ฮูปแต้มวัดโพธาราม

Page 1


1

สมุดภาพจิตรกรรมฝาผนัง บอกเล่ าเรืองราว วัดโพธาราม ฮูปแต้มทีวั ดโพธาราม เป็ นเรื องราวทีช่างแต้มได้วาดภาพเกียวกับ เรื องราวของวิถีชีวิตของ ชาวบ้าน ภาพพุทธประวั ติ และวรรณกรรมท้องถิ น เรื องสังข์ศิลป์ ชัย(สินไซ) มีด ังนี 1) เรืองพุทธประวัติ ช่างแต้มได้วาดเรื องพุทธประวั ตตอนมหาภิ ิ เนษกรมณ์ เล่าถึงเจ้าชายสิทธัตถะได้เข้ามา เห็นนางกํ านัลนอนหลั บใหลไม่ได้สติทํ าให้เห็นภาพอุจาดตา แล้ วเกิดการสังเวช เบือหน่ายใน โลกียว์ ิสัย พระองค์จึงตัดสินใจออกบรรพชา และตอนตรัสรู้ ช่างได้วาดภาพเจ้าชายสิทธัตถะ ผจญหมู่มารทีขัดขวางการตรัสรู้เป็ นพระพุทธเจ้า ภาพในตอนนีความชั ดเจนและสวยงามอย่างยิ ง

พุทธประวัติ ตอนมหาภิเนษกรมณ์ เห็นนางกํานัลหลับใหล

เจ้ าชายสิ ทธัตถะขีม้ ากัณฑกะ เพือออกบวช

กองทัพพญามารขัดขวาง การตรัสรูข้ องพระพุทธเจ้ า


2

อักษรธรรม เรืองพุทธประวัติ

อ่ านว่ า... ประ-สู ด-สิ ด-ทัด-ถะ แปล… ประสู ติสิทธัตถะ

อ่ านว่ า... เมือ-ไป-เห็น-เท-วะ-ทูด-ทั ง-สี แปล...เมือได้ ไปพบเทวทูตทั ง 4


3

แปล...ลูกสาวพญามารไปยัวยวนพระพุทธเจ้ า แปล…พญามารเห็นพระพุทธเจ้ า

อ่ านว่ า... นาง-ทอ-ละ-นี-ฮีด-นํา-เก้ า-ไส่ -มาน-แล แปล...แม่ ธรณีบีบนําจากเกล้ าผมให้ ท่วมกองทัพมาร


4

2) เรืองพระเวสสันดรชาดก ภาพจิตรกรรมฝาผนังบนสิมวั ดโพธาราม ช่างแต้มได้วาดเรื องราวพระเวสสันดรไว้ทีผนัง โบสถ์ทั งภายในและภายนอก ครบทั ง13 กัณฑ์

พระเวสสั นดรชาดก มีการแบ่ ง แต่ ละตอน โดยใช้ การวาดเป็ น เส้ น แม่ นํา ต้ นไม้ หรือภูเขา เพือแบ่ งแต่ ละตอน

กัณฑ์ นครกัณฑ์

อักษรธรรม เรืองพระเวสสันดรชาดก ทีวัดโพธาราม การวาดภาพบนผนังวั ดโพธาราม นั นช่างได้วาดลงบนฝาผนังบรรยายเรื องสลั บไปมา อย่างต่อเนือง แต่ละตอนคั นด้ วย ต้นไม้ บ้าง ภูเขาบ้าง แม่น ํ าบ้าง เป็ นต้นบางทีช่างแต้มได้เขียน อั กษรกํ ากับไว้เพืออธิบายความหมายของภาพนั นๆ เป็ นชือตัวละคร สถานที หรื อเหตุการณ์สําคัญ


5 ต่างๆบ้าง เพือช่วยให้ผู้ ชมได้ความรู้ ความเข้าใจ ดังเรื องพระเวสสันดรชาดก จะพบมีอ ั กษรธรรม เขียนกํ ากับไว้ด้วย ดังต่อไปนี

