www.luangpudu.com
ตามรอยธรรมย้ำรอยครู
หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ประวัติและคติธรรมคำสอนของหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ สงวนลิขสิทธิ์ พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน ห้ามคัดลอก ตัดตอน หรือนำไปพิมพ์จำหน่าย ฉบับปรับปรุง
พิมพ์ครั้งที่ ๑ : ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม
เอื้อเฟื้อภาพ : มานพ เลิศอิทธิพร กนก สุริยสัตย์ จัดทำโดย :
กลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำ พรสิทธิ ์ อุดมศิลป์จินดา วิชชุ เสริมสวัสดิ์ศรี เมธา พรพิพัฒน์ไพศาล นิศา สุวรรณสุขโรจน์ ปฏิภัทร ปัจฉิมสวัสดิ์
ศิลปกรรม :
ARTISTIC GROUP โทร. ๐๘๑-๙๒๒-๑๓๕๑ โทรสาร ๐๒-๘๘๔-๓๕๓๖
ดำเนินการพิมพ์ บริษัท คิว พริ้นท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โทร. ๐๒-๘๐๐-๒๒๙๒, ๐๘๔-๙๑๓-๘๖๐๐ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๓๖๔๙ www.luangpudu.com
สารบัญ ประวัติหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ คติธรรมคำสอนของหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ๑. สมมุติและวิมุติ ๒. อุปมาศีล สมาธิ ปัญญา ๓. หนึ่งในสี่ ๔. อานิสงส์การภาวนา ๕. แสงสว่างเป็นกิเลส ๖. ปลูกต้นธรรม ๗. วัดผลการปฏิบัติด้วยสิ่งใด ? ๘. เทวทูต ๔ ๙. อารมณ์อัพยากฤต ๑๐. ตรี โท เอก ๑๑. ต้องสำเร็จ ๑๒. จะเอาโลกหรือเอาธรรม ๑๓. แนะวิธีปฏิบัติ ๑๔. การบวชจิต-บวชใน ๑๕. ควรทำหรือไม่ ? ๑๖. การอุทิศส่วนกุศลภายนอกภายใน ๑๗. สติธรรม ๑๘. ธรรมะจากซองยา ๑๙. ธรรมะจากโรงพยาบาล ๒๐. ของจริง ของปลอม
www.luangpudu.com
๑ ๒๙ ๓๐ ๓๑ ๓๒ ๓๓ ๓๔ ๓๕ ๓๖ ๓๗ ๓๘ ๓๙ ๔๐ ๔๑ ๔๒ ๔๔ ๔๕ ๔๖ ๔๗ ๔๘ ๔๙
๒๑. คำสารภาพของศิษย์ ๒๒. ทรรศนะต่างกัน ๒๓. อุเบกขาธรรม ๒๔. ให้รู้จักบุญ ๒๕. อุบายวิธีทำความเพียร ๒๖. พระเก่าของหลวงปู่ ๒๗. ข้อควรคิด ๒๘. ไม่พยากรณ์ ๒๙. จะตามมาเอง ๓๐. แนะวิธีวางอารมณ์ ๓๑. อย่าพูดมาก ๓๒. เชื่อจริงหรือไม่ ? ๓๓. คิดว่าไม่มีดี ๓๔. พระที่คล้องใจ ๓๕. จะเอาดีหรือเอารวย ๓๖. หลักพระพุทธศาสนา ๓๗. “พ” พาน ของหลวงปู่ ๓๘. การสอนของท่าน ๓๙. หัดมองชั้นลึก ๔๐. เวลาเป็นของมีค่า ๔๑. ต้องทำจริง ๔๒. ของจริงนั้นมีอยู่ ๔๓. ล้มให้รีบลุก ๔๔. สนทนาธรรม
www.luangpudu.com
๕๐ ๕๒ ๕๓ ๕๕ ๕๖ ๕๗ ๕๘ ๕๙ ๖๐ ๖๑ ๖๒ ๖๓ ๖๔ ๖๕ ๖๖ ๖๘ ๖๙ ๗๐ ๗๑ ๗๒ ๗๓ ๗๔ ๗๕ ๗๗
๔๕. ผู้บอกทาง ๔๖. อย่าทำเล่น ๔๗. อะไรมีค่าที่สุด ๔๘. นายระนาดเอก ๔๙. เสกข้าว ๕๐. สำเร็จที่ไหน ๕๑. เรารักษาศีล ศีลรักษาเรา ๕๒. คนดีของหลวงปู่ ๕๓. สั้นๆ ก็มี ๕๔. แบบปฎิบัติธรรมหลวงปู่ดู่เป็นเช่นใด ? ๕๕. บทเรียนบทแรก ๕๖. หนึ่งในสี่ (อีกครั้ง) ๕๗. วิธีคลายกลุ้ม ๕๘. อะไรได้ อะไรเสีย ๕๙. ความสำเร็จ ๖๐. อารมณ์ขันของหลวงปู่ ๖๑. ของหายาก ๖๒. คนหายาก ๖๓. ด้วยรักจากศิษย์ ๖๔. ด้วยรักจากหลวงปู่ ๖๕. จิ้งจกทัก ๖๖. หลวงปู่กับศิษย์ใหม่ ๖๗. คาถาของหลวงปู่ ๖๘. อย่าให้ใจเหมือน...
www.luangpudu.com
๗๘ ๗๙ ๘๐ ๘๒ ๘๓ ๘๔ ๘๕ ๘๖ ๘๗ ๘๘ ๙๐ ๙๓ ๙๕ ๙๘ ๑๐๐ ๑๐๒ ๑๐๓ ๑๐๕ ๑๐๗ ๑๐๙ ๑๑๑ ๑๑๓ ๑๑๖ ๑๑๙
๖๙. วัตถุสมบัติ ธรรมสมบัต ๗๐. ทำไมหลวงปู่ ๗๑. “งาน” ของหลวงปู่ ๗๒. ขอเพียงความรู้สึก ๗๓. ปาฏิหาริย์ ๗๔. เรื่องบังเอิญที่ไม่บังเอิญ ๗๕. คลื่นกระทบฝั่ง ๗๖. หลวงปู่บอกข้อสอบ ๗๗. ตัวประมาท ๗๘. ของโกหก ๗๙. ถึงวัดหรือยัง ๘๐. รางวัลทุนภูมิพล ๘๑. หลวงปู่ทวดช่วยชีวิต ๘๒. ทามาก็อตจิ ๘๓. ไตรสรณาคมน์ ๘๔. ไม่พอดีกัน ๘๕. ธรรมะจากสัตว์ ๘๖. สังคมวิปริต ๘๗. เชื้อดื้อยา ๘๘. คุณธรรม ๖ ประการ ๘๙. ลิงติดตัง ๙๐. ปรารภเรื่อง “การเกิด” ๙๑. เมด อิน วัดสะแก ๙๒. หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด
www.luangpudu.com
๑๒๑ ๑๒๓ ๑๒๖ ๑๒๘ ๑๓๐ ๑๓๓ ๑๓๕ ๑๓๙ ๑๔๒ ๑๔๔ ๑๔๕ ๑๔๗ ๑๔๙ ๑๕๒ ๑๕๕ ๑๕๘ ๑๖๐ ๑๖๒ ๑๖๔ ๑๖๖ ๑๖๘ ๑๖๙ ๑๗๑ ๑๗๓
๙๓. กรรมฐานพาลจิตเพี้ยน ๙๔. จะไปทางไหน ๙๕. ตีเหล็กร้อนๆ ๙๖. ครูพักลักจำ ๙๗. ที่สุดแห่งทุกขเวทนา ๙๘. พุทธนิมิต ๙๙. หลวงปู่บอกหวย ๑๐๐. อยากได้วัตถุมงคลของหลวงปู่ ๑๐๑. เห็นแล้วไม่หัน ๑๐๒. เปรียบศีล ๑๐๓. บทเรียนทางธรรม ๑๐๔. พลิกชีวิต ๑๐๕. บาป ๑๐๖. ความเมตตาและขันติธรรมของหลวงปู่ ๑๐๗. หลวงปู่ตายแล้วต้องลงนรก ? ๑๐๘. ที่มาของวัตถุมงคลรุ่น“เปิดโลก” ๑๐๙. ปฏิบัติแบบโง่ๆ ๑๑๐. พุทธคุณกับการเช็คพระ ! ๑๑๑. ธรรม ทำให้ครบ ๑๑๒. ช้างมาไหว้หลวงปู่
ภาคผนวก • คาถาบูชาพระ • คำสมาทานพระกรรมฐาน
www.luangpudu.com
๑๗๕ ๑๗๙ ๑๘๑ ๑๘๓ ๑๘๕ ๑๘๙ ๑๙๒ ๑๙๖ ๒๐๐ ๒๐๓ ๒๐๔ ๒๐๙ ๒๑๒ ๒๑๕ ๒๑๗ ๒๒๑ ๒๓๑ ๒๓๓ ๒๓๗ ๒๔๐ ๒๔๔ ๒๔๕
www.luangpudu.com
1
๑
ประวัติหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ชาติภูมิ
พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญมีชาติกำเนิดในสกุล“หนูศรี” เดิมชอ่ื ดู่ เกิดเมือ่ วนั ท่ี ๒๙ เมษายนพ.ศ.๒๔๔๗ตรงกบั วนั ศกุ ร์ขน้ึ ๑๕คำ่ เดือน ๖ ปีมะโรง ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ณ บ้านข้าวเม่า ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โยมบดิ าชอื่ พ ดุ โยมมารดาชอื่ พ มุ่ ท า่ นมพี นี่ อ้ งรว่ มมารดาเดียวกัน ๓คนท่านเป็นบุตรคนสุดท้ายมีโยมพี่สาว๒คนมีชื่อตามลำดับดังนี้ ๑.พี่สาวชื่อทองคำสุนิมิตร ๒.พี่สาวชื่อสุ่มพึ่งกุศล ๓.ตัวท่าน
ปฐมวัยและการศึกษาเบื้องต้น
ชีวติ ในวยั เด็กข องทา่ นดจู ะขาดความอบอุน่ อ ยูม่ ากด ว้ ยก ำพร้าบ ดิ า มารดาตงั้ แ ต่เยาว์ว ยั น ายยวงพ งึ่ ก ศุ ลซ งึ่ ม ศี กั ดิเ์ ป็นห ลานของทา่ นได้เล่า ให้ฟังว่า บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำนา โดยนอกฤดูทำนาจะมีอาชีพ ทำขนมไข่ม งคลขายเมือ่ ต อนทที่ า่ นยงั เป็นเด็กท ารกม เี หตุการณ์ส ำคัญท ี่ ควรบันทึกไว้คือในคืนวันหนึ่งซึ่งเป็นหน้าน้ำขณะที่บิดามารดาของท่าน กำลังท อด“ ข นมมงคล”อ ยูน่ นั้ ท า่ นซงึ่ ถ กู ว างอยูบ่ นเบาะนอกชานคนเดียว ไม่ทราบด้วยเหตุใดตัวท่านได้กลิ้งตกลงไปในน้ำทั้งคนทั้งเบาะ แต่เป็นที่ www.luangpudu.com
๒
2
