1
แผนการสอนบทที่ 1 ความรูพื้นฐานและพัฒนาการของแผนที่ (เวลาเรียน 4 คาบเรียน)
จุดมุงหมายเฉพาะ เพื่อใหผูเรียน 1. สามารถบอกความหมายและอธิบายถึงพัฒนาการของแผนที่ไดอยางถูกตอง 2. สามารถอธิบายถึงขอบขายของการศึกษาวิชาแผนที่ได 3. สามารถจําแนกประเภทของแผนที่ และลักษณะในการใชประโยชนไดอยางถูกตอง และครบถวน 4. สามารถอธิบายถึงประวัติและพัฒนาการของแผนที่ได 5. สามารถอธิบายประโยชนและความสําคัญของแผนที่ได
หัวขอเนื้อหา 1. 2. 3. 4. 5.
ความหมายของแผนที่ ประวัติและพัฒนาการในการศึกษาแผนที่ จําแนกชนิดของแผนที่ ขอบขายของการศึกษาวิชาแผนที่ ความสําคัญประโยชนและของวิชาแผนที่
กิจกรรมและวิธีสอน 1. นักศึกษา ศึกษาแผนที่ในแตละประเภทและแตละชวงเวลา 2. นักศึกษา นิยามความหมายของแผนที่จากแผนที่แตละประเภท 3. ผูสอนนําเสนอ นิยามของแผนที่จากหนวยงานที่ใชแผนที่ นักศึกษาอภิปราย และสรุป ความหมายของแผนที่ 4. นักศึกษา ศึกษาแผนที่แตละประเภทและอภิปรายการจัดประเภทของแผนที่ 5. ผูสอนบรรยายประเภทของแผนที่ และขอบขายของการศึกษาวิชาแผนที่ 6. นักศึกษา อภิปรายและสรุปถึงประเภทของแผนที่ และขอบขายของแผนที่
2
7. นักศึกษาอภิปรายถึงประโยชน และความสําคัญของแผนที่ 8. นักศึกษาและผูสอนสรุปถึงประโยชน และความสําคัญของแผนที่
สื่อการเรียนการสอน 1. 2. 3. 4. 5.
ลูกโลกจําลอง แผนที่มาตราสวน 1: 50,000 แผนที่มาตราสวน 1: 250,000 แผนที่โบราณของจีน กรีก แผนใสเรื่องความรูพื้นฐานและพัฒนาการของแผนที่จํานวน 13 แผน
การวัดผลและประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมในการรวมกิจกรรมและการอภิปราย 2. คําถามทายบท
3
บทที่ 1 ความรูพื้นฐานและพัฒนาการของแผนที่ แผนที่เปนเครื่องมือของมนุษยที่แสดงถึงความสัมพันธของมนุษยกับลักษณะทางกายภาพ ของพื้นผิวโลก แผนที่ในอดีตมีความงายไมสลับซับซอนและพัฒนามากขึ้นตามความเจริญกาวหนา ของมนุษย แผนที่สามารถทําใหมนุษยเขาใจถึงลักษณะทางกายภาพของพื้นผิวโลกอันนํามา ซึ่งประโยชนตอกิจกรรมของมนุษยไดดีขึ้น
1.1 ความหมายของแผนที่ นับตั้งแตแผนที่ที่งายๆ ในอดีตจนถึงแผนที่ที่ใชเฉพาะดานทันสมัยในปจจุบันจะสามารถ เห็นถึงพัฒนาการของแผนที่มาโดยตลอด แมจะมีแผนที่และพัฒนาการในวิทยาการของการทํา แผนที่ที่แตกตางกันทําใหนิยามของแผนที่กวางขึ้นตามเวลา แตพอจะสามารถนิยามความหมายของ แผนที่ไดดังนี้ หนวยงานดานสนามของกองทัพสหรัฐอเมริกา (Department of Army field Manual, USA) ไดนิยามไววา “แผนที่ คือ การนําเอารูปภาพของสิ่งตางๆ บนพื้นผิวของโลก (earth’s surface) มา ยอสวนใหเล็กลง แลวนํามาเขียนบนกระดาษหรือวัตถุที่แบนราบ สิ่งตางๆ บนพื้นผิวโลกประกอบ ดวยสิ่งที่เกิดเองตามธรรมชาติ (Natural) และสิ่งที่มนุษยทําขึ้น (Manmade) สิ่งเหลานี้แสดงบน แผนที่โดยใชสี เสน หรือรูปตางๆ เปนสัญลักษณแทน” พจนานุกรมภูมิศาสตรของโลธา (R.M. Lodha) ไดนิยามไววา “แผนที่หมายถึง การแสดง สัญลักษณหรือภาพลงบนพื้นผิวที่แสดงเปนพื้นผิวโลก โดยมีการยอสวน ซึ่งทําใหเห็นการกระจาย ทางพื้นที่ (Spatial Distribution)” พจนานุกรมศัพทภูมิศาสตร ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ฉบับ พ.ศ. 2523 ไดใหความหมายไว วา “แผนที่ คือ สิ่งที่แสดงลักษณะของพื้นผิวโลกทั้งที่เปนอยูตามธรรมชาติ และที่ปรุงแตงขึ้น โดย แสดงลงในพื้นแบนราบดวยการยอสวนใหเล็กลงตามขนาดที่ตองการและอาศัยเครื่องหมายกับ สัญลักษณที่กําหนดขึ้น” ธวัช บุรีรักษและบัญชา คูเจริญไพบูลย (2530) ไดใหความหมายไววา “แผนที่ คือ สิ่งที่ แสดงลักษณะของผิวโลก ทั้งที่เปนอยูตามธรรมชาติและมนุษยสรางขึ้น โดยแสดงบนพื้นราบ อาศัยการยอสวนใหเล็กลงตามขนาดที่ตองการและใชเครื่องหมายหรือสัญลักษณแทนสิ่งที่ปรากฎ อยูบนผิวโลก หรืออาจกลาวไดวา แผนที่ คือ สิ่งที่บันทึกเรื่องราวและความรูทางภูมิศาสตร”