อ่ านว่ า...อันนี- ผะ-เวด-ทาน-ซ้ าง แปล...อันนีพระเวสสั นดรบริจาคทานช้ าง

อ่ านว่ า...ผะ-เวด-ลา-ปู ่-แล แปล...พระเวสสั นดรลาปู ่

อ่ านว่ า...อันนี-ผะ-เวด-ทาน-ซ้ าง แปล...อันนีพระเวสสั นดรบริจาคทาน

อ่ านว่ า...อันนี-มัด-ที-ไป-ลา-ปู ่-แล แปล...อันนีนางมัทรีไปลาปู ่


6

อ่ านว่ า...บั น-ผะ-เวด-ข้ าม-นํา แปล...ตอนพระเวสสั นดรเดินข้ ามแม่ นํา

แปล..พระเวสสั นดรเดินทางไปถึงเมืองมัทราช

อ่ านว่ า...อันนี-สะ-กะ-บัน-แล แปล...กัณฑ์ สักกบรรพ


7

อ่ านว่ า...อันนี-พาม-ล้ ม แปล...อันนีพราหมณ์ ลืนไถลล้ ม

อ่ านว่ า...อันนี-ผะ-เวด-กับ-มัด-ที แปล...อันนีพระเวสสั นดรกับนางมัทรี

อ่ านว่ า...เท-วะ-ดา-ลง-มา แปล...เทวดาเสด็จลงมาบริบาลพระกัณหา ชาลี

อ่ านว่ า..อันนี -ซู -ขวน-ผะ-เวด-กับ-มัด-ที แปล...อันนีสู ่ ขวัญพระเวสสั นดรและนางมัทรี


8

3) วรรณกรรมท้ องถิน เรืองสินไซ (สังข์ ศิลป์ ชัย) ประวัติการประพันธ์ เรื องสินไซนั นของเดิมเป็ นหนังสือเทศน์ล ํ า เรี ยกว่า ลํ าสินไซ หรื อ สินไซชาดก จารลงบนใบลานจารึ กด้วยอั กษรธรรม มีอยู่ทั งสิ น21 ผู ก เขียนร้อยแก้ วใช้สําหรับอ่านให้ฟังในเวลา โศกเศร้า เช่น ในงานศพ (ลาวเรี ยกว่า งันเฮือนดี) ผู้ แต่งหนังสือสินไซทีเป็ นคํ ากลอนนีคือ ท้าวปาง คํ า ในชั นแรก มหาสิลา วีระวงส์ สันนิษฐานว่าท้าวปางคํ าน่าจะเป็ นคนเดียวกับ พระเจ้าต่อนคํ า พระราชบิดาของสมเด็จพระเจ้าสุริยะวงศาธรรมิกราช โดยเห็นว่าในสมั ยของพระเจ้าต่อนคํ านั นซึ ง ตรงกับรัชสมั ยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุ งศรี อยุธยา ต่อมาเมือได้ตรวจสอบพบว่าเป็ น คนละคนกัน แต่ก็น่าจะเป็ นเชื อพระวงศ์ ทีไปครองเมืองหนองบัวลํ าภู ท้าวปางคํ าได้แต่งเรื องสินไซในราว พ.ศ. 2192 หนังสือเรื องนี ได้มีผู้ ค ั ดลอกโดยการจารลง บนใบลานต่อ ๆ กันมา ทีพบนั นมีทั งภาษาลาว และภาษาไทย แม้ ว่าจะไม่ตรงกันบ้างในบางตอน แต่ท่านมหาสิลา วีระวงส์ ได้อ่านอยู่หลายฉบับ แล้วนํามาเทียบเคียงกั น เห็นว่าฉบับทีคัดลอกมาจาก จังหวั ดอ่างทองฉบับภาษาไทย และฉบับของท่านหยุย อภัย จากเมืองโขง แขวงจํ าปาศั กดิ(เป็ น มรดกตกทอดกันมา )มีข ้อความตรงกันจึงได้ถือเอาต้นฉบั บเมืองโขงแล้ วนํามาแก้ไขเรี ยบเรี ยงและ พิมพ์ขนครั ึ งแรกในประเทศลาว เมือปี พ.ศ. 2492 หนังสือเล่นนีจึงได้มีการพิมพ์ต่อมาอีกหลายครั ง จนถึงทุกวั นนี


