Ca322 week04 design of the original publication, ethic and law for journalism

Page 1

นศ 322 การออกแบบและผลตสอสงพมพ [CA 322 Printed Media Design and Production] รวมรวม/เรยบเรยง โดย อาจารยณฏฐพงษ สายพณ (ปการศกษาท 2/2558)

สาขาวชานเทศศาสตรบรณาการ คณะศลปศาสตร มหาวทยาลยแมโจ

การเตรยมตนฉบบสงพมพ และกฎหมายสาหรบงานวารสารศาสตร • • • • • •

ความสาคญของตนฉบบและการเตรยมตนฉบบ แนวคดเกยวกบการเขยนเชงวารสารศาสตร การบรรณาธกรเนอหาสาหรบสอสงพมพ การบรรณาธกรภาพสาหรบสอสงพมพ การสงตวพมพและการพสจนอกษร กฎหมายสอสงพมพตามพระราช บญญตจดแจงการพมพ พ.ศ.2550


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 1

การเตรียมข้อมูลและต้นฉบับสื่อสิ่งพิมพ์ ในการเตรียมข้อมูลและต้นฉบับสําหรับผลิตสิ่งพิมพ์หรือหนังสือสักเล่ม ต้องผ่านกระบวนการคัดสรรเนื้อหา เพื่อรวบรวมและเรียบเรียงออกมาเป็นต้นฉบับตามนโยบายและวัตถุประสงค์ที่ได้กําหนดไว้ก่อนการผลิต ซึ่งเมื่อได้ต้นฉบับที่ผ่านการพิจารณาและตรวจสอบแล้ว จะสามารถนําไปสู่ขั้นตอนการผลิตได้ต่อไป ในการออกแบบภาพประกอบและตัวอักษรให้สอดคล้องกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งการจะให้ได้มาซึ่งความถูกต้องข้อมูลนั้น ต้องผ่านการพิสูจน์อักษรก่อนนําไปออกแบบและผลิตเป็นรูปเล่ม

การบรรณาธิกรสําหรับสื่อสิ่งพิมพ์ ความหมาย คําว่า "บรรณาธิกร" โดยทั่วไปมักเขียนว่า "บรรณาธิกรณ์" ทั้งนี้ มีนักวิชาการหลายท่านอธิบายว่า คําว่าบรรณาธิกรณ์มาจากคําบาลีว่า "บรรณ" รวมกับคําว่า "อธิกรณ์" คําว่า บรรณ หมายถึงหนังสือ คําว่า อธิกรณ์ หมายถึงเหตุ โทษ คดี เรื่องราว ดังนั้นคําว่าบรรณาธิกรณ์จึงหมายถึง เรื่องราวที่เกี่ยวกับหนังสือ ซึ่งจะเห็นว่าเป็นคําที่กว้างขวางมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ ก็เรียกว่าบรรณาธิกรณ์ได้ทั้งสิ้น ส่วนคําว่า "บรรณาธิกร" ตามพจนานุกรม ฉบับบัณฑิตราชสถาน พ.ศ.2525 คําว่าบรรณาธิกร เป็นคําโบราณ หมายถึง การรวบรวมและจัดเลือกเฟ้นเรื่องลงพิมพ์ จะเห็นว่าคํา ๆ นี้น่าจะตรงกับคําว่า Editing มากกว่า อย่างไรก็ดี ในวงการวารสารศาสตร์ ก็นิยมใช้ทั้ง 2 คํา โดยให้ความหมายที่เหมือนกันว่าตรงกับคําว่า Editing ในภาษาอังกฤษ หมายถึง การเตรียมการตรวจแก้ปรับปรุงต้นฉบับ การคัดเลือกเรื่อง การคัดเลือกอักษรพิมพ์ การพิสูจน์อักษร การพาดหัวข่าว การเขียนชื่อเรือ่ ง การใช้ภาพ และการวางรูปแบบการเข้าหน้า จะเห็นว่า การบรรณาธิกรก็คือกระบวนการเชื่อมต่อระหว่างการเขียนเรื่องและการเผยแพร่ออกไป เป็นกระบวนการที่ทําให้เรื่องซึ่งเป็นวัตถุดิบนั้นกลายสภาพไปอยู่บนสื่อที่จะส่งถึงผู้อ่านได้นั่นเอง บรรณาธิการ หมายความว่า บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการจัดทําตรวจแก้ คัดเลือก หรือควบคุมบทประพันธ์ หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์ ความสําคัญของบรรณาธิกรสื่อสิ่งพิมพ์ สิ่งพิมพ์ในปัจจุบันถ้าเทียบกับในอดีตแล้วนับว่าพัฒนาไปมาก ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การจัดจําหน่ายจนมาถึงมือของผู้อ่าน อีกทั้งเนื้อหาสาระก็มีมากมายหลากหลายประเภทในเราได้เลือกอ่านกันนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประเภท ตําราเรียนในสาขาหรือแขนงต่างๆ แล้วยังมีหนังสือประเภทหนังสือพิมพ์ นิตยสาร นวนิยาย เรื่องสั้น สารคดี ชีวประวัติ ซุบซิบดารา ฯลฯ มีทั้งที่เป็นภาษาของเราเองและที่แปลมาจากภาษาต่างประเทศ ให้เราได้อ่านกัน โดยคุณองอาจ จิระอร (บก.อํานวยการสํานักพิมพ์อมรินทร์ฯ) กล่าวไว้ใน การอบรมเรื่องการหาต้นฉบับและนักเขียนในปีที่ผ่านมาว่าจํานวนหนังสือที่ออกใหม่เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน มากถึง 2,000 เล่มต่อเดือน เป็นที่น่าดีใจแทนนักอ่านทุกท่านที่มีหนังสือให้เลือกซื้อเลือกอ่านกันมากมายขนาดนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะเลือกอ่านและในสิ่งที่เลือกอ่านนั้นไม่รู้ว่าจะมีสาระมากน้อยแค่ไหน เพราะหนังสือที่ผลิตออกมานั้นก็มาก มีทั้งที่ได้มาตรฐาน และไม่ได้มาตรฐานในเรื่องรูปแบบและเนื้อหา จะเป็นประโยชน์หรืออาจจะเป็นการมอมเมาให้ผู้อ่านหลงผิด หากผู้อ่านยังมีวุฒิภาวะยังน้อย ไม่สามารถพิจารณาได้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร อาจจะนําไปสู่การเลียนแบบ เมื่อเราเข้าไปในร้านหนังสือในแต่ละที่จะเห็นว่า หนังสือส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือที่ไม่ค่อยมีสาระ