อัศจรรย์ยิ่งที่ตัวท่านไม่จมน้ำกลับลอยน้ำจนไปติดอยู่ข้างรั้ว กระทั่งสุนัข เลีย้ งทบี่ า้ นทา่ นมาเห็นเข้าจ งึ ได้เห่าพ ร้อมกบั ว งิ่ ก ลับไปกลับม าระหว่างตวั ท่านกบั ม ารดาทา่ นเมือ่ ม ารดาทา่ นเดินต ามสนุ ขั เลีย้ งออกมาจงึ ได้พ บทา่ น ลอยนำ้ ต ดิ อ ยูท่ ขี่ า้ งรวั้ ซ งึ่ เหตุการณ์ค รัง้ น นั้ ท ำให้ม ารดาทา่ นเชือ่ ม นั่ ว า่ ท า่ น จะต้องเป็นผู้มีบุญวาสนามากมาเกิด มารดาของทา่ นได้ถงึ แก่กรรมตง้ั แต่ทา่ นยงั เป็นทารกอยู่ ต่อมาบดิ า ของทา่ นกจ็ ากไปอกี ข ณะทา่ นมอี ายุได้เพียง๔ ข วบเท่านัน้ ท า่ นจงึ ต อ้ งกำพร้า บิดามารดาตง้ั แ ต่ย งั เป็นเด็กเล็กจ ำความไม่ได้ท า่ นได้อ าศัยอ ยูก่ บั ย ายโดยม ี โยมพสี่ าวทชี่ อื่ ส มุ่ เป็นผ ดู้ แู ลเอาใจใส่และทา่ นกไ็ ด้ม โี อกาสศกึ ษาเล่าเรียน ที่วัดกลางคลองสระบัววัดประดู่ทรงธรรมและวัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
สู่เพศพรหมจรรย์
เมื่อท่านอายุได้๒๑ปีก็ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเมื่อวันที่๑๐ พฤษภาคมพ .ศ .๒ ๔๖๘ต รงกบั ว นั อ าทิตย์แ รม๔ค ำ่ เดือน๖ ณ ว ดั สะแก ตำบลธนูอ ำเภออทุ ยั จ งั หวัดพ ระน ครศรีอยุธยาโดยมหี ลวงพอ่ ก ลัน่ เจ้าอ าวาส วัดพระญาติการามเป็นพระอุปัชฌาย์ มีหลวงพ่อแด่ เจ้าอาวาสวัดสะแก ขณะนน้ั เป็นพ ระกรรมวาจาจารย์ แ ละมหี ลวงพอ่ ฉ ายว ดั กลางคลองสระบวั เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า“ พรหมปัญโญ” ในพรรษาแรกๆ นั้น ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดประดู่ ทรงธรรมซ งึ่ ในสมัยน นั้ เรียกวา่ ว ดั ป ระดูโ่ รงธรรมโดยมพี ระอาจารย์ผ สู้ อน คือท่านเจ้าคุณเนื่องพระครูชมและหลวงพ่อรอด(เสือ)เป็นต้น www.luangpudu.com
3
๓
ในด้านการปฏิบัติพระกรรมฐานนั้น ท่านได้ศึกษากับหลวงพ่อ กลั่นผู้เป็นอุปัชฌาย์ และหลวงพ่อเภา ศิษย์องค์สำคัญของหลวงพ่อกลั่น ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่าน เมื่อท่านบวชได้พรรษาที่สองประมาณปลายปี พ.ศ. ๒๔๖๙ หลวงพ่อกลั่นมรณภาพ ท่านจึงได้ศึกษาหาความรู้จาก หลวงพ่อเภาเป็นสำคัญ นอกจากน้ที า่ นยงั ได้ศกึ ษาจากตำรับตำราท่มี ีอยู่ จากชาดกบา้ ง จากธรรมบทบ้าง และด้วยความที่ท่านเป็นผู้ใฝ่รู้รักการ ศึกษา ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากพระอาจารย์อีก หลายท่านที่จังหวัดสุพรรณบุรีและสระบุรี
ประสบการณ์ธุดงค์
ประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๖ ออกพรรษาแล้วท่านก็ เริ่มออกเดินธุดงค์จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยมีเป้าหมายที่ป่าเขา ทางแถบจงั หวัดก าญจนบุรี แ ละแวะนมัสการสถานทสี่ ำคัญท างพระพุทธ- ศาสนาเช่นพระพุทธฉายและรอยพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรีจากนั้น ท่านก็เดินธุดงค์ไปยังจังหวัดสิงห์บุรี สุพรรณบุรี จนถึงจังหวัดกาญจนบุรี จึงเข้าพักปฏิบัติตามป่าเขาและถ้ำต่างๆ หลวงปู่ดู่ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าเริ่มแรกที่ท่านขวนขวายศึกษาและ ปฏิบตั นิ น้ั แท้จริงมไิ ด้มงุ่ เน้นมรรคผลนพิ พาน หากแต่ตอ้ งการเรียนรใู้ ห้ได้ วิชาต่างๆ เป็นต้นว่า วิชาคงกระพันชาตรี ก็เพื่อที่จะสึกออกไปแก้แค้น พวกโจรที่ปล้นบ้านโยมพ่อโยมแม่ท่านถึง ๒ ครั้ง แต่เดชะบุญ แม้ท่าน จะสำเร็จวิชาต่างๆตามที่ตั้งใจไว้ท่านกลับได้คิดนึกสลดสังเวชใจตัวเอง www.luangpudu.com
๔
4
ที่ปล่อยให้อารมณ์อาฆาตแค้นทำร้ายจิตใจตนเองอยู่เป็นเวลานับสิบๆปี ในที่สุดท่านก็ได้ตั้งจิตอโหสิกรรมให้แก่โจรเหล่านั้น แล้วมุ่งปฏิบัติฝึกฝน อบรมตน ตามทางแห่งศีลสมาธิและปัญญาอย่างแท้จริง ในระหว่างท่ีท่านเดินธุดงค์อยู่น้ัน ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าได้พบ ฝูงควายป่ากำลังเดินเข้ามาทางท่าน ท่านต้งั สติอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจ อย่างเด็ดเดี่ยว หยุดยืนภาวนานิ่งอยู่ ฝูงควายป่าที่มุ่งตรงมาทางท่าน พอเข้ามาใกล้จะถึงตัวท่าน ก็กลับเดินทักษิณารอบท่านแล้วก็จากไป บางแห่งที่ท่านเดินธุดงค์ไปถึง ท่านมักพบกับพวกนักเลงที่ชอบลองของ ครั้งหนึ่ง มีพวกนักเลงเอาปืนมายิงใส่ท่านขณะนั่งภาวนาอยู่ในกลด ท่านเล่าให้ฟังว่า พวกน้ีไม่เคารพพระ สนใจแต่“ของดี” เมื่อยิงปืน ไม่ออก จึงพากันมาแสดงตัวด้วยความนอบน้อม พร้อมกับอ้อนวอน ขอ“ของดี”ทำให้ท่านต้องออกเดินธุดงค์หนีไปทางอื่น การปฏิบัติของท่านในช่วงธุดงค์อยู่น้นั เป็นไปอย่างเอาจริงเอาจัง ยอมมอบกายถวายชีวิตไว้กับป่าเขา แต่สุขภาพธาตุขันธ์ของท่านก็ไม่ เป็นใจเสียเลย บ่อยครั้งที่ท่านต้องเอาผ้ามาคาดที่หน้าผากเพื่อบรรเทา อาการปวดศีรษะ อีกทั้งก็มีอาการเท้าชารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้กระนั้น ท่านก็ยังไม่ละความเพียร สมดังที่ท่านเคยสอนลูกศิษย์ว่า “นิพพานอยู่ ฟากตาย”ในการประพฤติป ฏิบตั นิ นั้ จ ำตอ้ งยอมมอบกายถวายชวี ติ ล งไป ดังที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า “ ถ้ามันไม่ดหี รือไม่ได้พบความจริงก็ให้มันตาย ถ้ามันไม่ตายก็ให้มันดีหรือได้พบกับความจริง” www.luangpudu.com
5
๕
ดังนั้น อุปสรรคต่างๆ จึงกลับเป็นปัจจัยช่วยให้จิตใจของผู้ปฏิบัติ แข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ
นิมิตธรรม
อยู่มาวันหนึ่ง ประมาณก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เล็กน้อย หลังจาก หลวงปู่ดู่สวดมนต์ทำวัตรเย็น และปฏิบัติกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านกจ็ ำวัด เกิดนมิ ติ ไปวา่ ได้ฉนั ดาวทม่ี แี สงสว่างมาก ๓ ดวง ในขณะท่ี กำลังฉนั อยูน่ น้ั กร็ สู้ กึ วา่ กรอบๆดี กเ็ ลยฉนั เข้าไปทง้ั หมดแล้วจงึ ตกใจตืน่ เมือ่ ท า่ นพจิ ารณาใคร่ครวญถงึ น มิ ติ ธ รรมทเี่ กิดข นึ้ ก เ็ กิดค วามเข้าใจ ขึ้นว่าแก้ว๓ดวงนั้นก็คือพระไตรสรณาคมน์นั่นเองพอท่านว่า “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ, สังฆัง สรณัง คัจฉามิ” ก็เกิดอัศจรรย์ขึ้นในจิตท่าน พร้อมกับอาการปีติอย่างท่วมท้น ทั้งเกิดความรู้สึกลึกซึ้งและมั่นใจว่า พระไตรสรณาคมน์นี้แหล่ะเป็นราก แก้วของพระพุทธศาสนาท่านจึงกำหนดเอามาเป็นคำบริกรรมภาวนาตั้ง แต่นั้นเป็นต้นมาเน้นหนักที่การปฏิบัติ หลวงปูด่ ทู่ า่ นให้ค วามสำคัญอ ย่างมากในเรือ่ งของการปฏิบตั สิ มาธิ ภาวนาท่านว่า“ ถ้าไม่เอา(ปฏิบัต)ิเป็นเถ้าเสียดีกว่า”ในสมัยก่อนเมื่อ ตอนที่ศาลาปฏิบัติธรรมหน้ากุฏิท่านยังสร้างไม่เสร็จนั้น ท่านก็เมตตาให้ ใช้ห้องส่วนตัวที่ท่านใช้จำวัด เป็นที่รับรองสานุศิษย์และผู้สนใจได้ใช้เป็น ที่ปฏิบัติธรรมซึ่งนับเป็นเมตตาอย่างสูง สำหรับผู้ที่ไปกราบนมัสการท่านบ่อยๆ หรือมีโอกาสได้ฟังท่าน www.luangpudu.com