9 เรืองย่อสินไซ สิมวัดโพธาราม พระยากุศราชเจ้าแผ่นดินเมืองเปงจาล มีมเหสีชือนางจันทา พระยากุศราชมีน้องสาวหนึ ง คนชือ นางสุมนทา ต่อมามีย ั กษ์ชือ กุมภั ณฑ์ มาลั กเอาตัวนางสุมนทาขณะชมสวนดอกไม้ อยูไปเป็ ่ น เมีย มีลูกด้วยกันคนหนึ ง คือนางสุดาจันทร์

ยักษ์ กุมภัณฑ์ ลักพาตัว นางสุ มนทา

พระยากุศราช คิดถึงนางสุมนทา(น้องสาว) เป็ นอั นมาก จึงออกบวชเพือออกตามหา น้องสาว ออกเดินทางไปจนถึงเมืองจํ าปา ได้เห็นลูกสาว7 คนของนันทเศรษฐี แห่งเมืองจํ าปา มาใส่ บาตรก็เกิดความรัก จึงลาสิกขาแล้ วปรึ กษาหารื อกับเหล่าอํ ามาตย์ซึ งเห็นดีเห็นงามไปด้วย จึงส่งขุน สีก ับขุนคอนยกขันหมากไปสู่ขอนางทั ง7 จากเศรษฐีเพืออภิเษกเป็ นมเหสีต่อไป

พระยากุศราชบิณฑบาต หน้ าบ้ านนันทเศรษฐี ณ เมืองจําปา


10 พระยากุศราชได้ท ํ าพิธีสมรสอย่างยิ งใหญ่ เป็ นอั นว่าพระองค์มีมเหสีทั งหมดแปดองค์ คือ พระนางจันทา กับลูกเศรษฐีทั ง7 คน คนแรกชือว่าปทุมมา ส่วนคนสุดท้องชือว่า นางลุน ต่อมา มเหสีทั งแปดเกิดตั งครรภ์พร้อมกัน โหรได้ท ํ านายว่าลูกของนางจันทามเหสีองค์แรก และลูกของ นางลุน จะเป็ นคนดี ส่วนลูกของพีสาวทั งหกจะเป็ นคนชั วทํ าให้มเหสีอีกหกคนมีความเคียดแค้ น จึงจ้างวานให้โหรกลั บคํ านายเสียใหม่ พร้อมกับทํ าเสน่ห์ยาแฝดให้พระยากุศราชหลงใหลนางทั งหก แล้วให้เกลียดชังนางจันทาและนางลุน

พระยากุศราช กับมเหสี ทั ง 7 คน

ครั งถึงวั นคลอด ลูกของนางจันทาได้คลอดลูกเป็ นคชสีห(์ ช้างผสมกับราชสีห์) ชือว่า สีโห ส่วนลูกของนางลุนคลอดเป็ นฝาแฝด คนพีถือดาบกับธนูศิลป์ ออกมาด้วย ให้ชือว่า สินไซ (สิน ไซ) ส่วนน้องเป็ นหอยสังข์ จึงชือว่า สังขาระกุมาร หรื อ สังข์ทอง ส่วนลูกจากมเหสีทั งหกนั นเป็ น ชายทั งหมด