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 2 ผู้ผลิตเห็นว่าหนังสือประเภทไหนขายดี ก็พากันผลิตหนังสือประเภทนั้นออกมามาก โดยไม่คํานึงถึงประโยชน์ที่ผู้อ่านจะได้รับ ฉะนั้นการผลิตหนังสือที่ดีมีคุณภาพได้ จําเป็นต้องอาศัย บรรณาธิการ เพราะบรรณาธิการจะเป็นบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการจัดทําตรวจแก้ คัดเลือก หรือควบคุมบทประพันธ์ หนังสือ วารสาร นิตยสาร หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์ ความสําคัญของการบรรณาธิกร คือ การอ่านต้นฉบับอย่างละเอียดแบบ General reader เพื่อการตรวจข้อเท็จจริงและตรวจภาษา ขัดเกลาให้ถูกต้องตามแบบแผนการสื่อสารหรือตามไวยากรณ์เป็นสําคัญ และมิได้มุ่งที่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสํานวนหรือลีลาการเขียนของผู้เขียน แต่จะคงความเป็นแบบฉบับของผู้เขียนไว้ นอกจากนี้ การบรรณาธิกรอาจจะช่วยขจัดข้อความที่หมิ่นประมาท และข้อความที่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ก็ได้อีกด้วย ความรู้พื้นฐานสําหรับงานบรรณาธิการ เรื่องที่บรรณาธิการต้องหาความรู้เพื่อเป็นการเตียมตัว หรือต้องฝึกฝนให้ชํานาญได้แก่ 1. วิชาการ เมื่อบรรณาธิการจะต้องตรวจต้นฉบับงานวิชาการในสาขาใด จะต้องอ่านหนังสือวิชานั้นเพิ่มเติม การอ่านในวิชาช่วยให้ประเมินได้ว่าต้นฉบับชิ้นนั้นมีประเด็นสําคัญที่มีค่า ควรจัดพิมพ์ในขณะนั้นหรือไม่ ส่วนการอ่านเรื่องทั่วไปจะทําให้ผู้รอบรู้เหตุการณ์ ความเคลื่อนไหวของวงการอื่นๆ และสภาวะสังคม ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจจัดพิมพ์ รวมทั้งต้องใช้ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชานั้นช่วยพิจารณา 2. ภาษา ควรเลือกอ่านภาษาในข้อเขียนที่ใช้ภาษาดี วรรณกรรมคลาสสิก หนังสือที่ได้รับรางวัลในทางการใช้ภาษา รวมทั้งหาโอกาสอยู่ในแวดวงของผู้ที่ใช้ภาษาถูกต้อง 3. รู้จักผู้อ่าน เนื้อหาและท่วงทํานองการเขียนมีส่วนอย่างมากในการกําหนดหรือกําจัดกลุ่มผู้อ่าน 4. เทคนิควิธีการผลิตสิ่งพิมพ์ ควรรู้จักขั้นตอนและวิธีการเบื้องต้นพอที่จะพิจารณาให้ความเห็นและประสานงานกับผู้พิมพ์ได้ 5. กฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์งานเขียน การแปลหรือดัดแปลง การไปเผยแพร่ เรื่องสิทธิ การละเมิดสิทธิการคุ้มครองโดยกฎหมายรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายดังกล่าว 6. การตลาด บรรณาธิการควรรู้เรื่องแวดวงการตลาดสิ่งพิมพ์อย่างครบวงจร เพราะเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของธุรกิจการบริการ เป็นความรู้ที่จําเป็นสําหรับบรรณาธิการ ทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการ

ขั้นตอนการบรรณาธิกร บรรณาธิการต้องทําการบรรณาธิกรทั้งเนื้อหาและภาพสําหรับที่จะนํามาใช้ผลิตสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. ติดต่อผู้เขียนเพื่อเขียนต้นฉบับ 2. ทําตางรางแผนงานให้ผู้เขียน 3. ประชุมกับผู้เขียนการสร้าง outline 4. จัดหาข้อมูล รูปภาพ เพื่อการบรรณาธิกร 5. รับต้นฉบับจากผู้เขียน เริ่มงานบรรณาธิกร 6. เมื่อต้นฉบับเข้า เราเริ่มอ่าน และวางแผนการออกแบบเนื้อหาและรูปเล่ม สร้าง icon และ สัญลักษณ์ต่างๆ 7. ประชุมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ บรรณาธิการ Art และ Marketing 8. ตรวจต้นฉบับ เพื่อดูความถูกต้องของภาษา และข้อมูล ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล 9. ปรัปรุงแก้ไข รวมทั้งพิสูจน์อักษรอีก 3-4 ครั้ง 10. ส่งงานต่อไปที่งาน Prepress และโรงพิมพ์ต่อไป


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 3 ระดับของการบรรณาธิกรต้นฉบับ งานของบรรณาธิการโดยปกติต้องทํางานร่วมกับบุคคลหลายฝ่าย ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นงานหลักของบรรณธิการต้นฉบับก่อน นั่งคืองานตรวจต้นฉบับหรืองานบรรณาธิกรต้นฉบับ โดยสามารถแบ่งได้ ดังนี้ 1. การพิสูจน์อักษร (Proof Reading) นับว่าเป็นงานส่วนหนึ่งของบรรณาธิการ ที่ต้องตรวจต้นฉบับให้มีความถูกต้องโดยเฉพาะการเขียน สะกดคํา และวรรคตอน โดยปกติงานพิสูจน์อักษรอาจแยกหรือรวมอยู่ในกองบรรณาธิการ หรือแม้แต่บางสํานักพิมพ์ บรรณาธิการอาจต้องทําหน้าที่พิสูจน์อักษรด้วย โดยปกติหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ทุกประเภทต้องดําเนินการอย่างน้อยก่อนพิ มพ์เผยแพร่คือการพิสูจน์อักษร 2. การปรับปรุงต้นฉบับ(Copy Editing) นอกจากงานที่ต้องดําเนินการด้านความถูกต้องทางภาษาทั้งการใช้ และโครงสร้างทางภาษาแล้ว รูปแบบที่ต้องใช้แบบเดียวกันทั้งเล่ม เช่น รูปแบบการแบ่งเนื้อหาที่ใช้เป็นบท หรือเป็น เรื่อง หรือรูปแบบที่เป็นสไตล์ของสํานักพิมพ์ หรือของผู้เขียน 3. การพัฒนาต้นฉบับ (Substantive editing) หรือบางครั้งเรียกว่า การบรรณาธิกรเนื้อหา หรือ การบรรณาธิกรโครงสร้าง นอกจากต้องบรรณาธิกรใน 2 ขั้นแรกด้วยแล้ว การบรรณาธิกรในระดับนี้ อาจดําเนินงานตั้งแต่การวางแผนการผลิตหนังสือ หรือต้นฉบับ จํานวนเล่มใน 1 ชุด หรือจํานวนชุดที่ต้องการ การวางโครงสร้างเนื้อหา รูปแบบการนําเสนอ

นอกงานนี้สิ่งที่เป็นเป้าหมายของหนังสือก็อาจทําให้ระดับของงานบรรณาธิกรมีความต้องการในระดับที่แตกต่างกัน เช่น • นวนิยาย หรือ เรื่องสั้น อาจต้องการเพียงในระดับ พิสูจน์อักษร หรือมากที่สุด คือระดับการปรับปรุงต้นฉบับ เนื่องจากลักษณะของงานเขียน นวนิยาย หรือเรื่องสั้น มีความต้องการสํานวน หรือภาษาที่เป็นภาษาของนักเขียน ที่จะมีลักษณะเฉพาะตัว ดังนั้น งานต้นฉบับประเภทนี้ บรรณาธิการอาจให้ความสนใจในเรื่องของความถูกต้องของการใช้ภาษาเป็นหลักเท่านั้น • นิตยสาร วารสาร สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทนี้ ต้องการ concept ที่เป็น House Style ของนิตยสาร หรือ วารสารเล่มนั้น อาจเริ่มต้นในครั้งแรกด้วย ระดับการพัฒนาต้นฉบับ (Substantive editing) แต่หลังจากนั้นฉบับต่อๆ ไป บรรณาธิการอาจดําเนินการในระดับ ปรับปรุงต้นฉบับ(Copy Editing) เพื่อรักษาความเป็นเอกลักษณ์ต่อไป • หนังสือเรียน หนังสือสําหรับเด็ก โดยปกติมักเป็นในระดับของการพัฒนาต้นฉบับ เนื่องจากหนังสือประเภทนี้อาจต้องการความรู้ หรือต้องการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ และเป็นหนังสือที่มีอายุในตลาดค่อนข้างยาว จึงต้องมีการวางแผนการผลิตที่ต้องคํานึงถึงหลายประการ เช่น หลักสูตร หลักการเรียนรู้ คติสอนใจ และสิ่งที่สําคัญคือความถูกต้อง ชัดเจนของเนื้อหา และข้อมูล หรือความบันเทิงที่ต้องการสอดแทรกคติบางประการ ทําให้ระดับของการบรรณาธิการต้องมุ่งไปตามจุดหมายของหนังสือในเล่มนั้น หรือในชุดนั้น


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 4

การเตรียมข้อมูลและต้นฉบับสื่อสิ่งพิมพ์ การทําภาพประกอบ

ภาพประกอบหนังสือไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือภาพที่วาดขึ้นมาใหม่ควรมีลักษณะสอดคล้องกับเนื้อหาของหนังสือในเล่ม เป็นสําคัญ ทั้งนี้รูปแบบลวดลายหรือสไตล์นั้นจะขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายเป็นสําคัญ นักออกแบบจึงจําเป็นต้องเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของหนังสือเล่มนั้น โดยใช้หลักจิตวิทยามาช่วยจัดวางองค์ประกอบและสื่อความหมายของเนื้อหาหรือข้อความในหน้านั้นๆ ให้ดึงดูดและน่าสนใจได้