4
ทวี ทองสวาง และคณะ (2533) ไดใหความหมายไววา “แผนที่ คือ สิ่งที่แสดงลักษณะ ภูมิประเทศของผิวโลกทั้งที่เปนอยูตามธรรมชาติและสวนที่มนุษยปรุงแตงขึ้น โดยนํามาแสดงลง ในพื้นราบจะเปนกระดาษหรือวัตถุอยางใดอยางหนึ่งที่แบนดวยการยอสวนใหเล็กลงตามขนาดที่ ตองการ ซึ่งตองอาศัยเครื่องหมาย สัญลักษณ ทิศทาง มาตราสวนและสิ่งอื่นๆ ที่ทําใหการอาน ลักษณะภูมิประเทศไทยถูกตองและแมนยํายิ่งขึ้น” โดยสรุปจะเห็นไดวา แผนที่ คือ สิ่งที่แสดงลักษณะของพื้นผิวโลก ทั้งสิ่งที่มนุษยสรางขึ้น และตามธรรมชาติลงบนพื้นราบ โดยมีการยอสวนและใชสัญลักษณ เพื่อนํามาเปนเครื่องมือ ในการศึกษาดําเนินการเกี่ยวกับโลก
1.2 ประวัติและพัฒนาการในการศึกษาแผนที่ การบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับโลกออกมาเปนแผนภาพมีมานานจากหลักฐานพบการทําแผนที่ ของมนุษยลงในแผนดินเหนียว กระดาษปาปรุส ฯลฯ ทําใหสามารถแบงแผนที่ออกตามยุคได คือ แผนที่โบราณ (Primative Maps) แผนที่สมัยกลาง (The Middle Ages) โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.2.1 แผนที่โบราณ (Primative Maps) เปนแผนที่ในยุคเริ่มตนของมนุษยชาติที่สรางขึ้นเพื่อหาตําแหนงของพื้นผิวโลก โดย ใชวัสดุงายๆ เปนสําคัญโดยพบแผนที่โบราณดังนี้ 1.2.1.1 แผนภูมิเดิมเรือของชาวหมูเกาะ (Islanders’ Sea Charts) ลักษณะแผนที่โบราณที่พอจะนํามาเปนตัวอยางไดคือ แผนภูมิเดินเรือ ของชาวเกาะมารแชลล (Marshall Is.) แผนภูมินี้ทําดวยเปลือกหอย ซึ่งผูกติดกับโครงที่ทําดวย กานมะพราว แผนภูมินี้ชาวเกาะใชสําหรับเดินเรือระหวางเกาะ กานมะพราวซึ่งผูกเปนเสนตรงใช แทนบริเวณพื้นทะเลสวนที่ทําลักษณะโคงใชแทนคลื่น สวนตัวเกาะใชเปลือกหอยแทน 1.2.1.2 แผนที่ของชาวเอสกิโม (Eskimo Maps) มีการเขียนเรื่องราวความสามารถในการทําแผนที่ของชาว Eskimo อยู หลายแหง ในภาพที่แสดงหมูเกาะเบลเคอร (Belcher) ซึ่งเขียนดวยดินสอของชาวเอสกิโมในอาว ฮัดสัน Wetaltok ชาวเอสกิโมผูนี้มิเคยเขาศึกษาในโรงเรียน ไมมีเครื่องมือสํารวจ แตเมื่อนํามา เปรียบเทียบกับแผนที่ซึ่งไดมีการสํารวจแลว จะเห็นวามีสวนใกลเคียงและถูกตอง บริเวณที่เปน แผนที่นั้นมีเนื้อที่หลายพันตารางไมล (ดังภาพที่ 1.1)
5
ภาพที่ 1.1 แผนที่เอสกิโมแสดงหมูเกาะ Belcher ในอาวฮัดสัน มีลักษณะเหมือนกับแผนที่ที่ทํา การสํารวจ ที่มา (พรทิพย กาญจนสุนทร, 2541, หนา 3) 1.2.1.3 แผนที่ของชาวอินเดียนเผาแอสเตค (Indian and Aztec Maps) ความสามารถในการทําแผนที่ของพวกอินเดียนแดงที่ยกยองกันทั่วไป แต การทําแผนที่ไมละเอียดเทากับของชาวเอสกิโมเมื่อนํามาเทียบกัน แผนที่อันเปนสิ่งที่นาสนใจและ ทําขึ้นโดยมากอินเดียนเผาแอสเตค (Aztec) นั้นยังมีเหลืออยูเปนจํานวนมาก พวกอินเดียนแดงนี้ ชอบบันทึกประวัติ เชน การรบ การกอสรางเขียนลงในแผนที่และเขียนรูปภาพใสลงไป บันทึก เกี่ยวกับประวัติสิ่งตางๆ มากกวาลักษณะของภูมิประเทศ ลักษณะแมน้ํา ปาไม และโบสถ จะ พยายามทําใหเหมือนจริง มีรูปภาพเด็กในบริเวณหมูบานนั้นๆ ตามปกติจะมีรูปภาพประดับประดา เต็มไปหมด (ดังภาพที่ 1.2)
ภาพที่ 1.2 แผนที่ของอินเดียนเผาแอสเตค ที่มา (พรทิพย กาญจนสุนทร, 2541, หนา 3)
6