นางลุน และนางจันทา ถูกขับไล่ ออกจากเมือง เปงจาล


11

สี โห นางลุน และนางจันทา

พระยากุศราช เชือฟังคํ าทํ านายของโหรเมือเห็นโอรสทีประสูติออกมาแปลกประหลาดจึง ได้ข ับไล่นางทั งสองพร้อมลูกทั ง3 ออกจากเมืองไป นางจั นทาและนางลุน จึงออกเดินป่ าอาศั ย ผลไม้ ย ั งชีพไปตามยถากรรมด้ วยความทุกข์ยากเป็ นเวลาหนึ งเดือน ด้วยความสงสารแม่ลูกทั งห้าคน พระอินทร์จึงได้เนรมิตปราสาทให้ทั งหมดได้อยู่ในปราสาทนั นเป็ นเวลาถึง7 ปี โดยได้รบั การดูแล อย่างดีจากเหล่าครุ ฑและนาคได้ผลั ดกันมาเฝ้ าเวรยามรักษาความปลอดภัยทั งกลางวั นกลางคืน พระยากุศราชคิดถึงนางสุมนทา(น้องสาว)อย่างยิ ง จึงสั งลูกชายทั งหกออกตามหานาง สุมนทา ลูกชายทั งหกออกเดินทางแล้ วหลงป่ าจนไปพบสินไซ นางจันทา และนางลุน กลางป่ า สอบถามซึ งกันและกันจึงรู้ว่าเป็ นญาติก ัน เมือหกท้าวกลั บไปเฝ้ าพระยากุศราช จึงออกอุบายโกหก พ่อว่าได้พบทั ง5 คนในป่ า ถ้ าไม่เชือจะเรี ยกสัตว์ป่าน้อยใหญ่เข้าเมืองเพือเป็ นการพิสูจน์ วั นต่อมา เหล่าสัตว์ป่าต่างๆ เดินทางเข้าเมือง แต่ไม่ได้ท ํ าร้ายใครจากนั นท้าวทั งหกก็ออกอุบายโกหกให้สิน ไซ สังข์ทอง และสีโห ออกติดตามหานางสุมนทาซึ งเป็ นอา

สิ นไซ สั งข์ ทอง สี โห และพีทั งหกเดินทางตาม หาอา (นางสุ มนทา)


12

สี โห และพีชายทั ง 6

นางจันทาและนางลุน เมือทราบว่า ลูกๆ จะออกติดตามหานางสุมนทา ตามพระประสงค์ ของพระยากุศราช ก็ไม่อาจทั ดทานได้ แม้ จะรู้ว่าต้องเผชิญกับอั นตรายมากมายกว่าทีจะไปถึงเมือง ยั กษ์กุมภั ณฑ์ก็ต ้องผ่าน 6 ย่านนํ าและ 9 ด่านมหาภัย ดังนี ด่านแรกคือ ด่านงูซวง (อาจจะเป็ นพญานาคราช) สินไซ ได้ใช้ดาบฟันงูซวงขาดเป็นท่อน แล้ วเดินทางต่อไป

สิ นไซต่ อสู ้ กับงูซวง

แม่น ํ าสายแรก เป็ นแม่น ํ ากว้ างหนึ งโยชน์ท้าวทั งหกไม่สามารถข้ามไปด้วยเพราะความกลั ว สินไซจึงบอกให้คอยอยู่ ณ ทีนั นแล้ วให้สีโหเป็ นผู้ คอยระวั งภัย ส่วนสินไซกับสังข์ทองจะออก เดินทางข้ามแม่น ํ าเพือเดินทางต่อไป สังข์ทองได้แปลงร่ างเป็ นเรื อใหญ่ให้สินไซขึ นนั งข้ามแม่น ํ า ด่านทีสอง เป็ นด่านยั กษ์ก ันดาน ยั กษ์ขินี (ยั กษ์อ ั สสมุข)ี เป็ นด่านยั กษ์ชั วช้าสามานย์ ด้ วย สินไซมีฤทธิ เดชจึงสามารถฆ่ายั กษ์ได้โดยง่าย


13

สิ นไซสู ้กับยักษ์ กันดาน (วรุณยักษ์)

แม่น ํ าสายทีสอง เป็ นแม่น ํ ากว้ า2ง โยชน์ สินไซก็นั งเรื อแปลงของหอยสังข์ข ้ามไปได้ ด่านทีสามคือ ด่านช้าง เมือขึ นจากฝั ง ก็พบโขลงช้างป่ าจํ านวนนับแสนตัวมีพญาฉัททันต์ เป็ นหัวหน้าโขลง สินไซจึงใช้ธนูยิงช้างตายเป็ นจํ านวนมาก และรบชนะในทีสุด แม่น ํ าสายทีสาม เป็ นแม่น ํ ากว้ า3ง โยชน์ ก็สามารถผ่านไปได้ด ้วยเรื อแปลงของหอยสังข์ ด่านทีสี คือด่านยั กษ์ มีฤทธิ เดชและความดุร้ายมากจ ํ านวน 4 ตน ชือว่า กั นดานยั กษ์ จิตต ยั กษ์ ไชยยั กษ์ และวิไชยยั กษ์ ซึสิงนไซก็สามารถฆ่ายั กษ์ตายทั ง4 ตนด้ วยศร