การเลือกตัวอักษร

ตัวอักษรหรือตัวพิมพ์เป็นเครื่องมือสําคัญที่ทําให้การพิมพ์แพร่หลาย เป็นอุปกรณ์ลําดับแรกของกระบวนการผลิตสิ่งพิมพ์ที่ช่วยนํา “สาร” ไปยังผู้อ่าน ซึง่ ปัจจุบันนี้ตัวพิมพ์ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นสําหรับคอมพิวเตอร์อย่างมากมาย การเลือกใช้ตัวพิมพ์ควรพิจารณาลักษณะของตัวพิมพ์ อันได้แก่ รูปลักษณ์ ขนาด ความกว้างของตัวพิมพ์ และระยะบรรทัดของตัวพิมพ์ ดังนั้น ตัวพิมพ์จึงมีความสําคัญในฐานะเป็นเครื่องมือในการทําให้ภาษาดํารงคงอยู่ ช่วยดึงดูดสายตาผู้อ่าน ช่วยสร้างเอกลักษณ์และบุคลิกเฉพาะให้กับสิ่งพิมพ์ ช่วยในการจัดลําดับความสําคัญของเนื้อหาที่นําเสนอ และช่วยในการจัดหน้าหนังสือ การเลือกตัวพิมพ์คือการกําหนดตัวพิมพ์เนื้อหาประเภทต่าง ๆ ที่นําเสนอในสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อให้สื่อสารความหมายไปยังผู้อ่านได้อย่างชัดเจน แบ่งเป็นการสั่งตัวพิมพ์สําหรับข่าว บทความ และคําบรรยายภาพ ซึ่งการสั่งตัวพิมพ์ในแต่ละประเภท ต้องพิจารณาจากโครงสร้างการเขียน ความต้องการเน้นข้อความสําคัญ และการตกแต่งหน้าสิ่งพิมพ์ให้สวยงามน่าอ่านเป็นหลัก ในการเลือกตัวพิมพ์นั้น รูปลักษณ์อักษร ถือเป็นสิ่งสําคัญเพราะ รูปลักษณ์อักษรนั้น หมายถึง ลักษณะรูปร่างหน้าตาของฟ้อนท์หรือตัวอักษรแต่ละชุด โดยมีความแตกต่างกันออกไปตามการออกแบบ มีชื่อเรียกเป็นของตัวเอง ซึ่งในฟอนท์ชุดเดียวกันจะมีการออกแบบหน้าตัวพิมพ์เป็นแบบย่อย ๆ ได้แก่ ตัวปกติ (normal) ตัวเอน (italic) ตัวหน้า (bold) ตัวหนาเอน (italic bold) ตัวบาง (light) ตัวบางพิเศษ (extra light) นอกจากนี้ยังมีตัวพิมพ์ที่มีรูปแบบคล้ายลายมือเขียน (script) ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อให้เลือกใช้ให้เหมาะกับงานพิมพ์ ไม่ว่าตัวพิมพ์จะมีแบบให้เลือกมากมายเพียงใด การเลือกใช้มักใช้ใน 2 ลักษณะ ได้แก่ 1. ตัวพิมพ์เนื้อเรื่อง เป็นตัวพิมพ์ที่ใช้พิมพ์ตัวเนื้อหา หรือเนื้อเรื่อง (body text) ที่มีข้อความจํานนมาก มักเป็นตัวอักษรที่มีหัวกลมโปร่ง สวยงามและอ่านง่าย 2. ตัวพิมพ์ตกแต่ง เป็นตัวพิมพ์ที่มีลักษณะพิเศษต่างจากตัวพิมพ์ปกติ เนื่องจากเป็นการประดิษฐ์ให้สวยงามหรือสร้างความแปลกตา เหมาะกับการทําพาดหัว ทําตัวโปรย หรือใช้เน้นข้อความสั้น ๆ เพื่อตกแต่งจัดหน้า หรืองานพิมพ์พิเศษต่าง ๆ เช่น โปสเตอร์ การ์ด เป็นต้น ลักษณะของตัวพิมพ์ แบบตัวพิมพ์มีรูปแบบให้เลือกใช้มากมาย เรียกแบบตัวพิมพ์นี้ว่า “ฟ้อนท์ (Font)” สํานักพิมพ์บางแห่งจะมีการกําหนดแบบตัวพิมพ์เฉพาะของตนขึ้น หรืออาจใช้ฟ้อนท์ใดฟ้อนท์หนึ่งที่มีในคอมพิวเตอร์ก็ได้ อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่ควรทําความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะพื้นฐานของการใช้ตัวพิมพ์ ดังนี้ 1. รูปแบบตัวอักษร ในการเลือกตัวอักษรที่เหมาะสมจะช่วยให้งานออกแบบกราฟิกนั้น สื่อความหมายได้อย่างเต็มที่


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 5 ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบตัวอักษรตัวพิมพ์มากมาย อาจแบ่งได้ดังนี้ ตัวอักษรแบบมีเชิง เป็นอักษรที่มีเส้นยื่นของฐานและปลายตัวอักษรในทางราบที่เรียกว่า Serif ลักษณะตัวอักษรจะมีเส้นตัวอักษรเป็นแบบหนาบางไม่เท่ากัน ตัวอักษรแบบนี้บราวเซอร์หลายชนิดจะใช้ ตัวอักษรแบบนี้เป็นหลัก เช่น Times New Roman, Garamond, Georgia และ New Century Schoolbook ตัวอักษรประเภทนี้เหมาะจะใช้เป็นรายละเอียดเนื้อหา แต่ตัวอักษรประเภทนี้ไม่ค่อยเหมาะจะใช้กับตัวหนา (bold)

แสดงรูปแบบตัวอักษรแบบมีเชิง (Serif)

ตัวอักษรแบบไม่มีเชิง (Sans Serif) เป็นลักษณะของตัวอักษรอีกแบบหนึ่งที่รูปแบบเรียบง่าย เป็นทางการ ไม่มีเชิง หมายถึงไม่มีเส้นยื่นออกมาจากฐาน และปลายของตัวอักษรในทางราบ ได้แก่ Arial, Helvetica, Verdana, Geneva และ Univers ตัวอักษรประเภทนี้เหมาะที่จะใช้กับหัวข้อหรือ ตัวอักษรขนาดใหญ่ แต่ไม่เหมาะสมกับลักษณะเอียง

แสดงรูปแบบตัวอักษรแบบไม่มีเชิง (Sans Serif)

ตัวอักษรแบบตัวเขียน (Script) ตัวอักษรแบบนี้เน้นให้ตัวอักษรมีลักษณะคล้ายกับการเขียนด้วยลายมือ ซึ่งมีหางโยงต่อเนื่องระหว่างตัวอักษร มีขนาดเส้นอักษรหนาบางแตกต่างกัน นิยมทําให้เอียงเล็กน้อย

แสดงรูปแบบตัวอักษรแบบตัวเขียน (Script)

ตัวอักษรแบบตัวอาลักษณ์ (Text Letter) เป็นตัวอักษรแบบโรมันแบบตัวเขียนอีกลักษณะหนึ่ง มีลักษณะเป็นแบบประดิษฐ์มีเส้นตั้งดําหนา ภายในตัวอักษรมีเส้นหนาบางคล้ายกับการเขียนด้วยพู่กัน หรือปากกาปลายตัด


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 6

แสดงรูปแบบตัวอักษรแบบตัวอาลักษณ์ (Text Letter)

ตัวอักษรแบบประดิษฐ์ (Display Type) หรือตัวอักษรตัวพิมพ์ขนาดใหญ่ มีลักษณะเด่น คือ การออกแบบตกแต่งตัวอักษรให้สวยงามเพื่อดึงดูดสายตา มีขนาดความหนาของเส้นอักษรหนากว่าแบบอื่นๆ จึงนิยมใช้เป็นหัวเรื่อง

แสดงรูปแบบตัวอักษรแบบประดิษฐ์ (Display Type)

ตัวอักษรแบบสมัยใหม่ (Modern Type) เป็นตัวอักษรที่ประดิษฐ์ขึ้น มีลักษณะเรียบง่าย

แสดงรูปแบบตัวอักษรแบบสมัยใหม่ (Modern Type)