1.2.1.4 แผนที่ของชาวบาบิโลน (Babylonian Maps) นับวาเปนแผนที่ที่เกาแกที่สุดที่คนพบ และจัดตั้งอยูที่พิพิธภัณฑ มหาวิทยาลัยฮารวารด (Harvard University) คนพบโดยคณะโบราณคดีของมหาวิทยาลัยนี้ ขณะที่ ไปสํารวจชุดคนโบราณวัตถุที่เมืองกะซูร (Ga Sur) ซึ่งหางจากรุงบาบิโลนไปทางเหนือประมาณ 200 ไมล ที่นี้ไดขุดพบแผนอิฐจํานวนหลายรอยแผน แตละแผนมีอักษรสุเมเรียน (Sumerian) และ แอกกาเดียน (Akkadian) เขียนอยูในจํานวนนั้น มีแผนหนึ่งที่แสดงทรัพยสินของผูรํา่ รวยสมัยนั้นๆ ซึ่งเชื่อกันวาบริเวณที่เขียนไวในแผนอิฐนั้นอยูตอนเหนือของอิรัก แผนที่นี้แสดงบริเวณกลุมแมน้ํา Euphrates และมีภูเขาซึ่งแสดงไวในรูปของเกล็ดปลา อยูขนาบแมน้ําไหลออกทะเลมีดินดอน สามเหลี่ยม 3 ตอน ทิศ เหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ไดแสดงไวดวยวงกลม แผนอิฐดัง กลาวมีขนาดเล็กมากจนสามารถเก็บซอนไวในฝามือได มีบางสวนไดแตกหักไปแตยังชัดเจน สันนิษฐานวามีอายุมาไดไมนอยกวา 4,500 ป บางตําราวามีอายุ 5,775 ป กอนคริสตศักราชา 2,500 ป หรือกอนพุทธศักราช 3,043 ป (ดังภาพที่ 1.3)
ภาพที่ 1.3 แผนที่บาบิโลนเปนแผนที่ที่เกาแกที่สุด เมื่อ 2,500 ป กอนคริสตศักราช ที่มา (พรทิพย กาญจนสุนทร, 2541, หนา 3) 1.2.1.5 แผนที่ของจีนโบราณ (Early Chinese Maps) จีนไดพัฒนาปรับปรุงการทําแผนที่ขึ้นเอง เชนเดียวกับชนชาติอื่นๆ จนมี ลักษณะแตกตางจากทางดานยุโรป ราวกับคนทั้งสองพวกอยูกันคนละโลก การทําแผนที่ในจีนเจริญ ขึ้นขณะที่ยุโรปกําลังเสื่อมในสมัยกลาง จีนไดสรางแผนที่อยางละเอียดกอนที่ชาวยุโรปไดไปถึง ประเทศนั้นเสียอีก มีแผนที่เกาๆ หลายแผน ซึ่งปรากฏอยูตามสิ่งกอสรางสาธารณะตามเมืองใหญๆ
7
แตอยางไรก็ตามการศึกษาคนควาจริงๆ ยังไมไดทํากันเต็มที่ แผนที่ของจีนซึ่งมีการกลาวอางถึงนั้น เขาใจวาไดทําขึ้นภายหลักจากการคนพบกระดาษราวๆ 227 ปกอนคริสตศตวรรษ ค.ศ. 100 แผนที่ ของจีนไดมีทั่วๆ ไปนอกนั้นนําไปใชเปนประโยชนในการปกครองดวย นักแผนที่สําคัญ คือ เจี๊ยตาน (Chia Tan) ค.ศ. 730-805 ไดสรางแผนที่ขนาด 30 ตารางฟุต ครอบคลุมภาคพื้นทวีปเอเชียทั้งหมด มาตราสวน 1 : 1,000,000 ใชเวลาทํา 16 ป (ค.ศ. 775-791) ความคิดเห็นของคนจีนเกี่ยวกับเรื่องโลกตอนนี้ คอนขางกลมแตแผนที่ดังกลาวไมมีเหลือ ไวใหศึกษาเชนกัน แตมีหินสลักซึ่งสรางในศตวรรษที่ 12 โดยลอกบางสวนของแผนที่เจี๊ยตาน รอยสลักนี้แสดงสวนโคงทางตะวันออกเฉียงเหนือของแมน้ําฮวงโห (Hwang Ho) อยางถูกตอง และ ยังแสดงกําแพงใหญของจีนไวอีกดวย (ดังภาพที่ 1.4)
ภาพที่ 1.4 แผนที่ที่เกาแกที่สุดของจีนที่สลับบนกอนหิน ป ค.ศ. 1137 (พ.ศ. 1680) แสดงกําแพง เมืองจีนที่ตัดขามแมน้ําเหลือง ที่มา (พรทิพย กาญจนสุนทร, 2541, หนา 3) แผนที่ที่ถูกตองตามหลักวิทยาศาสตรมากที่สุดในโลกสมัยนั้น ไดแกแผนที่เมืองจีนซึ่ง ทําขึ้นในสมัยราชวงศซอน และจีนเปนประเทศแรกที่ไดเผยแพรแผนที่ดวยการพิมพ โดยยางเจีย เปนชาวจีนคนแรกที่ใชวิธีพิมพแผนที่ ราว ค.ศ. 1155 ภายหลังเมื่อมีการติดตอกับโลกตะวันตกมากขึ้น ในคริสตศตวรรษที่ 16 การทําแผนที่ ของจีนจึงไดรับอิทธิพลของนักทําแผนที่ชาวตะวันตก แมกระนั้นก็ตามแผนที่จีนปจจุบันก็ยังนําบาง สวนของแผนที่จีนโบราณมาเปนพื้นฐานมากกวาที่จะสํารวจดวยเครื่องมือ
8