๖
6
สนทนาธรรม ก็คงจะได้เห็นกุศโลบายในการสอนของท่านที่จะโน้มน้าว ผู้ฟังให้วกเข้าสู่การปรับปรุงแก้ไขตนเอง เช่น ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์วิพากษ์ วิจารณ์ค นนนั้ ค นนใี้ ห้ท า่ นฟงั ในเชิงว า่ ก ล่าววา่ เป็นต น้ เหตุข องปญ ั หาและ ความยุ่งยาก แทนที่ท่านจะเออออไปตามอันจะทำให้เรื่องยิ่งบานปลาย ออกไป ท่านกลับปรามว่า “ เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้ คือตัวเราแก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลกแ ต่แก้ที่ตัวเรานี่เป็นเรื่องธรรม” คำสอนของหลวงปู่ดู่จึงสรุปลงที่การใช้ชีวิตอย่างคนไม่ประมาท นั่นหมายถึงว่าสิ่งที่จะต้องเป็นไปพร้อมๆ กัน ก็คือ ความพากเพียรที่ลง สู่ภาคปฏิบัติ ในมรรควิถีที่เป็นสาระแห่งชีวิตของผู้ไม่ประมาท ดังที่ท่าน พูดย้ำเสมอว่า“หมั่นทำเข้าไว้ๆ”
อ่อนน้อมถ่อมตน
นอกจากความอดทนอ ดกลัน้ ย งิ่ แ ล้วห ลวงปูด่ ยู่ งั เป็นแ บบอย่างของ ผู้ไม่ถือตัววางตัวเสมอต้นเสมอปลายไม่ยกตนข่มผู้อื่นเมื่อครั้งที่สมเด็จ พระพฒ ุ า จ ารย์ (เสงีย่ ม)ว ดั ส ทุ ศั น์เทพวรารามห รือท เี่ ราเรียกกนั ว า่ “ ท า่ น เจ้าคุณเสงี่ยม” ซึ่งมีอายุพรรษามากกว่าหลวงปู่ดู่ ๑ พรรษามานมัสการ หลวงพ่อโดยยกย่องเป็นครูเป็นอาจารย์ แต่เมื่อท่านเจ้าคุณเสงี่ยมกราบ หลวงพ่อเสร็จแล้วหลวงพ่อท่านก็กราบตอบ เรียกว่าต่างองค์ต่างกราบ ซึ่งกันและกันเป็นภาพที่พบเห็นได้ยากเหลือเกินในโลกที่ผู้คนทั้งหลายมี แต่จะเติบโตทางด้านทิฏฐิมานะ ความถือตัว อวดดี อวดเด่น ยกตนข่ม ท่านปล่อยให้กิเลสตัวหลงออกเรี่ยราดเที่ยวประกาศให้ผู้คนทั้งหลายได้ www.luangpudu.com
7
๗
รู้ว่าตนเก่งโดยเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าถูกกิเลสขึ้นขี่คอพาบงการให้เป็นไป หลวงปู่ดู่ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติธรรมของสำนักไหนๆ ในเชิงลบหลู่หรือเปรียบเทียบดูถูกดูหมิ่นท่านว่า“ คนดีน่ะเขาไม่ตีใคร” ซึ่งลูกศิษย์ทั้งหลายได้ถือเป็นแบบอย่าง หลวงปู่ดู่เป็นพระพูดน้อย ไม่มากโวหาร ท่านจะพูดย้ำอยู่แต่ใน เรื่องของการปฏิบัติธรรมและความไม่ประมาท เช่น “ของดีอยู่ที่ตัวเรา หมั่นทำ(ปฏิบัติ)เข้าไว้”“ให้หมั่นดูจิตรักษาจิต”“อย่าลืมตัวตาย” และ“ ให้หมั่นพิจารณาอนิจจัง ทุกขังอนัตตา”เป็นต้น
อุบายธรรม
หลวงปูด่ เู่ ป็นผ ทู้ มี่ อี บุ ายธรรมลกึ ซ งึ้ ส ามารถขดั เกลาจติ ใจคนอย่าง ค่อยเป็นค อ่ ยไปม ไิ ด้เร่งรัดเอาผลเช่นค รัง้ ห นึง่ ม นี กั เลงเหล้าต ดิ ตามเพือ่ น ซึ่งเป็นลูกศิษย์มากราบนมัสการท่าน สนทนากันได้สักพักหนึ่ง เพื่อน ทีเ่ ป็นล กู ศ ษิ ย์ก ช็ กั ชวนเพือ่ นนกั เลงเหล้าให้ส มาทานศลี ๕ พ ร้อมกบั ฝ กึ หัด ปฏิบัติสมาธิภาวนา นักเลงเหล้าผู้นั้นก็แย้งว่า “จะมาให้ผมสมาทานศีล และปฏิบัติได้ยังไง ก็ผมยังกินเหล้าเมายาอยู่นี่ครับ” หลวงปู่ดู่ท่านก็ ตอบวา่ “ เอ็งจ ะกนิ ก ก็ นิ ไปซิ ข า้ ไม่ว า่ แ ต่ใ ห้เอ็งป ฏิบตั ใิ ห้ข า้ ว นั ล ะ๕ น าที ก็พอ” นักเลงเหล้าผู้นั้นเห็นว่านั่งสมาธิแค่วันละ ๕ นาที ไม่ใช่เรื่องยาก เย็นอะไรจึงได้ตอบปากรับคำจากหลวงพ่อ ด้วยความที่เป็นคนนิสัยทำอะไรทำจริง ซื่อสัตย์ต่อตัวเองทำให้ เขาสามารถปฏิบัติได้สม่ำเสมอเรื่อยมามิได้ขาดแม้แต่วันเดียว บางครั้ง www.luangpudu.com
๘
8
ถึงขนาดงดไปกินเหล้ากับเพื่อน ๆ เพราะได้เวลาปฏิบัติ จิตของเขา เริ่มเสพคุ้นกับความสุขสงบจากการที่จิตเป็นสมาธิ ไม่ช้าไม่นานเขา ก็ ส ามารถเ ลิ ก เ หล้ า ไ ด้ โ ดยไ ม่ รู้ ตั ว ด้ ว ยอุ บ ายธ รรมที่ น้ อ มนำม าจ าก หลวงปู่ ต่อมาเขาได้มีโอกาสมานมัสการท่านอีกครั้ง ที่นี้หลวงปู่ดู่ท่าน ให้โอวาทว่า “ที่แกปฏิบัติอยู่ ให้รู้ว่าไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวแกเอง” คำพูดของหลวงปู่ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้น ศรัทธาและความเพียร ต่อการปฏิบัติก็มีมากขึ้นตามลำดับ ถัดจากนั้นไม่กี่ปี เขาผู้ที่อดีต เคยเป็นนักเลงเหล้าก็ละเพศฆราวาสเข้าสู่เพศบรรพชิต ตั้งใจปฏิบัติ ธรรมเรื่อยมา อีกครั้งหนึ่งมีชาวบ้านหาปลามานมัสการท่านและก่อนกลับท่าน ก็ให้เขาสมาทานศีล ๕ เขาเกิดตะขิดตะขวงใจกราบเรียนท่านว่า “ผมไม่ กล้าสมาทานศีล ๕ เพราะรู้ว่าประเดี๋ยวก็ต้องไปจับปลา จับกุ้ง มันเป็น อาชีพของผมครับ” หลวงปู่ตอบเขาด้วยความเมตตาว่า “แกจะรู้เหรอ ว่า แกจะตายเมื่อไหร่ ไม่แน่ว่าแกเดินออกไปจากกุฏิข้าแล้ว อาจถูกงู กัดตายเสียกลางทางก่อนไปจับปลา จับกุ้ง ก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อตอนนี้ แกยังไม่ได้ทำบาปกรรมอะไรยังไงๆก็ให้มีศีลไว้ก่อนถึงจะมีศีลขาดก็ยัง ดีกว่าไม่มีศีล” หลวงปู่ ดู่ ท่ า นไม่ เ พี ย งพ ร่ ำ ส อนใ ห้ บ รรดาศิ ษ ย์ ทั้ ง ห ลายเจริ ญ บำเพ็ญคุณงามความดีเท่านั้น หากแต่ยังเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญและ ระมัดระวังในการรักษาไว้ซึ่งคุณงามความดีนั้นๆ ให้คงอยู่ รวมทั้งเจริญ งอกงามขึ้นเรื่อยๆ ท่านมักจะพูดเตือนเสมอๆว่าเมื่อปลูกต้นธรรมด้วย www.luangpudu.com
9
๙