2. ลักษณะและขนาดตัวพิมพ์ ลักษณะของตัวพิมพ์ (Type Character) จากรูปแบบตัวอักษรที่หลากหลาย การสร้างแบบอักษรก็ยังมีความแตกต่างที่หลายรูปแบบ ทําให้มีลักษณะเฉพาะของตัวอักษรเปลี่ยนแปลงไป เช่น ตัวเอน (Italic) ตัวหนา (Bold) ตัวธรรมดา (Normal) ตัวเส้นขอบ (Outline) ตัวบางพิเศษ (Extra Light) ตัวหนาพิเศษ (Extra Bold) ตัวแคบ (Condensed) ตัวดํา (Black) ตัวบาง (Light))


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 7

แสดงลักษณะตัวอักษรแบบต่าง ๆ ขนาดของตัวพิมพ์ (Size Type) ขนาดของตัวอักษรเป็นการกําหนดขนาดที่เป็นสัดส่วนความกว้างและสูงและรูปร่างของตัวอักษร โดยเอาความสูงเป็นหลักในการจัดขนาดเรียกว่า พอยต์ (Point) ขนาดตัวอักษรหัวเรื่องมักใช้ขนาดตั้งแต่ 16 พอยต์ขึ้นไป ส่วนขนาดของเนื้อหาจะใช้ขนาดประมาณ 6 พอยต์ถึง 16 พอยต์ แล้วแต่ลักษณะของงาน 12 พอยต์ = 1 ไพก้า 6 ไพก้า = 1 นิ้ว (2.5 ซ.ม.) 75 พอยต์ = 1 นิ้ว ขนาดทางราบหรือทางกว้างของตัวอักษร เมื่อเรียงกันไปเป็นคําหรือความยาวใน 1 บรรทัด หรือเรียกว่าเป็น "ความยาวคอลัมน์" จะกําหนดเป็นไพก้า (Pica) การเลือกขนาดพอยต์ ต้องคํานึงถึงการอ่านง่ายเป็นหลัก กล่าวคือ ต้องพิจารณาถึงกลุ่มผู้อ่านด้วยว่า เป็นกลุ่มอายุระดับใด เช่น ผู้สูงอายุ หรือเด็ก อาจต้องเลือกใช้ตัวพิมพ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ นอกจากนี้ หากต้องเลือกใช้ตัวพิมพ์ที่ต่างฟอนท์กัน ในขนาดพอยต์เท่ากัน อาจต้องระวังด้วยว่าเมือมองดูด้วยสายตาจะรู้สึกเหมือนว่าขนาดของตัวพิมพ์ไม่เท่ากัน 3. ระยะช่องไฟและการจัดวางตัวอักษร ระยะช่องไฟของตัวอักษร (Spacing) การจัดระยะช่องไฟตัวอักษรมีความสําคัญมาก เนื่องจากถ้ามีการออกแบบที่เหมาะสม และสวยงามแล้วจะทําให้ผู้ดูอ่านง่าย สบายตา ชวนอ่าน การจัดช่องไฟมีหลักการใช้อยู่ 3 ข้อดังนี้ 1. ระยะช่องไฟระหว่างอักษร (Letter Spacing) เป็นการกําหนดช่องไฟระหว่างตัวอักษรแต่ละตัว ที่จะต้องมีระยะห่างกันพองาม ไม่ติดหรือห่างกันเกินไป เราควรจัดช่องไฟโดยคํานึงถึงปริมาตรที่มีความสมดุลโดยประมาณในระหว่างตัวอักษร หรือเรียกว่า ปริมาตรความสมดุลทางสายตา 2. ระยะช่องไฟระหว่างคํา (Word Spacing) จะเว้นระยะระหว่างคําประมาณ 1 ตัวอักษรปกติ ถ้าห่างเกินไปจะทําให้อ่านยาก และชิดเกินไปจะทําให้ขาดความงาม 3. ระยะช่องไฟระหว่างบรรทัด (Line Spacing) ปกติจะใช้ระยะห่าง 0-3 พอยต์ หลักสําคัญในการกําหนดระยะระหว่างบรรทัดให้วัดส่วนสูง และส่วนต่ําสุดของตัวอักษร เมื่อจัดวางบนบรรทัดแล้วต้องไม่ซ้อนทับกัน


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 8

ภาพแสดงระยะช่องไฟของตัวอักษร (Spacing) แบบการจัดตัวอักษร (Type Composition) การจัดเนื้อหาของตัวอักษรมีการจัดด้วยกันหลายวิธี ดังนี้ จัดชิดซ้าย หรือ เสมอหน้า จะมีปลายด้านขวาไม่สม่ําเสมอ เนื่องจากตัวอักษรในแต่ละบรรทัด มีความยาวไม่เท่ากัน แต่ผู้อ่านก็ไม่สามารถหาจุดเริ่มต้นของแต่ละบรรทัดได้ง่าย จัดชิดขวา หรือเสมอหลัง ถึงแม้รูปแบบการจัดตัวอักษรแบบนี้จะน่าสนใจ แต่จุดเริ่มต้นในแต่ละบรรทัดที่ไม่สม่ําเสมอ ทําให้อ่านยาก ผู้อ่านต้องหยุดชะงัก เพื่อหาจุดเริ่มต้นของแต่ละบรรทัด จัดกึ่งกลาง จะใช้ได้ดีกับข้อมูลที่มีปริมาณไม่มากนัก และเหมาะกับรูปแบบที่เป็นทางการ เช่น คําประกาศ หรือคําเชื้อเชิญ เป็นต้น จัดชิดขอบซ้ายและขวา หรือเสมอหน้าและเสมอหลัง เมื่อจัดตัวอักษรแบบ justify จะมีพื้นที่ว่างเกิดขึ้นระหว่างคํา ข้อดีคือเกิดความสวยงามและเป็นระเบียบในคอลัมน์ที่ได้จัดวางเลย์เอ้าท์ไว้ สิ่งที่ควรระวังคือ เกิดช่องว่าง ซึ่งจะรบกวนความสะดวกในการอ่าน แต่เป็นสิ่งยากที่จะหลีกเลี่ยง ในคอลัมน์ที่มีขนาดแคบ อย่างไรก็ตาม การกําหนดระยะและรูปแบบตัวอักษร ไม่ควรดูเฉพาะหน้าตาความสวยงาม แต่ให้พิจารณาถึงการอ่านง่ายเป็นหลัก ความสําคัญของตัวพิมพ์กับสิ่งพิมพ์ 1. เป็นเครื่องมือทําให้ภาษาดํารงอยู่ 2. เป็นสิ่งดึงดูดสายตาผู้อ่าน 3. ช่วยสร้างเอกลักษณ์และบุคลิกเฉพาะในสิ่งพิมพ์ 4. ช่วยในการจัดหน้าสิ่งพิมพ์ (หนังสือ / นิตยสาร / หนังสือพิมพ์) 5. ช่วยจัดลําดับความสําคัญของเนื้อหา ข้อพิจารณาในการเลือกตัวพิมพ์ ไม่ว่าตัวพิมพ์ที่เลือกจะใช้ในการผลิตสิ่งพิมพ์ประเภทใดก็ตาม ทั้ง หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือหนังสือเล่ม มีข้อพิจารณาที่ต้องคํานึงถึง ดังนี้ 1. นโยบายสิ่งพิมพ์ สิ่งพิมพ์แต่ละประเภทจะมีวัตถุประสงค์ในการนําเสนอที่ชัดเจน ทั้งยังแบ่งประเภทย่อยของเนื้อหาได้อีกเป็นกลุ่ม ๆ เช่น ข่าวบันเทิง ข่าวกีฬา วัยรุ่น ฯลฯ ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์และนิตยสารควรเลือกตัวพิมพ์ที่มีลักษณะอ่านง่าย มีหัวและเส้นขอบตัวอักษรที่ชัดเจน ขณะที่หนังสือพิมพ์บันเทิงหรือนิตยสารวัยรุ่น อาจใช้ตัวพิมพ์ที่มีลักษณะเล่นลวดลายปลายตวัด ไม่ต้องมีหัวก็ได้