1.2.1.6 แผนที่สมัยกรีก (Greeks Maps) นับวารากฐานของการทําแผนที่ในปจจุบัน เปนผลสืบเนื่องมาจากนัก ทําแผนที่ชาวกรีกในสมัยโบราณซึ่งไดพัฒนากิจการทําแผนที่ไปเปนอันมาก เมื่อสิ้นสมัยกรีกแลว คนสมัยหลังตามไมทัน จวบจนกระทั่งศตวรรษที่ 16 จึงไดรื้อฟนมาศึกษากันใหม กรีกเชื่อวาโลก มีสัณฐานตันทึบและประกอบดวยขั้วศูนยสูตร และทรอปก (Tropic) และคิดไดเกี่ยวกับระยะละติจูด และลองจิจูด จึงไดคิดสรางเสนโครงแผนที่ (Projection) ขึ้น และไดคํานวณขนาดของโลก 1.2.2 แผนที่สมัยกลาง (The Middle Ages Maps) ในสมัยกลางการทําแผนที่มีลักษณะผิดธรรมชาติ เพราะเนื่องจากตกไปอยูในอิทธิพล ของคริสตศาสนา นักทําแผนที่ไมพยายามที่จะแสดงลักษณะของโลกตามที่เปนจริง ตรงกันขาม ได พยายามแสดงลักษณะของโลกตามความนึกคิดของตนเองและมุงไปทางดานศิลปะ รูปเครื่องหมาย ตางๆ ลักษณะโดยทั่วๆ ไปของแผนที่เปนรูปกลมแบบตามแบบโรมัน แตขยายใหมีขอผิดพลาด จากหลักภูมิศาสตรมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแตศตวรรษที่ 4 นักบวชชื่อ St.Jerome ไดสรางแผนที่แสดง บริเวณ Holy Land ใหมีขนาดผิดไปจากที่เปนจริง ในศตวรรษที่ 8 นักบวชชาวสเปนชื่อ Beatus ไดพยายามสรางแผนที่ตามแนวหรือ หลักของโรมัน (ดังภาพที่ 1.6) ซึ่งยึดถือความจริงทางภูมิศาสตรเล็กนอย ภายหลังมีผูออกแบบสราง แผนที่ทําใหรูปรางของแผนที่โลกเปนเหลี่ยมบางบางครั้งก็กลม
ภาพที่ 1.5 แผนที่ของ St.Beatus ป ค.ศ. 776 ยึดแนวของโรมัน ที่มา (พรทิพย กาญจนสุนทร, 2541, หนา 3)
9
1.2.2.1 แผนที่ TO (TO Maps) โดยทั่วไปมีลักษณะที่เรียกวา “T-in-O” ซึ่งมี Asia อยูตอนบนของวงกลม สวนยุโรปและแอฟริกาอยูครึ่งลาง (ยุโรปซายแอฟริกาขวา) ตรงกลางเปนเยรูซาเล็ม (Jerusalem) สวนบนเปนเอเชีย เยรูซาเล็มอยูตรงกลาง ทางลางซายเปนยุโรป สวน ลางขวาเปนแอฟริกา (ดังภาพที่ 1.6)
ภาพที่ 1.6 แผนที่สมัยกลาง “T-in-O” คือรูปตัว “ที” อยูตรงกลางของรูปตัวโอ ที่มา (พรทิพย กาญจนสุนทร, 2541, หนา 3) นับวายังมีแผนที่โลกอีกลักษณะหนึ่งในสมัยกลาง ซึ่งใชแนวความคิดที่วาโลกมี รูปทรงทึบกลมแผนที่แบที่วานี้ มีเหลืออยูเปน Cartograms อยางงายๆ แผนที่มีชื่อเสียงชื่อ “Macrobius” แผนที่เหลานี้มีความสําคัญที่ชวยรักษาความคิดที่วาโลกมีทรงกลม ตัน ทึบ ใหคง เหลืออยู และไดมีการแบงเขตตามแนวของกรีก มีแผนที่เปนจํานวนมากไดสรางขึ้นระหวางศตวรรษที่ 8 ถึงตอนกลางศตวรรษที่ 15 ปจจุบัน รวบรวมไดมากกวา 600 แผน แตสวนใหญเปนแบบงายๆ ซึ่งแสดงเปนลักษณะ T-in-O นอยแผนที่มีรายละเอียดใหทราบ ที่สําคัญมี 2 แผน คือ ของ Hereford และ Ebstorf สรางขึ้นใน ราวปลายศตวรรษที่ 13 อันเปนสมัยที่สถาปตยกรรมแบบโกธิค (Gothic) เจริญสุดยอด 1.2.2.2 แผนที่อาหรับ (Arabic Cartography) ขณะนั้นนักทําแผนที่ทางตะวันตกไดพยายามทําแผนที่เพื่อเปนเครื่อง ประดับความเชื่อทางศาสนา ทางฝายมุสลิม (Moslem) ไดนําวิธีการของกรีกมาใช โดยแกไขให ถูกตอง (ดังภาพที่ 1.7) ประกอบกับพวกอาหรับนี้มีความรูทางคณิตศาสตร ดาราศาสตร และ
10
เรขาคณิตศาสตร เปนอยางดี จึงเปนนักภูมิศาสตรและนักทําแผนที่ที่เชี่ยวชาญ ในทางศาสนานั้น มี หลักวาทุก ๆ สุเหราตองหันหนาไปสู Mecca ซึ่งเปนผลที่ใหเกิดความรูทางดานที่ตั้ง นอกจากนี้ พวกอาหรับไดรับเอาตํารา Geographic ของกรีดไปใช ซึ่งพวกตะวันตกไดละทิ้งตํารา นี้เสีย
ภาพที่ 1.7 แผนที่อาหรับมีลักษณะเปน Cartograms ทวีปแอฟริกาตอเนื่องกับทวีปเอเซีย โดยมี มหาสมุทรอินเดียยื่นล้ําเขาไป ที่มา (พรทิพย กาญจนสุนทร, 2541, หนา 3)
1.3 การจําแนกชนิดของแผนที่ เนื่องจากแผนที่ที่ใชกันอยูในปจจุบันมีอยูหลายชนิดดวยกัน ดังนั้นจึงตองจําแนกแผนที่ ออกเปนชนิดตางๆ กัน ในการจําแนกชนิดของแผนที่อาจแบงได 3 วิธี คือ 1.3.1 การจําแนกชนิดของแผนที่แบบทั่วไป แบบนี้จําแนกแผนที่ออกเปน 3 ชนิด คือ 1.3.1.1 แผนที่แบบเบนราบ (Planimetric Map) คือแผนที่แสดงพื้นผิวโลกใน ทางราบเทานั้นไมสามารถบอกความสูงต่ําได ใชแสดงตําแหนงของสิ่งตางๆ ตลอดจนทางน้ํา ถนน ฯลฯ 1.3.1.2 แผนที่ภูมิประเทศ (Topographic Map) เปนแผนที่แสดงใหเปนความสูงต่ํา ของภูมิประเทศสวนรายละเอียดตางๆ ก็มีแบบเดียวกับแผนที่แบบเบนราบ มักเปนแผนที่มาตรา สวนใหญ 1.3.1.3 แผนที่ภายถาย (Pictorial map) เปนแผนที่ที่ทําขึ้นจากภาพถายทางอากาศ โดยการโมเซคใชสีสัญลักษณ ประกอบเพิ่มเติม สามารถทําไดรวดเร็วแตอานยาก ไมสามารถ สังเกตความสูงต่ําของภูมิประเทศไดชัดเจนดวยตาเปลา