ดีแล้วก็ต้องคอยหมั่นระวังอย่าให้หนอนและแมลง ได้แก่ ความโลภ ความโกรธ และความหลง มากัดกินทำลายต้นธรรมที่อุตส่าห์ปลูกขึ้น และอีกครั้งหนึ่งที่ท่านแสดงถึงแบบอย่างของความเป็นครูอาจารย์ที่ ปราศจากทิฏฐิมานะและเปี่ยมด้วยอุบายธรรม ก็คือครั้งที่มีนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒ คน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่าน มากราบลา พร้อมกับเรียนให้ท่านทราบว่า จะเดินทางไปพักค้างเพื่อปฏิบัติธรรม กับท า่ นพระอาจารย์ม หาบวั ญ าณสมั ป นั โนว ดั ป า่ บ า้ นตาดจ งั หวัดอ ดุ รธานี หลวงปู่ดู่ท่านฟังแล้วก็ยกมือพนมขึ้นไหว้ไปทางข้างๆ พร้อมกับ พูดว่า “ข้าโมทนากับพวกแกด้วย ตัวข้าไม่มีโอกาส...” ไม่มีเลยที่ท่าน จะห้ามปรามหรือแสดงอาการที่เรียกว่าหวงลูกศิษย์ ตรงกันข้ามมีแต่จะ ส่งเสริม สนับสนุน ให้กำลังใจเพื่อให้ลูกศิษย์ของท่านขวนขวายในการ ปฏิบัติธรรมยิ่งๆขึ้นไป แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีลูกศิษย์มาเรียนให้ท่านทราบถึงครูอาจารย์นั้น องค์นี้ ในลักษณะตื่นครูตื่นอาจารย์ ท่านก็จะปรามเพื่อวกเข้าสู่เจ้าตัว โดยพูดเตือนสติว่า “ครูอาจารย์ดีๆ แม้จะมีอยู่มาก แต่สำคัญที่ตัวแก ต้องปฏิบัติให้จริงสอนตัวเองให้มากนั่นแหละจึงจะดี” หลวงปู่ดู่ท่านมีแนวทางการสอนธรรมะที่เรียบง่าย ฟังง่าย ชวน ให้ติดตามฟังท่านนำเอาสิ่งที่เข้าใจยากมาแสดงให้เข้าใจง่ายเพราะท่าน จะยกอปุ มาอปุ ไมยประกอบในการสอนธรรมะจ งึ ท ำให้ผ ฟู้ งั เห็นภ าพและ เกิดค วามเข้าใจในธรรมทที่ า่ นนำมาแสดงแ ม้วา่ ท า่ นมกั จ ะออกตัวว า่ ท า่ น เป็นพ ระบา้ นนอกทไี่ ม่มคี วามร อู้ ะไรแ ต่ส ำหรับบ รรดาศษิ ย์ท งั้ ห ลายค งไม่ www.luangpudu.com
๑๐
10
อาจปฏิเสธว่า หลายครั้งที่ท่านสามารถพูดแทงเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจ ของผู้ฟังทีเดียว อ กี ป ระการหนึง่ ด ว้ ยความทที่ า่ นมรี ปู ร า่ งลกั ษณะทเี่ ป็นท นี่ า่ เคารพ เลือ่ มใสเมือ่ ใครได้ม าพบเห็นท า่ นดว้ ยตนเองแ ละถา้ ย งิ่ ได้ส นทนาธรรมกบั ท่านโดยตรงก จ็ ะยงิ่ เพิม่ ค วามเคารพเลือ่ มใสและศรัทธาในตวั ท า่ นมากขนึ้ เป็นทวีคูณ หลวงปู่ดู่ท่านพูดถึงการประพฤติปฏิบัติของคนสมัยนี้ว่า “คนเรา ทุกวันนี้ โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม เรามัวพากันยุ่งอยู่กับโลก จนเหมือนลิงติดตังเรื่องของโลกเรื่องเละๆเรื่องไม่มีที่สิ้นสุดเราไปแก้ไข เขาไม่ได้จ ะตอ้ งแก้ไขทตี่ วั เราเองต นของตนเตือนตนดว้ ยตนเอง” ท่านได้ อบรมสงั่ ส อนศษิ ย์โดยให้พ ยายามถอื เอาเหตุการณ์ต า่ งๆท เี่ กิดข นึ้ ม าเป็น ครูสอนตนเองเสมอเช่นในหมู่คณะหากมีผู้ใดประพฤติปฏิบัติดีเจริญใน ธรรมปฏิบัติ ท่านก็กล่าวชมและให้ถือเป็นแบบอย่าง แต่ถ้ามีผู้ประพฤติ ผิดถูกท่านตำหนิติเตียนก็ให้น้อมเอาเหตุการณ์นั้นๆมาสอนตนทุกครั้ง ไปท า่ นไม่ได้ช มผทู้ ำดจี นหลงลืมต นแ ละทา่ นไม่ได้ต เิ ตียนผทู้ ำผดิ จ นหมด กำลังใจแต่ถือเอาเหตุการณ์ เป็นเสมือนครูที่เป็นความจริง แสดงเหตุผล ให้เห็นธรรมที่แท้จริง การสอนของท่านก็พิจารณาดูบุคคลด้วยเช่นคนบางคนพูดให้ฟัง เพียงอย่างเดียวไม่เข้าใจบางทีท่านก็ต้องทำให้เกิดความกลัวเกิดความ ละอายบ้างถึงจะหยุด เลิกละการกระทำที่ไม่ดีนั้นๆ ได้ หรือบางคนเป็น ผู้มีอุปนิสัยเบาบางอยู่แล้ว ท่านก็สอนธรรมดา การสอนธรรมะของท่าน www.luangpudu.com
11
๑๑
บางทีก็สอนให้กล้าบางทีก็สอนให้กลัวที่ว่าสอนให้กล้านั้นคือให้กล้าใน การทำความดี กล้าในการประพฤติปฏิบัติเพื่อถอดถอนกิเลสออกจากใจ ไม่ให้ตกเป็นทาสของกิเลสอยู่ร่ำไป ส่วนที่สอนให้กลัวนั้น ท่านให้กลัวใน การทำความชั่ว ผิดศีลธรรม เป็นโทษ ทำแล้วผู้อื่นเดือดร้อน บางทีท่าน ก็ส อนให้เชือ่ ค อื ให้เชือ่ ม นั่ ในคณ ุ พ ระพุทธพ ระธรรมพ ระสงฆ์เชือ่ ในเรือ่ ง กรรม อย่างที่ท่านเคยกล่าวว่า “เชื่อไหมล่ะ ถ้าเราเชื่อจริง ทำจริง มันก็ เป็นของจริงของจริงมีอยู่แต่เรามันไม่เชื่อจริงจึงไม่เห็นของจริง” หลวงปู่ดู่ท่านสอนให้มีปฏิปทาสม่ำเสมอ ท่านว่า“ขยันก็ให้ทำ ขีเ้ กียจกใ็ ห้ท ำถ า้ ว นั ไหนยงั ก นิ ข า้ วอยูก่ ต็ อ้ งทำวนั ไหนเลิกก นิ ข า้ วแล้วน นั่ แหละจึงค่อยเลิกทำ” ก ารสอนของทา่ นนนั้ ม ไิ ด้เน้นแ ต่เพียงการนงั่ ห ลับต าภาวนาห ากแต่ หมายรวมไปถึงการกำหนดดู กำหนดรู้ และพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ในความ เป็นข องไม่เทีย่ งเป็นท กุ ข์เป็นอ นัตตาโดยเฉพาะอย่างยงิ่ ท า่ นชใี้ ห้เห็นถ งึ สังขารร่างกายที่มันเกิดมันตายอยู่ตลอดเวลา ท่านว่า เราวันนี้กับเราเมื่อ ตอนเป็นเด็กม นั ก ไ็ ม่เหมือนเก่าเราขณะนกี้ บั เราเมือ่ ว านกไ็ ม่เหมือนเก่าจ งึ ว่าเราเมื่อตอนเป็นเด็กหรือเราเมื่อวานมันได้ตายไปแล้วเรียกว่าร่างกาย เรามันเกิด-ตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกมันเกิด-ตายอยู่ทุกขณะจิต ท่านสอนให้บรรดาศิษย์เห็นจริงถึงความสำคัญของความทุกข์ยาก ว่า เป็นสิ่งมีคุณค่าในโลก ท่านจึงพูดบ่อยครั้งว่าการที่เราประสบทุกข์นั่นแสดงว่าเรามาถูก ทางแล้วเพราะอาศัยทุกข์นั่นแหละจึงทำให้เราเกิดปัญญาขึ้นได้ www.luangpudu.com
๑๒
12
ใช้ชีวิตอย่างผู้รักสันโดษและเรียบง่าย
หลวงปูด่ ทู่ า่ นยงั เป็นแ บบอย่างของผมู้ กั น อ้ ยสนั โดษใช้ช วี ติ เรียบงา่ ย ไม่นิยมความหรูหราฟุ่มเฟือยแม้แต่การสรงน้ำท่านก็ยังไม่เคยใช้สบู่เลย แต่ก็น่าอัศจรรย์เมื่อได้ทราบจากพระอุปัฏฐากว่า ไม่พบว่าท่านมีกลิ่นตัว แม้ในห้องที่ท่านจำวัด มีผู้ปวารณาตัวจะถวายเครื่องใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ท่านจะปฏิเสธ คงรับไว้บ้างเท่าที่เห็นว่าไม่เกิน เลยอันจะเสียสมณะสารูป และใช้สอยพอให้ผู้ถวายได้เกิดความปลื้มปีติ ที่ได้ถวายแก่ท่าน ซึ่งในภายหลังท่านก็มักยกให้เป็นของสงฆ์ส่วนรวม เช่นเดียวกับข้าวของต่างๆ ที่มีผู้มาถวายเป็นสังฆทานโดยผ่านท่าน และ เมื่อถึงเวลาเหมาะควรท่านก็จะจัดสรรไปให้วัดต่างๆ ที่อยู่ในชนบท และยังขาดแคลนอยู่ สิ่งที่ท่านถือปฏิบัติสม่ำเสมอในเรื่องลาภสักการะ ก็คือการยกให้ เป็นของสงฆ์ส่วนรวม แม้ปัจจัยที่มีผู้ถวายให้กับท่านเป็นส่วนตัวสำหรับ ค่ารักษาพยาบาล ท่านก็สมทบเข้าในกองทุนสำหรับจัดสรรไปในกิจ สาธารณประโยชน์ต่างๆทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาล หลวงปู่ดู่ท่านไม่มีอาการแห่งความเป็นผู้อยากเด่นอยากดังแม้แต่ น้อย ดังนั้น แม้ท่านจะเป็นเพียงพระบ้านนอกรูปหนึ่งซึ่งไม่เคยออกจาก วัดไปไหน ทั้งไม่มีการศึกษาระดับสูงๆ ในทางโลก แต่ในความรู้สึกของ ลูกศิษย์ทั้งหลาย ท่านเป็นดั่งพระเถระผู้ถึงพร้อมด้วยจริยวัตรอันงดงาม สงบเรียบง่ายเบิกบานและถึงพร้อมด้วยธรรมวุฒิที่รู้ถ้วนทั่วในวิชชาอัน www.luangpudu.com