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 9 แต่เน้นให้ดูทันสมัย หรือเข้ากับลักษณะเนื้อหาเป็นหลัก 2. ผู้อ่าน เป็นสิ่งสําคัญอันดับแรกที่ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ต้องคํานึงถึงในลักษณะกลุ่มผู้อ่านของตน เพื่อนํามาเป็นแนวทางในการกําหนดรูปแบบตัวอักษรหรือตัวพิมพ์ที่จะใช้ ต้องทราบช่วงอายุ ระดับการศึกษา หรือกลุ่มอาชีพ รวมถึงรสนิยมของกลุ่มเป้าหมายเป็นสําคัญ 3. ขนาดสิ่งพิมพ์ ขนาดสิ่งพิมพ์จะต้องเลือกให้เหมาะสม ถ้าเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คขนาดตัวพิมพ์อาจมีขนาดเล็ก ขณะที่หนังสือเรียนจําเป็นต้องใช้ขนาดใหญ่กว่า ขนาดตัวพิมพ์ก็จะมีขนาดโตตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม หลักการนี้เป็นที่ยกเว้นสําหรับหนังสือพิมพ์ เนื่องจากสิ่งพิมพ์ประเภทนี้มุ่งเน้นในการนําเสนอข่าวสารเป็นหลัก การเลือกใช้ตัวพิมพ์ขนาดเล็กจะทําให้สามารถเสนอข่าวสารได้หลายข่าว ฉะนั้นจึงไม่มีการคํานึงถึงขนาดของสิ่งพิมพ์เหมือนเช่นนิตยสารหรือหนังสือเล่ม 4. ประเภทเนื้อหา การเลือกตัวพิมพ์จะคํานึงถึงส่วนประกอบของข้อเขียน ซึ่งมีจุดเด่น หรือจุดเน้นที่ต้องให้ความสําคัญมากน้อยต่างๆ กันไป เช่น ข่าวในหนังสือพิมพ์ จะมีส่วนของพาดหัวข่าว ความนํา และเนื้อข่าว ขณะที่บทความ จะมีส่วนประกอบของชื่อบทความและเนื้อเรื่อง เป็นต้น หลักการเลือกตัวพิมพ์ เนื้อหาทุกเรื่องในสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร จะมีตัวพิมพ์ 2 ลักษณะ คือ ตัวพิมพ์เนื้อเรื่อง (body text) และตัวพิมพ์หัวข่าว/หัวเรื่อง (non-body text) ซึ่งมีหลักในการเลือกใช้ ดังนี้ ตัวพิมพ์เนื้อเรื่อง หรือเรียกทั่วไปว่า ตัวพื้น เป็นตัวพิมพ์ที่ใช้ในข้อความจํานวนมาก มีเกณฑ์ดังนี้ 1. ได้มาตรฐาน มีตําแหน่งสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ ถูกต้องตามอักขระไทย มีขนาด ความกว้าง และระยะบรรทัดที่ได้เกณฑ์มาตรฐานสากล 2. อ่านง่าย ขนาดความกว้างเหมาะสม หรือใช้ลักษณะฟอนท์มีหัวกลมโปร่ง 3. ใช้สะดวก ควรพิจารณาเลือกฟอนท์ที่มีรูปแบบชุดตัวพิมพ์ครบถ้วน เช่นมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีรูปแบบทั้งตัวเอน ตัวเอียง หรือตัวหนา เป็นต้น 4. มีความจุของพื้นที่ ตัวพิมพ์แต่ละชุดมีความจุพื้นที่พิมพ์ไม่เท่ากัน ระยะบรรทัดหรือความห่างจึงแตกต่างกัน ดังนั้นต้องดูประเภทสิ่งพิมพ์ด้วยว่าต้องการบรรจุเนื้อหามากน้อยเพียงใด 5. มีความสวยงาม ให้พิจารณาถึงความกลมกลืนของรูปลักษณ์อักษรทั้งชุด รวมทั้งความสม่ําเสมอ สร้างความสบายตากับการอ่านได้นาน ๆ ตัวพิมพ์หัวเรื่อง เป็นตัวพิมพ์ที่มีลักษณะพิเศษ เหมาะกับการใช้พิมพ์ข้อความจํานวนน้อย เช่น ชื่อเรื่อง ชื่อบทความ หรือทําเป็นตัวโปรย เพื่อเน้นข้อความสําคัญในเนื้อเรื่อง ตัวพิมพ์ประเภทนี้อาจใช้ตัวพิมพ์เดียวกันกับตัวพื้นก็ได้ หรือเน้นการทําให้สะดุดตาด้วยตัวที่ใหญ่ขึ้น หรือทําเป็นตัวหนา พบมากในหนังสือพิมพ์ เช่นเพิ่มขนาดในส่วนพาดหัว 24-72 พอยต์ ความนําข่าวจะใช้ 16-18 พอยต์ สําหรับนิตยสาร ต้องพิถีพิถันมากกว่าหนังสือพิมพ์ เพื่อให้หัวเรื่องสามารถเรียกความสนใจและมีความสวยงามกลมกลืนไปกับเนื้อหาด้วย อาจมีข้อพิจารณา ดังนี้ 1. มีบุคลิกชัดเจน 2. สื่อสารความรู้สึกได้ตรงกับเนื้อหา เช่น เนื้อหาน่ากลัว อาจเลือกรูปแบบตัวพิมพ์ที่มีลักษณะสยองขวัญ หรือ เนื้อหาเกี่ยวกับประเทศจีน เลือกรูปแบบตัวพิมพ์เป็นอักษรคล้ายๆ ตัวอักษรจีน เป็นต้น


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 10

ตัวอย่างรูปแบบการจัดหน้าและการเลือกใช้ตัวพิมพ์ในการจัดหน้าหนังสือ


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 11


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 12


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 13

การพิสูจน์อักษร(Proof Reading) ในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัลที่การผลิตเกือบทุกขั้นตอนกระทําผ่านคอมพิวเตอร์ กระบวนการผลิตสิ่งพิมพ์จึงมีการปรับลดขั้นตอนลงมาเป็นกระบวนการเดียวกันในปัจจุบันนี้ กล่าวคือ เมื่อต้นฉบับข่าวและบทความต่าง ๆ ถูกส่งผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์มายังฝ่ายบรรณาธิการ ในฝ่ายนี้จะทําหน้าที่ให้คําพาดหัวข่าว สั่งตัวพิมพ์ พิสูจน์อักษร ตกแต่งภาพ และจัดหน้า ดังนั้น ขั้นตอนที่ลดไปจากเดิมคือ การเรียงพิมพ์ อีกทั้งการสั่งตัวพิมพ์และการจัดหน้าจะกระทําไปพร้อมๆ กัน เสร็จสิ้นลงในจุดเดียวกัน โดยใช้บุคลากรคนเดียวกัน การพิสูจน์อักษร หรือ การปรู๊ฟ เป็นการอ่านต้นฉบับเพื่อตรวจแก้การพิมพ์ให้ถูกต้องที่สุดก่อนส่งเนื้อหาทั้งหมดไปสู่กระบวนการผลิตเป็นรูปเล่ม โดยเน้นการตรวจแก้ไวยากรณ์และตรวจแก้ข้อผิดพลาดของเนื้อหา เช่น การสะกดคํา การใช้เครื่องหมายวรรคตอน การใช้ตัวเลข การใช้ตัวย่อ เป็นต้น เพื่อให้ข้อเขียนต่าง ๆ มีความถูกต้องสมบูรณ์ อันเป็นผลทําให้สิ่งพิมพ์มีคุณภาพน่าเชื่อถือ และเป็นการสืบทอดหลักการ “ความถูกต้อง” ของการใช้ภาษา ความสําคัญในการพิสูจน์อักษร มีดังนี้ 1. ทําให้เนื้อหามีความถูกต้องสมบูรณ์ 2. ทําให้สิ่งพิมพ์มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ 3. สืบทอดหลักการความถูกต้องของภาษา