11
1.3.2 การจําแนกชนิดของแผนที่ตามขนาดของมาตราสวน 1.3.2.1 แบงในทางภูมิศาสตร มี 3 ชนิด คือ - แผนที่มาตราสวนใหญ ไดแกแผนที่มาตราสวนใหญกวา 1 : 250,000 - แผนที่มาตราสวนปานกลาง ไดแกแผนที่มาตราสวนตั้งแต 1 : 250,000 ถึง 1 : 1,000,000 - แผนที่มาตราสวนเล็ก ไดแกแผนที่มาตราสวนเล็กกวา 1 : 1,000,000 1.3.2.2 แบงในกิจการทหารมี 3 ชนิด คือ - แผนที่มาตราสวนใหญ ไดแกแผนที่มาตราสวนตั้งแต 1 : 75,000 และใหญกวานั้น - แผนที่มาตราสวนปานกลาง ไดแกแผนที่มาตราสวนใหญกวา 1 : 600,000 แตเล็กกวา 1 : 75,000 - แผนที่มาตราสวนเล็ก ไดแกแผนที่มาตราสวนตั้งแต 1 : 600,000 และเล็กกวานั้น 1.3.1 การจําแนกชนิดของแผนที่ตามชนิดของการใชและชนิดของรายละเอียด การจําแนก แผนที่ตามชนิดการใชและชนิดของรายละเอียด แบงออกไดดังนี้ 1.3.3.1 แผนที่ทั่วไป (General Maps) เปนแผนที่ที่ใชมาตราสวนเล็กกวา 1 : 1,000,000 แสดงเขตการปกครอง เชน เขตประเทศ เขตจังหวัด ตลอดจนแสดงความสูงต่ําของ ภูมิประเทศโดยใชแถบสีตางๆ 1.3.3.2 แผนที่ยุทธศาสตร (Stratigic Maps) เปนแผนที่มาตราสวน 1 : 1,000,000 เพื่อใหคลุมพื้นที่ไดกวางขวาง ใชสําหรับการวางแผนทางทหาร 1.3.3.3 แผนที่ยุทธศาสตร – ยุทธวิธี (Stratigic Maps) เปนแผนที่ที่มีมาตราสวน ใหญขึ้น เพื่อใหมีมาตราสวนมากกวาแผนที่ยุทธศาสตร ใชมาตราสวน 1 : 250,000 1.3.3.4 แผนที่ยุทธวิธี (Tactical Maps) เปนแผนที่ภูมิประเทศ มาตราสวนใหญ มีรายละเอียดมากเพื่อใชปฏิบัติงานทางยุทธวิธีของกองทหาร ใชมาตราสวน 1 : 50,000 1.3.3.5 แผนที่ที่ใชในกิจการทหารปนใหญ (Artillery Maps) เปนแผนที่มาตราสวน ใหญมีรายละเอียดมากกวาแผนที่ยุทธวิธี มีเสนโครงกริดประกอบไวเพื่อใหมีความสะดวกใน การใชประกอบการยิงปนใหญใชมาตราสวน 1 : 25,000 1.3.3.6 แผนที่เดินเรือ (Nautical Charts) เปนแผนที่ที่ใชในการเดินเรือ ในทะเล ในมหาสมุทร แสดงความลึกของทองน้ํา สันดอน แนวปะการัง ฯลฯ
12
1.3.37 ผนที่การบนิ (Aeronautical Charts) เปนแผนที่ที่ทําขึ้นเพื่อใชในการ เดินทางในอากาศ เพื่อใหทราบถึงตําแหนงและทิศทางของเครื่องบิน 1.3.3.8 แผนที่ถนน (Road, Highway Maps) เปนแผนที่ที่ทําขึ้นเพื่อใชในการ เดินทางในอากาศ เพื่อใหทราบถึงตําแหนงและทิศทางของเครื่องบิน 1.3.3.9 แผนที่ตัวเมือง (City Maps) เปนแผนที่มาตราสวนใหญเพื่อแสดง รายละเอียดตางๆ ไดมากและชัดเจน เชน ถนน อาคาร สถานที่สําคัญ เปนตน ใชมาตราสวน 1 : 20,000 1.3.3.10 แผนที่ทรวดทรง (Relief Maps) เปนแผนที่แสดงความสูงต่ําของ ภูมิประเทศแบบหุนจําลอง ทําดวยปลาสติคหรือดระดาษแข็ง 1.3.3.11 แผนที่เฉพาะวิชา (Topical Maps) หรือ (Themetic Maps) แบงออกเปน (1) ประเภทแสดงคุณลักษณะ (Quanlitative Maps) เชน แผนที่แสดง ชนิดของปาไม ชนิดของดิน ฯลฯ เปนตน (2) ประเภทแสดงปริมาณ (Quatitative Maps) เปนแผนที่แสดงสถิติ ตางๆ เชน แผนที่แสดงปริมาณน้ําฝน อุณหภูมิ ความหนาแนนของประชากร เปนตน 1.3.3.12 แผนที่เศรษฐกิจ (Economic Maps) เปนแผนที่ใชแสดงปจจัยที่มี ความสําคัญทางเศรษฐกิจ เชน แหลงทรัพยากร เขตเกษตรกร เปนตน 1.3.3.13 แผนที่โฉนด (Cadastral Maps) เปนแผนที่แสดงการถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน ของเจาของที่ดิน 1.3.3.14 แผนที่การใชที่ดิน (Landuse Maps) เปนแผนที่แสดงลักษณะการใชที่ดิน ในบริเวณนั้น เชน ใชทํานา ทําไร ทําสวน ฯลฯ มักใชสีแสดงลักษณะการใชที่ดินแบบตางๆ 1.3.3.15 แผนที่รัฐกิจ (Political Maps) เปนแผนที่แสดงเขตการปกครอง เชน แสดงเขตประเทศตางๆ หรือแบงเขตจังหวัดเปนตน 1.3.3.16 แผนที่ประวัติศาสตร (Historical Maps) เปนแผนที่แสดงอาณาเขตสมัย ตางๆ 1.3.3.17 แผนที่เพื่อการนิทัศน (lllustrations Maps) เปนแผนที่แสดงแหลง ทองเที่ยวอาจมีสภาพสถานที่สําคัญหรือสวยงาม เหมาะแกการทองเที่ยวประกอบไวดวย 1.3.3.18 แผนที่เคาโครง (Outline Maps) เปนแผนที่แสดงเคาโครง เชน เขตทวีป หรือเขตประเทศ แตไมมีรายละเอียดอื่นๆ ใชประกอบการสอนหรือทําแบบฝกหัด (ธวัช บุรีรักษ และ บัญชา คูเจริญไพบูลย, 2529)
13
1.4 ขอบขายของการศึกษาวิชาแผนที่ วิชาแผนที่เปนวิทยาศาสตรแขนงหนึ่ง ดังนั้นในการศึกษาวิชานี้ จึงตองมีความรูความเขา ใจวิชาอื่นๆ ประกอบดวย แผนที่เปนวิชาที่สอนใหรูจักขนาดและรูปรางสัณฐานของโลก กับสอน ใหรูจักแสดงลักษณะตางๆ บนพื้นผิวโลก นํามาเขียนในแผนราบ การศึกษาวิชาแผนที่จึงตองนําวิชา อื่นๆ เหลานี้มาเกี่ยวของดวย เชน วิชาดาราศาสตร (Astronomy) ฟสิกส (Physics) วิชาทฤษฎี คาดคะเน (Probability) วิชาสถิติ (Statistics) เปนตน การศึกษาวิชาแผนที่แบงออกเปน 3 ระดับ คือ 1.4.1 ศึกษาใหรูจักรูปพรรณสัณฐานของรูปหนึ่งซึ่งมีลักษณะคลายโลกมากที่สุด ศึกษา รูปทรงสเปยรอยด (spheroid) และขนาดของโลกโดยละเอียดถี่ถวน มีวิชาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดย เฉพาะ คือ วิชายีออเดซี (Geodesy) จากวิชายีออเดซี ทําใหเราทราบวาโลกวาโลกไมไดกลมที่ เดียว แตเปนรูปทรงรี มีแกนยาวทั้งสองไมเทากัน การศึกษารูปพรรณสัณฐานของโลก อยางละเอียด เปนแนวทางสําคัญและเปนความรูพื้นฐานเบื้องตนในการศึกษาวิชาแผนที่ ถาไม มีความรูความเขาใจเกี่ยวกับโลกแลว ก็เปนการยากในการศึกษาวิชาแผนที่ตอไป 1.4.2 ศึกษาใหรูจักกําหนดจุดตางๆ ลงบนพื้นพิภพ หรือใหรูจักสิ่งตางๆ ที่อยูในโลก จากผิวโคงถายทอดไปยังผิวราบวิชาที่วาดวยการศึกษาเรื่องนี้ คือ วิชาภูมิมาปนะวิทยา (Topography) 1.4.3 ศึกษาใหรูจักการแสดงพื้นที่ของผิวพิภพ ตลอดจนรายละเอียดทั้งมวล เปนการ แสดงสิ่งตางๆ ที่ไดกําหนดตําแหนงรายละเอียดไวบนพื้นที่ของรูปวงรีตามวิชาภูมิมาปนะวิทยา แลวถายทอดลงบนแผนราบ ซึ่งเปนการถายทอดลักษณะผิวโคงลงบนพื้นราบ วิชาที่วาดวยเรื่องนี้ คือ Cartography วิชา Cartography นอกจากจะวาดวยการจําลองแผนที่แลว ยังคลุมไปถึงการถายรูป การพิมพ การยอ การขยายแผนที่ดวย วิชาแผนที่ (Mapping) ยีออเดซี (Geodesy) การหาเวลา อะซิมุท ละติจูด, ลองจิจูด งานสามเหลี่ยม ฯลฯ
ภูมิมาปนะวิทยา (Topography) งานวงรอบ detail
ภาพที่ 18 แผนผังการศึกษาวิชาแผนที่ ที่มา (บัญชา คูเจริญไพบูลย, 2529, หนา 28)
การทําแผนที่ (Cartography) เขียน จําลอง ยอ ขยาย ถายรูป พิมพ
14
1.5 ความสําคัญและประโยชนของแผนที่ แผนที่มีประโยชนตอการศึกษาของมนุษยในหลายดาน เนื่องจากเปนเครื่องมือในการศึกษา ความสัมพันธของมนุษยในพื้นที่ ประโยชนที่สําคัญไดแกประโยชนทางดานการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจ 1.5.1 ประโยชนทางดานการเมือง แผนที่มีสวนเขาไปเกี่ยวของกับกิจของรัฐมากมายหลายสาขา ที่เกี่ยวของสวนใหญ และเห็นไดชัด คือ งานดานภูมิศาสตรการเมือง งานดานภูมิรัฐศาสตร ไมวาจะพิจารณาในดานสวน ประกอบคงที่ (Static Elements) หรือสวนประกอบไมคงที่ (Dynamic Elements) ที่เกี่ยวของกับภูมิ รัฐศาสตรอันเกี่ยวกับการปฏิบัติการของรัฐในทางการเมือง