13
๑๓
จะนำพาให้พ้นเกิดพ้นแก่พ้นเจ็บพ้นตายถึงฝั่งอันเกษมเป็นที่ฝากเป็น ฝากตายและฝากหัวใจของลูกศิษย์ทุกคน ในเรื่องทรัพย์สมบัติดั้งเดิมของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นา ซึ่งมี อยู่ประมาณ๓๐ไร่ท่านก็ได้แบ่งให้กับหลานๆของท่านซึ่งในจำนวนนี้ นายยวง พึ่งกุศล ผู้เป็นบุตรของนางสุ่ม โยมพี่สาวคนกลางที่เคยเลี้ยงดู ท่านมาตลอด ก็ได้รับส่วนแบ่งที่นาจากท่านด้วยจำนวน ๑๘ ไร่เศษ แต่ ด้วยความที่นายยวงผู้เป็นหลานของท่านนี้ไม่มีทายาท ได้คิดปรึกษานาง ถมยาผู้ภรรยาเห็นควรยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ จึงยกที่ดินแปลง นี้ให้กับโรงเรียนวัดสะแก ซ่งึ หลวงปู่ด่ทู ่านก็อนุโมทนาในกุศลเจตนาของ คนทง้ั สอง
กุศโลบายในการสร้างพระ
หลวงปู่ดู่ท่านมิได้ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ การที่ท่านสร้างหรือ อนุญาตให้สร้างพระเครื่องหรือพระบูชา ก็เพราะเห็นประโยชน์ เพราะ บุคคลจำนวนมากยังขาดที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ท่านมิได้จำกัดศิษย์อยู่ เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นคณะศิษย์ของท่านจึงมีกว้างขวางออก ไป ทั้งที่ใฝ่ใจธรรมล้วน ๆ หรือที่ยังต้องอิงกับวัตถุมงคล ท่านเคยพูดว่า “ติดวัตถุมงคลก็ยังดีกว่าที่จะให้ไปติดวัตถุอัปมงคล”ทั้งนี้ท่านย่อมใช้ ดุลยพินิจพิจารณาตามความเหมาะควรแก่ผู้ที่ไปหาท่าน แม้ว่าหลวงปู่ดู่จะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่าน อธิษฐานจติ ให้แ ต่ส งิ่ ท ที่ า่ นยกไว้เหนือก ว่าน นั้ ก ค็ อื ก ารป ฏิบตั ิ ด งั จ ะเห็นได้ www.luangpudu.com
๑๔
14
จากคำพดู ของทา่ นวา่ “ เอาของจริงดกี ว่าพุทธงั ฯธมั มังฯสงั ฆงั ฯสรณงั คัจฉามินี่แหละของแท้” จากคำพูดนี้จึงเสมือนเป็นการยืนยันว่าการปฏิบัติภาวนานี้แหละ เป็นที่สุดแห่งเครื่องรางของขลัง เพราะคนบางคนแม้แขวนพระที่ผู้ทรง คุณว เิ ศษอธิษฐานจติ ให้ก ต็ ามก ใ็ ช่ว า่ จ ะรอดปลอดภัยอ ยูด่ มี สี ขุ ไปทกุ ก รณี อย่างไรเสียทุกคนไม่อาจหลีกหนีวิบากกรรมที่ตนได้สร้างไว้ ดังที่ท่าน ได้กล่าวไว้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือกรรม ดังนั้นจึงมีแต่พระ“สติ”พระ“ปัญญา”ที่ฝึกฝนอบรมมาดีแล้ว เท่านั้น ที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติรู้เท่าทันและพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาและ สิ่งกระทบต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต อย่างไม่ทุกข์ใจ ดุจว่าสิ่งเหล่านั้นเป็น เสมือนฤดูกาลที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บางครั้งร้อนบางครั้งหนาว ทุกสิ่ง ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมดาของโลก พระเครื่องหรือพระบูชาต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานปลุกเสกให้แล้วนั้น ปรากฏผลแก่ผู้บูชาในด้านต่างๆ เช่น แคล้วคลาดฯลฯ นั่นก็เป็นเพียง ผลพลอยได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ทางโลกๆ แต่ประโยชน์ที่ท่านสร้างมุ่งหวัง อย่างแท้จริงนั้นก็คือ ใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติภาวนา มีพุทธานุสติ กรรมฐาน เป็นต้น นอกจากนี้แล้วผู้ปฏิบัติยังได้อาศัยพลังจิตที่ท่านตั้งใจ บรรจุไว้ในพระเครื่องช่วยน้อมนำและประคับประคองให้จิตรวมสงบได้ เร็วขึ้น ตลอดถึงการใช้เป็นเครื่องเสริมกำลังใจและระงับความหวาดวิตก ในขณะปฏิบัต ิ ถือเป็นประโยชน์ทางธรรมซึ่งก่อให้เกิดพัฒนาการทางจิต ของผู้ใช้ไปสู่การพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด www.luangpudu.com
15
๑๕
จากทเ่ี บือ้ งตน้ เราได้อ าศัยพ ทุ ธงั ส รณงั ค จั ฉาม ิ ธมั มัง ส รณงั ค จั ฉามิ และ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ คือยึดเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็น สรณะจ นจติ ข องเราเกิดศ รัทธาโดยเฉพาะอย่างยงิ่ ท เี่ ราเรียกกนั ว า่ ต ถาคต โพธิสัทธา คือเชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าขึ้นแล้ว เราก็ย่อมเกิด กำลังใจขนึ้ ว า่ พ ระพุทธองค์เดิมก เ็ ป็นค นธรรมดาเช่นเดียวกบั เราค วามผดิ พลาดพระองค์ก็เคยทรงทำมาก่อน แต่ด้วยความเพียรประกอบกับพระ สติปัญญาที่ทรงอบรมมาดีแล้ว จึงสามารถก้าวข้ามวัฏฏะสงสารสู่ความ หลุดพ้น เป็นการบุกเบิกทางที่เคยรกชัฏให้พวกเราได้เดินกัน ดังนั้น เรา ซึง่ เป็นม นุษย์เช่นเดียวกบั พ ระองค์ก ย็ อ่ มทจี่ ะมศี กั ยภาพทจี่ ะฝกึ ฝนอบรม กาย วาจา ใจ ด้วยตัวเราเองได้เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงกระทำมา พูด อีกอย่างหนึ่งก็คือกายวาจา ใจเป็นสิ่งที่ฝึกฝนอบรมกันได้ใช่ว่าจะต้อง ปล่อยให้ไหลไปตามยถากรรม เมื่อจิตเราเกิดศรัทธาดังที่กล่าวมานี้แล้ว ก็มีการน้อมนำเอาข้อ ธรรมคำสอนต่างๆมาประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสออกจากใจตนจิตใจ ของเราก็จะเลื่อนชั้นจากปุถุชนที่หนาแน่นด้วยกิเลส ขึ้นสู่กัลยาณชน และอริยชน เป็นลำดับ เมื่อเป็นดังนี้แล้วในที่สุดเราก็ย่อมเข้าถึงที่พึ่งคือ ตัวเราเอง อันเป็นที่พึ่งที่แท้จริงเพราะกาย วาจา ใจ ที่ได้ผ่านขั้นตอน การฝึกฝนอบรมโดยการเจริญศีล สมาธิ และปัญญาแล้ว ย่อมกลายเป็น กายสจุ ริตว าจาสุจริตแ ละมโนสจุ ริตก ระทำสงิ่ ใดพ ดู ส งิ่ ใดค ดิ ส งิ่ ใดก ย็ อ่ ม หาโทษมไิ ด้ถ งึ เวลานนั้ แ ม้พ ระเครือ่ งไม่มี ก ไ็ ม่อ าจทำให้เราเกิดค วามห วัน่ ไหวหวาดกลัวขึ้นได้เลย www.luangpudu.com
๑๖
16
เปี่ยมด้วยเมตตา