กฎหมายสื่อสิ่งพิมพ์ตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 กว่าจะมาเป็นพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ฉบับนี้ ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อปลดแอกหนังสือพิมพ์จากการควบคุมอันเข้มข้นของรัฐนับตั้งแต่มีหนังสือพิม พ์เกิดขึ้นในประเทศไทย รัฐได้ใช้อํานาจในการออกกฎหมายและระเบียบต่างๆ มาควบคุมสื่อในทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 มีผลบังคับใช้มายาวนานถึง 60 กว่าปี อํานาจรัฐสามารถควบคุมหนังสือพิมพ์อย่างเข้มงวด ถือว่าเป็นกฎหมายกระทบต่อเสรีภาพและการทําหน้าที่ของหนังสือพิมพ์ ขัดต่อหลักการประชาธิปไตยและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนานาชาติลงนามยอมรับข้อตกลงร่วมกัน ท้ายที่สุดการต่อสู้อันยาวนานเพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของหนังสือพิมพ์ได้รับการตอบสนอง ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม มีมติเป็นเอกฉันท์ 80 : 0 เสียง เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ ในวาระ 3 เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ พระราชบัญญัติดังกล่าวถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์วงการสื่อมวลชน รัฐประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติดังกล่าวถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์วงการสื่อมวลชน รัฐประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484, 2485, 2488 รวมทั้ง คําสั่งประกาศคณะปฏิรปู การปกครองแผ่นดินฉบับที่ 5 ลงวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ซึ่งถือเป็นยาขมของสื่อมวลชน เพราะให้อํานาจเจ้าหน้าที่สั่งปิดหนังสือพิมพ์ได้โดยไม่ต้องใช้อํานาจศาล แล้วประกาศใช้พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 แทน ประเด็นเสรีภาพ : อํานวยความสะดวกมากกว่าควบคุมบังคับ ตอบสนองหลักการเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและความรับผิดชอบของหนังสือพิมพ์ พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 มีจุดเด่นที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 หรือพระราชบัญญัติการพิมพ์ฉบับอื่นๆ ในประเด็นการสนับสนุนเสรีภาพหนังสือพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 14 รวมถึงหนังสือพิมพ์ออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์ในอนาคต มากกว่าการควบคุมบังคับ ตามอํานาจรัฐบาล ซึ่งขัดต่อการรับรองสิทธิและเสรีภาพของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามระบอบประชาธิปไตย พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 มีหลักการคือ เพียงแค่แจ้งต่อทางการให้ทราบในการทําหนังสือพิมพ์หรือสื่อสิ่งพิมพ์ ต่างจากกฎหมายในอดีตตามพระราชบัญญัติ การพิมพ์ พ.ศ.2484 ต้องขออนุญาตต่อทางการในการพิมพ์ เจ้าของบรรณาธิการ บรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณาต้องถูกสันติบาลตรวจสอบประวัติย้อนหลัง ก่อนได้รับการอนุญาตให้ทําหนังสือพิมพ์หรือสื่อสิ่งพิมพ์ อันเนื่องมาจากรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยต้องการควบคุมสื่อมวลชนอย่างเบ็ดเสร็จ หนังสือพิมพ์เป็นสื่อมวลชนที่มีอิทธิพลทางความคิดของคนในสังคมสูงมาก อีกทั้งยังเป็นผู้กําหนดวาระข่าวสาร (Agenda setter) ของสังคม ย่อมทําให้ทุกรัฐบาลต้องใส่ใจในการควบคุม เพื่อไม่ให้หนังสือพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจนสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมือง พระราชบัญญัติฉบับนี้จึงเปลี่ยนแนวคิดจากการควบคุม มาเป็นส่งเสริมเสรีภาพและอํานวยความสะดวกแก่หนังสือพิมพ์ หากต้องการลงโทษหนังสือพิมพ์ ภาครัฐและภาคประชาชนสามารถใช้กฎหมายจํากัดเสรีภาพ อาทิ ประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความรับผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยความรับผิดชอบเรื่องละเมิดฟ้องร้องเอาผิดหนังสือพิมพ์ ทั้งยังใช้กระบวนการทางสภาการหนังสือพิมพ์ หรือกระบวนการเครือข่ายผู้บริโภคในการร้องเรียนความผิดของหนังสือพิมพ์ ซึ่งเพียงพอต่อการจํากัดสิทธิและเอาผิดได้ ประเด็นหลักการสําคัญที่พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 เด่นอีกประการหนึ่งคือ ความรับผิดชอบของหนังสือพิมพ์ เมื่อยกเลิกการพิมพ์ หรือเปลี่ยนแปลงเจ้าของ บรรณาธิการ หรือบรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณาของหนังสือพิมพ์หรือสื่อสิ่งพิมพ์ ผู้พิมพ์โฆษณาจะต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ให้ทราบภายใน 30 วัน นับจากวันยกเลิกกิจการ ทําให้ฐานข้อมูลของหนังสือพิมพ์ปรับปรุงทันสมัยตลอดเวลา ติดตาม ตรวจสอบได้ แตกต่างจากอดีตที่เมื่อมีผู้ประสงค์ทําหนังสือพิมพ์หรือสื่อสิ่งพิมพ์ก็จะต้องขออนุญาตจด “ชื่อหนังสือพิมพ์” หรือ “หัวหนังสือพิมพ์” จดทิ้งไว้เฉยๆ ก็ได้ บางครั้งชื่อหนังสือพิมพ์ซ้ํากัน บางชื่อฉบับเปิด/ปิดเฉพาะวาระ จึงทําให้เจ้าหน้าที่หรือประชาชนไม่สามารถแยกแยะติดตามตรวจสอบสื่อมวลชนกับผู้ที่แฝงตัวในนามสื่อมวลชนออกจากกันได้ ความรับผิดชอบของสือ่ มวลชนเช่นนี้เป็นความโปร่งใส เปิดโอกาสให้สังคมตรวจสอบการทํางานตามระบบประชาธิปไตย ย่อมทําให้วิชาชีพได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชนระยะยาว สาระสําคัญ พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 มีรายละเอียดใหม่ดังนี้ หมวดทั่วไป มาตรา 5 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับกับสิ่งพิมพ์ดังต่อไปนี้ คือ (1) สิ่งพิมพ์ของส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ (2) บัตร บัตรอวยพร ตราสาร สิ่งพิมพ์ และรายงานซึ่งใช้กันตามปกติในการส่วนตัว การสังคม การเมือง และการค้า หรือสิ่งพิมพ์ที่มีอายุงานใช้งานสั้น เช่น แผ่นพับ หรือแผ่นโฆษณา (3) สมุดบันทึก สมุดแบบฝึกหัด หรือสมุดภาพระบายสี (4) วิทยานิพนธ์ เอกสารคําบรรยาย หลักสูตรการเรียนการสอน หรือสิ่งพิมพ์อื่นทํานองเดียวกันที่เผยแพร่ในสถานศึกษา มาตรา 5 วงเล็บ (4) แตกต่างจากพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 4 และมาตรา 6 ประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีศึกษา สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักศึกษาภาควิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งเป็นผู้จัดทําหนังสือพิมพ์ “ลานมะพร้าว” หนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติการของนักศึกษาว่าถูกตํารวจในพื้นที่เตือนให้หนังสือพิมพ์ลานมะพร้าวจดทะเบียนให้ถูกต้องตามาพระราช บัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 และตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเกิดจากการนําเสนอข่าวตํารวจในท้องที่ตั้งด่านตรวจโดยรอบมหาวิทยาลัยบูรพา


