร์คน้ำผึ้งและอัลมอนด์ ] เหมาะสำหรับผมแห้ง ผมแตกปลายและผมถูกทำลาย
ส่วนผสม น้ำผึ้งไทยลานนา น้ำมันอัลมอนด์ ไข่แดง
1 2 1
ช้อนชา ช้อนโต๊ะ ฟอง
วิธีทำ 1.ผสมน้ ำ มั น กั บ น้ ำ ผึ้ ง ไทยลานนาเข้ า ด้ ว ยกั น จากนั้นนำมาตีรวมกับไข่
น้ำเสาวรส เป็นประจำทุกวันก็ยังช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ และรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
เ
สาวรสเป็นไม้เลื้อย ที่ให้ผลมาก ในหน้าหนาวมี
รสเปรีย้ วอุดมด้วย วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ซึง่ ทำ หน้าที่ให้สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่สำคัญต่อร่างกาย จึงช่วยรักษาสุขภาพ และความสมดุลในระดับเซลล์ และยังให้เส้นใย ซึ่งมีผลดีต่อระบบขับถ่าย
ส่วนผสม
เสาวรส น้ำตาลทราย เกลือป่น น้ำสะอาด
8 ลูก 1/2 ถ้วยตวง 1 ช้อนชา 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.ล้างเปลือกเสาวรสให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ 2.ใส่น้ำตาลทราย และน้ำสะอาดลงในหม้อ ตั้งไฟ พอเดือดคนให้น้ำตาลละลายทั่วกันตั้งไฟอ่อนๆรอ ประมาณ 3 นาที ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น 3.ผ่าเสาวรส แล้วเทเนื้อลงเครื่องปั่น เติมเกลือป่น ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน หมายเหตุ เนื่องจากเสาวรสมีรสเปรี้ยว เวลาเสิร์ฟจึงต้องใส่ น้ำเชื่อมลงคน ให้เข้ากัน ก่อนใส่น้ำแข็ง
Carrot ลดมะเร็ง แ ค ร อท
แครอท เกิดในแถบเอเชียตะวันออก และ เอเชียกลาง ออกดอกราวเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ดอกแตกเป็นชัน้ คล้ายร่มชัน้ นอกสีชมพูตรงกลางสีมว่ ง แดงแครอทสมัยโบราณมีเนื้อแข็ง เสี้ยนเยอะเหมือนไม้ สี ของหั ว แครอทมี ตั้ ง แต่ สี เ หลื อ งไปจนถึ ง สี ม่ ว งแตว่ า่ แครอทสี ส้ ม ที่ รั บ ประทานกั น ทั่ ว ไปเป็ น แครอทที่ ไ ด้ รับการพัฒนาสายพันธุ์เมื่อศตวรรษที่ 18นี้เอง ในทางยาพบว่าเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของชาวอเมริกัน ใช้เป็นยาครอบจักรวาลรักษาได้หลายโรคแก้โรคประสาท โรคผิวหนัง และหืดหอบ ในปี พ.ศ. 2510 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ได้พบว่าวิตามินเอที่ได้จากสัตว์ สามารถ ระงับมะเร็งใน ทางเดินหายใจในหนูทดลองได้แต่ยังไม่มีใครสนใจวิตามิน เอที่ได้จากพืชหรือสัตว์จะให้ผลดีกว่ากัน ข้อมูลขณะนั้นได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า คนส่วนที่ได้รับ วิตามินเอจากผักสีเขียว และ พืชสีส้มเป็นหลักวิตามินเอท่ี่ ได้รับจากพืชคือ สารเบต้า แคโรทีน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็น วิตามินเอ เมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายมนุษย์