สิ นไซต่ อสู ก้ ับยักษ์ สี ตน คือกันดานยักษ์ จิตตยักษ์ ไชยยักษ์ และวิไชยยักษ์

แม่น ํ าสายทีสี เป็ นแม่น ํ ากว้ า4ง โยชน์ ก็สามารถผ่านไปได้ ด่านทีห้า คือด่านยั กษ์ขินี นางยั กษ์ทีมากด้ วยกามราคะ สินไซก็สามารถเอาตัวรอดได้ แม่น ํ าสายทีห้า เป็ นแม่น ํ ากว้ า5ง โยชน์


14 ด่านทีหก คือด่านนารี ผล เป็ นต้นไม้ ทีพระอินทร์ปลูกไว้ เพือทดสอบจิตใจของนักพรต ฤาษี ดาบส วิทยาธร เพือให้หลีกหนีกามโลกีย ์ มีเพียงพวกโง่เขลาเบาปัญญาเท่านั นทีไม่สามารถบรรลุ เนกขัมมะได้ สินไซได้ผ่านมาถึงด่านนี พอดี จึงได้สู้รบกับวิทยาธรและเหล่ายั กษ์ โดยคิดว่าจะมาแย่ง นารี ผลเช่นกัน แล้ วสินไซก็รบชนะ

สิ นไซต่ อสู ้ กับยักษ์ และ วิทยาธรทีมาแย่งนารีผล

แม่น ํ าสายทีหก เป็ นแม่น ํ ากว้ า6ง โยชน์ ด่านทีเจ็ด คือ ด่านยั กษ์อ ั สสมุขี ป็เ นนางยั กษ์ผีเสื อ หน้าเป็ นสุนัข สินไซใช้ดาบตัดคอยั กษ์ ตายหลายแสนท่อน ด่านทีแปด คือด่านเทพกินรี เป็ นด่านทีสินไซได้นางเกียงคํ า ลูกสาวพระยาทีปกครองนาง กินรี ทั งหลายเป็ นเมีย แล้ วสินไซก็ติดอยู่ในด่านนี นาน7 วั น ทํ าให้สังข์ทองร้อนรนต้องออกติดตาม หานางสุมนทา สินไซจึงบอกให้สังข์ทองเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ วค่อยไปพบกัน จากนั นมี ช้างช่วยพาสินไซและสังข์ทอง นําทางไปยั งเมืองอโนราชโดยตกลงให้สังข์ทองเข้าไปในเมือง ส่วน สินไซจะรอด้านนอกเมืองอโนราช


15

ช้ างป่ าอาสาพาสิ นไซและ หอยสั งข์ เดินทางไปยัง เมืองอโนราช

ด่านทีเก้า คือด่านยั กษ์กุมภัณฑ์ เป็ นด่านสุดท้ายของการผจญภัย เมือสังข์ทองเดินทาง ล่วงหน้าไปแล้ วหนึ งวั น ซึ งเป็ นวั นทียั กษ์กุมภั ณฑ์ออกหาอาหารพอดี สิไซได้ น ลอบเข้าไปใน ปราสาท โดยให้สังข์ทองเฝ้ าดูตรงประตูทางเข้าปราสาท

สิ นไซได้ พบกับนาง สุ มนทา เพือรับกลับ เมืองเปงจาล

จากนั นสินไซได้ไปบอกให้นางสุมนทากลั บเมืองเปงจาลด้วคยวามยากลํ าบาก เนืองด้วย นางสุมนทารักยั กษ์กุมภัณฑ์มาก จนเกิดศึกสงครามแย่งชิงนางสุมนทาระหว่างกองทัพยั กษ์ก ับสิน ไซและสังข์ทองหลายครั ง เหล่ายั กษ์ฆ่าไม่ตายเสียที ยิ งฆ่ายิ งเพิ มจํ านวนขึ นเป็ นทวีคูณ สินไซเห็น ท่าไม่ได้การจึงต้องยิงศรไปบอกสีโหให้มาช่วยรบกับกองทัพยั กษ์ เมือทั งสามพีน้องร่ วมมือกันรบ จนกองทัพยั กษ์ได้ล ้ มตายเป็ นจํ านวนมากแล้ วก็พ่ายแพ้ ไปในทีสุด