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 15 เป็นเหตุให้ตํารวจไม่พอใจ และการนําเสนอข่าวนิสิตล่ารายชื่อคัดค้านการนํามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ (เว็บไซต์คมชัดลึก, 30 เม.ย. 2550) รวมถึงกรณีหนังสือพิมพ์ “จันทรเกษมโพสต์” หนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติการของนักศึกษาโปรแกรมนิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทร์เกษม ถูกฟ้องหมิ่นประมาทจากผู้บริหาร ไม่ได้จดหัวหนังสือพิมพ์ตามกฎหมายเช่นกัน (เว็บไซต์คมชัดลึก, อ้างแล้ว) ภายหลังการตีความ หนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติจึงระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการเรียนการสอน จึงไม่จําเป็นต้องจดหัวหนังสือพิมพ์ หมวด 1 สิ่งพิมพ์ มาตรา 7 ผู้พิมพ์หรือผู้โฆษณาสิ่งพิมพ์ที่พิมพ์และเผยแพร่ในราชอาณาจักร ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (1) มีอายุไม่ต่ํากว่า 20 ปีบริบูรณ์ (2) มีถิ่นที่อยู่ประจําในราชอาณาจักร (3) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (4) ไม่เคยต้องโทษตามคําพิพากษาถึงที่สดุ ให้จําคุก เว้นแต่พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือเป็นความผิดโดยประมาณหรือความผิดลหุโทษ ในกรณีนิติบุคคลเป็นผู้พิมพ์โฆษณา กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้แทนอื่นของนิติบุคคลสั้น ต้องมีคุณสมบีติ และไม่มีลีกษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่งด้วย มาตรา 7 (1) ระบุอายุชัดเจนของผู้พิมพ์หรือผู้โฆษณา ในขณะที่พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 ระบุว่าบรรลุนิติภาวะ มาตรา 7(4) ให้โอกาสผู้พิมพ์หรือผู้โฆษณา ที่ได้รับโทษและกลับมาทําหน้าที่ เมื่อพ้นโทษแล้วเกิน 3 ปี ในขณะที่พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 ไม่มีระบุ มาตรา 7/1 ในสิ่งพิมพ์ที่เป็นหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือพิมพ์และพิมพ์ขึ้นในราชอาณาจักร ให้แสดงข้อความดังต่อไปนี้ (1) ชื่อของผู้พิมพ์และที่ตั้งโรงพิมพ์ (2) ชื่อและที่ตั้งของผู้โฆษณา (3) เลขมาตรฐานสากลประจําหนังสือ ที่หอสมุดแห่งชาติได้ออกให้เป็นข้อความตามวรรคหนึ่งให้พิมพ์ไว้ในลักษณะที่เห็นได้ชัด และบรรดาชื่อตาม (1) และ (2) มิให้ใช้ชื่อย่อ หรือนามแฝง สิ่งพิมพ์ตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึงสิ่งพิมพ์ที่บันทึกด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขาย หรือให้เปล่าด้วย มาตรา 7/1 (3) ใช้ความทันสมัยของเทคโนโลยีบาร์โค้ด (Barcode) เข้ามาช่วยบันทึกฐานข้อมูลหนังสือใดๆ ที่ตีพิมพ์ต้องขอเลขมาตรฐานสากลประจําหนังสือ ซึ่งในอดีตเพียงแต่ส่งสําเนาหนังสือไปที่หอสมุดแห่งชาติเท่านั้น นอกจากนี้ สิ่งพิมพ์ยังครอบคลุมไปถึงสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต มาตรา 7/2 ให้ผู้พิมพ์ส่งสิ่งพิมพ์ตามมาตรา 7/1 จํานวน 2 ฉบับ ให้หอสมุดแห่งชาติภายในสามสิบวัน มาตรา 7/2 กําหนดระยะเวลาภายใน 30 วัน ที่ต้องส่งสิ่งพิมพ์ที่ตีพิมพ์ 2 ฉบับไปยังหอสมุดแห่งชาติ ขณะที่พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2484 กําหนดภายใน 7 วัน มาตรา 7/3 ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีอํานาจออกคําสั่ง โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ห้ามสั่งเข้าหรือนําเข้าเพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักร ซึ่งสิ่งพิมพ์ใดๆ ที่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ หรือจะกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โดยจะกําหนดเวลาห้ามไว้ในคําสั่งดังกล่าวด้วยก็ได้


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 16 การออกคําสั่งตามวรรคหนึ่ง ห้ามิให้นําข้อความที่มีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ หรือจะกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแสดงไว้ด้วย สิ่งพิมพ์ที่เป็นการฝ่าฝืนวรรคหนึ่ง ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีอํานาจรับและทําลาย มาตรา 7/3 ให้อํานาจหน้าที่แก่ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ในการสั่งห้ามนําเข้าสิ่งพิมพ์ที่ขัดต่อกฎหมายในประเด็นหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กระทบความมั่นคงของชาติ และศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมถึงให้ริบและทําลาย ขณะที่พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 ให้อํานาจแก่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งเจ้าพนักงานการพิมพ์กับเจ้าหน้าที่อื่นมาดูแล ได้แก่ อธิบดีกรมตํารวจหรือผู้รักษาการแทน และไม่ได้ระบุประเด็นสิ่งพิมพ์ที่สั่งห้ามนําเข้าอย่างชัดเจน หมวด 2 หนังสือพิมพ์ มาตรา 2 หนังสือพิมพ์ซึ่งพิมพ์ขึ้นภายในราชอาณาจักร ต้องจดแจ้งการพิมพ์ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ผู้ยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ต้องยื่นแบบการจดแจ้งการพิมพ์และหลักฐานต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อ สัญชาติ ถิ่นที่อยู่ของผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการหรือเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์แล้วแต่กรณี (2) ชื่อของหนังสือพิมพ์ (3) วัตถุประสงค์และระยะเวลาออกหนังสือพิมพ์ (4) ภาษาที่หนังสือพิมพ์จะออกใช้ (5) ชื่อและที่ตั้งโรงพิมพ์หรือสถานที่พิมพ์ (6) ชื่อและที่ตั้งสํานักงานของหนังสือพิมพ์ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแบบการจดแจ้งการพิมพ์และหลักฐานตามวรรคสองแล้ว ให้รับจดแจ้งและออกหนังสือสําคัญแสดงการจดแจ้งให้แก่ผู้ยื่นจดแจ้งโดยไม่ชักช้า เว้นแต่ผู้ยื่นจดแจ้งยังดําเนินการไม่ถูกต้องหรือครบถ้วนตามมาตรา 9/2 มาตรา 9/3 มาตรา 9/4 หรือมาตร 9/5 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แนะนําให้ผู้ยื่นจดแจ้งดําเนินการให้ถูกต้องและครบถ้วนทุกเรื่องในคราวเดียวกันภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแบบการจดแจ้งดําเนินการให้ถูกต้องและครบถ้วนทุกเรื่องในคราวเดียวกันภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแบบการจดแจ้งการพิมพ์และหลักฐานการจดแจ้ง เมื่อได้ดําเนินการถูกต้องและครบถ้วนให้รับจดแจ้งพร้อมออกหนังสือสําคัญแสดงการจดแจ้งให้แก่ผู้แจ้งโดยพลัน

มาตรา 9 ต้องยื่นแบบจดแจ้งการพิมพ์โดยมีหลักฐานตามกฎหมายระบุ พนักงานเจ้าหน้าที่ให้รับจดแจ้งและออกหนังสือแสดงการจดแจ้งภายใน 15 วัน ขณะที่พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 ต้องขออนุญาตในการพิมพ์ต่อเจ้าพนักงานการพิมพ์และไม่ระบุระยะเวลาการอนุญาต และต้องทําทะเบียนสิ่งพิมพ์แสดงเมื่อขอตรวจ ซึ่งเป็นลักษณะการควบคุมมากว่าการส่งเสริม มาตรา 9/1 ในหนังสือพิมพ์ให้แสดงข้อความ ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อของผู้พิมพ์และที่ตั้งโรงพิมพ์ (2) ชื่อและที่ตั้งของผู้โฆษณา