ในนิตยสาร Nature ว่า “จริงๆ แล้วนั้นพวก วิตามินเอไม่ได้ส่งผลให้เกิดการยับยั้งมะเร็ง ความจริงสาร เบต้า แคโรทีน” จากการทดลองของ ดร. ริชาร์ด เชเคลล์ นักระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยเท็กซัส ก็สนับสนุนความน่า เชื่อถือของข้อมูลนี้ มีการทดลองอีกมากมายเกิดขึ้น แต่ข้อสรุปรวมจากการศึกษาทั้งหมดก็คือ“อาหารที่มี เบต้าแคโรทีน สามารถลดอุบัติการณ์โรคมะเร็งในปอดได้ แม้แต่ในผู้ที่สูบบุหรี่หลายปีแล้วก็ตาม”นอกจากนี้ยังพบ ว่าคนที่ทานพืชผักที่มีแคโรทีนน้อยที่สุด จะเสี่ยงต่อมะเร็ง ในปอดเป็ น เจ็ ด เท่ า ของคนที่ ท านมากที่ สุ ด ในกลุ่ ม เบต้าแคโรทีนสามารถป้องกัน และ ยับยั้งมะเร็งในระยะ ต่างๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากให้กินเบต้า แคโรทีน ขนาดสูง พร้อมกับฉายรังสี ท่านที่เคยเขี่ยแครอทชิ้นทิ้งจากในจานสเต็คคงทราบ แล้วว่า แครอทมีคุณประโยชน์มหาศาล นี่ยังไม่รวมถึงสิ่ง ที่มีประโยชน์เล็กน้อยๆ ที่จะคอยช่วยให้ท่านดูสดชื่นบำรุง ผิวพรรณ และช่วยในการขับถ่าย พืชผักทุกชนิดมีคณ ุ สมบัติ ดีต่อร่างกายเหมือนกันหมด
ทำไมดื ม ่ กาแฟแล้ ว ถึ ง ไม่ ง ว ่ ง !! ค
าเฟอีนมีลักษณะทางเคมีที่สำคัญประการหนึ่งคล้าย กับสารที่ชื่ออะดีโนซีน (adenosine) และเข้าไปจับกับตัว รับตัวเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าสารอะดีโนซีนเป็นสาร เคมีที่สร้างขึ้นในสมอง มีฤทธิ์ทำให้รู้สึกง่วงนอน ดังนั้นเมื่อ บริโภคเครื่องดื่มประเภทชา และกาแฟ หรือเครื่องดื่มผสม คาเฟอีนเข้าไป สมองจะเข้าใจว่าเป็นอะดีโนซีน เนื่องจาก ตัวรับของอะดีโนซีนทำปฏิกิริยาจับกับคาเฟอีน กลไกทำให้ สมองขาดสารที่ทำให้รู้สึกง่วงนอน ร่างกายจึงรู้สึกไม่ง่วง และรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีกำลังวังชายิ่งขึ้น
[ ข้อควรระวังและผลข้างเคียง ] ในการคื่มการแฟ
การรับคาเฟอีนในขนาดสูงจะทำให้นอนไม่หลับลดระยะ เวลาหลับและหลับไม่สนิทอีกทั้ง อาจมีอาการมือสั่นเกิด อาการวิตกกังวลคาเฟอีนในขนาดที่เป็นโทษแก่ร่างกายอาจ ทำให้ผู้บริโภคเกิดอาการชักได้และคาเฟอีนนั้นอาจจะไป เสริมฤทธิ์ของยาระงับปวด เช่น แอสไพริน พาราเซตามอล และยังเสริมฤทธิ์ยาระงับอาการปวดศีรษะชนิดไมเกรนได้ ทำให้อาการปวดทุเลาลง
ณ.ปจั จุบนั เรามีภาชนะบรรจุอาหารรูปแบบใหม่ๆทีม่ สี สี นั สดใส และหาซือ้ ได้งา่ ย ราคาไม่แพง ซึง่ ภาชนะเหล่านี้ ยังตอบสนองรูปแบบชีวติ ของคนเมืองได้อย่างดี แทนที่ ภาชนะแบบเดิม เช่น ใบตองหรือใบบัวทีน่ บั วันจะสูญหาย ไปซึง่ สวนทางกับความเจริญของเทคโนโลยี แต่ทราบไหม ว่าภาชนะบรรจุอาหารใหม่ซ่งึ ใช้กนั อย่างผิดวิธไี ด้กลาย เป็ นสาเหตุสำคัญทีบ่ นทอนสุ ั่ ขภาพของคนเราอย่างไร่รตู้ วั แล้วมีภาชนะประเภทใดบ้างทีม่ อี นั ตรายแอบแฝงอยู่ เรา มาลองดูกนั เลยค่ะ ภาชนะพลาสติ ก - ถุงพลาสติก ถ้วยพลาสติกหรือฟิลม์ สำหรับห่ออาหารทีน่ ิยมอย่างแพร่หลายมีอนั ตรายใช้ผดิ วิธเี พราะสารเคมีทเ่ี กิดจากพลาสติกอาจจะละลายปนเข้าสู่ อาหาร และเป็ นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนัน้ จึงพึงระวังดังนี้ - ไม่ใช้บรรจุอาหารทีม่ รี สเปรีย้ วจัดเช่น น้ำส้มสายชูของ หมักดอง - ไม่ใช้บรรจุอาหารทีร่ อ้ นจัดหรือมีความมันมาก เพราะ อาจจะเป็ นตัวเร่งให้เกิดการปนเปื้ อนสู่อาหารแต่อาหารที่ ทอดใหม่ๆ อาจมีอุณหภูมมิ ากกว่า 120องศา - อย่าให้ฟิลม์ ห่ออาหารสัมผัสกับความร้อนโดยตรง ภาชนะเมลามีน เป็นพลาสติกทีม่ คี วามคงทนแข็งแรง น้ำหนักเบา สวยงาม ตกไม่แตก แต่มขี อ่ ควรระวัง คือ - ไม่ควรบรรจุอาหารทีร่ อ้ นเกิน 100 องศาเซลเซียส เช่น น้ำเดือด หรือของทอดร้อนๆ - ไม่บรรจุอาหารทีม่ รี สเปรีย้ ว หรืออาหารทีเ่ ป็ นกรด - ห้ามนำเข้าไมโครเวฟนานๆ เพราะจะทำให้สารฟอร์ มาลดีไฮด์ปนเปื้อนในอาหาร หรือน้ำทีบ่ รรจุได้ กล่องโฟมใส่อาหาร ผลิตจากสารเคมีพอลิไตลีนผ่าน การอัดอากาศร้อยละ 90 จึงทำให้โฟมไม่ทนต่อความร้อน รวมทัง้ อาหารทีร่ อ้ นจัด หรือการอุน่ ในไมโครเวฟ ละลาย ง่ายเมือถูกความมันอีกด้วยการละลายของโฟมจะทำให้ม ี สารเคมีพอลิไตลีนออกมาปนเปื้ อนกับอาหารซึง่ ก่อให้เกิด ความเสีย่ งต่อโรคมะเร็งและพิษต่อระบบประสาร
ตอนนี้มขี า่ วออกมาว่าการทานไข่ใน
ปริมาณที่ เหมาะสมนอกจากจะสุขภาพดี แล้วนัน้ ยังสามารถรักษาโรคคอเรสเตอรอล ความ ดันโลหิตสูงได้ จากเมือ่ ก่อนสำหรับความเชือ่ ว่า ผูส้ งู อายุ ทีม่ กั ปว่ ยีเป็ นโรคคอเลสเตอรอลสูง ไม่ควร กินเพราะ จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอล สูง กว่าเดิมวันนี้มขี า่ วดีเพราะมีผลวิจยั ออกมา ว่าการทานไข่จะทำให้คณ ุ มีสขุ ภาพดีขน้ึ เพราะการทีเ่ ราหลีกเลีย่ งไม่ทานไข่นนั ้ ทำให้เสียสุขภาพ เพราะไข่จะมีวติ ามินดี ที่ ช่วยในการป้องกันโรคกระดูกพรุนและ โรค กระดูกอ่อนในผูส้ งู อายุได้มหี ลายเหตุผลที่ มีผลวิจยั ว่า ไข่ไก่มคี ณ ุ ค่าทางโภชนาการที่ สูงขึน้ มากกว่าเมือ่ ก่อนว่าอาหารทีใ่ ห้แม่ไก่ รับประทานนัน้ มีการดูแลเรือ่ งการรักษาสุข ภาพมากขึน้ มีสว่ นผสมข้าวสาลีขา้ วโพดทำ ให้มโี ปรตีนทีส่ งู ขึน้ จึงทำให้ไข่ไก่มสี ารอา หารทีบ่ ริสทุ ธิ ์ปราศจากคอเรสเตอรอลมาก ขึน้
ซึง่ การศึกษาของรัฐบาลสหรัฐพบว่า ปจั จุบนั ไข่จะมีคอเรสเตอรอลแค่รอ้ ยละ13 ซึง่ มีคอเรสเตอรอลน้อยกว่าแต่ก่อนถึงร้อย ละ 64 % และมีวติ ามินดีทเ่ี พิม่ ขึน้ กว่ามากมี ผลการวิจยั ไข่ไก่ยงั ช่วยลความดันโลหิตได้ เพราะด้วยทีว่ า่ เมือ่ ไข่ไก่ผา่ นการย่อย สาร อาหารในไข่ไก่จะมีสารที่มปี ระสิทธิภาพที่ สามารถลดความดันโลหิตได้และประโยชน์ ทีด่ สี ำหรับสาวๆทีต่ ้องการควบคุมน้ำหนัก ก็คอื การทานไข่เป็ นอาหารเช้าทีช่ ่วยลดน้ำ หนักได้
เพราะปริม าณโปรตีน ของไข่ ไ ก่ จ ะช่ ว ย เสริมสร้างกล้ามเนื้อและเร่งการเผาผลาญ ให้รา่ งกายได้ดขี น้ึ
“ การรับประทานไข่ไก่ทเ่ี หมาะสมในแต่ละวัน สำหรับคนปกติทวไปสามารถ ั่ รับประทาน สัปดาห์ละ 5-6 ฟอง เพราะไข่ไก่มนั มีประโยชน์มากกว่าทีค่ ดิ ”
ทานบะหมี่อย่างฉลาด !!