เพื่อใหบรรลุเปาหมาย คือ ความมั่นคง และความเจริญกาวหนาของประเทศชาติ นักภูมิรัฐศาสตรจําเปนตองมีเครื่องมือ หรืออุปกรณชนิดหนึ่งซึ่งจะขาดเสียมิได คือ “แผนที่” นักภูมิรัฐศาสตรชั้นสูง จะตองมีความรูใน กิจการแผนที่เปนอยางดี มีความสามารถในการอานแผนที่ จึงจะสามารถรอบรูสภาพการณทาง ภูมิรัฐศาสตรไดอยางกวางขวาง สามารถวางแผนดําเนินการเตรียมรับ หรือแกไขสถานการณที่ อาจเกิดขึ้นไดอยางถูกตองสภาพในทางภูมิรัฐศาสตรที่เกี่ยวของกับแผนที่มากที่สุด เชน แนว พรมแดนระหวางประเทศ (International Boundary) ถานักภูมิรัฐศาสตรไมเขาใจในเรื่องแผนที่ เสียแลว ก็จะตกอยูในฐานะเปนผูเสียเปรียบ ตัวอยางเชน กรณีเขาพระวิหาร ประเทศไทยจําตอง เสียดินแดน และโบราณสถานสวนหนึ่งไปตามคําพิพากษาของศาลยุติธรรมระหวางประเทศ (15 มิถุนายน ค.ศ. 1962) ก็เพราะเหตุมาจาก ในแผนที่ของคณะกรรมการปกปนเขตแดน ค.ศ. 1904 ซึ่งฝรั่งเศสเปนผูทําขึ้นแตเพียงฝายเดียวนั้น ไดเขียนเอาปราสาทเขาพระวิหารไวในเขตของฝรั่งเศส หรือของเขมรในปจจุบัน โดยตกแตงแผนที่ใหผิดไปจากความเปนจริง เมื่อศาลยุติธรรมระหวาง ประเทศจะตัดสินขั้นเด็ดขาด เขมร (โดยความชวยเหลือของฝรั่งเศส) ก็นําแผนที่การปกปนเขต แดนชิ้นนี้ขึ้นอางเปนหลักฐานสําคัญ จึงทําใหไทยแพคดีในที่สุด อาจจะเปนเพราะวาคนไทยสมัย นั้นยังไมมีความรูความจัดเจนในเรื่องแผนที่นั่นเอง นี่เปนตัวอยางที่เห็นไดชัด อีกตัวอยางหนึ่งก็คือ การปกปนเขตแดนระหวางไทยกับลาวตามลําน้ําโขง ไทยเสียเปรียบฝรั่งเศสอีก เพราะฝรั่งเศส เปนผูทําไวสมัยปกครองลาว ก็หนีไมพนเรื่องแผนที่ เพราะเราไมชํานาญและเราไมเขาใจในการทํา แผนที่ จึงทําใหเกิดเหตุการณกระทบกระทั่งกับลาวอยูบอยๆ ตามแนวพรมแดนทางแมน้ําโขง นอกจากนั้น แผนที่ยังเกี่ยวของกับทางการเมืองในดานอื่นๆ อีก เชน การปราบปรามและปองกันผู กอการราย เปนตน
15
1.5.2 ประโยชนทางดานการทหาร มีคํากลาวในวงการทหารวา “แผนที่เปนเครื่องมือรบชั้นแรกของทหาร” ในการ พิจารณาวางแผนยุทธศาสตรทางการทหารของชาตินั้น จําเปนตองแสวงหาขอมูล พื่อใชประกอบ การพิจารณากอนการวางแผน ขอมูลหรือขาวสารที่เกี่ยวกับสภาพทางภูมิศาสตรและตําแหนงของ สิ่งแวดลอมทางยุทธศาสตรตางๆ ยอมมีความสําคัญและจําเปนแผนที่จึงเปนเอกสารชิ้นแรกที่จะ ตองจัดทําหรือจัดหาใหไดมา เพราะแผนที่สามารถที่จะใหขาวสารโดยละเอียดถูกตองแนนอน เกี่ยวกับระยะทางตําแหนงความสูง เสนทาง ลักษณะภูมิประเทศที่สําคัญ และขอมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ ภูมิประเทศ ทั้งที่เกื้อกูลและขัดขวางการปฏิบัติการ สงครามในปจจุบันยอมไมจํากัดอยูเฉพาะในพื้น ที่ที่เรารูจักคุนเคยเทานั้น แตอาจจะเปนยุทธบริเวณที่แผไพศาลอยูตามสวนตางๆ ของโลกที่ผู บังคับบัญชาไมเคยมีประสบการณมากอน ผูบังคับบัญชาหนวยทหารจําเปนตองพิจารณา ภูมิประเทศ ศึกษาลักษณะภูมิประเทศที่หนวยทหารของตนจะเขาปฏิบัติการ สิ่งซึ่งเกิดขึ้นเอกงตาม ธรรมชาติและสิ่งที่มนุษยสรางขึ้นซึ่งมี่อยูในภูมิประเทศบริเวณที่จะปฏิบัติการ อาจเปนไปไดทั้ง เรื่องเกื้อหนุนและอุปสรรคในการปฏิบัติการ การวางแผนการรบก็ดี การปฏิบัติการรบก็ดี จําเปน ตองใชแผนที่เปนเครื่องประกอบการพิจารณาแผนที่จึงนับวาเปนเครื่องมือรบขั้นแรกของผูบังคับ หนวยทหารทุกระดับหนวย นักการทหารบางทานกลาวไววา “ทหารที่ทําการรบโดยปราศจากแผน ที่จะมีสภาพ เชนเดียวกับทหารตาบอดทําการรบ” ดังนั้นการดําเนินกิจการทางทหารจะขาดแผนที่มิ ไดเปนอันขาด จากประวัติศาสตรของการพัฒนากิจการแผนที่ปรากฏใหเห็นเดนชัดวา พัฒนาการ ทางวิชาการดานแผนที่สวนใหญ เกิดจากความตองการทางทหารเปนแรงผลักดัน