นึกถึงส มัยพ ทุ ธกาลเมือ่ พ ระพุทธองค์ท รงประชวรหนักค รัง้ ส ดุ ท้าย แห่งก ารปรินพิ พานท า่ นพระอานนท์ผ อู้ ปุ ฏั ฐากพระองค์อ ยูต่ ลอดเวลาได้ ห้ามมานพผู้หนึ่งซึ่งขอร้องจะขอเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าขณะนั้น พระอานนท์คัดค้านอย่างเด็ดขาดไม่ให้เข้าเฝ้าแม้มานพขอร้องถึง ๓ ครั้ง ท่านก็ไม่ยอม จนกระทั่งเสียงขอกับเสียงขัดดังถึงพระพุทธองค์ พระพุทธองค์จ งึ ต รัสว า่ “ อ านนท์อ ย่าห า้ มมานพนนั้ เลยจ งให้เข้าม าเดีย๋ ว นี”้ เมือ่ ได้ร บั อ นุญาตแล้วม านพก เ็ ข้าเฝ้าพ ระพุทธเจ้าได้ฟ งั ธ รรมจ นบรรลุ มรรคผลแล้วขอบวชเป็นพระสาวกองค์สุดท้ายมีนามว่า“พระสุภัททะ” พระอานนท์ท่านทำหน้าที่ของท่านถูกต้องแล้ว ไม่มีความผิด อันใดเลยแม้แต่น้อย ส่วนที่พระพุทธเจ้าให้เข้าเฝ้านั้นเป็นส่วนพระ มหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยไม่มี ประมาณย อ่ มแผ่ไพศาลไปทวั่ ท งั้ ส ามโลกพ ระสาวกรนุ่ ห ลังก ระทัง่ ถ งึ พ ระ เถระหรือครูบาอาจารย์ผู้สูงอายุโดยทั่วไปที่มีเมตตาสูง รวมทั้งหลวงพ่อ ย่อมเป็นท เี่ คารพนบั ถือข องชนหมูม่ ากท่านกอ็ ทุ ศิ ช วี ติ เพือ่ ก จิ พ ระศาสนา ก็ไม่ค่อยคำนึงถึงความชราอาพาธของท่าน เห็นว่าผู้ใดได้ประโยชน์จาก การบูชาสักการะท่านท่านก็อำนวยประโยชน์นั้นแก่เขา เมื่อครั้งที่หลวงปู่อาพาธอยู่ ได้มีลูกศิษย์กราบเรียนท่านว่า “รู้สึก เป็นห่วงหลวงปู่” ท่านได้ตอบศิษย์ผู้นั้นด้วยความเมตตาว่า “ ห่วงตัวแก เองเถอะ” อีกครั้งที่ผู้เขียนเคยเรียนหลวงปู่ว่า “ขอให้หลวงปู่พักผ่อน มากๆ” www.luangpudu.com
17
๑๗
หลวงปตู่ อบทนั ทีว า่ “ พ กั ไม่ได้ม คี นเขามากนั ม ากบ างทีก ลางคืน เขากม็ ากนั เราเหมือนนกตวั นำเราเป็นค รูเขานี่ ค รู...เขาตรี ะฆังได้เวลา สอนแล้วก็ต้องสอนไม่สอนได้ยังไง” ชีวิตของท่านเกิดมาเพื่อเกื้อกูลธรรมแก่ผู้อื่น แม้จะอ่อนเพลีย เมื่อยล้าสักเพียงใด ท่านก็ไม่แสดงออกให้ใครต้องรู้สึกวิตกกังวลหรือ ลำบากใจแต่อย่างใดเลย เพราะอาศัยความเมตตาเป็นที่ตั้ง จึงอาจกล่าว ได้ว่า ปฏิปทาของท่านเป็นดั่งพระโพธิสัตว์หรือหน่อพุทธภูมิ ซึ่งเห็น ประโยชน์ของผู้อื่นมากกว่าประโยชน์ส่วนตนดังเช่น พระโพธิสัตว์หรือ ห น่อพ ทุ ธภมู อิ กี ท า่ นหนึง่ ค อื ห ลวงปทู่ วดเหยียบนำ้ ท ะเลจดื พ ระสปุ ฏิปนั โน สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งหลวงปู่ดู่ได้สอนให้ลูกศิษย์ให้ความเคารพเสมือน ครูอาจารย์ผู้ชี้แนะแนวทางการปฏิบัติอีกท่านหนึ่ง หลวงปู่ดู่ ท่านได้ตัดสินใจไม่รับกิจนิมนต์ออกนอกวัดตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ .๒ ๔๙๐ด งั น นั้ ท กุ ค นทตี่ งั้ ใจไปกราบนมัสการและฟงั ธ รรมจากทา่ นจะ ไม่ผ ดิ ห วังเลยวา่ จ ะไม่ได้พ บทา่ นท า่ นจะนงั่ ร บั แขกบนพนื้ ไม้ก ระดานแข็งๆ หน้ากุฏิของท่านทุกวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ บางวันที่ท่านอ่อนเพลีย ท่านจะ เอนกายพกั ผ อ่ นหน้าก ฏุ ิ แ ล้วห าอบุ ายสอนเด็กว ดั โดยให้เอาหนังสือธ รรมะ มาอ่านให้ท่านฟังไปด้วย ข้อวัตรของท่านอีกอย่างหนึ่งก็คือ การฉันอาหารมื้อเดียวซึ่งท่าน กระทำมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ แต่ภายหลังคือประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เหล่าสานุศิษย์ได้กราบนิมนต์ให้ท่านฉัน ๒ มื้อ เนื่องจาก ความชราภาพของท่าน ประกอบกับต้องรับแขกมากขึ้น ท่านจึงได้ผ่อน www.luangpudu.com
๑๘
18
ปรนตามความเหมาะควรแห่งอ ตั ภาพท งั้ จ ะได้เป็นการโปรดญาติโยมจาก ที่ไกลๆที่ตั้งใจมาทำบุญถวายภัตตาหารแด่ท่าน หลวงปู่ แ ม้ จ ะช ราภาพม ากแ ล้ ว ท่ า นก็ ยั ง อุ ต ส่ า ห์ นั่ ง รั บ แขก ทีม่ าจากทศิ ต า่ งๆ ว นั แ ล้วว นั เล่าศ ษิ ย์ท กุ ค นกต็ งั้ ใจมาเพือ่ ก ราบนมัสการ ท่าน บางคนก็มาเพราะมีปัญหาหนักอกหนักใจแก้ไขด้วยตนเองไม่ได้ จึง มุ่งหน้ามาเพื่อกราบเรียนถามปัญหาเพื่อให้คลายความทุกข์ใจบางคนมา หาทา่ นเพือ่ ต อ้ งการของดีเช่นเครือ่ งรางของขลังซ งึ่ ก ม็ กั ได้ร บั คำตอบจาก ท่านว่า“ของดีนั้นอยู่ที่ตัวเราพุทธังธัมมังสังฆังนี่แหละของดี” บางคนมาหาท่านเพราะได้ยินข่าวเล่าลือถึงคุณความดีศีลาจาริยวัตรของท่านในด้านต่างๆ บางคนมาหาท่านเพื่อขอหวยหวังรวยทางลัด โดยไม่อยากทำงานแต่อยากได้เงินมากๆ บางคนเจ็บไข้ไม่สบายก็มาเพื่อให้ท่านรดน้ำมนต์เป่าหัวให้มาขอ ดอกบัวบูชาพระของท่านเพื่อนำไปต้มดื่มให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นานาสารพันปัญหา แล้วแต่ใครจะนำมาเพื่อหวังให้ท่านช่วยตน บางคน ไม่เคยเห็นท่านก็อยากมาดูว่าท่านมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรบ้างแค่มาเห็น ก็เกิดปีติสบายอกสบายใจจนลืมคำถามหรือหมดคำถามไปเลย หลายคนเสียสละเวลา เสียค่าใช้จ่ายเดินทางไกลมาเพื่อพบท่าน ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงอุตส่าห์นั่งรับแขกอยู่ตลอดวันโดยไม่ได้พักผ่อนเลย และไม่เว้นแม้ยามป่วยไข้ แม้นายแพทย์ผู้ให้การดูแลท่านอยู่ประจำจะ ขอร้องท่านอย่างไร ท่านก็ไม่ยอมตามด้วยเมตตาสงสาร และต้องการให้ กำลังใจแก่ญาติโยมทุกคนที่มาพบท่าน www.luangpudu.com
19
ท่านเป็นดุจพ่อ
๑๙
หลวงปู่ดู่ท่านเป็นดุจพ่อของลูกศิษย์ทุกๆ คน เหมือนอย่างที่ พระกรรมฐานสายพระอาจารย์ม นั่ เรียกหลวงปมู่ นั่ ว า่ “ พ อ่ แ ม่ค รูอ าจารย์” ซึ่งถือเป็นคำยกย่องอย่างสูง เพื่อให้สมฐานะอันเป็นที่รวมแห่งความเป็น กัลยาณมิตร หลวงปู่ดู่ท่านให้การต้อนรับแขกอย่างเสมอหน้ากันหมด ไม่มีการ แบ่งชั้นวรรณะ ท่านจะพูดห้ามปราม หากมีผู้มาเสนอตัวเป็นนายหน้า คอยจัดแจงเกี่ยวกับแขกที่เข้ามานมัสการท่าน ถึงแม้จะด้วยเจตนาดี อันเกิดจากความห่วงใยในสุขภาพของท่านก็ตาม เพราะท่านทราบดีว่า มีผู้ใฝ่ธรรมจำนวนมากที่อุตส่าห์เดินทางมาไกลเพื่อนมัสการและซักถาม ข้อธรรมจากท่าน หากมาถึงแล้วยังไม่สามารถเข้าพบท่านได้โดยสะดวก ก็จะทำให้เสียกำลังใจ นีเ้ ป็นเมตตาธรรมอย่างสงู ซ งึ่ น บั เป็นโชคดขี องบรรดาศษิ ย์ท งั้ ห ลาย ไม่ว า่ ใกล้ห รือไกลท สี่ ามารถมโี อกาสเข้าก ราบนมัสการทา่ นได้โดยสะดวก หากมีผู้สนใจการปฏิบัติกรรมฐานมาหาท่านท่านจะเมตตาสนทนาธรรม เป็นพิเศษ อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย บางครั้งหลวงพ่อก็มิได้กล่าว อะไรมากเพียงการทักทายศิษย์ด้วยถ้อยคำสั้นๆเช่น“เอ้า...กินน้ำชาสิ” ห รือ“วา่ ไง...” ฯ ลฯ เท่าน กี้ เ็ พียงพอทีย่ งั ป ตี ใิ ห้เกิดข นึ้ ก บั ศ ษิ ย์ผ นู้ นั้ เหมือน ดังหยาดน้ำทิพย์ชโลมให้เย็นฉ่ำ เกิดความสดชื่นตลอดร่างกาย จน... ถึงจิต...ถึงใจ หลวงปูด่ ทู่ า่ นให้ค วามเคารพในองค์ห ลวงปทู่ วดอย่างมากท งั้ ก ล่าว www.luangpudu.com