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 17 (3) ชื่อของกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ (4) ชื่อและที่ตั้งของเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ข้อความตามวรรคหนึ่งให้พิมพ์ไว้ในลักษณะที่เห็นได้ชัด และบรรดาชื่อตามวรรคหนึ่ง มิให้ใช้ชื่อย่อหรือนามแฝง มาตรา 9/2 ชื่อของหนังสือพิมพ์ต้องไม่มีลักษณะดังต่อไปนี้ (1) ไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย พระปรมาภิไธย พระนามาภิไธยย่อ หรือ นามพระราชวงศ์ (2) ไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับราชทินนาม เว้นแต่ราชทินนามของตน ของบุพการี หรือของผู้สื่อสันดาน (3) ไม่ซ้ํากับชื่อหนังสือพิมพ์ที่ได้รับการจดแจ้งไว้แล้ว (4) ไม่มีคําหรือความหมายหยาบคาย มาตรา 9/2 ระบุการจดแจ้งการพิมพ์ต้องไม่จดชื่อหนังสือพิมพ์ซ้ําซ้อนกับรายชื่อหนังสือพิมพ์ที่ได้รับจดแจ้งไว้แล้ว ซึ่งในอดีตไม่ได้ระบุ และไม่ติดตามตรวจสอบ จึงมีหนังสือพิมพ์จดชื่อซ้ํากันจํานวนมาก มาตรา 9/3 บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ (1) มีอายุไม่ต่ํากว่า 20 ปีบริบูรณ์ (2) มีสัญชาติไทย หรือสัญชาติแห่งประเทศซึ่งมีสนธิสัญญากับประเทศไทย (3) มีถิ่นที่อยู่ประจําในราชอาณาจักร (4) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนคนไร้ความสามารถ (5) ไม่เคยต้องโทษตามคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือเป็นความผิดโดนประมาท หรือความผิดลหุโทษ ผู้ซึ่งไม่มีสัญชาติไทยผูใ้ ดประสงค์จะเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ต้องได้รัยอนุญาตตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง มาตรา 9/4 เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา ผู้พิมพ์ หรือผู้โฆษณา ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ (1) มีอายุไม่ต่ํากว่า 20 ปีบริบูรณ์ (2) มีสัญชาติไทย (3) มีถิ่นที่อยู่ประจําในราชอาณาจักร (4) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนคนไร้ความสามารถ (5) ไม่เคยต้องโทษตามคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือเป็นความผิดโดนประมาท หรือความผิดลหุโทษ มาตรา 9/3 และมาตรา 9/4 กําหนดอายุของบรรณาธิการ เจ้าของกิจการ ผู้พิมพ์ หรือผู้โฆษณาชัดเจน รวมถึงสัญชาติไทยหรือสัญชาติที่มีความสัมพันธ์กับไทย ทั้งยังให้โอกาสผู้พิมพ์หรือผู้โฆษณาที่ได้รับโทษและกลับมาทําหน้าที่ เมื่อพ้นโทษแล้วเกิน 3 ปี ขณะที่พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 ไม่มีระบุ และต้องขออนุญาตเป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา หรือเจ้าของต่อเจ้าพนักงานการพิมพ์ ซึ่งอาจจะขออนุญาตหรือไม่ก็ได้ มาตรา 9/5 เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ที่เป็นนิติบุคคล ต้อมีบุคคลซึ่งมีสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 70 % ของหุ้นทั้งหมด และต้องมีกรรมการไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของจำนวนกรรมการทั้งหมดเป็นผู้มีสัญชาติไทย ห้ามมิให้บุคคลใดถือหุ้นแทนบุคคลซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยในนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ตามวรรคหนึ่ง


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 18 เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ที่เป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นหรือมีกรรมการเป็นผู้มีสัญชาติไทยน้อยกว่าจํานวนที่กําหนดไว้ในวรร คหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เพิกถอนการจดแจ้ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตร 9/5 เจ้าของต้องมีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้น 70 เปอร์เซ็นต์ และกรรมการคนไทยสามในสี่ส่วน เพื่อสงวนอาชีพสื่อสําหรับคนไทย และไม่ให้บุคคลใดถือหุน้ แทนบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยที่เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามเกณฑ์ พนักงานเจ้าหน้าที่เพิกถอนการจดแจ้ง ประเด็นนี้ไม่ปรากฏในกฎหมายเดิม มาตรา 11 ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการ หรือเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ผู้ใดเลิกเป็นผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บทบรรณาธิการ หรืเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลง ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่เลิก มาตรา 11 ต้องแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการ หรือเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ เพื่อยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงภายใน 30 วัน ขณะที่พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 ระบุภายใน 15 วัน หมวดที่ 3 บทกําหนดโทษ ส่วนที่ 1 โทษทางปกครอง ซึ่งผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1-3 หมื่นบาท และถ้าการกระทําผิดซึ่งมีโทษปรับทางปกครองเป็นความผิดต่อเนื่องและพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งลงโทษปรับ รายวันอีกวันละไม่เกิน 1-3 พันบาท ส่วนที่ 2 โทษอาญา มีความผิดตั้งแต่จําคุกขั้นต่ําคือไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนโทษสูงสุดกําหนดให้จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5 แสนถึง 5 ล้านบาท และให้ศาลสั่งให้เลิกการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือสั่งให้เลิกการร่วมประกอบธุรกิจ หรือสั่งให้เลิกการถือหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนแล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคําสั่งต้องระวางโทษปรับวันละ 5 หมื่นบาท ถึง 2.5 แสนบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ บทเฉพาะกาล หนังสือพิมพ์หรือผู้ใดเป็นผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการ หรือเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ซึ่งได้แจ้งความแก่เจ้าพนักงานการพิมพ์ตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเป็นหนังสือพิมพ์ที่ได้จดแจ้งการพิมพ์ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้แล้ว

____________________________________________________________ บรรณานุกรม • • • • • • • •

Frank P. Hoy. 1986. Photo Journalism: the visual approach. London : Prentice-Hall, Englewood Cliffs, N.J. ชลูด นิ่มเสมอ. 2534. องค์ประกอบของศิลปะ. กรุงเทพมหานคร:สํานักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช. ทองเจือ เขียดทอง. 2548. การออกแบบสัญลักษณ์. กรุงเทพมหานคร:สํานักพิมพ์สิปประภา. ธารทิพย์ เสรินทวัฒน์. 2550. ทัศนศิลป์การออกแบบพาณิชยศิลป์. กรุงเทพฯ : หลักไท่ช่างพิมพ์. ปาพจน์ หนุนภักดี. 2553. หลักการและกระบวนการออกแบบงานกราฟิกดีไซน์. กรุงเทพมหานคร:บริษัท ไอดีซี พรีเมียร์ จํากัด. ปราโมทย์ แสงผลสิทธิ์. 2540. การออกแบบนิเทศศิลป์. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ วี.เจ. พริ้นติ้ง. มัย ตะติยะ. 2547. สุนทรียภาพทางทัศนศิลป์. กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มิตรสัมพันธ์กราฟฟิค จํากัด. มาลี บุญศิริพันธ์. 2550. วารสารศาสตร์เบื้องต้นปรัชญาและแนวคิด. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.


การเตรียมต้นฉบับสิ่งพิมพ์และกฎหมายสำหรับงานวารสารศาสตร์ | 19 • วิรุณ ตั้งเจริญ. 2545. ประวัติศาสตร์ศิลป์และการออกแบบ. กรุงเทพมหานคร:สํานักพิมพ์อีแอนไอคิว. • ศูนย์ศึกษากฎหมายและนโยบายสื่อมวลชน. 2556. คู่มือการสอนวิชากฎหมายสื่อมวลชนและวิชาจริยธรรมสื่อมวลชน. กรุงเทพมหานคร : บริษัท จรัลสนิทวงศ์การพิมพ์ จำกัด. • สนัน่ ปัทมะทิน. 2530. การถ่ายภาพสําหรับหนังสือพิมพ์. กรุงเทพมหานคร : สถาบันพัฒนาการหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย. • สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ. 2555. ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ พ.ศ.2541. (ระบบออนไลน์) แหล่งทีม่ า http://www.presscouncil.or.th/th2/content/view/4/8/. (19 พฤศจิกายน 2555) • สุรสิทธิ์ วิทยารัฐ. 2549. การสื่อข่าว : หลักการและเทคนิค. กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา. • โสรชัย นันทวัชรวิบูลย์. 2545. Be Graphic สู่เส้นทางกราฟิกดีไซเนอร์. กรุงเทพมหานคร:บริษัท เอ.อาร์.อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จํากัด. • อารยะ ศรีกัลยาณบุตร. 2550. การออกแบบสิ่งพิมพ์. กรุงเทพมหานคร : วิสคอมเซ็นเตอร์.

ภาพประกอบบางส่วนจาก • www.asiancorrespondent.com • www.lib.vit.src.ku.ac.th • www.chrisdrogaris.com

• www.derby-web-design-agency.co.uk • www.oliviagreavesdesign.com • www.yanchaow.com


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.