16

สิ นไซต่ อสู ก้ ับกองทัพยักษ์ กุมภัณฑ์ ยิงฆ่ ายิงเพิม จํานวนเป็ นทวีคูณ

สินไซรบชนะยั กษ์กุมภัณฑ์แล้ วสังหารกุมภัณฑ์ แต่นางสุมนทาก็ย ั งไม่ยอมกลั บเมืองเปง จาล เนืองจากนางปรารถนาจะพบพระธิดาคือนางสุดาจันทร์ ซึ งตกเป็ นชายาของท้าวอรุ ณนาคแห่ง บาดาล เมือครั งทีกุมภั ณฑ์แพ้ พนันสกา

สี โหได้ มาช่ วยสิ นไซ และสั งข์ ทองสู ้ รบ กับกองทัพยักษ์

สินไซจึงต้องลงไปเมืองบาดาลแข่งพนันสกาแล้ วพานางสุดาจันทร์กลั บมาได้ เมือกลั บมา พบกับพีน้องทั งหกรออยูก่​่ อนแล้ ว แต่พีน้องทั งหกมีความอิจฉาจึงออกอุบายชวนสินไซไปอาบนํ า แล้ วผลั กสินไซตกเหว แต่สินไซรอดตายเพราะพระอินทร์มาช่วยไว้ แล้ วนําตัวไปส่งแม่


17

สิ นไซแข่ งพนันสกากับ ท้ าวอรุณนาคแห่ งบาดาล

พีน้ องทั งหก


18

พีน้ องทั งหกมีความอิจฉาจึง ออกอุบายชวนสิ นไซไป อาบนํา แล้ วผลักตกเหว

เมือพีน้องทั งหกกลั บถึงเมืองเปงจาล ได้ไปกราบทูลพระยากุศราช และนางสุมนทา โดย ทูลเอาความดีความชอบใส่ต ัว และได้ทูลอีกว่า สินไซนั นได้ตกเหวตายไปแล้ ว แต่นางสุมนทาไม่ เชือจึงเอาไม้ ซ้องปิ นเกล้ าและสไบแขวนเสียงทายว่าหากสินไซตายขอให้ของเหล่านั นสูญหายแต่ ถ้ าหากไม่ตายก็ขอให้มีคนนําของสิ งนีไปส่งคืนทีเมืองเปงจาล

นางสุ มนทาเสี ยงทาย ด้ วยปิ นปักผมและสไบ


19 แม้ นางสุมนทาจะทูลว่าผู้ ทีช่วยเหลือตนกลั บมาคือสินไซ พระยากุศราชก็หาเชือไม่ ต่อมา มีพ่อค้าทีเป็ นนายสําเภาเอาสิ งของเหล่านั นไปส่งให้ทีเมือง นางสุมนทาจึงรู้ว่าหลานชายยั งไม่ตาย

หกพีน้ อง

ต่อมาเมือพระยากุศราชรู้ความจริ งจึงสั งให้นําลูกชายทั งหกไปขังคุก จากนั นได้จัดขบวน ไปรับตัวนางจันทา และนางลุน พร้อมโอรสกลั บวั งเพือให้สินไซได้ครองราชย์แต่ได้ รับการ ปฏิเสธ เพราะพระองค์ได้ท ํ าความผิดพลาดต่างๆ มากมาย จึงเป็ นเหตุให้นางทั งสองและลูกๆ ไม่ ต้องการกลับวั ง ทํ าให้พระองค์เสียพระทัยจนเป็ นลมสลบไป สินไซจึงต้องขอร้องพระอินทร์ช่วยให้ ทุกคนฟื นอีกครั งจากนั นเหล่าอํ ามาตย์ จึงได้กราบอั ญเชิญให้สินไซขึ นครองเมืองเปงจาล สินไซจึง ต้องรับคํ าเชิญ แล้ วเสด็จขึ นครองราชย์ ด ้วยพิธีทียิ งใหญ่


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.