๒๐
20
ยกย่องในความที่เป็นผู้ที่มีบารมีธรรมเต็มเปี่ยมตลอดถึงการที่จะได้มา ตรัสรู้ธรรมในอนาคต ให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายยึดมั่นและหมั่นระลึก ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อติดขัดในระหว่างการปฏิบัติธรรม หรือแม้แต่ ประสบปัญหาในทางโลกๆ ท่านว่าหลวงปู่ทวดท่านคอยจะช่วยเหลือทุก คนอยู่แล้วแต่ขอให้ทุกคนอย่าได้ท้อถอยหรือละทิ้งการปฏิบัติ
หลวงปู่ดู่กับครูอาจารย์ท่านอื่น
ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๓๐-๒๕๓๒ได้มพี ระเถระและครูบาอาจารย์ หลายท่านเดินทางมาเยี่ยมเยียนหลวงปู่ดู่ เช่นหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จังหวัดสิงห์บุรี ท่านเป็นพระเถระซึ่งมีอายุย่างเข้า ๙๖ปีก็ยังเมตตามาเยี่ยมหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแกถึง๒ครั้งและบรรยากาศ ของการพบกันของท่านทั้งสองนี้ เป็นที่ประทับใจผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ อย่างยิ่งเพราะต่างองค์ต่างอ่อนน้อมถ่อมตนปราศจากการแสดงออกซึ่ง ทิฏฐิมานะใดๆเลยแป้งเสกที่หลวงปู่บุดดาเมตตามอบให้หลวงปู่ดู่ท่าน ก็เอามาทาที่ศีรษะเพื่อแสดงถึงความเคารพอย่างสูง พระเถระอกี ท า่ นหนึง่ ซ งึ่ ได้เดินท างมาเยีย่ มหลวงปูด่ คู่ อ่ นขา้ งบอ่ ย ครั้งคือหลวงปู่โง่นโสรโยวัดพระพุทธบาทเขารวก จังหวัดพิจิตรท่าน มีค วามหว่ งใยในสขุ ภาพของหลวงปูด่ อู่ ย่างมากโดยได้ส งั่ ให้ล กู ศ ษิ ย์จ ดั ท ำ ป้ายกำหนดเวลารับแขกในแต่ละวันของหลวงปู่ดู่เพื่อเป็นการถนอมธาตุ ขันธ์ข องหลวงพอ่ ให้อ ยูไ่ ด้น านๆ แต่อ ย่างไรกด็ ี ไม่ช า้ ไม่น านห ลวงปูด่ ทู่ า่ น ก็ให้นำป้ายออกไปเพราะเหตุแห่งความเมตตาที่ท่านมีต่อผู้คนทั้งหลาย www.luangpudu.com
21
๒๑
ในระยะเวลาเดียวกันนั้น ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร วัดพระธาตุ ดอนเรือง ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่โง่น โสรโย ก็ได้เดินทางมากราบ นมัสการหลวงปู่ดู่ ๒ ครั้ง โดยท่านได้เล่าให้ฟังภายหลังว่า เมื่อได้มาพบ หลวงปู่ดู่จึงได้รู้ว่าหลวงปู่ดู่ก็คือพระภิกษุชราภาพที่ไปสอนท่านในสมาธิ ในช่วงที่ท่านอธิษฐานเข้ากรรมปฏิบัติไม่พูด ๗ วัน ซึ่งท่านก็ได้แต่กราบ ระลึกถึงอยู่ตลอดทุกวันโดยไม่รู้ว่าพระภิกษุชราภาพรูปนี้คือใครกระทั่ง ได้มีโอกาสมาพบหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแก เกิดรู้สึกเหมือนดังพ่อลูกที่จากกัน ไปนานๆ แม้ครั้งที่ ๒ ที่พบกับหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ดู่ก็ได้พูดสอนให้ท่านเร่ง ความเพียรเพราะหลวงพ่อจะอยู่อีกไม่นาน ครูบาบุญชุ่มยังได้เล่าว่า ท่านตั้งใจจะกลับไปวัดสะแกอีกเพื่อหา โอกาสไปอุปัฏฐากหลวงปู่ดู่ แต่แล้วเพียงระยะเวลาไม่นานนัก ก็ได้ข่าว ว่าหลวงปู่ดู่มรณภาพ ยังความสลดสังเวชใจแก่ท่าน ท่านได้เขียนบันทึก ความรู้สึกในใจของท่านไว้ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ดู่ ตอนหนึ่งว่า “...หลวงปู่ท่านมรณภาพสิ้นไป เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ ความสว่างส่องแจ้งในโลกดับไป อุปมาเหมือนดังดวงประทีปที่ให้ความ สว่างไสวแก่ลูกศิษย์ได้ดับไป ถึงแม้พระเดชพระคุณหลวงปู่ได้มรณะไป แล้ว แต่บุญญาบารมีที่ท่านแผ่เมตตาและรอยยิ้มอันอิ่มเอิบยังปรากฏ ฝังอยู่ในดวงใจอาตมา มิอาจลืมได้... ถ้าหลวงปู่มีญาณรับทราบ และ แผ่เมตตาลูกศิษย์ลูกหาทุกคน ขอให้พระเดชพระคุณหลวงปู่เข้าสู่ www.luangpudu.com
๒๒
22
พระนิพพานเป็นอมตะแด่ท่านเทอญ กระผมขอกราบคารวะพระเดช- พระคุณหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญด้วยความเคารพสูงสุด” นอกจากนี ้ ยังม พี ระเถระอกี ร ปู ห นึง่ ท คี่ วรกล่าวถงึ เพราะหลวงปูด่ ู่ ให้ค วามยกย่องมากในความเป็นผ มู้ คี ณ ุ ธ รรมสงู แ ละเป็นแ บบอย่างของผทู้ ี่ มีค วามเคารพในพระรตั นตรัยเป็นอ ย่างยงิ่ ซ งึ่ ห ลวงปูด่ ไู่ ด้แ นะนำสานุศ ษิ ย์ ให้ถือท่านเป็นครูอาจารย์อีกท่านหนึ่งด้วยนั่นก็คือหลวงพ่อเกษมเขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์จังหวัดลำปาง
ปัจฉิมวาร
นับแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมา สุขภาพของหลวงปู่เริ่มแสดง ไตรลักษณะให้ปรากฏอย่างชัดเจน สังขารร่างกายของหลวงปู่ซึ่งก่อเกิด มาจากธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และมีใจครองเหมือนเราๆ ท่านๆ เมื่อสังขาร ผ่านมานานวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใช้งานมาก และพักผ่อนน้อย ความทรุดโทรมก็ย่อมเกิดเร็วขึ้นกว่าปรกติ กล่าวคือ สังขารร่างกายของ ท่านได้เจ็บป่วยอ่อนเพลียลงไปเป็นลำดับ ในขณะที่บรรดาลูกศิษย์ลูก หาทั้งญาติโยมและบรรพชิตก็หลั่งไหลกันมานมัสการท่านเพิ่มขึ้นทุกวัน ในทา้ ยทสี่ ดุ แ ห่งช วี ติ ข องหลวงปูด่ ู่ ด ว้ ยปณิธานทตี่ งั้ ไว้ว า่ “ ส แู้ ค่ต าย”ท า่ น ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูง แม้บางครั้งจะมีโรคมาเบียดเบียนอย่าง หนักท่านก็อุตส่าห์ออกโปรดญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่านได้ เล่าให้ฟังว่า บางครั้งถึงขนาดที่ท่านต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยอาการสั่นและ มีน้ำตาคลอเบ้า ท่านก็ไม่เคยปริปากให้ใครต้องเป็นกังวลเลย ในปีท้ายๆ www.luangpudu.com
23
๒๓