เกือบจะไม่มีคนไทยรายใดที่ไม่รู้จักบะหมี่
กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งส่วนมากมักจะเรียกชื่อของตามตราหรือ ยี่ห้อเช่น มาม่า ยำยำ ไวไว โคคาและอื่นๆ .. ซึ่งถือว่าเป็นอาหารที่ยอดนิยมของคนไทย ติดอันดับตลอด มาคนไทยกั บ บะหมี่ กึ่ ง สำเร็ จ รู ป ออกมาเปิ ด เผยแล้ ว หลายคนจะตาค้าง คาดไม่ถึงจากรายงานระบุว่าในแต่ละวัน คนไทยชอบกิน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 6 - 7 ล้านซอง ตกคนละประมาณ 50 ซองต่อปี กลุ่มที่กินมากที่สุดเห็นจะเป็นเด็ก และวัยเรียน วัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กหอพัก แทบจะพูดได้ว่า กินกันทุกวัน บางราย เช้า-เย็น และกินติดต่อกันเป็นเวลานาน จนกว่า จะเบื่อแต่บางรายไม่รู้จักเบื่อการกินแทนข้าวเป็นอาหาร หลักประจำไปเลย มีหลายเหตุผล บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารยอดฮิตของ ในสังคมไทย อันได้แก่ปรุงง่ายสะดวกไม่เสียเวลา เหมาะ สำหรับคนมีเวลาน้อย และทำกับข้าวไม่เป็น ใครๆ ก็ปรุง ได้และหาซื้อง่ายราคาไม่แพงที่สำคัญ คือ มีหลากหลาย ยี่ห้อและรสชาติให้เลือกตามรสนิยมของคนไทย รสชาติที่ อร่อยซึ่งส่วนมากเพราะผงชูรส เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา นักโภชนาการจัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นอาหารด้อยคุณค่าไม่สมดุลมีแต่แป้งและผงชูรสต่อมา ทานกระแสการบริโภคที่มาแรงของคนไทยไม่ได้ จึงร่วมมือ กั น ได้ น ำมาพั ฒ นาให้ มี คุ ณ ค่ า มากขึ้ น โดยการเสริ ม สาร อาหาร 3 ชนิด ในเครื่องปรุง คือ วิตามินเอ ไอโอดีน และ ธาตุ เ หล็ ก แล้ ว ส่ ง เสริ ม การบริ โ ภคให้ ถู ก หลั ก โภชนาการ
การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโดยเพียงแค่เติมน้ำร้อนแล้ว กินเลยนั้น ถือได้ว่ากินไม่ถูกต้องโดยเฉพาะกินแบบนี้ติด ต่อกันจนเป็นนิสัย ที่เห็นยิ่งไปกว่านั้นคือฉีกซองกินทั้งดิบๆ เป็ น ขนมกิ น เล่ น การกิ น ลั ก ษณะนี้ ติ ด ต่ อ กั น เป็ น ประจำ จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารได้เพราะเท่ากับว่าได้กิน เฉพาะแป้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารที่นับว่าใช้ได้ไม่ได้เลวร้าย มากมายอะไรหากรู้ จั ก กิ น ที่ ใ ห้ ถู ก วิ ธี โ ดยเริ่ ม