กิจการแผนที่ทาง ทหารตองสามารถผลิตขึ้นไดรวดเร็วทันตอสถานการณ ขาวสารที่แสดงไวในแผนที่ตองใหม และ ทันสมัยอยูเสมอ มีความละเอียดถูกตอง เหมาะสม เชื่อถือได และมีปริมาณเพียงพอแกการใชงาน ความตองการดังกลาวมีผลผลักดันใหนกั วิชาการและผูมีหนาที่รับผิดชอบทําการ คนควาทดลอง หากรรมวิธีและทฤษฎีใหมๆ ขึ้นใชในการสํารวจหาขอมูล และการผลิตแผนที่ และ พยายามคิดคนหาเครื่องมือและอุปกรณที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง มาใชในกิจการแผนที่อยูเสมอ จะเห็นวาหนวยงานที่รับผิดชอบในเรื่องแผนที่ จึงมักจะเปนหนวยงานที่มีสวนรับผิดชอบตอกิจการ ทางทหารเปนสวนใหญ 1.5.3 ประโยชนทางดานเศรษฐกิจ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เปนระบบและมีประสิทธิภาพนั้น ตองอาศัยแผนที่เปน อุปกรณสําคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติก็เหมือนกัน จําเปนตองใชแผนที่เปนเครื่องมือใน การวางแผนและในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน ตัวอยางที่เห็นไดชัด เชน การดําเนินโครงการพัฒนา กลุมน้ําโขง ของสภาเศรษฐกิจและสังคมองคการสหประชาชาติ (ECAFE) แผนที่เปนอุปกรณที่
16
สําคัญและจําเปนเรงดวนอันดับแรกที่จะตองผลิตขึ้นมาเพื่อใชงาน เริ่มตั้งแตใชงานในขั้นวางแผน ตลอดไปจนถึงขึ้นปฏิบัติการตามแผน เพราะบริเวณดังกลาวยังไมมีแผนที่ที่มีคุณลักษณะเหมาะกับ การดําเนินงาน แผนที่ที่จัดทําขึ้นจากโครงการนี้เปนอุปกรณสําคัญยิ่งของเจาหนาที่วางแผนและ ปฏิบัติการใหบรรลุตามเปาหมาย
1.6 สรุป แผนที่คือสิ่งที่แสดงลักษณะของพื้นผิวโลกทั้งสิ่งที่มนุษยสรางขึ้นและตามธรรมชาติลงบน พื้นราบโดยมีการยอสวน และใชสัญลักษณ เพื่อนํามาเปนเครื่องมือในการศึกษาดําเนินการเกี่ยวกับ โลก มนุษยไดสรางแผนที่ขึ้นเพื่อใชประโยชนในการทําความเขาใจเกี่ยวกับโลกมานาน โดยเริ่มจาก แผนที่แบบงายๆ เพื่อหาตําแหนงที่ตั้งและเสนทางและพัฒนาขึ้นอยางซับซอนในโลกปจจุบัน จึงทํา ใหสามารถจําแนกแผนที่ไดหลายประเภทตามลักษณะของแผนที่และลักษณะการใชประโยชนใน ปจจุบันแผนที่สามารถนํามาเปนเครื่องมือในการวางแผนในดานตางๆ เชน การทหาร การแพทย และสาธารณสุข การศึกษา และทางเศรษฐกิจ
1.7 คําถามทายบท 1. จงอธิบายถึง ความหมายและพัฒนากรของแผนที่ในแตละยุคโดยละเอียด 2. วิชาแผนที่มีขอบขายในการศึกษาอยางไรบาง 3. การจําแนกแผนที่ สามารถจําแนกไดกี่วิธีอะไรบาง 4. แผนที่มีประโยชนอยางไรตอการศึกษาวิชาภูมิศาสตร 5. ทานเห็นดวยหรือไมกับประโยคที่วา “แผนที่เปรียบเสมือนชวเลขที่ดียิ่งของนัก ภูมิศาสตร (Geographer’s Shorthand)”
17
เอกสารอางอิงและเอกสารอานประกอบ ทวี ทองสวาง, ไพทรูย ปยะภรณ, วินทนีย ศรีรัฐและวินิตา เผานาค. (2533). การอานแผนที่และ ภาพถายทางอากาศ. (พิมพครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคําแหง. ธวัช บุรีรักษและบัญชา คูเจริญไพบูลย. (2524). การแปลความหมายในแผนที่และภาพถายทาง อากาศ. กรุงเทพฯ: อักษรวัฒนา. พรทิพย กาญจนสุนทร. (2541). แผนที่และการแปลตีความแผนที่. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร. ราชบัณฑิตยสถาน. (2523). พจนานุกรมศัพทภูมิศาสตร อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: นนทชัย. วินัย บุษบา. (2538). แผนที่และการแปลความหมายจากแผนที่. กําแพงเพชร: สถาบันราชภัฏ กําแพงเพชร. Lodha R.M. ( 1992). Dictionary of Geography. New delhi: Acadamic. Mayhew, S.& Penny A. (1992). The Goncise Oxford Dictionary of Geography. New york: Oxford University. **************************