ท่านถูกตรวจพบว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แม้นายแพทย์จะขอร้องท่านเข้า พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ท่านก็ไม่ยอมไป ท่านเล่าให้ฟังว่า “แต่ก่อน เราเคยอยากดี เมื่อดแี ล้วกเ็ อาให้หายอยาก อย่างมากกส็ แู้ ค่ตาย ใครจะ เหมือนขา้ ขา้ บนตวั ตาย” มีบางครั้งได้รับข่าวว่าท่านล้มขณะกำลังลุกเดินออกจากห้องเพื่อ ออกโปรดญาติโยม คือ ประมาณ ๖ นาฬิกา อย่างที่เคยปฏิบัติอยู่ทุกวัน โดยปกติในยามที่สุขภาพของท่านแข็งแรงดี ท่านจะเข้าจำวัดประมาณ สี่ห้าทุ่ม แต่กว่าจะจำวัดจริงๆ ประมาณ เที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง แล้วมา ตื่นนอนตอนประมาณตีสาม มาช่วงหลังที่สุขภาพของท่านไม่แข็งแรง จึงตื่นตอนประมาณตีสี่ถึงตีห้าเสร็จกิจทำวัตรเช้าและกิจธุระส่วนตัวแล้ว จึงออกโปรดญาติโยมที่หน้ากุฏิ ประมาณปลายปี พ .ศ .๒ ๕๓๒ห ลวงปูด่ พู่ ดู บ อ่ ยครัง้ ในค วามหมาย ว่าใกล้ถึงเวลาที่ท่านจะละสังขารนี้แล้วในช่วงท้ายของชีวิตท่านธรรมที่ ถ่ายทอดยงิ่ เด่นช ดั ข นึ้ ม ใิ ช่ด ว้ ยเทศนาธรรมของทา่ นห ากแต่เป็นการสอน ด้วยการปฏิบัติให้ดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิปทาในเรื่องของความอดทน สมดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทานไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า“ ขันตี ปรมังตโปตีติกขาความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง”แทบจะไม่มีใครเลย นอกจากโยมอปุ ฏั ฐากใกล้ช ดิ ท ที่ ราบวา่ ทีท่ า่ นนงั่ ร บั แขกบนพนื้ ไม้ก ระดาน แข็งๆทุกวันๆตั้งแต่เช้าจรดค่ำเป็นระยะเวลานับสิบๆปีด้วยอาการยิ้ม แย้มแจ่มใส ใครทุกข์ใจมา ท่านก็แก้ไขให้ได้รับความสบายใจกลับไป แต่ เบื้องหลัง ก็คือ ความลำบากทางธาตุขันธ์ของท่าน ที่ท่านไม่เคยปริปาก www.luangpudu.com
๒๔
24
บอกใคร กระทั่งวันหนึ่ง โยมอุปัฏฐากได้รับการไหว้วานจากท่านให้เดิน ไปซื้อยาทาแผลให้ท่านจึงได้มีโอกาสขอดูและได้เห็นแผลที่ก้นท่านซึ่งมี ลักษณะแตกซ้ำๆซากๆในบริเวณเดิมเป็นที่สลดใจจนไม่อาจกลั้นน้ำตา เอาไว้ได้ ท่านจึงเป็นครูที่เลิศ สมดังพระพุทธโอวาทที่ว่า สอนเขาอย่างไร พึงป ฏิบตั ใิ ห้ได้อ ย่างนนั้ ด งั น นั้ ธ รรมในขอ้ “ อ นัตตา”ซ งึ่ ห ลวงปทู่ า่ นยกไว้ เป็นธ รรมชนั้ เอกท า่ นกไ็ ด้ป ฏิบตั ใิ ห้เห็นเป็นท ปี่ ระจักษ์แ ก่ส ายตาของศษิ ย์ ทั้งหลายแล้วถึงข้อปฏิบัติต่อหลักอนัตตาไว้อย่างบริบูรณ์ จนแม้ความ อาลัยอาวรณ์ในสังขารร่างกายที่จะมาหน่วงเหนี่ยว หรือสร้างความทุกข์ ร้อนแก่จิตใจท่านก็มิได้ปรากฏให้เห็นเลย ในตอนบ่ายของวันก่อนหน้าที่ท่านจะมรณภาพ ขณะที่ท่านกำลัง เอนกายพักผ่อนอยู่นั้น ก็มีนายทหารอากาศผู้หนึ่งมากราบนมัสการท่าน ซึง่ เป็นการมาครัง้ แ รกห ลวงปูด่ ไู่ ด้ล กุ ข นึ้ น งั่ ต อ้ นรับด ว้ ยใบหน้าท สี่ ดใสร าศี เปล่งปลั่งเป็นพิเศษ กระทั่งบรรดาศิษย์ ณ ที่นั่น เห็นผิดสังเกต หลวงปู่ แสดงอาการยินดีเหมือนรอคอยบุคคลผู้นี้มานาน ท่านว่า “ต่อไปนี้ ข้าจะได้ห ายเจ็บห ายไข้เสียที” ไม่มใี ครคาดคดิ ม ากอ่ นวา่ ท า่ นกำลังโปรด ลูกศิษย์คนสุดท้ายของท่าน หลวงปู่ดู่ท่านได้แนะนำการปฏิบัติพร้อมทั้ง ให้นั่งปฏิบัติต่อหน้าท่านซึ่งเขาก็สามารถปฏิบัติได้ผลเป็นที่น่าพอใจท่าน ย้ำในตอนท้ายว่า“ ข้าขอฝากให้แกไปปฏิบัติต่อ” ในคืนนั้นก็ได้มีคณะศิษย์มากราบนมัสการท่านซึ่งการมาในครั้งนี้ ไม่มใี ครคาดคดิ ม ากอ่ นเช่นก นั ว า่ จ ะเป็นการมาพบกบั ส งั ขารธรรมของทา่ น www.luangpudu.com
25
๒๕
เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หลวงปู่ดู่ได้เล่าให้ศิษย์คณะนี้ฟังด้วยสีหน้าปรกติว่า “ไม่มสี ว่ นหนึง่ ส ว่ นใดในรา่ งกายข า้ ท ไี่ ม่เจ็บป วดเลยถ า้ เป็นค นอนื่ ค งเข้า ห้องไอซยี ไู ปนานแล้ว” พ ร้อมทงั้ พ ดู ห นักแ น่นว า่ “ ข า้ จ ะไปแล้วน ะ”ท า้ ย ทีส่ ดุ ท่า น ก็เมตตากล่าวยำ้ ให้ท กุ ค นตงั้ อ ยูใ่ นความไม่ป ระมาท“ ถ งึ อ ย่างไร ก็ข ออย่าได้ท งิ้ ก ารปฏิบตั ิ ก เ็ หมือนนกั ม วยขนึ้ เวทีแ ล้วต อ้ งชกอย่าม วั แ ต่ ต งั้ ท า่ เงอะๆง ะๆ”น ดี้ จุ เป็นป จั ฉิมโอวาทแห่งผ เู้ ป็นพ ระบรมครูข องผเู้ ป็น ศิษย์ทุกคนอันจะไม่สามารถลืมเลือนได้เลย หลวงปูด่ ไู่ ด้ล ะสงั ขารไปดว้ ยอาการอนั ส งบดว้ ยโรคหวั ใจในกฏุ ทิ า่ น เมื่อเวลาประมาณ๕นาฬิกาของวันพุธที่๑๗มกราคมพ.ศ.๒๕๓๓อายุ ๘๕ป ี ๘ เดือนอ ายุพ รรษา๖ ๕พ รรษาส งั ขารธรรมของทา่ นได้ต งั้ บ ำเพ็ญ กุศลโดยมีเจ้าภาพสวดอภิธรรมเรื่อยมาทุกวันมิได้ขาด ตลอดระยะเวลา ๔๕๙วันจนกระทั่งได้รับพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ ในวันเสาร์ ที่๒๐เมษายน๒๕๓๔ พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญได้อุปสมบทและจำพรรษาอยู่ ณว ดั ส ะแกม าโดยตลอดจ นกระทัง่ ม รณภาพยังค วามเศร้าโศกและอาลัย แก่ศ ษิ ยานุศษิ ย์แ ละผเู้ คารพรกั ท า่ นเป็นอ ย่างยงิ่ อ ปุ มาดงั่ ด วงประทีปท เี่ คย ให้ความสว่างไสวแก่ศิษยานุศิษย์ได้ดับไป แต่เมตตาธรรมและคำสั่งสอน ของท่านจะยังปรากฏอยู่ในดวงใจของศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพรักท่าน ตลอดไป บัดนี้ สิ่งที่คงอยู่มิใช่สังขารธรรมของท่าน หากแต่เป็นหลวงปู่ดู่ องค์แท้ที่ศิษย์ทุกคนจะเข้าถึงท่านได้ด้วยการสร้างคุณงามความดีให้เกิด ให้มีขึ้นที่ตนเองสมดังที่ท่านได้กล่าวไว้เป็นคติว่า www.luangpudu.com
๒๖
26
“ ต ราบใดกต็ ามทแ่ี กยงั ไม่เห็นค วามดใี นตวั ก ย็ งั ไม่น บั ว า่ แ กรจู้ กั ข า้ แ ต่ถ า้ เมือ่ ใ ดแ กเริม่ เห็นค วามดใี นตวั เองแล้วเมือ่ น นั้ ... ข้าจ งึ ว า่ แ กเริม่ รู้จักข้าดีขึ้นแล้ว” ธรรมทั้งหลายที่ท่านได้พร่ำสอน ทุกวรรคตอนแห่งธรรมที่บรรดา ศิษย์ได้น้อมนำมาปฏิบัติ นั้นก็คือการที่ท่านได้เพาะเมล็ดพันธ์ุแห่งความ ดีงามบนดวงใจของศิษย์ทุกคน ซึ่งนับวันจะเติบใหญ่ผลิดอกออกผลเป็น สติและปัญญาบนลำต้นที่แข็งแรงคือสมาธิ และบนพื้นดินที่มั่นคงแน่น หนาคือศีลสมดังเจตนารมณ์ที่ท่านได้ทุ่มเททั้งชีวิตด้วยเมตตาธรรมอัน ยิ่งอันจักหาได้ยากทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคต...
www.luangpudu.com