ตั้ ง แต่ ที่ เลือกซื้อเฉพาะตำรับหรือยี่ห้อที่บนซองระบุไว้ว่า มีสาร ไอโอดีน เหล็กและวิตามินเอ อยู่เท่านั้นเมื่อนำมาปรุงจะ ต้องเติมไข่ หรือเนื้อสัตว์และผักลงไปทุกครั้ง อาจเป็น ถั่วงอก คะน้า ตำลึง ผักบุ้ง ผักกาด ก็ได้ แต่ที่สำคัญคือ จะต้ อ งไม่ ลื ม ฉี ก ซองเครื่ อ งปรุ ง ใส่ ล งในบะหมี่ทุ ก ครั้ ง ที่ ปรุงและไม่ควรใส่น้ำมาก ใส่น้ำพอดีเวลากินจะต้องซดน้ำ ให้หมดชามยิ่งดีเพราะเท่ากับว่าเราได้สารอาหาร 3 ชนิด นั้น เข้าสู่ร่างกายได้เต็มที่ ไม่ควรกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดต่อกันเป็นประจำนานๆ ซึ่งถือว่าเป็นการกินอาหารที่ซ้ำซาก ควรกินสลับอาหาร ประเภทแป้งอืน่ โดยเฉพาะควรกินข้าวเป็นอาหารหลัก การ กินอาหารที่ผ่านขบวนการผลิตซ้ำซากจะทำให้ เกิดความ เสี่ยงต่อการสะสมสารพิษบางชนิดในร่างกาย และทำให้ ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน บะหมี่ กินได้แต่ต้อง ใส่ใจกินให้ถูกปรุงให้สุก เติมเนื้อสัตว์และผักด้วย
โดยปกติขนมขบเคี้ยวส่วนใหญ่จะ
ประกอบไปด้วย แป้ง น้ำมัน น้ำตาลเนย เป็ น หลั ก รวมทั้ ง ผงชู ร สและเกลื อ แร่ สารอาหารที่จำเป็นอื่นจะมีค่อนข้างต่ำ เช่น โปรตีนเกลือแร่และวิตามินซึ่งสาร อาหารเหล่านี้ช่วยส่งเสริมการเติบโต และพัฒนาสติปัญญา โดยเฉพาะเด็ก ถ้า รั บ ประทานขนมขบเคี้ ย วจนกระทั่ ง ปฏิเสธอาหารมื้อหลักแล้วอาจเป็นโรค ขาดสารอาหาร และเป็นโรคอ้วนได้
นักวิจัยจากสถาบันวิจัยโภชนาการ กล่าวไว้ว่า พลังงานที่ร่างกายต้องการ ภายใน ๑ วันนั้น เด็กต้องการประมาณ ๑,๖๐๐ กิโลแคลอรี่ ผู้ใหญ่ประมาณ ๒,๐๐๐ กิโลแคลอรี่ พูดง่ายๆ คือการ รับประทานอาหารมื้อหลักให้ครบทั้ง ๓ มื้อ แล้วพยายามรับประทานขนม ขบเคี้ยวระหว่างมื้อนั้นให้น้อยลง ต้อง ดูปริมาณอาหารที่รับประทาน หากว่า รับประทานมื้อหลักมาก
แนะนำว่า ไม่ควรอนุญาตให้เด็กทาน ขนมขบเคี้ยวก่อนอาหารมื้อหลักเพราะ จะทำให้ เ ด็ ก อิ่ ม และไม่ ท านอาหาร มื้อหลัก สิ่งที่ตามมา คือ ทำให้เด็กได้รับ สารอาหารที่ มี ป ระโยชน์ ไ ม่ เ พี ย งพอ เป็นโรคขาดสารอาหาร โรคอ้วน หรือโรค ริดสีดวงทวารตามมาเนื่องจากไม่ได้รับ กากใยอาหาร ที่ทำให้การขับถ่ายผิดปกติ และอาจนำไปสู่ อันตรายต่อสุขภาพอีก ด้วย
By สุเมธ ดวงแก้ว 5314101383 CA 222
03/01/2013 : 23 : 56 pm.